Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]  (อ่าน 287614 ครั้ง)

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
หุหุ เกือบละ ถ้าพี่เจตน์ไม่ขัดละก้อ

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
จัดไป!!!!กร้ากกก :hao7:

ออฟไลน์ paladin.kn

  • ไฟมอดลงยังคงทิ้งรอย...เถ้าถ่าน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 608
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
ลุยโล้ดดดดดดด

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
ในที่สุดก็ตามอ่านจนทัน
แอบเสียใจนิดๆเพราะจะไม่ได้มี โมเม้นแบบที่อ่านยาวๆ 555+
สนุกมากเรื่องนี้
ชอบประมาณนี้อยู่แล้ว แนวแฟนตาซี อ่านรวดเดียวไม่พักเลย
อดนอนไป
ชอบมากๆ
รอตอนต่อไปยังใจจดใจจ่อ ลุยบอสแล้ว
แอบอยากไห้โลกความจริงมีแบบนี้บ้าง
คงจะสนุกน่าดู ปกติชอบเล่นเกมแนวนี้ละ
ชอบมาก เลยอ่านแบบคิดตามได้ไม่ติดขัดเห้นภาพตลอด อินด้วย
โชคดีที่มีพื้นฐานทางด้านเกม เลยมีอารมณ์ร่วมแบบสุดๆ

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ฟินฉากดูดเลือดมากค่ะ อิอร๊างงงงงงค์

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.16 ภารกิจเสร็จสิ้น (ต่อ)

    หมาป่าหนุ่มรอจนถึงเวลาพอสมควรแล้ว ค่อยปฏิบัติการงัดค้างคาวออกจากคอ เริ่มด้วยการใช้วิธีแรกสุด ใช้เสียงเรียกสติ

   “วัต พอได้แล้ว”

   ไร้การตอบรับ เลยต้องเริ่มวิธีที่สอง มือหนาลูบตามแผ่นหลัง ตามด้วยวิธีที่สามงับหู ยังได้แค่ชะงัก แล้วดูดต่อ เวลานี้คนให้เลือดเริ่มจะหน้ามืดเอง ปกติจะมีขวดยาข้างตัวไว้กระดกดื่มเพิ่มเลือดตัวเอง ซึ่งตอนนี้ไม่มีแม้แต่ขวดเดียว ใช้ไปตอนต่อสู้หมดเรียบร้อยโรงเรียนวาย

   สุดท้ายเลยต้องงัดวิธีที่ไม่อยากใช้ที่สุดมา มือหนารวบข้อมือทั้งสองข้างไว้เหนือหัว อีกมือจับคางมนดึงออกแล้วพลิกตัวด้วยความเร็วกดอีกฝ่ายนอนอยู่ใต้ร่าง เสียงเตียงไม้ลั่นเอี๊ยดกับการเคลื่อนไหวปุบปับ คนโดนคร่อมเหมือนจะงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น กลอยู่ในท่านี้สักพัก จนมั่นใจแล้วว่าวัตไม่จู่โจมเข้ามาอีกถึงปล่อยแล้วทรุดตัวลงนอนทับคนด้านใต้แทบแบนติดเตียง จมูกโด่งซุกอยู่แถวซอกคอ แอบสูดฟืดหนึ่งให้ชุ่มปอดแล้วทำตัวเป็นหมาแกล้งตาย

   “กล เฮ้ยกล ทำใจดีๆ ไว้ เดี๋ยวฉันไปหาขวดยามาให้ ขอโทษที่ลืมตัวดื่มหนักไปหน่อย” ผมเขย่าคนที่นอนทับอย่างตกใจ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากลไม่มีขวดยาไว้ดื่มเพิ่มเลือดหลังจากเป็นให้อาหารตัวเอง

   “ตอบหน่อย อย่าเงียบ หรือว่าสลบไปแล้ว”

   อาศัยแรงของแวมไพร์ กับกำลังที่ฟื้นคืนจากเลือดที่ดื่มไปซะเต็มอิ่ม ดันร่างหนาๆ ของคนบนตัวให้พลิกไปนอนด้านข้างแทน พอจะลุกขึ้นไปขอขวดยาเพิ่มเลือดจากคนด้านนอก กลับถูกคว้าแขนไว้ให้ชะงักอยู่กับที่ อะไรครับ หวังจะเห็นฉากล้มทับสุดเลื่องลือ ฮอตฮิตตลอดกาลในละครน่ะเหรอ ไม่มีทาง เพราะถ้าขืนผมล้มไปตอนนี้ ไม่ใช่หน้าจะชนกันแบบในละคร แต่หน้าผมจะไปชนกับอย่างอื่นแทนน่ะสิ ขอไม่บอกแล้วกันว่าตรงไหน ละไว้ในฐานที่เข้าใจครับ

   “ไม่เป็นไร พักสักหน่อยก็พอ”

   “เอางั้นนะ”

   “อืม”

   หมาป่วยบอกมางี้ ผมเลยต้องยอมตามใจ นั่งบนเตียงก้มหน้าลงไปช่วยเลียหยุดเลือดให้ เจ้าตัวรู้ดีเลยหันหน้าให้ผมจัดการได้สะดวก พอเข้ามาเห็นในระยะประชิดแบบนี้ หวา... ผมกัดแรงน่าดู ผิวสีเข้มของกล แอบช้ำนะเนี่ย

   “เอ่อ... ขอโทษนะที่คุมตัวเองไม่อยู่ กล คือ... นายต้องการอะไรมั้ย ฉันจะไปหยิบให้”

   ใช่ว่าผมรู้สึกผิดหรือมีจิตเมตตาขนาดนั้น เพียงแค่อยากหาเรื่องหลบสายตาร้อนแรงที่มองมาเท่านั้นเอง ได้ข่าวว่าเพิ่งวูบเพราะหน้ามืดจากการเสียเลือด ทำไมยังทำตาพราวระยับได้อีก ช่วยอย่าทำตาแบบนั้นทั้งหน้าตายได้มั้ย

   “ฉันต้องการนาย...วัต รางวัล”

   เสียงเหมือนจะอ้อน ผมเหมือนถูกมนต์สะกดไปชั่วครู่ กระพริบตาปริบๆ สะบัดหัวไล่ภาพน้องหมาตัวโตกำลังมองด้วยสายตาเหมือนขอรางวัลจากเจ้าของหลังจากทำอะไรสำเร็จสักอย่าง สมองนึกทบทวน รางวัลอะไรหนอ เรื่องที่ให้เลือดไม่น่าเกี่ยว ปกติเจ้าตัวก็หาเศษหาเลยเอาคืนทุนพร้อมกำไรอยู่แล้ว

   บางสิ่งแวบเข้ามาในหัว ภาพผมตะโกนบอกกลก่อนเริ่มต่อสู้ผุดขึ้นมาชัดเจน จริงสิ ก่อนหน้านี้ผมบอกว่าถ้ากลไม่ได้รับรอยแผลผมจะยอมทำตามที่ขอหนึ่งอย่าง พอเห็นหางส่ายตีเตียงตุบๆ อย่างรอคอยก็ปฏิเสธไม่หลง เอาวะ คำไหนคำนั้น ผมพยักหน้าให้

   “นายจะขออะไรล่ะ ถ้าฉันทำได้ ถึงจะทำให้นะ”

   “เรื่องนี้นายทำได้แน่นอน จูบหน่อย...”

   “หือ โอเค แค่จูบ โธ่ๆ หมาน้อยกล คงติดใจรสจูบของพี่วัตสุดหล่อคนนี้ล่ะสิ มามะเดี๋ยวพี่สนองให้”

   ผมหัวเราะ ทำท่าเหมือนตาแก่กำลังล่อลวงเด็กยังไงชอบกล เพียงแค่ว่า เด็กตรงหน้ามันเป็นเด็กโข่งที่ตัวโตกว่าตัวเองจนน่าเจ็บใจ ผมเคยเห็นหุ่นใต้เสื้อผ้าพวกนี้มาแล้ว กับการแนบชิดอีกหลายต่อหลายครั้ง หุ่นดีจนน่าเสย ศัตรูของผู้ชายโดยแท้

   พอผมตอบรับ แทนที่หมาน้อยจะดีใจ กลับร่างเป็นหมาป่าซะงั้น สายตามองเหมือนจ้องจับเหยื่อจนผมขนลุกซู่ไปทั้งตัว สรุปผมไม่ใช่ป๋า แต่เป็นลูกแกะตัวน้อยๆ ที่จะกำลังจะถูกหมาป่าขย้ำรึเปล่านี่

   หมาป่าตัวนี้ไม่ปล่อยให้ลูกแกะที่น่าสงสารคิดอะไรไร้สาระอีก สองมือหนาอุ่นยื่นมาประคองใบหน้าผมให้เงยขึ้น แววตาท่าทางเหมือนเด็กกำลังเอาคืน ผมเห็นเค้ารางความซวยกำลังมาเยือน ผมอ้าปากหมายจะบอกให้เขาปราณีผมสักนิด

   เสียงของผมไม่ทันได้ออกจากคอ คนตรงหน้าเหมือนรอจังหวะ ก้มลงมาประกบปากจนแนบสนิท ลิ้นร้อนถูกสอดเข้ามาให้ผมสะดุ้ง เชรดเด้ นี้พ่อเล่นสอดลิ้นเลยหรือจ๊ะ รอบที่แล้วยังแค่ป้อนธรรมด๊าธรรมดายาเองนะ

   เจ้าตัวละเลียดเหมือนกำลังชิมอาหารรสเลิศ ผละออกให้พอหายใจไม่ทันไรประกอบเข้ามาอีก มือหนาเปลี่ยนจากประคองหน้าเป็นตรึงท้ายทอยให้ผมเงยหน้าขึ้นรับจูบแบบเต็มๆ เก่งจนผมเริ่มเคลิ้ม กระทั่งเจ้าตัวผละออกเลียริมฝีปากแบบเดียวกับที่ผมเคยทำไม่มีผิด

   ได้! ฉันจะจำไว้ว่าหมาป่าอย่างนายมันเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้นและชอบเอาชนะแบบสุดๆ ต่อไปค้างคาวตัวนี้จะไม่หือกับหมาป่าแล้วจ้า อยากพูดอยู่หรอก แต่ ณ เวลานี้ขอหอบเอาอากาศเข้าปอดก่อน

   “แฮ่ก นายจะจูบทำไม ในเมื่อจูบไปก็เท่านั้น” การจูบโดยไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งเข้ามาเกี่ยว มันก็เหมือนกับทานอาหารที่ไร้รสชาตินั้นแหละครับ เฮ้ย!! ที่พูดงี้ไม่ใช่ว่าผมอยากจูบนอกเกมหรอกนะ จริงๆ เชื่อผมสิ

   “ดีแล้ว ถ้ามีความรู้สึกพวกนั้นฉันคงไม่คิดทำเรื่องทรมานตัวเองตั้งแต่แรก ตอดเล็กตอดน้อยไปวันๆ ฉันมีความสุขดี”

   ผมกุมขมับ นายจะช่วยเงียบเหมือนที่ผ่านมา หรือโกหกหน่อยก็ได้ พูดมาซะตรง ผมแทบหน้าหงาย ที่พูดมาราวกับว่า ถึงแม้อาหารไม่มีรสชาติ ขอแค่ได้รสสัมผัสก็พอ

   “งั้นหรือ... ถ้าอย่างนั้นฉันช่วยสนองให้ดีมั้ย”

   เสียงเย็นเยียบติดลบดังมาทางประตูห้อง ผมหันขวับไปมอง เห็นพี่วินยืนแผ่ออร่าสีดำ กลัวว่าเขาบนหัวยังบ่งบอกความเป็นซาตานไม่พอหรือครับพี่

   “พี่วินมาตั้งแต่เมื่อไหร่!”

   “ไม่รู้” ท่านซาตานขว้างขวดยาหมายจะกระแทกเข้ากลางหน้าหมาป่า มือหนาคว้ารับได้ทันก่อนดั้งตัวเองจะหักเพราะขวดยา กลเอ่ยขอบคุณเบาๆ แล้วเปิดขวดยกดื่มอึกๆ จนหมดขวด สีหน้าค่อยกลับมาดีขึ้น เฮ้ย เดี๋ยวนะ มาถึงพ่อท่านขว้างขวดยาแบบนี้ แสดงว่าเห็นตั้งแต่แรกที่ผมดูดเลือดกลน่ะสิ! โอ้พระเจ้า ซาตานสถิต โปรดช่วยลูกค้างคาวตาเทาๆด้วย

   “น่าเสียดาย ในเกมไม่มีกล้อง” เสียงลินพึมพำ มีไวไวพยักหน้าเสริมอยู่ในอ้อมแขน พอสังเกตดูดีๆ มากันหมดยกทีมเลยนี่หว่า พี่อินมองกลด้วยสายตาอิจฉา ขาดพี่เจตน์ รายนั้นไม่โผล่ทั้งที่มีเรื่องสนุก คงหายไปทำอะไรอย่างอื่นแล้วแหงๆ

   ผมถอนหายใจ นอนแผ่ทับหมาเหมือนอยากหนีความจริง พี่วินดูเหมือนจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ เดินเข้ามาลากคอผมพร้อมปิดประตูปัง ใช้ห้องว่างอีกห้องจับผมนั่งคุกเข่า ฟังพี่ชายเทศนาไปหนึ่งบทเต็มๆ ผมไม่ใส่ใจฟัง พี่วินคล้ายจะระบายมากกว่าสั่งสอน สุดท้ายเหมือนคนปลงได้ นั่งบนเก้าอี้เหมือนราชา มองทาสตัวน้อยอย่างผมที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่บนพื้น

   “เอาเถอะ เราโตแล้วจะทำอะไรก็ตามใจ แค่น้องพี่มีความสุขก็พอ แต่ถ้ามีอะไรให้มาบอกพี่กับชิน เข้าใจนะ”

   มืออุ่นของพี่วินยื่นมาลูบหัวผม ผมยิ้มรับ ใครบอกว่าในสายตาพ่อแม่มักมองลูกตัวเองยังเป็นเด็กน้อยเสมอ ผมขอค้านนิดหน่อย ในสายตาของคนเป็นพี่ ยังคงมองน้องชายเหมือนน้องตัวเล็กๆ ที่ต้องคอยดูแลเหมือนกัน ผมเข้าใจ พี่วินคงเป็นห่วง ผมเองก็เป็นห่วงพี่ ดีที่มีพี่ชินคอยอยู่ข้างๆ พี่วินเสมอ ผมเลยค่อยวางใจ

   ฝั่งความคิดของวิน น้องชายเขาไม่ใช่คนโง่ ฉลาดและมีไหวพริบ เอาตัวรอดเก่งตั้งแต่เด็ก ที่ผ่านมาเลยปล่อยให้อยู่คนเดียวได้โดยไม่ต้องห่วง ยังไงซะเจ้าหนูหมาป่าถือว่าผ่านเกณฑ์ในระดับหนึ่ง วินถึงยอมรับเป็นลูกศิษย์ ที่สำคัญ วินไม่ใช่คนไร้เหตุผล เอาไว้ถ้าเกิดน้องชายบอกไม่โอเคเมื่อไหร่ ค่อยจัดการเขี่ยไปไกลๆ...

   พี่น้องคุยกันอยู่สองคนสักพัก ก่อนไปรวมตัวกับคนอื่นๆ อินกับวินแยกตัวไปพูดเรื่องงาน ทิ้งให้พวกวัตอยู่กันเอง สำรวจเรือจนพอใจ

   เรือจอดเทียบท่าเมืองสตาทอส ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ ที่เห็นจะโดดเด่นที่สุดคงเป็นชายร่างสูงยืนรอเรือของพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว เรือนผมสีดำเงาสวยเข้ากับหูจิ้งจอกสีเดียวกัน ชุดที่สวมใส่เป็นยูกาตะสีดำสนิทเผยแผงอกกว้าง ลำคอคล้องด้วยเกรียวเชือกเส้นกลางสีขาวแดงมัดปมเป็นโบว์ด้านหลัง ด้านหน้าเป็นกระพรวนสีเงินส่งเสียงก้องวังเวงทุกครั้งยามขยับเคลื่อนไหว พวงหางคล้ายพู่กันทั้งเก้าบ่งบอกเผ่าพันธุ์

   มือถือพัดสีแดงเลือดลายดวงตาโบกเบาๆ ขณะดวงตาคมชี้มองเหล่าคนที่ทยอยลงมาจากเรือ เท้าสวมใส่เกี๊ยะไม้เดินเข้าไปหาบุคคลที่รอคอย

   “โทษทีนะ เพิ่งเคลียงานเสร็จ เลยไม่ได้ไปช่วยนายทำภารกิจเลย”

   จิ้งจอกดำเนียนไปยืนคั่นกลางระหว่างเพื่อนซี้ตัวเองกับเจ้าของเรือ พี่อินทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ ผมได้ยินเสียงเจ้าตัวพึมพำว่าไอ้จิ้งจอกจอมหวง แล้วเจ้าตัวก็ขอตัวกลับขึ้นเรือไป ปล่อยพวกเรายืนเด่นอยู่ตรงนั้น

   “ไม่เป็นไร” พี่วินโบกมือปัดๆ แบบไม่ใส่ใจ

   “ว้าว พี่ชินเป็นปีศาจจิ้งจอกหรือเนี่ย สุดยอดเลย เก้าหางด้วย ขนนุ่มจัง”

   ผมถลาเข้าไปรวบกอดหางพี่ชินมาสองหาง ขนนุ่มจนแทบอยากจะตัดมาทำพวงกุญแจ พี่ชินใช้พัดเคาะ หัวเราะในลำคอ พูดกับผมด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำตามสไตล์ หล่อเกินไปแล้วครับท่าน ผู้เข้าแข่งชันหมายเลขห้าปรากฏตัว เตรียมกดโหวตกันเลยครับ

   “ถ้าเป็นของคงให้ได้อยู่ แต่อันนี้ฉันคงให้ไม่ได้ อยู่ด้วยกันแบบนี้แสดงว่าไปทำภารกิจด้วยกันมาสินะ ดีแล้วๆ”

   “พวกวัตเอาไงต่อ เดี๋ยวพวกพี่จะแยกไปเล่นกันเอง ไปด้วยรึเปล่า” พี่วินหันมาถามผม ผมมองหน้าทุกคน ตอนนี้ในปาร์ตี้เหลือแค่กลุ่มเดิมพวกเราสี่คน พวกพี่วินออกไปตั้งแต่ทำภารกิจเสร็จ

   “ไม่อะพี่ พวกเรามีเป้าหมายว่าจะไปที่เมืองหลวงกัน” ลินกับไวไวพยักหน้าเสริม กลยังคงนิ่งตามเคย กลับมาสู่สภาวะหมาป่ามาดนิ่ง

   “เมืองหลวง? ถ้างั้น ไว้เจอกันที่นั้นแล้วกัน เล่นเกมให้สนุกล่ะเด็กๆ”

   สองพี่ชายโบกมือให้พวกเรา พวกผมโบกมือให้มองตามจนแผ่นหลังของทั้งคู่หายไปกับฝูงคน

   “พวกเราไปกันเถอะ ฉันอยากล้างคำสาปตัวเปี๊ยกนี้เต็มแก่แล้ว” ไวไวชูแขนสั้นๆ สองข้างอยู่ในอ้อมแขนลินตามเคย

   “น่าเสียดาย ฉันออกจะชอบ” สาวที่กลายเป็นหนุ่มซุกจมูกโด่งๆ ตัวเองเข้ากับกลุ่มผมนุ่มของกระต่ายแคระ เจ้าตัวดิ้นปัดๆ เหมือนโดนน้ำร้อนลวก กระโดดหนีมาเกาะหลังผมแทน

   “ฉันไม่ใช่ตุ๊กตานะเฟ้ย”

   “เอาหน่าๆ ยังไงความจริงลินเป็นผู้หญิงนี้ จะชอบของน่ารักๆ ก็ไม่แปลก” ผมหัวเราะ โยนไวไวส่งคืนให้ลินรับ ระหว่างเดินเข้าไปในเมือง เราซื้อของจำเป็นมาตุนเพิ่มและแวะขายของไปด้วย พวกเรามีชุดหลักๆ กันอยู่แล้ว อาวุธครบมือ ของที่ได้มาเป็นพวกเสื้อเกราะ อาวุธ เครื่องประดับระดับไม่สูงนัก เลยตัดสินใจขายทิ้งหมดจะได้ไม่รกกระเป๋า แล้วหันไปคุยกับคนข้างตัวหลังจากซื้อของทุกอย่างมาครบเรียบร้อย

   “ท่านแผนที่พูดได้ พวกเราจะเดินทางไปเมืองหลวงยังไงดี ฉันขอแบบที่ไวที่สุดนะ เพราะใกล้จะต้องออฟไลน์ออกจากเกมแล้ว เหลือเวลาแค่สองวันกับอีกหนึ่งคืนในเกมเอง”

   “เช่าม้าขี่ไปคงไวสุด ถ้าเรารีบออกเดินทางตอนนี้ น่าจะถึงก่อนค่ำ” กลตอบพลางชี้ไปที่ร้านเช่าม้าใกล้ๆ ผมมองตาม

   ร้านตั้งอยู่ตรงหน้าประตูเมือง ถูกสร้างด้วยไม้ต่างจากอาคารหลังอื่นๆ แต่ดูสะอาดเรียบร้อย ใกล้กันมีคอกม้ายืนเรียงราย มีทั้งขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ผมกับไวไวเข้าไปดูม้าด้วยความสนใจ ทิ้งให้กลกับลินจัดการเรื่องเช่าม้ากับเจ้าของร้าน

   ม้าตัวที่ผมได้เป็นสีน้ำตาลเข้มท่าทางเชื่อง ของลินเป็นสีน้ำตาลอ่อน ผมเห็นพนักงานจูงม้าออกมาให้พวกเราแค่สองตัวเลยถามเจ้าคนจัดการด้วยความสงสัย

   “กล ทำไมม่ม้าแค่สองตัว นายจะไม่ขี่ม้าไปเหรอ” หรือเจ้าตัวจะเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าวิ่งตามเอา

   “พวกเราใช้ตัวเดียวกัน ขึ้นมาสิ” กลกระโดดขึ้นหลังมาด้วยความคล่องแคล่ว ผมอึ้ง มองมือที่ยื่นมือให้ พอหันไปมองลิน ทางนั้นขึ้นมาประจำที่ พร้อมไวไวนั่งซุกอยู่ในเสื้อคลุมพ่อมดหลบแดด ส่วนผม ใช้เสื้อคลุมที่กลเคยให้มาคลุมตัวไว้ไม่ต่างกัน

   “มัวทำหน้าเอ๋ออะไรอยู่เพื่อน เจ้าชายยื่นมือมารับแล้ว เจ้าหญิงอย่าเล่นตัว รีบๆ ขึ้นม้าซะ”

   “ได้ไง ฉันอยากขี่ม้าเหมือนกัน” ผมดื้อไม่ยอมขึ้น อุตส่าห์จะได้ขี่ม้าครั้งแรกในชีวิต อยากลองคุมเองมากกว่า

   “คงไม่ได้ การขี่ม้าต้องมีทักษะขี่ม้า วิธีรับต้องทำความของร้านขายม้า ตอนนี้พวกเราไม่มีเวลามาทำ นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าอยากไปถึงเมืองหลวงไวๆ”

   ลินคุมม้าย้ำเท้ากุบกับบอกผม ดวงตาสีเทาหันกลับมามองม้าที่ตัวเองต้องโดยสาร กลยังคงยื่นมือแบบเดิม ผมจำใจยื่นมือไปจับ อาศัยแรงอีกฝ่ายดึงขึ้นไปนั่งบนหลังม้า มือหนาข้างหนึ่งคอยคุมม้าไว้ อีกมือดึงผ้าคลุมขึ้นคลุมหัวผมกับของตัวเอง

   พอเริ่มออกเดินทาง ผมถูกรวบเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของกล เพราะโดนดึงให้มานั่งด้านหน้าด้วยเหตุผลที่ว่า กลัวผมลื่นตกลงไป ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมเลยเอนหลังพิงแผ่นอกอุ่น ใช้คนด้านหลังเป็นพนักพิง กลแค่เลิกคิ้วมองไม่พูดอะไร แต่มุมปากยกยิ้มนิดๆ อย่างพึงพอใจ

   สถานะปัจจุบัน กลุ่มปาร์ตี้ของเรา เปลี่ยนตัวเองเป็นไอผ้าคลุม มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงแบบไม่หยุดพัก

   สองข้างทางเป็นผืนป่า กลิ่นอายธรรมชาติที่หาในยากในโลกจริงชวนให้เพลิดเพลิน พอโดนลมเย็นสบายพัดปะทะหน้ามากๆ เข้าจนเริ่มง่วง

   “นอนสิ ถึงแล้วจะปลุก” น้ำเสียงนุ่มพูดอยู่เหนือหัว ในเมื่อเจ้าตัวเสนอ ผมไม่ขัดศรัทธา ซบหน้าฟังเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะเหมือนขับกล่อมจนกระทั่งหลับไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 19:09:53 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.17 เมืองหลวงที่รัก

   เสียงจอแจของผู้คนทำให้ผมตื่นจากความฝันแสนหวาน รอบข้างยังสว่างโร่ แสดงว่าพวกเราเดินทางมาถึงไวกว่าที่กลคาดไว้ ผมหลับเพลินจนน้ำลายย้อยใส่เสื้อคลุมกล ไม่เห็นเจ้าตัวจะบ่นอะไร ผมเลยเนียนผละออกทำเป็นมองนู่นมองนี่ พยายามไม่สนใจเสียงหัวเราะในคอจากคนด้านหลัง

   สายลมเย็นสดชื่นแตกต่างจากเมืองสตาทอสที่ค่อนไปทางระอุหน่อยๆ เพราะต้นไม้ไม่ค่อยเยอะ เน้นเป็นหาดทรายและทะเล แม้ลมทะเลจะเย็น แต่มันก็ยังแฝงไอร้อนมาอยู่ดี ที่นี่ดูเผินๆ เหมือนจะถูกล้อมไว้ด้วยป่า พอใช้สายตามองดีๆ ถึงได้เห็น มันเป็นสวนที่ถูกจัดไว้อย่างดีรอบเมือง

   มีต้นไม้น้อยใหญ่หลายสายพันธุ์ ดอกไม้มากมาย ตลอดจนทุ่งหญ้ากว้าง เห็นมีคนไล่ตบมอนสเตอร์อยู่ประปราย ที่ชวนอึ้งที่สุดคงเป็นเมืองงดงามเบื้องหน้า นี้มันเมืองในฝันชัดๆ ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นแบบสไตล์ตะวันตกสมัยก่อน อาคารบ้านเรือนเป็นอิฐแดง แต่ละบ้านมีกระถางต้นไม้เล็กๆ ออกดอกสีสันสวยงามส่งกลิ่นหอม บนพื้นถูกปูด้วยหินโทนสีอ่อนไปจนเข้มตามเส้นทางในเมืองสะอาดสะอ้าน ชาวบ้านดูเป็นธรรมชาติ ราวกับที่แห่งนี้ไม่ใช่เกม แต่เป็นเมืองๆ หนึ่ง

   ผู้เล่น พ่อค้า เอ็นพีซีในเกมต่างพากันทยอยเข้าเมืองเยอะจนน่าแปลกใจ กลบังคับม้าไปคืนให้กับร้านเช่าที่อยู่ติดกำแพงเมือง ก่อนพวกเราจะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนมากหน้าหลายตา ที่พิเศษหน่อยคงเพราะพวกเราเล่นใส่เสื้อคลุมกันยกแก๊ง เว้นไวไวที่ลินอุ้มอยู่ในเสื้อคลุม โผล่ออกมาแค่หัวกับหูยาวๆ เห็นหลายคนพยายามเพ่งมองพวกเราใต้ผ้าคลุมอยู่

   ผมจงใจแกล้งดึงให้คลุมหน้ามากขึ้น แถมแบ่งปันไปดึงให้กับเพื่อนในปาร์ตี้ เลยโดนสายตาขัดใจจากใครหลายๆคน มีความสุขชะมัดได้แหย่คนเล่นเนี่ย

   หลังก้าวพ้นประตูขนาดใหญ่ ผ่านทหารที่ยืนประจำการอยู่ ถึงได้เห็นความยิ่งใหญ่ของเมืองระยะประชิด น่าเสียดาย มันไม่มีพระราชวังเหมือนในนิทาน มีแค่ฮอลล์กลางแจ้งใจกลางเมืองเท่านั้น

   “คนเยอะจริง ปกติเยอะแบบนี้รึเปล่า” ผมถามสารานุกรมเกมเคลื่อนที่ ดวงตาคมสีน้ำเงินเข้มจัดมองไปรอบๆ ส่วนใหญ่มีแต่ผู้เล่นกระจายโดยทั่วไป หลากหลายแปลกตายิ่งกว่าเมืองท่าอย่างสตาทอสที่พวกเราจากมาซะอีก

   “มีบ้าง แต่ไม่ถึงขนาดนี้ คงมีงานอะไร”

   เจ้าตัวตอบแบบไม่ใส่ใจ มีแรงกระชากเสื้อคลุมจากทางด้านหลัง เกือบทำผ้าคลุมหลุด ผมดึงผ้าคลุมปิดหน้าแล้วหันไปหมายจะเอาเรื่องคนอาจหาญ ปะ เข้ากับหน้ากลมๆ แก้มยุ้ยๆ ของไวไว กระต่ายแคระจ้องเขม็ง นิ้วสั้นป้อมชี้ไปยอดอาคารสีขาว ที่มีกระจกบานใหญ่เป็นกระจกสีอยู่อีกด้าน

   “ฉันจะไปโบสถ์ล้างคำสาป”

   เสียงเล็กๆ ยืนยันหนักแน่น ใจจริงผมอยากเดินเที่ยวเล่นในเมืองก่อนค่อยทำธุระ แต่เห็นใจไวไว อุตส่าห์อดทนมาตลอดโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ ถือว่าเพื่อนผมมันมีความอดทนสูงมาก เลยพยักหน้ารับ เปลี่ยนเป้าหมายจากร้านค้า มุ่งหน้าสู่โบสถ์ที่พวกเราสามคน เอ๊ะ หรือสามตนดี เข้าไปไม่ได้

   ลินอ้อยอิงยอมวางไวไวบนพื้น เด็กน้อยตัวกลมทำท่าดีใจเหมือนพ่อแม่ซื้อของเล่นให้

   “ไวไว นายต้องตรงเข้าไปในโบสถ์เลยนะ ห้ามเถลไถลไปไหน ห้ามรับขนมจากคนแปลกหน้า ห้ามตามใครไปด้วย พอเสร็จต้องรีบออกมา พวกเราจะรอตรงนี้เข้าใจมั้ย”

   น้ำเสียงทุ้มนุ่มเป็นห่วงเป็นใย ไม่ได้มาจากผมหรอก มันมาจากลินที่ย่อตัวมองกระต่ายแคระ แสนจะอาลัยอาวรณ์ เจ้าเด็กหูกระต่ายมองอึ้งๆ ก่อนใบหน้ากลมจะแดงก่ำด้วยความโมโห

   “ฉันไม่ใช่เด็กเว้ยยยยย!!” กรีดร้องโหยหวนจนคนแถวนั้นมองเป็นตาเดียว ราวกับพวกเราเป็นโจรคิดลักพาตัวเด็กจนทหารแถวนั้นเดินเข้ามาถาม ยิ่งทำให้ไวไวเดือดหนักกว่าเดิม ผมหัวเราะกุมท้องเป็นแบล็คกราว ปล่อยให้ลินอธิบายทหารไป ส่วนกล ยืนนิ่งไม่สนโลก ทำตัวเป็นรูปปั้นประดับหน้าโบสถ์ไปแล้ว

   พอเห็นว่าพวกเราไม่มีใครสนใจท่าทางโมโหเดือดเลยสักนิด เจ้ากระต่ายเลยสะบัดก้นเล็กๆ เดินหางกลมพองหูตั้งเข้าไปในโบสถ์ โดยมีลินมองตามอย่างกับผู้ปกครองที่มองส่งลูกชายครั้งสุดท้าย ยิ่งทำให้ผมฮาหนักเข้าไปใหญ่ จนกลต้องเข้ามาช่วยลูบหลังก่อนหัวเราะจนขาดอากาศตาย

   สามเกลอรออยู่ด้านนอกแถวใต้ต้นไม้ใหญ่ ไม่เฉียดเข้าใกล้โบสถ์ มันไม่ได้ทำให้รู้สึกขยะแขยงหรืออะไรหรอก แค่พอเข้าใกล้แล้ว รู้สึกอึดอัดเหมือนมีอะไรกดทับไม่สบายตัว

   เวลาผ่านไปไม่นาน ไวไวเดินออกมาในรูปแบบแตกต่างจากตอนเข้าไปโดยสิ้นเชิง กระต่ายโจ๊กเกอร์กลับมาแล้ว รูปร่างสูงใหญ่สมส่วนมีกล้ามน้อยๆ กับชุดนักมายากลแบบเห็นเค้าสัดส่วน เส้นผมยุ่งถูกเสยขึ้น มีหูยาวตั้งข้างตกข้าง ใบหน้าบดบังด้วยหน้ากากโจ๊กเกอร์ มือถือไม้เท้าสไตล์นักมายากล

   ผมกับลินมองภาพไวไวด้วยความเสียดายอย่างที่สุด ลินคงเสียดายที่ไม่ได้อุ้มตุ๊กตากระต่ายอีก ส่วนผม เสียดายที่มันในร่างนี้แกล้งอะไรไม่ได้มาก แถวนี้จะมียาทำให้ตัวหดขายมั้ยนะ...

   “ได้กลับมามองมุมสูงแบบนี้รู้สึกดีจริงๆ” น้ำเสียงเบิกบานมาก จนผมหมั่นไส้

   “เฮ้อ ไปหาคนรู้จักกลเถอะ” ลินพูดแบบหมดอารมณ์ ผมมองครางกระซิกในใจ โธ่ สรุปผมไม่ได้เดินเล่นใช่มั้ยเนี่ยวันนี้

   “ตามมา”

   กลพยักหน้าเดินนำให้พวกเราเดิมตาม ในเมื่อเดินเที่ยวยังไม่ได้ ผมเลยใช้โอกาสนี้มองผู้เล่นแทน มีทั้งเด็กวัยรุ่น เด็กน้อย ยันผู้ใหญ่วัยกลางคน ทุกคนแต่งตัวตามอาชีพของตัวเอง แบบที่มองแวบเดียวก็พอจะเดาออก เว้นบางส่วนแต่งตามใจฉันแบบผมกับไวไว

   เสียงบทสนทนาของคนกลุ่มหนึ่งทำให้ผมกับไวไวหันมามองหน้ากัน คิดว่ากลน่าจะได้ยินเหมือนกัน

   “เฮ้ย มากันครบยังวะ ใกล้เวลาหมดเขตสมัครแล้วนะเว้ย”

   “มากันครบหมดแล้วพี่ ตื่นเต้นเป็นบ้า จะได้ทำสงครามกิลเนี่ย”

   “นั่นสิ นานๆ ทีจะมีอีเว้นกิจกรรมใหญ่ๆ แบบนี้สักที เขาว่า ของรางวัลสุดยอดมาก”

   สองสหายค้าวคาวกระต่ายที่เดินรั้งท้าย รีบกางหูฟังมากกว่าเดิม ตลอดทางที่เดินผ่าน มีแต่คนพูดเรื่องการแข่งขันกิลกัน ผมว่ามันน่าสนุกอยู่นะ เป็นสงครามเหรอ แนวดี พวกพี่วินเข้าใจคิดเพิ่มความสนุกให้กับผู้เล่น ส่วนผมคงไม่เข้าร่วมกับเขาหรอก ไม่มีกิลหนิ ถึงจะน่าเสียดายก็เถอะ หวังว่ากิจกรรมแบบนี้จะมีอีกในอนาคต ผมจะได้สร้างกิลของตัวเอง ลากพวกเพื่อนกับรุ่นน้องมาร่วมด้วย แล้วมาแข่งกับเขามั้ง

   หมาป่าหนุ่มคงสังเกตเห็นสีหน้านึกสนุกของพวกเรา เลยชะงักฝีเท้าหันมามอง

   “พวกนายอยากเข้าร่วม?”   

   คำถามสั้นๆ ที่คนฟังพยักหน้ารับพร้อมเพรียง มันน่าสนุกจะตายไป ตีกับมอนสเตอร์มาก็เยอะ ยังไม่เคยสู้กับคนแบบจริงจังเลย ไอ้ที่ผมไปเชือดเจ้าผู้เล่นสองคนตอนเริ่มเกมใหม่ๆ นั่นไม่นับ เพราะมันเหมือนรุมตืบมากกว่า

   “ไม่ต้องห่วง ได้เข้าแน่”

   กลตอบด้วยความมั่นใจสุดๆ ผมทำหน้างงใส่ เจ้าตัวไม่พูดอะไรอีก เดินนำทางต่อราวกับกำลังทำใจอะไรบางอย่าง กระทั่งพวกเรามาถึงจุดนัดพบใกล้กับฮอลล์กลางแจ้ง มีคนมากมายยืนออกันอยู่ตรงจุดนี้ กลนำเข้าไปหาคนๆหนึ่ง

   หญิงสาวแสนสวยในชุดนางรำสไตล์อาหรับสีพีช กำลังยืนคุยหัวร่อต่อกระซิกกับชายหนุ่มอีกคนในชุดสีเข้มโทนเรียบๆ ราวกับเจ้าชายในนิยายแฟนตาซีที่ออกจากวังมาผจญภัยโลกภายนอก ดวงตาหวานๆ ของพี่ชายพอเห็นกล ร่างอรชรพุ่งเข้ามาหาทันที พร้อมด้วยน้ำเสียงใสๆ สมเป็นนางรำ ทำให้คนแถวนั้นมองกันเป็นแถว

   “กลจ๋า ในที่สุดก็มาหาพี่สาวคนนี้แล้วสินะ มามะ เข้ามาสู่อ้อมกอดของพี่”

   ผมกลืนน้ำลายอึก มองภูเขาไฟขนาดย่อมท่าทางนุ่มนิ่มนั่นด้วยความอิจฉากลอย่างที่สุด ไวไวอาการหนักกว่า กำไม้เท้าตัวเองแน่น เหมือนจะเข้าไปแทรกกลางให้ได้ ลินกลับทำเพียงแค่เลิกคิ้วมองด้วยความสนใจ แหงล่ะ ตัวชาย ใจหญิง(?) จะสนใจหน้าอกหน้าใจของเพศเดียวกันไปทำไม

   เสี้ยวนาที ก่อนร่างสวยจะมาถึงตัวกล มือเรียวงามทาเล็บคว้าแส้หนามกุหลาบออกมาจากไหนไม่รู้ ฟาดใส่กลที่กระโดดหลบไปอีกทาง พื้นที่ถูกฟาดแตกเป็นทางยาวบ่งบอกแรงเป็นอย่างดี ผมกับไวไวสะดุ้งโหยง ถอยหลังเนียนไปหลบ หลังลินทั้งคู่ สวยสังหารนี่หว่า!

   “ไอ้น้องบ้า ฉันใช้ให้หลอกเด็กเข้ากิล มัวไปลอยชายอยู่ที่ได้ยะ นี่ถ้าไม่มีเรื่องให้ช่วย คงไม่ติดต่อกลับมาเลยสินะ”

   แส้ถูกเปลี่ยนเป็นพิณเถาว์ดอกไม้ในมือ นิ้วเรียวกรีดไปตามสาย เกิดเป็นเสียงไพเราะ แต่ไอคลื่นเสียงที่พุ่งออกมามันกะซัดคนให้หงายชัดๆ และกลยังคงกระโดดหลบได้อย่างสวยงาม

   “เบื่อ ไม่อยากทำ”

   ตรงมาก! ยิ่งทวีความโหด ราวกับผมยาวสลวยแผ่สยายเป็นนางมารแล้ว ถึงอย่างนั้น โจมตีสารพัดจนหอบ ยังไม่โดนแม้แต่ปลายขนหางของกล คุณนางรำเลยกระทืบเท้าอย่างขัดใจ เข้าไปเกาะแขนฟ้องเจ้าชาย

   “กาลเป็นหัวหน้ากิล จัดการจ้าเด็กนี่ทีสิ”

   “ฉันแปลกใจจริงๆ เธอน่าจะชินนิสัยของกลได้แล้วนะ แถมเธอยังไปแกล้งจับเปลี่ยนชื่ออีก ถ้าไม่เห็นแก่หน้าฉัน กลคงเอาคืนมากกว่านี้แน่”

   พอคนรักไม่ทำตามใจเลยแก้มป่องพองลม ฟึดฟัดจนหันมาเจอพวกเราที่ยืนตัวลีบกันอยู่ เหมือนพบเป้าหมาย นางรำสาวเปลี่ยนเป้าหมายทันที

   “อ๊ะ ขอโทษด้วยนะจ๊ะที่แสดงกิริยาไม่งามออกไป ฉันชื่อไหม พวกนายชื่ออะไรกันเอ่ย”

   นางมารเปลี่ยนร่างเป็นนางฟ้าระดับความไวเหนือเสียง ผู้หญิงมีไมตรี พวกผมผู้ชายไม่อาจปฏิเสธ พากันแนะนำตัวเรียบร้อย ก่อนมือนุ่มๆ จะมาจับมือลิน

   “ลินเป็นคนอยากให้ฉันช่วยใช่ไหม ฉันยินดีช่วยเต็มที่นะ เพียงแค่มีข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อย”

   “ผมคิดไว้อยู่แล้ว ถ้าผมทำได้ก็จะทำ” ลินไม่ปฏิเสธ ยิ่งทำให้คนฟังยิ้มกว้าง สายตามองมาทางผมกับไวไวด้วย รู้สึกความซวยจะมาเยือนในไม่ช้ายังไงชอบกล

   “แน่นอน ลินทำได้แน่ๆ แต่ต้องขอยืมแรงไวไวกับวัตด้วยนะ”

   “ไอได้มันก็ได้อยู่ แต่พวกเราขอรู้ก่อนแล้วกันว่าให้ทำอะไร” ไวไวตอบแบบกลางๆ ไม่ใช่ไม่อยากช่วยลิน เรื่องแบบนี้รีบรับปากสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ เกิดเป็นเรื่องที่พวกเราไม่ชอบใจ หรือไม่อยากทำขึ้นมาจะแย่เอา

   “ไม่ยากเลย แค่เข้ากิลพวกเราพอ จุ๊ๆ อย่ามองด้วยสายตาอึ้งแบบนั้นสิ แค่ชั่วคราวเท่านั้น หลังเสร็จงาน ทางกิลจะยอมให้ออกแต่โดยดี ถ้าไม่มั่นใจจะทำสัญญาก็ยังได้”

   “พวกนายมาถึงที่นี่ คงได้ยินเรื่องสงครามกิลมาแล้วใช่ไหม นั่นแหละคือสาเหตุที่ฉันให้กลไปหาคนมาเพิ่ม เพราะกิลเราคนน้อย คนส่วนใหญ่ก็ระดับสูงหมด การจะเข้าร่วมงานนี้ได้ต้องมีสมาชิกเลเวลตั้งแต่ 90 ขึ้นไป ได้พวกนายมาก็พอดีเลย ยังไงก็ช่วยหน่อยนะ แลกกับข้อมูล ฉันแถมของให้ผ่านภารกิจที่พวกนายจะทำง่ายๆ เลยเอ้า”

   คนสวยมาขอร้องทั้งที ไหมที่ดูอายุพอๆ กับพวกเรา ยกมือประกบ ขยิบตาให้ พวกเราหันมาปรึกษากัน ในเมื่อไม่เสียหายอะไร แถมได้เข้าร่วมสนุกกับกิจกรรมใหญ่ของเกมด้วย เลยตอบตกลงไป

   “พวกผมขอทำสัญญาว่าหลังจากจบสงครามจะถอนตัวออกจากิลนะครับ” ผมเสนอ

   “ได้เลยไม่มีปัญหา กาลมาเร็ว เอากระดาษสัญญามา”

   หลังจากนั้นพวกเรายืนไล่อ่านสัญญาเซ็นกันวุ่นวาย กาลที่ดูอายุมากกว่าผม เป็นคนไปติดต่อที่โต๊ะสมัครหน้าฮอลล์ พอกดรับตกลงเข้ากิล ผมเพิ่งสังเกตเห็น รอบๆ นี้มีสัญลักษณ์กิลบนเสื้อของทุกคน พวกเราก็มีด้วย คงเป็นระบบอัตโนมัติเพื่อบ่งบอกว่าตัวเองอยู่กิลไหน แต่ผมไม่เห็นสัญลักษณ์กิลของกลแฮะ คงจะปกปิดไว้ตามเคย

   ระหว่างรอ ก็ยืนคุยรายละเอียดกัน มีหลายครั้งที่ผมสะดุดใจอะไรบางอย่าง รู้สึกว่า... คนที่กลบอก เจ้าตัวใช้คำแทนว่า ‘เขา’ ตอนแรกผมนึกว่าเป็นคนชื่อกาลคนนั้น แต่พอคุยขนาดนี้แล้ว คนๆ นั้นต้องเป็นไหมแน่ๆ ทิ้งช่วงนานเข้าผมเริ่มทนไม่ไหว สะกิดๆ ให้กลก้มหัวลงมา ผมสอดมือเข้าในผ้าส่วนที่คลุมหัวปิดหู มือจับดึงหูสามเหลี่ยมนุ่มลงมาใกล้ปาก

   “คือ ไม่อยากจะละลาบละล้วงหรอกนะ แต่... ไหมนี้คือแบบนั้นใช่มะ”

   “ดูออกด้วยเหรอ ใช่ แต่แปลงหมดแล้ว ส่วนข้างล่างไม่มั่นใจ คงต้องถามกาล” กลบ้าจี้ตามผม ก้มลงมากระซิบงุบงิบคุยกันอยู่สองคน เอาเรื่องคนอื่นมาแฉหน้าตายมาก

   “จะบ้าเรอะ เขาเป็นแฟนกัน ไปถามโดนกระทืบตายพอดี”

   “ฉันไม่ยอมให้ใครทำร้ายนายแน่ แม้คนนั้นจะเป็นญาติก็ตาม”

   ผมอึ้งรอบสอง ญาติ? พอมาคิดดูดีๆ มีเค้าแฮะ ทางนั้นผมดำตาดำก็จริง แต่ดูนิสัยภายนอกให้อารมณ์คล้ายๆ กับกลเลย ดูนิ่งสงบแบบที่ไม่ยุ่งกับใคร ต่างกันแค่ทางนั้นดูมีบรรยากาศอ่อนลงเวลามีไหมอยู่ข้างๆ ล่ะมั้ง ส่วนเจ้าหมาข้างตัวผม มีแต่ออร่าหื่น เนียนตัวพ่อ ขี้อ้อนเน้นๆ

   “พวกนายสองคนจะสวีทกันยังไง ช่วยเกรงใจหรือสนใจสถานที่หน่อยเถอะ นี่มันกลางเมืองนะเฮ้ย”

   เราสองคนผละออกจากกัน มีผู้หญิงกับผู้ชายบางคนทำหน้ารับไม่ได้ ที่สำคัญ ลินกับไหม มองตาวาวเหมือนเจอของถูกใจ ก่อนสองคนนั้นจะหันไปจับมือกันราวกับเจอคนจากลิทธิเดียวกัน ได้ยินแว่วๆ ว่า อะไรยาโอยๆ วายๆ นี่แหละ

    ผมผละออกจากกล เลิกคิ้วกวาดตามองคนจากกิลต่างๆ ที่อยู่โดยรอบ จังหวะกับญาติกลเดินกลับมารวมกลุ่มพอดี เจ้าตัวมองงงๆ เสียงซุบซิบนินทาแว่วเขาหู ผมกรอกตา ขนาดในเกมยังไม่รอดเลยวุ้ย เอาวะ ยังไงก็คน เรื่องพวกนี้คงตัดขาดจากนิสัยยาก

   สองสาว(?) คงทนกับเสียงซุบซิบจากรอบข้างไม่ไหว ราวกับไปสะกิดต่อมอะไรบางอย่างของพวกคุณเธอเข้า ทั้งสองคนเลยก้าวฉับๆ มาที่ผมกับกล มือจับเสื้อคลุมคนละตัว กระชากออกรวดเดียวปลิวติดมือพวกเธอไป พี่วิน ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวจัง...

   เกิดความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณ ไวไวนึกสนุก ถอดหน้ากากตัวเองออกบ้าง ไม่ต่างจากลินที่ดึงผ้าส่วนที่คลุมหัวออก กลายเป็นสี่หนุ่มยืนเด่นเป็นสง่าท่ามกลางสายตาประชาชี ผมเห็นไวไวยักคิ้วหลิวตาให้สาวๆ ลินเสยผมแบบคูลๆ ยิ้มเยาะทุกคนที่มองตาค้าง ผมหัวเราะส่ายหัวกับวิธีกลบเสียงนินทา

   ไหนๆ ก็ไหนๆ เล่นด้วยหน่อย ผมขยิบตาให้กลุ่มชายหญิงกลุ่มหนึ่ง ยิ้มจนเห็นเขี้ยวตรงมุมปาก ใบหูแหลมๆ เป็นตัวบอกอย่างดีว่าผมโดนคำสาปอะไร เห็นกลยังนิ่งไม่เอาด้วย ผมหันไปยิ้มให้กล ทางนั้นเหมือนปฏิกิริยาตอบรับอัตโนมัติ ยิ้มบางให้ผมคืน หางตาผมสังเกตเห็นว่า สาวๆ บางคนตาเป็นรูปหัวใจไปแล้ว

   ถ้าให้พูดแบบไม่หลงตัวเอง พวกเราแต่ละคนจัดได้ว่าหน้าตาดีในระดับหนึ่งถึงมากมาย แต่ละคนมีสไตล์ของตัวเอง ไวไวเป็นพวกห้าวๆ แอบทะเล้น ทางลินแนวเด็กหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์มากแผนการ ผมคงตามสไตล์หนุ่มร่าเริงสีสันให้กับปาร์ตี้ และกล หนุ่มมาดนิ่งหล่อเข้ม ที่พอยิ้มละลายทุกคนที่พบเห็น

   หลายคนตกหลุมพวกเราไปเรียบร้อย แก๊งบอยแบนจำเป็น ส่วนพวกที่ฉลาดๆ หน่อย หัวเราะขำชี้ชวนเพื่อนดูเฮฮา สาวไหมดูจะชอบมาก กรี๊ดกร๊าดเขย่าแขนแฟนตัวเองจนตัวเอนไปมา ผมว่าตอนนี้ญาติกลคงจะมึนได้ที่

   กลเริ่มรำคาญสายตาที่มองมา ผมแอบได้ยินเสียงขู่ในคอเบาๆ แบบที่ต้องอยู่ใกล้มากๆ ถึงจะได้ยิน มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังมาทางนี้ เหมือนจะเข้ามาคุย ผมเห็นท่าไม่ดี รีบหาหนทางพาทุกคนออกไปจากที่นี่

   “ตอนนี้เริ่มเย็นแล้ว พวกเราไปกันดีกว่า ยังไม่ได้หาที่พักกันเลย”

   “ตายจริง งั้นไปพักกับพวกเรามั้ยล่ะ ที่โรงแรมนั้นน่าจะยังมีห้องเหลืออยู่บ้าง” ไหมชวน ผมเห็นด้วย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเดินหา

   “ดีเหมือนกัน จริงสิ เดี๋ยวพวกเราต้องออกจากเกมแล้ว ผมกับไวไวติดไปเข้าค่ายหลายวันอยู่ คงไม่ได้เข้าเกมสักระยะ โทษที ที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า เหอะๆ” ผมยิ้มแห้ง

   “ไม่เป็นไรๆ วันนี้วันสมัครสุดท้ายก็จริง กว่างานแข่งจะเริ่มอีกนาน ระหว่างนี้เขาให้ทุกกิลเตรียมตัว แต่บังเอิญจัง กลเองก็มีเข้าค่าย ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นที่เดียวกันก็ได้นะ”

   ไหมหัวเราะเสียงใส ควงแขนกับแฟนหนุ่ม ผมโบกมือปัดๆ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกหน่า คิดแบบนั้น ในใจลึกๆกลับรู้สึกว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงมากกกกก ดวงตาสีเทาหันไปมองคนข้างกาย ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัด คมกริบมองคนนู่น คนนี้ผิดวิสัย พอผมมองตามเท่านั้นแหละ ชัดเลย ไอ้หมาขี้หวงเอ๊ย!!   

   ผมกรอกตา ลากกลให้เดินตาม กลัวจะไปกัดใครเขาเข้า นี่ขนาดยังไม่คบแค่ดูกันก่อน ยังฉายแววขนาดนี้ ผมไม่อยากจะคิดตอนคบจริงๆ เห็นทีต้องไปหาซื้อหนังสือฝึกสุนัขมานั่งอ่านเพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นคนฝึกสัตว์ หมาป่าดุร้ายซะด้วย

   โรงแรมที่ไหมพามา เป็นโรงแรมสี่ชั้น รายล้อมด้วยร้านอาหาร ภายในถูกตกแต่งเรียบง่ายแนวคลาสสิก เปิดไฟสีส้มให้ดูบรรยากาศอบอุ่น นุ่มนวลน่าพัก ไหมคุยกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ แล้วเดินกลับมาพร้อมกุญแจสองดอก ดอกหนึ่งส่งให้ลิน ส่วนอีกดอกส่งให้กล

   “น่าเสียดาย ห้องพักหมดแล้ว ดีนะยังมีห้องที่จองไว้สำหรับคนในกิลอยู่ เจ้าตัวติดงานกะทันหันเลยมาไม่ได้ พวกนายใช้ไปก่อนเลยแล้วกัน”

   “ขอบใจนะ” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม ทางนั้นก็ยิ้มกลับมา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 19:11:13 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ OrangeryLemon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
 
“พวกเราก็ไปกันเถอะ ฉันอยากล้างคำสาปตัวเปี๊ยกนี้เต็มแก่แล้ว” กลชูแขนสั้นๆสองข้างอยู่ในอ้อมแขนลินตามเคย

กล=>ไวไว


ทำไมรู้สึกว่าตอนนี้มันหวานจัง     :o8:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
ดีนะที่พี่วินตัดระบบความรู้สึกอย่างว่าในเกมส์ทิ้งไปแล้ว
ไม่งั้นล่ะก็นะะะะะะะะ
รอตอนต่อไปฮี่ๆ

ออฟไลน์ Tumz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 450
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-4
เหมือนเนื้อหาขาดไปบางส่วนส่วน ระหว่างท่อนแรก กับท่อนหลัง

เนื้อเรื่องการต่อสู้ตอนท้ายในการฆ่าบอสหายไป

 o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ VampirezBadz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ใหนตอนแรกบอกว่าทำสมจริงทุกอย่างไงคะ ทำไม่ตัดระบบอารมณ์ทางการปฎิสนธิแบบนี้ละค้าไม่อาวว//โวยวาย

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
 :hao4: ท่านซาตานวิน แพทช์อัพเดทครั้งต่อไปเอาระบบความรู้สึกกลับมานะ :hao6:
หมันไส้เจ้าค้างคาวเจ้าเล่ห์ อยากเห็นมันโดนหมาป่ากด ฟัดเช้าฟัดเย็นอะไรงี้ :hao7: :haun4: :m23:

ปล.  :กอด1: คิดถึงนิยายนี้กับผู้เขียนนะจ๊ะ  :กอด1: :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
เอ๊ยยยย ตอนนี้คือกลได้กำไรแบบสุดๆอ่ะ
ทั้งดีปคิส สกิลชิป นาๆ  :hao3:
รอวัตใจอ่อนไวๆ #ทีมพระเอก 555555

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
กลกำไรมากอะ 5555

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
อิอิ กลฉวยโอกาสเลยนะ

ออฟไลน์ เลิฟลี่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
โอย อ่านแล้ว อิฉันเขิลลลลลลล

ออฟไลน์ oss_tw

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
รอ รอ ตอนต่อไปค่ะ

  :impress3:

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ขอกดโหวดทุกเบอร์เลยได้ป่ะคะ >o< ชอบทุกคนเลยอ่ะ
ทำไมตอนนี้ถึงดูหวานปานน้ำตาลยังอายแบบนี้น้า เขินจิกหมอนแทบขาดอยู่ละ
มาต่ออีกเร็วๆนะคะ เรารออ่านอยู่น้า >______<

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.17 เมืองหลวงที่รัก (ต่อ)


   ส่วนเรื่องแบ่งคน ระดับนี้คงไม่ต้องแบ่งแล้ว ลินลากคอไวไวขึ้นไปห้องพักของตัวเอง ผมเลยลัลล้ากลับห้องตัวเองมั่ง สมกับเป็นโรงแรม ห้องพักมีเตียงสองเตียง โต๊ะหนังสือหนึ่งโต๊ะ ตู้เสื้อผ้าไม่มี เพราะของทุกอย่างในเกม ทุกคนยัดใส่สัมภาระตัวเองหมด พอมองผ่านหนังสือออกไป เห็นเหล่าผู้เล่น กับเอ็นพีซีเดินกันขวักไขว่อยู่ด้านล่าง

   “ดูนายจะชอบที่ ที่มีคนเยอะๆ”

   เสียงประตูปิดลง พร้อมคนที่เพิ่มเข้าห้อง หลังไปคุยธุระบางอย่างกับหัวหน้ากิลตัวเอง

   “ดูครึกครื้นดีออก นายไม่ชอบเหรอ” ผมหันมามองคนที่มายืนซ้อนหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ วงแขนอุ่นโอบตัวผมเข้าไปกอด

   “ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ถ้านายชอบ ฉันก็ไม่มีปัญหา ไว้เจอกัน”

   “อืม ไว้เจอกัน”

   อายุวัต ออฟไลน์…


   
   ห้องมืดสนิท มือหนาถอดเครื่องเล่นเกมออก มือคว้าแท็บเล็ตรุ่นล่าสุดเช็คข้อมูลข่าวสารระหว่างทางเดินเข้าห้องน้ำ อาภรณ์ถูกถอดทีละชิ้น เผยเรือนร่างสมชายจนน่าอิจฉา มือหนาหยิบผ้าขนหนูสีขาวพันเอว ดวงตากวาดมองข้อมูลต่างๆ จนมาสะดุดเข้ากับข้อความจากใครคนหนึ่ง

   ‘ออกมาจากเกมแล้ว โผล่หัวมาหาฉัน’

   ประโยคเชิงคำสั่ง หากเป็นคนอื่น นอกจากเขาจะลบทิ้ง แล้วยังจะส่งไวรัสไปทำลายเครื่องของอีกฝ่ายด้วยเพื่อสั่งสอนให้รู้ว่า คนอยากเขาไม่ทำตามคำสั่งใคร แต่กับรายนี้ นอกจากจะไม่ลบทิ้ง เขายังต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ เลิกถ่ายเอ็มวี อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความไวแสง มือคว้ากุญแจรถ กระเป๋าตังค์ วิ่งลงชั้นล่าง แทบจะเหินลงบันได

   “กล ทำไมรีบแบบนั้นลูก เดี๋ยวกลิ้งลงบันไดหัวร้างข้างแตกกันพอดี”

   ได้ยินเสียงคุณแม่ผู้ใจดี ลูกชายเพียงคนเดียว เลยเลี้ยวไปกอดหอมแก้มฟอด นึกเสียดายไม่น้อยที่อดกินแกงส้มไข่เจียวชะอมฝีมือแม่ ดวงตาสีเข้มมองตามกลิ่นหอมไปทางห้องครัว

   “อาจารย์เรียกตัวด่วนครับ เก็บไว้ให้ผมด้วย อย่าให้พ่อกินหมด”

   พูดจบ เจ้าตัวเผ่นออกจากบ้านไปทันที คนเป็นแม่ได้แต่มองตาปริบๆ ส่ายหัวด้วยความขบขันกับท่าทีหลุดๆ ที่เห็นได้ยากจากลูกชาย เธอกับสามีคงคิดถูกแล้ว ที่ส่งลูกชายเพียงคนเดียวไปให้เขาคนนั้นช่วยดูแล หางตาเหมือนเห็นอะไรบางอย่างวิ่งตามลูกชายไป พอจะบอก รถก็ขับออกไปซะแล้ว หวังว่าจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง

   กลเหยียบแบบไม่เกรงใจ ดีที่คนส่วนใหญ่ไม่ใช้รถส่วนตัวในชั่วโมงเร่งรีบ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที บ้านที่อยู่เกือบสุดเมืองหลวง เข้ามาถึงใจกลางเมืองได้ทันเวลาเฉียดฉิว ร่างสูงถอนหายใจโล่งอก เปิดประตูลงจากรถ ติดบัตรพนักงานฝึกหัดแผนกโปรแกรมเมอร์ เดินเข้าบริษัท ตรงขึ้นลิฟท์ท่ามกลางสายตาของคนอื่นๆ

   เจ้าตัวนึกแปลกใจไม่น้อย ตั้งแต่ตอนที่พ่อเอาเขามาฝากให้กับท่านซาตาน หลังจากนั้น เขาก็เข้าออกบริษัทเป็นว่าเล่น ทุกคนน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตาเขาดี แล้วทำไมถึงยังมองด้วยสายตาแปลกใจแบบนั้นอยู่

   ในเมื่อหาคำตอบไม่ได้  กลเลยเลิกสนใจ ใครจะเป็นจะตายยังไงก็ช่าง ขอแค่ไม่มายุ่งวุ่นวายกับเขา หรือคนที่เขาแคร์ก็พอ กระทั่งถึงชั้นเป้าหมาย ลิฟท์เปิดออก พอดีกับมีชายร่างสูงหุ่นกำยำแต่ไม่บึกจนดูน่าเกลียด ชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเข้าลิฟท์ มองรุ่นน้องแบบงงๆ

   “นาย...”

   “อัคคี อย่ามัวช้า เดี๋ยวหัวหน้าก็เอาเขาในเกมขวิดนายตายหรอก” เสียงเพราะดังขึ้นจากชายอีกคนที่วิ่งผมปลิวถีบหลังเพื่อนร่วมงานตัวเองเข้าไปในลิฟท์ ก่อนจะกระโดดเข้าไปตาม

   “หวัดดีน้องกล ขอให้รอดออกไปครบ 32 นะ” มือสวยเหมือนผู้หญิงโบกให้ด้วยรอยยิ้มเมตตา ได้ข่าวว่าวาโยเพิ่งจะถีบผู้ชายตัวโตกว่าสองเท่าลอยเข้าไปในลิฟท์เมื่อครู่ คนเราตัดสินกันแต่ภายนอกไม่ได้จริงๆ

   กลนวดขมับกับความวุ่นวายเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในแผนก พอนึกถึงอนาคตที่ต้องมาทำงาน รู้สึกหดหู่ยังไงชอบกล แม้ว่าที่นี่จะรวมคนเก่งระดับหัวกะทิก็ตาม อย่างที่เขาบอก อัจฉริยะมีเส้นบางๆ กั้นไว้กับคำว่าบ้า...

   “มาพอดี เตรียมตัวไว้ อีกสิบนาทีพวกเราจะต้องเข้าโลกจำลองเพื่อประชุมลับ”

   รองหัวหน้าแผนกมือถือแก้วกาแฟว่างเปล่า เอ่ยทักเด็กใหม่ แล้วเดินหายไปโซนพักผ่อน บ่งบอกว่า งานนี้เจ้าตัวไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย แต่เป็นกลที่เข้าร่วมแทน

   ปลายเท้าเพิ่งจะแตะพื้นห้อง ท่านซาตานก็หันขวับมามองซะแล้ว ประสาทสัมผัสไวจนน่ากลัว

   “ไปนั่งประจำที่ นายต้องเข้าร่วมประชุมกับฉัน” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ กำลังจะเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ สัมผัสนุ่มมาถูแถวขา พร้อมเสียงร้องคุ้นหู

   เหมียว~

   ดวงตาสองคู่ในห้องทำงาน ก้มลงมองสิ่งมีชีวิตขนฟูบนพื้นทันที แมวขนาดใหญ่กว่าแมวทั่วไป นั่งเรียบร้อยส่ายหัวเป็นพวงฟูไปมาเบาๆ อย่างสบายใจ ขนสีควันบุหรี่ ดวงตาคม ปลายหูแหลมคล้ายกับพวกหมาป่า ที่คอมีสร้อยไข่ปลาร้อย Dog tag เงาวับอย่างดี เป็นป้ายแบบทหาร สลักชื่อที่อยู่เบอร์โทรเจ้าของครบ อุ้งเท้าไม่เล็กเขี่ยๆ ขากางเกงพ่อตัวเองด้วยความตื่นเต้นกับสถานที่แปลกใหม่

   เมี้ยว เมี้ยว (พ่อฮะๆ ที่นี่ที่ไหน คนเยอะจัง)

   “ขุนพล! ตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

   กลก้มลงไปทำท่าจะอุ้มลูกชายแมวพันธุ์เมนคูน 5 เดือน แต่เจ้าตัวดันวิ่งหนี หนีไปทางไหนไม่ไป ดันไปทางเจ้าถิ่น วินลุกจากเก้าอี้ เลิกคิ้วมองสายพันธุ์แมวยักษ์ ใช้มือข้างเดียวในการช้อนตัวขุนพลขึ้นมา โดยที่เจ้าเหมียวไม่มีท่าทีขัดขืนเลยสักนิด

   “หนักใช่เล่น ยังไม่โตเต็มวัยสินะ ถ้าโตเต็มที่คงตัวใหญ่น่าดู”

   คนที่น่ากลัวเป็นปกติ ยิ่งเวลาทำงานยิ่งดุ กลับยิ้มละมุนละไม ระหว่างใช้ข้อนิ้วถูคอแมวจนเคลิ้ม กลยืนมองภาพตรงหน้านิ่ง เหมือนได้รู้ข้อมูลอะไรบางอย่าง ที่แท้บุคคลที่น่ากลัวคนนี้เองก็เป็นทาสแมวเหมือนกัน ที่ว่าแมวคิดจะครองโลกสงสัยจะจริง ขนาดหมาป่าเปรียวอย่างเขายังไม่รอดเลย แม้ว่าหลังๆ เขาจะไม่เปรียวแล้วก็ตาม มีคนในดวงใจแล้วหนิ

   “ไปฝากชินดูแลก่อนแล้วกัน วันหลังอย่าพาออกมาอีก ข้างนอกเชื้อโรคเยอะ”

   กลได้แต่มองตาม ท่านซาตานที่ดูอารมณ์ดีขึ้นผิดหูผิดตา ถือว่าเป็นเรื่องดี งานประชุมครั้งนี้จะได้ง่ายขึ้น ยิ่งเขาไปด้วยแล้ว ยิ่งน่าเป็นห่วง ที่ห่วงไม่ใช่ใคร ตัวเองนี่แหละ ติดแบล็คลิสนี่นะ

   พอถึงเวลาการประชุม หัวหน้ากับเด็กใหม่ นั่งบนเก้าอี้ใช้เครื่องแบบสวมหัว ไปยังโลกจำลองที่ใช้ประชุมลับ พอลืมตาขึ้นมา ก็มายืนอยู่ในห้องประชุมที่มีโต๊ะตัวใหญ่ เก้าอี้ล้อมรอบแล้ว คงจะเซ็ตค่าให้มาถึงที่หมายเลย ก่อนที่วินจะเข้าไปนั่งประจำที่ตัวเอง ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาท่าทางไม่เป็นมิตร

   “สวัสดีคุณอาชวิน นึกว่าจะมัวแต่ขลุกอยู่ในเกมไร้สาระนั่นซะอีก” ชายผมสีทองอ่อนยังคงยืนนิ่งราวกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตน สำหรับหัวหน้าแผนกคนนี้แล้ว หากคนที่เข้ามาไม่เป็นมิตร จะได้รับสิ่งนั้นกลับคืน เรื่องนี้กลรู้ดี หลังจากสังเกตมาได้สักระยะ

   “ผู้ใหญ่ทักทาย ไม่ยอมทักทายกลับ ไร้มารยาทสิ้นดี”

   “อ้าว สวัสดีครับท่าน ต้องขออภัยด้วยที่ไม่ครู่ผมไม่ได้ตอบ สงสัยก่อนหน้านี้ผมคงจะเทสเสียงสัตว์ร้องในเกมมากไปหน่อย เหมือนจะติดหูมาถึงที่ประชุม ผมเสียมารยาทไปซะแล้ว”

   คำตอบจากชายหนุ่มผู้มีรูปลักษณ์ปานเทวทูต แต่วาจาร้ายกาจยิ่งกว่ามารปีศาจ ทำให้กลหันหน้าไปอีกทาง เพื่อสะกดกลั้นสีหน้าตัวเองให้กลับมานิ่งเรียบตามเดิม

   ทางนั้นฮึดฮัดหมายจะเอาเรื่อง แต่สถานการณ์ไม่เป็นใจ คนใหญ่คนโตหนึ่งในผู้เข้าร่วมประชุม พอเห็นคนหนุ่มไฟแรงเลยเข้ามาทักทันที

   “หลานชาย มาแล้วเหรอ เรื่องนั้นต้องขอบคุณมากเลยนะ เพราะเกมของหลาน ฉันถึงได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ในเกมบรรยากาศดีมากๆ ลูกสาวชอบใจใหญ่”

   “สวัสดีครับท่านจอมพล ถึงในเกมจะดียังไง การมีเวลาอยู่ด้วยกันในโลกความจริงย่อมสำคัญกว่านะครับ” วินยกมือไหว้อย่างสวยงาม โดยมีกลทำตามอยู่ข้างๆ

   “มันก็จริง เฮ้อ ฉันอายุเยอะจนต้องถอยให้เด็กรุ่นใหม่ๆ แล้วมั้งเนี่ย”

   “ท่านยังหนุ่มแน่น แข็งแรงอยู่เลยครับ พ่อผมฝากความคิดถึงมาให้ท่านด้วย”

   “เจ้าอาเนซมันยังอยู่ดีสินะ ดีๆ ไว้ว่างๆ ฉันจะไปกวนมัน”

   “ได้เลยครับ พ่อผมว่างงาน ยินดีต้อนรับท่านเสมอ” สองหนุ่มต่างวัยคุยกันถูกคอ ลืมอีกคนไปเสียสนิท คนที่มาก่อนต้องยอมถอยตัวลีบ คงไม่กล้ามาหาเรื่องอีกนาน ก็ไอเกมไร้สาระที่ตัวเองว่า เจ้านายตัวเองกลับชอบนักหนา

   “ถึงเวลาประชุมแล้ว หวังว่าฉันจะได้ยินข่าวดีนะหลานชาย” ปากเรียกหลานแต่ดวงตาคมกริบอย่างผู้ผ่านโลกมามาก แม้จะสนิทกันแค่ไหน หากเป็นเรื่องงานไม่มีอ่อนข้อให้เด็ดขาด เพราะนั่นหมายถึงความปลอดภัยของประชาชน วินยิ้มรับ ก้มหัวน้อยๆ

   “ผมจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังครับ”

   เขามองภาพชายตรงหน้าด้วยวามชื่นชมเต็มเปี่ยม ชายผู้ยืนหยัดเก่งกาจแต่ไม่ถือตัว อ่อนน้อมกับผู้ใหญ่ และเด็ดขาดสมเป็นผู้นำ สง่างามในแบบที่เขาไม่เคยเห็นใครเป็นได้เท่านี้ เขายืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้ของวิน พร้อมการประชุมที่เริ่มต้นขึ้น

   บรรยากาศเคร่งเครียดโรยตัวลงมา หัวข้อที่ทุกคนพูดถึงคือ เมื่อเร็วๆ นี้มีบริษัทแห่งหนึ่งขายสินค้าไม่น่าไว้ใจบางอย่าง มันคล้ายกับเครื่องเล่นเกมทั่วไป ส่งคนไปยังโลกแห่งจิตนาการ แต่ระบบการทำงานส่งผลเสียต่อผู้เล่นจนเกิดปัญหา ทางตำรวจต้องการสืบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด โดยขอความร่วมมือกับบริษัทผลิตและสร้างเกมระดับต้นๆ ซึ่งวินเป็นหนึ่งในนั้น และดูทุกคนจะให้ความหวังมากซะด้วย

   ตำรวจต้องรีบจับเผื่อไม่ให้มีผู้เคราะห์ร้ายมากไปกว่านี้ ส่วนบริษัทผู้ผลิต ได้รับผลกระทบโดยตรง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ลูกค้าบางกลุ่มเกิดความระแวง ไม่ไว้ใจระบบของพวกเขา ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ในอนาคต ดังนั้นต้องจับให้ไวที่สุด

   ทุกคนรายงานความคืบหน้าของตัวเอง แต่บริษัทแห่งนั้นกลับหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน วนจนมาถึงชายผมทอง ร่างสูงสง่าลุกขึ้นยืนเต็มความสูง รอยยิ้มงดงามประดับบทวงหน้าหล่อเหลาราวกับไม่อาจแตะต้องได้ ก่อนเริ่มตอบคำถาม อธิบายเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับบริษัทที่เขาสืบมา

   “บริษัทแห่งนั้นไม่ได้หายไป มันแค่ไม่มีอยู่ตั้งแต่แรก ข้อมูลที่ผมได้มา มันเป็นเพียงกลุ่มคนขนาดเล็กปล่อยเครื่องพวกนี้นอกกฎหมาย อ้างตัวว่าเป็นบริษัทใหญ่”

   ชายผมทองส่งข้อมูลทั้งหมดให้ทุกคนอ่าน

   “เธอพูดเหมือนกับว่า รู้จุดประสงค์ของคนพวกนั้นแล้ว?” ชายที่เข้ามาทักวินอย่างสนิทสนมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาเป็นตัวแทนของตำรวจ

   “ผมยังไม่สามารถยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คากว่าคนพวกนั้นตั้งใจก่อกวนพวกเรา” เสียงฮือฮาดังขึ้นโดยรอบ ทุกคนมองด้วยสายตาหลากหลาย คนพูดไม่สะท้านกับสายตาเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย รวมถึงแรงกดดันที่ได้รับด้วย

   “คุณหมายความว่า กลุ่มคนพวกนั้นจงใจสร้างกระแสให้ทุกคนหวาดระแวงระบบโลกจำลอง??” หนึ่งในบริษัทยกมือถาม ชายผมทองเพียงแค่ยิ้มรับ

   “มันเป็นเพียงแค่การคาดเดาครับ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง จากข้อมูลที่เรามีอยู่ตอนนี้ พอจะจัดการคนขายเครื่องนอกกฎหมายได้ แต่ไม่อาจสาวถึงต้นตอ ดังนั้นผมต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย ช่วยกันสืบข่าวและจับตามองกลุ่มคนน่าสงสัย ขอความกรุณาด้วยนะครับ” วินก้มหัวแบบไม่ห่วงภาพพจน์ไร้สาระ ยังไงซะ แม้จะเก่งกาจสักแค่ไหน สุดท้ายเขาเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ไม่สามารถทำการใหญ่อะไรใดๆ ได้ด้วยตัวคนเดียว

   “รวมถึงคนที่อยู่ด้านหลังคุณด้วยรึเปล่า เด็กหนุ่มคนนั่น ฉันจำได้ว่าติดแบล็คลิสของรัฐอยู่นะ อนาคตต้องมาทำงานให้รัฐด้วย เพื่อควบคุมความประพฤติ” นายตำรวจใหญ่เลิกคิ้วถาม ต้องให้เด็กคนนั่นเคลียร์ทุกอย่างก่อนจะเริ่มงานร่วมมือกันจริงๆ จังๆ ได้

   “ใช่แล้วครับ ทุกท่านอาจจะยังไม่ทราบ ข้อมูลที่พวกท่านกำลังอ่านเด็กคนนี้เป็นผู้รวบรวมมาทั้งหมด แน่นอนว่าคนที่คัดกรองข้อมูลคือผมกับคนสนิท มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากบอกให้ทุกท่านทราบ ตอนนี้เขาเป็นลูกศิษย์ของผม” วินเว้นช่วงให้ทุกคนตะลึงกันซะให้พอ แล้วเริ่มใส่ไฟเข้าไปอีก

   “จากที่ผมทราบมา เด็กคนนี้ไม่เคยกระทำผิดใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่มีความสามารถมากเกินไปจนพลาดพลั้งไปบ้างเท่านั้นเอง การจะกักตัวเขา เหมือนเป็นการตัดอนาคตของเด็กคนหนึ่ง ผมจะขอรับเขาเอาไว้ในการดูแลเอง ผมเชื่อว่าเขาต้องเป็นกำลังสำคัญให้กับพวกเราแน่ๆ”

   “นั่นเท่ากับ คุณจะรับประกันให้เขาเองสินะ หากเขาทำผิด ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

   “ผมทราบดีครับ ผมจะรับความผิดแทนเขาทุกอย่าง และผมเชื่อว่า ผมมองคนไม่ผิด” จบประโยค หลายคนตาลุกวาวขึ้นมาทันที หากคนอย่างอาชวินออกปากเองว่าจะรับปิดชอบแทน ย่อมเป็นไปตามนั้น นั่นเท่ากับว่า ถ้าเด็กในการดูแลทำความผิด พวกเขาจะมีสิทธิ์ในตัวชายผู้เก่งกาจ

   ทุกคนต่างตอบรับราวกับผู้มีเมตตาทันที คงมีแต่ท่านจอมพลกับผู้มากประสบการณ์บางคนที่รู้จักนิสัยกันดี อยากยกมือลูบหน้า นวดขมับ ด่าในใจใส่ไอพวกที่แสดงความโลภจนออกนอกหน้า

   เจ้าพวกโง่เอ๊ย โดนหน้าปานเทพบุตรนั่นหลอกเขาเต็มเปาซะแล้ว ไม่เห็นเขาซาตานกับปีกที่งอกอยู่ด้านหลังหรือไง ขนาดเด็กที่ได้รับความสำคัญมากมายมันยังรู้ตัวคิ้วกระตุกยิกๆ เลย การกระทำของวินเท่ากับว่า เจ้าตัวยึดเอาเด็กที่มีความสามารถสูงเข้าไปอยู่ในครอบครองได้อีกคน เชื่อเลยว่าขนมกินได้ คนอย่างอาชวิน หยิบเข้าปากแล้ว ให้ตายยังไงก็ไม่คายออกมาหรอก เพราะแบบนี้ไง พวกระดับหัวกระทิเลยไปอยู่ในมือซาตานตัวร้ายหมด เหลือแค่พวกปลายแถวให้พวกเอ็งใช้งาน

   ด้วยเหตุนี้ หลังจบการประชุม มีหลายคนยินดีวางแผนกันในใจหลายสิบตลบ ส่วนพวกที่รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมเด็ก พากันเขม่นใส่แกมระอา

   ส่วนกล เขาคิดว่าทำงานให้กับรัฐ ชีวิตยังดูสดใสมากกว่าทำงานให้กับชายคนนี้เสียอีก เอาเถอะ ความรู้มากมายส่วนใหญ่เขารู้หมดแล้ว สิ่งที่ต้องเรียนรู้จากวินคือความเป็นมนุษย์ต่างหาก พ่อของเขากลุ้มในเรื่องตรรกะความคิดของลูกชายมาก เลยเฉดหัวยัดเยียดให้กับคนที่น่าจะกำหราบได้ ซึ่งมันได้ผล เพราะวินคือน้อยคนที่กลยอมรับจากใจจริง และที่สำคัญที่สุด น้องชายของคนตรงหน้าจัดการเขาซะอยู่หมัด กลายเป็นหมาเชื่องๆ
   
   นี่อาจเป็นสาเหตุที่วินปล่อยให้เด็กอันตรายอยู่ข้างกายน้องชาย จะได้ช่วยดัดนิสัยอีกทาง คนเราไม่สามารถจัดการได้ด้วยไม้แข็งเพียงอย่างเดียว ต้องใช้ไม้อ่อนเข้าร่วมด้วยถึงจะเปลี่ยนแปลงจนถึงแก่น นี้แหละคือหนึ่งในคำสอนของบ้านพจนินท์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 19:12:00 โดย Silver Fish »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.18 รับน้อง สยองหลัง

   กริ๊งงงง กริ๊งงงงงง

   เสียงนาฬิกาปลุกรุ่นมาตรฐานในอดีตอันไกลโพ้นไม่อาจปลุกคนที่นอนอุตุบนเตียงได้ดีเท่ากับ กรงเล็บทั้งสิบ พร้อมน้ำหนัก 6 กิโล แถมเสียงร้องแหลมจนคนนอนต้องกรีดร้องโหยหวนแข่งกับเสียงนาฬิกาปลุก

   “อ๊ากกกกก นายท่าน ตื่นแล้วๆ โอ๊ย เจ็บๆ”

   ผมคนหนุ่มยังโสดที่มีผู้ชายมาติดพันธ์ตัวโตๆ สะดุ้งพรึบ ลุกขึ้นจากเตียง นายท่านกระโดดแผล็วไปเลียมือเชิดหน้ามองอย่างพึงพอใจในผลงาน มือเอื้อมไปปิดเสียงนาฬิกาชวนหนวกหู อ้าปากหาวเกาพุงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

   หลังผมออกจากเกมเมื่อวาน วันนั้นทั้งวัน ผมทำความสะอาดเคลียบ้าน หลังจากที่มัวแต่ติดเกมจนไม่ได้ทำมาหลายวัน แล้วเก็บกระเป๋าเตรียมแพ็คตัวเองไปช่วยงานรุ่นน้องที่น่ารัก ตกเย็น นายท่านดันซนไปเหยียบดินแฉะในสวนที่ผมเพิ่งรดน้ำไป

   เดินเฉิดฉายเข้ามาในบ้าน เหยียบย้ำปีนป่าย บอกได้คำเดียวว่า เละ! ผมเลยต้องมานั่งทำความสะอาดใหม่อีกรอบ เหนื่อยสายตัวแทบขาด พอกินข้าวอาบน้ำ หัวถึงหมอนนอนตายยันเช้า ดีที่ยังไม่ลืมตั้งนาฬิกาปลุก ที่ดูไม่ค่อยจะมีประโยชน์เท่าไหร่ นอกจากใช้ปลุกนายท่าน ให้นายท่านปลุกผมอีกทีเพราะรำคาญเสียงนาฬิกา

   เวลานี้ประมาณตีสี่ ผมจัดการตัวเองเสร็จ แขนกอดกระเป๋าอีกมือเล่นกับนายท่าน รอพี่ชินมารับตัวนายท่านไปดูแลระหว่างที่ผมไม่อยู่ ตีสี่ครึ่ง เสียงรถหน้าบ้านดังขึ้น ผมจัดการเก็บสารพัดของ ของนายท่าน พร้อมอุ้มคุณชายเดินออกไปหาคนขับรถพี่วิน

   “หวัดดีฮะพี่ชิน ฝากนายท่านด้วยนะครับ” ผมส่งตระกร้าแมวให้ พร้อมขนของนายท่านยัดเข้ารถหรูเฮียแก

   “ไปเข้าค่ายระวังตัวด้วย ดูแลตัวเองดีๆ ให้พี่ไปส่งที่มหาลัยมั้ย?” มือหนาลูบหัว

   “รับทราบคร้าบ ก็ดีเหมือนกันพี่ แต่ต้องรอไอไวไวแปบ มันบอกว่าจะมาหาผมที่บ้าน เดี๋ยวจะคลาดกัน”

   พูดไม่ทันไร ไวไว มันวิ่งกระหืดกระหอบมา ข้างหลังสะพาบเป้หนึ่งใบแทบถลาเข้ามากลางวง

   “สวัสดีครับพี่ชิน โย่วนายท่าน วันนี้ก็ยังเชิดเหมือนเดิม” เจ้าตัวยกมือไหว้พี่ชิน แล้วก้มลงไปทักทายนายท่านในตระกร้าแมว

   “เดี๋ยวไปเอาของล็อกบ้านแปบ พี่ชินจะไปส่งพวก...”

   “เฮ้ย วัตเร็วๆ ดิวะ อย่าชักช้า พี่ชินอุตส่าห์ไปส่งเลยนะโว้ย” คนที่มาหลังสุด มันเข้าไปนั่งในรถพี่ชิน หน้าชื่นตาบาน ขนาดเจ้าของรถยังอึ้งกับความแสนรู้ของมันทั้งที่เพิ่งจะโผล่หัวมาทักทายไม่กี่คำ ผมส่ายหัว วิ่งกลับเข้าไปเอาเป้ตัวเองในบ้าน ล็อกประตูปิดรั้วอะไรให้เรียบร้อย ใช้เท้ายันๆ ไอ้เพื่อนถึกให้ผมเขยิบไปบ้าง ส่วนที่นั่งด้านหน้า ปล่อยให้เป็นของนายท่านไป

   ด้วยความสามารถของพี่ชิน ตีนผีมาเอง ปกติขับรถถนนโล่ง ใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีถึงมหาลัย พี่ชินสามารถใช้เวลาเพียงแค่ห้านาที รถบีเอ็มคันงาม มาจอดเทียบท่าอยู่หน้าตึกคณะผมได้อย่างสวยงาม รุ่นน้องบางคนที่อยู่แถวนั้น ต่างพากันมองด้วยความอึ้งทึ่ง ผมลูบหน้าพรืดกับเสียงหัวเราะเหมือนได้ปล่อยผีของพี่ชิน

   พอลงจากรถ โคตรเด่นบอกเลย ปกติพวกผมไม่ค่อยโผล่หน้าไปให้รุ่นน้องเห็นเท่าไหร่ ที่ดูแลหลักๆ มีแค่ปีสอง ไม่ใช่ละเลยหน้าที่ แต่เป็นเพราะช่วงนั้นติดงานไฟนอล ปั่นกันหัวฟู ติดเรื่องฝึกงานอีก งานนี้คงเป็นงานแรกในการเปิดตัวรุ่นพี่ปีสาม

   ตอนนี้ผมยืนหาเพื่อนกับไวไวอยู่ใต้ตึกคณะ พวกผมอยู่คณะไอที ที่มีความบ้ารั่วอยู่ในตัวระดับหนึ่ง ห้องเรียนส่วนใหญ่มีแต่พวกห้องปฏิบัติการกับพวกห้องคอม แน่นอนว่าติดแอร์ซะเยอะ จนโดนเด็กคณะอื่นพากันอิจฉากันเป็นแถว แหงล่ะเครื่องคอมทั้งนั้น เจ้าพวกนี้มันละเอียดอ่อนราวกับสาวน้อย ปล่อยให้ร้อน ฝุ่นเข้าไม่ได้ แต่ห้องเรียนภาคทฤษฎี ราวกับฝึกความอดทน นอกจากแอร์ไม่มี พัดลมยังเสีย นั่งเรียนกันทีเหงื่อแตกพลักๆ พอถึงเวลาเรียนภาคปฏิบัติ เข้าห้องคอม พวกมันแย่งกันออกจากประตู อย่างกับซอมบี้แย่งกินสมองคน

   รอบๆ ตึกผมมีต้นไม้ร่มรื่นพอสมควร โต๊ะม้าหินอ่อน แบบที่ตารางเอาไว้เล่นหมากฮอตเห็นได้ทั่วไป ใต้ตึกเป็นโรงอาหาร มีร้านข้าว ขายน้ำ ซึ่งตอนนี้ยังไม่เปิดกัน ห่างไปไม่ไกลเป็นตึกของพวกคณะอื่น

    ปีสองหลายคนพอเห็นผมกับไวไว พากันยกมือไหว้ ผมยกมือไหว้รับ แต่ไม่เห็นหัวเพื่อนปีสามสักหนอ เลยคว้าเอาทายาทอสูรของผมมาถาม

   “ดาลี่ รุ่นกูหายไปไหนหมดวะ ไม่เห็นหัวสักตัว” ตอนแรกจะหันมาหาเรื่อง พอรู้ว่าใครจับ มันกอดผมหมับแทน ดีที่รูปร่างพอกัน ไม่งั้นมีหงายหลังแน่ โถมแรงมาได้ ไอ้น้องเลว

   “โฮ พี่วัตสุดที่รัก ไม่น่าเชื่อจะยอมมาช่วยน้องตาดำๆ อย่างพวกผม โว้ว พี่ไวไวมาด้วย รอดตายแล้วเว้ยพวกเรา”
 มันหันไปโห่ร้อนกับพวกเพื่อนมัน แต่ละตัวแทบจะหันมากราบไหว้บูชาผมกับไวไว รู้สึกตงิดใจ เลยเขย่าตัวมันถามดีๆ

   “มึงบอกว่ารอดตาย? แสดงว่าไอพวกที่เหลือแม่งชิ่งหนีกันไปหมดแล้ว เหลือแค่พวกกูไม่รู้เรื่องสินะ!!”

   “ใจเย็นพี่ ก็ไม่ถึงกับชิ่งหนีหรอก แค่พวกพี่เขาติดแก้งานกัน มีแค่พี่สองคนที่รอดจากอาจารย์สุดโหดคนนั้นมาได้ ก็เลย...”

   “ไวไวกลับ!”

   “โฮ! พี่วัตตตตต อย่าทิ้งน้องตาดำๆ พี่ไวไว ช่วยพูดหน่อยดิ ถ้าช่วยงานนี้ เดี๋ยวผมเอาเบอร์ดาวนิเทศให้เลย” ดาลี่มันเข้ามากอดขาผมรั้งตัวไม่ให้ผมเดิน อย่างกับท่านเจ้าคุณกำลังไล่นางทาส ผมทั้งสะบัด ทั้งยันก็ไม่หลุด นี่น้องตูหรือจิ้งจกกลับชาติมาเกิด

    ผมหันไปมองไวไว มันเป็นเพื่อนรักผม เล่นเกมด้วยกัน มันคงรู้ว่าผมติดเกมและขี้เกียจไปค่าย มันต้องช่วยผมแน่ๆ

   “วัตมันตกลง พวกมึงเตรียมที่ให้พวกกูเลย”

   ไอสาดดดดดดดด ไอเพื่อนชั่ว เห็นสาวดีกว่าเพื่อน จำไว้ เข้าเกมเมื่อไหร่ ผมจะยุแยงลินให้แกล้งมัน! ดาลี่มันไวเหลือเชื่อ จบคำไวไว มันรีบพุ่งไปบอกเพื่อนให้จัดที่นั่งแสนพิเศษไว้ให้พวกเราอย่างกับกลัวพวกผมเปลี่ยนใจ ไวไวตบบ่าผมปุๆ

   “เอาหน่า แค่ค่ายเอง ยังไงก็คิดจะช่วยพวกรุ่นน้องอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

   ผมกรอกตามองเพื่อนตัวเอง เอ็งช่วยเก็บอาการหน่อยเถอะ น้ำลายแทบไหล มโนไปถึงไหนแล้วเพื่อน เมากาวแต่เช้าเลย

   เวลานัดเจอกันตอนตีห้า ล้อหมุนตอนตีห้าครึ่ง ผมมานั่งเท้าคางมองพวกปีสองช่วยกันขนของขึ้นรถ มีอาจารย์นั่งไปด้วย 4 คน พวกท่านไม่ได้มีส่วนอะไรด้วยหรอก เพียงแค่ไปคุมพวกเราเท่านั้นเอง เพราะส่วนใหญ่คณะผมมีแต่พวกผู้ชายซะด้วย คงกลัวว่าจะเล่นอะไรแผลงๆ กัน

   เด็กปีหนึ่งบางกลุ่ม ดูก็รู้ว่าไม่ใช่พวกเอากิจกรรม ทำหน้าเบื่อหน่ายไม่สนโลก มองเพื่อนตัวเองช่วยรุ่นพี่ขนข้าว ขนน้ำขึ้นรถสบายใจ เห็นแล้วมันคิ้วกระตุกขัดลูกตา ผมกระดิกนิ้วเรียกดาลี่มาอีกรอบ

   “มีอะไรให้รับใช้เหรอครับท่านวัต” ผมตบกบาลมันไปที ข้อหากวนเกินหน้าเกินตารุ่นพี่

   “ผ่านการรับน้องในมหาลัยมาแล้วใช่มั้ย ทำไมถึงมีสภาพแบบนี้ล่ะ” ผมชี้ไปที่พวกปีหนึ่ง

   “คือ...นี้แหละปัญหาครับ อย่างที่รู้กัน พวกเราเด็กสายคอม ส่วนใหญ่เป็นนักเลงคีย์บอร์ด อันที่จริงค่ายนี้ควรจะเกิดขึ้นหลังแข่งสีที่จะมาถึง แต่สภาพแบบนี้ พวกเราเลยขอก่อน ไม่งั้นพอถึงงานแข่งทุกคนต้องร่วมมือกันกับสาขาอื่น เละแน่ๆ”

   ผมพยักหน้ารับตบบ่า ไม่ว่าอะไร ส่วนหนึ่งพวกปีสามเองก็ผิด ไม่ได้ไปช่วยรุ่นน้อง เหมือนกับพวกรุ่นพี่ที่มาช่วยพวกผมอีกแรง มันคล้ายกับเป็นธรรมเนียม พี่ช่วยน้อง น้องช่วยรุ่นน้องต่อไป ผมเดินเข้าไปหาน้องขวัญใจที่สาวที่มีน้อยนิดในคณะ กำลังตะโกนสั่งพวกน้องรวมตัวจนเสียงแหบเสียงแห้ง หมดความไพเราะเพราะพริ้ง พอน้องเห็นหน้าผม น้ำตาแทบไหล ผมลูบหัวน้องเบาๆ รับโทรโข่งมา แล้วคว้าไวไวเป็นบังเกอร์ ส่วนตัวเองอยู่หลังกำบัง ไวไวมันหัวเราะเหมือนรู้ทันว่าผมจะทำอะไร

   “สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่เกม Charm Online ขอให้สนุกกับโลกแห่งแฟนตาซีนะคะ”

   ความเงียบเข้าปกคลุมทันที ทุกสายตาจ้องมาทางไวไวเป็นตาเดียว เพื่อนผมกอดอกทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทุกคนถึงเพ่งมาที่ด้านหลังตาแทบหลุด ขนาดรุ่นน้องพี่สองยังอึ้งอ้าปากค้างไปด้วยเลย ในเมื่อเสียงที่ได้ยิน คือเสียงเดียวกับในเกมที่ทุกคนเล่น และเป็นเกมที่กำลังฮิตที่สุดในตอนนี้

   “คงจะแปลกใจกันสินะ เอาล่ะ มารวมตัวกันตรงนี้หน่อยเร็ว”

   ที่น่าขำคือ ผมเรียกรุ่นน้อง แต่พวกปีสองดันเผลอเดินมารวมด้วย อาจารย์มองพวกเราอย่างงงๆ ก่อนจะส่ายหัวเดินขึ้นรถไป คงจะคิดว่าพวกผมคงเล่นอะไรอีกแหง

   “ใครเป็นประธานรุ่นคะ แสดงตัวหน่อยนะ”

   แต่ละรุ่นจะมีประธานครับ ซึ่งรุ่นผมคือไวไว รุ่นดาลี่คือมันนั่นแหละ ส่วนรุ่นนี้ผมยังไม่เห็น ได้ยินแว่วๆ ว่าร้ายเอาเรื่องอยู่ ขนาดรุ่นพี่ยังไม่อยากยุ่งด้วย เพื่อนๆ ยังยำเกรง ถ้าจัดการเจ้าเด็กนี้ได้เพียงแค่คนเดียว ที่เหลือก็พูดง่ายแล้ว

   เด็กปีหนึ่งทุกคนมองไปยังคนที่เสียบหูฟังสวมฮู้ดฟังเพลงไม่สนโลก จนเพื่อนในกลุ่มต้องสะกิดๆ เจ้าตัวถึงรู้ตัว ถอดหูฟังมองไปรอบๆ อย่างสงสัย มีเพื่อนบางคนกระซิบบอก ชายคนนั้นพยักหน้ารับ ลุกเดินออกมายืนข้างหน้า มองนิ่งไม่มีความเกรงกลัวรุ่นพี่เลยแม้แต่น้อย

   ผมอยู่ด้านหลังมองไม่เห็น ไวไวมันยืนอึ้งอะไรบางอย่าง พอชะโงกหัวออกมาดู ทำให้ผมอึ้งตาม เดินออกมายืนด้านหน้าไวไว ถึงจะสวมฮู้ดทำให้เห็นหน้าไม่ชัด แต่ผมจำได้ดี รูปร่างนี้เห็นอยู่ทุกคืนเวลาเล่นเกม ดวงตาสีเทาหรี่มอง สูดหายใจเอาลมเข้าปอด แล้วกรอกเสียงใส่โทรโข่ง สะดุ้งกันเป็นแถบไม่เว้นคนตรงหน้า

   “อยู่ต่อหน้ารุ่นพี่ต้องทำไงครับ! ยืนกร่างแบบนี้ใช่ได้ที่ไหน เอ้า ยังไม่รีบทำอีก!!”

   เหมือนสติยังไม่กลับเข้าร่างดี เจ้าตัวยกมือไหว้ผม

   “เอาใหม่! ถอดฮู้ดนั่นออก แนะนำตัวด้วย”

   ดาลี่มันวิ่งมาสะกิดผมยิกๆ ผมไม่สน มันเลยเปลี่ยนมาเป็นคว้าแขนผมบีบเหมือนจะเตือนอะไรบางอย่าง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัด จ้องเขม็งน่ากลัวกว่าปกติ ผมดันดาลี่หลบไป ย้ำรุ่นน้องที่ยืนอยู่ด้านหน้า

   “ผมกลวัชร ปีหนึ่งครับ!”

   กลทำตามคำสั่งแต่โดยดี ตอบเสียงดังฟังชัด ดูว่าง่ายซะจนทุกคนอ้าปากค้าง พอรุ่นน้องแนะนำตัว ผมเลยแนะนำตัวบ้าง

   “ผมชื่ออายุวัต เป็นรุ่นพี่ปีสามของพวกคุณ ไหนตอบหน่อยซิว่า ทำไมพวกคุณถึงปล่อยให้รุ่นพี่ขนข้าว น้ำ อุปกรณ์ที่นำมาเพื่อพวกคุณโดยไม่ช่วยเหลือ”

   ผมหรี่ตาดุ มองเอาเรื่อง รุ่นน้องหลบตากันเป็นแถว แม้กลจะไม่หลบ แต่ผมเห็นแววตาเขาไหววูบเหมือนไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง ผมยังคงทำหน้าโหด คิ้วขมวดเหมือนโกรธรุ่นน้องมาสิบชาติ ตอนแรกแค่ว่าจะหยอกเล่นนิดๆ หน่อย มาถึงตอนนี้ ผมมองเห็นอะไรบางอย่างไม่สามารถปล่อยเอาไว้ได้ อย่างกลผมต้องเป็นคนจัดการเอง

   “เพราะพวกผมคิดว่าพวกรุ่นพี่อยากทำก็ทำไป ไม่เกี่ยวกับพวกเรา พวกเราไม่ได้ขอร้องครับ”

   กลตอบเสียงดังได้ยินทุกคน บรรดาเด็กปีหนึ่งเหมือนถูกแทงใจดำกันหมด สีหน้าของปีสอง แม้จะพยายามนิ่ง ตั้งแต่เห็นผมเริ่มว๊าก ถึงแบบนั้น ลึกๆ ภายในคงเสียใจน่าดู ผมสูดลมกายใจ จูงมือน้องขวัญใจออกมายืนข้างๆ ตอนนี้น้องขวัญตาแดง จมูกแดงไปหมดแล้ว ร้องไห้ขึ้นมาเมื่อไหร่ผมไม่สงสัยเลยจริงๆ

   “พวกคุณดู! รุ่นพี่ที่พยายามเพื่อพวกคุณ แต่สิ่งที่พวกคุณทำคือการตอบแทนแบบนี้น่ะเหรอ คิดว่าพวกคุณต้องเรียน ต้องทำงานฝ่ายเดียวรึไง พวกเขาเองก็มีงาน และต้องเรียนไม่ต่างจากคุณ แถมหนักกว่าด้วยซ้ำ แบบนั้นแล้วพวกเขายังสละเวลาส่วนตัวมาเพื่อพวกคุณ ทั้งที่ไม่ต้องสนใจเลยก็ได้ ดี! ในเมื่อสิ่งที่พวกคุณต้องการคือแบบนี้ นักศึกษาปีหนึ่ง!! วางกระเป๋าตัวเองบนพื้นแล้วขึ้นรถไปนั่งให้หมด ปีสองทุกคน ขนกระเป๋าน้อง ข้าวของอุปกรณ์ทุกอย่างขึ้นไปใหม่ ล้อรถหมุนตอนตีห้าครึ่ง ถ้าไม่ทัน ผมจะทิ้งพวกคุณไว้ที่นี่และออกรถทันที ถ้ารุ่นน้องคนไหนช่วย ผมจะให้ยกเข้ายกออกจนกว่าจะมีแค่ปีสองทำ!!”

   ทุกคนอึ้งกับคำสั่งของผม มีเพียงแค่ปีสองที่ตะโกนรับคำเสียงดังลั่น หลายคนยังอิดออด น้องรักดีทำท่าจะเข้าไปช่วย ผมแสดงให้เห็น ว่าผมเอาจริง สั่งขนของทุกอย่างลงมาใหม่หมด บรรยากาศเปื่อยๆ ตอนแรกเปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันที ผมดูนาฬิกาที่ข้อมือ ตอนนี้เวลาตีห้ายี่สิบ เหลืออีกสิบนาทีจะออกรถ

   พวกปีสองขนของกันจนเหงื่อท่วมหน้าแดง กระทั่งพวกผู้หญิงยังช่วยกันขนมือเป็นระวิง รุ่นน้องหลายคนเริ่มสำนึก แต่เท่านี้ยังไม่พอ ผมกวาดตามองทุกคน หลังขนเสร็จทันเวลาเฉียดฉิว ให้ทุกคนขึ้นรถ สั่งคนขับออกรถ

   ผมได้มานั่งกับพวกน้องปีสอง มีปีสองบางคนกระจายไปต่างรถรุ่นน้องพร้อมกับอาจารย์ ผมยืนตรงหน้า ให้ทุกคนเห็นแล้วก้มหัว

   “พี่ต้องขอโทษน้องๆ ด้วย ที่สั่งการโดยไม่บอกล่วงหน้า ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ และขอโทษอีกครั้ง รับน้องตอนแรกพวกปีสามน่าจะไปช่วย” ดาลี่นั่งใกล้ผมสุด ลุกขึ้นมาดึงผม

   “เฮ้ยพี่อย่า พวกผมเองที่ไม่ได้ความคุมรุ่นน้องไม่อยู่ ต้องขอบคุณพี่ต่างหากที่สละเวลามาช่วย ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องแท้ๆ” ผมส่ายหัวกอดคอน้องรหัสตัวเอง คนอื่นๆ ในรถต่างแย่งกันพูดเสียงเซงแซ่ ผมยกมือให้เงียบแล้วพูดต่อ

   “อย่าพูดแบบนั้น พวกเราไม่ใช่คนอื่นคนไกล เราเป็นพี่น้อง เราเป็นครอบครัว ต้องช่วยกันอยู่แล้ว” ทุกคนทำท่าซึ้งน้ำตาแทบไหล ผมยิ้มกว้าง

   “พอถึงที่หมาย จะมีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นอีก ใครไม่ไหว ขอให้ยกมือก่อน พี่เข้าใจ จะหาทางแยกออกไปให้”

   ตรงหน้าไม่มีใครยกมือเลยแม้แต่คนเดียว ขนาดน้องขวัญใจยังทำท่าฮึดสู้ ยกนิ้วโป่งให้ผมทั้งที่เธอออกแรงขนของจนแขนขาสั่นให้เพื่อนพยุงขึ้นรถ สปริตดีจริงๆ ผมหัวเราะ แล้วหลังจากนั้นพวกเราเลยเฮฮากันผ่อนคลายก่อนจะไปเคร่งใหม่ ผมแยกมานั่งกับไวไว

   “ทำไมว๊ากเองวะ แทนที่จะให้อดีตเฮดว๊ากอย่างฉันจัดการ นายน่าจะไปทำงานสันเหมือนเดิม”

   “ตอนแรกก็ว่าจะให้นายจัดการ ติดแต่หัวโจกพวกนั้นดันเป็นกล เจ้านั่นไม่ฟังใครนอกจากฉันหรอก”

   “มันก็จริง เหลือเชื่อไปเลยแฮะ โลกกลมจนน่าเกลียด ดันเป็นรุ่นน้องเราซะได้”

   “’งี้ล่ะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้ามีปาปรีก้า” ผมทำสีหน้าจริงจังใส่มัน มันมองผมด้วยสายตาว่างเปล่า

   “เก่ามากเพื่อน...”

   ผมสำลักน้ำลายตัวเองไอคอกแค่ก เจ้าตัวหัวเราะชอบใจ ช่วยลูบหลังหรือตบให้ตับไตกระเด็นออกจากปากก็ไม่รู้ ตอนแรกที่ผมเห็นกล อึ้งเหมือนกันนะ รู้สึกดีใจที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ และโกรธมากด้วยเหมือนกัน ผมพอเดาได้แต่แรกแล้ว ว่ากลอายุน้อยกว่า เจ้าตัวทำเหมือนอ้อนๆ แบบเดียวกับที่ผมชอบอ้อนพี่ชายทั้งสอง

   ท่าทางไม่สนโลก เหมือนโลกหมุนรอบตัวเอง พาให้พวกเพื่อนๆ เป็นไปด้วย ผมยอมไม่ได้ ไม่ใช่เพราะมันเป็นกฎของคณะที่น้องต้องเคารพพี่อย่างเดียว แต่กลถือเป็นอีกคนที่ผมให้ความสำคัญ ไม่อยากให้เขามีนิสัยแบบนี้ติดตัวไปจนเป็นผู้ใหญ่ ไม่งั้นจะเกิดปัญหาสารพัดตามมาในอนาคตได้ ต้องดัดนิสัยตั้งแต่ตอนนี้ จะบอกว่าผมเป็นห่วงเขา ก็ไม่ผิด

    ค่ายรับน้องคราวนี้ พวกรุ่นน้องวางตารางไว้แค่ว่า เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง จะไม่มีการกดดันใดๆ ทั้งสิ้นเพราะมันผ่านช่วงรับน้องมาแล้ว ผมเป็นคนเพิ่มเข้าไปเอง

   ที่พวกเราจะไปกัน เป็นค่ายแถวเขื่อน แน่นอนว่าเดินเรื่องขออนุญาตไปทางเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว ในนามของมหาลัย ผมนั่งรถหลายชั่วโมงจนเมื่อยก้น ผมยืนบิดอยู่ในรถ ขอกระจกน้องผู้หญิง มาส่องเก๊กหน้าโหด แล้วค่อยเดินลงจากรถเยี่ยงราชา กำลังจะก้าวเท้าเหยียบพื้น ได้ยินเสียงแว่วๆ ของรุ่นน้องปีหนึ่งกระซิบกันว่า ผมเป็นว๊ากประสาอะไร แสดงก็ไม่เนียน แถมยังใช่โทรโข่ง ผมเลิกคิ้ว ยกยิ้มมุมปาก เดินลงไปหน้านิ่งๆ

   “ปีหนึ่งรวมพล! ปีสองขนของลงมา ยกกระเป๋าน้องไปเก็บไว้ที่พัก และแยกย้ายไปทำฐาน ไม่เสร็จไม่ต้องกินข้าว งานนี้พวกคุณหาเรื่องอยากลำบากเอง น้องไม่อยากลำบากด้วย”

   ผมพูดด้วยเสียงอันดัง ใครบอกว่าผมเสียงไม่มี แค่ตอนนั้นโทรโข่งอยู่ในมือเลยใช้เพลินต่างหาก ด้วยเสียงดังก้องของผม ขนาดเจ้าหน้าที่ยังแปลกใจ พยักหน้ารับหงึกหงักแบบเข้าใจว่าพวกเรามารับน้องโหดกัน พากันมองผมเหมือนไอ้จอมโหด ผมอยากวิ่งเข้าไปแก้ตัวใจจะขาด คงต้องเอาไว้หลังไมค์

   ปีหนึ่งบางคนยึกยักอยากช่วย บางคนไม่ใส่ใจ พวกพี่สองก็ก้มหน้าก้มตาทำกันไป พวกอาจารย์แยกไปห้องพักต่างหาก สำหรับอาจารย์ที่ตามมาดูลูกศิษย์โดยเฉพาะ นอกนั้นเข้าที่พักรวมในค่าย เป็นห้องนอนกับอาบน้ำรวมแต่แยกชายหญิง

   ระยะทางระหว่างมหาลัยกับค่ายที่พวกเรามาไกลเอาเรื่อง เลยออกกันแต่เช้า มีหลายคนยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาด้วยซ้ำ ไอข้าวกล่องที่เตรียมไว้ก็เพื่อการนี้ ผมสั่งให้ปีสองที่เหลือแจกข้าวให้รุ่นน้อง ตัวเองห้ามกิน รวมถึงผมด้วย มีรุ่นน้องหลายคนไม่กล้ากิน ได้แต่รับมาถือไว้เฉยๆ มองตามหลังพวกรุ่นพี่ที่ถือของตัวเองไปไว้ในห้องพัก ไอพวกไม่สำนึกนั่งกินข้าวไม่สนโลก โดนเพื่อนตัวเองเขม่นแล้วเขม่นอีกก็ไม่แคร์

   ผมเฝ้ามองปฏิกิริยาเหล่านั้น แล้วปล่อยให้ไวไวมันคุมต่อ ตัวเองแยกไปคุยโทรศัพท์ ที่สันรัวๆ จนน้องชายมึน หลบมุมอยู่หลังต้นไม้

   “ฮัลโหล โทรมาทำไมนักหนาวะไอ้พวกทิ้งน้องทิ้งเพื่อน” แอบโวยใส่เพื่อนปลายสายนิดหน่อย ผมขมวดคิ้วฉับตั้งแต่เห็นชื่อแล้ว

   “อย่าเพิ่งโกรธกันดิวะ พวกเราเพิ่งส่งงานแก้เสร็จ กำลังจะตามไปเนี่ย เลยโทรมาถามก่อนเป็นไงมั้ง” ได้ยินเสียงเจี้ยวจ้าวแว่วๆ มา คงขนกันมาทั้งรุ่น เอาเข้าจริง ไม่ใช่ไวไวกับผมรอดแค่สองคน เพราะไอ้ตัวปล่อยข่าว ดันบอกเวลาส่งผิด ผมที่โทรไปถามอาจารย์เองเลยรอดกับไวไว นอกนั้นโดนจารย์เพิ่มงานให้โทษฐานส่งเลยเวลา

   ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง พวกนั้นมันฮึดฮัดใหญ่ บอกอยากมาเห็นด้วยตัวเอง ผมเลยเร่งให้มันมาไวๆ แล้ววางสาย พอจะหันกลับไปรวมกลุ่ม ดันเจอคนยืนขวาง

   “ทำไมไม่กินข้าว” น้ำเสียงเรียบตามสไตล์ ผมเงยหน้าขึ้นมองยิ้มท้าทาย การดัดนิสัยกลได้ ต้องใช้ตัวผมนี้แหละได้ผลดีที่สุด

   “บอกไปแล้วหนิ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ฟัง?”

   “ฟัง จะให้ทำยังไง” เขาถอนหายใจ ดูอับจนหนทาง น่าสงสารจนผมเกือบใจอ่อน แต่ไม่ได้ ต้องทำใจแข็งเข้าไว้

   “เรื่องนั้นนายคงต้องคิดเอง ถ้าคิดไม่ออก เอาไปปรึกษาพวกเพื่อนซะ ไม่งั้นอย่าหวัง ต่อให้อดข้าวทั้งสามมื้อ หรือไปลำบากกับปีสอง ฉันก็จะทำ”

   คิ้วเข้มขมวดมุ่น ผมเดินผ่าน กลับไปหาไวไว ส่วนกลเดินไปหากลุ่มเพื่อนของตัวเอง เห็นเขานั่งเงียบสักพัก ก่อนเรียกเพื่อนคนอื่นมาคุย จากสองสามคนกลายเป็นสุมหัวกลุ่มใหญ่ เหลือพวกนอกคอกไว้ไม่กี่คน เหมือนตกลงอะไรกันได้ ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว ผมเลิกคิ้วยืนรอว่าพวกเขาจะเอาไง

   กลเป็นตัวแทนของเพื่อนตามเคย เดินมาหาผม

   “ช่วยเรียกรุ่นพี่ทุกคนมารวมกันหน่อยได้ไหมครับ” ผมไม่ใช่คนใจโหดอะไร เห็นมาทำท่าหมาอ้อนใส่ เลยตกลง เรียกปีสองทุกคนกลับมารวมตัว รุ่นน้องแต่ละคนไปยืนเรียงตรงหน้ารุ่นพี่ พูดพร้อมกันจนเกิดเป็นเสียงดังก้อง

   “พวกเราขอโทษครับ/ค่ะ พวกเราจะไม่ทำแบบนั้นอีก”

   “พี่ๆ รับข้าวของพวกเราไปเถอะครับ ถือว่าผมขอร้อง” เด็กหนุ่มอีกคนยื่นกล่องข้าวตัวเองให้กับขวัญใจที่ยืนปิดปากน้ำตาคลอหันมามองผม ผมยิ้มๆ พยักหน้ารับ เธอถึงยื่นมือไปรับกล่องข้าวนั้นมา รุ่นน้องทุกคนทำแบบเดียวกัน ความจริงนิสัยคนเราแก้ไขกันไม่ได้ง่ายๆ

   ก่อนหน้านี้ ช่วงรับน้องที่พวกปีสามไม่อยู่ พวกรุ่นน้องของผูกพันกันในระดับหนึ่ง พอเห็นมีคนเอาจริงจัดการถึงเพิ่งนึกขึ้นได้

   “เลิกมองฉันด้วยสายตาเร่าร้อนแบบนั้นได้แล้ว ไม่ต้องเสียสละให้ใคร ข้าวเอามาพอกับทุกคน ปีสองปีหนึ่ง แยกย้ายกันไปทานข้าวซะ แล้วเดี๋ยวเราจะได้เริ่มกิจกรรมกัน”

   พวกรุ่นน้องเห็นผมอ่อนลง ต่างพากันเฮลั่น จับกลุ่มกระจายตัวปะปนกับพวกรุ่นพี่ ไวไวยกนิ้วโป้งให้ผม ก่อนเนียนคว้าข้าวกล่องไปนั่งกินรวมกับกลุ่มรุ่นน้องผู้หญิง ผมกำลังจะไปหยิบข้าวตัวเองมั้ง มีกล่องข้าวหอมๆ ยื่นมาข้างตัว ความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมาเลย คุณเคยถูกหมาง้อมั้ยครับ อารมณ์นั้นเป๊ะๆ

   “เข้าใจคิดดีนี่” ผมรับข้าวกล่องมาหาที่นั่งกิน เจ้าตัวมานั่งข้างๆ ลงมือทานของตัวเองเหมือนกัน มีการตักหมูมาให้ผมด้วย โอย อยากฟัดหมา จะน่ารักไปไหน ให้ตายเถอะซาร่า

    “ตักแต่เนื้อมาให้ฉัน นายเป็นหมามังสวิรัตรึไงกัน เอ้า แบ่งไข่ไปมั้ง จะได้ฟิตๆ”

   ได้ยินแบบนี้ เหมือนผมเห็นหางหมาป่าส่ายรัวๆ อดขยี้ตาตัวเองไม่ได้ ภาพลวงตานี่มันอะไร

   “ให้ฟิตจริงต้องไข่ลวกต่างหาก ไม่เป็นไร จะกินหรือไม่กินก็ฟิตอยู่แล้ว รอแค่ใครบางคนมาพิสูจน์” หยอดไม่พอ ยังมองตาพราวระยับ

   “น้อยๆ หน่อย อย่าทำเป็นได้ใจไป” ช้อนจ้วกข้าว แต่ปากยิ้มไม่หุบ เคี้ยวไปยิ้มไป รู้สึกบรรยากาศรอบตัวเรามันสีชมพูอมม่วงแบบแปลกๆ

   “ดีใจที่ได้เจอตัวจริงสักที อยากสัมผัส อยากอยู่ใกล้ คิดถึง...”

   อ๊ากกกก บ้าเอ๊ย ใครก็ได้เอาหมาบ้ารักตัวนี้ไปฉีดยากันบ้าที หยอดมันเข้าไป ค้างคาวก็สิ่งมีชีวิต เขินเป็นเหมือนกันนะเฟ้ย ยังกระแซะเข้ามาอีก ฮึ่ย เข้ามาใกล้กว่านี้ อย่าหาว่าพี่ไม่เตือนนะไอ้น้อง แหนะมือยังซน ผมว่าค่ายครั้งนี้ หลังผมชักจะไม่ปลอดภัยซะแล้ว!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 19:12:42 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.พิเศษ ความรักของอินทรี
   
   ชายหนุ่มนักเรียนเตรียมทหารจบใหม่ เพิ่งบรรจุเข้ากองทัพเรือได้ไม่นาน จู่ๆ วันหนึ่งถูกนาวาเอกหรือลุงที่เขาเคารพรักเรียกตัวไปคุยเป็นการส่วนตัว สร้างความแปลกใจให้เจ้าตัวพอสมควร

   ผมมีชื่อว่าอินทรี บ้านผมรับราชการทุกคน พ่อผมเป็นทหารบก แม่ผมเป็นนางพยาบาล ลุงผมเป็นทหารเรือ น้องสาวกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เจ้าตัวอยากเป็นอัยการ และผม เลือกเดินตามรอยเท้าลุง เป็นทหารเรือแบบที่ใฝ่ฝัน

   ผมเคาะประตูและขออนุญาตเข้าไปในห้อง พอได้ยินเสียงตอบรับ จึงเปิดประตูเข้าไปทำความเคารพปกติ แม้เป็นญาติกัน แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ ตำแหน่งสูงใหญ่ว่าตามนั้น ไม่มีการให้โอกาส หรือสิทธิพิเศษเหนือคนอื่น ผมทำทุกอย่างด้วยความสามารถของผมเอง และผมก็ชอบที่มันเป็นแบบนี้

   “ไม่ต้องทางการนักหรอก ลุงเรียกหลานมาเพราะเรื่องส่วนตัว ไม่สิ จะว่าส่วนตัวเลยคงไม่ใช่” ผมขมวดคิ้วสงสัย

   “เฮ้อ คืองี้นะ เรือเราถึงกำหนดต้องตรวจสอบสภาพเรือใช่มั้ย” ผมพยักหน้ารับ รอให้ลุงพูดต่อ เพราะตอนนี้ เรือลำนี้จอดเทียบท่าเพื่อเช็คสภาพอยู่จริงๆ แต่กำหนดการเริ่มพรุ่งนี้นี่หว่า

   “นอกจากตรวจเรื่องเครื่องยนต์ ส่วนต่างๆ ของเรือแล้ว ยังมีอีกส่วนที่ต้องตรวจเช็คคือ การทำงานบางส่วนที่ถูกควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์ ต้องให้นักโปรแกรมเมอร์มาตรวจสอบ ซึ่งทางเราได้ติดต่อไปเรียบร้อยแล้ว และหน้าที่ของหลานก็คือ ไปพาเขามา”

   “ห๊ะ! ปกติทางนั้นเขาต้องมาเองไม่ใช่เหรอลุง อย่าบอกนะว่าคนที่มาไม่ใช่คนของรัฐ จะว่าไป เรื่องดูพวกนี้ คนของรัฐก็มาดูไปแล้วเมื่อวานไม่ใช่เหรอครับ” ในเมื่อลุงคุยแบบเป็นกันเอง ผมก็ตามนั้น เนื้อแท้ดั่งเดิมผมไม่ใช่คนเรียบร้อยอะไร ออกไปทางห่ามๆ ด้วยซ้ำ น้องสาวผมยังห้าวเป้งเลย

   “เออ แต่เขาเป็นหนึ่งในผู้สร้างระบบนี้ขึ้นมา รายละเอียดอยู่ในแฟ้มนี้ นี่เป็นคำสั่ง ไปพาตัวเขามาซะ!!”

   “ครับผม!”

   ผมตะเบะรับคำเสียงหนักแน่น ก้มหัวหยิบแฟ้มวิ่งออกไปจากห้องสั่งการอย่างรู้หน้าที่ จนลงจากเรือมายืนบนพื้นดินแล้วนั่นแหละ ถึงเพิ่งจะรู้ตัว บ้าเอ๊ย โดนลุงเล่นซะได้ ใช้น้ำเสียงออกคำสั่ง ผมเผลอทำตามโดยอัตโนมัติ ป่านนี้คงหัวเราะท้องแข็งมาดไม่เก็บอยู่ในห้องแล้วมั้ง ฝากไว้ก่อนเถอะลุง เรื่องนี้ถึงป้าแน่

   ร่างสูงใหญ่อกผายไหล่ผึ่งมาดทหาร ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เปิดอ่านข้อมูล น่าแปลก กลับไม่มีภาพอีกฝ่าย มีแค่แผนที่ กับสถานที่นัดหมาย วันเวลา รายละเอียดที่จะตรวจเช็คระบบว่ามีอะไรบ้างเท่านั้น

   ในเมื่อผมรับคำมาแล้วก็ต้องทำตามหน้าที่ งานนี้ไปแบบส่วนตัวใช่มั้ย ได้ ขึ้นรถเมล์ไปรับนี้ล่ะวะ! แล้วค่อยต่อรถเข้าไปรับที่สนามบิน หึหึ งานนี้ไอนักโปรแกรมเมอร์จอมขี้เกียจไม่ยอมมาเอง ได้เดินทางหลายต่อจนแห้งตายคาที่แน่

   ระยะทางระหว่างท่าเรือหลวงกับสนามบินไกลพอควร แต่เพราะอยู่ต่างจังหวัด รถไม่ติด ใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าก็ถึงที่หมาย ผมลงจากรถเข้าไปยืนรอ ทางที่อีกฝ่ายจะออกมา ระหว่างทางเดินไป มีคนมองหลายเหมือนกัน คงเป็นเพราะเครื่องแบบบนตัว แม้เป็นยศเล็กๆ แต่สำหรับสาวๆ แล้ว แค่นักเรียนทหารยังมองกันเหลียวหลังเลย ขอพูดแบบไม่หลงตัวเอง ผมหน้าตาดีไม่หยอกเหมือนกันนะ น่าเสียดาย เป็นทหารต้องจัดการตัดผมตัวเองทิ้ง ไม่งั้นคงได้ไว้ทรงเท่ๆ เหมือนคนอื่นเขามั่ง

   แอร์เย็นฉ่ำ ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นหลายระดับ เอาวะ เดี๋ยวเมตตาโบกรถแท็กซี่ให้เขาหน่อยแล้วกัน เกิดล้มหายตายกลางทางจริง มีหวังถูกลุงแหกอกแหง

   “ดี คุณทหาร มารอรับคนเหรอ”

   ชายร่างสูงโปร่ง ผมสีทองอ่อนสวมแว่นตากันแดด สะพายกระเป๋า ใส่เสื้อเชิ้ตขาวกางเกงยีน ราวกับนายแบบหลุดมาจากหน้านิตยสาร ผมอึ้งนิดๆ กับความดูดีของคนตรงหน้า ดูดีมากขนาดนี้ผู้ชายด้วยกันยังชื่นชม แต่ผมกำลังอารมณ์ไม่ดี หล่อสวยแค่ไหนเข้ามาตอนนี้ผมไม่โอหมด

   “ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ผมต้องมารับ ช่วยอย่ามารบกวนผมด้วยครับ”

   “ฉันคิดว่าใช่นะ นายมารับนักโปรแกรมเมอร์ใช่มั้ยล่ะ”

   ผมเลิกคิ้วมอง ออกจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่ผมลอบมองเขาแบบละเอียดอีกรอบ ท่าทางคุณชายแบบนี้เป็นนักโปรแกรมเมอร์? จะรอดรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมเลยขอตรวจสอบชื่อบัตรประชาชนว่าตรงกับชื่อที่เขียนรึเปล่า

   ทุกอย่างตรงหมด ผมพยักหน้ารับเดินนำไม่คิดเรียกให้อีกฝ่ายตามมา สิ่งที่ผมเกลียดรองลงมาจากพวกนิสัยแค่ คือพวกคุณชายที่ไม่รู้จักความลำบากนี้แหละ ผมจะคอยดู จะรอดสักกี่น้ำ ไอความคิดจะเรียกรถแท็กซี่ ปัดทิ้งไปหมดแล้ว เหอะ!   

   น่าแปลก ทางนั้นเดิมตามทันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ผมเป็นทหารที่ถูกฝึก การก้าวเท้าไวกว่าคนทั่วไปที่ไม่เคยได้รับการฝึกอะไร หรือเป็นนักกีฬา ผมยกยิ้มมุมปาก น่าสนุกดีนี่

   ด้วยนิสัยเสียส่วนตัว การเดินทางจากตอนแรกที่ออกจะธรรมดาเหมือนคนปกติทั่วไป เลยเปลี่ยนเป็นพวกลำบากต้องตากแดดตากลมแทนซะส่วนใหญ่ เขาไม่บ่นอะไรเลยสักคำ แล้วยังชวนเพื่อนร่วมทางคนอื่นคุยสนุกสนาน แต่ผมรู้ว่าเขาร้อน เสื้อเชิ้ตตัวนั้นแทบชุ่มไปด้วยเหงื่อ แว่นตากันแดดถูกถอดออกมาเก็บใส่กระเป๋าเรียบร้อย

   ดวงตาสีเทา สวย สวยมาก เข้ากับรูปหน้าทำให้เขาดูเหมือนบุคคลที่ไกลเกินเอื้อม ผมสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆของตัวเองทิ้งไป ภายในใจอ่อนลงมากกว่าครึ่ง ถ้าเขายอมแสดงอาการ บอกว่าเหนื่อยไม่ไหว หรือทำท่าทางเอาแต่ใจเหมือนพวกคุณหนูคุณชายทั้งหลาย ผมจะพาเขานั่งรถแอร์ดีๆ ส่งจนถึงที่หมาย

   แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ปริปากพูดอะไร นอกจากชวนผมคุยเรื่องสัพเพเหระ มือประสานท้ายทอย ชมธรรมชาติสบายอารมณ์ซะจนน่าหมั่นไส้นิดๆ

   พอถึงที่หมาย เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ผมแปลกใจเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ของวัน ลุงผมที่เป็นถึงนาวาเอก ยอมลงจากเรือมารับด้วยตัวหลัง หลังจากมีคนไปแจ้งว่า ผมพาคนมาถึงที่แล้ว

   “สวัสดีครับลุงนก” ชายหนุ่มยกมือไหว้ ให้คนมากวัยยกมือรับแทบไม่ทัน

   “เหนื่อยหน่อยนะอาชวิน อุตส่าห์ลางานมาช่วยลุง ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่เลยแท้ๆ แล้วทำไมถึงตัวเปียกโชกขนาดนี้ล่ะ! ไปตกน้ำที่ไหนมา”

   “ฮ่าๆ ผมไม่ได้ตกน้ำที่ไหน เหงื่อล้วนๆ ครับ มันคงเป็นสัญญาณบอกว่าผมควรจะออกกำลังกายสักที อยู่ห้องแอร์จนเคยตัวแล้ว” เจ้าตัวหัวเราะขำ ปากบอกว่าตัวเองไม่ไม่ค่อยออกกำลังกาย แต่เจอแดดร้อนเข้าไปขนาดนี้ ไม่มีอาการเหนื่อยหอบเลยสักนิด แถมยังดูกระฉับกระเฉง และดูไม่เหมือนคนแสร้งทำด้วย แสดงว่า สภาพร่างกายเดิมทีต้องแข็งแรงอยู่แล้ว

   “ยังหนุ่มยังแน่น อย่าริทำตัวเป็นคนแก่ ไปๆ ขึ้นไปกินน้ำกินท่า อินทรี จบนี้เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ดวงตาผมเหมือนมีดหันมาจ้องผม ส่วนผมก้มหน้าเตรียมรับชะตากรรมแล้วครับ ชัดเจนขนาดนี้ ว่าลุงผมให้ความสำคัญกับผู้ชายคนนี้ไม่ต่างจากลูกหลานตัวเอง

   ชายคนนั้นพอดื่มน้ำเสร็จ เจ้าตัวก็เริ่มทำงานเลย รื้อของออกจากกระเป๋าสะพาย ขยับตัวคล่องแคล่วจัดการตรวจเช็ค โดยมีผมยืนเฝ้าอยู่

   “ทั้งที่รู้ว่าถูกแกล้ง ทำไมถึงยังยอม” ผมถามขึ้นลอยๆ แบบไม่เจาะจงคน แต่ที่นี้มีแค่เราสองคน จะเป็นใครอื่นได้นอกจากเขา

   “ฉันชื่ออาชวิน เรียกวินก็ได้ นายชื่ออะไร”

   “อินทรี นายยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ” เจ้าตัวทำหน้าครุ่นคิด ส่วนมือยังคงคีย์แป้นพิมพ์ ไม่ละสายตาออกจากจอที่มีตัวหนังสือ ตัวเลขอะไรไม่รู้วิ่งวุ่นวาย

   “ฉันชอบนาย”

   “ห๊า!” รู้สึกความร้อนพุ่งขึ้นหน้า ใช่ มันต้องเป็นความโกรธแน่ๆ จู่ๆ มาบอกชอบกันได้ยังไง ผู้ชายด้วยกันทั้งคู่

   “อย่าเพิ่งพองขนชูคอขู่สิอิน ฮ่าๆ ฉันหมายถึง ฉันชอบนิสัยนายต่างหาก คนตรงดี ฉันชอบ” พูดจบเจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ นี้เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกไปไม่เป็น หัวใจมันเต้นเร็วกว่าปกติ บ้าน่า อาการแบบนี้มัน โธ่เว้ย!!

    “ในฐานะเพื่อน ฉันขอเตือนอะไรไว้อย่าง อย่าตัดสินคนแต่ภายนอก และ อย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวมาปนกับหน้าที่ ไม่ว่าหน้าที่นั้นจะสำคัญหรือไม่ก็ตาม เพราะบางทีอาจจะทำให้นายพลาดครั้งใหญ่ อ่อ แต่ถ้าหน้าที่ขัดห้องน้ำอะไรแบบนั้น นายจะบ่นหน่อยก็ไม่ผิดนะ หึหึ”

   ผมลูบหน้าพรืด หันหน้าร้อนๆ ของตัวเองไปทางอื่น เหล่มองคนหัวเราะอารมณ์ดีหันไปจดจ่อกับงานที่อยู่ตรงหน้าต่อ

   “ไม่ต้องให้นายมาสอนหรอกน่า... ขอบใจ”

   “ไม่เป็นไรๆ เพื่อนกันๆ เพียงแค่ หลังจากนี้ถ้าฉันมีอะไรให้ช่วย นายต้องช่วยฉันเท่านั้นเอง แลกกับเป็นที่ปรึกษาเรื่องนิสัยอะนะ”

   “นายนี้มัน! ชั่วร้ายจริงๆ ให้ตายสิวะ นายใช้หน้าตาแบบนี้หลอกคนมากี่คนแล้ว” ผมสถบหัวเสีย

   “ไม่รู้ ไม่เคยนับ อืมๆ มีคนเล่นตุกติกจริงๆ ด้วย แต่ไม่มากแก้ได้สบาย เอาล่ะเรียบร้อย ไปรายงานให้ลุงนายฟังกันดีกว่าเพื่อน หึหึ” แค่ไม่กี่นาที เจ้าตัวเก็บอุปกรณ์ที่รื้อออกมามากมายเก็บเข้ากระเป๋าเป้จนหมด

   ผมกรอกตาขึ้นฟ้า ปล่อยอีกฝ่ายที่ตัวเตี้ยกว่าเล็กน้อยกอดคอเดิน ไปรายงานลุงที่รออยู่ด้านล่าง ไม่ได้กลับเข้าห้อง เพราะเขตส่วนใน คนข้างตัวผมเข้าไปไม่ได้ ขนาดมาทำงานยังต้องมีผมเฝ้าเลย จะไว้ใจกันแค่ไหน กฎก็คือกฎ

   พอคุยเรื่องงาน วินมีสีหน้าจริงจังมากยามคุยกับลุง รอบตัวเขามีเสน่ห์มากมาย ที่ทำให้ผมหลงใหลโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ ก็สายเกินกว่าจะถอย...

   หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปหลายเดือน ผมมีได้เวลาหยุดพักกลับบ้าน เลยนัดเพื่อนมาสังสรรค์ตามปกติ

   “อิน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ทำตัวเหมือนสาวน้อยตกอยู่ในห้วงรักไปได้” ไอเจตน์เพื่อนผม มาขยับเข้ามากวนประสาท ผมยกเท้ายันมันออกไป

   “นิดหน่อยวะ ว่าแต่มึงเถอะ หนีผัวมาแบบนี้ บริษัทไม่แตกไปแล้วเรอะ” เจตน์มันมีแฟนเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ท่าทางจริงจัง เคร่งขรึมครับ ทั้งที่อายุน้อยกว่าพวกเราปี หรือสองปีนี้แหละ จัดการพ่อพวงมาลัยอย่างไอเจตน์ซะอยู่หมัด

   “เชี่ย อย่าเล่นของสูง เดี๋ยวมันเกิดเหี้ยนโผล่มาถึงที่กูก็ตายสิวะ”

   ผมส่งเสียงเหอะในคอเยาะเย้ยมัน แล้วรีบปลีกตัวกลับ เพราะพรุ่งนี้มีนัดสำคัญรออยู่ จะได้เจอกันอีกครั้ง หลังจากไม่ได้เจอกันมานานหลายเดือน ตั้งแต่ครั้งนั้น

   ถึงเวลานัดวันรุ่งขึ้น ผมเลือกแต่งตัวที่โอเคที่สุด ไม่เว่อและไม่เห่ย ไปรอที่จุดนัดพบก่อนเวลาเกือบชั่วโมงด้วยความตื่นเต้น จนเห็นร่างที่ผมจำไม่เคยลืมเดินโบกไม้โบกมือมาพร้อมกับ ใครอีกคน...

   “ไงรอนานมั้ยอิน นี้ชิน เพื่อนสมัยเด็กฉันเอง ส่วนนี้อิน เจอกันตอนไปทำงานให้ลุงนก” ตัวต้นเหตุดูจะไม่เข้าถึงบรรยากาศที่เกิดขึ้น

   พวกเราทักทายกันดูธรรมชาติ แต่ดวงตาผมจ้องเขม็งไปยังดวงตาสีดำของคนๆ นั้น เขามองผมด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่ต้องใช้คำพูดอะไร พวกเราสองคนย่อมรู้ความหมายดี ท่าทางของวินกับชายที่ชื่อชิน มันชัดเจนมากจนผมเจ็บปวดไปทั้งใจ นึกสมเพชตัวเอง

   ก่อนกลับ วินบอกให้เพื่อนเขาไปซื้อของบางอย่าง เจ้าตัวมอง แต่ก็ยอมทำตาม เปิดโอกาสให้พวกเราได้อยู่ด้วยกันสองคน แน่นอน ผมไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาทั้งนั้น คนที่สอนให้ผมเก็บอารมณ์ก็คือเขา และผมสามารถทำมันได้ดีจนน่าขำเชียวล่ะ

   “ฉันเข้าใจนายอิน จะไม่ขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่อยากให้นายรู้ไว้ ไม่ว่ายังไง นายยังคงเป็นเพื่อนฉันเสมอ”

   อ่า... ฉลาดสมเป็นวิน คงจะสังเกตจนเห็นอะไรๆ ตั้งแต่แรกแล้ว เอาเถอะ แม้จะแพ้ในศึกรัก แต่ในสนามของคำว่าเพื่อน ผมจะไม่ยอมแพ้ให้เด็ดขาด ผมยิ้มให้กับวิน แล้วจะได้เห็นดีกัน ไอจิ้งจอกดำ ระหว่างอินทรีอย่างฉัน กับจิ้งจอกอย่างแก

   ต่อให้ไม่สมหวัง อย่างน้อยๆ ก็ขอกวนประสาทผู้ชนะหน่อยแล้วกัน แพ้แล้วพาลรู้จักมั้ยครับ

   “ไว้เจอกันใหม่ ฉันจะคิดถึงนายเสมอ คราวหน้าฉันจะพาไปกินอาหารอร่อยๆ เอง”

   “แบบตากแดดเหมือนคราวก่อนไม่ไหวนะ เดี๋ยวเขาไม่ให้เข้าร้าน”

   พวกเราหัวเราะกันอยู่สองคน ผมยักคิ้วใส่ ไอจิ้งจอกที่มันยืนมองจากที่ไกลๆ เห็นมันคิ้วกระตุก คงจะรู้ว่าผมจะทำอะไร

   “เก็บเรื่องนี้เป็นความลับแค่เราสองคนนะ แล้วฉันจะเลี้ยงอาหารทุกอย่างเท่าที่นายต้องการเลย” ผมก้มลงไปกระซิบใกล้ๆ แบบจงใจ วินใช้หางตามองเห็นคนด้านหลัง เจ้าตัวถอนหายใจส่ายหัวระอา แต่แววตากลับฉายความสนุก เล่นไปกับผมด้วย

   เดาได้เลยว่า วินกลับไปถูกเจ้าจิ้งจอกมันซักจนรำคาญแน่ ขอเอาคืนจนกว่าหัวใจฉันจะหายดีแล้วกันนะ ไอจิ้งจอก

   และนี้คือเหตุการณ์ การพบกันครั้งแรกระหว่างผมกับวินเมื่อห้าปีก่อน จนถึงตอนนี้ ผมยอมรับว่ายังชอบวินอยู่ ขนาดที่ลงทุนเข้าไปเล่นในเกมที่เขาสร้าง อยากรู้ว่าสิ่งที่คนๆ นั้นทุ่มเททั้งกายและใจ จะสุดยอดขนาดไหน แล้วผมก็ไม่ผิดหวัง เกมมันสุดยอดจริงๆ โดยเฉพาะเวลาที่ผมได้เล่นเกมกับวิน โดยที่จิ้งจอกทำได้แค่ปั่นงานอยู่ด้านนอก อย่าลืมมาเล่นเกมไปกับพวกผมนะครับ ไม่แน่บางที อาจจะเจอพวกเราในเกมก็ได้ ใครจะรู้

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จัดไปยาวๆ อ่านกันให้จุใจเลยครับ ตอนพิเศษนี้มาจากรีเควสจากนักอ่าน ที่มาเล่นกับผมในเพจ ขำ

ออฟไลน์ oss_tw

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :impress2:

สนุกดีค่ะ

รอ รอ ตอนต่อไป

ชอบฉากในเกม

  o13

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
แมวนี่มีทาสอยู่ทั่วโลกจริงๆ
แต่แบบ พี่ชายก็ทาสแมวเหรอคะ? 55555

ออฟไลน์ เลิฟลี่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
จะได้เจอกันนอกเกมส์แล้วสินะ หึหึ

ออฟไลน์ hewlett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 560
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-3
ยาวมาก ดันก่อนเดี๋ยวมาอ่าน

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ตอนหน้า หวานนอกเกมส์สิน๊าาาา (รึเปล่า?? 555)
แต่กลนี่ถึงขั้นขึ้นแบล็กลิสเรยอ่ะ ไปทำอะไรมานะ ><

ตอนพิเศษแอบสงสารอินเลย มาอกหักเพราะซาตาน T.T

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
หาคู่ให้คุณอินกันดีกว่าค่ะ :impress2:
สรุปว่ากลคงอยู่ในประเภทอัจฉริยะสินะคะ
อย่าลืมครองโลกล่ะ :laugh:
รอตอนต่อไปเนาะะะะ

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
ไม่ค่อยจะอินกับเนื้อเรื่องส่วนเป็นการเป็นงานเท่าไร :m23:
ตามมาอ่าน แล้วก็+ ให้เหมือนเคยจ้า

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
หนุกมากอ่าอ่านรวดเดียวจบ :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด