<< คำสาปร้ายพ่ายรัก>>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << คำสาปร้ายพ่ายรัก>>  (อ่าน 154420 ครั้ง)

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                            คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                 บทที่ 8



          โอรสของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ก้าวพระบาทเข้ามาใกล้ร่างกำยำ แล้วทอดพระเนตรพร้อมแย้ม         

พระโอษฐ์เบาบางเมื่อหยุดต่อหน้าบุคคลที่เห็นกันมาแต่เยาว์

           มาอีที่รู้จักก็ยังคงเป็นมาอีตั้งแต่เด็กจนโต พูดน้อย ยิ้มยาก บ่ากว้างเชิดสูงอย่างคนที่ไม่ยอมใคร

ยกเว้นเพียงแค่เจ้าเหนือหัวกษัตริย์เพตเทเมน และพระราชโอรสเพียงสองพระองค์เท่านั้นที่เขาจะยอม

ค้อมศีรษะศิโรราบ

          มาอีบุตรชายเพียงคนเดียวของเมเลสราชองครักษ์และพระสหายคู่พระทัยของกษัตริย์เพตเทเมน ที่มีอายุมากกว่า

เขาเพียง 5 ขวบปี แต่กลับทำตัวสูงวัยกว่าเขาราวกับเป็นบิดาอีกคน ด้วยคำสั่งของกษัตริย์และด้วยความเป็นพระสหาย

คนสนิทของฝ่ายบิดา ผู้เป็นบุตรอย่างมาอีและเขาจึงได้รับการเลี้ยงดูมาคู่กันตั้งแต่ยังเยาว์วัย เขาจึงมีเพียงมาอีที่เป็นทั้ง

เพื่อนและพี่ที่คอยปกป้องดูแล เจ้าชายราโมสนึกไม่ออกเลยว่า ชีวิตที่ขาดมาอีจะเป็นอย่างไร


         “ท่านพี่อยู่ที่นี่เอง ข้าเที่ยวตามหาเสียแทบแย่


          น้ำเสียงหวานแหลมเชิงไว้ตัวดังขึ้น ก่อนที่พระวรกายสันทัดของพระขนิษฐาจะปรากฎพระองค์ตามมาหยุดยืน

เคียงข้าง เจ้าหญิงราบีอาพระขนิษฐาร่วมพระบิดาเดียวกันแล้วยังครองตำแหน่งพระคู่หมั้นเพื่อสืบทอดสายเลือดบริสุทธิ์

แห่งราชวงค์เหลือบพระเนตรมองผู้เป็นพระเชษฐาอย่างเอือมระอา

          เจ้าชายราโมสผู้รักสันติ รักอิสระ  แสวงหาแต่การท่องเที่ยว แต่ในสายตาของเจ้าหญิงราบีอากลับมองเป็นความ

น่าเบื่อหน่าย พระคู่หมั้นที่มัวแต่เที่ยวเล่นไม่ปรารถนาความรุนแรง ถ้าไม่ติดว่าเป็นคำสั่งสอนตั้งแต่ยังเยาว์จากพระมารดา

ว่าต้องเข้าพิธีอภิเษกซึ่งกัน ไม่มีวันที่เจ้าหญิงราบีอาจะสนพระทัย

ต่างจากอีกคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่เคียงข้าง

          แม้จะเชิดพระศอขึ้นด้วยความทะนงในขัตติยะนารี แต่เจ้าหญิงราบีอาก็ต้องยอมรับกับองค์เองว่า

ร่างกายกำยำที่เปลือยส่วนบนให้เห็นมัดกล้ามเนื้อ เผยให้เห็นรอยแผลเป็นจากการต่อสู้ในบางส่วน ช่าง

เรียกร้องให้พระองค์ต้องลอบทอดพระเนตรอยู่หลายคราว

          ยิ่งเห็นหน้าขรึมที่ก้มลงเล็กน้อยในทุกคราที่พบเจอ มันยิ่งทำให้โลหิตในพระวรกายที่สาวสะพรั่งสูบฉีดวิ่งพล่าน

แต่ก็ต้องทรงเก็บกักมันไว้อย่างอัดอั้น จนเกิดความหงุดหงิดแล้วจะไประบายโทสะออกกับใครถ้ามิใช่เจ้าชายราโมสผู้

เป็นพระเชษฐา ถ้าแม้นแข็งแกร่งน่าหลงใหลได้เพียงครึ่งของมาอี เจ้าหญิงราบีอาคงไม่ทุกข์ทรมานขนาดนี้


          “มีอะไรกับพี่หรือเปล่าราบีอา


          เจ้าชายราโมสทอดสุรเสียงถามอย่างเอ็นดู แม้จะเป็นเพียงพระขนิษฐาร่วมพระบิดา แต่พระองค์ก็ทรงเอ็นดูไม่

น้อย แม้จะรู้ดีกว่าเจ้าหญิงราบีอาทรงเย่อหยิ่งไม่แพ้พระสนมเซพเทตผู้เป็นมารดา


          “มีสิท่านพี่ ถ้าไม่เป็นเพราะพระบิดามีกระแสรับสั่งหา ข้าไม่เสียเวลามาตามท่านในที่ที่แสงแดดแผดเผาเยี่ยงนี้

ดอก


          พระขนงโก่งงามที่แต่งแต้มอยู่บนพระพักตร์ที่งามราวกับอิสตรีเลิกขึ้น พลางลอบถอนพระปัสสาสะอย่างเหนื่อย

หน่าย พระบิดาเรียกหาจะมีเหตุอันใดหากมิใช่เร่งรัดเรื่องงานอภิเษกที่เจ้าชายทรงผัดผ่อนมานาน จนพระชนม์พรรษาได้

ล่วงเข้ายี่สิบ


         “งั้นพี่จะรีบไป พระบิดาจะได้ไม่ทรงกริ้วที่เรียกแล้วไม่พบ มาอี…”


          พระพักตร์เรียวงามหันไปทอดพระเนตรผู้เป็นสหายสนิท


          “ฝึกซ้อมเสร็จแล้วก็ตามเราไปนะ


          พระวรกายบอบบางหันกลับแล้วดำเนินไปทางพระราชวังอย่างรวดเร็ว มาอีทอดสายตาตามได้ชั่วครู่แล้วเตรียมที่

จะคว้าเคเพชคู่ใจขึ้นมาฝึกซ้อมต่อ หากไม่ติดด้วยสุรเสียงของเจ้าหญิงราบีอา


          “เดี๋ยวสิ มาอี จะรีบไปไหน


           หน้าขรึมหันไปมองพระวรกายอวบอัดด้วยวัยสาวอย่างเฉยชา แม้ว่าเจ้าหญิงราบีอาจะเลื่องชื่อเรื่องพระสิริโฉม

งดงามไม่แพ้พระสนมเซพเทต


          “ข้าจะไปฝึกต่อ เจ้าหญิงมีธุระอันใดอีก


          น้ำเสียงเฉยชาไม่แพ้ใบหน้าเอ่ยขึ้น ยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้แก่เจ้าหญิง


          “มีสิ เจ้าไม่เห็นรึว่า ลูกปัดทองที่ผูกอยู่ที่ข้อเท้าข้ามันหลุดอยู่ จงก้มลงไปยึดติดมันให้ข้าเดี๋ยวนี้


           สิ้นเสียงเจ้าหญิงราบีอาก็เหยียดข้อพระบาทออกมาตรึงอยู่กับพื้นเบื้องหน้า จนเผยให้เห็นเนื้อในขาวผ่องของต้น

ขาที่โผล่พ้นรอยแยกของผ้าทอดิ้นทอง มาอีนิ่งงันเมื่อสบตากับสายพระเนตรท้าทายคู่นั้น ก่อนที่จะกัดฟันคุกเข่าลงไป

ใกล้แล้วเอื้อมมือไปที่พระบาทเพื่อซ่อมสร้อยลูกปัดทอง เมื่อเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงรีบเหยียดตัวตรงพลางเตรียมหันหลัง

ให้ผู้เป็นพระคู่หมั้น


          “หยุดนะเจ้าหญิงราบีอาแผดพระสุรเสียงด้วยโทสะ


          ถ้าเพียงจะตามหาเจ้าชายราโมส พระองค์ไม่ทรงลงทุนยอมทอดพระบาทฝ่าเปลวแดดมาด้วยองค์เองหรอก

เพียงแค่รับสั่งให้ทหารคนใดมาก็ได้ แต่นี่เป็นเพราะต้องการใกล้ชิดร่างที่คล้ำไปด้วยไอแดดนี่

ต่างหาก

          เจ้าหญิงราบีอายื่นพระหัตถ์อันสั่นเทาออกไปวางแนบบนแผ่นอกหนา ร่างที่เปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อยิ่งทำให้

ความอัดอั้นทวีขึ้นจนเผลอกลืนพระเขฬะลงคอ

          หน้าขรึมขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นการกระทำเช่นนั้น มาอียกมือขึ้นมาแล้วจับพระหัตถ์นั้นออกไปจนพ้นตัว ก่อนกล่าว

ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ


          “ทรงเป็นพระคู่หมั้น อย่ากระทำตัวเยี่ยงหญิงงามเมืองเช่นนี้


          เจ้าหญิงราบีอาแผดสุรเสียงอย่างโหยหวลด้วยไฟแห่งโทสะ ยกพระหัตถ์ขึ้นชี้หน้ามาอี ก่อนที่จะกระทืบพระบาท

จากไป


          “มาอี เจ้าโง่ ข้าเกลียดเจ้า

















          “ไอ้วิน เฮ้ย ตื่นสิวะ


          เสียงภูหิรัณย์ดังขึ้นพร้อมกับแรงตบเบาๆกระตุ้นที่ใบหน้า ทำให้สติกลับคืนมาอีกครั้ง ก่อนที่ขนตายาวจะกระ

พริบถี่ๆ ธราเทพค่อยๆ ยันตัวขึ้นจากจุดที่นอนอยู่เปลี่ยนเป็นท่านั่ง เขาหันไปมองรอบตัวจึงได้รู้ว่า ตอนนี้เขาย้ายมาอยู่

บนแผ่นผ้าใบที่ปูให้เขานอนพักอยู่กลางเต็นท์งานชะงักเมื่อสบตากับคนที่ยืนมองอยู่ด้านหนึ่ง มือสองข้างกอดอกไว้

อย่างถือตัว ช่างน่าคุ้นเคยอย่างประหลาด


          “เป็นไรเนี่ยมึง ลมแดดหรือไง อยู่ๆ ก็ตะโกนอะไรแปลกๆแล้วล้มตึงไปเลย ตกใจกันแทบแย่


          คนเป็นเพื่อนเล่าให้ฟังพร้อมกับมองอย่างสงสัย ธราเทพได้แต่ส่ายหน้า


          “คงพักผ่อนน้อย แล้วมันผิดเวลาน่ะ เดี๋ยวสักพักคงดีขึ้น


          “เซน มาทางนี้ มาฝึกอ่านภาษาทางนี้


           เสียงวาโยตะโกนมาจากทางเข้าปิรามิด ภูหิรัณย์จึงได้ละล้าละลังด้วยความเป็นห่วงเพื่อน


          “ไปเถอะ เดี๋ยวพี่ดูวินเอง


           เสียงขรึมดังขึ้นใกล้ตัว ธราเทพเหลือบไปมองอย่างตกใจเพราะไม่รู้ว่าสิงหาเดินมาตอนไหนภูหิรัณย์ได้ยินก็ยิ้ม

รับแล้วลุกขึ้นเดินไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ธราเทพอยู่กับสิงหาเพียงลำพัง ท่ามกลางคนงานต่างชาติที่ความสนใจแต่

งานของตัว สิงหาย่อตัวลงแล้วยื่นผ้าเย็นมาให้


          “เช็ดหน้าซะ


          ธราเทพขมวดคิ้วพลางสะบัดหน้าหนี สิงหาจุ๊ปากอย่างขัดใจ


          “จะเช็ดเองดีๆ ไหม


           ดวงหน้าหวานยังคงเชิดขึ้น พร้อมกัดริมฝีปากอย่างดื้อรั้นจนสิงหาทนไม่ไหว เขายกมือขึ้นคว้าคางเรียวแล้วบีบ

ไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งที่มีผ้าเย็นสิงหาใช้มันเช็ดไปจนทั่วหน้าเนียน แม้เจ้าของจะพยายามสะบัดหน้าหนี แต่เขาก็บังคับให้

อยู่นิ่งจนได้


          “เลิกมายุ่งกับผมเสียทีจะได้ไหม


          ธราเทพเอ็ดเสียงดังพลางปัดมือของสิงหาที่บีบคางออกแต่ก็ไม่สำเร็จ ซ้ำร้ายคนเผด็จการยังใช้ผ้าผืนนั้นเช็ดไล่

ลงไปที่คอเรียวจนหมดคราบเหงื่อ ก่อนที่จะบังคับให้เงยหน้ามาสบตากับตาดุ


          “แล้วเมื่อไหร่นายจะเลิกทำตัวอ่อนแอเรียกร้องความสนใจล่ะ


          สิงหาลุกขึ้นยืนแล้วกระชากต้นแขนให้ธราเทพลุกติดมือตามมา ธราเทพรีบสะบัดตัวออกเมื่อยืนมั่นคงแล้ว


          “ใครไปเรียกร้องความสนใจจากคุณ ผมเป็นอะไรคุณก็ไม่ต้องมายุ่ง ให้ผมนอนตายกลางทะเลทรายเลยก็ได้


          สิงหาตาลุกวาบ คราวนี้เขาก้าวพรวดเข้าไปใช้สองมือกระชากต้นแขนของธราเทพแล้วบีบแน่น จนธราเทพต้อง

นิ่วหน้าด้วยความเจ็บ


          “อย่าหยิ่งผยองนักเลยวิน ตอนนี้นายมันก็แค่คนพลัดถิ่น ถ้าฉันไม่คิดจะใช้งานนาย คิดหรือว่านายจะอยู่ใน

สายตา



          “เฮ้ย ไอ้สิงห์ มาดูอะไรนี่เร็ว


          เสียงตื่นเต้นของวาโยที่วิ่งเข้ามาในเต็นท์ห้ามทัพไว้ สิงหาผลักร่างบางของธราเทพจนเซ ก่อนที่จะก้าวหนีไป

ยืนอีกมุมหนึ่ง วาโยค่อยๆ วางถาดที่บรรจุบางสิ่งเอาไว้มาวางบนโต๊ะกลางเต็นท์ตามมาด้วยภูหิรัณย์ที่ตามมาติดๆ อย่าง

ตื่นเต้น


          “คนงานเพิ่งจะขุดออกมาจากช่องที่ใช้เก็บตำราในปิรามิดได้เมื่อครู่นี้เอง สดๆร้อนๆ ข้าเลยรีบเอามานี่แหละ

อยากจะรู้ว่าข้างในเขียนว่าอะไร


          วาโยคว้าถุงมือขึ้นมาสวมพลางคว้าแปรงขนอ่อนขึ้นมาแล้วบรรจงปัดคราบดินทรายออกจากแผ่นปาปิรัสเก่าแก่

อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะค่อยๆ คลี่ออก แล้วเขาก็ก้มหน้าไปอ่าน


          “ศัพท์ยากจังโว้ย บางตัวก็เลือนๆไปแล้ว จับใจความได้กระท่อนกระแท่น ไม่ชัดเลย


         เสียงวาโยบ่นอย่างหงุดหงิด ธราเทพจึงได้เดินเข้ามาใกล้แล้วอาสา


           “อาจารย์ ขอผมลองหน่อย


          วาโยก้าวหลีกไปให้ธราเทพเดินเข้ามาแทนที่ ธราเทพเพ่งตามองไปที่แผ่นปาปิรัสนั้นธราเทพมองแผ่นปาปิรัส

ราวกับตกอยู่ในภวังค์ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดสิ่งที่เขาเห็นเหมือนตัวหนังสือลอยขึ้นมาให้เห็นเป็นภาพสามมิติ ธราเทพ

มองเห็นมัน  เขาอ่านและแปลราวกับเป็นเจ้าของภาษา



          “เหตุที่เจ้าชายราโมสได้ขึ้นครองราชย์เนื่องด้วยกษัตริย์เพตเทเมนถูกลอบปลงพระชนม์ จากองครักษ์คนสนิท

นามผู้นั้นว่า มาอี เขาได้เป็นชู้กับพระสนมของกษัตริย์และคิดจะแย่งอำนาจด้วยการปลงพระชนม์ แล้วเข้าพิธีอภิเษกกับ

พระสนมเพื่อจะได้เป็นกษัตริย์คนต่อไปเจ้าชายราโมสจึงได้สังหารมาอี…”



   
          “ไม่จริง…”


          สิงหาตะโกนเสียงดังขัดจังหวะด้วยแววตาตระหนก เมื่อตัวอักษรที่บันทึกไว้ขัดจากสิ่งที่รู้มาแต่แรกอย่างสิ้นเชิง

ใบหน้าคมเผือดสีลงจนสังเกตเห็นชัด


          “ไม่มีทางที่มาอีจะทำอย่างนั้น ไม่มีทาง





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-04-2015 19:43:13 โดย Belove »

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
กำลังมันเลย  :ling1:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
โหววว สนุกโคดอะ
มาต่อเลย
ปล. ความเห็นส่วนตัว ยัยน้องของราโมสนี่แหละตัวปัญหาปะ

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
มาไวๆ

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                                        คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                                 บทที่ 9

       
          สิงหายืนอยู่ที่ระเบียงห้องในโรงแรมแล้วทอดสายตาไปที่แสงระยิบระยับจากแม่น้ำไนล์และจาก

บ้านเรือนรอบๆ ในยามค่ำคืนอย่างสับสน

          มันต้องมีอะไรบางอย่างคลาดเคลื่อน

          สิ่งที่เขา “รับรู้” มาจากสัญญาณในอดีตและความรู้จากการค้นคว้าว่าราโมสปลิดชีพมาอี เพื่อก้าวไปสู่การปลง

พระชนม์พระบิดามันกลับขัดแย้งกับสิ่งที่เพิ่งรู้มาสดๆ ร้อนๆ ว่าคนที่คิดทรยศกลับกลายเป็นมาอี ร่างสูงเงยหน้าขึ้นและ

หลับตาลง



            อา…    เทพรา เจ้าแห่งแสงอาทิตย์ที่เคารพ


          ได้โปรดช่วยชี้ทางสว่าง ดุจแสงแห่งชีวิตของท่าน ให้ข้าได้หลุดพ้นจากปัญหา และเคราะห์กรรมทั้งปวงด้วยเถิด

          ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับทอดถอนลมหายใจอันหนักหน่วง ก่อนที่เขาจะหมุนตัวกลับแล้วเลื่อนประตูก้าวเข้าสู่ภายใน

ห้อง เพื่อที่จะพบกับคนที่เขาบังคับหอบหิ้วมาจากเมืองไทยกำลังหิ้วกระเป๋าเตรียมเดินออกจากห้อง คิ้วเข้มของสิงหา

ขมวดเป็นปม เขาก้าวยาวๆ ไปคว้ากระเป๋าออกจากมือของธราเทพทันที


          “จะไปไหน


          ด็อกเตอร์หนุ่มถามเสียงแข็ง หน้าเรียวชักสีหน้าตอบโต้เมื่อตอบด้วยเสียงที่แข็งไม่แพ้กัน


          “ผมจะไปนอนห้องอาจารย์วาโยกับไอ้เซน


          คิ้วที่ขมวดอยู่ยิ่งผูกกันแน่นเมื่อได้ยิน สิงหากระชากเสียงเมื่อพูดประโยคถัดไป


              “ห้องนึงเขามีแค่สองเตียง นายไปนอนห้องไอ้โยแล้วจะไปนอนตรงไหน


          “ผมไม่ใช่คนเรื่องมากนอนพื้นก็ได้ ขออย่างเดียว ผมไม่อยากทนอยู่ห้องเดียวกับคุณ ส่งกระเป๋ามาให้ผม


          นอกจากจะไม่ส่งคืนแล้วสิงหายังเหวี่ยงมันไปอยู่กองอยู่บนเตียงด้วยความโกรธจนหัวฟัดหัว

เหวี่ยง ก่อนที่จะพุ่งตัวมายึดต้นแขนทั้งสองข้างของธราเทพไว้แล้วบีบแน่นจนธราเทพต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ         


          “ไอ้ที่โดนเมื่อตอนบ่ายมันยังไม่เพียงพอใช่ไหม ถึงได้มายั่วให้ฉันโกรธ หรืออยากจะลองดีกันอีก


          น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะเค้นออกมาจนธราเทพสะดุ้ง ร่างบางตัวสั่นเทาอยู่ภายใต้การยึดจับของมือแกร่ง สิง

หาเอี้ยวตัวไปคว้าผ้าเช็ดตัวของโรงแรมที่วางไว้ปลายเตียงมายัดใส่มือของธราเทพ ก่อนจะลากแขนจนธราเทพตัวปลิว

ตามแรง แล้วสิงหาก็ผลักให้ธราเทพเข้าไปในห้องน้ำ


          “อาบน้ำให้เรียบร้อยแล้วออกมาพักผ่อน ตั้งแต่พรุ่งนี้ นายต้องเริ่มทำงานอย่างจริงจัง ของจริงกำลังรอนายอยู่

ข้างหน้า จำไว้ ว่าอย่าให้ความอ่อนแอของนายมาทำให้ฉันเสียงาน


          สิงหามองคนที่ยังยืนถือผ้าเช็ดตัวนิ่งเป็นหุ่นยนต์อย่างขัดใจ เขาก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้วยืนชิดกับธราเทพ       

 
       “จะยืนอยู่ตรงนี้อีกนานไหม ถ้าไม่ยอมอาบเอง ฉันจะจับนายแก้ผ้าแล้วอาบน้ำถูสบู่เดี๋ยวนี้แหละ


          จบประโยคสติของธราเทพจึงได้กลับคืนมา เขารีบผลักให้ร่างแกร่งเดินถอยหลังออกไปจากห้องน้ำ แล้วปิด

ประตูใส่หน้า ธราเทพหันหลังพิงประตูไว้เมื่อรู้สึกเหมือนว่าจะทรงตัวไม่อยู่


         “โอ๊ย อยากจะบ้าตาย เขาสบถกับตัวเอง


             “นอกจากจะเผด็จการ ป่าเถื่อนแล้ว ยังหื่นอีก จะทำยังไงดีโว้ย ไอ้วิน







          สิงหาเหลือบตามองนาฬิกาสลับกับมองประตูห้องน้ำ

          ใช้เวลานานเกินไปแล้วสำหรับการอาบน้ำ ต่อให้ทำความสะอาดทุกซอกมุมก็ไม่ควรจะนานไปกว่านี้ เขาก้าวตรง

เข้าไปแล้วใช้ฝ่ามือทุบประตูรัวๆ แล้วสิงหาก็ตะโกนส่งเสียงไปหาคนที่อยู่ในห้องน้ำ


            “ทำอะไรอยู่วิน ออกมาได้แล้ว


            ไร้เสียงตอบหรือปฏิกิริยาจากบุคคลภายในห้องน้ำ สิงหาจึงได้ตะโกนต่ออีกครั้ง


            “ถ้านายยังไม่เปิดประตู ฉันจะพังประตูเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ


          สิ้นเสียงดุดัน บานประตูก็ค่อยๆ แง้มออกช้าๆ พร้อมกับศีรษะที่ผลุบโผล่อยู่ด้านหลัง ธราเทพทำหน้า

อิหลักอิเหลื่อเมื่อส่งเสียงตอบโต้


          “คุณ เอ่อ ไปยืนหันหลังอยู่ตรงมุมห้องฝั่งโน้นก่อนได้ไหม


         สิงหาเลิกคิ้วมองตอบอย่างสงสัย ธราเทพเห็นแล้วก็ได้แต่ยืนกัดริมฝีปากตัวเองอยู่หลังประตู

เขาก้มหน้ามองสภาพตัวเองที่นุ่งแต่ผ้าขนหนูของโรงแรมอยู่เพียงผืนเดียว เบื้องบนเปลือยเปล่ายังมีหยดน้ำชื้นเกาะอยู่

บางส่วน เสื้อผ้าที่ใช้แล้วหอบอยู่ในอ้อมแขน อยากจะเขกศีรษะตัวเองที่ไม่ได้คว้าเสื้อผ้าชุดใหม่เข้ามาเปลี่ยนเสียให้

เรียบร้อยในห้องน้ำ จะได้ไม่ต้องมายืนหนาวอยู่อย่างนี้

          คิดๆ แล้วก็แปลกใจตัวเองที่รู้สึกกระดากอายไปกับสายตาดุคู่นี้ ทั้งๆ ที่เขาก็แก้ผ้าอาบน้ำในวัดกับเด็กวัดด้วยกัน

จนชินชา แต่เมื่อคิดว่าถ้าเดินออกไปในสภาพนี้แล้วสิงหาจะมองมาด้วยสายตาแบบไหนเขาก็รู้สึกร้อนวูบตั้งแต่หัวจรด

เท้า


          “ทำไมต้องไปยืนหันหลังที่มุมห้องฝั่งโน้น


          น้ำเสียงยียวนถามกลับแถมยังยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมคลี่ยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ

หนุ่มน้อยที่หลบอยู่หลังบานประตูจะรู้บ้างไหมว่าเขาต้องฝืนกลั้นหัวเราะขนาดไหน


          “เออน่า บอกให้ไปก็ไปสิ ไม่งั้นก็จะนอนมันในห้องน้ำนี่แหละ


          ธราเทพหลับหูหลับตาตวาดเสียงดัง พวงแก้มสีชมพูบัดนี้แดงจัดไปถึงใบหู จนสิงหาต้องยกมือทำท่ายอมแพ้


          “โอเค โอเค ฉันจะไปยืนหันหลังที่มุมห้อง นายจะทำอะไรก็รีบทำ


          แล้วสิงหาก็หันหลังกลับก้าวไปที่มุมห้องที่ไกลที่สุด ธราเทพเห็นดังนั้นเขาก็รีบก้าวออกจากห้องน้ำมาที่กระเป๋าที่

วางเค้เก้อยู่บนเตียงแล้วรื้อค้นเสี้อผ้าในนั้นออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเพื่อพบว่าสิงหากำลัง

มองมาทางเขาด้วยดวงตาที่วาววับเหมือนแสงไฟที่สะท้อนจากแม่น้ำไนล์

           ธราเทพตัวแข็งทื่อเมื่อสิงหาเดินตรงมาคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่ยังคงวางอยู่อย่างสวยงามตรงปลายเตียงยกขึ้นมา

เช็ดผมที่เปียกชื้นของเขาอย่างเบามือ ธราเทพแทบจะหยุดหายใจเมื่อสบตากับดวงตาคู่นั้น


          “ทำไมไม่เช็ดผมให้แห้ง


           เสียงที่เคยแต่ตวาดตอนนี้กลับดุเบาๆ อย่างอ่อนโยน ธราเทพได้แต่อึ้งด้วยความคาดไม่ถึง

มือที่ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมให้คนตรงข้ามหยุดชะงักเมื่อเห็นแววตาคู่หวานที่มองมา สิงหาจ้องลึกเข้าไปใน

ดวงตาดำขลับอย่างค้นคว้า แล้วเขาก็เอียงหน้าเข้าไปใกล้เหมือนมีแรงดึงดูด

          ธราเทพหยุดการหายใจเมื่อริมฝีปากของสิงหาห่างจากใบหน้าของเขาวัดได้แค่หน่วยมิลลิเมตรจนเขารู้สึกได้ถึง

ลมหายใจร้อนผ่าวที่รินรดมาก่อนที่สิงหาจะชะงักงัน ด็อกเตอร์หนุ่มเป็นฝ่ายกระพริบตาเรียกสติพลางก้าวถอยให้พ้นจาก

ภาวะใกล้ชิด เขาปล่อยมือจากผ้าเช็ดตัวที่ยังวางอยู่บนศีรษะของธราเทพแล้วหันไปคว้าผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ที่ปลายเตียง

ของเขามาถืออยู่ในมือ


          “รีบใส่เสื้อผ้าซะ แอร์มันเย็น เดี๋ยวจะเป็นหวัด สิงหาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้วเดินเฉียดร่างของธราเทพ

เข้าไปในห้องน้ำ


          ทันทีที่ประตูห้องน้ำถูกปิดลง ธราเทพก็หายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วจึงรีบคว้าเสื้อผ้าในกระเป๋าขึ้นมาสวมอย่าง

รวดเร็วก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปนอนคลุมโปงหลับตาปี๋อยู่บนเตียง

          เลิกใจสั่นสักทีสิวะไอ้วิน แกจะบ้าหรือไงที่ไปหวั่นไหวกับไอ้คนเผด็จการ

         เขาดุตัวเองในใจเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนภายใจหน้าอกข้างซ้าย

          นี่แค่คืนแรกของการใช้ชีวิตอยู่ในอียิปต์ ยังเป็นขนาดนี้ เขาจะต้องระมัดระวังให้หนัก ธราเทพเตือนตัวเองอยู่ภาย

ใต้ผ้าห่มผืนหนา








          ทันทีที่ปิดประตูห้องน้ำสิงหาก็ใช้แผ่นหลังพิงบานประตูไว้อย่างหมดแรงแพ้อีกแล้ว

           แพ้มาโดยตลอด ทุกครั้งที่ได้สบตาแล้วมองลึกไปถึงภายใน ตั้งแต่อดีตกาลผ่านพ้นมาจนถึงปัจจุบัน เขาก็ยัง

พ่ายแพ้ แม้รูปลักษณ์ของกายหยาบจะเปลี่ยนไปตามเชื้อชาติแต่ที่ยังคงเหมือนเดิมก็คือดวงตาคู่นี้ที่ไม่ว่าเห็นเมื่อใด เขา

ต้องยอมศิโรราบไปทุกครั้งใจเย็นไว้

          อัสลาน เข้มแข็งไว้ แกคือสิงโตเจ้าป่า อย่าได้ยอมอ่อนข้อให้สมันน้อยที่กำลังตกเป็นเหยื่อเขาเตือนตัวเอง

ก่อนที่จะพุ่งตัวไปอยู่ภายใต้ฝักบัวแล้วเปิดน้ำเย็นรินรดอารมณ์ร้อนรุ่มจนเปียกปอนตั้งแต่หัวจรดเท้า





          ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่ถูกห่อหุ้มท่อนล่างด้วยผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียว

ก้าวเดินออกมา สิงหาเดินมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียงของธราเทพที่บัดนี้หลับสนิทจนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ เขาคุกเข่า

อยู่ข้างเตียง มองใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้มอย่างค้นคว้า

          ความรักที่มีให้กันในอดีตมันมากล้น จนเขายังจำความรู้สึกนั้นได้

          สิงหาโน้มตัวลง บรรจงใช้ริมฝีปากวางแนบไปกับหน้าผากมนของคนที่ตกอยู่ในห้วงนิทราอย่างแผ่วเบา
















          สุรเสียงแผดดังด้วยความเกรี้ยวกราดดังขึ้นจากภายในที่ประทับของกษัตริย์เพตเทเมนจนมาอีที่ยืนอยู่ตรงทาง

เข้าสะดุ้ง ก่อนที่รัชทายาทเพียงผู้เดียวจะก้าวพระบาทออกมาพร้อมกับพักตร์ที่เต็มไปด้วยอัสสุชลเจ้าชายราโมสชะงักไป

ชั่วครู่เมื่อเห็นมาอีผู้เป็นทั้งองครักษ์และเพื่อนสนิทยืนอยู่ แต่แค่ไม่กี่วินาที ก็ทรงก้าวพระบาทยาวๆ ออกไปจากที่

ประทับ


          “ราโมส หยุดก่อน


          มิทันที่มาอีจะได้ห้ามปราม ร่างบางอ้อนแอ้นก็วิ่งหนีหายลับทิ้งให้เขายืนละล้าละลัง เมเลสผู้เป็นองครักษ์ของ

กษัตริย์เพตเทเมนและยังเป็นบิดาของมาอี ก้าวตามออกมาแล้วสั่งเขาเสียงดัง


          “มาอี ตามเจ้าชายกลับมา


        เขาขานรับคำสั่งแล้วรีบวิ่งตามออกไป แม้ผู้เป็นบิดาไม่สั่งก็เป็นสิ่งที่เขาต้องทำอยู่แล้วมองเห็นร่างบางผิวดำแดง

วิ่งตรงไปที่คอกลา กระโดดขึ้นบนหลังลาคู่พระทัยแล้วบังคับให้มันออกวิ่งไปจากเขตพระราชวัง มาอีรีบวิ่งมาที่ลาตัวหนึ่ง

แล้วควบตามอย่างรวดเร็ว การจะติดตามเจ้าชายราโมสผู้รักการท่องเที่ยวเมื่อทรงตัวอยู่บนหลังลาไม่ใช่เรื่อง

ง่าย เมื่อพระองค์ขึ้นชื่อเรื่องการบังคับและควบลาเป็นที่หนึ่ง แต่มาอีก็ไม่ย่อท้อ

          เจ้าชายราโมสควบลาด้วยความโกรธและน้อยพระทัยจากพระบิดาจนเข้าเขตทะเลทรายท่ามกลางแสงแดดที่

แผดเผาโดยไม่สนใจเสียงเรียกตะโกนจากมาอี


          “ราโมส ข้าบอกให้เจ้าหยุด ไม่ได้ยินหรือ


          มาอีเริ่มจะโมโหเมื่อเจ้าชายราโมสยังคงดื้อดึง เขาตัดสินใจบังคับให้ลาห้อเหยียดมาที่ด้านข้างของเจ้าชาย

ราโมสแล้วกระโจนจากหลังลาเข้าใส่ร่างบางของเจ้าชายจนร่วงจากหลังลาไปพร้อมกับร่างของเขา

         มาอีและราโมสกลิ้งไถลไปด้วยกันบนทะเลทรายตามแรงเหวี่ยงจากหลังลา จนช้าลงและหยุดนิ่งในที่สุด

มาอีหยุดอยู่เบื้องบนนอนคร่อมทาบทับร่างของเจ้าชายที่นอนหงายอยู่ แต่ที่ทั้งสองต้องตกใจคือริมฝีปากของมาอีกลับ

มาทาบทับอยู่บนพระโอษฐ์อิ่มแดงเรื่อของเจ้าชายราโมส







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2015 13:49:36 โดย Belove »

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
จะปล่อยวางได้อย่างไร ในเมื่อฝันทุกคืน   :monkeysad:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ในอดีตใครจะเป็นคนทรยศหว่า จริงๆ อาจเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดก็ได้

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6
ตกลงในอดีตมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ออฟไลน์ parakoparako

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3
 :serius2:
สู้ๆนะทุกคน เข้าใจผิดเพราะคนอื่นป่าวอ่าา

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :katai1:

อารายก๊านนนน มีเรื่องใหม่มาลงหลอเนี่ย เราพลาดได้ไง  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
เกิดอะไรขึ้นกันแน่

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                         คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                             บทที่ 10


          เวลาเพียงชั่วกระพริบตา แต่เจ้าของเรือนร่างกำยำสะดุ้งราวกับเปลวไฟแผดเผาเมื่อได้สัมผัสพระโอษฐ์เรียวนุ่ม

เหมือนถูกกระชากคา(KA:วิญญาณ) ออกจากร่างจนทำให้สติเลอะเลือน

          ความรู้สึกแปลกและแตกต่างพุ่งพ้นขึ้นมาจากบ่อน้ำที่มีตะกอนในหัวใจ มันทำให้เขารับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เมื่อ

สติกลับคืนมาได้ในอีกชั่วกระพริบตาที่สบตากับผู้เป็นนายเหนือหัว ซึ่งก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กันองครักษ์หนุ่มรีบยันกายขึ้นจาก

ทีท่านั้นแล้วเหยียดตัวหน้าซีดเผือด ต่างจากเจ้าชายราโมสที่พระปรางสุกปลั่งสีแดงเรื่อ ที่มาอีไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเพราะเปลว

แดดหรือความอายกันแน่

         มาอีดึงพระกรเจ้าชายให้ทรงยืนตาม แต่เขากลับพูดอะไรไม่ออกเมื่อลอบมองพระพักตร์สุกปลั่ง

ดูราวกับว่าเขาจะเป็นคนบื้อใบ้ไปโดยสิ้นเชิง กลับกลายเป็นเจ้าชายราโมสที่ตรัสโดยไม่ทรงสบพระเนตรกับผู้ที่เป็นเพื่อน

เล่นมาแต่เยาว์วัย


“ลาสองตัววิ่งหายไปในทะเลทรายเสียแล้ว เป็นเพราะเจ้าที่กระทำการบ้าบิ่นอย่างนี้


“หากว่าข้าไม่กระทำอย่างนี้ คงไม่สามารถหยุดเจ้าได้หรอก ราโมส


         มาอีฝืนตอบกลับไปอย่างเป็นปกติ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจตนว่า สิ่งที่เรียกว่าปกติมันได้หายไปแล้วจาก

เหตุการณ์เมื่อครู่


“แล้วทีนี้จะทำอย่างไรเล่า เจ้าคนบ้าบิ่น


เจ้าชายราโมสตรัสถามด้วยสุรเสียงหงุดหงิด มาอีได้แต่ถอนใจเมื่อจำเป็นต้องตอบ


“เดิน


สั้นๆ ง่ายๆ แต่ก็ทำให้เจ้าชายราโมสเบิกพระเนตรกว้าง


“เดิน จากที่นี่กลับคืนวัง เจ้าจะพูดอย่างนั้นใช่ไหม


มาอียักไหล่เมื่อได้ยิน


“ข้าพูดคำว่า เดิน คำเดียว ที่เหลือเจ้าเป็นคนพูด แต่เพราะเจ้าคือเจ้าชายราโมส โอรสของกษัตริย์เพตเทเมน ข้าจะ

ถือว่าคำพูดที่เหลือคือกระแสรับสั่ง ดังนั้นออกเดินได้แล้วราโมส


เจ้าชายราโมสตวัดสายพระเนตรคมไปที่ใบหน้าเฉยชาของมาอีอย่างหงุดหงิด

นอกจากผู้เป็นพระบิดาแล้ว คนที่จะสามารถทำให้เจ้าชายยอมได้ ทั่วหล้าคงจะมีแต่เทพรา

และมาอีเท่านั้น

           เจ้าชายราโมสหันพระวรกายเตรียมทรงพระดำเนินกลับพระราชวัง แล้วก็ต้องชะงักงันเมื่อเห็นละอองทรายที่

หมุนวนจนเห็นเป็นเปลวสูงใหญ่ ออกไปอยู่ไม่ไกล เจ้าชายราโมสเบิกพระเนตรกว้าง พร้อมตรัสอย่างตกพระทัย


“ไม่ทันแล้วมาอี พายุทรายมารอเจ้าอยู่ตรงโน้นแล้ว








          ร่างที่คล้ำไปด้วยเปลวแดดวิ่งนำผู้เป็นเจ้าชายเข้ามาในวิหารเก่าแก่ พลางหันไปมองอย่างเป็นห่วง

เมื่อเห็นว่าเจ้าชายราโมสตามมาติดๆ จึงได้คลายกังวล

         จะเอาอะไรแน่นอนกับทะเลทราย ที่จู่ๆ ก็เกิดลมกรรโชกที่หอบเอาเม็ดทรายจำนวนมหาศาลลอยละลิ่วขึ้นไปหมุน

วนอยู่กลางอากาศ หากใครหนีไม่พ้น หลุดอยู่ในวังวนแห่งทราย สิ่งที่เหลืออยู่คงมีเพียงร่างกายที่ไร้คา(วิญญาณ) รวม

ทั้งปอดที่อัดแน่นไปด้วยละอองทราย

          เมื่อรู้ว่าปลอดภัยเนื่องจากมีแหล่งหลบภัยแล้ว มาอีจึงมองไปโดยรอบวิหาร แม้ภายนอกจะยังเป็นเวลาบ่ายจัด

แต่ภายในวิหารเก่าแก่กลับมืดครื้มเนื่องจากไม่มีช่องให้แสงสว่างลอดเข้ามาได้ เจ้าชายราโมสดำเนินตามรอยเท้าของ

มาอีเข้ามาด้านใน และมาหยุดยืนเคียงข้างกันเมื่อถึงโถงกว้างที่มีรูปสลักจากหินตั้งอยู่เด่นชัด

เจ้าชายราโมสทอดพระเนตรไปที่รูปสลักนั้น พลางตรัสขึ้นด้วยสุรเสียงเคารพ


         “รูปสลักเทพีไอซิส เทพีแห่งความรัก


          มาอีมองอย่างสนใจ เมื่อตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้ข้องแวะกับการบูชาเทพีแห่งความรัก

จะมีก็แต่เทพราเท่านั้นที่เขาให้ความเคารพ

          ดวงตาจากรูปสลักที่มีรูปร่างเป็นอิสตรีงดงาม มงกุฎที่สวมเหนือศีรษะเป็นทรงตั้งคล้ายขั้นบันได

เหมือนจะทอดสายตามองมาทางเขาอย่างปราณี

         “ไม่นึกว่าเจ้าจะรู้จักเทพีไอซิส

         “ข้าไม่ใช่คนไร้หัวใจอย่างเจ้านี่ มาอี

     
          สุรเสียงสำเนียงแปลกหูตอบโต้เพื่อนตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ไม่รู้ทำไมมาอีจึงได้รู้สึกว่าสิ่งที่เจ้าชายตรัสออกมา มี

น้ำเสียงคล้ายตัดพ้อ ค่อนขอด

          “ข้าเป็นนักรบ ข้าจึงได้บูชาเทพเจ้าที่จะทรงประทานพรให้ข้าประกอบกิจสำเร็จ หาใช่นักรักที่ต้องบูชาในเรื่อง

แห่งรัก

         “คนที่มีความรัก ไม่จำเป็นต้องเป็นนักรัก คนเราทุกคนต้องมีความรักด้วยกันทั้งนั้นไม่เว้นแม้แต่ข้ากับเจ้า


         เมื่อได้ฟังสุรเสียงขมขื่นจบลง หัวใจของมาอีก็กระตุกวาบ

         อะไรคือความรัก มาอีถามตัวเอง เมื่อตลอดเวลายี่สิบห้าปีที่ผ่านมาเขายังไม่เคยใช้คำว่ารักกับใคร

แม้หญิงสาวทั่วแดนไอยคุปต์พร้อมที่จะพลีกายให้เขา ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหญิงราบีอาที่ทรงปรารถนามาอี

เองก็ดูออก และแม้เขาจะปลดปล่อยอารมณ์รุ่มร้อนไปกับหญิงงามอยู่บ้าง แต่ไม่มีใครที่มาอีจะใช้คำว่า

รัก และต้องการเป็นคู่ชีวิต

          และถ้าแม้นจะมีสตรีใดที่อยากจะใช้ชีวิตเคียงคู่กับเขา จะทนได้หรือไม่ในเมื่อเขามีชีวิตผูกพันอยู่กับร่างบางที่ยืน

อยู่เคียงข้างในตอนนี้


         “เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าทะเลาะอะไรกับท่านพ่อ


         เจ้าชายราโมสทรงหันมาถาม มาอีได้แค่ส่ายหน้า

         “ท่านพ่อทรงบังคับให้ข้าแต่งงานกับราบีอาเสียที หลังจากที่ข้าผลัดผ่อนมานานแล้ว


         มาอีใจหายเมื่อเห็นดวงเนตรงามคลอไปด้วยอัสสุชล พร้อมกับพระดำรัสที่เต็มไปด้วยความอัดอั้น

เมื่อทรงหันไปทอดพระเนตรรูปสลักของเทพีไอซิสอย่างน้อยพระทัย

          “ทำไม ท่านไม่อำนวยพรให้ข้าบ้างเทพีไอซิส เสียแรงที่ข้าเฝ้าบูชา เสียแรงที่ข้า…”

           มาอีไม่รั้งรอที่จะดึงไหล่บางให้หันกลับมา แล้วเขาก็ประทับริมฝีปากลงกับโอษฐ์อิ่ม

เจ้าชายราโมสพระวรกายนิ่งแข็งราวกับรูปสลักเมื่อถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวอีกครั้ง และครั้งนี้มัน

แตกต่างจากเมื่อครู่กลางทะเลทราย

          สัมผัสแรกเมื่อครู่ใหญ่แม้จะเพียงบางเบาแต่ก็ทำให้วรกายสั่นสะท้านเมื่อริมฝีปากแห้งกร้านอย่างคนที่ไม่รู้จัก

ดูแลตนเองของมาอีประกบแนบลงมา แต่ครั้งนี้มันยิ่งกว่านั้นหลายเท่าพันทวี เมื่อมันเป็นความจงใจที่มาอีตั้งใจกระทำ

ริมฝีปากร้อนกดเบียดลงไป มันช่างอ่อนโยนราวกับจะปลอบโยนเหมือนสมัยที่ยังทรงพระเยาว์แล้วกรรแสงเรียกหาพี่

ชาย แต่มันก็ปนเปไปด้วยความเร่าร้อน จนทำให้เลือดในพระวรกายเดือดพล่านพระหทัยเต้นรัวจนแทบจะขาดใจ ยิ่งเมื่อ

ปลายลิ้นร้อนแตะรุกดึงดันให้เรียวโอษฐ์เผยอกว้าง ก่อนที่มาอีจะสอดเข้ามาวางลงเหนือพระชิวหาแล้วเกี่ยวกระหวัดคลุก

เคล้า

         มาอีใช้มือสองข้างประคองพักตร์เรียวให้กระชับ ยิ่งทำให้จุมพิตหวานล้ำจนแทบสิ้นสติค่อยๆถอดถอนริมฝีปาก

ออกมา แต่มาอีก็ยังคลอเคลียอยู่ใกล้พระนาสิกเมื่อเขาพูดด้วยเสียงสั่นไหว


         “อย่าได้ต่อว่าองค์เทพีเช่นนั้น องค์เทพีทรงอำนวยพรให้เจ้าแล้ว ข้ารู้ตัวแล้วว่าข้ารักเจ้า ราโมสของข้า


         มาอีวางมือหนาลงแนบพระปฤษฎางค์แล้วรั้งวรกายเข้าสู่อ้อมกอด ก่อนที่จะกระซิบแผ่วเบาที่ข้างพระกรรณ


         “ตอบข้าต่อหน้าองค์เทพี ว่าคนที่เจ้ารักใช่ข้าหรือไม่ ราโมสของข้า


          พระเนตรงามราวกับดวงตาของสมันน้อย เต็มไปด้วยอัสสุชล แต่ครานี้เป็นอัสสุชลจากความตื้นตัน เมื่อทอด

พระเนตรใบหน้าของคนที่อยู่ในหัวใจตลอดมา เจ้าชายราโมสพยักพระพักตร์ตอบรับ แต่มาอีกลับส่ายหน้าพร้อมกับ

ดวงตาพราวระยับ


         “ไม่ได้ อย่าได้แต่พยักหน้า จงตอบรับข้าด้วยคำพูดของเจ้า ราโมสที่รัก

          พระปรางสุกปลั่งสีแดงเรื่อ เมื่อเจ้าชายตรัสออกมา


          “ข้า ข้ารักเจ้ามาตลอด มาอี รักโดยที่เจ้าไม่เคยรู้ไม่ใส่ใจ เจ้าคือสาเหตุที่ทำให้ข้าแต่งงานกับราบีอาไม่ได้


          สิ้นกระแสดำรัส มาอีก็จุมพิตอีกครั้ง พร้อมกับดันพระวรกายบอบบางให้ล้มตัวลงไปกับพื้นแล้วจึงเอนตัวเองลง

ทาบทับไว้

          อา เทพีไอซิส เทพีแห่งความรักเป็นพยานข้าจะมอบความสุขให้แก่คนที่ข้ารักภายใต้คำอำนวยพรจากท่าน

          ปลายนิ้วแม้จะหยาบกร้านจากการกุมอาวุธแต่เมื่อแตะต้องลงมากลับทำให้วรกายร้อนผ่าวไปทุกจุดเมื่อมาอี

ค่อยๆ เกี่ยวพระภูษาให้หลุดออกทีละชิ้นติดตามด้วยเรียวปากที่แต้มไล้ตามมาในทุกส่วน พระปัสสาสะแทบสะดุดเมื่อมา

อีเลื่อนตัวสูงขึ้นมาสบตาอีกครั้งในคราวที่เนื้อตัวเปลือยเปล่าแนบชิด ปรางนวลแดงก่ำเมื่อดวงตาคู่คมมองมาด้วยอาการ

วอนขอ ก่อนที่ริมฝีปากของมาอีจะก้มลงมาดูดเม้มที่พระศอไล่ลงมาจนถึงยอดพระถันโดยที่พระองค์เอ่ยคำทัดทานไม่

ออก ซ้ำยังโอนอ่อนตามด้วยความรักที่เปี่ยมล้น แผ่นปฤษฎางค์ที่ทอดตัวไปกับพื้นที่เต็มไปด้วยเม็ดทรายกลับไม่เจ็บ

แม้แต่น้อยเมื่อรู้สึกราวกับพระกายเบาหวิวคล้ายขนนกที่ลอยละล่องไปตามสายลม

           มาอีแตะเนื้อต้องตัวอย่างถนอมเป็นกำลัง ด้วยตลอดมาเข้าใจเพียงว่าร่างแบบบางที่อยู่ข้างใต้เป็นเจ้าชีวิตแต่

เมื่อได้รู้อย่างถ่องแท้ว่าเจ้าชีวิตผู้นี้รวบตำแหน่งเจ้าหัวใจไว้ด้วย มาอียิ่งเทิดทูนเหนือสิ่งใด สิ่งที่เขากระทำลงไปด้วย

ความรัก
และใจภักดิ์ที่เขามีแด่เจ้าชายราโมสมาตลอดชีวิต

          ชิวหาอุ่นของมาอีลากไล้แตะต้องไปทั่วพระนาภี จนเจ้าชายราโมสสั่นไปทั้งพระกายด้วยความอ่อนเยาว์เดียงสา

พระอุรุเนียนนุ่มถูกแยกให้กว้างด้วยต้นขาแข็งแกร่งของราชองครักษ์ ฝ่าพระหัตถ์อันสั่นไหวจึงได้ยื้อยุดแผ่นอกหนาให้

อยู่นิ่ง ด้วยพักตร์ที่แดงเรื่อ


        “ข้ากลัว

          รับสั่งเบาๆ พลางหลบสายตาวาววับที่จ้องมอง มาอียึดข้อพระกรนั้นไว้แล้วดึงให้เอื้อมมาโอบรอบเอวของเขา

แทน เขาฝังจมูกลงที่ซอกพระศอระหงพลางพึมพำแผ่วเบา


          “กลัวอะไรเล่าราโมสของข้า ทุกอย่างคือพรขององค์เทพีไอซิสที่อำนวยพร ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขอย่าง

ที่สุด
          พระโอษฐ์ที่เตรียมจะส่งเสียงถูกปิดลงจนเงียบงันด้วยริมฝีปากของมาอี เหลือเพียงลมหายใจที่สอดประสาน

ก่อนที่สะโพกหนาจะแทรกกายเข้าไปในช่องทางอันแสนสวยทีละน้อย เนตรงามเบิกกว้าง ความเจ็บปวดที่ช่องทางถูกรุก

รานแม้จะนิ่มนวลเพียงใดก็ยังรู้สึกได้จนต้องร่นพระกายหนี แต่ก็ทรงขยับไปทางใดมิได้เพราะมาอีกดน้ำหนักตัวลงมาให้

ทรงอยู่นิ่ง และยิ่งบดเบียดปลายลิ้นอุ่นชื้นคลอเคล้าเรียกร้องความสนใจจนทรงลืมความเจ็บปวดเมื่อมาอีค่อยๆ ขยับตัว

เบียดแทรกเข้ามาเรื่อยๆ จนสำเร็จ

          “โอ มาอี ขะ ข้า…”


            ทรงปล่อยสุรเสียงสั่นพร่าเมื่อมาอียอมให้อิสระกับโอษฐ์อิ่มแล้วเลื่อนปลายลิ้นมากลืนกินที่ยอดพระถัน

พระสณีถูกมือแกร่งช้อนจนยกลอยเพื่อผสานร่างกายให้ยิ่งลีกล้ำแทบจะกลายเป็นหนึ่งเดียวเมื่อมาอีบรรจงขยับตัวเชื่อง

ช้าปลุกเร้าไฟแห่งรักให้ยิ่งกระพือโหมเนื้อตัวแนบชิดแม้เปรอะเปื้อนไปด้วยเม็ดทรายแต่ไม่ได้ทำให้ยอมห่างออกจากกัน

แม้แต่ปลายเล็บ มาอีเคลื่อนตัวดึงเจ้าชายน้อยล่องลอยขึ้นไปบนสวรรค์พร้อมพร่ำรำพันคำรักไม่มีหยุด


          “ราโมสของข้า ความรักของข้ามีให้แด่เจ้าคนเดียวเท่านั้น






            ธราเทพสะดุ้งเฮือก ผวาลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับยกมือขึ้นกุมหัวใจเมื่อรู้สึกว่ามันเต้นเร็วและแรงทำไมเขาจึงได้

รู้สึกร่วมไปกับความฝันราวกับตัวเขาเป็นส่วนหนึ่งของมัน เขาไม่เข้าใจเลย

         เมื่อหายงัวเงียแล้ว ธราเทพหันไปมองเตียงข้างๆ ก็เห็นว่ามีแต่ความว่างเปล่า เขาจึงมองไปที่ห้องน้ำจึงเห็นว่า

ปิดอยู่ เหลือบตามองนาฬิกาจึงได้รู้ว่ายังเช้ามืดอยู่มาก แต่สิงหากลับตื่นนอนก่อนทั้งที่เขาเป็นฝ่ายหลับไปก่อนแท้ๆธรา

เทพคว้าคอมพิวเตอร์ของเขาขึ้นมาเปิดแล้วต่อเข้ากับไว-ไฟของโรงแรมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพุ่งสมาธิคลิกหาข้อมูลที่

สงสัย


          “ตื่นเช้าดีนี่

          เสียงดังจากเบื้องหลัง ธราเทพหันขวับไปมอง เมื่อเห็นสภาพของคนที่ยืนพิงกรอบประตูห้องน้ำมองมาแล้ว

ธราเทพก็รีบหันกลับมาแทบไม่ทันจะมองได้อย่างไรในเมื่อสิงหานุ่งผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวพันไว้รอบเอวอย่างหมิ่นเหม่

หยดน้ำยังเกาะพราวอยู่ที่เนื้อตัว มันทำให้ธราเทพหัวใจเต้นรัวอย่างหาสาเหตุไม่ได้


        “ก็ตื่นเป็นปกติแหละ อยู่วัดก็ตื่นประมาณนี้

        เขาหลับหูหลับตาตอบ ได้ยินเสียงหัวเราะหึหึ ตามหลังมา

        “ก็ดีแล้ว งานนี้ต้องเริ่มแต่เช้า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาปลุก

          เมื่อธราเทพลืมตามองอีกทีก็ต้องสะดุ้ง เมื่อร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อเดินมานั่งอยู่ใกล้เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็

ไม่รู้

          “ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัว จะได้ลงไปกินอาหารเช้า ถ้านายช้าฉันจะจับนายอาบน้ำเอง

         “เออ ไม่ต้องขู่ ไปอาบเดี๋ยวนี้แหละ

          ธราเทพทำใจดีสู้เสือตอบกลับเสียงแข็ง ก่อนที่จะลุกขึ้นไปคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำก่อนที่จะก้าวยาวๆ ออก

มาอีกครั้ง เพื่อคว้าเสื้อผ้าชุดใหม่เข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำด้วย สิงหามองตามการกระทำของธราเทพ อดไม่ได้ที่จะ

หัวเราะออกมาเบาๆแล้วเดินไปแต่งตัวเมื่อแต่งตัวเสร็จแล้ว ยังไม่เห็นว่าธราเทพจะออกจากห้องน้ำ ด็อกเตอร์หนุ่มจึงถือ

วิสาสะมองเนื้อหาในคอมพิวเตอร์ที่ยังเปิดหน้าจอค้างไว้ ใบหน้าที่สดใสก็เริ่มเปลี่ยนกลับเป็นบึ้งตึงอีกครั้งธราเทพเดิน

อกจากห้องน้ำเมื่อเห็นใบหน้าของสิงหา เขาจึงมองอย่างไม่เข้าใจว่ามีอะไรที่ไปสะกิดโหมดโกรธเกรี้ยวเข้าอีก         

          “นายกำลังหาข้อมูลอะไรอยู่วิน
 
        “ผมก็กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับนายมาอีอะไรนี่อยู่น่ะสิ ผมคิดว่าน่าจะเป็นคีย์สำคัญในเหตุการณ์เลยแหละ นี่ก็เริ่ม

จากหาความหมายของชื่อก่อน มันคุ้นๆ แต่ยังหาไม่เจอ…”

          “ไม่ต้องหาหรอก เสียเวลา ฉันบอกให้ก็ได้

         สิงหาหรืออัสลานที่แปลว่าสิงโตในภาษาตุรกี เหยียดกายตรงเมื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น


        “มาอี แปลว่า สิงโต


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2015 10:00:52 โดย Belove »

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ค่อยๆเผยออกมาที่ละน้อยๆ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
คนที่สาปนี่คือราบีอาหรือเปล่า  แล้วจะแก้ยังไงละนี่

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                                        คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                          บทที่ 11



        “มาอีแปลว่าสิงโต”

        ธราเทพหน้าเผือดสี นี่เป็นสิ่งที่คนอื่นเขาเรียกกันว่าบังเอิญหรือเปล่าที่ความหมายของชื่อคนที่อยู่ในหน้า

ประวัติศาสตร์กับคนที่อยู่ตรงหน้าเขาดันมีความหมายเดียวกัน

         ธราเทพมองสบดวงตาคมกริบนั่นอย่างสงสัยจนผู้เป็นเจ้าของดวงตาก้าวเดินมาใกล้


        “ทำไม นายมีปัญหาอะไรกับมาอีหรือ”

          ธราเทพงงกับคำถาม เขาหรือจะมีปัญหากับมาอี ก็คนตายไปตั้งหลายพันปี จะไปมีปัญหาตรงไหน  แต่เมื่อเห็น

แววตาจริงจังคู่นั้นธราเทพก็ได้แต่ยักไหล่เป็นการปฎิเสธ

สิงหาขบกรามจนเป็นสันเมื่อเอ่ยถามคำถามต่อไป


          “นายคิดยังไงกับมาอี”

          ถามแปลกอีกแล้ว ธราเทพไม่เข้าใจว่าทำไมสิงหาต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแทนมาอีนักหนา คิ้วสวยเลิกขึ้นเมื่อเขา

ตอบคำถามของสิงหา


          “ก็จะให้รู้สึกอะไร รู้จักกันหรือก็เปล่า ผมเพิ่งจะเคยได้ยินชื่อนี้ไม่กี่ครั้งเองนะ”

          ถ้าไม่นับเรื่องราวในฝัน ธราเทพแอบต่อประโยคนี้ในใจ แต่เขาไม่รู้เลยว่าคำตอบเหล่านั้นยิ่งทำให้เชือกเกลียวใน

ใจของสิงหายิ่งขมวดเกลียวซ้ำซ้อนมากขึ้นไปอีก

          ความรู้สึกทั้งหมดมันปนเปไปด้วยความผิดหวังขมขื่นและคับแค้น ที่เขาเฝ้าอุตส่าห์ตามหามาเนิ่นนาน ไม่ว่า

เหตุผลที่เขาติดตามด้วยอะไรก็ตาม แต่สิงหาก็ยังจำความรักที่มีซึ่งกันนั้นได้ แต่ธราเทพกลับจำความรู้สึกนั้นไม่ได้ ไม่มี

อะไรที่ติดอยู่ในความทรงจำของคนที่เขาเฝ้าตามหาเลยแม้แต่อย่างเดียว

          ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

          สิงหาเตือนตัวเอง มันยิ่งย้ำชัดกับเขาว่าจิตใจของราโมสไม่ได้มีอะไรที่ผูกพันกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะ

ในอดีตหรือปัจจุบัน มิเช่นนั้นราโมสคงไม่หลอกให้เขาตายใจจนพบจุดจบ คงมีแต่เขาฝ่ายเดียวที่เฝ้าถวิลหาอยู่ลึกๆ ใน

รอยแค้น

          พอเถอะ…

         นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะเจ็บปวด สิงหาย้ำกับตนเอง

          ความรักคือสิ่งที่หลอกลวง แค่ทำภาระกิจให้สำเร็จทุกอย่างที่ผูกพันกับคนตรงหน้าจะจบสิ้นลง


          “เตรียมตัวลงไปกินอาหารเช้าแล้วออกไปทำงานให้คุ้มค่าจ้าง แล้ววันนี้อย่าให้ความอ่อนแอของนายมาทำให้งาน

เสียหายอีกล่ะ”

          กระชากเสียงแข็งใส่ธราเทพแล้วสิงหาก็เดินไปกระชากประตูก่อนที่จะก้าวออกไป เขาปิดประตูตามอย่างแรงจน

เสียงดังสนั่น ธราเทพได้แต่สะดุ้งตามเสียง


         “นอกจากเผด็จการ บ้าอำนาจหื่นกามแล้วยังเจ้าอารมณ์อีก โอย ไอ้วิน แกจะรับมือไหวไหมเนี่ย”

          ธราเทพบ่นกับตัวเอง แล้วจึงเดินตามสิงหาออกไป







          “วันนี้จะขุดเจออะไรอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตื่นเต้นดีแฮะ”

          ภูหิรัณย์ที่เดินคู่มากับธราเทพเอ่ยขึ้นเมื่อมาถึงปิรามิด

          “แค่เมื่อวานที่ขุดเจอตำราปาปิรัสใกล้ที่ฝังพระศพกษัตริย์ราโมส อาจารย์วาโยก็ตื่นเต้นอย่างกับถูกหวย”


          “มึงอยู่กับอาจารย์แล้วเป็นไงมั่ง”

          ธราเทพหันมาถามเพื่อนเลยได้เห็นใบหน้าที่ขึ้นสีแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัดของภูหิรัณย์ เขาได้แต่เลิกคิ้วขึ้นอย่าง

แปลกใจกับท่าทางแปลกๆของเพื่อน


          “อาจารย์เค้าก็สอนกูดี แต่บางทีเค้าก็หมกมุ่นอยู่กับปิรามิดนี่จนไม่ได้ดูแลตัวเอง”

          “งั้นมึงก็เป็นฝ่ายไปดูแลอาจารย์สิ”

          ธราเทพแกล้งแหย่เล่นแต่มันกลับได้ผลเกินคาด เมื่อคนเป็นเพื่อนหน้าขรึมลง

         “กูก็อยากทำอย่างที่มึงว่า แต่มึงคิดว่ามันจะเหมาะเหรอที่กูจะทำอย่างนั้น”

          ภูหิรัณย์เอ่ยเสียงเครียด เมื่อเดินมาถึงเต็นท์ที่พักคนงานแล้วทั้งคู่ก็คว้าเครื่องมือมาถือไว้

         “เฮ้ย นี่มึงซีเรียสป่ะ เซน”

          ธราเทพหันมามองเพื่อนอย่างจริงจัง

          “มึงคิดไรกับอาจารย์วาโยหรือเปล่าเนี่ย”

         ภูหิรัณย์อึ้ง ก่อนที่ถอนหายใจออกมา

          “แล้วถ้ากูคิดจริง มึงว่าไงล่ะ ไอ้วิน”

          ธราเทพเป็นฝ่ายอึ้งไปบ้างเมื่อได้ยินคำยอมรับจากปากของคนเป็นเพื่อน เขานิ่งคิดไปชั่วครู่แล้วตอบเพื่อนในสิ่งที่

คิด

          “กูจะว่าอะไรมึง เรื่องอย่างนี้ใครจะไปห้ามได้ กูแค่เป็นเพื่อนก็ได้แต่คอยเตือนแล้วก็อยู่ข้างๆ มึง

แต่ที่กูทึ่งคือ ทำไมมึงถึงได้ยอมรับได้ง่ายๆ”

          ภูหิรัณย์หันมามองหน้าธราเทพเมื่อก้าวเข้าไปในเขตทางเข้าปิรามิด

           “เรื่องของความรู้สึก ยิ่งรู้และยอมรับได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีนะมึง ถ้ายิ่งปฏิเสธคนที่เจ็บปวดก็มีแต่ตัวเราเท่านั้น

แหละ”

          ธราเทพได้แต่นิ่งเมื่อคิดตามคำพูดของเพื่อน ก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปมองตามเสียงเรียกคุ้นหู


          “อ้าว ไอ้ก้อย”

          ธราเทพทักทายอย่างดีใจเมื่อเห็นร่างผอมของวริษฐาก้าวตรงเข้ามาหา

          “แกสองคนเป็นไงบ้าง” หญิงสาวเพียงคนเดียวของกลุ่มเอ่ยถามอย่างยินดีเมื่อได้เจอหน้าเพื่อน

          “ก็ตามอัตภาพว่ะ แล้วแกล่ะ อยู่กับน้าของแกเป็นไง”

           วริษฐายักไหล่ เบ้ปากเมื่อธนทัตถามจบ

           “เถียงกันเรื่อยแหละ ความจริงคือฉันกับน้าอัคนีน่ะไม่ค่อยจะลงรอยกันมาตั้งแต่ฉันเกิดได้มั้ง นี่คิดยังไงไม่รู้ ถึงให้

มาเป็นลูกมือ”

          “เอาเหอะน่า ดีแล้วที่แกมา พวกเราจะได้เจอกันบ่อยๆ ไงล่ะ”

          วริษฐายิ้มออกมาได้ เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หญิงสาวถามละล่ำละลัก

“จริงนะวินเจอเราบ่อยๆ ไม่เบื่อแน่นะ”

          “จะเบื่อได้ไงล่ะ แกเป็นเพื่อนเรานะโว้ยก้อย”


          “คุยกันเสร็จหรือยังก้อย น้าบอกว่าอย่าโอ้เอ้ไง”

           เสียงเข้มงวดของด็อกเตอร์อัคนีดังขึ้น เมื่อเจ้าตัวเดินมาทำหน้าบึ้งต่อหน้าลูกศิษย์

          “หนูมาทักทายเพื่อนแป๊บเดียวเองนะ น้าอัค” วริษฐาประท้วงเสียงดัง จนผู้เป็นน้าส่งเสียงเอ็ด

          “แป๊บเดียวมันก็เสียเวลาอยู่ดี พวกเธอก็เหมือนกัน อย่ามาชวนก้อยคุยมากนัก”

          “เด็กคุยกันนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกมั้งครับพี่อัคนี”

           เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้ๆ ก่อนที่ร่างสูงเจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาในวงสนทนา ธราเทพแปลกใจที่ตนเองรู้สึกใจชื้น

และอบอุ่นที่สิงหาเข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์



          “ไม่ทันไรก็เข้าข้างเด็กของคุณแล้วนะอัสลาน” อัคนีพุ่งความสนใจไปทางสิงหาแทน

          “เอาเถอะ แค่บอกเด็กของคุณอย่ามาพูดคุยกับหลานของผมมากนักก็แล้วกัน ผมไม่ชอบให้ใครมาแอบสืบข้อมูล

ที่ผมได้ ไปยัยก้อยไปทำงานได้แล้ว”

          อัคนีลากแขนวริษฐาออกไปจากวงสนทนาอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน สิงหาได้แต่ส่ายหน้า

อย่างระอา


           “เซน ไอ้โยเรียกให้ไปช่วยด้านโน่นแน่ะ”

             ภูหิรัณย์กระตือรือล้นขึ้นมาทันทีพลางขอตัวเดินตรงไปทางวาโยอย่างรวดเร็วปล่อยให้ธราเทพเผชิญหน้ากับ

สิงหาอีกครั้ง

            หนุ่มน้อยพลัดถิ่นมองตามหลังเพื่อนแล้วสืบเท้าก้าวตาม ก่อนที่จะชะงักเมื่อแขนเรียวถูกยึดไว้ด้วยมือของสิงหา

           “จะไปไหน”

           หน้าดุถามเสียงเข้มจนธราเทพหายใจไม่ทั่วท้อง

           “จะไปช่วยอาจารย์กับไอ้เซนไง”

          “ไม่ต้อง หน้าที่ของนายคือผู้ช่วยของฉัน”

          สิงหากระแทกเสียงพลางออกแรงบีบที่ยึดแขนของธราเทพไว้จนเจ้าตัวนิ่วหน้า ก่อนที่เขาจะลากแขนนั้นให้เดิน

ตาม โดยไม่สนใจการขัดขืนของธราเทพ

           "เจ็บนะ บอกกันดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องบังคับกันด้วย”

          หนุ่มน้อยกระชากเสียงพลางยกมือขึ้นคลำที่แขนทันทีที่สิงหายอมปล่อยมือ เมื่อมาถึงเต็นท์ที่แยก

ออกมาไกลจากเต็นท์อื่น เต็นท์นี้เป็นทรงปิดโดยรอบ ทำให้มิดชิดจากสายตาผู้คนและยังนำเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่

มาติดตั้ง จนอากาศภายในเย็นสบายกว่าด้านนอก

          สิงหาไม่สนใจคำต่อว่า เขาออกคำสั่งชัดเจนกับธราเทพ


          “หน้าที่ของนายคือที่นี่ นายต้องมาเป็นผู้ช่วยของฉันในการดูแลสิ่งที่ทีมเราขุดค้นขึ้นมาให้เป็นความลับ และ

ค้นคว้าข้อมูลของสิ่งที่ขุดมาได้”

           ธราเทพเพิ่งได้มีโอกาสกวาดสายตาไปรอบๆ จึงได้เห็นว่าในเต็นท์มีแต่สิ่งที่ได้รับการค้นพบจาก

ปิรามิดวางอยู่บนโต๊ะกว้างกลางเต็นท์ ทุกอย่างบรรจุอยู่ในซองพลาสติกรอการหาคำตอบ

            ร่างสูงของสิงหาก้าวเข้ามาใกล้


           “มันเป็นหน้าที่ของนาย ที่จะหาคำตอบและทำให้ความจริงที่ไม่มีใครเคยรู้ให้กระจ่างแจ้ง”

            หน้าที่ที่นายจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำไว้ในอดีต

             สิงหาต่อประโยคนั้นจนจบอยู่ในใจ






          ทันทีที่กลับมาถึงเขตรโหฐานในเขตพื้นที่ส่วนพระองค์ของเจ้าชายราโมสเมื่อเวลาอาทิตย์อัสดง ร่างกำยำคล้ำ

ด้วยไอแดดก็คว้าพระกรนุ่มมาเกาะกุมประสานไว้ แล้วจับจูงให้เดินไปในเขตสวนที่มีต้นไม้ทะเลทรายนานาพรรณจนมา

ถึงสระน้ำที่ขุดไว้กลางสวนประดับประดาไว้อย่างสวยงาม

          มือแกร่งดึงข้อพระกรจนพระวรกายเอนเข้ามาสู่อ้อมอก แล้วมาอีจึงได้สวมกอดแนบชิดพลางคลอเคลียริมฝีปาก

ไปที่พระปรางเนียนนุ่ม


          “บอกข้าอีกสักครั้งว่าข้าไม่ได้ทำให้เจ้าเจ็บปวด”

          พักตร์หวานตวัดสายพระเนตรผ่านใบหน้าคมพร้อมตรัสด้วยสุรเสียงแง่งอน

          “เจ้าทำเราเจ็บ”

          ดำรัสยอกย้อนเรียกรอยยิ้มขึ้นได้บนหน้าขรึม และผู้เป็นเจ้าของยิ่งกระชับอ้อมกอดเข้ามาจนแทบไม่เหลือช่องว่าง


          “งั้นบอกข้ามาอีกทีว่าข้าไม่ได้ทำให้เจ้ามีความสุขประหนึ่งขึ้นไปอยู่บนสวรรค์”

          พระพักตร์ของเจ้าชายราโมสเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเมื่อได้ยินคำถาม พลางหันไปทางอื่นอย่างขัดเขิน

          “ทำไมไม่เอื้อนเอ่ยคำตอบ” มาอีทวง พลางฝังจมูกโด่งไปที่พระปราง

         “ก็ได้ มาอี เจ้าทำให้ข้ามีความสุข พอใจหรือยัง”

           สุรเสียงยิ่งตรัสยิ่งขัดเขินเบาหวิว มาอีได้แต่หัวเราะออกมาแล้ววางมือแนบพักตร์เรียว


            “ยัง ข้าจะพอใจก็ต่อเมื่อข้าทำให้เจ้าได้มีความสุขอยู่เรื่อยไป ราโมสที่รักของข้า”

           มาอีก้มลงไปจุมพิตที่โอษฐ์งามอย่างเร่าร้อน โดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำทั้งหมดอยู่ในสายตาของใครบางคน


             สายตาที่ริษยา เคียดแค้น จนแทบระเบิด







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2015 10:36:53 โดย Belove »

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ขื่นขม   :ling3:

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :katai1: ยัยเจ้าหญิงอารบีแน่ๆเลย ว่าแต่ชาตินี้มันเป็นใครหว่า  :serius2:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ใครคือตัวแปรทำให้สองคนนี้เข้าใจผิดกันนะ

ออฟไลน์ กาลณัฐ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
นังน้องราโมสแน่ ที่เป็นตัวการให้ผิดใจกับมาอี
 :fire: :fire:

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ต้องเป็นยัยเจ้าหญิงขี้อิจฉาแน่ๆ

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                                    คำสาปร้าย พ่ายรัก

                                                           บทที่ 12


พระวรกายอวบอัดทรงก้าวพระบาทตรงมาทางที่ประทับของพระสนมเซฟเทตผู้เป็นมารดาอย่าง

รวดเร็วพระพักตร์งามบึ้งตึ้งด้วยทรงกริ้วจากภาพที่เห็น มันช่างทำร้ายจนพระหทัยแทบระเบิดด้วยความริษยา

นี่เองคือสาเหตุที่ทำให้ราโมสไม่ยอมเข้าพิธีอภิเษก เป็นเพราะราโมสไม่มีจิตใจรักใคร่ในสตรีเพศ


แต่ที่ทำให้เจ้าหญิงราบีอาเจ็บในพระหทัยมากกว่า คือ บุรุษเพศที่ราโมสยืนกอดแนบสนิทแถมยังจุมพิตกันอย่างเร่าร้อน

นั่นคือ มาอี ร่างกำยำที่เจ้าหญิงราบีอาเองฝักใฝ่ไหวหวั่นมาโดยตลอด


ยิ่งคิดไปถึงว่า ความแนบชิดที่ทรงได้เห็นมานั้น ในความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ความสัมพันธ์ของมาอี

และราโมสจะลึกล้ำไปขนาดไหน เพียงเท่านี้เจ้าหญิงราบีอาก็แทบจะทรงส่งเสียงกรีดร้องระบายให้หาย

อัดอั้น


ก้าวตรงมาถึงประตูทางเข้าห้องส่วนพระองค์ของพระมารดา พระบาทที่เตรียมจะตรงเข้าสู่ประตูที่ปิดอยู่ก็ต้องชะงักเมื่อ

นางกำนัลแล่นปราดเข้ามาขวางไว้


“มันเรื่องอะไรกันอีกเนี่ย มาขวางข้าไว้ทำไม ข้าจะเข้าไปพบท่านแม่


ทรงตวาดอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างนางกำนัลนั่งหมอบขวางอยู่หน้าประตู


“ขอประทานอภัยเพคะเจ้าหญิง พระสนมมีกิจธุระสำคัญ มีรับสั่งมิให้ผู้ใดเข้าไปเพคะ


“แม้แต่เราที่เป็นลูกก็เข้าไปไม่ได้งั้นหรือ


นางกำนัลได้ยินสุรเสียงสูงลิ่วด้วยโทสะ ยิ่งตัวสั่นหมอบเทาอยู่แทบพระบาท


“ไม่ได้จริงๆ เพคะเจ้าหญิง เห็นใจหม่อมฉันเถิดหากหม่อมฉันให้เจ้าหญิงเข้าไป หม่อมฉันต้องโดนลงทัณฑ์เป็นแน่


เจ้าหญิงราบีอาทรงใช้พระหัตถ์ผลักร่างของนางกำนัลจนกระเด็นไปพ้นทาง


“จะโดนอะไรมันก็เรื่องของเจ้า ข้าไม่สน ข้าจะเข้าไปพบท่านแม่ หลีกไปให้พ้น


เมื่อตรัสจบเจ้าหญิงราบีอาทรงกระแทกพระบาทแรงๆ ตรงไปทางประตู แล้วทรงผลักให้เปิดกว้าง

ออก ก่อนที่จะทรงก้าวตรงไปสู่ภายในที่กว้างขวางเต็มไปด้วยห้องหับและซอกหลืบที่ตกแต่งไว้ปิดบัง

สายตาจากคนภายนอกอย่างคุ้นเคย แต่เมื่อถึงส่วนพระแท่นบรรทมที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในด้านใน เจ้าหญิง

ราบีอาก็ทรงหยุดนิ่งพระเนตรเบิกโพลงกับภาพที่พระองค์ไม่คาดคิด


เบื้องหลังผ้าม่านเนื้อบางที่ปิดคลุมแท่นบรรทมอยู่ ไม่สามารถปิดบังร่างบุรุษและสตรีที่กอดก่ายแนบเกี่ยวเนื้อตัว

บุรุษผู้นั้นขับเคลื่อนอยู่เบื้องบนร่างอวบอัดที่ส่งเสียงครางกระเส่าตอบรับการขยับสะโพกรัวเร็ว และพร้อมกันกับที่เจ้า

หญิงราบีอาตั้งสติได้ หญิงที่อยู่บนแท่นบรรทมก็บิดกายเกร็งพร้อมส่งเสียงครางดังลั่นอย่างสุขสม ก่อนที่จะผงะเมื่อ

ได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังยิ่งกว่าของผู้บุกรุก ทั้งบุรุษและสตรีที่กำลังอยู่ในห้วงแห่งกามารมย์หันขวับมามองต้นเสียงพร้อม

กัน ดวงตาของสตรีที่ยังคงแนบเกี่ยวร่างอยู่กับบุรุษส่งเสียงด้วยความตกใจ


“ราบีอา เจ้าเข้ามาในนี้ได้อย่างไร


เมื่อทรงเห็นใบหน้าของผู้ที่ร่วมรักกันอยู่บนแท่นบรรทมชัดๆ ครานี้ เจ้าหญิงราบีอาแทบสิ้นสติ


“ท่านแม่ ท่านอาจารย์ฮาอัส พะ พวกท่านทำอย่างนี้ได้อย่างไร





สตรีร่างอวบอัดในวัยต้นสี่สิบยังคงความงดงามอันเลื่องชื่อ อยู่ในชุดผ้าลินินทอเล่นลายทองคำยาว

กรอมเท้าเข้ารูปพร้อมด้วยแผงประดับคอ กระแทกตัวลงนั่งบนตั่งอย่างหงุดหงิด ตามมาด้วยร่างสูงใบหน้าคมคาย

แม้อายุจะล่วงสามสิบไปหลายปี แต่ร่างนั้นยังคงดูแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยอำนาจก้าวเข้ามายืนสงบนิ่งอยู่ไม่ไกล

เซพเทตเหลือบมองฮาอัสอย่างหลงใหลกับพลกำลังที่แข็งแรงและท่วงท่าชำนาญไปด้วยไฟเสน่หา


ใครเล่าจะอดใจอยู่กับมหาอำมาตย์ที่อายุน้อยที่สุด เก่งกล้าที่สุดทั้งด้านการต่อสู้และวิชาอาคม จนสามารถคุมอำนาจ

มากมายไว้ในมือในยุคที่กษัติย์เพตเทเมนล่วงเข้าสู่วัยชรา  ก่อนที่เซพเทตจะหันขวับมาจ้องพระพักตร์เจ้าหญิงราบีอา

ด้วยความหงุดหงิด


“เจ้าเข้ามาได้ยังไง ราบีอา อ้ายอีคนไหนมันปล่อยเจ้ามา


เจ้าหญิงราบีอาตวัดพระเนตรใส่ผู้เป็นมารดาด้วยความหงุดหงิดไม่แพ้กัน


“จะอ้ายอีคนไหนก็ไม่สำคัญเท่าสิ่งที่ข้าเพิ่งเห็นหรอก ท่านทำอย่างนี้ได้อย่างไรท่านแม่ ท่านนอกใจท่านพ่อ

แถมชายชู้ก็คือฮาอัสผู้เป็นอาจารย์ของข้า ข้าผิดหวังในต่อท่านทั้งสองจริงๆ


เซฟเทตแค่นหัวเราะเมื่อได้ยินผู้เป็นบุตรต่อว่า นางเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน


“เป็นเพราะบิดาเจ้าที่ไม่เอาไหน มัวแต่ทำงานจนไม่มีเวลามอบความสุขให้ข้า ข้าเป็นปุถุชนที่ยังมี

ความรู้สึกนะราบีอาหาใช่ท่อนไม้ที่ตายซาก เจ้าจะไปเข้าใจได้อย่างไร รอให้เจ้าได้อภิเษกกับราโมสและ

ได้รู้จักรสแห่งสิเน่หาก่อนเถิด เจ้าถึงจะเข้าใจแม่เจ้า


เมื่อทรงฟังมาถึงตอนนี้เจ้าหญิงราบีอาก็แทบจะทรงกรีดร้อง


“ก็เพราะข้าต้องอภิเษกกับราโมสน่ะสิ ข้าถึงจะไม่มีวันเข้าใจ


เจ้าหญิงราบีอาทรงตวาดด้วยความคับแค้นพระหทัย และประโยคนั้นเองที่ทำให้ฮาอัสและเซพเทตต้องหันมา

มองหน้ากัน


“พวกท่านรู้หรือเปล่า ว่าท่านพี่ราโมสไม่ชอบสตรี










รอยแยกของเต็นท์ที่เป็นทางเข้าสู่ภายในเปิดกว้างออก สิงหาแทรกตัวเข้ามาแล้วเดินตรงไปยังร่างที่ฟุบหลับ

คาอยู่บนโต๊ะตัวเล็ก แม้ภายในจะมีเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่แต่เมื่อเผชิญกับอากาศที่ร้อนระอุในยามบ่าย

ภายในเต็นท์ก็ยังอบอ้าวไม่น้อย


เขาทรุดตัวลงนั่งใกล้กับธราเทพพลางจ้องไปที่ใบหน้าที่มีหยดเหงื่อเม็ดเล็กเกาะอยู่ แล้วถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

สิงหาไม่เข้าใจว่าทำไมธราเทพถึงจำเหตุการณ์ในอดีตไม่ได้แม้แต่น้อย ผิดกับเขาที่รู้จักตัวตนและรับรู้ถึงหน้าที่ความรับ

ผิดชอบที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด


ปัญหาอยู่ตรงที่ตัวเขาเองก็รับรู้เหตุการณ์ถึงเพียงแค่ชีวิตที่ถูกปลิดลง หลังจากนั้นสิงหาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ซ้ำร้ายธราเทพก็ไม่ได้มีสัญญาณเก่าติดตัวมาในชาติกำเนิดนี้ แล้วเขาจะเริ่มต้นสืบค้นเรื่องราวที่แท้จริงจากตรงไหน



ร่างบางขยับตัวช้าๆ สิงหารีบปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อธราเทพลืมตาตื่นและยกศีรษะขึ้นมาจากการนอนฟุบไปกับท่อน

แขน จึงได้เห็นหน้าตาบึ้งตึงของสิงหาที่นั่งกอดอกอยู่ใกล้ๆ



“ตอนนายหลับอยู่ช่วยขนเอางานไปทำในฝันด้วยได้ไหม จะได้ไม่เสียเวลา


เสียงแข็งพูดจาประชดประชัน ทำให้ธราเทพชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ


อุตส่าห์รู้สึกผิดที่เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลียจากเปลวแดด แต่เมื่อมาเจอกับคำพูดแบบนี้

ธราเทพคิดว่าคราวหน้าเขาควรจะปูเสื่อนอนเลยจะดีกว่า


“ถึงผมจะหลับแต่ก็ไม่ได้อู้หรอกนะ รับรองว่าคุณไม่เสียงานแน่ นี่ไง คำแปลจากปาปิรัสฉบับที่คิดว่าเป็นกลาง

ไม่เข้าข้างฝ่ายใดเป็นพิเศษเสร็จแล้ว ลองอ่านดูว่าคุ้มค่าจ้างหรือเปล่า


ธราเทพยัดสมุดเล่มเล็กของเขาใส่มือสิงหา นายจ้างเปิดอ่านคร่าวๆแล้วก็ต้องลอบคลี่ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะวางมันลง

บนโต๊ะ



“ไหนลองเล่าให้ฟังหน่อยสิ


ธราเทพทำตาโตกับคำสั่งนั้น แล้วโต้กลับไปเสียงดัง


“แล้วทำไมไม่อ่านเอง แปลให้แล้ว จดให้แล้ว ทำไมต้องให้เล่าด้วย


“ขี้เกียจอ่าน เล่ามาเหอะน่า


สิงหาลากเสียงอย่างรำคาญจนธราเทพต้องถอนหายใจแรงๆ อย่างหงุดหงิด




“ฟาโรห์เพตเทเมนมีโอรสเพียงคนเดียวที่เกิดจากราชินีชื่อเจ้าชายราโมส และมีธิดาที่เกิดจากพระสนมอีกคนชื่อราบีอา

ซึ่งก็เป็นคู่หมั้นที่ต้องแต่งงานกันเพื่อสืบสันตติวงค์ตามหลักไอยคุปต์ แล้วทีนี้ก็มีมหาอำมาตย์ที่ยังอายุน้อยอยู่คนหนึ่งชื่อ

ฮาอัส คนนี้เก่งมากมีคนไปขึ้นด้วยเยอะ จนแทบจะบริหารงานแทนฟาโรห์ได้อยู่แล้ว



ธราเทพหลับตาลงและเล่าเหตุการณ์ราวกับมันมาจากความทรงจำ



“ต่อมาเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญขึ้นในราชวังเมื่อฟาโรห์เพตเทเมนหายสาปสูญไปอย่างไร้ร่องรอย

มีข่าวลืออยู่หลายระแส ข่าวนึงก็บอกว่าพระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์จากมาอี องครักษ์หนุ่มบุตรของเพื่อนสนิท

ที่ลอบเป็นชู้กับพระสนมเพื่อหวังจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฟาโรห์ อีกข่าวนึงก็บอกว่าทรงหายไปเพราะเจ้าชายราโมสผู้เป็น

โอรสทะเลาะกับผู้เป็นพ่อแล้วพลั้งเผลอทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต




สิงหาขบกรามแน่นเมื่อฟังอยู่ ก่อนที่จะถามอย่างเคร่งเครียด


“แล้วเหตุการณ์หลังจากนั้นล่ะ



“เจ้าชายราโมสอภิเษกกับเจ้าหญิงราบีอาแล้วขึ้นครองราชย์เป็นฟาโรห์ แต่ครองราชย์อยู่ไม่นานพระองค์ก็เสียชีวิตลงทั้ง

ที่ยังอายุน้อย เจ้าหญิงราบีอาทรงขึ้นครองราชย์แทนแต่ก็ถูกยึดอำนาจโดยขุนนางที่ไม่พอใจ ราชวงค์นี้ก็สิ้นสุดลงเพียง

เท่านี้



เมื่อเล่าจบลงด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อยธราเทพก็ตกใจที่น้ำตาของเขาไหลรินลงมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว

สิงหามองลึกเข้าไปในดวงตาดำขลับอย่างค้นคว้าเมื่อเอ่ยถามประโยคถัดไป


“แล้วนายเชื่อข้อความไหน


ธราเทพนิ่งอึ้ง ทอดสายตาไปยังปาปิรัสที่วางอยู่ตรงหน้า



“ไม่น่าเชื่อสักอันเลย ไม่รู้สินะ ผมคิดว่ามาอีคงไม่มีทางเป็นชู้กับพระสนมแน่ๆ ส่วนอีกข่าวเจ้าชายราโมสไม่น่าจะโหด

เหี้ยมขนาดลงมือกับผู้เป็นพ่อ แม้ว่าจะโกรธแค่ไหน มันจะมีอะไรที่ลึกเกินกว่าจะมีคนบันทึกไว้เป็นหลักฐาน คงต้อง

ค้นหาคำตอบต่อไป


สิงหาเงียบลงเมื่อธราเทพพูดจบ นี่คือสิ่งที่คนทั่วไปรับรู้ แต่มันยังมีอะไรอีกมากที่ยังไม่มีใครรับรู้

วันนี้ธราเทพได้รู้ในเหตุการณ์เริ่มต้นก็เพียงพอแล้วสำหรับวันแรก แล้วเขาจะเปิดเผยให้ธราเทพได้รู้ถึงสิ่งเลวร้ายที่ได้ทำ

ลงไปในเร็วๆนี้


แต่ตอนนี้ ปัจจุบันนี้ เมื่อสิงหามองเห็นน้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วแต่ยังคงทิ้งคราบไว้บนใบหน้าเรียวได้รูปนั้น เขาก็

อดใจอ่อนไม่ได้เขาเอื้อมมือไปใช้ปลายนิ้วเช็ดไปที่คราบน้ำตาออกจากใบหน้าเนียนนั้นจนหมด แล้วมองอย่างอ่อนโยน

จนธราเทพได้แต่นิ่งงัน เขารู้สึกคุ้นเคยกับสัมผัสนั้นอย่างบอกไม่ถูก และรู้สึกใจหายแปลกๆ เมื่อหน้าขรึมเศร้าลงอย่าง

เห็นได้ชัด


สิงหาถอนหายใจออกมาก่อนที่จะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ร่างสูงเหยียดกายยืนสง่าแล้วหันหลังให้กับธราเทพ



“ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว เก็บของแล้วไปรอที่รถจะได้กลับโรงแรม


ธราเทพมองตามหลังสิงหาที่ก้าวห่างออกไปอย่างสับสน ก่อนที่จะตัดสินใจวิ่งไปคว้าแขนให้สิงหาหันกลับมาหา



“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป ผมรู้ว่าคุณรู้อะไรมากไปกว่าไอ้บันทึกไม่ได้เรื่องที่คุณลองเชิงให้ผมอ่าน


ธราเทพจ้องกลับดวงตาคมคู่นั้น


“บอกผมหน่อยเถอะ คุณรู้ไหมว่าเจ้าชายราโมสกับองครักษ์มาอีแท้ที่จริงแล้วทั้งคู่เป็นอะไรกัน


ดวงตาของสิงหาแดงเรื่อเมื่อมองไปที่ธราเทพ กรามบดกันจนเป็นสัน เมื่อเขาเค้นคำตอบออกมาก่อนที่จะหันหลัง

เดินอกไปจากเต็นท์



“ในสายตาของราโมส ไม่รู้ว่ามาอีคือตัวอะไร แต่สำหรับมาอี ราโมสคือคนที่มาอีรักจนหมดหัวใจ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-04-2015 19:23:21 โดย Belove »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ทิ้งท้ายไว้แบบนี้ คืนนี้วินจะนอนหลับมั้ยยน

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
พระสนมเป็นชู้กับอำมาตย์แบบนั้นอาจจะลอบปลงพระชนม์ก็ได้

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
เข้าใจกันิถอะน้าาา

ออฟไลน์ jinjin283

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 934
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
 :mew4: มาอี น่าสงสารอะ เหมือนจะเข้าใจอะไรผิดด้วยป่าวอะ เลยมาแก้แค้นเจ้าชายเนี่ย

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ค้นหาความจริงกันต่อไป แล้วช่วยพยายามเปิดใตด้วยนะอัสลาน อดีตชาติอาจไม่สมหวังในรัก แต่ถ้ายังรักอยู่ ทำชาตินี้ให้สมหวังสิ #รู้ป่ะ

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                               คำสาปร้าย พ่ายรัก


                                                    บทที่ 13




ธราเทพเดินตามหลังสิงหามาจนพบกับวาโยและภูหิรัณย์ที่เสื้อผ้าขมุกขมอมไปด้วยเศษดินทรายเมื่อเดินออกมาถึงปาก

ทางปิรามิด ผู้เป็นเจ้าของทุนจึงได้เอ่ยถามอย่างใส่ใจ



“เป็นไงบ้างลำบากหรือเปล่าวันนี้ เจออะไรที่น่าสนใจไหม”



วาโยถอนหายใจแล้วทำสีหน้ายุ่งยากเมื่อเอ่ยตอบคนเป็นเพื่อน



“วันนี้แห้วว่ะ ยังไม่เจออะไรที่คิดว่าน่าสนใจ แถมยังต้องกัดกับท่านด็อกอัคนีไปเสียหลายรอบข้อหาเดินย่ำรอยเท้าแก”



สิงหาหัวเราะอยู่ในลำคอเมื่อได้ยินพลางตบบ่าวาโยเบาๆ



“ช่างเขาเถอะ ต่างคนต่างขุดถือเสียว่ามาคนละทีม งั้นเรากลับกันดีกว่าเหนื่อยมามากแล้ว”



ร่างสูงเดินนำไปที่รถจี๊ปคันใหญ่ ธราเทพที่เดินตามหลังมาจึงได้เดินไปเข้าคู่กับภูหิรัณย์



“เป็นไง เหนื่อยไหมวะ กูไม่ได้ออกไปช่วยขุดเลย”



ธราเทพเอ่ยถามเพื่อนอย่างห่วงใย แต่คนเป็นเพื่อนได้แต่อมยิ้มส่ายศีรษะเบาๆ



“ไม่หรอก อาจารย์วาโยช่วยเกือบทุกอย่างวันนี้ กูแทบจะไม่ได้ทำเองเลย อาจารย์บอกให้ดูวิธีการก่อนพรุ่งนี้ถึงจะให้

ลงมือทำ”



ธราเทพได้แต่ทำหน้ามุ่ยเมื่อได้ยิน เขาพูดเบาๆให้ได้ยินกันสองคนพร้อมเร่งฝีเท้าเดินตามไม่ให้ทิ้งช่วงห่างเกินไปนัก



“อีตาอัสลานนี่ ทำไมไม่ยอมให้กูออกไปขุดบ้างก็ไม่รู้ ปล่อยให้นั่งแปลภาษาอยู่ได้น่าเบื่อชะมัด”



ภูหิรัณย์ยิ้มมีเลศนัยก่อนที่จะกระซิบตอบเพื่อน



“เฮ้ย ไอ้วิน กูว่านะ พี่สิงห์เขาคิดอะไรกับมึงหรือเปล่าวะ กูสังเกตนะเวลาที่เขามองมึงโดยที่มึงไม่



รู้ตัวเนี่ย มันแปลกๆ นะโว้ย”



ธราเทพแอบสะดุ้งในใจ เขารีบยิ้มกลบเกลื่อนเมื่อใจย้อนคิดไปถึงจุมพิตรุนแรงตั้งแต่วันแรกที่มาถึง เขาจะให้ภูหิรัณย์รู้

ไม่ได้เป็นอันขาด


“มึงนี่ก็บ้า เขาเกลียดขี้หน้ากูจะตาย กูเองด่าเขาไว้เยอะด้วยไม่มีทางเป็นอย่างที่มึงคิดหรอก อีกอย่างกูเป็นผู้ชายนะ

โว้ย”



ภูหิรัณย์หัวเราะหึหึเมื่อได้ยินคำตอบ พลางสะกิดให้ธราเทพหันไปโบกมือตอบวริษฐาที่ยืนอยู่คู่กับด็อกเตอร์อัคนีที่อยู่

ไกลออกไป



“เออ เหรอ แล้วผู้ชายอย่างมึงดูไม่ออกเลยหรือว่า ผู้หญิงอย่างไอ้ก้อยน่ะมันแอบชอบมึงอยู่”



“เฮ้ย เชี่ยเซน มึงเอาอะไรมาพูด”



ธราเทพอุทานอย่างตกใจ เมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อน



“ไอ้ก้อยมันจะชอบกูได้ไง เพื่อนกันนะโว้ย”



“เพื่อนกันนี่แหละตัวดี ไม่เชื่อมึงลองสังเกตดิ กูน่ะมองออกมาสักพักแล้ว”



“เฮ้ย ไอ้สองคนนั้น จะเดินไปคุยไปกันอีกนานไหม หิวแล้วโว้ย”



แล้วบทสนทนาก็ต้องหยุดลงเมื่อวาโยที่เดินไปถึงรถพร้อมสิงหาตะโกนเร่ง ลูกศิษย์ทั้งสองได้แต่มองหน้ากันแล้วโกย

อ้าวไปที่รถ







ธราเทพเดินออกจากห้องน้ำเมื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนแล้ว เมื่อมาถึงเตียงนอนเขาก็กระโดดไปนั่งขัด

สมาธิเปิดโทรทัศน์ที่ดูและฟังไม่รู้เรื่องเป็นเพื่อน ก่อนที่จะสอดส่ายสายตามองหาคนร่วมห้อง สายตาสะดุดเมื่อมองเห็น

แผ่นหลังกว้างยืนสงบนิ่งอยู่ที่ระเบียงด้านนอกผ่านผนังกระจก


ธราเทพได้แต่มองอย่างพิจารณา



เขาไม่เข้าใจสิงหา ธราเทพบอกตัวเอง ผู้ชายคนนั้นช่างมีหลายมิติจนเขาสับสน ในบางครั้งก็ดูถือตัว เย่อหยิ่งจองหอง

เอาแต่ใจตน แต่ในบางครั้งก็มีมุมที่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนอย่างที่แอบขโมยจูบ


หน้าผากเมื่อเขาแสร้งหลับไปเมื่อคืนที่ผ่านมา จนทำให้หนุ่มน้อยที่ไร้ซึ่งประสบการณ์อย่างเขาหัวใจเต้นแรงไปกับการก

ระทำนั้น


นอกจากจะไม่เข้าใจสิงหาแล้ว เขายังไม่เข้าใจตัวเองด้วย ธราเทพต่อว่าตัวเอง



ใช่ เขาไม่ชอบให้ใครมาดูถูก ขู่บังคับ และพร้อมที่จะชนกับทุกคนที่มาหาเรื่อง แต่ทำไมเมื่อเป็นคนที่ยืนทอดสายตาไป

ที่แม่น้ำไนล์อยู่เบื้องนอก เมื่อคิดถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น เขากลับโกรธอย่างจริงจังไม่ลงสักที ซ้ำเมื่อ

สายตาเคียดแค้นนั้นผันแปรไปเป็นแววตาตัดพ้อ น้อยใจ เขาแทบจะน้ำตาไหลไปกับแววตานั้น



สะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ๆ คนที่หันหลังให้อยู่ที่ระเบียงก็หันขวับมาอย่างรวดเร็ว เหมือนจะรู้ว่าถูกมองอยู่ ธราเทพรีบลดตัวลง

ซุกกายลงใต้ผ้าห่มแล้วปิดเปลือกตาลง หัวใจสั่นไหวเมื่อรู้สึกว่าริมเตียงอ่อนยวบลงเหมือนมีคนที่ทิ้งน้ำหนักลงมา

เปลือกตาคู่หวานเต้นถี่ยิบ



“จะไม่รายงานผลการทำงานวันนี้ก่อนนอนหน่อยหรือวิน”



น้ำเสียงราบเรียบดังขึ้นใกล้ตัว ธราเทพค่อยๆลืมตาขึ้นจึงได้เห็นเสี้ยวด้านข้างใบหน้าที่นั่งอยู่ที่ริมเตียงของเขา จมูกโด่ง

เป็นสันคมจุดเด่นของใบหน้า ทำให้พวงแก้มเนียนแดงเรื่อ



“จะรายงานอะไร คุณไม่ได้ให้ผมทำอะไรสักอย่างนอกจากแปลปาริรัสไม่ได้เรื่องของคุณ”



ถ้าสายตาไม่ฝาด ธราเทพคิดว่าเขาเห็นมุมปากด้านข้างนั้นคลี่ยิ้มอยู่เล็กน้อย



“ฉันจ้างนายมาเพราะนายอ่านภาษาเฮโรกริฟฟิคได้ดีเลิศ ไม่ได้จ้างมาให้ไปขุดปิรามิด”



“แต่ผมเรียนโบราณคดี ผมก็อยากที่จะไปทำงานส่วนนั้นเหมือนอาจารย์วาโยกับไอ้เซน”



เขาค้านด้วยเสียงหงุดหงิดทั้งที่นอนตัวแข็งอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา



“คุณก็ทำงานด้านนี้ก็น่าจะเข้าใจความรู้สึกสิ”



ธราเทพเห็นคิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าก้มต่ำลง



“เอาเถอะ แล้วฉันจะคิดดูอีกทีเรื่องนั้น ว่าแต่ ตอนนี้นอนเถอะเพลียแดดมาทั้งวันแล้ว”



พูดจบร่างหนาก็ล้มตัวลงเหยียดกายอยู่บนเตียงเล็กเบียดอยู่บนผ้าห่มของเขา ธราเทพได้แต่ร้องเอะอะพลางใช้มือผลัก

ให้สิงหาออกไปให้พ้นเตียงแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เมื่อสิงหายังคงหลับตานิ่ง



“เฮ้ย จะบ้าเหรอ ไปนอนเตียงตัวเองสิ มานอนอะไรตรงนี้ เตียงยิ่งแคบๆ อยู่นะ”



ธราเทพพยายามจนอ่อนใจเมื่อทั้งดันทั้งผลักแล้วสิงหาก็ยังไม่ขยับ ซ้ำยังดูว่าหลับไปแล้วเมื่อลมหายใจเข้าออกอย่าง

สม่ำเสมอ จนตัวเขาเองต้องเป็นฝ่ายถอนหายใจ



“ตัวหนาอย่างกับยักษ์ยังมานอนเบียดอีก เอาวะ ไอ้วิน ถ้ามัวแต่ไล่ก็ไม่ได้นอนกันแน่คืนนี้


แล้วดู นอนทั้งอย่างนี้เดี๋ยวก็ได้เป็นหวัดกันพอดี”


ธราเทพส่ายหน้าอย่างอ่อนใจก่อนที่จะขยับตัว ดึงผ้าห่มที่สิงหานอนทับอยู่มาห่มให้ร่างหนานั้น


ลมหายใจแทบจะสะดุดเมื่อต้องนอนอยู่บนเตียงเล็กภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ธราเทพเขยิบตัวไปจนแทบ


จะตกเตียงเพื่อเว้นระยะห่างให้มากที่สุดแล้วหลับตาปี๋



ลมหายใจค่อยๆ เบาลงจนกระทั่งสม่ำเสมอเมื่อเขาหลับไปทั้งที่คิดว่าจะนอนไม่หลับด้วยความ


อ่อนเพลีย ธราเทพจึงไม่ได้เห็นเปลือกตาของคนที่นอนด้านข้างเปิดออก ก่อนที่จะตะแคงตัวมามองดวงหน้าหวานใน

ห้วงนิทราอยู่ครู่ใหญ่



วงแขนแกร่งวางพาดไปที่ลำตัวบางเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มเมื่อเข้าสู่ห้วงนิทราไปด้วยกัน










“ไม่ว่าจะยังไง เจ้าก็ต้องอภิเษกกับราโมส”



พระสนมเซฟเทตยื่นคำขาดเมื่ออยู่กันตามลำพัง



“แม่พยายามปูทางให้เจ้ามาโดยตลอดเพื่อให้เจ้าได้เป็นราชินีแห่งแคว้นไอยคุปต์ เจ้าจะมาทำลายความหวังของแม่ไม่

ได้”



ใบหน้าที่ยังคงสวยงามด้วยผ่านการดูแลตลอดเวลาจนแทบดูไม่ออกว่าวัยก้าวสู่สี่สิบ กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด



“พ่อของเจ้าไม่ยอมแต่งตั้งแม่ให้เป็นราชินีก็เพราะมัวแต่ยังอาลัยอาวรณ์เมียเก่าที่ตายไปแล้ว มันทำให้แม่ผิดหวังขนาด

ไหนเจ้ารู้ไหม ราบีอา แม่ไม่ยอมให้เจ้าทำให้แม่ผิดหวังอีกคนหรอกนะ อย่างไรเจ้าก็


ต้องอภิเษกกับราโมส”



“แม้ว่าข้าจะต้องแห้งแล้งในชีวิต ท่านแม่ก็ไม่สนใจใช่ไหม”



เจ้าหญิงราบีอากระแทกพระบาทลงบนพื้นอย่างขัดใจ



“ท่านแม่บอกข้าเองว่าท่านเป็นปุถุชนมิใช่ต้นไม้ที่ตายซาก แล้วข้าล่ะกับชีวิตของข้า ท่านไม่ใยดีบ้างเลยหรือไร”



“ใจเย็น ลูกข้า”



พระสนมเซฟเทตเดินไปลูบพระเศียรพระธิดาเบาๆ



“ราโมสน่ะ มันเป็นคนโง่และใจอ่อน ส่วนลูกน่ะเฉลียวฉลาดกว่ามาก เมื่อได้ครองแผ่นดินเป็นราชินีแห่งลุ่มน้ำไนล์แล้ว

แม่เชื่อว่าลูกจะได้เป็นผู้ครองอำนาจอยู่ในมือแทนฟาโรห์ที่อ่อนแอ”



พระสนมกระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อคิดถึงแผนการที่วางไว้



“แล้วเมื่อนั้น ทุกอย่างก็จะอยู่ในกำมือของลูก คราวนี้ชีวิตของเจ้าก็จะไม่แห้งแล้งแค่เพียงชี้นิ้วสั่ง


ใครจะกล้าขัดใจ”








ร่างสูงกำยำไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ก้าวเข้าสู่ห้องพักที่อยู่ภายในเขตราชวังที่มีสำหรับองครักษ์


เท้าที่ก้าวไปในห้องชะงักเมื่อรู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในห้องที่มืดมิด เขากระชับเคเพชที่เหน็บอยู่ที่เอว

พลางสืบเท้าเข้าไปช้าๆ



“ใคร”



เสียงหนักแน่นเอ่ยถาม ก่อนที่จะชะงักเมื่อถูกถาโถมมาด้วยร่างอวบอัดรัดรึง ใบหน้าคมเข้มถูกโน้มลงมาแล้วปิดด้วยริม

ฝีปากอย่างกระหาย มาอีใจหายวาบเมื่อแผ่นอกของเขาถูกเบียดแนบไปด้วยทรวงอกของหญิงสาว



มาอีออกแรงผลักร่างที่เต็มไปด้วยไฟเสน่หาออกจนพ้นตัวสำเร็จ เขายืนหอบอยู่ในความมืด เมื่อสายตาคุ้นกับความมืด

เขาจึงมองเห็นคนที่บุกรุกเข้ามา



“เจ้าหญิงราบีอา”



มาอีอุทานอย่างตกใจในครั้งแรก ก่อนที่จะสบถออกมาแล้วตะคอกถามด้วยความไม่พอใจ



“ทรงทำอะไรเยี่ยงนี้ เจ้าหญิง มิบังควรที่ทรงกระทำราวกับมิใช่กุลสตรี”



“ถ้าข้ามัวแต่ทำตัวเยี่ยงกุลสตรี แล้วเจ้าจะมองข้าบ้างไหม มาอี”



น้ำเสียงกระเส่าไปด้วยเพลิงราคะดังขึ้น พลางก้าวพระบาทมาใกล้ เอื้อมพระกรมาวางแนบอก


มาอี


“เจ้าก็รู้ ว่าข้าปรารถนาในตัวเจ้ามาตลอด”



มาอีสบถอีกครั้งพลางปัดพระกรออกไปจนพ้นตัว



“แต่ข้าเห็นท่านเป็นแค่น้องสาวที่โตร่วมกันมาเท่านั้น ราบีอา”



“ใช่สิ เห็นเป็นแค่น้องเพราะท่านไม่พึงใจในสตรีเพศใช่ไหม มาอี”



สุรเสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้นพร้อมกับถลาพระวรกายมาทุบตีที่แผ่นอกกำยำ



“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ ว่าเจ้ากับราโมสมีความลับอะไร”



มาอีใจหายเมื่อได้ยิน



“ท่านรู้อะไร”



“ข้าเห็นเจ้ายืนจูบอยู่กับราโมส อย่าให้ข้าสืบได้นะ ว่าเจ้าทั้งสองเกินเลยไปแค่ไหน ข้าจะนำความไปบอกท่านพ่อ ถ้า

เจ้าไม่อยากให้ข้าทำ จงทำให้ข้ามีความสุขสมใจเถิด มาอี”



สุรเสียงอ้อนวอนเต็มไปด้วยไฟราคะ จนมาอีก้มมองด้วยความสมเพช



“ต่อให้ข้าไม่มีใครเลย ก็ไม่มีทำอย่างที่เจ้าต้องการหรอก ราบีอา”



ร่างกำยำผลักเจ้าหญิงจนเซไปอีกทางก่อนเดินหนีออกไปนอกห้อง ปล่อยให้เจ้าหญิงยืนกระทืบพระบาทด้วยความโกรธ

กริ้ว



“เจ้าโง่ มาอี คอยดูนะ ข้าจะทำให้เจ้าไม่มีความสุขตลอดชีวิต”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2015 20:06:45 โดย Belove »

ออฟไลน์ milky way

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
โธ่เอ้ย เจ้าหญิงราบีอา
ไม่ใช่แค่ตลอดชีวิตหรอก
มาอีไม่มีความสุขมาจนถึงชาติปัจจุบันเลย

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ความใคร่นี่มันทำลายคนอื่นจริงๆ นะ คุณราบีอา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด