Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]  (อ่าน 287627 ครั้ง)

ออฟไลน์ ben

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-3
กรี๊ดดดด ตอนท้ายนี่ใครงะ ต่อคะต่อ

ออฟไลน์ เลิฟลี่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ค้างๆ เจ้าพวกที่จะมาเชิญตัวนี่ใครรร

คนเขียนมาต่ออีกนะ คนอ่านรอ

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
ไวไวไม่ต้องไปแก้คำสาปหรอก อยู่แบบนี้น่ารักดี

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.14 ข้อตกลง

   พวกผมที่ออกไปแห่ในเมืองกันเล่นๆ ในที่สุดก็หลบสายตาผู้คนจนกลับมาถึงห้องพักได้อย่างปลอดภัย โดยมีกลคอยบอกตำแหน่งจากช่องสื่อสารของปาร์ตี้

   โรงแรมที่พวกเราพักไม่ได้หรูหราอะไรมากมาย อยู่ในระดับธรรมดา หารตังกันออกตามความเห็นของทุกคน ตัวอาคารสร้างจากทรายสีขาวตามชายหาด ที่ไม่รู้ใช้วิธีอะไรในการคงตัวให้มันอยู่เป็นอาคารได้ ตกแต่งด้วยเปลือกหอยต่างๆ ภาพวาดสวยงาม ถือว่าใช้ได้ทีเดียว

   “แล้ว...พวกเราแบ่งห้องกันยังไงล่ะ”

   ผมมองหน้ากล พ่อหมาป่าหนุ่ม ยืนหล่อให้สาวมองน้ำลายหกอยู่หน้าเคาน์เตอร์ หางเป็นพวงส่ายไปมา สีหน้าเรียบนิ่งปกติ ก้าวเข้ามายืนข้างผมทันทีที่ผมย่างกรายเข้ามาภายในโรงแรม

   “นอนรวมกันหมด มีสองเตียงใหญ่ แบ่งกันเตียงละสองคน” พวกเราพยักหน้าเข้าใจ ไม่ใช่ว่างบไม่พอ อย่างว่า ที่นี่เป็นเมืองท่าสำหรับการค่าขาย และจุดแวะพักของพวกนักเดินเรือ จะคนเยอะห้องเต็ม มีห้องใหญ่ให้นอนนับว่าโชคดีแล้ว

   “ฉันนอนกับไวไวเอง พวกนายนอนด้วยกันไป ตอนนี้กินข้าวกันเถอะ จะได้ขึ้นไปพักผ่อน”

   ลินออกความเห็นแกมบังคับทางสายตา ตอนเธอเป็นผู้หญิง ผมไม่รู้สึกกลัวสายตาของเธอเลยสักนิด ออกจะน่าขำซะด้วยซ้ำไป มีผู้หญิงมาถลึงตาใส่ แต่พออยู่ในมาดชายเต็มขั้น ดวงตาคมๆ คู่นั้น จ้องมาทีเล่นเอาขนลุกซู่ ขยับตัวหลบหลังกลแบบเนียนๆ

   “เชิญตามสบาย ฉันไม่คิดแย่งเวลากอดตุ๊กตากระต่ายแคระของเธอ เอ๊ย นายหรอก”

   “ใครเป็นตุ๊กตาฟะ อย่าให้กลับร่างเดิมได้นะเว้ย จะเอาคืนให้หงายเลย” กระต่ายแคระพ่นไฟใส่ผม ผมยักไหล่ไม่สนใจ เดินนำทีมไปหาโต๊ะนั่ง รับเมนูจากพนักงานร้านมาสั่งอาหาร

   แม้ผมจะเป็นแวมไพร์เต็มตัว แต่ผมยังสามารถทานอาหารแบบคนปกติทั่วไปได้ ถึงมันให้พลังงานไม่เท่าเลือดก็ตาม ผมไม่อยากดื่มแต่เลือด เสียดายของกินดีๆ

   “พวกนายสนใจฉันบ้างเซ่ ลิน ฉันนั่งเองได้ ทำไมต้องนั่งตักด้วย”

   “อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวตกลงไปเจ็บหรอก นั่งตักฉันแหละดีแล้ว ที่นี่ไม่มีเก้าอี้สำหรับเด็กนะ แบบนั้นนายจะกินข้าวยังไง”

   ไวไวยังคงโวยวาย แต่ไม่ยักลงจากตักลิน ผมเมินเพื่อนตัวเองหันไปเลือกอาหารกับกลสบายใจ ผมว่าปกติมันขี้บ่นเหมือนผู้หญิงอยู่แล้วนะ พอมันกลับเป็นเด็ก ทำอะไรไม่ค่อยได้ดั่งใจ ยิ่งขี้บ่นมากขึ้นเป็นสิบเท่า ถ้าไม่ใช่ลินอุ้มไว้ตลอดเวลา แล้วมาอยู่ในมือผมหรือกล คงจะจับเตะโด่งชู้ตไปนอกโลกซะ เสียงแหลมเล็กแบบเด็กของนาย มันบาดหูพวกประสาทการรับฟังดีแบบพวกเรา

   “เลิกบ่นมาก กินๆ เข้าไป เอ้าแครอท ไอ้กระต่ายแคระ”

   พออาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟ ผมใช้ส้อมจิ้มแครอทต้มในน้ำซุปยัดใส่ปากไวไว มันยิ่งร้องหนักเพราะร้อน ลินหันมาถลึงตาใส่ผมใหญ่ หยิบน้ำให้กระต่ายแคระดื่ม ยกผ้าเช็ดปากอย่างดี

   เอาล่ะ เลิกสนใจเด็กเห่อตุ๊กตาตรงหน้า แล้วกินอาหารส่วนของตัวเองดีกว่า ไม่อยากนั่งเป็นเป้าสายตา ให้ตายสิ เกิดมาหล่อนี่มันเป็นบาปจริงๆ ขนาดพี่วินเกิดก่อน เอาความหล่อออกจากท้องแม่ไปเยอะแล้วนะ ยังจะหลงเหลือถึงผมอีกแหนะ เฮ้อ คนหล่อกลุ้ม

   “วัต จวนได้เวลาแล้ว”

   หมาป่าสารพัดประโยชน์ข้างตัวยื่นหน้ามากระซิบข้างหูในระยะประชิด จนผมรู้สึกถึงลมหายใจร้อนที่เป่ารดแถวหู สะดุ้งสิครับ ไม่รู้เป็นนิสัยน้องโฮ่งหรือยังไง ชอบมาคลอเคลีย ใช้จมูกพิสูจน์กลิ่นฟุดฟิดทุกครั้งที่เจอเป็นประจำ เหมือนหมาหวงเจ้าของ

   อันที่จริงผมชอบหมานะ แต่พี่วินชอบแมว แถมได้นายท่านมา ผมเลยต้องกลายเป็นทาสของทาสแมวคอยดูแลนายท่านไปตามระเบียบ

   “เวลา? อ่อ โอเค เดี๋ยวกินข้าวเสร็จพวกฉันขอเวลาอยู่ในห้องพักนึงนะ พวกนายไปเดินเล่นตลาดตอนค่ำกันก็ได้”

   ไม่รู้สองคนนั้นเลิกคุยปนด่ากันตั้งแต่ตอนไหน มองผมกับกลตาแป๋ว น่าจิ้มตาบอด เจอผมจ้องเขม็งใส่เข้าไปค่อยรู้สึกตัวว่าต้องตอบ

   “ได้สิ จะนานแค่ไหนก็ตามใจพวกนาย อย่าดึกจนพวกฉันไม่ได้นอนก็พอ เบาๆ หน่อย ที่นี่กำแพงบาง เกรงใจเพื่อนข้างห้อง”

   ไวไวพูดด้วยรอยยิ้มมีเลศนัยสุดๆ ลินยกยิ้มมุมปากไม่ต่าง ผมหันไปมองหน้ากลอย่างต้องการคำตอบ ว่าไอพวกนั้นมันกินแครอทจนเมาหรือยังไง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้ กลดันทำหน้าหมางงใส่ผมอีก แจ่มจริงปาร์ตี้นี้ แล้วไอโต๊ะที่อยู่รอบๆ พวกเราจะตาโตอ้าปากค้างกันทำไม หรือว่าโรงแรมนี้จะใส่อะไรลงไปในอาหาร ผมชะงักส้อมที่กำลังจะจิ้มหมึกนึ่งมะนาวเข้าปากทันที

   “เป็นอะไรไป รีบกิน จะได้รีบไปจัดการให้เสร็จๆ”

   กลหมาน้อยแสนดีของผม จัดการจิ้มหมึกหอมน่ากินมาจ่อที่ปาก เจ้าตัวจมูกไว ไม่ทักท้วงอะไร แสดงว่าอาหารคงจะปลอดภัยสินะ โอเค ผมจะสรุปว่าคนพวกนี้อาการแปลกๆ เพราะโรคประจำตัวแล้วกัน

   ผมอ้าปากงับหมึกแสนอร่อยมาเคี้ยวอย่างเป็นสุข พลางชี้กุ้งเผาเป็นสัญญาณให้หมาป่าข้างตัวบรรจงแกะกุ้ง จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดป้อนถึงปาก ระหว่างตัวเองกำลังตบตีกับปูในจาน ให้ตายสิ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่วินชอบทำตัวเป็นง่อยชี้นิ้วสั่งพี่ชินเป็นประจำ เพราะมันสบายแบบนี้นี่เอง บ้าชะมัด ทำไมผมถึงค้นพบวิชานี้ช้านัก!

   “พวกนายนี่มัน...อยู่ในที่สาธารณะ ไม่ได้มีแค่พวกเราเหมือนที่ผ่านมานะเฮ้ย”

   ผมหันขวับไปทางไวไว เจ้ามารผจญ คนกำลังสบายได้ทำตัวเยี่ยงราชา อย่ามาขัดความสุขค้างคาว

   “นายเองก็ไม่ต่างกันหรอกหน่า” เจอผมสวนกลับอ้าปากพะงาบๆ ไวไวถูกลินช่วยดูแลทุกอย่างเหมือนกัน มองเผินๆ เหมือนหนุ่มหล่อมาดคุณชายผมทองกำลังปรนเปรอเด็กชายกระต่ายที่คิดจะเลี้ยงไว้กินเลย ผมนึกเอะใจอะไรบางอย่าง ออกจากเกมงวดหน้า คงมีรายการโทรหาพี่วินสักหน่อยแล้ว เผื่อในเกมจะมีตำรวจแบบโลกภายนอก จะได้แก้ตัวถูกว่าจริงๆ ไวไวมันแก่ผิดรูปร่าง ไม่งั้นลินคงโดนข้อหาพรากผู้เฒ่าในคราบผู้เยาว์

   ผมหัวเราะในใจ คิดไร้สาระไปคนเดียว หลังพวกเราทานอาหารเสร็จเก็บตัง ลินกับไวไวแยกไปเดินตลาดระหว่างรอพวกเราจัดการภารกิจส่วนตัว ส่วนผมกับกลกลับขึ้นห้องมาก่อน

   “ที่จริงแล้วไม่ต้องทุกวันก็ได้มั้ง ฉันเริ่มคุมตัวเองได้บ้าง ไม่อยากให้นายลำบาก”

   ประตูถูกปิดล็อคเรียบร้อย กลนั่งลงบนเตียงเพื่อสะดวกกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ห้องทั้งห้องมืดสนิท ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟเลยสักนิด ในเมื่อพวกเราทั้งคู่มองเห็นในที่มืดได้สบายๆ

   “กันได้ดีกว่าแก้ ถ้าเกิดปัญหามามันจะยุ่งยาก”

   ผมเกาแก้มถอนหายใจ แล้วขึ้นเตียงตาม แทรกตัวอยู่ตรงหว่างขาของกลที่ยกขาข้างหนึ่งชันเข่าอยู่ คราวนี้ต่างไปจากปกตินิดหน่อย ผมต้องเป็นคนแหวกเสือของกลเอง ทั้งที่ปกติเจ้าตัวจะเป็นคนจัดการให้ สงสัยวันนี้ขี้เกียจ ผมเลยยื่นมือขาวซีดไปดึงปมเชือกตรงอกกลออก แล้วแหวกเสื้อคอขนสัตว์ออกจนเห็นลำคอแกร่ง

   มือขาวซีดของผม ยามวางบนบ่ากลแล้ว สีผิวเข้มของกลตัดกันผมแบบสุดๆ เขี้ยวงอกยาวขึ้นในความมืด ผมใช้ลิ้นแตะเลียเบาๆ เป็นเชิงขอปนบอกเตือน ก่อนจะกดคมเขี้ยวลงไปบนผิวเนื้อ ของเหลวอุ่นไหลทะลักออกมาทันที ดวงตาของผมตอนนี้คงกลายเป็นสีแดงไปเรียบร้อย

   ของเหลวร้อนไหลลงสู่ลำคอ หอมหวานจนเผลอไผล ขยับตัวแนบชิดอย่างลืมตัว แนบริมฝีปากกับลำคอมากขึ้นเพื่อดื่มด่ำได้มากกว่านี้ กลไม่ผลักไสผมสักนิด หางของเขาส่ายไปมาเบาๆ เหมือนกำลังสบายอารมณ์ทั้งที่กำลังถูกสูบเลือดอยู่

   มือร้อนลูบแผ่นหลังผม ก่อนเลื่อนขึ้นมาคลึงแถวท้ายทอย เป็นเชิงบอกว่าให้ผมหยุดได้แล้ว ผมยังไม่ค่อยอิ่มเท่าไหร่ จึงดื้อดึงดื่มกินเลือดอุ่นต่อ วงแขนของคนตรงหน้า เลยเปลี่ยนมาโอบเอวผมแนบเข้าหาตัว ใบหน้าโน้มลงมาชิดริมหู

   “พอแล้ว”

   สติผมมันดูเลือนราง เหมือนได้ยินเสียงทุ้มเรียกจากที่ไกลๆ จนรู้สึกถึงความนุ่มชื้นตรงริมหู แถมคมเขี้ยวหมาป่างับหูแหลมของผมเบาๆ สติผมบินกลับเข้าร่างทันที ถอนเขี้ยวผละออกมายกมือกุมหูตัวเองหน้าแดงก่ำ

   “หัดใช้วิธีเหมือนคนทั่วไปหยุดฉันหน่อยจะได้ไหม”

   ผมโวยเสียงรอดไรฟันใส่คนที่กำลังหัวเราะในลำคอตรงหน้า กลนั่งอยู่บนเตียงมีผมอยู่ตรงหว่างขา แขนข้างหนึ่งวางเท้าด้านหลังเพื่อพยุงตัวเอง ส่วนมืออีกข้างมาลูบแก้มผมเล่น ผมปัดมือนั่นออก ดวงตาสีแดง มองไปยังลำคออีกฝ่าย ที่มีรอยเขี้ยวชัดเจน แถมเลือดยังไม่หยุดไหล

   “ฉันไม่อยากทำร้ายนาย เลยใช้วิธีนุ่มนวลในการหยุดนายดีกว่า วัต...ช่วยหน่อย”

   คนมาดนิ่งทำเสียงเหมือนจะอ้อนแบบที่ถ้ามีคนอื่นอยู่เจ้าตัวจะไม่แสดงออกมาเด็ดขาด ผมถอนหายใจหมดปอด ยอมขยับตัวเข้าไปหา แล้วใช้ลิ้นเลียรอยเขี้ยวเพื่อหยุดเลือด น้ำลายผมไม่ได้มีผลการรักษาแบบกล สามารถจัดการได้แค่แผลที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้นเท่านั้น นั่นหมายความว่า ถ้าผมไม่ได้เป็นคนห้ามเลือดเอง ต่อให้ใช้น้ำลายเจ้าตัวเป็นถัง หรือยารักษาเป็นโหลก็ห้ามเลือดไม่ได้ เว้นแต่ว่า จะใช้น้ำมนต์ หรือยาถอนพิษจากเขี้ยวของแวมไพร์เท่านั้น จึงจะมีสรรพคุณห้ามเลือดได้

   แน่นอน ระดับอย่างกล สมุนไพรห้ามเลือดจากเขี้ยวแวมไพร์ เจ้าตัวซื้อมาเก็บตั้งแต่ผมกลายเป็นแวมไพร์เต็มตัววันแรกแล้ว เพียงแค่เจ้าตัวไม่คิดใช้ ให้ผมจัดการให้ อย่างว่า ไอ้สมุนไพรนั่นราคาแพงระยับ คงกะเอาไว้ใช้เฉพาะตอนผมไม่สามารถจัดการห้ามเลือดได้มากกว่า

   “ถ้าจะกรุณา วันหลังใช้วิธีอื่นเถอะ แบบนี้รู้สึกเปลืองตัวชะมัด”

   “จนป่านี้แล้ว นายน่าจะรู้แล้วนะ ว่าฉันคิดอะไร” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองผมนิ่ง สื่อความรู้สึกหลากหลายจนผมต้องเป็นฝ่ายหลับตาหนี พอลืมตาอีกที ดวงตากลับเป็นสีเทาแบบเดิม จ้องกลับแบบเอาเรื่อง

   “ไอรู้ก็รู้อยู่ ขอเวลาหน่อย หลังๆ นายเริ่มรุกฉันมากจนจะไปไม่เป็นอยู่แล้ว สักวันไวไวกับลินจะเป็นตากุ้งยิงเพราะนาย”

   “นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการ” เสียงนิ่งเรียบตอบกลับมาทั้งที่ดวงตาพราวระยับ ผมไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย ล้วงเอาขวดยาเพิ่มเลือดจากกระเป๋า ยัดใส่ปากอีกฝ่ายซะ

   กลแสดงชัดเจนขนาดนี้ ใครไม่รู้คงโง่เต็มทน หลังๆหนักข้อจนผมแกล้งบื้อต่อไปไม่ไหว อย่างเมื่อกี้ เชื่อเลยว่าไอสิ่งที่บอกว่าต้องการ คงไม่พ้นการทำให้ผมไปไม่เป็นแน่

   “ถ้าเป็นไปได้ ช่วยป้อนด้วยก็ดีนะ”

   ดู เพิ่งพูดไปตะกี้ว่าอย่ารุกให้มากนัก ไม่ต้องมาเอียงคอทำหน้าหมาน้อยขอความเห็นใจเลย ผมบ่นด่าในใจไปร้อยแปด มองหมาป่าลีลาเยอะ อ้อยอิ่งจิบขวดยาทีละหยดอย่างกับจิบไวน์ นึกหมั่นไส้ คว้าขวดยามาไว้ในมือ กระดกเข้าปากอึกๆ แล้วจับหน้าอีกฝ่ายให้เงยขึ้น ผมคุกเข่าบนเตียงเลยได้อยู่มุมสูงกว่า

   ประกบปากกรอกยาจนหมด พอผละออกถึงได้เห็นชัดๆ กลนิ่งอึ้งอยู่กับที่ มองผมเหมือนไม่อยากเชื่อ หูตั้ง หางชี้ ใบหน้านิ่งๆ เหมือนสติไม่กลับเข้าร่าง แถมอีกสักหน่อย มือขาว ยื่นนิ้วโป้งเกลี่ยยาเพิ่มเลือดที่เลอะตรงมุมปากคนตรงหน้า ก่อนแลบลิ้นเลียนิ้วที่เลอะยาของตัวเอง เหมือนได้เห็นหมาป่ากลอึ้งยกกำลังสอง หางฟูเลยคราวนี้

   “ดื่มยา เป็นเด็กดี พักผ่อนซะนะกล ฉันจะออกไปเดินเล่นข้างนอกหน่อย”

   ขยิบตาให้แถมท้าย กว่ากลจะสติกลับผมก็เปิดหน้าต่าง บินลัลล้าท่องอยู่บนผืนนภาในยามราตรีแล้ว วะฮ่าๆๆ สะใจเป็นบ้า

   “วัต ตัวแสบ....!”

   เหมือนได้ยินเสียงหมาป่าไล่หลัง ผมหัวเราะหนักกว่าเดิม แทบบินไม่อยู่ รู้จักผมน้อยไปซะแล้ว ในเกมนี้ คำสาปแรกเริ่มที่ทุกคนได้รับ มันเป็นการสุ่มจากลักษณะนิสัย หรือรูปร่างของคนๆ นั้น ยกตัวอย่างเช่น ไวไวมันเป็นนักกีฬา ถนัดเรื่องการออกแรงช่วงขามากที่สุด เลยถูกเลือกให้เป็นกระต่าย

   คิดดูเอาแล้วกัน ผมถูกเลือกให้เป็นแวมไพร์ มันจะเป็นไปได้ยังไง ที่ผมจะใสซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แบบนี้แหละ ปกติของมนุษย์ แรกเริ่มเจอกัน ไม่มีใครงัดเอานิสัยแท้จริงออกมาหรอก อยู่กันไปนานๆ ถึงจะได้เห็น เพราะงี้ไง เขาถึงบอก ไม่ควรตัดสินคนตั้งแต่ครั้งภายนอก ต้องลองทำความรู้จักไปสักระยะ ถึงจะรู้ว่าเขาคนนั้นนิสัยเป็นยังไง หลังจากนี้กลคงจะเริ่มรู้แล้วล่ะว่า ผมนิสัยแบบไหน

   ผมปล่อยให้สายลมเย็นในตอนกลางคืนพัดผ่านร่างกายไป ขณะโบยบินอยู่บนท้องฟ้า ไม่ได้ออกมาร่อนคนเดียวนานมากแล้ว กลิ่นอายของทะเล ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ผมฟังเสียงคลื่นอย่างเพลิดเพลิน ฉับพลัน ดวงตาสังเกตเห็นเงาวูบไหวร่างหนึ่งแถวชายหาดเขตของโรงแรม

   ด้วยนิสัยขี้สงสัยส่วนตัว อดไม่ได้ที่จะร่อนลงไปดู ลอบตามเงาร่างนั้นไป ฝีเท้าของแวมไพร์นั่นไร้เสียง แฝงกายอยู่ภายในเงามืด ยิ่งเป็นเวลากลางคืน ไร้แสงไฟนอกจากแสงจากดวงจันทร์แบบนี้ ไม่มีใครหาผมเจอง่ายๆ ถ้าเป็นระดับสูงกว่ามากๆ ก็อีกเรื่อง

   เงานั้นหยุดลง ยืนอยู่ตรงพื้นโล่งที่มีต้นไม้ล้อมรอบตามธรรมชาติ ผมหยุดตาม หลบอยู่ในเงาไม้ มองด้วยความสนใจ จู่ๆ  ร่างนั้นพลันหายไป พริบตาเดียว ร่างกายผมถูกรวบกอดทั้งตัว ยกจนเท้าลอยเหนือพื้น ผมตกใจ รีบเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาว พอจะบินหนี ถูกตาข่ายครอบดักไว้เหมือนรู้ว่าผมจะบินไปทางทิศไหน

   ผลสุดท้าย ผมเลยกลายเป็นค้างคาวร้องเสียงแหลมอยู่ในตาข่าย เยื่องไปทางด้านขวา ปรากฏเงาร่างของคนอีกหนึ่งคน เดินมารวบตาข่ายที่จับผมไว้ยกขึ้นดู
 
   “ไม่คิดเลยว่าระหว่างเดินเล่น จะจับค้างคาวได้หนึ่งตัวแบบนี้”

   “ไม่เอาหน่า อย่าแกล้งเด็ก ปล่อยเขาออกมา”

   ฟังจากเสียง บ่งบอกว่าสองคนนี้เป็นผู้ชายทั้งคู่ ผมขยับตัวมองดีๆ ถึงได้เห็น ชายหนึ่งคนสูงโปร่งยื่นตาข่ายให้ชายอีกคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่กำยำแบบที่ไวไวเทียบไม่ติด เขาแกะผมออกจากตาข่ายอย่างเบามือจนน่าสงสัย ผมไม่อยากอยู่ในเงื่อมมืออีกฝ่ายนาน แม้ร่างค้างคาวจะดี แต่ไม่สามารถต่อสู้อะไรได้ เลยเลือกกลับร่างเดิมดีกว่า

   “พวกคุณต้องการอะไร”

   ดูจากท่าทางต้องการกักตัวผมเต็มที่ ไอคำที่บอกว่าเดินเล่นแล้วบังเอิญจับผมได้คงโกหกแน่ เป้าหมายของคนพวกนี้อยู่ที่ผมตั้งแต่แรก ก่อนอื่น ต้องติดต่อหาคนอื่นในปาร์ตี้

   “ทั้งที่ถาม แต่กลับไม่รอคำตอบ ติดต่อเพื่อนหรือ ดีเหมือนกัน แบบนี้ง่ายขึ้นเยอะ เรียกเจ้านั่นมา”

   เสียงหัวเราะทุ้มต่ำในคอของชายร่างกำยำ ดูขบขันกับท่าทางผมเต็มที่

   “เจ้านั่น เจ้าไหน?” ผมขมวดคิ้ว กลุ่มปาร์ตี้ผมมีตั้งสามคน แบบไม่นับรวมผม แล้วมันคนไหนล่ะ

   “ดูเหมือนจะไม่ต้องติดต่อแล้ว”

   สายลมพัดวูบเหมือนมีใครวิ่งผ่านมายังจุดที่พวกเราอยู่ ก่อนสายลมนั้นจะหยุดอยู่ตรงหน้าผม ขนหมาป่าสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ เรือนผมสั้นระคอพลิ้วไปตามกระแสลมในตอนกลางคืน แขนข้างหนึ่งกางออกกันผมไว้ด้านหลังอย่างปกป้องแกมหวง

   “ทำไมไม่ติดต่อฉันมาโดยตรง” หมาป่าหนุ่มพูดในลำคอเจือเสียงขู่ ชายร่างโปร่งผมแอบสะดุ้ง ส่วนคนตัวใหญ่ไม่มีทีท่าอะไรเลยสักนิด

   “กล้าพูดนะนิลกาฬ ฉันติดต่อไปร้อยรอบแล้ว นายไม่ตอบกลับมาเลยถึงต้องถ่อสังขารมาจากทวีปกลาง ดักรอพวกนายที่เมืองนี้ไง”

   ผมอยู่ด้านหลังไม่เห็นสีหน้ากล เห็นแค่ว่าเขายกมือเรียกหน้าต่างจดหมายออกมาดู นิ้วเลื่อนลงไปเรื่อยๆ ผมชะโงกหน้ามองข้ามไหล่ จดหมายเรียงยาว เปลี่ยนไปหน้าสองหน้าสามยังมี ทุกฉบับไม่เคยถูกเปิดอ่าน พอถึงหน้าสี่ กลกดเลือกจดหมายทั้งหมด แล้วลบทิ้งต่อหน้าต่อตาทุกคน

   “เฮ้ย! ไม่คิดจะเปิดอ่านหน่อยเลยเรอะ” ชายท่าทางขี้เล่นเจ้าของตาข่าย อดไม่ได้ที่จะโวย ในจำนวนพวกนั้นมีจดหมายที่พวกเขาส่งไปด้วยนี่หว่า

   “ไม่จำเป็น มีอะไร พูดมา” สั้นง่ายได้ใจความ ท่านหมาป่ายังคงนิ่งได้นิ่งดีเหมือนเคย

   “คุยตรงนี้คงไม่เหมาะ ฉันขอเชิญนายไปที่เรือของฉันแล้วกันนิลกาฬ”   

   กว่าผมจะรู้สึกตัว ร่างก็ถูกยกขึ้นพาดบ่าพร้อมปีกนกแข็งแรงถูกกางออกกว้าง ขยับเพียงวูบเดียวตัวผมกับเจ้าชายตัวโตลอยขึ้นเหนือพื้นไปหลายเมตร เสียงกลกัดฟันกรอดอยู่ด้านล่างเพราะไม่อาจบินตามขึ้นมาได้ เขาไม่กล้าซัดอาวุธอะไรใส่คนที่แบกผมอยู่ ผมเข้าใจ ถ้าหมอนี้ร่วงไป ผมร่วงตามแน่ เพราะตอนนี้ผมถูกมัดด้วยโซ่เงินกางปีกไม่ได้

   “อินทรี!!”

   หมาป่าบางตัวคำรามเหมือนจะคลั่ง รู้ทั้งรู้ว่าถูกหยอก แต่พอโดนโฉบเอาของสำคัญไปต่อหน้าต่อตา ไม่พอ ของสำคัญที่ว่าอยู่ใกล้ตัวชนิดขยับมือก็จับได้ เผลอลดกาดแค่ชั่ววูบ ชวนให้เจ็บใจแบบสุดๆ

   ผมมองกลที่วิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว มองดูเหมือนแมวหมาป่ากำลังหยอกเล่นกับอินทรียักษ์ยังไงชอบกล ที่น่าเห็นใจสุดคงไม่ใช่ผมที่โดนเอามาเป็นเหยื่อล่อหมาป่า เป็นชายผู้ถูกทอดทิ้งยืนอึ้งเพียงลำพัง รู้สึกว่าจะเป็นพวกเดียวกับคนที่แบกผมอยู่ ตอนนี้เลยมีสองคนทำหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อวิ่งไล่กวดตามมา

   อินทรียักษ์กระพือปีกอีกวูบ บินมาทางทะเล ทิ้งห่างสองคนแบบไม่เห็นฝุ่น อารมณ์นี้ผมอยากโบกมือให้สองคนที่กำลังพายเรือตามอยู่ด้านล่างใจจะขาด ติดแต่แขนถูกมัดเป็นดักแด้เลยได้แต่หัวเราะเป็นเพื่อนคนที่แบกผมอยู่

   เขาบินจนมาถึงเรือขนาดกลางลำหนึ่ง พอเท้าแตะพื้นก็ปล่อยผมลง ปลดโซ่ให้เรียบร้อย แถมยังเชิญผมไปนั่งเล่นรอสองคนนั้นพายเรือแจวในห้องกัปตันเรืออีก

   “ดูเธอไม่กลัวฉันเลยนะ” อินทรีหนุ่มมองผมด้วยรอยยิ้มมุมปาก ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ รับนมอุ่นจากลูกเรือมาดื่มสบายใจ

   “คุณไม่มีเจตนาร้ายกับผม ทำไมผมจะต้องกลัวด้วย” ถ้าเขาคิดจะทำร้ายจริง ผมคงตายไปตั้งแต่ถูกคว้าตัวได้รอบแรกแล้ว ไม่รอดจนมานั่งจิบนมเบิกบานอยู่อย่างนี้หรอก

   “งั้นหรือ เฮ้อ...เธอคล้ายกับคนนั้นจริงๆ ทำไมฉันต้องช้ากว่าคนอื่นอยู่เรื่อย ทั้งที่เป็นถึงจ้าวแห่งท้องนภาแท้ๆ”

   ผมวางแก้วเปล่าลง มองชายที่นั่งทอดถอนใจตรงหน้า นึกสงสัย ผมคล้ายใครหว่า เอ๊ะหรือผมจะหน้าโหล ไม่จริงหน่า ผมชักกังวลซะแล้ว

   ปัง!

   ประตูไม้ถูกกระแทกเปิดอย่างแรงจนเกิดเสียงดังลั่นเรือ สองร่างที่เพิ่งมาถึงเรือจ้ำพรวดๆ เข้ามา คนหนึ่งไปโวยอินทรีหนุ่ม ส่วนอีกคนเดินมาจับผมลุกขึ้นหมุนสำรวจทั้งตัว พอเห็นว่าไม่มีส่วนไหนบุบสลาย ถึงถอนหายใจโล่งอก พลางกอดผมแน่น หางส่ายไปมาอย่างเกรี้ยวกราด

   “เล่นแบบนี้ไม่ขำ”

   กลดูจะหงุดหงิดเอาเรื่อง คนถูกจ้องไม่สะทกสะท้าน ยักไหล่ใช้เท้ายันเอาคนที่โวยวายอยู่ข้างตัวไปไกลๆ

   “เรื่องของนาย แต่ฉันสนุก มาแนะนำตัวกันดีกว่า ฉัน ‘อินทรี’ เรียกพี่อินก็ได้ เป็นเจ้าของเรือลำนี้ ส่วนเจ้านั่น ‘เจตน์’ คู่หูฉันเอง”

   ผมพยักหน้ารับ แล้วแนะนำตัวบ้าง

   “วัตครับ ว่าแต่ ทำไมพี่อินถึงเรียกกลว่านิลกาฬล่ะ” ไอคำว่านิลกาฬผมก็พอจะเข้าใจว่ามันมาจากสีผมสีตาของเจ้าตัว แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ชื่อในเกมเป็นหมาป่าสุดหล่อ ชื่อจริงคือกลวัชร แล้วทำไมถึงมีนิลกาฬโผล่มาได้ สองคนนี้ต้องรู้จักกันนอกเกมแหงๆ

   “อ้าว กลไม่ได้บอกเหรอว่า....”

   “ฉายาฉันเอง ไม่สำคัญอะไร บอกมา มาปั่นหัวฉันแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่อินทรี”

   ผมขมวดคิ้ว ดูก็รู้ กลจงใจตัดบทไม่ให้พี่อินพูดเรื่องของตัวเองออกมา เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าตัวไม่อยากบอก ผมไม่คิดเซ้าซี้ ไว้สักวัน กลอยากเล่าเดี๋ยวคงเล่าออกมาเอง ระหว่างสองหมาป่าอินทรีกำลังตาต่อตา ฟันต่อฟัน ผมหลบฉากมาช่วยพยุงบุคคลผู้น่าสงสาร เท้าสัตว์กินเนื้ออย่างอินทรีคงจะหนักไม่น้อย

   “ขอบใจน้องชาย นายนี้หน้าคล้ายคนๆ นั้นชะมัด ติดแค่ทางนั้นจะดูเข้มกว่า มิน่าอินมันถึง เดี๋ยวกอด เดี๋ยวแบก”

   ปึก! ปึก!!

   มีดสั้นสองเล่ม ถูกปาเฉี่ยวหน้าคนพูดมากไปปักแน่นบนแผ่นไม้ ไม่รู้สองคนที่ทำสงครามสายตากันจนถึงเมื่อครู่ หูผึ่งฟังบทสนทนาทางนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

   “โอเคๆ ไม่พูดอะไรแล้ว ลูกศิษย์อาจารย์คู่นี้ ภายนอกนิสัยต่างกัน ที่เหมือนคงมีแต่ความมือไวเท่านั้นแหละ ว๊ากกก”

   ผมถอยฉากอีกรอบ ไม่คิดช่วยคนที่กำลังกระโดดหลบมีดสั้นรัวๆ นึกไว้อาลัยในใจ ละความสนใจไปหาสิ่งที่น่าสนใจกว่า ถ้าเมื่อกี้ผมได้ยินไม่ผิด

   “ลูกศิษย์กับอาจารย์?” ผมส่งเสียงสูงด้วยความสงสัย สองคนนั้น คนหนึ่งทำหน้านิ่ง อีกคนยิ้มมุมปาก ไม่มีใครตอบคำถามผมสักคน ให้มันได้แบบนี้สิ

   “เข้าเรื่องกันสักทีดีกว่า ฉันติดต่อนายไปเพื่อให้มาช่วยทำภารกิจหนึ่ง”

   พี่อินผายมือเชิญให้พวกเรานั่งที่ ผมเลือกเก้าอี้ตรงข้ามกับพี่อิน ข้างๆ กล เพราะเจ้าตัวไม่ยอมให้ผมไปนั่งไกล อย่างกับกลัวว่าพี่อินจะลุกขึ้นมาเล่นอะไรตุกติกอีกอย่างนั้นแหละ ทางพี่เจตน์ ผมขอเรียกแบบนี้เลยแล้วกัน เจ้าตัวก้มหน้าก้มตาเก็บมีดสั้นไป บ่นอุบไป นำมาส่งคืนให้เจ้าของทั้งสองคน ก่อนนั่งเยื่องผมไปหน่อย
   
   “อย่าเพิ่งปฏิเสธ รอเจ้าของภารกิจมาคุย แล้วนายค่อยตัดสินใจ ฉันเชื่อว่านายต้องยอมตกลงช่วยแน่ๆ นิลกาฬ”

   เจ้าของเรือกดนู่นจิ้มนี้บนหน้าตาที่โชว์ขึ้นมาสักพัก หน้าต่างก็ขยายออกกว้างให้พวกเราเห็นกันทุกคน คนที่อยู่บนจอทำให้ผมตาโต

   “ติดต่อมามีอะไร ถ้าไม่มีธุระสำคัญ ศพไม่สวยแน่”

   “ใจเย็นก่อน ฉันมาคุยเรื่องภารกิจของนายนั้นแหละ ตอนนี้หาคนช่วยได้แล้ว”

   น้ำเสียงที่พี่อินใช้พูดกับคนในจอแตกต่างจากที่พูดกับพวกเราชัดเจน ต่อให้เด็กสามขวบมาก็ฟังออก ชายคนนี้มีความรู้สึกพิเศษกับชายที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงาน

   เจ้าของดวงตาสีเทาเงยหน้าขึ้นมองดวงตาสี่คู่ที่กำลังประสานสายตามองมาที่ตน เขากวาดตามองเร็วๆ รอบหนึ่ง สะดุดเข้ากับผู้มีดวงตาสีเดียวกัน คิ้วขมวดคลายออกเป็นรอยยิ้มที่มีให้กับน้องชายเพียงคนเดียวเท่านั้น

   “ไงเจ้าวัต ถูกลากตัวมาด้วยรึนี้ ดีเหมือนกัน กำลังคิดอยู่ว่าจะชวนมาทำภารกิจด้วย”

   บทสนทนากลายเป็นของสองพี่น้อง ที่เหลือในห้องถูกลดตำแหน่งเป็นตัวประกอบฉากชั่วคราว ผมย้ายตำแหน่งมานั่งใกล้จอมากขึ้น จะได้คุยสะดวกๆ

   “พี่วินอู้ทำงานมาเล่นเกมเหรอพี่” ผมเอ่ยแซวหัวเราะขำ โดนพี่ชายแยกเขี้ยวใส่ไปหนึ่งที

   “พี่ก็คนจะเฮ้ย จะให้ทำงานแบบไม่พักสมองเลยได้ไง ยังไงงานส่วนของพี่ก็เคลียเสร็จหมดแล้ว รอแปบ เดี๋ยวจะล็อกอินเข้าเกม จะได้คุยกันต่อหน้าเลย”

   พูดจบหน้าจอหายไป กลดูขรึมลงกว่าเดิม คล้ายกับกำลังคิดแผนการรับมือสิ่งที่ร้ายกาจอะไรบางอย่าง พี่อินฮัมเพลงดูอารมณ์ดีเหลือเกิน พี่เจตน์คงธรรมดาสุด หันมาคุยเล่นกับผมระหว่างรอคนมาอธิบายภารกิจ พอมีช่วงพักหายใจ ผมถึงค่อยสังเกตพี่ชายทั้งสองชัดๆ

   พี่อินเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่เหมือนพวกตำรวจทหาร ใส่เสื้อแบบพวกกัปตันเรือโจรสลัด เรือนผมสีเปลือกไม้ตัดสั้นทั้งหัว มีแค่ช่วงท้ายทอยที่ยาวจนถึงกลางหลัง มัดรวบด้วยเชือก หูข้างหนึ่งเจาะใส่ต่างหูขนนกสีน้ำตาลสองสามเส้น คิดว่าคงเป็นขนปีกเจ้าตัว ใบหน้าเข้มแบบคนอายุยี่สิบกลางๆ ดวงตาสีอำพันคมเหมือนอินทรี จมูกโด่ง มุมปากมักจะยกยิ้มตลอดเวลา ข้างเอวมีดาบยาวหนึ่งเล่ม กับสารพัดมีด ดาบสั้นของมีคมที่เห็นแวบๆ ยามขยับตัว
   
   ถัดมาพี่เจตน์ ทางนี้ดูไม่ไปทางเดียวกับพี่อินสักนิด เจ้าตัวใส่ชุดรัดกุมเน้นการเคลื่อนไหวแบบพวกนินจา ที่ไม่มีผ้าปิดหน้า ดูเผินๆเหมือนเดินตัวปลิวสบาย แต่ผมเชื่อว่ามันต้องซ่อนสารพัดอาวุธไว้แน่ๆ เส้นผมสีครีมยาวมัดรวบครึ่งหัว คลอเคลียใบหน้าหล่อพราวเสน่ห์ นับรวมกับไฝตรงใต้หางตาซ้าย บ่งบอกยี่ห้อเป็นพวกแพรวพราวเจ้าชู้ตัวพ่อ

   ผู้เข้าประกวดหมายเลขหนึ่งและหมายเลขสอง ใครชอบใครกดเลือกกดหมายเลขส่งมาที่เบอร์ด้านล่างจอนี้... ห๊ะ อะไรนะ จะเอากลเข้ามาอยู่ในตัวเลือกด้วย ไม่ได้หรอกครับ คนๆ นี้ของผม เชิญเลือกผมแทนแล้วกัน เบอร์สามครับเบอร์สาม

   “น้องชาย เป็นบ้าตามไออินมันไปแล้วเหรอ นั่งทำหน้าพิลึกอยู่คนเดียว” พี่เจตน์ทักผมด้วยสีหน้าหวาดๆ ผมไม่ตอบ ลุกขึ้นหลบมายืนริมหน้าต่าง มองภาพพี่เจตน์ถูกพี่อินไล่ซัด ไม่เข็ดจริงๆ ให้ตายเถอะ

   สักพัก เสียงกระพือปีกของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ดังอยู่บนดาดฟ้าเรือ พวกเรามองหน้ากัน พุ่งตัววิ่งตามพี่อินไปดาดฟ้าเรือทันที สิ่งที่เห็นทำให้ผมอ้าปากค้าง ผู้เข้าประกวดหมายเลขสี่มาแล้ว!

   ร่างสูงโปร่งในชุดสีดำล้วนเหมือนท่านปีศาจมากจากไหน เขาสีดำโง้งไปทางด้านหลังปานท่านซาตาน ตัดกับเรือนผมสีทองสว่างระคอ ใบหน้าหล่อเหล่าปานเทพบุตร และปีกสีขาวบริสุทธิ์หุบเก็บตรงแผ่นหลัง ก่อนจะถูกทำให้หายไปหลังการใช้งาน

   ผมยืนลูบคางมองพี่ชายตัวเองเดินเข้ามารวมกลุ่มกับพวกเรา นี้เป็นครั้งแรกที่ผมเจอพี่ชายในเกม ดูเหมือน ไม่ใช่ร่างอวตารของ GM เป็นเพียงตัวละครสำหรับเล่นธรรมดาเหมือนผม เจ้าตัวไม่ปิดสถานะพื้นฐานแม้แต่อย่างเดียว

   ชื่อ : อาชวิน
   Lv : 109
   เลือด : 125,000
   อาวุธ : ไม่มี
   คำสาป : เทพบุตรซาตาน

   ชื่อคำสาป ทั้งที่มันควรจะแปลก แต่ทำไมผมรู้สึกว่ามันโคตรเหมาะกับพี่วินให้ตายสิ นี่มันเป็นการรวมตัวของเทพกับปีศาจชัดๆ แม้ว่าจะเอนๆ ไปฝั่งปีศาจมากกว่าก็ตาม

   “เสียเวลาไปหน่อย ครั้งล่าสุดที่เล่นดันออฟไลน์ซะไกล มัวมองอะไรกันอยู่ เข้าไปคุยรายละเอียดของภารกิจกันได้แล้ว”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 19:05:05 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.15 ท่านซาตาน

   พี่วินเดินตรงมาหาผมเป็นคนแรก แขนยาวกางออกคว้าคอผมเดินนำเข้าไปในห้องกัปตันเรือราวกับว่าที่แห่งนี้คือปราสาทของตัวเอง เอ่อ...พี่วินครับ เจ้าของเรือมองพี่แทบอยากจะจับขังไว้ดูเล่นในเรืออยู่แล้ว แถมมาคนเดียวไม่มีองครักษ์ เดี๋ยวโดนฉุดไม่รู้ตัวหรอก

   “พี่ชินล่ะฮะ” ผมกระซิบถามได้ยินกันแค่สองคน จากการคาดเดาของผม พี่อินคงไม่อภิรมย์กับชื่อพี่ชินสักเท่าไหร่

   “ติดงาน เดี๋ยวตามมาที่หลัง ไวไวกับเด็กคนนั้นไปไหน ไม่ได้เล่นด้วยกันรึไง”

   “พวกนั้นอยู่ที่เมือง ผมมาเดินเล่น โดนพี่อินลากตัวมาพร้อมกับกล”

   ผู้มาใหม่เลือกนั่งเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะแทนเจ้าของเรือ ซึ่งเจ้าของเรือเองไม่ว่าอะไรสักคำ ยืนนิ่งยิ้มอารมณ์ดีอยู่คนเดียว จนพี่เจตน์ขยับถอยห่าง เว้นระยะราวกับกลัวติดเชื้อไวรัสอะไรบางอย่าง

   ผมนั่งตรงข้ามพี่วิน ข้างๆ มีกลตามมานั่งสมทบ ทำให้คิ้วท่านซาตานกระตุกยิกๆ แต่ไม่พูดอะไร เลือกพูดเข้าเรื่องแทน ส่วนในใจคิดอะไรอยู่ อันนี้ผมไม่รู้นะ รู้แค่ว่ากลเงียบลงเหมือนเป็นใบ้ไปเรียบร้อย

   “วัตคงจะงงว่าทำไมภารกิจของพี่ถึงให้อินช่วยหาคนให้ พี่จะอธิบายให้ฟังแล้วกัน” ผมพยักหน้ารับหงึกๆ เป็นเด็กดีว่าง่ายเชื่อฟังพี่

   เจ้าตัวบอกว่า ภารกิจนี้บังเอิญได้มาตอนเข้ามาเล่นเกมหลังจากห่างหายไปนาน มันเหมือนกับภารกิจลุยดันเจี้ยนทั่วไป เพียงแต่ว่า มันเป็นปาร์ตี้ใหญ่ ซึ่งพี่วินมีคนไม่ครบ เลยวานพี่อินที่พอมีเวลา หาคนช่วยลง แล้วก็เป็นอย่างที่เห็น พี่อินลากปาร์ตี้ผมมาช่วยดำเนินภารกิจ ถือว่าจังหวะดีทีเดียว

   พวกผมกำลังเก็บระดับพอดี ตอนแรกคิดจะเก็บกับมอนสเตอร์แถวนี้ก่อนให้เลเวล 90 ค่อยลุยดันเจี้ยนสักแห่งก่อนไปเมืองใหม่ ถ้าผมไปช่วยพี่วินลุยดันเจี้ยน นั่นเท่ากับว่าผมได้เก็บระดับโดยมีคนเลเวลสูงๆ มาช่วยตั้งหลายคน ได้ลงดันเจี้ยนกับพี่ชาย มีโอกาสได้ของดีๆ มาใช้

    อีกอย่าง ฐานะพี่วินไม่ธรรมดา การมีผู้เล่นทั่วไปมาปะปนด้วย อาจเกิดปัญหาได้ในอนาคต อย่างที่รู้กัน แม้ว่าพี่ชายผมจะไม่ใช่คนดังปานดาราที่มีข่าวรายวัน แต่ถ้าหากเป็นคนในวงการเกม หรือวงการโปรแกรมเมอร์แล้วล่ะก็ ย่อมรู้จักกับพี่ชายผมแน่นอน เจ้าตัวเป็นถึงหนึ่งในแกนหลักของผู้สร้างเกมนี่

   ส่วนรายละเอียดภารกิจ จากที่ผมฟังไม่ซับซ้อนอะไรมาก พี่วินบอกว่าภารกิจนี้ ต้องนั่งเรือไปยังเกาะร้างที่อยู่ไม่ไกล แล้วหาทางเข้าไปภายในดันเจี้ยน ฆ่าบอสที่นั่นซะ ภารกิจก็เป็นอันเสร็จสิ้นโดยไม่ต้องกลับไปส่งให้เหนื่อย ถ้าหากตกลงทำแล้ว ทุกคนในปาร์ตี้จะได้รับภารกิจเดียวกัน ผมนึกเอะใจอะไรบางอย่าง เลยออกปากถาม

   “แบบนี้ถ้าคนอื่นได้รับภารกิจเดียวกัน จะไม่แย่งกันทำเหรอพี่”

   ใบหน้าหล่อเหลาเลิกคิ้วมอง พลางหัวเราะเสียงน่าฟัง

   “อืม...เข้าใจถาม ไม่ต้องห่วง ภารกิจนี้รับได้ทีละปาร์ตี้เท่านั้น คนอื่นจะรับภารกิจไปทำได้ตอนพวกเราเคลียเสร็จ ที่เหลือไว้ค่อยคุย วันนี้ดึกแล้วแยกย้ายกันไปนอนพักผ่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยมารวมตัวกันที่เรือ อินฝากด้วยนะ ไปวัต กลับเมืองกัน”

   ชายผู้มีเขาเพียงหนึ่งเดียวในห้องลุกขึ้นชวนผมกลับเมือง ความหมายของคำว่าฝากคือ กลถูกพี่อินรั้งตัวไว้นอนบนเรือ ส่วนผมเป็นคนพาพี่วินไปหาไวไวกับลินที่ไม่รู้ป่านี้เดินเที่ยวตลาดกลางคืนของเมืองสตาทอสจนพลิกพื้นมาดูแล้วหรือยัง พอผมติดต่อไป เสียงไวไวโวยวายมาเป็นอันดับแรก

   “จะดูดเลือดกันจนถึงเช้าเลยรึไงห๊ะ กว่าจะติดต่อมาได้ ถ้าในเกมมันมียุง ฉันกับลินคงถูกยุงหามไปโยนทิ้งทะเลจนลอยอืดขึ้นมาให้พวกนายเก็บซาก!”

   “ใจเย็นก่อนเพื่อน โทษทีที่ลืมติดต่อไป พอดีมันมีเหตุนิดหน่อย มาเจอกันที่โรงแรมมีเรื่องจะคุย ลินด้วยนะ”

   “ได้ แล้วเจอกัน”

   พวกเราคุยกันในช่องปาร์ตี้ หลังคุยเสร็จเลิกติดต่อ ต่างคนต่างไปตามจุดนัด ผมกับพี่วินกางปีกของตัวเอง บินกลับเมือง

   “พี่ มาเล่นเกมแบบนี้ไม่เป็นไรจริงๆ น่ะเหรอ ถ้าเกิดใครรู้เข้า จะหาว่าพี่โกงรึเปล่า” ผมถามด้วยความเป็นห่วง  พี่วินหันมาเลิกคิ้วมอง เรือนผมสีทองของพวกเรา พลิ้วไหวไปตามกระแสลม

   “ขอบใจที่เป็นห่วง พี่เป็นคนวางระบบหลักๆ เท่านั้น รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ แบ่งเป็นหน้าที่ของคนอื่น ดังนั้นข้อมูลในเกมทุกอย่าง พี่รู้แค่บางเรื่องพอๆ กับผู้เล่นทั่วไป อย่างภารกิจที่พี่ได้มาด้วยความบังเอิญ พี่ก็ต้องออกไปหาข้อมูลข้างนอกเอาเอง ตามเว็บไซต์นั่นแหละ”

   พี่วินหยุดยืนอยู่ตรงขอบกำแพงเมือง ธรรมชาติที่อยู่รอบนอก ดูอ่อนโยน และภาคภูมิใจ แขนยาวทั้งสองข้างกางออก หันมาทางผมที่ยืนอยู่ตรงข้าม มีฉากหลังเป็นเมืองและป่า

   “วัต มีบางสิ่งที่พี่อยากจะบอกเราเอาไว้ โลกแห่งนี้เป็นสิ่งที่พี่กับเพื่อนสร้างขึ้นมาด้วยความตั้งใจ พวกเราลงทุนลงแรงไปมากมาย ร่วมมือกับทุกคนในบริษัทจนกลายเป็นเกมที่ทุกคนเห็น มันไม่ใช่เกมของใครคนหนึ่ง แต่มันคือเกมสำหรับทุกคน หากสร้างเกมมาแล้วไม่มีผู้เล่น มันจะไปมีประโยชน์อะไร”

   “สำหรับพี่แล้ว อยากให้ทุกคนที่เข้ามาอยู่ในเกม ไม่ว่าจะมาเล่น มาฆ่าเวลา หรือเป็นพนักงานของบริษัทเข้ามาทำงาน พี่อยากให้ทุกคนสนุกกับโลกที่พี่ และทุกคนสร้างขึ้น อยากให้พวกเขาทิ้งความกังวล ความทุกข์ไว้เบื้องหลัง ก่อนกลับไปเผชิญกับมันอีกครั้งหลังจากที่มีกำลังพอ”

   น้ำเสียงทุ้มนุ่มดังเข้ามาภายในจิตใจ ผมมองใบหน้าด้านข้างของพี่ชายที่กำลังดูเหล่าผู้คนมากหน้าหลายตาในเมืองด้วยสีหน้าละมุนละไม แสงไฟจากเบื้องล่าง กระทบเส้นไหมสีทอง ปีกสีขาวคู่ใหญ่ด้านหลัง ราวกับเป็นเทพไปจริงๆ ก่อนใบหน้านั้นจะหันมามองผมด้วยรอยยิ้มที่ผมชอบที่สุด

   “พี่อยากให้เราสนุกกับมัน พี่กับชินดีใจนะที่วัตเข้ามาเล่นเกมนี้ ตอนแรกก็ลุ้นๆ อยู่ เจ้าเด็กขี้เบื่ออย่างเราจะโผล่เข้ามาเมื่อไหร่” พี่วินขยิบตาให้ ผมหัวเราะ เดินเข้ายืนข้างๆ พี่ชาย

   “ขอโทษที่ผมขี้เบื่อแล้วกันนะ อืม.... ในฐานะผู้เล่นคนหนึ่ง ผมมีความสุขที่ได้เข้ามาเล่นเกม แม้จะยังเห็นอะไรในโลกนี้ไม่มากเท่าไหร่ แต่ผมขอบคุณพวกพี่ทุกคนที่สร้างเกมขึ้นมาให้พวกเราเล่น ขอบคุณครับ”

   “ฮ่าๆ ได้ยินแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย วัต จำเอาไว้ เกมมันเป็นมากกว่าสถานที่ผ่อนคลายความเครียด มันคือโลกจำลองอีกหนึ่งแห่ง สอนประสบการณ์ ข้อคิดต่างๆ ให้กับผู้คน ขึ้นอยู่กับว่า คนๆ นั้นจะสามารถคิดและนำมันมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้รึเปล่า แน่นอน เกมที่พี่รัก ถ้าใครมาก่อกวนล่ะก็ มันจะได้เจอยิ่งกว่าคำว่า ‘ตายทั้งเป็น’ ”

   ดวงตาสีเทาเปลี่ยนเป็นคมกริบจนผมยังแอบสะดุ้ง น้ำตาตกในใจ เพิ่งเป็นเทพบุตรได้ไม่กี่นาที กลับมาเป็นท่านซาตานอีกแล้ว พี่ทำจริงอย่างที่พูดแน่ๆ ยังไงก็ตาม น้องที่ดีต้องรับฟังและทำหูทวนลม โยนคำพูดน่ากลัวเหล่านั้นทิ้งไปซะ พร้อมดึงความสนใจพี่ชายไปเรื่องอื่นด่วนๆ

   “พวกเรารีบไปกันเถอะพี่ ป่านี้ไวไวกับลินคงรอนานแล้ว”

   เจ้าตัวหัวเราะเหมือนรู้ทัน แต่ก็ยอมเออออบินตามผมลงมาในเมือง เราสองพี่น้องเลือกทางโล่งๆ เป็นสถานที่ร่อนลงจอดอย่างนุ่มนวล ใกล้กับโรงแรม สายตาทุกคู่หันขวับมามองพวกเราเป็นตาเดียว ผมกับพี่วินเก็บปีกเดินจ้ำอ้าวเหมือนวิ่งควายเข้าโรงแรมอย่างด่วนเพราะกลัวถูกรุมทึ้ง

   ยอมรับจริงๆ ตัวตนของพี่วินดึงดูดทุกคนมาก ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา น้ำเสียง ลักษณะนิสัย หรือบุคลิกท่าทาง ทั้งที่พวกเราสองคนหน้าคล้ายกันเหมือนเวอร์ชั่นวัยรุ่น กับเวอร์ชั่นผู้ใหญ่แท้ๆ ออร่าผู้ใหญ่ช่างอันตราย

   “ถามจริงพี่วิน ก่อนหน้านี้พี่เล่นเกมรอดมายังไง”

   “เล่นแบบปกติ” ตอบหน้าตายสุดๆ

   “โอเคครับ ขอโทษที่ถาม และขอบคุณสำหรับคำตอบ” ส่ายหัวปลงๆ เดินนำเปิดประตูเข้าห้องพัก

   ค้างคาวบางตัวไม่รู้ตัวเลยว่า ปกติบรรยากาศรอบตัวของพี่ชายตัวเอง มักมีกำแพงบางๆ กั้นไว้อยู่เสมอ ทุกคนจึงเกรงใจเว้นระยะห่างไม่คิดเข้าไปหาจนน่าเกลียด ผิดกับเวลาอยู่ใกล้น้องชายเพียงคนเดียว กำแพงนั้นได้หายไปเหลือเพียงบรรยากาศสบายๆ รวมกับรอยยิ้มบนใบหน้า จึงทำให้ผู้คนคิดจะเข้าหา แต่ถ้าตอนนั้นมีชินอยู่ด้วยนั่นอีกเรื่อง

   “กว่าจะมาได้ ฉันเกือบหลับรอแล้วนะ”

   หูกระต่ายโผล่มาเป็นอันดับแรก พี่วินเลื่อนสายตาลงมองเห็นไวไวไซส์มินิยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าประตู ถัดไปมีลินมองสลับสองพี่น้องด้วยความแปลกใจ

   “นายถูกคำสาปแยกร่างเป็นผู้ใหญ่ด้วยเหรอ”

   สีหน้าลินเหมือนจะงงมาก ผมหัวเราะพรืด ปิดประตูดันหัวไวไวออกแล้วผายมือไปทางคนข้างตัว

   “พี่ชายฉันเองลืมไปแล้วเรอะ ชื่อพี่วิน เรื่องที่จะคุยเป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าตัวนี้แหละ”

   กระต่ายแคระเพิ่งสังเกต พอเห็นว่าใคร ถึงกับรีบวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังลิน ก่อนจะถูกมือพี่วินคีบออกมามองด้วยรอยยิ้มมุมปาก

   “อะไรกันเนี่ย โดนคำสาปใช้ได้นี้”

   งานนี้ไวไวนอกจากจะไม่โวยวายเพราะถูกพูดเรื่องโดนย่อส่วนแล้ว ยังนิ่งอึ้งอ้าปากค้างแบบไม่อยากจะเชื่อ ก่อนสติจะบินกลับมาหันมามองทางผมเหมือนต้องการคำตอบว่าทำไมพี่วินถึงโผล่เข้ามาในเกมได้ ผมยกมือสองข้างขอตัวเองไปอยู่วงนอก ให้พี่วินอธิบายกับสองคนนี้เอา รายละเอียดที่บอกไปก็เหมือนกับที่บอกกับพวกผมบนเรือ

   สองพี่น้องหัวทองตาฟ้านั่งบนเตียงอีกฝั่ง ส่วนสองคนนั้นนั่งอีกด้าน ไวไวยกมือเหมือนจะถาม พอพี่วินพยักหน้าให้ เจ้าตัวถึงเปิดปากพูด อย่างกับครูนักเรียน

   “มันเป็นภารกิจระดับไหนครับพี่ พวกผมเลเวลยังไม่ถึงร้อย เข้าไปไม่ตายตั้งแต่หน้าดันเจี้ยนเรอะ”

   “ทำไมเด็กสมัยนี้มันขี้กังวลจริง อย่างมากก็แค่ตาย เกิดใหม่ กลับไปลุยใหม่ไม่เห็นยาก มันเป็นภารกิจของพวกเลเวลร้อย พวกนายได้ค่าประสบการณ์เพียบ เลเวลอัพรัวๆ จนสู้พวกมอนสเตอร์ไหวแน่”

   ผมกับไวไวยิ้มแห้ง ขณะมองพี่วินนั่งไขว่ห้างท่าทางมุ่งมั่นเต็มร้อย โดยมีลินเป็นแรงเสริม ชักจะห่างไกลกับคำว่าผู้หญิงมากไปทุกทีแล้วคนๆนี้

   “มีเพื่อนพี่วินกับกลช่วยด้วย ฉันคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถ้านายไม่อยากลงจะรอด้านนอกก็ได้ เดี๋ยวพวกเราเข้าไปลุยเพิ่มระดับกันเอง” ผมยักคิ้วใส่ไวไว เจ้าตัวชะงักกึก กระโดดจากตักลินมาหาเรื่องผมทันที

   “เรื่องอะไร งานนี้ฉันไปด้วย ต่อให้ถูกมอนสเตอร์เหยียบแบนติดพื้นก็จะไป อุตส่าห์มีคนเลเวลเยอะๆ มาช่วยตั้งหลายคน”

   “สำหรับฉัน ไปไหนไปกันอยู่แล้ว” ลินเสริม ในเมื่อมติเป็นเอกฉันท์ พวกเราเลยสรุปว่า คืนนี้จะนอนที่โรงแรมก่อน พอวันรุ่งขึ้นค่อยย้ายไปปักหลักกันที่เรือ ผมอดตื่นเต้นนิดๆ ไม่ได้ ตั้งแต่เข้ามาเล่นเกมยังไม่เคยนั่งเรือเลย ไม่รู้จะต่างจากโลกความจริงรึเปล่า

   แค่คิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ก็รู้สึกสนุกแล้ว ผมเลยนอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะจุกแอ้กเมื่อท่อนขาอันน่าเกรงขามของท่านซาตานวาดพาดมากลางพุง ชิบหาย! ผมลืมไปได้ยังไงว่าพี่วินนอนดิ้น จะลุกหนีไปนอนกับพวกไวไวตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วด้วย นึกไว้อาลัยตัวเองเงียบๆ คนเดียว ฮึกๆ

   เช้าวันต่อมา ทุกคนสดชื่น เว้นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าค้างคาว ขอบตาดำคล้ำ เดินสะโหลสะเหลอยู่เพียงคนเดียว เพราะเมื่อคืนถูกพี่ชายตัวเองรังแกจนแทบไม่ได้นอน เมื่อวานพวกเขาใช้วิธีบินมา ส่วนวันนี้มีลินกับไวไว พี่วินเป็นคนวิ่งนำทาง ส่วนผมกลายร่างเป็นค้างคาวซุกอยู่ในเสื้อพี่วิน เพื่อหลบแดดและแอบงีบเอาแรงก่อนลุยภารกิจ

   กระทั่งทุกคนมาถึงเรือจนครบ มีแค่พี่เจตน์ที่มารอรับพวกเรา พร้อมได้ยินเสียงตูมตามจากทางหัวเรือ ถึงพอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พวกมอนสเตอร์ในทะเลคงโผล่มาโจมตีเรือถือเป็นเรื่องปกติ พอเสียงต่อสู้เงียบหายไป เรือก็เริ่มแล่นไปตามทางที่กำหนดไว้ พี่วินนั่งลงบนพื้นดาดฟ้าเรือ กางแผนที่เกาะแห่งหนึ่งออกมา โดยมีพวกเรานั่งล้อมวง ปล่อยให้คนมีพลังเหลือเฟืออย่างพี่อินกับกลคอยจัดการมอนสเตอร์ไป

   “ดันเจี้ยนที่เราจะไป ไม่ใช่ส่วนใดส่วนหนึ่งของเกาะ แต่มันเป็นทั้งเกาะนี้เลย บอสใหญ่สุดจะอยู่ที่ใจกลางเกาะ พวกเราต้องแบ่งทีมไปทำลายผนึกทั้งสองด้านทิ้งซะ หลังทำลายเสร็จ เราจะลากมอนสเตอร์มาจัดการรวมตรงนี้ พอหมดค่อยเข้าไปหาบอสใหญ่ ป้องกันการโดนมอนสเตอร์รุมระหว่างตีบอส”

   นิ้วยาวชี้ไปตามจุดต่างๆ บนแผนที่ ตรงกลางเป็นแท่นหินสูง ด้านบนเรียบเหมือนลานจอดเครื่องบิน ผนึกที่ว่าอยู่ด้านซ้ายและขวาของเกาะ ผมมองๆ ดูแล้ว เกาะนี้ไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ ถ้าให้วิ่งหรือบินแค่ครึ่งวันก็วนรอบเกาะ พวกเราแบ่งทีมกัน ในนี้คนที่รักษาคนอื่นได้คือพี่วินกับผม

   สมาชิกทั้งหมดคือทุกคน ยกเว้นพี่อิน เจ้าตัวต้องเฝ้าปกป้องเรือจนกว่าพวกเราจะกลับมา ผมแยกกับพี่วิน ฝั่งผมมี ลิน กลทำลายผนึกด้านขวา ฝั่งนั่นมีพี่วิน พี่เจตน์ไวไวทำลายผนึกด้านซ้าย การแบ่งทีมคือ ในทีมนั้นต้องมีคนรักษาหนึ่งคน คนตีระยะประชิดหนึ่ง ไกลหนึ่ง จุดที่เราจะลากมอสเตอร์มารวมกันเป็นลานกว้างหน้าทางเข้าบอสใหญ่ของเกาะ

   เรือมาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ จอดเทียบกับหน้าผาติดต้นไม้ หลังจากพวกเราลงหมดแล้ว เรือจะแล่นออกไป เพื่อลดโอกาสการถูกมอนสเตอร์บนบกโจมตีเพิ่ม ไวไวย้ายที่อยู่ไปสิงสถิตบนไหล่พี่เจตน์แทน ก่อนจะได้เริ่มกระโดดลงจากเรือทำหน้าที่ใครหน้าที่มัน พี่วินคว้าไหล่ผมไว้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 19:06:51 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ทำไมเหมือนจะจบค้าง เราไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ม้ายยยยย  :ling1:

ฉากที่วัตดูดเลือดกลมันยิ่งฟินขึ้นเรื่อยๆเลยยย >///<

ออฟไลน์ milky way

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
แค่ฉากดูดเลือดก็สุดยอดแล้ว
รอดูข้อตกลงว่าจะเป็นอย่างไร

ออฟไลน์ ben

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-3
ต๊าย ค้างอะค้างงงงง มาด่วนคะๆ

ออฟไลน์ Jinn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอลุ้นอยู่ค่ะ ว่าจะเป็นยังไงต่อไป

ออฟไลน์ VampirezBadz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ถึงจะต่อสองพาร์ท แต่ก็ยังรู้สึกสั้นอ่ะ
ใช่ ต้องใช่แน่ๆ อ่านสนุกไปแล้วแน่ๆ 555
รีบมาต่อตัวกันน้าาา  :katai3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
 :hao6: :hao6: :hao6: ฟินอยากเล่นเลยอ่ะ เค้าจะเอาคำสาปแวมไพร์  :ling1: o9

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
โอ๊ย วัตนี้เหมือนจะรู้ไม่ทัน แต่รู้ทันเสมอ กลซะอีกที่ดูเหมือนจะตามวัตไม่ทันเลย
สนุกมากอะ รอตอนต่อไปนะ

ออฟไลน์ Tumz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 450
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4
 :katai5: :katai5: :katai5:

อยากอ่านต่อ

ออฟไลน์ morningflower

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ฉากดูดเลือดนี่กลกลายเป็นหมาไร้เดียงสาไปเลย  :m20:

ออฟไลน์ เลิฟลี่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เอาอีกๆ เจอพี่วินในเกมแล้วจบเลย ตอนต่อด่วนๆ

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
คุณพี่อย่างเท่ค่ะ!!!!! แอบเหมือนกลมีความหลังอะไรซักอย่าง
รอตอนต่อไปดีกว่าเนาะ
ปล. ให้ลินเป็นผช.ถาวรเลยไหม เหมาะดีอะ

ออฟไลน์ Marchyn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ฟินตอนดูดเลือดกับป้อนยาจังเลยน้าาาาา.... :)

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
พึ่งมาอ่านจร้าาาา
น่าสนใจสุดๆ >\\\\\\<

พี่วิน เข้ามาในเกมส์แร้ว >< กลวางแผนแร๊ว กลสู้ๆๆๆ

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.15 ท่านซาตาน (ต่อ)

   “พี่เพิ่งนึกขึ้นได้ วัตไม่มีอะไรช่วยทำดาเมจใช่มั้ย เอาอันนี้ไปใช้” มือหนายื่นมีดเจ็ดเล่มมาให้ ใบมีดรูปพระจันทร์เสี้ยวสีดำ ดูกลมกลืนกับโดยรอบ ขนาดประมาณฝ่ามือ ถึงจะบอกว่ามีด แต่ก็ไม่มีด้ามจับ ผมรับมาไม่คิดอะไร พี่วินให้น่าจะเป็นของดีใช้ประโยชน์ได้นั้นแหละ

   หลังถูกถ่ายโอนกลายเป็นของผม ผมเลยเปิดข้อมูลของอาวุธดู จะได้เลือกใช้งานถูก

   ชื่อ : เจ็ดจันทร์เสี้ยว
   ระดับ: (พัฒนาตามผู้เล่น)
   พลังโจมตี : 20,000 / เล่ม
   วิธีใช้ : เรียกชื่อ ผู้ใช้ต้องเป็นฝ่ายบังคับมีดแต่ละเล่มด้วยตัวเอง
   ข้อมูล : อาวุธประเภทของมีคม สามารถใส่สถานะหนึ่งอย่างในมีดแต่ละเล่ม มีโอกาสพัง ต้องคอยซ่อมแซมอยู่เสมอ หลังจากผู้เล่นตายอาวุธจะกลับเข้ากระเป๋าโดยอัตโนมัติ

   ผมตาวาวมองของเล่นใหม่ในมือ ถือว่าเป็นของดีชิ้นที่สองตั้งแต่มาเล่นเกมนี้ ชิ้นแรกคือเคียวของผมนี่แหละ ใช้งานยากหน่อยต้องควบคุมทีเดียวเจ็ดเล่ม ตอนนี้ผมคงใช้มากสุดแค่สาม เลยเลือกออกมาสามเล่ม เล่มหนึ่งใส่พิษทำให้ผู้ที่โดนติดสถานะพิษเลือดลดตลอดเวลา เล่มสองเป็นแบบธรรมดา ส่วนเล่มสามเป็นดูดเลือดจากมอนสเตอร์ ผมจะได้ไม่ต้องเสี่ยงเอาเคียวไปจามหัวมอนสเตอร์บ่อยนัก

   “ขอบคุณพี่ โคตรรักพี่เลย”

   “ใช้ดีๆ อย่าให้มันมาโดนพวกเดียวกันล่ะ”

   “รับทราบ วะฮ่าๆ ได้ของเล่นใหม่แล้วเจ้าข้าเอ๊ย!”

   สองมือป้องปาก มีความสุขเต็มที่ ผมมีอาวุธคอยป้องกันตัวเองมากขึ้นแล้ว ผมลองเรียกชื่อ มีดสามเล่มลอยอยู่รอบตัว ลองควบคุมมันตัดต้นไม้บนฝั่งสักสองสามต้น ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ผมคงต้องบีบระยะการโจมตีให้อยู่รอบๆ ตัวจะได้ไม่ไปโดนเพื่อนคนอื่น เมื่อทุกคนพร้อม พี่วินเป็นคนส่งสัญญาณ

   “ไป!”

   ฟุบ!!

   ทุกคนกระโดดหายเข้าไปในป่า ทีมผมวิ่งไปทางด้านขวา กลอยู่หน้าสุดคอยเชือดมอนสเตอร์ที่โผล่มาขวางลู่วิ่งพวกเรา งานนี้ผมเห็นกลงัดเอากรงเล็บเหล็กออกมาใช้ ตามด้วยผมที่อยู่ตรงกลางคอยซัพพอร์ททีมตัวเอง ลินประกบหลัง ตั้งแต่เจ้าตัวเป็นผู้ชาย จากแม่มดมืดธรรมดา กลายเป็นพ่อมดมืดผสมดาบ มือขาวถือดาบเล่มยาวฟันมอนสเตอร์ที่ลอบโจมตีด้านหลัง มืออีกข้างร่ายเวทง่ายๆ มาช่วยเสริมอีกแรงเพราะเป็นผู้ชายแล้ว ปริมาณของพลังเวทมนต์มันลดลง เจ้าตัวต้องเปลี่ยนเอาดาบมาเป็นอาวุธหลัก

   เสียงตูมตามจากเกาะด้านซ้ายไม่ทำให้ฝีเท้าพวกเราหยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย ช่วงแรกมอนสเตอร์ไม่โหดเหมือนที่พี่วินบอก ช่วงหลังมอนสเตอร์ระดับสูงขึ้น ยิ่งเข้าใกล้ผนึกมากเท่าไหร่ ตัวโหดๆ ยิ่งโผล่มามากเท่านั้น จนพวกเราต้องหยุดสู้เป็นระยะ ผมกางปีกถอยฉากหลบอยู่บนต้นไม้ ควบคุมมีดพิษโจมตีป้องกันรอบตัว ส่วนมีดธรรมดากับมีดใช้ดูดเลือด ส่งไปช่วยกลกับไวไวจัดการด้านล่าง

   พอใครพลังลด ผมจะลงไปถือใช้พลังเพิ่มเลือดให้ ผสมกับใช้เคียวตวัดฟาดฟันแหลกลาน จัดการเสร็จหนึ่งตัว ต่อด้วยตัวที่สอง กระทั่งมาถึงผนึก

   ผนึกตรงหน้าอยู่บนแท่นหิน เป็นแท่งคริสตัลสีฟ้ารูปทรงธรรมชาติ สูงท่วมหัว ลินเปลี่ยนจากดาบเป็นคฑาหัวกะโหลกแบบที่ผมเคยเห็นบ่อยๆ สมัยยังเป็นผู้หญิง ปากพึมพำร่ายมนต์บทใหญ่ ปรากฏพื้นสีดำคลุมรอบคริสตัลกับพวกเรา เป็นอาณาเขตป้องกันชั่วคราว

   “พลังเวทฉันยังไม่เยอะสร้างได้แค่นี้ มันอยู่ไม่นาน รีบทำลายผนึกเร็ว”

   ผมกับกลพยักหน้ารับ พวกเราสองคนรับหน้าทีงัดสารพัดท่ามาทำลายผลึกตรงหน้า มีดผมเรียกออกมาทั้งเจ็ดเล่ม ยังไงแค่โจมตีเป้าหมายนิ่งเป้าหมายเดียว ไม่เป็นปัญหาในการควบคุมอยู่แล้ว ส่วนมือใช้เคียวช่วยอีกแรงถึงได้รอยร้าวสักนิด พอกลลงมือ แค่กรงเล็บเดียวแทบจะร้าวทั้งก้อน ผมอ้าปากค้าง เผลอหยุดมือไปชั่วขณะ เหลือแค่จันทร์เสี้ยวเจ็ดเล่มคอยโจมตี

   พริบตาที่คริสตัลใกล้จะแตก อาณาเขตโดยรอบที่ลินสร้างขึ้นหายไป จากการถูกมอนสเตอร์ประเภทสัตว์ใช้เวทโจมตี ลินเลยต้องเก็บคฑาพุ่งตัวเข้าไปซัดกับพวกมอนสเตอร์ต่อ โกเล็มยักษ์ตัวหนึ่งซัดแท่งหินพุ่งเข้ามาหาผม กลผละจากผนึก มายืนขวางหน้าผมไว้ พอมันเข้าใกล้ ร่างสูงกระโดดถีบจนโกเล็มหงายทับมอนสเตอร์ตัวอื่น แล้วใช้มือดันพื้นกลับมายืนมั่นคงตามเดิม พร้อมขว้างกรงเล็บเหล็กทั้งสองอันของตัวเองปักเข้าแท่งคริสตัล ก่อนออกแรงกระชากโซ่มือเดียว

   เพล้งงงง!!

   เสียงแตกดังสนั่น มอสเตอร์ทุกตัวที่ล้อมพวกเราชะงักไปชั่วครู่

   “เก็บอาวุธ ฉันจะอุ้มไปเอง” ผมกับลินพยักหน้า เก็บอาวุธทั้งหมด เวลานี้ไม่คิดสงสัยอะไรทั้งสิ้น เพราะยังไม่อยากตายใต้เท้ามอนสเตอร์เป็นฝูง

   พอเห็นว่าพวกเราเก็บอาวุธหมดแล้ว ผมเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวมุดเข้าไปอยู่ในเสื้อกล โผล่มาแค่หัวกับมือเล็กๆจับคอเสื้อขนสัตว์เอาไว้ เห็นกลทำหน้าเซ็งไปวูบหนึ่ง สงสัยหวังอะไรไม่เป็นผลดีกับผมแหง ก่อนเจ้าตัวจะแบกลินขึ้นบ่า กระโดดหลบการโจมตีจากเข็มเม่น วิ่งล่อมอนสเตอร์ไปยังจุดรวมพล

   เกาะนี้ขนาดไม่กว้างมาก กลวิ่งเต็มฝีเท้าหมาป่า ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็มาถึงที่หมาย ตรงนั้นเห็นไวไวยืนอยู่บนยอดไม้ต้นหนึ่ง มอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆ ถูกอาวุธลึกลับฆ่าตายเรียบ คงจะเป็นพี่เจตน์แฝงตัวสมเป็นนินจาแหงๆ เหนือน่านฟ้ามีพี่วินกางปีกสีขาวออกกว้าง บินเหนือหัวพวกมอนสเตอร์ที่ถูกต้อนมารวมกันเป็นฝูง กลกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้เดียวกับไวไว มอนสเตอร์ที่ตามหลังพวกเรามารวมตัวกันตรงลานกว้าง

   พอมอนสเตอร์ส่วนใหญ่เข้ามาตรงกลางจนหมด ลวดในมือไวไวถูกขึง กักตัวมอนสเตอร์ทั้งหมดไม่ให้หนี มีบางส่วนหลุดไป นั่นเป็นหน้าที่พวกเราคอยไล่ตามเก็บจัดการต่อ ผมกลับมาอยู่ในร่างคนอีกครั้ง บินคอยช่วยเสริมทุกคนตามเดิม ลดจันทร์เสี้ยวเหลือแค่สอง เพื่อความสะดวกในการควบคุม

   เมื่อทุกอย่างพร้อม พี่วินยกมือข้างหนึ่งขึ้นเหนือหัว สายลมเหมือนถูกดูดไปรวมอยู่ที่มือนั้น เหนือน่านฟ้ามีวงเวทสีดำกระจายตัวอยู่ทั่วลาน ไอพลังสีดำครอบคลุมตัวพี่วินไว้ ทันทีที่มือวาดลงไปยังฝูงมอนสเตอร์ ข่ายเวทมนต์ทุกอันส่งแสงทำงาน ลูกธนูสีดำถูกสาดลงมาเป็นฝนปูพรมสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยม ผมกลืนน้ำลายอึก ยืนดูผลงานพี่วินข้างกล ส่วนไวไวถูกลินอุ้มตามเดิม พี่เจตน์ผิวปากฟิ้วยกมือป้องหน้าชมการสาดเวทแสนตื่นตาตื่นใจ

   หลังการสาดเวทจบลง พี่วินบินมาทางพวกเรา ก่อนออกคำสั่งที่ทำให้ผมแทบหัวทิ่ม
   
   “รีบไปเก็บกวาดก่อนพวกมันจะตื่นขึ้นมาเร็ว การโจมตีเมื่อกี้ไม่ทำให้มันถึงตาย พี่พลังหมดแล้วขอดื่มขวดยาอยู่ตรงนี้แล้วกัน”

   “ปัดโธ่! แล้วตะกี้เอาซะเท่” ผมบ่นอุบ วิ่งตามพวกกลไปยำมอนสเตอร์ต่อ แบบที่พวกมันกำลังทรุดหมดสภาพชั่วคราว กว่าจะเคลียหมดแล้ว เล่นเอาหืดขึ้นคอ พวกเรานั่งพักมันตรงกลางลาน ต่างคนต่างกระดกน้ำยาเพิ่มเลือด ฟื้นฟูกำลัง พี่วินเดินหัวเราะเข้ามา

   “หึหึ สนุกดีมั้ย”

   “สนุกมากกกกกกเลยพี่วิน เวทออกจะอลังการงานสร้าง ทำไมถึงฆ่ามันไม่ได้สักตัวล่ะเพ่” ไวไวตอบแบบเอาเรื่อง

   “มันคงตายอยู่หรอก ถ้าพี่เลเวลตันแล้ว ตอนนี้ระดับน้อยนิด ได้แค่นี้แหละ แถมสาดไปซะเยอะ ความแรงมันก็หารๆกั นไป ซัดมันหมอบได้ก็ถือว่าดีแล้ว มาเดี๋ยวช่วยฟื้นฟูให้”
   
   แสงรอบตัวพี่วินเปลี่ยนเป็นสีขาว พอมือมาอิงบนตัว แผลรอบตัวค่อยๆ หายจนกลับเป็นปกติ แสงนี้ทำให้รู้สึกอบอุ่นไม่เหมือนกับพวกธาตุแสงที่ผมเคยเจอ คงจะเป็นเวทสำหรับฟื้นฟูโดยแท้จริง พี่วินจัดการรักษาทุกคนไม่เว้นกระทั่งกล จนพวกเราฟื้นสภาพเต็มร้อย ที่เห็นจะไม่สะทกสะท้านอะไร คงมีแต่พี่เจตน์ ลุยในที่ลับ เลยได้บาดแผลแค่นิดหน่อย

   “เวทพี่สะดวกดีแฮะ มีทั้งสายปีศาจ กับสายเทพ แถมรักษาพวกไม่ถูกโรคกับธาตุแสงอย่างเผ่าปีศาจได้ด้วย”

   “เพราะมันเป็นพลังสายบริสุทธิ์มั้ง เลยไม่เป็นผลในด้านลบ เห็นสะดวกแบบนี้ แรกๆ เล่นเอาลำบากไม่น้อย พลังสองอย่างไม่ใช่อยากใช้อันไหนก็ใช้ได้ทันที ถ้าใช้อีกอัน พลังเวทอีกด้านจะไม่สามารถใช้ได้แม้แต่นิดเดียว วิธีสลับพลังใช้ กว่าจะทำตัวชินได้ จนเรียกใช้ไวขนาดนี้ เสียเวลาฝึกไปพอสมควร เกมนี้ไม่ใช่ได้ของดีแล้วเทพเลย อยู่ที่ความขยันด้วย ของเทพแต่ใช้ไม่ชิน สุดท้ายก็ตายอยู่ดี”

   จริงของพี่วิน ขนาดตอนผมได้รับคำสาป กับได้อาวุธใหม่ๆ ยังต้องอาศัยการฝึกใช้งาน กับประสบการณ์ถึงจะสามารถใช้ได้ลื่นไหล

   “พี่ขอบอกไว้ก่อน ในระหว่างที่โจมตี จะใช้เวทสายเทพมารักษาไม่ได้หรอกนะ วัตต้องคอยดูแลทุกคนเอง”

   ผมทำหน้าสยอง กลืนน้ำลายอึก แสดงว่าพลังด้านปีศาจของพี่ใช้โจมตีโดยเฉพาะ ส่วนพลังเทพมีแต่สายรักษาอย่างเดียว ถ้าเกิดลุยบอส พี่วินต้องร่วมละเลงด้วย คงมีแต่ผมที่ต้องคอยเพิ่มเลือดทุกคนในทีม แค่คิดก็รู้สึกหมดแรง

   “ไม่เป็นไร นายทำส่วนของนายให้เต็มที่ ฉันจะเป็นคนปกป้องนายเองวัต”

   กลจับมือผมด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ผมเห็นคนเดียวซะเป็นส่วนใหญ่ ผมเลยกระชับมือกลกลับแล้วยิ้มให้ ไม่รู้ทำไม น้ำเสียงของกลทำให้ผมเชื่อและวางใจ กลต้องปกป้องผมได้แน่ เหมือนอย่างที่ผ่านมา ฝ่ามือนี้ อ้อมแขนนี้ ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย ทุกครั้งที่กลไม่อยู่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ผมจะรู้สึกกังวลนิดหน่อย แต่พออีกฝ่ายอยู่ข้างกาย จะเกิดอะไรขึ้นผมก็ไม่กลัวทั้งนั้น

   เจ้าตัวแสดงชัดเจนว่ามีความรู้สึกพิเศษกับผม ที่ผ่านมาไม่เคยพูดคงเป็นเพราะผมแสดงออกว่ายังไม่พร้อมกับสิ่งนั้น ไม่รู้หมาป่าหนุ่มคนนี้จะรู้ตัวรึเปล่า เขาเองก็เข้ามาอยู่ในใจผมบ้างแล้วเหมือนกัน

   “อะแฮ่ม ไม่อยากจะขัดการมองตาหวานชื่นของพวกนายหรอกนะ แต่ฉันกลัวว่า หากนานกว่านี้ คงมีใครคนหนึ่งเลือกสู้กันเองแทนจะไปฆ่าบอส”

   เสียงพี่เจตน์ทำให้ผมปล่อยมือจากกลทันที ได้ยินเสียงชิในลำคอกลแบบชัดๆ ลินกับไวไวมองเป็นตาเดียว ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จะเหลือแต่ท่านซาตานเดินฉับๆ มายืนแทรกกลางระหว่างผมกับกลด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาคมน่ากลัวสุดๆ

   “หายเหนื่อยกันหมดแล้วใช่ไหม รีบเก็บไอเท็ม ศึกษาความสามารถใหม่ที่ได้มาของตัวเอง แล้วลุยหน้ากันต่อ ก่อนจะมืดค่ำดีกว่า บอสใหญ่กำลังรอเราอยู่ตรงหน้าแล้ว”

   “คร้าบ”

   ทุกเสียงขานรับไม่คิดปฏิเสธ แยกย้ายเก็บไอเท็มอย่างไว ก่อนท่านซาตานจะองค์ลง จบงานนี้ค่อยไปแยกแบ่งของกันอีกทีตอนหลังได้ยินพี่วินบอกความสามารถที่ได้ใหม่ ผมถึงนึกขึ้นได้ ระดับของทุกคนตอนนี้เลื่อนขึ้นเยอะ จากการเก็บระดับมาจนถึงเมืองสตาทอส ส่งภารกิจในเมือง มอนสเตอร์ทะเลที่พี่อินเชือดมาตลอดทาง จนถึงตอนนี้ก็ยังเชือดอยู่ และการล้างบางมอนสเตอร์เมื่อครู่ผมก้มมองเลเวลของทุกคน

   หัวหน้าปาร์ตี้ วัต คำสาปแวมไพร์Lv.87
   สมาชิกทีม กล คำสาปหมาป่า Lv.??
   สมาชิกทีม ไวไว คำสาปกระต่าย Lv.87
   สมาชิกทีม ลิน คำสาปแม่มดมืด Lv.90
   สมาชิกทีม วิน คำสาปซาตานในคราบเทพบุตร Lv.112
   สมาชิกทีม เจตน์ คำสาปนินจา Lv.153
   สมาชิกทีม อินทรี คำสาปกัปตันอินทรี Lv.158

   พวกเลเวลเยอะอยู่แล้วอย่างกล พี่อิน พี่เจตน์ระดับยังเท่าเดิม พี่วินขึ้นมานิดหน่อยเพราะเลเวลต่างจากมอสเตอร์ไม่มาก มีแค่พวกเราสามคนที่ขึ้นพรวดพราดจนน่าตกใจ เชื่อเลยว่าผู้เล่นคนอื่นๆ คงทำแบบเราไม่ได้แน่ๆ เล่นมีขาเทพ พาเก็บขนาดนี้ นับรวมกับการฆ่าบอส และค่าประสบการณ์ที่จะได้รับหลังภารกิจเสร็จ พวกผมเด็กน้อยสามคน คงจะได้ระดับหลายอยู่

   กระเป๋าตุง สบายใจ ระดับเพิ่ม หันมาเผชิญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แท่นหินสูงในแผนที่ พอมาดูใกล้ๆ แม่งภูเขาขนาดย่อม กว่าจะขึ้นไปถึงยอดหมดแรงตายก่อนแหง บอสตัวนี้ช่างร้ายกาจ คิดตัดกำลังคู่ต่อสู้ ผมงึมงำอยู่คนเดียว ก้มหน้าก้มตาเดิมตามคนอื่นๆ ไป

   ใช้เวลาพอสมควรกว่าพวกเราจะมาถึงยอดที่เป็นลานกว้างแบบด้านล่าง แต่ละคนหยุดพักนั่งกินมื้อเที่ยงกัน บอสยังไม่โผล่ออกมา คงต้องเดินเข้าไปในอาณาเขตมันก่อน มันถึงจะปรากฏตัวมาให้ผู้เล่นรุมยำ หรือยำผู้เล่น อันนี้สุดแล้วแต่ความสามารถของแต่ละคน

   มื้อเที่ยงเป็นแบบง่ายๆ น้ำแซนวิช พอทานเสร็จนั่งวางแผนกันต่อ พี่วินเป็นคนรอบคอบ เวลาจะทำอะไร เจ้าตัวจะหาข้อมูล วางแผนก่อนค่อยลงมือ ผมเองก็นิสัยแบบนั้น เว้นบางที อารมณ์ล้วนๆ อยากลุยก็กระโดดเข้าใส่เลยก็มี

   สถานที่ ที่บอสจะเกิดมีแค่ลานโล่งกับพวกก้อนหินน้อยใหญ่มากมาย เหนือขึ้นไปมีพวกนกยักษ์สองหัวบินอยู่ คิดว่าพวกมันคงจะลงมาเสยพวกเราระหว่างลุยบอส มิน่า ทั้งเกาะไม่มีสัตว์มีปีกเลย เป็นเพราะพวกมันมารวมตัวอยู่ที่นี่กันหมด

   น่าเสียดายตรงที่ทีมเราไม่มีใครเป็นสายป้องกันแบบพวกโล่หรือพวกมีพลังป้องกันสูง ไว้รับดาเมจการโจมตี และดึงดูดคู่ต่อสู้ เปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ทำดาเมจ เลยต้องประยุกต์ใช้กันตามสภาพ

   คนที่มีพลังป้องกันมากที่สุดและหลบไวที่สุดในตอนนี้คือกล เจ้าตัวเลยโดนใช้ให้เป็นคนล่อบอส ที่เหลือคอยจัดการ

   “บอสตัวนี้เป็นนกขนาดใหญ่ ถ้าเกิดมีใครบินขึ้นไปด้านบนจะถูกโจมตีใส่ได้ง่ายๆ ดังนั้นงานนี้ห้ามบินขึ้นไปบนฟ้าเด็ดขาด” พี่วินหันมามองผม ผมยกนิ้วให้เป็นเชิงว่าเข้าใจ จะไม่บินขึ้นไปให้นกจิกตายเด็ดขาด

   จากที่ผมฟังมาสรุปได้ว่า บอสเป็นนกยักษ์ ถ้าพวกเราอยู่ภาคพื้นดินให้มันเห็น มันจะไม่บินขึ้นไปด้านบน ดังนั้นกลจะทำหน้าที่ล่อมันเอาไว้ พร้อมกับโจมตีมันไปด้วย ระหว่างนั้นลินจะคอยโจมตีมันจากระยะกลาง คอยช่วยเสริมให้กลอีกแรง ทางพี่วินจะใช้เวทปีศาจโจมตีระยะไกล เป็นคนคอยใช้เวทดักไม่ให้บอสบินขึ้นบนฟ้าและจัดการนกสองหัว โดยมีไวไวคอยช่วย พี่เจตน์จะเป็นผู้วางกักดักใส่บอส สุดท้าย ผมมีหน้าที่คอยวิ่งวนไปรอบๆ หลบตามก้อนหินเพิ่มเลือดให้กับทุกคน

   “พอบอสเลือดลดจนใกล้ตายให้ทุกคนเข้าไปรุมโจมตีมันเต็มกำลัง ยกเว้นวัตทำหน้าที่หลักต่อไป ไม่ต้องสนใจนกด้านบน เพราะนกสองหัวพวกนั้นเกิดเรื่อยๆ จะหยุดโจมตีก็ต่อเมื่อบอสตายแล้ว อย่าลืมมีอะไรงัดออกมาใช้ให้หมด”

   สีหน้าทุกคนมุ่งมั่นอย่างกะออกรบ ผมเองฮึกเหิมไปด้วย จบงานนี้ฉายาเจ้าแห่งการเพิ่มเลือดคงอยู่ไม่ไกล แม้ว่าแวมไพร์ควรจะเป็นสายต่อสู้ก็ตาม ไม่เป็นไร หลังจากนี้ค่อยซุ่มฝึก เป็นมันทั้งสายซัพพอร์ทและสายโจมตีเลยแล้วกัน

   “พวกเรา...ลุย!”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 19:07:48 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น

   คำสั่งลุยยังพูดไม่ทันจบ ทุกคนพุ่งเข้าประจำตำแหน่งด้วยความเร็วแสง กลพุ่งไปยืนกลางลานราวกับตูข้านี่แหละใหญ่ ผมมองนึกภาพหมาป่าหนุ่มเท้าสะเอวชี้มือขึ้นฟ้าแล้วฮาพิลึก เหมือนจะรู้ว่าถูกเอาไปจินตนาการแปลกๆ หูสามเหลี่ยมกระดิก พร้อมใบหน้าหล่อหันขวับมามองก้อนหินที่ผมหลบอยู่ ราวกับเห็นหางส่ายน้อยๆ ไวไวที่อยู่ไม่ใกล้ผมหัวเราะขำ

   “สงสัยต้องการกำลังใจจากเจ้าของ ส่งเสียงเชียร์หน่อยเร้ววว”

   ไอผมก็บ้าจี้ตาม ระหว่างรอบอสโผล่ กระโดดขึ้นยืนบนก้อนหิน พร้อมประกาศกร้าวด้วยเสียงให้ได้ยินโดยทั่วกัน

   “กล! ถ้านายจัดการมันได้โดยที่ตัวเองไม่มีแผลแม้แต่ขีดเดียว ฉันจะยอมให้นายขออะไรหนึ่งอย่าง!!”

   เหมือนเห็นมุมปากหมาป่ายกยิ้มจนเขี้ยวโผล่ ผมรู้สึกคิดผิดเบาๆ ไม่น่าไปคึกคะนองเลย ก่อนหน้านี้ตอนดูดเลือดเหมือนผมจะชนะก็จริง แต่ธาตุแท้ดั้งเดิมแล้ว กลคงไม่ง่ายแบบนั้นแหงๆ มารู้ตัวตอนนี้ก็สายไป พยานรู้เห็นกันยกตี้ ไวไวกับพี่เจตน์เป่าปากสนุกสนาน

   คงมีคนเดียวที่ไม่สนุกด้วย พี่วินจ้องมองกลเขม็ง ราวกับว่า ถ้าบอสไม่สร้างแผลให้กล เจ้าตัวจะเป็นฝ่ายทำเอง แรกๆ ผมคิดว่าพี่วินห่วงน้องชายอย่างผมนะ มาหลังๆ ความรู้สึกว่าพี่วินเหม็นหน้ากลเป็นพิเศษ เลยยัดเยียดข้อหาหมั่นไส้มากกว่าจะเป็นห่วงผม ไม่รู้จะขำหรืออะไรดี

   เวลาแห่งความสงบสุขอยู่ไม่นาน เมฆบนฟ้าหมุนตัวเป็นเส้นวงกลมเหนือหัวพวกเรา สายลมรอบกายพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ฝุ่นละอองตีขึ้นราวกับหมอกสีน้ำตาล ผมยกแขนปิดตาป้องกันฝุ่น เสียงกระพือจากสัตว์ใหญ่ดังไม่ไกล พร้อมเงาสัตว์ยักษ์ทาบทับพวกเรา

   พื้นดินสั่นสะเทือนจนรู้สึกได้ยามเจ้าสิ่งนั้นเหยียบลงบนพื้น พอฝุ่นเริ่มจาง ผมเงยหน้าขึ้นมอง ปีกกว้างกระพือเพียงวูบเดียว ฝุ่นละออง เมฆทั้งหมดถูกพัดหายไป เหลือเพียงเสียงร้องแหลมของสัตว์ใหญ่ตรงหน้า กลยืนประจันไม่กลัวเกรง เสียงระบบแจ้งเตือนพวกเราทุกคน

   บอสระดับกลางปรากฏตัว พญาอินทรีภูเขาสองหัว Lv.95
   มอนสเตอร์นกอินทรีสองหัว Lv.87 จำนวน 30 ตัว

   ผมแหงนคอตั้งบ่า มองนกอินทรียักษ์สองหัว แข่งกันส่งเสียงร้อง พอมันกระพือปีกอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ลมที่พัดจนแทบปลิว มันมาพร้อมลูกสมุนอีกเป็นสิบ พุ่งเข้ามาโจมตีพวกเรา ทุกคนเริ่มทำหน้าที่ของตัวเอง

   กลหยิบอาวุธกรงเล็บเหล็กออกมาใช้โจมตีบอสเป็นอันดับแรก พยายามงัดทุกกระบวนท่าเพื่อใช้ในการดึงความสนใจ ให้มันหันหลังให้สมาชิกทีมคนอื่นๆ สลับวิ่งวนไปรอบตัวมันเป็นวงแคบ หลบการโจมตีด้วยจงอยปาก กรงเล็บที่ระดมมาเป็นชุด ทุกครั้งที่กลจวนถูกนกลูกสมุนทำร้าย ลินจะเป็นคนคอยจัดการดึงมันออกมาสู้กับตัวเอง พร้อมส่งเวทเสริมกลไปด้วย

   ทางพี่เจตน์หายตัวไปจากการต่อสู้ กระทั่งเงาก็ยังไม่เห็น สิ่งที่พอระบุได้ว่าเจ้าตัวอยู่ส่วนไหนของการต่อสู้คือ หลุมพิษ กับระเบิด สารพัดกับดักระดมใส่บอส พี่วินกับไวไวประจำตำแหน่ง

   ลูกแก้วสีดำเป็นประกายเกือบสิบลูก ปรากฏออกมาล้อมรอบตัวพี่วิน ทันทีที่มือโบกชี้ไปทางไหน เจ้าลูกแก้วเหล่านั้นจะยิงลำแสงใส่ศัตรู ซึ่งตอนนี้ เจ้าตัวสั่งให้บรรดาลูกแก้วยิงไปที่บอส ส่วนตัวเองง้างธนูที่สร้างจากเวทปีศาจ ส่งลูกศรเพลิงสีดำสอยนกร่วงทีละตัวสองตัว

   ฝั่งไอ้กระต่ายแคระเพื่อนผม ในที่โล่งที่มีเพียงก้อนหินน้อยใหญ่กระจายไปทั่ว กับศัตรูที่บินอยู่บนอากาศแบบนี้ อาวุธลวดของมันใช้การไม่ได้เต็มที่ เลยใช้อาวุธไพ่ประจำตัวแทน ผมเห็นว่าไพ่มันโจมตีแรงกกว่าสมัยก่อน แว่วๆ ว่า ของที่ได้มาจาก GM แบบที่ผมได้ขวดเก็บเลือดสำหรับแวมไพร์มา ไวไวมันได้กล่องเครื่องมือพัฒนาอาวุธ คงจะเอามาอัพเกรดอาวุธตัวเอง

   ได้ยินเสียงระเบิดตูมตามจากฝีมือกระต่ายแคระโฉดไม่เข้ากับรูปร่างหน้าตา ซัดไพ่ใส่นกอินทรีที่บินเข้ามาในระยะ พร้อมสั่งระเบิดให้นกบาดเจ็บร่วงลงมา แล้วใช้ไม้เท้านักมายากลเสียบทะลุจุดสำคัญ

   ผมมองการต่อสู้ดุเดือดด้วยสีหน้าจืดเจื่อน ทำไมรู้สึกเหมือนพวกเราเป็นฝ่ายรังแกนกพวกนั้นฝั่งเดียวยังไงก็ไม่รู้ คิดพลางถอนหายใจ สั่งเจ็ดจันทร์เสี้ยวออกมาแค่สองเล่ม ใช้ช่วยดูดเลือดหนึ่ง กับโจมตีธรรมดาป้องกันตัวเอง มือถือเคียวพุ่งเข้าไปช่วยลิน ไวไว พี่วินที่สอยนกลงมา แถมบริการเพิ่มเลือดอย่างรู้หน้าที่

   เวลาผ่านไปไม่นาน ตามพื้นมีแต่ซากนก ที่บินอยู่ด้านบนเหลือเพียงไม่กี่ตัว บอสพญาอินทรีเลือดลดไป 50% ฉับพลัน มันกางปีกออก

   แกวกกกกก!!!

   เสียงประสานจากสองหัวทำให้ผมรู้สึกปวดหู ชะงักไปชั่วคราว พร้อมกับขนปีกทุกเส้นของมันพองขึ้นจนเหมือนหัวหอกแหลมคมกริบ ความบรรลัยเริ่มบังเกิด มันซัดขนปีกพวกนั้นโจมตีกระจายรอบตัวเป็นวงกลม ผมถูกเฉียดไปหลายแผลได้เลือดไหลโชก ไวไวกระโดดหลบไม่พ้น โดนไปสองสามเส้น พี่วินเปลี่ยนธนูเป็นดาบ เบี่บงวิถีขนพวกนั้นจนได้แผลเพียงเล็กน้อย
   
   ลินเรียกกำแพงกระดูกมารับดาเมจแทน พี่เจตน์ผมเห็นหลบแวบไปหลังก้อนกินแถวนั้น คนที่น่าเป็นห่วงสุดคือกล เจ้าตัวอยู่ใกล้ที่สุด ผมหันไปมองด้วยความเป็นห่วง ไม่ใช่อะไร กลัวว่าถ้ากลเป็นอะไรไป บอสจะหันมาไล่จวกพวกเราเรียงคนแทน

   พอการโจมตีชุดใหญ่ของบอสจบลง ลูกสมุนนกสองหัวถูกเรียกออกมาเพิ่มอีกสามสิบตัว ผมอ้าปากค้างตาแทบถลนออกจากนอกเบ้า จำใจต้องงัดขวดเก็บเลือดสุดหวงออกมากระดกดื่มเพื่อรักษาตัวเองแบบฉับไว ได้ผลชะงักมากกว่าน้ำหมักป้าเช็ง อีกครึ่งราดใส่เคียวในมือให้มันดูดเลือด วิ่งไปเพิ่มเลือดให้กับไวไวที่บาดเจ็บหนักสุด รองลงมาเป็นพี่วินกับลิน สุดท้ายเลยเผื่อแผ่ไปทางกลด้วย

   ความเร็วของผมพอหลบการโจมตีธรรมดาของพญานกได้บ้าง พอเข้าไปถึง แทนที่จะเห็นใครบางคนบาดเจ็บหนัก กลับเจอหมาป่าขนเงางามไร้ที่ติ กระทั่งฝุ่นยังไม่มี ประดุจหมาที่ชนะการประกวดสุนัขระดับโลก เจ้าตัวเลิกคิ้วมองผม

   “เข้ามาทำอะไร ออกไป เดี๋ยวตาย”

   “ฉันจะเข้ามาเพิ่มเลือดให้นายนั้นแหละ แต่ดูสภาพแล้วคงไม่ต้อง”

   เจ้าตัวหัวเราะในคอ ระหว่างหลบตีนนกขยี้หัว สองแขนแกร่งตวัดอุ้มผมท่าเจ้าสาว วิ่งไปทางพี่เจตน์ที่ผ่านมาพอดี

   “ฝากดึงบอสต่อที จะพาเจ้าหญิงกลับไปส่งที่เดิม”

   พ่อหนุ่มพราวเสน่ห์มองตามอย่างงงๆ จนเห็นนกยักษ์หันมาจ้องตัวเองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อนั้นแหละถึงได้รู้ชะตากรรม

   “ว้าก! ไอ้เด็กบ้า ฉันไม่ใช่พวกถึกหนังด้านนะโว้ยยย”

   ถึงเจ้าตัวจะแหกปากบอกแบบนั้น ผมก็ยังอยากชูนิ้วโป้งให้จริงๆ หลบพลิ้วมากเลยพี่เจตน์ แม้จะคุมเรื่องรัศมีเขตโจมตีของบอสแบบกลไม่ได้ก็ตาม

   “รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ค่อยมีประโยชน์เลยแฮะ” ผมอดที่จะบ่นพึมพำไม่ได้

   “มีสิ มีมาก ฉันรอรางวัลจากนายแบบใจจดใจจ่อเชียวล่ะ ฟอด”

   มีการหอมแก้มอุดมไปด้วยฝุ่นของผมปิดท้าย ก่อนส่ายหางวิ่งกลับไปทำหน้าที่ตัวเองต่อ ได้ยินเสียงด่าพี่เจตน์ดังแข่งกับเสียงการต่อสู้ ลินกับไวไวประสานเสียงผิวปากพร้อมเพรียง ทั้งที่อยู่กันคนละทิศ ผมหัวเราะ เหล่ๆ มองไปทางพี่วิน ไม่มีท่าทีอะไร คงสนใจบอสอยู่จนไม่ทันสังเกตเห็น ค่อยยังชั่ว

   จบละครคั่นฉาก การต่อสู้กลับมาดุเดือดอีกครั้ง หลังจากนั้นบอสใช้ท่าขนนกอีกสองครั้ง พวกเราถูกโจมตีไปรอบหนึ่ง เริ่มจับทางได้เลยหลบจนได้รับบาดเจ็บกันน้อยกว่าตอนแรก การต่อสู้เป็นไปอย่างลื่นไหล ถึงเหตุการณ์กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี ผมไม่รู้สึกวางใจเลยสักนิด โดยปกติพวกบอสมักมีการโจมตีโหดๆ อยู่ไม่ต่ำกว่าสองท่า มันเพิ่งแสดงออกมาแค่ท่าเดียว อีกท่าหนึ่งคงต้องเตรียมตั้งรับดีๆ

   ทุกคนคิดแบบเดียวกัน ใจจดจ่อ รอคอยการโจมตี ที่กำลังจะออกมาในไม่ช้า ราวกับพญานกไม่อยากให้พวกเรารอนาน ร่างใหญ่โตเตรียมบินขึ้น พี่วินไหวตัวทัน เรียกโซ่พันธนาการสีดำ พุ่งทะลุออกมาจากพื้นรอบตัวบอส เข้ามัดปีก คอ และขาทั้งสองข้างของมัน ยึดตรึงไว้กับพื้น แรงยื้อมากขนาดพี่วินยังทำหน้าเครียด

   “ทุกคนรุมจัดการมัน ไม่ต้องสนใจพวกมอนสเตอร์ตัวอื่นแล้ว ฉันรั้งมันไว้ได้ไม่นาน”

   ใกล้ถึงจุดไคลแม็กซ์ ไม่ต้องรอให้สั่งซ้ำสอง พวกผมทุกคนรุมเจ้าโจมตีบอสทันที เลือดของมันลดลงเรื่อยๆ จนจวนจะตายอยู่รอมร่อ แล้วสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เสียงอะไรบางอย่างแทงทะลุเนื้อออกมา หยาดเลือดสาดกระเซ็น บนแผ่นหลังของพญาอินทรี มีปีกอีกคู่หนึ่งที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด พอมันสะบัด แรงลมทำให้พวกเราต้องหาที่ยึดอยู่กับที่ ลินคว้าตัวไวไวมากอด อาศัยดาบในมือปีกพื้นยึดตัวเองไว้ คนอื่นๆ ใช้วิธีเดียวกัน

   พี่วินสถบยาวเหยียด โซ่พันธนาการขาดไปทีละเส้น จนเส้นสุดท้ายขาดออกจากกัน ท่านซาตานกางปีกสีขาวออกเตรียมไปฉะกับมันซึ่งๆ หน้า ก่อนที่มันจะใช้การโจมตีสุดท้ายจัดการพวกเราจนหมด พวกเราเองพอตั้งหลักได้ เริ่มทำการโจมตีอีกรอบ มอนสเตอร์นกทั้งหมดบินหลบไป เป็นสัญญาณบอกว่าการโจมตีครั้งนี้รัศมีต้องกว้างเอาเรื่อง

   พอมันบินขึ้นฟ้าได้สำเร็จ เมฆดำเหนือหัวเกาะกลุ่มกันแน่น ส่งเสียงน่ากลัว ราวกับเสียงกรีดร้องของผืนนภา กระแสไฟฟ้าแล่นเปรี้ยงปร้างในเมฆกลุ่มนั้น สองหัวของพญานกอ้ากว้าง รวมไฟฟ้าเหล่านั้นไว้ที่ปาก ผมกัดฟันแน่น เห็นท่าไม่ดี ขนาดพี่วินยังต้องผละกลับมารวมกลุ่มกับพวกเรา

   “ฉันมีสกิลที่พอจะช่วยทำให้เรารอดจากการโจมตีครั้งนี้ได้ แลกกับฉันจะไม่สามารถทำอะไรได้อีกหลังจากนี้ ขอให้ทุกคนรีบจัดการมันให้เสร็จ ก่อนมันจะใช้พลังรอบที่สอง”

   ผมบอกกับทุกคนด้วยวิธีส่งกระแสจิตพูดคุยแบบปาร์ตี้ เพื่อให้คนที่อยู่ไกลได้ยินด้วย ทุกสายตาหันมามองผมเป็นตาเดียว ผมยิ้มยกนิ้วให้ แล้วเก็บอาวุธตัวเองออกไปทั้งหมด กางปีกค้างคาวออกมา เงยหน้ามองเจ้านกที่จ้องมองมายังเหล่ามนุษย์ตัวจ้อย

   กระแสลมพัดเส้นผมให้ปลิวไปตามแรง ปลายผมกลายเป็นริ้วสีดำ พอๆ กับอาภรณ์ส่วนอื่น ดวงตาสีเทากลายเป็นสีแดงก่ำ ริ้วดำเหล่านั้นกลายเป็นค้างคาวสีดำ ขยายครอบคลุมทั่วร่าง จนกลายเป็นค้างคาวฝูงหนึ่ง เสียงปีกรวมกันพร้อมเสียงร้องแบบค้างคาว ผมควบคุมด้วยความคิด การมองโฟกัสที่บอสเป็นจุดเดียว อาศัยเมฆดำที่ปกคลุมปกป้องผมจากแสงแดด นี่เป็นความสามารถที่ผมได้มาใหม่

   ฝูงค้างคาวบินเข้าหาหัวพญาอินทรี ก่อนแยกเป็นสองกลุ่มแล้วทำในสิ่งที่ทุกคนอึ้ง!

   ไม่ใช่เอฟเฟ็คตระการตา ไม่ใช่การต่อสู้ที่สละชีวิตราวผู้กล้า แต่เป็นการพุ่งชนมันดื้อๆ ด้วยแรงมหาศาลจนหัวพญาอินทรีทั้งสองเบี่ยงทิศเงยขึ้นไปเล็กน้อย ปล่อยกระแสไฟเส้นใหญ่ผ่านเหนือหัวไป พริบตานั้น ค้างคาวกลับมารวมตัวกันเป็นร่างคุ้นเคย นอนอยู่ไม่ไกลจากพญานก

   ทุกคนจัดเต็มอัดใส่บอสไม่ยั้ง โดยมีกลพุ่งตัวเข้าไปคนแรก ตามด้วยคนอื่นๆ ปีกทั้งหมดถูกทำให้เสียหายจนไม่อาจบินได้ด้วยฝีมือของเทพบุตรซาตาน เท้าที่ดึงรั้งด้วยเส้นด้ายของไวไว กับทหารโครงกระดูกของลินจนมันล้มลง เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เจตน์มุ่งสู่ตำแหน่งคอ ด้วยระดับที่สูงกว่าและอาวุธระดับสูงปาดเส้นเลือดใหญ่ตรงลำคอเพียงแค่รอบเดียว ใช้โอกาสที่ได้มาอย่างเต็มที่

   บอสพญานกล้มลงเกิดเสียงดังสนั่น ก่อนจะสลายไปเหลือเพียงไอเท็มกับเสียงแจ้งเตือนระบบที่ทุกคนไม่สนใจฟัง

   “วัตเป็นไงมั่ง”

   พี่วินเข้ามาดูน้องชายด้วยความเป็นห่วง แม้จะอยู่ในเกมตายสามารถฟื้นได้ เขาก็ไม่อยากให้น้องตายสักเท่าไหร่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโลกแห่งความจริง แค่เจ็บปวดธรรมดาก็เป็นห่วงจะแย่แล้ว กลประคองวัตขึ้นมาในอ้อมแขน เป็นฝ่ายตอบ หลังจากสำรวจอาการบาดเจ็บของวัต

   “ไม่เป็นอะไรมาก คงเป็นผลข้างเคียงจากทักษะ”

   “นั่นเท่ากับว่า ฟื้นมาก็ปกติสินะ ค่อยโล่งอก งั้นพวกเรารีบเก็บของกลับเรือกันก่อนที่พวกมอนสเตอร์จะเกิดอีกรอบ สภาพพวกเราตอนนี้คงสู้กับมอนสเตอร์ไม่ไหวแน่”

   ไวไวพูดมีเหตุผล สภาพโทรมๆ พอเยียวยาไปบ้างแล้ว แต่ขวดยาหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่ขวดเดียวกันทุกคน ต่อให้เทพกันแค่ไหน สู้ต่อหลังจากเสร็จศึกใหญ่มาหมาดๆ มีหวังได้กระอักตาย พี่วินถอนหายใจบอกให้ทุกคนไปเก็บของที่ได้มาจากมอสเตอร์และบอส ปล่อยให้ลูกศิษย์อุ้มน้องชายไป

    ความจริง ส่วนตัววินแล้ว ไม่ได้หวงน้องโดยไร้เหตุผล มันเป็นความห่วงจากพี่ชายคนหนึ่ง ซึ่งชินเองก็เป็นแบบเดียวกัน คนเป็นพี่ใครๆ ก็อยากให้น้องมีความสุข ถ้าน้องมีความสุขแล้ว ไม่คิดไปขัดให้เสียเรื่องหรอก ติดแต่ไอคนที่จะมาดูแลน้องชายกลับเป็นตัวอันตรายระดับเอส หลังๆ ได้พูดคุย เจอกันบ่อยขึ้นถึงพอมั่นใจได้ว่าไอเด็กคนนี้ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เลยยอมปล่อย พอขัดบ้างเป็นพิธี แต่ที่ยังคอยขัดขวาง เหตุผลไม่มีอะไรมาก ความหมั่นไส้ส่วนตัวล้วนๆ เด็กอะไร กวนประสาทชะมัด ต่อหน้าต่อตาพี่ชายยังไม่เว้น

   “เฮ้ย เลิกมองน้องชายฉันเหมือนจะกลืนกินแบบนั้นได้แล้ว ตราบใดที่ฉันยังอยู่ ไม่ยอมให้นายทำอะไรตามใจชอบแน่”

   “ในความหมายคือ ถ้าอยู่ต่อหน้าห้ามทำอะไรรุ่มร่าม โอเค ไว้ค่อยไปทำ ‘ลับหลัง‘ แบบนี้คงไม่เป็นอะไรแล้วใช่มั้ยอาจารย์”

   การต่อปากต่อคำ เรียกเส้นเลือดปูดปึดตรงขมับท่านซาตาน จวนจะประเคนเท้าใส่หน้าเด็กปากดีอยู่รอมร่อ ถ้าไม่ติดว่าเจตน์หันมาเห็น แล้วรั้งตัวลากออกมาเสียก่อน พอดีกับที่มอนสเตอร์เริ่มเกิด ทำให้พวกเขาต้องรีบเผ่นออกไปจากที่นี่ให้เร็ว

   วินต้องพักรบชั่วคราว ใช้พลังที่เหลือรักษาทุกคนให้อยู่ในสภาพดีที่สุด เพื่อความรวดเร็วในการเดินทาง ทีแรกขามามีแต่มอนเสอตร์ แถมยังต้องแยกย้ายกันไปทำงานกว่าจะถึงจุดที่บอสอยู่เสียเวลาไปโข พอขากลับเป็นเส้นทางตรงไม่มีมอนสเตอร์ ใช้เวลาแค่ครึ่งเดียวของขามาก็ถึงเรือโดยสวัสดิภาพ

    หลังทุกคนขึ้นเรือครบ อินสั่งให้ลูกน้องออกเรือทันที เกาะซึ่งเป็นดันเจี้ยนเริ่มห่างออกไปจนลับสายตา เหล่าคนที่ต่อสู้มาตลอดได้พักเหนื่อยปล่อยให้เรือลอยไปตามกระแสลม และการควบคุมของต้นหน กลพาวัตไปนอนพักห้องด้านในที่ตัวเองนอนเมื่อคืน

   ของที่ได้จากบอสและมอนสเตอร์มาถูกนำมาวางเรียงกันเพื่อขัดแยกระหว่างของมีค่ากับของทั่วไป แบ่งตามสัดส่วนให้ทุกคนเท่ากัน ส่วนแบ่งของกลกับวัตมีไวไวกับลินช่วยเก็บให้ก่อนชั่วคราว

   เจตน์หายหัวไปทันทีที่ขึ้นเรือ เจ้าตัวบอกใกล้ได้เวลานัดกับคนสำคัญ เลยขอตัวออฟไลน์ออกจากเกมไปก่อน จึงเหลือเพียงกลุ่มของไวไว วินกับอินเท่านั้น ทุกคนพูดคุยผ่อนคลาย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เจอมา ปล่อยให้กลเฝ้าวัตคนเดียว จนถึงเวลาที่วัตควรจะตื่นเลยพากันยกขบวนไปหา

   ก่อนหน้านั้นไม่นาน วัตเริ่มขยับตัว กลย้ายตัวเองจากเก้าอี้มานั่งอยู่ขอบเตียงแทน วัตเริ่มเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นดวงตีคู่สวยที่ยังคงเป็นสีแดง

   “อ่า... ที่นี่ อืม... อยู่บนเรือแล้วสินะ ให้ตาย ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จะไม่ใช้เด็ดขาด”

   ยามเจ้าตัวบ่นพึมพำ เห็นเขี้ยวที่งอกยาวมากกว่าปกติ บ่งบอกว่าเจ้าตัวอยู่ในความรู้สึกอะไร ผมเผลอตัวมองไปที่ลำคอของกลพลางกลืนน้ำลายอึก กระแสชีพจรที่เต้นอยู่ตรงหน้า ลำคอกลับมาแห้งผากอีกครั้ง ดวงตัวเหม่อลอย ขยับกายเข้าหาอย่างลืมตัว การใช้ทักษะแทบแลกชีวิตนั้น ต้องเสียเลือดเป็นการแลกเปลี่ยนพอสมควร สำหรับแวมไพร์แล้ว เลือดเป็นสิ่งจำเป็นมาก เสียไปมากขนาดนั้น ย่อมต้องการสิ่งทดแทนให้กับร่างกาย

   กลพอจะเดาจากท่าทีของอีกฝ่ายได้ ปล่อยให้ค้างคาวที่อยู่ในสภาวะกระหายจนกึ่งๆ ไร้สติขึ้นมานั่งคร่อมตักหันหน้าเข้าหา แขนโอบเอวประคองไม่ให้หงายหลังลงไปซะก่อน ใบหน้าคมคายหันไปด้านข้าง พร้อมแหวกคอเสื้อขนสัตว์เปิดโอกาสให้แวมไพร์ตัวดีเต็มที่

   การกัดครั้งนี้ไม่มีการขอใดๆ ทั้งสิ้น คมเขี้ยวถูกฝังเข้าทีลำคอแกร่ง สร้างความเจ็บจี๊ดแล่นพล่านไปตามสันหลัง กลขมวดคิ้วเล็กน้อยกับความหนักหน่วงจากการกัด ธารอุ่นถูกดื่มกินอย่างกระหาย เสียงครางในคออย่างพึงพอใจ กับลมหายใจที่เป่ารดลำคอ ทำให้หมาป่าหนุ่มนึกขอบคุณพี่ชายอีกฝ่ายที่สร้างระบบเกมขึ้นมาแบบ ตัดความรู้สึกเรื่องอย่างว่าไปจนหมดสิ้น ไม่งั้นเจ้าตัวเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน ว่าจะทนไม่จับอีกฝ่ายกดลงกับเตียงได้รึเปล่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 19:09:05 โดย Silver Fish »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
ลุยโลดดดดด!!! ไปตบบอสกัน!!!
ตอนนี้เหมือนวัตจะเริ่มมีใจ แต่ดันมีพี่ชายขี้หวงจอมขัดซะงั้นนนน
ปัจจุบันก็คงยังไม่รู้เลเวลกล สงสัยสูงมากๆ
รอตอนต่อไปน้า

ออฟไลน์ VampirezBadz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ล้างแค้นนังรัชนกให้ได้ วะ ฮ่าๆ #ผิด
ยาวจุใจมากคะ อิกลอิวัต อร๊ายยย

ปล.ตกลงทีมวัตมี ลิน วัต กล หรือ ไวไว วัตกล กันแน่คะ เชคด่วนๆ   :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :ling3:


วินสุดยอดดดดด ชอบพี่ชายคนนี้มากเลยค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
 :m20: ท่านพี่วินหวงจัง ดูอาการน้องตัวเองสิเขาเริ่มให้ใจผู้ชายไปบางส่วนแล้วนะพี่ชาย  :-[

ออฟไลน์ เลิฟลี่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ลุยยยยย ตบนกให้ร่วง

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
อยากเข้าตี้ อยากเข้าตี้ด้วยยยย

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ลุยยยยย!!!
หวังว่างานนี้ จะรอดกันมาครบทุกคนนะ 5555
แอบสงสารกลนะเนี่ย มีคุณพี่สุดโหดค่อยกันท่า หุหุ

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
อยากได้ฉากดูดเลือดจังเลยย
วัตดูดเลือกกลต่อหน้าพี่วินเลือด
สยิวแปลกๆ แน่555

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
กล ไม่เกรงใจพี่วินเลยนะ เดี๊ยวได้มีศึกหวงน้องแน่ๆ

ออฟไลน์ Benzyza

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เหมือนกัน อยากได้ฉากดูดเลือดสุดสยิวกิ้วจัง~~~~~~  :hao6: ชอบตอนกลอึ้งตอนโดนลวมลามนิดๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด