Love Course ! เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ. ตอนพิเศษ "Tenderella" P.74 (17.12.2016)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Course ! เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ. ตอนพิเศษ "Tenderella" P.74 (17.12.2016)  (อ่าน 679174 ครั้ง)

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3
ดูเหมือนมีลับลมคมนัย :m28:

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สามได สามได สามได คู่นี้เท่านั้นน้าาา
แอบเชียร์คู่นี้ 5555

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
ฮาตอนกล้วยบิน แต่ละคนไม่ไหวแล้ววว 55555
ยาวสะใจมากเลยยย ชอบบบบ

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
สนุกมากครับ ฮากันทุกคนเลย เท็นมึนได้น่ารักมาก ๆ

ออฟไลน์ himoru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เค้าคิดถึงกุ๊กกกกก
เด็กโข่งหลบไป
กุ๊กเค้าน่ารักกกกก

ออฟไลน์ แค่ความทรงจำ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ฮาจริงไรจริงเลยยย แต่ละคน   :m20: :m20: :m20:

สามได น่าสงสัยนะ

คู่เท็นเปรม เมื่อไรๆ

ลุ้นๆ ต่อไป

ออฟไลน์ PaTtO

  • อาซามิซามะ.. ทาคาบะ4ever
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1638
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
อ่านตอนนี้แล้วขำสะเทือนมดลูกมาก
ฮาไปไหน
สามไดเป็นความหวังของเราเลย
จะเป็นอีกคู่มััยที่แซงหน้าคู่หลัก
หวังว่ากินเหล้าแล้วเอื้อจะไม่เข้าไปนอนกับเมนะ

ออฟไลน์ awfsp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เอื้ออังกูลลล

ออฟไลน์ ployspy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โอ๊ยน่ารักกกกกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mawmeawmimo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขำหนักมากอะ

หัวเราะจนเหนื่อย

สนุกมากเลย  รอตอนต่อไปนะ

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ชอบทุกคู่ น่ารักทุกคู่เลย แต่สามสีกับไดนาไมต์นี่ต่างคนต่างแอบชอบกันอยู่ใช่มะ

ออฟไลน์ shichina

  • Hina-Chang
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
 :m1: ตอนนี้จริงๆเราว่าเป็นแค่ออเดิร์ฟ
เพราะจุดพีคจริงๆน่าจะเป็นฉากในห้องนอนมากกว่า  :hao6:
คาดหวังมากไปมั้ย 5555555555

ออฟไลน์ BoolinMini

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนนี้ลุ้น เอื้อ เม กว่าคู่หลักอีก อีกคนก็ดีโอ้ยดี ส่วนอีกคนนี่แทบหาความดีไม่เจอ 55555

ออฟไลน์ oilzair

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่จูนมาอัพเต๊อะ กราบล่ะ :call:

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
เท็นกับเปรมคิดถึงจังเลยมะไรสองคนนี้จะหวานกันต่อนะ


คิดถึงคนแต่งค่ะมาต่อไวๆ น้าาา

ออฟไลน์ painture

  • work hard play hard <3
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่ารักมากกกชอบบ ชอบทุกคู่ เอื้อเม smมากกกก 555555555
หน่องเปรมผู้ทำให้คนอ่านหิวบ่อยๆ
เกมพระราชาน่าสนุก ไดกะสามนี่กิ้กกันชัวๆ

อ่าาาา :man1: :man1:

ออฟไลน์ Maylita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
แอบสั่นๆกลัวพี่สามสีไม่ได้คู่กับน้องไดนาไมต์
บอกตรงๆเราเชียร์คู่นี้สุดใจค่า เพราะคู่อื่นเขาก็มีคู่ชัดเจนแลัวก็น่ารักมากกกกกกกกก

กลัวว่าอีตาช่างกล้องจะมาเป็นมารหัวขนเฮ้ยหัวใจของน้องไดนาไมต์มาก
ยังไงก็รีบทำให้ชัดเจนนะจ๊ะพี่สามสี

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ iJune4S

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-2
    • junejune's page.
เที่ยงคืนแล้ว เด็กหนุ่มหกคนยังคงนั่งล้อมวงชนแก้วกันอยู่ริมสระว่ายน้ำอย่างคึกครื้น พวกเขาผลัดกันเล่าเรื่องปรับทุกข์ ถึงตรงนี้เอื้ออังกูรกำลังบ่นถึงคู่ค้าทางธุรกิจของที่บ้าน


“ตาแก่นั่นแสบฉิบหาย ตอนประชุมกูก็บอกไปแล้วนะว่าให้สร้างตึกรูปตัวยู เสือกบริหารจัดการไม่ดี งบหมดเลยหดเหลือตัวแอล”


เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเติมน้ำแข็งใส่แก้วเซ็งๆ “สุดท้ายได้รูปตัวไอ ไอ้ห่า มึงไม่เอาจุดฟูลสต๊อปไปเลยล่ะ ทำเป็นหอคอยตั้งขึ้นมาอันนึงงี้ ล้ำๆ ไปเลย”


“แล้วทำไงวะน่ะ” ไฟที่นั่งจิบเบียร์กระป๋องอยู่ฝั่งตรงข้ามทำหน้าเห็นใจ ข้างๆ เป็นไดนาไมต์กำลังผสมเบียร์กับสไปร์ทเข้าด้วยกัน


เอื้ออังกูรกระดกเหล้าเข้าปาก “ยิงทิ้งแม่ง โมโห”


“ใจเย็นไอ้เสือ” เด็กหนุ่มผมสีชมพูหัวเราะ ส่งเครื่องดื่มที่ผสมแล้วให้พ่อครัว


“แต๊งกิ้ว” เปมทัตรับมา ข้างๆ เป็นเด็กประมงที่ดื่มหนักจนเมาแอ๋เอาหน้าซุกไหล่เขาอยู่ อดถามไม่ได้ว่า “ไอ้โชมึงไหวไหมเนี่ย”


“วั้ยคับผ้ม!” ชลันธรตะเบ๊ะมือข้างขมับ พ่อครัวร้อง “โว้ย อ้อแอ้เชียวมึง”


“ไอ้นี่อีกคน...” ไดนาไมต์หันไปทางคู่หูที่นั่งสัปหงกอยู่ข้างๆ “หัวจะถึงพื้นแล้วมึงเอ๊ย ไหวไหมเนี่ย”


“เอาแม่งไปนอนเถอะกูว่า” เอื้ออังกูรผสมเหล้าแก้วตัวเองยิ้มๆ


เด็กหนุ่มผมสีชมพูสั่นหัวเหนื่อยๆ เขากระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมด ก่อนจะยกแขนคู่หูขึ้นพาดบ่าตัวเอง ร้องว่า “มาคุณชาย”


“ไปไหน...” เด็กหนุ่มตัวสูงเสียงพร่าตาปรือ ไดนาไมต์ตอบ “กลับห้องเราครับผม”


เปรมเองก็ลุกขึ้น พยายามจะแบกโชที่คึกด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ “ไอ้เหี้ยอย่าดิ้นดิวะ!”


“กูเอง” ไฟมาจากข้างหลัง ก่อนจะรวบไอ้ตัวแสบขึ้นพาดบ่าแล้วเดินเข้าบ้านไป เปรมมองเด็กประมงที่ดิ้นอยู่บนหลังร่างใหญ่เหนื่อยๆ แต่ก็พูดว่า “ขอบใจเว้ย”


ไม่นานความวุ่นวายก็เคลื่อนตัวออกไป ลมเย็นหอบมาวูบหนึ่งคล้ายการสลับฉาก


เปมทัตหันกลับมา เบื้องหน้าเป็นเอื้ออังกูรซึ่งนั่งหันหลังให้ ไม่รู้คิดไปเองไหม แต่พ่อครัวรู้สึกว่าแผ่นหลังใหญ่นั้นช่างดูอ้างว้างเหลือเกิน


“อ่ะ”


เอื้ออังกูรยื่นแก้วเครื่องดื่มที่เพิ่งผสมเสร็จให้


“วางยากูปะเนี่ย” เปรมหัวเราะ แต่ก็รับมาแล้วนั่งลงข้างกัน


“...”


บรรยากาศเงียบไปชั่วอึดใจ ตอนนั้นเองที่เปมทัตเงยหน้ามองฟ้า ถามว่า


“เรารู้จักกันได้ยังไงวะ?”


“...อารมณ์ไหนเนี่ย” เอื้ออังกูรหมุนแก้วในมือเล่นโดยไม่หันมามอง พ่อครัวหัวเราะ “เปล่า แค่รู้สึกว่าแปลกดีที่มึงกับกูมานั่งข้างกันแบบนี้ได้”


ปิศาจร้ายหัวเราะในลำคอ เขาทอดสายตาไปไกล ถ้าถามว่ารู้จักกันตอนไหนน่ะเหรอ...   


เอื้ออังกูรจิบเบียร์เข้าปาก




ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน


ในโรงเรียนเอกชนชายล้วนชื่อดังแห่งหนึ่ง สถานที่ซึ่งรวบรวมเหล่าลูกชายของพวกเศรษฐีและผู้ทรงอิทธิพล มีเด็กหนุ่มม.ปลายหัวดีและเป็นที่รู้จักอยู่คนหนึ่ง เขาไว้เส้นผมสีน้ำตาลล้อมกรอบใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาคมกริบคู่นั้นพราวเสน่ห์ เพื่อนฝูงล้อมรอบกายเพราะความใจกว้างและอัธยาศัยดี


ชื่อของเขาคือ ‘เอื้ออังกูร’


เอื้ออังกูรเป็นเด็กหัวไว ทักษะและมันสมองของเขาเข้าขั้นอัจฉริยะอย่างหาจับตัวได้ยาก ทุกครั้งที่มีการจัดอันดับคะแนนของเด็กม.ปลายทั้งโรงเรียน ชื่อเด็กหนุ่มจะติดหนึ่งในสามอันดับสูงสุดเสมอ ทว่ากระนั้นก็มียังวิชาหนึ่งที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขามานาน...


คณิตศาสตร์


ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ทำให้คะแนนของเอื้ออังกูรออกมาแบบพอไปวัดไปวาได้ แต่ถึงแบบนั้นความจริงที่ว่าตัวเลขหลังวิชาดังกล่าวแตกต่างกับวิชาอื่นซึ่งเป็นเลข ‘4’ ทั้งหมดก็ยังชัดเจนอยู่ดี เรียกว่าคณิตศาสตร์เป็นจุดด่างพร้อยบนใบเกรดของเขาเลยก็คงจะไม่ผิดนัก


จนเข้าม.ห้าเทอมสองนั่นเอง เอื้ออังกูรก็ได้พบกับคนๆ หนึ่ง


อีกฝ่ายเป็นเด็กหนุ่มตัวเล็กหน้าตาน่ารัก มีเส้นผมสีดำขลับกับผิวกายขาวละเอียด ถ้าเปลี่ยนเป็นเด็กผู้หญิง...คนๆ นี้ก็ตรงสเปคของเอื้ออังกูรทุกอย่าง


คนตัวเล็กชื่อ ‘แมงมุม’


พวกเขาพบกันครั้งแรกในห้องสมุดช่วงใกล้สอบกลางภาค เริ่มจากเอื้ออังกูรเดินมาหยิบหนังสือเรียนซึ่งวางอยู่ชั้นบนสุดให้แมงมุมที่เอื้อมไม่ถึงจากด้านหลัง อีกฝ่ายหันมาขอบคุณและยิ้มให้ รอยยิ้มนั้นตรึงใจเขาจนยากจะถอนตัว 


ยิ่งได้คุยกันเอื้ออังกูรก็ยิ่งหลง แมงมุมเป็นคนน่ารักและคุยสนุก รอยยิ้มนั้นดูสดใสและซื่อบริสุทธิ์ราวกับเทวดา นับเป็นช่วงเวลาสีชมพูอีกช่วงของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล


ไม่นานนักทั้งคู่ก็คบกัน...


พวกเขารักกันหวานชื่นท่ามกลางสายตาอิจฉาปนเอ็นดูจากคนโสดและผองเพื่อน ทุกอย่างกำลังไปได้ดี จนกระทั่งมีหัวหน้าแก๊งทรงอิทธิพลในโรงเรียนหมายตาแมงมุมเข้า


เอื้ออังกูรในตอนนั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มหัวดีที่มีแม่เป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมเท่านั้น เขาพยายามปกป้องคนรักทุกวิถีทาง แต่ในเย็นวันศุกร์หลังสอบเสร็จนั่นเอง ตอนไปรับแมงมุมที่ห้องเรียนเช่นทุกที


“อ๊า...”


ภาพที่เห็นทำให้เอื้ออังกูรยืนอึ้ง


แฟนของเขากำลังนัวเนียกับหัวหน้าแก๊งทรงอิทธิพลในโรงเรียนอย่างถึงพริกถึงขิง โดยมีลูกน้องของพวกมันยืนชักว่าวช่วยตัวเองอยู่รอบๆ เด็กหนุ่มจำได้ว่าตอนนั้นตัวเองพรวดเข้าไปกระชากคอเสื้อไอ้หัวโจกออกมา


แต่ลำพังเด็กเรียนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังอย่างเขาจะเอาอะไรไปสู้กับเหลือเดนเหล่านี้ได้ พวกมันแห่มารุมล้อมเด็กหนุ่มก่อนจะกระหน่ำชกร่างสูงจนหน้ายับ


ในมุมมองอันพร่าเลือน เขาเห็นแมงมุมยืนมองมาอย่างไม่รู้สึกรู้สา


“ทำไมทำแบบนี้...”


เอื้ออังกูรเงยหน้า สบตาอดีตคนรักและถามด้วยดวงตาที่ปิดปรือ


“เรารักกัน...ไม่ใช่เหรอ?”


ทว่าคนฟังแสยะยิ้ม


“โง่น่า...”


เสียงนั้นดังชัดราวกับมากระซิบอยู่ข้างหู


“ผู้ชายสองคนจะรักกันได้ยังไง ประสาท!”


ราวกับโดนฟ้าผ่าใส่ หัวใจของเอื้ออังกูรแตกสลายไม่มีชิ้นดี เด็กหนุ่มมองอีกฝ่ายคล้ายเห็นคนแปลกหน้า ก่อนแมงมุมจะหัวเราะแล้วเดินกอดแขนหัวหน้าแก๊งออกจากห้องไปพร้อมกับเหล่าลูกน้องที่หันมาถุยน้ำลายใส่เขา


วินาทีนั้นเองที่ร่างสูงคิดได้


โลกนี้มันโสมม...


เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลลุกขึ้นนั่ง ดวงตาคมกริบทอประกายกร้าว


ถ้าเป็นคนดีแล้วต้องเสียใจ...


เอื้ออังกูรยกหลังมือเช็ดเลือดที่มุมปากช้าๆ


งั้นจะร้ายให้ดู


เรื่องคู่รักคนดังในโรงเรียนเลิกกันกระจายไปไวราวกับไฟลามทุ่ง แมงมุมทำแสบด้วยการปล่อยข่าวว่าตัวเองโดนร่างสูงนอกใจทั้งน้ำตา ส่งให้คนเกือบค่อนโรงเรียนมองเอื้ออังกูรด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ทว่าเด็กหนุ่มไม่แก้ความเข้าใจผิด เขาคิดแค่ว่าอยากออกไปจากตรงนี้เต็มทน


เอื้ออังกูรหันมาตั้งใจเรียนกว่าที่เคย เด็กหนุ่มทุ่มเวลาอ่านหนังสือและให้เพื่อนในกลุ่มช่วยติวคณิตศาสตร์ให้ แม้คะแนนวิชาเลขจะออกมาถูๆ ไถๆ แต่สุดท้ายเขาก็จบการศึกษาด้วยเกรดเฉลี่ยที่งดงาม


เอื้ออังกูรติดรับตรงคณะเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง เพราะช่วงสอบค้นพบแล้วว่าตัวเองมีทักษะการเจรจาอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้เขายังใช้เวลาว่างเล่นหุ้นจนได้เงินเป็นกอบเป็นกำอีกด้วย แม้จะไม่ถนัดวิชาเลข แต่คณะนี้ก็ตอบสนองความต้องการของเขา จูเลียร์เองก็ไม่ได้ว่าอะไร


เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลวางตัวกับเพื่อนในคณะอย่างเท่าเทียม ไม่มีใครพิเศษไปกว่าใคร บทเรียนครั้งนั้นสอนให้ร่างสูงตระหนักว่าทุกคนล้วนมีด้านมืดและสวมหน้ากากเข้าหากัน


เขาจะไม่ให้ใจใครอีกแล้ว...


จนในเย็นวันหนึ่ง เอื้ออังกูรก็ไปเห็นหญิงสาวต่างคณะถูกกลุ่มนิสิตชายลวนลามเข้า


เสียงร้องขอความช่วยเหลือนั่นทำให้ร่างกายไปก่อนความคิด เอื้ออังกูรพรวดเข้าไปต่อยพวกมันทันที ก่อนเรื่องจะจบลงที่ว่าหนึ่งในนิสิตชายกลุ่มนั้นเป็นหลานของคณบดีคณะหนึ่ง มันจ่ายเงินปิดปากนิสิตสาวซึ่งเธอก็ยอมรับข้อเสนอแต่โดยดี ส่งให้ทุกคนหันมาเพ่งเล็งและมองเขาในแง่ลบแทน


อีกครั้งกับเรื่องแบบนี้ ตอนนั้นเองที่เด็กหนุ่มตระหนักเรื่องผู้ล่าอย่างแท้จริง


เอื้ออังกูรแข็งแกร่งขึ้น แต่ในเวลาเดียวกันก็ร้ายขึ้นเช่นกัน เด็กหนุ่มหักอกและเปลี่ยนผู้หญิงที่เข้ามาเป็นว่าเล่น เอาคืนพวกที่ไม่ชอบและแกล้งเขาอย่างเจ็บแสบ ตั้งใจแล้วว่าจะไม่ยอมเป็นตกเป็นเหยื่อของโลกอันโสมมใบนี้อีก เช่นนั้นจึงขอเป็นฝ่ายล่าก่อนตกเป็นเหยื่อเสียเองก็แล้วกัน


กิตติศัพท์ของเอื้ออังกูรแผ่ไปไกล ความร้ายกาจของเขาน่ารังเกียจทว่ากลับมีเสน่ห์อย่างชวนพิศวง ร่างสูงใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยอย่างรักสนุกและไม่มีใครควบคุมได้ เด็กหนุ่มแผลงฤทธิ์จนหลายคนแสดงท่าทีเกลียดและกลัว แต่นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ


จงหวาดกลัวฉัน...


ไม่นานเอื้ออังกูรก็กลายเป็นปิศาจร้ายโดยสมบูรณ์


เข้าสู่ปีหนึ่งเทอมสอง ผลการเรียนของเอื้ออังกูรยังคงรูปแบบเหมือนตอนมัธยม โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์...ที่ดูเหมือนจะเพิ่มเลเวลความยากจนต้องใช้ดวงมากขึ้นเป็นกอง


ในเย็นวันพฤหัสบดี เอื้ออังกูรที่เพิ่งเรียนวิชาชดเสร็จเดินออกมาด้วยท้องอันหิวโหย ขณะเดินผ่านตึกรวมแลปนั่นเองเขาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ


“ช่วยด้วยค่ะ...”


“หุบปาก! ส่งเงินมาซะ!” 


หนึ่งในกลุ่มอันธพาลตวาดใส่หญิงสาวที่นั่งตัวสั่นอยู่กลางวงล้อม เอื้ออังกูรหลับตา สองครั้งแล้วกับบทเรียนที่ได้รับ คิดแบบนั้นแล้วก็ควรจะก้าวเท้าเดินผ่านไป


แต่เหมือนหนังเรื่องหนึ่งเคยบอกไว้...มันมีหลักการ ‘ผู้ชายนับสาม’ อยู่นี่นะ


ขอบคุณหนังเรื่องนั้นได้เลย เพราะมันทำให้เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลพรวดเข้าไปกระชากหนึ่งในกลุ่มอันธพาลนั้นออกมาต่อยจนล้มคว่ำทันที


ผัวะ!


“กรี๊ดดดดด!”


หญิงสาวก้มหน้าหวีดเสียงร้อง ก่อนเอื้ออังกูรจะเข้าตะลุมบอนกับพวกมัน ปิศาจร้ายขยับตัวหลบหมัด ปัดป้องและสวนกลับไปอย่างเจ็บแสบ แว่วเสียงร้องโอดโอยจากหมาหมู่ดังมาให้ได้ยิน


ตุบ!


ไม่นานเหตุการณ์ก็สงบลง ดวงตาคมกริบปรายมองเหล่าร่างใหญ่ที่นอนหมอบกระแตอยู่บนพื้น เอื้ออังกูรยืนด้วยอาการเซเล็กน้อย ถึงจะฝึกมาดี แต่โดนรุมกินโต๊ะแบบนี้ก็หืดขึ้นคออยู่เหมือนกัน


นิสิตสาวยังคงก้มหน้าร้องไห้ เอื้ออังกูรมองภาพนั้นเงียบๆ ก่อนเธอจะเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นเขาก็ตกใจจนรีบกุลีกุจอวิ่งหนีไปอย่างหวากลัว


เอื้ออังกูรถอนหายใจ ครั้งที่สามก็ยังเลวร้ายเหมือนเดิม


เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเดินขากะเผลก เขาลากสังขารอันสะบักสะบอมของตัวเองเข้าไปรอรถที่บ้านมารับในตึกรวมแลปอย่างยากลำบาก เอื้ออังกูรเลือกนั่งเก้าอี้ยาวบนทางเดินหน้าห้องแลปอาหาร


ตอนนั้นเองที่กลิ่นหอมโชยมา เอื้ออังกูรเผลอมองเข้าไปด้านใน ก่อนใครบางคนจะหันมามองหน้าเขาแล้วกรีดร้องสุดเสียง


“เอื้ออังกูร!”


คนอื่นเริ่มส่งเสียงดังเซ็งแซ่ พร้อมทุกสายตาที่จับจ้องเขาอย่างรังเกียจปนหวาดกลัว เด็กหนุ่มผมน้ำตาลปรับสีหน้า ก้มลงกดสมาร์ทโฟนเงียบๆ


“ไปสักทีสิ...”


ใครบางคนพูดเสียงไม่เบาเลย ปิศาจร้ายตวัดสายตา ถ้าไม่ติดว่าตรงนี้มีสัญญาณโทรศัพท์กับขาของเขาเจ็บอยู่ล่ะก็ ไอ้หมอนั่นต้องโดนเอื้ออังกูรพุ่งไปฟาดแข้งใส่แน่ๆ


“เปรมจะไปไหน!”


อีกคนร้องเสียงสั่น เอื้ออังกูรเงยหน้า ดวงตาคมกริบจับจ้องเด็กหนุ่มผมสีนิลยาวประบ่าในชุดเชฟสีขาวกระดุมดำเดินถือถุงสีดำออกมา ฝ่ายหลังหันไปตอบคนถามว่า “ทิ้งขยะไง”


“อย่าเพิ่งออกไปตอนนี้เลย”


“ทำไมล่ะ?” เด็กหนุ่มในชุดเชฟขมวดคิ้ว คนฟังตอบเสียงกระซิบ “มีตัวอันตรายนั่งอยู่หน้าห้องของเรา...ออกไปเดี๋ยวก็มีเรื่องหรอก!”


เฮ้ๆ ฉันได้ยินนะ... เอื้ออังกูรหรี่ตา


“ไม่มั้ง?” พ่อครัวเลิกคิ้ว ตอนนั้นเองที่เอื้ออังกูรลุกขึ้นเพื่อตัดรำคาญ


โครกกกกก!


“...”


ก่อนจะเงียบกันไปทั้งวง ซีกแก้มปิศาจร้ายขึ้นสีเรื่อ พอรีบขยับขาความเจ็บปวดจากข้อเท้าก็แล่นปลาบขึ้นมาจนต้องย่อตัวลงนั่งตามเดิม เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลนิ่วหน้า นึกอายปนเจ็บใจ


“หิวเหรอ?”


เสียงทุ้มเอ่ยถาม เอื้ออังกูรเงยหน้า สบดวงตาสีนิลคู่นั้นแต่ไม่ยอมตอบอะไร


“อย่าเลยน่า หมอนั่นน่ากลัวจะตายไป...เฮ้! จะทำอะไรน่ะเปรม!” เพื่อนร่วมห้องส่งเสียง เอื้ออังกูรมองเด็กหนุ่มสวมชุดเชฟเดินหายเข้าห้องแลปไป


ไม่นานอีกฝ่ายก็กลับออกมาพร้อมกับข้าวผัดจานใหญ่


“อย่าเลยเปรม!”


เอื้ออังกูรมองเพื่อนๆ ที่พยายามห้ามพ่อครัว เปรมขมวดคิ้ว “ทำไมล่ะ?”


“หมอนั่นไม่คู่ควรกับอาหารของนายหรอก” หมอนั่นพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ เอื้ออังกูรสูดลมข่มอารมณ์ จังหวะที่กำลังจะลุกนั่นเอง


“พูดผิดแล้ว”


เสียงนั้นหยุดเอื้ออังกูรเอาไว้ได้


“จะมีใครคู่ควรกับอาหารมากไปกว่าคนที่หิวอีกล่ะ หลีกทางเถอะ” พูดจบก็ยกสำรับอาหารเดินออกมา ยื่นให้เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลพร้อมทักทาย


“สวัสดี เราชื่อเปรมนะ นายล่ะ?”


“ไม่รู้เรื่องด้วยแล้ว!” พวกที่เหลือพูดแค่นั้นก่อนจะวิ่งหายเข้าห้องไป เปมทัตสั่นหัวหน่ายๆ


“...”


เอื้ออังกูรมองท่าทางนั้นเงียบๆ พ่อครัววางสำรับอาหารลงข้างเขา พูดยิ้มๆ ว่า “หิวก็กินเถอะ ฉันไม่ใส่ยาพิษลงไปหรอก”
ปิศาจร้ายชั่งใจ แต่สุดท้ายก็ทนกลิ่นหอมไม่ไหวจนต้องรับข้าวผัดมา


เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลตักข้าวเข้าปาก รสชาตินั้นทำให้เขาต้องนิ่ง มันอร่อยกว่าที่เชฟโรงแรมจูเลียร์ทำเสียอีก เอื้ออังกูรเผลอตักอีกคำเข้าปากอย่างลืมตัว ตอนนั้นเองที่ใครอีกคนโผล่มา


“เฮ้ยไอ้เปรมทำไรวะ?”


เด็กหนุ่มคนนั้นมีเส้นผมสีทอง ในมือถือแก้วใสบรรจุของเหลวสีประหลาดอยู่ พอหมอนั่นหันมาสบตาเขาก็ร้องว่า “อ้าว เพื่อนไอ้เปรมเหรอ? หวัดดี เราชื่อไดนาไมต์นะ นายล่ะ?”


“...” เอื้ออังกูรนั่งนิ่ง ไม่ทันตั้งตัวเขาก็โดนอีกฝ่ายพรวดเข้ามาหา


“แต่ช่างเถอะ! นี่ๆ ชิมนี่ให้หน่อยสิ เราทำเองแหละ!” เครื่องดื่มสีประหลาดถูกยื่นให้ เอื้ออังกูรมองหวาดๆ แต่เพราะมาตอนคอแห้งพอดีเลยยอมกระดกดื่ม...


เอื้ออังกูรตาเป็นประกาย เห...ถึงสีจะดูไม่ได้ แต่รสชาติไม่เลวเลยแฮะ


“เป็นไงบ้าง”


“ไม่เลว” เอื้ออังกูรหลุดปากตอบ เปรมกระพริบตา “อ้าว พูดแล้วแฮะ?”


“ฉันพูดได้” ปิศาจร้ายหรี่ตาใส่ ก่อนจะก้มหน้ากินข้าวผัดต่อ จนใกล้หมดจานนั่นเองก็มีอีกคนโผล่มา


“พวกมึงงงงง! กูทำของหวานเสร็จแล้วววว!”


เจ้าของเสียงเป็นเด็กหนุ่มตัวสูงหน้าตาดี เขาสบตาเอื้ออังกูร ร้องว่า “อ้าว นายเป็นเพื่อนพวกนี้เหรอ? เราชื่อสามสีนะ พอดีเลย นี่ๆ ชิมนี่ให้หน่อยสิว่าอร่อยไหม”


เอื้ออังกูรมองถาดขนมที่ถูกยื่นมาให้ด้วยแววตาว่างเปล่า เจ้าพวกนี้ยื่นอาหารให้คนแปลกหน้าเป็นเรื่องปกติเลยรึไงนะ


แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าสีขนมของอีกฝ่ายน่ากินเหลือเกิน


“มันคืออะไร” เอื้ออังกูรถาม


“ข้าวเหนียวมูนดำหน้ากระฉีก” สามสียิ้มให้


ปิศาจร้ายหยิบชิ้นหนึ่งเข้าปาก


อร่อยแฮะ...


เผลอหยิบอีกชิ้นจนได้ เด็กหนุ่มผมสีทองก็หยิบไปกิน แล้วร้องว่า “เฮ้ยอร่อยว่ะสาม มีอีกปะ?”


“มี อยู่ในหม้ออะ นี่เอาออกมาให้ชิมก่อน ถ้าโอเคกูจะได้จัดจานเสิร์ฟ” สามสีบอก ไดนาไมต์แทรกว่า “มึง ทำบัวลอยไข่หวานด้วยดิ”


“บัวลอยอะไรมึงล่ะ แค่หน้ากระฉีกกูก็เหนื่อยจะตายห่าอยู่แล้ว” เด็กหนุ่มตัวสูงสั่นหน้า ไดนาไมต์เขย่าแขนเพื่อนร้องเหมือนเด็กๆ “สามมมม จะเอาบัวลอยยยยย” 


“ไม่!” สามสียกถาดข้าวเหนียวมูนเดินหนี เด็กหนุ่มผมทองกระทืบเท้า “เปรมมึงดูไอ้สามดี้!”


“พวกมึงนี่นะ...” พ่อครัวนวดขมับ อยู่กับพวกมันทีไรปวดกบาลทุกที


เอื้ออังกูรมองไดนาไมต์วิ่งตามไปตื๊อสามสี ก่อนจะกลับมาลากเปรมให้ไปช่วยพูดจนสุดท้ายเด็กหนุ่มตัวสูงต้องยอมพยักหน้าให้ พลันความรู้สึกบางอย่างก็แล่นเข้ามาในอก


ถึงตรงนี้พ่อครัวก็กลับมานั่งข้างเขา


“มองอะไร”


เอื้ออังกูรหรี่ตา เปมทัตหัวเราะ ถามว่า “นายน่ะ น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”


“คิดว่าไงล่ะ” เอื้ออังกูรหยิบข้าวเหนียวมูนส่วนที่สามสีแบ่งไว้ให้เข้าปาก พ่อครัวกระพริบตาตอบ “ก็ไม่นะ?”


ปิศาจร้ายหัวเราะในลำคอ เปรมถามอีกว่า “แล้วหน้าไปโดนอะไรมาล่ะ ไม่ไปทำแผลจะดีเหรอ”


“ไม่ใช่เรื่องของนาย”


“เดี๋ยวอักเสบนะ”


เอื้ออังกูรหันไปหาพ่อครัว พอเห็นฝ่ายหลังเอียงคอมองเขาอย่างไม่สะทกสะท้านแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ พูดว่า “ให้ข้าวคนอย่างฉันกินคิดดีแล้วรึไง”


“ทำไมล่ะ ก็นายหิวนี่?” เปมทัตเลิกคิ้ว ร่างสูงแค่นหัวเราะ “ใจดีจังนะ”


“...” บรรยากาศเงียบไปชั่วอึดใจ


“เอื้อ”


ปิศาจร้ายพูดออกมา เปรมเงยหน้าคล้ายตามไม่ทัน


“ชื่อของฉัน”


เอื้ออังกูรหยิบขนมชิ้นสุดท้ายใส่ปาก ดวงตาคมกริบจับจ้องใบหน้าพ่อครัวยามยิ้มกว้าง


“อื้อ! ยินดีที่ได้รู้จักนะ!”


ช่างเป็นรอยยิ้มที่สว่างไสวเหลือเกิน...



 
“ไอ้เอื้อ!”


กลับมาปัจจุบัน เจ้าของชื่อหันไปหาคนเรียก “หือ?”


“มึงเป็นไรเนี่ย เงียบเลย” ปิศาจร้ายมองใบหน้าพ่อครัวยามขมวดคิ้วอย่างปลงตก ร่างสูงลอบถอนหายใจ เฮ้อ ไม่มีอีกแล้วรอยยิ้มใจดีแบบวันนั้น


เพราะตั้งแต่สนิทกัน...เอื้ออังกูรก็โดนอีกฝ่ายด่าเอาลูกเดียว


“เปล่า” ว่าที่โบรกเกอร์ตอบคำถามในตอนแรก เปรมย้ำอีกว่า “แล้วตกลงพวกเรารู้จักกันได้ไงวะ?”


เอื้ออังกูรกระดกเบียร์อย่างไม่ยี่หระ “โอ๊ย เรื่องเก่าๆ แบบนั้นลืมไปหมดแล้ว”


“เหรอออ” เปมทัตลากเสียงกลั้วหัวเราะ จริงๆ เขาจำได้ แค่อยากแกล้งถามมันเล่นเท่านั้นแหละ


เด็กหนุ่มสองคนนั่งจิบของเหลวในมือตัวเองเงียบๆ ไปพักใหญ่ ในหัวของพวกเขาว่างเปล่า ราวกับไม่อยากจะคิดเรื่องอะไรทั้งนั้นในเวลานี้


“เปรม”


ปิศาจร้ายเรียก เจ้าของชื่อถือเบียร์กระป๋องใหม่ขึ้นมา ขานว่า “ครับ?”


“ขอบคุณนะ”


เคร้ง!


กระป๋องเบียร์ร่วงหลุดจากมือเปมทัต พ่อครัวอ้าปากค้าง ละล่ำละลักร้องว่า “เหี้ยไรเนี่ย!”


“ขอบคุณที่ช่วยกูไว้”


“...กลัวแล้ว” เปมทัตพนมมือหน้าสั่น เอื้ออังกูรคิ้วกระตุก ยื่นมือเข้าไปขยี้ผมพ่อครัวอย่างหมันเขี้ยว พูดลอดไรฟัน “กวนส้นตีนนะมึง”


เปรมลดมือลงแล้วหัวเราะออกมา “เมาเรอะไง”


“คงงั้นมั้ง” เอื้ออังกูรหลบสายตา เสมองไปไกล เปมทัตสั่นหัวยิ้มๆ


“เปรม”


“ว่าไง”


“ยินดีที่ได้รู้จักนะ”


เอื้ออังกูรพูดออกมา ดวงตาคมกริบจับจ้องใบหน้าพ่อครัวยามยิ้มกว้าง


“อื้อ! ยินดีที่ได้รู้จัก!”


รอยยิ้มนั้นยังคงสว่างไสวเหมือนครั้งแรกที่เจอกัน

ออฟไลน์ iJune4S

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-2
    • junejune's page.
(ต่อ)


เอื้ออังกูรกับเปมทัตนั่งคุยสัพเพเหระกันจนถึงตีสอง ก่อนพ่อครัวจะยกธงขาวยอมแพ้เดินเข้าบ้านมา เขาเปิดประตูห้องนอนเข้าไปอย่างระมัดระวัง


เปรมสะดุ้งเมื่อเห็นคนบนเตียงลุกขึ้นนั่ง


“โทษที ทำให้ตื่นเหรอ” พ่อครัวหน้าเจื่อน


ดวงตายาวรีจับจ้องอีกฝ่าย ตอบเสียงพร่าคล้ายยังไม่ตื่นดี “เราตื่นกลางดึกเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก”


“งั้นเหรอ” เปรมขานรับ มองเด็กโข่งขยี้ตาป้อยๆ ก่อนจะเงยหน้ามองเขาตาแป๋วแล้วพูดว่า


“ตื่นแล้วล่ะ”


“...ตีสองเนี่ยนะ!” เปมทัตคิ้วกระตุก เท็นเอียงคอ ถามว่า “กุ๊กจะนอนแล้วเหรอ”


“ยังหรอก ต้องอาบน้ำอีก” พ่อครัวเดินไปเปิดกระเป๋าเสื้อผ้า ก้มหยิบผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนออกมาโดยได้แสงจันทร์ที่ส่องผ่านเข้าหน้าต่างมาช่วย


“กุ๊ก”


“ครับ”


“ออกไปดูพระจันทร์กัน”


เปรมกระพริบตาปริบๆ “ที่ชายหาดน่ะเหรอ?”


“ใช่”


เด็กโข่งผงกหัว พ่อครัวนิ่งไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็วางของไว้บนที่นอนแล้วพูดว่า


“เอาสิ”




ตีสองกว่า ริมสระว่ายน้ำเหลือเพียงเอื้ออังกูร เปมทัตเข้าบ้านไปแล้ว เพราะปิศาจร้ายออกปากว่าจะขอนั่งต่ออีกหน่อยนั่นแหละ ร่างสูงจึงยังได้นั่งแช่ขาในน้ำ เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างใจลอยอยู่แบบนี้


ดวงตาคมกริบสะท้อนแสงดาวจนพราวระยับ ในหัวปรากฏใบหน้าของใครบางคน


เม...


เอื้ออังกูรกระดกเหล้าเข้าปาก เริ่มรู้สึกกรึ่มๆ ขึ้นมาแล้ว เขาเอนหลังนอนแผ่ริมสระ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ...


แล้วเหตุการณ์วันนั้นก็โผล่เข้ามาในหัว




ย้อนกลับไปในวันแต่งงานของหมอแปดกับชาร์ลอตต์ หลังแยกจากสตาฟหน้าอ่อน เอื้ออังกูรก็บึ่งรถตรงมายังโรงแรมของตัวเองทันที


ในใจเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความสับสน รู้ตัวอีกทีเขาก็มายืนหน้าห้องพักเป้าหมายแล้ว


ก๊อกๆ!


เอื้ออังกูรเคาะประตู


“นั่นใคร!”


เสียงนั้นเป็นของกานต์ไม่ผิดแน่ ไวเท่าความคิด ปิศาจร้ายตอบว่า


“รูมเซอร์วิสครับ!”


แอ๊ด...


ครู่ต่อมาประตูห้องจึงถูกเปิดออก เอื้ออังกูรจับจ้องอาการหงุดหงิดของเสือร้าย ก่อนฝ่ายหลังจะลูกตาแทบถลนเมื่อเห็นหน้าเขา


“มาไงเนี่ย!”


กานต์อุทานเสียงกระซิบ ไม่รอช้า ปิศาจร้ายเปิดปากถาม


“หมอนั่นล่ะ?”


“ถ้ากวางน้อยล่ะก็นอนอยู่ข้างใน” กานต์ตอบ ก่อนจะเปลี่ยนมายิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย “กำลังตื่นกลัวได้ที่เลยล่ะ เร้าอารมณ์เป็นบ้า...”


“พอแค่นั้นแหละ”


คนฟังยิ้มค้าง ยกนิ้วก้อยแคะหูตัวเองคล้ายไม่อยากจะเชื่อ “โทษทีนะ คือได้ยินไม่ค่อยชัดเลย แบบไม่ใช่ว่ามึงกำลังหมายถึง...”


“เอาเมมา”


เอื้ออังกูรย้ำ กานต์แทบตะโกน “แต่เราตกลงกันแล้ว!”


“กูเปลี่ยนใจแล้ว” ร่างสูงเขี่ยเพื่อนให้พ้นทาง หนุ่มหน้าตี๋เข้ามาขวาง ร้องว่า “แต่นั่นกวางน้อยของกูนะ!”


“กูไม่ให้”


ดวงตาคมกริบทอประกายเย็นชา ใบหน้าหล่อร้ายไม่ส่อเค้าอารมณ์ใด “อย่าให้ต้องพูดซ้ำ ถอยไป”


“ว้อท?”


ปัง!


เอื้ออังกูรปิดประตูตัดบทสนทนา เด็กหนุ่มเดินเข้าห้องมา เกิดเสียงฝีเท้าจนร่างเล็กตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว


“ฮึก...”


ดวงตาปิศาจร้ายฉายแววสับสน สภาพเมธาทำให้เขานึกโกรธอยู่ในใจ ตอนนั้นเองที่ร่างสูงพรวดเข้าไปล็อคคางอีกฝ่ายไว้แน่นก่อนจะก้มลงประกบปากอย่างดุดัน


เหยื่อตัวน้อยสะดุ้งเฮือก ตะโกนเสียงสั่น


“อย่า! ฮึก!”


มือหนาล้วงเข้าใต้เสื้อก่อนจะบีบเนื้อขาวจนขึ้นรอย เมธาพลิกตัวหนีอย่างหวาดกลัว “ย่ะ อย่า...ฮือ ไม่นะ ได้โปรดเถอะคุณกานต์”


เอื้ออังกูรชักสีหน้า ขัดใจเมื่ออีกฝ่ายพูดชื่อผู้ชายคนอื่นออกมา นิ้วยาวสอดเข้าไปในโพรงปากบาง กดเล็บจิกครูดเพดานสีอ่อนนั่นอย่างโหดร้าย


“เจ็...บ ฮึก มะ...”


มือหนากระชากเสื้อเชิ้ตสีขาวจนกระดุมเม็ดบนร่วงด้วยแรงโทสะ ลิ้นร้อนแลบเลียยอดอกสีหวานก่อนจะดูดดุนจนมันตั้งชันอย่างหื่นกระหาย อีกฝ่ายเกร็งหน้าท้อง คงพยายามควบคุมอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน


“อึก ฮะ...ฮื้อ!”


เอื้ออังกูรพยายามปลดเข็มขัดคนตัวเล็ก ฝ่ายหลังส่ายหน้าร้องเสียงสั่น “อย่า ฮึก หยุดนะ...คุณกานต์!”


เรียกชื่อคนอื่นอีกแล้ว...ปิศาจร้ายกระชากกางเกงอีกฝ่ายออกด้วยแววตาสับสน เสียงของเมธาทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ
คนตัวเล็กร้องไห้ กัดริมฝีปากด้วยความอัปยศ


“มะ ไม่เอา...” ครูคณิตสะอื้น “คุณกานต์อย่าทำแบบนี้ ฮือ ปล่อยผมไปเถอะ...”


นิ้วยาววนรอบยอดอกนิ่ม ถูจนแข็งเป็นไต เล็บคมจิกอย่างวาบหวาม ดวงตาคมกริบจับจ้องคนตัวเล็กยามเกร็งต้นขา หยัดสะโพกจนหลังแทบไม่ติดเตียง หอบหนักราวกับวิ่งร้อยเมตรอยู่ภายใน


ยั่วกันจริงนะ...


“ขะ ขอร้อง...ฮึก” เอื้ออังกูรก้มลงแลบเลียติ่งหูนิ่ม ความต้องการของเขาพลุ่งพล่านเคล้าเสียงอ้อนวอนจากเหยื่อตัวน้อย “ได้โปรด พอเถอะครับ คุณกานต์...”


เอื้ออังกูรมองคนใต้ร่างหนีบต้นขาไว้แน่นเมื่อมือร้อนรุกไล่เข้าด้านหลัง ตกใจไม่น้อยที่เท้าเล็กๆ นั่นพยายามถีบลำตัวของเขาให้ออกห่าง ร่างสูงใช้ขายาวๆ กดทับอีกฝ่ายไว้ พยายามสอดนิ้วเข้าช่องทางคับแคบ


“ไม่!!!” เมธาหวีดร้อง ดิ้นทั้งน้ำตา “อย่า ฮือ ผมขอร้อง...” กายบางกระตุกยามนิ้วร้อนสอดเข้าไปได้สำเร็จ คนตัวเล็กเม้มปากแน่น ดวงหน้าหวานเหยเกด้วยความกระสันระคนเจ็บปวด


“ไม่เอา...” เสียงนั้นแผ่วระโหยก่อนจะไอออกมา ดูท่าไข้จะกลับเสียแล้ว เสียงโซ่กระทบกันดังหนวกหูบ่งบอกว่าคนตัวเล็กพยายามต่อต้านผู้บุกรุกมากเพียงไร


เอื้ออังกูรเพิ่มจำนวนนิ้ว เขามองเมธานอนหอบอย่างทรมาน โน้มตัวไปประกบริมฝีปากบวมแดงนั่น ใช้มืออีกข้างล็อคหน้าผากอีกฝ่ายพบว่ามันร้อนจัดจนน่ากลัว


“ฮึก แค่ก! แค่กๆๆ...อะ อึก” เมื่อร่างสูงถอนปากออกมาเมธาก็ไอจนตัวโยน คนตัวเล็กพยายามดิ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี ร้องไห้ออกมาอย่างหวาดกลัว


คนตัวใหญ่ถอนนิ้วออกมา ก่อนจะจ่อความเป็นชายตรงปากทางนั้นแล้วดันเข้าไปสุดแรง


“อ๊าาาา! ฮึก” เมธาหวีดร้อง เสียงโซ่กระทบกันดังแกร๊ง


“ไม่นะ!!! อย่า!!! ฮือ...ได้โปรดเถอะ” เสียงร้องไห้นั่นเจ็บปวดราวกับจะแตกสลาย กรีดแทงหัวใจปิศาจร้ายจนปวดทรมานไปหมด
ตอนนั้นเองที่มีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่าน ร่างสูงชะงัก ลางสังหรณ์ทำให้เขาสอดนิ้วเข้าไปกั้นโพรงปากนั่นเอาไว้ได้ทันท่วงที เอื้ออังกูรนิ่วหน้ายามฟันขาวกัดนิ้วของเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี นั่นยิ่งทำให้ปิศาจร้ายรู้สึกประหลาดใจ


ปกติไม่เห็นจะขัดขืนอะไรเลยแท้ๆ


คมเขี้ยวอีกฝ่ายทำอะไรเขาไม่ได้มากนัก เอื้ออังกูรกระแทกแก่นกายเข้าไปตามจังหวะ เมธาส่ายหน้า ร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง


“ฮะ...ฮ้า” เมธากัดนิ้วของเอื้ออังกูรจนเลือดออก เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายคงกัดจนกรามล้าได้ที่แล้วปิศาจร้ายจึงถอนมือออกมา ร่างเล็กตัวสั่นคลอนไปตามจังหวะที่เขามอบให้ ริมฝีปากบางนั่นเม้มแน่น


“เอื้อ...”


ราวกับโลกหยุดหมุนเมื่อจู่ๆ เมธาก็เรียกชื่อของเขาออกมา เอื้ออังกูรชะงัก รีบขยับตัวตามปกติ


“ฮึก ช่วยด้วย...”


ช่วงล่างของร่างสูงหยุดลงโดยอัตโนมัติ มือหนาบีบคางเล็กให้เชิดขึ้น เอื้ออังกูรคิดว่าตัวเองหูฝาดไป ทว่าเขายังคงได้ยินเสียงนั้นชัดเจน “เมขอโทษ...”


หยาดน้ำใสไหลริน


“อย่าเกลียดเมเลยนะ ฮือ...”


ราวกับโดนน้ำเย็นสาดหน้า หัวใจปิศาจร้ายเจ็บชาคล้ายโดนเหวี่ยงกระแทก ทั้งที่เขาผลักไสและตัดสัมพันธ์ใส่อีกฝ่ายไปแล้วแท้ๆ


ทำไมถึงยังเรียกหาฉันอีกล่ะ...เม


เอื้ออังกูรซ่อนดวงตาไว้ใต้เรือนผมสีสว่างก่อนจะกระแทกกายหนาเข้าไปอย่างดุดัน จังหวะสุดท้ายนั่นเองที่ครูคณิตหวีดร้องทั้งน้ำตา กายขาวกระตุกเฮือกยามความกระสันกลั่นตัวเป็นหยาดน้ำมารวมที่ส่วนปลายแล้วปะทุออก


เมธาหอบหนัก เวียนศีรษะสติเจียนหลุดอยู่รอมร่อ


“อะ ฮึก” คนตัวเล็กนิ่วหน้าด้วยความเจ็บยามเอื้ออังกูรถอนกายออกมา ใบหน้าหล่อเหลาว่างเปล่า เขาจับหน้าผากเล็กเอาไว้ ตัดสินใจดึงผ้าคาดตานั่นออก


ดวงตาสีนิลฝืนเปิดตาด้วยแรงเฮือกสุดท้าย


“มะ ไม่จริง...”


เอื้ออังกูรจ้องอีกฝ่ายด้วยในหัวที่ขาวโพลน เขาสับสนเกินกว่าจะคิดอะไรได้ทั้งนั้น


“ทำไมล่ะ...”


เสียงนั้นเหือดแห้งคล้ายพร้อมจะหายไปทุกเมื่อ เอื้ออังกูรกำหมัดแน่น ดวงตาคมกริบสะท้อนภาพเด็กหนุ่มเรือนผมสีปีกกาผู้มีดวงตาสีนิล เขาคือคนที่ร่างสูงพยายามปฏิเสธตัวตนมาโดยตลอด เขาคือเจ้าของร่างกายผอมบางที่ถูกปิศาจร้ายกอดและรังแกครั้งแล้วครั้งเล่า


แต่ถึงอย่างนั้นเหยื่อตัวน้อยก็ยังคงเรียกชื่อคนที่รักออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ


“เอื้อ...”




คืนสู่ปัจจุบัน เอื้ออังกูรลืมตาขึ้นช้าๆ หลังจากนั้นเขาก็อุ้มเมธาที่หมดสติไปพักฟื้นยังบ้านตัวเอง ก่อนจะให้คนรับใช้ดูแลแล้วไปทำธุระต่อ พอกลับไปถึงจึงได้รับรายงานว่าคนขับรถพาคนตัวเล็กไปส่งหอพักเรียบร้อยแล้ว


ตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย


เอื้ออังกูรผุดลุกขึ้นนั่ง รู้ตัวแล้วว่าต้องทำอย่างไร เขากระดกเหล้าในแก้วจนหมด สูดลมหายใจ ตอนนั้นเองที่หูของปิศาจร้ายได้ยินอะไรบางอย่าง


“...”


เสียงเปียโนดังมาจากที่ไกลแสนไกล ท่วงทำนองไร้คำร้องนั้นไม่คุ้นเคย ทว่าเนื้อร้องในหัวกลับทำให้เอื้ออังกูรเปล่งเสียงออกมาได้อย่างชวนพิศวง


คล้ายบทสวดในโบสถ์ ปิศาจร้ายขับร้องมันออกมา เสียงของเขาทุ้มต่ำและชวนหลงใหล สายลมยามค่ำคืนดังหวีดหวิวเหมือนอยากมีส่วนร่วมในการบรรเลงเพลงกับเขาด้วย


เอื้ออังกูรหลับตาพริ้ม เสียงของเขากังวานไปไกล...


ราวกับลอเรไลหนุ่มที่ขับขานบทเพลงเรียกชาวประมงให้หลงมาติดกับดักรัญจวน




พระจันทร์ดวงกลมแขวนตัวเองอยู่บนผืนฟ้าสีเข้ม แสงเหลืองนวลของมันทำให้เห็นภาพชัดราวกับกลางวัน ใกล้ๆ นั้นเป็นเกลียวคลื่นซัดกระทบฝั่งจนเกิดเสียง


บนหาดทรายขาวยามค่ำคืนอันเงียบสงบ เด็กหนุ่มสองคนยืนมองพระจันทร์คู่กันอยู่เงียบๆ


“กุ๊ก จับมือ”


ทศทิศยื่นมือมา เปรมร้อนหน้า ใจอยากปฏิเสธแต่พอสบดวงตายาวรีคู่นั้นแล้วก็ได้แต่ยื่นมือให้แล้วก้มหน้างุด


หมับ...


มือของเท็นเย็นเฉียบทว่ากลับให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด หัวใจพ่อครัวเต้นโครมครามยามอีกฝ่ายกระชับฝ่ามือ ก่อนพวกเขาจะเดินคู่กันไปบนหาดทรายขาวอันไร้ซึ่งผู้คน


แว่วเสียงเปียโนดังมาให้ได้ยิน มันเป็นท่วงทำนองนั้นที่พวกเขาไม่รู้จัก ทว่าไม่นานนักใครบางคนก็ขับขานคำร้องออกมาจากที่ไกลแสนไกล...


เสียงทุ้มนั้นเพราะกังวาน ราวกับบทสวด ไม่อาจจับใจความได้ ทว่าฟังแล้วกลับรู้สึกเคลิบเคลิ้มชวนลุ่มหลงราวกับอยู่ในโลกแห่งความฝัน


“เพราะจัง...”


เท็นหลับตาพริ้ม ยืนฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม เปรมจึงหยุดเท้าตาม


“กุ๊ก”


ตอนนั้นเองที่อีกฝ่ายหันมาหาและส่งมือให้


“หืม?”


“เต้นรำกันนะ”


คำขอนั้นทำให้เปรมหวนนึกถึงงานเลี้ยงส่งอาจารย์ จำได้ว่าคืนนั้นพระจันทร์ก็เต็มดวงแบบนี้ คิดแล้วแก้มนายเปรมก็ขึ้นสีเรื่อ มีแต่เรื่องน่าอายเกิดขึ้นทั้งนั้นเลย


“ไม่เต้นเหรอ”


เปมทัตเงยหน้า สบดวงตายาวรีคู่นั้นที่สะท้อนภาพตัวเขา...อย่างซื่อตรงและเปิดเผย ไหนจะริมฝีปากเหยียดตรงที่พูดเรื่องน่าอายออกมาได้หน้าตาเฉยนั่นอีก


ท่วงทำนองแว่วหวานยังคงขับขานต่อไป สุดท้ายพ่อครัวก็ตัดสินใจวางมือตัวเองลงบนมือใหญ่ เมื่ออยู่ในท่วงท่าเตรียมพร้อมทั้งคู่ก็เริ่มก้าวเท้า


โดยไม่รู้ความหมาย...ทั้งสองคนเต้นรำคู่กันใต้แสงจันทร์ท่ามกลางเสียงขับร้องอันทรงเสน่ห์   




เมธารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝัน


เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาในห้องนอนอันเงียบสงัด อาการมึนหัวน้อยๆ ทำให้สมองของเขายังประมวลผลได้ไม่ดีนัก คล้ายได้ยินคนร้องเพลงดังมาจากที่ไกลๆ


เสียงทุ้มนั้นคุ้นหูเหลือเกิน...


เมธาตื่นเต็มตา นาฬิกาข้างฝาบอกเวลาเกือบตีสาม ครูคณิตก้าวลงจากเตียง ก่อนจะเปิดประตูระเบียงแล้วเดินออกไปบนพื้นกว้าง
ลมเย็นยามค่ำคืนโชยกลิ่นทะเลมา จากตรงนี้เด็กหนุ่มเห็นพระจันทร์เต็มดวงกลางผืนฟ้าตัดกับท้องทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตาได้อย่างชัดเจน


เมธายืนมองภาพนั้น ความเงียบทำให้เขาฟุ้งซ่านจนหวนคิดถึงใครบางคน ดวงตาสีนิลทอประกายเศร้าสร้อย หลังจากเรื่องวันนั้นเขาก็ไม่ได้พบกับร่างสูงอีกเลย


อยากเจอ...


คิดแล้วก็แค่นหัวเราะออกมา เมธาสั่นหัวให้กับความคิดโง่ๆ ของตัวเอง ทั้งที่โดนทำร้ายขนาดนั้นเขาควรจะชิงชังอีกฝ่ายได้แล้วแท้ๆ


แต่ดวงตาคมกริบที่ฉายแววสับสนในตอนนั้นก็ทำให้เมธาตัดใจไม่ลง


“เฮ้อ...” ครูคณิตคล้ายปลงตก เขายืดแขนบิดขี้เกียจเล็กน้อย สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด ก่อนจะตบหน้าตัวเองเบาๆ คล้ายเรียกสติ


จังหวะที่เมธาหันหลังจะกลับเข้าห้องนั่นเอง


วิ้ว...


พลันลมเย็นก็หอบมาวูบใหญ่ ครูคณิตขยับจมูกแล้วย่นคิ้ว 


กลิ่นดอกไม้...


ไม่รู้อะไรดลใจให้หันกลับมา ก่อนเมธาจะเบิกตากว้าง


“...”


ราวกับโลกหยุดหมุน เหนือขอบระเบียงปรากฏร่างสูงใต้ผ้าคลุมสีดำปกปิดใบหน้าไปเกือบค่อน กึ่งคุกเข่าย้อนแสงจันทร์โดยมีทิวทัศน์อันงดงามเป็นฉากหลังราวกับภาพวาด


ตอนนั้นเองที่อีกฝ่ายสะบัดผ้าคลุมออกจากตัว


พรึ่บ!


กลีบกุหลาบมากมายกระจายฟุ้งไปทั่วด้วยแรงลม กลิ่นหอมนั้นอบอวลราวกับอยู่ในสวนดอกไม้ เมธาสบตากับอีกฝ่าย เขารู้จักดวงตาคมกริบคู่นั้นดี


เอื้ออังกูร...


ร่างสูงกระโดดลงมายืนตรงหน้า ท่วงท่านั้นงดงามเกินกว่าจะเป็นของมนุษย์


“อะ...” เมธาหาเสียงตัวเองไม่เจอ คนตัวเล็กผงะถอย ทำท่าจะวิ่งหนี


“เดี๋ยวก่อน”


เสียงทุ้มนั้นหยุดเขาไว้ ครูคณิตตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาคู่เล็กสะท้อนภาพใบหน้าหล่อร้ายที่ฉายแววสงบ “ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ทำอะไรหรอก”


เมธาส่งสายตาระแวงอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงแบบนั้นก็รู้สึกได้ว่าเสียงทุ้มนั่นต่างจากทุกที


“มีอะไรเหรอ...” ครูคณิตถามเสียงแผ่ว ร่างเล็กกระถดถอยยามคนตัวใหญ่ก้าวเข้ามา


เอื้ออังกูรตัดสินใจหยุดเท้า เขากระแอมไอปรับเส้นเสียง บอกว่า


“คือฉัน...มีเรื่องจะบอก”


“...” เมธามองหน้าอีกฝ่าย


เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลส่งเสียงอึกอักคล้ายประหม่า ใบหน้าหล่อร้ายซับสีเรื่ออย่างหาดูได้ยาก เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แล้วจู่ๆ ก็โพล่งว่า “เกรดแคลออกแล้ว...ได้เอนะ”


เมธาตาเป็นประกาย ร้องออกมาอย่างดีใจ “เก่งจังเลย! ยินดีด้วยนะ!”


“...ขอบใจ” เอื้ออังกูรหลุบตาเมื่อได้รับคำชม ก่อนจะรีบเงยหน้าขวับ “เดี๋ยวสิ! เรื่องที่ฉันจะบอกจริงๆ ไม่ใช่เรื่องนี้สักหน่อย!”


เมธาสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างสูงคำราม ฝ่ายหลังชะงัก ท่าทางเหมือนยักษ์ที่ไม่กล้าเล่นกับสัตว์ตัวเล็กๆ


“เรื่องวันนั้นน่ะ...” ลมเย็นหอบมาอีกวูบใหญ่ ความเงียบรอบด้านคล้ายเป็นใจให้เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลได้พูดสิ่งติดค้างในใจของตัวเอง “ที่ฉันกอดนาย”


เอื้ออังกูรทำหน้าอึกอัก สุดท้ายก็โพล่งออกมา “เป็นการเอาคืนไงล่ะ!”


“...” เมธากระพริบตาคล้ายตามไม่ทัน มองร่างสูงพูดรัวอย่างผิดวิสัย


“เอาคืนที่นายกดปุ่มฉุกเฉินไปตั้งหกสิบครั้ง! ฉันต้องทนฟังเสียงจูเลียร์ตั้งหนึ่งชั่วโมงเลยนะ ปางตายเลยรู้ไหม เพราะงั้นที่ทำแบบนั้นก็เพราะจะเอาคืนที่นายทำร้ายฉันยังไงล่ะ นายทำให้ฉันโดนจูเลียร์ลงโทษ แล้วนี่ฉันจะพูดวนไปวนมาทำไมเนี่ย ไม่สิ สิ่งที่ฉันอยากจะบอกจริงๆ น่ะคือ...”


เอื้ออังกูรสูดลมหายใจลึก เปล่งเสียงออกมา


“ขอโทษนะ”


ก่อนจะยื่นกุหลาบสีสดหนึ่งดอกที่ซ่อนไว้ข้างหลังให้คนตัวเล็ก


“เอื้อว่า...เอื้อรักเมว่ะ”


พรึ่บ!


ลมใหญ่หวนพัดเหมือนรับคำพูดของปิศาจร้าย กลีบกุหลาบปลิวว่อนส่งกลิ่นหอมกำจายไปทั่วราวกับอยู่ในห้วงฝัน เมธาเบิกตากว้าง ดวงตาคมกริบคู่นั้นสะท้อนภาพของเขา


ครูคณิตขอบตาร้อนผ่าว รู้สึกแสบจมูกก่อนหยาดน้ำใสจะไหลลงข้างแก้ม


“อะไรเนี่ย ทำไมร้องไห้เล่า!” 


ข้างแก้มปิศาจร้ายขึ้นสีเรื่ออย่างหาดูได้ยาก ท่าทางประดักประเดิดนั่นคล้ายเป็นครั้งแรก ครูคณิตมองอีกฝ่ายที่มองเขาร้องไห้แบบเงอะๆ งะๆ รู้สึกเอ็นดูจนหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา


“เอ้า หัวเราะอีก!”


เอื้ออังกูรไม่เข้าใจ เขาอายจะตายอยู่แล้ว ทำไมต้องโดนหัวเราะใส่แบบนี้ด้วย


“พูดจริงเหรอ” ในที่สุดเมธาก็ถามออกมา ปิศาจร้ายทำหน้าแบบไม่มีอะไรจะเสียแล้ว “เข้าใจอะไรง่ายๆ หน่อยสิ”


ครูคณิตหัวเราะพลางเช็ดน้ำตาป้อยๆ ร่างสูงมองภาพนั้น เปล่งเสียงว่า “แล้วเมล่ะ”


“หืม?”


เอื้ออังกูรสบตาอีกฝ่าย


“เมรักเอื้อไหม?”


“...” คนฟังนิ่งไป ไม่รู้ทำไมถึงเห็นคนร้ายกาจตรงหน้าน่ารักไปได้ก็ไม่รู้


เราต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ...เมธาคิดในใจ สุดท้ายก็ยิ้มออกมา


“ไม่บอกหรอก”

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iJune4S

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-2
    • junejune's page.
Fifty shades of  กานต์


กลับมายังใจกลางเมืองหลวงยามค่ำคืน เส้นแสงมากมายพุ่งตัวตัดกันจนเกิดสีสัน ในสถานที่ซึ่งดนตรีเคล้ากลิ่นแอลกอฮอล์นั้นเปรียบดั่งสวรรค์ของเหล่านักรักแห่งรัตติกาล แหล่งรวมตัวของกลุ่มบุคคลที่พร้อมจะจ่ายเงินค่าเหล้าเพื่อความแลกกับความรักเพียงชั่วข้ามคืน


ไม่ต้องผูกมัด...เป็นอิสระ


กานต์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาสวมเชิ้ตสีแดงสดปลดกระดุมออกเสียเกือบครึ่ง วาดขาไขว่ห้างสองแขนโอบสองสาวที่ใกล้สุดเข้าหาตัว ใบหน้าตี๋ยกยิ้มเจ้าเสน่ห์


“สาวๆ อยากกินอะไรสั่งเลยนะจ๊ะ ป๋ากานต์เลี้ยงเอง” เสียงทุ้มคึกคะนอง ทำเอาเหล่าสาวสวยก้มลงกกกอดแย่งกันออดอ้อนเด็กหนุ่มแทบไม่ทัน


“คุณกานต์...แนนนี่อยากได้เสื้อผ้า”


“ได้จ้ะ ป๋าจัดให้”


“กานต์ขา...เบลล่าอยากได้กุชชี่”


“เอาบัตรไปรูดเลยจ้ะหนู”


“อ๊าย! ป๋ากานต์น่ารักที่สุดเลยยย” ก่อนสองสาวจะก้มลงบรรจงหอมแก้มเสือร้ายพร้อมกันคนละข้าง กานต์หัวเราะลั่น กอดสองสาวแน่นกว่าเดิม


อะฮ่า! นี่สิ...วิถีแห่งเสือ


ความสนุกคงยังดำเนินต่อไป จนกระทั่งกลุ่มเพื่อนที่เขานัดไว้เดินทางมาถึง


“ไอ้กานต์โว้ย!” หนึ่งในนั้นส่งเสียงทัก กานต์ยกมือตอบ ร้องว่า “ว่าไงไอ้เสือ”


พวกเขาทักทายกันตามประสาอย่างคึกครื้นพลางจับจองที่นั่ง ก่อนจะล้อมวงนั่งคุยกันแกล้มเหล้าเคล้าสาวทรงโตที่นั่งขนาบข้างคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ


ถึงตรงนี้ก็มีคนถามว่า “แล้วมึงเป็นไงบ้างไอ้กานต์”


“อะไรเป็นไงวะ” หนุ่มหน้าตี๋ขมวดคิ้ว อีกคนหัวเราะพรืด “ก็กวางน้อยคนล่าสุดมึงไง เป็นผู้ชายไม่ใช่เรอะเห็นว่า”


ทั้งวงเกิดเสียงฮือฮา รอบข้างเริ่มเร่งเร้าให้เล่า กานต์ทำหน้ากระอักกระอวน ตอบอ้อมแอ้ม “มันก็...”


“เป็นไง เด็ดปะวะ”


เสือร้ายมองทุกสายตาที่จ้องมาอย่างคาดคั้น เขาหลุบตา จิบเหล้าในมือลงคอไปคล้ายการสลับฉาก




จริงๆ ไม่ค่อยอยากนึกถึงเท่าไร แต่ยังไงก็ย้อนไปวันแต่งงานของหมอแปดกับชาร์ลอตต์อีกสักทีเถอะ


หลังวางยานอนหลับเมธาในน้ำดื่มแล้วกานต์ก็ขับรถมายังโรงแรมและเช็คอินห้องพักที่เอื้ออังกูรจัดไว้ให้ เขานั่งมองร่างเล็กบนเตียงอย่างครึ้มใจ ระหว่างรอกวางน้อยตื่นเขาก็ผสมยาปลุกขนานอ่อนกรอกปากอีกฝ่าย


เสือร้ายมีรสนิยมประหลาด ทุกครั้งที่จะมีเซ็กส์ เขาจะคิดธีมในการร่วมรักกับคู่นอนทุกครั้ง และเพราะเพิ่งไปดูหนังรักอีโรติกเรื่องหนึ่งมา ธีมครั้งนี้จึงเป็นแนวซาดิสม์


หนุ่มหน้าตี๋มองกุญแจมือที่ตัวเองเอาคล้องข้อมือเหยื่อตัวน้อยไว้แล้วใจเต้น แค่คิดก็เลือดลมสูบฉีดแล้ว เขาจะเล่นธีมนี้ แบบว่ามีคริสเตียน เกรย์เป็นไอดอล


คุณเกรย์ก็คุณเกรย์เถอะ เจอ ‘50 Shade of กานต์’ ไปก็มีหนาวเหมือนกันแหละ


แกร๊ง!


กานต์ชะงัก กวางน้อยของเขาตื่นแล้ว เสือร้ายมือเย็น จับจ้องดวงตาสีนิลอันหยาดเยิ้มพร้อมแก้มขาวที่ขึ้นสีจัด ไหนจะท่าทางหวาดกลัวนั่นอีก โถแอนนาของผม...


แกร๊งๆ!


“ไง ตื่นแล้วเหรอ” กานต์ทักเสียงทุ้ม หนังเรื่อง '50 Shade of กานต์' ได้เปิดม่านขึ้นแล้ว


“คุณกานต์!” เสียงพร่านั้นเร้าอารมณ์อย่างร้ายกาจ แถมยังท่าทางตื่นตระหนกโดยธรรมชาตินั่นอีก “ทะ ทำไมถึงล่ามผมเอาไว้แบบนี้ล่ะครับ”


เสือร้ายย่างสามขุมเข้าไปหา เขาจ้องดวงตาสีนิลที่สั่นระริกนั่นอย่างนึกเอ็นดู กานต์ยกมือแตะแก้มเนียน จุดยิ้มพอใจเมื่อเห็นอาการขัดขืนนิดๆ จากอีกฝ่าย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มสบายหู


“เพราะเธอต้องเป็นของฉันไงล่ะ”


โหย...เผด็จการอะ แต่บทนี้ก็ไม่เลวแฮะ กานต์กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ เขาเครื่องติดแล้ว เอาล่ะ เห็นทีคงต้องกระตุ้นกันหน่อย “คุณกานต์พูดอะไร ปล่อยผม...อ๊ะ!”


“ฉันมีคำถาม ตอบมาตามจริง”


ตอนนั้นเองที่คนตัวสูงล็อคคางเล็กไว้แน่น ดวงตาลูกคนจีนทอประกายเย็นชา ใบหน้านั้นมืดดำไปครึ่งซีก เสียงทุ้มดังยะเยือก


“เธอเคยอ้าขาให้ไอ้เอื้อหรือยัง?”   


กานต์เห็นอีกฝ่ายเบิกตากว้าง รู้สึกพอใจเมื่อดวงตาสีนิลคู่นั้นทอประกายกร้าว “คนสกปรก! โอ๊ย!” 


มือหนาเพิ่มแรงบีบ คนตัวเล็กเจ็บจนน้ำตาเล็ด กานต์ชายตามองเหยื่อตัวน้อยอย่างโหดเหี้ยม...แน่นอนว่านั่นคือการแสดง แหม ก็ต้องเล่นใหญ่หน่อยสิ คู่นอนเกรดเอไร้เดียงสาแบบนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ เสียเมื่อไร


“ฉันถามก็ตอบมาซะ” เขาชูมีดพกเล่มเล็กขึ้นในระดับสายตาครูคณิต ประกายของมันล้อแสงไฟอย่างน่าหวาดเสียว แต่นั่นก็แค่ของปลอมล่ะนะ “แค่อยากรู้เท่านั้นแหละว่าเคยไหม เร็วๆ!”


เมธาสะดุ้งยามใบมีดแนบกับใบหน้า ดวงตาสีนิลไหววูบ “ผม...”


“...”


“ทำไมผมต้องบอกคุณด้วย!”


เพียะ!


เด็กหนุ่มถูกตบจนหน้าหัน เลือดไหลลงมุมปาก กานต์อ้าปากค้าง ฉิบหายแล้ว...กวางน้อยกู ปกติทำกับผู้หญิงคนอื่นกะแรงประมาณนี้ก็ไม่เห็นมีใครบาดเจ็บเลยนี่ ทำไมล่ะ!


“...”


แต่ยังไงก็ต้องเดอะโชมัสโกออน กานต์รีบเหยียดยิ้ม บีบคางอีกฝ่ายให้หันมาเผชิญหน้าอีกครั้ง พูดลอดไรฟัน “อย่าวอนให้มากนัก เธอก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ใช่คนใจดี”


“อึก”


“ฉันจะถามอีกครั้ง...”


“...”


“เธอเคยอ้าขาให้เอื้อมันรึยัง?”


กานต์มองกวางน้อยพยายามคายเลือดออกจากปาก ใจอ่อนยวบ “มะ ไม่...”


“...”


“ไม่เคย...ฮึก”


“ก็แค่นั้นแหละ” ร่างสูงสะบัดร่างเล็กทิ้งอย่างไม่ใยดี แต่ถึงจะพูดแบบนั้นความจริงเขาก็แค่วางอีกฝ่ายลงบนเตียงเฉยๆ เท่านั้น เมธาครางแผ่วยามโซ่เหล็กบาดข้อมือจนเลือดซิบ กานต์ตาโต


บาดเจ็บอีกแล้วววว ทำไมแอนนาถึงได้บอบบางขนาดเน้!


คนตัวเล็กพยายามร้องอ้อนวอน “ปละ ปล่อยผมไปเถอะครับ”


“โง่น่า คิดว่าฉันจีบเธอไปเพื่ออะไรกัน” หนุ่มหน้าตี๋แสยะยิ้ม มองอีกฝ่ายที่ตัวสั่นกลัวอย่างพึงใจ แรงสะดุ้งน้อยๆ ยามเขาพลิกตัวขึ้นคร่อมนั้นช่วยปลุกอารมณ์ได้ดี


เสือร้ายโน้มเข้าไปหน้าแทบชิด เค้นเสียงดูแคลน


“รู้ตัวไหมเนี่ยว่าถูกหลอกมาน่ะ?”


เหยื่อตัวน้อยเบิกตากว้าง กานต์ยิ้มเยาะ

“แหม ต้องขอบคุณเอื้อเพื่อนรักเลยนะเนี่ยที่กรุยทางให้ เรื่องง่ายขึ้นเยอะเลย” ครูคณิตพยายามก้มหน้าหลบตา ไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้น ก่อนมือหนาจะกระชากผมจนหน้าแหงน


กานต์ตกใจไม่น้อยที่เห็นหยาดน้ำใสไหลออกจากดวงตาสีนิลคู่สวยนั้น ครูคณิตเม้มริมฝีปากแน่น ดูท่าคงพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไว้น่าดู


ฮือ...สงสารกวางน้อย


เสือร้ายจุ๊ปาก พูดว่า “แต่เอาจริงๆ เธอก็น่ารักตรงสเปคฉันเลยนะ เอาล่ะนี่เป็นกรณีพิเศษ ถ้าฉันจะให้เธอเป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันจะเปิดตัวว่าคบด้วย...เธอจะว่ายังไง?”


เมธาสบตาคนพูด ตอบคำถามเสียงแผ่วทว่ามั่นคง


“ขอปฏิเสธ”


“ว่าไงนะ?” กานต์แนบใบมีดลงบนลำคอขาวคล้ายขู่ แบบนี้สิถึงจะตื่นเต้น “คิดก่อนพูดก็ดีนะ เธอคิดว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์แบบไหนกัน”


ประกายมีดล้อแสงไฟ ดวงตาสีนิลคู่นั้นหมดอาลัยตายอยากเหลือเกิน


“ลองใช้ปากนั่นทำให้ฉันดูหน่อยเป็นไง” กานต์ยั่วเย้า กระตุกยิ้มเมื่ออีกฝ่ายพยายามขยับหน้าหนีสัมผัสจากมือของเขา แอ๊...กวางน้อยน่ารัก “อย่าดื้อไปหน่อยเลยน่า มาสนุกกันเถอะ”


“อย่ามาแตะตัวผม!”


เมธาตะโกน กานต์กระชากท้ายทอยคนตัวเล็กจนหน้าเชิด กระซิบเสียงพร่า


“เธอจะปากดีได้ก็แค่ตอนนี้แหละ”


“อะไรนะ...เอ๊ะ!” เสือร้ายใช้ผ้าสีดำสนิทคาดปิดตาอีกฝ่ายไว้ ครูคณิตออกแรงดิ้น ปฏิเสธโลกสีดำที่เขามอบให้สุดฤทธิ์ ทว่าสุดท้ายก็ไม่อาจขัดขืนได้


“คุณจะทำอะไร! อุ๊บ!” ร่างสูงก้มลงไปประกบปาก ทว่าครูคณิตเม้มริมฝีปากแน่น ครางขู่ในลำคอ “ฮื้อ!”


อา...เร้าใจเป็นบ้า ร่างผอมสะดุ้งเฮือกยามมือหนาล้วงเข้าใต้เสื้อเชิ้ตสีขาว กานต์ลูบไล้กายบางอย่างตื่นเต้น ในขณะที่เมธาพลิกตัวหนี ร้องห้ามยามโดนซุกไซร้ลำคอระหง “อย่า ฮึก...ไม่เอา...อ๊ะ!”


กานต์ก้มครอบครองยอดอกสีอ่อนด้วยโพรงปากร้อน คนตัวเล็กนิ่วหน้า พยายามดิ้นหนีสัมผัสนั่น “ปละ ปล่อยผม แฮ่ก...” เสียงหายใจน้อยๆ นั่นทำให้กานต์แสยะยิ้มออกมา


“ฉันเล่นตุกติกกับร่างกายเธอนิดหน่อย คงไม่โกรธกันหรอกนะ?”


“คุณทำอะไร!!” เมธาตะโกนปนหอบ พยายามจับความรู้สึกเพื่อเบี่ยงตัวหลบฝ่ามือของอีกฝ่าย หนุ่มหน้าตี๋มองภาพนั้นยิ้มๆ


“วางใจเถอะน่า ก็แค่ยาปลุกเอง”


เมธากัดฟันกรอด เกร็งตัวยามมือหนาเลื่อนลงต่ำ เขาสะบัดแขนจนเหล็กบาดข้อมือ ตะโกนเสียงสั่น “คุณมันเลวที่สุด! ฮึก...ปล่อยนะ!” กานต์มองครูคณิตที่พยายามโงหัวขึ้นมาขัดขืน ก่อนจะเอามือกดลำคออีกฝ่ายไว้อย่างโหดเหี้ยม


“อะ อึก”


“เธอสู้ฉันไม่ได้หรอกน่า” เสือร้ายจูบใบหูเล็กอย่างหยอกล้อ ไม่รู้อะไรดลใจให้เปิดปากพูดว่า “จริงๆ ฉันมีอีกหนึ่งคำถาม...”
ทั้งห้องเงียบไปชั่วอึดใจ กานต์ก้มลงไปจนลมหายใจเป่ารดหน้าอีกฝ่าย


“เธอน่ะ...รักไอ้เอื้อใช่ไหม?”


“...!”


โอ้...ชะงักแฮะ ดวงตาตี่อย่างลูกคนจีนพราวระยับอย่างนึกสนุก “ระ เรื่องนั้น...”


“จริงๆ ด้วยสินะ” เสือร้ายหัวเราะในลำคอ หยอกว่า “หึ ก็สงสารเธออยู่หรอกนะที่โดนมันหลอกแบบนี้ เลิกหวังกับไอ้เอื้อจะดีกว่าล่ะมั้ง”


เมธานิ่งไป ก่อนทำนบน้ำตาจะพังทลายลงมา


“ผมทำไม่ได้...”


อ้าวฉิบหาย...ร้องไห้แล้ว กานต์มองซ้ายขวาเลิกลัก แต่เพราะอีกฝ่ายถูกปิดตาอยู่จึงไม่มีทางรับรู้ได้


“ถึงเขาจะเกลียดผม หรือทำร้ายผมสารพัด...ฮึก” เมธาสะอื้นจนเจ็บหน้าอก กำมือแน่นอย่างขมขื่น “แต่ทำยังไงผมก็ตัดใจจากเขาไมได้!”


เสือร้ายมองภาพนั้น พลันในอกเกิดความรู้ประหลาด


“ได้โปรดเถอะครับ...” เมธาอ้อนวอน


“แค่นี้...ฮึก”


น้ำตาหยดหนึ่งกลิ้งลงข้างแก้มขาว


“แค่นี้เขาก็เกลียดผมมากพออยู่แล้ว”


ริมฝีปากสีซีดสั่นระริกอย่างน่าเวทนา


“อย่าทำให้ผมต้องถูกเกลียดไปมากกว่านี้เลย ขอร้องล่ะครับ ฮือ...” เมธาสะอื้น ตอนนั้นเองที่ประตูห้องเกิดเสียง


ก๊อกๆ!


“นั่นใคร!” กานต์หันไปตะโกนถาม แว่วเสียงตอบกลับมา “รูมเซอร์วิสครับ!”


“ชิ...” เสือร้ายจิ๊ปากอย่างขัดใจ กวางน้อยกำลังอ้อนได้ที่เลยเชียว เขาใช้ผ้าอีกผืนมัดปากคนตัวเล็กเอาไว้ เมธาดิ้นพล่าน “อึก...อื้อ! อื้ออออออ!”


“อย่าริส่งเสียงเชียว” กานต์แนบมีดปลอมลงแก้มขาว ก่อนจะผละออกมา


แอ๊ด...


เสือร้ายเปิดประตูด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะลูกตาแทบถลนเมื่อเห็นหน้าผู้มาใหม่


“มาไงเนี่ย!”


กานต์อุทานเสียงกระซิบเพราะกลัวเมธาได้ยิน ปิศาจร้ายเปิดปากถาม


“หมอนั่นล่ะ?”


“ถ้ากวางน้อยล่ะก็นอนอยู่ข้างใน” กานต์ตอบ ก่อนจะเปลี่ยนมายิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย “กำลังตื่นกลัวได้ที่เลยล่ะ เร้าอารมณ์เป็นบ้า...”


“พอแค่นั้นแหละ”


กานต์ยิ้มค้าง ยกนิ้วก้อยแคะหูตัวเองคล้ายไม่อยากจะเชื่อ “โทษทีนะ คือได้ยินไม่ค่อยชัดเลย แบบไม่ใช่ว่ามึงกำลังหมายถึง...”


“เอาเมมา”


เอื้ออังกูรย้ำ กานต์แทบตะโกน “แต่เราตกลงกันแล้ว!”


“กูเปลี่ยนใจแล้ว” ร่างสูงเขี่ยเพื่อนให้พ้นทาง หนุ่มหน้าตี๋เข้ามาขวาง ร้องว่า “แต่นั่นกวางน้อยของกูนะ!”


“กูไม่ให้”


ดวงตาคมกริบทอประกายเย็นชา ใบหน้าหล่อร้ายไม่ส่อเค้าอารมณ์ใด “อย่าให้ต้องพูดซ้ำ ถอยไป”


“ว้อท?”


ปัง!


อีกฝ่ายปิดประตูใส่หน้า กานต์หงายสองมือออกข้างตัวพลางขมวดคิ้ว ก้มมองเป้ากางเกงที่นูนด้วยแรงอารมณ์ของตัวเอง พูดด้วยใบหน้าเหมือนโลกจะล่มสลายในห้านาที


“อีเหี้ย แล้วทำไมต้องมาตอนลูกชายกูตื่นแล้วด้วย!” 


“...”


ไม่มีเสียงตอบกลับมา กานต์แทบน้ำตาร่วง นี่เขาต้องพึ่งอภินิหารหัตถ์ขวาแห่งพระเจ้าอีกแล้วใช่ไหม


แล้ว ‘50 Shade of กานต์’ ก็จบลงไปทั้งแบบนั้นนั่นเอง




กลับมาปัจจุบัน ใครคนหนึ่งตะโกนเรียกเขา


“ไอ้เหี้ยกานต์!”


“อะไรอีกอ่ะ” กานต์หันไปขมวดคิ้ว หนึ่งในกลุ่มจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด พูดว่า “มึงยังไม่ตอบพวกกูเลยนะโว้ย รีวิวให้เพื่อนฝูงฟังหน่อยดิ๊ เป็นไงบ้าง”


เสือร้ายเสหลบตา กระดกเหล้าดื่มตัดรำคาญ “ก็ดีอะ”


“หู่ย ไรวะ เงียบไปตั้งนาน แค่เนี้ยะ!”


“พวกมึงไปลองเองไป๊” กานต์ไล่ มองเพื่อนๆ หันไปจับกลุ่มกันบ่นกระปอดกระแปดแล้วทำหน้าเซ็ง จะเรื่องชวดกวางน้อยเอย หรือต้องไปสำเร็จความใคร่เองเอย ด้วยเกียรติของเสือร้ายแห่งวงการนักรักแล้ว


จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด



****************************************************** *

สวัสดีค่าาา า
 :katai4:
ย้ากกก ก หายไปเกือบเดือนเลย คิดถึงคนอ่านจ๊นนน น
งานที่คณะเยอะมากเลยค่ะ กลับมาหัวถึงหมอนก็สลบเลย
แต่ในที่สุด วันนี้ เราก็ทำสำเร็จแล้วค่ะ ! 55555 5

รอบนี้ใครเมนอีเอื้ออปป้าคงสาแก่ใจอีช้อยไปแล้วนะคะ
ตอนหน้าเตรียมป้ายไฟเท็นเปรมได้เลยค่ะ มีลุ้นแน่นอน
ลุ้นอะไรอีก 555555555555 5

สุดท้าย ขายของหน่อย จูนเปิดเพจในเฟซบุ๊คแล้วนะคะ
หลังจากที่บ่ายเบี่ยงมานาน ในที่สุดก็สร้างแล้วค่ะ 555555 5
iJune4S
จูนกะว่าจะเอาไว้ลงนิยายสั้น ๆ แบบที่เจอในชีวิตประจำวันอะไรแบบนี้นะคะ
โดยรวมแล้วคือเพจไร้สาระนั่นเองค่ะ 55555555 5

ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามและรอคอยนิยายเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณทุกความคิดเห็นและความใส่ใจที่มอบให้กันค่ะ
ครั้งหน้าจะมาให้เร็วที่สุดนะคะ
 :katai2-1:

แล้วเจอกันตอนที่ยี่สิบเจ็ดค่าาา า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-08-2016 20:23:32 โดย iJune4S »

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ยาวมากกกก แต่ว่าดีใจที่สุดตอนที่เอื้อขอโทษเมพร้อมขอเป็นแฟนเลย (ขอหรือเปล่านะ หรือเนียนๆ :laugh:)
ตามไปจิ้มจึกๆ ที่เพจเรียบร้อยแล้วฮะ :impress2:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew1:   เย้ คนเขียนกลับมาแล้ว

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
ป๊าดดดดดดดดดด ว่าแล้วว่าเลวแบบเอื้อต้องมีอดีตอันปวดร้าว
นี่บอกเลย ผ้าคลุมดำ+กุหลาบนี่.......... คิดได้ยังไงคะพ่อคุ๊ณ!!!!! ดีนะที่เมรักแกมาก ไม่งั้นจะเอาต้มน้ำให้เข็ด!!!

ทำไมสงสารกานต์  :m20: :m20: ไปหาเอาข้างหน้านะน้อง
รอชูป้ายไฟตอนหน้านะคะ

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เอื้อเมไปได้สวยแล้วสินะหลังจากที่ลุ้นมานาน :hao6:
เท็นเปรมตอนหน้ากับสามได

ขอสามสีกับไดนาไมต์เยอะๆๆๆๆๆ :กอด1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ยาวได้ใจจริงๆ เอื้ออปป้ามาทีหลังแต่สารภาพรักไปแล้ววววว :impress2:  แหมๆๆอยากให้ตอนต่อไปมาซะวันนี้พรุ่งนี้จริงๆ รอลุ้นเท็นกับเปรม :z1:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ในที่สุดเอื้อก็ยอมรับหัวใจตัวเองแว้ววว

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
# กาานต์น้อยหอยกาบ

ออฟไลน์ nsai.ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
เอื้ออังกูลลลลลลลลลลลล~ งื้ออออออออออออออ~ จะน่ารักไปไหนนนนนนนนนนนนน~

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด