<< คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>  (อ่าน 154427 ครั้ง)

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
มาอีทำไมไมม่เข้าใจซักทีนะ ว่าเค้าถูกครอบงำอยู่ คนที่แกรักโดนครอบงำโคนที่แกรักโดนครอบงำโว้ยยยย นี่นี่ถ้าไม่รีบหายโง่ ระวังจะเสียใจนะ

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                   คำสาปร้าย พ่ายรัก
                                                         
                                                        บทที่ 25



ธราเทพผวาจากหลับใหลในทันทีที่ถูกผลักแล้วก็มีน้ำหนักตัวมิใช่น้อยถาโถมเข้ามาทาบทับเขาลืมตา


อย่างตกใจก็พบกับดวงตาแดงก่ำที่เบิกโพลงรอเขาอยู่แล้ว

สิงหาที่ไม่เหมือนสิงหา

แววตาที่มองมายังเขามันเหมือนมองใครอีกคนที่มีเงาซ้อนทับกันอยู่ แววตาคู่นั้นเกรี้ยวกราด

แค้นเคือง ราวกับเปลวไฟที่พร้อมจะเผาไหม้ทุกอย่างให้เป็นจุล


“พี่สิงห์เป็นอะไร อ๊ะ …อย่า…”


ธราเทพเบิกตากว้างเมื่อร่างที่ร้อนระอุไปทั่วอณูขุมขนทิ้งน้ำหนักตัวลงมาบดริมฝีปากไปบนเรียวปากของเขา


ริมฝีปากที่ร้อนรุ่มกดลงไปอย่างดุดัน ทั้งขบทั้งเม้มด้วยแรงกายที่ธราเทพสู้ไม่ไหวแม้ว่าเขาเพียรพยายาม

ที่จะออกแรงผลักดันร่างแกร่งของสิงหา  แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผลอะไรเลย


สิงหาเลื่อนตัวลงไปเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ซอกคอ ธราเทพถึงกับสะดุ้งเฮือกทุกครั้งที่ปลายฟันคม


ถูไถไปกับเนื้ออ่อน


“พี่สิงห์ปล่อย ปล่อยนะ ผมเจ็บ”


ธราเทพส่งเสียงประท้วง ริมฝีปากที่เป็นอิสระแดงเห่อไปกับการกระทำของสิงหาแข่งกับรอยแดงตามเนื้อตัว


ที่ถูกย่ำยี เสื้อยืดตัวบางถูกกระชากจนติดมือขาดวิ่น รวมทั้งกางเกงนอนที่ธราเทพสวมใส่ก็หลุดออกจากร่าง

อย่างไม่มีชิ้นดี ดวงตาแดงก่ำคู่นั้นจ้องมองเรือนร่างขาวโพลนที่สั่นระริกด้วยความหวาดกลัวใต้ร่าง

แล้วกระตุกยิ้มออกมา


“คนหลอกลวง ข้าจะแก้แค้นอย่างสาสมกับทุกสิ่งที่เจ้ากระทำให้ข้าเสียใจ”


“พี่สิงหา ผมขอร้อง ได้โปรด อย่า…”


สิงหาไม่สนใจธราเทพที่วอนขอจนแทบจะยกมือไหว้ เขากดไหล่คู่นั้นแล้วดึงเสื้อผ้าของตัวเองออก


จนเปลือยเปล่า มือแกร่งบีบคางธราเทพจนหน้าบูดเบี้ยว


“บังอาจมาขอร้อง แล้วตอนที่ทำร้ายข้าและพ่อตัวเอง เจ้าเคยฟังคำร้องขอจากใครหรือไม่ ราโมส


วันนี้แหละที่ข้าจะทำให้เจ้ารู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดที่ข้าเคยมี”


“มะ ไม่ พี่สิงห์ ผมคือวิน ไม่ใช่ราโมส พี่สิงห์ตั้งสติหน่อย อ๊ะ…”


แม้จะเพียรเตือนสติแต่ก็ไม่ได้ผล ธราเทพอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโพลงเมื่อร่างกายของเขาถูกสิงหา

แทรกกายเข้ามาอย่างรวดเร็วและดุดัน ความเจ็บแปลบแล่นวาบตลอดร่าง น้ำตาหยาดหยดจากหางตา


ไหลลงมาเปียกอยู่ที่ไรผมไม่ขาดสาย


ธราเทพหมดแรงที่จะต้านทาน ได้แต่สะอื้นสลับกับส่งเสียงร้องครางออกมาปล่อยให้สิงหาชำเราจนสาแก่ใจ


แล้วจึงปล่อยให้เขานอนร้องไห้อย่างเจ็บปวดทั้งกายและใจ







“เจ้าวินเป็นอย่างไรบ้าง”



ธราเทพลืมตาขึ้นมาด้วยเสียงเรียกปรานีที่คุ้นหูมาตลอดชีวิต เมื่อลุกขึ้นมองก็เห็นร่างสูงอายุ

ที่ห่มจีวรสีเหลืองเย็นตายืนอยู่ไม่ไกลนัก



“หลวงพ่อ”



หนุ่มน้อยร้องเรียกอย่างยินดี พลางลุกขึ้นวิ่งไปหาแล้วก้มกราบแทบเท้าก่อนที่จะกอดขาของ



ผู้ที่เลี้ยงเขามาจนเติบใหญ่ด้วยความคิดถึง น้ำตาของธราเทพไหลลงมาอย่างปลาบปลื้ม



เมื่อหลวงพ่อลูบผมเขาอย่างอ่อนโยนเหมือนเช่นทุกครั้ง


“ผมสบายดีครับ แต่บางครั้งก็ไม่สบายใจ เหมือนผมจะมีอดีตที่เลวร้ายอยู่ที่นี่”



หลวงพ่อทอดสายตามองอย่างอ่อนโยน



“จำคำที่หลวงพ่อเคยสอนได้ไหม ทำอะไรต้องอดทนและมีสติพิจารณาไตร่ตรอง”



ธราเทพถอนใจ



“แล้วสาเหตุของเรื่องล่ะครับ หลวงพ่อเคยสอนเสมอว่าถ้ามีปัญหาให้แก้ที่สาเหตุ


แต่นี่ผมยังหาสาเหตุไม่ได้เลย”



“บางครั้งสาเหตุมันก็ลึกเกินกว่าที่จะค้นหากันได้ง่ายๆ แต่เจ้าก็จะหามันจนพบ


ถ้าตั้งใจมั่นจำที่หลวงพ่อสอนให้นั่งสมาธิได้ไหม”



ธราเทพพยักหน้ารับ



“ตั้งจิตให้มั่น ทำใจให้มีสมาธิ ปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายได้ รวมทั้งเรื่องของคนรักเจ้าด้วย”



หนุ่มน้อยเบิกตากว้าง ผิวหน้าแดงเรื่อ



“หลวงพ่อทราบเรื่องนี้ด้วยหรือครับ”



“จิตของเจ้าสองคนผูกพันกันมานาน แต่ก็เป็นเพราะเรื่องในอดีตที่ยังแก้ไม่ได้นั่นแหละ


อดทนกับเขาให้มากๆ ตอนนี้เขายังไม่ปกตินักหรอกมีบางอย่างที่ยังคงครอบงำจิตของเขาไว้อยู่


ลองชวนเขานั่งสมาธิดูนะอาจจะช่วยได้หลวงพ่อต้องไปละ อย่าลืมนะ อดทนและมีสติ”




ธราเทพก้มลงกราบแทบเท้า เมื่อเงยหน้าขึ้นมาชุดจีวรก็หายลับไป






“หลวงพ่อครับ หลวงพ่อ”


ธราเทพลืมตาตื่นพลางมองหาพระภิกษุอันเป็นที่รัก ก่อนที่จะทอดถอนใจเมื่อรู้ว่านั่นคือความฝัน


ตอนนี้เขาอยู่กับปัจจุบันที่เจ็บปวด เมื่อมองเห็นคนที่นอนเคียงข้างยังคงหลับใหล


ธราเทพขยับตัวอย่างร้าวระบม แล้วย่องลงจากเตียงเดินตรงเข้าห้องน้ำ



ร่างบางมองเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจก เนื้อตัวเปล่าเปลือยเต็มไปด้วยร่องรอยที่สิงหาทิ้งไว้ 


ทั้งริมฝีปากที่บวมเห่อ ทั้งรอยฟันที่ซอกคอและตามเนื้อตัวเนียน ธราเทพได้แต่มองตัวเองอย่างอเน็จอนาถ



อดทนและมีสติ



หลวงพ่อเตือนเขาไว้ ธราเทพยังนึกแปลกใจที่อยู่ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างสิงหากับเขาที่ดีขึ้น


มันกลับแย่ลงไปเพียงชั่วข้ามคืน มันอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ในความเปลี่ยนแปลงนั้นก็ได้


เขาใช้น้ำอุ่นชะล้างไปทั่วตัวเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด จนเมื่อรู้สึกดีขึ้นจึงได้เดินออกไป


จากห้องน้ำ แล้วก็เห็นว่าสิงหาตื่นนอนแล้ว ร่างสูงอยู่ในเสื้อคลุมตัวบางยืนอยู่ที่ระเบียงด้านนอก


ทอดสายตามองพระอาทิตย์ยามเช้าที่ฉายฉานแสงสีส้มทองอยู่ที่ริมขอบฟ้า


จนเมื่อดวงไฟลูกโตสาดแสงเต็มดวง เขาจึงได้ก้าวกลับเข้ามาในห้องเพื่อที่จะมายืน


ทอดสายตามองธราเทพแทน



หนุ่มน้อยถอยหลังกรูดเมื่อสิงหาย่างก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาหวานดั่งเนื้อทรายเหลือบมอง


อย่างไม่ไว้วางใจ ความตระหนกกับเหตุการณ์ที่ผ่านมายามราตรียังไม่คลายไปจากหัวใจ


แต่ก็หนีไม่พ้นเมื่อสิงหาก้าวมาแค่ก้าวเดียวก็คว้าเอวคอดไว้ได้ เขาตรึงธราเทพจนลำตัวแนบชิดกัน


แล้วใช้อีกมือเชยคางให้ธราเทพหันมาสบตากับเขา



ดวงตาคู่นั้นเรียบเฉยแต่คล้ายมีแววเยาะหยันลึกๆ เมื่อมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจตัดพ้อ


จากธราเทพ เขาใช้สายตากวาดละไปตามเนื้อตัวที่มีผลงานของเขาประจักษ์ชัดเป็นหลักฐาน   



“ปล่อยผม”



ธราเทพเปล่งเสียงคำแรกออกมา


“ถ้าเกลียดกันนักก็ปล่อยผม จะทนเหม็นขี้หน้าอยู่ด้วยกันทำไม”


ดวงตากร้าวของสิงหามองตรงมาที่เขาจนธราเทพใจหาย มือที่เชยคางไว้บีบแน่นจนหนุ่มน้อยหน้าเสีย



“นี่ยังคิดว่าตัวเองมีสิทธ์เรียกร้องงั้นหรือ”


คิ้วเข้มที่พาดเฉียงเหนือดวงตาเลิกขึ้นอย่างเย้ยหยัน


“นายเป็นของฉัน สิทธิในการเรียกร้องเท่ากับศูนย์”


สิงหาดึงใบหน้าเรียวเข้ามาจนใกล้ เขาเห็นเรียวปากที่บวมเห่อแล้วแต่เขาก็ยังกดริมฝีปากของเขา


ซ้ำลงไปตรงนั้นอย่างหนักหน่วงตอกย้ำกับคำพูดประโยคเมื่อครู่ ธราเทพเจ็บแปลบจนสะดุ้ง


แต่นั่นก็ยังไม่เท่าเจ็บที่ใจ ความร้อนชื้นแล่นเข้าสู่โพรงจมูกเมื่อธราเทพพยายามกลั้นน้ำตา


ธราเทพสะบัดตัวเต็มแรงจนหลุดออกมาจากการยึดเหนี่ยวของสิงหาจนได้เขาผวาไปที่ประตูห้อง


เตรียมที่จะพุ่งตัวออกไปเมื่อมือจับลูกบิดประตู แต่แล้วเขาก็แทบหงายหลังเมื่อสิงหาตามมา


คว้าท่อนแขนของเขาไว้ได้อย่างรวดเร็ว



สิงหาดันร่างที่บางกว่าให้ถอยหลังจนไปชนกับผนังห้องเสียงดังพลัก ก่อนที่เขาจะตามเข้ามา


ใช้มือที่แข็งราวกับคีมเหล็กบีบคางเรียวไว้ โดยไม่สนใจว่าคนถูกกระทำจะเจ็บปวดแค่ไหน


เมื่อบังคับให้ใบหน้านั้นเงยขึ้นมาสบตากับดวงตาที่คุโชนราวกับพายุลูกโตเขาก็ยื่นหน้าไปใกล้


แล้วตะคอกใส่หน้า



“นายไม่มีสิทธ์ที่จะหนี ถ้าฉันสั่งว่าไม่ ต่อให้นายมีปีกก็บินหนีไม่ได้”


ธราเทพสบตาคู่นั้นด้วยความแค้นเคือง อยากที่จะสะบัดหน้า ดันร่างที่หนากว่าให้พ้นแล้วหนีหาย


ไปจากการบังคับขู่เข็ญ แต่เขาก็รู้ว่ามันทำไม่ได้


เพราะสิงหาจะตามหาเขาจนพบ และเขาอาจจะถูกลงทัณฑ์ทั้งกายและใจ


คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วยเถิด เขาอยากจะรู้นักว่าชาติที่แล้วเขาไปทำอะไรให้สิงหาแค้นเคืองมาถืงชาตินี้






แม้ร่างกายจะยังไม่พร้อมแต่สิงหาก็ลากธราเทพมาที่ปิรามิดจนได้



ความเปลี่ยนแปลงของสิงหาชัดเจนจนแม้แต่วาโยผู้เป็นเพื่อนสนิทก็มองออก


เขามองมาที่ลูกศิษย์สลับกับสิงหาอย่างเป็นห่วงแต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรมากตลอดทาง


ที่ขับรถมาด้วยกันจนกระทั่งถึงปิรามิดแล้วสิงหาลากธราเทพให้เข้าไปในเต็นท์เก็บของนั่นแหละ


วาโยกับภูหิรัณย์จึงได้ถือโอกาสเข้าไปหาเมื่อสิงหาเข้าไปในปิรามิดแล้ว



“ไอ้วิน แกกับไอ้สิงห์เป็นอะไรกันวะ”


อาจารย์ถามลูกศิษย์ด้วยความเป็นห่วง เมื่อธราเทพได้ยินน้ำตาก็รื้นขึ้นมาอีกครั้ง

เขาตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้วาโยและภูหิรัณย์ฟังไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่เขาถูกสิงหาทำร้าย


ทั้งร่างกายและจิตใจเมื่อคืนที่ผ่านมา อาจารย์หนุ่มและเพื่อนสนิทได้แต่มองเขาอย่างเห็นใจ



“น่าแปลกที่ผมรับรู้เรื่องราวในอดีตมาจนถึงแค่มาอีถูกจับและถูกโบย หลังจากนั้นก็เหมือนมันจะช็อต


เอาดื้อๆ ผมจึงยังไม่รู้ว่าเรื่องราวต่อจากนั้นมันเป็นอย่างไร ทำไมพี่สิงห์ถึงได้แค้นผมนักหนา”



ธราเทพกล่าวเสียงขื่น



วาโยขมวดคิ้วเมื่อรับรู้เรื่องราวที่เขาไม่อยากจะเชื่อ แต่มันก็เกิดขึ้นมาแล้ว เรื่องราวข้ามชาติข้ามภพ


ที่เขานึกว่ามีแต่นิยาย แต่มันกลับเกิดขึ้นจริงกับเพื่อนและลูกศิษย์



“เราต้องช่วยกันสืบหาที่มาให้ได้ ว่าเกิดอะไรขึ้น”


วาโยตัดสินใจ ธราเทพใจชื้นขึ้นเมื่อเขามีคนช่วยคิด



“ส่วนแก ไอ้วิน อย่าเพิ่งโกรธเกลียดอะไรไอ้สิงห์มันเลย อาจารย์ว่าเพื่อนของอาจารย์มันเปลี่ยนไป


มันดูไม่เป็นตัวของตัวเอง พวกเราต้องช่วยกันสืบแล้วทำให้ไอ้สิงห์กลับมาเป็นเหมือนเดิม”



วาโยปลอบโยนก่อนที่จะขอตัวออกไปทำงานกับภูหิรัณย์ต่อ




สิงหายังคงพาธราเทพมาที่ปิรามิดทุกวันแต่กลับไม่ยอมให้ออกไปทำงาน ได้แต่ให้ธราเทพเฝ้าอยู่ใน


เต็นท์เก็บของที่ติดเครื่องปรับอากาศไว้เพียงแค่นั้น  เมื่อเวลาผ่านไปหลายวันเข้า


อารมณ์ปะทุของสิงหาก็ดูจะเบาบางลงแต่ก็ยังไม่ได้ดีขึ้นเสียทั้งหมด ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่


จึงยังดูเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย



หนุ่มน้อยนึกถึงคำที่หลวงพ่อมาบอกกล่าวในฝัน “สมาธิ”  หลวงพ่อบอกอย่างนั้น


ในเวลาที่ไม่รู้จะทำอะไรที่นอกเหนือไปจากบันทึกชิ้นงานที่แผนกขุดหาสมบัติหามาได้


เขาจึงใช้เวลานั้นฝึกนั่งสมาธิแต่ทุกอย่างยังดูมืดมน


แต่วันนี้เขาไม่ได้นั่งสมาธิ เพราะอยู่ๆ วริษฐาก็เดินเข้ามาในเต็นท์หลังจากที่หายหน้าไปหลายวัน


“อ้าว ไอ้ก้อย”


ธราเทพยิ้มเฝื่อนให้เพื่อนสาว หลังจากวันนั้นที่วริษฐามาบอกความในใจ เขาก็ยังไม่ได้พบหน้าเพื่อนอีก


“เป็นไงบ้าง ไม่เห็นหน้าหลายวันเลย”


“ฉันสิ ต้องถามแกว่าเป็นไงบ้างวิน”


วริษฐาตรงเข้ามายืนต่อหน้าเขา ดวงตาคู่นั้นอ่อนเชื่อมเมื่อสบตา


“ฉันคิดถึงแกนะวิน คิดถึงตลอดเวลา แกล่ะคิดถึงฉันบ้างไหม”



ธราเทพรู้สึกลำบากใจเมื่อมองหน้าเพื่อน ยิ่งเมื่อรู้ว่าวริษฐาคิดกับเขาเกินกว่าความเป็นเพื่อน


ธราเทพไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดี


“เอ่อ …ก็คิดสิ ฉันก็ต้องคิดถึงเพื่อนเป็นธรรมดา”


“แกผอมลงนะวิน”


วริษฐาก้าวเข้ามาใกล้จนตัวห่างจากธราเทพเพียงไม่กี่คืบ หญิงสาวเอื้อมมือมาลูบไล้ที่ใบหน้า


ของธราเทพจนเขาตกใจที่วริษฐากล้าทำแบบนี้



“ฉันเป็นห่วงแกนะ แกก็รู้แล้วนี่ว่าฉันคิดยังไงกับแก”



“ก้อย แต่ฉันเห็นแกเป็นแค่เพื่อนว่ะ”



ธราเทพตัดสินใจโพล่งออกไป วริษฐาชะงัก ใบหน้าเผือดลงเมื่อได้ยิน



“ฉันขอโทษนะก้อย แต่ฉันคงรับน้ำใจแกไว้ไม่ได้จริงๆ เราเป็นเพื่อนกันจะดีกว่านะ”



“เป็นเพราะแกชอบผู้ชายด้วยกันใช่ไหมวิน”


วริษฐาเป็นฝ่ายโพล่งออกมาบ้าง น้ำตาที่รื้นในหน่วยตาไหลลงมาจนธราเทพหน้าเสีย


“แกรู้เหรอก้อย”


“ตาฉันไม่ได้บอด ถึงดูไม่ออกว่าแกกับพี่สิงห์น่ะ มันมีอะไรผิดปกติ หึหึ… เขาทำให้แกติดใจสินะ”


วริษฐาทำสิ่งที่ธราเทพนึกไม่ถึง หล่อนคว้าท้ายทอยของธราเทพไว้เบียดตัวจนแนบชิดแล้วมองอย่างท้าทาย


“แกลองกลับมาหาผู้หญิงอย่างฉันสิ ฉันจะทำให้แกลืมพี่สิงห์ให้ได้”


วริษฐาโน้มคอธราเทพลงมาแล้วเบียดริมฝีปากเข้าไป พลางดันอกนุ่มเข้าไปชิดจนธราเทพตกใจ


เขาพยายามจะผลักตัววริษฐาออก แต่หล่อนก็ยึดตัวเขาไว้เหนียวหนึบ


แล้วจู่ๆ ก็มีใครบางคนกระชากตัวเขากับวริษฐาออกจากกัน เมื่อเขาหันไปมองหัวใจของเขา


ก็หล่นวูบเมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยโทสะคู่นั้น







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-05-2015 21:15:22 โดย Belove »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
มาม่าอืดเต็มเล้าแล้วววววววว
สงสารวิน แต่ขอให้ผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้นะ สู้ๆ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
คำสาปของคนชั่วไม่ควรขลังเล้ยย  โลกนี้ไม่ยุติธรรม!!

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
 :katai1: :katai1: นี้มันอารายยยย คนชั่วมีวิชา แต่คนดีไม่มีไรเลย องครักษ์น่าจะมีวิชาบางเนาะ ถึงอย่างไงก็จะติดตามจ้าาา

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                             คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                  บทที่ 26



นัยน์ตาขุ่นเขียวจ้องมองทั้งคู่สลับกัน ก่อนที่สิงหาจะยึดแขนธราเทพไว้แล้วจ้องมองวริษฐาอย่างไม่พอใจ


“ดูเหมือนก้อยจะเข้าใจความสัมพันธ์ของพี่กับวินดีแล้ว แต่ก็ยังทำเหมือนไม่เข้าใจนะ”


วริษฐาหน้าตึงเมื่อถูกต่อว่าตรงๆ หญิงสาวเชิดหน้าตอบโต้


“เข้าใจแต่ไม่เห็นด้วยค่ะ ความรักของผู้ชายกับผู้ชายไม่มีทางยั่งยืน ความสัมพันธ์ของพี่กับวินควรจะจบลง

ตั้งแต่ยังไม่ถลำลึก หนูไม่อยากให้วินต้องเสียใจเพราะพี่”


“ไอ้ก้อยพอเถอะ พี่สิงห์ก็ด้วยอย่าเถียงกันเลย”


ธราเทพพยายามห้ามทั้งคู่แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ทั้งวริษฐาและสิงหาต่างจ้องตากันอย่างไม่ยอมแพ้

จนกระทั่งสิงหากระทำในสิ่งที่ธราเทพเองก็คาดไม่ถึง


สิงหาดึงท่อนแขนธราเทพเข้ามาหาตัวแล้วโอบเข้ามาจนชิด มือข้างหนึ่งยึดท้ายทอยไว้แล้วประกบ

ริมฝีปากลงไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าวริษฐาที่ยืนตะลึง มิหนำซ้ำเขายังสอดปลายลิ้นลงไปในช่องปาก

ให้เห็นเต็มสองตา วริษฐาได้แต่กำมือแน่นก่อนกัดริมฝีปากจนห้อเลือดที่จะสะบัดหน้าวิ่งออกไปภายนอกเต็นท์


วริษฐาวิ่งออกไปแล้วแต่สิงหาก็ยังไม่หยุดซ้ำยังเพิ่มแรงกดลงไปราวกับจะเป็นการลงโทษ ธราเทพ

พยายามออกแรงผลักอกแกร่งแต่ก็ไม่สำเร็จ จวบจนกระทั่งสิงหาพอใจที่จะปล่อยเองนั่นแหละ

ธราเทพถึงจะได้มีโอกาสอ้าปากหายใจหอบ


“บ้าที่สุด พี่ทำอย่างนี้ต่อหน้าเพื่อนของผมได้ไง”


เมื่อตั้งสติได้ ธราเทพจึงได้มีโอกาสต่อว่าเสียงดัง


“ฉันจะทำยิ่งกว่านี้อีก ถ้านายยังไม่เลิกใช้มารยาหลอกล่อให้คนอื่นมาตกหลุม”


“พี่สิงห์!”


ธราเทพอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำพูดเหยียดหยาม ขอบตาคู่หวานร้าวผ่าวด้วยความน้อยใจ


“หรือไม่จริง”


สิงหาเลิกคิ้วเหยียดยิ้ม มือแกร่งเอื้อมมาบีบคางเรียวแล้วพูดเสียงเข้ม


“อย่าลืมว่านายเป็นสมบัติของฉัน นายไม่มีสิทธ์มองคนอื่นนอกจากฉันจะปล่อยนาย”


คนชอบขู่บังคับพูดจบก็เดินจากไปทิ้งไว้แต่หนุ่มน้อยให้ยืนน้ำตาตก ธราเทพยกหลังมือป้ายน้ำตาทิ้ง

พลางบอกตัวเองให้เข้มแข็ง เขาต้องอดทนเพื่อความรักที่เขามีต่อสิงหา


แต่…เขากำลังอดทนกับสิ่งที่เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้นเหตุคืออะไร





ธราเทพทรุดตัวคุกเข่าลงหันหน้าไปทางทิศตะวันออกอย่างอ่อนล้า


โอ…เทพรา เจ้าแห่งเทพ เจ้าแห่งสุริยะ


หากภพที่แล้ว ข้าคือราโมสจริง ด้วยนามแห่งข้า อันแปลได้ว่า ผู้เป็นบุตรแห่งเทพรา

ได้โปรดจงนำแสงสว่างส่องทางอันมืดมนให้แก่ชีวิตของข้า เปิดทางสู่หนทางแก้ไขปัญหา

ทั้งมวลด้วยเทอญ



เสียงคำรามกึกก้องดังสนั่นหวั่นไหวเมื่อแผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น ธราเทพต้องใช้ฝ่ามือยึดร่างไว้

กับผืนดินไม่ให้เซล้ม จนเมื่อแผ่นดินหยุดสั่นไหวเขาจึงได้ผุดลุกอย่างรวดเร็วทั้งที่ยังไม่คลายตกใจ

เพื่อวิ่งไปตามเสียงเอะอะโวยวายที่ดังอึงมี่อยู่ภายนอก


ความโกลาหลเกิดขึ้นเมื่อผนังส่วนหนึ่งของปิรามิดถล่มลงมาด้วยแรงของแผ่นดินไหว

เหล่าคนงานวิ่งพล่านเสาะหาคนบาดเจ็บ จนไม่มีใครสังเกตเห็นโพรงเล็กขนาดพอดีกับตัวคน

ที่เกิดขึ้นด้านหลังส่วนที่พังลงมา ยกเว้นธราเทพที่เบิ่งตามองอย่างตกตะลึง เขาก้าวเข้าไปในนั้นช้าๆ



เขาก้าวมาแล้ว แปลกที่ไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด เมื่อก้าวเข้ามาจึงได้รู้ว่าภายในขยายกว้าง

เป็นห้องโถงขนาดย่อม และตกแต่งอย่างสวยงามด้วยเพชรพลอยทองคำนานาชนิด

เบื้องหน้าของธราเทพปรากฏเป็นหีบทองคำขนาดเท่าตัวคน แกะสลักตกแต่งอย่างปราณีต


ธราเทพรู้ได้ในทันทีว่านั่นคือหีบพระศพของฟาโรห์


เขาก้าวเข้าไปยืนอยู่หน้าตัวเมียบพระศพอย่างเงียบงันผิดกับความวุ่นวายภายนอก

ธราเทพทรุดตัวลงคุกเข่า เขารู้สึกเย็นเยียบไปทั่วสรรพางค์กาย


มันเป็นความเย็นซ่านอย่างตื้นตันที่ไม่ใช่ความหวาดกลัว เมื่อเขาจ้องไปที่หีบพระศพ

น้ำตาแห่งความยินดีปนกับความอาดูรไหลผ่านร่องแก้ม เมื่อเขา “รู้” อยู่ในมโนสำนึกว่า

หีบพระศพนี้ บรรจุมัมมี่พระวรกายของฟาโรห์ราโมส  ฟาโรห์ที่ใช้เวลาครองราชย์น้อยที่สุดในยุคนั้น


ธราเทพเอื้อมแขนออกไปใช้ปลายนิ้วแตะลงที่ข้างหีบพระศพอย่างแผ่วเบา


“เรากลับมาแล้ว ร่างกายของเรา”


เปลือกตาคู่งามหรุบลงช้าๆ เขาปล่อยวางทุกสิ่ง กำหนดจิตให้เป็นสมาธิ สมองของธราเทพ

ว่างโล่งเปิดรัสัญญาณเหมือนภาพยนตร์ที่ฉายวนซ้ำกลับมาอีกครั้ง








พระวรกายบางแต่งฉลองพระองค์อย่างรัดกุม พระหทัยเต้นถี่เร็วกระวนกระวายเมื่อยิ่งใกล้เวลา

นัดหมาย ลาภยศสมบัติหาได้มีความหมายสำหรับเจ้าชายราโมส ขอเพียงได้ร่วมชีวิตกับมาอี

อันเป็นที่รัก พระองค์ยอมสละได้ทุกสิ่ง



“ท่านมาอีให้กระหม่อมมาช่วยพระองค์หนีออกจากราชวังในคืนเดือนดับ แล้วนัดหมายให้พระองค์

ไปพบที่โอเอซิสร้าง”


สารจากคนรักนัดหมายพร้อมสรรพ เจ้าชายราโมสได้แต่ทรงรอเวลาที่จะได้พบหน้ามาอีอีกครั้งทรงร้อนรน

เมื่อถึงเวลาอันสมควรแล้วยังไม่มีวี่แววซาจี นายทหารคนสนิทของมาอี พระบาททั้งสองก้าววนอยู่ในห้อง

พระบรรทม จนทรงตัดสินพระทัยที่จะไม่รอ เจ้าชายราโมสทรงถอดสลักพระบัญชรแล้วทรงปีนออกไป

อย่างรวดเร็ว


น่าแปลก ที่วันนี้เหล่าทหารยามกลับหละหลวม ช่างเป็นโอกาสอันดีให้พระองค์กระทำการอันอาจหาญ

ได้อย่างไม่ยากเย็น เจ้าชายทรงแย้มสรวลเมื่อเตรียมก้าวผ่านอุทยานออกไป


แต่แล้ว…ราวกับแผ่นดินถล่มต่อหน้า เมื่ออยู่ๆ พระองค์กลับถูกล้อมไว้ด้วยเหล่าทหารหลายนาย

พระพักตร์งามเผือดซีดราวกับไร้โลหิตเมื่อข้อพระหัตถ์ถูกยึดตรึงไว้ด้วยเชือกทอเส้นหนาแล้วพากลับ

เข้าไปในห้องพระบรรทม เสียงฝีเท้าก้าวตามเข้ามา ทรงหันขวับไปทอดพระเนตรด้วยความโกรธกริ้ว


“ซาจี เจ้าชั่ว เจ้าหักหลังเรา”ทรงบริภาษดังลั่นเมื่อเห็นนายทหารคนสนิทของมาอีกลับเดินตามหลัง

มหาอำมาตย์ฮาอัสและเจ้าหญิงราบีอา ซาจีตัวสั่น สีหน้าสลดเมื่อคุกเข่าต่อหน้าเจ้าชาย

เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อกล่าวอย่างอับจน


“ทรงอภัยเถิด ลูกเมียของหม่อมฉันถูกจับเป็นตัวประกัน ถ้าหม่อมฉันมิยินยอม ท่านฮาอัสจะประหารสิ้น”



“ปากมากไปแล้ว ซาจี ตอนนี้มาอีออกไปนอกเขตวังแล้ว จงรีบดำเนินการตามแผน มิเช่นนั้นข้าจะฆ่า

ลูกเมียเจ้าดั่งเช่นที่เจ้าพูด”


ฮาอัสกล่าวอย่างเหี้ยมโหดจนซาจีรีบลนลานออกไป เจ้าชายราโมสทรงเบิกพระเนตรกว้าง

ถึงแม้จะยังไม่ทรงทราบว่าแผนของฮาอัสเป็นเช่นใด ทรงรู้แต่ว่ามันต้องเลวร้ายอย่างที่สุด


“ไม่นะ ซาจี อย่าไป”


ทรงผวาตามแต่พระอังสากลับถูกยึดไว้ด้วยมือหนาของฮาอัส เจ้าชายราโมสพยายามสะบัด

ด้วยความรังเกียจแต่ฮาอัสกลับยึดไว้แน่นและมองพระพักตร์ด้วยแววตาประหลาด


ทรงเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เจ้าหญิงราบีอาพระขนิษฐาร่วมพระบิดา เจ้าชายทรงวิงวอนด้วยพระเนตร

ที่คลอไปด้วยอัสสุชล


“ราบีอา ทำไมเจ้าถึงไปอยู่ข้างฮาอัสได้ สงสารพี่ชายของเจ้าเถิด ข้าขอโทษที่แต่งงานกับเจ้าไม่ได้จริงๆ

แต่ข้าจะไม่ขัดขวางการขึ้นสู่ตำแหน่งราชินีของเจ้าแม้แต่น้อย”


พระเนตรของเจ้าหญิงราบีอาที่มีต่อพระเชษฐาและพระคู่หมั้นเต็มไปด้วยความชิงชัง ทรงก้าวเข้ามาใกล้

แล้วจิกพระเกศานุ่มของเจ้าชายราโมสจนพระพักตร์หงาย


“ทรงหวังจะให้หม่อมฉันช่วยท่านพี่หรือเพคะ ทุด หวังไปเถอะราโมส มารหัวใจของข้า”


เจ้าหญิงราบีอาถ่มพระเขฬะใส่ด้วยความเดียดฉันท์ เจ้าชายราโมสได้แต่ตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

พระองค์เพิ่งจะทรงทราบว่าพระขนิษฐาทรงมีใจให้ชายคนเดียวกัน เจ้าหญิงราบีอาทรงหันไปตรัส

กับฮาอัส


“เจ้ามั่นใจนะว่า สมุนไพรที่เจ้านำมามันจะได้ผล”


มหาอำมาตย์แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์


“สมุนไพรจากถิ่นบ้านเกิดของข้าเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งและผลของมันจะทำให้ผู้ที่กลืนมันเข้าไป

เลื่อนลอยไปชั่วขณะ ท่านอย่าได้กังวลไปเลยเจ้าหญิง เพียงแต่ว่าที่ข้ามีอยู่จำนวนเพียงแค่พอใช้

ได้สองครั้งเท่านั้น เราต้องเลือกเวลาใช้ให้เหมาะสม”


เป็นคราวที่เจ้าหญิงทรงสรวลอย่างเหี้ยมโหดบ้าง


“ก็ถ้าเจ้าทำตามแผนของเรา เพียงแค่สองครั้งที่ใช้สมุนไพร รับรองว่าได้ผล”


ฮาอัสก้าวไปใช้ปลายนิ้วไล้ที่พระพักตร์ของเจ้าหญิง


“ช่างฉลาดสมกับเป็นศิษย์ของเรานะ เจ้าหญิง”


เจ้าหญิงราบีอาทรงขมวดพระขนงและทรงปัดมือหยาบของฮาอัสออกไปพ้นพระพักตร์


“อย่ามาเหิมเกริมแตะต้องเราโดยไม่จำเป็น ฮาอัส เจ้ามีหน้าที่อะไรก็จงทำไปอย่าได้ช้า”


พระเนตรชิงชังหันขวับมาหาพระเชษฐาอีกครั้ง


“หากจะโทษใครที่ทำให้เป็นเช่นนี้ จงโทษตัวเองนะราโมส ที่ทำตัววิปริตผิดธรรมชาติ

สำหรับข้าหากต้องการสิ่งใดข้าต้องได้มา หากว่าข้าไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการก็อย่าหวังเลย

ว่าใครจะได้ไป”


ทรงหันพระวรกายกลับแล้วกระแทกพระบาทจากไป ทิ้งไว้ให้พระเชษฐายืนวรกายสั่นด้วยความหวาดหวั่น

อยู่เพียงลำพังกับฮาอัส ทรงก้าวถอยกรูดหนีฮาอัสที่ย่างสามขุมเข้ามาจนพระอูรุชนกับแท่นพระบรรทม

แล้วทรงล้มหงายไปบนนั้น จะต่อสู้ขัดขืนก็ยากลำบากด้วยทรงถูกมัดพระหัตถ์ติดกันแน่น

ฮาอัสนั่งลงที่ขอบพระแท่นบรรทมก่อนที่จะเอนตัวเข้าไปหาวรกายบาง พลางใช้มือลากไล้ไ

ปกับพักตร์งามอย่างสิเน่หา เจ้าชายราโมสได้แต่ผินพระพักตร์หนีแต่ก็ไม่พ้น


“ไปให้พ้น อย่ามาแตะต้องเรา ฮาอัส”

ดวงตาหลุกหลิกคู่นั้นมองกลับมาด้วยแววตากระหาย


“ทรงทราบหรือเปล่าว่าหม่อมฉันเฝ้ามองพระองค์ด้วยความเสน่หาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์”


คำพูดจากปากของฮาอัสสร้างความหวาดกลัวให้เจ้าชายจนขนพระศอลุก พระวรกายสั่นสะท้าน

เมื่อดวงตาเจ้าเล่ห์มองด้วยสายตาโลมเลีย


“หากจะถามถึงคำว่ารัก สำหรับหม่อมฉันมีให้แด่พระองค์เพียงผู้เดียว แต่พระองค์ไม่เคยมีหม่อมฉัน

อยู่ในสายตา กลับไปมีใจให้ไอ้มาอีซ้ำยังทอดวรกายให้มันอีก ทรงรู้บ้างไหมว่าหม่อมฉันเจ็บช้ำเพียงใด”



เจ้าชายราโมสทรงผินพระพักตร์หนีอย่างขยะแขยงเมื่อฮาอัสใช้จมูกซุกไซ้ไปที่พระศอพร้อมไปกับที่

รำพันความในใจ


“หม่อมฉันเฝ้าเก็บความในใจไว้ มิให้ผู้ใดล่วงรู้ คอยเฝ้ามองพระองค์เจริญชันษาจนงดงามไปทั้ง

กายและใจ หม่อมฉันหวังจะส่งเสริมให้พระองค์ได้ครองราชย์เป็นฟาโรห์ที่ยิ่งใหญ่ แล้วเราจะได้ครองคู่

ด้วยกันในฐานะที่ปรึกษาร่วมคิดตลอดอายุขัย แต่พระองค์กลับทำให้หม่อมฉันผิดหวัง”


ปลายเสียงเต็มไปด้วยความเคืองแค้น ก่อนที่มุมปากจะกระตุกยิ้มน่ากลัว


“แต่ยังไม่สายดอกเจ้าชายของฮาอัส หม่อมฉันจะกำจัดมารแห่งความรักจนสิ้นซากเสียทุกคน

เหลือไว้เพียงเจ้าชายและหม่อมฉันที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป”


“ฮาอัส เจ้าบ้าไปแล้ว”

ทรงตวาดลั่น พระเนตรงามเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวในความผิดปกติแห่งจิตใจ

ฮาอัสเงยหน้าหัวเราะลั่น เขาดึงตลับเล็กออกมาจากสายคาดเอวแล้วหยิบเม็ดยาสีดำ

ที่ปั้นเป็นก้อนกลมออกมา


“ทรงกลืนเม็ดยานี้เพียงไม่นาน สติของพระองค์ก็จะเลื่อนลอยไปชั่วครู่ แต่เท่านั้นก็เพียงพอ

ที่จะทำให้ไอ้มาอีมันคลุ้มคลั่งเมื่อเห็นเราสองคนพรอดรักกัน”


“ชั่วที่สุด”


เจ้าชายราโมสดิ้นพล่านเพื่อหลีกหนีฮาอัสที่ใช้มือแข็งราวกับโลหะบีบต้นพระหนุจนอ้ากว้างแล้ว

ยัดเม็ดยาลงไป ก่อนจะบังคับจนเจ้าชายกลืนเม็ดยารสขมลงพระศอ


“ฮาอัส ข้าจะฆ่าเจ้า”


เจ้าชายทรงกรรแสงด้วยความแค้น ก่อนที่สติสัมปชัญญะจะค่อยๆ เลือนไปจนเลื่อนลอย

ฮาอัสมองพระพักตร์งามที่นอนนิ่งอย่างหลงใหล เขาปลดเชือกทอที่พันธนาการข้อพระหัตถ์ออก

แล้วจับวรกายที่นิ่งงันราวกับหุ่นให้ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆเจ้าชายราโมสกลายเป็นตุ๊กตามีชีวิตเมื่อประทับยืนนิ่ง

ฮาอัสใช้มือหยาบดึงพักตร์งามแล้วประกบปากลงไปอย่างจาบจ้วง หื่นกระหายจนกระทั่งบานประตูหนา

ถูกเปิดออก เสียงตะโกนอย่างเจ็บปวดของมาอีทำให้เขายินดีเป็นที่สุด


“ราโมส เหตุใดเจ้าทำเยี่ยงนี้”TBC


TBC







ตอบโพลให้บ้างน้า...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2015 23:58:10 โดย Belove »

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
:o12:
เรื่องนี้มีแต่ตัวโกง

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
ย๊ากกกก วิน ปลุกมัมมี่มาบีบคออิพี่สิงเลย

ตัดภพที่แล้วไม่ขาดดีนัก  :katai1:

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
 :ling1: :katai1: มีแต่คนมักมามาก เห็นแก่ตัว อ๊ากกก
สงสารราโมส มาอี

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ความจริงที่อยากให้ราโมสรับรู้ด้วยจริงๆ
สงสารมาอี เห้ออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
เรื่องมันน่าสนใจนะ แต่มันน่าเบื่อตรงที่ กว่าตัวร้ายจะได้รับกรรมก็คงตอนจบ เหมือนนายเอกก็แค่นางเอกดีๆนี้เอง ที่ไม่มีทางสู้ เพราะต้องรับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อแค่เป็นหมากให้เขาใช้ทำชั่วเฉยๆ แถมเทพไม่เข้าข้างคนดีอีกตั้งหาก ว่าจะไม่เม้น แต่เห็นแบบนี้แล้วทำใจยอมรับไม่ได้ แล้วแบบนี้ใครอยากจะทำดีกันล่ะ

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

คำสาปร้าย พ่ายรัก
บทที่ 27



สิงหากำลังหัวปั่น


หัวใจของเขากำลังว้าวุ่นท่ามกลางความโกลาหลของผู้คนเมื่อเกิดเหตุผนังด้านหนึ่งของปิรามิดถล่มลงมา เขาวิ่งกลับไปที่เต็นท์

เก็บของซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ แต่กลับไม่มีธราเทพอยู่ภายในนั้น มันทำให้หัวใจของสิงหาหล่นวูบด้วยความเป็นห่วง


แม้ว่าช่วงนี้มีเรื่องขัดใจกันเนื่องจากความหงุดหงิดไม่ทราบสาเหตุที่ปะทุขึ้นมาในอารมณ์บ่อยครั้ง แต่ความรักและความห่วงใยที่

เขามีให้หนุ่มน้อยก็ยังไม่เคยลดน้อยถอยลง จนต้องวิ่งวุ่นตามหาธราเทพไปทั่ววาโยวิ่งสวนมาด้วยสภาพขมุกขมอมหน้าตาเลิ่

กลัก สิงหารีบคว้าแขนเพื่อนสนิทไว้


“เห็นวินไหม”


เขาถามอย่างรวดเร็วด้วยความร้อนใจ วาโยหน้าตื่นเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของเพื่อน


“ไม่เห็น อ้าว มันไม่ได้อยู่กับมึงเหรอ”


สิงหาส่ายหน้า หัวใจของเขาร้อนรุ่มหนักขึ้น


“แยกกันเมื่อสักพัก สั่งแล้วว่าให้อยู่แต่ในเต็นท์ แต่ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้”


เสียงไซเรนรถพยาบาลดังขึ้น ยิ่งบาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของชายหนุ่ม เปลสนามถูกแบกหามเข้าไปในเขตอันตรายอย่าง

รวดเร็วและเจ้าหน้าที่ก็ทยอยแบกร่างผู้ได้รับบาดเจ็บออกมา


สิงหาถอนหายใจโล่งทุกครั้งที่ผู้บาดเจ็บไม่ใช่ธราเทพ เขาวิ่งสวนกลับเข้าไปตรงจุดเกิดเหตุโดยไม่สนใจคำห้ามอย่างห่วงใยของ

วาโยจนเข้าไปใกล้บริเวณที่ถล่มลงมา เขาสังหรณ์ใจว่าธราเทพจะอยู่ในนั้น


“วิน วิน อยู่ในนั้นหรือเปล่า”


บ้าเอ๊ย!!


สิงหาตะโกนราวกับจะคลุ้มคลั่งเมื่อยังไม่เจอธราเทพ เขาพยายามจะฝ่าด่านเจ้าหน้าที่ที่มากั้นบริเวณเป็นจุดอันตราย แต่ก็ถูก

ขวางไว้


เสียงครืนดังขึ้นอีกครั้งจนสร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้กับผู้คน เมื่อฝุ่นควันคละคุ้งเลือนหายจึงได้เห็นกันว่ากองเศษหินสูงที่

ถล่มลงมาในครั้งแรก เกิดถล่มซ้ำซ้อนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อมองไปทางกองเศษหินที่แตกละเอียด คราวนี้ทุกคนถึงกับอ้าปากค้าง

เมื่อการถล่มครั้งที่สองเผยให้เห็นช่องว่างพาไปสู่ห้องโถงด้านใน


แต่ที่ตื่นเต้นกว่านั้นคือปรากฏร่างที่เดินออกมาจากช่องว่าง ทุกคนหันมามองกันเป็นตาเดียว

ร่างผอมเพรียวของหนุ่มน้อยชาวเอเชียสร้างความตื่นตะลึงโดยเฉพาะกับสิงหา เมื่อร่างนั้นคือธราเทพที่เขาเฝ้าตามหา แต่ธรา

เทพในตอนนี้กลับมีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม


เหมือนมีรัศมีบางอย่างฉาบไล้อยู่ทั่วร่างจนเปล่งประกายงดงาม ท่าทางห่อไหล่จนเป็นบุคลิกนั้นหายไปกลายเป็นธราเทพที่

เหยียดไหล่กว้าง หน้าเรียวเชิดขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นความมั่นใจในตนเอง และท่าทีทั้งหมดส่งผลให้ธราเทพกลายเป็นชายหนุ่ม

ที่แสนสง่าราวกับมิใช่สามัญชน แม้ว่าเสื้อผ้าร่างกายจะเต็มไปด้วยเศษละอองของฝุ่นดิน


จนเมื่อเขาก้าวออกมาช้าๆ ทว่ามั่นคง ทุกคนที่รายล้อมถึงกับต้องหลบทางด้วยความยำเกรง บางคนถึงกับเผลอก้มศ๊รษะอย่าง

ไม่รู้ตัว


สิงหาแทบลืมหายใจเมื่อเห็นภาพนั้น เขาตะลึงมองทุกฝีก้าวที่ธราเทพก้าวตรงมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าห่างกันแค่ไม่ถึงฟุต ดวงตาคู่

หวานที่จ้องตอบกลับรื้นไปด้วยหยาดน้ำกลิ้งอยู่ในนั้น แต่สิงหาก็รู้ได้ว่าธราเทพเปลี่ยนไปแล้วผ่านม่านน้ำตา


“พี่สิงห์ ผมกลับมาแล้ว”   


ทั้งคู่ยืนสบตาเนิ่นนาน โดยไม่สนใจกับเสียงเอะอะโวยวายอย่างตื่นเต้นเมื่อทุกคนกรูกันเข้าไปภายในห้องโถงใหญ่ที่ธราเทพเพิ่ง

ก้าวออกมา





“ผมบอกว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่เชื่อ”


ธราเทพถอนหายใจเมื่อมาให้แพทย์ตรวจที่โรงพยาบาลจนเสร็จสิ้น แต่ยังคงนอนสังเกตอาการอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน มีแค่รอยถลอก

และฟกช้ำเพียงเล็กน้อยตามร่างกาย เขาปกติทุกอย่างจนวาโยถอนหายใจ   โล่งอก


เขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการลากธราเทพมาโรงพยาบาลเมื่อวิ่งเข้าไปตามเพื่อนและลูกศิษย์ จนเจอทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากันเหมือนไม่ได้

เจอกันมาแรมปี และแม้ว่าธราเทพจะปฏิเสธวาโยก็ไม่ยอม สิงหาที่ได้สติแล้วเห็นด้วยกับวาโยจึงรีบพาสมาชิกกลุ่มขึ้นรถยนต์แล้ว

บึ่งมาที่โรงพยาบาล


“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว อาจารย์เป็นห่วงเฟ้ย นี่ถ้าแกเป็นอะไรไปหลวงพ่อสึกจากพระมาฆ่าอาจารย์แน่ๆ”


“แล้วนี่มึงเข้าไปอยู่ในนั้นได้ไงวะ ไอ้วิน”


ภูหิรัณย์เยี่ยมหน้าเข้ามาถามคนเป็นเพื่อนบ้าง ธราเทพยักไหล่เมื่อเอ่ยตอบ


“ก็ได้ยินเสียงดังเหมือนอะไรพังลงมา กูก็เลยวิ่งออกไปดู เห็นมันมีช่องว่างเล็กๆ เลยลองเดินเข้าไป ไม่นึกว่าจะเป็นห้องเก็บพระ

ศพฟาโรห์ซ่อนอยู่หลังผนังนั่น”


“บทจะเจอง่ายก็ง่ายเนอะ ใครจะไปนึกว่าห้องเก็บพระศพจะมีผนังกั้นไว้ โอ้โฮ ทั้งเพชรทั้งทองอื้อเลยในนั้น”


ภูหิรัณย์ส่ายหน้าเมื่อคิดถึงสภาพผู้คนที่กรูเข้าไปช่วงชิงสมบัติอย่างหื่นกระหาย


“แล้วไม่อยากได้กับเขาบ้างหรือ เซน”


วาโยเอ่ยถามด้วยแววตาอ่อนโยนจนเลือดฝาดแล่นขึ้นหน้าของภูหิรัณย์เป็นริ้ว


“ไม่หรอกครับอาจารย์ ไม่ใช่ว่าเป็นคนดีหรอกนะครับ แต่เขาบอกว่าของพวกนี้มักมีอาถรรพ์ผมกลัวน่ะ”


วาโยหัวเราะเบาๆ ก่อนหันมาให้ความสนใจกับธราเทพอีกครั้ง แล้วถามขึ้นเมื่อเห็นว่าสิงหาที่ไปรับยายังไม่กลับมา


“เออวิน แล้วเรื่องแกกับไอ้สิงห์น่ะ เป็นไงบ้าง แล้วจะเอาไงต่อ”


ธราเทพนิ่งคิดด้วยแววตาสุขุมกว่าที่เคย


“ผมคิดว่าพี่สิงห์เปลี่ยนไปจากอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติ ผมจะค่อยๆ หาทางสืบว่ามันมาจากอะไรและจะแก้ไขให้ได้”


ยังไม่ทันที่วาโยจะกล่าวตอบการสนทนาก็ต้องหยุดลง เมื่อร่างสูงของสิงหาที่ถือถุงยามาด้วยเดินตรงเข้ามาและมองธราเทพด้วย

ความเป็นห่วง


“เป็นไงบ้าง ยังเจ็บตรงไหนอยู่หรือเปล่า ให้หมอเช็คอีกทีดีไหม”


“พี่สิงห์ พี่สิงห์ครับ ผมไม่เป็นไรจริงๆ”


ธราเทพรีบเอ่ยเพื่อสร้างความสบายใจให้แก่เจ้าของใบหน้าที่ยังดูเป็นกังวล สิงหายังไม่วายกำชับ


“แน่นะ”


“คร้าบ ไม่เป็นไรจริงๆ”


เมื่อรอยยิ้มถูกจุดบนใบหน้าหวานนั้น สิงหาก็ได้แต่ถอนหายใจ


“งั้นพวกเรากลับกันเถอะ ปิรามิดก็คงยังเข้าไปสำรวจอะไรไม่ได้เพราะถูกกั้นเป็นเขตอันตรายอยู่ เสียดายที่ทางการไม่ให้เข้าไป”


ว่าแล้วเขาก็เดินนำทุกคนกลับไปขึ้นรถยนต์แล้วขับกลับโรงแรม


“เฮ้ย ไอ้สิงห์”


วาโยเรียกเพื่อนเมื่อเดินเข้าไปในล็อบบี้ สิงหาเลิกคิ้วเมื่อหันไปมองเป็นเชิงถาม


“มึงอย่ารุนแรงกับลูกศิษย์กูให้มาก สติสำคัญนะมึง รักษามันไว้อย่าให้หลุด”


ดวงตาของสิงหาหม่นแสงวูบเมื่อได้ยินคำตักเตือนจากวาโย ก่อนที่เขาจะเดินแยกไปพร้อมภูหิรัณย์





ธราเทพซ่อนยิ้มไว้เมื่อสิงหาแทบจะประคองเข้าไปในห้องแม้เขาจะเพียรพยายามบอกมาตลอดทางว่าเขาแข็งแรงดี


“มานั่งตรงนี้ก่อน”


สิงหาดันไหล่ให้ธราเทพทรุดตัวลงนั่งที่ปลายเตียงแล้วเขาก็ทรุดตัวนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น พลางดึงแขนเรียวทั้งสองข้าง

ของธราเทพมาสำรวจด้วยสายตาอีกรอบ จนหนุ่มน้อยต้องถอนหายใจ


“ถึงพี่จะสำรวจทั้งตัว ก็ไม่เจอรอยบุบสลายหรอกครับ ผมบอกพี่แล้วไงว่านอกจากรอยถลอกเล็กๆ ไม่กี่ที่ผมก็ไม่ได้เจ็บตรงไหน

อีก”


“ไม่เชื่อ จนกว่าพี่จะได้สำรวจทั้งตัวอย่างที่วินบอก”


ธราเทพร้อนวูบไปทั่วหน้าเมื่อสิงหาเงยหน้าขึ้นมามองด้วยดวงตาวาววับ ธราเทพได้แต่ข่มความอายผลักอกแกร่งเบาๆ


“อย่ามาทำตัวดี กลบเกลื่อนความผิดหน่อยเลย เรื่องเมื่อกลางวันผมยังไม่ได้เคลียร์นะ”


สิงหาขมวดคิ้วนิ่งคิด จนเมื่อนีกได้สีหน้าสำนึกผิดจึงได้เกิดขึ้น


“พี่ขอโทษ พี่ใจร้อนไปหน่อย เห็นภาพบาดตาอย่างนั้นเป็นใครก็อดหึงไม่ได้หรอก”


เขากล่าวขอโทษเรื่องที่เขาจูบธราเทพต่อหน้าวริษฐา


“ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวนะ พี่เห็นก้อยทำอย่างนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ครั้งแรกพี่ก็ทนเก็บไว้ส่วนครั้งนี้พี่ทนไม่ไหวจริงๆ”


ธราเทพเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าสิงหาเคยเห็นวริษฐาจู่โจมเขามาแล้ว


“พี่สิงห์ต้องเชื่อใจผม ผมไม่มีวันที่จะเปลี่ยนใจไปหาคนอื่นหรอกนะ”


เสียงนุ่มเอ่ยอย่างหนักแน่นพลางดึงมือของสิงหามาวางไว้ที่หน้าอกข้างซ้าย


“ใช้ใจของพี่ฟังเสียงหัวใจของผม พี่จะรู้ว่าผมรักพี่ไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าเวลาจะหมุนผ่านไปนานแค่ไหน ผมเป็นของพี่ทั้งกายและ

ใจ”


ดวงตาของสิงหาไหววูบเมื่อได้ยินคำบอกรักชัดเจนจากธราเทพ แต่เมื่อเขาจะเอ่ยปากตอบโต้ มือเรียวของธราเทพอีกข้างก็รีบ

ยกมาปิดปากนั้นไว้


“อย่าเพิ่งพูดเรื่องการหักหลังในอดีต เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง ไอ้ฮาอัสกับราบีอาร่วมมือกันวางยาผมจนพี่เข้าใจผิด”


สิงหาเบิกตากว้าง เขาใช้มือจับต้นแขนของธราเทพทั้งสองข้างบีบแน่นแล้วเหนี่ยวตัวเข้ามาจนชิดร่างของเขา


“หมายความว่าไง ทำไมวินพูดเหมือนจำเหตุการณ์ได้”


ดวงตาคู่หวานทอประกายอ่อนโยนปนเศร้าพร้อมกับที่ใช้มือลูบไล้ไปตามเหลี่ยมคางที่เริ่มมีไรหนวดสีเขียวอย่างแสนรัก


“ตอนที่ผมเดินเข้าไปในห้องเก็บศพของผม เอ่อ ห้องเก็บศพของราโมส อยู่ๆ ความทรงจำมันก็ไหลกลับมาเหมือนผมดูหนัง

ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่สิงห์ถึงเกลียดขี้หน้าผมนักหนา แต่ผมอยากบอกให้พี่รู้ว่าผมไม่ได้ทรยศ ทุกอย่างเป็นแผนการของ

ราบีอากับฮาอัสที่สมรู้ร่วมคิดกัน ให้ซาจีหักหลังเรา

สองคน ผมจึงไม่ได้ไปตามนัด”


สีหน้าของธราเทพหม่นเศร้าเมื่อเล่าให้ฟังถึงช่วงนี้


“มันบังคับให้ผมกินยาอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองจนเรื่องเกิดขึ้น”


ริมฝีปากของสิงหาสั่นระริก รวมทั้งมือที่ยึดต้นแขนของธราเทพไว้ด้วยเมื่อรับรู้เรื่องทั้งหมด เขาพูดอะไรไม่ออกนอกจากรำพึง

เรียกด้วยเสียงแผ่วเบา


“โอ ราโมส”


น้ำตาหยดหนึ่งกลิ้งตกผ่านร่องแก้มลงมา เมื่อธราเทพห้ามมันไว้ไม่ได้


“พี่สิงห์จะยังไม่เชื่อผมก็ได้ ผมรู้ว่ามันยากที่จะเชื่อแค่ลมปากของผมเทียบกับสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับพี่ แต่ผมจะหาทางพิสูจน์ให้

พี่เห็นว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง”


ธราเทพดึงให้สิงหาลุกขึ้นยืนพร้อมกัน หนุ่มน้อยใช้มือสองข้างประคองที่ใบหน้าของสิงหาไว้


“เหนื่อยไหมครับกับการรอคอย แล้วต้องอดทนมากขนาดไหนที่ต้องมีความทรงจำกับเรื่องเลวร้าย ในขณะที่ผมไม่เคยรับรู้อะไร

เลย”


น้ำตาไหลไม่ขาดสายเมื่อธราเทพกลั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไป


“ผมจะทดแทนให้พี่ในชาตินี้ ผมจะอยู่กับพี่ไม่ไปไหน หัวใจและร่างกายของผมเป็นของพี่แต่เพียงผู้เดียว”


ธราเทพดึงใบหน้าของสิงหาเข้ามาใกล้พร้อมกับที่เขาเองก็โน้มหน้าเข้าไปหาจนปลายจมูกโด่งชนกัน เขารู้สึกถึงลมหายใจร้อน

ผ่าวของสิงหาที่แทบจะสอดประสานกับลมหายใจของเขา


แล้วธราเทพก็ประกบปากอุ่นลงไปบนริมฝีปากที่ยังสั่นสะท้านราวกับจะช่วยปลอบโยนให้สิงหาหลุดพ้นจากความรู้สึกที่อัดแน่น

ทั้งมวล แขนเรียวของธราเทพดึงลำตัวแกร่งเข้ามาแนบชิดก่อนที่จะโอบกอดร่างที่สั่นสะท้านนั้นไว้ สิงหาทอดถอนใจอยู่ในจุมพิต

เมื่อปลายลิ้นของทั้งสองเกี่ยวตวัดเข้าด้วยกัน มันช่างเต็มไปด้วยไอแห่งสิเน่หาที่ธราเทพบรรจงมอบให้ ก่อนที่หนุ่มน้อยจะดันให้

สิงหาหงายหลังไปบนที่นอนนุ่มโดยที่มีเขาเป็นฝ่ายทาบทับ





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2015 12:35:59 โดย Belove »

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
พี่สิงห์อ่อนซะเหมือนเคะ   :z13:

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
อิย๊าาาา น้องวินอลังการม่ก เดินมากจากกองฝุ่นแบบนางเอก  :laugh:

รอดูอยู่ว่าทำไมชาตินี้ ราบีอา ( ก้อย ) ถึงมารัก ราโมส ( วิน ) ได้

เอ๊ะ หรือว่าก้อยไม่ใช่ใครเลย ส่วนอิพสกนั้นยังไม่ผุดไม่เกิด   :katai1:

ออฟไลน์ NaEZ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
จะจบแล้วหรือนี่ มีสติให้มากๆ  :m15:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove



                          คำสาปร้าย พ่ายรัก

                             บทที่ 28


สิงหามองดวงตาหวานที่ส่องประกายซุกซนคู่นั้น


มันไม่ใช่ดวงตาที่ฉายแววเศร้าเป็นนิจอย่างเช่นที่ผ่านมาอีกแล้ว แต่มันเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความร่าเริง

ร้อนแรง ปลุกเร้าพลังชีวิตดังเช่นแววตาของผู้เป็นเจ้าของหัวใจของเขามาตลอดตั้งแต่อดีตพันธะหัวใจ

กลับคืนมาสู่เขาในที่สุด


สิงหายิ้มกริ่มเมื่อเอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าเนียนแล้วเอ่ยถามในกิริยาที่ธราเทพกระทำอยู่


“คิดจะทำอะไรน่ะวิน”


คนที่นอนทาบทับอยู่เบื้องบนไม่ตอบ แต่กลับคลี่ยิ้มหวานให้แล้วโน้มตัวมาประทับริมฝีปากอยู่บนปากของเขา

สิงหาเผยอปากให้ลิ้นนุ่มของธราเทพส่งผ่านเข้ามา มือที่วางแนบไปกับแก้มใสยึดประคองไว้ ราวกับกลัว

ธราเทพจะหนีหาย


มือบางของธราเทพเกาะเกี่ยวอยู่ที่สาบเสื้อ ปลายนิ้วหยอกล้ออยู่บนแผงอกแกร่งเมื่อเริ่มต้นปลดกระดุม

เม็ดแรกแล้วลากไล้ไปที่เม็ดต่อไปจนกระทั่งถึงเม็ดสุดท้าย หนุ่มน้อยแสนซนก็แยกเสื้อออกจากกัน

แล้วมือที่อุ่นจนร้อนก็วางแนบไปบนร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ธราเทพถอนลิ้นออกจากโพรงปากของ

สิงหาแล้วก้มลงไปเม้มเบาๆ ที่อกกว้าง


เสียงครางแผ่วเบาดังขึ้นให้ได้ยินจากสิงหา เมื่อธราเทพลากมือไปวางที่หน้าท้องเหนือเข็มขัดก่อน

ที่จะลากพรมไปตามขอบกางเกงให้สิงหาอึดอัดแทบขาดใจ จนต้องเป็นฝ่ายกระชากเข็มขัดหนังเนื้อดี

ออกจากขอบกางเกงอย่างรวดเร็ว


“วินรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่”


เสียงแตกพร่าเอ่ยถามเมื่อเขาผงกหัวขึ้นมามองธราเทพที่เงยหน้าช้อนสายตาขึ้นมายิ้มให้

ดวงตาหวานหยดไปด้วยอารมณ์ที่พุ่งขึ้นมาไม่แพ้กัน


“ผมรู้ตัวเสมอแหละครับพี่สิงห์และจะทำยิ่งกว่านี้อีก”


ไม่พูดเปล่า มือเรียวยกไปวางอยู่ตรงซิปจนสิงหาสะดุ้งปั่นป่วนไปทั้งช่องท้อง

เขากลืนน้ำลายเมื่อเห็นหน้าของธราเทพในตอนนี้


อา…มันช่างเร่าร้อน เย้ายวนเหมือนราโมสในอดีต สัมผัสทั้งหมดทำให้สติของชายหนุ่ม

แตกซ่าน ยิ่งเมื่อมือซนรูดซิปกางเกงลงช้าๆ


ก่อนที่จะก้มหน้าไปล้อเล่นจนร่างกายของเขาแทบปริแยก ปลายลิ้นเล็กหยุ่นชื้น

แตะไว้อยู่ตรงปลายแฉกแล้วลาวยาวลงมาจนถึงโคน ธราเทพเผยอปากออกค่อยๆดูดกลืน

จุดอ่อนไหวลงไปทีละนิดก่อนจะเร่งเร้าโยกรั้งจนสิงหาปั่นป่วน


โอ…สิงหาเผลอตัวสบถในคอเมื่อธราเทพทำให้เขาระเบิดออกมาจนได้ เขาเกร็งตัวจนสุดแรง

เมื่อเป็นฝ่ายพลิกตัวกลับให้ธราเทพไปเป็นฝ่ายอยู่เบื้องล่างบ้าง


“ไม่ใช่เล่นเลยนะเรา แกล้งพี่จนหมดสภาพ”



น้ำเสียงที่ยังสั่นไหวเอื้อนเอ่ยพลางมองธราเทพตาเป็นประกาย ปลายนิ้วเช็ดไปที่มุมปาก

ของธราเทพที่ยังมีคราบรักของเขาติดอยู่แผ่วเบา


“ผมอยากให้พี่สิงห์มีความสุข”


เสียงนุ่มทอดหวานตอบกลับ สิงหาเต็มตื้นอยู่ในหัวใจ เขาก้มหน้าไปให้รางวัลด้วยจูบร้อนแรง


“แค่ได้คนที่รักคนเดิมกลับคืนมา พี่ก็มีความสุขมากพอแล้ว”


เขากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูพลางงับติ่งหูเล่น มือของเขาสอดเข้าไปใต้เสื้อยืดแล้วดึงมันผ่านหัว

ของธราเทพอย่างรวดเร็ว


“แต่เรื่องที่วินแกล้งพี่เมื่อครู่ พี่ไม่ยอมหรอกนะ พี่จะแก้แค้นคืนให้สาสมยิ่งกว่าที่วินทำกับพี่”


สิงหาเป็นฝ่ายยิ้มกริ่มพลางมองเนื้อตัวเนียนอย่างหลงใหล เขาก้มหน้าไปฟอนเฟ้น

พร้อมเบียดแนบเนื้อตัวจนไม่เหลือช่องว่าง นุ่มนวลแต่เร้าร้อนอยู่ในทีจนหนุ่มน้อยแทบขาดใจ


ธราเทพปล่อยใจไปกับการบอกรักที่สิงหากระซิบไม่ขาดระยะ เนื้อตัวของเขาเบาหวิวราวกับขนนก

ที่ล่องลอยไปตามสายใยรักที่ถักทอตั้งแต่อดีตจนถึงวันนี้ ไม่มีวันไหนที่เขาไม่รักผู้ชายที่กำลัง

ปรนเปรอความสุขให้เขาไม่มีหยุดหย่อนจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน


“ผมรักพี่ มาอีของผม”


ธราเทพพึมพำเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนจะผล็อยหลับไปในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น





เปลือกตาหวานกระพริบถี่แล้วปรือตาสู้กับแสงที่ส่องผ่านเข้ามาในห้อง ธราเทพหลับตาลง

อีกครู่ใหญ่ก่อนที่จะลืมตากว้างขึ้น แล้วเหลือบมองนาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียง


อุทานเบาๆ เมื่อเห็นว่าตนเองตื่นจนสายโด่ง ธราเทพดันตัวให้ลุกนั่งแล้วก็ต้องนิ่วหน้า



“โอ๊ย”


เสียงร้องดังขึ้นเมื่อความเจ็บปวดมาเยือนตัวเนื้อตัวแทบจะทุกส่วนโดยเฉพาะตรงสะโพก

กลมกลึง ธราเทพร้อนซู่ไปทั่วหน้าเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าตลอดวันและคืนที่ผ่านมาเขาผ่านสมรภูมิ

แห่งความรักจนหมดเรี่ยวแรง แม้แต่ตอนนี้ร่างกายที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาก็ยังไม่มี

อาภรณ์ใดๆ ติดตัวอยู่ด้วยซ้ำ แถมยังมีร่อยรอยที่สิงหาฝากรักเต็มไปหมด


ธราเทพซ่อนหน้าที่แดงก่ำซุกลงกับหมอนทำทีเป็นหลับ เมื่อเห็นสิงหาเดินออกมาจากห้องน้ำ

ด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อพราวไปด้วยหยดน้ำจนเขาใจสั่น

ยิ่งหลับตาปี๋เมื่อที่นอนยวบลงตามน้ำหนักที่สิงหาทิ้งตัวลงมานั่งแล้วโน้มตัวมาจูบที่ขมับของเขา


“ตื่นแล้วจะแกล้งหลับต่อทำไม ขี้เซานะเราน่ะ”


สิงหาพูดทั้งที่จมูกยังคลอเคลียอยู่แถวแก้มแดง ธราเทพตอบโต้ทั้งที่ยังหลับตาแน่น


“พี่สิงห์ก็ไปใส่เสื้อผ้าก่อนสิ”


ธราเทพรู้สึกหมั่นไส้เสียงหัวเราะในลำคอนั่นเต็มกำลัง เขาอยากจะยกมือไปทุบร่างหนา

ให้หนำใจ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะตอนนี้แม้แต่ลืมตาไปมองหน้าเขาก็ยังไม่กล้า


“ทำเป็นไม่เคยเห็นไปได้ พี่เห็นวินทั้งมองทั้งขยำทั้งคืน”


“พี่สิงห์บ้า ลามก”


ธราเทพลืมตามาต่อว่าได้ในที่สุด เขามองสิงหาตาคว่ำยิ่งเรียกเสียงหัวเราะจากสิงหา

ให้ดังขึ้นไปอีก


“ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวพี่พาไป”


สิงหาบอกเสียงนุ่ม ธราเทพยังเม้มปากอย่างแง่งอน


“ไม่ต้อง ผมไปเองได้”


“แน่ใจนะ”


สิงหาเลิกคิ้วอย่างท้าทาย ธราเทพฮึดฮัดแล้วจึงสะบัดผ้าห่มออกจากตัวก่อนฝืนเด้งตัว

ขึ้นมายืนข้างเตียงอย่างรวดเร็วทันทีที่ปลายเท้าแตะพื้นธราเทพก็ต้องตกใจเมื่อร่างกายของเขา

แทบจะทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น ยังดีที่สิงหาคว้าร่างไปกอดไว้แนบตัวธราเทพจึงไม่ได้ล้มลงไป

ธราเทพเพิ่งรู้ว่าขาทั้งสองข้างของเขาแทบไม่มีแรงเหลืออยู่ มันสั่นระริกไปทั้งท่อนรวมทั้ง

ความร้าวระบมแล่นไปทั่วตัวจนเขาต้องนิ่วหน้า


"ไงล่ะคนเก่ง พี่บอกแล้วก็ไม่เชื่อ รั้นดีนัก”


สิงหาพูดทับถมให้ธราเทพยิ่งอายหนักขึ้น หน้าเนียนฝังลงกับบ่ากว้างพลางเอื้อมมือ

ไปทุบหลังสิงหาดังตุ้บ


“ก็ใครใช้ให้บ้าพลัง เอ่อ…ทั้งวันทั้งคืนเล่า ไอ้คนหื่นกาม”


สิงหาใช้ไหล่ดันให้ใบหน้าเรียวห่างออกจาการซุกไซ้ เขาบีบปลายคางของธราเทพเบาๆ

พลางมองหน้าหวานไล่ลงไปที่เนื้อตัวเปล่าเปลือยตาเชื่อม


“ก็ใครใช้ให้วินเซ็กซี่จนพี่อดใจไว้ไม่ได้ล่ะ”


สิงหาประกบปากลงกับปากนุ่ม เขาเม้มปากงับไล่ไปตามเรียวปากแดงก่อนสอดปลายลิ้น


เข้าไปทักทายอยู่พักใหญ่


“มอนิ่งคิสนะครับคนเก่ง แม้ว่ามันจะไม่เช้าแล้ว”


เรือนร่างกำยำใช้ท่อนแขนข้างหนึ่งช้อนไปที่ใต้เข่าของธราเทพ ขณะที่แขนอีกข้างโอบ

ไปที่แผ่นหลังแล้วยกร่างบางลอยขึ้นมาอย่างง่ายดาย


“ให้พี่พาวินไปอาบน้ำนะ”


สิงหาอุ้มธราเทพเดินเข้าห้องน้ำอย่างง่ายดาย ธราเทพได้แต่โอบไปรอบคอของสิงหา

เพราะกลัวตก จนสิงหาวางร่างเนียนลงในอ่างน้ำที่เปิดน้ำอุ่นและใส่เกร็ดสบู่หอมตี

จนฟองฟูรอไว้อยู่แล้ว


“ผมอาบน้ำเองได้ พี่สิงห์ออกไปเหอะ”


ธราเทพเอ่ยปากไล่


“ไม่ครับ พี่จะอาบด้วย”


“พี่อาบน้ำแล้วนี่ครับ พี่จะอาบซ้ำทำไมอีก”


สิงหายิ้มเจ้าเล่ห์


“มันไม่เหมือนกัน เมื่อกี้พี่อาบคนเดียว แต่รอบนี้พี่จะอาบให้วินไง”


จบคำตอบแบบกำปั้นทุบดิน สิงหาดึงผ้าเช็ดตัวออกจากการห่อหุ้มแล้วก้าวลงอ่างอาบน้ำ

เลื่อนตัวเข้าไปใกล้แล้วดึงตัวธราเทพให้หันหลังให้เขา เอื้อมมือคว้าฟองน้ำนุ่มมาถูไปตาม

เนื้อตัวพร้อมกับนวดเฟ้นไปด้วยธราเทพปล่อยให้สิงหาจัดการอย่างสบายตัว ก่อนที่จะชะงัก


“เอ่อ พี่สิงห์ ผมว่าพอแค่นี้เถอะ”


“ทำไมล่ะวิน”


เสียงสั่นพร่ากระซิบอยู่ที่หลังหู ธราเทพกลืนน้ำลายลงคอ จะบอกได้อย่างไรว่า

เขารู้สึกถึงการ “ตื่น” ของสิงหา เอวคอดถูกโอบรัดจนแผ่นหลังไปแนบชิดกับอกกว้าง

สิงหาฝังจมูกลงบนไหล่เนียน ธราเทพสะดุ้งเมื่อมือใหญ่ของสิงหากอบกุมไปที่จุดอ่อนไหว

ด้านหน้า หนุ่มน้อยยิ่งรู้สึกถึงการเบียดแน่นจากด้านหลังธราเทพทอดถอนลมหายใจที่ผ่าวร้อน


“แล้วเมื่อไหร่ผมจะอาบน้ำเสร็จเนี่ย”


สิงหาไม่ตอบ เขาจูบที่หลังคอเนียนแรงๆ ก่อนที่จะดันตัวของธราเทพให้หันหน้ามาหา

สะโพกแน่นถูกยกขึ้นให้นั่งคร่อมทับอยู่บนต้นขาแกร่งของเขาที่ทอดยาวไปกับพื้นอ่าง 

มือโอบไปรอบเอวจนร่างทั้งสองไม่เหลือช่องว่าง ธราเทพโอบกอดไปรอบศีรษะเมื่อสิงหา

ซุกไซ้ไปตามเนื้อตัวธราเทพยิ้มเมื่อสิงหากระซิบบอกรักอีกครั้ง


                  --------------------------------------------------------------------


วันนี้จะลงจนจบเลย แต่จะทยอยลงชั่วโมงละบท
ใครอ่านอยู่ช่วยคอมเมนท์กันเป็นกำลังใจบ้างนะ
จะจบแล้ว



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2015 14:17:18 โดย Belove »

ออฟไลน์ baslowbatt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ขอให้ทุกอย่างคลี่คลาย เร็วๆเถอะ  :mew2:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ร่างน้องพังแล้ว :jul1:

ออฟไลน์ love AJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
ต๊ายตายๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ใช่น้องวินตายนะ คนอ่านเนี่ยแหละตาย

 :jul1: :jul1: :jul1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

คำสาปร้าย พ่ายรัก
บทที่ 29

วรกายบอบบางประทับนั่งพิงกับฝาผนังทอดสายพระเนตรผ่านกุญชรออก

ไปสู่ความอ้างวางของท้องฟ้าสีดำอย่างอาดูร


“ราโมสเหตุใดเจ้าทำเยี่ยงนั้น”
เสียงแผดกล้าที่เต็มไปด้วยโทสะยังคงก้องอยู่ในพระกรรณ ทรงได้ยินและได้เห็น

แต่มิสามารถขัดขืนโต้แย้งสิ่งใดได้ ในเมื่อวรกายทุกส่วนแข็งชาราวกับมิใช่วรกาย

ขององค์เอง ทรงกันแสงจนไร้เรี่ยวแรง พระเนตรงามช้ำหนักเมื่อยาที่แสนเลวสิ้นฤทธิ์

หลังจากนั้นเจ้าชายราโมสก็ทรงนิ่งเหม่อราวกับตุ๊กตาที่ไม่มีชีวิต วรกายแบบบางยิ่งซูบผอม

ด้วยทรงเป็นกังวลและเฝ้าคิดถึงแต่มาอีผู้เป็นที่รัก


อยากที่จะลอบไปตามหาแต่มหาอำมาตย์ฮาอัสใช้ตรวนสวมเข้าที่ข้อพระบาทข้างหนึ่ง

ผูกติดเข้ากับเสาโลหะแม้พระองค์จะลองขยับแต่ก็ทำลายตรวนนี้ไม่ได้

จนโลหะถูรัดเข้ากับข้อพระบาทจนเกิดเป็นรอยแผล เจ้าชายน้อยทรงเจ็บช้ำน้ำใจยิ่งนัก

เมื่อรู้สึกองค์ว่าไม่ต่างอะไรกับนักโทษชั้นเลว


ทิวาและราตรีเคลื่อนผ่านไปเท่าใดเจ้าชายนับจนลืมนับ และในที่สุดบานประตูหนาหนัก

ของห้องพระบรรทมก็ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ของคนที่เจ้าชายทรงชังที่สุดก้าวเข้ามา

พระพักตร์เรียวสะบัดหนี แต่ฮาอัสก้าวเข้ามาใช้มือหยาบหนาบีบพระหนุแน่น


“อย่าหันหน้าหนีข้าเจ้าชาย”


เสียงแข็งดังขึ้นแต่มีหรือที่เจ้าชายราโมสจะทรงเกรงกลัว พักตร์งามหันไปถ่มน้ำลายใส่

จนฮาอัสผงะ ดวงตาเจ้าเล่ห์เบิกโพลง


“ท่านกล้าทำเยี่ยงนี้หรือ ราโมส ท่านรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ท่านอยู่ในกำมือของข้า

ที่ข้าจะกระทำเช่นไรกับท่านก็ได้”


“ถ้าเช่นนั้นก็ปลิดชีวิตข้าเสียฮาอัส”


ทรงเชิดพระพักตร์ท้าทาย


“ข้าพร้อมที่จะไปสู่ดินแดนมตภูมิดีกว่าทนอยู่ให้เจ้าเหยียดหยามศักดิ์ศรี”


เสียงหัวร่อเยาะหยันดังขึ้นอย่างกักขฬะ


“คงยังไม่ได้หรอกเจ้าชายราโมส ท่านยังไม่สู่มตภูมิไม่ได้หากข้ายังไม่ได้เชยชม

ร่างของท่านให้สาแก่ใจข้าเสียก่อน”


มือหยาบลูบไล้ไปตามเนื้อตัวจนเจ้าชายราโมสสะดุ้งด้วยความเดียดฉันท์

ทรงกัดพระโอษฐ์แน่นพลางออกแรงผลักไสเมื่อฮาอัสดึงวรกายเข้าไปใกล้


“อย่ามาแตะต้อง ร่างกายของข้ามีไว้เพื่อมาอีเท่านั้น”


ตาหลุกหลิกลุกวาวราวอสรพิษเมื่อได้ฟังคำที่กล่าว ฮาอัสยิ่งกระชากวรกายบางเข้ามาใกล้


“แล้วข้ากับมาอีมันจะต่างกันตรงไหน รับรองว่าข้าจะปรนเปรอท่านให้หนำใจ

ยิ่งกว่าที่มาอีทำได้”


“อย่านะ”


ทรงร้องห้ามพลางดิ้นรนขัดขืนเมื่อฮาอัสดันร่างของพระองค์ให้นอนราบไปกับพื้นห้อง

อัสสุชลไหลหลั่งอย่างรังเกียจเมื่อฮาอัสซุกหน้าลงมาเชยชมตามเนื้อตัวเนียน


“มาอี มาอี ช่วยข้าด้วย”


“จะร้องหามันทำไม ไอ้มาอีมันไม่มาหรอกในเมื่อมันถูกมัดตรวนอยู่ที่ลานนักโทษ”


เสียงเย้ยหยันของฮาอัสดังขึ้นทั้งที่ยังไม่เลิกซุกไซ้ไปตามร่างงดงามทำให้พระเนตร

ของเจ้าชายยิ่งเบิกกว้าง ตกใจทั้งเรื่องที่องค์เองกำลังจะถูกย่ำยีและเรื่องที่คนรักถูกจับกุม


“ฮาอัส ไอ้เลว เจ้าจะทำอะไรกันแน่”


“หึหึ ทำอะไรงั้นหรือ ท่านจะรู้ในไม่ช้านี่แหละที่รักของข้า แต่ตอนนี้ขอให้ข้าได้ชื่นชม

ในร่างที่ข้าเฝ้ารอมานานเถิดนะ”


ฮาอัสตะโบมปากและจมูกลงไปอย่างรุนแรงจนเนื้อเนียนชอกช้ำ เจ้าชายราโมสทรงยัง

ไม่หยุดดิ้นรน แม้จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ


“เจ้าบ้าฮาอัส ทำอะไรเยี่ยงนี้”


เสียงแหลมบาดหูดังขึ้นที่หน้าห้องขัดจังหวะจนฮาอัสต้องสบถอย่างรุนแรง

ก่อนที่ร่างอวบของพระสนมเซพเทตจะปรากฎกายแล้ววิ่งถลันเข้ามาดึงร่างของฮาอัส

ออกจากวรกายงามของเจ้าชายราโมสแล้วใช้ฝ่ามือฟาดเข้าไปที่ใบหน้าสากของมหาอำมาตย์


เจ้าชายราโมสอาจจะไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีนักพระสนม แต่ในวันนี้ทรงนึกขอบคุณพระสนม

เป็นที่สุดที่มาช่วยยับยั้งการล่วงเกินจากฮาอัสไม่ได้พระองค์มีราคีแปดเปื้อนได้


“นังบ้าเซพเทตโผล่มาทำไมตอนนี้”


ฮาอัสถลึงตาอย่างกราดเกรี้ยวพลางยกมือฟาดไปที่ใบหน้าอวบอิ่มอย่างรุนแรง

จนพระสนมร่วงลงไปกองกับพื้น เจ้าชายทอดพระเนตรอย่างตกใจพลางขยับวรกายหนี

ไปซุกอยู่ที่ผนังห้องอย่างรวดเร็ว ร่างอวบที่ทรุดตัวอยู่กับพื้นห้องสะบัดขึ้นไปมองฮาอัส

พลางยกมือกุมหน้าพร้อมทั้งน้ำตาอย่างเจ็บใจ


“เจ้าน่ะสิบ้า ไอ้ฮาอัสสารเลว ทุกสิ่งที่ข้าปรนเปรอให้เจ้ามันยังไม่สาแก่ใจของเจ้าอีกรึ

ทั้งตัวของข้า ทรัพย์สมบัติที่ข้ามี แถมข้ายังช่วยให้เจ้าลอบจับตัวไอ้แก่เพตเทเมน

ได้อีกต่างหาก เจ้ามันมักมากถึงขนาดคิดจะกระทำกับผู้ชายด้วยกันอย่างราโมสนี่อีก”


เจ้าชายที่ทรงนั่งเฝ้ามองเหตุการณ์เบิกพระเนตรอย่างตกพระทัยเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมด

นี่หมายความว่า พระสนมของพระบิดาลอบเป็นชู้กับมหาอำมาตย์


“เซพเทต นี่มันอะไรกัน เจ้าลอบมีชู้หรือ”


พระสนมหันขวับมามองเจ้าชายราโมสด้วยความริษยา แล้วลุกขึ้นถลาเข้ามาจิกพระเกศา

จนพระพักตร์หงาย


“เป็นเพราะพ่อเจ้ามันไม่เอาไหน หาทำให้ข้าสุขสมไม่ ฮาอัสต่างหากที่เป็นยอดดวงใจ

ของข้าแต่เจ้ากลับมาแย่งชิง เจ้าช่างเป็นหอกข้างแคร่ของข้าไปเสียทุกเรื่องนะ ราโมส”


ฮาอัสก้าวเข้ามากระชากแขนของเซพเทตออกไปจากการกระทำคุกคามเจ้าชายราโมส

แล้วผลักร่างอวบให้ไกลจากวรกายสั่นเทา


“อย่าแตะต้องเจ้าชาย ร่างกายนี้จะต้องเป็นของข้าคนเดียว”


“เพราะเหตุนี้เจ้าจึงวางแผนทั้งหมดสินะ เจ้าชั่วฮาอัส”


สุรเสียงดุของเจ้าหญิงราบีอาดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะถลันมาประคองพระสนมเซพเทต

ผู้เป็นมารดาไว้ อย่างน้อยก็ทรงรักพระบิดามารดายิ่ง


“เจ้าหลอกใช้ข้าและท่านแม่ทุกเรื่อง รวมทั้งที่เจ้าจับท่านพ่อของข้าไว้เพื่อกบฎสินะ”


ความเจ็บแค้นเด่นชัดอยู่ในสุรเสียง เมื่อเจ้าหญิงราบีอายืดวรกายตรงบดบังมารดาที่เอาแต่ร้องไห้


“ก็พวกเจ้าสองแม่ลูกโง่ให้ข้าหลอก”


ดวงตาหลุกหลิกส่อแววเยาะหยัน


“แผนข้ายังดำเนินไปไม่ถึงครึ่งทาง นี่ข้าคิดไว้ว่าเมื่อกำจัดไอ้แก่เพตเทเมนได้แล้ว

ข้าจะให้เจ้ากับราโมสแต่งงานกันและขึ้นครองราชย์โดยที่มีข้าเป็นที่ปรึกษาให้

เจ้าก็เป็นราชินีไปส่วนข้านอกจากจะเป็นที่ปรึกษาแล้ว ข้าก็จะทำให้ทุกคนมีความสุข

ด้วยร่างกายของข้า เจ้าด้วยนะราบีอา หรือว่า เจ้าลืมรสสวาส ของเราที่มีต่อหน้าพญางู

อะโพรฟิสไปเสียแล้ว”


ความเงียบเข้าครอบคลุมบรรยากาศด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน เจ้าชายราโมสตกใจ

เมื่อทรงได้รับฟังเรื่องทั้งหมด เจ้าหญิงราบีอาทรงยืนกัดฟันด้วยความแค้นที่ความจริง

ที่พระองค์ปิดบังถูกเปิดเผยด้วยวาจาจากฮาอัส ส่วนพระสนมเซพเทตเบิกตากว้าง

อย่างชอกช้ำที่ได้ยินเรื่อง นางยกมือเขย่าวรกายของเจ้าหญิง


“หมายความอย่างไรราบีอา สิ่งที่ฮาอัสพูดเป็นจริงหรือไม่เจ้าจงบอกแม่เดี๋ยวนี้

นี่เจ้าร่วมผัวคนเดียวกับแม่หรือ”


เจ้าชายราโมสทรงยืนอย่างไร้เรื่ยวแรง ยกพระกรสั่นเทาชี้หน้าฮาอัสอย่างเคืองแค้น


“นี่เจ้าจับท่านพ่อไว้หรือ เจ้ามันเป็นกบฏ”


ฮาอัสตาลุกวาบหันขวับไปทางเจ้าชายราโมส


“ใช่ ข้าจับฟาโรห์เพตเทเมนไว้ เจ้าจะเรียกข้าว่ากบฏก็ได้ และด้วยความกรุณาจากข้า

ฟาโรห์เพตเทเมนที่เป็นบุตรแห่งเทพราตามตำแหน่ง ก็จะถูกสังหารด้วยการฝังทั้งเป็น

ไว้ ณ วิหารแห่งพญางูอะโพรฟิสเพื่อเป็นการสังเวยแด่ศัตรูของเทพรา ในบ่ายวันนี้แหละ”


เจ้าหญิงราบีอาทรงกรีดร้องและวิ่งถลาเข้าไปทุบตีฮาอัสด้วยโทสะ แต่กลับถูกฮาอัส

ผลักจนกระเด็น


“ทหาร”


ฮาอัสร้องเรียกเพียงครั้งเดียว กลับปรากฏร่างกำยำของทหารรูปร่างประหลาดหลายคน

เหมือนเงาของอสุรกาย


“จับตัวเจ้าหญิงราบีอาและพระสนมเซพเทตไปควบคุมที่ตำหนัก ส่วนเจ้าชายราโมส

ยึดตัวไว้”


ฮาอัสก้าวเข้ามาใกล้ ยิ้มเจ้าเล่ห์เกิดขึ้นที่มุมปากเมื่อมือหยิบห่อยาที่เหลือจากที่คาดเอว


“เหลือละครฉากสุดท้ายที่เจ้าจะได้เห็นนะ ราโมส เจ้าจะได้เห็นคนที่เจ้ารักตายไป

ด้วยความแค้นที่มีต่อเจ้า มันจะได้เกลียดเจ้าไปทุกชาติ เพื่อที่เจ้าจะได้เป็นของข้าไป

ทุกชาติเช่นกัน”


“ไม่ ฮาอัส ไอ้ชั่ว”


วรกายบางดิ้นรนทั้งน้ำตาเมื่อฮาอัสบังคับให้กลืนยาเม็ดสุดท้ายลงคอ



น้ำตาหลั่งไหลราวกับสายน้ำตกต้องไปที่อันไร้อัต(วิญญาณ)ของชายอันเป็นที่รักยิ่ง

เมื่อสติกลับคืนสู่เจ้าชายราโมส ทรงโอบกอดและกรรแสงแทบขาดพระทัย

พระเนตรงามแดงและบวมเป่ง แม้จะไม่มีวาจาคร่ำครวญจากเจ้าชาย

พระหัตถ์กอดไปรอบร่างที่นอนกลางดิน สะดุดเมื่อพบอาวุธชิ้นเล็กเหน็บอยู่ที่

เอวของมาอี เจ้าชายทรงดึงเคเพชคู่ใจของคนรักมาเก็บซ่อนไว้ที่บั้นพระองค์ได้ทัน

ก่อนที่จะถูกกระชากให้ลุกขึ้นจากฮาอัส


“ฟาโรห์องค์ไหม่มิบังควรลงไปนั่งเกลือกกลิ้งกับร่างอันสกปรกของคนที่ทรยศนะกระหม่อม”


พระเนตรงามจ้องกลับอย่างเคียดแค้น ก่อนที่จะผลักไสร่างที่ทรงรังเกียจ

แล้วดึงเคเพชมาพาดที่พระศอองค์เอง

“ถ้าก้าวเข้ามาอีก ข้าจะปลิดชีพตัวเอง อย่าคิดว่าข้าไม่กล้า ชีวิตของข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว”


ฮาอัสมองเจ้าชายอย่างนึกไม่ถึงที่ใช้วิธีนี้มาขู่แต่มันก็ได้ผล


“เอาเถอะ ข้ายังมีเวลากับท่านอีกเยอะ ฟาโรห์ราโมส แต่ตอนนี้ท่านต้องกลับเข้า

ไปในราชวังและเตรียมตัวอภิเษกกับเจ้าหญิงราบีอาเพื่อครองราชย์อย่างสมบูรณ์ภาย

ในสามวันนี้”


เป็นสามวันที่ทรมานพระหท้ยของฟาโรห์องค์ใหม่ ที่ไม่มีแม้แต่กำลังใจจนวรกายยิ่งซูบผอม

แล้วในที่สุดพระองค์ก็เข้าพิธีอภิเษกกับพระขนิษฐาตามการบังคับขู่เข็ญของฮาอัส

พระเนตรดุของราชินีราบีอาลุกวาบเมื่อถึงเวลาส่งตัว ไม่มีแม้แต่จะสนใจฟาโรห์ราโมส

ผู้เป็นสวามีในตำแหน่ง พระองค์กลับไปคล้องคอของฮาอัส แล้วส่งสายตายั่วยวน


“คืนส่งตัวแต่ฟาโรห์ทำอะไรข้าให้หายเหงาไม่ได้ ท่านมหาอำมาตย์จะช่วยข้า

เสียหน่อยเป็นไร”


ฮาอัสยิ้มอย่างถูกใจพลางผลักวรกายอวบอิ่มลงบนเตียงกว้างพลางไซ้จมูกกับเนินอกอิ่ม

อย่างเมามันแม้ว่าฟาโรห์ราโมสจะนั่งมองอยู่ที่เก้าอี้อย่างดูแคลนอยู่มุมหนึ่งของห้อง

หนึ่งหญิงหนึ่งชายก็ยังร่วมเสพสังวาสต่อหน้าพระพักตร์อย่างไม่สนใจบุคคลที่ยังนั่งด้วย

จนกระทั่งร่างของฮาอัสเกร็งกระตุกอย่างสุขสม กลับเกิดเหตุไม่คาดคิด


ใบหน้านั้นแดงก่ำราวกับถูกยาพิษ ร่างเปลือยเปล่าดิ้นรนอย่างทรมานอยู่บนเตียงกว้าง

โดยมีราชินีราบีอาที่ลุกขึ้นมาทอดพระเนตรอย่างสาแก่ใจ


“เจ้าทำอะไรข้า ราบีอา”


“ก็แค่มนตร์บทหนึ่งในคัมภีร์บูชาพญางูอะโพรฟิสน่ะสิ เจ้าโง่”


ราบีอาเชิดพักตร์

“เจ้าคิดว่างูเป็นสัญลักษณ์ของอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่ กาม ราคะ และความลุ่มหลง

แล้วเจ้าคิดว่าพญางูจะชื่นชมสาวกชายอย่างเจ้าหรือสาวกหญิงอย่างข้ามากกว่ากันล่ะ ฮาอัส”

ร่างที่ใกล้ขาดอากาศยกมือชี้พระพักตร์อย่างคาดไม่ถึง


“เจ้าหลอกให้ข้าหลงเชื่อ กำจัดคนที่ข้ารัก เพียงเพราะเจ้าอย่างจะครอบครองราโมส

เจ้าฆ่าพ่อข้าเพราะหวังเป็นใหญ่ ไม่จำเป็นที่ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”


สุรเสียงเฉียบขาดดังขึ้นจากราชินีราบีอา ฮาอัสที่ใกล้สิ้นลมมองอย่างเจ็บใจ


“จะ เจ้า นังหญิงหยาบช้า หึหึ ถ้าข้าตายแล้วใครจะเป็นคนปลดปล่อยอัตของพ่อเจ้า

ที่ถูกข้าปิดผนึกฝังทั้งเป็นเล่า สมแล้ว อัตของพ่อเจ้าต้องวนเวียนอยู่ในใต้ดินแห่งวิหารหญางูไปตลอดกาล”


ฟาโรห์ราโมสเบิกพระเนตรกว้างเมื่อเห็นฮาอัสสิ้นใจไปต่อหน้า

แต่สิ่งที่ตกพระทัยกว่าคือสิ่งที่ได้ฟังจาปากของฮาอัสก่อนตายต่างหาก




“นี่ใช่ไหมครับคือสิ่งที่พี่สิงห์ต้องทำ คือปลดปล่อยวิญญาณของฟาโรห์เพตเทเมน”


ธราเทพเอ่ยถามเมื่อเล่าเรื่องทั้งหมดให้สมาชิกในกลุ่มได้ฟังทั้งหมด

สิงหาพยักหน้ายอมรับอย่างกลัดกลุ้ม


“ใช่ อย่างที่พ่อของพี่ในอดีตฝากไว้ก่อนตาย พี่ต้องหาทางช่วยเหลือวิญญาณของ

ฟาโรห์เพตเทเมนที่ยังอยู่ใต้วิหารงูยักษ์ แต่ติดที่ว่า เราไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน

และวิธีการต้องทำอย่างไร”


“ไม่ยากหรอกครับ ถ้าพวกเราช่วยกัน”

วาโยหันมามองลูกศิษย์อย่างสงสัย

“จะช่วยกันทำอะไรวะ”

ธราเทพยิ้มเมื่อคว้าสิ่งที่แอบซ่อนไว้จากหลุมพระศพฟาโรห์ราโมส


“ช่วยกันหาคำตอบจากคัมภีร์บูชาพญางูนี่ไงครับ”












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2015 16:11:19 โดย Belove »

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
สนุกมากนี่อ่านรวดเดียวเลย

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove




                                          คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                              บทที่ 30


สิงหาไม่นึกว่าบทจะง่ายก็ง่ายขนาดนี้เมื่อคัมภีร์ที่เขาเฝ้าเพียรหา

กลับมาอยู่ในมือของธราเทพ

ฟาโรห์ราโมสได้คัมภีร์มาอย่างไรเขาก็ไม่รู้ แต่ราโมสที่ไม่มีทางต่อสู้

กลับเก็บไว้กับตัวแม้แต่วันตาย

อาจจะเพื่อวันนี้ วันที่ราโมสรู้ว่าอย่างไรก็ต้องมี วันที่วิญญาณของทั้งคู่กลับมาเกิดใหม่

เพื่อยุติคำสาปแช่งทั้งปวง

คัมภีร์ปาปิรัสเก่าแก่ถูกกางอย่างทะนุถนอม ตัวอักษรเฮโลกริฟฟิคปรากฎ

อย่างเลือนราง นักโบราณคดีและว่าที่นักโบราณคดีทั้งสี่ต่างมองหน้ากันอย่างหนักใจ

แม้แต่ธราเทพเองที่อ่านอักษรเฮโลกลิฟฟิคได้ดียังต้องปาดเหงื่อ เพราะเนื้อหาในคัมภีร์

นั้นมีทั้งบทสวดบูชา คาถาอาคมจำนวนมาก

แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าความสามารถ เมื่อในที่สุดทุกคนก็หาบทที่ต้องการจนได้

แม้เวลาจะล่วงเลยมาเป็นวัน


“อะไรกัน ต้องใช้สาวกคนที่ทำพิธีปิดผนึกวิญญาณเป็นคนท่องมนต์บทนี้

ที่หน้าห้องขังวิญญาณ”


วาโยอุทานอย่างตกใจ


“แล้วเราจะรู้ได้ไงวะ ว่าไอ้วิหารงูยักษ์มันอยู่ที่ไหน แล้วไอ้ฮาอัสมัน

ไปเกิดเป็นใคร”


สิงหาและธราเทพมองตากันอย่างกลัดกลุ้มกับภาระกิจที่ได้รับ


“ลำพังแค่วิหารงูอะโพรฟิสน่ะ ไม่ยากเท่าไหร่หรอกครับ เหมือนผมจะเคย

ไปในอดีตสมัยที่เป็นราโมส แล้วท่องเที่ยวไปตามทะเลทราย ขอเวลารื้อฟื้นไม่นาน

ก็น่าจะจำได้ แต่เราจะไปหาฮาอัสที่ไหน”


หนุ่มน้อยคิ้วขมวดถอนหายใจยาวยืด


“เขามาเกิดใหม่เป็นใครก็ไม่รู้ หรืออาจจะไม่มาเกิดเลยก็ได้”


“แล้วถ้าหาเจอจริง เขาจะยอมมาช่วยเราไหม เขาจะเป็นคนยังไงเราก็ไม่รู้เลย”


ภูหิรัณย์กล่าวต่อจากเพื่อนด้วยประโยคที่ชวนกลุ้มมากเข้าไปอีก ก่อนที่ทั้งสี่คน

จะแยกย้ายไปพักผ่อน



ธราเทพชวนให้สิงหานั่งสมาธิพร้อมกับเขาตามที่หลวงพ่อเคยสั่งไว้ ใช้เวลาอยู่พักใหญ่

กว่าที่จิตใจจะเข้าสู่ความสงบ

หนุ่มน้อยเห็นจีวรสีเหลืองเย็นตาเดินเข้ามาใกล้ เขาก้มกราบอย่างปีติ

ก่อนที่จะคุกเข่าพูดคุยกับจิตของภิกษุชรา


“หลวงพ่อมักจะมาเป็นที่พึ่งให้กับผมในเวลาคับขันทุกครั้ง”


ธราเทพกล่าวกับหลวงพ่อด้วยความรักและเทิดทูน


“อย่างครั้งนี้ หลวงพ่อจะช่วยชี้ทางสว่างให้กับผมและพี่สิงห์ได้ไหมครับ

ว่าเราจะตามหาตัวฮาอัสมาปลดปล่อยวิญญาณของพ่อผมในอดีตยังไง”


ธราเทพไม่เสียเวลาอ้อมค้อม เพราะเขารู้ว่าหลวงพ่อต้องมาช่วยเรื่องนี้แน่

หลวงพ่อยิ้มปรานีก่อนที่จะตอบ


“มองลึกเข้าไปที่ดวงตา ที่โบราณเขาบอกว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจน่ะ

เป็นเพราะเราปิดบังความคิดความทรงจำทางดวงตาไม่ได้ ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติก็ตาม”


เสียงหลวงพ่อจางหายไปแล้ว ธราเทพจึงได้ก้มกราบตามร่างที่เลือนหายไป

ก่อนที่จะค่อยๆ กระพริบตาออกจากสมาธิ

มองตางั้นหรือ แล้วเขาจะเที่ยวไปมองตาใครต่อใครเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นฮาอัสได้อย่างไร

ธราเทพไม่วายถอนหายใจหนักหน่วง เขาหันหน้าไปทางทิศตะวันออกแม้จะยังเป็นยามราตรี


เทพราผู้เป็นบิดาของข้า และชาวไอยคุปต์ทั้งปวง

โปรดช่วยให้ข้า ราโมสบุตรแห่งท่านได้กระทำการทุกอย่างเป็นผลสำเร็จดังใจหมายด้วยเถิด



คณะของสิงหาเดินทางไปที่ปิรามิดในวันรุ่งขึ้นเพื่อเก็บงาน เมื่อเขาได้คัมภีร์ที่ต้องการ

แล้วจึงได้วางแผนที่จะตามหาวิหารงูอะโพรฟิสต่อไป

ธราเทพเหลือบเห็นวริษฐาและด็อกเตอร์อัคนียืนอยู่ไม่ไกลนักจึงได้ชักชวนให้ภูหิรัณย์

เดินไปทักทายหญิงสาว เพราะถึงอย่างไรเขาก็ตัดขาดความเป็นเพื่อนไม่ลง


“สวัสดีครับอาจารย์”


ธราเทพและภูหิรัณย์ยกมือไหว้อัคนีที่ได้แต่ปรายตามองและรับไหว้แกนๆ


“ไงล่ะพวกเธอ อยู่กับอัสลาน ได้อะไรมาบ้างหรือยัง”


อัคนีเรียกสิงหาว่าอัสลานตามความคุ้นชิน


“ก็ได้ตามที่กำหนดแล้วครับ พี่สิงห์บอกว่าวันนี้จะให้คนงานเก็บงานที่เหลืออยู่

แล้วจะจบโครงการ”


ธราเทพเห็นอัคนีสบตากับวริษฐาแวบหนึ่ง


“หมายความว่าไง อัสลานได้คัมภีร์ปาปิรัสไปแล้วหรือ”


อัคนีถามย้ำพยายามจะไม่แสดงความอยากรู้อยากเห็นระคนผิดหวัง


“ครับ นี่ก็ใกล้จะกลับไทยแล้ว เราจะอยู่เที่ยวกันอีกสักพัก แล้วนี่อาจารย์กับก้อย

ใกล้จะกลับไทยกันหรือยังครับ”


ภูหิรัณย์เป็นฝ่ายตอบพลางตั้งคำถามบ้าง


“ก็ใกล้แล้วล่ะ เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อยเหมือนกัน วิน แกยังโกรธฉันอยู่หรือเปล่า”


วริษฐาหันมาถามธราเทพ


“เฮ้ย เราไม่โกรธหรอก เราจะโกรธเพื่อนได้ไง”


วริษฐาส่งสายตาตัดพ้อจนธราเทพลำบากใจ


“ใช่สินะ เรามันเป็นได้แค่เพื่อน เราควรจะทำใจให้ได้ใช่ไหมวิน”


“ก้อย”


อัคนีขัดเสียงเขียว


“ถ้าเป็นอาน่ะ จะรู้ตัวเองตั้งแต่เขาปฏิเสธครั้งแรกแล้วนะ ไม่ใช่มาคร่ำครวญ

ให้คนอื่นเขาอึดอัดอย่างนี้”


“ก็หนูไม่ใช่อานี่คะ อาก็เป็นซะอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่อาจะได้ในสิ่งที่อาต้องการ”


วริษฐาเถียงไม่ไว้หน้าจนอัคนีนึกโมโห เขาหันมาทางสองหนุ่มที่ยืนมองตาปริบๆ


“เธอสองคนจะไปทำงานก็ไปเถอะ ขอฉันจัดการกับแม่หลานสาวหัวดื้อนี่ก่อน”


ธราเทพกับภูหิรัณย์ได้ยินดังนั้นก็รีบยกมือไหว้แล้วเผ่นแนบกลับไป เมื่ออัคนีเห็น

ทั้งสองคนลับสายตาไปแล้ว เขาก็คว้าแขนวริษฐาขึ้นมาบีบไว้


“จะโวยวายให้มันได้อะไรขึ้นมา น่าเกลียดที่สุด แล้วไอ้ท่าทางที่ไปง้อขอความรัก

เจ้าธราเทพเนี่ย ขอเถอะ อย่าทำให้เห็นอีกได้ไหม”


วริษฐาสะบัดแขนออกอย่างไม่เกรงกลัว


“ก็หนูรักวิน หนูทำใจไม่ได้หรอก อาเองก็เถอะอย่านึกว่าหนูไม่รู้นะว่าคิดอะไรอยู่

อาหลงรักพี่สิงห์ใช่ไหมล่ะ แล้วเป็นไง เฝ้ามองเขาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วได้กินสมใจ

อยากสักครั้งหรือยัง”


“ก้อย”


อัคนีตวาดลั่นก่อนที่จะฟาดฝ่ามือไปที่แก้มของวริษฐาจนหน้าหัน หญิงสาวยกมือกุมแก้ม

หันมามองด้วยดวงตาวาวโรจน์   


“หนูจะยอมให้อาทำอย่างนี้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้ามีครั้งหน้าอีกหนูไม่ยอมอีกแล้ว

อ้อ!ถ้าอาฉลาดก็เชิญมาร่วมมือกับหนู หนูจะทำทุกทางให้วินหันมารักหนูให้ได้

ส่วนพี่สิงห์อาจะเอาไปทำอะไรก็ตามใจ”



สิงหาเคลียร์พื้นที่ในส่วนที่ได้รับอนุญาตจากทางการและจ่ายเงินให้คนงานเรียบร้อย

เมื่อบ่ายจัด จึงได้เดินเคียงคู่กับธราเทพไปที่โลงศพของฟาโรห์ราโมสที่ถูกกันเป็นพื้นที่หวงห้าม

หนุ่มน้อยยืนมองโลงศพสีทองบรรจุมัมมี่ร่างของตนในอดีตอย่างเจ็บปวด ความรู้สึกอัน

เลวร้ายแล่นเป็นริ้วเข้ามาในใจจนปวดหนึบ สิงหาหันไปมองอย่างเห็นใจ

เขาเอื้อมมือไปวางที่ไหล่แล้วบีบกระชับเพื่อให้กำลังใจ


“เราจะผ่านมันไปให้ได้นะวิน ไม่ว่าอดีตจะเลวร้ายเพียงใด เราจะลืมมันแล้วตั้งต้นใหม่

ด้วยความรักของเรา”


ดวงตาเศร้าสร้อยฉายแววซาบซึ้งเมื่อหันมาสบตา ธราเทพยิ้มให้สิงหา เขาวางมือทับ

ไปบนมือที่วางอยู่บนไหล่แล้วบีบเบาๆ เป็นการขอบคุณ

ดีแค่ไหนแล้วที่ความรักของเขากับสิงหาเข้าใจกันได้ ดีแค่ไหนที่เขาทั้งสองจะร่วมมือต่อสู้

ไปด้วยกัน

สิงหาคือสิ่งเติมเต็มให้ชีวิตของเขาสมบูรณ์


ขอแค่มีสิงหาอยู่เคียงข้างในทุกเช้าที่เขาลืมตาและยังมีชีวิตอยู่ ธราเทพก็ไม่ต้องการอะไร

มากกว่านี้อีกแล้ว

ลาก่อนนะ ร่างของฉัน

ธราเทพหันกลับไปมองโลงศพอีกครั้ง

ฉันจะทำในสิ่งที่นายต้องการแต่ทำไม่ได้ ฉันจะแก้ไขทั้งหมดแทนนาย ราโมส





สิงหาและคณะวางแผนตั้งต้นค้นหาวิหารงูอะโพรฟิสโดยการเริ่มจากการค้นหาบริเวณ

เขตเมืองเก่าก่อน แล้วจึงจะหาพิกัดของวิหารงูยักษ์ได้ เขาจึงเริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่ของ

วันรุ่งขึ้น เขาขับรถจี๊ปคันเก่งที่มีสมาชิกครบทีมออกไปจากโรงแรม โดยที่ไม่ทันมองว่า

ไกลออกไป มีรถยนต์กลางเก่ากลางใหม่ออกตัวขับตามไป ทิ้งระยะห่างให้ไม่เป็นที่สังเกต

ตลอดเส้นทาง

สิงหาขับรถอย่างชินทางมาจอดนิ่งอยู่จุดท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ที่ต้องเดินเท้าเข้าไปในทะเล

ทรายไม่ลึกนัก นักท่องเที่ยวเดินกางร่มให้เห็นประปราย บางคนก็นั่งอูฐให้คนในพื้นที่

จูงนำเที่ยวอย่างสนุกสนาน


“ที่นี่คือที่ไหนครับ”


ภูหิรัณย์เอ่ยถามอย่างแปลกใจในขณะที่ธราเทพก้าวไปตรงหน้า เบิ่งตามองอย่างตื่นตะลึง

เมื่อเป็นฝ่ายเอ่ยตอบแทนสิงหา


“นี่คือเขตเมืองเก่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองในสมัยของฟาโรห์เพตเทเมน”


หนุ่มน้อยทรุดตัวลงใช้เข่ายันพื้น ก่อนที่จะโน้มตัวลงไปจนหน้าผากแตะพื้นเป็นการเคารพ

และเมื่อธราเทพเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้ง น้ำตาก็ไหลริน เมืองที่เคยเจริญด้วยอารยธรรม

ที่อยู่ในความทรงจำ เมื่อกาลเวลาผันผ่านในตอนนี้เหลือแค่เพียงเสาต้นใหญ่กับอาคาร

ไม่กี่หลังที่ยังไม่ได้สูญสลาย เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ว่าไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน

สิงหาดึงต้นแขนของธราเทพให้ลุกขึ้นยืน เขาเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้จนหมด เขารอจน

ธราเทพทำใจได้กับภาพที่เห็น ระหว่างนั้นสิงหาจึงไปจัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมใช้


“เราจะตั้งต้นกันที่นี่ เพื่อตามหาจุดที่คาดว่าจะเป็นไปได้ของวิหารงูยักษ์ ขอให้เทพรา

ช่วยอำนวยพรให้เราพบด้วยเถอะ”


สิงหากล่าวก่อนที่จะเป็นผู้เดินนำตรงเข้าสู่ซากเมืองเก่า แล้วเริ่มต้นด้วยการวัดทิศทาง

ของซากที่เหลือด้วยเข็มทิศและไม้วัดมุม


“เอาล่ะ จากที่หาข้อมูลมาและจากการคำนวนทิศทางมาจนค่อนวันแล้ววินพอจะรื้อฟื้น

ความทรงจำได้ไหมว่าวิหารงูยักษ์น่ะ ไปทางไหน”


สิงหาเอ่ยถาม ถึงแม้ว่าเขาจะจำเรื่องราวในอดีตได้แม่นยำ แต่เรื่องอาณาเขตเขากลับ

จำเรื่องนี้ได้น้อยมาก จะเหลือก็แต่ธราเทพที่ต้องทำหน้าที่นี้

ธราเทพหลับตาลงช้าๆ ซากปรักหักพังค่อยๆ กลับกลายเป็นเมืองที่รุ่งเรืองอีกครั้งในสมอง

เสียงอึกทึกของผู้คนดังแว่ว เขาพยายามมองหาหนทางในทะเลทรายที่จะไปสู่วิหารงูอะโพรฟิสได้

นั่นไง ทางนั้น ธราเทพยิ้มอย่างยินดี เฉียงออกไปทางตะวันตกเฉียงใต้ เขาเห็นทางที่

เขาเคยหนีไปท่องเที่ยวกลางทะเลทรายจนไปเจอวิหารเก่าแก่ ดวงตาคู่หวานลืมขึ้นช้าๆ

ธราเทพกระพริบตาแล้วชี้เส้นทางที่จำได้ขึ้นใจ


“ทางนั้นครับ”


สิงหาดึงโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปเส้นทางที่ธราเทพชี้ไว้จนพอใจ ก่อนกล่าวชักชวนสมาชิก


“กลับกันก่อนเถอะ นี่ก็เกือบเย็นแล้ว พรุ่งนี้เราจะมาใหม่แล้วเราจะไปตามทางที่วินบอกไว้”


วาโยเห็นดีตามนั้นจึงพากันเดินกลับไปที่รถยนต์ แต่เมื่อใกล้จะถึงทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อ

มีรถยนต์อีกคันหนึ่งพุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ชายฉกรรจ์หุ่นยักษ์หน้าแขกกรูกันลงจากรถ

พุ่งความสนใจไปที่ธราเทพ คนหนึ่งปรี่เข้าไปคว้าตัวหนุ่มน้อยล็อคคอแล้วใช้ผ้าปิดปากปิดจมูก

สิงหามองอย่างตกใจแม้จะยังงงอยู่ แต่เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหวังที่จะช่วยธราเทพแต่ก็ต้องสู้กับคนที่เหลือ

วาโยกับภูหิรัณย์โดนซัดจนหมอบไปกับพื้น เหลือแค่สิงหาเพียงคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่

ธราเทพที่พยายามดิ้นรนเมื่อเจอสารอะไรบางอย่างที่ใส่มาในผ้า ร่างบางก็อ่อนแรงลงจนสิ้นสติ

คอพับไปกับร่างกำยำที่ลากเขาเข้าไปในรถ


“วิน พวกมึงจะทำอะไร ปล่อยวินนะโว้ย”


สิงหาใจหาย เขาพยายามต่อสู้แต่ด้วยพวกที่มีมากกว่า สิงหาก็ถูกอัดเข้าที่ลิ้นปี่

จนล้มลงกองกับพื้น

เขาได้แต่มองตามรถยนต์คันนั้นที่ขับตรงเข้าไปกลางทะเลทรายอย่างเจ็บใจ









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2015 17:10:39 โดย Belove »

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :serius2: เหมือนโดนสิบล้อชนดังตูม แล้วก็เคว้งกลางอากาศ

แบบว่า หักเหลี่ยมกันหลายมุมมากอ่ะ แล้วตกลง ราโมสตายเพราะใครอ่ะ ?

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6
ใครจับตัววินไปหนิ :katai1:

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
ก้อยกะอานั่น ต้องเป็นสักคนในอดีต

มีอีกกี่ตอน อีกชมต่อตอน รอๆๆๆๆ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ก้อยเป็นฮาอัส  อาเป็นราบีอา   :serius2:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove




คำสาปร้าย พ่ายรัก

บทที่ 31


ธราเทพปรือตาช้าๆ แล้วจึงกระพริบถี่จนปรับตัวให้คุ้นกับแสงสลัวเลือนราง

ก่อนที่จะเบิกกว้างพร้อมผวาลุกนั่งอย่างตกใจเมื่อจำเหตุการณ์ได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น


ดวงตาเรียวมองโดยรอบก็ไม่เห็นอย่างอื่นนอกจากตนเองอยู่ในกระโจมเล็ก

ที่ตั้งอยู่บนพื้นทรายละเอียด ตัวของเขานอนอยู่บนผืนผ้าทอหนาที่ช่วยปกป้องมิให้ฝุ่นทราย

เข้ามาระคายเคืองเนื้อตัว คบไฟด้านนอกทำให้ภายในกระโจมมีเพียงแสงสลัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


ธราเทพพยายามที่จะดันตัวลุกนั่งแต่เขาก็ทำไม่ได้ เมื่อมองสำรวจตัวเองจึงได้รู้ว่ามือของเขา

ถูกผูกมัดติดกันแน่น หนุ่มน้อยสบถลั่น พยายามเอียงตัวแล้วลุกนั่งอย่างยากลำบาก

ก่อนที่จะสะดุ้งอย่างตกใจเมื่อรอยแยกของกระโจมถูกแหวกออก พร้อมด้วยชายหน้าแขก

สูงใหญ่จะก้าวเข้ามาจ้องหน้าเขาด้วยดวงตาถมึงทึง


ยังไม่ทันหายตกใจธราเทพก็ต้องรู้สึกแปลกใจเพิ่มมาอีกอย่าง เมื่อคนที่ก้าวตามหลัง

ผู้ชายคนนี้เข้ามากลับกลายเป็น วริษฐา ที่เป็นเพื่อนของเขา


“ไอ้ก้อย”


เสียงอุทานหลุดออกมา ทำให้วริษฐาที่ยืนมองด้วยใบหน้าเรียบเฉยเชิดหน้าขึ้น

เมื่อจ้องมองธราเทพ


ทำไมจะต้องหลงรักผู้ชายคนนี้ด้วย วริษฐาก็ไม่เข้าใจตัวเอง หล่อนแอบหลงรักธราเทพ

ตั้งแต่วันแรกที่เจอ ความรักนั้นรุนแรงเหมือนไม่ใช่ความรู้สึกของคนที่เพิ่งพบเจอกัน

แต่มันเหมือนหญิงสาวเคยพบเคยรู้จักธราเทพมาแสนนาน  วริษฐาดีใจที่ธราเทพไม่ได้มี

ทีท่าจะรักชอบใครเป็นพิเศษ ในฐานะเพื่อนหญิงสาวยังเป็นอันดับหนึ่งที่ธราเทพ

ให้ความสนิทสนม ทั้งที่มีผู้หญิงมากหน้าหลายตาอยากได้โอกาสนั้น แต่ธราเทพก็ยังไม่มีสายตา

มองใคร จนกระทั่งสิงหาก้าวเข้ามา


หญิงสาวไม่ชอบสายตาของสิงหาตั้งแต่แวบแรก สายตาที่ทำให้ธราเทพตกหลุมเสน่ห์

ในตอนแรกวริษฐาก็ไม่มั่นใจแต่เมื่อลอบสังเกตบ่อยครั้งเข้าหญิงสาวก็เริ่มมั่นใจมากขึ้น


น่าแปลกทั้งที่รู้ว่าธราเทพรักอยู่กับสิงหาแต่วริษฐากลับไม่นึกรังเกียจ มีแต่ความรู้สึก

ที่ต้องการช่วงชิงธราเทพให้หันความสนใจมาทางหล่อนบ้าง ที่นึกเกลียดเข้าไส้ก็คงจะเป็น

สิงหามากกว่าที่มาแย่งชิงสิ่งที่หล่อนรัก เกลียดจนถึงกับวางแผนให้นั่งร้านที่ปิรามิดล้มทับนั่นแหละ

หรือแม้แต่ที่พาตัวเองเข้าไปใกล้ชิด ยอมเสียศักดิ์ศรีถึงขั้นดึงมาบดเบียดริมฝีปาก

แต่ถึงกระนั้นธราเทพเองก็ยังไม่สนใจจนหล่อนเริ่มน้อยใจ   


“ฉันเอง แปลกใจมากเหรอ”


หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้แล้วทรุดตัวลงนั่งประจัญหน้า สายตาเต็มไปด้วยความรักที่คับแน่น

อยู่ในอกเนิ่นนาน


“แกทำแบบนี้ทำไมก้อย”


ธราเทพเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจที่เพื่อนทำสิ่งที่รุนแรงลงไป


“ก็ถ้าไม่ทำแบบนี้แกจะมีสายตามองฉันบ้างไหม”


น้ำเสียงตัดพ้อทำให้ธราเทพอึ้ง ความรักทำให้วริษฐาทำได้ถึงขนาดนี้ เขาสงสารเพื่อนจับใจ

แต่ก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรเพราะหัวใจของเขามีแต่สิงหา


“ถึงแกทำแบบนี้ฉันก็รักแกเกินคำว่าเพื่อนไม่ได้หรอกนะ”


“แต่ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนแก ฉันอยากเป็นมากกว่านั้น”


วริษฐาเอื้อมมือไปลูบไล้ที่ท่อนแขนของธราเทพอย่างหลงใหล ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าธราเทพ

ไม่เคยคิดอะไรกับหล่อนเกินเพื่อน แต่วริษฐาทำใจไม่ได้ หล่อนพร้อมจะทำทุกอย่างให้ได้

ครอบครองธราเทพ จนโอกาสเหมาะที่อัคนีผู้เป็นอาต้องการเดินทางมาที่อียิปต์เพื่อเฝ้ามองสิงหา

หล่อนจึงรบเร้าให้อัคนีพามาด้วย และที่นี่เหมือนเป็นบ้านอีกหลังที่วริษฐาคุ้นเคย

แถมเมื่อว่างจากการทำงานที่ปิรามิด หญิงสาวเดินทางท่องเที่ยวจนพบกับชาวเบดูอินเร่ร่อน

กลุ่มหนึ่งกลางทะเลทราย หญิงสาวจึงผูกมิตรไว้ ด้วยอะไรไม่รู้แต่ชาวเบดูอินเหล่านั้น

ให้ความเคารพนับถือราวกับหญิงสาวเป็นเจ้านายคนหนึ่งจนวริษฐาเองยังแปลกใจ


“ออกไปก่อน”


วริษฐาส่งเสียงเป็นภาษาอียิปต์ให้ชายหน้าแขกออกไปจากกระโจม เหลือแค่หญิงสาว

กับธราเทพเพียงลำพัง


“วิน เรารักวินจริงๆนะ ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน มันเหมือนวินเกิดมาเพื่อเรา

วินสนใจเราบ้างจะได้ไหม เราเคยคิดอยากจะตัดใจคิดว่าวินเป็นเพื่อนจริงๆ แต่เราทำไม่ได้”


วริษฐาช้อนตาขึ้นมองสบตา เมื่อธราเทพจ้องตาตอบก็เหมือนถูกดึงให้มองลึกเข้าไปจนถึง

รากลึกในจิตวิญญาณผ่านดวงตาคู่นั้น   


ธราเทพหนาวยะเยือกจนขนที่คอลุกชัน กับภาพที่มีเข้ามาในความรับรู้

แม้ร่างกายเบื้องหน้าจะเป็นหญิงสาวอย่างวริษฐาแต่จิตวิญญาณที่ปรากฎให้เขารู้ได้นั้น

กลับเป็นคนที่เขาคุ้นเคยยิ่งนัก


“ฮาอัส”


ธราเทพมีความรู้สึกเหมือนตัวเองตะโกนก้องด้วยความตกใจ แต่จริงๆแล้วมันเป็น

แค่คำรำพึงที่หลุดมาอยู่แค่ริมฝีปากพร้อมกับดวงตาคู่สวยที่เบิกกว้าง นี่เองหรือที่หลวงพ่อ

เคยบอกให้มองที่ตาแล้วจะรู้ถึงสิ่งที่ซ่อนลึกอยู่ในจิตใจ วันนี้เขาเข้าใจแล้ว

และยิ่งกังวลขึ้นมาจับใจ คนที่เขาไม่อยากเจอที่สุดกลับอยู่ใกล้เขามาตลอดถึงสองปี


วริษฐาคือฮาอัส!


แต่อย่างน้อยก็ไม่มีวี่แววว่าวริษฐาจะระลึกชาติได้เหมือนเขาและสิงหา นี่คือสิ่งที่ทำให้

ธราเทพยังใจชื้น

ขึ้นมาได้บ้าง เขาไม่คิดว่าวริษฐาจะเลวจนแก้ไขไม่ได้เหมือนในชาติที่แล้ว


“จะพร่ำรำพันกันอีกนานไหม แกคิดจะทำอะไรต่อ ฮึ ก้อย”


เสียงด็อกเตอร์อัคนีดังขึ้นที่หน้ากระโจมแล้วจึงก้าวเข้ามายืนมองธราเทพด้วยหางตา


“จับตัวมันมาแล้ว แล้วจะเอายังไงต่อ ทำเหมือนกับว่าไอ้หมอนี่มันจะยอมนอนกับแกง่ายๆ”


“อาอัคนี”


วริษฐาตวาดจนคนเป็นอาต้องมองอย่างไม่สบอารมณ์เช่นกัน


“หนูบอกแล้วว่าอย่ามายุ่งถ้าไม่คิดจะช่วย เชิญอางมโข่งอยู่กับการหลงรักพี่สิงห์ต่อไปเถอะ”


ธราเทพเบิกตากว้าง นี่เป็นสิ่งใหม่ที่เขาเพิ่งรับรู้ อัคนีหลงรักสิงหา ข้อสงสัยที่อัคนีขัดขวาง

การเดินทางมาอียิปต์ของเขาก็เป็นสิ่งที่ธราเทพเข้าใจได้ทันที

อัคนีก้าวยาวๆ มาคว้าแขนวริษฐาแล้วกระชากขึ้นมา ส่งเสียงดังใส่ตอบโต้


“อย่างไรฉันก็เป็นอาของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบหน้า ให้ความเคารพกันหน่อยนะวริษฐา”


วริษฐาสะบัดแขนหนีเชิดหน้าใส่ แต่ยังไม่ทันจะก้าวอะไรมากไปกว่านั้นก็ได้ยินเสียงเอะอะ

อยู่ด้านนอกก่อนที่ทางเข้ากระโจมจะถูกเปิดให้กว้างแล้วชายร่างสูงในชุดคลุมแบบชาวทะเลทราย

จะก้าวตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ทั้งวริษฐาและอัคนีเบิกตากว้างอย่างตกใจกับบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของชนเผ่าเร่ร่อน

ชายผู้ปิดบังใบหน้าเหลือแต่ตาดุมองกราด แล้วหันไปออกคำสั่งบางอย่างให้ลูกน้อง

ที่อยู่ด้านนอก กรูเข้ามายึดตัววริษฐาและอัคนีไว้และลากตัวไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว

ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้น ธราเทพก็ต้องยิ้มอย่างดีใจเมื่อคนที่ก้าวตามเข้ามาแล้วโผกอดเขาไว้

คือสิงหานั่นเอง


“พี่สิงห์”


“เป็นอะไรมากหรือเปล่า”


สิงหาดึงเชือกที่มัดข้อมือของธราเทพออก แล้วช่วยพยุงให้ลุกขึ้นจูงมือมาหาชายที่สวมชุดคลุม

ตรงหน้า


“นี่คือ ชีคฮัสเซน จ้าวแห่งทะเลทรายในแถบนี้ เขาเป็นเพื่อนพี่เองเรารู้จักกันตอนเรียน

มหาวิทยาลัย”


ธราเทพค้อมศีรษะแล้วกล่าวทักทายเป็นภาษาอังกฤษ ชีคฮัสเซนดึงผ้าที่ปิดใบหน้าออกแล้ว

คลี่ยิ้มคืนมา

แปลกที่ชีคฮัสเซนรู้สึกว่าหนุ่มน้อยหน้าหวานตรงหน้ามีสง่าราศีเกินกว่าคนธรรมดา

กลายเป็นเขาที่ต้องค้อมศีรษะกลับอย่างเคารพ


“ดีที่เป็นเบดูอินกลุ่มนี้ มันอยู่ในการดูแลของเรา มิเช่นนั้นเพื่อนอาจจะเสียเวลาตามหาอีกนาน”


ชีคฮัสเซนหันไปกล่าวกับสิงหาเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้ธราเทพเข้าใจด้วย


“แล้วจะทำอย่างไรกับคนที่จับคนรักของเพื่อนมา”


“เราควรจะส่งตำรวจเพื่อแจ้งความเรื่องทำร้ายร่างกายและเรียกค่าไถ่”


ชีคฮัสเซนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับประโยคที่สิงหากล่าว แต่ธราเทพกลับคว้าแขนของสิงหาไว้

พร้อมกับมองอย่างขอร้อง


“อย่าเลยครับพี่สิงห์ ถึงอย่างไรไอ้ก้อยก็เป็นเพื่อนผม แล้วผมก็รู้สาเหตุที่แท้จริงแล้ว”


สิงหามองธราเทพอย่างไม่เข้าใจ วริษฐาและอัคนีก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ธนทัตยังยอมปล่อยไว้


“สาเหตุอะไรวิน ถ้าไม่มีเหตุผลพอพี่ไม่ยอมหรอกนะ”


ดวงตาคู่สวยของธราเทพยืนยันเมื่อเขากล่าวอย่างมั่นใจ


“ก้อยคือฮาอัสครับ แล้วที่เราไม่ควรแจ้งตำรวจเพราะเราต้องใช้ก้อยท่องมนต์ปลดปล่อยท่านพ่อ”



ธราเทพเชื่อว่าเขาจะกล่อมวริษฐาได้ เขายังเชื่ออีกว่าคนเราไม่จำเป็นต้องอุปนิสัยเหมือน

ชาติที่แล้วเสมอไป ขึ้นอยู่กับบุญกรรมและการสั่งสอนต่างหาก

เขาขอพูดคุยกับวริษฐาตามลำพัง ชีคฮัสเซนจึงจัดให้เข้าไปในกระโจมที่วริษฐาถูกมัดติดกับเก้าอี้

ดวงตาแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาหลายรอบ

ธราเทพยกเก้าอี้มาวางประจันหน้า เขามองเพื่อนด้วยสายตาอ่อนโยนอย่างที่เคยเป็นและกุมมือ

วริษฐาไว้แต่หญิงสาวยังมีทิฐิมานะเกาะกุมในใจจึงได้แต่เบือนหน้าหนี


“หัวใจมันบังคับกันไม่ได้ ถ้าไม่งั้นฉันคงตอบรับรักแกไปนานแล้วไอ้ก้อย”


ธราเทพถอนหายใจ


“หัวใจบังคับไม่ได้ แต่สมองเราแยกแยะได้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ

ฉันรู้ว่าแกรู้นะว่าไอ้สิ่งที่ทำลงไปมันไม่สามารถเปลี่ยนใจฉันได้หรอก”


วริษฐาน้ำตาไหล


“ฉันแค่อยากให้แกมองฉันบ้าง เท่านั้นเองวิน”


“ฉันก็มองแกอยู่ทุกวันนะ เพียงแต่มันไม่ใช่ในฐานะแฟน ฉันเห็นแกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด

ถ้าแกกับฉันเป็นแฟนกัน เราอาจจะมีแง่งอนโกรธเคืองและอาจจะเลิกรากันในสักวัน

แต่ความเป็นเพื่อน อีกสิบปียี่สิบปีแกก็จะยังเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากมันไม่ดีกว่ากันหรือก้อย”


หญิงสาวสะอื้นจนธราเทพต้องเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้วริษฐาได้แต่เอียงศีรษะมาซบลงที่บ่า

ของธราเทพ


“ยังไงก็ไม่มีทางใช่ไหมวิน ไม่มีทางที่แกจะรักฉันเลยไม่ว่าจะชาติไหนๆ ฉันยอมยอมแล้วก็ได้”


ธราเทพยิ้มได้เมื่อวริษฐาเข้าใจ เขาดึงเชือกที่พันธนาการร่างของหญิงสาวออก

แล้วจูงมือวริษฐาออกไปนอกกระโจมที่มีสิงหารออยู่

หญิงสาวหยุดยืนคอตกต่อหน้าสิงหา วริษฐายกมือป้ายน้ำตาก่อนตัดสินใจพูดออกไป


“พี่สิงห์ ก้อยขอโทษ”


สิงหาอึ้งอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะยกมือวางบนศีรษะวริษฐาเพื่อบอกให้รู้ว่าเขาให้อภัย

อัคนีที่นั่งมองอยู่ถึงกับเบ้ปากอย่างหมั่นไส้


“เข้าใจกันหมดแล้วก็กลับกันได้แล้วมั้ง แฮปปี้เอนดิ้งซะขนาดนี้”


อัคนีประชด ธราเทพหันไปยิ้มอ่อนโยนให้


“ยังกลับไม่ได้หรอกครับ ผมต้องให้ก้อยช่วยอะไรบางอย่างก่อน”


วริษฐาหันไปมองหน้าธราเทพงงๆ


“แกจะให้ฉันช่วยอะไร”


สิงหาเป็นฝ่ายตอบแทนธราเทพ


“ช่วยท่องมนต์ปลดปล่อยวิญญาณกษัตริย์เพทเตเมน”





ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

คำสาปร้าย พ่ายรัก

บทที่32


รถจี๊ปสมบุกสมบันสภาพเหมาะกับการขับเคลื่อนบนพื้นทรายของชีคฮัสเซน

ขับตามกันมาสองคันเพื่อพาสมาชิกที่ประกอบด้วย สิงหา ธราเทพ และวริษฐา

เดินทางไปสู่วิหารร้างตามที่ธราเทพได้บอกทางให้ชีคฮัสเซนทราบ

วาโยและภูหิรัณย์ไม่ได้มาด้วยเพราะสิงหาให้ทั้งสองคนไปติดต่อเรื่องการเดินทาง

กลับประเทศไทย


เมื่อธราเทพเล่าถึงเส้นทางที่อยู่ในความทรงจำให้ชีคฮัสเซนฟัง ผู้เป็นเจ้าของถิ่น

ยังไม่แน่ใจว่าจะมีวิหารร้างที่กล่าวมาหรือเปล่า เพราะกาลเวลาที่ผ่านไปเป็นพันๆ ปี

ทำให้อะไรก็เกิดขึ้นได้


“หยุดก่อนครับ”


ธราเทพส่งเสียงเมื่อเดินทางมาจนเกือบค่ำ ชึคฮัสเซนสั่งให้คนขับรถหยุดรถ

แล้วทั้งหมดก็ก้าวลงมายืนบิดกายอย่างเมื่อยขบด้านล่าง


“แน่ใจหรือเปล่าว่าเป็นบริเวณนี้”


สิงหาหันมาถามธราเทพเพื่อความแน่ใจ หนุ่มน้อยหันไปมองรอบๆ

แล้วหลับตาลงเพื่อให้สัญญาณในอดีตทำงาน ก่อนที่จะลืมตามาพยักหน้าอย่างมั่นใจ

สิงหาหันไปปรึกษากับชีคฮัสเซนแล้วจึงตกลงกันว่าควรจะตั้งกระโจมไว้ก่อน

เพื่อรอให้ราตรีมาเยือนจึงจะค้นหาวิหารร้างตามคัมภีร์เก่าแก่ที่ธราเทพได้มา

เมื่อตกลงกันได้ดังนั้นชีคฮัสเซนจึงสั่งให้ลูกน้องตั้งกระโจมเล็กๆ และจุดคบไฟพักผ่อนเก็บแรง


สิงหาเดินมาทรุดนั่งใกล้กับธราเทพแล้วยื่นห่ออาหารให้ สายตาที่มองมาทางหนุ่มน้อย

มีแต่ความห่วงใยอาทร


“มีแต่อาหารแห้งของพวกเบดูอินที่ชีคฮัสเซนเตรียมมา กินได้ไหมวิน”


ธราเทพยิ้มกระจ่างพลางเอื้อมมือไปรับห่ออาหารจากมือสิงหา


“ได้สิครับ ผมน่ะเด็กวัดนะพี่สิงห์ ถ้าไม่กินง่ายอยู่ง่ายก็ตายไปนานแล้ว”


สิงหายิ้มรับ เขาเอื้อมมือไปวางที่ศีรษะของคนรักอย่างเห็นใจในชะตากรรมของธราเทพ

เมื่อได้พบกันแล้วเขาสัญญากับตัวเองว่า เขาจะดูแลและมอบความสุขทดแทนให้

ธราเทพเท่าที่เขาจะทำได้


วริษฐาเห็นความใกล้ชิดของสิงหาและธราเทพแล้ว หญิงสาวก็ได้แต่ก้มหน้าทอดถอนใจ

จนกระทั่งรู้สึกถึงใครบางคนที่ทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ แล้วยื่นกระติกน้ำมาให้

วริษฐาหันไปมองจึงได้สบตากับชีคฮัสเซนที่มองมาอยู่แล้ว


“กินแต่อาหารไม่กินน้ำ เดี๋ยวก็ติดคอหรอก หรือว่าจะกินน้ำตาแทนน้ำ”


ชายหนุ่มร่างสูงที่วันนี้สวมชุดธรรมดาแทนที่จะเป็นผ้าคลุมอย่างอิสลาม

ทำให้ดูแปลกตาบ่นเป็นภาษาอียิปต์ เมื่อเห็นหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มนั่งอยู่คนเดียว

ด้วยท่าทางซึมเศร้า


“เราจะกินอะไรก็เรื่องของเรา”


วริษฐาชักสีหน้าตอบโต้ด้วยภาษาเดียวกัน ทำให้ชีคฮัสเซนถึงกับเลิกคิ้วมอง

ด้วยความแปลกใจ


“คุณพูดภาษาของเราได้ดีพอใช้เลยนะ มันทำให้ผมประหลาดใจมาก”


หญิงสาวไม่ตอบ แต่ก็ยอมรับกระติกน้ำจากชีคฮัสเซนมาวางไว้ข้างตัว


“ขอบคุณสำหรับน้ำดื่มและน้ำใจของคุณ”


วริษฐากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้นเมื่อชีคฮัสเซนมาอย่างเป็นมิตร เจ้าถิ่นเหลือบมอง

อย่างนึกทึ่ง ทั้งที่ต้องเดินทางอย่างสมบุกสมบันแต่หญิงไทยคนนี้ก็ไม่ได้บ่นอะไรให้ฟัง

แม้แต่คำเดียวแถมยังต้องมาทนมองคนที่หลงรักอย่างหมดหวัง มันทำให้ชีคหนุ่ม

เห็นใจไม่น้อย


“รักเขามากเลยหรือ พ่อหนุ่มน้อยคนนั้น”


ชีคฮัสเซนพยักเพยิดไปทางธราเทพคนรักของเพื่อนของเขา ถึงแม้จะเป็นอิสลาม

แต่เพราะการที่ได้ไปเรียนจากต่างประเทศทำให้ชีคฮัสเซนทันสมัยพอที่จะยอมรับ

ความรักระหว่างเพศเดียวกันได้


“ใช่ รักมากแล้วก็กำลังเจ็บมากด้วย แล้วนี่คุณจะมาตอกย้ำกันทำไม”


หญิงสาวเสียงขุ่น ส่งค้อนให้ชีคหนุ่มอย่างหมั่นไส้ ชีคฮัสเซนคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็น

กิริยานั้น


“ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะตอกย้ำคุณนะ แค่ผมไม่เคยมีความรักเลยไม่รู้ว่าความเจ็บปวด

จากความรักมันเป็นไง”

วริษฐาหันหน้าไปมองชีคฮัสเซนเต็มตา ชีคหนุ่มเชื้อชาติแขกขาวคิ้วเข้มมีไรหนวดสีเขียว

ครึ้มใต้คาง ดูดีจนเกินกว่าคำว่าไม่เคยมีความรัก วริษฐาฝืนยิ้มให้เขา


“ถ้าคุณคิดว่าฉันจะบอกให้คุณมีความรักล่ะก็ คุณคิดผิด ฉันแค่จะบอกคุณว่าไม่มีความรักน่ะ

ดีแล้วจะได้ไม่ต้องพบเจอคำว่าผิดหวัง”




ผืนฟ้ากลายเป็นสีดำเมื่อดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าเหลือไว้เพียงดวงดาวที่ยังทอแสงริบหรี่

กับความเงียบในยามรัตติกาล

ธราเทพที่มีสิงหายืนเคียงข้างมองวริษฐาอย่างให้กำลังใจแล้วเขาก็ส่งคัมภีร์โบราณ

ให้คนเป็นเพื่อน วริษฐาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เมื่อรับมา หญิงสาวมองคัมภีร์เก่าแก่

อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพลิกเปิดอย่างคุ้นเคยทั้งที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก


เมื่อเพ่งมองตัวอักษรเฮโลกริฟฟิคแบบโบราณอยู่ครู่หนึ่ง วริษฐาจึงได้หลับตาลง

แล้วท่องมนต์แผ่วเบาท่ามกลางความเงียบสงัด บังเกิดเสียงลมพัดอื้ออึงหอบเอาเม็ดทราย

พัดกระจายอยู่ในอากาศ ชีคฮัสเซนและลูกน้องเบิกตากว้างเมื่อภาพดังกล่าว

ยิ่งวริษฐายืนหลับตานิ่งทั้งที่ริมฝีปากขยับท่องมนต์รัว พายุทรายยิ่งพัดโหมอยู่ตรงหน้า

จนคล้ายพายุเฮอริเคนที่ดูดทุกอย่างขึ้นไปสู่ความว่างเปล่า


ธราเทพมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ เมื่อพายุดูดทรายขึ้นไปเบื้องลึกที่อยู่ภายใต้

การปกคลุมจากทะเลทรายมากว่าพันปีก็พลันปรากฎขึ้นลึกลงใต้ผืนดิน

วิหารหินเก่าแก่อยู่ลึกลงไปกว่าระดับสายตา ไม่มีรูปปั้นหินที่สลักเป็นรูปปั้นงูยักษ์อีกแล้ว

อาจจะเกิดจากการพังทลายหรือการโจรกรรม เนื้อหินของผนังวิหารถูกกัดเซาะจนมองแทบ

ไม่ออกถึงรูปทรงดั้งเดิม สิงหาและธราเทพมองไปทางวริษฐา เมื่อหญิงสาวลืมตาขึ้นมา

แล้วจ้องไปที่วิหารร้างผุพัง แล้วจึงก้มไปมองที่คัมภีร์ในมือเพื่อพลิกไปที่แผ่นที่ต้องการ

วริษฐามองไปทางธราเทพอีกครั้ง


“ฉันจะทำเพื่อแกนะวิน”


หญิงสาวก้มหน้าไปมองที่คัมภีร์อีกครั้งแล้วจึงท่องบริกรรมบทสวด

วริษฐาอ่านมันได้คล่องแคล่วราวกับเป็นภาษาของตัวเอง ก่อนที่ทุกคนจะมองหน้ากัน

ด้วยความอัศจรรย์เมื่อท้องฟ้ามืดมิดเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานราวกับโลหิตมาทาทาบ

ลมพายุที่เงียบลงเริ่มก่อตัวพัดหมุนวนโดยรอบวิหารจนเม็ดทรายลอยละล่องเป็นม่าน

ปกคลุมเกือบมองไม่เห็น


อยู่ๆ ทุกคนก็สะดุ้งเมื่อเกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาจากวิหารร้าง ก่อเกิดเป็นควันสีขาวจางๆ

ลอยขึ้นมาเกาะกันเป็นกลุ่มควันหนาอยู่เหนือวิหาร ธราเทพเบิกตากว้างจ้องกลุ่มควันนั้น

พลางหยาดน้ำเอ่อท้นดวงตา


“ท่านพ่อ”


ราวกับกลุ่มควันนั้นจะมองเห็น เมื่อปรากฎเป็นรูปร่างคล้ายกับใบหน้าของมนุษย์ที่ยิ้มแย้ม

สิงหามองกลุ่มควันนั้นอย่างภักดีเมื่อเขายอบตัวลงคำนับแด่ฟาโรห์เพทเตเมน

วริษฐาเองก็น้ำตาคลอ หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งจ้องมองกลุ่มควันตรงหน้า


“อโหสิกรรมให้หนูด้วยนะคะ”


กลุ่มควันหนาเริ่มจางหายตามแรงลมกลายเป็นแค่ไอบางที่ล่องลอยมาทางธราเทพ

เพื่อมาแตะไล้อยู่ตามเนื้อตัวของเขาก่อนที่จะกระจายตัวไปจนหมดสิ้น

สิงหาลุกขึ้นยืนแล้วเอื้อมมือไปโอบบ่าที่ไหวลู่เข้ามาใกล้เป็นการปลอบโยน


เหตุการณ์ยังไม่จบสิ้นเมื่อเกิดประกายไฟขึ้นมาในวิหารเก่าแก่ มันปะทุขึ้นมา

อย่างรวดเร็วแล้วพุ่งวาบออกมา ระเบิดจนวิหารร้างแตกกระจาย ชึคฮัสเซนที่ยืนอยู่ใกล้

วริษฐาถึงกับต้องกระโจนใช้ร่างเข้าบดบังเศษหินมิให้เป็นอันตรายต่อหญิงสาว

สิงหาเองก็ต้องดึงตัวธราเทพให้พ้นออกมาเช่นกัน


ทุกอย่างหยุดนิ่งเพื่อรอความสงบกลับมาอีกครั้ง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงได้กลับ

เข้าสู่ภาวะปกติ


วริษฐาผลักชีคฮัสเซนออกไปอย่างขัดเขิน พลางเดินไปมองเศษหินที่พังทลาย

จากแรงระเบิดของวิหารร้าง


สิงหาดึงธราเทพเข้ามากอด

จบสิ้นกันเสียที วิหารพญางู





รถแท็กซี่วิ่งรับผู้โดยสารจากสนามบินสุวรรณภูมิแล่นมาจอดที่ริมถนน

ในยามบ่ายอันร้อนระอุ


“ทำไมไม่ให้แท็กซี่ขับเข้าไปในวัดเลยล่ะวิน”

วินถามพลางจ่ายเงินให้คนขับ


“อย่าเลยครับพี่สิงห์ ซอยเข้าวัดมันเล็ก พี่คนขับจะกลับรถลำบากเปล่าๆ”


ธราเทพยิ้มอย่างแจ่มใสเมื่อได้กลับมาที่วัดหลังจากที่จากไปนานเกือบสามเดือน

ก่อนที่จะก้าวลงจากรถเดินไปที่ด้านหลังเพื่อขนกระเป๋าเดินทางลง


เขาคิดถึงหลวงพ่อ อยากที่จะเข้าไปกราบแทบเท้าด้วยความเคารพ

สิงหามองใบหน้าอันสดใสนั้นอย่างเอ็นดูเมื่อก้าวไปช่วยยกกระเป๋าลงมา


อุปสรรคความรักของเขากับธราเทพหมดสิ้นลงแล้ว หลังจากที่ต้องฝ่าฟันทั้งความโกรธแค้น

ชิงชัง ความเข้าใจผิดต่างๆ ต่อจากนี้เขาคงจะมีความสุขกับหนุ่มน้อยตรงหน้าเสียที


ธราเทพเองก็มองสิงหาด้วยดวงตาสว่างใส เขาเองก็ไม่นึกว่าจะมีวันนี้

แต่ทุกอย่างก็ลงเอยได้เสียที หนุ่มน้อยยิ้มแย้มเมื่อดึงที่ลากกระเป๋าตามเมื่อกลับหลัง

เพื่อเดินข้ามถนน



โครม !!


สิงหาสะดุ้งสุดตัวกับเสียงดังสนั่นที่เกิดขึ้นใกล้ตัว เขารีบหันขวับไปมองด้วยความสังหรณ์ใจ

ก่อนที่หัวใจของเขาจะหล่นวูบไปกองแทบเท้า


“วิน!”


สิงหาแทบช็อคกับภาพตรงหน้า หนุ่มน้อยเจ้าของหัวใจของเขานอนนิ่งอยู่บนพื้นถนน

ในขณะที่รถยนต์คันหนึ่งจอดนิ่งสนิทอยู่ใกล้กัน  โลหิตแดงฉานไหลรินลงเปื้อนพื้นคอนกรีตร้อน


“ผมไม่รู้เรื่องนะ อยู่ๆ เบรคมันก็ไม่ทำงาน”


คนขับรถที่รีบลงมาดูเหตุการณ์ร้องลั่น สิงหาผวาเข้ากอดร่างที่ไม่ได้สติแล้ว

ตะโกนลั่นแทบขาดใจ





สิงหานั่งเหม่ออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเลือด

ดวงตาของเขาแห้งผากเมื่อวาโยและภูหิรัณย์ที่เพิ่งแยกกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ

วิ่งเข้ามาหา ติดตามมาด้วยวริษฐา


“เกิดอะไรขี้นกับวินคะ พี่สิงห์”


หญิงสาวถามด้วยความตระหนก สิงหาจึงได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ทุกคนตกใจ

กับสิ่งที่เกิดขึ้น ต่างพากันนิ่งเงียบจนกระทั่งร่างท้วมในจีวรสีเหลืองเดินเข้ามา

ภูหิรัณย์เป็นคนแรกที่เห็น เขายกมือไหว้แล้วจึงกล่าวกับทุกคน


“หลวงพ่อสมานครับ หลวงพ่อที่เลี้ยงไอ้วินมาตั้งแต่เกิด”


สิงหาเงยหน้าขึ้น เขาลุกขึ้นยืนแล้วยกมือไหว้ จนเมื่อสบตากับแววตาที่เปี่ยม

ไปด้วยความปรานีสิงหาก็ชะงัก ดวงตาของผู้ทรงศีลนั้นช่างคุ้นเคยอย่างประหลาด

เขาจ้องลึกลงไป จนกระทั่ง...


“พ่อ”


สิงหาขนลุกไปทั่วร่างเมื่อจำสัญญาณในอดีตได้ ภาพชายกลางคนที่ตายในอ้อมแขน

ของเขาซ้อนทับอยู่บนใบหน้าของพระภิกษุชรา ชายหนุ่มมองร่างในจีวรอย่างตื้นตัน

เมื่อทรุดตัวก้มลงไปกราบแทบเท้า  หลวงพ่อสมานจึงเอื้อมมือมาลูบที่ศีรษะของเขา


“พบเจอกันเสียทีนะ”


“ผมทำสำเร็จแล้วนะครับ ผมได้ปลดปล่อยวิญญาณของฟาโรห์ตามที่ได้สัญญาไว้”


สิงหาพึมพำก่อนที่จะลุกขึ้นมาสบตากับหลวงพ่อสมานอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่จะพูดคุยกัน

มากไปกว่านั้น แพทย์เวรที่ประจำการอยู่ห้องฉุกเฉินก็เปิดประตูออกมา

แล้วมาหยุดยืนต่อหน้าสิงหา


“เท่าที่ตรวจร่างกาย ผู้ป่วยบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นครับ ไม่มีกระดูกส่วนไหนหัก

หรืออวัยวะภายในฉีกขาด สมองก็ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนมีแค่ศีรษะแตก

ซึ่งผมก็เย็บแผลให้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมผู้ป่วยจึงไม่ฟื้นจากการสลบ”



ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


คำสาปร้าย พ่ายรัก

บทที่ 33


ร่างที่บอบบางอยู่แล้วยิ่งผ่ายผอมลงไปอีกเมื่อได้แต่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง

ในห้องพักของโรงพยาบาลเอกชน ร่างกายของธราเทพดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยสายอาหาร

ที่สอดไว้ทางจมูกเพื่อที่จะให้พยาบาลได้เข้ามาให้อาหารเหลวตามเวลา

สิงหาที่ไม่เป็นอันทำงานเมื่อคอยแต่กังวลเรื่องของหนุ่มน้อยก็พลอยซูบซีดไปด้วยเมื่อเขาเองก็ไม่มีกำลังใจ


“ร่างกายเป็นปกติทุกอย่างครับ แต่ทำไมคนไข้ไม่ฟื้นขึ้นมาผมก็ไม่แน่ใจ

ทั้งที่ผมก็ตรวจอย่างละเอียดด้วยทุกระบบที่โรงพยาบาลเรามี แต่ทำอย่างไรคุณธราเทพ

ก็ไม่ตื่นขึ้นมา สภาพเขาเหมือนคนที่กำลังหลับสนิทตลอดเวลา”


แพทย์เจ้าของไข้เองก็หนักใจเมื่อเวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์คนไข้ก็ยังอยู่ในสภาพเดิม

เขากล่าวขอตัวก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องทิ้งไว้แต่สิงหาที่ได้แต่ยืนคอตกอยู่ที่เตียง


ร่างสูงเอื้อมมือไปลูบไล้ที่หน้าเรียวทีละส่วน ตาคมกระพริบถี่เพื่อขับไล่หยาดน้ำ

แห่งความอาดูรที่เอ่อท้นอยู่ในหัวใจ


กว่าที่จะเข้าใจและสมหวังในความรัก ทั้งคู่ต้องผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงมามาก

แต่เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย ใยเรื่องถึงกลับกลายเป็นเช่นนี้

หยดน้ำที่กลั้นไม่อยู่ร่วงจากตาไหลผ่านร่องแก้มไปตกที่แก้มซีดของคนที่ยังหลับฝันหวาน

โดยไม่รับรู้ถึงความทรมานของอีกฝ่าย สิงหาไล่ปลายนิ้วไปเช็ดก่อนที่จะโน้มตัวลงไป

จูบที่หน้าผากละไล่มาที่เปลือกตาทั้งสองข้าง


“ตื่นเสียทีเถอะวิน ไม่รู้หรือไงว่าพี่รออยู่ รีบตื่นขึ้นมาให้พี่ได้บอกรักและทำทุกอย่าง

ให้วินรู้ว่าพี่รักวินแค่ไหน”


สิงหาคร่ำครวญทั้งที่ไม่รู้ว่าธราเทพจะได้ยินหรือเปล่า





“ทำไมไอ้วินไม่ตื่นสักที มันเกิดอะไรขึ้นอีก”


วาโยตั้งคำถามขึ้นมาเมื่อทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่วัด โดยมีหลวงพ่อสมานนั่งเป็นประธาน

ในการปรึกษาหารือ


“หรือว่ามันมีอะไรที่พวกเราทำพลาดไปเมื่อตอนที่อยู่ที่อียิปต์

ไอ้วินไปโดนมนต์ดำอะไรเข้าอีกหรือเปล่า”


สิ่งที่วาโยสงสัยและพูดออกมากระตุ้นให้สิงหาเอะใจ คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อกำลัง

ไล่คิดตามที่วาโยสะกิด


“เดี๋ยวนะ”


ความคิดหนึ่งแล่นวาบเข้ามาในหัว สิงหาถึงกับขนที่คอลุกชันเมื่ออะไรบางอย่างนั้น

พุ่งขึ้นมาในสมอง แล้วก็ไวเท่าความคิด ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นพุ่งปราดไปที่รถยนต์คันหรู

เปิดประตูไปค้นหาอะไรบางอย่างก่อนที่จะก้าวเร็วๆ กลับมานั่งที่เดิมและส่งสิ่งที่ถือ

อยู่ในมือให้หลวงพ่อสมาน   


“สิ่งนี้คืออะไร”


หลวงพ่อเอ่ยถามพลางพลิกมันไปมาในฝ่ามือเพื่อพิจารณา วาโยและภูหิรัณย์ก็พลอย

ชะเง้อดูไปด้วย


เศษกระเบื้องดินเผาเก่าแก่ชิ้นเล็กวางอยู่บนฝ่ามือ หลวงพ่อหยิบมันเข้าใกล้สายตา

เพื่อเพ่งมองตัวอักษรที่ปรากฎอยู่บนพื้นผิว


“มันเขียนว่า อย่าพบพักตร์ราโมส ครับหลวงพ่อ”


สิงหารีบกล่าวเพื่อให้ทุกคนเข้าใจ


“ผมได้มันมาอย่างบังเอิญนานแล้ว ตั้งแต่สมัยเพิ่งจะเริ่มเรียนด้านโบราณคดี

มันเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ที่ช่วยให้ผมจำเรื่องราวในอดีตได้ทั้งหมด หลังจากที่สัญญาณ

แห่งชาติภพมันมีอย่างเลือนรางมาตั้งแต่เกิด”


“แล้วมันคืออะไรล่ะ”


หลวงพ่อสมานถามอย่างงงงัน


“ผมก็ยังงงๆ อยู่ว่าคืออะไร”


สิงหากล่าวอย่างจนแต้ม แต่วาโยกลับตาลุกวาวเมื่อนึกขึ้นได้


“พี่อัคนีเขาไปหาไอ้นี่แหละข้าจำได้ แล้วที่เขาทะเลาะกับอลันก็แย่งไอ้นี่กัน

เซน…รีบโทรไปหาก้อยที แล้วบอกให้หยิบเจ้าสิ่งนี้ที่พี่อัคนีเขามีอยู่มาให้หมด”


ภูหิรัณย์ก็เร็วพอกัน เขารีบกดโทรศัพท์ไปหาวริษฐาเล่าเรื่องให้ฟังคร่าวๆ

แล้วย้ำให้หญิงสาวพยายามนำสิ่งที่อัคนีครอบครองอยู่มาให้ได้


คำว่าเร็วที่สุดแต่ก็ผ่านไปเกือบครึ่งวันกว่าที่วริษฐาจะกระหืดกระหอบมาถึง

พร้อมด้วยกล่องเนื้อหนาที่บรรจุวัตถุโบราณอยู่ภายใน


“กว่าจะไปจิ๊กมาได้แทบแย่”


หญิงสาวกล่าวเมื่อทำความเคารพพระภิกษุเรียบร้อยแล้ว สิงหาไม่รอช้าเขารีบเปิด

ฝากล่องแล้วบรรจงหยิบสิ่งที่อัคนีเรียงไว้เป็นรูปทรงขึ้นมาวางบนพื้นอย่างเบามือ

ก่อนที่จะหยิบส่วนที่ตนมีเข้าไปประกอบเหมือนภาพจิ๊กซอว์

ทันทีที่ส่วนประกอบครบถ้วนกลายเป็นภาชนะดินเผาใบเล็กที่มีรูปทรงคล้ายถ้วย

ทุกคนจึงเพ่งมองไปที่ตัวอักษรโบราณที่สลักไว้ในเนื้อภาชนะด้านใน

แต่ด้วยความเก่าแก่ตัวอักษรจึงเลือนไปบ้างตามกาลเวลา   



ขอคำรามคำรพนบไหว้

แด่งูใหญ่ในพื้นปฐพี

แผ่อำนาจทั่วหล้าจวบถึงสุริย์ศรี

ข้านี้ขอรองบาททุกชาติไป

ขออำนาจที่แก่กล้า

ปกปักรักษาทุกสมัย

แลโปรดดลบันดาลขจัดศัตรูพ่าย

นาม.. มาอี..ชาติชายให้ย่อยยับ

อย่าได้พบพักตร์...ราโมส

ทุกภพทุกชาติจงแคล้วคลาด

ความรักจงกลับกลายพยาบาท

ตราบจนกว่าจะได้รับคำอนุญาต

จากข้า ผู้บูชา




เมื่อวริษฐาที่เป็นคนอ่านออกเสียงอ่านตัวอักษรจบลง ทุกคนก็ยิ่งเงียบงันแล้ว

มองหน้ากันไปมาด้วยความไม่เข้าใจ โดยเฉพาะสิงหากับวริษฐา


“เป็นเพราะคำสาปนี้หรือเปล่า วินถึงกลายเป็นเจ้าชายนิทรา”


วริษฐารำพึงแผ่วเบา ภูหิรัณย์รีบเขยิบเข้ามาใกล้คว้าต้นแขนเพื่อนสาวให้หันมามอง


“หมายความว่าไงไอ้ก้อย”


หญิงสาวเพียงคนเดียวที่ในอดีตเป็นถึงอำมาตย์เอกนิ่งงัน แล้วจึงค่อยกล่าวออกมา


“นี่มันเป็นการสาปแช่ง ไม่ให้มาอีกับราโมสได้เจอกันและไม่ให้สมหวังในความรัก

ทุกชาติไปวินจึงต้องกลายเป็นอย่างนี้ เพราะที่ผ่านมาพี่สิงห์กับวินก็แทบจะมองหน้ากัน

ไม่ติดก็เป็นตามคำนายคือ ความรักจงกลับกลายพยาบาท แต่พอทุกอย่างใกล้จะลงเอย

พี่สิงห์กับวินเข้าใจกันได้ คำสาปก็ทำให้วินต้องหลับใหลเพื่อให้แคล้วคลาดกับพี่สิงห์

ตามคำที่บอกว่าทุกภพทุกชาติจงแคล้วคลาดไงล่ะ”


“เลวมาก ใครวะสาปไว้ แล้วนี่ไม่มีวิธีแก้คำสาปหรือ อย่างนี้ไอ้สิงห์กับไอ้วิน

ก็ไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอยู่คู่กันสักชาติเลยงั้นสิ”


วาโยสบถออกมาพลางมองหน้าเพื่อนที่นิ่งเงียบไปอย่างเห็นใจ วริษฐากรอกตาไปมา


พยายามทวนความจำ หญิงสาวขอคัมภีร์เก่าแก่ที่สิงหามีครอบครองไว้ไปพลิกหาอยู่ชั่วครู่

แล้วจึงดีดนิ้วเปาะเมื่อเจอสิ่งที่ต้องการ   


“ต้องเอาเลือดของคนสาปมาหยดลงไปที่ถ้วยนี้ แล้วคำสาปจะหาย”


สิ่งที่วริษฐาเอ่ยออกมาเรียกความตื่นเต้นจากสมาชิกในกลุ่มได้ โดยเฉพาะสิงหา


“แล้วใครเป็นคนสาป”


เขาตั้งคำถาม หลวงพ่อสมานจึงเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ


“คนที่เกลียดมาอีกับราโมสและพยายามทำทุกอย่างให้แยกจากกันได้นอกจากฮาอัสแล้ว

ก็คงจะมีแต่เจ้าหญิงราบีอา”


“ปัญหาต่อไป เราจะตามหาราบีอาได้ที่ไหน เพราะเราไม่รู้นี่ครับว่าราบีอามาเกิดเป็นใคร”


สิงหาตั้งคำถามต่ออย่างหนักใจ


“ก็ถ้าไอ้ก้อยคือฮาอัสมาเกิดแล้วหลงรักไอ้วิน ราบีอาที่มาเกิดใหม่ก็ต้องแอบรักพี่สิงห์

แหละครับ ผมว่างั้นนะ”


ภูหิรัณย์ออกความเห็นให้ทุกคนมองหน้ากันอีกครั้ง


“คนที่หลงรักพี่สิงห์ ตอนนี้ที่นึกออกก็มีอยู่คนเดียว”


วริษฐาหรุบตามองพื้น


“น้าอัคนี”







“ทำไมผมจะต้องช่วยพวกคุณด้วย อัสลาน”


อัคนีเงยหน้ามองสิงหาด้วยสายตาที่นิ่งเฉย พลางเชิดคอตั้งตรงอย่างไว้ตัว

แล้วจึงกวาดสายตามองอาคันตุกะที่มาเยือนถึงบ้านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า


“แล้วพวกคุณรู้ได้ยังไงว่าผมคือเจ้าหญิงราบีอาอะไรนั่น”


“ตอนนี้ไม่มีใครรู้อะไรทั้งนั้นแหละครับพี่อัคนี นอกจากคาดเดาจากความเป็นไปได้

และไม่เสียหายไม่ใช่หรือครับที่พี่จะลอง อย่างน้อยก็เพื่อมนุษยธรรมที่อาจจะช่วยวินได้”


แวบหนึ่งที่อัคนีมองสิงหาอย่างตัดพ้อที่เห็นสิงหาทำทุกทางที่จะให้ธราเทพฟื้นขึ้นมา

ก่อนที่สายตานั้นจะเลือนหายกลายเป็นความเฉยชาที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา


“ผมไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ที่ผมต้องเจ็บตัวหลั่งเลือดแม้จะแค่ซีซีเดียวเพื่อทำอะไรบ้าๆ

ที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ มนต์ดำของงูอะโพรฟิสมีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้”


สิงหากัดฟันจนสันกรามนูนเมื่อเห็นท่าทีไว้ตัวของอัคนี แม้จะพอเดาได้มานานแล้วว่า

คนที่กอดอกปิดกั้นตัวเองจากคนอื่นอย่างอัคนีจะคิดอย่างไรกับเขา

แต่ก็ไม่นึกว่าอัคนีจะแล้งน้ำใจขนาดนี้


“แต่วินกำลังจะตาย ร่างกายที่ไม่ตื่นขึ้นมาก็เหมือนกับตายไปแล้ว

พี่อัคนีจะไม่เห็นแก่เพื่อนร่วมโลก หรืออย่างน้อยก็เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งหรือครับ”


สิงหาขอร้องด้วยความเป็นห่วงในตัวคนรัก เขายอมก้มหัวให้กับคนที่มองเขาอย่าง

เหยียดหยามได้เพื่อให้ธราเทพฟื้นขึ้นมาแต่สิ่งที่ได้รับคือแววตาแห่งความหมางเมิน


“เฮอะ ผมอยากจะรู้นัก ไอ้เด็กธราเทพนั่นมันมีดีอะไร คนอย่างคุณถึงได้หลงมันหัวปักหัวปำ

ทั้งที่มันเป็นแค่เด็กวัดคนหนึ่ง แต่กับผมที่คุณรู้จักมานานคุณกลับไม่เคยเห็นหัว

นอกจากเวลาที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างนี้”


น้ำเสียงแข็งๆ เริ่มสั่นเครือเมื่ออัคนีพูดออกมาด้วยความน้อยใจทิ่สิงหาไม่เคยเห็นค่า

เขาเชิดหน้าขึ้นแล้วชายตามองสิงหาอย่างคับแค้น


“กลับไปเถอะอัสลาน ผมจะไม่ทำในสิ่งที่คุณต้องการหรอก”


อัคนีหันหลังให้สิงหาเตรียมตัวที่จะก้าวจากไป แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อสิงหาพุ่งมาหยุดต่อหน้า

แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเขา

สิงหาขอบตาร้อนผ่าวเมื่อเงยหน้ามองอัคนีอย่างขอร้อง เขายอมก้มหัวเพื่อให้ธราเทพ

ได้กลับมามีชีวิตที่เป็นปกติอีกครั้ง


“พี่อัคนี ผมขอโทษที่ผมรับน้ำใจจากความรู้สึกของพี่ไม่ได้ แต่ผมกับวินรักกันมานานมากแล้ว

นานจนไม่มีอะไรมาพรากเราได้แม้แต่กาลเวลา ถ้าพี่จะไม่เห็นแก่วินก็ช่วยเห็นแก่ผม

ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีวิน ได้โปรดเถอะครับ”   





ร่างสูงก้าวยาวจนเกือบจะเป็นวิ่งตรงไปที่ห้องพักของผู้ป่วย เมื่อถึงหน้าห้องสิงหารีบผลักประตู

เข้าไปเพื่อที่จะไปรวมกลุ่มอยู่กับสมาชิกที่ยืนล้อมเตียงของธราเทพที่ยังหลับใหล


“ได้มาหรือเปล่า”


วาโยรีบถาม สิงหาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะคลี่ยิ้มตามเมื่อล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ

เพื่อหยิบขวดแก้วใบเล็กที่บรรจุโลหิตสีแดงเข้มอยู่ที่ก้นขวด สิงหายังนึกถึงใบหน้าของเจ้าของ

หยดเลือดนี้ เมื่ออัคนีมองเขาอย่างนึกไม่ถึงที่เห็นเขายอมคุกเข่าขอร้อง


“โอ พี่สิงหาเจ๋งสุดๆ ทำได้ไงเนี่ย”


ทั้งวริษฐาและภูหิรัณย์ต่างยกนิ้วให้ด้วยความทึ่ง อิสริยะนึกย้อนไปถึงอัคนี

ที่กัดฟันข่มใจแล้วตวาดใส่เขา


“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ อัสลาน เดี๋ยวนี้คุณยอมทิ้งศักดิ์ศรีเพียงเพราะไอ้เด็กกำพร้านั่นงั้นหรือ”


“ถ้าการที่ผมยอมลดศักดิ์ศรีลงแล้วทำให้วินลืมตาขึ้นมาได้ ผมยอมครับ”


เขาเงยหน้าสบตากับอัคนีเพื่อให้รู้ว่าเขาพูดจริงทำจริง อัคนีเม้มปากแน่น

ดวงตาจ้องมองมาที่เขาบอกถึงความรู้สึกที่ทั้งรักทั้งชัง ก่อนที่จะคว้าขวดแก้วใ

บจิ๋วจากสิงหาไปที่โต๊ะทำงานแล้วยกมีดคัดเตอร์ กรีดที่ปลายนิ้วจนเลือดไหลซิบ

อัคนีกลั้นเสียงร้องปนสะอื้นไว้เมื่อใช้ขวดแก้วมารองรับเลือด

อัคนีไม่รู้ว่าเขาควรจะร้องไห้ให้กับบาดแผลที่ปลายนิ้วหรือบาดแผลที่ใจกันแน่

เมื่อปิดฝาขวดเขาก็ส่งให้สิงหาอย่างแรงพอกับอารมณ์อันเดือดพล่าน


“ไปให้พ้นจากชีวิตของผม”


อัคนีกัดฟันพูดเสียงต่ำ สิงหาที่คว้ารับขวดแก้วที่บรรจุเลือดมองอย่างขอบคุณ

อย่างจริงใจ


“ขอบคุณครับพี่อัคนี บุญคุณครั้งนี้ผมจะไม่ลืมเลย”


แล้วสิงหาก็นำมันมาที่นี่จนได้


“อย่ามัวแต่ถามเลย รีบหยดเลือดลงในถ้วยดีกว่า”


สิงหารีบพาการสนทนาเข้าสู่ประเด็นสำคัญ วริษฐาไม่รอช้าเมื่อรับขวดเลือด

ตรงไปที่โต๊ะตัวเลยมุมห้องที่ตั้งวัตถุโบราณไว้ ตามมาด้วยทุกคนที่ก้าวมายืนล้อมเป็น

วงกลมอยู่รอบโต๊ะ


วริษฐามองหน้าทุกคนเพื่อให้กำลังใจก่อนที่จะเปิดฝาขวด เทหยดโลหิตลงไปที่

ใจกลางถ้วยใบน้อย


หยดเลือดกลิ่นคาวกลิ้งวนอยู่ที่ก้นถ้วยแล้วนิ่งสนิท ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ หลังจากนั้น

ธราเทพยังนอนหลับอย่างสงบอยู่บนเตียง ปล่อยให้สิงหาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้

พลางยกมือกุมขมับอย่างหมดแรง


อัคนีไม่ใช่เจ้าหญิงราบีอา!!!






:katai5: :katai5: :katai5:  ตอนหน้าจบแล้ววว

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2015 19:21:39 โดย Belove »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด