ตอนที่ 20
เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก หนึ่งตะวันเดินกลับออกมา ผ้าเช็ดตัวพันไว้แค่ช่วงเอวเผยให้เห็นหยดน้ำเกาะพราวทั่วทั้งร่าง ผมเหลือบมองก่อนเบือนสายตาไปทางอื่น ตัวเขายังแดงอยู่ แดงเสียยิ่งกว่าตอนเข้าไปในห้องน้ำด้วยซ้ำ
“อาบน้ำหน่อยไหม”
ผมพยักหน้า หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปจัดการร่างกายที่ร้อนระอุของตัวเองบ้าง ใจผมไม่สงบ ไม่เคยสงบเลยสักวินาที แม้ยามปลดปล่อยตัวเองไปหนึ่งรอบเพื่อระบายความอึดอัดในใจก็ยังคงว้าวุ่นไม่หาย ภาพของผมที่สะท้อนในกระจก ไม่เหมือนคนเดิมที่อยู่ในไร่ตะวันฉาย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันพยายามปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างในใจแต่ทำไม่ได้ ความอัดอั้นที่เกิดอยู่ในใจนั่นมันคืออะไร เพียงแค่เพราะกังวลว่าจะไม่สามารถรักษาดวงตะวันไว้กับตัวได้ตลอดไปเท่านั้นหรือ
หลังจากวักน้ำล้างหน้าจนพอใจผมก็กลับออกมาภายในห้องนอนอีกครั้ง หนึ่งตะวันยังอยู่ในผ้าเช็ดตัวผืนเดิม นั่งมองมือที่กุมไว้บนหน้าตักตัวเอง เมื่อผมปิดประตูห้องน้ำ เสียงของบานประตูยามกระทบปิดลงกลับทำให้ร่างขาวสะดุ้งตัวโหยงได้ง่าย ๆ เมื่อสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ วางมือบนบ่าคนตัวเล็กกว่าก็สะดุ้งอีกที
“เป็นอะไรครับ”
“ปะ...เปล่า”
“แล้วทำไมไม่แต่งตัว”
ผมเลิกคิ้วถาม ขณะที่คู่สนทนาทำหน้าเหรอหรา มาแต่งตัวโป๊แบบนี้เดี๋ยวได้ป่วยพอดี ผมเดินมาที่ตู้เสื้อผ้า เลือกชุดนอนใสสบาย เปิดไฟให้สว่างสำหรับห้องที่เริ่มมืดสลัว เย็นมากแล้ว แดดข้างนอกเป็นสีส้ม ตะวันใกล้จะรอนเต็มทน
“ใส่ซะ จะได้ลงไปกินข้าว”
“ดะ...เดี๋ยวสิ”
ผมเลิกคิ้วอีกครั้ง หนึ่งตะวันดูฉุนเฉียว สบถคำหยาบงุบงิบในลำคอแต่ก็ดังพอที่จะได้ยิน
“ไอ้เด็กเปรต”
“อ้าว”
“คนอุตส่าห์เข้าไปเตรียมตัว นั่งเตรียมใจอยู่ตั้งนาน อย่าบอกนะว่าไม่ทำแล้ว!”
คราวนี้กลายเป็นผมเองที่ทำหน้าเหวอ นึกว่าไม่อยากให้แตะต้องมากไปกว่านี้เสียอีก..
เราเบือนหน้าหนีกันคนละทาง ประดักประเดิดกับความคิดของตัวเองทั้งคู่ หนึ่งตะวันลุกมาดึงชุดนอนตัวเองออกจากมือ รู้ตัวอีกทีผมก็ยื้อกลับไม่ยอมส่งให้อีกฝ่าย ระล่ำระลักกลับคำหน้าตาย
“ทำครับ...ทำสิ”“ไม่ให้ทำแล้วโว้ย”
“เฮ้ย” ผมร้อง “คุณหนึ่ง เดี๋ยวสิ”
“เดี๋ยวบ้าอะไร เอาคืนมานะ จะแต่งตัวลงไปกินข้าว”
“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิ ผมคิดว่าคุณไม่พร้อม”
“ไม่พร้อมแล้ว เอาเสื้อผ้ามา เอามา ฉันสั่ง”
“ผมขัดคำสั่งได้หรือเปล่า”
ทุกอย่างนิ่งเงียบ หนึ่งตะวันหยุดกระโดดยื้อชุดนอนที่ผมยกขึ้นสูง มือเล็กเกาะบ่าผมตั้งแต่แรกยิ่งทำให้เราอยู่ในท่าทางที่ล่อแหลม ผู้ชายสองคนในผ้าเช็ดตัวคนละผืน ท่อนบนเปลือยเปล่าสะท้อนแสงไฟ ผมโน้มตัวลงไปข้างหน้า กระซิบขอร้อง ซ้ำ ๆ แผ่วเบาข้างหู จงใจโยนเสื้อให้ไกลมือแล้ววาดวงแขนรวบกอดกระชับเอวเปลือย
“กฤช!”
“...นะครับ” วอนอีกครั้งเสียงแผ่ว ทอดสายตามองอ้อนวอนไม่หลบลี้ ดวงตาของหนึ่งตะวันไหวระริก แม้ในทีแรกจะตวาดเสียงแข็งแต่เมื่อสบตากันแม่นมั่นก็โอนอ่อนง่ายดาย ผมไล่ปลายนิ้วมาตามท่อนแขนที่เกาะบ่าไว้ กระทั่งมาถึงหัวไหล่แล้วค่อยวางฝ่ามือกว้างเต็มมือ ลูบไล้ไปทั่วร่างกายขาวละเอียดของอีกฝ่ายอย่างทะนุถนอม เมื่อหนึ่งตะวันไม่มีท่าทีขัดขืนหลงเหลือ ก็เคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้กว่าเดิม ใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจของกันและกัน สบตาถลำลึกไปในวงกลมกว้างสีน้ำตาลเข้มลุ่มลึก
เสียงเดียวที่ดังต่อจากนั้นคือเสียงชื้นแฉะ ริมฝีปากบดเบียดอีกครั้ง แต่คราวนี้เสียงหัวใจผมเต้นระส่ำไปด้วยความตื่นเต้น มันรุนแรงกว่าครั้งไหน จากนุ่มนวล เนิบช้า กลายเป็นร้อนแรงขึ้นเหมือนคนขาดออกซิเจน มือเล็กเกร็งบีบที่หัวไหล่ พักเดียวก็เลื่อนมาโอบคอผมให้เบียดกายแนบชิดยิ่งกว่าเก่า
ร่างกายที่เพิ่งสงบลงเมื่อครู่เริ่มร้อนขึ้นอีก คล้ายรสจูบนั่นคือแอลกอฮอล์ที่เราต่างพากันหลงมัวเมา สดับเสียงเงียบสงัด การเคลื่อนไหวอย่างเนิบช้า พากันกอดเกี่ยวมาที่เตียงอย่างเป็นธรรมชาติ
“กะ...กฤช”
“ครับ” ผมขานรับ เวลานี้ทุกอย่างดูเชื่องช้ากว่าปกติ ผมค่อย ๆ ไล่มือผ่านปมหนาของผ้าเช็ดตัวที่มัดไว้อย่างหมิ่นเหม่มาด้านล่าง สอดผ่านสาบช่องว่างระหว่างผ้ามาแตะต้นขา ไล่ปลายนิ้วขึ้นมาผะแผ่วก่อนกระตุกสิ่งกีดขวางให้หลุดออกจากร่าง ลงริมฝีปากหนักบริเวณไหปลาร้า ขบเม้มจนเกิดรอยสีกุหลาบบนผิวขาว
หนึ่งตะวันยกมือขึ้นปิดหน้า เห็นเพียงกลีบปากที่เผยอและสะดุ้งเฮือกเมื่อปลายลิ้นแตะยังยอดอก แบนราบ แข็งเกร็ง ไม่เหมือนที่เคยสัมผัส แต่กลับดูเย้ายวนเมื่อแผ่นอกผวาขึ้นมารับสัมผัสอันอ่อนนุ่มอย่างยากจะหักห้าม
เสียงครางเครือดังผะแผ่ว ตัวของหนึ่งตะวันร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ผิวใต้ร่มผ้าที่ขาวจัดเปลี่ยนสี ชมพูแล้วชมพูอีก เลือดลมไหลเวียนดีจนน่าอิจฉา ผมไล่ริมฝีปากชิมทุกส่วนของเขาราวกับไม่ให้เหลือช่องว่างตรงไหนตกหล่นการสำรวจไปได้
พักเดียว ริมฝีปากก็ไล่มาต่ำ จับบังคับขาเพรียวให้ยกชันขึ้น ผมไม่เคยนึกถึงการสอดใส่ในลักษณะนี้แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่องทางอ่อนนุ่มของอีกฝ่ายน่ามอง เมื่อแตะปลายนิ้วเคลือบน้ำลายลงไป คนใต้ร่างกลับสะดุ้งเฮือก ผวาตัวมากอดผมไว้
“ดะ...เดี๋ยว”
“ครับ” ผมขานรับ แต่ไม่ปล่อยให้ขาดตอน ดันตัวขึ้นมาดึงหมอนที่หนุนอยู่บนศีรษะอีกฝ่ายออก เกี่ยวเอวคอดให้ลอยขึ้นสูงแล้วสอดหมอนไว้ใต้สะโพก จากตรงนี้จะเห็นภาพร่างกายสมสัดส่วนสะท้อนแสงไฟ กางขาแยกออกจากกันกว้าง สอดตัวไปคุกเข่าระหว่างกลาง
หนึ่งตะวันหอบหายใจ ความต้องการของเขาฟ้องชัดเจนจากอาวุธที่ชูชันเบื้องหน้า และผมเองก็ไม่ต่างกัน
“กฤช!! เดี๋ยว...ดะ...เดี๋ยวก่อน”
เมื่อผมขยับกายเข้าประชิด คนเบื้องล่างก็ระล่ำระลักร้องเสียงหลง เขากระถดตัวขึ้นนั่ง ยกมือยันแผ่นอกผม เม้มริมฝีปากเข้าหากันขณะที่หน้าแดงก่ำ
“ฉะ...ให้ฉันเริ่มดีกว่า นายไม่เคยทำกับผู้ชาย...”
“คุณหนึ่ง”
ผมมองหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ของอีกฝ่ายแล้วถอนหายใจ ถ้าพูดว่าไม่ทำก็ได้จะถูกโกรธอีกหรือเปล่า หนึ่งตะวันเวลานี้สับสน และผมเองก็สับสนไม่ต่างกัน อยากครอบครองเป็นเจ้าของ แต่ไม่คิดจะฝืนใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ถ้าหนึ่งตะวันดึงดันว่าไม่ แม้จะเป็นขนาดนี้...แม้จะถึงขั้นนี้ผมก็ยินยอมหยุดทุกอย่างเพียงเพื่อรักษาหัวใจเขาไว้
ชายหนุ่มตรงหน้าส่ายหน้า ท่าทีหวาดกลัวเล็กน้อยแต่ก็ยื่นข้อเสนอกระท่อนกระแท่น “มะ...มีหลายอย่างที่ต้องทำ มันไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนทำกับผู้หญิงนะ ให้ฉันเริ่ม...”
มองความตั้งมั่นในแววตาคู่นั้นแล้วผมก็พยักหน้า ยอมทิ้งตัวลงนอนหงายโดยไม่ลืมเกี่ยวคนที่นั่งตัวขดตัวงอให้ล้มลงทับ เราเริ่มจูบกันอีกครั้ง เร่าร้อนกว่าคราวก่อน อารมณ์ของผมปะทุขึ้นเต็มที่ แข็งขืนจนปวดหนึบแต่ก็รอคอยให้อีกฝ่ายเป็นคนจัดการมันอย่างใจเย็น
ผมไม่อยากทำให้หนึ่งตะวันเจ็บ
เสียงลิ้นชักข้างหัวเตียงเลื่อนออก ถุงยางอนามัยกับเจลหล่อลื่นขวดใหม่เป็นสิ่งที่เจ้าของห้องหยิบออกมา เขาชโลมมันจนทั่วช่องทางของตัวเอง สวมพลาสติกใสบางเฉียบให้ผม ขณะที่ผมนอนเปลือยยกแขนทั้งสองข้างขึ้นรองคอ
หนึ่งตะวันเงอะงะ ผิดกับที่เข้าใจว่าจะเชี่ยวชาญกว่านี้ลิบลับ มองจากตรงนี้ผมเห็นร่างกายของชายหนุ่มทั่วทั้งร่าง สัดส่วนที่สมบูรณ์งดงาม ยามนั่งยองเหนือร่างผมก็อดไม่ได้ที่จะยักยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ
นายน้อยสอดปลายนิ้วเข้าไปในร่างของตัวเอง ผลุบหายไปหนึ่งข้อก็ทำหน้าเหยเก หลับตาแต่ดูสั่นไปทั้งตัว ผมดึงหนึ่งตะวันที่ทรงตัวไม่ดีนักเข้ามากอด ช่วยสอดใส่ปลายนิ้วสู่ช่องทางด้านหลัง ลึกลงไปทีละข้อ และดูง่ายขึ้นเมื่อมีเจลเย็น ๆ ช่วยหล่อลื่นรอบเนื้อนุ่ม
“กฤชช”
เหงื่อจากไรผมเมื่อใบหน้าแนบชิดกันทำให้รู้สึกเหนียว ผมเอียงคอไปจูบกกหูอีกฝ่าย ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนนิ้วขึ้นและนวดให้ผ่อนคลาย งอข้อนิ้วเพียงเล็กน้อยคนในอ้อมแขนก็สะดุ้งไหวไปทั้งร่าง
“หายใจเข้าออกลึก ๆ ครับ อย่าเกร็ง”
หนึ่งตะวันทำตามแต่โดยดี พักเดียวก็เข้าไปได้ถึงสามนิ้ว เมื่อเห็นว่าผ่อนคลายพอสมควรแล้วคนเก่งก็หยัดตัวขึ้นนั่งอีกรอบ หลับตาพริ้ม แต่เมื่อปลายนิ้วดึงออกและแทนที่ด้วยอย่างอื่นกลับทำหน้าบิดเบี้ยวยิ่งกว่าเก่า
“อึก...”
ฟันขาวขบกันแน่นจนเห็นกระดูกโปนของกรามชัดเจน สีหน้าแบบนี้ทำให้ผมอดพะวงไม่ได้
“เจ็บหรือเปล่า”
หนึ่งตะวันส่ายหน้า ดึงดันที่จะทิ้งสะโพกลงลึกกว่าเดิม ส่วนหัวผลุบหายเข้าไปหมด แต่ยังสอดใส่ให้สุดได้ยากเย็น ผมมองใบหน้าที่อดทนอดกลั้นของอีกฝ่ายแล้วตัดสินใจพลิกตัวกลับให้หนึ่งตะวันนอนไปกับเตียงแทน คนตัวเล็กกว่าเบิกตาโพลงเมื่อผมใช้จังหวะชุลมุนหมุนตัวของเขาคว่ำ หมอนใบเดิมสอดไว้ระหว่างสะโพก จากตรงนี้จะเห็นช่องทางแดงช้ำลอยเด่น ผมคว้าเอาเจลที่ตกอยู่ข้างตัวบีบชโลมเพิ่ม สอดปลายนิ้วลงไปก่อนค่อย ๆ หยัดตัวดันเข้าไปทีละน้อย
“หายใจลึก ๆ”
ไม่บ่อยนักที่ผมจะเป็นฝ่ายออกคำสั่ง โน้มตัวลงไปจูบกระดูกโปนกลางแผ่นหลัง ดึงสมาธิทั้งหมดของคนเบื้องล่างไปยังปลายลิ้นที่ไล้เลียบนแผ่นผิวแล้วส่งตัวเข้าลึกเรื่อย ๆ
หนึ่งตะวันผ่อนคลายลง แต่ร่างกายยังรัดรึงไปทุกสัดส่วน ผมขยับตัวได้ยาก จำเป็นต้องสั่งให้เขาหายใจหนัก ๆ อีกรอบ
“แน่นชะมัด”
เสียงหอบดังขึ้นท่ามกลางความอึดอัดแม้หนึ่งตะวันกัดริมฝีปากล่าง สะกดกลั้นแล้วก็ตาม เมื่อขยับตัวไปข้างหน้า ปลายนิ้วที่วางบนผ้าปูเตียงยิ่งเกร็งจิกมากกว่าเก่า
“ขยับนะครับ”
เป็นการขออนุญาตที่ไม่คิดจะฟังผลตั้งแต่แรก ผมยืดตัวไปจูบที่แก้มใส สอดใส่ร่างกายเข้าไปจนสุด หัวใจสั่นเทิ้มเมื่อใช้ฝ่ามือลูบไปทั่วผิวกายเมื่อขยับโยก ไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะรู้สึกมากขนาดนี้ แม้กระทั่งหยุดตัวเองให้ดำเนินไปอย่างเนิบช้าก็ยากเต็มทน กดจูบซ้ำ ๆ ที่หัวไหล่ ก่อนใช้มือข้างหนึ่งรั้งใบหน้าหนึ่งตะวันให้เอี้ยวหันมา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มลึกล้ำกว่าครั้งไหน มันขยายขนาดกว้างเมื่อถูกจูบอย่างออดอ้อนบนริมฝีปาก
ร่างกายหนึ่งตะวันหอบสั่นเมื่อจูบกลับ ความร้อนระอุราวกับยิ่งปะทุขึ้นสูง ผมโถมตัวเข้าหา ท้ายที่สุดคนเบื้องล่างก็ไม่อาจกักเก็บความรู้สึกไว้ได้ เสียงทุ้มครางออกมาด้วยความพอใจ ทั้งร่างเกร็งตัวหากแต่กลับรู้สึกผ่อนคลาย มือข้างหนึ่งผมลูบที่สะโพกแน่น ออกแรงบีบและยึดไว้ไม่ให้โยกหนี
ทั้งกายไหวสะท้าน หนึ่งตะวันเกร็งแขนทั้งสองข้างเหยียดไปอย่างสิ้นท่า ผละจากจูบมากดหน้าเข้าหาแผ่นเตียงร้องเสียงระส่ำ
“กฤชชช ไม่เอาตรงนั้น...มะ....ไม่ไหว”
เมื่อถูกเน้นร่างเข้าสู่บางตำแหน่ง นายน้อยก็วอนขอน่าสงสาร หากแต่นาทีนี้ปราศจากแล้วซึ่งความปรานี ผมเน้นย้ำร่างลงบนส่วนต้องห้ามครั้งแล้วครั้งเล่า ซ้ำด้วยสัมผัสที่ร้อนแรงยิ่งขึ้น ดุดันคล้ายกระทิงเปลี่ยวในป่าใหญ่ กล้ามเนื้อบนแผ่นหลังขาวเกร็งตัวเป็นลูก สายตาจ้องมองภาพนั้น หูสดับฟังเสียงกรีดร้องของคนเบื้องล่างยามวอนขอความเห็นใจ เมื่อหนึ่งตะวันจะละแขนข้างหนึ่งมาจับร่างกายที่แข็งขืนของตัวเองก็รีบตะปบข้อมือเอาไว้ บังคับเหยียดตามท่าเดิม ซ้ำเติมด้วยการกระทั้นร่างหนักหน่วง พักเดียวความร้อนก็แล่นพล่านทั่วร่าง ช่องทางคับแน่นที่โอบอุ้มร่างกายผมไว้กระตุกถี่ รู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายถึงฝั่งฝันแล้วแม้จะไม่ถูกสัมผัสเลยแม้แต่น้อย
ผมหยัดตัวขึ้น ลูบฝ่ามือไปตามแผ่นหลังที่ยังคงสั่นไหว เส้นผมสีน้ำตาลเข้มระต้นคอขาวที่ตอนนี้แดงก่ำและชื้นไปด้วยเหงื่อ ขยับโยกไปด้านหน้า ดำดิ่งลึกลงไปสู่ความมืดดำ เวิ้งว้างไม่มีที่สิ้นสุด แสงสว่างวาบขึ้นตรงหน้า เป็นสีขาวของดวงตาก่อนจะมองเห็นสีน้ำตาลเข้มที่เข้มกว่าเส้นผม หนึ่งตะวันหยัดแขนขึ้น หัวเข่าชันโดยไม่ต้องใช้หมอนช่วยหนุน เอี้ยวตัวกลับมา จูบที่ปาก ผมหยุดชะงัก ก่อนพลิกตัวให้อีกฝ่ายนอนหงาย บังคับให้แขนเกี่ยวรอบเอวแล้วสอดกายเข้าลึกอีกครั้ง ท่านี้ทำให้ผมเห็นหน้าของเขาชัด ส่วนปลายที่สะบัดไหวยามเอวขยับโยกยังชื้นอยู่ และดูคล้ายมันตื่นตัวอีกครั้งเมื่อผมโถมกายเข้าอีกรอบ
หนึ่งตะวันหรี่ตาลง มือทั้งสองข้างจับไว้ที่บ่า ขูดลากปลายนิ้วผ่านแผ่นหลัง รู้สึกแสบนิด ๆ แต่เล็กน้อยนักเมื่อเทียบกับความรู้สึกตอนนี้ ยิ่งฝังตัวลงลึกยิ่งรู้สึกว่าได้ครอบครอง ที่แห่งนี้ ที่ตรงนี้ คนที่นอนกรีดร้องใต้ร่างผมคือหนึ่งตะวัน และคนที่ทำให้ชายหนุ่มสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองได้สุดกำลังก็คือผม
“หนึ่ง...”
ผมเรียกชื่อเขา จับข้อเท้าให้ยกสูง จูบที่ตาตุ่มแล้วจับมันพาดบ่าให้สะโพกลอยสูง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เวลาเพียงเสี้ยวนาทีที่เราเพ่งพิศมองซึ่งกันและกันยาวนานราวชั่วกัปกัลป์ ในดินแดนที่มีแค่สองคน พลอดรักกันอย่างไม่ต้องปกปิดกระดากอาย
ผมโน้มตัวลงจูบคนเบื้องล่างอีกครั้ง สายตายังจับจ้องไม่ผละละไปไหน หนึ่งตะวันกอดผม ลูบปลายนิ้วไปบนแผ่นหลังชื้นเหงื่อ แม้เหนียวเหนอะหนะแต่ไม่มีใครสนใจ เสียงของริมฝีปากดังสลับกับเนื้อกระทบกันเป็นระลอก ก่อนหนึ่งตะวันปลดปล่อยเป็นครั้งที่สอง ผมหยัดกายเกร็งตัว บีบคั้นความร้อนระอุภายในออกมาเป็นหยาดสาย
“โอ๊ะ...โอยยย”
เสียงร้องหลุดออกมาเบา ๆ ปนกับหอบหายใจต่ำ ความรู้สึกแบบนี้ที่แล่นปราดไปทั่วร่าง คล้ายกับโดนกระแสไฟวิ่งผ่าน คล้ายแม่เหล็กหาขั้วกันเจอ หัวใจสั่นไหวรุนแรงจนได้ยินชัดเจน
หนึ่งตะวันฝังหน้าซุกบนผ้าปูเตียง ภายหลังสงครามเหลือเพียงซากยับเยินยู่ยี่ ของคราบสีขาวหลั่งทิ้งไว้บนปลอกหมอน บางส่วนถะถังอยู่เหนือหน้าท้อง ผมถอนกายออก มัดปากถุงยางให้แม่นมั่น หยิบเอาทิชชูข้างหัวเตียงมาเช็ดทำความสะอาดก่อนล้มตัวลงเคียงข้าง ยื่นมือไปลูบหัวคนที่ยังซุกหนีไม่ยอมสู้หน้า แทรกปลายนิ้วยังเส้นผมแล้วดึงให้มาซุกคลอเคลียที่ต้นคอตัวเองแทน
“หนึ่ง”
ผมเรียกอีกครั้ง เป็นเสียงที่ยังเหนื่อยล้า จูบที่เหนือศีรษะก่อนเจ้าของชื่อจะยอมเงยหน้าขึ้นสบตา
แก้มของเขาแดงเหมือนมะเขือเทศสุก เหมือนเด็กน้อยเพิ่งคลอด น่ารักจนละสายตาออกไปไม่ได้ ผมจ้องมองเขา รู้สึกอบอุ่นในใจ คล้ายกับเป็นหนึ่งเดียวกัน ลึกซึ้งเกินกว่าคำไหนจะบรรยายออกมาได้ คุณหนึ่งยิ้มเล็กน้อย เมื่อถูกบังคับให้เงยหน้าก็หลับตาอย่างรู้งาน ผมจูบที่ปาก จูบเบา ๆ หลายครั้ง ท้ายที่สุดก็จูบลงบนหน้าผากขาว
"ฉันชอบเวลานายเรียกว่าหนึ่ง"
"ถ้าอย่างนั้นผมจะเรียกทั้งคืน"
ดวงตะวันยิ้มจนตาปิด ซุกหน้าลงบ่าและขบที่หัวไหล่ผมแผ่วเบา รอยยิ้มของหนึ่งตะวันคล้ายพระอาทิตย์ในฤดูร้อน สุดสว่าง เจิดจ้า ค่อย ๆ แผดเผาหัวใจให้หลอมละลายไปกับแสงนวล
ผมไม่แน่ใจว่าหัวใจดวงนี้มันแหลกเหลวโดยไร้ซึ่งหนทางป้องปัด หรือแท้ที่จริงแล้ว มันสมยอมให้แสงตะวันแผดเผาสิ้นท่าด้วยความยินดีกันแน่
คุณหนึ่งอาการไม่ดีนักในเช้าวันใหม่ มีพิษไข้อ่อน ๆ และโยเยปวดท้องทั้งวัน ผมเทียวลงไปตักข้าวต้มขึ้นมาให้ ทีละน้อยแต่ค่อนข้างบ่อย สลับกับเช็ดตัวที่พราวไปด้วยร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของทั่วทั้งร่างกาย
ไม่แน่ใจนักว่าสาเหตุมาจากอะไร ผมโทรบอกข่าวคุณพอร์ชเพราะเดิมทีทั้งคู่มีนัดออกไปซื้อของช่วงบ่าย ประมาณเที่ยงวันภูดิศก็มาพร้อมซีดีหนังแผ่นใหม่ ทว่าคนไม่สบายกลับไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย ติดจะโกรธผมด้วยซ้ำไปที่โทรไปบอกให้เพื่อนสนิทมาเยี่ยมโดยไม่ขออนุญาต
"ไง ไอ้ป่วย"
เจ้าของสมญานามไอ้ป่วยมองตาขวาง ยกผ้าห่มขึ้นบังชิดถึงต้นคอ ผมเอาผ้าที่เช็ดตัวอีกฝ่ายส่งให้ป้าจิ๋วไปทำความสะอาด แล้วเดินกลับเข้ามานั่งข้างเตียงอีกครั้ง เฝ้าปัดปอยผมที่ปรกรกลงมาเกะกะบนหน้าผากให้กวาดไปด้านใดด้านหนึ่ง
"ไปทำอีท่าไหนเข้าวะ เดินไม่ได้เลยเหรอ"
"เสือก" คนป่วยพูดเสียงแหบแห้ง พลิกตัวหันหลังให้คนเยี่ยม ภูดิศเห็นท่านั้นยิ่งนึกสนุก ขยับตัวมานั่งอีกฝั่งของเตียง ตรงกันข้ามกับผม ยื้อผ้าห่มออกแต่หนึ่งตะวันจับไว้แม่นมั่น ไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือ
"เฮ้ย มีแขกมารับแขกหน่อยดิ"
"มึงมันเจ๊ก บ้านกูไม่ต้อยรับ" เจ้าบ้านตอบเสียงขรม "ไสหัวกลับบ้านไปได้แล้ว"
"เฮ้ย รอบนี้ไม่อ้อนกูแล้วเหรอ"
"ไปให้พ้น กูจะอยู่กับกฤช"
ภูดิศเลิกคิ้ว สายตาสะดุดมาที่ต้นคอคนป่วย ใช้จังหวะเผลอดึงผ้าห่มออก หนึ่งตะวันยื้อไม่ทัน เมื่อลุกขึ้นนั่ง ชุดนอนกลัดกระดุมหลวมก็โชว์ร่องรอยที่ลำคอและต่ำลงกว่านั้นให้คนเยี่ยมเห็น
คุณพอร์ชฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ หันกลับมองมาทางผม ขณะที่หนึ่งตะวันโกยผ้าห่มกลับเข้าหาตัวทันที
“เจ๋งว่ะกฤช ซูฮก ๆ”
“ครับ?”
“แต่ลำบากหน่อยแหละ ครั้งแรกส่วนใหญ่จะไม่สบาย โดยเฉพาะท้อง มันจะปวดเหมือนคนโดนต่อยแรง ๆ เมียเก่ากูบ่นทุกคน”
“ครั้งแรก?” ผมหันหน้ามองหนึ่งตะวันที่ซุกหายไปในผ้าห่มทั้งตัว
“ผมนึกว่าเพราะคุณหนึ่งห่างหายจากเรื่องนั้นมานานแล้วถึงดูเจ็บขนาดนั้น ทำไมคุณหนึ่งไม่บอกผม”
“ไอ้ห่าพอร์ช ผีเจาะปากมาพูดหรือไง ไปตายที่ไหนก็ไป”
“อย่าบอกนะว่ามันโม้ว่าเคยแล้ว?”
ผมเงียบ และให้ความเงียบเป็นคำตอบโดยปริยาย ภูดิศหัวเราะร่า ยกขาขึ้นถีบก้อนกลม ๆ ใต้ผ้าห่มด้วยความหมั่นไส้ “ตอแหลนะมึง ไอ้ตะวัน ไหนเอาหน้าคนเชี่ยวมาให้กูดูหน่อยซิ ใครมันโยเยกับกูว่าคบกับใครเขาก็จ้องแต่จะเอามึงวะ ไงล่ะรอบนี้ จ้องแต่จะให้ไอ้กฤชเอาล่ะสิ ถึงขั้นหลอกให้เขาเข้าใจว่าตัวเองเคย ฮาว่ะ ไงล่ะ กฤชจัดเต็มไม้เลยสิ ซมเลย โถ ๆ”
“หุบปากแล้วออกไปจากบ้านกูเลยภูดิศ!”
“โอ้โห คราวนี้ขึ้นชื่อจริงด้วย โอเค ๆ ไม่กวนแล้วก็ได้ พักผ่อนเยอะ ๆ นะมึง แล้วอย่าหักโหมมาก ช่วงนี้ก็กินอาหารอ่อน ๆ”
“กูรู้ ไอ้เหี้ย ทฤษฎีกูแน่น”
หนึ่งตะวันตะโกนออกมาจากผ้าห่ม ผมหลุดหัวเราะแต่ต้องหุบปากฉับทันทีเมื่อคนป่วยสะบัดผ้ามาจ้องหน้า แก้มนายน้อยแดงก่ำ น่ารักน่าชังแต่ตายังดุเหมือนเคย
“หัวเราะอะไร”
“เปล่าครับ”
“ออกไปส่งไอ้พอร์ชแล้วไม่ต้องเข้ามาเลย จะนอน”
ผมสบตากับภูดิศยิ้ม ๆ เห็นทีคราวนี้พิษความเขินของคนไข้จะเล่นงานเข้าให้เสียแล้ว
TBCพี่หนึ่งมาตามสัญญาแล้วค่ะ ไม่เบี้ยวด้วย ฮรี่
จริง ๆ ตอนนี้ค่อนข้างตะกุกตะกัก ต้องเข้าใจหน่อย กว่าจะพากันไปรอดคนพี่แกก็กล้า ๆ กลัว ๆ ทำปากดีเอาไว้มาก สุดท้ายโดนเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดซะงั้น
ยังไม่ดราม่านะ ทำไมบอกว่าหน่วงกันนนน หนึ่งตะวันรักอิกฤชจะต๊ายยย ป่านนี้นางคงเปรมดิ์ปริ่มอิ่มใจอยู่หน้าห้องกับคุณพอร์ชนั่นแหละค่ะ
ตอนหน้าตัวประกอบออกอีกสองตัว ส่วนพี่ตุลย์จะโผล่มาทำให้เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้นนิดหน่อย ไม่ถึงกับดราม่า เอาจริง ๆ ดราม่าเรื่องนี้ไม่ยาวค่ะ เปรี้ยงนี้ดเดียว ไม่ต้องกังวลลล
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ เจอกันใหม่วันอาทิตย์สีแดงค่ะ
