Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]  (อ่าน 287735 ครั้ง)

ออฟไลน์ nida

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากค่า   อ่านยาวจนจบเลยค่ะ 
ปล.ชอบพี่วัตมากเลย  น่ารักกกกกกกกก
 :-[ :-[ :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ k_keenny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1

ออฟไลน์ fammi50

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
รออ่านต่อค่าาาาาาาาา รีบๆมาต่อน้าาาาาาาาาา  :katai4:

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Part8 ชีวิตในเกมกับเด็กชายอาชวิน
 
อาวุธวาดผ่านสายลม เสียงปะทะกันจากการต่อสู้เล็กๆ ภายในป่าใหญ่พร้อมสองร่างร่วมแรงร่วมใจกันถล่มมอนสเตอร์ตรงหน้าด้วยกรงเล็บและมีดสั้นที่ถูกสร้างขึ้นจากพลังความมืด เพียงไม่นานกระรอกหน้าตาน่ารักขนาดเท่าเอวผู้ใหญ่ก็ล้มลงสิ้นท่าอย่างง่ายดาย
 
ผมลดมือลง มีดสั้นถูกสลายกลายเป็นพลังเวทสีดำกลับเข้ามาในร่าง หน้าที่ชำแหละเก็บเนื้อไว้กิน ถลกหนังไว้ในงานเป็นของชิน ส่วนผมคอยระวังโดยรอบเผื่อมีมอนสเตอร์หรือผู้เล่นโผล่มาจะได้รับมือทัน
 
ตั้งแต่เช้าตื่นมาจัดการตัวเองเสร็จ ผมกับชินตะลุยเก็บระดับ ฆ่ามอนสเตอร์ทุกตัวที่เดินผ่าน เลือกเฉพาะตัวเลเวลเท่ากันหรือน้อยกว่า ตัวไหนเกินความสามารถจะเลี่ยงไปอีกทาง ระหว่างนั้นเราคอยสำรวจพื้นที่ไปด้วย ป่าส่วนที่พวกเราอยู่เป็นป่าที่พบเห็นได้ทั่วไป ต้นไม้สูงต่ำลดหลั่นกันไป มีแหล่งน้ำบางประปราย มอนสเตอร์ส่วนใหญ่เป็นสัตว์กินพืช เหมาะสำหรับพวกคนเล่นใหม่
 
“เสร็จแล้ว จะพักกินข้าวเลยมั้ย ตอนนี้พวกเราเลเวล 7 ถ้าลุยแบบนี้จนถึงเมืองคงได้สัก 15 พอดี”
 
อย่างที่เคยบอกไป เมืองไกลจากที่นี่พอสมควร ถึงงั้นก็ยังมีผู้เล่นให้เห็นเป็นระยะไม่ต้องกลัวเหงา พวกเราผู้สร้างไม่ใจร้ายกับผู้เล่นมือใหม่ขนาดนั้น แถบนี้ทั้งแถบ มอนสเตอร์ระดับไม่สูง ถ้าเดินดีๆ จะเจอเส้นทางนำไปยังเมืองที่อยู่ใกล้ๆ หรือถามเอาพวกผู้เล่นคนอื่นก็ได้ บางคนอาจโชคดีหน่อย เจอคณะเดินทางของชาวบ้าน สามารถติดไปลงที่เมืองได้
 
“เอางั้นก็ได้ ฉันเริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”
 
ผมพยักหน้ารับช่วยกันเลือกที่เหมาะๆ เคลียร์ใบไม้บนพื้นแล้วทำหลุมก่อไฟย่างเนื้อสัตว์ที่หามาได้ พวกอุปกรณ์พื้นฐานอย่างกระเป๋า ของยังชีพจะแจกให้ผู้เล่นทุกคนตั้งแต่เริ่มเกม พอทานเสร็จใช้ดินกลบดับไฟเรียบร้อย ผมกับชินมุ่งหน้าต่อทันที เวลานี้อยากถึงเมืองใจจะขาด ร่างกายเล็กๆ ทำอะไรไม่สะดวกสักอย่าง
 
แม้ชินจะบอกว่าสามารถอุ้มได้ตลอดเวลา แต่ผมไม่เอาเด็ดขาด มาเล่นเกมทั้งทีมันต้องสนุกสิ ไม่ใช่เป็นเด็กให้คนตามดูแล
 
จิ้งจอกดำเป็นด่านหน้าชนกับพวกมอนสเตอร์ ผมเป็นหน่วงหลังใช้พลังสร้างมีดสั้นที่เริ่มพัฒนาความคมกับขนาดมากขึ้นตามระดับที่เพิ่มจากเดิม เราคอยหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บหนักๆ เพราะผมในเวลานี้ไม่สามารถรักษาแผลใหญ่ได้
 
สองร่างไม่คิดเสียเวลาชำแหละซากมอนเอาไปขายแบบช่วงเก็บระดับตอนแรก งานนี้ต้องเร่งฝีเท้าให้ถึงเมืองก่อนค่ำถ้ายังไม่อยากนอนในป่าเป็นวันที่สอง รู้สึกตงิดๆ เหมือนลืมอะไรสักอย่างตั้งแต่เมื่อคืน คิดยังไงก็คิดไม่ออก พอถามคนข้างตัว จิ้งจอกดำยักไหล่บอกว่าผมคิดมากไปเอง
 
ช่างมันแล้วกัน ถ้าเรื่องสำคัญเดียวผมก็นึกออกเองแหละ ไม่ใช่คนขี้ลืมขนาดนั้น ผมส่ายหัวขณะกางปีกบินตามหลังชิน ปล่อยให้สายลมเย็นชื้นของป่าพัดผ่านกายไป สูดลมหายใจลึกๆ เก็บเอาอากาศสดชื่นเข้าปอดเพราะโลกแห่งความจริง หาแหล่งธรรมชาติได้ยากเต็มที
 
การเดินทางของพวกเราราบรื่นไปด้วยดี จนกระทั่งพบกับด่านสุดท้ายก่อนถึงเมือง ท้องฟ้าถูกย้อมจนกลายเป็นสีส้ม พ้นแนวป่าคือกำแพงเมืองขนาดย่อมอีกเพียงนิดเดียวจะถึงเมืองอยู่แล้ว แต่ระดับพวกเราหยุดอยู่ที่ 14 ต้องหามอนสเตอร์ตีอีกหน่อยให้เลเวลอัพตามที่วางแผน
 
ผมหยุดนิ่งอยู่กับที่ ร่อนลงยืนบนพื้นเก็บหุบปีกด้านหลัง ดวงตาจ้องเป๋งไปยังฝูงมอนสเตอร์เบื้องหน้า ทิศที่เรามาอยู่ทางทิศใต้ของเมือง ส่วนที่มีมอนสเตอร์เลเวล13-14 เหมาะแก่การเก็บระดับอย่างยิ่ง แต่...
 
“จะมืดแล้ว รีบจัดการให้จบแล้วเข้าเมืองกันเถอะวิน”
 
เสียงทุ้มต่ำจากหมาป่าข้างกายดึงความสนใจจากผม จะให้ฆ่ามัน? ไม่มีทาง!!
 
“เราจะไม่ฆ่าพวกมัน ฉันจำได้ว่าทางที่พวกเราผ่านมามีตั๊กแตนเลเวล 12 อยู่ พวกเราไปจัดการทางนั้นดีกว่า” น้ำเสียงหนักแน่นทำให้คนฟังขมวดคิ้วฉงน มองหน้าผมสลับกับเจ้าหน้าขนเบื้องหน้า พวงหางจิ้งจอกสะบัดส่ายไปมาอย่างไม่เข้าใจ
 
“จะวกกลับไปทำไมให้เสียเวลาล่ะ เชือดๆ พวกมันไปซะก็จบ นายอยากเข้าเมืองไปล้างคำสาปไม่ใช่เหรอ” ชินพยายามกล่อมผม ก่อนจะชะงักไปเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก ใบหน้าคมคายหล่อเหลาก่ำกึ่งระหว่างขำกับอ่อนใจ “โธ่ วิน... มันเป็นแค่มอนสเตอร์น่า ตายไปแปบๆ ก็เกิดใหม่”
 
“ฉันยังยืนยันคำเดิม ไม่ฆ่าเด็ดขาด นายจะเชือดตัวไหนก็ได้ยกเว้นตัวนี้”
 
ชายผมทองตีหน้านิ่งกอดอกเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หากอยู่ในร่างปกติ คงทำให้ผู้อื่นเกรงใจได้อยู่บ้าง แต่มันไม่ใช่กับเด็กน้อยวัยสิบขวบสวมเสื้อตัวหลวมโพรก ดวงตาสีเทาจ้องเขม็งเหมือนเด็กเจอของที่ชอบ ใบหน้ากลมเกลี้ยงตามวัย คิ้วขมวดมุ่นเชิดรั้นเอาแต่ใจ
 
ชินถอนหายใจเฮือกใหญ่ ภาพเทวดาปีกขาวเขาซาตานตรงหน้า มองยังไงก็หาความน่ากลัวไม่เจอ มีเพียงความแสบซนที่แผ่ออกมามากกว่า แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี ชินยังจำได้ดีถึงนิสัยของวินสมัยเด็ก เพียงแค่ไม่คิดเลยว่าต่อให้อายุปาไปเลขสอง พอต้องมาอยู่ในร่างเด็กน้อยแบบนี้ สิ่งที่แสดงออกมายังคงเหมือนตอนเด็กไม่มีผิด
 
ดวงตาสีดำละจากวินมองมอนสเตอร์ตรงหน้า รูปร่างปราดเปรียว ดวงตากลมวาวราวกับลูกแก้ว นัยน์ตามีเส้นขีดสีดำสมเป็นสัตว์ป่า ตามตัวมีขนนุ่มปกคลุมสีน้ำตาลลายจุด หูสามเหลี่ยม หางยาวส่ายไปมา บนหน้ามีหนวดยาวสีขาวหลายเส้น ขนาดอยู่ห่างยังได้ยินเสียงครืดๆ ในคอ ต้นแบบมอนสเตอร์เบื้องหน้าคือ
 
สัตว์ป่าพันธุ์ Margay ลายเสือดาวสูงประมาณสะโพกซึ่งเป็นชนาดที่ใหญ่กว่าในโลกแห่งความเป็นจริง เรื่องนั้นไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ มันเป็น แมว สิ่งมีชีวิตหน้าขนที่วินชื่นชอบที่สุด!!
 
ทำไมนะทำไม ตอนเข้าเกมมาระบบถึงไม่ทำให้เขาเป็นแมว จัดคำสาปจิ้งจอกเพื่ออะไร ชินคิดอย่างเซ็งๆ
 
“ไม่ฆ่าก็ได้ แต่นายต้องยอมให้ฉันอุ้ม รอนายบินกลับไปที่เดิมเดี๋ยวจะค่ำซะก่อน”
 
“ตกลง!”
 
จิ้งจอกหนุ่มรู้สึกน้อยใจอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้งัดสารพัดทั้งไม้อ่อนไม้แข็งมา วินไม่ยอมให้อุ้มเลยสักนิด พอมีเรื่องแมวเข้ามาเกี่ยวกลับยอมง่ายๆ ร่างสูงย่อตัวลงอุ้มเด็กชายเข้ามาในอ้อมแขน เทพบุตรซาตานสลายปีกเกาะคอจิ้งจอกกันตก จมูกโด่งเนียนหันหน้าเข้าหา เฉียดแก้มนุ่มแสร้งชวนคุย
 
“นายคิดว่าฆ่าตั๊กแตนกี่ตัว พวกเราถึงเลเวล 15”
 
คนถูกลวนลามมีหรือจะไม่รู้ตัว หัวทุยก้มลงขวิดด้วยเขาซาตานจนจิ้งจอกร้องโอดโอยขณะวิ่งย้อนกลับทางเก่า
 
“ถ้าทำได้แค่นี้อย่าทำอีกดีกว่า” น้ำเสียงเรียบนิ่ง วาจาร้ายกาจแทงใจจิ้งจอกดังฉึก หูลู่หางตกแทบจะร้องหงิงๆ หมดมาดเฉพาะเวลาอยู่ด้วยกันสองคน “รีบๆ ฆ่าไปเดี๋ยวก็อัพ ไม่นานนักหรอก” ผมสั่งทับอีกที ชินพยักหน้ารับรู้หันไประบายกับพวกตั๊กแตน ปล่อยผมให้ยืนพิงต้นไม้ โบกมือสิ่งพลังด้านมืดสร้างมีดสั้นออกมาสองเล่ม ช่วยจัดการเจ้าพวกแมลงอีกทาง ดวงตาสีเทาฉายประกายขบขัน เฝ้ามองเงาดำวูบไหวของจิ้งจอกที่กางกรงเล็บไล่สับมอนสเตอร์ผู้น่าสงสาร
 
สุดท้ายก็อัพเอาตอนค่ำจนได้ ดีที่จุดนี้ไม่ไกลจากเมืองนัก ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ชินอุ้มผมพามาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย ผมแหงนคอมองกำแพงสูงสีขาว มีทหารสองนายประจำการอยู่หน้าประตูเมืองคอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เล่นในบริเวณนั้น
 
สองเท้าก้าวผ่านประตู สิ่งที่ให้แสงสว่างกับเมืองแห่งนี้ไม่ใช่คบเพลิงแบบเดียวกับรอบนอกกำแพง แต่เป็นพลังเวททรงไข่มีปีกเล็กจิ๋วสีเหลืองนวลลอยเด่นตามจุดต่างๆ คล้ายกับหิงห้อยตัวใหญ่ ผมรู้สึกว่าเมืองแห่งนี้มีพลังเวทเข้มข้นมากแถมชาวบ้านใส่ชุดคลุมตัวยาวถือคทาอย่างพวกนักเวท ทำให้แยกได้อย่างง่ายดายว่าไหนผู้เล่น ไหนชาวบ้าน
 
ด้วยความที่ไม่ใช่เมืองการค้า บรรยากาศจึงเงียบสงบมีเพียงเสียงดนตรีจากร้านอาหารลอยมาตามลม ร้านค้าส่วนใหญ่ขายแต่ของเกี่ยวกับเวทมนต์ จำพวกเครื่องประดับฝังอัญมณีหลากสีตามธาตุ ไม้คทาลักษณะเหมือนไม้เท้า ร้านเสื้อผ้าเสริมความสามารถด้านเวทมนต์
 
หลังเอาเนื้อสัตว์ หนัง เขี้ยว หาง ทุกส่วนของร่างกายมอนสเตอร์ที่ขายได้ เอามาเทขายให้กับพ่อค้าได้เงินมาจำนวนหนึ่ง ผมรีบเดินนำชินเข้าร้านเสื้อผ้าก่อนเป็นอันดับแรก! ไม่อยากเป็นจุดเด่นไปมากกว่านี้ ภาพชายร่างสูงใหญ่กับเด็กน้อยตัวเปี๊ยก ต่างคนต่างใส่ชุดนอน คนแรกชุดดูเล็กกว่าขนาดตัวหนึ่งไซส์ คนหลังชุดใหญ่กระโดดข้ามวัยมัดเอวด้วยเถาวัลย์เป็นที่น่าอนาถลูกตายิ่งนัก
 
ภายในร้านมีเสื้อผ้าระรานตาแขวนอยู่บนราวไม้ ผมเดินผ่านเสื้อผ้าเด็กไปหาชุดที่ย่อขยายตามขนาดตัวโดยมีชินเดินตามอยู่ด้านหลัง
 
“พวกเรางบน้อย เอาชุดง่ายๆ แล้วกัน”
 
ผมเลือกชุดคลุมสีเทาหม่นราคาย่อมเยา ไม่เพิ่มค่าสถานะอะไร แต่สามารถย่อขยายได้ตามขนาดตัว ผมจะได้ไม่ต้องมาซื้อเสื้อตัวใหม่หลังจากกลับคืนสู่อายุเดิม
 
“งั้นฉันเอาตัวนี้ ไว้ค่อยหาเงินไปซื้อแบบดีๆ มาใส่”
 
ชื่อ : เซตนักเวทฝึกหัด
Lv : 10
สถานะ : สามารถย่อขยายได้ตามขนาดตัว
ราคา 30 เหรียญเงิน
 
ชินพยักหน้ารับเห็นด้วยกับผม เขากวาดตามองรอบเดียวเลือกหยิบชุดสีน้ำตาลไร้ลวดลาย
 
ชื่อ : ชุดคนสวน
Lv : 14
สถานะ : เพิ่มพลังป้องกันทางกายภาพ 2%
ราคา 23 เหรียญเงิน 50 เหรียญทองแดง
 
สหายจิ้งจอกเป็นคนจ่ายเงิน ยืมสถานที่เปลี่ยนเสื้อผ้า ของผมเสื้อขาว กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าสีเดียวกัน กับตัวเสื้อคลุมสีเทาหม่นติดด้วยเข็มกลัดตรงอกมีฮู้ดสวมปิดเขา ร่างเด็กเขายังสั้น ร่างโตอย่าได้หวังว่าจะปิดได้ ทางชินเสื้อคอปกสีน้ำตาล กางเกงสีเทา รองเท้าสีเดียวกับเสื้อ โดยรวมชุดคนสวนสมชื่อ พอสวมอยู่บนร่างสูงใหญ่ของจิ้งจอกหนุ่ม ต่อให้เป็นผ้าดาษดื่นแค่ไหนก็ดูดีได้จนสาวพากันมองจนเหลียวหลัง หมั่นไส้ยกเท้าเตะไปที พอเห็นรอยเท้าเล็กๆ บนขากางเกงอีกฝ่ายค่อยสบายใจหน่อย
 
“เพิ่งรู้ว่านอกจากลดอายุแล้ว ยังลดความนึกคิดกลับเป็นวัยเด็กด้วย”
 
น้ำเสียงเรื่อยๆ เหมือนชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ ดวงตาสีดำสั่นระริกฉายแววขบขัน ผมแยกเขี้ยวใส่เล่นมันให้สมขนาดตัวซะเลย อายุสมองผมไม่ได้ลดลงแน่ เพียงแค่อยู่ในร่างแบบนี้มันไม่ต้องคอยระวังอะไร แสดงทุกสิ่งออกมาได้เต็มที่ เด็กๆ นี่ดีจังเลยนะ
 
จังหวะพวกเรากำลังเดินออกจากร้าน หางตาเห็นคนคุ้นเคยเดินผ่านหน้าไป เพียงเสี้ยววิ ชายคนนั้นถอยหลังกลับมาเหมือนกรอหนังกลับ ใบหน้าดุดันจ้องเขม็งอ้าปากพะงาบๆ ชี้มาที่เราสองคน ดวงตาผมเบิกกว้างทุบมือปุ ในที่สุดก็นึกออกสักทีว่าตัวเองลืมอะไร!
 
“ว๊ากกกกกก! พวกนายทิ้งฉันไว้แล้วมาช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าสบายใจเฉิบแบบนี้ได้ยังง๊ายยยย!!”
 
เสียงแหกปากโวยวายจากคนตัวใหญ่ ดึงดูดสายตาจากคนรอบข้างได้ชะงักทั้งชาวบ้านและผู้เล่นคนอื่น ผมหันไปส่งซิกให้ชิน จิ้งจอกเข้าใจสัญญากางแขนตวัดโอบคอลากเจ้าตัวมลพิษทางเสียงหลบไปข้างร้านไร้คนพลุกพล่าน
 
“ไงบัน”
 
ปีกสีขาวถูกกางออกพรึบ บินขึ้นอยู่ในระดับสายตาเพื่อสนทนา ไม่อยากแหงนหน้าคุยมันเมื่อยคอ
 
“ไงบ้าไงบออะไรเล่า พวกนายมุดหัวอยู่ที่ไหนมา แล้วนี่อะไร ทำไมชินหน้าแก่ วินกลายเป็นเด็กไปได้” หนุ่มร่างใหญ่บ่นอุบหน้านิ่วคิ้วขมวด ดวงตามองสำรวจสองเพื่อนเบื้องหน้า ทำไมไม่รู้สึกแปลกใจเลยนะ กับคำสาปที่ทั้งคู่โดน จิ้งจอกกับซาตานปีกขาว เหมาะซะไม่มี
 
“เดี๋ยวจิ้มตาแตก มองด้วยสายตาแบบนั้นหมายความว่าไง พวกฉันก็เล่นเกมกันปกติ นายนั้นแหละหายหัวไป” หายจนผมลืมไปซะสนิทและไม่คิดจะหลุดปากพูดไปเด็ดขาด เดี๋ยวมันโวยวายอีกน่ารำคาญ เปลี่ยนเรื่องซะเลย “ช่างเถอะ เจอนายก็ดีแล้ว พอรู้มั้ยว่าที่นี้มีสถานที่แก้คำสาปรึเปล่า พวกเราโดนแฝดนรกยัดคำสาปลดกับเพิ่มอายุใส่”
 
บันทำหน้ากระจ่างกับสภาพของพวกเราสองคน
 
“แบบนี้นี่เอง แก้คำสาปเหรอ ดูท่าที่นี่จะไม่มีโบสถ์ให้แก้คำสาป คงต้องไปร้านรับทำยาแล้วล่ะ”
 
ไม่แปลกใจเท่าไหร่ สถานที่รับแก้คำสาปทั่วไปไม่ใช่มีแค่โบสถ์เท่านั้น แต่ละเมืองจะต่างกันออกไป อย่างเช่นเมืองนี้เป็นเมืองของพวกนักเวท ร้านทำยาของพ่อมดแม่มดจึงเป็นทางออกสำหรับคนต้องการลบล้างคำสาป
 
ดีหน่อย คำสาปที่พวกเราได้รับเป็นแบบทั่วไป หากเป็นคำสาปที่ให้มาตั้งแต่ต้นเกม หรือคำสาปเฉพาะต้องวุ่นวายหาวิธีแก้อีก ในฐานะหนึ่งในผู้สร้างเกมนับว่าเป็นสีสันของเกมอย่างหนึ่งล่ะนะ เปลี่ยนทัศนะคติของคนที่มีต่อคำสาปด้วย แทนที่จะกังวล มานั่งคิดหาทางประยุกต์ใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่ดีกว่า การเรียนรู้ พบเจออะไรใหม่ๆ เป็นเรื่องที่ดีนะ
 
“นายได้คำสาปอะไร”
 
ชินที่เงียบอยู่นานออกปากถามบ้าง หลังมองหัวจรดเท้า เท้าจรดหัวบันหลายรอบ
 
“จุ๊ๆ เอาไว้ต่อสู้เมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้ พวกนายอยากแก้คำสาปไม่ใช่ไง รีบไปร้านทำยาดีกว่า ฉันนำไปเอง”
 
ทำมามีลับลมคมใน คิดเหรอว่าถ้าผมอยากรู้แล้วจะรู้ไม่ได้น่ะ เอาเถอะ จะเป็นตัวอะไรก็ช่าง ผมไม่สนใจหรอก นี่ถ้าบันรู้ความคิดของผมกับชินคงจะลงไปร้องไห้กระซิกแล้วด่าว่าพวกผมมันไร้หัวใจ โหดเหี้ยมสารพัดแหง เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการก่อกวนจากว่าที่เจ้านายในอนาคต ผมจะไม่พูดออกไปเด็ดขาด
 
บันเดินนำพวกเราไปทางทิศตะวันออกของเมือง ที่นั่นมีร้านขายยามากมาย รวมถึงร้านขายวัตถุดิบสำหรับการปรุงยา จากที่เดินผ่านๆ ด้านในจะมีกระบะไม้ใส่พืชเป็นสัดส่วน บางอย่างใส่ในโหลแก้ว มีกระทั่งเขี้ยว ลูกตา แมลง แบบที่ขอไม่รู้ส่วนผสมดีกว่าถ้ายังอยากจะดื่มยาดีๆ
 
ผมเป็นหนึ่งในผู้สร้างย่อมมองออก เมืองแห่งนี้มีคำสาปอาชีพอยู่สองอย่าง หนึ่งคือนักเวท สองคือนักปรุงยา วิธีได้คำสาปไม่ยากอะไร หาเอ็นพีซีแจกคำสาปให้เจอแล้วรับภารกิจมาทำให้สำเร็จ พูดเหมือนง่าย เอาเข้าจริงเจ้าพวกเอ็นพีซีพวกนี้มันก็คนดีๆ นี่เอง
 
คิดว่าพนักงานบริษัทที่ผมทำงานอยู่จะมีคนธรรมดาเหรอ หากไม่ถูกชะตาร้อยทั้งร้อยได้หัวปั่นเพราะคนแจกคำสาปแน่ 
 
บันพาเลี้ยวเข้าร้านหนึ่งถูกสร้างจากไม้เก่า ป้ายที่แขวนหน้าร้านเป็นรูปขวดยาทรงกลมมีควันออกมาจากปากขวด ผลักประตูไม้เข้าไปพบผู้เล่นชายหญิงอีกจำนวนหนึ่ง มองจากภายนอกร้านดูเล็กไม่น่าอัดคนหลายสิบคนเข้าไปได้ แต่ด้านในกลับกว้างขวางอย่างไม่น่าเชื่อ โล่งซะจนไม่คิดว่าเป็นร้านทำยา ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีขวดใส่ยา มีแค่เคาน์เตอร์ยาวที่มีคนประจำการเพียงคนเดียว
 
เราสามคนตกเป็นเป้าสายตา ผมอยู่ด้านหน้าสุดอารมณ์เหมือนคุณหนูผู้ร่ำรวยมีบอดี้การ์ดหน้าหล่อขนาบข้างซ้ายขวาคอยแหวกทางให้ ชินไม่อยากให้ใครมาชนผมจนปลิว บันคงกลัวคนอื่นตายด้วยฝีมือจิ้งจอกหากคนพวกนั้นทำผมเจ็บ
 
“ไม่ใช่ว่าที่นี่มีภารกิจให้คำสาปนักปรุงยาหรอกใช่มั้ย” บันถามด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินเพียงสามคน ชินเป็นฝ่ายตอบ เข้าใจความหมายที่บันจะสื่อ
 
“ใช่ แต่เราไม่ได้ต้องการคำสาป เราต้องการยาเท่านั้น”
 
ผมพยักหน้าเห็นด้วย ภารกิจไม่ใช่แจกให้ทุกคนได้ ยังมีเงื่อนไขหลายอย่างจึงจะได้ภารกิจ ดูจากสายตาทุกคนที่มองเราราวกับเป็นคู่แข่งตัวฉกาจ เงื่อนไขของคำสาปนักปรุงยาอยู่ที่จำนวนคนต่อวันแน่ แต่พวกนี้คงไม่รู้ว่า จำกัดจำนวนคนรับภารกิจก็จริง แต่ตราบใดที่ยังไม่มีผู้รับคำสาปครบเป้าหมายที่ตั้งไว้ต่อวัน กลุ่มอื่นก็ยังสามารถรับภารกิจได้เรื่อยๆ แน่นอน ผมไม่คิดจะบอก ปล่อยให้ผู้เล่นงมกันเองนี่แหละดีที่สุด
 
พนักงานประจำตำแหน่งนี้เป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย ผมเคยเห็นเธอที่บริษัทแค่ครั้งสองครั้ง เพราะเวลาส่วนใหญ่ของผมจะขลุกอยู่ในแผนกโปรแกรมเมอร์มากกว่า
 
แวบแรกเธอตีสีหน้าเรียบเฉยให้สมบทบาท พอเห็นหน้าของเปรตสองตัวข้างผมชัดๆ ดวงตาพลันเบิกกว้างอ้าปากเป็นรูปตัวโอ รีบชะโงกหน้าผ่านเคาน์เตอร์เพื่อดูผมอย่างไว จากตกใจกลายเป็นอึ้งหนัก บันเข้าใจความรู้สึกของเธอ พนักงานตัวเล็กในบริษัทใหญ่ ดันเจอคนเบื้องบนอย่างพวกเรา บันถือว่าเป็นผู้สืบทอดบริษัทคนต่อไป ผมกับชินไม่ได้เป็นเพียงนักโปรแกรมเมอร์ธรรมดา บอกว่าเป็นกำลังหลักในการสร้างเกมนี้ก็ไม่ผิดนัก
 
ที่สำคัญ ฉายาเทพบุตรซาตานอย่างผม กลับตกต่ำอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบขวบ เลเวลต่ำเตี้ยเรี่ยดิน สวมชุดถูกแสนถูกยืนแหงนคอบอกชาวบ้าน ขนาดตัวผมเองยังนึกทอดถอนใจเลย
 
“คุณพนักงานคนสวย เพื่อนฉันต้องการยาแก้คำสาปทุกชนิด ช่วยทำให้ได้รึเปล่า”
 
ว่าที่เจ้านายถามเรียกสติ พนักงานสาวสะดุ้งเกือบหลุดมาด หากไม่ได้ชินส่งสายตาเตือน
 
“ได้... แต่พวกคุณต้องหาวัตถุดิบมาเอง” มือเล็กของผู้หญิงเลื่อนกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ บนนั้นเขียนรายชื่อวัตถุดิบที่ต้องใช้ บางอย่างสามารถหาซื้อได้ บางชนิดต้องออกไปล่าด้วยตัวเอง มีชินกับบันอยู่ด้วยผมไม่ห่วงเท่าไหร่ จนกระทั่งมีหน้าต่างปรากฏขึ้นด้านหน้าพวกเรา ข้อความบนนั้นกับดวงตาแฝงไปด้วยความหนักใจทำให้พวกเราขมวดคิ้วฉงน มันคือวิธีส่งข้อความระหว่างพนักงานด้วยกันภายในเกม ป้องกันไม่ให้ผู้เล่นรับรู้ เลือกส่งข้อความให้แบบนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรบางอย่าง
 
‘ฉันรู้ว่ามันไม่ควร แต่ฉันมีเรื่องขอให้พวกคุณช่วย มีผู้เล่นบางส่วนที่มารับภารกิจไม่ทัน ขู่ว่าถ้าไม่ยอมมอบภารกิจให้จะก่อความวุ่นวายในเมือง ทำร้ายพนักงานแถมยังอ้างชื่อคุณอาชวินด้วยค่ะ ทีแรกพวกเราจะแจ้งไปทางเบื้องบน แต่เห็นพวกคุณมาพอดีก็เลย...’
 
ผมหรี่ตา เนื่องจากทำให้เกมสมจริงเกินไป บ้านเมือง สิ่งปลูกสร้างสามารถทำพังได้ และต้องลงมือซ่อมแซมด้วยตัวเอง อีกทั้งพนักงานไม่มีความสามารถด้านการต่อสู้ทุกคน หากถูกผู้เล่นรบกวน เวลาเกิดปัญหาทีให้นั่งไล่แจ้งไปเบื้องบนมันเสียเวลา
 
ความจริงข้อบกพร่องพวกนี้มีพนักงานทดลองเล่นแจ้งมาที่แผนกผมแล้วล่ะ กำลังแก้ไขกันอยู่ คาดว่าเปิดเกมจริงเมื่อไหร่ปัญหาทุกอย่างจะหมดไป
 
พวกเราเลือกแก้วิธีด้วยการเพิ่มจำนวนผู้รักษาความสงบแต่ละเมืองมากขึ้น ปรับให้พนักงานทุกคนสามารถแก้ไขปัญหาเล็กน้อยได้ทันทีแล้วส่งขอความถึงเบื้องบนเฉพาะเรื่องใหญ่ๆ นั่นเป็นเรื่องในอนาคต เวลานี้ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ผมส่งข้อความลับกลับไป
 
‘มอบภารกิจให้พวกเรากับเจ้านั่น เดี๋ยวพวกฉันจะคอยจับตาดูเอง อยากรู้เหมือนกันใครหน้าไหนมันอ้างชื่อฉัน’
 
มุมปากยกยิ้ม ขนาดที่แม้อยู่ในร่างเด็กยังรู้สึกถึงความน่ากลัวได้ ในเมื่อความสามารถและอำนาจที่อยู่ในมือมันคือของจริง

ภารกิจคำสาปนักปรุงยา
เงื่อนไข : สังหารดอกไม้กินคน และนำเกสรมาส่งจึงจะผ่านภารกิจ (1 คน ต่อ 1 ชิ้น)
รางวัล : คำสาปนักปรุงยา , เครื่องมือพื้นฐานสำหรับนักปรุงยา , คู่มือสมุนไพร
, สูตรยาเพิ่มเลือดขั้นแรก , เงินรางวัล 60 เหรียญเงิน
[ ตกลง ] [ ปฏิเสธ ]

ตกลง...
 
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พวกพี่วินแลห่วยไม่ต้องตกใจ เพราะวัตมีกลเวลร้อยกว่าช่วยตั้งแต่แรกเลยชิวจนถึงทุกวันนี้ มีสามีเก่งมีชัยไปกว่าครึ่ง

ออฟไลน์ Jadd

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตามอ่านตั้งแต่ต้นจนจบจนได้ สนุกมากกก
แต่เดี๋ยวจะค่อยๆอ่านตอนพิเศษนะคะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
วัต แกมีปั๋วดีกว่าวินนะ 555 โดนชินตบกระเด็น

ออฟไลน์ TuiLoveKhaKing

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากเลยย อ่านรวดเดียวจบ คนแต่งเก่งมากๆเลยค่ะ ชอบกลเวลาหลุดเก๊ก กับฉากดูดเลือดทุกฉากเลยน่ารักมากก  :o8: :-[

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
ตามเข้ามาอ่านจากเรื่องวายยกกำลังสอง อ่านเริ่มต้นแล้วน่าสนใจทีเดียว ติดตามต่อไป  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nutae or

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
กลับมาอ่านอีกรอบ....คิดถึงกลวัต.....^^

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
*พิเศษจากกิจกรรมในเพจ
Lv.พิเศษ พ่อเองจ้า

   สวัสดี สวัสดี มิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน... อ้าว ไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆ นี่พ่อเองนะ คราวนี้มีบทให้พ่อด้วยล่ะ เห็นว่าอยากอ่านประวัติของพ่อใช่มั้ย มาๆ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง

   ตัวพ่อนั้นเป็นลูกครึ่งไทย – ฝรั่งเศส แม่เป็นคนไทยอยู่ภาคอีสานบ้านเฮา ส่วนพ่อหรือปู่เจ้าแสบสองตัวนั่นเป็นคนฝรั่งเศสแท้ สีตากับสีผมพ่อก็ได้มาจากเขานี่แหละ ตามสไตล์ชาวต่างชาติทั่วไป หลงใหลในวัฒนธรรมประเพณีของคนไทยพบรักกับลูกสาวผู้ใหญ่บ้านจนมีพ่อขึ้นมา

   พ่อนั้นถูกเลี้ยงดูมาแบบคนไทย หากไม่มีปู่เจ้าแสบคอยสอนพูดภาษาฝรั่งด้วยพ่อคงเว้าเป็นแต่ภาษาอีสาน จกข้าวเหนียว จับกะปอม ลุยท้องนาจนปลิงเกาะ ขี่หลังควาย เรียนโรงเรียนรัฐมาแต่เล็กแต่น้อย โตขึ้นหน่อยก็ย้ายไปเรียนมัธยมในเมือง พอจบค่อยสอบเข้ามหาวิทยาลัยมุ่งหน้าขึ้นเหนือ

   พ่อมาเจอแม่เขาที่นี่แหละ แม่เป็นสาวเหนือสวยมาก ตัวเล็กผิวขาวเนียน ปากนิด จมูกหน่อย ผมดกดำตรงยาวปล่อยสยาย กิริยามารยาทงามน่าชม ใบหน้าสะสวยแบบไทยๆ พ่อหลงแม่ตั้งแต่แรกเห็น แต่กลัวแม่เขาจะสะบัดบ๊อบใส่พ่อซะก่อน เลยเริ่มความสัมพันธ์ด้วยคำว่าเพื่อนต่างคณะ

   ยอมเป็นเบ๊ให้สารพัด พ่อว่าแม่เขาก็รู้แหละว่าพ่อเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ จนแม่เขามาบอกตอนหลัง ที่ยอมให้พ่ออยู่ใกล้ทั้งที่รู้ว่าพ่อคิดยังไงเป็นเพราะพ่อให้เกียรติแม่เสมอ จับมือถือแขนอะไรไม่มี๊ ขนาดจะเดินด้วยกันพ่อยังต้องลากเพื่อนมาเดินด้วย หรือไม่ก็เนียนไปกับกลุ่มสาวของแม่เขา ไม่เดินกันสองต่อสองเด็ดขาด

   ดูเหมือนจะดีนะ แต่ผู้ชายคนไหนมาชอบแม่ ทำท่าจะจีบ พ่อเข้าขวางทุกคนไม่ปล่อยให้รอดแม้แต่คนเดียว ใช้เส้นใช้สายตีสนิทเพื่อนแม่เขาเยอะ รู้จักคนไปทั่ว ขอให้เป็นหูเป็นตาให้ น้อยนักที่ของขวัญ ของฝาก ของแทนใจจะหลุดจนถึงมือแม่

   รู้จักกันในฐานะเพื่อนประมาณเดือนหนึ่ง พ่อก็เริ่มลุยจีบ เสนอหน้าไปช่วยตลอด วันไหนแม่เขาทำงานกลุ่มจนค่ำ ต่อให้พ่อไม่มีงานก็จะนั่งอยู่เป็นเพื่อนจนเสร็จ

   หกเดือนแรก พ่อเคยขอแม่คบครั้งหนึ่ง แต่แม่ยังไม่ยอมพ่อเลยตื๊อต่อไป จนกระทั่งหนึ่งปีพ่อขอคบอีกครั้งก่อนปิดเทอมกลับบ้าน ในที่สุดแม่ก็ยอมตกลงจนได้ แม้จะน่าเสียดายที่ต้องแยกกันแต่พ่อก็มีความสุข เราเลือกที่จะเขียนจดหมายแทนการโทรศัพท์ ส่งหากันตลอดช่วงปิดเทอม เล่าเรื่องราวต่างๆ ในแต่ละวัน ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ

   ช่วงนั้นพ่อรู้ตัวดีกว่าอาการหนักมาก แทบจะไปนั่งเฝ้าไปรษณีย์ในเมืองจนพนักงานที่นั่นรู้จักพ่อหมด จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถึงขนาดเดินจูงควายตกคูน้ำให้เพื่อนหัวเราะเยาะ

   ทีแรก พ่อไม่ค่อยจริงจังกับการเรียนสักเท่าไหร่ ขอแค่คะแนนไม่แย่จนน่าอนาถก็พอ ภายหลังพ่อต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ แม่สนิทใจกับพ่อมากขึ้น ไม่ใช่พ่อฝ่ายเดียวที่คอยดูแล ตัวแม่เองวันไหนพ่อหายหรือไม่ยอมมาเรียนก็จะลากเพื่อนทั้งชายหญิงแห่กันมาที่หอของพ่อเพื่อดูอาการ เตรียมข้าวเตรียมยาให้พร้อมสรรพ

   แม้ไม่มีคำพูดหวานๆ แค่เพียงสีหน้าแววตาเป็นห่วงก็ทำให้พ่อใจละลาย พอทุกคนกลับ เหลือพ่อคนเดียวในห้อง พ่อมองของที่แม่เตรียมไว้ให้ด้วยความรู้สึกหลากหลาย คิดทบทวนกับตัวเองว่าพ่อจะจริงจังกับผู้หญิงคนนี้ นี่แหละ... คนที่พ่อตามหา

   ตัดสินใจกับตัวเองได้ พ่อเริ่มเปลี่ยนแปลง จากเรียนแค่พอผ่านกลายเป็นตั้งใจเพื่อให้จบและนำไปใช้ภายภาคหน้าได้ พ่อเริ่มรับงานทำระหว่างเรียนเพื่อหาประสบการณ์

   เข้าปีสองพ่อขอแม่ไปหาว่าที่พ่อตากับแม่ยาย ตอนแรกแม่เขาก็ลังเล กลัวว่าพ่อจะถูกลูกซองยิงตายก่อนแต่ง จนโดนพ่อตื๊อหนักๆ ถึงยอมพาไปที่บ้าน

   ทุกวันนี้พ่อยังจำได้เลย ความกดดันตอนเจอผู้ใหญ่มันเป็นยังไง โชคดีที่พ่อตาสร้างภาพขู่ขวัญไปแบบนั้น หลังจากพ่อแสดงความจริงใจ ไม่ล่วงเกินแม่ คอยแวะเวียนมาหาอย่างสม่ำเสมอยันเรียนจบ คุณพ่อตาก็ไฟเขียวปล่อยให้เราคบหากันแบบเปิดเผย ยิ่งพ่อทำงานได้ดิบได้ดี อวดกันสามบ้านแปดบ้าน เขยหัวทองดีอย่างงั้นอย่างงี้

   หลังเรียนจบเรายังไม่แต่งงานทันที เพราะแม่เขาอยากทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อน พ่อก็ตามใจแม่เขา อุตส่าห์เรียนมาตั้งสี่ปี จะให้อยู่บ้านตั้งท้องเลี้ยงลูกเลยก็กระไรอยู่

   ช่วงนั้นแยกๆ กัน พ่อถูกลากไปทำงานตรงนั้นตรงนี้ไม่ค่อยอยู่ติดที่เลยห่างกันไปสักพัก พ่อไม่กลัวว่าแม่จะมีคนใหม่ พอๆ กับที่แม่เชื่อใจพ่อว่าจะไม่เป็นหม้ายขันหมาก แต่ตัวพ่อเองนี่แหละกลัวจะไม่ได้ไปขอ แม่ชักทำงานเพลินเกินไปแล้ว พ่อวางแผนไว้ ให้เวลาแม่เขาหนึ่งปี ก่อนมัดมือชกลากพ่อแม่ไปขอถึงบ้าน แม่งอนพ่อไปหลายเดือนแหนะ แต่สุดท้ายก็ยอมใส่ชุดเจ้าสาวแต่งกันทั้งแบบไทยและแบบฝรั่ง

   ประจวบเหมาะกับมีบริษัทในกรุงเทพอยากให้พ่อไปทำงานด้วย เรือนหอของเราเลยอยู่ที่นั่น ใจจริงพ่อกับแม่อยากพาพ่อตาแม่ยายมาดูแล ติดแต่พวกท่านไม่อยากมาอยู่ในเมืองหลวง ส่วนปู่ย่าเจ้าแสบ หลังพ่อแต่งงานก็ควงกันบินไปอยู่ต่างประเทศแล้ว

   เวลาผ่านไปปีกว่า แม่ตั้งท้องให้กำเนิดโซ่รักคล้องใจคนแรก มันเป็นช่วงเวลาที่พ่อมีความสุขที่สุดในชีวิตและเป็นช่วงที่พ่อกังวลที่สุดมากเช่นกัน เป็นห่วงกลัวแม่เขาจะเป็นอะไรไป กลัวลูกจะงอแงไม่ยอมออกมาง่ายๆ นับว่าสวรรค์ยังเมตตา เจ้าวินคลอดง่ายแถมแข็งแรงดีทั้งแม่และลูก

   ความรู้สึกตอนที่ได้ยินเสียงเด็กจากห้องคลอด ขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาไหลตอนไหนก็ยังไม่รู้ ยื่นแขนสั่นๆ รับเจ้าหนังเหี่ยวตัวแดงมากอดไว้แนบอก นี่คือลูกของพ่อ... ลูกของเรา...

   พ่อจับมือแม่แน่น จูบหน้าผากชื้นเหงื่อ มองใบหน้าอ่อนแรงด้วยความรักและปล่อยให้พยาบาลพาแม่กับลูกวินไปพักผ่อน

   ช่วงแรกพ่อแทบไม่ให้แม่เลี้ยงลูกเลย รับหน้าที่เลี้ยงดูตลอดยกเว้นเวลาที่พ่อไปทำงาน เจ้าวินคลอดง่ายก็จริง แต่เป็นเด็กที่ดื้อและงอแงมาก กลางค่ำกลางคืนพ่อกับแม่แทบไม่ได้นอน ลุกขึ้นมาชงนม เปลี่ยนผ้าอ้อม ต้องตาโหล ขอบตาคล้ำไปทำงานทุกวัน พอโตเข้าหน่อยก็ซนเป็นลิง ซนคนเดียวไม่พอ ยังจะหาคนอื่นไปซนด้วยอีก

   ตัวพ่อยอมรับเลยว่าติดลูก เห่อลูกชายมากเลยพาไปทำงานด้วยเสมอ เป็นผลให้วินได้เพื่อนสนิทคนแรกคือเจ้าหนูชิน ความรู้สึกตอนนั้นไม่มีอะไรมากกว่าความเอ็นดู เห็นชินเป็นเหมือนลูกอีกคน เด็กคนนี้น่าเห็นใจ พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้เท่าไหร่นัก บ้านพ่อเองก็อบอุ่นจนร้อน จะลักเอาลูกเขามาแบ่งความอบอุ่นบ้างคงไม่เป็นไร พ่อของชิน คุณผณินทรนายจ้างพ่อเห็นดีเห็นงามด้วยทุกอย่างเลยไม่มีปัญหา

   กระทั่งมีลิงตัวที่สองนั่นแหละ วัตเลี้ยงง่ายผิดกับชินลิบลับ กินอิ่มนอนหลับไม่งอแง พ่อเลยทำงานได้อย่างเต็มที่ปล่อยให้แม่เลี้ยงตัวเล็กไปพร้อมผู้ช่วยอีกสองคน ด้วยความที่เป็นลูกคนที่สอง อะไรก็ง่ายขึ้นเยอะ หลังมีประสบการณ์จากคนแรกแล้วตั้งห้าปี

   พี่น้องรักกันดีพ่อก็มีความสุข แม้ว่าบางครั้งภรรยาคนสวยกับลูกชายทั้งสองจะรุมแกล้งพ่อก็ตาม...

   ในความตั้งใจของพ่อคือ พ่ออยากให้วินเป็นผู้สืบทอดต่อจากพ่อ เลยสอนนู่นนี้ให้สารพัด ส่วนวัตพ่อไม่บังคับอยากทำอะไรก็ทำไป จนวินขึ้นมัธยม พ่อเริ่มสังเกตถึงความสัมพันธ์ของวินกับชิน ช่วงแรกยังพอปล่อยผ่านไป คงตามประสาเพื่อนรักกันล่ะมั้ง ภายหลังยิ่งชัดเจนโดยเฉพาะตอนเตรียมขึ้นมหาลัย ดูเหมือนว่าจะเกิดอะไรขึ้นสักอย่างกับวิน สิ่งที่สัมผัสได้จากสองคนนี้จึงดูเปลี่ยนไปจากเดิม

   พ่อยอมรับว่าพ่อกลุ้มมาก คิดทบทวนซ้ำๆ ว่าพ่อเลี้ยงลูกพลาดตรงไหน ลังเลว่าจะจับทั้งคู่มาคุยตรงๆ เลยดีมั้ย แล้วคุณทรล่ะ พ่อจะบากหน้าไปบอกยังไง ช่วยเลี้ยงลูกเขามาเป็นแบบนี้ไปซะได้

   คนแรกที่รู้ถึงความคิดอันอึมครึมของพ่อก็คือแม่ ก่อนวันที่พ่อจะตัดสินให้ลากสองคนนั้นมาคุย แม่เดินเข้ามาหาพ่อ นั่งลงข้างๆ และจับมือพ่อลูบแผ่วเบา

   “ช่วงนี้งานมีปัญหาเหรอเนส”

   พ่อส่ายหัวผ่อนลมหายใจหนัก จับมือที่หยาบกร้านจากการทำงานบ้านและเลี้ยงลูกมาแนบแก้มอย่างถนอม

   “เนสเครียดเรื่องวินน่ะ สาเองก็พอมองออกใช่มั้ย”

   “มองออกสิ สาอยู่กับลูกตลอดนะ”

   “เนสคิดว่าจะเรียกเด็กทั้งคู่มาคุย...” คนสวยหยุดคำคนรักด้วยการกุมมือ

   “คุยแล้วเนสจะทำยังไงต่อไปคะ แยกทั้งคู่ออกจากกันเหรอ หรือว่าบังคับให้อยู่ฐานะเพื่อน ทั้งที่ใจของเด็กๆ ไม่ต้องการ”

   “แต่... สาก็รู้ เรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ยังเด็กอยู่ในวัยรักสนุก แล้วถ้าโตขึ้นล่ะ... เนสเป็นห่วง กลัวว่าเด็กๆ จะมีปัญหาในอนาคต”

   สิ้นคำพูด พวกเราตกอยู่ในความเงียบ ก่อนรสาจะเป็นคนเริ่มบทสนทนาอีกครั้ง

   “สาเข้าใจเนสนะ ใจจริงสาเองก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่ว่าพวกเราเลี้ยงลูกแบบอิสระให้เขาเรียนรู้เองไม่ใช่เหรอ ดังนั้นสาคิดว่าปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจเองดีกว่า เราแค่คอยดู คอยช่วยเหลือ ไม่ให้ทุกอย่างมันแย่ลงไปกว่าเดิมก็พอ... สาไม่อยากเห็นลูกเสียใจ”

   คำพูดยาวๆ ของรสาทำให้พ่อได้สติ เป็นพวกเราเองที่เลี้ยงลูกให้ลองผิดลองถูก ที่สำคัญ วินกับชินแทบไม่เคยแยกจากกันเลย ถ้าพ่อไปแยกคงจะเหมือนปีศาจร้ายทำให้ลูกเป็นทุกข์

   “เนสเองก็เหมือนกัน เฮ้อ งั้นเรามาช่วยกันดูดีกว่าเนอะ”

   “จ๊ะ...”

   พ่อดึงแม่เข้ามาซบอกแบ่งปันความรู้สึกกัน ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร พวกเราชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นประสบการณ์อันมีค่าของเด็กๆ แน่นอน

   เวลาล่วงเลยไป จากความเครียดกลายเป็นปล่อยวาง วินเลือกทางของตัวเองแล้ว ในฐานะพ่อแม่คงทำอะไรไม่ได้นอกจากคอยดูอยู่ห่างๆ ถ้าพวกเขาก่อเรื่องสักนิดมันคงไม่ง่ายเหมือนทุกวันนี้ วินกับชินแสดงท่าทีกันอย่างพอเหมาะ ไม่มีอะไรเสื่อมเสีย วินสามารถทำงานสืบทอดความต้องการของพ่อได้อย่างเต็มที่

   ทางด้านคุณทรพ่อของชินเองดูเหมือนลูกชายจะบอกตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่ว่าทางนั้นไม่ทำอะไร แต่เห็นแก่หน้าพ่อ และที่สำคัญขัดลูกชายที่ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจไม่ได้ ผลคือเลยตามเลย ทุกวันนี้ทั้งคู่ก็ยังคบกันดีกว่าคู่ชายหญิงหลายคู่เสียอีก

   พ่อเริ่มปลง ขอให้ลูกมีความสุขก็เพียงพอแล้ว ที่เหลือช่างหัวมันแล้วกัน ปัญหาไหนเกิดค่อยแก้กันไป ใครจะไปคิดล่ะว่าขนาดลูกคนเล็กยังไม่รอด พ่ออยากโขกหัวขอโทษบรรพบุรุษจริงๆ ทางนี้ยังหนักกว่าเดิมเสียอีก เจ้าเด็กคนนั้นจากประวัติที่แอบหามาอย่างลับๆ ทำให้พ่อไมเกรนขึ้น ลำบากแม่ต้องหายาดมมาให้ก่อนพ่อสลบหนีความจริง

   แต่พ่อยังยึดมั่นอย่างเดิม ปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้เองและคอยสืบข่าวเป็นระยะ เห็นพ่อปล่อยเจ้าแสบสองตัวอยู่กันเอง ใช่ว่าพ่อจะไม่สนใจ ไม่เชื่อมาถามดูเลยก็ได้ วันนี้วินดื่มกาแฟไปกี่แก้ว วัตทำข้าวเย็นเป็นเมนูอะไร พ่อรู้หมดแหละ แต่จะทำไงได้นอกจากนั่งกุมขมับกับรายงานที่ได้รับ…

   เวลาช่วยเยียวยาทุกอย่างจริงๆ เด็กกลไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เห็นภายนอก หลังเจอวิน ชินและวัตร่วมมือกันดัดนิสัย ถึงได้เป็นผู้เป็นคนขึ้นมา ที่น่าดีใจคือเรื่องหลานที่พ่อตัดใจไปตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีก่อน ตอนนี้กลับมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าลูกคนเล็กมีหลานให้พ่อจนได้ แม้จะออกมาเหมือนพ่อมันมากไปหน่อยก็ตามที เอาน่า ยังไงก็ได้สีตาทางพ่อไปล่ะนะ

   นี่พ่อก็แอบหวังว่าวินกับชินจะยอมมีลูกบ้าง พร้อมกับภาวนาให้ลูกชายคนโตบ้างานน้อยลงกว่านี้อีกสักนิด พ่อละเป็นห่วงสุขภาพจริงๆ ...

   เอาล่ะ เรื่องราวของพ่อก็มีเพียงเท่านี้ ใครสงสัยอะไรก็... ช่างมันแล้วกันเนอะ พ่อไปก่อนดีกว่า

   คึดฮอดกันบ้างเด้อ~

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
คุณพ่อตั้ลล้ากก

ออฟไลน์ TuiLoveKhaKing

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณพ่อน่ารัก ใจกว้างง รักวินกับวัตมากเลยย  :กอด1:

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Part9 ดอกไม้กินคน

   ผู้เล่นรับภารกิจนักปรุงยามีทั้งหมดสามปาร์ตี้ แต่ละกลุ่มมีสมาชิกไม่เกินสี่คน สองกลุ่มนั่นมีสมาชิกสี่คนพอดี เว้นเพียงกลุ่มผมที่มีแค่สามและไม่คิดจะหาเพิ่งแม้ว่าตอนเราออกมาจากร้านจะมีหลายคนข้อร้องก็ตาม หากไม่มีภารกิจที่ต้องทำผมคงจะรับคนนอกเข้ามาอยู่หรอก ติดที่เราต้องจับเจ้าคนที่อ้างชื่อผมนี่สิ ถ้ามีคนนอกอยู่จะทำให้เราเคลื่อนไหวลำบาก

   แผนการของผมไม่มีอะไรซับซ้อน แค่เข้าร่วมภารกิจจับตาดูการเคลื่อนไหวของชายนักดาบที่อ้างชื่อผม โดยมียาล้างคำสาปอยู่ในกระเป๋าของผมและชินเผื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน พนักงานสาวคนนั้นแอบให้พวกเรามาแทนคำขอบคุณ

   รายละเอียดภารกิจคือ เราต้องเข้าไปในป่าสมุนไพรที่อยู่ทางซ้ายของเมือง โดยป่าแห่งนี้มีลักษณะเป็นรูปดอกไม้ห้าแฉกหากมองจากมุมบน แยกอาณาเขตด้วยแม่น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา โดยจะแบ่งป่าแห่งนี้เป็น 3 ส่วน

   ส่วนที่ 1 เป็นเขตรอบนอกของป่า จะมีสมุนไพรระดับ 1 – 2 รูปร่างธรรมดาทั่วไป เป็นต้นไม้ ดอกไม้ ราก เมล็ด ซึ่งส่วนใหญ่ภารกิจจาก NPC ในหมู่บ้านจะให้มาหาสมุนไพรในส่วนนี้ และไม่มีอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น แต่คุณสมบัติในการใช้งานก็น้อยตามระดับ

   ส่วนที่ 2 กลีบดอกทั้งห้า สมุนไพรระดับ 3 – 5 รูปร่างจะเริ่มแตกต่างจากสมุนไพรที่เคยเห็นในโลกความจริง มีความแฟนตาซีมากขึ้น ไม่เพียงแค่พืช ยังนับรวมถึงสัตว์และแมลงที่สามารถนำมาปรุงยาได้ สมุนไพรบางชนิดจะอยู่ที่ตัวมอนสเตอร์ในแถบนี้ มีทั้งแบบไม่โจมตีก่อนและแบบเห็นปุ๊บไล่กระซวกปั๊บ

   สมุนไพรที่ต้องการใช้จะอยู่ในเขตป่าทั้งห้ากลีบ แต่ละกลีบจะมีลักษณ์เด่นแตกต่างกันไป มีความแห้งแล้ง มีความชื้นสูง เป็นป่าโปร่ง จนถึงป่าที่เป็นหนองน้ำซะส่วนใหญ่และป่าที่รวมทุกอย่างไว้ด้วยกันจนน่าปวดหัว ภารกิจล่าดอกไม้กินคนของพวกเราก็อยู่ในป่าส่วนนี้ กลีบที่ 2 ซึ่งเป็นป่าชื้น

   ส่วนที่ 3 ใจกลางของป่า จุดที่เป็นเกสร มีลักษณะเป็นป่าดงดิบ สมุนไพรอยู่ที่ระดับ 6 – 7 รูปร่างลักษณ์เหนือล้ำกว่าจิตนาการ กระทั่งสมุนไพรมีชีวิตหน้าตาเหมือนคนก็ยังมี บ่งบอกความบ้าของคนรับผิดชอบสร้างเขตนี้ ความโหดของมอนสเตอร์ไม่ต้องพูดถึง มีตั้งแต่กากมากจนถึงระดับอยากจะตายแทนมัน

   ภายในป่าเกสรจะมีจุดหนึ่งเป็นทุ่งดอกไม้หลากสี เป็นที่อยู่ของบอสประจำป่าสมุนไพร ผมเคยเห็นรูปร่างของบอสตัวนี้แล้ว ‘ราชินีพฤกษา’ เป็นหญิงสาวงามดุจนางสวรรค์ เรือนผมสีทองหยักศกยาวจรดกลางหลัง ดวงตาสีม่วงทอประกายไร้ตาขาว ริมฝีปากสีแดงชาด ผิวขาวอมชมพู มือเรียวประสานไว้ตรงหน้าท้อง ช่วงท่อนล่างหายเข้าไปในกุหลาบดอกโตสีแดงสดหยั่งรากลึกทั่วผืนป่า

    เป็นบอสที่ให้ค่าประสบการณ์มาก เหมาะสำหรับผู้ที่ได้คำสาปสายปรุงยาและสายเวทมายา ของตกจากบอสเพียบ ที่สำคัญคือสามารถจับบอสตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงได้!

   สิ่งที่แรกมาจากของดีมากมายคือระดับบอสที่โคตรมหาหิน แค่ตัวบอสเองก็มีระดับ 75 ถือเป็นระดับที่สูงมากในทวีปเริ่มต้น ยังไม่นับรวมภูติดอกไม้ สมุนของนางพญาระดับ 40 อีกหนึ่งฝูงใหญ่ แล้วยังมีความลับสุดยอดอีกหนึ่งอย่าง บอสราชินีพฤกษาเป็นบอสแฝด

   หากจะสังหารให้ตายต้องโจมตีนางพญาทั้งสองพร้อมกัน ซึ่งแฝดคนน้องเป็นดอกกุหลาบสีขาวเรือนผมสีดำ ดวงตาสีแดงจะสุ่มเกิดหนึ่งในกลีบทั้งห้า มีสมุนเป็นดอกไม้กินคนระดับ 35 แม้ความสามารถจะน้อยกว่าแฝดพี่แต่ก็สังหารผู้เล่นได้ง่ายๆ

   ถือเป็นแผนการในอนาคตหลังจากเปิดตัวเกมอย่างเป็นทางการ เพื่อสนับสนุนให้ผู้เล่นระดับสูงร่วมมือกันมาที่ทวีปเริ่มต้นบ้าง เราจึงแอบซ่อนบอสพวกนี้ไว้ตามจุดต่างๆ ของทวีป

   ไม่ต้องมามองผม ผมไม่เข้าไปหรอก กลุ่มปาร์ตี้ที่มาทำภารกิจคำสาปนักปรุงยาในครั้งนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 20 อย่าว่าแต่บอสเลย แค่มอนสเตอร์ธรรมดาในป่าเรายังรอดยาก เอาไว้ถ้าอยากเห็นบอสราชินีพฤกษาก็มาเล่นเกมกันเอาเองแล้วกันนะ

   เรามุ่งหน้าสู่ป่ากลีบที่สอง ค้นหาดอกไม้กินคนระดับต่ำ เลเวล 15 ที่อยู่รอบนอกของป่า ทั้งที่ควรจะแยกทางใครทางมันแต่ทุกคนกลับยังรวมกลุ่มกันตามเดิม คงจะกลัวว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหาเจอก่อนกลุ่มตัวเองล่ะมั้ง ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่ต้องสะกดรอยตามปาร์ตี้ที่มีนักดาบคนนั้นเป็นหัวหน้า

   ป่าชื้นก็ชื้นสมชื่อ พื้นดินชุ่มหยดน้ำเหยียบแล้วเหนอะเท้า เหนียวตัวอีกต่างหาก ต้นไม้ส่วนใหญ่จะไม่สูงมาก มีพวกเฟิร์นพืชชอบอากาศชื้นขึ้นอยู่เต็มไปหมด มองไปเจอเห็ดเจ็ดสีโคตรไม่น่าไว้ใจ บันคีบเอาตัวทากดูดเลือดออกจากแขนตัวเองพลางบ่นอุบอิบ โชคดีที่ผมใส่ชุดมิดชิดเลยไม่โดนตัวทากโจมตีดูดเลือดที่ละ 1 หน่วย

   “ถามหน่อยใครเป็นคนออกแบบทวีปเขตนี้”

   “นายอย่ารู้เลยดีกว่า” ผมตอบด้วยความหวังดี ได้ยินเสียงกรี๊ดมาจากผู้เล่นหญิง สงสัยเจอทากเล่นงานกันทั่วหน้า

   “แฝดนรกไง”

   ชินตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะเผาทากจนดิ้นเร่าด้วยไฟจิ้งจอก ทากพวกนี้เลเวล 1 พลังโจมตีน้อยนิดไร้ซึ่งความน่ากลัว สร้างแต่ความรำคาญให้ เว้นกรณีหลงไปดงมันอาจจะตายได้ในทันทีพร้อมความหลอนติดตัว ทากตัวมันเลื่อมสีดำมะเมื่อมเกาะตามผิวดูดเลือดจ๊วฟๆ แล้วตัวบวมเป่งขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นปลิงขนาดย่อม ต่อให้จิตแข็งแค่ไหนเจอแบบนี้ทั้งฝูงเป็นผมขอตายดีกว่าอยู่

   ทางบันหลังจากได้คำตอบพลันเหงื่อตก ถามย้ำเพื่อความมั่นใจ

   “คงไม่ใช่เจ้าสองพายุนั่นหรอกนะ”

   เห็นเพื่อนจิตตกเราต้องทับถม

   “เสียใจด้วยที่ฉันต้องบอกว่า ใช่! แผนกของฉันมีแฝดสักกี่คู่กันเชียว”

   บันทำหน้าเหมือนอมบอระเพ็ดยามเห็นเด็กตัวเล็กกำลังมองหางตาอย่างเหยียดหยามเยาะเย้ย ตัวหัวหน้าว่าสยองแล้ว เจอเจ้าแฝดนี่เข้าไปหนักกว่าอีก วินแม้จะทำอะไรตามใจก็อยู่ในคำว่าพอเหมาะพอควร แต่เจ้าแฝดมันไม่ใช่ นิสัยชอบแกล้งก็ที่หนึ่ง หัวสมองไม่รู้มีอะไรอยู่บ้างคิดแต่เรื่องน่าสะพรึง คนที่ห้ามได้ก็มีแค่วิน ซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวจะไฟเขียวให้แฝดสร้างพื้นที่โซนนี้อย่างเต็มที่ ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะต้องเจออะไรต่อจากนี้

   คนถูกพาดพิงในใจคล้ายจะรับรู้ถึงความจิตตกที่แผ่ออกมาจากเพื่อนตัวเองได้ มือเล็กของเด็กสิบขวบตบขากางเกงอีกฝ่ายเป็นเชิงปลอบ นี่ถ้าเจ้าตัวขนาดปกติคงจะตบบ่าป้าบๆ ไปแล้ว

   “ไม่ต้องคิดมาก ต่อให้ล้ำแค่ไหนก็ต้องผ่านการพิจารณาจากหลายฝ่ายอยู่ดีว่ามันเหมาะสมรึเปล่า อย่างมากก็แค่ตายไปเกิดในเมือง”

   ปิดท้ายประโยคด้วยเสียงหัวเราะเย็นๆ บันเสียวสันหลังวาบ ยิ่งเป็นเสียงเด็กที่ออกจะเล็กแหลมยิ่งหลอนแบบบอกไม่ถูก เขาไม่กลัวเลยเรื่องตายในเกม สิ่งที่จะเจอก่อนตายนี่สิที่น่ากังวล

   ทั้งหมดทั้งสิ้นคงมีแค่ชินคนเดียวดูไม่สะทกสะท้านกับอะไรสักอย่าง นอกจากเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ซาตานตัวน้อยระวังไม่ให้กิ่งไม้มารบกวนได้ ความจริงชินอยากจะอุ้มเดินอยู่หรอก เสียแต่เจ้าตัวไม่ยอม ภายนอกเด็กแต่ข้างในหนุ่มวัยยี่สิบนะ

   เราสามคนเดินเหมือนชมสวนหลังบ้านใช่ว่าจะไม่มีอุปสรรคระหว่างทาง พอดีกว่าอีกสองปาร์ตี้ที่เดินนำหน้าจัดการพวกมอนสเตอร์แมลง พืชไม้ไปจนหมดสิ้น ไม่หลงเหลือมาให้พวกเขาเลยแม้แต่น้อย ดูท่าจะงกไอเท็มกันมาก

   ในที่สุด พวกผมก็เข้าเขตของดอกไม้กินคนสักที พุ่มไม้ทั้งหลายถูกเปลี่ยนไปเป็นดอกไม้สีน้ำตาลช้ำกับกิ่งสีดำแห้งๆ ต้นไม้สูงมีแต่ดอกไม้พวกนี้กลืนกินจนหมด กลายเป็นภาพสวยงามแบบน่าหวาดหวั่นชอบกล

   เหล่าผู้เล่นหญิงเกาะกุมกับทีมของตัวเอง โดยมีพวกผู้ชายคอยกวาดตามองรอบตัวอย่างระมัดระวัง พอเดินลึกเข้าไปพบดอกไม้ขึ้นแทรกจนแทบจะเดินต่อไม่ได้ ต้องใช้อาวุธฟัดพวกมันทิ้ง ยางเหนียวหนืดสีขาวขุ่นไหลออกมาตามส่วนที่ถูกตัด ส่งกลิ่นหอมหวานแบบประหลาด

   ฉับพลัน! ดงดอกไม้ทางด้านขวาเกิดสั่นไหว ก่อนจะลามไปรอบจุดที่พวกเขาอยู่เป็นวงกลมพร้อมกลิ่นเหม็นเน่าโชยมากลบกลิ่นหอมเมื่อครู่จนหมดสิ้น

   สิ่งที่โผล่พ้นออกมาคือดอกไม้สีน้ำตาลอมเหลืองขนาดใหญ่เคลื่อนที่ด้วยเถาวัลย์ ตัวดอกมีความกว้างทั้งหมดเกือบ 6 เมตร มีกลีบใหญ่ห้ากลีบเรียงสลับซับซ้อนกันจนถึงโคน แต่ละกลีบมีปุ่มคล้ายหนามแหลมตะปุ่มตะะป่ำ กลางดอกมีลักษณะเหมือนหม้อลึกให้อารมณ์เหมือนต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง

   “ดอกบัวผุด! ใครมันอุตริเอามาทำมอนสเตอร์วะ!!”

   นักธนูในทีมนักดาบเป้าหมายอุทานหลังเห็นมอนสเตอร์เต็มสองตา เหมือนจะรู้แต่ยังไม่รู้จริง แม้ต้นฉบับมันมาจากดอกบัวผุด แต่อันนี้เป็นเวอชั่นปรับปรุงแล้ว จะโจมตีคนด้วยเถาวัลย์และจะกลืนคนเข้าไปทั้งตัวก่อนหุบกลับปิด ตัวกลีบหนาและเหนียวมาก อาวุธระดับต่ำฟันไม่เข้า ยังโจมตีคนคิดจะออกด้วยหนามตรงกลีบอีก สักพักก็จะปล่อยน้ำย่อยออกมาย่อยร่างคนนั้น สร้างดาเมจต่อเนื่องจนกระทั่งตายเป็นปุ๋ยต้นไม้

   ทำไมผมมายืนนิ่งบรรยายเจ้ามอนสเตอร์ชนิดนี้ได้เป็นฉากๆ น่ะเหรอ นั่นก็เพราะว่า ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการต่อสู้ ชินและบันเองเริ่มลงมือต้อนดอกไม้กินคนไม่ให้เข้าถึงตัวผม

   “จุดอ่อนมันอยู่ตรงไหนวิน!”

   บันตะโกนถาม ผมหรี่ตามอง

   “จุดอ่อนมันคือเวทมนต์” เอ่ยพลางสาธิตให้ดู มือเล็กยกขึ้นเหนือหัวสร้างดาบจากสกิล Formless สร้างอาวุธจากพลังเวทธาตุมืดแล้วควบคุมให้มันฟันเถาวัลย์จนขาด ก่อนแทงเข้าใจกลางดอกสร้างดาเมจคริติคอลเพราะโจมตีถูกจุดอ่อน มันดิ้นเร้าบิดตัวไปมา แม้จะไม่ทำให้มันตายในทันที แต่ชินกับบันรู้งานจัดการโจมตีซ้ำทันทีที่จุดเดิมจนมันตายในที่สุด

   พอคนอื่นเห็นพวกเราจัดการ คนที่มีอาชีพนักเวทระดมใช้เวทโจมตีโดยมีพวกตีระยะประชิดคอยดึงความสนใจมอนสเตอร์ให้ ปิดท้ายด้วยพวกตีระยะไกลอย่างนักธนู

   ทุกการเคลื่อนไหวของนักดาบอยู่ในสายตาผมตลอด ชายคนนี้เคลื่อนไหวได้รวดเร็วและมีพละกำลังในการโจมตีมากเกินกว่าระดับที่เป็นอยู่ อย่างกับเป็นการสร้างดาเมจของคนเลเวลห้าสิบ ดูท่านอกจากจะอ้างชื่อผู้ดูแลเกมแล้วยังเล่นตุกติกอีก

   ยังเร็วไปที่จะลงมือ ผมส่งข้อความให้แฝดที่เฝ้าระบบอัดภาพสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคอยจับตาดูต่อไป เราต้องลงมือตอนที่ไม่มีคนนอก

   ด้วยความร่วมมือของทุกคนในที่สุดมอนสเตอร์ดอกไม้กินคนทั้งหมดทอดร่างตายบนพื้น จากมอนสเตอร์ทั้งสี่ตัวทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการแบ่งไอเท็ม

   ผมมองชิน จิ้งจอกดำรู้ตัวดีกางเล็บทั้งสิบกระโดดเหยียบซากดอกไม้ใช้เล็บตัดเอาเกสรที่อยู่ตรงก้นหม้อกลางดอก จังหวะที่ทำคนกำลังง่วนกับการเก็บไอเท็มภารกิจ กลิ่นเหม็นฉุนเริ่มโชยมาอีกครั้ง แถมครั้งนี้กลิ่นยังแรงมากกว่าเดิมจนชินที่จมูกดีกว่าคนทั่วไปยังต้องนิ่วหน้ายกคอเสื้อปิดจมูก พวงหางยาวพองฟูจนน่าขำ หูตั้งตรงอย่างกับพร้อมจะวิ่งหนีจากกลิ่นนี้ได้ทุกเมื่อ

   เพราะมัวแต่ขำจิ้งจอกเลยไม่ระวัง มีบางสิ่งพุ่งออกมาจากหลังแนวไม้ฉุดเอาร่างเล็กของเล็กลอยหวืดกลางอากาศ ความรู้สึกของผมตอนนี้อย่างกับเวลาโดนวัตลากไปเล่นรถไฟเหาะแล้วตกลงในหลุมดำมืดกลิ่นเหม็นฉุน

   สิ่งที่คนอื่นเห็นคือวินในร่างเด็กน้อยถูกเถาวัลย์เกี่ยวเอวลากเข้าปากมอนสเตอร์ดอกไม้กินคนไปต่อหน้าต่อตา ชินกับบันได้สติรีบตามไปโจมตีหมายช่วยเพื่อนสุดชีวิต เจ้าดอกไม้หุบกลีบแน่นนิ่งเสียจนน่ากลัว

   “ป่านนี้คงตายไปแล้ว ฉันว่าพวกนายกลับไปรอที่เมืองดีกว่า พาเด็กมาก็งี้ ตัวถ่วง!”

   นักดาบเป้าหมายของกลุ่มวินเอ่ยพลางมองเยาะเย้ย เขาเองขัดใจแต่แรกที่เด็กคนนี้ได้รับภารกิจทันทีที่เข้าร้านทั้งที่พวกเขามารอกันเป็นวันๆ

   “เป็นนักดาบดีๆ อย่าเปลี่ยนคำสาปเป็นหมาหรือไง ไม่เสือกสิครับ” บันตอบกลับอย่างหัวเสีย กำมือสลับคลายคล้ายอยากจะขย้ำหัวคนแถวนี้

   “เฮอะ! ทำเป็นพูดดี ไอ้พวกที่ตามก้นฉันมาตั้งแต่แรกอย่างพวกนายล่ะ อย่าคิดว่าไม่รู้นะ คงจะหวังพึ่งใบบุญฉันเรื่อง GM ล่ะสิ” สีหน้าแบบข้าอยู่เหนือกว่าทำเอา ผู้ดูแลเกมตัวจริงคิ้วกระตุก ชินกับบันเลิกพยายามช่วยวินหลังได้รับข้อความติดต่อในช่องปาร์ตี้

   ‘ฉันปลอดภัยดี อีกแปบจะฝ่าออกไปได้ ช่วยรั้งพวกนั้นไว้ที’

   ทั้งคู่เข้าใจเจตนาของวิน การทำเรื่องอะไรบางอย่าง มันต้องทำในที่ลับ ภายในป่าสมุนไพรแห่งนี้ น้อยนักจะมีคนผ่านเข้ามา สาเหตุจากมอนสเตอร์และสภาพแวดล้อมมันอันตรายเกินไป สู้ไปเก็บระดับในสถานที่ปลอดภัยยังดีซะกว่า

   หากจะจับนักดาบไปเค้นคอ ต้องแยกออกจากเพื่อนร่วมทีมของพวกนั้น โดยมีสัญญาณลงมือคือวิน!

   ดอกไม้พองตัวราวกับลูกโป่ง เสียงหวีดร้องแหลมสูงจนชินต้องพับหูจิ้งจอกเพื่อลดผลกระทบ เสียงเฉือนดังฉัวะพร้อมมอนสเตอร์ดอกไม้ที่ถูกทลายส่วนกลีบเป็นชิ้นๆ พลังสีดำอัดตัวเป็นรูปดาบโผล่มาเป็นสิ่งแรก ตามด้วยร่างของผู้เป็นเจ้าของ

   ชายผู้มีรูปลักษณ์ดุจทูตสวรรค์ แม้จะสวมเสื้อระดับต่ำก็ยังไม่อาจบดบังความโดดเด่นนั้นได้ เรือนผมสีทองระคอเปียกชุ่มไปด้วยเมือกย่อยของดอกไม้กินคน เขายาวดำโค้งงอไปด้านหลังแสดงหลักฐานของความเป็นปีศาจ ทั้งที่ควรขัดกับภาพลักษณ์ที่เห็นในตอนแรกแต่กลับผสมผสานกันอย่างลงตัว มือเรียวเสยผมอย่างรำคาญ ดวงตาสีเทาปรายมองเหล่าคนที่ตื่นตะลึงอยู่เบื้องหน้า

   ดาบเปลี่ยนรูปเป็นหอกในพริบตา โจมตีมอนสเตอร์ซ้ำทันทีที่เจ้าตัวก้าวลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคง เพราะการโจมตีแบบคริติคอลของผมทำให้ดอกไม้กินคนติดสตั๊นชั่วขณะเปิดช่องให้โจมตีฟรีกระทั่งมันตายลงในที่สุด

   “อาชวิน!”

   เสียงตะโกนอย่างไม่อยากเชื่อจากชายนักดาบ พวกผู้เล่นหญิงดวงตาแทบจะเปลี่ยนเป็นรูปหัวใจมองหนุ่มหล่อที่เคยเห็นในทีวีกับตามนิตยสารพูดคุยเกี่ยวกับเกมที่พวกเขากำลังเล่น

   เจ้าของนามจงใจแย้มรอยยิ้มส่งสัญญาณมือให้ใช้โอกาสนี้คว้าตัวนักดาบที่เตรียมหนีหลังเห็นหน้าผม การเคลื่อนไหวรวดเร็วของชินเกิดเป็นเงาวูบไหวเพียงพริบตาเดียวนักดาบคนนั้นถูกคว้าตัววิ่งหนีไปอีกทาง

   บันขยับกายบังหน้าผม เขากางแขนออกกว้างมุมปากยกรอยยิ้มร้าย ปีกสีดำเหลือบเขียวถูกกางออกกว้างก่อนจะเริ่มขยับปีกสร้างกระแสลมรบกวนผู้เล่น ปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งแตะริมฝีปากเป่าด้วยเสียงที่ได้ยินเฉพาะในหมู่นก

   ก๊า!!

   เสียงก้องร้องพร้อมฝูงอีกาโผล่จากความว่างเปล่าเข้าไปปั่นป่วนเปิดช่องทางหลบให้พวกเรา ผมกางปีกสีขาวบินตามทางที่ชินไปโดยมีบันตามมาด้านหลัง

   “เราควรไปไกลหน่อยมั้ย เผื่อพวกนั้นตามมาทัน”

   บันออกความเห็นขณะบินตีคู่กับผมเหนือยอดไม้ ดวงตาคอยสอดส่องมาหาร่างชินกับเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย

   “ไม่จำเป็น จุดนั้นเป็นจุดเกิดของดอกไม้กินคน พวกนั้นไม่มีเวลาว่างมาหาพวกเราหรอก รีบจัดการให้เสร็จดีกว่า ว่าแต่นายไม่น่าเชื่อเลยนะว่าจะได้คำสาปเทนกุ”

   เอ่ยพลางเหลือบมองคนข้างตัว ปีกสีดำเงาให้ความรู้สึกแข็งมากกว่าคนนกทั่วไป ผมหยิบขวดยาเพิ่มเลือดยกดื่มไปด้วย เข้าไปอยู่ในดอกไม้กินคนเมื่อครู่ใช่ว่าผมจะไม่โดนดาเมจ นี่ถ้าไม่มีขวดเลือดตุนไว้ผมคงตายก่อนจะฝ่าออกมาได้แน่

   “เท่ดีใช่มั้ยล่ะ”

   “เหมาะดี ตัวก่อกวนน่ารำคาญ”

   อีกาสามขายืดอกรับคำชมพลันชะงักเมื่อตีความหมายออกมาจริงๆ แทบจะเกิดศึกนกกลางเวหา หากไม่มีจิ้งจอกจ้องตาเขียวจากด้านล่าง ลำพังชินคนเดียวที่มีระดับพอกับนักดาบไม่สามารถจับอีกฝ่ายให้อยู่เฉยๆ ได้ ผมกับบันจึงร่อนลงไป บันหยิบเชือกจากกระเป๋าที่ไม่รู้พกมาทำไม มัดเป็นห่วงตรงปลาอาศัยจังหวะที่นักดาบกำลังปะมือกับจิ้งจอกเหวี่ยงเชือกคล้องแล้วกระชากบินวนรอบต้นไม้ใหญ่

   ในเมื่อคนเดียวจัดการไม่ไหว มันก็ต้องสามรุมหนึ่งนี่แหละ!

   พวกเราคนยืนมองนักดาบผู้หมดสภาพ

   “เรื่องอ้างชื่อฉันจะถือว่าทำทานให้ แต่เรื่องความสามารถของนายมันเหนือกว่าเกณฑ์ปกติคงต้องขอให้ตอบคำถามกันหน่อย”

   ผมต้องรู้ให้ได้ว่าเขาเอาโปรแกรมโกงนี่มาจากไหน และต้องจัดการให้เร็วที่สุดก่อนที่ตัวเกมจะเปิดเป็นทางการ

   “ถะ... ถึงเป็นนายมาฉันก็ไม่บอก!”

   ดวงตาสีเทาหรี่มอง รอยยิ้มเมตตาปรากฏบนเรียวปากได้รูป

   “Formless…”

   เสียงนุ่มเรียกสกิลเปลี่ยนเวทมืดให้เป็นแส้หนังดึงจนเกิดเสียงดังเพี๊ยะน่าหวาดเสียว นายบันย่นคอ ชินคิ้วกระตุก ผมดื่มยาจนกลับสู่อายุเดิมทำให้พลังเวทสูงขึ้นตามอายุร่างกายที่ไม่ถูกผนึกไว้ ดังนั้นในการสร้างของจึงใกล้เคียงกับของจริงมากขึ้น

   “นายเป็นผู้ดูแลทำเรื่องแบบนี้กับผู้เล่นได้ยังไง! ฉันจะฟ้องร้อง!!”

   นักดาบดิ้นพล่าน ผมไม่สนใจแม้แต่จะถามชื่อด้วยซ้ำ ก็แค่ตัวประกอบให้รีดเค้นข้อมูลเท่านั้นเอง

   “ฉันในตอนนี้มาในฐานะผู้เล่น ดังนั้นผู้เล่นต่อสู้กันเองถือว่าไม่ผิดกฎ” ยิ่งดูใจดีมากเท่าไหร่ ยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น ผมเอียงคอมอง “มาดูกันซิว่า ระดับความเจ็บปวดที่ลดลงจนเหมือนมดกัด ถ้าฉันทำซ้ำๆ นายจะทนได้สักกี่น้ำ”

   ราวกับคำตัดสินโทษ แส้ในมือถูกสะบัดฟาดเกิดเสียงเนื้อกระทบน่าฟัง ผมสั่งให้ชินกับบันสลับกันกรอกขวดยาเพิ่มเลือดให้อีกฝ่ายเรื่อยๆ เวลาที่ถูกฟาดจนเจียนตาย เสียงโหยหวนภายในป่าเกิดเป็นข่าวลือในภายหลังว่าป่าแห่งนี้มีมอนสเตอร์ที่แสนน่ากลัวอยู่

   น่าเสียดายที่อยู่ในเกม แม้จะทำสมจริงมากแค่ไหนก็ไม่ดีเท่าโลกแห่งความจริงผมเลยไม่เต็มอิ่มกับการละเล่นสักเท่าไหร่ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานับว่าสมกับค่าเสียเวลา

   สิ่งที่นักดาบคนนั้นคายออกมาหลังจากถูกทรมานร่วมชั่วโมงคือข้อมูลเรื่องโปรแกรมโกงที่ได้มาจากคนรู้จักที่ทำงานอยู่ในบริษัทเกม ดูท่ามันจะแอบดูข้อมูลแล้วแก้ไขไปขายหาผลประโยชน์เข้าตัว เพราะเป็นตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ที่ไม่ขึ้นตรงต่อผมถึงได้เล็ดลอดสายตาแบบนี้ แต่มันจะรอดได้อีกไม่นาน

   ผมพยักหน้าให้สัญญาณชินเชือดนักดาบคนนั้นกลับเมืองไปซะ หลังจากเขาออกจากเกมจะไม่สามารถเข้ามาเล่นได้อีกเป็นครั้งที่สองจนกว่าจะเปิดเกมแบบเต็มตัวถือเป็นการลงโทษ

   “ความจริงฉันก็ต้องไปแจ้งเบื้องบนล่ะนะ แต่ฉันอยากรู้ว่านายจะจัดการยังไงกับคนของนาย”

   ว่าที่ประธานบริษัทถามเพื่อนหัวหน้าแผนกโปรแกรมเมอร์

   “ทางเบื้องบนคงจะไล่ออก ในความคิดฉันอยากเก็บไว้ใกล้ตัวมากกว่า หากไล่ออกไปแล้วไม่รู้จะเข้าร่วมกับคู่แข่งเรารึเปล่า เรื่องลงโทษ… ให้ลดตำแหน่งลง ตัดเงินเดือน เพิ่มเวลาการทำงาน ให้คนเอางานไปถมแล้วเลือกพนักงานที่ไว้ใจได้คอยจับตาดู”

   สิ่งที่กล่าวออกมาจากท่านเทพบุตรซาตานโหดเหี้ยมกว่าการไล่ออกเสียอีก สำหรับคนอื่นการสั่งงานต่อให้หนักแค่ไหนก็ไม่ถึงกับขาดใจได้ ซึ่งนั่นไม่ใช่กับผมผู้บ้างาน จะปล่อยให้แก้ปัญหาที่ตัวเองก่อ ทำงานจนกระอักเลือดตายมาร้องขอชีวิต

   ความคิดชั่วร้ายในหัว กลั่นกรองออกมาเป็นเสียงหัวเราะน่าสยองในลำคอ คงมีเพียงชินที่พยักหน้ารับมองด้วยสายตาชื่นชม บันเป็นฝ่ายปาดเหงื่อ

   “เอาไว้ฉันจะรายงานเบื้องบนไว้แบบนั้นแล้วกัน ออกจากเกมแล้วพวกนายเตรียมเอกสารเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ด้วยล่ะ เราคงมีประชุมใหญ่กันเร็วๆ นี้แน่” แค่คิดก็ปวดหัว “โธ่เว้ย ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งเข่ง หลังจากนี้ได้มีการตรวจสอบพนักงานแบบละเอียดยิบแหง งานช้างชัดๆ”

   “บ่นไปยังไงก็ต้องทำ ฝากวิ่งงานด้วยล่ะ” ชินหัวเราะหึในคอปรายตามองเพื่อนร่างใหญ่

   “ฉันเป็นอีกาไม่ใช่นกพิราบสื่อสารเฟ้ย! ไม่คุยกับพวกนายแล้ว เจอกันนอกเกม บรัย”

   ยังจะมาศัพท์วัยรุ่นทิ้งท้าย บันเปิดเมนูเลือกคำสั่งออฟไลน์ออกจากเกม ผมกับชินมองหน้ากันแล้วออกจากเกมเพื่อสะสางงานที่คั่งค้างบ้าง ใครจะไปคิดล่ะว่าออกเกมปุ๊บได้เจอข่าวใหญ่ชวนช็อก


ออฟไลน์ ployspy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ว๊ากกกกกกกกกก
จะเกิดอะไรขึ้นละเนี๊ย
รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ค้างงงงง TT

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fammi50

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
ข่าวใหญอาร้ายยยยยยยยย อยากรู้ๆๆๆๆ ค้างมากค่ะ ฮือออออออออ

ว่าแต่อะไรคือคุณพ่อมีหลานคะ (จากตอนคุณพ่อ) วัตท้องหรอออออออออออออ!! 5555 หรือวันมีกิ๊ก

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
ข่าวใหญอาร้ายยยยยยยยย อยากรู้ๆๆๆๆ ค้างมากค่ะ ฮือออออออออ

ว่าแต่อะไรคือคุณพ่อมีหลานคะ (จากตอนคุณพ่อ) วัตท้องหรอออออออออออออ!! 5555 หรือวันมีกิ๊ก

เป็นฉบับรีไรท์ครับ เนื้อเรื่องเสริมและเปลี่ยนไปพอสมควร เรื่องมีลูกอยู่ในบทส่งท้ายครับ

ออฟไลน์ Sohso

  • You are my precious thing And I will always love you.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1373
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-3
เนื้อเรื่องสนุกมากชอบสุดๆ เรื่องทุกคู่กระจ่าง หมดดีใจที่ไม่ค้างคา  :katai2-1:

ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :o8: :o8: :o8: เรื่องนี้สนุกมากกกกก ชอบ ตัวเอกนำเดินเรื่องได้ดีมากค่ะ คนเขียนเขียนมาได้ดีจริงๆ

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
*ตรวจคำผิดแล้วจะลงซ้ำ รีบลงก่อนแก้ค้าง
Part10 Sweet

   “ย้ายไปสาขาต่างประเทศ!!”

   เสียงประสานจากสมาชิกอันน้อยนิดในแผนกโปรแกรมเมอร์ซึ่งขึ้นตรงโดยอาชวินผู้เป็นแกนหลักในการพัฒนาเกม หลังฟังข่าวชวนอึ้งจากปากหัวหน้าแผนก

   “ฉันเข้าประชุมเรื่องบริษัทเรามีหนอนมา ท่านประธานเลยถือโอกาสแจ้งเรื่องนี้กับฉัน” ชายผมทองเอนหลังพิงพนักดูเหนื่อยล้า มือได้รูปยกนวดคลึงขมับมีชินยืนอยู่เคียงข้างสีหน้าย่ำแย่ไม่แพ้กัน

   “ถ้าคนที่ย้ายไปเป็นหนึ่งในพวกเราก็ไม่เท่าไหร่ ทางนั้นต้องการตัววินนี่สิ” จิ้งจอกหนุ่มคิดอย่างเซ็งอารมณ์ เจ้าพวกนั้นคิดจะใช้วิธีนี้ดึงคนมีความสามารถอย่างวินไปเป็นของตัวเอง

   มันเป็นเรื่องของธุรกิจและผลประโยชน์ของบริษัท ไม่สามารถทำตามใจตัวเองได้เพราะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่จะตามมาเป็นลูกโซ่ อยู่สงบมาหลายปี ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องเอาตอนนี้

   “ไปแค่ชั่วคราวไม่ใช่เหรอ หัวหน้าไม่เห็นต้องเครียดเลย ถ้ากังวลเรื่องทางนี้เดี๋ยวพวกเราจะช่วยดูแลให้เองไม่ต้องห่วง”

   วายุเอามือล้วงกระเป๋าเลิกคิ้วมองหัวหน้า แฝดวาโยพยักหน้าเป็นด้วยแต่พี่มะลิไม่คิดเช่นนั้น

   “พี่ว่ามันไม่ง่ายแบบนั้นนะ ไม่รู้ว่าทางนั้นคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้เกมกำลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ทุกคนทำงานกันหัวหมุนแก้ไขปัญหาภายในเกม แล้วยังต้องเช็คความเรียบร้อยทั้งหลายอีก ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้เราขาดหัวหน้าไปไม่ได้เด็ดขาด”

   “ทางนั้นกำลังตั้งตัวและมีกำหนดการจะนำเกมไปเปิดที่นู่นด้วยนี่ครับ อยู่ในช่วงสำคัญไม่แพ้กัน คงไม่ใช่ไปอยู่แค่เดือนสองเดือน อาจจะอยู่เป็นปีเลยก็ได้” อัคคีที่เงียบฟังอยู่นานเอ่ยปากออกมาท่ามกลางความเคร่งเครียดภายในห้อง ทางนั้นก็สำคัญ ทางนี้ก็ทิ้งไปไม่ได้ ตัววินเองก็อยากจะแยกร่างอยู่เหมือนกัน ถ้ามันทำได้ล่ะนะ

   เกิดความเงียบชั่วขณะ สูญกลางของเรื่องทุกอย่างถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

   “อย่าเป็นห่วงไปเลย ฉันมีทางออก พวกนายแยกย้ายกันไปทำงานเถอะ”

   ผมปิดประเด็นเพราะมัวแต่นั่งกลุ้มกันอยู่แบบนี้มันไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น สู้เอาเวลาไปทำงานลดภาระของตัวเองดีกว่า พอทุกได้ยินแบบนั้นเลยถอยกลับไปทำงานของตัวเองต่อ ในห้องจึงเหลือผมกับชินสองคน

   “ฉันสังหรณ์ใจว่าถ้าฉันไป ทางนั้นจะหาข้ออ้างให้ฉันอยู่ที่นั่นต่อไปเรื่อยๆ”

   ผมพูดตามที่คิด อาจจะดูเหมือนหลงตัวเอง แต่นั่นคือความจริง ต่างประเทศนั่นเห็นค่าและให้ความสำคัญกับผู้มีความสามารถมากกว่าในเมืองไทย แม้จะได้สวัสดิการมากมายแต่ใจผมไม่อยากไป บ้านผมอยู่ที่นี่ ครอบครัวผมด้วย ผมนับถือพ่อชะมัดที่สามารถหลบเลี่ยงเรื่องพวกนี้มาได้ตลอด ระดับของผมในตอนนี้ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพ่อด้วยซ้ำ

   “คิดไว้แล้ว สักวันต้องมาถึง” ชินดูไม่แปลกใจนัก เขาคงเดาได้ตั้งแต่แรก

   “นายนี่นะ ทั้งที่ฝีมือพอกับฉันแต่ชอบทำงานอยู่เบื้องหลัง ปล่อยฉันออกหน้าอยู่คนเดียว ไม่งั้นใครหลายๆ คนคงแห่กันมาแย่งตัวนายแล้ว”

   หันไปมองคนข้างกายแบบปลงๆ ชินยิ้มรับนั่งบนที่วางแขนก่อนจะโน้มกายลงมาหาจนจมูกเราแตะกันคลอเคลีย

   “ทุกสิ่งทุกอย่างฉันทำเพื่อนาย ดังนั้นจะออกหน้าไปทำไม อีกอย่างฉันเป็นของนายแค่คนเดียวเท่านั้น กับคนอื่นมันก็แค่ขยะ...” จิ้งจอกหนุ่มเริ่มฉวยโอกาสขยับกายเข้าใกล้สูดกลิ่นหอมจางอย่างเพลิดเพลินพลางพูดงึมงำข้างใบหูแล้วพูดต่อ “ระดับอย่างนายน่าจะมีคำตอบในใจอยู่แล้ว บอกมาสิวิน จะให้ฉันทำอะไร” วาจาคล้ายคำล่อลวงของปีศาจ เสียแต่ผู้ที่กำลังหยอกล้อด้วยคือซาตาน ผลที่ออกมาจึงไม่น่าอภิรมย์นัก

   “นายรู้ใจฉันเสมอชิน...แต่ไม่ทั้งหมด ฉันไม่ได้ต้องการใช้วิธีรุนแรงในกันตอบปฏิเสธทางนั้น ฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้นอีก”

   “อะไร?”

   รับรู้ถึงรางร้ายบางอย่าง ชินผละออกขมวดคิ้วมองคนรัก

   “อย่าทำหน้าดุอย่างงั้นสิ ฉันไม่ไปแน่ ถ้าจะไปต้องไปด้วยความตั้งใจของตัวเองไม่ใช่ถูกสถานการณ์บังคับแบบนี้ คนที่ไปคือนาย”

   บรรยากาศผ่อนคลายถูกทำลายลงในประโยคเดียว ชินชักหน้าเครียด เห็นชัดเจนว่าไม่ยินยอม ความรู้สึกราวกับจะปะทุออกมา แสดงให้เห็นผ่านทางดวงตาแข็งกร้าว เปลี่ยนจากนั่งด้านข้างเป็นยืนจับที่วางแขนกักอีกฝ่ายไว้ภายใน คนถูกคุกคามไม่รู้สึกรู้สา กอดคอนั่งไขว่ห้างแย้มร้อยยิ้มดุจเทพบุตร

   “ฉันจำได้ว่าฉันย้ำกับนายครั้งแล้วครั้งเล่าว่าจะไม่อยู่ห่างจากนายเป็นอันขาด คิดว่านายน่าจะจำได้นะอาชวิน”

   น้อยครั้งนักที่ชินจะเรียกชื่อจริง ซึ่งทุกครั้งที่เรียกแบบนี้บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังไม่พอใจอย่างแรง ผมผ่อนลมหายใจค่อยๆ อธิบายอย่างใจเย็น

   “อย่าเพิ่งอารมณ์เสีย ฉันเลือกแบบนี้เพราะมีเหตุผลนะ”

   อีกคนยอมรับฟังอย่างสงบ แต่ดวงตาคมหรี่ลงอย่างระแวง ยิ่งรวมกับหางตาชี้นี่มันไม่ต่างจากจิ้งจอกตัวร้ายเลยสักนิด ตาจะดุเกินไปแล้ว! มั่นใจเลยว่า หากใครมาเห็นชินตอนนี้ต้องเผ่นหนีกันหมดชัวร์

   “นายเป็นคนเดียวที่มีความสามารถเท่ากับฉัน” ดูเหมือนยังไม่ใช่คำตอบที่น่าพอใจเท่าไหร่ ปมตรงหว่างคิ้วของชินถึงยังไม่คลายออก ผมเลยเสริมต่อ “แล้วยังมีฐานทางบ้านหนุนหลังด้วย คนพวกนั้นหาข้ออ้างบังคับกดดันนายไม่ได้แน่”

   “ถ้าบอกว่าฉันไม่ไป นายจะทำยังไง”

   ชินมองผมอย่างท้าทาย ผมรู้ ลองเขาถามแบบนี้แสดงว่าตกลงไปแล้วมากกว่าครึ่ง เพียงแค่อยากดื้อดึงอยู่เท่านั้นเอง ใช่ว่าผมอยากให้ชินไปแต่ด้วยความจำเป็นอะไรหลายๆ อย่างผมถึงคิดวิธีนี้ออกมา

   บ้านชินมีฐานที่น่าหวั่นเกรง พ่อของชินเป็นเจ้าของธุรกิจชั้นนำมีสาขาที่ต่างประเทศ ส่วนลุงของเขากลับทำงานอยู่เบื้องหลัง ซึ่งผมไม่ขอเล่ารายละเอียดแล้วกัน สังเกตจากนิสัยของชินน่าจะรู้ หมอนี่เป็นหลานรักของลุง แทบจะหมายมั่นปั้นมือให้เป็นผู้สืบทอดแบบควบสองตำแหน่งทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังด้วยซ้ำ ติดที่พ่อผมดันฉกตัวมาก่อนแล้วเจ้าตัวยังติดผมอีกต่างหาก

   ด้วยเหตุนี้คนพวกนั้นไม่กล้าบ่ายเบี่ยงแน่ ต่างกับผม หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายพ่อจะไม่ยอมขยับตัวเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถ้าเขาขยับทีนั่นหมายถึงใครหลายๆ คนเคลื่อนไหวอีกตามเป็นพรวน อีกอย่างพ่อผมอยากให้ผมแก้ปัญหาด้วยตัวเองมากกว่า

   ทุกวันนี้ผมยังทึ่งอยู่เลย พ่อช่วยเหลือคนมากมายตั้งแต่คนพวกนั้นยังอยู่ในโคลนตมจนยิ่งใหญ่ หลายคนมีอำนาจอยู่แล้วยังไม่พ้นมีหนี้บุญคุณกับพ่อ

   ผมเคยถามสาเหตุของเรื่องนี้ พ่อพูดเพียงแค่ว่ามันเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ เมื่อช่วยคนหนึ่งย่อมเกี่ยวข้องถึงอีกคน แผ่ขยายไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด จนถึงทุกวันนี้พ่อก็ยังไม่หยุดที่จะช่วยเหลือคนอื่น ถึงแม้บางครั้งจะไม่ได้ลงมือช่วยด้วยตัวเอง แต่ก็ช่วยเป็นปากเสียงให้เสมอ

   ความสามารถด้านวาทะศิลป์ มันคือพรของตระกูล ‘พจนินท์ เจ้าแห่งถ้อยคำ’ ของเราโดยแท้

   “คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงเงียบไปล่ะวิน”

   ผมหลุบตาลง ก่อนจะมองสบดวงตาอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม

   “แค่คิดไปเรื่อยเปื่อย นายถามฉันว่า ถ้านายไม่ไปฉันจะทำยังไงสินะ” ชินพยักหน้ารอฟังคำตอบจากผม

   “ฉันก็คงจะต้องไปเอง นายก็รู้ดีว่าฉันเป็นพวกบ้างานแค่ไหน บางทีต่อให้พวกนั้นไม่รั้งฉันไว้ ฉันอาจเป็นคนที่ตัดสินใจจะอยู่ที่นั่นต่อก็ได้จนกว่างานจะเรียบร้อย เมื่อถึงเวลานั้นคนที่ลำบากที่สุดน่าจะเป็นนายนะชิน...เลือกสิ ระหว่างนายไปด้วยตัวเองเพียงแค่ไม่กี่เดือน กับฉันไปโดยไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”

   เสียงกระซิบของผู้ที่อยู่เหนือกว่าปีศาจ ช่างมีพลังทำลายต่างกันราวฟ้ากับเหวนรก ภายนอกจะนิ่งเฉยต่างจากนัยน์ตาของชินที่กระตุกวูบอย่างเห็นได้ชัด

   “นายมันร้ายกาจ รู้ทั้งรู้ว่าฉันปฏิเสธนายไม่ได้ นายก็ยังดึงดันที่จะให้ฉันทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการที่สุด”
   
   “ฉันต้องเลือกทางที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง รวมถึงนายด้วย คิดว่ามีแค่นายคนเดียวหรือไงที่ไม่อยากแยกจากกันน่ะ แม้จะแค่ชั่วคราวฉันก็ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับจิ้งจอกของฉันหรอก” สองมือยื่นไปประคองใบหน้าคมคาย เอ่ยปลอบกับคนที่กำลังมองผมด้วยสายตาตัดพ้อ

   “ตอนนี้ฉันยังมีกำลังไม่มากพอที่จะต่อรอง ต่อให้เราเก่งกาจแค่ไหน ความจริงเรื่องการเป็นพนักงานกินเงินเดือนก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ความฝันของพวกเราสามคนที่จะสร้างเกมที่เหนือกว่าใครและทำให้ทุกคนสนุกไปกับมัน จำเป็นต้องพึ่งพวกเขา นายเข้าใจฉันใช่มั้ยชิน”

   พวกผมลงแรงกันไปมาก ความสำเร็จอยู่ใกล้แค่เอื้อม ไม่สามารถทิ้งมันไปได้จริงๆ เงียบไปนานกว่าชินจะยอมเปิดปากพูดอีกครั้ง

   “ได้... ฉันจะทำตามที่นายต้องการ ขอบอกไว้เลยนะว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะยอมแยกจากนาย หลังจากนี้ต่อให้มีใครต้องตายหรือทุกอย่างจะพังทลายลงฉันก็ไม่สน”

   “เข้าใจแล้ว ขอบคุณมาก... ฉันขอให้นายทำงานได้อย่างราบรื่นแล้วกลับมาหาฉันไวๆ หากมีปัญหาจัดการได้เลยด้วยวิธีของนาย ฉันปลดโซ่ให้แล้ว อยู่ที่นั่นนายไม่ได้อยู่ในความควบคุมของฉัน”

   “มันคือคำอวยพรจากซาตานรึเปล่า” ชินถามตาวาววับ

   “จะว่างั้นก็ได้ ว่าแต่นายเข้าใจผิดไปรึเปล่า คนทั่วไปต้องขอพรจากพระเจ้าไม่ใช่รึไง” ผมถามปนขำ หวังว่าชินคงไม่นึกบ้าเปลี่ยนตัวเองไปอยู่ลัทธิบูชาซาตานหรอกนะ ถ้าเป็นงั้นจริงจะจับเข้าวัดซะให้เข็ด จะได้เลิกฟุ้งซ่าน

   “พระเจ้าไม่ได้เป็นแรงใจของฉันสักหน่อยนายต่างหากที่เป็น” เจ้าตัวมองผมด้วยสายตาคาดหวังอะไรบางอย่าง “วิน อย่าคิดนะว่าฉันจะยอมง่ายๆ ก่อนจะไปนายต้อง...”

   ท้ายประโยคไม่ทันพูด ผมยกมือแตะเสียก่อนเพราะที่หน้าประตูมีเสียงแรกของบัน คงจะมาคุยเรื่องงานกับถามเรื่องส่วนตัวอย่างเคย ชินทำหน้าขัดใจ จ้องเขม็งไปทางประตู คงอยากใช้กรงเล็บจิ้งจอกฉีกทึ่งอีกาเป็นหมื่นชิ้น ผมเคยบอกว่าบันเป็นตัวก่อกวนผิดที่ไหน

   “ใจเย็นก่อนสหาย ฉันรู้ว่านายต้องการอะไร”

   ชินเปลี่ยนสีหน้าหันกลับมามองผมทันที ราวกับเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา

   “หมายความว่านายโอเคใช่มั้ย?” อยู่ในเกมคงได้เห็นหางจิ้งจอกส่ายแทบหลุดกันบ้างล่ะ

   “อ่าฮะ แต่หลังจากงานเสร็จนะ อย่าทำหน้าเหม็นเบื่อแบบนั้นสิ ไม่ใช่งานทั้งหมดสักหน่อย เอาเฉพาะงานใหญ่ๆ ที่มีอยู่ตอนนี้ พอถึงวันที่นายจะออกเดินทางเมื่อไหร่ ฉันจะลาหยุดอยู่กับนายเต็มๆ สามวันเลย”

   “น้อยไป ฉันขอหนึ่งอาทิตย์”
   
   เจ้าจิ้งจอก ได้คืบจะเอาศอก คิดจะหือกับเจ้านายงั้นรึ ฝันหวานไปแล้วพวก!

   “สามวัน ถ้านายต่อรองอีก ฉันจะลดให้เหลือแค่สามนาที” วาจาไร้เยื่อใยทำให้จิ้งจอกขัดใจ มีหรือที่ชินจะไม่รู้ว่าวินเองก็อยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันก่อนจะแยกไปไกล ไม่งั้นไม่ลงทุนสละเวลาทำงานอันแสนมีค่าไปหรอก เพื่อลงโทษคนปากแข็ง ชินเลยคว้าอีกฝ่ายมาประกบปากแบบไม่หักห้ามใจอะไรอีก

   เรียวลิ้นไล้ริมฝีปากก่อนแนบสนิท สอดพัวพันดูดดื่มลิ้มรสอีกฝ่ายอย่างกระหายเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ เสียงหอบหายใจสะท้านดังชัดเจนอยู่ในห้อง มีหรือระดับอย่างซาตานวินจะปล่อยให้ลุกล้ำอยู่ฝ่ายเดียว ปฏิบัติการณ์ตอบโต้กลับอย่างไม่น้อยหน้า ก่อนที่อะไรมันจะเตลิดมากไปกว่านี้ ประตูถูกเปิดออกพร้อมคนหนึ่งก้าวเข้ามา

   “โว้ว!! ฉันก็ว่าทำไมพวกนายถึงไม่ยอมเปิดประตูให้ซักที น้อยๆ หน่อยพวก ฉันไม่อยากดูหนังสดในบริษัทตัวเองหรอกนะ”

   โชคดีที่เป็นประตูแบบอัตโนมัติ พอคนเข้ามาก็เลื่อนปิดสนิททันทีไม่ทำให้ลูกน้องในแผนกเห็นฉากพลอดรักของหัวหน้ากับท่านรองภายในห้องทำงาน

   ดวงตาสองคู่ปรายมองตัวมารความสุข ยอมผละออกจากกันแต่โดยดี ยามริมฝีปากถอนออกยังทิ้งน้ำเชื่อมใสระหว่างลิ้นทั้งสองฝ่ายจนบันหน้าขึ้นสี ทั้งที่เขาไม่ใช่พวกอินโซเซ้นท์แท้ๆ แต่เจ้าพวกนี้มันหน้าด้านหน้าทนเกินไป!

   “อะแฮ่ม! ช่วยดึงสติกลับมาแล้วคุยงานกันก่อน ฉันจะมาบอกเรื่องเจ้าพนักงานดวงกุดคนนั้น กับมาทวงคำตอบว่าใครจะไปสาขาต่างประเทศ”

   ผมรับฟังอย่างสงบ ปล่อยให้ชินหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองมาซับน้ำใสตรงมุมปากให้ผม ส่วนตัวเองดันเลียริมฝีปากราวกับไม่อยากจะเสียรสหวานไปแม้แต่เศษเสี้ยว เมินท่าทางหมั่นไส้จากบัน

   “เรื่องแค่นี้นายไม่เห็นต้องมาด้วยตัวเองเลยนี่ ส่งข้อความมาก็ได้”

   “ถ้าฉันส่งข้อความมาคงไม่ได้เห็นหนังสดหรอก...” เสียงพึมพำไม่สามารถเล็ดลอดโสตการรับฟังของพวกเราสองคนได้ พอโดนจ้องมากๆ เข้าเหมือนเพิ่งระลึกว่าหลุดปาก เจ้าตัวทำหน้าเหลอหรารีบเฉไฉไปเรื่องอื่น

   “จะอะไรก็ช่างเถอะ! พวกนายจะบอกฉันได้รึยังว่าใครจะไป” ตัวอย่างกับหมีควายทำสะบัดสะบิ้งมีแต่น่ายันด้วยฝ่าเท้า หากไม่ติดว่าอยู่ในบริษัท เท้าผมคงลอยไปประดับอกของบันมันแล้ว ความจริงเรื่องนี้เบื้องบนไม่ได้เร่งรัดเอาคำตอบสักหน่อย มันหาเรื่องมาหาพวกผมมากกว่า แต่เอาเถอะ ตอบๆ มันไป เผื่อมันจะไปที่ชอบๆ

   “ชินเป็นคนไป”

   “ไม่แปลกใจเท่าไหร่” ลูกเจ้าของบริษัทพยักหน้ารับหงึกหงัก เขาเองก็คิดอยู่ ส่งชินไปน่าจะเป็นความคิดที่ดีกว่า

   “เฮ้อ... ไหนๆ ก็มาแล้วคุยเรื่องงานต่อเลยแล้วกัน ก่อนหน้านี้นายบอกจะมาคุยเรื่องพนักงานคนนั้นใช่มั้ย ฉันเองก็มีเรื่องให้นายไปช่วยพูดกับแผนกอื่นพอดี”

   ผมชวนบันนั่งคุยเรื่องงานกันอย่างจริงจังสามคน หลังปรึกษากันเสร็จ ผมเกริ่นเรื่องที่จะขอลาหยุดสามวัน บันพยักหน้ามองผมสลับกับชินอย่างเข้าใจ ตบบ่าพวกเราก่อนไปทำงานของตัวเองต่อ เห็นแบบนี้เจ้าอีกามีงานไม่น้อยกว่าพวกผมเลย

   ตลอดสามวันในก่อนที่ชินจะขึ้นเครื่อง พวกเราตัดสินใจจะกลับไปใช้เวลาอยู่กับวัต พอตกกลางคืนผมให้เวลาชินเต็มที่ เรื่องทางบ้านชินไม่ต้องเป็นห่วง เพราะผมไล่เขาไปบอกพ่อแม่ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว

   “พี่ชินจะไปพรุ่งนี้ใช่มั้ยครับ”

   น้องชายสุดน่ารักเอ่ยถามพี่ชายที่กำลังจะบินลัดฟ้า ส่วนผมนั่งเล่นอยู่บนโซฟามองวัตกับชินล้างจานอยู่ในครัว รู้สึกผิดเหมือนกันที่ทิ้งน้องชายอยู่บ้านคนเดียว อาทิตย์หนึ่งผมกลับบ้านแค่ไม่กี่ครั้งเองมั้ง ยิ่งอนาคตผมอาจจะสิงสถิตที่บริษัทเลยด้วยซ้ำ ช่างน่าสงสารน้องชายจริงๆ

   “อืม ดูแลวินด้วยนะ อย่าให้ดื่มกาแฟเยอะเกินไป” เจ้าเด็กแสบหัวเราะเสียงใส ผมกลอกตา อย่างกับวัตจะบุกไปถึงบริษัทห้ามผมดื่มกาแฟได้งั้นแหละ

   “พี่ขออะไรที่มันยากเกินไปแล้ว! บอกให้ผมช่วยดูแลบ้านดีๆ ยังจะง่ายซะกว่า”

   น้องชายผมช่างเป็นพ่อศรีเรือนอะไรขนาดนี้ อยู่ประถมก็ทำอาหารเป็น งานบ้านเนี๊ยบยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก ใครได้เป็นแฟนสบายตายเลย แต่เจ้าแฟนคนนั้นมันต้องผ่านผมกับชินหลายๆ ด่านหน่อยล่ะนะ! ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม

   “วัต ล้างจานเสร็จแล้วขึ้นไปอาบน้ำนอนซะ พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่รึไง”

   ผมออกปากไล่หลังเห็นนาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่ม

   “ผมไม่ใช่เด็กอนามัยนอนแต่วันสักหน่อย แต่เห็นแก่พวกพี่อย่างมีเวลาส่วนตัวสองต่อสอง ผมจะเป็นเด็กดีสักวัน เข้าห้องปิดไฟนอนไม่แอบดูแอบฟังอะไรแล้วกัน”

   เด็กทะลึ่งแลบลิ้นหลังโดนชินมะเหงกใส่ ผมลุกขึ้นไปคว้าคอมากอดขยี้หัวให้ยุ่งเป็นรังนกด้วยความหมั่นไส้แล้วเตะส่ง(แบบออมแรงสุดๆ)ให้ขึ้นไปชั้นบน ข้างล่างจึงเหลือเพียงผมกับชิน

   “ชิน ไปอาบน้ำห้องฉันไป พรุ่งนี้นายเองก็ต้องตื่นเช้า เดี๋ยวฉันล็อกบ้านเอง”

   ออกปากสั่งด้วยความเคยชิน ยังไม่ทันจะเดินไปถึงประตูบ้าน ใครบางคนก็เข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง ริมฝีปากร้อนแนบจูบรอยสักแมวฝีมือนายบันแถวท้ายทอยของผมเล่นเอาขนลุกซู่จนต้องแทงศอก อีกฝ่ายดันรู้ทันถอยฉากหลบหัวเราะในลำคอ

   “ใจร้าย คนจะไปอยู่พรุ่งนี้ ช่วยอ่อนโยนกันหน่อยสิ”

   “พูดมากหน่า จะเอามั้ยคืนนี้”

   “เอาสิ! เดี๋ยวฉันจะรีบขึ้นไปอาบน้ำตัวหอมๆ นอนรอนายบนเตียงนะ อย่าช้านักล่ะคุณซาตาน ช่วยมอบกำลังใจให้อัศวินคนนี้ก่อนออกเดินทางหน่อย”

   มือหนารั้งใบหน้าผมไประดมจูบแล้วเผ่นขึ้นชั้นบนตามวัตไป ผมยกแขนเช็ดนายลายบนหน้า นี่สินะที่เขาเรียกว่า เล่นกับหมา หมาเลียปาก ต่างแค่ไม่ใช่หมาธรรมดา แต่มันคือหมาจิ้งจอกตัวร้าย ผมส่ายหัวระอาอาการกระดี้กระด๊าจนเกินเหตุของชิน แกล้งเดินทอดน่องปิดประตูเชื่องช้า คุยกับเพื่อนข้างบ้านที่เพิ่งกลับ เช็คหน้าต่างทีละบาน กว่าจะเสด็จได้กินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง

   เปิดประตูห้องปุ๊บ จังหวะเดียวกับที่ชินกำลังจะออกมาพอดี ประเด็นคือมันออกมาตัวเปล่า เปล่าจริงๆ เปล่าเปลือย! ไอ้จิ้งจอกบัดซบ!! ผมยกเท้ายันกล้ามพุงมันเข้าไปในห้อง หันไปมองประตูห้องวัตที่อยู่ติดกันแบบหวาดๆ พอเห็นว่าสงบไม่มีวี่แววของน้องชายค่อยถอนหายใจโล่งอก ถ้าเกิดน้องผมเจอภาพอุจาดตาจนนอนไม่หลับ ผมจะกระทืบชินเป็นของฝากก่อนจาก

   “อย่าใจร้ายนักสิ ทำไมนายมาช้าจัง”

   พูดอย่างเดียวก็พอ ไม่ต้องกอดขาผมแล้วลูบขึ้นบน ผมชักขากลับสงบสติอารมณ์ไม่ให้ก้านคอคน

   “ไม่อาบผีสางเทวดาเลยรึไง”

   “ก็บอกแล้วว่าจะอาบน้ำนอนรออย่างดี นี่ไงเปิดแอร์เย็นฉ่ำแบบที่นายชอบ”

   “อาบน้ำก่อนค่อยว่ากัน” ผมโบกมือไล่พลางถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก ชินแสนอารมณ์ดีอาสาจะอาบน้ำให้ผม ช่วงแรกยังอาบน้ำกันดีอยู่ ผ่านไปไม่กี่นาทีมือจิ้งจอกเริ่มเลื่อยเปลี่ยนสปีชีส์เป็นหนวดปลาหมึก ผมแสยะยิ้มมุมปาก กระชากแขนคนที่อยู่ขอบอ่างในลงมาแช่ด้วยกัน

   ปลุกปล้ำจนน้ำกระฉอกนองพื้นห้องน้ำ ปล่อยตัวปล่อยใจใช้เวลาเต็มที่กับชิน ทิ้งเรื่องราวทุกอย่างไว้เบื้องหลังให้หมด สนใจเพียงสัมผัสที่มอบให้

   ยามอยู่บนเตียง ใต้แสงไฟที่ส่องเข้ามาผ่านทางหน้าต่าง ดวงตาสองคู่มองสบ ร่างกายเร่าร้อนจนแทบลุกไหม้ ได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจสะท้านกับเสียงขยับกายสร้างความสุขสมจนแทบหลอมละลาย

   “ชิน...”

   “ฉันจะรีบกลับมา” ริมฝีปากแนบจุมพิตหน้าผากชื่นเหงื่อ ปอยผมเปียกชื้นถูกปัดออกเพื่อให้เห็นใบหน้าชัดเจนก่อนร่างกายจะถูกอีกคนผลักวูบย้ายมาอยู่ด้านล่าง เปลี่ยนชายผมทองให้เป็นผู้คุมเกม

   “ตั้งใจทำงานล่ะหนูน้อย”

   “อืมม.. รับทราบ”

   แทนรางวัลของเด็กดี ปลายนิ้วเรียวเชยคางมอบจูบหวานล้ำ  ขยับกายสร้างความวาบหวานต่อจนเกือบรุ่งเช้า... เมื่อถึงเวลา จิ้งจอกหนุ่มจำต้องผละจากความอบอุ่นจากเรือนร่างของอีกคน อาบน้ำชำระกายสวมเสื้อผ้าทับรอยแต้มแดงทั่วร่างกาย

   ก่อนไปยังวนเวียนอยู่ภายในห้อง เตียงนุ่มยุบลงตามน้ำหนักตัว ร่างสูงโน้มกายลงจุมพิตริมฝีปากหยักสวย

   “Morning sweet heart.”

   ไออุ่นผละจากไป เสียงประตูปิดบ่งบอกว่าใครอีกคนกำลังจะออกเดินทาง ดวงตาที่ปิดสนิทเปิดออกเผยให้เห็นแววตาลึกซึ้ง

   “Good luck darling.”


ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
รักกันแบบโหด

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อยากอ่านแรกรัก ของวิน ชิน อ่ะ นะ นะ ขอร้องละ   :ling1:
รอตอนใหม่  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
อยากอ่านแรกรัก ของวิน ชิน อ่ะ นะ นะ ขอร้องละ   :ling1:
รอตอนใหม่  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

กำเนิดซาตานวินก็เป็นเรื่อวราวของชินวินตั้งแต่เด็กยันโตนะครับ เปิดอ่านที่สารบัญหน้าแรกได้เลย

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Part11 ไออุ่น

   ชินไปแล้ว เหลือแค่ผม...

   ผมเลือกที่จะไม่ไปส่งชินที่สนามบิน เพราะหากไปไม่ผมก็มันคงตัดใจกันไม่ได้ ชินเองรู้เรื่องนี้ดีถึงออกจากบ้านแต่เช้า ลาผมที่กำลังนอนหลับ พวกเราอยู่ด้วยกันมาตลอดตั้งแต่เด็กยันโต ไม่เคยห่างกันเกินหนึ่งอาทิตย์ คราวนี้ชินต้องไปเป็นเดือนหรืออาจจะเป็นปี บอกตามตรง ผมใจหาย

   แต่ทำยังไงได้ ผมเป็นคนบอกให้เขาไปเอง ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา การมานั่งคร่ำครวญอ่อนไหวนั่นมันเรื่องไร้สาระสู้เอาเวลาไปเคลียร์งานดีกว่า

   เสียงผ่อนลมหายใจดังขึ้นหลังคิดตก เจ้าตัวผุดลุกจากที่นอน ทิ้งผ้าห่มร่วงลงกองบนตัก ผิวกายขาวมีรอยแต้มแดงระบายอยู่ทั่วราวกับเป็นผลงานของจิตกรชั้นเอก ใบหน้าแฝงความอิดโรย เรือนผมทองยุ่งเหยิงปลกดวงตาปรือปรายให้ดูซ่อนเร้นน่าค้นหา แม้จะทำงานอยู่หน้าจอแต่รูปร่างสมส่วนพอมีกล้ามเนื้อไม่แห้งลีบหรืออวบอ้วนเหมือนคนอื่นในสายงานเดียวกัน

   “พี่วิน!”

   เสียงตะโกนและเสียงตึงตังจากฝีเท้าคนตื่นสายวิ่งขึ้นมาบนชั้นสอง เปิดประตูห้องนอนพี่ชายแบบไม่เกรงใจ รีบพูดรัวด้วยความเร่งรีบ ก่อนเสียงทิ้งช่วงเบาลงในท้ายประโยค

   “ผมจะไปเรียนแล้วนะ ข้าวเช้าอยู่บน...โต๊ะ”

   ภาพพี่ชายนั่งบนเตียงหน้าอึนบนเตียงในสภาพเปลือยเปล่า ผ้าห่มปิดหมิ่นเหม่แถวสะโพกน่าหวาดเสียว น้องชายกลืนน้ำลายอึกด้วยความหวาดหวั่น หากใครมาเห็นพี่ชายในสภาพนี้ร้อยทั้งร้อยต้องพุ่งเข้าไปกระทำชำเราเป็นแน่แท้ พี่ชินฝากฝังให้ดูแลอยู่ด้วยสิ ไม่งั้นเดี๋ยวอดของฝากจากต่างแดน

   “อย่ามัวทำหน้าง่วงอยู่พี่ ลุกขึ้นเร็ว ไปอาบน้ำแต่งตัวล้างหน้าแปรงฟันมากินข้าว ถ้าจะนอนค่อยนอนต่อที่หลัง ไม่สิ พอกินเสร็จแล้วต้องนั่งพักก่อนสักชั่วโมงแล้วค่อยนอนนะ เดี๋ยวเป็นกรดไหลย้อน”

   เปลี่ยนร่างน้องชายกลายเป็นแม่ วัตทำใจปลงว่าวันนี้ต้องไปสายแน่ๆ เดินเข้าไปฉุดแขนคนสูงกว่าให้ลุกขึ้น อีกคนช่างไม่ให้ความร่วมมือนั่งนิ่งไร้การเคลื่อนไหว

   “จะไปเรียนก็ไป”

   มือใหญ่จับหัวทุยโยกไปมา

   “แล้วพี่ล่ะ” วัตถามด้วยความเป็นห่วง เกิดอะไรขึ้นไม่รู้ รู้แต่ว่าพี่ชินออกไปด้วยใบหน้าสดชื่นส่วนพี่ชายตัวเองมานอนเปื่อยเป็นผักอยู่ตรงหน้า

   เห็นพี่ชายทั้งสองแสดงความรู้สึกลึกซึ้งต่อกันมาตั้งแต่จำความได้ เลยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทั้งสิ้นยามเห็นพี่วินในสภาพนี้ ออกจะมองว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาเสียด้วยซ้ำ ในอนาคตวัตคงนึกขอบคุณพวกพี่ที่สร้างภูมิต้านทานให้จนสามารถต่อกรกับเจ้าเด็กกลได้โดยไม่เพลี่ยงพล้ำ

   “ขอนอนอีกสักตื่น วัตไปเรียนซะ เดี๋ยวสาย”

   เสียงยามเพิ่งตื่นอู้อี้แหบพร่า พร้อมกับร่างกายที่ค่อยๆ ไหลลงไปนอนห่มผ้าตามเดิม ทีแรกเจ้าตัวคิดจะตื่นไปทำงาน พอลุกขึ้นนั่งร่างทั้งร่างพร้อมใจกันประท้วงแสดงอาการปวดเมื่อยออกมา อย่าว่าแต่ไปบริษัทเลย แค่ลุกจากเตียงก็ลำบากแล้ว คงต้องโทรไปขอลาหยุดอีกสักวัน

   “พี่ไหวแน่นะ ไม่สบายรึเปล่า”

   วัตใช้มือปัดผมด้านหน้าขึ้น แนบหน้าผากกับพี่ชายเพื่อวัดไข้ ก่อนจะคลายปมตรงหัวคิ้ว ไม่มีไข้ โดยรวมเหมือนคนนอนไม่พอกับอ่อนเพลียเท่านั้น

   “พี่ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก แต่ถ้าเรามัวโอ้เอ้ พี่มั่นใจว่าอาจารย์ต้องทำให้เรางานเข้าแน่ๆ”

   ถูกพี่ชายขู่มาแบบนี้ วัตจำต้องถอย กวาดตามองสำรวจรอบสุดท้ายแล้วขอตัวไปมหาลัยในที่สุด

   ผมนอนหลับยาวจนเกือบเที่ยงค่อยฟื้นสภาพลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวลงมาชั้นล่าง เห็นถ้วยข้าวต้มปิดแรปอยู่บนโต๊ะพร้อมกระดาษโน๊ตจากน้องชายหนึ่งแผ่น ให้ดึงแรปทิ้งก่อนเอาเข้าไมโครเวฟเพื่ออุ่นกิน วัตไม่เสี่ยงให้พี่ชายเปิดเตาอุ่นข้าวต้มแน่นอน เพราะเขายังไม่อยากกลับมาเก็บกวาดห้องครัวครั้งใหญ่

   ผมใช้เวลาหยุดหนึ่งวันสำหรับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ พอวันต่อมาก็กลับไปทำงานทันที ไม่คิดหยุดเพิ่มตามที่บันเสนอ เพราะอยู่บ้านผมก็ไม่รู้จะทำอะไร ในเมื่อคนที่เป็นลูกมือผมไม่อยู่ จะทำคนเดียวก็น่าเบื่อ ขนาดที่บริษัท อะไรๆ ก็ไม่ค่อยได้ดั่งใจเท่าไหร่

   ชายผมทองนั่งทำหน้าหงุดหงิดอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ขนาดอัคคีที่ว่ารับหน้าได้ดีที่สุดรองจากชินยังมีอาการทำตัวไม่ถูก

   “ตรงนี้ฉันบอกให้แก้แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมผลมันยังออกมาเป็นแบบเดิมอีกล่ะ แล้วนี่อะไร เกมจะเปิดตัวอยู่แล้ว ใครมันบ้าสร้างอะไรเพิ่มอีก มีใครติดต่อไปแผนกบุคคลรึยัง เล่นโยกย้ายพนักงานแบบนี้พวกเราประสานงานลำบากนะ!” ผมบ่นอย่างหัวเสียหลังอ่านรายงานทั้งหมดที่อยู่บนหน้าจอ

   “ชินขอกาแฟหน่อย ถ้าไม่ดื่มฉันทำงานต่อไม่ได้แน่” สั่งด้วยความเคยชิน มีเพียงความเงียบเป็นเสียงตอบรับ เหล่าลูกน้องในแผนกพากันมองหัวหน้าตาปริบๆ คนพูดเหมือนเพิ่งจะรู้ตัวว่าหลุดอะไรออกไปยกมือลูบหน้าผ่อนลมหายใจหนัก ปรับน้ำเสียงจากฉุนเฉียวเป็นระดับปกติ

   “อัคคีสรุปผลการปรับปรุงเกมมาให้ฉันด้วย วายุ วาโย พวกนายเลิกสร้างเรื่องเพิ่มได้แล้ว ไปช่วยพี่มะลิแก้ไขระบบซะ พี่มะลิผมฝากคุมเจ้าแฝดที จ่ายงานให้พวกพนักงานไอทีกลุ่มอื่นๆ ด้วย”

   ทุกคนจดจำคำสั่งไม่มีใครกล้าขัดแม้แต่คนเดียว ขนาดแฝดที่ชอบทำอะไรนอกลู่นอกทางยังสงบเสงี่ยม

   “ให้พี่ไปชงกาแฟให้มั้ยคะ”

   พี่มะลิเสนอด้วยความหวังดี ผมแค่ยิ้มรับแล้วส่ายหัว

   “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานเถอะ”

   เจ้าของเรือนผมสีทองอ่อนลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปยังโซนพักผ่อน ทุกคนมองตามแผ่นหลังที่ดูโดดเดี่ยวจนเลี้ยวหายไปตรงหัวมุม

   “ตั้งแต่รองหัวหน้าไม่อยู่ บอสอาการหนักขึ้นทุกที ปล่อยไว้แบบนี้จะไม่เป็นไรเรอะ” วาโยเอ่ยปากอย่างกังวล

   “งานทุกอย่างก็ไม่มีปัญหาหนิ ไม่เป็นไรหรอก...มั้ง” อัคคีพูดไม่เต็มเสียงนัก

   “ไม่มีสิ่งใดเยียวยาได้ที่เท่าครอบครัว คงต้องบอกให้หัวหน้ากลับบ้านไปให้น้องชายเยียวยาจิตใจ” หญิงสาวยกมือแตะแก้ม อีกสามหนุ่มมองด้วยสายตาคัดค้าน หัวหน้าไม่ได้อกหักซักหน่อย!

   ฝั่งคนที่โดนเป็นห่วงกำลังลงมือชงกาแฟเงียบๆ เพียงลำพัง กลิ่นหอมของกาแฟทำให้ใจสงบ พอยกขึ้นจิบ รสชาติมันช่างแตกต่างจากเวลาที่อีกฝ่ายชงให้

   พวกเขาแทบไม่ได้ติดต่อกันเลย เพราะต่างคนต่างยุ่งวุ่นวายกับงาน ยิ่งทางนั้นกำลังวางฐานระบบสำหรับเกมนี้ ทำให้ชินงานยุ่งเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ขนาดเวลานอนยังแทบไม่มี ผมเลยติดต่อกับชินผ่านทางเมล์เท่านั้น เนื้อหาในข้อความส่วนใหญ่จะเล่าว่าที่นั่นเป็นยังไง ทำอะไรไปแล้วบ้าง ผสมกับบ่นอีกนิดหน่อย ปิดท้ายด้วยวาจาหวานเลี่ยนซึ่งโดนผมตอกกลับอย่างไร้เยื่อใยเป็นประจำ

   เจ้าจิ้งจอกไม่เคยสำนึก นับวันยิ่งพิมพ์ข้อควานชวนอ้วกมากขึ้นทุกที พอดีเลย วันนี้ยังไม่ได้ตอบข้อความกลับ แกล้งสักหน่อยเพื่อให้ชีวิตสดใสดีกว่า

   นิ้วยาวจัดการรัวพิมพ์ข้อความบนมือถือแล้วกดส่ง ก่อนจะกลับไปทำงานต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   ฝั่งคนรับเพิ่งผละจากการคุยงานพอดี หยิบมือถือขึ้นมาเช็คตามความเคยชิน เห็นแจ้งเตือนข้อความใหม่ หากเป็นคนอื่นเจ้าตัวคงปิดทิ้งไม่สนใจ ไว้ค่อยเช็คเอาตอนช่วงพัก แต่สำหรับคนๆ นี้ไม่ได้เด็ดขาด

   สิ่งที่เห็นคือข้อความสั้นๆ แต่มีพลังทำลายล้างสูง เกือบทำให้จิ้งจอกหนุ่มอยากจะเหาะกลับเมืองไทยมันเดี๋ยวนั้น

   ‘คิดถึง

   มือหนาร้อนรนผิดวิสัย รีบกดวีดีโอคอลโดยไม่สนใจคนที่เดินผ่านไปผ่านมากำลังมองมาทางเขาอย่างงุนงง ภาพลักษณ์หนุ่มมาดขรึมไม่ควรตอแยสลายหายไปชั่วพริบตา

   รอไม่นานก็มีคนรับสาย จอภาพขนาดเล็กฉายให้เห็นใบหน้าที่ชวนคิดถึง วินไม่แปลกใจเลยสักนิดที่อีกฝ่ายแทบจะติดต่อกลับมาทันทีหลังส่งข้อความไป

   “ว่าไง”

   ผมทักด้วยรอยยิ้มสมใจหลังเห็นสีหน้ากระวนกระวายของจิ้งจอก

   /นายเล่นส่งข้อความมาแบบนี้ฉันก็แย่สิ/

   ชินโอดครวญทันที เห็นว่ากำลังเดินอยู่ คงหามุมคุยอย่างสงบ พวกเขาคุยกันเป็นภาษาไทยเพื่อความเป็นส่วนตัว

   “แทนความรู้สึกจากใจของฉันเชียวนะ” ยังคงรังแกต่อ แม้จะโดนตาดุๆ ของชินจ้องเขม็งกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   /นายนี่มัน...เฮ้อ ที่นั่นเป็นไงบ้าง คงไม่ใช่ว่านายเอาแต่ดื่มกาแฟหรอกใช่ไหม/

   “ก็อยากทำแบบนั้นอยู่นะ ติดตรงที่พอไม่ใช่นายทำมันไม่อร่อยเอาซะเลย”

   ทั้งคู่ไม่พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่มองนิ่งแสดงถึงความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้ผ่านทางแววตา ผ่านไปสักพัก ชินเป็นฝ่ายเปิดปากก่อนเพราะตอนนี้มีคนเรียกเจ้าตัวแล้ว

   /ฉันจะตั้งใจทำงาน แล้วเจอกันนะวิน/

   “อืม...แล้วเจอกัน”

   ต่างคนต่างกดวางสายไม่เสียเวลาอาลัยอาวรณ์แล้วหันกลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง ในเมื่องานเสร็จเร็วเท่าไหร่ ยิ่งได้เจอกันไวขึ้นเท่านั้น บรรดาลูกสมุนในแผนกเฝ้ามองท่าทางของหัวหน้าตลอด สุดท้ายพี่มะลิต้องเป็นตัวแทนคนอื่นเข้ามาพูดกับหนุ่มผมทอง

   “ฉันว่าหัวหน้ากลับไปอยู่บ้านดีไหมคะ โหมทำงานแบบนี้เดี๋ยวสุขภาพจะเสียเอา” จะได้กลับไปดามใจไม่แผ่ออร่าทะมึนปกคลุมแผนกแบบ ขนาดชั้นบนกับชั้นล่างยังไม่กล้าทำอะไรเสียงดังเลย กลัวรบกวนท่านซาตานที่ไร้จิ้งจอกข้างกาย

   ดวงตาสีเทามองผ่านพนักงานสาวไปยังประตูห้องที่มีพนักงานอีกสามคนเกาะรอดูผลอยู่ ใช่ว่าผมไม่รู้ถึงเจตนาของพวกเขา แค่ไม่อยากเปิดโป่งให้อกสั่นขวัญผวากันเท่านั้นเอง นึกๆ ดูกลับบ้านก็ดีเหมือนกัน ทู่ซี้อยู่บริษัทไปก็ไม่ช่วยให้ชินกลับมาไวขึ้น

   ผมตัดสินใจทำตามคำแนะนำของพี่มะลิ จะว่าไปก็รู้สึกผิดกับวัตเหมือนกันที่ทิ้งให้อยู่คนเดียว กลับไปดูบ้างก็ดี เดี๋ยวกลายเป็นเด็กมีปัญหาขึ้นมาจะยุ่งเอา

   ด้วยความที่บริษัทอยู่ในเมือง ส่วนบ้านอยู่ซะชานเมือง กว่าจะกลับถึงบ้านก็ตอนค่ำ สิ่งแรกที่ต้อนรับคือกลิ่นหอมของอาหาร ไขประตูเข้าไปเห็นน้องชายกำลังง่วนอยู่กับหม้อสุกกี้ ความเป็นห่วงน้องชายในตอนแรกปลิวหายไปกับสายลม

   เด็กบ้านี่มันเหงาที่ไหน! ยิ้มหน้าระรื่นทำสุกกี้กินคนเดียวสบายใจเฉิบ

   “อ้าวพี่วิน ลืมของเหรอ”

   “ไม่ใช่...พี่จะกลับมาอยู่บ้าน”

   “ฮะ! พี่ไม่สบายเหรอ” น้องชายตาโตรีบผละจากหม้อยกมือแตะหน้าผากวัดไข้ไม่ได้ดูสีหน้าของพี่ชายเลยสักนิด

   เจ้าเด็กคนนี้...จัดการคว้าคอใช้กำปั้นยีหัวด้วยความหมั่นไส้ เกิดเป็นเสียงหัวเราะในบ้านอันเงียบเหงา แม้ว่าวัตจะแสดงท่าทางขี้เล่นแบบนี้ออกมา แต่ผมเชื่อว่าน้องกำลังดีใจที่ผมกลับมาอยู่บ้าน ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดมากกว่าเดิม ทั้งที่ผมรักน้องชายมากที่สุดแท้ๆ กลับสนใจงาน นึกถึงแต่เรื่องชินซะได้

   วงแขนเปลี่ยนจากการล็อกคอเป็นรวบกอด ถูแก้มกับหัวทุยของน้องชาย

   “โทษทีนะที่พี่ไม่ค่อยมีเวลาให้”

   “ไม่เอาหน่า ผมเข้าใจว่าพี่งานยุ่ง อีกอย่างผมจะขึ้นปีสามอยู่แล้ว ไม่ใช่เด็กประถมสักหน่อย” วัตหันหน้าเข้าหาตบหลังพี่ชายปุๆ “พี่มาได้จังหวะเหมาะเลย ผมกำลังจะกินสุกกี้ แต่ดูน้ำจิ้มไม่พอเดี๋ยวผมออกไปซื้อที่เซเว่นให้” น้องชายเดินนำคนพี่ไปนั่งที่โต๊ะอย่างอารมณ์ดี น้ำซุปเดือดปุดๆ ผักสดล้างสะอาด พร้อมเนื้อหั่นเป็นชินจัดใส่จานสวยงาม

   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปซื้อเอง จะเอาอะไรเพิ่มอีกรึเปล่า” วัตเตรียมของกินขนาดนี้ ผมจะนั่งสบายปล่อยให้น้องเดินไปเซเว่นค่ำมืดได้ยังไง

   “ไม่มีครับ พี่อยากกินอะไรก็ซื้อมาแล้วกัน”

   ใบหน้าหล่อเหลาผงกหัวรับ มือถอดไทดึงชายเสื้อถอยจักรยานแม่บ้านไปเซเว่นหน้าหมู่บ้าน ขาไปใช้ทางหลัก ส่วนขากลับนึกคึกเลือกทางลัดที่เคยใช้ในสมัยเด็ก ถือว่าเป็นการระลึกความหลังไปในตัว อาศัยแสงจากหลอดไฟมองสำรวจโดยรอบ

   เสียงขวดกระทบกับตะกร้าดังขึ้นเป็นระยะ ปล่อยสายลมพัดผ่านใบหน้า จู่ๆ กลับมีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา ผมมองซ้ายขวาหาต้นเสียง มันเป็นเสียงเล็กๆ ของลูกสัตว์ดังมาจากกองขยะที่ชาวบ้านเอามาสุมเตรียมให้รถเก็บวันพรุ่งนี้ ด้วยความสงสัย ผมเลยจอดจักรยานเดินไปดูให้มันรู้แล้วรู้รอด

   อาศัยไม้กวาดหักๆ แถวนั้นเขี่ยกองขยะหาต้นเสียง กระทั่งเจอเข้ากับก้อนขนสีหม่นหมองดูสกปรกอยู่หลังถุงดำ ลองเอาไม้จิ้มดูเจ้าก้อนขนดันขยับหลบลึกเข้าไปมากกว่าเดิม

   “ลูกหมา? ลูกแมว?? ตัวอะไรหว่า”

   เพราะไม่อยากให้เสื้อเปื้อนเลยใช้ไม้เขี่ยกะจะเกี่ยวเจ้าก้อนนี้ให้ออกมาจากซอกถุง สิ่งมีชีวิตตัวจ้อยช่างไม่ให้ความร่วมมือ ยื่นมือมาตะปบใส่ปลายไม้ด้วยแรงเบาหวิว เสียงแหลมเล็กร้องอย่างประท้วง

   “แง้ว!”

   “แมว!?”

   ลังเลอยู่ชั่วครู่ เอาวะ ผมไม่ได้ผ่านมาแถวนี้บ่อยๆ มาเจอกันแบบนี้แสดงว่ามีชะตาต้องกัน จะช่วยหน่อยก็ได้ ถือว่าเมตตาสัตว์โลก สองมือพับแขนเสื้อยกถุงขยะหลบไปด้านข้าง หากใครมาเห็นคงกลายเป็นเหตุการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแหงๆ ผู้ชายหน้าตาดีกำลังคุ้ยขยะในตอนกลางคืน

   “เจ้าหนู ฉันมาช่วย เสนอหน้าออกมาอย่าขยันหลบนัก ก่อนที่ฉันจะโมโหเอาด้ามไม้กวาดแทงเป็นลูกชิ้นแมว!”

   ผมเริ่มจะหงุดหงิดกับสิ่งมีชีวิตตัวจ้อยที่ขยันหลบเหลือเกิน ยกถุงนี้ หลบไปถุงนู่น ขยะก็เหม็นเกินจะทานทน ทำไมมันไม่รู้จักแยกขยะเหมือนน้องชายสุดที่รักของเขานะ อะไรก็รวมกันในถุงเดียว ทั้งขยะแห้ง ขยะเปียก เศษอาหารแย่ที่สุด ยังไม่นับรวมน้ำขยะที่ไหลออกมาตามพื้นเพราะถุงรั่วอีก

   งมวุ่นวายอยู่สักพัก ในที่สุดมือยาวก็ยื่นเข้าไปจับก้อนขนออกมาได้สักที ลูกแมวขนยุ่งเหยิงขมุกขมัว คาดว่าสีเดิมน่าจะเป็นสีขาว ร่างเล็กๆ ในฝ่ามือสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวจนน่าสงสาร สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ไร้พิษภัย แต่ถูกกฎของธรรมชาติทำร้าย ร่างกายผอมบางดูอ่อนแอ คงโดนแม่คัดออกจากคอกเลือกเฉพาะตัวที่แข็งแรงกว่า

   ถึงแบบงั้น ดวงตาคู่นี้ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต สี่เท้าเล็กๆ พยายามช่วยเหลือตัวเองสุดชีวิต เห็นแบบนี้แล้วจะทอดทิ้งไปได้ยังไงกัน มือหนาโอบประคองแนบอกเมินเฉยต่อความสกปรกและกลิ่นเหม็นจากขยะ

   ผมตัดสินใจพาเจ้าตัวเล็กกลับบ้านไปด้วยกัน เรียวปากปรากฏรอยยิ้มบาง เอ่ยปลอบโยนด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน

   “ไปอยู่กับฉันนะ”

   เพียงประโยคสั้นๆ ที่มันฟังไม่เข้าใจ แต่สัมผัสที่ได้รับนั่นมันมากกว่าอะไรทั้งหมด ดวงตาสองสีสั่นไหว ซุกกายขดหางกับอ้อมอกอุ่นโอบล้อมด้วยกลิ่นหอมจาง หูเล็กกระดิกฟังเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะทำให้รู้สึกสงบ สายลมในยามกลางคืนไม่สามารถทำให้มันเหน็บหนาวเหมือนอย่างเคย

   ในโลกของมนุษย์ การหยิบยื่นนำใจเช่นนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยนัก แต่ในโลกของสัตว์ที่โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพิง อีกฝ่ายไม่ต่างจากโลกทั้งใบ

   “มี้...”

   ลิ้นเล็กเลียมือที่โอบอุ้ม ร้องเสียงใสเพื่อแสดงความขอบคุณ ชายที่เปรียบเสมือนแสงสว่างหัวเราะเสียงทุ้มกังวานน่าฟังพร้อมรอยยิ้มที่ระบายอยู่เต็มใบหน้า ดวงตาสีเทามองอย่างเอ็นดู ภาพอันงดงามนี้ มันจะจดจำสลักลึกลงในใจไปจนวันตาย ชายผู้มอบชีวิตใหม่ให้กับมัน...

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลับมาแล้ว หลังจากหายไปทำธุระมาหนึ่งอาทิตย์
ผมขอแนะนำให้กดติดตามเพจไว้นะครับ เพราะที่นั่นจะแจ้งข่าวการเคลื่อนไหวทุกอย่าง
ว่าผมหายไปไหน จะอัพตอนใหม่เมื่อไหร่ แถมมีพวกโมเม้นสั้นๆ ของนิยายด้วย(มีเฉพาะในเพจ)
>>Silver Fish<<
^
ลิงค์เพจจ้า

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
นายท่านนนนนนนนนนนน
คู่แข่งพี่ชินโผล่มาแล้วววววววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด