Love Course ! เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ. ตอนพิเศษ "Tenderella" P.74 (17.12.2016)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Course ! เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ. ตอนพิเศษ "Tenderella" P.74 (17.12.2016)  (อ่าน 680674 ครั้ง)

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
เปรมกลับมาก่อนนนนนนน


ออฟไลน์ mylittle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาต่อแล้วดีใจ.....รอเปรมกับเท็นะต่อ....:)

ออฟไลน์ minnin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ค้างมากครับ ไม่เข้าใจว่าทำไมชอบตัดให้ค้างกันกว่าจะมาก็นาน

ออฟไลน์ littlegift

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แปลกใจตัวเองว่าทำไมพึ่งเข้ามาอ่าน ทั้งๆที่นิยายสนุกๆแบบนี้ไม่น่าพลาดตั้งแต่ต้น แฮ่ๆ นี่อ่านยิงยาวมาจนตอนล่าสุดนี่บอกเลย ว่ารักเท็น เชียร์เท็น ทีมเท็น มาโดยตลอด แต่พออ่านตอนล่าสุด น้ำตาไหลพลากกกก ทำไมนายทำแบบนั้นนน
เป็นกำลังใจให้คนเขียนมาต่อไวๆค่ะ ตอนนี้รู้สึกค้างคาอย่างหนักหน่วงมาก 5555

ออฟไลน์ maykiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อย่าทำดปรมเสียใจนะเจ้าเท็น!!!  อะไรนักหนา มันน่าค้นหาอะไรก๊านนนนนน หาาาาา

ออฟไลน์ VarainDark

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เปรมอย่ามโนเองสิ
เท็นหลงแกจะตายแล้วน้าาาาาาา

ออฟไลน์ iammilk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มันค้างมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :a5:

ออฟไลน์ chaichan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ ถ้วยฟู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เท็นเรางอนนายละนะ......
อ้าว..ท่ดๆ คิดว่าตัวเองคือกุ๊ก55

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
มาแล้วววว

รอนานนมากๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iJune4S

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-2
    • junejune's page.
ตอนที่ 29



ในเช้าวันเสาร์เปมทัตตื่นมาด้วยเสียงโทรศัพท์ เขากดรับโดยไม่มองหน้าจอ
   

“ฮัลโหล...”
   

“ไอ้เหี้ยเปร๊มมมม!!” พ่อครัวเลื่อนสมาร์ทโฟนออกจากหูแทบไม่ทัน ดวงตาสีนิลเปิดปรือคล้ายยังไม่ตื่นดี ครู่หนึ่งจึงยกมือถือแนบหูอีกครั้ง ถามเสียงแหบ “...ใครวะเนี่ย”
   

“กูไฟไงจะใครล่ะ!” หมอยาผู้ร้อนแรงตอบ ดูท่าจะใจเย็นลงแล้วระดับหนึ่ง “มึงเป็นไรเนี่ยเมื่อวานกลับไปไม่บอก ไอ้เท็นตามหามึงทั้งคืนเลยนะเว้ย! มันโทรไปมึงก็ไม่รับ”


“กูหลับว่ะโทษที เกิดอะไรขึ้น?” เปรมลุกขึ้นนั่งขยี้ตา อัคคีเล่าให้ฟัง “ไอ้เท็นบอกว่าเมื่อคืนพอกลับเข้าไปก็ไม่เห็นมึงแล้ว ไม่รู้ว่ามึงไปไหน ติดต่อก็ไม่ได้ ตอนนี้ออกัสเลยตามหามึงอยู่เนี่ย”


“ว่าไงนะ!” พ่อครัวได้สติแล้ว ความรู้สึกผิดเข้าจู่โจมทันทีเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่สาม ถามว่า “ตอนนี้เท็นอยู่ไหน?”


“อยู่ม. วันนี้มันมีเรียนชด เพิ่งโทรมาขอให้กูช่วยหามึงต่อตอนตีห้า ไอ้ห่าโคตรงอแง” ไฟบ่นเด็กโข่ง เปรมค้อมหัวงกๆ “ขอโทษจริงๆ นะเว้ย งั้นกูโทรบอกออกัสก่อน...”


“ไม่เป็นไร มึงโทรหาเท็นเถอะ เดี๋ยวกูบอกออกัสให้เอง” อัคคีบอก พ่อครัวปิดปากฉับ พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนในอกก็ปวดแปลบจนต้องพูดว่า “กูโทรหาออกัสเอง ฝากมึงบอกเท็นหน่อยนะว่ากูขอโทษ...พอดีลืมว่ามีงานที่ต้องรีบกลับมาส่งให้อาจารย์ทางเมลน่ะ”


“มึงไม่บอกมันเองวะ?” อีกฝ่ายถาม เปมทัตอ้าปากจะตอบ แต่สุดท้ายก็เงียบไป
   

“...มึงโอเคป้ะเหนี่ย?” ดูเหมือนหมอยาจะเริ่มรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างแล้ว เปรมหัวเราะกลบเกลื่อน 
   

“กูโอเคไอ้สัด”
   

“...” ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะโพล่งขึ้น “วันนี้ออกกันไหมมึง”
   

“ฮะ?” พ่อครัวขมวดคิ้ว ไฟบอกว่า “กูนัดไอ้ไดกับไอ้สามไว้ ติดต่อมึงไม่ได้เลยยังไม่ได้ชวน ไปแมะ?”


เปมทัตนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตัดสินใจพยักหน้า “เอาดิ ที่ไหนอะ”


“คงห้างแหละ ไอ้ไดมันจะซื้อรองเท้าด้วย” อัคคีส่งเสียงอย่างคึกคัก “วู่ยยย ไปเดินเปิดหูเปิดหำกันดีกว่า”


“ตาบอดกันหมด” เปรมสั่นหัวหน่ายๆ แล้วพูดว่า “เดี๋ยวกูนั่งรถจากหอไปถึงแป๊บเดียวแหละ เจอกันเว้ย”


“แล้วเจอกันคร้าบ” สิ้นคำหมอยาสายก็ตัดไป




เกือบชั่วโมงต่อมาเปมทัตก็ถึงที่หมาย ต้นเดือนพฤศจิกายนอากาศเย็นแล้ว แฟชั่นหน้าหนาวบนทางเท้าเริ่มมีมาให้เห็น แต่ถึงแบบนั้นสิ่งที่คลุมกายพ่อครัวกลับมีเพียงเสื้อยืดคอวีสีเทากับเดฟสีดำสนิท


ห้างสรรพสินค้าในวันหยุดคึกคักเป็นพิเศษ เปรมเดินเข้ามา พบสองร่างยืนรออยู่แล้วด้านใน


“วู่ยยย ไอ้เปรม กูอยู่นี่!” ไดนาไมต์สวมแจ็คเก็ตสีกรมท่าโบกมือเรียกอย่างร่าเริง ไฟในเสื้อสเวตเตอร์ไหมพรมคอเต่าสีเขียวหันมามองพ่อครัว สูดปาก “ไอ้เหี้ย มึงไม่หนาวเหรอวะน่ะ”


“ไม่ค่อยนะ...” พ่อครัวขี้ร้อนกว่าที่คิด มองไปรอบๆ แล้วถามว่า “ไอ้สามยังไม่มาเรอะ?”


“ใช่ กูก็นึกว่ามันจะมากับไอ้ไฟ บ้านพวกมึงอยู่ทางเดียวกันนี่?” ท้ายประโยคไดนาไมต์หันไปทางหมอยา ฝ่ายหลังพูดว่า “เออ กูโทรไปถามแล้วนะว่าจะให้ไปรับไหม แต่เหมือนจะไม่ได้อยู่ที่บ้านว่ะ”


“แต่มันจะมาใช่ไหมล่ะ” เปมทัตถาม อัคคีผงกหัว “มาดิ”


ตอนนั้นเองที่ฝูงชนฮือฮาขึ้นบริเวณทางเข้า แว่วเสียงกรี๊ดเบาๆ จากกลุ่มผู้หญิงแถวนั้นดังมาให้ได้ยิน พวกเปรมหันไปมอง พร้อมทุกสายตาที่จับจ้องไปยังผู้มาใหม่


ร่างสูงสวมเสื้อโค้ทสีดำแฟชั่นติดกระดุมพร้อมผ้าพันคอไหมพรมสีเทา ท่อนขายาวคลุมด้วยกางเกงผ้าเนื้อดีสีเข้ากัน และที่เด่นกว่ารองเท้าหนังกลับหุ้มข้อสีฟ้า คงไม่พ้นเรย์แบนสีกาแฟที่วางอยู่บนสันจมูกประดับโครงหน้าหล่อเหลา


ไม่ว่ามองมุมไหนก็เหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่น ไฟผิวปากหวือ “เหยด...ดาราเหรอวะน่ะ”


“ออร่าสุดยอด” เปรมหลุดปากชม ถึงตรงนี้ไดนาไมต์ก็ส่งเสียง


“ไอ้สาม!”


“ฮะ!!” พ่อครัวกับหมอยาหันขวับ ก่อนจะตาโตเป็นไข่ห่านเมื่อผู้มาใหม่แสนเจิดจ้านั่นถอดแว่นออก


“ไอ้สามเรอะ!!” เปรมกับไฟจะเป็นลม เด็กหนุ่มตัวสูงเหลือบมองรอบข้างเล็กน้อย เขาเก็บแว่นเข้าไปในโค้ท เดินมาหาเพื่อนๆ พร้อมพูดว่า “โทษที...รถติดน่ะ”


“มึงไปซื้อชุดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย!” พ่อครัวจุ๊ปาก สามสียกนิ้วเกาแก้ม “เอ่อ...คนรู้จักให้มาน่ะ เขาบังคับใส่”


“เฮ้ยมึงแต่งขึ้นว่ะ ทำไมกูไม่เคยเห็นมึงใส่แบบนี้วะ” อัคคีชมเปาะ “ไอ้เหี้ย หยั่งกับบอยแบนด์ หล่อสัด...แต่น้อยกว่ากูนะ” ไม่วายเสริมท้าย คนฟังพยักหน้าปลงๆ แล้วหันไปทางเด็กหนุ่มผมสีชมพู


“ถึงว่ามาช้า แต่งหล่ออยู่นี่เอง” ไดนาไมต์ชกไหล่เพื่อนแกมหยอก สามสีหัวเราะ เขาแกะผ้าไหมพรมออกจากคอ ก่อนจะคล้องมันให้คู่หู


เด็กหนุ่มผมสีชมพูสะดุ้ง “เฮ้ยไรวะ!”


“ช่วยกูอายหน่อย” ร่างสูงยิ้มให้เขา “นะ?”


ไดนาไมต์สบตา ใบหน้าติดกวนฉายแววซุกซน “ระวังจะไม่ได้คืน”


“ครับๆ” สามสีพยักหน้ายิ้มๆ เขาพันผ้าพันคอให้คู่หูเสร็จแล้ว ถามว่า “ไปไหนก่อน?”


“ไอ้ไดจะซื้อรองเท้าไม่ใช่เรอะ” เปรมว่า เด็กหนุ่มผมสีชมพูผงกหัว เป็นจังหวะที่สมาร์ทโฟนในกางเกงสามสีสั่นครืด เด็กหนุ่มหยิบขึ้นมาอ่านหน้าจอ โพล่งว่า “เฮ้ยพวกมึงกูไปท็อปส์ก่อนนะ จะซื้อของเข้าร้านนิดนึง เดี๋ยวแม่กูให้เด็กที่ร้านมาเอา เด็กที่ร้านเขาซื้อไม่เป็น”


“งั้นไปซื้อของให้แม่ก่อนก็ได้” ไดนาไมต์บอกเพื่อน “กูไม่รีบ”


เมื่อตัดสินใจได้แล้วพวกเขาก็เปลี่ยนเส้นทางลงบันไดเลื่อนไปท็อปส์ อัคคีสำรวจเพื่อนตัวสูงตั้งหัวจรดเท้า ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้


“เฮ้ย เสื้อกับกางเกงมึงนี่แบรนด์ ‘March’ หมดเลยนี่หว่า?” หมอยาหันไปทางไดนาไมต์ “ผ้าพันคอก็ด้วย!”


“March ที่มาจากชื่อลูกครึ่งไทย-อเมริกาที่เป็นดีไซเนอร์ให้ห้องเสื้อของต่างประเทศนั่นน่ะเหรอ” ไก่กาด้านแฟชั่นอย่างพ่อครัวยังรู้จัก สามสีกระพริบตา “...ดังขนาดนั้นเลยเหรอวะ?”


“เออดิ แบรนด์นี้แพงหูฉี่เลยนะเว้ย แถมคุณมาร์ชที่ว่าไม่เคยปรากฏตัวให้สื่อเห็นด้วย เลยไม่มีใครรู้หน้าจริงๆ เขา” ไฟยกนิ้วให้ “แต่ผลงานแม่งของจริง”


เด็กหนุ่มตัวสูงอึกอัก “เอ่อ...ไม่รู้ว่ะ คนรู้จักกูเขาให้มาอีกที...”


“เห็นว่าพวกที่ใส่แบรนด์นี้ขึ้นมีแต่นายแบบดังๆ ทั้งนั้นเลยนี่ อย่าง ‘คริส’ ที่เป็นดาราชายต่างประเทศอะ” เปรมเคยอ่านเจอมาบ้าง ไดนาไมต์มองเพื่อนตาโต “โหไอ้สาม บุญของมึงฉิบหายใส่ขึ้นขนาดนี้!”


“กูโคตรชอบแบรนด์นี้ แต่ใส่ทีไรทำร้ายตัวเองทุกที” อัคคีบ่น “พ่อถึงกับไล่ให้กูไปเปลี่ยน แม่งเหมือนไม่ได้ตัดมาให้มนุษย์มนาเขาใส่กัน ไอ้ฉิบหาย”


เด็กหนุ่มผมสีชมพูหัวเราะ “อ๋อ ไอ้สามผิดมนุษย์มนาไงเลยใส่ขึ้น” 


“สัด” สามสียกนิ้วกลางสะกิดไหล่เพื่อนด้วยใบหน้ากระตุกหงึก


ถึงตรงนี้เด็กหนุ่มสี่คนก็มายืนหน้าท็อปส์ สามสีเดินไปดึงรถเข็นออกมา ตามด้วยไดนาไมต์ที่ปีนขึ้นไปนั่งในรถเข็นแบบหันหน้าออก ก่อนจะชูมืออย่างมีชีวิตชีวาเช่นทุกที               


“ออกเดินทาง!”


เรียกทุกสายตาให้หันมาจับจ้อง เด็กหนุ่มตัวสูงสั่นหัวขำๆ แต่สุดท้ายก็ออกแรงเข็น


“คร้าบ กัปตัน”     




หลังสามสีส่งของให้ลูกจ้างในร้านแม่เรียบร้อยแล้ว พวกเปรมก็พากันไปหาอะไรกิน เมื่อจัดการเรื่องปากท้องเสร็จจึงเดินเข้าไปในโซนรองเท้า


“ไอ้เหี้ยคอนเวิร์สตัวใหม่!” ไดนาไมต์หยิบขึ้นมาตาโต สามสีพยักหน้า “สวยมาก สวมหัวไปเลยเพื่อน”


“กูเอามาใส่ตีนไหมล่ะ”


“ไม่ต่างกันหรอกตีนกับหัวมึงอะ” เด็กหนุ่มตัวสูงหัวเราะ ไดนาไมต์ยื่นนิ้วกลางไปแตะแก้มเพื่อนด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม ก่อนจะหยิบอีกสีขึ้นมา “มึงอันนี้ก็สวย...”


“ไม่ลองดูแวนส์เหรอ” สามสีหันไปคว้าคู่หนึ่ง ก่อนจะใจตรงกับใครอีกคนจนมือของทั้งคู่ประสานกันคล้ายฉากในการ์ตูนตาหวาน


“...” สามสีมองหน้า อีกฝ่ายเป็นเด็กสาวผิวขาวตาตี่สวมแว่นไร้กรอบ เธอหรี่ตามองเขาแวบหนึ่ง


ฟึ่บ!


ก่อนจะกระชากรองเท้าไปจากมือหนาทั้งแบบนั้น เด็กหนุ่มตัวแข็งทื่อยามดวงตาตี่จ้องเขาลอดแว่นคล้ายคาดโทษ แว่วเสียงหัวเราะจากเด็กสาวร่างยักษ์ที่ยืนอยู่อีกฝั่ง


“ไอ้ขันต์มึงอย่าทำร้ายคนหล่อแบบนั้นได้ไหม กูวงวารเขา”


“...ก็เค้าจะดูคู่นี้อะ” เด็กสาวที่ชื่อขันต์หันไปบอกเพื่อนเสียงอ่อน สามสีกระพริบตา “เอ่อ...เอาไปก็ได้ครับ” เป็นจังหวะที่ไดนาไมต์ส่งเสียง “มึงๆ อันนี้ก็สวย!”


เปรมนั่งมองสามสีช่วยไดนาไมต์เลือกรองเท้า ข้างๆ เป็นหมอยาที่กำลังก้มหน้ากดมือถือยิ้มๆ พ่อครัวนิ่งไปชั่วอึดใจคล้ายคิดอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็โพล่งว่า


“กูอยากมีแฟนว่ะ”


ไฟหันขวับ พร้อมกับสามสีและไดนาไมต์ที่มองมาคล้ายช็อค หมอยาค่อยๆ ลดสมาร์ทโฟนในมือลงช้าๆ...สุดท้ายก็เก็บเข้ากางเกงไปในที่สุด
   

“อ้าวแล้วไอ้เท็น...อุ๊บ!” ยังพูดไม่ทันจบไดนาไมต์ก็โดนสามสีพรวดเข้ามาปิดปากแล้วลากไปเลือกรองเท้าไกลๆ ทิ้งรอบข้างให้เงียบลงชั่วอึดใจ อัคคียกมือแตะไหล่พ่อครัว


“มึงใจเย็นๆ นะ เกิดอะไรขึ้น?”


“กูเหงาว่ะ”


เปรมบอก ไฟลอบมองหน้าสามสีที่เดินกลับมาโดยปล่อยคู่หูไว้ สูดลมหายใจแล้วพูดว่า “รู้ใช่ไหมว่าความรู้สึกตอนนี้มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ?”


“กูรู้...” พ่อครัวประสานมือจรดหน้าผาก พูดเสียงแผ่ว “ก็แค่อยากมีคนคุยบ้าง”


สามสีอดขมวดคิ้วไม่ได้ “แบบนี้ไม่เหมือนตัวมึงเท่าไหร่นะเปรม”


“กูลืมตัวเองไปหมดแล้ว” เปมทัตบอกตามตรง เขาหลับตาลงช้าๆ อัคคีจึงพูดว่า “โอเค...งั้นเอาแบบนี้ เรามาจีบผู้หญิงกันดีกว่า เลือกจากในร้านนี้เลยเป็นไง?”


เด็กหนุ่มสามคนกวาดตามองไปทั่วร้าน ก่อนจะพบตัวเลือกแรกยืนหัวเราะอยู่ใกล้ตู้โชว์รองเท้า เธอเป็นเด็กสาวตัวสูงรูปร่างบึกบึนผิวสีแทน มีดวงตาหวานหยดประดับใบหน้าคมคาย


“หล่อไปนะกูว่า” สามสีเปิดปาก “อย่างไอ้เปรมน่าจะเข้ากับเด็กหน้าตาน่ารักๆ มากกว่า”


“แล้วคนนั้นล่ะ?” ไฟเสนอเด็กสาวที่กำลังยืนเลือกรองเท้าอยู่ในร้าน ไม่วายหลิ่วตา “...แต่เนิร์ดไปหน่อยแฮะ” สามสีเห็นแล้วหน้าเจื่อน “โหดด้วย เมื่อกี้แย่งรองเท้ากับกูตาเขียวปั๊ดเลย”


“อีกคนเป็นไง?” หมอยาบุ้ยปากกลับไปทางเดิม “ที่ยืนอยู่ข้างคนแรก”


เธอเป็นเด็กสาวผิวขาวผ่องอมชมพู และมีแว่นตาสีชมพูประดับอยู่บนใบหน้า ไฟวิเคราะห์ “จืดจางไปหน่อย...แต่ก็เป็นบุคคลที่เข้าข่ายที่สุดแล้วล่ะนะ”


“ว่าไงวะเปรม?” สามสีหันไปทางพ่อครัว ฝ่ายหลังตอบเรียบๆ “กูเฉยๆ ว่ะ”


“...งั้นก็เหลืออีกคนเดียว” ไฟหันไปมองตัวเลือกสุดท้าย


นั่นคือเด็กสาวผิวคล้ำรูปร่างอ้วนใหญ่ ใบหน้านั้นเขรอะไปด้วยสิวหัวหนองเม็ดเป้ง เธอกำลังนั่งยิงมุกโดยมีเพื่อนสองคนยืนหัวเราะอยู่ด้านหลัง ดูแล้วเหมือนหัวหน้าแก๊งขโมยยางลบเด็กประถม


ดวงตาพ่อครัวเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย


“ได้แล้ว...”


“คนนี้เรอะ!!” สามสีกับไฟร้องออกมาพร้อมกันอย่างไม่อยากจะเชื่อ เด็กหนุ่มตัวสูงหันขวับไปทางหมอยา “ทำอะไรสักอย่างเซ่!”
ทว่าฝ่ายหลังจุ๊ปาก


“ไม่เอาน่า เลดี้ทุกคนมีความงดงามอยู่ในตัวนะ...” เหงื่อเม็ดเป้งไหลลงข้างแก้มอัคคี “ยังไงก็รอดูกันไปก่อนเถอะ”
   

เปรมเดินเข้าไปหาเด็กสาวร่างยักษ์ ตอนนั้นเองที่ระยะห่างลดลงพอจะทำให้เธอหยุดยิงมุกแล้วหันมามองเขา เปมทัตส่งเสียงอย่างนึกประหม่า
   

“เอ่อ...ขอโทษนะครับ”
   

“คะ?” เด็กสาวสบตาเขา พ่อครัวเหลือบมองเพื่อนๆ แวบหนึ่ง สูดลมหายใจก่อนจะพูดว่า


“ผมชื่อเปรมอยู่ปีหนึ่งครับ”


“...ชื่อเจอยู่ปีสองค่ะ” อีกฝ่ายจ้องเขาตาไม่กระพริบ เด็กสาวผิวขาวอมชมพูก้มกระซิบหูเพื่อน “แกบอกน้องเขาไปสิว่าบ้านแกมีเครื่องกรองน้ำแล้ว...”


พร้อมกับเด็กสาวหน้าหล่อที่หันไปตะโกนบอกเพื่อนตาตี่
   

“ไอ้เจจะได้ผัวแล้วโว้ยยยยย!”
   

เปรมสะดุ้ง เจเกาข้างแก้มแกมบ่น “กูยังมั้ยล่ะ...” ก่อนจะหรี่ตาถามพ่อครัว “แล้วน้องเปรมมีอะไรกับพี่คะ?”
   

“พี่เจ...”


เปมทัตจ้องหน้าอีกฝ่าย ไม่รู้ทำไมในบรรดาเด็กสาวทั้งสี่ที่อยู่ในร้านเขาถึงสนใจคนนี้มากที่สุด อาจเพราะพ่อครัวไม่ใช่คนซีเรียสเรื่องกายภาพด้วย เพราะอย่างนั้นจะแบบไหนเขาก็ไม่มีปัญหาหรอก


เปรมถามว่า


“ช่วยคบกับผมได้ไหมครับ?”
   

“พูดออกไปแล้วโว้ยยย!!” ไฟกับสามสียืนกุมหัวร้องอยู่ด้านหลัง คนฟังนิ่งไปคล้ายช็อค พร้อมสาวหน้าหล่อที่ตะโกนขึ้นอีกรอบ


“ไอ้เจได้ผัวแล้วโว้ยยยย!”


เจคิ้วกระตุก พูดด้วยท่าทางคล้ายยังไม่ตื่นดี “...พิ้งค์มึงปิดเสียงอีออยดิ๊”


“ได๋ค่ะ!” พิ้งค์กี้ขานรับก่อนจะปราดเข้าไปจกตูดออยจากด้านหลังจนสาวหล่อร้องลั่นแล้วสัญญาณขาดหายไป สาวอ้วนมองเด็กหนุ่มสองคนด้านหลังที่จ้องมา เธอสูดลมหายใจ


“นี่เล่นเกมแพ้มาใช่ไหม”
   

“เอ๊ะ?” เปรมเงยหน้างงๆ เด็กสาวร่างยักษ์กลอกตา “แบบบทลงโทษก็คือต้องไปจีบสาวที่ ‘ขี้เหร่’ ที่สุดในกลุ่มผู้หญิงใกล้ๆ อะไรแบบนี้...” เจชูสองนิ้วเป็นหูกระต่ายแล้วพับขึ้นลง “ขอร้อง...เล่นเป็นเด็กประถม”


“เอ่อ คือ...”
   

“อย่าห่วงเลย น้องไม่ใช่คนแรกที่ทำแบบนี้กับพี่หรอก” เด็กสาวเงยหน้า ดวงตาคู่นั้นคมกริบเสียจนเปรมเสียวสันหลังวูบ “แต่ขอเตือนด้วยความหวังดี อย่าเล่นแบบนี้กับใครอีกถ้าไม่อยากโดนต่อย...นะคะ?”
   

“แต่ผม...” เปรมพูดไม่ออก ถึงจะไม่ได้จริงจังแต่เขาก็สนใจในตัวเด็กสาวร่างยักษ์จริงๆ พ่อครัวสบตากับอีกฝ่ายอย่างจนใจ
สุดท้ายเจก็เบิกตากว้าง “นี่น้องเอาจริงดิ?”
   

“...ครับ” เปรมก้มหน้าเศร้าๆ สาวอ้วนหันไปแยกเขี้ยวใส่ไฟกับสามสี “นี่เพื่อนพวกนายสติดีรึเปล่าเนี่ย!?”
   

“อา คิดว่านะครับ” เด็กหนุ่มผมสีแดงเกาหัวแกรก ก่อนสามสีจะเดินเข้ามาดึงพ่อครัวออกไปหน้าเจื่อน “เอ่อ...ขอโทษที่เข้ามารบกวนนะครับ แต่พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะก่อกวนหรือล้อเลียนอะไรจริงๆ ผมขอโทษแทนไอ้เปรมด้วยนะครับ” 
   

เด็กหนุ่มตัวสูงสบตาสาวอ้วน วูบหนึ่งที่เขารู้สึกเหมือนคนตรงหน้าไม่เหมือนกับที่เห็น
   

ดวงตาคู่นั้น...
   

เจมองพ่อครัวที่ยืนก้มหน้าก่อนจะถอนหายใจ
   

“พี่ไม่รู้ว่าน้องคิดจะทำอะไร...” สาวร่างยักษ์เปิดปาก “แต่ถ้านั่นไม่ใช่สิ่งที่ใจน้องต้องการจริงๆ ผลลัพธ์มันก็ไม่ต่างไปจากเดิมหรอกค่ะ” เธอพูดชัดถ้อยชัดคำ


“ใส่ใจความรู้สึกของตัวเองหน่อยนะคะ”


เปรมเบิกตากว้าง เด็กสาวมองหน้าเขา ดวงตาคมกริบคู่นั้นราวกับมองพ่อครัวออกอย่างทะลุปรุโปร่ง


“ไม่เห็นต้องไปสนเรื่องหยุมหยิมภายนอกเลย” เจยกยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์เหลือเกินในสายตาของเปมทัต “สิ่งสำคัญอยู่ที่ ‘ความเชื่อมั่น’ ต่างหาก” เด็กสาวจิ้มอกเสื้อด้านซ้ายของเปรมเบาๆ


“และทั้งหมดอยู่ในนี้...”
   

ออยขมวดคิ้ว “อะไรวะ น้องคนนี้เอาความเชื่อมั่นไปเก็บไว้ที่ตัวเองคนเดียวหมดเลย!”


“กูหมายถึงใจโว้ย! ใครๆ ก็มีไอ้สัด!” สาวอ้วนหันไปเขกหัวเพื่อนสมองทึบ ออยตะโกนสู้ “ไหนมึงบอกความเชื่อมั่นทั้งหมดอยู่ในตัวน้องเขาไง!”


“กูก็พูดให้มันเท่ไปงั้นแหละ! ไอ้ห่านี่!”


ก่อนที่พวกมันจะได้คว้านวมต่อยกัน ขันต์ก็เดินออกมาพร้อมกับถุงใส่รองเท้าพอดี “เค้าซื้อเสร็จแล้วนะ”


“อา งั้นก็ไปกันเถอะ” เจถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน จังหวะก้าวขาก็โดนพ่อครัวคว้าแขนเอาไว้


“หืม?” สาวอ้วนเลิกคิ้ว เปมทัตปล่อยแขนเธอ ก่อนจะก้มหัวพูดอย่างจริงใจ


“ขอบคุณพี่เจมากครับ!”   


คนฟังยิ้มออกมา “ยินดีค่ะน้องเปรม” แล้วก็ก้าวเท้าออกจากร้านไป


“หูย เจแม่งพี่อ้อยพี่ฉอดสุด” พิ้งค์กี้ยกมือปิดปากแซว ข้างๆ เป็นออยเดินบิดขี้เกียจ “กูโคตรหิวเลย! ไปกินปิ้งย่างกันเหอะพวกมึง!”


“อีขันต์จะกินซีฟู้ดจ้ะ วร่า!” ขันต์ส่งเสียงคำรามเหมือนเล่นกับเด็ก เจหัวเราะ “เออ อยากกินหมึกกระดอดั้วะ...”


“กระดอง!!” อีกสามคนประสานเสียง เจยกมือปิดหูกลั้วหัวเราะ


เปรมมองภาพนั้นยิ้มๆ


ยังมีพวกบ้าๆ แบบพวกเขาอยู่อีกสินะ...




เมื่อไดนาไมต์ซื้อรองเท้าเสร็จพวกเปรมก็เดินออกมา ไฟอดพูดไม่ได้ว่า


“สุดยอดไปเลยนะกลุ่มเมื่อกี้”


“ผู้หญิงสี่คนนั้นน่ะเหรอ?” เด็กหนุ่มผมสีชมพูถาม เขาเองก็มองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เหมือนกัน “รุ่นเฮฟวี่เวททั้งนั้นเลยนี่หว่า...ดูไม่ธรรมดาเลย”


“โดยเฉพาะคนที่ไอ้เปรมเข้าไปคุย” สามสีหันไปมองพ่อครัว “มึงก็คิดแบบกูใช่ไหม?”


เปรมพยักหน้า “อา พี่เจมีบางอย่างที่น่าสนใจ อาจจะเป็นดวงตา...ไม่รู้ว่ะ แต่ฟังเขาพูดแล้วกูใจเย็นลงเยอะเลย” พ่อครัวตัดสินใจแล้ว เขาพูดเสียงดังฟังชัด


“กูจะไม่หนี”


ไฟยิ้มออกมาอย่างโล่งอก


“งั้นก็ดีแล้วล่ะ”


พลันบริเวณใกล้ๆ ก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นอีกครั้ง เปรมเงยหน้า ดวงตาสีนิลเบิกกว้าง...


“...”


ใจกลางฝูงชนคือร่างสูงแสนคุ้นตาในสเวตเตอร์สีขาวราวกับเจ้าชายหิมะ เขาสวมกางเกงขายาวสีเดียวกันและพันผ้าพันคอไหมพรมสีครีม ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววสงบ เปรมสบดวงตายาวรีคู่นั้นแล้วหัวใจเต้นแรง


เท็น...


พ่อครัวยิ้มออกมา ก่อนดวงตาสีนิลจะสะท้อนภาพอีกคนที่เดินอยู่ข้างกัน...เด็กสาวตัวเล็กผิวกายขาว สวมโค้ทยาวสีชมพูอ่อนเข้ากับชุดกระโปรงสีหวาน รองเท้าส้นเตี้ยลายลูกไม้สีชมพูเข้ากับหมวกไหมพรมที่เจ้าหล่อนใส่ เธอช่างดูสดใสยามหันไปหัวร่อต่อกระซิกกับร่างสูง


แล้วรอยยิ้มก็หายไปจากใบหน้าของเปมทัต


“อ้าวไอ้เท็นนี่หว่า!” ไดนาไมต์ส่งเสียงเรียกที่เหลือให้หันไปมอง ไฟจ้องเพื่อนสมัยเด็กสลับกับพ่อครัว เขาประเมินสถานการณ์แล้วเหงื่อตก


“ซวยละ...”


สามสีได้ยินคำพูดนั้น สมองประมวลต่ออีกขั้นโดยอัตโนมัติ ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองเดาไม่ผิด


อย่าบอกนะว่า...


“ทำไมวะ?” แต่ไดนาไมต์ยังไม่เข้าใจ ตอนนั้นเองที่เสียงทุ้มดังขึ้น


“กุ๊ก!!”


เปรมสะดุ้ง เผลอหันหลังวิ่งหนีตามสัญชาตญาณ แต่ยังช้ากว่าเด็กโข่งอยู่มากนัก


หมับ!


“อะ!”


พ่อครัวดิ้นคล้ายไม่ยอมให้จับตัว ก่อนจะถูกกำลังแขนที่แข็งแรงกว่ามากกอดไว้แน่น คนตัวเล็กยื้อยุดอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายก็ยืนนิ่งด้วยใบหน้าสับสนระคนเจ็บปวด


เท็นจับไหล่อีกคนให้หันมาเผชิญหน้า ถามว่า “เมื่อคืนไปไหน?”


“...กลับบ้าน”


“ทำไมไม่รอเรา” เด็กโข่งขมวดคิ้ว เปรมตอบแบบไม่ยอมสบตา “พอดีนึกได้ว่ามีงานต้องรีบส่งน่ะ...โทษทีนะ”


“เป็นอะไรรึเปล่า?”


หลังมือหนาแตะลงหน้าผากเล็ก เปรมยืนก้มหน้า ดวงตาสีนิลทอประกายเจ็บปวด “ฉันสบายดี...” พ่อครัวเบือนหน้าหนียามดวงตายาวรีพยายามจับจ้องเขา


“มึงมาทำไรวะ” ไฟแทรกขึ้นช่วยชีวิต เท็นละสายตาจากคนตัวเล็กแต่ยังไม่ยอมปล่อยให้ออกจากอ้อมแขน ตอบว่า “เรามาซื้อของกับน้องเดียร์”


“น้องเดียร์?” ไฟเลิกคิ้วพร้อมกับอีกสองคน เท็นทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้


“จริงสิทุกคน นี่น้องเดียร์...ลูกสาวเพื่อนพ่อเรา” ร่างสูงหันไปพูดกับเด็กสาว “น้องเดียร์ ทุกคนตรงนี้คือกุ๊ก ไฟ ไดนาไมต์ และสามสี...เพื่อนของผม”


“คุณเองเหรอคะคุณกุ๊ก? พี่เท็นพูดถึงคุณให้ฉันฟังเยอะแยะเลยค่ะ!” เดียร์ทำหน้าตื่นเต้น เปรมยิ้มให้เธออย่างสุภาพ “ผมชื่อเปรมครับ”


เด็กสาวกระพริบตา “ตายจริง ขอโทษด้วยนะคะพี่เปรม” เธอแนะนำตัวอีกรอบ “สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อเดียร์ อยู่ม.หกค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆ พี่เท็นทุกคนเลยนะคะ” รอยยิ้มนั้นสดใสเสียจนคนมองเคลิ้มตามกันไปเป็นแถบ


“น้องเดียร์น่ารักจังเลย มีแฟนรึยังจ๊ะเนี่ย” ไดนาไมต์ยิ้มหวาน ก่อนจะโดนสามสีคว้าไปกอดคอดังหมับ เด็กหนุ่มตัวสูงพูดเสียงทุ้ม “อย่าสนใจไอ้บ้านี่เลยนะ มันเป็นแบบนี้แหละ”


“แม่งเอ๊ย! ทุกที!” ‘ไอ้บ้า’ ทำหน้าย่น


เดียร์หัวเราะออกมา “พวกพี่ดูสนิทกันจังเลยนะคะ”


“จริงๆ เกลียดกันครับ ที่เห็นรักกันดีนี่ภาพโฮโลแกรม” ไฟพูดหน้าเหนื่อย พร้อมกับไดนาไมต์ที่โพล่งว่า “ซื้อวัตถุดิบมาเยอะแยะเลย เอาไปทำอะไรกันเหรอ?”


“วันนี้คุณพ่อจะไปบ้านพี่เท็นแล้วอยากให้ฉันโชว์ฝีมือ ฉันเลยออกมาซื้อวัตถุดิบกับพี่เท็นน่ะค่ะ” เดียร์ตอบยิ้มๆ เด็กหนุ่มผมสีชมพูตาโต “น้องเดียร์ทำอาหารเป็นด้วยเหรอครับเนี่ย สุดยอด!”


เปรมนิ่งไปเหมือนโดนไฟช็อต ได้ยินเด็กสาวตอบว่า “ฉันชอบทำอาหารน่ะค่ะ แต่ก็แค่พอทำได้ ไม่ถึงขั้นโปรหรอกนะคะ”


“พยายามเข้านะ” สามสีให้กำลังใจ เธอยิ้มรับ “ขอบคุณค่ะ!”


ไฟถามว่า “แล้ววันนี้ทำอะไรกินกันล่ะ?”


“ต้มยำกุ้งกับแกงส้มชะอมไข่ค่ะ พ่อของเราสองคนชอบกิน” เดียร์ชูถุงในมือให้ดูอย่างร่าเริง เปมทัตมองเด็กสาวพูดคุยกับเพื่อนๆ ของเขาอย่างเป็นธรรมชาติแล้วก้มหน้า


“กุ๊กมาด้วยกันไหม?”


เท็นเอ่ยชวน เปรมเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย


“จริงด้วย พี่เท็นบอกว่าพี่เปรมทำอาหารเก่งมาก อยากชิมฝีมือจังเลยค่ะ!” เดียร์ยิ้มจนตาปิด เท็นพยักหน้าหงึกหงัก “กุ๊กทำอร่อยมากเลยล่ะ”


“ขอบคุณที่ชวนนะ” เปรมยิ้มให้คนทั้งคู่ “แต่ไว้คราวหน้าดีกว่าครับ”


“ทำไม?” เท็นหันมาสบตา พ่อครัวก้มหน้าหลบ


“...ฉันต้องกลับไปทำงานอีกน่ะ โทษทีนะ”


พวกไฟลอบมองหน้ากัน เป็นจังหวะที่เดียร์มองนาฬิกาข้อมือแล้วร้องว่า “อ๊ะ! จวนได้เวลาแล้วล่ะค่ะพี่เท็น เรารีบกลับกันดีไหมคะ?”


“ไม่มาด้วยกันจริงๆ เหรอ...” เสียงทุ้มนั้นคล้ายเว้าวอนอยู่ในที แต่สำหรับเปมทัตในตอนนี้...เขาไม่มีอารมณ์จะมาใจอ่อนกับอะไรแบบนั้น


“อื้อ ขอบใจที่ชวนนะ”


“พี่เท็นคะ คนขับรถของฉันติดต่อมาแล้วค่ะ” เด็กสาวเร่งเร้า ทศทิศหันมามองหน้าคนตัวเล็กเป็นครั้งสุดท้าย


“ลาก่อนนะ”


เปรมยิ้มให้แม้ข้างในจะแตกสลายจนแทบไม่เหลืออะไรแล้วก็ตาม


“...”


เท็นมองคนตรงหน้าด้วยแววตาอ่านไม่ออก ตอนนั้นเองที่ร่างสูงถอดสเวตเตอร์เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน ก่อนจะสวมมันให้เปรมทางหัวคลุมตัวร่างเล็กไว้ทั้งแบบนั้น


“กุ๊กไม่มีเสื้อหนาว...” เด็กโข่งจัดเสื้อให้พ่อครัวแล้วยิ้มเหมือนเด็กๆ


“เดี๋ยวเป็นหวัดนะ” 


ขอบตาเปมทัตร้อนผ่าว อกซ้ายปวดหนึบยามอีกฝ่ายโน้มหน้าลงมาหอมแก้มเขาเบาๆ


“แล้วเจอกันครับ”


เท็นผละออกไปแล้วโบกมือลาพวกหมอยา “บ๊ายบายเพื่อนๆ กลับกันดีๆ นะ”


“โชคดีเว้ย” พวกที่เหลือโบกมือให้ร่างสูงเช่นกัน


เปรมมองทั้งคู่เดินหันหลังจากไปแล้วก้มหน้า


“...”


น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงข้างแก้มพ่อครัว...

ออฟไลน์ iJune4S

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-2
    • junejune's page.
(ต่อ)



หลังจากวันนั้นเปมทัตก็ไม่ได้เจอเท็นอีกเลยเกือบสามอาทิตย์ พ่อครัวไม่ยอมรับสาย ทำเพียงหาข้ออ้างตอบคำถามอีกฝ่ายผ่านตัวอักษรอย่างเดียวไปวันๆ


จนหลังเลิกเรียนแลปอาหารภาคบรรยายในเย็นวันศุกร์ ขณะที่เปรมกำลังจะกลับหอนั่นเอง เบนซ์สี่ประตูคันหรูที่ไม่ได้เห็นเสียนานก็แล่นมาจอดเทียบท่า


“คุณเปรม!”


ออกัสเปิดประตูรถลงมา ใบหน้าน่ารักที่มักสุขุมอยู่เสมอฉายแววร้อนรน “แย่แล้วล่ะครับ! ที่คฤหาสน์! นายท่านกับคุณปิยะน่ะ พวกเขา...”


พ่อครัวแตะไหล่เลขาหนุ่ม พูดว่า “ออกัสใจเย็นๆ ก่อน เกิดอะไร...”


“พวกเขาตกลงให้เท็นกับคุณเดียร์หมั้นกันแล้วล่ะครับ!!”


“...”


เปมทัตหน้าชาเหมือนโดนน้ำเย็นสาดใส่ อกซ้ายของเขาปวดแปลบจนแทบจะระเบิด เลือดในกายร้อนรุ่มคล้ายไฟแผดเผา ดวงตาสีนิลว่างเปล่าราวกับถูกสูบวิญญาณออกไปจนหมด


“ทำยังไงดีล่ะครับคุณเปรม!” เลขาคนเก่งถามเสียงสั่น เปรมค่อยๆ เรียกสติตัวเองกลับมา ถามเสียงเบาราวกับกระซิบ


“เท็นรู้เรื่องนี้หรือยัง?”


“รู้แล้วครับ” ออกัสตอบ พยายามตั้งสติอยู่เหมือนกัน “ดูเหมือนพวกเขาจะตกลงกันเสร็จก่อนที่ผมจะไปถึง พอผมไปถึงนายท่านก็บอกว่าตกลงกับคุณปิยะแล้วว่าจะให้เท็นหมั้นกับคุณเดียร์”


เลขาคนเก่งเว้นวรรคหายใจ “ผมไม่รู้จะทำยังไง พอนึกได้ว่าวันนี้วันศุกร์เลยรีบบึ่งมาหาคุณเปรมก่อนนี่แหละครับ” ก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัด


“ขอร้องล่ะครับคุณเปรม! หมอนั่นต้องหาวิธีปฏิเสธนายท่านอยู่แน่ๆ! ตอนนี้คงกำลังรอคุณเปรมกลับไปหา ได้โปรดเถอะ...”
ออกัสก้มหัวจนสุด


“คนที่จะช่วยเท็นได้มีแต่คุณเปรมเท่านั้นนะครับ!”


“...”


ดวงตาสีนิลสั่นวูบ เปมทัตมองท่าทางนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ในอกปวดร้อนราวกับโดนมือที่มองไม่เห็นบีบไว้จนทรมานไปหมด หลุดปากถามว่า


“แล้วถ้าเขาไม่ต้องการล่ะครับ?”


“คุณเปรม...” ออกัสมองคล้ายไม่อยากจะเชื่อ


“ผมยังไม่ได้รับคำขอร้องจากเท็น” พ่อครัวสูดลมหายใจลึก พูดว่า “และถ้าพวกเขาตกลงกันแล้วผมก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปครับ”


หนุ่มลูกครึ่งพรวดไปคว้าข้อมือเปมทัตไว้ยามอีกฝ่ายจะเดินหนี แทบตะโกน “งั้นไปฟังจากปากหมอนั่นไหมล่ะครับ! วันนี้เลย!”
ดวงตาสีเขียวคู่งามสะท้อนภาพเด็กหนุ่ม


“คุณเปรมก็รู้ว่าเท็นติดคุณเปรมมากแค่ไหน! หมอนั่นต้องงอแงขอให้คุณเปรมช่วยแน่ๆ ครับ! ขอร้องล่ะ!”


พ่อครัวเงยหน้าสบตาชายหนุ่ม ตอนนั้นเองที่ออกัสได้เห็นดวงตาสีนิลคู่นั้นอย่างเต็มตา มันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่มั่นใจ...และเจ็บปวด


“เข้าใจแล้วครับ”


แต่ถึงแบบนั้นอีกฝ่ายก็ตอบตกลงที่จะขึ้นรถไปกับเขา




ท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์เกียรติยวานนท์เปลี่ยนเป็นสีส้มแดง พร้อมเบนซ์สี่ประตูคันหรูที่แล่นมาจอดเทียบท่า ก่อนออกัสจะเดินนำเปรมเข้ามาในห้องโถงใหญ่


“กุ๊ก!!”


หมับ!


เปรมยืนนิ่งเมื่อถูกคว้าเข้าไปกอด หัวตาร้อนผ่าวยามเด็กโข่งซุกหน้ากับเส้นผมสีปีกกา “ไม่ได้เจอกุ๊กตั้งนาน! ทำไมไม่รับสายเราล่ะ การบ้านเยอะเหรอ” ว่าที่คุณหมองอแงง่ายๆ เหมือนเด็กๆ


“เราคิดถึงกุ๊กมากๆ เลยนะ!”


ในขณะที่พ่อครัวพยายามกลั้นหยาดน้ำเอาไว้จนปวดกระบอกตาไปหมด


“...ฉันก็คิดถึงนายเหมือนกัน”


เปมทัตเปล่งเสียงลำบากเหลือเกินในเวลานี้


“อ๊ะ สวัสดีค่ะพี่เปรม!”


เสียงใสส่งให้พ่อครัวผละออกจากร่างสูงโดยอัตโนมัติ ดวงตาสีนิลสั่นวูบยามสะท้อนภาพเด็กสาวในชุดผ้ากันเปื้อนสีขาวแบบเต็มตัว


ผ้ากันเปื้อนที่เขาใส่ทำอาหารทุกครั้งในครัวเล็ก...


“ฉัน...” เปมทัตเผลอกำหมัดโดยไม่รู้ตัว


จะกลับ...


“กุ๊กมีอะไรเหรอ?”


แต่พอหันไปสบตาออกัสแล้วเปรมก็ได้แต่สูดลมหายใจลึก คลายมือออกช้าๆ


“...ไม่มีอะไร”


เท็นกระพริบตาอย่างไม่เข้าใจ สุดท้ายก็ยิ้มออกมา “กุ๊กมาพอดีเลย น้องเดียร์กำลังจะทำพะโล้น่ะ แต่ไม่เคยทำ กุ๊กช่วยเขาหน่อยได้ไหม?”


“...” เปรมมองอีกฝ่ายคล้ายเห็นคนแปลกหน้า ถ้าเป็นแบบที่เลขาหนุ่มพูดเขาควรจะได้เห็นอาการร้อนรนของอีกฝ่ายไม่ใช่หรือไง?


ทว่าไม่มี...


หูพ่อครัวได้ยินเด็กสาวพูดตะกุกตะกัก “ยะ...อย่าเลยค่ะพี่เท็น! รบกวนพี่เปรมเขาเปล่าๆ...”


“ทำไมล่ะ กุ๊กทำอร่อยนะ” ทศทิศบอกน้อง ฝ่ายหลังหรี่ตาอย่างรู้ไต๋ “ฉันรู้นะคะ จริงๆ พี่เท็นก็แค่อยากจะกินพะโล้ฝีมือพี่เปรมเท่านั้นแหละใช่ไหมล่ะ!”


หนำซ้ำยังเข้ากับเด็กสาวได้ดีอีกต่างหาก


เธอหันมาร้องไห้แบบไม่มีน้ำตากับเปมทัต “พี่เปรมดูดิ พี่เท็นโหดร้ายมากเลย”


“แต่มันอร่อยนะ” เท็นหันไปรับประกัน เดียร์กุมขมับ “ประเด็นมันไม่ใช่ตรงนั้นค่ะ!”


แต่เอาเถอะ...รอดูไปก่อนก็แล้วกัน


“ตกลงครับ”


เปรมเปิดปากออกมาในที่สุด ตามด้วยเสียงร้องอย่างดีใจของเด็กสาวกับดวงตาอันเป็นประกายของเด็กโข่ง ออกัสมองภาพนั้นเงียบๆ


“คุณเปรม...”


พลันสมาร์ทโฟนในกระเป๋าเสื้อเขาก็สั่นครืด เลขาหนุ่มจำต้องกดรับสาย


“ครับท่าน”


เปมทัตหันไปมองหนุ่มลูกครึ่ง...ดูท่าออกัสจะมีงานให้ต้องทำอีกแล้ว


“เอ่อ ผมขอตัวก่อนนะครับ” เลขาคนเก่งเปิดปาก เขาหันไปสบตาเปมทัตแวบหนึ่ง เมื่อฝ่ายหลังพยักหน้าให้ตัวเองก็เปิดประตูออกจากห้องไป


เปรมสูดลมหายใจ ก่อนจะเริ่มบทสนทนา


“เดียร์ซื้อวัตถุดิบมาแล้วใช่ไหมครับ” เด็กสาวพยักหน้าอย่างแข็งขัน ตอบว่า “ใช่ค่ะ ฉันซื้อตามที่เว็บบอกไว้เลย เอ่อ...พี่เปรมไม่ใส่ผ้ากันเปื้อนเหรอคะ?”


คนฟังเงียบไป ตัดสินใจสั่นหัวยิ้มๆ “ไม่เป็นไรครับ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”


เปรมหยิบมีดขึ้นมา บอกว่า “ก่อนอื่นก็โขลกกระเทียม รากผักชีและพริกไทยให้เข้ากันก่อนนะครับ จะแกะเปลือกกระเทียมก็ใช้หน้ามีดตบลงไปแบบนี้...” เปรมตบมีดลงบนเขียงจนกระเทียมแตก ชูให้เด็กสาวดู


“เปลือกมันก็จะหลุดออกมาง่ายๆ แบบนี้เลยครับ”


“ว้าว...” เดียร์จ้องอย่างสนใจ พร้อมเด็กโข่งที่เดินมากอดเปมทัตจากด้านหลัง พ่อครัวสะดุ้ง ลอบมองเด็กสาวที่กำลังตั้งใจแกะเปลือกกระเทียมด้วยวิธีของเขาแวบหนึ่ง


เปรมขยับตัวออกจากเท็น


“ทำไม?” ทศทิศขมวดคิ้วถาม คนฟังหลบตา “มันอึดอัดน่ะ...”


ต่อมาเปรมก็ตั้งกระทะทอดหมูสามชั้นให้เด็กสาวดู ถามว่า “เดียร์ต้มไข่หรือยังครับ?”


“ฉันซื้อไข่ต้มมาจากซุปเปอร์แล้วค่ะ” เธอหยิบถุงขึ้นมาอย่างประหม่า “ใช้ได้ไหมคะ?”


“ได้ครับ” เปรมบอก เขาตั้งกระทะอีกอันแล้วพูดว่า “ทอดหมูเสร็จก็ตั้งกระทะอีกอัน ใช้ไฟปานกลางนะครับ อันนี้เป็นส่วนของน้ำพะโล้”


ในมือเด็กสาวมีกระดาษกับปากกาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ เธอจดตามอย่างตั้งใจ เปรมมองแล้วหลุบตา เปล่งเสียง


“ใส่น้ำมันพืชลงไปก่อน ตามด้วยเครื่องที่เราโขลกไว้เมื่อกี้...” พ่อครัวอธิบายเรื่อยๆ ด้วยในหัวที่ขาวโพลน “พอผัดจนเหลืองหอมแล้วก็เติมน้ำตาลปี๊บลงไป เคี่ยวให้มันเป็นสีน้ำตาลเข้มครับ”


พอเคี่ยวจนได้ที่เปมทัตก็ตักให้น้องชิม


“เป็นไงครับ?”


“อร่อยมาก!” เดียร์มองดวงตาเป็นประกาย เธอมองอีกฝ่ายอย่างชื่นชม “พี่เปรมเก่งมากเลยค่ะ! สุดยอดเลย!”


“กินมั่ง...” เท็นเดินเข้ามากอดพ่อครัวข้างหลังอย่างออดอ้อน เปมทัตถอนหายใจ จำต้องใช้ช้อนตักน้ำพะโล้ป้อนใส่ปากร่างสูง


“อร่อย” เด็กโข่งตาเป็นประกายอย่างทุกที


“พี่เปรมคะ...” ถึงตรงนี้เด็กสาวก็เรียกเขา เปรมหันไปมอง “ครับ?”


“จริงๆ ฉันมีอีกเมนูที่อยากให้พี่เปรมสอนทำด้วยน่ะค่ะ...” เดียร์มองหน้าเขาอย่างประหม่าระคนเกรงใจ “ต้มข่าไก่...เอ่อ จะเป็นการรบกวนรึเปล่าคะ?”


เปมทัตมองดวงตากลมโตสีอ่อนคู่นั้น อดยอมรับไม่ได้ว่ามันช่างเอ็นดูเสียจนเขาใจอ่อน


“ไม่รบกวนครับ ช่วยได้” พ่อครัวยิ้มให้ เด็กสาวก้มหัวจนสุด “ขะ...ขอบพระคุณมากค่ะ! พี่เปรมใจดีมากๆ เลย!”


เท็นตาเป็นประกาย “จะทำต้มข่าไก่เหรอ”


“โชคดีจริงๆ ที่วันนี้ฉันซื้อของทำต้มข่าไก่มาด้วย!” เดียร์ยิ้มกว้าง เด็กโข่งกระตุกชายเสื้อพ่อครัว


“กุ๊ก อยากกินต้มข่าไก่”


“...ครับๆ” เปมทัตถอนหายใจเหนื่อยๆ ทำไมนายเปรมผู้แสนเปราะบางถึงต้องมาอยู่ในสภาพนี้ด้วยก็ไม่รู้


“เราไม่มีน้ำซุปไก่ เพราะงั้นก่อนอื่นก็เทน้ำเปล่าใส่หม้อลงไปก่อนนะครับ” พ่อครัวเริ่มตั้งหม้อ พลันเด็กสาวก็แทรกว่า “เอ่อ...เมนูนี้ขอฉันเป็นคนทำเองทั้งหมดได้ไหมคะ”


“...?”


“แบบว่า...แค่ส่วนใหญ่ก็ได้ค่ะ...ฉันอยากให้เมนูนี้เป็นฝีมือของตัวเองจริงๆ” เดียร์ก้มหน้างุด เปรมเข้าใจแล้ว เขาพยักหน้าง่ายๆ “ตกลงครับ งั้นผมจะบอกวิธีทำอย่างเดียวก็แล้วกัน”


“ขอบพระคุณมากเลยค่ะ!” เดียร์ยกมือไหว้เด็กหนุ่มอย่างซาบซึ้ง


ก่อนการทำต้มข่าไก่จะเริ่มขึ้น เด็กสาวขยับตัวหยิบจับอุปกรณ์อย่างขะมักเขม้นโดยมีเปมทัตยืนกำกับอยู่ข้างๆ ใกล้ๆ เป็นเท็นที่ยืนชะเง้อคอมองหม้ออย่างหิวโหย


แล้วเด็กโข่งก็แผลงฤทธิ์จนได้


“พี่เท็น! ฉันกำลังตั้งใจอยู่นะคะ!”


“เอาข่าออก”


“ไม่ใส่ข่าแล้วจะเป็นต้มข่าได้ยังไงกัน!” เด็กสาวพูดแล้วปวดหัว เท็นขมวดคิ้ว “เอาแต่ไก่”


“มีเรื่องแบบนั้นที่ไหน...พี่เท็น! อีกทีเดียวเดียร์จะไม่ทนแล้วนะคะ!”


“ขี้หวง” เด็กโข่งบุ้ยปาก 


เปรมยืนมองทั้งคู่คุยหยอกล้อกันอย่างสนิทสนมอยู่เงียบๆ ไม่นานต้มข่าไก่ก็เสร็จสมบูรณ์ เดียร์ใช้ช้อนตักน้ำแกงแล้วยื่นให้เปมทัตชิมด้วยสีหน้าลุ้นระทึก


พ่อครัวพยักหน้า “อร่อยครับ”


“เย้!” เดียร์ร้องออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะหันไปทางเด็กโข่ง “พี่เท็นชิมสิคะ พี่เปรมบอกว่าอร่อยแหละ!”


“ไหน” ทศทิศเดินเข้าไปหา เปมทัตมองเด็กสาวยืนป้อนแกงให้เท็นพลางหัวเราะคิกคัก ตามด้วยร่างสูงที่หันไปชมเธอด้วยดวงตาเป็นประกาย


พลันคำพูดที่เคยได้ยินก็ผุดขึ้นมาในหัว


‘ไม่เห็นต้องไปสนเรื่องหยุมหยิมภายนอกเลย’

เปรมไม่ใช่ผู้ชายใจดีอย่างที่คนอื่นเห็น...

 
‘สิ่งสำคัญอยู่ที่ ‘ความเชื่อมั่น’ ต่างหาก’

ตอนที่รับกระสุนแทนเท็น...เขาคิดแล้วว่าให้ตายยังไงก็ไม่มีทางยอมปล่อยอีกฝ่ายไปเด็ดขาด


‘กูจะไม่หนี’

เปรมเคยมั่นใจว่าแม้อะไรจะเกิดขึ้นเท็นก็จะเลือกเขา


‘คุณเปรมก็รู้ว่าเท็นติดคุณเปรมมากแค่ไหน!’

แต่ความมั่นใจของเขาในตอนนี้...


‘พวกเขาตกลงให้เท็นกับคุณเดียร์หมั้นกันแล้วล่ะครับ!!’

มันกำลังสั่นคลอน...


“น้องเดียร์เก่งเหมือนกันนะเนี่ย”

เปมทัตยืนมองเท็นสัพยอกเด็กสาว


“อะไรกันคะคำพูดแบบนั้นน่ะ ฉันเองก็มีฝีมือเหมือนกันนะ!”

พวกเขาช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน...


“เท็น...”

ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ?


“หืม?”

ทำไมนายถึงยังทำตัวตามปกติ


“นายมีอะไรอยากจะบอกฉันหรือเปล่า?”

ทั้งๆ ที่นายกำลังจะหมั้นกับเด็กคนนั้น...


“ไม่มีครับ”

จะไม่บอกอะไรฉันสักหน่อยเหรอ?


“...แน่ใจนะ?”

ขอร้องให้ฉันช่วยด้วยเสียงของนายสิ...


“อื้ม กุ๊กมีอะไรรึเปล่า?”

เหมือนทุกทีไง


เปรมสูดลมหายใจ

หรือว่านาย...


ฟางเส้นสุดท้ายของพ่อครัวขาดลงตรงนั้นเอง

ไม่ต้องการฉันแล้วอย่างนั้นเหรอ?


เด็กหนุ่มสะพายกระเป๋า ดวงตายาวรีเบิกขึ้นเล็กน้อย


“กุ๊ก?”


“ฉันจะกลับแล้ว” พ่อครัวหันหลังให้ ไม่อยากเห็นภาพคนทั้งคู่ไปมากกว่านี้ ตอนนั้นเองที่ร่างสูงปราดเข้ามาคว้าแขนคนตัวเล็กไว้ บอกว่า


“ค้างก่อนสิ”


เปมทัตเผลอสะบัดมือทิ้ง เมื่อได้สติก็รีบหันหลังให้ “โทษที ฉันเหนื่อยแล้ว”


“กุ๊ก โกรธเหรอ?”


เสียงทุ้มนั้นน่าสงสารเสียจนพ่อครัวรู้สึกผิด เขาแสร้งปั้นหน้ายิ้ม หันไปมองขำๆ “ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ?”


“กุ๊กไม่ยอมให้กอด...” เด็กโข่งคอตก พูดหน้าเศร้า


“เราทำอะไรผิดเหรอ”


เปรมนิ่งไป มองหน้าอีกฝ่าย ดวงตายาวรีคู่นั้นยังคงสะท้อนภาพเขาอย่างซื่อตรงและบริสุทธิ์ใจ...อย่างที่เคยเป็นมา แต่ทำไมกันนะครั้งนี้ในอกพ่อครัวถึงได้เจ็บปวดเหลือเกิน


เปมทัตตอบว่า “นายไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก”


เพราะคนที่ผิด...


“ฉันจะกลับแล้ว”


คือตัวฉันเอง


“ไม่เอา ไม่ให้กลับ” เท็นงอแงแล้วเข้ามากอดพ่อครัวไว้จากด้านหลัง คนตัวเล็กหลับตาอย่างข่มอารมณ์


“เท็น ปล่อย...”


“อย่ากลับเลยนะ”


“เท็น! พูดให้รู้เรื่องนะ!” สุดท้ายก็หันไปขึ้นเสียงใส่ เด็กโข่งหน้าเสียเมื่อโดนดุ 


“ขอโทษครับ...”


เปรมสูดลมหายใจลึก ขยับตัวออกจากอ้อมแขนใหญ่พร้อมพูดว่า


“ฉันไปล่ะ”


ก่อนจะเดินจากมาทั้งแบบนั้น...ด้วยความทรมานที่ล้นอยู่เต็มอก

ออฟไลน์ iJune4S

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-2
    • junejune's page.
(ต่อ)



ผืนฟ้าเวลาหนึ่งทุ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้ม เปมทัตลงรถเมล์หน้าประตูมหาวิทยาลัยแล้วเดินเข้ามา จุดหมายคือมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ข้างตึกรวมแลป


“เปรม!”


เสียงหนึ่งเรียกชื่อเขา ตามด้วยเจ้าของเส้นผมสีทองที่วิ่งเข้ามาหาเหมือนติดเรดาร์ อีกฝ่ายโผกอดพ่อครัวเหมือนเด็กๆ “ฮือ คิดถึงเปรมที่สุดเลย!”


เปรมกอดตอบยิ้มๆ “ไงแชงมา”


“เล่นกับเขาเบาๆ หน่อยสิเจ้าทึ่ม!” เด็กหนุ่มตาเหยี่ยวเดินตามมาทีหลัง พ่อครัวหัวเราะ “ไม่เป็นไรหรอก” มองแชงมาแล้วเลิกคิ้ว “เห ผอมลงหน่อยแล้วนี่?”


“ผลจากการพยายามอย่างหนักล่ะนะ” เดย์ถอนหายใจ เปมทัตยิ้มแหย “คงลำบากน่าดูเลยสินะ”


“มากๆ เลยล่ะ! แต่ฉันจะรีบกลับมาผอมนะ! เพื่อเปรมไงล่ะ!” แชงมาฉีกยิ้มประกายเจิดจ้าจนรอบข้างสว่างขึ้นมาแวบหนึ่ง เปรมหรี่ตา ดูท่าความสามารถนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัวแฮะ


“งั้นแยกกันตรงนี้นะ นายเองก็รีบไปได้แล้ว” เดย์บอกเพื่อนตัวโต พ่อครัวถามขึ้น


“ไปไหนเหรอ?”


“วันนี้คณะศึกษาฯจัดงานเลี้ยงต้อนรับคนที่เข้าคอร์สลดน้ำหนัก ฉันเลยต้องไปเป็นชิ้นเนื้อตัวอย่างให้ทุกคนเห็นว่า ‘ลดน้ำหนักได้ผลนะ’ น่ะ” เด็กหนุ่มมาดโฮสต์บอกทื่อๆ เปรมมุมากกระตุก ชิ้นเนื้อตัวอย่างเรอะ...


“แล้วเดย์?”


“เดย์มีนัดกับสาวแหละเปรม! ฮือออ” แชงมาร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา “ฉันต้องไปที่นั่นคนเดียวเลยนะ! ดูสิ ใจร้ายมากใช่ไหม นี่ไม่มีเพื่อนเลยนะเนี่ย!”


“ซันไง หมอนั่นไม่ปล่อยให้นายอยู่คนเดียวแน่ๆ” เดย์สัพยอก คิ้วเหนือดวงตาหางชี้กระตุกหงึก


“มีหมอนั่นฉันยอมอยู่คนเดียวซะดีกว่า!”


เปรมกระพริบตา “แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”


“หมอนั่นหน้าบึ้งตลอดเวลาเลย แถมยังชอบบังคับฉันด้วย นิสัยแย่มากเลยล่ะ” แชงมาสะบัดหน้าขวับ “เปรมของฉันน่ารักกว่าตั้งเยอะ!”


“...เหรอ” พ่อครัวขานรับอย่างไม่รู้จะพูดอะไร เป็นจังหวะที่เดย์บอกว่า “งั้นฉันไปก่อนนะ”


“โชคดีนะเดย์” เปรมหันไปโบกมือให้ เด็กหนุ่มตาเหยี่ยวโบกมือกลับก่อนจะเดินออกไป


“แล้วแชงไม่รีบไปเหรอ?” อันนี้หันมาถามเด็กหนุ่มมาดโฮสต์ แชงมาทำหน้าเหนื่อย


“นั่นสิ ถ้าไม่รีบไปมีหวังฉันโดนไอ้โหดนั่นเฉ่งอีกแหงๆ” เขาสบตาเปมทัตแวบหนึ่ง ก่อนจะยกมือแตะข้างแก้มพ่อครัวอย่างแผ่วเบา


“เปรม...ร้องไห้เหรอ?”


“เอ๊ะ” คนฟังสะดุ้ง ดวงตาหางชี้ทอประกายคมกริบ “ไม่มีน้ำตาหรอก ฉันเห็นตาแดงๆ เลยถามดูน่ะ”


“งะ งั้นเหรอ...” เปมทัตขยับตัวอย่างกังวล ร่างสูงมองท่าทางนั้น ถามว่า “เกิดอะไรขึ้นใช่ไหม?”


เปรมก้มหน้า ตอบเสียงแผ่วราวกับกระซิบ


“ไม่ใช่...”


“เทคนิคจับโกหกบอกว่าคนที่ตอบปฏิเสธแบบทวนคำถามส่วนใหญ่มักจะโกหกนะ” นิ้วยาวเชยคางเล็กขึ้นให้สบตา แชงมาใช้นิ้วโป้งแตะใต้ขอบตาพ่อครัวเบาๆ


“ไม่รู้หรอกว่าไปเจออะไรมา...แต่อย่าฝืนมากไปนักล่ะ” เจ้าของเส้นผมสีทองพูดชัดถ้อยชัดคำ


“ฉันอยู่ข้างเปรมเสมอนะ”


พ่อครัวสบตาอีกฝ่าย ยิ้มออกมาในที่สุด
   

“ขอบคุณนะ แชงมา”




ตั้งแต่วันนั้นเปรมก็หลบหน้าเท็น พ่อครัวมักจะหายไปจากห้องและให้เพื่อนๆ ช่วยกลบเกลื่อนเสมอเวลาทศทิศเข้ามาหาหลังเลิกเรียน รวมถึงไม่ยอมรับสายและไม่ตอบข้อความใดๆ จากร่างสูงทั้งสิ้น


เขายังไม่พร้อมจะเจออีกฝ่าย...


ต้นเดือนธันวาคมเวียนมาถึง ยามเย็นที่ลมหนาวพัดผ่าน หลังเรียนปิงปองเสร็จเปมทัตก็แยกกับเพื่อนเพื่อกลับหอ ระหว่างทางเดินไปที่จอดรถนั่นเอง...ใครบางคนยืนรอเขาอยู่


เปรมมองคล้ายไม่อยากจะเชื่อ เบื้องหน้าปรากฏร่างสูงอันคุ้นเคย


“...”


ดวงตายาวรีคู่นั้นจับจ้องเขา 


วิ้ว...


ลมหนาวพัดมาวูบหนึ่งคล้ายสลับฉาก เย็นยะเยือกกรีดผิวเนื้อเด็กหนุ่มจนรู้สึกเจ็บ แต่นั่นคงไม่สาหัสเท่าบาดแผลตรงหัวใจที่บอบช้ำจนแทบไม่เหลือแรงเต้นแล้วในตอนนี้


“กุ๊ก”


เท็นก้าวเข้ามาหา เปรมทำท่าจะเดินหนีทว่ากลับถูกอีกฝ่ายปราดเข้ามาคว้าแขนไว้


“ปล่อย!”


“กุ๊กหลบหน้าเราทำไม?”


“ฉันไม่ได้...”


เสียงพ่อครัวเงียบหายไป ทศทิศจับไหล่อีกคนให้หันมาเผชิญหน้า


“กุ๊กเป็นอะไรกันแน่!!”


เปมทัตนิ่งไป เขามองเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่ในดวงตายาวรีของอีกฝ่าย


“ฉัน...”


ช่วงที่ผ่านมาเปรมคิดอยู่ตลอด...ตั้งแต่เจอเดียร์เขากับเท็นก็คุยกันน้อยลง ปกติตารางเรียนอันแน่นขนัดของว่าที่คุณหมอก็ทำให้เจอกันยากอยู่แล้ว


กอปรกับฝ่ายหญิงไปหาทศทิศแทบทุกวันทำให้ร่างสูงต้องรับรองแขกจนไม่มีเวลามาเจอกันอีก ยิ่งช่วงหลังพ่อครัวยังพยายามหลบหน้าอีกฝ่ายด้วย แถมเท็นกับเด็กสาวก็ช่างเข้ากันได้ดีเหลือเกิน...


ในที่สุดความคิดทั้งหมดก็ส่งให้พ่อครัวพูดออกมา


“พอสักทีเถอะ”   


“ว่าไงนะ?” เท็นขมวดคิ้ว เปมทัตสูดลมหายใจคล้ายรวบรวมความกล้า พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น


“ฉันมาคิดดูแล้ว เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้หรอก”


“หมายความว่ายังไง” ทศทิศเพิ่มแรงบีบแขนอีกคนโดยไม่รู้ตัว “ทำไมพูดแบบนั้น?”


เปรมก้มหน้า “ฉัน...”


ครืด...


เป็นจังหวะที่สมาร์ทโฟนในกางเกงเปมทัตสั่นตัว เท็นคลายมือออกคล้ายยอมให้กดรับสาย พ่อครัวแนบมือถือขึ้นข้างหูโดยไม่มองหน้าจอ “ฮัลโหล...”


(เปรมจ๋า! อยู่ไหนแล้ว?)


“แชงเหรอ?” เปรมเพิ่งนึกออกตอนนั้น เขานัดอีกฝ่ายไว้เพื่อจะเอาสูตรอาหารคลีนไปให้เย็นนี้นั่นเอง ยังไม่ทันเอ่ยตอบเท็นก็คว้ามือถือไปจากเขาอย่างรวดเร็ว


ดวงตายาวรีทอประกายวาวโรจน์ นิ้วยาวกดตัดสายอย่างเย็นชา เปมทัตเบิกตากว้าง “เท็น! เอามือถือฉันคืนมานะ!”


“ไม่” เท็นตอบเสียงทุ้ม ขบกรามแน่น “นี่ใช่ไหมเหตุผลที่กุ๊กหลบหน้าเรา! เพราะไอ้หมอนี่ใช่ไหม!”


“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ! นิสัยเสีย!”


พ่อครัวพยายามเข้าไปแย่งคืน ทศทิศกัดฟันกรอด เขาใช้มือหนาจับสองข้อมืออีกฝ่ายไว้ ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเกรี้ยวกราดกึ่งเจ็บปวด “เริ่มคุยกันตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมเราไม่รู้เรื่อง!”


“ก็ตั้งแต่ที่นายไปอยู่กับเด็กคนนั้นไงเล่า!!” เปรมตะโกนออกมาอย่างเหลืออด คนฟังขมวดคิ้ว “น้องเดียร์เกี่ยวอะไร? ไปคุยกับมันทำไมกุ๊กไม่บอกเรา!”


“ทำไมฉันต้องบอกนายด้วย!” พ่อครัวสวนกลับทันที


ทำให้มันจบลงตรงนี้แหละ...


“กุ๊กเป็นของเรา!”


“ฉันไม่ใช่ของๆ นาย!!” เปมทัตเผชิญหน้าอย่างไม่ลดละ ยกยิ้มเยาะ “หึ...นายจะหมั้นยังไม่เห็นบอกฉันเลยนี่?”


“ไปรู้เรื่องนั้นมาจากไหน?” ทศทิศจ้องหน้า พ่อครัวพูดกระแทกเสียง “ทำไมล่ะ ไม่พอใจรึไงที่ฉันรู้น่ะฮะ!” ความกล้านั้นมีมากพอกับความเจ็บปวดทีเดียวในตอนนี้


“เรื่องนั้น...”


“ทีนายยังมีคนคุยได้...” เปมทัตจ้องตาอีกฝ่าย


“แล้วทำไมฉันจะมีคนคุยบ้างไม่ได้!!”


“ไมได้!!” เท็นสวนกลับแบบไม่ต้องคิด ก่อนสมาร์ทโฟนในมือเขาจะสั่นขึ้นอีกรอบ พ่อครัวขมวดคิ้ว


“เอาของฉันคืนมา!”


“เราไม่ยอม!”


“ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน!” เปมทัตพรวดเข้าไปกระชากมือถือ ก่อนจะถูกร่างสูงคว้าเข้าไปกอดไว้แน่น


“กุ๊กฟังเราก่อน”


“ฉันยังต้องฟังอะไรอีก...” คนพูดพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น “นายจะหมั้น...แต่นายไม่ยอมบอกฉัน มันหมายความว่ายังไง? เพราะตัวนายเองก็ต้องการแบบนั้นใช่ไหมล่ะ!!”


“กุ๊ก...”


“ปล่อย!” เปรมสะบัดตัวหลุดจากอ้อมแขนใหญ่ได้สำเร็จพร้อมมือถือ ก่อนจะโดนคนตัวใหญ่รวบไปกอดไว้อีกครั้ง


“เท็น!”


“ไม่เอา!” ทศทิศซุกหน้ากับไหล่พ่อครัวอย่างใจเสีย ดวงตายาวรีสั่นวูบ “เราไม่ให้กุ๊กไป อย่าไปเลยนะ”


“อย่ามาแตะตัวฉัน! ปล่อย!” เปรมเหยียบเท้าร่างสูงเต็มแรง ฝ่ายหลังร้องลั่น เปมทัตอาศัยจังหวะนี้สลัดตัวให้หลุดจากอ้อมแขนใหญ่แล้วผลักจนอีกฝ่ายล้มลง


กึก!


เท็นนิ่วหน้า หันไปมองขาที่พับอยู่ ข้อเท้าของเขาพลิกเสียแล้ว


“กุ๊ก...”


เปรมชะงัก เขาไม่ได้ตั้งใจให้อีกฝ่ายเจ็บตัว แต่พอสบดวงตายารีคู่นั้นแล้วก็ทำได้เพียงหันหลังให้เพราะกลัวตัวเองเผลอใจอ่อน
เท็นหน้าเสีย พยายามลุกขึ้นด้วยใบหน้าเหยเก “กุ๊ก...ฮึก ไม่เอานะ...”


“เรื่องของเรามันจบแล้ว...” เปรมพูดอย่างเย็นชา หลับตาตะโกนสุดเสียง


“อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก!!”


“ไม่นะ...” เท็นมองพ่อครัวหันหลังวิ่งจากไปแล้วเบิกตากว้าง จะลุกขึ้นวิ่งตามก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ “ไม่เอา ฮึก กุ๊ก...” แผ่นหลังของเปมทัตไกลออกไปทุกที


“กุ๊กอย่าทิ้งเรา...ฮือ กุ๊กกลับมา...”


ตอนนั้นเองที่เบนซ์สี่ประตูคันหรูแล่นมาจอดเทียบท่า ออกัสวิ่งลงมาอย่างตกใจ


“เท็น!”


ทศทิศนั่งนิ่งเหมือนวิญญาณออกจากร่าง ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยว ก่อนจะสะอื้นออกมาในที่สุด


“เราขอโทษ เราจะไม่ทำอีกแล้ว กุ๊กกลับมาหาเราเถอะนะ ฮือ...” เสียงร้องนั้นเจ็บปวดราวกับจะขาดใจ ดวงตายาวรีคู่งามเคลือบด้วยม่านน้ำตา หัวใจคนมองปวดแปลบยามหยาดน้ำใสไหลลงข้างแก้มเด็กหนุ่ม


“กุ๊กอย่าทิ้งเราไป...” 
   

ออกัสย่อตัวกอดนายน้อยด้วยดวงตาแดงก่ำ กระชับอ้อมแขนอย่างนึกสงสารน้องชายจับใจ




อีกด้าน เปมทัตที่วิ่งมาสุดแรงก็ชนเข้ากับใครบางคน


ตุบ!


“ขอโทษครับ!” พ่อครัวก้มหน้า ก่อนจะออกแรงดิ้นเมื่อถูกคว้าแขนไว้


“เปรม!”


เจ้าของชื่อยืนนิ่งเมื่อได้ยินเสียง ทันทีที่เงยหน้าสบตาอีกฝ่าย ทำนบน้ำตาก็พังทลายลงมาในที่สุด


“แชง...”


ร่างสูงคว้าอีกฝ่ายเข้ามากอดดังหมับ พ่อครัวสะอื้นฮักจนเจ็บหน้าอก “ฉันทำเขาร้องไห้...ฮึก ฉันผิดเอง...” กำปั้นลุ่นทุบเข้าอกกว้าง เปมทัตแผดเสียงออกมาราวกับจะขาดใจ


“ฉันมันเลวที่สุดเลย!! ฮือ...”


ดวงตาหางชี้ทอประกายเจ็บปวดยามได้สินเสียงสะอื้นของอีกฝ่าย ทำได้เพียงกอดร่างที่ราวกับจะแตกสลายไปได้ทุกเมื่อของพ่อครัวเอาไว้ พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น


“ฉันอยู่กับเปรมนะ”


“ฮือ...”




ในเวลาเดียวกันมีคนสองคนหัวใจสลาย


“เขาไม่จำเป็นต้องมีฉันอีกแล้วแชง...”

หนึ่งคือคนที่ถอยออกมาเพราะไม่เข้าใจ


“ฮือ กุ๊กอย่าไปเลยนะ...”

อีกหนึ่งไม่ยอมอธิบายอะไรแล้วปล่อยอีกคนให้จากไปอย่างเจ็บปวด



****************************************************** *

สวัสดีค่าาาา า
 :katai4:
เฮ้ยรอบนี้มาเร็วอะ ตบมือแมะ 5555555 5
จริง ๆ กะจะเก็บตอนนี้ไว้ลงกลาง ๆ เดือนหน่อยด้วยซ้ำ
แต่คอมเกิดติด ๆ ดับ ๆ เลยเอาวะ ลงเลยละกัน
ขอบคุณคอมที่เจ๊งเนาะ 555555 5

เคยลองแกล้งทวิตถามว่าถ้าจบไม่สวยจะเป็นอะไรมั้ย
ผลคือน่าจะโดนด่านั่นเอง เอาซะนี่ลังเลเลยค่ะ 55555 5
อีกสอง .. หรืออาจจะสามตอนเรื่องนี้ก็จะจบแล้ว
เกือบปีนึงพอดีเลยค่ะ วู่ยนานอะไรเบอร์นั้น 555555 5
หายใจเหมือนกันนะคะ จะออกหัวหรือก้อยก็มาลุ้นกันเนาะ

สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณที่สนใจและให้ความสำคัญกับนิยายกิงกะหล่าเรื่องนี้ค่ะ
ทั้งออกสื่อและไม่ออกสื่อเลย รวมถึงคนที่ช่วยบอกต่อด้วย
พอแอบไปเห็นมันก็ดีใจจนต้องยิ้มแบบนางงามออกมาเลยค่ะ อิ๊ ๆ คริ ๆ

โซนขายของ ฝากเพจด้วยนะคะ
iJune4S
น้องจูนคนเดิม ไม่มีอะไรเพิ่มเติมเลยค่ะ
จะโฆษณาทำไมก็ไม่รู้ ก็ไปหลับ ๆ หู หลับ ๆ ตากดกันเนาะ 55555 5

ใครว่าง ๆ ก็ไปเล่นแท็ก #เสื้อกาวน์รุกเสื้อกุ๊กรับ ในทวิตเตอร์กันได้นะคะ
 :katai2-1:
แล้วเจอกันตอนที่สามสิบค่าาา า 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-08-2016 20:21:36 โดย iJune4S »

ออฟไลน์ leceto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
สมน้ำหน้าเท็นค่ะ!!!! อยากซึนดีนัก โดนทิ้งอ่ะสมควรแล้ว

ออฟไลน์ ice.sp0211

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เจ็บปวดดดดดดด

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
มาเร็วไม่พอ ยังเอาดราม่าหนักหน่วงมาด้วย  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

ถ้าเท็นไม่อธิบายเรื่องหมั้นนั่นกุ๊กก็ไม่เข้าใจหรอก  :เฮ้อ:


ออฟไลน์ Malila

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :sad4:  อธิบายหน่อยมั้ย

ออฟไลน์ aornarak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทำไมอ่านแล้วปวดใจT_T

ออฟไลน์ zeroj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เท็น  ทำไมนายไม่อธิบายอะไรเลย  ห๊ะ     :angry2: :angry2: :angry2:

สงสารหนูเปรม   :sad11: :sad11: :sad11:

ออฟไลน์ Fujoshi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
เฮ้ออ.....
เท็นก็น่าจะมีเหตุผลของเท็นอ่ะนะ
แต่ก็ไม่ยอมพูดกัน มันเลยเป็นแบบนี้ไงล่ะ
ค้างอ่าาาา :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
#ทีมเปรม ไม่ว่าเท็นจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม ขอเข้าข้างคนที่เจ็บปวดที่สุดก่อน :กอด1:
จบไม่สวยบ้านบึ้มนะคะ o18

ล้อเล่น  :laugh:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
โดนแบบนี้ก็สมควรแล้ว

เราว่าเท็นดูงี่เง่าไปหน่อยอ่ะ เป็นพวกทำอะไรเป็นเด็กตลอดก็จริง แต่ขนาดนี้มันก็เกินไป

ออฟไลน์ Zurruz

  • สาววายพันธุ์ยัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
จบไม่สวย เราไม่โวยวายนะ ไม่ด่าด้วย ขอแค่สมเหตุสมผลก็พอค่ะ

ส่วนตอนนี้ อืม เรารำคาญนะ เท็นปกติออกจะพูดตรง โผงผาง ไม่มีเก็บ ทีนี้มาเงียบ เป็นบ้าหรอ

ส่วนเปรม เข้าใจนะ แม่งก็ชัดขนาดนี้ จะไปโวยวายถามต่อหน้านังเดียร์ก็ใช่เรื่อง กุ๊กแมนจะตาย

เป็นเราเราตะโกนถามไปนานแล้วว่าตกลงจะเอายังไง ใครเอาลวดมาเย็บปากเท็นหรอ?

เม้นแรกเลยมั้ง แต่เราตามอ่านมานานแล้วนะ 555555 สู้ๆนะคะะะ


ออฟไลน์ PuNNa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หน่วงงงงงงงงงงงมากกกกกกกก :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ไงล่ะ! ผลของการไม่ฟังและไม่พูด เจ็บปางตายทั้งคู่
สงสารทั้งคู่เลยอ่ะ แต่แอบเคืองเท็น กุ๊กไม่ใช่ของตายนะเว้ยย!!!

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
เ็ท็นทำอะไรให้มันชัดเจนและจริงจังหน่อย ต้องกล้าตัดสินใจด้วยตัวเอง 

ถ้าำไม่กล้าที่จะขัดขืนของพ่อก็ต้องปล่อยมือจากเปรมเถอะนะ

เศร้าอ่ะ     :mew6:

    :mew6:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เอ๊า แล้วทำไมไม่พูดล่ะเท็น เปรมให้โอกาสพูดก็ไม่ยอมพูด เลยเสียใจกันทั้งคู่เลย
โดยส่วนตัวแล้วเห็นใจเปรมนะ เพราะดูแล้วเท็นเหมือนเด็ก ต้องการชดเชยเรื่องแม่ พอมีเปรมเข้ามาก็ยึดไว้(ไม่รู้ว่าเป็นตัวแทนของแม่รึเปล่า แต่เราเหมาว่าเป็นอย่างนั้นไปแล้ว) ทั้งที่เปรมก็รักเท็น แต่พอมาเจอว่าอีกฝ่ายจะต้องหมั้น ต้องแต่งงานกับอีกคน ที่ดูเข้ากันได้ดี ก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นใจ ประกอบกับเท็นไม่แสดงความชัดเจนเลย เปรมเลยถอยสินะ
บทนี้สงสารเปรมสุดๆ
ปล. คิดว่าเดียร์อาจจะมีคนที่ชอบอยู่แล้วรึเปล่า... คนที่ตั้งใจทำต้มข่าไก่ให้

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
หน่วงจนพูดไม่ออก สงสารเปรม สงสารเท็น  :ling3: มาม่าเต็มชามเลยค่ะ  :o12:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ถ้าเท็นทำได้แค่บอกว่าอย่าไป จะไม่ทำอีกแล้ว
แล้วจะรั้งให้เปรมอยู่
เราจะเชียร์ให้เปรมไปหาคนอื่นเลยค่ะ
เพราะถ้าเปรมต้องอยู่อย่างไม่รู้อะไร  แล้วต้องเสียใจ สู้อยู่กับคนอื่นที่ไม่ทำให้เปรมเสียใจดีกว่า

ออฟไลน์ ห้วงเวลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :m31:#ทีมเปรม

เข้าใจเปรมอะ เท็นเหมือนยังไม่เข้าใจคำว่ารัก ทั้งที่บอกรักออกไป เหมือนกับรักเปรมแบบแม่เป็นตัวแทนแม่มากกว่า
ต้องการให้เปรมเข้าใจตัวเองตลอด ทั้งที่ตัวเองไม่อธิบายอะไร
เหมือนเปรมเป็นแม่อะที่ต้องยิ้มรับตลอดเข้าใจตลอดต้องเข้าใจทุกการกระทำเหมือนที่รู้สึกดีกับเดียร์อะ(ไม่แน่ใจว่าแบบน้องรึเปล่าเพราะ ความรู้สึกที่มีต่อเปรมยังไม่เข้าใจ)เวลามีเพื่อนมาบ้านต้องยิ้มคุยปกติ แต่มันเป็นไปได้ปะ ถ้าเปรมทำแบบนั้นก็หึงก็หวง ทีตัวเองทำไม่เป็นไร
แยกกันแบบที่เปรมทำดีกว่าให้ไปทำความเข้าใจกับความรู้ตัวเองดีกว่าแล้วค่อยมาคุยกัน
ไม่เกี่ยวกับพ่อหรอกถ้าตัวเองจะให้พ่อจูงจมูกขนาดก็อย่ามาหวงเปรมว่าเป็นของตัวเองเลยดีกว่า เจ็บแทนเปรมอ่านแล้วหน่วงมากหายใจไม่ออก เพราะถึงอธิบายว่าหมั้นเพราะอะไร ถ้าแก้นิสัยเท็นไม่ได้เปรมก็จะเจ็บเหมือนเดิม แบบนี้ยังดีเสียกว่าเจ็บตั้งแต่แรก
#ทีมเปรม สุดใจ :angry2: :m15:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด