<< คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>  (อ่าน 154424 ครั้ง)

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
« เมื่อ16-03-2015 20:20:38 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ   
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด 
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
 หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
 หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
 และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด   
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ 
เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม 
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
       7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
       7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
       7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
             - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวปhttp://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
 บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
 นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
 (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
 (2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
  16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข 
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)   
 
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






 --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


นิยายเรื่องนี้ ดัดแปลงมาจากแฟนฟิค ชื่อเรื่องเดียวกัน คนแต่งคนเดียวกันใช้นามปากกาเดียวกันนะจ๊ะ

หากอ่านแล้วมีติดขัด แจ้งคนแต่งได้เลยจ้า

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-01-2017 19:17:43 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
{Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทนำ#
«ตอบ #1 เมื่อ16-03-2015 20:23:26 »


                                                      คำสาปร้าย...พ่ายรัก

                                                               บทนำ


          พยับเมฆดำทมึนลอยต่ำยิ่งทำให้ท้องฟ้ายามราตรีกาลมืดมิดลงอีก นกกลางคืนรู้แกวบินผวาหนีจากการเกาะเกี่ยว

อยู่บนยอดของวิหารเล็กที่ซ่อนตัวอยู่กลางทะเลทรายเมื่อรู้สึกได้ถึงรังสีแห่งความอำมหิตที่แผ่กระจายออกมาจากภายใน

          เสียงอัสนีบาตฟาดเปรี้ยงอยู่ภายนอก มิได้ทำให้ร่างที่ยืนตัวตรงห่อหุ้มไปด้วยผ้าทอย้อมสีเข้มจนมองเห็นเพียง

ดวงตาที่ดำขลับขยับเขยื้อน ซ้ำร้ายดวงตาคู่นั้นยังลุกโชนราวกับแสงไฟจากแท่งไต้ที่ตั้งอยู่ด้านข้างของแท่นหินก้อน

ใหญ่ตรงหน้าจะสะท้อนออกมา ร่างที่ยืนนิ่งเงยหน้าขึ้นช้าๆทอดสายตามองเทวรูปองค์ประธานในวิหาร

          น่าแปลก เทวรูปนั้นกลับไม่ใช่ก้อนหินแกะสลักที่ทำเป็นตัวแทนของเทพองค์ใด แต่กลับกลายเป็นรูปงูตัวใหญ่

คด
เคี้ยวแผ่แม่เบี้ยชูคอหรา อัญมณีที่ประดับเป็นดวงตาของงูยักษ์เป็นสีแดงฉานกว่าแสงเพลิงยิ่งทำให้หินสลักยิ่งดู

เหมือนงูที่มีวิญญาณเร้นลับ

          หินก้อนใหญ่หน้าตัดเรียบถูกนำมาวางอยู่ระหว่างงูยักษ์และมนุษย์เพียงคนเดียวเพื่อใช้เป็นที่จัดวางสิ่งบูชา ซึ่ง

ตอนนี้ปรากฎแค่ดินเผาที่ทำขึ้นมาลักษณะคล้ายภาชนะที่นำมาใส่น้ำ ภายในภาชนะดินเผามีอักษรรูปร่างแปลกประหลาด

บันทึกอยู่ในเนื้อดิน มนุษย์ที่มีลมหายใจก้มหน้ามองอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย

          เมื่อเงยหน้าขึ้นจ้องมองดวงตาของงูยักษ์อีกครั้ง ร่างที่ห่อหุ้มจนมองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงชูแขนสองข้า

ขึ้นเหนือศีรษะเพื่อสักการะแด่หินงูยักษ์ตรงหน้า




ขอคำรามคำรพนบไหว้

แด่งูใหญ่ในพื้นปฐพี

แผ่อำนาจทั่วหล้าจวบถึงสุริย์ศรี

ข้านี้ขอรองบาททุกชาติไป

ขออำนาจที่แก่กล้า

ปกปักรักษาทุกสมัย

แลโปรดดลบันดาลขจัดศัตรูพ่าย

นาม.. มาอี..ชาติชายให้ย่อยยับ

อย่าได้พบพักตร์...ราโมส

ทุกภพทุกชาติจงแคล้วคลาด

ความรักจงกลับกลายพยาบาท

ตราบจนกว่าจะได้รับคำอนุญาต

จากข้า ผู้บูชา





          สิ้นเสียงคำสาปแช่งดวงตาดำสนิทวาวโรจน์ขึ้น มือล้วงเข้าไปในเครื่องแต่งกายด้านในแล้วดึงก้อนหินที่ถูกทำให้

แหลมและคมขึ้นมาจ่ออยู่ที่ข้อมืออีกด้านก่อนกรีดกับเนื้อจนโลหิตสีแดงฉานไหลเป็นทาง

         ร่างนั้นปล่อยให้โลหิตหลั่งรินลงไปสู่ก้นของภาชนะดินเผาจนเป็นแอ่งคาวคลุ้งไปด้วยเลือด ก่อนที่จะชะงักเมื่อ

ได้ยินเสียงลมพัดอื้ออึงอยู่ภายนอกวิหาร เปลวไฟที่ถูกลมพัดโบกไหว ก่อให้เกิดเงาดำทมึนเบื้องหลังงูยักษ์ มองไปก็

เหมือนเป็นงูจริงที่แผ่แม่เบี้ยเพื่อรับการบูชา                 

          อัสนีบาตฟาดครืนครั้งใหญ่ ดวงตาสีนิลไหววับอย่างพึงพอใจมือข้างที่ไม่บาดเจ็บยกหินก้อนขนาดเท่า

กำปั้นขึ้นมา แล้วทุบลงไปบนภาชนะดินเหนียวจนมันแตกเป็นเสี่ยง โลหิตภายในกระเด็นเซ็นซ่านก่อนที่มนุษย์ผู้นั้นจะ

กระตุกยิ้มอย่างสาสมใจ


                              -----------------------------------------



นิยายเรื่องนี้ ดัดแปลงมาจากแฟนฟิค ชื่อเรื่องเดียวกัน คนแต่งนามปากกาเดียวกัน

อาจมีติดขัดประการใด ติชมกันได้นะคะ


 :mew1: :mew1:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2015 13:05:17 โดย Belove »

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: {Re-write} คำสาปร้ายพ่ายรัก #บทนำ#
«ตอบ #2 เมื่อ16-03-2015 20:40:51 »

มาแบบอาฆาตแค้น อะไรจะแค้นกันได้ขนาดนั้น หึหึ

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                             คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                บทที่ 1


       “เฮ้ย!”


       คนที่นอนหลับสนิทอยู่บนที่นอนยางพาราสะดุ้งสุดตัวลุกพรวดขึ้นมานั่งก่อนที่จะกระพริบตาขับไล่ความมึนงง

แล้วจึงยกฝ่ามือขึ้นมาปาดเหงื่อชื้นจากต้นคอทิ้ง หันไปหยิบนาฬิกาปลุกที่หัวนอนมาดูในความมืดแล้วก็ต้องถอนหายใจ

เมื่อมันยังเช้าเกินไปที่จะตื่น

       ฝันประหลาดบ้าบอที่ฝันซ้ำติดกันหลายวันในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมารบกวนการพักผ่อนในห้วงนิทราส่งผลให้

ร่างกายอ่อนเพลียอันเนื่องมาจากการนอนน้อย ดวงตาอันงดงามราวกับเนื้อทรายจึงดูอิดโรยกว่าเคย มันเป็นฝันที่แปลก

และที่สำคัญเขากลัวสิ่งที่ปรากฏในฝันเป็นอย่างยิ่ง

        ร่างสูงลุกจากที่นอนดึงผ้าห่มผืนบางมาพับเก็บอย่างมีระเบียบ เดินไปปิดพัดลมแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวก้าวออก

ไปจากห้อง ลงบันไดไปสู่ห้องน้ำที่อยู่ด้านนอก เหลือบตามองไปที่กุฎิของเจ้าอาวาสเห็นแสงสว่างลอดออกมาจาก

หน้าต่าง แสดงให้รู้ว่าผู้เป็นเจ้าของตื่นแล้ว

       กุฎิ ใช่แล้ว เขาอาศัยอยู่ในวัด เป็นเด็กวัดหรือจะให้เรียกดีหน่อยก็ต้องเรียกว่าลูกศิษย์พระมาตั้งแต่เกิด พ่อ

แม่เป็นใครเขาไม่รู้เพราะตั้งแต่จำความได้เขาก็เห็นแต่หลวงพ่อสมานผู้เป็นเจ้าอาวาสของวัดเล็กๆแถบชานเมืองหลวง

แห่งนี้เป็นผู้ปกครองคอยสั่งสอนและส่งเรียน โชคดีที่เขาเรียนดีจึงได้ทุนการศึกษามาตลอดจนกระทั่งทุกวันนี้เมื่อเขา

เรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 หลวงพ่อจึงไม่ต้องเป็นกังวลในรื่องค่าใช้จ่าย

        เดินไปส่องกระจกที่หน้าห้องน้ำดวงตาปรือพยายามเบิกกว้างขับไล่ความง่วงงุน จ้องตัวเองในกระจกที่ฝ้ามัว

แต่เขาก็ยังพอมองเห็นใบหน้าของตัวเอง หน้าเรียวยาวดวงตายาวรีผสานกับนัยน์ตาที่ดำขลับราวกับนิลรับกับจมูกโด่งรั้น

บ่งบอกอุปนิสัยไม่ยอมคนริมฝีปากอิ่มได้รูปเมื่อรวมกันทั้งหมดทำให้เขาถูกล้อตั้งแต่เด็กว่าหน้าหวานราวกับผู้หญิงซึ่งเขา

ก็ไม่ได้ชื่นชอบนัก

        ธราเทพคือชื่อจริงของเขาแปลว่าเทพของแผ่นดินเป็นชื่อที่หลวงพ่อสมานตั้งให้ มันดูยิ่งใหญ่มากสำหรับ

เด็กวัดอันต้อยต่ำเมื่อเขารู้ความหมายของมัน

       
       “เหมาะสมกับเจ้าดีแล้ว อย่ากังวลไปเลย”


        หลวงพ่อบอกกับเขาพร้อมกับสายตาปรานีแต่จนทุกวันนี้ธราเทพก็ยังไม่เข้าใจว่ามันจะเหมาะตรงไหน ส่วน

ชื่อเล่นของเขาคือวินที่แปลว่าชัยชนะในภาษาอังกฤษ


       “ที่หลวงพ่อให้เจ้าชื่อวินก็เพื่อเตือนใจ ไม่ใช่ให้เจ้าไปเอาชนะผู้อื่นแต่หลวงพ่ออยากให้เจ้าชนะใจตนเอง จำ

ไว้นะ”


       ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวแม้จะเป็นเวลาใกล้รุ่งสางทำให้ธราเทพรีบก้าวเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายให้

สะอาดอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะเตรียมตัวไปเดินรับอาหารพร้อมพระในวัดที่ออกบิณฑบาตรในตอนเช้าอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน

ทันทีที่เปิดประตูห้องน้ำ ธราเทพก็ต้องยืนขาแข็งขนลุกชันไปทั้งตัวเมื่อเห็นสิ่งที่ผงาดอยู่เบื้องหน้า


        งู !!


        ไม่ ต้องไม่ใช่งู นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ธราเทพหวาดกลัวตั้งแต่จำความได้  ยิ่งงูที่เห็นในตอนนี้แผ่แม่เบี้ย

หราส่งเสียงขู่ฟอดพร้อมที่จะฉกกัดได้ทุกเสี้ยววินาทียิ่งทำให้เขาแทบสิ้นสติ

        กลั้นหายใจปิดประตูอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหันรีหันขวางคว้าไม้กวาดทางมะพร้าวที่อยู่มุมห้องน้ำกำแน่นอยู่ใน

มือธราเทพค่อยๆเปิดประตู มือที่กำไม้กวาดไว้เตรียมจะหวดลงเพียงเพื่อจะหาทางหนีไปให้พ้นบริเวณนี้แต่พอประตูเปิด

กว้างเขาก็ต้องงงงัน

       งูใหญ่ตัวนั้นหายไปแล้ว









       ธราเทพก้าวเข้ามาแล้วทรุดตัวลงนั่งบนโต๊ะหินอ่อนที่ประจำในมหาวิทยาลัยอย่างอ่อนระโหย คนที่นั่งสนทนา


กันอยู่ก่อนแล้วสบตากันด้วยความสงสัยในท่าทางของผู้เป็นเพื่อน


      “เป็นไรวะ หน้าซีดเชียวมึง


       ภูหิรัณย์หรือเซนเพื่อนสนิทตั้งแต่มัธยมแล้วลากกันมาเรียนต่อถึงมหาวิทยาลัยเอ่ยถาม


      “นอนน้อย” ธราเทพตอบพลางเอนตัวพิงหลังกับขอบโต๊ะแล้วหลับตาลงด้วยท่าทีเพลียจัด


       “แล้วทำไมแกนอนน้อย ปกติแกมันเด็กอนามัยนี่หว่า


       เสียงของผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม ก้อย วริษฐา เพื่อนที่เพิ่งมารู้จักตอนเข้ามหาวิทยาลัยถามเสริมขึ้นยิ่งทำให้

ธราเทพต้องถอนหายใจยาวออกมา


       “ก็ไอ้ฝันบ้าบออะไรก็ไม่รู้ฝันติดกันเป็นอาทิตย์แล้วเนี่ย เลยตื่นกลางดึกมันทุกคืน นี่ถ้าคืนนี่ฝันอีกกูเป็น

ซอมบี้แน่ รู้ป่ะ กูฝันจนเห็นภาพหลอน


       ธราเทพตอบเพื่อนเสียงเครียดจนเพื่อนทั้งสองต้องมองหน้ากันแล้วหันมาถามพร้อมๆกัน


      “ฝันว่าอะไรวะ


       ธราเทพขมวดคิ้วพลางยกปลายนิ้วขึ้นกดที่ขมับ


      “ฝันว่าเจองูตัวใหญ่จะเข้ามากัดมันเตรียมพุ่งมารัด ตาของมันแดงอย่างกับเลือดเลย นี่ฝันจนเมื่อเช้ามองเห็นงู

อยู่หน้าห้องน้ำ กูกลัวแทบแย่รีบปิดประตูหนีมันพอเปิดประตูมางูหายไปซะงั้น ถึงได้บอกไงว่าถ้าคืนนี้กูฝันอีกประสาท

กินแน่


       “อ้าว ฝันเห็นงูไม่ได้แปลว่าจะเจอคู่เหรอแก


      วริษฐาถามยิ้มๆแต่ธราเทพไม่ขำด้วย เขาตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความหวาดกลัว


      “ไม่ละ ถ้าเนื้อคู่จะแปลงร่างเป็นงูมาซะตัวใหญ่บิ๊กเบิ้ม เป็นโสดเป็นเพื่อนแกดีกว่าก้อย


       ธราเทพตัดใจจากความกลัว แล้วดันตัวลุกขึ้นพลางชวนเพื่อน


      “ใกล้ถึงเวลาเรียนของอาจารย์วาโยแล้ว ไปกันดีกว่า พี่แกชอบมาเร็วกว่านักศีกษาซะด้วย


       แต่ทันทีที่ร่างกายเหยียดตัวเต็มความสูงธราเทพก็ต้องชะงักกับความรู้สึกอะไรบางอย่างเหมือนดวงตาของใคร

บางคนที่เฝ้ามองจับจ้องตรงมาที่ร่างจนขนที่คอลุกชัน ธราเทพรีบกวาดสายตาไปมองโดยรอบ แต่ก็ไม่พบกับสายตาคู่

นั้น นอกจาก


       “ว่าไง ไอ้เด็กวัด

     
      เสียงเขื่องวางอำนาจที่ดังขึ้นทำให้เขาต้องถอนหายใจก่อนหันไปมองคนที่เข้ามาก่อกวน ร่างที่สูงพอกันแต่

หนากว่าเดินตรงเข้ามาพร้อมเพื่อนที่เป็นเหมือนลูกสมุนอีกสองคนยักคิ้วให้แต่แววตาที่ไม่เป็นมิตรทำให้ธราเทพต้องระวัง

ตัว
      ตรีภพ เพื่อนที่เรียนขับเคี่ยวกันมาตั้งแต่เด็กและมักจะเข้ามาหาเรื่องก่อกวนอยู่เสมอ เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้

มาอยู่ที่เดียวแต่ต่างคณะเดินตรงเข้ามาใกล้ ธราเทพไม่รู้ว่าเขาไปกวนบาทาเจ้าหมอนี่ตอนกี่ขวบมันถึงได้ตามจองล้าง

จองผลาญกันนัก  ดวงตาเรียวจ้องตอบด้วยความเบื่อหน่าย


     “แล้วจะทำไม ไอ้ตรี

     
      “เปล๊า…ก็แค่สงสัยว่าเมื่อเช้ามึงต้องเดินสักกี่กิโลวะกว่าจะช่วยหลวงพ่อของมึงบิณฑบาตรเสร็จ”


      เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้นจากกลุ่มของตรีภพทำให้ภูหิรัณย์ต้องเดินมาห้ามทัพ


      “ไอ้ตรี เมื่อไหร่มึงจะเลิกหาเรื่องไอ้วิน โตกันขนาดนี้แล้วมึงก็ยังหาเรื่องไอ้วินมันอยู่ได้


       ตรีภพชี้หน้า


      “มึงอย่าเสือกไอ้เซน กูไม่ได้พูดกับมึงกูพูดกับไอ้เด็กวัดนี่


      ธราเทพกัดฟันข่มอารมณ์ เขาไม่ชอบระรานใครก่อนแต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาเหยียดหยาม


      “ทำไมวะไอ้ตรี ที่กูไปเดินพร้อมหลวงพ่อเนี่ย กูไปเดินย่ำบนหัวของมึงหรือไงถึงต้องเดือดร้อน


      “ไอ้เชี่ยวิน มึง!”


      ตรีภพถลาเข้ามาพร้อมกำปั้นลุ่นๆแต่ธราเทพที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วฉากตัวหลบเพียงนิดเดียวหมัดของตรีภพก็

พลาดเป้า ธราเทพไม่รอช้าเขายกมือขึ้นจับที่ท่อนแขนของตรีภพแน่นแล้วตีเข่าเข้าที่ท้องของตรีภพจนร้องลั่นแล้วเขาก็

เหวี่ยงแขนจนคนที่เข้ามาหาเรื่องกลิ้งหลุนๆ ไปนอนกองกับพื้น

      ภูหิรัณย์รีบดึงตัวธราเทพไว้ไม่ให้ตามเข้าไปซ้ำตรีภพ พลางลากแขนให้คนเป็นเพื่อนทั้งหญิงและชายเดินหนี

ไปทางอาคารเรียนอย่างรวดเร็ว


      พอแล้วไอ้วิน มึงก็ช่างทะเลาะกับไอ้ตรีอยู่ได้ก็รู้ว่ามันปากหมายังจะไปกัดกับมันอีก”


     ภูหิรัณย์บ่นพึมพำจนกระทั่งก้าวขึ้นบันได้อาคารเรียน แต่แล้วธราเทพก็สะบัดแขนออกจากการเกาะเกี่ยวของ

เพื่อนสนิท เขายืนนิ่งอยู่หน้าอาคารนั่นเอง เอาอีกแล้วกับความรู้สึกที่เหมือนมีสายตาจับจ้อง

ซ้ำคราวนี้ยิ่งแรงกล้าเหมือนเจ้าของสายตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น หนาวยะเยือกไปทั่วรูขุมขนเมื่อกวาดสายตา

ไปแล้วก็ยังไม่พบกับเจ้าของสายตาคู่นั้น







       เมื่อเสียงกริ่งหมดเวลาดังขึ้นธราเทพก็ยกศีรษะขึ้นมาจากการฟุบหลับก่อนจะยิ้มเจื่อนให้กับอาจารย์ที่มองตา

เขียวกลับมา

       คณะโบราณคดีของเขามีนักศึกษาอยู่น้อยมากเมื่อเทียบกับคณะอื่น ยิ่งวิชาที่เกี่ยวกับอารยธรรมสมัยอียิปต์

โบราณอย่างที่เขาเลือกเรียนก็ยิ่งมีน้อยเข้าไปใหญ่ อาจารย์ที่สอนจึงได้มีความสนิทสนมกับลูกศิษย์มากกว่าคณะอื่น

ยิ่งว่าที่ดอกเตอร์วาโยที่เพิ่งสอนจบไปเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาด้วย ความสนิทสนมก็ยิ่งมีมาก

       ภูหิรัณย์เรียนคณะเดียวกันกับเขาแต่เลือกเรียนทางด้านอารยธรรมลุ่มน้ำเจ้าพระยาแต่ก็มาลงวิชาที่เขาเรียน

อยู่เป็นวิชาเลือกเพราะติดใจการสอนของวาโย ส่วนวริษฐาเลือกเรียนอารยธรรมอียิปต์เช่นเดียวกับธราเทพ

      วาโยเดินตรงเข้ามาแล้วขมวดคิ้วต่อหน้าลูกศิษย์ทั้งสามพลางเอ่ยต่อว่าธราเทพ             


         “เฮ้ย ไอ้วิน อาจารย์สอนไม่ดีหรือไงถึงหลับซะเกือบครึ่งชั่วโมง


         ธราเทพส่งยิ้มเจื่อนเป็นการขอโทษวาโยอีกครั้ง               


        “โธ่ อาจารย์อย่าโทษตัวเองเลยครับ ผมนอนน้อยมาหลายคืนเลยง่วงนิดหน่อย


          วาโยหัวเราะหึหึ ก่อนพูดเสียงปรานี                       


          “ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก เธอเองก็เรียนเก่งอยู่แล้วอยู่แค่ปีสองแต่อ่านภาษาเฮโรกริฟฟิค(ภาษาอียิปต์

โบราณ)อย่างกับเป็นเจ้าของภาษา หลับนิดหน่อยอาจารย์ไม่ว่าหรอก แต่เซนกับก้อยน่ะต้องตั้งใจกว่านี้” 


            วาโยยิ้มเมื่อได้ยินเสียงโอดโอยจากลูกศิษย์                     

 
       “แล้วพรุ่งนี้ วิชานี้ของอาจารย์จะขาดหรือหลับกันไม่ได้นะ จะมีอาจารย์พิเศษมาบรรยาย คนนี้น่ะเขาเก่งมาก


   
           ธราเทพมองวาโยอย่างสงสัย                    


           “ใครกันครับอาจารย์ เก่งแค่ไหนกัน


            “ก็เก่งขนาดจบดอกเตอร์ก่อนอาจารย์แล้วแถมยังเขียนตำราวิชาการตั้งหลายเล่ม อย่างเช่นเล่มนี้ไง


       
     วาโยส่งหนังสือปกแข็งเล่มหนาให้ธราเทพ เขารับมาแล้วอ่านชื่อผู้เขียน                 

       
           “อัสลาน


       
  ธราเทพรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาอีกครั้งเมื่ออ่านชื่อนั้น      


--------------- โปรดติดตามตอนต่อไป------------------                   


คอมเมนท์เป็นกำลังใจให้คนแต่งบ้างนะคะ

:pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2:

                     








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-03-2015 22:58:02 โดย Belove »

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

มารอเรื่องใหม่จร้าาา  :o8:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
เรื่องน่าสนใจดีค่ะะะ
รออ่านตอนต่อไปน้าาา

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ว้าว   :m15: 

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
โอ๊ะ! น่าลุ้นมากเลยค่ะ :katai1:
รอจ้า/หนูจะเอาอีกๆๆ :hao7:ฮ่าๆ

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                                    คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                     บทที่ 2



         ธราเทพเดินลงจากอาคารเรียนด้วยความมึนงง


        มือที่ถือหนังสือปกแข็งเล่มหนาเพิ่งจะเลิกสั่นได้เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้หลังจากที่ควบคุมไม่ได้ตั้งแต่รับหนังสือมา

จากวาโย ธราเทพยกความผิดไปให้ร่างกายอ่อนเพลียที่เกิดจากการพักผ่อนน้อยของเขา

        แต่กับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะตั้งแต่ได้ยินชื่อที่หลุดออกมาจากปากอาจารย์วาโย จนถึงตอนนี้มันก็

ยังสั่นไหว เหมือนได้ยินชื่อที่คุ้นเคยติดอยู่ในจิตใต้สำนึก เขาเองไม่รู้จะโยนความผิดไปให้กับอะไรดี



        “อัสลานหรือครับ”



        จำได้ว่าตัวเองทวนคำพูดของวาโยราวกับกำลังละเมอเมื่อรับหนังสือเล่มหนามาถือไว้พลางเพ่งสายตาไปที่ชื่อบน

ปกก่อนที่จะพึมพำเบาๆ ซ้ำไปมาอย่างคนไร้สติ



        “อัสลานเป็นภาษาตุรกี แปลว่าสิงโต” เสียงอาจารย์วาโยลอยมาเข้าหู



          ใช่.. ธราเทพรู้


            สิงโตเจ้าป่าที่แผดเสียงคำรามก้องยามโกรธา ดวงตาวาววับเมื่อมองเห็นเหยื่อที่ต้องการและพร้อมที่จะกระโจน

ตะปบให้เหยื่อยอมจำนนอยู่ในอุ้งเล็บแหลมคมแข็งแกร่งธราเทพรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องจนยอมเสียมารยาท เขาเอ่ยลา

ผู้เป็นอาจารย์และเพื่อนสนิทแล้วลุกออกมาจากวงสนทนาเพื่อที่จะมาเดินอย่างไร้สติอยู่ที่ริมถนนของมหาวิทยาลัย





            รถยนต์สีดำติดฟิล์มกรองแสงมืดจนมองไม่เห็นภายในผ่านการทำความสะอาดจนมันปลาบแล่นตรงอย่าง

รวดเร็วเข้ามาในถนนเล็กๆ ที่ธราเทพเดินเหม่ออยู่ รถคันนั้นขับตรงเข้ามาหาร่างของเขาแล้วเบรคจนตัวรถสั่นเมื่อหยุด

จอดเทียบด้านข้างห่างจากร่างของธราเทพไปเพียงแค่เศษนิ้ว ธราเทพตกใจจนต้องเบี่ยงตัวหนี เขายื่นนิ่งเรียกสติอยู่

หลายวินาทีมันจึงได้กลับคืนมาหาเขาอีกครั้ง เขาเตรียมจะเอ่ยปากต่อว่าคนขับที่ทำตัวไม่มีมารยาท แต่คำพูดที่ใกล้จะ

หลุดออกมาจากปากถูกกลืนกลับเข้าไปอย่างรวดเร็วเมื่อเจ้าของรถสีดำเปิดกระจกลงมาเผยให้เห็นตาคมที่จ้องมองจาก

ภายในรถ แต่เพียงแค่นี้ธราเทพก็สะดุ้งวาบจนหนังสือเรียนหอบใหญ่ที่ถืออยู่ในมือร่วงกระจายอยู่กับพื้น รวมทั้งหนังสือ

ปกหนาที่ปรากฏชื่อคนเขียน “อัสลาน”สายตาคมกริบจ้องเขาเหมือนราชสีห์จ้องเหยื่อ ก่อนจะตวัดกลับไปเมื่อกระจกรถ

ปิดลง

รถยนต์คันหรูเคลื่อนที่จากไปทิ้งไว้แต่ธราเทพที่มองตามท้ายรถคันนั้นอย่างมึนงงหนักยิ่งกว่าเดิม



    รถแล่นอย่างรวดเร็วมาจอดหน้าคณะโบราณคดี เจ้าของรถก้าวออกมายืนนิ่งเอนกายพิงไปกับรถแล้วจ้องมองไปที่

ร่างของคนที่เพิ่งจากมาซึ่งตอนนี้อยู่ไกลลิบจนลับตา แต่ร่างสูงเจ้าของรถก็ยังคงมองไปเหมือนคนๆ นั้นยังคงยืนอยู่ต่อ

หน้ามุมปากกระตุกยิ้ม ดวงตาคมวาววับทอแสงราวกับสิงโตที่เตรียมจะขย้ำลูกกวางตัวน้อย








          ธราเทพกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องเรียน เขาก้าวมาจากประตูด้านบนของห้องสโลปสูงที่มีนักศึกษาและ

อาจารย์นั่งอยู่เกือบเต็มเพื่อเข้ามาฟังการบรรยายครั้งสำคัญ ภูหิรัณย์กวักมือเรียกเพื่อนเมื่อเห็นเวลาจวนแจเต็มที



        “เกือบสายแล้วมึง ดีนะยังไม่เริ่ม”



         ธราเทพทรุดตัวลงนั่งพลางยกหลังมือป้ายเหงื่อบนใบหน้า



         “เออ ตื่นสายว่ะ”



          วริษฐาโน้มตัวมามองจากด้านข้างอีกฝั่งของภูหิรัณย์เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง



          “ฝันร้ายอีกหรือแก”



           ธราเทพถอนหายใจ ไม่กล้าเล่าให้เพื่อนทั้งสองฟังถึงความฝันที่เกิดขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์เขาฝันเห็นงูยักษ์แต่

เมื่อคืนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ความฝันในห้วงนิทรากลับกลายเป็นราชสีห์ตัวโตเคลื่อนไหวอย่างสง่าเดินผ่านมาหยุดยืนจ้อง

หน้าแล้วระโจนอย่างรวดเร็วหมายที่จะขย้ำ และทันทีที่เจ้าป่าเกือบถึงตัวดวงตาเงาวับก็เปลี่ยนไป กลายเป็นดวงตาของ

เจ้าของรถยนต์สีดำที่เขาสบตาเมื่อวานนี้ จนธราเทพสะดุ้งตื่นกลางดึก กว่าที่จะหลับต่อได้อีกก็ใช้เวลาอีกนานโขและ

รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็เกือบสาย แม้แต่กิจวัตรที่ไปช่วยหลวงพ่อก็ยังไม่ได้ทำ

         เสียงจ้อกแจ้กจอแจทั่วห้องค่อยๆ เงียบลง เมื่อวาโยก้าวออกมาสู่เวทีเล็กหน้าห้องบรรยายเพื่อแนะนำผู้บรรยาย

พิเศษในวันนี้ เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อวาโยผายมือไปทางด้านข้าง ธราเทพแทบหงายหลังร่วงเก้าอี้เมื่อผู้บรรยายก้าวมา

ยืนอยู่กลางเวทีพลางค้อมศีรษะเป็นการแนะนำตัว ในเมื่อชื่อ “อัสลาน” เป็นภาษาตุรกี ภาพที่เขาจินตนาการไว้ก็คือ

แขกขาวที่คุ้นตาของชาวตะวันออกกลางที่ดูยังไงคนที่ใช้ชื่ออัสลาน ในการเขียนตำราอียิปต์โบราณก็ดูไม่ได้ใกล้เคียง

แม้แต่น้อย

          บุรุษที่ยืนอย่างสง่างามอยู่กลางเวทีมีเรือนร่างสูงและกำยำไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ใบหน้าคมอย่างคนไทยแท้ๆ

ธราเทพอมรับว่าจมูกโด่งที่ประดับบนใบหน้าเป็นส่วนประกอบที่ทำให้เจ้าของเปี่ยมด้วยเสน่ห์ ถ้าไม่นับดวงตาคมปลาบ

เหมือนมีดปลายแหลมที่ทิ่มแทงลึกเข้าไปในใจของเขาเมื่อเจ้าของดวงตาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับธราเทพในระยะไกล

หนุ่มน้อย

          ลูกศิษย์พระนั่งกระสับกระส่ายหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อรู้สึกได้ว่าตลอดการบรรยายเป็นภาษาอังกฤษนั้น ดวงตาคู่

คมคอยแต่จะจับจ้องวนเวียนทางเขาอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าทั้งห้องมีเพียงเขากับผู้บรรยายอยู่กันเพียงลำพัง




         “ในช่วงที่เทพรา กลับไปสวรรค์ โลกมนุษย์ถูกกั้นอาณาเขตโดยภูเขาซึ่งช่วยพยุงท้องฟ้าไว้ ทุกวันดวง

อาทิตย์หรือเทพราจะขึ้นภูเขามานูทางทิศตะวันออก จากนั้นก็จะเริ่มเดินทางข้ามผ่านท้องฟ้าเรียกว่า การเดินทางของ

เรือมันเจต โดยมีเหล่าเทพเจ้าเป็นเสมือนลูกเรือติดตามมาด้วย รวมถึงเทพเกบ เทพธอธ และบุคลาธิฐานจากพลังสุริยะ

มากมายบางครั้งเทพฮอรัส จะร่วมในการเดินทางด้วย โดยจะยืนอยู่หัวเรือเพื่อทำลายศัตรูของเทพราขณะที่แล่นเรือผ่าน

ฟากฟ้าเทพราจะสวมมงกุฎ 2 ชั้น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การรวมไอยคุปต์ตอนบนและล่างเข้าด้วยกัน มงกุฎสีแดงคือไอย

คุปต์ตอนล่าง สีขาวคือไอยคุปต์ตอนบน ส่วนฟาโรห์จะมีมงกุฎที่มีรูปงู อูรายอุส อยู่ข้างหน้าและพ่นไฟออกมาเพื่อไล่

ศัตรูหัวหน้างูใหญ่ศัตรูของเทพราคือ “อาโพฟิส” ซึ่งอาศัยอยู่ในแม่น้ำแห่งเทพนุน ทุกวันมันจะคอยขัดขวางเรือสุริยะไม่

ให้แล่นไป


          มีเรื่องเล่าว่าอาโพฟิสเป็นสุริยะเทพแรกเริ่ม แต่ถูกละทิ้งก่อนที่เทพราจะสร้างโลก ซึ่งทำให้มันไม่พอใจในการ

เดินทางของเทพรา มันมักจะพ่ายแพ้ต่อเทพราเสมอเวลาที่รบพุ่งกัน  ในครั้งที่รบกันรุนแรงเทพเซตจะมายืนอยู่หัวเรือ

เพื่อสู้กับอาโพฟิส ถ้าครั้งใดที่ อาโพฟิส มีชัยชนะจะเกิดพายุหรือเชื่อว่าการเกิดคราสต่างๆนั้นหมายถึงว่า อาโพฟิส ได้

กลืนเรือสุริยะเข้าไปเทพรา จะแล่นเรือไป มตภพดูอัต 12 ชั่วโมง เริ่มการเดินทางจากทิศตะวันตก”




        ทันทีที่การบรรยายจบลงด้วยเรื่องของงูใหญ่ ดวงตาคมตวัดกลับมาสบตาธราเทพด้วยนัยน์ตาที่บอกถึงความแค้น

ก่อนฉาบเคลือบไว้ด้วยความเฉยชา ธราเทพถึงกับหนาวเยือกทุกอณูเส้นขนโดยไม่รู้สาเหตุ แม้ศีรษะผู้ชายคนนั้นจะน้อม

รับการปรบมือชื่นชมอย่างอื้ออึง แต่สายตาที่ส่งมากลับไม่คลาดเคลื่อนไปจากธราเทพแม้แต่น้อย จนธราเทพทนไม่ไหว

ถึงกับลุกขึ้นยืนแล้วฝืนก้าวเดินด้วยขาที่แทบทรงตัวไม่อยู่ออกไปจากห้องบรรยาย โดยไม่รู้ว่าสายตาที่มองตามหลังมา

นั้นยังคงจ้องมาจนร่างของธราเทพลับสายตาไปจากประตูห้อง









            “ไหนอาจารย์บอกว่าเขาเป็นคนตุรกีไงครับ แล้วทำไมเป็นแบบนี้ไปได้”



             ธราเทพโวยวายกับอาจารย์ที่ปรึกษาเมื่อยามบ่าย หลังจากที่เขาควบคุมอาการของตัวเองได้แล้วจึงได้มาพบ

วาโยที่ห้องพักอาจารย์ วาโยที่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าเงยหน้ามามองลูกศิษย์คนสนิทอย่างงงๆ เมื่อ

เห็นอาการหงุดหงิดของธราเทพ



           “อะไรของแก ไอ้วิน” วาโยถามอย่างสงสัย

         
          “อาจารย์บอกว่าอัสลานเป็นภาษาตุรกี แต่ไม่ได้บอกว่าเพื่อนของอาจารย์เป็นคนตุรกีนี่”



            “เพื่อน” 


            ธราเทพงงงันไปกับความรู้ใหม่เมื่อวาโยเปิดเผยมาอีกหนึ่งอย่าง


            “เขาเป็นเพื่อนกับอาจารย์เหรอครับ”



          “ใช่ เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กแล้ว แม่ของเพื่อนอาจารย์แต่งงานใหม่ไปกับเศรษฐีชาวตุรกี แล้วเขาก็รับ

เพื่อนคนนี้ไปเป็นลูกบุญธรรมเลยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นภาษาตุรกี แต่ความจริงเพื่อนอาจารย์น่ะชื่อว่า...”



             “สิงหา”


            เสียงทุ้มแทรกคำพูดของวาโยเข้ามา ธราเทพชะงักก่อนจะเหลียวกลับไปมองต้นเสียงที่หยุดยืนอยู่ที่ประตูหน้า

ห้อง ร่างสูงสง่าเดินสบายๆ เข้ามาหยุดยืนต่อหน้าในระยะประชิดโดยที่ธราเทพยังไม่ทันตั้งตัว  เขาถึงกับสะดุดลมหายใจ

ตนเองเมื่อได้สบตาในระยะใกล้เป็นครั้งแรก



         “นายควรจะสอนลูกศิษย์ของนายนะวาโย ว่าถ้าคนอื่นยังบรรยายไม่จบก็ไม่ควรลุกหนีจากห้อง มันเสียมารยาท”



         แม้คำพูดจะเอ่ยชื่อวาโย แต่ดวงตาคู่นั้นกลับจ้องตรงมาที่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

          อา...ธราเทพอยากจะมีความสามารถเสกให้ตัวเองกลายเป็นนกหรืออะไรก็ได้แล้วบินหนีไปจากสถานการณ์นี้

เมื่อดวงตาที่จ้องมองมาเต็มไปด้วยความแค้นเคือง ตัดพ้อแอบซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าที่ฉาบด้วยรอยยิ้ม มาถึงตอนนี้ธรา

เทพไม่เข้าใจว่าเขาไปทำอะไรให้คนตรงหน้ารู้สึกรุนแรงได้ถึงขนาดนี้!!                                       




             ----------------------โปรดติดตามตอนต่อไป------------------------------



 
 
 
 
 
 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-03-2015 20:48:17 โดย Belove »

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
อัสลานคือคนที่แค้นใช่ไหม  แต่ทำไมรังสีพระเอกมันรุนแรงยิ่งนัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
อ๊ายยยยยพี่สิงออกมาแว้ววว fcแป๊บค่ะ! :impress2:/ผิด

งืออออถึงมาโกรธน้องเทพตอนนี้มันก็ไม่ได้อะไรหร๊อกก สู้ทำให้ตายใจแล้วจับกินดีกว่านะพี่สิง อุ๊ฟ! :z10:

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

แอร๊ยยย...เข้มข้นๆ รอตอนต่อไป  :impress2:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                                             คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                                     บทที่ 3


        “มาพอดีเลยกำลังจะโทรตาม นี่ไง เด็กที่จะแนะนำให้รู้จัก”


        ดูเหมือนวาโยจะไม่สนใจคำพูดค่อนแคะของคนเป็นเพื่อน เขาลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินมากั้นกลางระหว่างผู้ชายสอง

คนที่ยืนต่อสู้กันด้วยสายตาอย่างคนไม่รู้เรื่องราว


        “ไอ้วินคงจะรู้จักแล้วสินะ นี่ด็อกเตอร์สิงหาหรือจะเรียกว่าพี่สิงห์ก็ได้ ส่วนแกไอ้สิงห์ คนนี้ศิษย์คนโปรดของข้าเลย

นะโว้ย ชื่อธราเทพ ชื่อเล่นว่าวิน”


        สิ้นสุดคำพูดแนะนำง่ายๆของวาโยดวงตาที่ขังลึกไว้ด้วยตะกอนขุ่นมัวก็เปลี่ยนไปกลายเป็นนัยน์ตาพราวระยิบระยับ

เหมือนเด็กชายที่เจอของเล่นถูกใจ คิ้วเข้มเลิกขึ้นเพียงเล็กน้อยประกอบกับมุมปากคลี่ยิ้มอีกนิด เท่านี้สิงหาก็เพียบพร้อม

ไปด้วยเสน่ห์ที่บาดลึก


       “ยินดีที่ได้รู้จักนะหนุ่มน้อย ชื่อวิน อืม เป็นชื่อที่ดีสมกับตัวดีนะ”


        ปลายเสียงที่กดต่ำจนจมหายไปในลำคอ ประกอบกับสายตาที่มองมาทำให้เลือดในกายธราเทพเดือดปุดๆ ถึงแม้

จะอยู่อาศัยกินข้าวก้นบาตรในวัด แต่ธราเทพก็ไม่ได้ใจเย็นและอดทนได้เหมือนผู้ทรงศีล ความอ่อนน้อมถ่อมตนที่หลวง

พ่อสอนสั่งไม่ได้รวมไปถึงให้ใครมาล้อเล่นเหยียดหยามเหมือนเขาเป็นคนที่ด้อยค่า ธราเทพถือคตินี้เสมอมาเขาจึง

เหยียดไหล่ให้กว้าง เชิดคอขึ้น หน้าหวานบึ้งตึ้งเมื่อสบตากับสิงหาอีกครั้ง


        “ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับด็อกเตอร์ การบรรยายเมื่อตอนเช้าคุณทำได้ดีมากต้องขออภัยที่ลุกจากห้อง

ไปก่อน แต่เป็นเพราะผมเห็นว่าคุณบรรยายสาระสำคัญจนมาถึงตอนจบแล้ว และผมก็มีธุระจำเป็นที่ต้องลุกออกไปข้าง

นอกก่อนเวลาเลิก”


          ธราเทพเป็นฝ่ายคลี่ยิ้มพร้อมดวงตาถือดีบ้าง เมื่อเขากล่าวประโยคต่อไป


         “แต่คิดว่าคงไม่เสียมารยาทเท่ากับการที่ใครบางคนจะขับรถอย่างขาดความระมัดระวังจนแทบจะชนคนเดินถนน

แล้วไม่มีคำขอโทษแม้แต่คำเดียว”


           สิงหาได้ฟังแล้วก็ต้องกดความขำขันไว้อย่างยากเย็นจนเหลือเพียงดวงตาคู่คมที่พราวระยับเท่านั้นที่ยังแสดงร่อง

รอยทิ้งไว้

         ไม่เลวเลยกับการตอบโต้ด้วยความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนผ่านไปนานเพียงไหน คนที่เขาดั้นด้น

ตามหาก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือตัวเขาเองต่างหาก และคนที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปก็คือ

ผู้ชายที่งดงามราวอิสตรีที่ยืนต่อหน้า เขาสัญญากับตัวเองไว้เมื่อพันธะที่เกี่ยวข้องสิ้นสุดลงเขานี่แหละจะทำลายคนที่เคย

ทำร้ายเขาให้ตกนรกทั้งเป็น


            “เฮ้ย แล้วจะมาต่อปากต่อคำกันเพื่ออะไรมิทราบ เมื่อไหร่จะเข้าเรื่องที่ต้องการเสียที”


          วาโยพักยกสงครามทางสายตาไว้ได้อีกครั้งพลางมองหน้าทั้งสองสลับกัน ธราเทพจึงได้มีสีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย


           “อาจารย์มีอะไรให้ผมทำหรือครับ”


           วาโยส่ายหน้า เมื่อคนเป็นลูกศิษย์ถาม


           “ไม่ใช่อาจารย์แต่เป็นไอ้เพื่อนของอาจารย์เอง คือสิงห์เขามีโครงการที่จะไปขุดปิรามิดที่เพิ่งค้นพบใหม่เมื่อเร็วๆ

นี้ แล้วต้องการนักศึกษาไปช่วยตอนช่วงปิดภาคเรียน อาจารย์ก็เลยเสนอชื่อเธอไป สนใจไหมล่ะ”


           ธราเทพตาลุกวาวเมื่อได้ยิน การเดินทางไปทำงานจริง ณ แหล่งอารยธรรมโบราณเป็นความฝันของนัก

โบราณคดีทุกคนอยู่แล้ว และนี่ยิ่งเป็นปิรามิดที่เขาเองก็เพิ่งอ่านข่าวด้วยความตื่นเต้นเมื่อไม่นานมานี้  ธราเทพอยากไป

จนเนื้อเต้นถ้าไม่ติดว่าเจ้าของโครงการจะเป็นสิงหา




           “แต่ผมไม่เห็นด้วย”


           เสียงคัดค้านดังขึ้นจากบุคคลที่ก้าวเข้ามาใหม่ในห้อง ก่อนที่ร่างสูงและท้วมเล็กน้อยจะก้าวเข้ามาในวงสนทนา

ด็อกเตอร์อัคนี รองคณบดีวัยเกือบสี่สิบออกความเห็นด้วยใบหน้าบึ้งตึง


        “ธราเทพไม่เหมาะสมถ้าจะวัดกันเรื่องผลการเรียน ผมคิดว่าวริษฐาจะเหมาะกว่า รวมถึงฐานะทางสังคมด้วย”


          วาโยยกแขนขึ้นกอดอกด้วยแววตาขุ่นเคือง เมื่อเจอรุ่นพี่เบรคกลางอากาศ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอัคนีถึงได้มอง

ธราเทพไม่เคยดีเอาเสียเลยตั้งแต่ธราเทพเข้าเรียนที่นี่ ทั้งที่ผลการเรียนของธราเทพก็เป็นที่ยอมรับตั้งแต่ยังอยู่ปีสอง

เท่านั้น


      “วริษฐาได้เกรดน้อยกว่าธราเทพในวิชาเฮโรกริฟฟิคซึ่งเป็นส่วนที่จำเป็นกับโครงการนี้ ผมจึงได้เสนอชื่อธราเทพ”


        วาโยกล่าวแก้ให้ลูกศิษย์


         "และเมื่อสิงห์มันเห็นผลงานมันก็เลือกธราเทพ ในเมื่อเจ้าของเงินมันเลือกแล้วพี่อัคนีจะเอาอะไรอีก หรือว่าจะเอา

ฐานะมาวัดว่าแอดไวซีของพี่มีฐานะร่ำรวย”


          “ขอบคุณนะครับพี่อัคนีที่ให้คำแนะนำ”


          กลับกลายเป็นสิงหาที่ต้องห้ามทัพบ้าง เมื่อเห็นหน้าตาของอัคนีเริ่มบึ้งกว่าเดิม


         “จริงอย่างที่ไอ้โยมันบอกครับ ตอนนี้เราต้องการคนที่อ่านภาษาเฮโรกลิฟฟิคได้ดีไปช่วยงาน เพราะลำพังแค่ผมก็

ไม่ไหว”


          สิงหากล่าวเสียงนุ่มกับอัคนีที่ชักสีหน้าเมื่อได้ยิน


          “แล้วผมเองก็อยากช่วยเหลือเด็กด้วย เงินค่าจ้างที่ได้เมื่อกลับมาก็จะได้เป็นทุนให้ธราเทพใช้จ่ายต่อไป”


           “ผมไม่ไปก็ได้ครับ”


           เสียงดังฟังชัดดังขึ้นจากธราเทพจนทุกคนหันไปมองกันเป็นตาเดียว


          “ผมไม่อยากให้คนอื่นมองว่าผมอยากไปเพราะเงิน ขอโทษนะครับผมขออนุญาตออกไปข้างนอก”


           ยังไม่ทันที่อาจารย์คนใดจะเอ่ยปากอนุญาตธราเทพก็ก้าวยาวๆผลักประตูออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว

         จริงอย่างที่อาจารย์อัคนีบอก วริษฐาเหมาะสมกว่าเขาถึงแม้การเรียนจะโดดเด่นพอกัน แต่วริษฐาก็มีฐานะทางบ้าน

ร่ำรวยพอที่จะไปใช้ชีวิตต่างประเทศได้ แต่ธราเทพรู้ว่า นี่ไม่ใช่เหตุผลจริงๆหรอก เหตุผลที่เขาต้องหักห้ามความอยากไป

อียิปต์คือเขาไม่อยากไปอยู่ใกล้สิงหาเจ้าของโครงการต่างหาก







           ธราเทพก้าวยาวๆไปตามทางเดินของตึกเก่าที่ตั้งของคณะ แปลกที่วันนี้มันช่างเงียบสงบเงียบเกินไป ไม่มีใคร

เดินผ่านสักคน จนเขาสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงห้ามที่ตามหลังมา


         “เดี๋ยว หยุดก่อน”


         ธราเทพหันไปมองเจ้าของเสียง ที่เดินเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่เขาก็ไม่รู้


          “ทำไมถึงปฎิเสธ”


           เสียงแข็งประกอบกับสายตาขุ่นเคือง ทำให้ธราเทพต้องลอบกลืนน้ำลาย


          “ก็ไม่อยากไป”


         เขาโต้กลับด้วยน้ำเสียงถือดี


        “งานนี้มีนายคนเดียวที่เหมาะสม”


           สิงหาก้าวเข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจที่อกกว้าง ธราเทพจำเป็นต้องก้าวถอยหลังให้

ระยะห่างกว้างขึ้น


           “ไม่อยากไป ก็คือไม่ไป เซ้าซี้อยู่ได้”


         ธราเทพกัดฟันเถียง ยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของสิงหากลับบูดบึ้งยิ่งขึ้น สิงหาคว้าแขนธราเทพไว้แล้วกระชาก

อย่างแรงจนธราเทพเซตามแรงมาปะทะกับแผ่นอก หนุ่มน้อยได้แต่มองตาดุคู่นั้นอย่างตกใจ


           “อย่าพูดว่าไม่ ถ้าฉันบอกว่าได้”


            สิงหาดึงมือธราเทพให้มาอยู่ตรงหน้าแล้วง้างออก


           “ถ้านายเห็นสิ่งนี้ แล้วนายจะรู้ว่าทำไมต้องเป็นนาย”


            ทันทีที่สิงหายัดสิ่งของบางอย่างใส่อุ้งมือของธราเทพ หนุ่มน้อยก็สะดุ้งวาบ

            เพียงแค่เศษเสี้ยวของภาชนะดินเผาชิ้นเล็กถูกห่อหุ้มด้วยซองพลาสติกใส สัมผัสลงบนอุ้งมือ กลับเหมือนฟ้าที่

ผ่าเปรี้ยงลงมากลางศีรษะของธราเทพจนความเจ็บปวดบาดลึกไปทั้งร่าง เนื้อตัวสั่นสะท้าน ดวงตาคู่หวานลอยคว้าง

ก่อนที่มันจะปิดลงพร้อมกับสติที่หลุดลอยไป









               “ราโมส ราโมส”


             ธราเทพปรือตาขึ้นก่อนที่จะกระพริบตาถี่ๆเพื่อขับไล่ความมึนงง เมื่อรู้สึกถึงการเขย่าที่ต้นแขน


             “ตื่นได้แล้วราโมส ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”


              ใครคือราโมส ธราเทพดันตัวลุกขึ้นนั่งพลางสะบัดหัวจนสติกลับคืนมาจึงได้มองไปตรงหน้าอย่างแปลกใจ

นี่ไม่ใช่สถานที่ที่คุ้นเคย เขาหันมองไปโดยรอบไกลสุดสายตามีแต่ทะเลทราย ถึงแม้ว่าตรงที่เขานอนหลับอยู่จะมีต้นไม้

ใหญ่แผ่กิ่งก้านบดบังความร้อนจากแสงอาทิตย์ยามบ่ายจัด


             “ข้ามาเล่นไกลไปหน่อย มาอีอย่าบอกพ่อนะ”


            นึกแปลกใจว่าตนเองตอบกลับคนที่นั่งคุกเข่าจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกันอย่างสนิทสนม

ทั้งที่เขามั่นใจว่าไม่เคยรู้จักแน่ๆ

         ธราเทพจ้องหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าจึงได้เห็นชายหนุ่มวัยแตกพานในชุดแต่งกายที่ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนสิ่งที่เขา

ใส่อยู่ ท่อนบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่เพิ่งจะเริ่มมีเป็นมัด ส่วนท่อนล่างเป็นผ้าทอเนื้อหยาบรั้งขึ้นมาจนถึงต้น

ขา ร่างผิวดำแดงตามสภาพภูมิประเทศหัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดู ก่อนที่จะยืนขึ้นส่งมือให้ธราเทพจับแล้วฉุดให้ลุกยืนตาม


           “เมื่อไหร่จะโตเสียทีนะราโมส เจ้าน่ะอายุสิบห้าแล้วนะ อีกไม่นานก็ต้องแต่งงานแล้ว”


           “เฮอะ ไม่แต่งหรอก มาอีล่ะ อายุยี่สิบแล้วก็ยังไม่เห็นแต่งงานเลย”


          “เจ้ากับข้าน่ะ มันไม่เหมือนกันนะราโมส ข้าน่ะไม่แต่งก็ได้แต่เจ้ายังไงก็ต้องแต่งอยู่ดี”


           ชายที่เขาเอ่ยชื่อว่า มาอี จูงมือให้ธราเทพเดินตามมาที่แอ่งน้ำใสแอ่งเล็กที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน


           “ล้างหน้าล้างตาเสียก่อน มอมเป็นแมวแล้ว”


            ธราเทพได้ยินเสียงตัวเองสบถ ก่อนที่เขาจะคุกเข่าลงไปวักน้ำใสมาล้างหน้า เมื่อน้ำในแอ่งหยุดนิ่งธราเทพจึง

ได้มองเห็นเงาตัวเองในนั้น แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อใบหน้าและร่างกายนั้น ไม่ใช่เขา!แต่มันกลับกลายเป็นวัยรุ่นที่กำลัง

เริ่มจะโตเป็นหนุ่มกับหุ่นที่ยาวเก้งก้าง ผิวสีดำแดงเปลือยกายท่อนบนเช่นเดียวกับมาอีแต่ผ้าที่นุ่งอยู่เนื้อละเอียดกว่า จะมี

ส่วนที่เขาจดจำตัวเองได้นั่นก็คือแววตาคู่หวานของเขานั่นเอง


           “เสร็จหรือยัง โอ้เอ้อยู่นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นล่ะก็กว่าจะถึงก็ค่ำกันพอดี”


            เสียงนุ่มดุเบาๆ ธราเทพเห็นตัวเขาชักสีหน้าไม่พอใจในแอ่งน้ำ


           “ไม่ได้บอกให้มาอีรอเลยนะ อยากกลับก็กลับไปเลย”


             ธราเทพได้ยินเสียงทอดถอนใจด้วยความระอาจากเบื้องหลัง


             “ตามใจ อยากช้าก็ตามสบาย ข้าได้ยินมาว่าโอเอซิสที่นี่มีผีพรายน้ำอยู่ในแอ่งน้ำใหญ่ด้วย เจ้าอยากอยู่ก็อยู่คน

เดียวเถอะ ข้าไปก่อนละ”


            เมื่อสิ้นสุดประโยคธราเทพได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเดินห่างออกไป ธราเทพรีบเด้งตัวขึ้นหันหลังกลับวิ่งตามร่างสูง

นั้นไปอย่างรวดเร็ว


                “มาอี หยุดนะ รอข้าด้วย”










               “มาอี มาอี”


              ธราเทพค่อยๆลืมตาเมื่อสติกลับคืน ก่อนที่จะต้องตกใจเมื่อร่างของเขาอยู่ภายใต้อ้อมแขนอันแน่นหนาที่กอด

เขาไว้แนบกับอกกว้างของสิงหา





                      --------------------โปรดติดตามตอนต่อไป------------------------




อัพได้เร็วเพราะเป็นฟิคที่แต่งจบนานแล้ว ขอเอามาปรับปรุงใหม่นะคะ





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2015 20:54:19 โดย Belove »

ออฟไลน์ sodawan1

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ตัวหนังสือเล็กจังอ่านยาก น่าจะปรับตัวหนังสืออีกหน่อยนะค่ะ
จะได้อ่านลลื่นไหลกว่านี้ เป็นกำลังใจให้น๊าา

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
เอิ้กๆ    มีหึงโหดแน่  :hao6:

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
กรี๊ดดดดดอ้ายยยยยเริ่มย้อนอดีตเเล้ว

แหมตอนย้อนก็เจอหนุ่มล่ำ ตื่นมาก็นอนอยู่ในอ้อมกอดของหนุ่มล่ำอีก หุหุหุ :hao6:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                                คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                      บทที่ 4


          ธราเทพเหลียวมองไปรอบๆตัวก่อนที่จะสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นสภาพทางเดินของตึกที่กลับมามีผู้คนเดินกันหนาตา

แถมเกือบทุกคนยังหันมามองเขาที่ตกอยู่ในอ้อมแขนของสิงหาอย่างแปลกใจ

          ธราเทพรีบผลักร่างของสิงหาออกห่างอย่างร้อนรนพลางทำหน้าพิพักพิพ่วน ต่างจากสิงหาที่ยืนยักไหล่และ

กอดอกอย่างไม่แคร์สายตาใคร


         “จะบ้าเหรอ คะ คุณ มากอดผมทำไม”


          ธราเทพเอ็ดเสียงเข้มแต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงดังนัก หน้าขาวกลับกลายเป็นสีแดงเรื่อเมื่อเห็นสิงหาคลี่ยิ้ม


          “อ้าวทำดีด้วยก็ผิดซะงั้น”     คนที่ใช้อีกชื่อว่า อัสลาน ส่งเสียงหยอกเย้า


         “ถ้าฉันไม่ช่วยไว้นายคงลงไปนอนกองอยู่กับพื้น นี่ไม่รู้ตัวเลยหรือว่าอยู่ๆ ก็หมดสติไปน่ะ หืม หนุ่มน้อย”


          เมื่อจบประโยคนี้ ธราเทพก็อึ้งไปเมื่อฉุกคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

          เขาแบมือแล้วจ้องมองวัตถุโบราณที่ยังอยู่ในมือเหมือนมองสิ่งประหลาดที่สุดในชีวิต แล้วถามตัวเองถึงภาพที่เกิด

ขึ้นชัดเจนราวกับเขาหลุดไปเล่นเป็นตัวละครตัวหนึ่งในนั้นก่อนที่จะสะบัดหัวอย่างมึนงง

          มันเป็นแค่ภาพที่เกิดขึ้นจากความอ่อนเพลียเท่านั้น ธราเทพพูดกับตัวเองเมื่อพยายามหาเหตุผล อาจเป็นเพราะ

ช่วงนี้เขาอ่านหนังสือแต่วิชาที่เกี่ยวข้องกับอียิปต์เพราะใกล้จะสอบปลายภาครวมถึงเพราะนอนพักผ่อนน้อยจึงทำให้เกิด

อาการที่เรียกว่า วูบ


          “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณก็แล้วกัน แล้วก็ลาก่อนผมจะกลับแล้ว”


          พูดจบธราเทพก็เดินผ่านร่างสูงใหญ่นั้นไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อสิงหาคว้าท่อนแขนไว้อีกครั้ง


          “โว้ย อะไรอีกเล่า”


          คนอ่อนอาวุโสโวยวายอย่างหัวเสียเมื่อหันมาพยายามสะบัดแขนออกจากการจับยึดแต่ไม่สำเร็จ มือที่แข็งแกร่ง

บีบรัดแขนเขาไว้ราวกับคีมเหล็ก


          “สอบเสร็จวันไหน จะได้จัดการเรื่องเดินทางไปอียิปต์”

   
          ธราเทพตาเหลือกเมื่อได้ยิน นี่มันบ้าชัดๆที่คนตรงหน้ายืนยันมัดมือชกหน้าตาเฉย ทั้งที่เขายังไม่ได้ตอบตกลง

แม้แต่คำเดียว


           “ก็บอกว่าไม่ไปไงเล่า จะมาตื๊ออะไรนักนะ โอ๊ย!”


           ธราเทพอุทานหน้านิ่วเมื่อมือที่บีบท่อนแขนเพิ่มความแรงพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึงของสิงหา


           “เมื่อกี้ฉันบอกว่าไงจำไม่ได้ใช่ไหม อย่าบอกว่าไม่ถ้าฉันบอกว่าได้ หมายความว่าถ้าฉันต้องการให้นายไป ต่อให้

นายฆ่าตัวตายหนีฉันก็ต้องขุดศพนายไปจนได้ เพราะฉะนั้นนายไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”


           จบสิ้นประโยคห้วนจัด สิงหาก็ดันร่างที่บางกว่าของธราเทพจนเซไปด้านหนึ่งแล้วเดินจากไปทิ้งไว้ให้ธราเทพยืน

งงกับพฤติกรรมเอาแต่ใจของเขา

           ธราเทพก้มลงมองวัตถุโบราณในมืออีกครั้ง ก่อนที่ลูกศิษย์พระจะเดินกลับวัดอย่างครุ่นคิด







           ร่างท้วมที่ห่มจีวรสงฆ์อันคุ้นตากำลังยืนให้อาหารสุนัขอยู่ที่ลานกว้าง ธราเทพยืนนิ่งมองภาพนั้นด้วยความรัก ถ้า

ไม่มีหลวงพ่อสมานชีวิตเขาคงจบสิ้นลงที่ถังขยะข้างถนน ไม่ได้เติบใหญ่มีวิชาความรู้จนเรียนถึงขั้นมหาวิทยาลัยได้ขนาด

นี้ ธราเทพคิดถึงอดีตของตนเองเมื่อก้าวเข้าไปทำความเคารพหลวงพ่อ ร่างท้วมวางถังใส่อาหารลงแล้วหันมามองเด็กที่

เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่แรกคลอดด้วยความเมตตา


          “ว่าไงเจ้าวินเมื่อเช้าตื่นสายนี่เรา”


          ธราเทพยิ้มเจื่อนเขาก้มลงคว้าถังอาหารมาเป็นคนให้อาหารสุนัขแทนหลวงพ่อพลางตอบอย่างเคารพ


         “ครับ ตื่นสายไปหน่อย ก็เลยไม่ได้ไปช่วยหลวงพ่อ”


       “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องช่วยทุกวันก็ได้ เด็กๆมันก็มีตั้งเยอะเก็บแรงไว้อ่านหนังสือเถอะใกล้จะสอบปลายภาคแล้วนี่”


        ธราเทพยิ้มรับคำ หลวงพ่อเอาใจใส่เขาเสมอไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม


         “แล้วเรื่องเงินมีปัญหาอะไรหรือเปล่า มีพอใช้จ่ายไหม”


         “ไม่ต้องเป็นห่วงครับหลวงพ่อ ทุนที่ได้คราวนี้เขาสัญญาว่าจะให้จนกว่าจะเรียนจบ หลวงพ่อสบายใจได้”


         พระภิกษุอาวุโสพยักหน้ารับเมื่อได้ยิน


        “ดีแล้ว ตั้งใจเรียนให้สมกับที่คนให้ทุนเขาปรารถนาดี ไปเถอะไปพักผ่อน เดี๋ยวหลวงพ่อให้อาหารเจ้าพวกนี้ต่อเอง”


         หนุ่มน้อยรับคำ แล้ววางถังอาหารลงก่อนที่จะหมุนตัวเพื่อเดินจากไป


        “เดี๋ยวก่อน เจ้าวิน”   หลวงพ่อเอ่ยเรียก ทำให้เขาต้องหันกลับมาอีกครั้ง


          “เอ็งอายุเท่าไหร่แล้วนะ หลวงพ่อก็ธุระเยอะจนลืมไปแล้ว”


         “เพิ่งจะครบยี่สิบเอ็ดไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่เองครับ”


           เมื่อตอบไปแล้ว เขาก็ต้องแปลกใจที่เห็นหลวงพ่ออึ้งไปชั่วขณะ


          “มีอะไรหรือเปล่าครับ หลวงพ่อ”


          หลวงพ่อสมานลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบา พลางมองหน้าธราเทพอย่างหนักใจ


            “ไม่มีอะไรหรอก หลวงพ่อมัวแต่สนใจกิจนิมนต์จนลืมใส่ใจเจ้าไปเลย เจ้าวิน”


            หลวงพ่อวางมือบนบ่าของธราเทพ


             “ชีวิตข้างหน้าต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต้องหนักแน่น ใช้สติช่วยควบคุมอย่าหุนหันพลันแล่น อดทนอะไร

ได้ก็ต้องอดทน จำคำสอนของหลวงพ่อไว้นะ”


             ธราเทพได้แต่เลิกคิ้วอย่างสงสัย


           “มีอะไรหรือเปล่าครับ”


          หลวงพ่อสมานส่ายหน้า


           “ไม่มีอะไรหรอก หลวงพ่อเห็นเจ้าโตเป็นหนุ่มแล้วก็เลยเตือนไว้ ไปเถอะไปอาบน้ำอ่านหนังสือ

เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”


            ธราเทพมองหลวงพ่ออย่างไม่เข้าใจ แต่ก็กลับหลังหันเดินตรงเข้าสู่ห้องพัก เหลือทิ้งไว้แต่พระภิกษุที่มองตาม

หลังด้วยความเป็นห่วง








          ลาขนาดย่อมสองตัวเดินตามหลังกันมาตามถนนที่ผู้คนใช้สัญจรกันขวักไขว่ ตัวหลังทิ้งระยะจากตัวหน้า

พอสมควรเนื่องจากคนบังคับมัวแต่ทอดสายตาชมผู้คนข้างทางอย่างเพลิดเพลิน

          คนบังคับลาตัวหน้าทนต่อไปไม่ไหว เมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินเต็มทีแต่คนที่ตนไปตามมาก็ยังไม่มีทีท่า

อยากจะกลับไป ร่างสูงผิวดำแดงตาคมจึงได้บังคับลาของตนให้หมุนกลับไปหาลาตัวหลังแล้วบ่นอย่างระอา


         “ราโมส เมื่อไหร่จะเลิกเล่นเสียที นี่มันจวนจะได้เพลาที่เทพราจะแล่นเรือมันเจตลับขอบฟ้าแล้ว


เรายังกลับไปไม่ถึงที่เลยนะ”


          ร่างเก้งก้างยกมือขึ้นประสานที่หลังคอตอบคนที่อาวุโสกว่าอย่างอารมณ์ดี


        “มาอีจะบ่นอะไรนักหนา มองเห็นกำแพงอยู่ตรงหน้านี่แล้ว ขอเวลาให้เราอีกนิดมิได้รึ”


        ตาคมขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน ทำให้คนที่ยอกย้อนได้แต่ยิ้มแหยเมื่อสบตาด้วย


         “เที่ยวเล่นมาทั้งวันจนบิดาเจ้าต้องให้ข้าไปตามยังไม่หนำใจเจ้ารึราโมส จงรีบบังคับลาของเจ้าตามข้ามาโดยเร็ว

เลยนะ”


            ราโมสย่นจมูกใส่คนบังคับ แต่ก็เกรงจนต้องบังคับลาให้เร่งฝีเท้าตามไปจนกระทั่งถึงกำแพงหินสูงใหญ่ ทันทีที่

ร่างกำยำของคนเฝ้าประตูเห็นคนทั้งคู่เขาก็รีบผลักประตูด้านหนึ่งออกอย่างรวดเร็วแล้วก้มศีรษะโค้งคำนับ พลางตะโกน

ก้อง


               “เจ้าชายราโมส เสด็จแล้ว”








            ธราเทพสะดุ้ง เด้งกายจากที่นอนยางพารา เหงื่อไหลท่วมตัว

            อะไรคือการที่เขาฝันเป็นเรื่องเป็นราวติดต่อกับภาพที่เขาเห็นเมื่อตอนกลางวันเป็นตุเป็นตะ

ลุกเดินไปเปิดไฟแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กที่ใช้เป็นที่วางหนังสือใกล้ตัว หยิบเศษกระเบื้อง

ชิ้นเล็กออกจากถุงที่บรรจุไว้ขึ้นมาพิจารณารอยจารึกที่เห็นเพียงเล็กน้อย เขาหยิบแว่นขยายที่วางไว้ใกล้ๆ

ขึ้นมาส่องไปที่รอยอักษรนั้น ก่อนที่จะเพ่งสายตาเพื่อพยายามอ่านภาษาเฮโรกริฟฟิค  เมื่อแปลได้

ธราเทพก็สะดุ้งอีกครั้ง


           “อย่าได้พบพักตร์ ราโมส”


            ชื่อของบุคคลที่เขาฝันถึง มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์งั้นหรือ









         “ทำข้อสอบได้ไหมวะ”


         ภูหิรัณย์ตบไหล่ผู้เป็นเพื่อนหลังจากที่การสอบปลายภาควันแรกผ่านไป ธราเทพหันไปยิ้มให้เพื่อน


          “เออ กูไม่น่าถามเลย ก็รู้อยู่ว่ามึงกับไอ้ก้อยแม่งเรียนเก่งสัส”


           “แต่วิชานี้เราก็คงสู้แกไม่ได้อยู่ดีนะวิน แกทำได้ไงวะ แค่มองผ่านๆก็อ่านออกแล้วไอ้ภาษาอียิปต์เนี่ย สงสัยชาติ

ก่อนแกจะเกิดเป็นคนอียิปต์ป่ะ”


            ธราเทพชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของวริษฐา

            นั่นสินะ เขาก็แปลกใจตัวเองไม่น้อยที่แค่มองก็สามารถรู้ความหมาย ราวกับเคยใช้ภาษานี้มาอย่างแตกฉาน ทั้ง

ที่เขามั่นใจว่าไม่เคยรู้จักมาก่อนแน่ๆ

          เสียงโทรศัพท์รุ่นเก่าแก่ดังขึ้นจากเป้ใบเก่า ธราเทพควานมันขึ้นมาแล้วรับสาย


          “ครับ สวัสดีครับ ใช่ครับผมเองธราเทพ ฮะ ว่าอะไรนะครับ!”


           ภูหิรัณย์และวริษฐามองหน้ากันอย่างงงงันเมื่อได้ยินเสียงอุทานอย่างตกใจของผู้เป็นเพื่อน ซ้ำใบหน้าเนียนนั้นยิ่ง

เผือดลงจนแทบจะกลายเป็นกระดาษเมื่อยังฟังคำสนทนาจากโทรศัพท์ และทันทีที่มือของธราเทพที่ถือโทรศัพท์ลด

ระดับลงเพื่อนทั้งสองก็ชิงกันส่งเสียงถามแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ แถมยังต้องตกใจเมื่อเห็นธราเทพกัดริมฝีปากด้วยความ

โมโห


            “ไอ้วิน เฮ้ย จะไปไหน”


            วริษฐาตะโกนถามเมื่อเห็นคนเป็นเพื่อนเดินลิ่วไปทางอาคารเรียนที่มีห้องพักอาจารย์อยู่ที่นั่น







            ธราเทพพุ่งพรวดเข้าไปในห้องพักอาจารย์ แล้วก้าวยาวๆ ไปที่โต๊ะของวาโย ทันทีที่เห็นแค่พนักสูงของเก้าอี้ที่

หันด้านหลังให้ ธราเทพก็ส่งเสียงดังด้วยความโมโห


            “อาจารย์ เพื่อนของอาจารย์ทำเกินไปแล้วนะครับ เขาไปสั่งให้เจ้าของทุนที่ผมได้รับยกเลิกสัญญากับผม เขา

ทำอย่างนี้ได้ยังไงแล้วปีหน้าผมจะเอาเงินที่ไหนมาเรียน”


          “ก็เพราะอย่างนี้ไง ตอนนี้นายถึงมีความจำเป็นที่ต้องไปอียิปต์กับฉัน”


           พนักพิงเก้าอี้หันกลับมาเผยให้เห็นร่างสูงผิวคล้ำแดดที่คลี่ยิ้มอย่างถือดีของสิงหา ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนแล้วเดิน

เข้ามาหาธราเทพที่ยังยืนนิ่งสีหน้ายังไม่คลายความตกใจ


           “คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง”


           ธราเทพชี้นิ้วมือสั่นระริกด้วยความโกรธไปที่สิงหา แต่กลับเรียกรอยยิ้มจากดวงตาดุคู่นั้นได้


            “ฉันก็บอกนายไปแล้วนี่ ว่าถ้าฉันบอกว่าได้นายก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ข้อเสนอของฉันกับทุนเรียนฟรีจนกว่าจะจบ

ปริญญาโท พร้อมทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัวอีกส่วนหนึ่งไม่ดีพอที่จะแลกเปลี่ยนกับทุนแค่นิดเดียวที่นายได้อยู่นี่หรอกหรือ”


   
             สิงหาเดินตรงมาใกล้ ห่างจากธราเทพเพียงแค่เอื้อมมือ แล้วเขาก็เอื้อมมาจริงๆ เขาส่งหลังมือมาแตะต้องที่

แก้มใสของธราเทพ หนุ่มน้อยปัดมือของสิงหาออกอย่างแรงด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นพลางสบถใส่หน้า


             
           “อย่ามาแตะต้องตัวผม ไอ้คนเผด็จการ”



           ใบหน้าที่เจือด้วยรอยยิ้มของสิงหาหุบลง คิ้วเข้มขมวดแน่นเมื่อเขาเอื้อมมือมาจับที่คางเรียวของธราเทพแล้วบีบ

จนหน้าเหยเก


            “ขอบคุณสำหรับคำชม น้อมรับได้เสมอ”


            สิงหาดึงใบหน้านุ่มนั้นเข้ามาใกล้ จนรู้สึกถึงลมหายใจที่ร้อนระอุของกันและกัน


           “ว่าแต่สอบวันสุดท้ายเสร็จวันไหน จะได้ไปจัดการเรื่องเดินทางไปอียิปต์”




                  ------------------------ โปรดติดตามตอนต่อไป-------------------------



                 ช่วยเขียนคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้บ้างนะคะ ขอบพระคุณหลายๆ :pig4: :pig4:








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-03-2015 14:45:43 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                              คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                      บทที่ 5


          ท่ามกลางตึกระฟ้าใจกลางเมืองหลวง หนึ่งในนั้นคือคอนโดหรูที่ตั้งอยู่เคียงข้างลำน้ำเจ้าพระยาที่หล่อเลี้ยงผู้คน

ในลุ่มน้ำนี้ สิงหายืนอยู่ริมระเบียงจากห้องชุดชั้นบนสุด แพงที่สุด ทอดสายตาคมมองตามความคดเคี้ยวของสายน้ำ

ดูดซับความงดงามที่คล้ายคลึงกับแม่น้ำอีกสายที่ประทับอยู่ในส่วนลึก


          อา…แม่น้ำไนล์


          เขาหลับตาลงเพื่อปลดปล่อยจินตนาการไปถึงสายน้ำหลักของอารยธรรมเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก  หลาย

พันปีก่อนเมื่อความเจริญถึงขีดสุดความสวยงามจะเรืองรองเพียงไหนไม่มีใครรู้ได้

           ยกเว้นเขา..

          เพียงแค่หลับตาลง ทุกอย่างในความทรงจำระดับจิตใต้สำนึกที่ติดตัวมาจะปลดปล่อยภาพเหล่านั้นออกมาอย่าง

ชัดเจน แจ่มแจ้ง ตั้งแต่ถนนหนทาง ไปจนถึงพระราชวังที่ประดับประดาไปด้วย   อัญมณีล้ำค่าส่องแสงสะท้อนประกาย

แดดระยิบระยับ

          รวมไปถึงใครบางคนที่เกาะกุมติดตามความทรงจำมา ใครคนนั้นที่สิงหาจำได้แม่นยำ

          จำได้แม้กระทั่งเสียงของลมหายใจ
 
          จำได้แม่นยำแม้กระทั่งเมื่อได้วนเวียนมาพบกันครั้งแรกตามกรรมสัมพันธ์

          จำได้แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของกายหยาบจะไม่เหมือนเดิม เพราะเปลี่ยนแปลงไปตามเชื้อชาติและพันธุกรรมแต่เมื่อ

จ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง สิงหาก็รู้ได้ในทันที

           เสียงกรามที่บดแน่นของตัวเองดังเข้าไปกระทบกับโสตประสาทเมื่อเขานึกไปถึงแวบแรกที่เห็นร่างที่อยู่ในชุด

นักศึกษาเดินใจลอยอยู่ริมถนนในมหาวิทยาลัย หัวใจของเขาเต้นเร็วแรง จนเขาแทบจะควบคุมไม่อยู่ ขับรถส่ายจนเกือบ

พุ่งเข้าชนร่างนั้น วินาทีนั้นสิงหาต้องสูดลมเข้าปอดลึกๆเพื่อขับไล่ความตื่นเต้นก่อนที่จะกดปุ่มเปิดกระจกรถ ส่งสายตา

ไปมองเพื่อความชัดเจน

          ชัดเจนกระจ่างแจ้งแน่นอนเมื่อสบตา หัวใจของเขากระตุกวาบ รับรู้ได้ว่าเวลาของเขามาถึงแล้ว

           ร่างสูงเปิดเปลือกตามองลำน้ำที่คดเคี้ยวอีกครั้งแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องชุดที่ตกแต่งอย่างสวยงามลงตัว

ก้าวตรงไปที่ห้องเล็กห้องหนึ่งที่จัดไว้โดยเฉพาะ ด้านหนึ่งของห้องจัดวางแท่นสูงระดับหน้าอก บนสุดของแท่นมีเทวรูป

ทองเหลืองตั้งเด่นเป็นสง่า เทวรูปขนาดสูงหนึ่งฟุตเป็นร่างชายนั่งบนเก้าอี้แต่ปรากฎศีรษะเป็นเหยี่ยวที่สวมมงกุฎสีแดง

ราวกับดวงอาทิตย์ เมื่อสิงหาจ้องมองเทวรูปดวงตาคู่คมก็ลุกโชนเมื่อนึกถึงสัญญาณสุดท้ายก่อนสิ้นสุดภพภูมิเดิม






“ข้าแต่เทพราที่ข้าสักการะด้วยความเคารพ

แม้ข้าจะไม่มีเทพอิมเซติปกป้องตับของข้า

แม้ข้าจะไม่มีเทพฮาปิปกป้องปอดของข้า

แม้ข้าจะไม่มีเทพดูอามูเตฟปกป้องกระเพาะอาหารของข้า

แม้ข้าจะไม่มีเทพกีเบห์เซนูฟปกป้องลำไส้ของข้า

เพื่อไปสักการะท่านที่มตภพดูอัต

แต่ได้โปรด…

ได้โปรดเห็นใจแก่ดวงวิญญาณที่โง่เขลา

ดวงวิญญาณที่ถูกหลอกลวงจากคนที่รักที่สุด

ชักพาสู่ความตายอันน่าอดสู



ข้าแต่เทพราอันศักดิ์สิทธิ์…

ได้โปรดให้โอกาสข้าเพื่อไปตามหา

ตามหาคนที่ข้าเคยรักสุดชีวิต

และบัดนี้ได้กลายเป็นคนที่ข้าชังที่สุด

เพื่อมาปลดปล่อยสัญญาจากคำสาปร้าย

ได้โปรด ได้โปรด”




        คำขอสุดท้ายก่อนที่ลมหายใจบางเบาจะจบสิ้นลง หากแต่เขารู้ว่ามันจะยังไม่สิ้นสุด ดวงตาดุคุโชนด้วยไฟแค้นสุม

เมื่อจองไปที่เทวรูป

         สิงหาโค้งกายคำนับสักการะด้วยความเคารพ


         อา…เทพราโปรดอำนวยพร

          เวลาแห่งการเดินทางเพื่อชำระคำสาป พร้อมกับแก้แค้นคนที่เป็นต้นเหตุได้มาถึงแล้ว








          “เฮ้ย ไอ้เซนเร็วดิมึง เพราะมึงเลยนะ ถึงได้มาเกือบจะช้าแล้วเนี่ย”


           ธราเทพโวยวายพลางลากกระเป๋าเดินแกมวิ่งนำหน้าภูหิรัณย์เข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิ


          “ก็กูตื่นเต้นนี่หว่า เมื่อคืนเลยนอนไม่หลับ มึงหยุดบ่นกูเสียทีเหอะ”


            คนเป็นเพื่อนแก้ตัวเมื่อลากกระเป๋าตามหลังมาติดๆ ธราเทพได้แต่ส่ายหน้าด้วยความระอา
 
           เมื่อรู้ตัวว่าจำเป็นต้องเดินทางมาอียิปต์แน่ๆ จากวิธีการเจ้าเล่ห์ของคนเผด็จการ ธราเทพจึงเสนอเงื่อนไข


           “ผมขอให้เซนไปเป็นเพื่อน ถ้าคุณไม่ให้ไป ผมก็จะให้มันไปเองด้วยเงินของมัน”


            เพราะธราเทพรู้ดีว่าเพื่อนเป็นคนมีฐานะไม่ลำบากที่จะไป แต่เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อคนเผด็จการกลับยอมง่ายๆ


            “ตามใจ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายให้เพื่อนนายเก็บเงินไว้เถอะ ถือว่าเพื่อนนายไปทำงานพิเศษกับนายด้วย ฉันจะจ่าย

ค่าจ้างให้เท่ากับนาย”


            ด้วยเหตุนี้ภูหิรัณย์จึงได้ลากกระเป๋าตามเขามาที่สนามบินแห่งนี้

           ดวงตาคู่หวานมองหาหมายเลขของทางเข้าที่ได้รับการนัดหมาย เมื่อเห็นแล้วก็ลากกระเป๋าไปตามทางนั้น ก่อน

จะชะงักกะทันหันเมื่อเห็นร่างสูงคุ้นตายืนหันหลังให้อยู่ด้านหนึ่ง จนภูหิรัณย์ที่ลากกระเป๋าตามมาเกือบจะหยุดไม่ทัน


          “เชี่ยวิน อะไรของมึงเนี่ย เบรคก็บอกกันบ้างแล้วนี่มึงหยุดเดินทำไม”


            ธราเทพทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้จากที่รีบร้อนเปลี่ยนเป็นลากกระเป๋าทอดน่องผิวปากอย่างสบายใจเรื่องอะไรจะ

แสดงออกให้รู้ว่าตัวเขาเองก็ตื่นเต้นมากมายที่จะได้เป็นเยือนประเทศที่อยู่ในความฝัน เขายังไม่อยากให้คนเผด็จการ

ได้ใจ

            ความคิดสะดุดลงเมื่ออยู่ๆ สิงหาก็หันขวับมามองด้วยตาดุราวกับมีตาหลังจนเขาอดสะดุ้งไม่ได้เมื่อดวงตาที่มอง

มาอย่างรู้ทันส่งตรงมาที่เขา


           “เฮ้ย ทำไมช้ากันจังวะ เดี๋ยวก็ตกเครื่องกันพอดี มาเร็วตามอาจารย์ไปเช็คอิน”


           เสียงวาโยที่เดินทางไปทำวิทยานิพนธ์ในครั้งนี้ด้วยส่งเสียงโวยวายก่อนเดินนำลูกศิษย์เข้าไปต่อแถว ธราเทพ

เดินคอแข็งผ่านหน้าคนที่ยืนขมวดคิ้วอย่างเสียวสันหลัง พยายามที่จะไม่ล่อกแล่กสายตาไปมอง แต่เขากลับรู้สึกขนที่คอ

ลุกชันเมื่อสิงหาเดินตามหลังมาติดๆ ไม่ยอมห่าง จนสุดท้ายก็เป็นเขาที่ทนไม่ไหวต้องหันกลับไปมองคนที่เดินอยู่ด้าน

หลังด้วยสายตาขุ่นมัว


         “เดินห่างๆ หน่อยก็ได้ ไม่ต้องชิดขนาดนี้”


          คนที่ใช้อีกชื่อว่าอัสลานเลิกคิ้ว ดวงตาพราวอย่างนึกขันเมื่อเห็นท่าทีของธราเทพ


           “คนเบียดเสียดเข้าแถวเช็คอินกันเยอะขนาดนี้ จะให้เว้นระยะห่างแค่ไหนล่ะ”


            โอย ธราเทพอยากจะควักไอ้ลูกนัยตาคู่นี้ออกแล้วโยนทิ้งจริงๆ มันช่างขัดแย้งกับใบหน้าเฉยเมยจนสุดขั้ว


             “แต่ก็ไม่ต้องยืนติดกันขนาดนี้ก็ได้ คนมันอึดอัดเข้าใจไหม”


             เขาเริ่มส่งเสียงดังด้วยความหงุดหงิดจนวาโยและภูหิรัณย์ที่อยู่ด้านหน้าต้องหันมามองอย่างสงสัย


              “เจ้าวิน โวยวายทำไม มีอะไรหรือเปล่า”


                ธราเทพยิ้มแหยให้กับอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วจึงหันกลับมาแยกเขี้ยวใส่สิงหา ทำให้สิงหาถึงกับหัวเราะเบาๆ

ในลำคอ


              “เอ้า เดินไปได้แล้ว เขาทิ้งห่างแล้วเห็นไหม มัวแต่ช้าระวังจะโดนแซง”


            ไม่พูดเปล่าสิงหาขยับตัวก้าวเดินล้ำหน้าแซงราเทพไปค่อนลำตัว หน้าคมมองตรงไปข้างหน้าเหมือนไม่มีเขาอยู่

ในสายตา ก่อนที่ธราเทพจะรู้สึกอุ่นวาบที่แผ่นหลังเมื่อสิงหาใช้ฝ่ามือวางแนบลงไปแล้วดันให้เขาเดินให้เร็วขึ้น

          ความรู้สึกอบอุ่นจู่โจมลุกล้ำเข้ามาเหมือนเป็นความรู้สึกคุ้นเคยอย่างที่ธราเทพไม่เคยรู้สึก มันช่างโหยหาและ

อาดูรเหลือที่จะคณา  มันพุ่งปราดเข้ามาเพียงชั่วเสี้ยววินาทีจนสมองมึนงง น้ำตาซึมที่หางตาอย่างหาสาเหตุไม่ได้


           “มาอี”


         สิงหาชะงักงัน ใบหน้าเคร่งขรึมบดกรามจนเห็นเป็นสันเหลือบมามองธราเทพด้วยแววตาที่เดาไม่ออก  เมื่อได้ยิน

เสียงพึมพำแผ่วเบาอยู่ในลำคอของคนข้างๆ


           “พูดว่าอะไรนะ”


           เสียงแข็งที่ถามขึ้นเรียกสติกลับคืนมาสู่ธราเทพ เขากระพริบตาถี่ๆแล้วหันมาสบตาสิงหาอย่างสงสัย


           “อะไร ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”


             สิงหาสบตาคู่นั้นนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะสะบัดหน้าขรึมกลับไปตั้งตรงตามเดิม

 
             “ช่างเถอะ เร็วเข้าถึงคิวแล้ว”





            คณะของสิงหาก้าวเข้าไปหาที่นั่งในเครื่องบินลำใหญ่ วาโยจัดแจงดูแลที่นั่งจนเสร็จสรรพ และเมื่อตนเองเตรียม

จะนั่งก็ต้องชะงักเมื่อเห็นผู้โดยสารที่เดินเข้ามาในเครื่องลำดับท้ายๆ อาจารย์หนุ่มสะกิดสิงหาให้หันไปมอง จนเมื่อคนนั้น

ก้าวเข้ามาใกล้วาโยก็ทักขึ้น


              “ทำไมมาลงเรือลำเดียวกัน เอ๊ย เครื่องบินลำเดียวกันได้ล่ะ พี่อัคนี”


              รองคณบดีชะงักแล้วหันมาสบตาวาโยกับสิงหา เขายักไหล่และชักสีหน้าใส่วาโย


              “นายคิดว่ามีการขุดค้นปิรามิดแห่งใหม่แล้วคณะจะไม่ส่งใครไปดูสักคนเลยหรือ”


               วาโยหันไปสบตากับคนเป็นเพื่อน แล้วเป็นฝ่ายยักไหล่บ้าง


               “ก็สงสัยอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่นึกว่าจะเป็นพี่ แล้วมาคนเดียวหรือไม่มีลูกมือมาด้วยหรือไง”


              ก่อนที่อัคนีจะตอบคำถาม เสียงใสก็ดังมาจากด้านหลังจากร่างสูงใหญ่ของอัคนี


               “หนูเองค่ะอาจารย์ ลูกมือ”


                ธราเทพและภูหิรัณย์หันไปมองตามเสียงแล้วก็ส่งเสียงทักอย่างตื่นเต้น
 

                “ไอ้ก้อย ทำไมมาได้วะ”


                 “ฉันขอตามอาจารย์มาเอง เพราะนอกจากจะใช้สิทธิความเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์แล้ว ฉันยังใช้สิทธิอื่นอีก”


                 วริษฐายิ้มพรายเมื่อเพื่อนชายทั้งสองแย่งกันส่งคำถาม


                “ก็อาจารย์อัคนีน่ะ เป็นน้าของฉันเอง”


                ธราเทพมองหน้ากับภูหิรัณย์ ส่วนสิงหากับวาโยก็ได้แต่เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจกับข่าวใหม่


                 “ไม่เห็นแกเคยบอกเลยก้อย” ภูหิรัณย์เป็นคนถามขึ้น วริษฐาได้แต่ยิ้มแหย


               “ฉันกลัวพวกแกจะหาว่าฉันเป็นเด็กเส้นน่ะ ก็เลยไม่ได้บอก”


                 หน้านิ่งๆ ของอัคนีกวาดสายตาผ่านใบหน้าของสิงหาไปอย่างรวดเร็วจนสิงหายังไม่ทันสังเกตแววตาวูบไหว

ของอัคนี เขาหันไปบอกวริษฐาแล้วเดินนำไปที่นั่ง


              “ไปนั่งที่ได้แล้วก้อย เครื่องใกล้ออกแล้ว อ้อ งานนี้ถือว่าไปคนละกลุ่มกันนะวาโย คงจะไม่ว่าอะไร

หากไม่ได้ช่วยเหลือ”

 
               วาโยสบถ เมื่อวริษฐาเดินตามอัคนีไปแล้ว


             “ถือว่าเป็นรองคณบดีอยากทำอะไรก็ทำได้ หมั่นไส้ว่ะ ที่ข้าขอทุนมาตั้งนานไม่อนุมัติ”


               “เออน่า อย่าบ่น ข้าก็พามาแทนแล้วนี่ไงนั่งกันได้แล้ว”


             เขาดันตัวให้วาโยนั่งลง แล้วเขาก็นั่งด้านข้าง


               สิงหาหลับตาลง เมื่อรู้สึกถึงการขับเคลื่อนของนกยักษ์ลำใหญ่


               อา…เทพรา


               ข้าจะกลับคืนสู่การพิทักษ์ของท่าน ณ บัดนี้







            ธราเทพและภูหิรัณย์มองรอบๆ ตัวอย่างตื่นเต้นกับการเยือนอียิปต์ ตั้งแต่สนามบินจนเดินทางด้วยรถยนต์มาถึง

โรงแรมที่พัก สำหรับภูหิรัณย์แม้จะเคยตามครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ก็ต่างกันเมื่อครั้งนี้ถือว่าเขามาทำงานครั้ง

แรกตามที่เรียนมา ไม่ต้องพูดถึงธราเทพที่เขาต้องเก็บอาการไว้มากกว่า นอกจากจะเป็นการเดินทางครั้งแรกแล้ว อียิปต์

ก็เป็นประเทศที่เขาใฝ่ฝันอีกด้วยทันทีที่ก้าวลงจากเครื่องบินแล้วเหยียบแผ่นดินอียิปต์ ความรู้สึกท่วมท้นลึกซึ้งก็เอ่อขึ้น

มาจนแทบจะเหยียดกายทาบไปกับปฐพี

           สิงหาเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์โรงแรมครู่หนึ่งแล้วกลับมายื่นคีย์การ์ดให้ธราเทพและส่งอีกชุดให้วาโย ธราเทพรับ

มาพลางเดินตามบริกรที่เดินนำไปขึ้นลิฟท์ เขาเดินเข้าไปในห้องพักสุดหรูเมื่อบริกรเปิดประตูให้ พลางเบิกตากว้างเมื่อ

พึงพอใจกับความงดงามก่อนที่จะหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลง แล้วหนุ่มน้อยก็สะดุ้งเมื่อเห็นสิงหายืนอยู่แทนที่

จะเป็นภูหิรัณย์


           “คุณเข้ามาห้องนี้ได้ไง ผิดห้องหรือเปล่า คุณต้องไปอยู่กับอาจารย์สิ”


           สิงหายิ้มด้วยดวงตาเมื่อสืบเท้ามาใกล้ธราเทพเรื่อยๆ


           “ไอ้โยมันต้องติวให้เซนเรื่องอียิปต์เพราะเซนไม่ได้เรียนวิชาเอกด้านนี้ ฉันเลยเปลี่ยนให้เซนไปอยู่ห้องเดียวกับ

ไอ้โย ทำไมเหรอ มีปัญหาอะไรถึงจะอยู่ห้องเดียวกับฉันไม่ได้ หืม วิน”


           เมื่อประโยคนั้นจบลงสิงหาก็ก้าวมายืนชิดติดกับธราเทพพอดี















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2015 14:15:44 โดย Belove »

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
 :L2:
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
สิงหามีบรรยากาศน่ากลัวตลอดเวลาเลย  กลัวจริงๆ

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
อะโยะโหยววว ลึกลับซับซ้อนแต่พอเดาออก(?)มากมาย :katai5:แหมะอยู่ห้องเดียวกันอีกตะหาก หึหึ :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pattapong200320

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกมากค่ะ. การดำเนินเรื่องค่อนข้างกระชับดีค่ะ. ^^

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เพิ่งเห็นเรื่องนี้
น่าติดตามอีกแล้ววว

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                          คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                  บทที่ 6


          ธราเทพสะดุ้งวาบเมื่อสิงหาก้าวมายืนชิดติดตัว

          เมื่อแรกเป็นความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านจับจิตแต่เมื่อผ่านไปเพียงชั่ววินาที เศษเสี้ยวชิ้นส่วนดินเผาห่อหุ้มด้วย

พลาสติกที่เขาเก็บอยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตก็ร้อนวูบราวกับน้ำเดือด


          “โอ๊ย!”


          เขาร้องดังลั่นเมื่อทนทานไม่ไหวจนถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไปนอนกองกับพื้น

          งูใหญ่แผ่แม่เบี้ยส่งสายตาแดงฉานราวกับเปลวไฟมองเขาราวกับเป็นเหยื่อตัวน้อย ฉกปลายเขี้ยวพุ่งวาบมาอย่าง

รวดเร็ว


          “ไม่…”


         ธราเทพส่งเสียงร้องลั่นกับภาพที่เห็น หัวใจดวงน้อยเจ็บปวดราวกับถูกกรีดแทงด้วยของมีคม ก่อนที่สติจะดับวูบ

ลง











          “ท่านพี่ ท่านพี่ราโมส


          เสียงลูกปัดกระทบกันดังมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะวิ่งถลาเข้ามากอดคนเป็นพี่ชายร่วมพระบิดา

เมื่อราโมสก้าวเข้าสู่เขตพระราชวังอันยิ่งใหญ่ที่เชื่อว่าจำลองมาจากอาณาจักรแห่งเทพราพระบิดาแห่ง

แสงอาทิตย์

          เด็กหญิงตัวผอมสวมใส่ผ้าทอผืนเดียวทรงแคบยาวตั้งแต่ใต้อกไปจนถึงข้อเท้ามีสายสะพายดึงไว้ที่ไหล่ทั้งสอง

ข้าง ผ้าทอผืนนั้นโดดเด่นด้วยเส้นใยที่ทอจากแร่ทองบริสุทธิ์ จับจีบไว้ด้านหน้า แสดงถึงฐานะอันสูงส่ง ราโมสก้มหน้าลง

มองใบหน้าที่สวยงามตั้งแต่วัยเด็กแล้วอมยิ้มอย่างเอ็นดู พลางเอื้อมมือไปขยี้เส้นผมหยอกเย้าให้เด็กหญิงหน้ามุ่ย

     
          “ว่าไง เจ้าหญิงราบีอาน้องข้า วันนี้เล่นซุกซนเรื่องอันใด


          เจ้าหญิงน้อยหน้างอเมื่อพระเชษฐาทักทายราวกับเธอเป็นเด็กน้อย


          “ข้าเลิกเล่นซุกซนนานแล้ว ท่านพี่คงมัวแต่ไปเที่ยวเล่นกับมาอีจนลืมไปว่าข้าอายุ 14 ปี ต้องเก็บตัวฝึกความเป็น

กุลสตรี เพื่อเตรียมเข้าพิธีอภิเษกกับท่านพี่ในอีกไม่กี่ปีนี้”


          รอยยิ้มของราโมสจางลงเมื่อฟังคำของเจ้าหญิงราบีอาความจริงที่เขาไม่อยากยอมรับ อาณาจักรยิ่งใหญ่ภายใต้

การปกครองของกษัตริย์เพตเทเมน ซึ่งมีเขา เจ้าชายราโมส เป็นรัชทายาทเพียงพระองค์เดียว โดยที่พระมารดาซึ่งเป็น

พระมเหสีเอกจากไปตั้งแต่เจ้าชายราโมสยังเป็นเพียงเจ้าชายน้อย  แต่กษัตริย์เพตเทเมนก็ไม่ได้แต่งตั้งใครขึ้นครอง

ตำแหน่งมเหสี จะมีก็แต่เพียงพระสนมเอกซึ่งก็มีพระธิดาให้กับกษัตริย์เพตเทเมนอีกเพียงพระองค์เดียวก็คือ เจ้าหญิง

ราบีอา นั่นเอง

          สำหรับการสืบต่อราชบัลลังก์ นิยมให้ผู้ที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปอภิเษกกับผู้ที่เป็นพระเชษฐภคินีหรือพระ

ขนิษฐา เพื่อความเป็นสายเลือดแท้ของความเป็นกษัตริย์ ราโมสและราบีอารับรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก สำหรับราบีอาผู้ได้รับ

การสั่งสอนจากพระสนมเซพเทตผู้ทะเยอทะยาน เรื่องนี้คือเรื่องที่เจ้าหญิงและผู้เป็นพระมารดารอคอยมาตลอดต่างจาก

เจ้าชายราโมส ผู้ซึ่งนิยมความเรียบง่าย และรักที่จะเที่ยวเล่นไปตามใจปรารถนา

          เรื่องนี้กลับกลายเป็นความหนักใจอย่างที่สุด เมื่อเขานึกไม่ออกว่าจะอภิเษกกับผู้เป็นพระขนิษฐาที่เห็นกันมาแต่

เยาว์ได้อย่างไร         

          “นี่คงเป็นเพราะมาอีมัวแต่พาท่านพี่ไปเที่ยวเล่นตามโอเอซิส และไปอยู่พวกเบดูอินชนเผ่าเร่ร่อนกลางทะเล

ทรายนั่นแหละ ท่านพี่จึงได้ไม่สนใจข้าและไม่สนใจศึกษาเล่าเรียน


          น้ำเสียงเหยียดหยามต่อว่าไปถึงคนที่ยืนเหยียดกายยึดบังเหียนลาเอาไว้อยู่ไม่ไกลจากการสนทนามากนัก คิ้ว

เข้มจากร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อในวัยหนุ่มจึงขมวดลงเมื่อได้ยิน


          “ราบีอา หยุดกล่าวร้ายมาอีได้แล้ว


          กลับกลายเป็นเจ้าชายที่ร่างสูงเก้งก้างส่งเสียงเข้มแทนคนที่ถูกต่อว่า ราโมสเชิดหน้าด้วยความไม่พอใจผู้เป็น

พระขนิษฐา จนเจ้าหญิงราบีอาต้องก้มหน้าลงด้วยความตกใจ


          “ทุกครั้งที่ออกนอกวัง เป็นเราที่เป็นฝ่ายชักชวนมาอีออกไป เป็นเพราะเราพอใจจะไปเอง จนมาอีต้องเป็นฝ่าย

ออกติดตาม หาใช่เป็นอย่างที่เจ้าพูดไม่


          สรรพนามที่ใช้เปลี่ยนไปเมื่อความคุกรุ่นบังเกิด เจ้าหญิงตัวน้อยตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดหวั่นไม่ใช่ความเท็จ

เลยที่ราบีอากล่าวไป เจ้าหญิงเข้าข้างตัวเองก็ในเมื่อทุกครั้งที่เธอปรารถนาและเพียรพยายามที่จะใกล้ชิดสร้างความ

สนิทสนมกับพระเชษฐา ดั่งคำที่มารดาสั่งสอนตั้งแต่ยังจำความได้ แต่ทุกครั้งราโมสก็จะมีมาอีอยู่เคียงข้างจนยากที่เธอ

จะได้อยู่ตามลำพังกับว่าที่ผู้ครองนครคนต่อไป


          “ราบีอาเกลียดมาอี


          เจ้าหญิงราบีอากระทืบเท้าระบายโทสะ พลางมองมาอีด้วยแววตาเกลียดชัง จนมาอีที่ยืนนิ่งได้แต่มองด้วยความ

หนักใจ


          “เจ้าหญิงราบีอา ใยแสดงกิริยาหยาบคายราวกับหญิงไม่มีสกุลเยี่ยงนั้น


          เสียงเข้มดังขึ้นเมื่อบุรุษร่างใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรงเต็มที่ในวัยฉกรรจ์เดินเข้ามาแล้วส่งเสียงดุ

พระคู่หมั้นของกษัตริย์ในอนาคตมาอีเหลือบตามองตามเสียงนั้น จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ฮาอัส นักบวชหนุ่มที่มี

อิทธิพลอย่างสูงในพระราชวังด้วยวัยเพียงไม่ถึงสามสิบ ด้วยความเก่งกล้าในวิชาอาคมที่มากเกินวัย จนแม้แต่พระราชาก็

ให้ความไว้วางพระราชหฤทัย แต่งตั้งตำแหน่งใหญ่โตให้ครอบครอง รวมทั้งตำแหน่งผู้ประสาทวิชาแก่รัชทายาทและ

พระคู่หมั้นด้วย


          “ความเป็นราชนิกูลสูงศักดิ์ ต้องดำรงอยู่ภายใต้ความนุ่มนวลอ่อนหวาน ดังเช่นที่ข้าพระองค์เคยสอน ไม่ทราบ

ว่าเจ้าหญิงใส่ใจจำหรือไม่ ถ้าจำได้ จงกล่าวขออภัยผู้เป็นพระเชษฐาและ มาอีผู้เป็นองครักษ์บัดเดี๋ยวนี้


          สิ้นคำพูดที่เต็มไปด้วยอำนาจในน้ำเสียง เจ้าหญิงน้อยรีบก้มหน้าลงแล้วกล่าวคำขอโทษด้วยสุรเสียงเบา

หวิว


          “ไม่เป็นไรหรอก ท่านฮาอัส เจ้าหญิงราบีอายังทรงพระเยาว์ ข้ามิได้ถือสาหาความ


          ราชองครักษ์ของเจ้าชายราโมสรีบกล่าวออกไป เมื่อเห็นเจ้าหญิงราบีอาหน้าเสียด้วยความขัดเคือง ก่อนที่จะหัน

วรกายแล้วดำเนินจากไปด้วยความขุ่นเคือง ฮาอัสเหลือบมองมาอีด้วยหางตา ก่อนที่จะหันไปน้อมกายและกล่าวกับเจ้า

ชายราโมส


          “ฝ่าบาทหนีหายไปจากการเรียนอีกแล้ว มิเป็นการบังควรที่กษัตริย์ในอนาคตจะเหลวไหลซ้ำแล้วซ้ำเล่า คืนนี้ฝ่า

บาทคงต้องอยู่เรียนกับหม่อมฉันทดแทนเวลาที่หายไป


         จบประโยคฮาอัสจึงได้เหยียดตัวเต็มความสูงแล้วเดินจากไป มาอีสบตากับฮาอัสที่มีแต่ความเฉยชาอย่างหนักใจ

          ให้ตายสิ….

          เขาไม่เคยนึกไว้วางใจแววตาหลุกหลิกคู่นั้นของฮาอัสเลย









          เปลือกตาที่ปิดบังดวงตาคู่หวานค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะกระพริบตาปริบๆ แล้วเหลือบสายตา

มองเพดานอย่างมึนงงเมื่อนึกทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่สติทั้งมวลจะดับวูบได้ทั้งหมด ธราเทพก็เบิกตากว้างและผวา

ลุกขึ้นมานั่งแล้วกรอกตาไปรอบๆ อย่างรวดเร็วนี่เขามานอนแผ่อยู่บนเตียงได้อย่างไร ในเมื่อความทรงจำครั้งสุดท้ายเขา

ยังยืนคุยกับสิงหาอยู่ที่กลางห้อง และเขาเห็นงูยักษ์แผ่แม่เบี้ยหราเตรียมฉกเขา


          สิงหา

          ใช่สิ เขากำลังยืนคุยอยู่กับคนเผด็จการอย่างสิงหาด้วยเรื่องสำคัญ ธราเทพกวาดสายตามองหาจึงได้เห็นแผ่น

หลังกว้างยืนสงบนิ่งอยู่ที่ระเบียงภายนอกห้อง ธราเทพดันตัวลุกจากที่เตียงแล้วเดินค่อยๆ เดินมาที่ระเบียงจึงได้เห็นว่า

ด้านที่ระเบียงกว้างยื่นออกมานี้มีแม่น้ำสายกว้างทอดยาวคดเคี้ยวอยู่เบื้องหน้า


          อา…แม่น้ำไนล์


          สายน้ำที่หล่อเลี้ยงผู้คนมานับพันปี ปรากฎอยู่ตรงหน้า หัวใจของธราเทพเต้นรัวเร็วบังเกิดความอิ่มเอมใจอย่างที่

ไม่เคยรู้สึกมาก่อน หยดน้ำซึมจากดวงตาด้วยความตื้นตันราวกับคนที่พลัดถิ่นมานานแล้วได้กลับคืนสู่ที่ที่เคยจากมา เขา

ไม่เข้าใจตัวเองเลยสะดุ้งเฮือก เมื่ออยู่ๆสิงหาก็หันขวับมามองด้วยแววตาดุ ก่อนที่จะสืบเท้ากลับเข้ามาในห้อง เพียงเพื่อ

มายืนกอดอกแล้วจ้องด้วยดวงตาเหมือนสิงโตที่รอขย้ำเหยื่อ


          “นายหมดสติต่อหน้าฉันครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง


          สิงหา ชูนิ้วขึ้นทำท่านับ

   
           “ทั้งที่ไม่ได้มีเหตุนำอะไรเลย นายคิดว่านายหมดสติไปจริงๆ หรือแค่เรียกร้องความสนใจ


          คิ้วเข้มเลิกขึ้นพร้อมรอยยิ้มหยันที่มุมปาก จุดประกายความระคายเคืองให้ธราเทพได้อย่างไม่ยากเย็นนัก


          “คุณไม่ได้มีค่าเพียงพอที่ผมต้องไปเรียกร้องความสนใจธราเทพตอบโต้อย่างหงุดหงิด  “ที่คุณต่อว่าเพราะ

คุณกลัวผมจะทำงานให้คุณไม่ได้งั้นสิ ช่วยไม่ได้นะในเมื่อคุณเองนั่นแหละที่บังคับให้ผมต้องมา ถ้าคุณไม่พอใจก็ส่งผม

กลับสิ


          ธราเทพยักไหล่เบ้ปากอย่างไม่แยแส ก่อนที่จะต้องตกใจเมื่อสิงหาพุ่งตรงเข้ามาแล้วดึงต้นแขนของเขาเหวี่ยง

จนธราเทพถลาตามแรงไปนอนกองอยู่ตรงขอบเตียง เขาจุกจนร้องไม่ออก ธราเทพลอยตามแรงกระชากให้ลุกขึ้นจาก

พื้นแล้วผลักจนร่างที่บางกว่าหมุนไปนอนงอตัวอยู่ที่กลางเตียงเล็ก เขาพยายามที่จะตะกายลุกจากเตียงแต่ก็ไม่สำเร็จ

เมื่อสิงหาตามมาคุกเข่าคร่อมร่างของเขาไว้ที่กลางเตียง มือแกร่งบีบคางของธราเทพแล้วดึงขึ้นมาจนหน้าหงายสิงหา

โน้มตัวลงมาจนใบหน้าห่างจากธราเทพไม่ถึงนิ้ว ส่งเสียงที่เค้นมาจากลำคอตะคอกใส่หน้าที่ซีดเผือดด้วยความตกใจ


          “คิดว่านายมีสิทธิ์ต่อรองงั้นหรือ คิดผิดแล้ว นายคิดว่าตัวเองมีค่าแค่ไหนกันเชียว หืม วิน


         ธราเทพพยายามดิ้นรนให้หลุดออกจากร่างที่กดดันบีบบังคับ เขายกมือขึ้นแล้วทุบไปที่แผ่นหลังของสิงหาเต็ม

แรง แต่นอกจากจะไม่สะดุ้งสะเทือนแล้วสิงหายังใช้มือข้างที่ว่างอยู่ยืดมือของธราเทพไว้ได้ข้างหนึ่ง ก่อนที่จะดึงไป

ล็อคติดกับที่นอนเหนือศีรษะของธราเทพ เท่ากับตอนนี้ธราเทพเหลือแขนที่เป็นอิสระอยู่อีกเพียงข้างเดียว         


          “ถ้าไม่มีค่านายก็อย่ามายุ่งด้วยสิวะ ไอ้คนเผด็จการ


         ธราเทพตะโกนใส่หน้าสิงหาอย่างเหลืออด ดวงตาคู่หวานแดงก่ำด้วยความโมโห แต่คนที่โมโหมากกว่าคือ

สิงหา เขาก้มหน้าลงไปแล้วประกบปากที่ด่าทอเขาอย่างรวดเร็ว  มือข้างที่บีบปลายคางเรียวปล่อยออกเพื่อคว้าแขนที่ยัง

คงเป็นอิสระอีกข้างไปยึดไว้คู่กับข้างที่เขาล็อคไว้


         สิงหาพิ่มแรงกดศีรษะของเขาเพื่อดันใบหน้าของธราเทพให้นิ่งอยู่กับที่เขาบดริมฝีปากลงไป หนักหน่วง รุนแรง

ไม่สนใจว่าธราเทพจะดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่าง         

          ยิ่งรักมาก ก็ยิ่งแค้นมากหลายพันเท่า สิงหาขบเม้ม กดดันด้วยไฟแห่งโทสะ จนหนุ่มน้อยที่อยู่เบื้องล่างถึงกับ

หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเจ็บใจ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2015 12:10:51 โดย Belove »

ออฟไลน์ dradareal

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ทำไมถึงเพิ่งเข้ามาเห็นเรื่องนี้นะ ชอบมากๆ
มาขอสมัครเป็นนักอ่านหน้าใหม่ของเรื่องนี้ด้วยคนนะคะ
ชอบทั้งเนื้อหา การดำเนินเรื่อง น่าติดตามมากๆ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
โถถถ   อยากรู้สาเหตุจริงๆ

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                                คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                    บทที่ 7


          เมื่อหยดน้ำจากดวงตาของผู้ถูกกระทำไหลรินลงผ่านหางตามาเปียกชื้นที่ไรผม ใบหน้าที่กด

เบียดใกล้ชิดแนบแน่นของสิงหาจึงได้รู้สึกรู้สาไปด้วย เมื่อนั้นเขาจึงชะงักริมฝีปากที่ขบเม้มลงไปบน

ปากเรียวนุ่มของธราเทพแล้วจึงปล่อยให้เป็นอิสระในเวลาต่อมา คนที่กำลังบังคับขู่เข็ญผงกหัวส่ง

สายตาแห่งความร้อนแรงเผาไหม้มองไปยังใบหน้าหวานที่สะท้อนย้อนกลับมาด้วยความแค้นใจ

          ปากแดงเรื่อก่อนที่จะถูกข่มเหงตอนนี้กลายเป็นเห่อจัดบอบช้ำราวกลับกลีบกุหลาบที่ถูก

ปลิดมาขยี้คามือ ดวงตาของเจ้าป่าที่มองมาจึงได้ไหววูบอย่างรวดเร็วจนแทบไม่ทันสังเกตแล้วจึง

ยอมลุกออกจากความแนบชิดไปยืนหันหลังให้อย่างไม่ใยดีกับธราเทพยังนอนแน่นิ่งด้วยความเจ็บช้ำ

น้ำเสียงเฉยชา ดังขึ้นหลังจากนั้นในอีกชั่วอึดใจจากแผ่นหลังกว้างของสิงหา


          “ไปจัดการกับหน้าตาตัวเองซะ ฉันให้เวลาอีกครึ่งชั่วโมง แล้วพวกเราจะเริ่มงานกันตั้งแต่วันนี้”


          สิ้นสุดประโยค สิงหาก็ก้าวเดินออกจากห้องปิดประตูตามหลังเสียงดังสนั่นจนธราเทพสะดุ้งสุด

ตัว หนุ่มน้อยค่อยๆดันตัวลุกจากที่นอนด้วยอาการที่อ่อนล้าไปทั้งกายและใจนับตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงที่

เหยียบย่างลงบนแผ่นดินไอยคุปต์

          เขาลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำก้มลงเปิดก๊อกน้ำล้างหน้า พยายามล้างและถูอย่างแรงจนแสบผิว

เพียงเพราะอยากจะล้างคราบน้ำตาและร่องรอยจุมพิตนั่นออกให้หมด ทั้งๆ ที่รู้ว่า ทั้งหมดมันได้ทิ้ง

คราบไว้ในหัวใจของเขา หาใช่รอยคราบบนใบหน้า

          ธราเทพยืดตัวขึ้นมาสบตาตัวเองในกระจกใส ดวงตาที่ใครๆชมว่าหวานซึ้งและมีเสน่ห์ บัดนี้

แดงเรื่อรวมไปถึงริมฝีปากที่เห่อบวมจนช้ำ แสดงให้ธราเทพได้รู้ว่าชีวิตของเขาในอีก 3 เดือนต่อจาก

นี้เขาต้องเตรียมตัวพบเจออะไรบ้าง

          สิ่งหนึ่งที่ธราเทพไม่เข้าใจตัวเองก็คือดูเหมือนว่าเขาจะทำอะไรสิงหากลับคืนไม่ได้เลยทั้งที่

ตลอดมาตั้งแต่เด็กธราเทพไม่เคยยอมให้ใครมารังแก เขาสู้สุดตัวจนแม้แต่ตรีภพที่เขม่นหน้ากันมา

ตั้งแต่เด็ก เขาก็ยังเอาชนะมาได้บ่อยครั้ง แต่ไม่ใช่กับสิงหา…

          ตั้งแต่วันแรกเจอจนมาถึงวันนี้ วันที่เขาต้องมาเผชิญชีวิตอยู่ในดินแดนต่างถิ่น ธราเทพ

ยอมรับกับตัวเองว่าเขาสู้สิงหาไม่ได้ แม้ว่าจะลองทำใจดีสู้เสือมาหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นเรื่องแรง

กายภายนอกที่เข้มแข็ง หรือแม้แต่แรงขับเคลื่อนจากภายในที่รุนแรงราวกับไฟป่า

หรือแม้แต่…

          หนุ่มน้อยกำพร้ายกปลายนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากตนเองอย่างเลื่อนลอย เมื่อยังรู้สึกถึงจุมพิต

ที่ป่าเถื่อน มันเป็นครั้งแรกที่ถูกกระทำแต่ทำไมเขากลับรู้สึกคุ้นเคยและถ้ายอมรับอย่างไม่โกหก

ตัวเอง เขาเกือบจะคล้อยตามและหวั่นไหวไปกับมันด้วยซ้ำ

          มือที่ปล่อยลงมาปัดไปถูกขวดแชมพูร่วงลงพื้น เรียกสติกลับคืนมาได้ หนุ่มน้อยสะบัดศีรษะ

แรงๆ เรียกความเป็นตัวของตัวเองกลับคืนมา ก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่


อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเมื่อเขาก้าวมาถึงขั้นนี้แล้ว ธราเทพบอกกับตัวเองแล้วจึงได้เดินไปเปลี่ยน

เสื้อผ้า










          สิงหาก้าวยาวๆ มาที่เทอเรซกว้างของโรงแรมแล้วมาหยุดยืนหน้าระเบียงที่ยื่นออกไปเหนือ

สระว่ายน้ำ มือที่กำหมัดแน่นทุบลงไปที่ปูนของระเบียงเพื่อระบายอารมณ์

          ให้ตายสิ อัสลาน นายต้องไม่ใจอ่อน

          เขาก่นด่าตัวเองในใจ เมื่อรู้สึกถึงความอ่อนไหวที่แล่นวูบขึ้นมาเมื่อเห็นหยาดน้ำตาของธราเทพ

          อย่าลืมว่านอกจากจะต้องลากเจ้าเด็กหน้าอ่อนนั่นมาทำภาระกิจสำคัญแล้ว เขายังคิดที่จะสร้าง

ความเจ็บปวดให้จิตใจในร่างนั้นด้วยไม่ใช่หรือแล้วทำไม ทำไมหัวใจมันถึงได้กระตุกเวลาเห็นดวงตาที่

ฉายแววเจ็บช้ำคู่นั้น เขาควรจะยินดีกับมันจึงจะถูกต้อง

          อย่าลืมสิว่าจิตเก่าในอดีตของใบหน้าเรียวและริมฝีปากหวานฉ่ำนั่น เคยทำร้ายเขาจนบอบช้ำ

แค่ไหน

          สะดุ้งเฮือกจากภวังค์เมื่อรู้สึกถึงแรงตบเบาๆ ที่ไหล่ สิงหาดึงสติกลับคืนมาแล้วหันไปมอง

จึงได้เห็นว่าเจ้าของฝ่ามือนั่นคือวาโยเพื่อนสนิทนั่นเอง ถัดออกไปจากเบื้องหลังของวาโยก็คือ

ภูหิรัณย์เพื่อนสนิทของคนที่เขากำลังคิดถึง


          “เหม่ออะไรวะ เดินมายืนอยู่ข้างหลังเรียกเอ็งตั้งนานยังไม่ได้ขยับ”

     
          สิงหาหันกลับมาฝืนยิ้มให้เพื่อน


          “คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ เป็นไงเซน พร้อมหรือยังสำหรับงานนี้”

 
          สิงหาเบนความสนใจไปให้หนุ่มหน้าขาวที่ยืนอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี


          “ยังไม่พร้อมก็ต้องพร้อมครับด็อกเตอร์ มาถึงที่นี่แล้วแถมยังได้คนติวอย่างอาจารย์วาโย

ผมคงไม่ทำให้ด็อกเตอร์หนักใจ”

 
          ภูหิรัณย์ตอบคำถามแต่สายตากลับเหลือบมองไปที่วาโยพร้อมกับรอยยิ้ม สิงหาจึงเผย

รอยยิ้มครั้งแรกของวันนี้



          “ไม่ต้องเรียกด็อกเตอร์หรอกเซนมันเป็นทางการไป เรียกว่าพี่สิงห์ก็ได้ ดีแล้วที่ปรับตัว

ได้เพราะเราจะเริ่มงานกันวันนี้เลย ทุกอย่างช้าไม่ได้ ว่าแต่ เพื่อนนายยังไม่ลงมาเลยนะ”


          ปลายเสียงที่กล่าวถึงธราเทพเปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างที่วาโยและภูหิรัณย์ยังไม่ทันสังเกต

แต่ก่อนที่สิงหาจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ เสียงของธราเทพก็ดังขึ้น


          “ผมมาแล้ว”


          ร่างสูงผอมเดินตรงเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมกับร่องรอยบนใบหน้าทำให้คนเป็น

อาจารย์และเพื่อนสนิทต้องขมวดคิ้วมองพร้อมกัน ภูหิรัณย์รีบสืบเท้ามาใกล้แล้วถามเบาๆ


           “ไอ้วิน ปากมึงไปโดนอะไรมาวะ บวมเห่อเลย”


           “โดนยุงอียิปต์กัด” ธราเทพตอบหน้าตาย


           “ยุงหน้าด้าน นิสัยเสีย” เขายิ่งกระแทกเสียงเมื่อตอบคำถามเพื่อน แต่สายตาของเขากลับ

จ้องไปที่สิงหา


          “แล้วแกตบมันตายหรือเปล่าล่ะไอ้ยุงตัวนี้ ถ้าแกไม่จัดการมันให้สิ้นซาก มันก็จะกลับมา

ตอแยแกอีกนั่นแหละ” ภูหิรัณย์พาซื่อรับลูกคนเป็นเพื่อนโดยไม่รู้ตัว ธราเทพจึงได้กระตุกยิ้มที่มุมปาก


          “ก็ไล่ตบอยู่ คิดว่าอีกไม่นานคงตายคามือ”


           ดวงตาที่จ้องกันไปมาคุกรุ่นไปด้วยบรรยากาศที่ขุ่นมัว จนวาโยต้องขัดตาทัพ

 

          “เราไปกันได้แล้วเดี๋ยวจะช้า”


          พูดจบเขาก็เป็นผู้เดินนำออกไป ตามด้วยสิงหาที่ถอนสายตาขวางจัดไปจากธราเทพ

ภูหิรัณย์เข้าประกบเพื่อน แล้วเดินไปพร้อมกัน พลางถามเบาๆ พอให้ได้ยินกันสองคน


          “เป็นไงไอ้วินอยู่กับพี่สิงห์น่ะ”


           ธราเทพอึ้งเมื่อหาคำตอบให้เพื่อนๆ


           “ก็ไม่รู้สิ วันนี้เพิ่งวันแรก แล้วมึงล่ะทำไมถึงไปอยู่กับอาจารย์ได้”


          ธราเทพเบนความสนใจไปทางภูหิรัณย์แทน เจ้าตัวได้แต่หัวเราะ พร้อมเลือดฝาดที่ฉีด

ขึ้นมาบนพวงแก้ม


          “แหม ก็กูไม่ค่อยเก่งเรื่องอียิปต์นี่หว่า ให้อาจารย์ติวเข้มให้ก็ถูกต้องแล้ว อีกอย่างอาจารย์

วาโยชอบทำตัวเปิ่นแล้วก็ไม่ค่อยดูแลตัวเองด้วย กูจะได้คอยช่วยอาจารย์ยังไงล่ะ”


          “เอ้า จะคุยกันอีกนานไหม รีบเดินเร็วเข้า”


          เสียงดุของวาโยลอยตามลมมา ทำให้ลูกศิษย์ทั้งสองหยุดการสนทนาแล้วเดินตาม

อย่างรวดเร็ว
 





          รถจี๊ปคันใหญ่แล่นตรงผ่านทะเลทรายทิ้งไว้แต่ละอองเม็ดทรายที่คละคลุ้งไว้

เบื้องหลังก่อนที่จะไปจอดนิ่งสนิทหน้าเต็นท์ ที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่รวมทั้งเครื่องมือมากมาย

สิงหาที่เป็นคนขับรถเปิดประตูแล้วกระโดดลงมายืนอยู่บนพื้นทรายอย่างคุ้นเคย ตามมาด้วย

สมาชิกในรถที่ลงมายืนอย่างตื่นตาตื่นใจ

          ธราเทพหัวใจเต้นรัวตั้งแต่สิงหาขับรถเข้ามาในเขตทะเลทราย และมันยิ่งเต้นจนอก

แทบระเบิดในตอนนี้ ตอนที่เขาแหงนหน้าขึ้นมองปิรามิดขนาดใหญ่ สูงจนต้องแหงนหน้าคอตั้งบ่า

ธราเทพไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกต่างๆ ที่ท่วมท้นมาได้อย่างไร

          มันมีทั้งโศกเศร้า โหยหาอาดูรและความรัก เมื่อทั้งมวลรวมกันร่างกายของเขาจึงทำได้

เพียงหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่มีสาเหตุ สิงหามองภาพที่เห็นด้วยใบหน้าเครียดกรามบดจนเห็น

เป็นสันนูน


          มารยา


          เขาค่อนในใจเมื่อเห็นน้ำตาที่หยาดหยดลงมาจนเจ้าตัวต้องรีบใช้หลังมือป้ายมันออก

แล้วสิงหาก็เป็นฝ่ายก้าวนำทุกคนเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบ


          “พอจะสืบได้หรือยังว่าปิรามิดนี้เป็นที่ฝังพระศพกษัตริย์พระองค์ไหน”


          วาโยที่เดินตามมาตั้งคำถามกับเจ้าของโครงการขุดสำรวจ สิงหาแหงนหน้าขึ้นมองที่

ยอดปิรามิดแล้วพยักหน้าช้าๆ


          “ที่เจอข้อความโดยรอบที่ผนังชั้นบนของปิรามิด กล่าวว่าปิรามิดนี้เป็นที่ฝังพระศพของ

กษัตริย์ที่อายุน้อยที่สุดในยุคไอยคุปต์กลาง และครองราชย์ด้วยเวลาที่น้อยที่สุด พระนามว่า ราโมส”


          ธราเทพหยุดยืนตัวแข็งเหงื่อออกท่วมตัวเมื่อสิงหากล่าวพระนาม ทำไมมันช่างคุ้นหู

เสียเหลือเกิน


          “พระองค์มีพระมเหสีที่เป็นพระขนิษฐาร่วมพระบิดาเดียวกันพระนามว่า ราบีอา

ในข้อความที่ผนังปิรามิดยังบอกไว้ว่าการครองราชย์ของพระองค์ได้มาจากการสังหารราชองครักษ์

เพื่อนำไปสู่การปิตุฆาตกษัตริย์เพตเทเมนผู้เป็นพระบิดาเพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจ”


          “ไม่จริง”


          ธราเทพตะโกนลั่นดวงตาเบิกโพลงเมื่อจบประโยคบอกเล่าเหตุการณ์ด้วยน้ำเสียงแค้นเคือง

จากสิงหา


          “ราโมสไม่ได้ทำ”


          แล้วร่างของธราเทพก็ทรุดฮวบลงไปนอนกองกับพื้นทราย
 







          เสียงลูกปัดจากกำไลข้อเท้ากระทบกันดังขึ้นเมื่อร่างสูงที่สวมผ้าทอสอดดิ้นทอง

ยกรั้งแค่ต้นขาเดินออกมาที่ลานกว้างดวงตาหวานสดใสของราชนิกุลในวัยต้นยี่สิบปีเป็นหนุ่ม

เต็มวัยบอกแววซุกซนไม่ต่างจากวัยเด็ก เมื่อก้าวไปคว้าอาวุธที่อยู่ในที่เก็บก่อนที่จะสืบเท้าเข้าไป

แล้วแทงสามง่ามหนักคมเข้าใส่ร่างสูงกำยำของคนที่กำลังฝึกอยู่ก่อนแล้ว

          เจ้าของร่างสูงผิวดำแดง แผ่นอกกว้างเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อลอบยิ้มเมื่อถูกโจมตี

เขาใช้อาวุธที่ผลิตจากทองเหลืองหล่อเป็นรูปโค้งเหมือนพระจันทร์ที่เรียกว่า “เคเพช”

คู่ใจขึ้นรับสามง่ามแล้วกลับเป็นฝ่ายบุกบ้าง

          สู้กันอยู่พักใหญ่ก่อนที่เคเพชจะตวัดกลับมาหยุดนิ่งจ่ออยู่ที่คอของคนที่บุกเข้ามา

ดวงตาทั้งคู่สบกันนิ่ง ก่อนที่จะหัวเราะพร้อมกัน


          “สู้กันเมื่อไหร่ เราก็แพ้ทุกที”


          สุรเสียงกังวานดังขึ้นจากร่างที่อ้อนแอ้นราวกับอิสตรี ตัดพ้อทีเล่นทีจริง


          “ตั้งแต่เด็กจนโต เจ้าก็ไม่เคยออมมือให้เราเลยนะ มาอี ท่านราชองครักษ์แห่ง

กษัตริย์เพตเทเมน”


          ร่างกำยำเผยยิ้มที่น้อยคนนักจะได้เห็น เมื่อค้อมศีรษะให้ผู้มาเยือน


          “ก็ถ้าหากท่านไม่มัวแต่หนีไปเที่ยวเล่นแล้วตั้งใจซ้อม ท่านคงจะสู้ข้าได้โดยที่ข้า

ไม่ต้องออมมือ จริงหรือไม่ เจ้าชายราโมสบุตรแห่งกษัตริย์เพตเทเมนผู้ยิ่งใหญ่”
 
 
                                     
 
 
 
 
 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-03-2015 15:12:54 โดย Belove »

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6
มันอะไร? ยังไง? กันแน่ในอดีตอะ   :katai1:

ออฟไลน์ anuruk97

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-4
อยากรู้จัง  ว่าจะเป็นอย่างไร    รักผู้เขียนนะครับ   :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
สิงห์ดูเหมือนจำทุกอย่างได้ ว่าแต่สิงห์นี่ไม่ใช่มาอีหรอ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
อย่ายึดติดกับอดีตเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด