คำสาปร้าย พ่ายรัก
บทที่ 14
เสียงกำไลข้อพระบาทดังแว่วอยู่ในอุทยานกลางราชวังเมื่อเจ้าหญิงราบีอาก้าวพระบาทมาประทับ
อยู่กลางสวน พระพักตร์งามยามนี้กลับบูดบึ้ง พระหัตถ์กำแน่นไปด้วยไฟแค้นเมื่อถูกหยามศักดิ์ศรีจากบุรุษที่เฝ้าใฝ่ปอง
ด้วยความเป็นราชกุมารี สู้อุตส่าห์ลดศักดิ์ศรีลงไปด้วยใจที่โหยหาแต่สิ่งที่ได้กลับคืนมาคือดวงตา
สมเพช เหยียดหยาม มันยิ่งทำให้ขัตติยะมานะด้อยลงจนไม่มีค่า ไฟรักไฟเสน่หาจึงได้กลับกลายเป็นไฟแค้นไปชั่วพริบ
ตา
เสียงย่ำเท้าแผ่วเบาดังขึ้นที่ใต้ต้นไม้ไม่ไกลนักทำให้เจ้าหญิงทรงชะงักและหันพระพักตร์
ไปมองด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด
“ผู้ใดยืนอยู่ตรงนั้น ออกมาเดี๋ยวนี้”
ร่างสูงใหญ่ที่แฝงเงาตะคุ่มเผยกายออกมาช้าๆ ท่ามกลางความมืดในคืนเดือนแรม ฝีเท้ามั่นคงเดินตรงเข้ามา หยุด
ยืนเบื้องหน้าพระพักตร์ เจ้าหญิงทอดพระเนตร พระขนงขมวดแน่นเมื่อแลเห็น
“ฮาอัส ท่านเข้ามาในเขตนี้ได้อย่างไร”
หลังจากที่ทรงรู้ว่าผู้ที่เป็นอาจารย์ได้ลักลอบมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับพระสนมเซฟเทตผู้เป็นพระมารดา
ความนับถือในวิชาความรู้ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทจึงเลือนหาย นามที่เจ้าหญิงราบีอาทรงตรัสเรียกจึงแทบไม่เหลือความ
เคารพ
“ไม่ใช่เรื่องยากเลยเจ้าหญิงที่หม่อมฉันจะเหยียบย่างเข้ามา”
เสียงหยิ่งทะนงตอบโต้กับความจริงที่เป็น สำหรับเสนาบดีคนสำคัญที่เก่งกล้าไปด้วยวิชาความรู้ จนแม้แต่องค์
ฟาโรห์ยังต้องยำเกรงจะมีใครหน้าไหนกล้าขัดหากฮาอัสคิดจะเยื้องกราย
“และถ้าหากข้ามิได้มาเวลานี้ ใครเล่าจะเป็นคนถวายการรับใช้ยามที่เจ้าหญิงกำลังโกรธกริ้ว”
“ข้าไม่อยากเห็นหน้าผู้ใดทั้งนั้น ไปให้พ้น”
“แม้ว่าข้าพระองค์จะช่วยให้เจ้าหญิงทรงได้ในทุกสิ่งที่ประสงค์หรือพะยะค่ะ”
เจ้าหญิงราบีอาทรงสบพระเนตรกับดวงตายาวรี เมื่อได้รับฟังถ้อยคำ ยิ่งเมื่อฮาอัสมองอย่างท้าทาย พระศอ
จึงยิ่งเชิดสูง
“ท่านรู้หรือ ว่าข้าต้องการสิ่งใด”
มุมปากบางเฉียบของฮาอัสแสยะยิ้ม เมื่อได้ฟังคำถามของเจ้าหญิง ฮาอัสเดินตรงเข้าไปและก้มลงไปพูด
เบาๆที่ข้างพระกรรณ
“ข้ารู้แจ่มแจ้งในสิ่งที่เจ้าหญิงทรงมีพระประสงค์ หากเจ้าหญิงทรงปฏิบัติตามที่หม่อมฉันแนะนำ ก็ไม่มีอะไรใน
โลกนี้ที่เจ้าหญิงทรงมีพระประสงค์แล้วไม่ได้ ถ้าเจ้าหญิงไม่ทรงเชื่อถือ ก็ทรงกลับไปถามพระมารดาเถิด ว่าตำแหน่งพระ
สนมได้มาอย่างไร และพระมเหสีทรงสิ้นพระชนม์ด้วยเหตุใด”
เจ้าหญิงราบีอาเบิกพระเนตรอย่างตกพระทัยเมื่อทรงได้ฟังในสิ่งที่ไม่เคยคาดคิด ก่อนที่จะทรงตัดสินใจลง
ไป
“เราต้องทำอย่างไร”
“อีกสองคืนในคืนเดือนดับ ไปรอข้าพระองค์ที่โอเอซิสร้างทางทิศตะวันตก ข้าพระองค์จะไปพบเจ้าหญิงที่
นั่น”
พระเนตรลุกวาบอีกครั้งด้วยไฟแห่งโทสะและความมืดมนในพระหทัย เมื่อทรงสดับรับฟัง
ยิ่งรักและต้องการมากขนาดไหน เมื่อชังแล้วเพลิงแห่งความแค้นก็ยิ่งกระพือโหมเป็นร้อยเท่า
ข้าจะไม่ให้พวกเจ้าได้มีความสุข ข้าสาบาน
ดวงเนตรหวานกระพริบถี่ๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงการถูกรบกวนจากนิทรา ครั้นเมื่อพระเนตรเบิกกว้างด้วยความตก
พระทัยที่มีผู้บุกรุกมาถึงพระแท่นบรรทมในยามราตรี โอษฐ์งามที่เตรียมกู่ตะโกนก็ถูกปิดลงทันที
เจ้าชายราโมสที่ทรงดิ้นรนขัดขืนในช่วงแรก เมื่อทรงถูกจู่โจมด้วยปลายลิ้นที่คุ้นเคยอยู่เพียงชั่วครู่
เรี่ยวแรงที่มีพลันหมดสิ้นลงจนต้องปล่อยให้ผู้บุกรุกตักตวงความหวานจากเรียวโอษฐ์จนพอใจ ก่อนที่ผู้บุกรุกจะค่อยๆ
มอบอิสรภาพคืนให้อย่างเสียดาย จนกระทั่งผู้บุกรุกพลิกตัวนอนหงายอยู่บนแท่นบรรทมและดึงพระวรกายบางเข้าสู่อ้อม
กอด พระองค์จึงได้สอดพระพาหา ตอบรับพลางซุกพระพักตร์ซบกับอกกว้าง
“มาอี เจ้ามาแบบนี้ข้าตกใจรู้ไหม”
มาอียิ้มรับ ใช้มือหนาลูบพระเกศาเบาๆพลางกระชับอ้อมกอดแน่นหนา ราชองครักษ์ลอบถอนหายใจยาว
อย่างกลัดกลุ้มเมื่อหลบจากเจ้าหญิงราบีอามาได้
ด้วยความที่เติบโตมาด้วยกันกับทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิงของไอยคุปต์ทิ่ยิ่งใหญ่ มาอีจึงกระจ่างแจ้งใน
อุปนิสัยของเจ้าหญิงราบีอา มาอีจึงหนักใจเมื่อรู้ว่าเจ้าหญิงราบีอาจะไม่ทรงอยู่เฉยเป็นแน่
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไร เขาจะไม่มีวันยอมให้เจ้าชายราโมสเป็นอันตรายแม้แต่ปลายเล็บข่วน
“คิดอะไรอยู่หรือ มาอี”
ทรงรับสั่งอย่างห่วงใย จนมาอีต้องระงับความวิตกกังวลลงและหันมาให้ความสนใจกับผู้ที่นอนกอดกันอยู่
บนแท่นบรรทม
“คิดถึงเจ้าน่ะสิ ราโมสของข้า”
มาอีมองอย่างเอ็นดูเมื่อเจ้าชายทรงหลบพระเนตรอย่างขัดเขิน
“ข้ารู้สึกได้ถึงการอำนวยพรจากเทพีไอซิสมาสู่เจ้าในคืนนี้”
“อำนวยพรด้วยเรื่องใด”
พระเนตรหวานเป็นประกายระยิบระยับอยู่ในความมืดเมื่อทรงตรัสถาม จนมาอีอดไม่ได้ที่จะกดริมฝีปากลงไป
เบาๆ
“เทพีแห่งความรักทรงอำนวยพรให้เจ้าได้พบกับคนที่เจ้ารักและคิดถึงดุจเดียวกับในคืนนั้นที่เราสองได้รับ
พรร่วมกัน”
ร่างกำยำส่งเสียงออดอ้อนจนอีกฝ่ายร้อนวูบอย่างขัดเขิน แล้วทรงตวัดพักตร์ค้อน
“ใครรึคนที่ข้ารักและคิดถึง หาได้มีไม่ ถ้ามีคงไม่ทิ้งให้ข้าต้องทนเหงาอยู่หลายเพลานับแต่วันนั้น”
“โธ่ ราโมสแห่งข้า อย่าได้โกรธเคืองเลย เจ้าก็รู้ว่าโอกาสสำหรับเราสองมันช่างมีเพียงน้อยนิด เจ้าอย่ามัว
ต่อว่าข้าอยู่เลย”
มาอีพลิกกายขึ้นไปอยู่เบื้องบนพระวรกายบางแล้วพรมจูบไปทั่วพระพักตร์อย่างโหยหา
“ใช้เวลาให้คุ้มกับที่ได้รับพรจากองค์เทพีเถิดราโมส”
แล้วมาอีก็กอดรัดจับต้องไปทั่ววรกายจนเจ้าชายทรงถอนพระอัสสาสะสะท้านไปทุกจุดที่มือร้อนสัมผัส ยิ่ง
เมื่อมาอีแทรกกายเติมเต็มเข้าไป พระองค์ก็ยิ่งแทบขาดใจในสิ่งที่มาอีมอบให้ พระหัตถ์นุ่มจิกลงบนแผ่นหลังเมื่อทรง
กลั้นเสียงครางลึกที่เกิดขึ้นเมื่อความสุขแล่นวาบ
“มาอี ยอดรักของข้า ข้ารักท่าน”
ทรงตรัสเป็นคำสุดท้ายเมื่อทุกอย่างระเบิดขึ้นภายในกาย ก่อนที่จะหลับใหลไปอย่างหมดแรงเมื่อมาอี
สอนให้รู้จักสรวงสวรรค์อีกครั้ง
“มาอี มาอีของข้า”
เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นใกล้ๆ จนสิงหาต้องเปิดเปลือกตาตะแคงตัวไปมองคนที่นอนอยู่ด้านข้าง ใบหน้า
หวานยังคงหลับตาแต่ริมฝีปากกลับพึมพำไม่เป็นภาษา ท่อนแขนที่ป่ายเปะปะ ยังมาคว้าเอาตัวเขาเข้าไปกอด สิงหาได้
แต่คลี่ยิ้มเมื่อเจออาการแบบนี้ เขาเล่นตามน้ำโดยขยับตัวเข้าใกล้อีกนิด อยู่ๆ คนที่หลับอยู่ก็เบียดตัวพร้อมริมฝีปากลง
มา คนตื่นก่อนชะงักไปเล็กน้อย แล้วกลับเป็นฝ่ายออกแรงตอบรับจูบที่ไม่ได้ตั้งตัว
“มาอี ข้ารักเจ้า”
เมื่อริมฝีปากเปิดกว้างเขาจึงถือโอกาสดันปลายลิ้นเข้าไปม้วนวนตวัดแนบอยู่ในช่องปาก พลางดึงตัวธรา
เทพเข้ามากอด
เมื่อริมฝีปากที่แนบสนิทเริ่มเรียกร้องมากขึ้น ธราเทพจึงค่อยมีสติตื่นจากนิทรา ตาหวานกระพริบปริบๆ
เมื่อตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองถูกกอดก่ายซ้ำร้ายยังถูกจูบโดยสิงหา ธราเทพออกแรงผลักสิงหาออก ก่อนจะกระโจนหนีไป
ยืนตั้งหลักไกลออกไป พร้อมกับมองสิงหาอย่างตกใจและโมโห
“เฮ้ย อะไรวะ ทำงี้ได้ไง”
สิงหายักไหล่ พลางใช้มือดันศีรษะ ตะแคงมองธราเทพอย่างขำขัน
“ถามตัวเองดีกว่าว่าคิดอะไร อยู่ๆ ก็ดึงเข้าคนอื่นไปกอดจูบ”
“ไม่จริง ใครจะไปทำอย่างนั้น”
“จะใคร ถ้าไม่ใช่นาย หืม วิน”
เขาลุกจากที่นอนพลางก้าวเดินเข้าไปหา ธราเทพถอยกรูดจนหลังติดผนังเมื่อสิงหาเดินมาถึงและใช้มือบีบ
เบาๆ ที่ปลายคาง
“ปากก็บอกว่าเกลียด แต่นายกลับเป็นฝ่ายมายั่วกันก่อน ถ้า “อยาก” มากนักก็บอกกันดีๆ ก็ได้ จะสนองให้”
“ไอ้บ้า”
ธราเทพมองอย่างแค้นเคืองเมื่อได้ฟังคำพูดเหยียดหยาม ฝ่ามือตวัดอย่างรวดเร็วไปกระทบบนใบหน้าคม
ของสิงหาเสียงดังสนั่น รอยมือเห่อขึ้นทันที
ดวงตายั่วเย้าเมื่อครู่กลายเป็นปะทุเป็นไฟเมื่อหันกลับมา มือที่จับคางอยู่บีบแน่นราวกับเหล็ก เมื่อสิงหาโน้ม
ตัวไปจูบอีกครั้งแต่คราวนี้มันรุนแรงยิ่งกว่าวันแรกที่เหยียบแผ่นดินอียิปต์เสียอีก ธราเทพได้แต่พยายามไม่ให้น้ำตาไหล
ออกมาจนกระทั่งสาแก่ใจสิงหาก็เหวี่ยงจนธราเทพถลาไปที่เตียงแล้วก้าวไปนอนทับ
“ตบทีนึงก็จะเจอจูบอีกสองเท่า ถ้าอยากยั่วก็ตบบ่อยๆ”
เขากระชากเสียงแข็งใส่ ก่อนจะลุกออกเดินตรงไปที่ห้องน้ำ ปล่อยให้ธราเทพนอนน้ำตาไหลด้วยความ
เจ็บใจ
“เฮ้ย ดูนี่”
เสียงวาโยดังขึ้นอย่างตื่นเต้นเมื่อขุดดินลงไปแล้วเจออะไรบางอย่าง สิงหาที่ยืนสำรวจอยู่ไม่ห่างจึงก้าวเดินมา
หาเพื่อน แล้วช่วยขุดดินลึกลงไป ใช้เวลาอยู่พักใหญ่จนได้วัตถุทองเหลืองมีด้ามจับด้านบนโค้งเว้า นักโบราณคดีหลาย
คนมาออกันอย่างตื่นเต้น
“นี่มันเป็นอาวุธนี่หว่า”
วาโยอุทานเมื่อพลิกไปมาอยู่พักหนึ่ง สิงหาพยักหน้ารับ
“ใช่ มันเรียกว่าเคเพซ เป็นอาวุธอย่างหนึ่ง”
เขาพลิกที่ด้ามเมื่อเห็นรอยสลักจางๆ
“เคเพชเล่มนี้ เจ้าของมันชื่อว่า มาอี”