Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]  (อ่าน 287712 ครั้ง)

ออฟไลน์ rsmrypngpth

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แหมะ มันฟินจริงๆ

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อยากเล่นเกมนี้เค้าจะไปเปนผู้ชายยยยย :oo1: :oo1:

ออฟไลน์ MinorMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
ลินน่ารักและแมนมาก 55555

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
เอิ่ม ไม่มีคำบรรยาย แต่รู้ว่าลินเป็นคนในอุดมคติของบรรดาสาววายแน่ๆ 5555+
ชักรู้สึกว่าไวไวเป็นบุคคลที่น่าสงสารแห่งเรื่องนี้ แต่อีกมุมก็เหมือนจะโชคดีที่สุดเพราะได้ทั้งสองแบบ
สุขสุดๆไปเลย พ่อกระต่ายน้อยไวไว  o13

ออฟไลน์ ♥MPEGz♥

  • ชอบดูหนุ่มๆ เขาอยู่ด้วยกัน♥
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชอบๆ เรื่องแนวนี้ ขอแปะไว้ก่อนนะแล้วจะมาอ่าน
เหมือนเมื่อก่อนมีเรื่องนึงแต่คนเขียนหายไปแล้วววว

ออฟไลน์ oss_tw

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :mew6:

คิดถึงแล้ว มาต่อหน่อยค่า

  :impress3:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
อ่านแล้วอยากให้โลกเรามีเกมส์แบบนี้จริงๆอ่ะ

สนุกมากๆ

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
เปลี่ยนชื่อมะบอก หาตั้งนาน

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.21 หมาป่าขี้หวง

   ดวงตาสีเทาที่ทำให้ใครต่อใครหลงใหล กวาดมองไปทั่วบริเวณคล้ายกับคำทักทายเหล่าผู้เล่นที่มีรวมตัวกันอย่างเนืองแน่น พอดวงตาไปสะดุดเข้ากับหมาป่าตัวเขื่องและค้างคาวสีทองตัวกลมบนหัว รอยยิ้มดูอ่อนโยนขึ้นอีกหลายเท่าตัว ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในหน้าที่คงจะยกมือทักทายน้องชายไปแล้ว

   คนถูกมองใช้มือเล็กจิ๋วคว้าหูหมาป่ามาบังตัวแบบไม่มิด นึกท่องในใจ อย่ามองแบบนั้น ผมยังไม่อยากเป็นจุดเด่นนะพี่ คนพี่พอโดนน้องหลบใส่แอบทำหน้าเซ็งนิดหน่อย ก่อนดึงสติกลับมาหน้าที่ของตัวเอง ส่วนคนที่อยู่แถวนั้นได้รับดาเมจไปแบบทั่วหน้า ทุกการกระทำที่เกิดขึ้นเพียงหนึ่งนาที อยู่ในสายตาของชินครบถ้วน สงสัยออกจากเกมไป คงต้องเตรียมจัดการกับสารพัดของที่ขนมาฝากแบบถล่มแผนก บางทีเขาก็คิด ถ้ามันมียาลดเสน่ห์ เขาจะแอบเอามาใส่ในกาแฟให้วินดื่มอย่างไวเลยล่ะ

   หลังจากปล่อยให้ทุกคนมองความหล่อของบรรดา GM ผู้ดูแลเกมจนพอใจแล้ว วินลุกขึ้นยืนก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมผายมือออก แล้วก้มน้อยๆ

   “ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เกมส์ Charm Online ผมวินหัวหน้า GM ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนพวกเรา”

   เสียงทุ้มนุ่มชวนฝันดังก้องกังวานไปทั่วฮอลล์แบบไม่ต้องใช้เครื่องขยายเสียงใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมันถูกส่งผ่านให้กับทุกคนโดยตรง จนเหมือนเจ้าตัวมาพูดอยู่ใกล้ๆ สาวน้อยใหญ่ หนุ่มชายหลายคนหลงเคลิ้มกันทั่วหน้า ได้ยินเสียงบางคนบ่นเซ็งๆ เรื่องที่ไม่สามารถอัดภาพเคลื่อนไหวหรืออัดเสียงได้ เพราะในเกมไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกแบบนั้น ถ้าใครมีแต่ละคนพร้อมจะจ่ายอย่างงามเพื่อเก็บไว้เองและขายกินกำไรต่อ

   ค้างคาวแถวนั้นหูผึ่งทันที สมองนึกประมวลผลหลังจากนี้เขาน่าจะลองแอบเอารูปถ่ายพี่วิน กับแอบอัดเสียงไปขายดูหน่อยดีมั้ย ถือว่าเป็นรายได้เสริมมาซื้อของปรนเปรอนายท่าน กับสมทบทุนไร่กาแฟให้พี่วิน กลดูเดาความคิดคนบนหัวได้ เลยส่ายหัวปลงๆ ขืนขายไป ชายที่อยู่ข้างอาจารย์เข้าตลอดเวลา คงกว้านซื้อจนหมดจดไม่ถึงมือคนอื่นแหง

   ก่อนทุกคนจะหันไปใจจดจ่อกับสิ่งที่ชายผมทองจะพูดอีกครั้ง

   “อย่างที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้ว การแข่งขันกิลด์ครั้งใหญ่ในครั้งนี้ ถูกจัดขึ้นแบบทัวร์นาเมนต์ ผู้ชนะจะได้รางวัลเป็นการสร้างบ้านกิลด์ของตัวเองในเมืองหลวงแห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือนในโลกแห่งความจริง โดยมีกติกาดังนี้...”

   สิ่งที่พี่วินพูดเหมือนบอกทุกคนอย่างเป็นทางการอีกรอบมากกว่า เพราะส่วนใหญ่ก็รู้กันหมดแล้วว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ผมเองถึงมาช้า แต่มีโอกาสได้เปิดอ่านข้อมูลที่ไหมยื่นมาให้ การสร้างบ้านกิลด์ในเมืองดูเหมือนจะธรรมดา แต่มันพิเศษมาก เพราะกิลด์ที่ได้สร้าง จะได้รับสิทธิพิเศษมากมายที่คนอื่นไม่ได้หลายอย่าง

   การทำการค้าต้องดูทำเล ได้สร้างบ้านอยู่ในเมืองหลวง การค้าขายของที่ล่ามาได้ย่อมดีกว่าไปขายแถวด้านนอกอยู่แล้ว ส่วนกติกาไม่มีอะไรมาก กิลด์ที่เข้าร่วมการแข่งขันต้องมีสมาชิกเข้าร่วมทั้งหมด 30 คน น้อยได้ แต่ห้ามมากกว่านี้ และในทีมต้องมีคนเลเวลตั้งแต่ 90 ขึ้นไปอยู่ด้วย ถึงจะเข้าร่วมได้

   ไหมเลยมาขอให้พวกผมลงแข่งด้วย เพราะกิลด์เจ้าตัวมีแต่ผู้เล่นหน้าเก่าๆ ระดับสูงลิบกันหมด กติกาการแข่งขันให้อารมณ์เหมือนทำสงครามระหว่างกิลด์ พูดแบบเข้าใจง่ายๆ เลยคือ ทำลายฐานอีกฝ่ายซะ ไม่ก็ฆ่าฝั่งตรงข้ามให้หมดถึงจะเป็นผู้ชนะ

   จัดแบบแบ่งกลุ่ม แข่งทัวร์นาเมนต์ไปเรื่อยๆ จนได้ผู้ชนะเพียงกิลด์เดียว กิลด์ที่ถูกจับมาเจอกัน ต้องมาแข่งตามวันเวลาที่กำหนด ถ้าไม่มาจะถือว่าสละสิทธิ์

   พี่วินอธิบายกฎกติกาทุกอย่างแบบละเอียด รวมถึงข้อห้ามต่างๆ หากใครฝ่าฝืนจะถูกจัดการตามความเหมาะสม เหล่าคนที่ลงมือคงไม่ใช่ใครอื่น บรรดาทหารทั้งหลายที่ประจำการอยู่โดยรอบ มีผู้บัญชาการใหญ่เป็นเหล่า GM และพี่วินควบคุมทั้งหมดอีกที

   การแข่งขันจริงจะเริ่มวันพรุ่งนี้ แน่นอนว่าแค่ฮอลล์เดียวรอบรับการแข่งขันของกิลด์เป็นร้อยกิลด์ไม่ไหวแน่ จุดนี้เป็นแค่ทางเข้าไปยังสนามแข่งจริง เมื่อถึงเวลาจะมีประตูวาปสุ่มสถานที่ เปิดขึ้นให้ผู้เข้าแข่งไปเตรียมการรอเวลาเริ่มทำสงครามขนาดย่อม ภายในฮอลล์กลางแจ้งจะมีหน้าจอปรากฏขึ้นให้เห็นการแข่งขันทุกแมตช์ สองกิลด์สุดท้ายที่ฝ่าพันมาจนถึงตอนจบได้ ถึงจะได้แข่งในฮอลล์ให้ชมกันแบบสดๆ…

   “ขอให้ทุกท่านเตรียมตัวให้พร้อม การแข่งแมตช์แรกจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ หลังจากการแข่งจบ ตารางการแข่งใหม่จะถูกส่งให้ผู้เข้าร่วมทันที” ผู้เล่นทุกคนก้มลงเปิดหน้าต่างข้อความแจ้งเตือนของตัวเองขึ้นมา ในนั้นมีวันเวลาประตูวาปและคู่ที่จะต้องแข่ง

   “สุดท้ายนี้ผมอยากบอกกันทุกคนว่า... ผลการแข่งขันไม่ใช่ตัวตัดสินคุณภาพคน สิ่งที่ตัดสินคือจิตใจ คู่แข่งไม่ใช่คู่แค้น แต่เป็นอาจารย์ผู้มอบประสบการณ์ให้ ผมหวังว่าทุกคนจะสนุกกับอีเว้นท์ของทางเรา ขอบคุณครับ”

   จบคำอย่างสวยงามตามสไตล์พี่วินผู้เจิดจรัส เสียงโห่ร้องตลบมือดังเกรียวกราว ผมไม่แปลกใจเลยทำไมพี่ชายผมถึงมัดใจคนจนอยู่หมัด แถมยังควบคุมคนจำนวนมากได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญ ผมภูมิใจในใจพี่ชายผมมาก สามารถยืดอกรับได้ไม่อายใครเลยล่ะว่านี้พี่โผ้มมมมม ติดแต่พี่ชายผมเด่นไปนิด ดังไปหน่อยถึงมากมาย ผมเกรงว่าชีวิตอันปกติสุขของผมจะถูกพัดปลิวหายไป ดังนั้น ขอชื่นชมอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ แล้วกันนะพี่ชาย...

   เสียงดนตรีเริ่มบรรเลงอีกครั้งหลังจากพี่วินพูดจบ พร้อมกับเหล่าผู้ดูแลเกมหายตัวไปจากฮอลล์คงจะกลับไปตรากตรำงานต่อ ส่วนทุกคนที่เหลือ ฟังเพลงบรรเลง เดินสำรวจพื้นที่ ทำความรู้จักกับคนอื่น ไอ้ผมหนิตื่นเต้นอยากเข้าไปร่วมวงฟังคนนู่นคนนี้ใจจะขาด

   แต่เจ้าพาหนะส่วนตัวดันไม่ยอมเบียดคน นิสัยไม่ชอบความวุ่นวายโผล่ พาผมออกมาจากฮอลล์เฉย ลินกับไวไวเองก็ตามมาด้วย ยังไงพวกเราไปไหนไปกันแบบแท๊กทีมอยู่แล้ว

   ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยง พวกเราเลยแวะไปหาข้าวกิน ผมเปลี่ยนร่างเป็นคนมาคอยป้อนหมาป่าข้างตัวที่นั่งหน้าเชิด ลินตักให้ไวไว กระต่ายถึกตักให้ลิน ผมมองภาพเหล่านั้น สังเกตดวงตาของพวกเขาที่เปลี่ยนไป ดูท่าช่วงเวลาที่ผมทิ้งให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นโดยที่ผมไม่รู้แหง

   “มองไร ไม่เคยเห็นกระต่ายไง”

   ไวไวถอดหน้ากากกินข้าวยักคิ้วกวนใส่ผม

   “เคย แต่ไม่เคยเห็นคู่สวีทหวานชื่นเหมือนเพิ่งแต่งงานใหม่”

   ผมก็กวนกลับสิครับ จะรออะไร เห็นไวไวทำหน้าเงิบสำลักซุปที่ตักเข้าปาก มีลินช่วยลูบหลังดูแลดีอย่างกับคนท้อง โอ๊ย หรือเพื่อนผมมันจะสาวแตก ท้องก่อนแต่งแล้วเนี่ย หัวเราะจนปวดท้อง น้ำตาเล็ดเลยผม

   “หัวเราะเข้าไป พวกนายก็ไม่ต่างกันนักหรอก พวกฉันทนเห็นมาตั้งนาน นายเองก็ทนซะมั้งจะได้เข้าใจอารมณ์คนจะเป็นตากุ้งยิง”

   ไวไวทำปากงึมงำใส่ ผมตาโต มองหมาป่าที่เอาหัวมาเกยตัก อ้าปากเหมือนจะบอกว่ายังกินไม่อิ่ม ผมเลยจิ้มเนื้อสันอย่างดีย่างสุกได้ที่ป้อนไปอีกคำ ระหว่างทานของตัวเองด้วย

   “จะยอมหน่อยก็ได้ เนอะกลเนอะ”

   ผมก้มไปกอดคอหมาป่าหนุ่ม แล้วหัดแก้มกับขนนุ่มๆ เจ้าตัวนิ่งปล่อยให้ผมฟัดแต่โดยดี เมินเสียงไวไวบ่นเป็นคนแก่

   “อย่ามัวแต่เล่น รีบกินให้เสร็จดีกว่า พวกนายอยากไปเดินเล่นในเมืองไม่ใช่เหรอ” ลินเตือนสติของบรรดาคนที่เข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัว

   ด้วยความที่ก่อนหน้านี้มาถึงเมืองปุ๊บก็ออกเกมปั๊บ พอเข้ามาก็แยกย้ายกันไปฝึกวิชามารก่อนโดนเรียกตัวมาในงานเปิดการแข่งขัน พรุ่งนี้แข่งเลยอีกต่างหาก เวลาท่องเที่ยวจึงมีอยู่น้อยนิดคือช่วงหลังทานข้าวเที่ยงจนถึงเวลานอน ผมกับไวไวสติกลับเข้าร่าง รีบกินส่วนของตัวเองให้หมด ป้อนกลจนอิ่ม ปล่อยให้ลินผู้ครองถุงเงินของกลุ่มจ่ายเงิน แล้วเปลี่ยนร่างกลับเป็นค้างคาว นอนตีพุงกลมๆ บนหัวหมาป่าตามเดิม

   เมืองหลวงสวยงามแบบที่เมืองเล็กๆเทียบไม่ติด ไม่สิ ต้องบอกว่าแต่ละเมืองมีความพิเศษในแบบของตัวเอง อย่างสตาทอสติดทะเลเลยให้อารมณ์เหมือนไปเที่ยวท่าเรือแสนคึกคัก ส่วนในเมืองมันคือความสวยงามมีระดับ กลมกลืนไปกับธรรมชาติ สะอาดสะอ้านน่าอยู่

   ต้นไม้น้อยใหญ่ปลูกเรียงราวเป็นระเบียบ กลิ่นหอมดอกไม้คละเคล้ากลิ่นขนมของกินตามร้านค้าโชยมาเป็นระยะ พวกเราเดินย่อยสำรวจเมืองเล่นๆ ก่อน ผ่านตามบ้านเรือนผู้คน แล้วค่อยแวะเวียนไปแถวย่านการค้าที่มีแต่เสียงขายของดังคึกคัก

   ที่นี่มีตั้งร้านของทางเกม และร้านแผงลอยที่พวกผู้เล่นตั้งวางขายของกัน ผมไม่ค่อยตื่นเต้นกับของพวกนั้นเท่าไหร่ แต่กำลังตื่นตาตื่นใจกับผู้เล่นมากมายที่ทั้งบินบนฟ้าเดินบนพื้น กระโดดไปมาตามบ้านจนโดนชาวบ้านด่า ทุกคนแต่งตัวสารพัดแหวกแนว บางคนมีเขา บางคนมีปีก บางคนมีหูหาง สวมเสื้อเกราะ ชุดนักเวท ชุดแฟชั่น ปีกแฟรี่ ร่างกายใหญ่โต ร่างกายเล็กบาง หรือรูปร่างแบบคนปกติ ปนกันชายหญิง ละลานตาแฟนตาซีสุดๆ

   ผมเผลอบินตามคนนู่นคนนี้ บางทีบินไปดูของแบบลืมตัว ลินคว้าตัวผมอยู่หลายที่ไม่เป็นผล สรุปไวไวมันคงรำคาญคว้าหมับกำเหมือนผมเป็นลูกเทนนิสติดปีกค้างคาว แล้ววางตัวผมแปะกลับคืนบนหัวกล คิดว่าแค่นี้จะทำอะไรผมได้อย่างงั้นรึ

   สรุป...หมาป่าหนุ่มก้มหัวลงให้ผมกลิ้งลงมา แล้วใช้ปากงับหลังคอแทน

   “กล อย่าคาบไว้ดิ อยากบินไปดูของตรงนั้น ปล่อยๆ”

   ผมตีปีกพั่บๆ อยู่ในปากหมาป่าที่เงียบสนิท แหงล่ะ เจ้าตัวพูดผมก็บินหนีไปลัลล้าได้น่ะสิ

   “กลคาบไว้แบบนั้นแหละ หรือนายจะให้ฉันเอาเชือกมามัดตัวนายไว้เป็นลูกโป่งดีฮึ” กระต่ายโจ๊กเกอร์สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าใช้นิ้วจิ้มผมในปากกลเบาๆ

   “เชือกไม่มี แต่ฉันพอใช้เวทมนต์สร้างเชือกได้ชั่วคราว เอาไหม”

   ลินเสนอเสียงเนิบ ไม่รู้ว่าจะแหย่หรือพูดจริงกันแน่ ไวไวโบกมือปัดๆ บอกไม่ต้องเปลืองพลังเวท เก็บไว้สู้พรุ่งนี้ดีกว่า ลินเลยยิ้มหวานหยด กอดกระต่ายข้างตัวหมับ เฮ้ๆ พวกนาย ถ้าลินเป็นหญิงมันคงดูน่าอิจฉาเป็นล้นพ้นอยู่หรอก ตอนนี้เจ้าตัวชายทั้งแท่ง แถมตัวพอๆ กันอีกต่างหาก เกรงใจสาวตาชาวบ้านที่อยู่แถวนี้บ้าง

   ดูพวกนั้นจะเข้าไปอยู่ในโลกนี้มีเพียงเราสอง ผมกับกลเลยปล่อยพวกนั้นสวีทหวานแหววไป กลพาผมเดินมายังแผงลอยที่ผมอยากดู คนขายทำท่าเลิกคิ้วมองซ้ายมองขวาสงสัยจะเข้าใจว่าพวกเราเป็นสัตว์เลี้ยง เลยมองหาเจ้าของ เขาโบกมือไล่

   “เจ้านายพวกแกไปไหนเนี่ย อย่ามาพังร้านฉันนะเฮ้ย”

   ชายคนนั้นมองหมาป่าตัวโตคาบลูกเทนนิสติดปีกอยู่ตรงปาก ดวงตาคมชี้ของหมาป่าหนุ่มหรี่มองท่าทางน่ากลัวทำเอาคนขายแอบผงะ

   “พวกเราเป็นผู้เล่นต่างหากพี่ชาย ผมสนใจของ ขอดูสร้อยเส้นนั้นหน่อย”

   ผมในร่างค้างคาวพูดเสียงอ้อน คนขายดูจะอึ้งทึ่งรอบสอง กลก้มหน้าลงปล่อยลูกเทนนิสกลิ้งออกจากปาก เดินขาสั้นๆ อุ้ยอ้ายไปหาสร้อยที่เล็งไว้ เส้นนี้มันกระแทกตาผมอย่างจัง ทั้งที่ดูแล้วไม่มีค่าสถานะพิเศษอะไรเลย แค่เครื่องประดับธรรมดาที่ดูสวยทั่วไปเท่านั้น

   สายสร้อยเป็นเงินแท้ ร้อยจี้รูปปีกเทวดาโอบคริสตัลสีฟ้าใส พอแสงส่องกระทบบางครั้งกลายเป็นสีแดง ให้อารมณ์เหมือนเทวทูตบกับทูตปีศาจดี เหมาะกับพี่วินมาก

   “ราคาเท่าไหร่”

   น้ำเสียงทุ้มต่ำเปิดปากพูดให้ได้ยินเป็นครั้งแรก พร้อมดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองไปยังคนขาย เจ้าตัวจุปาก ฟังจากเสียงสองคนนี้คงหน้าตาดีไม่หยอก น่าเสียดายดันอยู่ในร่างสัตว์ซะนี้

   จากแปลกใจกลายเป็นความเห็นใจ เพราะคิดว่าสองคนนี้คงโดนคำสาปพิลึกๆ ในเกมทำให้กลายสภาพเป็นพวกตัวขน

   “ห้าร้อยเหรียญเงินไอหนุ่ม แต่ฉันลดให้เหลือสี่ร้อย เห็นแก่พวกนายที่ลำบาก”

   ในเกมนี้มีหน่วยเงินเป็นเหรียญทองแดง เหรียญเงิน และเหรียญทอง ทองแดงหนึ่งพันเหรียญเท่ากับเหรียญเงินหนึ่งเหรียญ ส่วนเงินพันงร้อยเท่ากับทองหนึ่งเหรียญ สามารถแลกได้จากธนาคาร ของประดับสวยๆ ไม่มีสถานะ ราคานี้ถือว่าปกติ แล้วยังลดให้จากความเข้าใจผิด ผมไม่ขัดศรัทธา รีบเรียกตักของตัวเองออกมาจ่ายให้พ่อค้า ไม่คิดแก้ไขความเข้าใจผิดใดๆ ทั้งสิ้น เห็นงี้ผมผมมีความเป็นพ่อบ้านในตัวสูงนะ ก็เหมือนแม่บ้านแหละ เจอของถูก ลดราคา วิ่งใส่เหมือนกัน

   ผมแตะสร้อยเส้นนั้นสั่งระบบให้มันเก็บเข้าไปในกระเป๋า ก่อนจะบินไปเกาะอยู่บนหัวกลตามเดิม โบกปีกลาพ่อค้าสักหน่อย ระหว่างเดินออกมากลเหลือบตามองผม

   “ทำไมจ่ายเอง”

   “เอาหน่าพ่อคนรวย ไว้นายอยากจ่ายฉันให้จ่ายทั้งชีวิตเลย แต่อันนี้ฉันซื้อให้คนอื่น ไม่ได้ใส่เองก็ต้องจ่ายเองสิ”

   ผมใช้มือเล็กลูบหูหมาป่า หูกระดิกเหมือนจะจั๊กจี้ จากคำตอบผม ดูเจ้าตัวจะพอใจไม่น้อยถึงไม่พูดอะไรอีก พาผมเดินดูของเงียบๆ

   ตลาดใหญ่สมกับเป็นเมืองหลวง กลกับผมเดินกันจนเย็นก็ไม่ทั่วตลาด พวกเราเลยตัดสินใจจะกลับไปหาพวกลินก่อน ไว้ค่อยมาดูต่อวันหลัง เพราะ ร้านเริ่มเปลี่ยนเป็นสไตล์กลางคืน ของหลายอย่างชักเริ่มเป็นพวกของอันตราย

   ความจริงผมก็สนใจอยากดูต่อนะ ยังไงความมืดไม่มีผลสำหรับสัตว์กลางคืนอยู่แล้ว แต่มันมีสายตาแปลกๆ จากซอกหลืบของเมืองให้ความรู้สึกไม่น่าไว้ใจ แม้พี่วินจะบอกอ้อมๆ ว่าให้เล่นอย่างขาวสะอาด เชื่อเถอะคนพวกนี้ไม่คิดจะทำตามทุกคนหรอก

   คิดยังไม่ทันจบ งานเข้ามาแบบจะๆ ช่องทางให้หลบยังไม่มี ผู้ชายหลายคนออกมาจากที่ซ่อน ล้อมเราไว้ตรงกลาง กลนิ่งเฉยไม่มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจกับคนพวกดี ดูๆ แล้วแต่ละคนระดับไม่สูงเท่าไหร่นัก น่าจะพอๆ กับผมหรือมากกว่าหน่อย แต่ไม่มีทางเยอะไปกว่ากลชัวร์

   ผมติดต่อลินกับไวไวแบบคุยปาร์ตี้คนนอกไม่ได้ยิน สองคนนั้นรับคำ บอกอยู่ไม่ไกลจากพวกเราเท่าไหร่จะรีบมา

   “แน่ใจนะว่าพวกมันเป็นผู้เล่น” หนึ่งในชายพวกนั้นถามเพื่อนแบบไม่มั่นใจ

   “แน่สิวะ เอ็งดูค่าสถานะพวกมันดีๆ ผู้เล่นชัดๆ คงจะโดนคำสาปในเกมจนกลายสภาพเป็นแบบนี้ รีบจัดการเร็ว ก่อนพวกมันจะมา”

   ผมนั่งฟังมันคุยกันข้ามหัวไปมา กลนั่งอ้าปากหาวคล้ายจะเบื่อ เจอพวกผมเมินให้ เจ้าลิงกังทั้งหลายขัดใจจนหนังหน้ากระตุก เข้ามารุมอัดแบบไม่ใครหน้าไหน ผมบินขึ้นฟ้าเป็นสัญญาณปล่อยสัตว์ร้าย กลหรี่ตาขู่ในลำคอ อยู่ในท่าเตรียมพร้อมสู้ แล้วกระโจนซัดกับคนพวกนั้นแบบไม่กลัวเกรง ทั้งเล็บทั้งเขี้ยว ไม่มีปราณีเลยสักนิด

   พอคาบได้จับเหวี่ยงฟาดอัดกำแพงแตกร้าวเป็นวงกว้าง ยิ่งสู้ดูร่างกายยิ่งใหญ่โตขึ้น ถึงกลจะโนคำสาปต้องกลายเป็นหมาป่าในช่วงจันทร์เต็มดวงก็จริง แต่มันแลกมากับพละกำลังมหาศาล ความสามารถในการต่อสู้ ประสาทสัมผัสทุกอย่างเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า

   เจ้าตัวจัดการข่วนกัดเลือดสาด มีคนกลายเป็นแสงหายไปคน คงจะกลับไปเกิดที่จุดเซฟ พร้อมสถานะและเลเวลที่ลดลง แล้วแสงที่สองก็ตามไป ที่เหลืออีกห้าคนเริ่มระส่ำระส่ายไม่คิดว่าจะร้ายกาจขนาดนี้ คนหนึ่งตาไว แลบลิ้นยาวออกมาเหมือนกิ้งก่า พุ่งใส่ผมคล้ายจะจับเป็นตัวประกัน

   สภาพนี้บินหลบได้กลายเป็นแมลงตายคาปากกิ้งก่าชัวร์ ผมเปลี่ยนกลับเป็นร่างคน กางปีกบินอยู่เหนือน่านฟ้า มีแสงจันทร์และเมฆบดบังสีแดงเป็นฉากหลัง ริมฝีปากแสยะยิ้มเห็นเขี้ยว มือเรียกเคียวสีโลหิตออกมาฟันลิ้นนั้นขาดไปเต้นเร้าเหมือนหางจิ้งจก ชั่วพริบตานั้น ห่างตาผมเหลือบเห็นคนสามคนหลบอยู่ในเงามืดไม่ไกลจากพวกเรานัก

   ผมเลิกคิ้วมอง ยักคิ้วให้ คิดว่าอยู่ในนั้นแล้วจะไม่เห็นรึไง ตาผมขนาดหนังสือยังอ่านได้ในที่มืดไร้แสง แค่เงาตรงนั้นเห็นได้สบายอยู่แล้ว คนที่อยู่ด้านหน้าสุดชะงักไป เหมือนรู้ตัวแล้วว่าไม่จำเป็นต้องเข้ามาช่วยพวกเราก็จัดการได้สบาย ประจวบเหมาะกับพวกลินวิ่งมาถึงพอดี

   “รังแกเพื่อนฉันเรอะไอพวกเวร!!”

   ไวไวกระโดดถีบขาคู่ใส่ไอคนที่คิดจะมาลอบกัดด้านหลังจนมันล้มคว่ำหน้าไถลพื้นแบบไม่ต้องพึ่งมีดหมอ ลินหยิบดาบออกมาสู้ปะทะกับอีกคน พวกมันก็มีคนมาเพิ่ม มีคนจับล็อกตัวลินไว้ อีกคนเตรียมจ้วงแทง ไวไวใช้ไม้เท้าในมือกัน

   เคร้ง! ผัวะ!!

   เกิดเสียงดังกังวาน ก่อนตามด้วยเสียงซัดด้วยหลังมือจนมันหน้าหัน แถมด้วยการใช้เท้าถีบยันมันไปกองรวมกับเพื่อน แรงดีดช่วงขาของกระต่ายไปใช่น้อยๆ มันจุกแน่นิ่งกับที่ จวนจะเป็นแสงอยู่รอมร่อ จริงๆ ไวไวไม่สามารถจัดการได้ไวขนาดนี้ ดีที่พวกมันซัดกับกลจนลดทอนกำลังไปพอสมควร เลยทำให้จัดการได้สบาย

   แต่ก่อนที่ร่างนั้นจะกลายเป็นแสงจนหมด ไวไวเดินเข้าไปเหยียบอกก้มมองด้วยหน้ากากโจ๊กเกอร์แกยิ้มแต่ดวงตาคมกร้าว

   “จำไว้ อย่าสะเออะมาทำร้ายคนของฉัน” ปิดท้ายคำพูดด้วยการกระทืบจนกระอักเลือด หายเป็นแสงไปของจริง ผมเห็นลินแทบจะชูป้ายไฟอยู่ข้างๆ เห็นเพื่อนผมขี้บ่นใจดี ความจริงมันโหดนะ ถ้าไปทำให้มันโกรธ หรือยุ่งกับของรักของหวง พ่อท่านซัดไม่เลี้ยงเหมือนกัน

   ผมเปลี่ยนมาซัพพอร์ทกลจัดการกับพวกที่เหลือ พวกนั้นถูกเปลี่ยนเป็นแสงหายไปจนหมด ทิ้งไว้เพียงคราบเลือดกับไอเทมบางอย่างที่ตกจากตัวหลังจากตาย พวกเราไม่สนใจของพวกนั้นแม้แต่น้อย

   ปีกค้างคาวบินร่อนลงมายืนเคียงข้างหมาป่า ลูบขนแผงคอด้านหน้ากล่อมให้สงบสติอารมณ์ กลคำรามเสียงต่ำรับในลำคอ เกมนี้ทุกอย่างมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอ กลได้พละกำลังที่เพิ่มขึ้น แลกกับการควบคุมอารมณ์ตัวเองได้น้อยลงจนติดลบ ผมต้องทำให้เขาสงบก่อนจะอาละวาด
   
   หางตามองสามคนตรงมุมอาคารที่หายไปแล้ว ผมละความสนใจมาดูกลต่อ พวกเราคุยกันตัดสินใจว่าคืนนี้จะกลับไปทานข้าวที่โรงแรมแล้วพักเลยดีกว่า ดูท่าเดินท่อมๆ อยู่ด้านนอกจะไม่ปลอดภัย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 19:18:07 โดย Silver Fish »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.21 หมาป่าขี้หวง (ต่อ)

   ภายใต้ความมืดดวงตาสองคู่มองสบกัน ค้างคาวที่กำลังคุยกับเพื่อนตัวเองไม่รู้เลยสักนิด ว่าพ่อหมาป่าของเขากำลังจ้องดวงตาเย็นเยียบให้คนที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ ชายคนนั้นถอยฉากออกมาหลังจากมองคนเหล่านั้นจนลับสายตา เพื่อนอีกสองคนด้านหลังถามด้วยความนึกสนุก

   “นายสนใจแวมไพร์คนนั้นเหรอ” ชายที่ดูตัวบางหน้าสวยที่สุดในทีมถามเพื่อนตัวเอง

   “แต่ท่าทางสัตว์เลี้ยงจะหวงเจ้านายมากเลยนะ แบบนี้แผนจีบสาวเขาหาทางสัตว์เลี้ยงถ้าจะยาก” หญิงสาวอีกคนหัวเราะคิกคัก

   “ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง มันเป็นผู้เล่น สักวันคงได้เจอกัน” ชายที่ถูกสองเพื่อนแซวนึกย้อนไปยังดวงตาคู่นั้นของหมาป่าหนุ่ม คงจะรู้ตัวว่าเขาหลบและเฝ้ามองมาตลอด

   เรื่องพวกนั้นไม่น่าสนใจหรอก ที่น่าสนคือแวมไพร์คนนั่นมากกว่า ภาพยังคงติดตา... เรือนผมสีทองรับแสงจันทร์สีแดงจากเมฆที่บดบัง ผิวกายขาวซีดตามเผ่าพันธุ์ ใบหน้าและรอยยิ้มที่เขาเห็นเพียงเลือนรางเพราะอยู่ไกลจนเกินไป แต่มันแฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์บางอย่างที่ทำให้เขาเผลอไผลไม่รู้ตัว น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ หวังว่าจะได้เจออีกครั้ง


   คนที่โดนหมายมาดไม่ได้รู้ตัวสักนิด แต่หมาป่าบางตัวกับเซนส์แรงจนน่ากลัว ทันทีที่สบตาคนในเงามืด เขารู้ได้ทันทีว่าคนๆ นั้นหมายตาอะไร

   กลับถึงโรงแรม หมาป่าหนุ่มตัวโตนอนเอาตัวพาดทับค้างคาวที่กลับร่างบนนอนอืดอยู่บนเตียง

   “แอ๊ก กล หนัก ลุกออกไป”

   มือยันๆ ดันๆ เจ้าหมาป่าอารมณ์บูด เห็นว่าคนรักตัวเองจวนขาดอากาศตาย เลยยอมถอยให้ แต่ยังไม่ว่ายต้องเอาสองขาหน้าพาดพุง แถมหัวหนักๆ อีก จมูกพ่นลมหายใจคล้ายไม่สบอารมณ์อะไรบางอย่าง

   ผมมองภาพท่าทางของกลอย่างสนใจไม่น้อย ปกติเขาเป็นคนที่เก็บอารมณ์เก่งมาก นอกจากอารมณ์หื่นไม่เคยจะปิด เวลาส่วนใหญ่จะเงียบทำหน้านิ่งไร้อารมณ์ พอแสดงสีหน้าก็แค่ขยับคิ้ว มุมปากนิดหน่อย แล้วยังควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี ถึงจะมีออร่าแผ่ออกมารอบตัว แต่ก็แผ่ออกมาแบบเงียบๆ ไม่แสดงอาการชัดเจนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้

   น่าเสียดายที่อยู่ในร่างหมาป่า หากอยู่ในร่างคนคงน่ามองไม่น้อย

   “คิดอะไรออกมาทางสีหน้าหมดแล้ววัต”

   แวมไพร์หนุ่มสะดุ้ง มองเสียงทุ้มต่ำที่กำลังหรี่ตามองเขาอยู่ โธ่ๆ หมาน้อยอารมณ์ไม่ปกติ ผมเข้าไปกอดๆ หอมๆ ขย้ำขนฟัดพุงหมานัวเนียกันอยู่บนเตียง จนโดนหมาคร่อม อือหือ ขนาดร่างนี้ยังจะ...

   “คิดอะไร ถอยออกไปเลย”

   “ไม่ต้องห่วง ไม่ทำอะไรด้วยร่างนี้หรอก มันไม่เต็มที่ แนบเนื้อไม่พอ ขนมันเกะกะ”

   ได้ข่าวว่าขนนั้นเปรียบเสมือนเสื้อเจ้าตัวนะ ผมกรอกตาใส่หน้าหมาป่าที่ก้มหัวโตๆลงมาซุกอยู่แถวคอ เลียแก้มอีกแผล๊บ ไม่ติดว่ายังสนทนาพูดคุยกันได้ ผลคงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นหมาที่เลี้ยงไว้จริงๆ

   “วันนี้ไม่กินเหรอ”

   เจ้าหมาป่าซุกซนงับๆอยู่แถวหู เขาหันหน้าหนี น้ำลายหมาติด ฉีดยายังหว่า สงสัยว่างๆต้องจูงมือกันไปหาหมอฉีดยากันทั้งคู่

   “จะกินยังไง ตัวนายมีแต่ขน กัดไปได้ดูดขนเข้าคอแทนเลือดพอดี เอาไว้พรุ่งนี้ก่อนเถอะ เตรียมตัวไว้ จะสูบให้แห้งเลย”

   เสียงหัวเราะรัวในลำคอดังจากเจ้าหมาป่า ย้ายสารร่างตัวเองไปนอนกกแฟนข้างๆแทน หางปัดป่ายไปมาดูสบายอารมณ์เหลือเกิน แล้วคืนนั้นเขาก็ได้หมาป่าเป็นหมอนข้างกอดรัดคอก่ายขาเอาคืนตอนไปเข้าค่าย เจ้าตัวดิ้นเหมือนอึดอัด พอเห็นผมไม่ยอมปล่อยแกล้งงอแงใส่เหมือนง่วงนอน เจ้าตัวถึงยอมนอนนิ่งๆ ไม่ขยับอีก

   ผมลอบยิ้มในความมืด หมาใครหนอ น่ารักน่าฟัดจริงจริ๊ง

   พอเจ้าวันรุ่งขึ้น เสียงนกร้อง เสียงผู้คนไม่อาจปลุกผมให้ตื่นจากห้วงนิทราได้เท่ากับโดนหมากวน! เมื่อคืนยังน่ารักอยู่ ทำไมเช้านี้แม่งกลายพันธุ์แล้วฟะ ผมฝืนเปิดตามองหัวที่ซุกอยู่แถวพุงที่ถูกดึงเสื้อขึ้นเปิดพุงขาวๆ ปากงับเบาๆเหมือนจะหยอก ผมฟาดสันมือเข้ากลางหัวหมาซนเบาๆ

   “ขอนอนต่ออีกนิด เดี๋ยวค่อยลุกไปเปิดประตูให้ไปห้องน้ำนะ”

   ผมงัวเงียพูด เจ้าหมาป่าชะงักกึก ออร่าบางอย่างแผ่ออกมา ใบหน้าหล่อคมเข้มหัวยุ่งเพราะเพิ่งตื่นและถูกผมฟัดไปเมื่อคืน เงยหน้าขึ้นช้าๆ หรี่ตามองผม กลายเป็นผมที่ทำอะไรไม่ถูกแทน หรือตะกี้พูดแรงไปหว่า พูดเหมือนสัตว์เลี้ยง ใครก็คงไม่ชอบผมกลืนน้ำลายอึก อ้ำอึ้งๆ หมายจะแก้ตัวบวกง้อเอาใจ

   กลถอนหายใจ ก้มลงมาใช้มือหนาลูบเปิดเถิก จูบหน้าผากผมแทน

   “อรุณสวัสดิ์ และจำไว้ ฉันยอมแค่นายคนเดียวเท่านั้น” คำพูดผสมใบหน้าจริงจัง

   ฉ่า.... พระเจ้า ใครเอาแดดมาสาดใส่หน้าผม รู้สึกหน้าร้อนไปหมดแล้ว

   “ขะ...ขอโทษ วันหลังจะไม่พูดอีก ดีกันนะ”

   ผมทำใจดีสู้หมาป่า ยื่นนิ้วก้อยไปกระดิกยิกๆตรงหน้าอีกฝ่าย เจ้าตัวยกหัวคิ้ว แทนที่จะยกน้อยก้อยมาเกี่ยว ดันใช้ปากงับแถมเลียให้สะดุ้งโหยง ลามมาถึงใบหน้า คลอเคลียจมูกโด่งกับแก้มนุ่ม ริมฝีปากได้รูปจูบเบาๆ ที่กลีบปากบาง สัมผัสนุ่มนิ่มเปียกชื้นนิดๆ แต่ความหวานเท่าทวี มันทำให้เขินหนักยิ่งกว่าดิฟคิสซะอีก

   “ฉันไม่เคยโกรธนายหรอกที่รัก ออฟไลน์ออกเกมเมื่อไหร่ค่อยทบต้นทบดอก ห้ามเบี้ยว ห้ามหนีภาษี...นะ จุ๊บ”

   OMG! เนี่ยนะไม่โกรธ เพลงลอยเข้าหัวเลย ไอวัตตายแน่ ตายแน่ไอวัต...

   ผมอึ้ง ปล่อยหมาเลียปากไป กว่าจะเสด็จไปอาบน้ำออกจากห้องกันได้ ถูกไวไวเคาะจนแทบจะพังประตูเข้ามา เอาวะ วันนี้ลงสนาม ขอซัดแหลกระบายความเขินที่อัดอั้นตอนเช้าหน่อยแล้วกัน

   ผมกระเดือกข้าวเช้าที่รู้สึกหวานกว่าปกติเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังในการอาละวาดของตัวเอง หลังจากไม่ได้กินมาเกือบสองวันเพราะผู้บริจาคโลหิตดันกลายร่างเป็นหมาป่าหนังหนาเขี้ยวเจาะไม่เข้า เมื่อเช้าก็ไม่มีเวลากิน มัวแต่ปล่อยให้หมารังแกอยู่บนเตียง อนาถจริงชีวิตวัต

   ที่ฮอลล์กลางแจ้งคนเยอะกว่าเมื่อวานสองเท่า คงมีหลายคนที่ตามมาสบทบที่หลัง ผมกลายร่างเป็นค้างคาวมุดอยู่ในกลุ่มขนตรงคอเสื้อกล ผู้เข้าแข่งแต่ละคนแต่งชุดกันแบบจัดเต็มมาก ค่าสถานะดีๆทั้งนั้น พลังป้องกันสูงจนน่ากลัวว่าจะตีไม่เข้า บางคนแผ่พลังออกมาข่มชาวบ้าน กิลด์พวกเราเดินไปแบบชิวๆ ไม่รู้ว่าแฟนของไหม หรือตัวไหมเองเป็นคนคัด คนเข้ากิลด์ แต่ละคนถึงได้สวยหล่อไม่บันยะบันยัง เดินมาทีอย่างกับวงเกาหลีที่มีกันเป็นแผง หล่อสวยละลานตา

   หลายคนเข้ามาทักกลแล้วจากไป บางคนแค่มองทักทายเงียบๆ ดูท่าทุกคนจะรู้นิสัยพี่ท่านดีเลยไม่เข้ามาวุ่นวายมาก ทางลินกับไวไวยังคงเหมือนเดิม สองคนขยับไม้ขยับมือเหมือนอาละวาดเมื่อคืนไม่สะใจพอ อารมณ์ค้างจะต่อวันนี้

   กลุ่มพวกเราเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูวาปสีฟ้าเหมือนกระจกน้ำ มองทะลุไปอีกด้าน เห็นคนดูนั่งเรียงหน้ากันสลอน ทุกคนรอสัญญาณจากท่านผู้ยิ่งใหญ่ พี่วินกลับมาทำงานตามเดิมที่ ครบทีม GM ที่ต่างไปคือบนคอมีสร้อยที่ผมซื้อส่งไปทางข้อความให้ เห็นพี่ชินมองผมทะลุผ่านขนคอเสื้อกล แววตาเหมือนจะน้อยใจ

   โอเคครับ ไว้ผมแข่งเสร็จจะรีบแจ้นไปตลาดซื้อของขวัญให้สักชิ้นแล้วกัน เลิกมองด้วยสายตาแบบนั้นได้แล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนแม่ถูกลูกชายตัดพ้อ เพราะรักลูกสองคนไม่เท่ากัน ฮือ คนเป็นแม่เจ็บปวด

   “วัต จะเข้าวาร์ปแล้วนะ”

   ลินเห็นผมสติไม่อยู่ดี ใช้นิ้วจิ้มเรียก ผมพยักหน้า เอ๊ะ... หรือตัวดี มันกลมจนแทบไม่มีคอ เอาเป็นว่าผมขยับภาษากายรับคำลินแล้วกัน

   “ทุกคน....เริ่มได้!”

   สิ้นคำประกาศจากท่านซาตาน ทุกคนพุ่งตัวเข้าไปในวาปเพื่อรีบไปจัดการเฝ้าฐานของตัวเองโดยเร็ว กลเดินสบายๆ ผ่านเข้าวาร์ปไป เหมือนเดินผ่านทะลุม่านน้ำแบบตัวไม่เปียก

   พอเดินออกจนพ้น สถานที่โดยรอบเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง พร้อมกับประตูวาร์ปที่ปิดลง

   ที่ๆ พวกเราอยู่เป็นเหมือนเขตป่าโปร่ง มีส่วนโล่งกว้างคล้ายจะเว้นให้ปะทะกันเลือดสาด และส่วนเขตป่าซ่อนฐานพวกเราเอาไว้ มีเวลาเตรียมการเพียงสิบนาทีก่อนจะเริ่มสงครามระหว่างกิลด์ หัวหน้ากิลด์เรียกพวกเราไปรวมตัวกัน พวกสายต่อสู้แบบประจันหน้าส่วนหนึ่งไปเป็นหน้าทัพพร้อมพวกแท้ง รับดาเมจแทนคนอื่น แถมหน่วยซัพพอร์ทคอยเพิ่มเลือด เพิ่มค่าพลังต่างๆ สองคน

   ส่วนที่เป็นพวกถนัดในที่ลับ ให้เฝ้าฐานวางกับดักในป่า อีกส่วนสุดท้าย เฝ้าฐานให้มั่นอย่าให้ใครลอดเข้าไปทำลายฐานพวกเราได้ ซึ่งวิธีทำลายฐาน สุดแล้วแต่คนจะคิด อย่างผมหนิ ถ้ามีอาร์พีจีสักกระบอก จะซัดสักสองสามเปรี๊ยงน่าจะระเบิดตูมเป็นโกโก้ครั้นช์

   เราฟังเสียงสั่งการจากในช่องกิลด์ที่ได้ยินเฉพาะคนเข้าร่วมการแข่งขันเท่านั้น กลุ่มปาร์ตี้เราสี่คน ผมกับกลถูกส่งมาประจันหน้าที่ลานโล่ง ไวไวกับลินโดนให้ไปเฝ้าอยู่ในป่า หัวหน้ากิลด์กับใหม่ที่เตรียมอาวุธพร้อมอยู่ที่ฐาน

   ก่อนเริ่มการแข่ง ทุกคนรวมตัวกัน ใครมีสกิลเพิ่มความสามารถอะไรจัดเต็มจนแสงวิบวับให้ผมตาลาย ไหมดูจะองค์ทรงเครื่องเยอะสุด นางรำคนสวยเริ่มร้องเพลงเต้นรำพร้อมค่าความสามารถทุกคนเพิ่มขึ้น พอเสร็จถึงแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง

   เวลานับถอยหลังสิบวิ ตัวเลขลดลงเรื่อยๆ พอถึง 0 ทุกคนพุ่งเข้าใส่กันเหมือนวัวคลั่ง ผมอยู่กับกลมองภาพเหล่านั้นอย่างสบายอกสบายใจ พอเห็นว่าหลายคนที่ลุยหน้าเริ่มจะมีเสียเลือดกันบ้าง สองหนุ่มสาวนักเวทหน้าที่เพิ่มเลือดร่ายสกิลจนลิ้นแทบพัน

   ผมเลยกระโดดออกจากคอเสื้อกล กลับร่างเป็นคนถือเคียวควงกระโจนใส่กะเขามั้ง แอบเนียนๆ เพิ่มเลือดให้คนอื่น ให้ฝ่ายตรงข้ามสับสน ว่าผมเป็นสายโจมตีหรือซัพพอร์ทกันแน่ ทันทีที่ผมออกโรง สามคนที่เคยเห็นเมื่อคืนโผล่ออกมา สาวสวยท่าทางร้ายกาจ พุ่งเนียนเข้าไปในป่าพร้อมเพื่อนคนอื่น

   ชายหนุ่มบางหน้าสวยคอยซัพพอร์ทคนตัวโตที่ยืนประจันหน้ากับกล ทั้งคู่จ้องกันเหมือนกระแสไฟแล่นเปรี้ยงปร้าง แวบแรกเหมือนฝ่ายนั้นยังสงสัยว่ากลมาจากไหน พอสักเกตเห็นหูกับหางหมาป่าค่อยถึงบางอ่อ สองหนุ่มพุ่งเข้าฟัดกันแบบไม่ถามหน้าอินหน้าพรหม หนุ่มสวยไม่วายมากวนผมจนเข้าไปหากลไม่ได้

   เหมือนฝ่ายนั้นจะเริ่มสังเกตเห็นแล้วว่าผมเป็นพวกสายซัพพอร์ทถือเคียวขู่ไปงั้น เลยผละจากพวกอึดๆที่ ปกป้องนักเวทสองคนมารุมผมแทน กลทำท่าจะปลีกตัวมา กลับถูกเจ้าตัวโตขวางไว้ คงเลเวลพอๆ กันถึงสู้ได้อย่างสูสี ผมโดนต้อนจนเริ่มคิดหนัก
   
   พวกนั้นรุมโจมตีไม่ยั้งมือ ขาถอยถีบกระโดดหนี มือจับเคียวรับการโจมตี มีพวกลอบยิงโนธนูเฉียดไปหลายดอก ฉับพลัน ธนูดอกนึงปักเข้าที่หัวไหล่เต็มๆ

   “ดูท่านายไม่ค่อยสนใจเลยนะ หรือไม่อยากดูแลแล้ว ยกให้ฉันไหมล่ะ”

   คนขอหน้าด้านๆ หมาป่าหนุ่มตวัดตามองด้วยสายตาเยือกแข็งทันที

   “ไม่มีวัน” เสียงกดต่ำพูดในระยะประชิดระหว่างทั้งคู่ซัดอาวุธเข้าใส่กัน คนหนึ่งดาบสองมืออีกคนกงเล็บสองข้าง

   ผมเสียเลือดจนเริ่มตาลาย ยิ่งไม่ได้กินมาดูไม่ค่อยมีแรง มือฝืนดึงธนูออกจากไหล่แบบไม่สนเลือดที่พุ่งเป็นน้ำพุ เวอร์ แต่ไหลโจ๊กๆ แบบก๊อกรั่วเอง ผมกับกลสบตากัน ไม่ต้องนัดแนะอะไร กลถีบตัวถอยห่างจากคนตัวโต ผมที่กำลังจะถูกเก็บแตะต่างหู พริบตานั้น ร่างตรงกลางวงที่โชกเลือดก็หายไป โผล่อีกทียืนด้านหลังหมาป่าหนุ่ม ผลจากการใช้ต่างหูในการวาปไปหาอีกคน

   มือขาวซีดมีเขี้ยวงอกยาวแหวกคอเสื้อ แล้วแยกเขี้ยวกดลงบนลำคอแกร่ง สูบเลือดกลางสนามต่อสู้ ทุกสายตาจับจ้องมอง ดวงตาสีเทาไหววูบเป็นสีแดงเลือนราง ค่อยๆเข้มจนกลายเป็นสีแดงสด ริมฝีปากเปื้อนเลือดแสยะยิ้ม แลบเลียเลียจนหมดราวกับจะไม่ให้พลาดแม้แต่หยดเดียว ทางคนบริจาคเลือดยืนทำหน้านิ่ง

   พรึบ!

   เสียงปีกค้างคาวถูกกางออก บาดแผลทั่วตัวหายเป็นปลิดทิ้งไม่เหลือแม้แต่รอยแดง หากเสื้อไม่ขาด ไร้คราบเลือดคงดูไม่ออกว่าบาดเจ็บหนักมา เจ้าตัวบินรอบคอหมาป่าหนุ่มจากด้านหลัง รอบตัวคล้ายมีของมีคมเงาวับสะท้อนแสงอาทิตย์บินฉวัดเฉวียนดูอันตราย

   “แวมไพร์...”

   เสียงพึมพำเหมือนโรคติดต่อ คนหนึ่งพูดต่ออีกคน ในสนามแข่งนี้ไม่มีแวมไพร์เลยสักคน แต่ทุกคนพอจะรู้จักจากสารพัดเรื่องเล่าตำนานในโลกจริงกันมาบ้าง ความน่ากลัวของเผ่าพันธุ์นี้คือของจริง! และที่สำคัญ ขนาดกลางวันแสกๆ เจ้าตัวยังไม่มีทีท่าทุกร้อน นั่นหมายความว่า ต้องระดับสูงเอาเรื่อง ถึงเลเวลไม่มาก แต่ถ้าระดับคำสาปมาก น่ากลัวกว่าพวกดีแต่เลเวลสูงหลายคนเสียอีก

   ผมมองภาพตื่นตาตื่นใจของทุกคนอย่างพึงพอใจ มือถือเคียว พลางควบคุมเจ็ดจันทร์เสี้ยวที่ผมเอาออกมาสามเล่มคอยปัดป้องการโจมตี ที่คิดจะโจมตีใส่ตัวผมขณะบินมายืนจังก้าตรงหน้าฝั่งตรงข้าม มือยกเคียวขึ้นสูง แหงนคอปรายตามองด้วยรอยยิ้มแบบแวมไพร์ ดวงตาสีเทากลายเป็นสีแดงจับจ้องทุกคน

   ริมฝีปากพูดเพียงประโยคเดียวทำให้การต่อสู้ร้อนระอุขึ้นหลายเท่า

   “It’s Show Time….ความสนุกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นต่างหาก!!”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 19:18:54 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
อิ๊วววว อยากอ่านต่อไปจังเลย
อ๊ากๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
 :-[ กลพาไปไหว้คุณพ่อคุณแม่ น่ารักจริง :impress2: :impress2:
 :hao6: ขอฝึก 2 ต่อ 2 กับไวไว ใช่ฝึก :oo1: ในตอนพิเศษก่อนหน้านี้หรือเปล่าจ๊ะ
คุณสามีที่มีนม :laugh:

สองเหมียวคุยกันน่ารักดีนะ คนเขียนเป็น #ทาสแมว #ใช่อ่อ #ตอบ

ปล. สนุกครับและบวกให้เช่นเคย o13

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.22 แวมไพร์ หมาป่า

   เคียวสีแดงเข้มถูกตวัดกวาดไปด้านหน้าให้คนที่มัวแต่อึ้งโดนลูกหลงไปตามๆ กัน อาวุธเวทมนต์ไม่อาจเข้าถึงตัวแวมไพร์ได้ เมื่อมีอาวุธลับสามชิ้นกับหมาป่าหนุ่มคอยปัดป้องการโจมตีปล่อยให้เจ้าตัวอวดลวดลายเต็มที่

   “โธ่เว้ย ไม่คิดเลยว่าจะมีแวมไพร์อยู่ด้วย เรียกไอพวกใช้เวทธาตุแสงมารุมย่างมันเร็ว ยังดีที่พลังในการโจมตีไม่แรง”

   คนที่ตั้งสติได้หันไปตะโกนบอกพวกพ้องคนอื่น ชายตัวโตที่หมายตาแวมไพร์แต่แรก ขมวดคิ้วยกมือห้าม ดวงตามองการเคลื่อนไหวแสนสนุกสนานของแวมไพร์ จากตัวประกอบกลายเป็นตัวเด่นในสนาม

   “พวกนักเวทแสงห้ามเข้าไป ลบสถานะเพิ่มเลือดทุกคนเร็วเข้า”

   ได้ยินคำเตือน ทุกคนที่โดนเคียวนั้นโจมตี รีบเปิดดูสถานะตัวเองพลันเบิกตากว้าง พลังในการโจมตีไม่มาก แต่สิ่งที่ตามมาร้ายกาจยิ่งกว่า เลือดที่ลดหายไปเรื่อยๆ ราวกับถูกสูบ ยิ่งโดนโจมตีมากเท่าไหร่ ปริมาณที่ลดหายยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ในเวลาเดียวกัน คนที่สูบเลือดชาวบ้านโดยใช้อาวุธ ยกเคียวขึ้นฟ้าแล้วหมุนควงเป็นวงกลม เพิ่มเลือดให้กับฝ่ายตัวเองจนเต็มหลอด

   ความตึงเครียดเข้าเกาะกุมความคิดฝั่งตรงข้ามทันที ผมมองความระส่ำระสายพวกนั้นด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ เพียงไม่นาน มีบางคนถูกสังหารกลายเป็นแสงหายออกไปจากสนาม สถานการณ์พลิกกลับจนแทบรั้งไม่อยู่ พวกนั้นยังไม่รู้ตัว ผมเป็นเพียงแค่ตัวล่อก่อความวุ่นวายเท่านั้น คนที่จัดการจริงๆ คือกล กับคนอื่นๆ ต่างหาก

   ระหว่างที่การต่อสู้ตรงลานกว้างกำลังร้อนระอุได้ที่ พวกที่หลบอยู่ในป่า วางกับดัก จัดการคนที่ล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตอย่างรวดเร็ว ถ้าจะบอกว่าฝ่ายนั้นบุกเต็มกำลัง ฝ่ายนี้เองก็ป้องกันอย่างแน่นหนา

   ลินกำลังเร่งมือใช้ดาบและเวทมนต์คอยช่วยเหลือไวไวในการขึงลวด วางกับดักไพ่ระเบิด อาศัยความคล่องตัวของการเป็นสัตว์ป่าในการเคลื่อนไหว กระทั่งมีร่างหนึ่งโผล่เข้ามาจนเกิดการปะทะ หญิงสาวตรงหน้าถือมีดอาบเลือดดูน่ากลัว ชุดราวกับอลิสในแดนมหัศจรรย์

   เคร้ง!!

   เสียงมีดกับไม้เท้าปะทะกันก้องกังวาน ดวงตามองผ่านหน้ากาก ถ้าจำไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้คือหนึ่งในสามคนที่หลบอยู่ตรงมุมตึก สองคนกำลังต่อสู้กับพวกกล ก็ว่าอยู่ทำไมถึงไม่เห็นอีกคน ที่แท้ บุกเข้ามาในป่านี่เอง

   “สวัสดีจ๊ะคุณกระต่าย อลิสมาหาแล้วนะ เรามาเล่นไล่จับกันเถอะ” เสียงหวานชวนเคลิ้ม แต่คมมีดเงาวับไม่น่าเล่นด้วย ไพ่ในมือถูกซัดออกไป อีกฝ่ายปัดทิ้งจนหมด เลยต้องปะทะกันด้วยมีดกับไม้เท้าล้วนๆ ไวไวโดนต้อนจนต้องถอย นึกแปลกใจว่าทำไมผู้ช่วยถึงหายเงียบผิดปกติ

   อลิสมองเห็นว่ากระต่ายที่กำลังไล่ล่า มองหาคนอื่น เลยหัวเราะเสียงใสพร้อมหยิบมีดขึ้นมาอีกเล่ม

   “มองหาคนขายหมวกเหรอจ๊ะ คนๆ นั้นเป็นของอลิสนะ กระต่ายต้องไปคู่กับแม่มดสิ”

   “สมการไหนของเธอเนี่ย ยัยคนบ้านิทาน กระต่ายต้องเป็นเจ้าของฮาเร็มสิ!” ปากไวสมชื่อ สวนกลับทันที ก่อนถอยจนไปชนเข้ากับคนขายหมวก เอ๊ย พ่อมดลินที่ถูกผ้าพันมัดเป็นดักแด้ติดกับต้นไม้ ไวไวชักหน้าเครียด

   “แหม่ เรื่องนี้เป็นฮาเร็มของอลิสต่างหากล่ะ จริงๆ คุณกระต่ายก็น่าสนใจนะ แต่เค้าชอบคนขายหมวกมากกว่าอะ ยกให้เค้าเถอะ”

   มีดสองเล่มไล่ต้อนกระต่ายให้ออกห่างจากพ่อมดหนุ่ม ก่อนอลิสจะเปลี่ยนไปยืนอยู่ข้างดักแด้ พลางลูบไล้ใบหน้าหล่อเหล่าของลินแทน ไวไวถึงกับเห็นทุ่งลิลลี่บานชั่วขณะ ก่อนสะบัดหัวไล่ความคิด อีกฝ่ายคงไม่รู้สินะ นั่นน่ะหญิงแท้หัวใจชาย ที่สำคัญ นั่นมันสามี มีนมของตูเฟ้ย!

   ลินมองภาพกระต่ายตีกับอลิสเพื่อแย่งด้วยเองด้วยแววตาซาบซึ้ง ลอบใช้มีดพกที่เก็บไว้ตัดผ้าออกแล้วจัดการเรียกทหารโครงกระดูกออกมาช่วยไล่ต้อนอลิสอีกแรง สาวเจ้ากระโดดหมุนตัวกลางอากาศแบบไม่กลัวกระโปรงเปิด ลินรีบยกมือปิดช่องตาตรงหน้ากากโจ๊กเกอร์ด้วยความไวจนน่าทึ่ง ประจวบเหมาะกับมีพวกเดียวกันเป็นสายนักฆ่าโผล่มาช่วย

   “หัวกิลด์สั่งให้พวกนายไปช่วยพวกที่อยู่แนวหน้า ทางนี้ฉันจัดการเอง”

   ลินพยักหน้ารับ แบกกระต่ายขึ้นบ่าแล้ววิ่งออกไปจากแนวป่าทันที ไม่ฟังเสียงร้องเรียกด้วยความขัดใจจากทางด้านหลัง ปล่อยให้อลิสซาดิสม์สู้กับคนอื่นในกิลด์ไป

   ได้ยินเสียงฝีเท้า ดวงตาสีแดงเหลือบมอง เห็นเพื่อนตัวเองกำลังวิ่งมาทางนี้ด้วยสภาพช่วยขำพิกล ผมถอยฉากจากแนวหน้า ให้กลกับคนอื่นจัดการต่อชั่วคราว ไปยืนใกล้ลินที่ปล่อยไวไวลงยืนปัดเนื้อปัดตัวอยู่ข้างๆ

   “ลินมาพอดีเลย พอมีอะไรช่วยฉันกับกลเคลื่อนไหวคล่องตัวกว่านี้มั้ย พวกนี้มันเล่นสาดเวทแสงใส่กันแบบไม่เกรงใจพวกเผ่ามืดอย่างเราๆ เลย” ผมอยากอาละวาดให้เต็มที่ แต่ท้องฟ้าสว่างโร่ แดดระอุได้ไม่น้อยหน้าสงครามขนาดย่อม ทำให้ผมเคลื่อนไหวไม่ค่อยไหลลื่นเท่าไหร่นัก

   พ่อมดดาบนิ่งคิดไปชั่วครู่ ก่อนทุบมือปุ ดึงคอเสื้อไวไวมาบอกให้ช่วยคุ้มครองตัวเองระหว่างร่ายเวท

   “ในนามของข้า ผู้มาจากความมืดมิด ข้าขอสาปแช่ง” ผมสะดุ้ง เฮ้ย เดี๋ยวนะ ตะกี้ขอแค่เวทช่วยทำให้มีแรงไปปะทะกับพวกตัวปล่อยแสง แล้วไหงมาสาปแช่งกันดื้อๆ หรือผมจะบูชายันต์ด้วยกระต่ายไม่พอ...

   จะร้องห้าม ไม่ทันซะแล้ว สายเวทสีดำพุ่งเข้าใส่ร่างของผมกับกล กลยังสู้ต่อแบบไม่สะท้านกับสิ่งที่โดน ส่วนผมอึ้งค้าง โฮ ลินทำไมถึงใจร้ายกับค้างคาวตาแดงๆ

   “วัต ใจเย็นก่อน ดูดีๆ สำหรับคนอื่นมันเป็นคำสาปก็จริง แต่สำหรับพวกสายมืดด้วยกัน มันเหมือนการเพิ่มความสามารถให้มากกว่า”

   ผมแหวกนิ้วที่ปิดหน้าออกดูลิน พลังในตัวผมเพิ่มขึ้นจากพลังเวทด้านมืดจริงๆ ลินสบัดชายเสื้อคลุมพ่อมดสีดำของตัวเอง หยิบเอาคฑาเวทมนต์หัวกะโหลกคาบลูกแก้วขนาดกำมือที่ไม่ได้เห็นมานานออกมาปักไว้ตรงหน้า พร้อมตั้งสมาธิเพื่อทำอะไรบางอย่าง

   ใต้ฝ่าเท้าปรากฏวงเวทขนาดใหญ่ แผ่ความเย็นเยือกออกมาโดยรอบ หลายคนเห็นพ่อมดทำท่าจะร่ายเวทระดับสูง รีบเข้ามาโจมตีเพื่อขัดขวาง ผม ไวไว และคนในกิลด์คนอื่นช่วยกันคุ้มกัน พอลินลืมตาขึ้น บนฟ้ามีผ้าสีดำเต็มไปด้วยดวงตาแผ่ขยายปกคลุมฝ่ายศัตรูที่อยู่ในวงล้อม ภาพรอบข้างตกอยู่ในความมืด ผมมองไปรอบตัว สถานแข่งขันนี้กลายเป็นตอนกลางคืนไปแล้ว!

   “มีเวลาจำกัด ฉันไม่ได้เปลี่ยนทั้งสนามให้เป็นกลางคืน คลุมแค่บริเวณที่พวกเรากำลังสู้กันอยู่เท่านั้น รีบจัดการก่อนมันจะหมดเวลา”

   แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ดวงตาสีแดงมองไปในความมืด คนพวกนั้นกำลังร่ายเวทให้พวกเดียวกัน สร้างแสงสว่างรอบตัวให้ได้มากที่สุด ถึงอย่างนั้นก็ยังหลงเหลือเงามืดให้ใช้ซ่อนเร้นกายอยู่ดี ลินยืนจับคฑาเวทเอาไว้ ไวไวคอยปกป้องอยู่ข้างๆ พวกที่เหลือฝั่งเราแยกไปอยู่รอบนอก คอยกันไม่ให้ศัตรูด้านในหลุดออกไป

   “แบบนี้แย่แน่ รีบหาทางออกไปจากที่นี่เร็วเข้า!”

   รู้ตัวช้าเกินไป ฉับพลันร่างโปร่งที่ยืนหัวเราะจนถึงเมื่อครู่ หายตัวไปปรากฎอยู่ด้านหลัง เคียวในมือเปลี่ยนเป็นเล็บทั้งสิบงอกยาวขึ้นราวกับใบมีด ด้วยความที่เป้าหมายโดนโจมตีจนเลือดลดน้อยเต็มที่อยู่แล้ว พอโดนกรีดคอเลือดพุ่งไม่นานก็เป็นแสงหายไปอีกคน

   พอเสร็จหนึ่งคน เจ้าตัวพุ่งไปหาอีกคน พลังโจมตีแตกต่างจากตอนแรกลิบลับ ความสามารถที่แท้จริงของผมไม่ได้อยู่ที่อาวุธ แต่มันอยู่ที่กรงเล็บ พลังจากคำสาปของแวมไพร์...

   ผมเลือกเก็บพวกที่มีเลือดน้อยๆ ก่อนเป็นอันดับแรก หลายคนเริ่มไหวตัวทันหลบหลีกการโจมตี ใช้อาวุธเข้าปะทะ ผมถอยฉากออก ให้กลกระโจนเข้าใส่จนพวกนั้นเปิดช่องว่างค่อยเข้าไปลอบเชือดแบบเงียบๆ ผู้ชายตัวโตกับนักเวทหนุ่มหน้าสวย สองคนนี้เก่งที่สุดในกลุ่มที่พวกเรากำลังต่อสู้ เบนเป้าหมายมาทางผมแทน

   ปีกค้างคาวถูกใช้งาน ปัดพลังเวทแล้วบินขึ้นฟ้าหนีคมดาบ เจ็ดจันทร์เสี้ยวหยุดนิ่งอยู่เบื้องหน้า เผยให้เห็นรูปร่างภายใต้แสงจันทร์สีเลือดเป็นครั้งแรก รูปร่างสมกับชื่อ สลักแกะลายสวยงาม ผมสะบัดมือออก คมเงาวับเพิ่มรวมกันเป็นเจ็ดลอยนิ่งอยู่รอบตัว

   “ยังมีลูกเล่นอะไรอีกแวมไพร์”

   ชายตัวโตเงยหน้ามองร่างที่บินอยู่เหนือหัวคนอื่น ผมยิ้มให้พลางยกมือทำเป็นปืนแล้วขยิบตา

   “ปัง...”

   มีดทั้งเจ็ดพุ่งตัวไปรอบทิศราวกับลูกกระสุน พร้อมความเจ็บที่เกิดขึ้นบนผิวเนื้อของผู้เฝ้ามอง เพื่อนหลายคนกลายเป็นแสงหายไป จากการร่วมมือกันระหว่างแวมไพร์ และหมาป่า ที่เหนือความคาดหมายคือ ชายตัวโตที่ถูกต้อนให้จนมุมกลับกางปีกออกมา!

   ร่างสูงโผบินเข้าปะทะกับแวมไพร์ที่ยืนควบคุมใบมีดทั้งเจ็ด ดวงตาทั้งคู่สบประสานกัน

   “คิดว่านายบินได้คนเดียวหรือไง ฉันชื่อทัต นายชื่ออะไร”

   “ไม่รู้สิ ถ้านายยอมให้ฉันกรีดสักแผล อาจจะยอมบอกก็ได้”

   หลังพุ่งเข้าใส่กันรอบต่อไป ทัตเบี่ยงตัวหลบไม่ให้โดนจุดสำคัญ แต่ยอมให้โดนกรีดช่วงแขนเป็นทางยาว

   “ตามสัญญา บอกชื่อนายมา”

   เป็นผมแทนที่อึ้งอยู่กลางอากาศ ส่ายหัวกับการจีบแบบโต้งๆ ก่อนทิ้งตัวลงบนพื้น อีกฝ่ายบินตามมา ก่อนที่ทัตจะถึงตัวผม ถูกเงาร่างหนึ่งกระโจนเข้ามาขวาง เขาวาดขาซัดแบบไม่เกรงใจ ดวงตาคมสีน้ำเงินเข้มวาววับไม่พอใจอย่างที่สุด เดินเข้าไปเหยียบอกคนที่ทรุดกองอยู่บนพื้นราวกับนกถูกสอยลงจากฟ้า
   
   ผมชะโงกหน้ามาจากทางด้านหลังกล

   “นายคงต้องถามเอากับเขาแล้วล่ะ”

   “ถ้างั้น คงต้องทำให้คายออกมาซะแล้ว”

   ทัตไม่ยอมแพ้ แทงดาบสวนให้กลคว้าผมถอยหลัง เกิดเป็นศึกหมาป่ากับเหยี่ยวตีกันแทน ส่วนผมหันไปจัดการกับคนที่เหลือ นักเวทส่วนใหญ่โดนผมกับกลกำจัดไปจนหมดแล้ว ที่เหลือมีแค่สายต่อสู้กับนักเวทหนุ่มหน้าสวยเพียงคนเดียว ผมใช้ความมือในการพรางกาย หลบหลีกการโจมตี

   ลอบเข้าหาคนที่อยู่ห่างจากคนอื่นที่สุด ในเล็บกรีดแผลลึกบนแผ่นหลัง ควบคุมมีดทั้งเจ็ดเล็บโจมตีซ้ำจนกลายเป็นแสง ก่อนเปลี่ยนเป้าหมายไปหาคนอื่นเรื่อยๆ สังหารทิ้งไปทีละคน...ทีละคน...

   เลือดสีแดงกระเด็นเปรอะเปื้อนใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มเบาบาง มือทั้งสองข้างอาบย้อมไปด้วยเลือด เรือนผมสีทองพลิ้วไหวยามการขยับตัว สำหรับผู้ที่เฝ้ามองอยู่นอกวงอย่างลินกับไวไว ภาพการล่าเหล่านี้เหมือนกับแวมไพร์ตัวร้ายกำลังร่ายรำท่ามกลางฝนเลือด ทุกการลงมือฉับไว โจมตีซ้ำๆ จุดเดิมในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อทดแทนกับระดับที่น้อยกว่า

   ภายนอกต่างฝ่ายต่างเฝ้ามองโดมที่อยู่ตรงกลางสนามแข่ง แม้แต่คนที่กำลังดูผ่านจอเหนือฮอลล์กลางแจ้ง พากันจับจ้องไปยังการแข่งของสองกิลด์นี้ด้วยหัวใจลุ้นระทึก

   วินาทีที่โดมสีดำค่อยๆ สลายหายไปเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน พ่อมดหนุ่มดึงคฑาเวทออกจากพื้นหลังวงเวทหายไปจนหมดสิ้น กระต่ายโจ๊กเกอร์มองสำรวจสถานการณ์รอบตัว

   แวมไพร์ยืนยิ้มยกนิ้วเลียเลือดสีแดงที่ชุ่มไปทั่วมือ ตามเนื้อตัวเสื้อผ้ามีสภาพไม่ค่อยต่างกันนัก เลือดสีแดงบนผิวขาวซีด ผู้ที่ยืนเคียงข้างคือหมาป่าหนุ่ม ดวงตาคมดุจสัตว์ร้ายจ้องศัตรูที่กระอักเลือดคำโตอยู่แทบเท้า มือหนาโอบบ่าแวมไพร์อย่างถือสิทธิ์

   ไม่มีคำพูดใดออกจากปากทั้งคู่ ชั่วขณะนั้น ดวงตาคมเหลือบเห็นบาดแผลบนผิวแก้มคนข้างตัว ลิ้นนุ่มแลบออกมาเลียรักษาแผลต่อหน้าต่อตาชาวประชา คนที่อยู่ในสนามระยะมองเห็นได้ อ้าปากค้างแทบลืมสู้ ส่วนพวกที่ชมอยู่ในฮอลล์กลางแจ้ง ราวกับมีอะไรบดบังหน้าจอนั้นชั่วขณะ จนกระทั่งหมาป่าหนุ่มผละออก ปรายตามองสีหน้าเจ็บใจของเหยี่ยวที่กลายเป็นแสงหายไป หน้าจอถึงกลับมาปกติอีกครั้ง

   เหล่า GM ที่นั่งอยู่บนที่นั่งพิเศษ พาหันมองมือหัวหน้าตัวเองเป็นตาเดียว จุดรวมสายตาแสร้งปัดชุดให้จอควบคุมขนาดเล็กหายไป แถมยังมองกลับเหมือนจะถามว่ามีปัญหาอะไรกัน แต่ละคนเลยส่ายหัวขวับๆ ชมนกชมไม้ ชี้ชวนกันดูการแข่งแบบไม่เนียน ใครจะสน ขนาดหัวหน้าแผนกยังทำไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่เป็นฝีมือตัวเองชัดๆ

   แม้การต่อสู้ตรงส่วนลานโล่งจะจบแล้ว แต่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ การต่อสู้จึงดำเนินต่อไป วัตที่ใช้พลังงานจนหมด เนียนอู้กลายร่างเป็นค้างคาวเปื้อนเลือด มุดอยู่ตรงกลุ่มขนสัตว์ตรงคอเสื้อหมาป่า คอยคุมใบมีดทั้งเจ็ดช่วยเคลียทางให้คนอื่นๆ

   กระแสการต่อสู้เปลี่ยนไป จากตอนแรกจ้องทำลายฐานฝ่ายตรงข้าม กลายเป็นการตะลุมบอลกันกลางสนาม ฆ่าอีกฝ่ายให้หมด เพื่อกลายเป็นผู้ชนะ ซึ่งผลออกมาไม่น่าแปลกใจนัก กำลังสำคัญส่วนใหญ่ถูกสังหารทิ้งจนหมดตั้งแต่ช่วงแรก ดังนั้นพวกที่เหลือต่อสู้ได้ไม่เท่าไหร่ เพียงไม่นานก็ถูกเก็บจนหมด แพ้ราบคราบ พวกเราชนะไปตามระเบียบ

   หลังผลการแข่งออกมา ประตูวาร์ปเปิดขึ้นอีกครั้ง ทุกคนที่เหลือรอดเดินออกมาจากประตูวาร์ป พากันแยกย้ายไปพักผ่อน บางคนเลือกที่จะนั่งดูการแข่งขันของคู่อื่นต่อไป เพราะการแข่งแบบนี้จะวนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดวัน

   “สุดยอดมากเลยพวกนาย บอกใครจะเชื่อแค่ระดับร้อยต้นๆ เท่านั้นเอง ยังไงพรุ่งนี้ก็ขอฝากด้วยนะ”

   ไหมเข้ามาทักพวกเรา ผมโผล่หัวจากคอเสื้อกล เจ้าหมาป่าจับผมให้มุดกลับไปตามเดิม

   “พวกนี้เหนื่อยแล้ว จะไปพัก”

   ไหมส่ายหน้าเอือมระอากับหมาป่าผู้มนุษย์สัมพันธ์ไม่ค่อยจะดี ด้วยความที่รู้จักกันมานานเลยเข้าใจ แก้มป่องงอนๆ ใส่นิดหน่อยแล้วหนีไปเกาะแขนแฟนหนุ่มของตัวเองแทน หัวหน้ากิลด์ของเรา หันมามองด้วยรอยยิ้มบางตรงมุมปากเป็นเชิงขอบคุณ ถึงจะบอกว่านิสัยคล้ายกลแต่ดูสงบเสงี่ยมกว่าเยอะเลยแฮะในความคิดผม

   ว่ากันตามจริง คนที่พักไม่ใช่ใครอื่นหรอก แต่เป็นผมนี้แหละ ออกแรงมากไปหน่อยกลางวันแสกๆ ถึงจะมีเวทมนต์ของลินช่วย ก่อนหน้านั้นยังตากแดดบู๊แหลกอยู่ดี กลพาผมกลับห้องพัก อันกับแรกต้องจัดการกับคราบเลือดบนตัว และกลิ่นคาวคลุ้งพวกนี้ก่อน

   น้ำอุ่นถูกเปิดใส่อ่างไม้ กลถอดเสื้อผ้าพาผมล้างตัวเอาคราบเลือดออกก่อน ค่อยลงไปแช่โดยมีผมนั่งแปะบนฝ่ามือหนาแช่น้ำสบายใจ นิ้วโป้งหมาป่า เขี่ยผมเล่นให้กลิ้งไปมาบนฝ่ามือ แช่น้ำจนขนเปียกปอน

   “กลับร่างคนสิ เดี๋ยวจะให้ดื่มเลือด”

   หมาป่าบอก ผมพยักหน้ารับลืมคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบและล่อแหลมสุดๆ ค้างคาวตัวกลมสบัดขนไล่น้ำ กลับสู่ร่างคนถอดเสื้อผ้าออกกลับลงไปแช่ในถังไม้ตามเดิม ต้องขอบคุณที่อ่างมันกว้างพอให้พวกเราแช่กันได้ทั้งคู่

   “มาสิ”

   เสียงทุ้มต่ำเหมือนโดนล่อลวง ผมขยับกายเข้าไปหา วางมือกับแผ่นอกกว้าง เห็นกล้ามสมส่วนใต้ผิวน้ำ ยิ่งพออยู่ในเกมผมตัวขาวซีดกว่าตัวจริง ทำให้สีผิวของพวกเราตัดกันสุดๆ วงแขนแกร่งโอบเอวผมเข้าไว้แนบชิด ดวงตาสีแดงของแวมไพร์ดูล่องลอยจากความหิว ริมฝีปากบางอ้าปากพร้อมเขี้ยวที่งอกยาวขึ้นเตรียมงับดูดเลือด

   ตึ๊ง!

   เสียงข้อความแจ้งเตือนดังขึ้นกะทันหัน ผมสะดุ้งเหมือนหลุดจากภวังค์ เปิดดูข้อความแบบมึนๆ กลทำหน้าเหมือนขัดใจอะไรบางอย่าง ได้ยินเสียงเหมือนคำรามเบาๆ ในลำคอ แบบต้องอยู่ในระยะประชิดมากๆ เท่านั้นถึงจะได้ยิน

   ดวงตาสีแดงอ่านข้อความ

   ‘วัต พี่เห็นเราสู้ซะเยอะน่าจะหิว พี่ส่งเลือดสำรองมาให้แล้ว แถมกล่องสำหรับเก็บรักษาโดยเฉพาะ เก็บไว้ดื่มได้นานๆ ไม่ต้องห่วง อันนี้พี่ใช้เงินในเกมซื้อมาเอง ไม่ได้โกงอะไรทั้งนั้น อีกอย่าง ตอนค่ำมาหาพี่ที่ร้านตรงหัวมุมติดกับร้านขายอุปกรณ์เวทมนต์ด้วย จะพาเพื่อนมาก็ได้ ด้วยรักจากพี่
                                 อาชวิน’

   ผมหันไปมองกล เขยิบตัวออกให้หมาป่าอ่านข้อความในจดหมายด้วย

   “ก็อย่างที่เห็น ปะ อาบน้ำเสร็จไปแต่งตัวกันดีกว่า เดี๋ยวแวะไปซื้อของให้พี่ชินก่อนถึงเวลานัดด้วย”

   สีหน้ากลไม่อยากทำตามแบบสุดๆ ในเมื่อคนที่นัดดันเป็นอาจารย์ควบตำแหน่งพี่เมีย เลยจำใจต้องแงะตัวเองออกจากร่างเนียนที่แอบมีกล้ามนิดๆ ไปใส่เสื้อผ้าแต่โดยดี เนียนหอมแก้มสักทีเพื่อเป็นสิ่งย้อมใจ ผมหัวเราะกับอาการหมาอิดออด แล้วทักไปบอกลินกับไวไวเรื่องเวลานัดด้วย พลางซัดเลือดที่พี่วินส่งมาให้ไปหนึ่งถุง รู้สึกดีขึ้นเยอะ

   รอบนี้ผมกับกลเดินตลาดในร่างคน ไม่รู้เป็นดวงสมพงษ์หรืออะไรกันแน่ ของที่ผมถูกใจดันเป็นของจากร้านเดียวกับครั้งที่แล้ว ลุงแกมองพวกผมเหมือนไม่อยากเชื่อ

   “เฮ้ยไอหนุ่ม ค้างคาวกับหมาป่าตอนนั้นใช่มั้ย ฉันเห็นพวกนายแข่งแล้วโคตรเจ๋งเลย”

   ผมรีบถลาไปตระครุบปากพ่อค้า ไม่งั้นเดี๋ยวการเดินช้อปของพวกผมไม่สงบสุขพอดี หลายคนเริ่มมองมาแล้วด้วย การแข่งครั้งนั้นมีตั้งหลายสิบจอ ทำไมถึงมาดูแต่จอที่พวกผมอยู่ก็ไม่รู้

   “ชู่ว เบาๆ สิ พวกผมแค่ผู้เล่นไม่ใช่ดารา ผมเอาชิ้นนี้นะ ราคาเท่าไหร่” ผมหยิบเจ้าของที่หมายตาไว้ยกชูให้ลุงแกดู

   “เอ็งหนิซื้อแต่พวกเครื่องประดับไม่เพิ่มสถานะอะไรเลยนะ เอ้า เท่าเดิมแล้วกัน”

   ผมยิ้มกว้าง หยิบถุงเงินจ่ายให้ลุง ไม่รอให้แกชวนคุยอะไรต่อ รีบลากกลเผ่นจากร้านไปดูของอย่างอื่นแทน มื้อเที่ยวเราซื้อของกินแถวนั้นนั่งทานแบบง่ายๆ ผมเดินตลาดจนเริ่มเบื่อเลยชวนกลไปทัวร์รอบเมืองดูผู้เล่นคนอื่นๆ แทน ไม่คิดจะกลับไปที่ฮอลล์กลางแจ้งตอนนี้เด็ดขาด

   “เหมือนเรามาเดทกันเลยแฮะ แม้จะแค่ไหนเกมก็เถอะ”
   
   คนหัวทอง ดวงตากลับเป็นสีเทาตามเดิม พึมพำระหว่างนั่งเล่นตรงน้ำพุ กลละสายตาจากการมองไล่คนชาวบ้านไม่ให้เข้ามารบกวนเวลาส่วนตัวมามองคนข้างกาย

   “เพิ่งรู้ตัว? ไว้เราไปเดทกันในโลกจริงกันที่หลัง ที่ไหนดี? ถ้าให้ฉันเสนอ ฉันชอบบนเตียงมากที่สุด...”

   เสียงหัวเราะในลำคอถ้าผู้หญิงได้ยินคงละลาย แต่กับคนที่เริ่มรู้นิสัยอีกฝ่ายดี คิดว่ามันเป็นสัญญาณเตือนภัยมากกว่า ศอกแหลมๆ จัดใส่พุงแข็งๆ

   “เก็บอาการหน่อยมั้ย” ผมกรอกตามองดวงตาคมที่พราวระยับ หางส่ายไปมาแลดูชั่วร้ายเหมือนกำลังล่อลวงเหยื่อตัวน้อยๆ ให้ติดกับ เสียดาย ผมไม่ใช่ลูกแกะ ลูกกวาง ลูกแมวที่ไหน เป็นแวมไพร์ตัวร้ายที่พร้อมจะโดดงับคอได้ทุกเมื่อ

   คนตัวขาวยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แล้วงับกระเดือกคนตัวสูงด้วยริมฝีปาก สัมผัสนุ่มเปียกชื้นทำให้หมาป่าสะดุ้งหูตั้ง ดันอีกฝ่ายออก จับไหล่สองข้างแน่น ยึดไม่ให้เข้ามาใกล้ตัวเองอีก ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องเขม็งเอาเรื่อง ผมมีหรือจะสน หัวเราะเบิกบานได้เอาคืนหมาหื่นด้วยความหื่นกว่า

   กลกระซิบเสียงรอดไรฟันขู่

   “ขอบคุณพี่ชายนายด้วยที่เอาระบบความรู้สึกแบบนั้นออก ลองนายทำในโลกจริงสิ ได้เห็นดีกันแน่”

   ผมเลิกคิ้วใส่กวนๆ กลทำอะไรไม่ได้ คว้าผมเข้าไปฟัดล็อกคอด้วยแขนเล่นหยอกกันไปกันมาอยู่ตรงน้ำพุเป็นที่อิจฉาของคนเดินผ่านไปผ่านมา หลังจากนี้ไม่ต้องคิดมาก แค่หมาป่าไล่กวดแวมไพร์ที่บินหนีไปเกือบทั่วเมือง กว่าจะเลิกเล่นกันได้ ใกล้เวลานัดพอดี

   ผมยอมบินลงมาเกาะหลังกลแล้วเก็บปีก ให้หมาป่าเนวิเกเตอร์นำทาง นัดเจอกับพวกไวไวที่หน้าร้าน ร้านที่นัดมีห้องรับรองแบบพิเศษ พอพนักงานร้านเห็นหน้าผมกับกลก็เดินนำไปยังชั้นบนทันที ภายในถูกจัดแบบเรียบง่าย มีกลิ่นอาหารหอมๆ อบอวนไปทั่ว หลายคนกำลังนั่งทานอยู่ แต่ละโต๊ะจะมีแจกันดอกไม้วางประดับไว้ เห็นว่าดอกไม้จะเปลี่ยนไปตามช่วง ที่สำคัญ เจ้าดอกไม้พวกนี้เป็นส่วนหนึ่งในเมนูอาหารด้วย

   ชั้นบนเป็นทางเดินยาว มีห้องอยู่ด้านซ้ายเพียงฝั่งเดียว เดินผ่านไปถึงห้องที่สี่ พนักงานเปิดประตูออกให้ ด้านในมีพี่วินนั่งรออยู่ก่อนแล้ว มองเลยไปด้านหลังเป็นแม่น้ำ ท้องฟ้า ทุ่งดอกไม้กับพระจันทร์ชัดแจ๋ว โต๊ะยาวตรงกลางเป็นโต๊ะเตี้ยแบบนั่งพื้น

   พี่วินกับพี่ชิน สองคนนี้มาในรูปแบบของผู้เล่น ผมถลาเข้าไปกอดหางพี่ชินเป็นอันดับแรก เจ้าตัวแบมือยื่นมาตรงหน้าผม ผมหัวเราะหยิบของฝากวางให้ มันเป็นต่างหูข้างเดียว กระพรวนลูกเล็กสีเงินๆ คิดว่าน่าจะเหมาะกับพี่ชินในเวอชั่นจิ้งจอกหนุ่ม

   “ขอบใจนะ” มือหนาลูบหัว ใส่ต่างหูทันที เหมาะอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย
   
   “พี่วินนัดมาแบบนี้มีอะไรรึเปล่าครับ” ไวไวในคราบกระต่ายโจ๊กเกอร์นั่งลงพร้อมกับลิน ถามถึงจุดประสงค์ของคนเชิญ ในเมื่อปกติถ้าเจ้าตัวคิดจะไปหาน้องชายหรือมีเรื่องคุย ก็โผล่ไปหาเอง ไม่ต้องนัดกันออกมาเจอแบบนี้

   “หาเรื่องกินร้านหรูๆ อีกเหตุผลคือ มีคนขอมาน่ะ”
   
   ทุกคนมองไปทางประตูเป็นตาเดียว คนที่เปิดเข้ามาคือพี่อินตามมาด้วยผู้ชายและผู้หญิงสามคน แสนคุ้นหน้า จะไม่ให้คุ้นได้ยังไง เพิ่งเจอกันในสนามวันนี้!

   “เฮ้ย!”

   “หวัดดีจ้า”

   ไวไวร้องอุทานชี้ไปทางผู้หญิงแต่งชุดเหมือนอลิสในแดนมหัศจรรย์ ผมกับกลจ้องเขม็งไปทางผู้ชายอีกสองคน กระทั่งทุกคนนั่งที่เรียบร้อยกันหมด คนนั่งหัวโต๊ะเริ่มแนะนำตัวแต่ละคน

   “จิ้งจอกตรงนั้นพวกนายน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว หัวทองนั้นน้องชายฉัน ไอหมาป่าคือลูกศิษย์ กระต่ายกับพ่อมดนั่นเป็นเพื่อนของน้องชายฉัน ส่วนทางนู่น ไอเด็กตาขวางตัวโตชื่อทัต หลานของอินทรี อีกสองคนเพื่อนเจ้าตัว”

   ผมยกมือหลังจากพี่ชายแนะนำเสร็จแบบส่งๆ ยังไงชอบกล

   “เดี๋ยวพี่ แนะนำแค่นี้เรอะ”

   “ใช่ รู้จักกันไว้ แค่นี้พอรึยังอิน”

   ไม่รู้สองคนนี้ไปตกลงอะไรกันไว้ ชายร่างสูงพยักหน้ารับดูจอารมณ์ดี พี่ชินแอบกระซิบบอกผมว่า สิ่งที่อินขอแทนการช่วยเหลือตอนลุยดันเจี้ยนเกาะก่อนหน้านี้คือพาพวกผมมาแนะนำให้รู้จักกับหลานชาย ต่อจากนี้คงไม่ต้องเดา พี่อินถูกนายทัตขอมาอีกทีแหงๆ

   ผู้ใหญ่หันไปคุยกันเอง ถึงคราวรุ่นๆ อย่างเราแนะนำตัวกันบ้าง ผมจนใจบอกชื่อตัวเองไป แนะนำกล ไวไว ลินแถมไปด้วย ทางนั้นแนะนำตัวอีกครั้ง ทัตหลานพี่อิน นักเวทหนุ่มหน้าสวยที่มองกลตลอดชื่อน้ำ ผู้หญิงหนึ่งเดียวของฝั่งนั้น จ้องลินคล้ายจะจับตัวกลับไปให้ได้ชื่ออลิส

   การนัดพบกันคราวนี้อึดอัดเบาๆ สิ่งที่เห็นชัดเจนคือทัตยังจ้องผมอยู่ น้ำดูสนใจกล อลิสแทบจะกลืนกินลิน และไวไวผู้ถูกทอดทิ้ง ผมไหลไปหาพวกพี่ๆ ซะเป็นส่วนใหญ่ ไม่อยากอยู่ตรงกลางการสาดสายตาระหว่างเหยี่ยวกับหมาป่า เหมือนไมเกรนจะกินเบาๆ

   มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนในความคิดพวกเราสี่คนแบบไม่ต้องนัดกันล่วงหน้าคือ จบการแข่งขันกิลด์ครั้งนี้ จะรีบเผ่นออกจากเมืองหลวงไปผจญภัยโลกกว้าง หนีสามตัวไม่น่าไว้ใจ

   ก่อนกลับ พี่วินกับพี่ชินรั้งตัวผมไว้ พี่อินหนีไปเฝ้าเรือตามเดิม พวกที่เหลือคล้ายนัดแนะกันทางสายตา ขอตัวออกไปคุยกันด้านนอก จากสีหน้าสบายๆ ของพี่วิน จู่ๆ เปลี่ยนเป็นซีเรียสขึ้นมาจนผมกับไวไวยังแปลกใจ สองมือประสานตรงหน้า มองผมนิ่ง แววตาแฝงความเป็นห่วงไว้

   “ความจริงพี่นัดเราเจอไม่ใช่เพราะเรื่องคำขอของอินอย่างเดียว พี่อยากจะเตือนเราไว้ มีโอกาสเป็นไปได้สูง ที่เป้าหมายของพวกนั้นคือเรา”

   “หมายความว่ายังไงพี่ ผมที่ไม่มีความสามารถโดดเด่นอะไรเลยอะนะ พี่เข้าใจผิดป่าว” ผมพูดแบบไม่อยากจะเชื่อ ถ้าจะจับตัวกลไปใช้งานค่อยว่าไปอย่าง

   “ทีแรกพี่ก็คิดแบบนั้น จนกระทั่งพี่รู้ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องราวพวกนี้ทั้งหมด”
   
   “ทั้งหมด?” คนฟังเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย พี่วินกำลังพูดเรื่องคนที่สะกดรอยตามผมกับกลรึเปล่า ทำไมฟังแล้วราวกับว่าคนพวกนั้นไม่ใช่แค่สะกดรอยตามเราอย่างเดียว แต่ทำเรื่องอื่นด้วย

   “อ้าว เจ้าหนูหมาป่านั่นเล่าให้ฟังแล้วไม่ใช่เหรอ เรื่องที่พวกมันขายของเถื่อนคิดทำลายความเชื่อใจของผู้ใช้โลกจำลอง” พี่ชินเสริมขึ้นมา ผมยิ่งตาโต

   “ห๊ะ! ของเถื่อน ผมรู้แค่ว่าพวกมันทำอะไรสักอย่างแต่ไม่รู้ลึกถึงขนาดนั้น นี่ผมชักงงแล้วนะ ตกลงมันยังไงกันแน่ แล้วพวกของเถื่อนมันเกี่ยวอะไรกับพวกสะกดรอยตามล่ะ”

   สองพี่ชายมองหน้ากัน พี่วินเงียบจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง พี่ชินเลยรับหน้าที่อธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ผมฟังแทน

   “พี่จะสรุปแบบให้เข้าใจง่ายๆ เลยแล้วกัน ไม่ว่าจะคนขายของเถื่อนหรือกลุ่มคนที่สะกดรอยตาม พวกนั้นมีเจ้านายคนเดียวกัน เป้าหมายของเจ้านั่นคือวิน ทีนี้ลองคิดดู ระหว่างกลที่เพิ่งมาเป็นลูกศิษย์ไม่นาน มีแค่คนในไม่กี่คนที่รู้ กับวัตที่เป็นน้องชายเพียงคนเดียว มันคิดจะจับคนไหน”

   “ผม...พวกมันต้องการตัวผม...” เรื่องพี่วินเป็นพวกรักน้องไม่ใช่ความลับอะไร ทุกคนที่รู้จักพี่วินย่อมรู้ดีแม้จะไม่เคยเจอผมก็ตาม ถ้าเป้าหมายพวกมันคือพี่วินแล้วล่ะก็ คนที่มันต้องการตัวน่าจะเป็นผมนี่แหละ ส่วนกล แค่บังเอิญอยู่ด้วยกันเวลานั้นพอดี

   “เดี๋ยว ทำไมพวกพี่ถึงมั่นใจนักว่าเป้าหมายพวกมันคือพี่วินล่ะ”

   คราวนี้พี่วินเป็นฝ่ายตอบ มองผมด้วยแววตานิ่งสงบ กับรอยยิ้มใจดีเหมือนทุกที

   “ตอนนี้พี่ยังบอกไม่ได้ เอาไว้ทุกอย่างชัดเจนมากกว่านี้ พี่จะเล่าให้ฟังนะ”

   ผมพยักหน้ารับเงียบๆ หวังว่าผมจะได้ร่วมการแข่งกิลด์ไปได้ตลอดรอดฝั่งนะ สังหรณ์ใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 19:56:46 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
งานนี้น่าสนุก....ไม่รู้จะมีตัวป่วนโผล่มารึเปล่านะ

ปอลิง..คนเขียนลืมเปลี่ยนหัวกระทู้นะงับ

ออฟไลน์ Smirnoff

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
โอ้ยยย ลินน่ารักอะ  งือออออ เป็นคู่นอร์มอลที่ป่วงและคิ้วท์มาก 555555555555555

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
กลแค่คิดจะกดเจ้าของยังไม่พอสินะ ส่้งแมวมากดแมวด้วยยยย :hao6: :hao7:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
อะหืออออออ คู่นี้เป็นแฟนกันละมุ้งมิ้งเลยนะ
ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง
รอตอนต่อไปเนอะ

ออฟไลน์ oss_tw

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อดใจรอตอนต่อไป

มาต่อเร็วๆนะคะ

  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
กลนอกจากหวังจะกดเจ้าของเเมวแล้วยังส่งแมวมากดแมวอีกด้วยหรอออ :hao6: :hao7:

ออฟไลน์ zakimi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
ฮุฮุ  รอตอนต่อไปเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ INNAOM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นั่งอ่านจนติด รอนะคะรีบมาต่อด่วน  :m13: :m13:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
รอๆๆๆ ตอนนี้มันคืออินโทร รอตอนปะฉะดะ เย้!!!

ปล. นุ้งแมวน่าร๊ากกกกกกก แอบสงสารนายท่านเอาๆ แต่ก้อเหนๆอ่ะว่าขุนพลอ่ะชนะอยู่แร้น ชื่อก้อบอก 55555

ออฟไลน์ MinorMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
ขุนพลกับนายท่านจะมีซัมติงรองมั้ยเนี่ย 5555

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.23 ของข้าใครอย่าแตะ

   บรรยากาศในห้องกำลังเคร่งเครียด บรรยากาศนอกร้านเองก็เคร่งเครียดไม่แพ้กัน สองฝั่งยืนประจันหน้า สามต่อสาม คนเดินผ่านไปมานึกว่าพวกนี้จะซัดกันแล้วซะอีก ที่ไหนได้แค่ยืนจ้องหน้าเท่านั้นเลยละความสนใจไป

   เห็นภายนอกนิ่งๆ ใครจะรู้ว่าในใจแต่ละคนคิดอะไรอยู่ แต่ที่แน่ๆ ไวไวคิดในใจ ทำไม่เขาต้องมายืนอะไรตรงนี้แทนที่จะเข้าไปกินอาหารอร่อยข้างในด้วยเนี่ย

   “เรียกพวกฉันออกมามีอะไร พูดมาสักที” ทัตเป็นฝ่ายทนไม่ไหวกับไอ้หน้านิ่ง เริ่มบทสนทนาก่อน

   “ชอบวัต?” สั้นมาก เป็นคำถามที่สั้นจนคนไม่ชินอย่างน้ำกับอลิสต้องหันขวับไปมองเป็นตาเดียว ลินไวไวยักไหล่คล้ายจะบอกนี้แหละปกติเจ้าตัว ทัตหรี่ตา ยกยิ้มกวนอวัยวะเบื้องล่างมากมายในความคิดของคนมอง ถ้ากลมันกระโดดถีบหน้าจะไม่สงสัยเลยจริงๆ

   “ใช่ แล้วยังไง นายเป็นเจ้าของรึไง ไม่เห็นติดชื่อไว้หนิ”

   เหยี่ยวหนุ่มรู้เต็มอกว่าคนที่ตัวเองสนใจคงแห้วแบบของแท้ ในเมื่อเจ้าของตัวจริงยืนแผ่รังสีอำมหิตอยู่ตรงหน้า แวมไพร์คนนั้นเองก็ไม่เปิดโอกาสให้เลย แต่คนมันพาลอะ มีปัญหาอะไรมั้ย ถึงจะแดกแห้วเหมือนอาตัวเอง ก็อยากแพ้อย่างมีคุณภาพ ป่วนประสาทให้หมามันคลั่งหน่อยแล้วกัน หึ!

   หมาป่าหนุ่มเองก็ไม่โง่ เขามองปราดเดียวรู้แล้วว่าอีกฝ่ายยอมรับว่าตัวเองแพ้ คิ้วเข้มเลิกขึ้นมองก่อนยกยิ้มมุมปาก นับถืออีกฝ่ายนิดหน่อย ที่ยอมรับความจริงง่ายๆ แต่หลังจากนี้เขาคงต้องไปฝากตัวเป็นศิษย์จิ้งจอกอีกคน เอาไว้รับมือพวกนกจอมพาล

   “ติดไม่ติดใครเป็นเจ้าของ คิดว่านายคงรู้อยู่แก่ใจ ถ้านายเป็นพวกซาดิสต์ อยากดูคนอื่นรักกันให้บาดตาเล่นก็เชิญตามสบาย แต่จำไว้อย่างหนึ่ง เขาเป็นของฉัน ต่อให้ฉันไม่ทำอะไร เขาก็ไม่มีวันไปหานาย”

   วาจาเรียบง่ายแต่บาดลึกเข้ากลางใจ ทัตกัดฟันพยายามอย่างหนักที่จะไปซัดหน้านิ่งแต่กวนอารมณ์ สำหรับกล เขาลงทุนพูดยาวๆ เพื่อจะบอกอีกฝ่ายให้ชัดเจนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนี้จะไม่มีการพูดคุยอะไรอีก เขาไม่คิดไว้หน้าคนที่มายุ่งกับคนสำคัญของตัวเอง
   
   ทัตไม่ทันได้พูดอะไร กลหันไปทางน้ำต่อ

   “ฉันไม่สนใจนาย”

   กลายเป็นน้ำที่เบิกตากว้างมองคนตรงหน้าแบบอึ้งๆ เจ้าหมาป่าปากสมเผ่าหันหลังกลับเดินล้วงกระเป๋าเข้าร้านไปซะชิบ ทิ้งให้ไวไวกับลินส่ายหน้าด้วยความปลง นี้แหละคือสิ่งที่กลเป็นเวลาไม่มีวัตอยู่ด้วย ตั้งแต่แรกเจอ เขาดีกับวัตที่ตัวเองสนใจเพียงคนเดียวเท่านั้น นิสัยแท้จริงทั้งนิ่งเฉย เย็นชา ไม่ค่อยสนใครเท่าไหร่

   ลึกๆ แล้ว พวกเขารู้ดีว่ากลเองมีส่วนที่ใจดีเหมือนกัน เพียงแค่มันไม่ค่อยโผล่ หรือจะโผล่ก็มาแบบเงียบๆ ทำให้โดยไม่ต้องขอ และไม่ป่าวประกาศให้โลกรับรู้ อย่างช่วงเก็บเลเวลกันเป็นทีม กลจะคอยแบ่งของให้ ชิ้นไหนมีประโยชน์กับใครมากที่สุดก็จะให้คนนั้น บางครั้งไม่รู้นึกคึกอะไร เดินมาแนะนำด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แล้วจากไป...

   “ร้ายกาจจริงๆ ยังดีที่ฉันแค่ติดใจรูปร่างหน้าตาของเขา ถ้าฉันชอบเขาจริงๆ คงรู้สึกผิดต่อตัวเองไปชั่วชีวิต”

   น้ำพึมพำเจือด้วยเสียงหัวเราะ ทัตใบหน้าบึ้งตึงไม่สบอารมณ์แล้วสะบัดหน้าเดินแยกไปอีกทางไม่คิดกลับเข้าร้าน

   “ไอ้ดำนั่นมันมีอะไรน่าชอบกัน ดีแค่หน้าตา” ดูคุณชายท่านจะเคืองจัด น้ำยักไหล่เดิมตามเพื่อนไป ปล่อยให้อลิสยืนมองไวไวสลับกับลินที่หลุดขำพรืดออกมา

   ตั้งแต่เล่นเกมจนมาถึงตอนนี้ ยังไม่เคยมีใครด่ากลว่าดำเลยสักครั้ง อันที่จริงเขาเรียกผิวเข้ม แต่จะบอกว่าดำก็ไม่ผิดนักหรอก ติดที่ว่า ดันดำแล้วเสือกดูดี เข้ากับบุคลิกท่าทางและรูปร่างหน้าตาสุดๆ เลยทำให้ดูเหมือนผู้ชายหล่อมาดเข้ม ถ้าวัตได้ยินสิ่งที่ทัตพูด คงกุมท้องหัวเราะกลิ้งแบบไม่สำนึกว่าตัวเองน่ะแหละ คนแปลกที่ดันชอบของดำ

   “พวกนั้นอะไรก็ไม่รู้ อลิสไม่เห็นเข้าใจ ช่างเถอะ คุณชายขายหมวก สนใจไปเดินทางกับพวกอลิสมั้ยจ๊ะ”

   อลิสเกาะแขนลินด้วยรอยยิ้มกว้าง ลินถอยหลังคว้ากระต่ายไร้บทเข้ามาเป็นไม้กันอลิส

   “ไม่มีทาง ฉันมีไวไวอยู่แล้ว ไม่คิดเผื่อตาไปมองใครหรอก ฉันทำอะไรฉันรับผิดชอบนะ!”

   หญิงสาวเอียงคอสงสัยกับรูปประโยคของพ่อมดหนุ่ม ไวไวนึกอยากเอาเท้ามาก่ายหน้าผาก ของคุณที่ตัวเองใส่หน้ากากไว้ ทำให้ไม่มีใครเห็นสีหน้าของเขาในเวลานี้ ทั้งอาย ทั้งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และไม่สบอารมณ์ ไม่ได้หงุดหงิดลิน แต่โกรธตัวเองที่ยอม ผีอะไรมันเข้าสิงตูวะเนี่ย ไวไวเครียด!

   “ทั้งสองคนคบกันอยู่เหรอ”

   “ใช่ พวกเรารักกันม๊ากมากด้วย ถ้าไม่เชื่อจะพิสูจน์ให้ดูเลยก็ได้”

   เหมือนพ่อมดบางคนจะเริ่มหมดความอดทนกับลูกตื้อของแม่นางอลิส

   “ไหนๆ อลิสอยากเห็น เอาเลยๆ”

   อีกคนแทนที่จะอึ้งหรือช็อก ดันตรบมือชอบใจเชียร์ให้ลินพิสูจน์ กระต่ายหัวเน่า ชักอยากให้ตัวเองไร้บทต่อไป มองหน้าลินแบบหวาดๆ วิธีมันต้องไม่ธรรมดาแน่

   พ่อมดหนุ่มคว้าอีกคนเข้ามาใกล้ ถอดหน้ากากออกแบบไม่ถงไม่ถามสุขภาพสักคำ แล้วประกบปากจูบดังจ๊วฟ เสียงดังฟังชัด คนโดนขโมยจูบแวบแรกอึ้ง ต่อมามีอารมณ์บ้าเข้ามาผลักดัน ยังไงเขาก็ผู้ชายทั้งแท่ง ปล่อยให้ผู้หญิง(ในร่างชาย) รุกฝ่ายเดียวได้ยังไง

   สองมือกระต่ายถึก จัดแจงประกบหน้าพ่อมดหนุ่ม เอียงหน้าให้ได้องสา จัดการรุกกลับแบบไม่มีอ่อนข้อ ฝ่ายโดนต้อนเริ่มมึนงงซะเอง กระทั่งผละหน้าออกจากกัน น้ำใสเป็นเส้นเชื่อม ไวไวเลียริมฝีปาก ถือได้ว่าไม่เลว ต่อให้อีกฝ่ายเป็นผู้ชายก็ตาม

   ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ สองคนมองสบตากันลึกซึ้ง หนึ่งสาวผู้ถูกกันอยู่วงนอก ยกสองมือปิดปากด้วยความช็อก จ้องมองภาพเบื้องหน้า ส่ายหัวไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็น

   “กรี๊ดดด เป็นแบบนี้ก็ไม่บอก อลิสชอบยิ่งกว่าเดิมอีก! ขอเหมาสองเลยคร้า~” เสียงกรี๊ดเบาๆ ดังมากจากหญิงสาว ร่างเล็กโผเข้ามาเกาะแขนทั้งคู่ ลินสติกลับเข้าร่างมองผู้หญิงที่เกาะแขนตัวเอง ไวไวยักไหล่คล้ายกับจะปลงกับสิ่งที่เกิดขึ้น สรุป จากศึกชิงนาย กลายเป็นเสียงหัวเราะ


   การแข่งขันรอบต่อไปเริ่มต้นขึ้นในวันต่อมา จากการแข่งเมื่อวาน หลายทีมตกรอบไป เหลือพวกที่ผ่านจับคู่ต่อสู้กันต่อตามตารางที่ทางเกมส่งมาให้ผู้เข้าร่วม ซึ่งปัจจุบัน เหลือเพียงแค่ 50 กิลด์เท่านั้น

   กิลด์ดาร์กเนสที่พวกวัตอยู่เปลี่ยนแผนเล็กน้อย แบ่งพวกเฝ้าฐานส่วนหนึ่ง ที่เหลือลุยด้านหน้า จัดการผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม เน้นกำจัดผู้เล่นมากกว่าทำลายฐาน ผลจากการฆ่าล้างบางรอบที่ผ่านมา

   แทบหน้าสุดคือกลุ่มคนที่มีพลังป้องกันสูง คอยรับดาเมจจากศัตรูแทนพวกพ้อง ถัดมาเป็นพวกโจมตีระยะใกล้ ที่จะสลับโจมตีฝ่ายตรงข้ามและหลบมาอยู่หลังพวกป้องกัน ให้พวกนักเวท ธนู สายโจมตีระยะไกลจัดการระหว่างฟื้นพลังจากสกิลของพวกนักบวชที่อยู่โซนหลัง ประกบด้วยสายป้องกันบางส่วน เผื่อในยามฉุกเฉิน เมื่อศัตรูลอบเข้ามาจากทางด้านหลังที่มีแต่พวกพลังป้องกันน้อย

   กลุ่มปาร์ตี้ของวัต จัดอยู่ในส่วนสายป่วน คอยทำให้ฝั่งตรงข้ามเสียขบวน เคลื่อนไหวไปรอบๆ สนาม ไหมเรียกทุกคนมาคุยอีกครั้งก่อนเริ่มการแข่งขัน ตรงจุดฐาน จำลองเหมือนแท่นขึ้นมา เหนือแท่นมีคริสตัล เปรียบเสมือนหัวใจของฐาน ถ้าคริสตัลถูกทำลายจะแพ้ทันที

   “ทำตามแผนการที่วางไว้ เปลี่ยนรูปขบวนไปเรื่อยๆ อย่ารวมตัวกันอยู่แค่ตรงกลางอย่างเดียว ไม่งั้นเราจะถูกล้อม…”

   ผมยืนฟังพี่กาลหัวหน้ากิลด์ทวนแผนการอีกครั้งก่อนเริ่มการแข่ง รอบนี้หนักกว่ารอบที่แล้ว เพราะสนามมีเพียงลานโล่งกว้าง และแท่นคริสตัลของทั้งสองฝั่ง อยู่สุดขอบสนามทั้งสองด้าน แถมหลังจากนี้สนามจะถูกเปลี่ยนให้เป็นแบบนี้หมด เปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายซัดกันแบบเต็มๆ

   ขอบรรยายถึงกิลด์พี่กาลญาติของกลหน่อยแล้วกัน กิลด์ดาร์กเนส ถูกตั้งมาตั้งแต่สมัยเกมเปิดใหม่ๆ ส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน ไม่ค่อยได้เข้ามาเล่นตลอด แต่มีกำลังคนแข็งแกร่งจนน่าตกใจ ถือเป็นกิลด์อันดับต้นๆ ของเกมในขณะนี้ ประมาณว่าเดินไปที่ไหน ใครได้ยินชื่อ ถ้าไม่รู้จักก็ต้องคุ้นหูกันอยู่บ้าง

   ฝั่งตรงข้ามไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เป็นกิลด์ที่เพิ่งสร้างได้ไม่นาน คิดว่างานนี้คงไม่ลำบากอะไรนัก ยิ่งมีเจ้าพวกนี้มาแทนสมาชิกสามคนที่ขอตัวออกจากการแข่งเพราะติดธุระ

   ผมมองไปทางคนข้างตัว ทัต น้ำ อลิส มากันครบ เจ้าพวกนี้บอกว่า จริงๆ ไม่มีกิลด์อยู่ แต่กิลด์ที่ปะทะไปเมื่อวาน จ้างให้เข้าร่วมเพื่อเพิ่มโอกาสชนะ พอกิลด์นั้นแพ้แล้ว เลยเสนอหน้ามาขออยู่กับพวกเราแทนชั่วคราวเหมือนพวกผม อันที่จริง ผมคิดว่าพวกนี้คงมาหาอะไรสนุกๆ ทำมากกว่า ไหมยินดี พี่กาลแฟนว่าไงว่าตามนั้น แต่น้องญาติผู้น้องของพี่กาลดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ย้อนกลับไปช่วงก่อนเข้าวาป...

   “วันนี้เรามาลุยแหลก ฆ่าให้เรียบ” กระต่ายโจ๊กเกอร์ท่าทางคึกคักอยู่ในกลุ่ม ระหว่างรอประตูวาปเข้าสนามแข่งเปิด

   “กลัวแต่จะโดนพวกระดับสูงๆ ของทางนั้นเชือดเอาสิไม่ว่า อย่าลืม ตอนนี้พวกเราถือเป็นกลุ่มคนเลเวลน้อยนะ” ผมส่ายหัว ขำเจ้ากระต่าย ระหว่างดูสกิลของตัวเองไปพลางๆ คิดทบทวนว่าจะสู้แบบไหนดี

   มือข้างหนึ่งแตะบนไหล่ ผมหันไปเลิกคิ้วมองคนที่เข้ามาทัก พอเห็นว่าใครเป็นอันต้องเบิกตากว้าง เท่านั้นไม่พอ สัญลักษณ์กิลด์ดาร์กเรสบนชุดอีกฝ่ายทำให้ผมอ้าปากค้าง

   “ทัต น้ำ อลิส! ไหงนายมาร่วมกิลด์กับพวกเราได้ล่ะ?” ผมสงสัยจริงๆนะเนี่ย ทัตหัวเราะชอบใจหลังเห็นอาการตกใจจนเว่อของผม ขนาดลินกับไวไวยังหันขวับมามอง

   “ทำหน้าแบบนั้น ไม่อยากให้พวกเรามาร่วมด้วยเหรอ” แววตาของทัตฉายความเสียใจออกมา ผมรีบส่ายหน้าโบกมือพัลวัน ทางอลิสวิ่งร่าไปเกาะแขนพ่อมดกับกระต่ายแล้ว

   “ป่าวๆ แค่สงสัยเฉยๆ พวกนายมากก็ดี จะได้ช่วยกัน”

   “ค่อยยังชั่ว นึกว่านายจะไม่ต้อนรับซะอีก” ทัตสีหน้าโล่งใจ กอดคอผมเหมือนเวลาไวไวมันทำ แค่ในฐานะเพื่อนผมเลยไม่คิดอะไร น้ำที่อยู่ข้างทัตยิ้มนิดๆ ให้เป็นเชิงทักทาย

   “กิลด์เก่าพวกนายล่ะ จะไม่เป็นไรเหรอ”
   
   “พวกเราไม่มีกิลด์อยู่แต่แรกแล้ว พวกนั้นแค่จ้างเราไปช่วยเฉยๆ หมดสัญญาก็แยกย้าย”

   คุณผู้ชมครับ ผมรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่างจากทางด้านหลัง อาจจะมีพลังงานบางอย่างอยู่ ก็ เป็น ได้... มือหนาคว้าแขนที่อยู่ตรงคอผมออก พร้อมย้ายตัวเองมายืนแทรก หางกดต่ำ ดวงตาคมหรี่มอง ทัตยังไม่หุบยิ้ม แถมยักคิ้วกวนๆ ใส่กล ผมเห็นร่างอวตารหมาป่ากับเหยี่ยวตีกันในอากาศ

   เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ ปัจจุบัน ผมต้องมายืนอยู่ตรงกลางระหว่างสัตว์ร้ายสองตัวที่กำลังตีกันทางสายตา ไม่รู้ว่าเมื่อวานไปคุยอะไรกันมาถึงได้ดูเหมือนจะเหม็นขี้หน้ากันมากกว่าเดิม น้ำยิ้มอย่างเดียวดูไม่สะทกสะท้านกับออร่าแสนสะพรึงรอบตัวผมเลยแม้แต่น้อย ทางอลิสตั้งแต่เจอกัน ยังเกาะลินกับไวไวไม่ปล่อย คุยกันอยู่สามคน เอ๊ะ หรือพวกนั้นจะ 3P?

   “ทุกคนประจำที่”

   พี่กาลประกาศด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น เจ้าตัวรับหน้าที่เป็นคนเฝ้าฐานคู่กับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งและภรรยาคนสวยซัพพอตอยู่ด้านหลัง ผมลากแขนหมาป่ากับเหยี่ยวไปประจำตำแหน่งของตัวเอง ที่เหลือเดินตามมายืนประจันหน้ากับฝ่ายตรงข้าม

   พวกนั้นจ้องกลุ่มผมตาเขม็ง คาดว่าจะถูกกำจัดเป็นพวกแรกแหงๆ เพราะความสามารถของผมมันป่วนสนามแบบสุดๆ สองหมาป่าเหยี่ยวเลิกตีกัน ยืนเป็นองครักษ์ซ้ายขวา กลหยิบกรงเล็บขึ้นมาใส่ ทัตเรียกดาบสองมือเตรียมพร้อม ไวไวหมุนไม้เท้าเตรียมไฝว้ ลินมือข้างหนึ่งถือดาบ อีกข้างถือคทาน่ากลัวหลาย น้ำถือสมุดหนังสือปกสีขาวขอบทอง อลิสกำมีดคมเงาวับสองมือ และผมยืนหล่อเฉยๆ

   “3 2 1 เริ่มได้!!”

   เสียงประกาศสุดคลาสสิกพร้อมการออกตัวลุยของทั้งสองฝั่ง แสงสกิลเสียงตะโกนดังโหวกเหวก

   “ในนามของข้าผู้อยู่ใต้บัญชาแห่งเงามืด ขอสาปแช่งเป้าหมายให้ตกอยู่ในความมืดมิด… Eye Night!”

   แสงสว่างสีดำพุ่งเข้าใส่ร่างผมกับกล มันเป็นสกิลเดียวกับที่ลินเคยใช้ ทำให้ผมกับกลเห็นทุกอย่างรอบกายเป็นเวลากลางคืน ค่าพลังของพวกเราเพิ่มสูงขึ้นอีกเท่าหนึ่ง หากเป็นคนปกติโดน มันจะกลายเป็นอุปสรรค์ในการต่อสู้มาก รอยยิ้มแสยะปรากฏบนเรียวปาก เพียงสะบัดมือครั้งเดียว เงามีดทั้งเจ็ดเผยโฉมรอบกายเป็นวงกลม

   “เจ็ดจันทร์เสี้ยว ลุย!”

   ผมชี้ไปทางด้านหน้า เงามีดทั้งเจ็ดหายไป พร้อมๆ กับศัตรูรอบตัวเกิดบาดแผลน้อยใหญ่ตามตัวมากมาย พลังโจมตีไม่มาก แต่สิ่งที่ได้รับหนักหนาจนหลายคนชักหน้าเครียด ผมใส่สถานะให้มีดสี่เล่มโจมตีเต็มกำลังและทำให้ผู้ที่โดนโจมตีติดสถานะเลือดลดทุกๆ หนึ่งวินาที อีกสองเล่มคอยปัดป้องการโจมตีไม่ให้เข้ามาถึงตัวผม ส่วนเล่มสุดท้าย คอยดูดเลือดฝั่งตรงข้ามให้ผมรวมพลังในการใช้สกิลอื่น

   เคียวสีแดงโลหิตถูกเรียกออกมา มือขาวซีดจับเคียวเป็นแนวนอน ก่อนหมุนแยกออกมีโซ่เป็นจุดเชื่อม พร้อมด้ามจับที่กลายเป็นเคียวอีกเล่ม อาวุธเปลี่ยนเป็นเคียวเล็กสองมือ

   “ฆ่าแวมไพร์ตัวนั้นเร็ว!”

   ก่อนที่อาวุธและพลังเวททั้งหมดจะโดนตัว ร่างที่ยืนอยู่หายไปในชั่วพริบตา หลายคนหันไปมองทางหมาป่า คิดว่าน่าจะใช้สกิลอะไรบางอย่างเหมือนกับการแข่งก่อนหน้านี้ หมาป่าหนุ่มใบหน้าเรียบเฉย ไม่แม้แต่จะชายตามองพลางซัดศัตรูจนปลิวไปอีกทาง

   คนที่ทุกคนกำลังมองหาไม่ได้อยู่กับหมาป่าอย่างที่คิด เงาร่างนั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วเข้าโจมตีศัตรูทางด้านหลัง เพียงไม่นาน ทุกคนติดสถานะเลือดลด แถมยังถูกดูดเลือดไปบางส่วนด้วยมีดและเคียว

   นักบวชฝั่งตรงข้าม พยายามใช้สกิลแสงในการโจมตีแวมไพร์กับหมาป่าที่เป็นสายความมืด ก่อนจะถูกขัดด้วยกระแสลมแรงและขนปีกจากร่างสูงที่บินเหนือหัวทุกคน สองดาบในมือทัต บินพุ่งเข้าโจมตีฝ่ายสนับสนุนเพื่อตัดกำลังฝั่งตรงข้าม เสียงปะทะระหว่างโล่และดาบดังก้อง

   อัศวินร่างสูงใหญ่ถือโล่ปกป้องนักบวชของตัวเองไว้ได้ทัน ทัตสถบขัดใจ โดนโจมตีสวนกลับเลือดลดไปบางส่วน ทันใดได้ อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

   “Cure!....Healing!!”

   หนังสือในมือน้ำส่องแสงสว่างจ้า พร้อมเสียงเรียกใช้สกิลเพิ่มเดียวครั้งเดียวสองสกิล สกิลแรกเพิ่มเลือดให้ทัตเพียงคนเดียว สกิลที่สองสร้างขอบเขตรักษาให้ทุกทุกคนที่อยู่ในวงเวท สีขาวสว่างเรือนรองขึ้นจากพื้น ดีที่ผมกับกลอยู่ปาร์ตี้เดียวกับน้ำ เลยไม่ได้รับความเสียหายจากการถูกสกิลธาตุแสง แต่ก็ไม่ได้รับการเพิ่มเลือดเช่นเดียวกัน

   ผมประกอบเคียวในมือ ยกขึ้นเหนือหัวแล้วหมุนเป็นวงกลม ตะโกนสกิลของตัวเองออกมาบ้าง

   “Blood Heals…”

   เกิดออร่าสีแดงครอบคลุมร่างเพื่อนร่วมกิลด์ที่อยู่ในอาณาเขตของผม จะเรียกว่าเป็นการเพิ่มเลือดแบบทับซ้อนก็ได้ ทุกคนจากที่เลือดลดกลับมาเลือดเต็มเปี่ยมอีกครั้ง ฝ่ายตรงข้ามมีนักบวชแค่คนเดียว เพียงไม่นานก็ถูกพวกเรากำจัด หลังจากนั้นก็ไล่ฆ่าพวกที่เหลือ

   กลกับทัตพุ่งตัวออกไปพร้อมกัน กรงเล็บและดาบฟาดฟันศัตรูอย่างไรปราณี เสียงหัวเราะสนุกสนานจากอลิสที่ร่ายรำมีดในมืออาบย้อมไปด้วยเลือด ด้านซ้ายคือลินใช้ดาบต่อสู้ ปากพึมพำร่ายเวท เรียกทหารโครงกระดูกออกมาร่วมรบ พร้อมสกิลแห่งความมืดโจมตีไม่หยุด ไวไวดูลัลล้า กระโดดหลบสกิลไปมาใช้ไม้เท้าในมือฟัดป้องการโจมตีจากคนอื่น มืออีกข้างกางไพ่เป็นรูปใบพัด พอสะบัดมือส่งไพ่ทั้งหมดไปเบื้องหน้า เสียงระเบิดตูมตามก็ดังขึ้น เรียกได้ว่าวินาทสันตะโร

   แถมยังมีคนอื่นๆ ในกิลช่วยเหลืออีกแรง ศัตรูตรงหน้าเริ่มตายกลายเป็นแสงมากขึ้นเรื่อยๆ เรารุกไล่ไปด้านหน้าล้อมศัตรูที่ยืนรอบฐาน พวกเราแต่ละคนไม่มีใครแตะตั้งคริสตัลเลยแม้แต่น้อย ตั้งอกตั้งใจซัดผู้เล่นด้วยกันอย่างกับแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน

   ถึงพวกนั้นจะเลเวลสูง หรือของดีแค่ไหน เจอโดนรุมยำถือว่ารอดยาก ฝั่งผมนอกจากผม ไวไว ลินแล้ว เลเวลสูงลิบกันหมด พลังโจมตีไม่ต้องพูดถึง ผมเรียกสกิลของตัวเองออกมาใช้รัวเร็ว ปิดท้ายด้วยสกิลที่ผมชอบมากที่สุด

   “ไปเลยสมุนข้า วะฮ่าๆๆ”

   เสียงหัวเราะสะใจ ร่างแวมไพร์กางปีกออกกว้าง ค้างคาวนับร้อยบินออกมาจากปีก ดวงตาสีแดงเสียงเล็กแหลมร้องบาดหู พุ่งเข้าใส่ศัตรูทุกคน ในช่วงที่ผมเผลอ มีธนูกับพลังเวทพุ่งเข้าใส่ ผมเตรียมรับดาเมจเต็มที่ เวลาใช้สกิลปล่อยค้างคาว ทำให้ผมไม่สามารถขยับไปไหนได้ชั่วคราว

   แต่ไม่เป็นแบบที่คิด ธนูถูกตัดทิ้ง พร้อมกับพลังเวทถูกทำลายจนสลายไปด้วยฝีมือของเหยี่ยวกับหมาป่าที่อยู่ขนาบข้างซ้ายขวา ทัตบินมาใช้ดาบในมือทำลายธนูได้ทัน พอๆ กับกลใช้กรงเล็บสลายพลังเวททิ้งไป คนแรกไม่เท่าไหร่ มีปีกบินขึ้นมาได้ ทางคนหลัง ใช้แรงเท้าล้วนๆ กระโดดขึ้นมา พอจะร่วงลงตามแรงโน้มถ่วง เจ้าตัวคว้าแขนเหยี่ยวใกล้มือให้บินต่ำลง แล้วเหยียบหลังแบบไม่เกรงใจ ถีบส่งเพิ่มแรงพุ่งตัวไปด้านหน้า ตวัดกรงเล็บฆ่านักธนูกับนักเวททีเดียวสองคนรวด กลายเป็นแสง แถมคริสตัลที่อยู่ใกล้ๆ แตกละเอียด

   เพล้งง!!   

   “สนามที่37 กิลด์ดาร์กเนสเป็นฝ่ายชนะคร้าบบบ!”

   เสียงประกาศของสนามเราดังไปทั่ว หลายคนถอนหายใจปลง บางคนไมค่อยพอใจที่ไม่ได้จัดการคนอีกกิลด์จนหมดสนาม กลับต้องมาชนะเพราะลูกหลงไปโดนคริสตัลฐานแตกซะก่อน ผมส่ายหัว บินลงมาด้านล่างเก็บปีก เดินเข้าไปหาเพื่อนที่กำลังอารมณ์ค้าง

   “กลมันไม่น่ารีบทำลายคริสตัลเลย ฉันกำลังเก็บแต้มใกล้ชนะลินกับอลิสอยู่แล้วเชียว” ไวไวบ่นงึมงำ

   “คิกคิก อลิสได้ที่หนึ่งล่ะ คุณชายขายหมวกได้ที่สอง คุณกระต่ายเอาที่สามไปแทนนะจ๊ะ”

   “อือหือ ถึงกับมีการแข่งกันฆ่าเกิดขึ้น น่ากลัวจริงๆ พวกนาย” ผมมองทึ่งๆ เจ้าพวกนี้นี่นะ

   “ไม่เท่าสองคนนั้นหรอก แต่ละคนกวาดกันไปหลาย” ลินชี้ไปทางเหยี่ยวกำลังกางปีกขนพองใส่หมาป่าหางฟู ทะเลาะกันอยู่อีกด้าน “พูดถึงแต่คนอื่น ถึงไม่ได้ฆ่าให้ตาย แต่นายเองก็ไม่ใช่น้อยนะวัต” พ่อมดหนุ่มหรี่ตามองแวมไพร์ที่ยิ้มหน้าซื่อตาใสให้ เปลี่ยนเรื่องพูดเฉย

   “การแข่งรอบหน้า ไม่กำหนดว่าต้องมีคนเลเวล 90 อยู่ในทีมซะด้วยสิ อยากลองไปเก็บระดับแถวนี้จัง ชวนพวกนั้นดีกว่า” ผมเนียนทำเป็นไม่เห็นสายตาลินที่ส่งมา เดินเข้าไปแยกศึกหมาป่ากับเหยี่ยวออกจากกัน ทำไมดูไปดูมาเหมือนไก่กำลังจะตีกับหมาบ้านยังไงชอบกล สงสัยผมคงตาฝาด

   “พวกนาย เสร็จจากนี้ยังมีเวลา พาไปทัวร์มอนสเตอร์แถวนี้หน่อยสิ ดันเจี้ยนก็ได้ อยากเก็บระดับอะ”

   ดวงตาสองคู่หันขวับมามอง น้ำยืนยิ้มเหมือนเดิม จะว่าไปผมยังไม่เคยเห็นนักเวทสายซัพพอตคนนี้แสดงสีหน้าอื่นนอกจากยิ้มเลยนะ

   “ได้” กลตอบคำเดียวแล้วนิ่งเงียบไป คงกำลังคิดอยู่ว่าจะพาผมไปทัวร์ที่ไหน

   “เอาสิ ยังไงก็ว่างอยู่ อลิสเองคงไปด้วยอยู่แล้ว นายล่ะน้ำ ไปปะ?” ทัตยังไม่ลืมเพื่อนตัวเอง หันไปหานักเวทประจำตัว

   “พวกนายไปไหน ฉันก็ไปนั่นแหละ”

   “สรุปว่าไปทุกคนนะ ให้กลนำทางแล้วกัน” ผมเรียกพวกไวไวที่อยู่อีกด้านมารวมตัวกัน แล้วบอกลาไหมกับพี่กาลรวมถึงเพื่อนร่วมกิลด์คนอื่นๆ หลังพวกเราออกจากวาปเสร็จ แวะเข้าร้านขายของ ซื้อของตุนบางอย่าง งานนี้ลุยยาวได้ เพราะไหมเองก็คิดว่าจะให้พวกผมไปเก็บเลเวลให้สูงก่อนกลับมาแข่งรอบท้ายๆ เหมือนกัน ระหว่างนี้จะให้คนอื่นๆ ในกิลด์ลงไปก่อน สลับหมุนเวียนกันไป

   ผมเปิดหน้าต่างปาร์ตี้ขึ้นมาเช็ค

   หัวหน้าปาร์ตี้ วัต คำสาปแวมไพร์ Lv.94
   สมาชิกทีม กล คำสาปหมาป่า Lv.??
   สมาชิกทีม ไวไว คำสาปกระต่าย Lv.93
   สมาชิกทีม ลิน คำสาปพ่อมดมืด Lv.96
   สมาชิกทีม ทัต คำสาปเหยี่ยว Lv.160
   สมาชิกทีม น้ำ คำสาปผู้ใช้สมุด Lv.157
   สมาชิกทีม อลิส คำสาปอลิซ อิน วันเดอร์แลนด์ Lv.158

   ทุกคนเลเวลสูงกันหมดเลยแฮะ มีแค่ผม ลิน ไวไวสามคนที่ยังระดับน้อยนิด

   “กล ตอนนี้มันตันเท่าไหร่แล้ว?” ผมเปลี่ยนร่างตัวเองเป็นค้างคาว บินไปซุกอยู่ในขนตรงคอเสื้อกลเหมือนทุกที หมาป่าก้มลงมองเล็กน้อย

   “200 อยากเก็บเวล?”

   “อื้อ! อยากให้เยอะที่สุดเท่าที่ทำได้ก่อนการแข่งรอบต่อไป”

   “เดี๋ยวฉันพาเก็บเอง” น้ำเสียงที่คุยกับผมช่างแตกต่างกับเวลาคุยกับคนอื่นจริงๆ ผมถูตัวกลมๆ กับลำคออีกฝ่าย กลยกมือขึ้นมาลูบเบาๆ พร้อมยื่นถุงเลือดให้ผมกินหลังจากเพิ่งออกแรงไปในสนาม มือเล็กจับถุงเลือดที่อีกคนช่วยประคองให้ เสียงดูดจ๊วบๆ ดังข้างหู ทัตมองค้างคาวตัวกลมบนไหล่หมาป่าด้วยความอิจฉา

   “ฮัลโหลพวกนาย ออกมาจากโลกนี้มีเพียงเราสองก่อน พวกฉันซื้อของเสร็จแล้ว จะออกเดินทางเลยมั้ย”

   ไวไวป้องปากพูดขึ้นกลางวง แต่ละคนเสบียงตุนในกระเป๋าเต็มอัตรา ลินหยิบแผนที่ ที่แวะซื้อมาเมื่อครู่ ออกมากางดูพลางถาม

   “นายจะพาไปที่ไหนกล”

   “นั่นสิ แถวนี้มีหลายที่น่าสนใจอยู่ แต่ไม่คิดว่าจะสามารถเก็บเลเวลสูงๆ ได้ก่อนถึงการแข่งรอบหน้าของพวกเราหรอกนะ” น้ำเสนอความเห็น เจ้าตัวเลเวลเยอะแล้ว คงจะวนเวียนแถวนี้จนรู้ทางหมด

   “ฉันมีที่หนึ่งน่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับวัตมาก” มือหนาประคองค้างคาวตัวกลมที่กินจนอิ่มมาแนบแก้ม ริมฝีปากได้รูปจุ๊บเบาๆ อย่างอารมณ์ดี ดวงตาคมปรายมองทุกคนด้วยรอยยิ้มมุมปากปล่อยให้ค้างคาวคลอเคลีย เหมือนเห็นหัวใจลอยออกมาจากทั้งคู่รางๆ

   “เอาเลยท่าน พวกเราไม่ขัด ถึงนายจะโลกหมุนรอบตัววัต แต่ฉันคิดว่า ที่นั้นมันคงมีประโยชน์กับพวกเราเหมือนกันแหละ บอกมาได้แล้ว เราจะไปที่ไหนกัน” ไวไวยักไหล่ทำใจกับนิสัยหมาป่าได้ตั้งนานแล้ว ส่วนพวกที่เหลือยังไงก็ได้ ว่าไงว่าตามกัน

   “ดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์...”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 20:02:45 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.24 มอนสเตอร์ที่แสนน่ากลัว

   สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือความแหวกแนว พวกเราเจ็ดคน ยืนอยู่หน้าทางเข้าอันสวยงาม ท้องฟ้ามืดสนิทเฉพาะบริเวณนี้ มีเสียงร้องโหยหวนดังออกมาเป็นระยะ ทางเข้าดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์...

   “บ่งบอกยี่ห้อดีนะ”

   ไวไวคงไม่รู้จะพูดอะไร หรือหาคำบรรยายใดให้กับความรู้สึกในตอนนี้ สงสัยหรือ โอเค ผมจะบรรยายให้ฟัง เริ่มจากเราเดินออกมาจากเมือง ผ่านทุ่งโล่งกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ดอกไม้หลากสีส่งกลิ่นหอมละมุน มีผู้เล่นหลายคนกำลังรุมตบตีมอนสเตอร์อยู่ประปราย ไม่ไกลนักมีน้ำตกสะอาด น้ำใสเห็นตัวปลา ถัดไปมีต้นไม้ร่มรื่น ผสมผสานเข้ากับกำแพงสูง และอาคารสวยงามในเมืองหลวง

   มอนสเตอร์หน้าตาน่ารัก เป็นภูติปีกใสตัวน้อยๆ ผีเสื้อตัวโตขึ้นมาอีกหน่อย น้องกระต่ายเบ่งกล้ามสวมนวม กวางที่ไล่ขวิดมอนสเตอร์ราชสีห์ ผู้เล่นที่โดนกระรอกใช้หางตบโฮลอินวัน ช่างรื่นรมย์ซะจริง

   ส่วนสถานที่ที่พวกเรากำลังจะไป อยู่ติดกับบรรยากาศงดงามเหล่านั้นเหมือนแบ่งคนละโลก ต้นไม้เหี่ยวเฉาประดับด้วยใยแมงมุมเศษผ้าเน่าไม่ทราบที่มา คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยเป็นของผู้เล่นบางคน โคนต้นไม้เป็นดินสีแดงก่ำราวกับเลือด ประดับประดาด้วยป้ายหลุมศพหลากหลายรูปแบบ

   แม่น้ำแห้งขอด ถึงมีแหล่งน้ำก็เป็นหนองโคลนที่เห็นฟองผุดขึ้นมา แน่นอน ที่นี่มีดอกไม้เหมือนกัน แต่ดอกไม้สีสวยสดม่วงผสมดำสูงเกือบสองเมตร มีฟันแหลมคมเยี่ยงฉลาม น้ำลายยืดย้อยสีเขียวอี๋ช่างน่าเอ็นดู มอนสเตอร์ที่เห็นผ่านๆ ดูน่ารักไม่แพ้กับโลกอันสดใสอีกด้านเลย

   ไส้เดือนยักษ์ดำผุดดำว่ายบนผืนดินจนเกิดหลุมบ่อไปทั่ว แมงมุมหน้าตาคุ้นเหมือนตัวที่ไล่ผมสมัยเริ่มเกมใหม่ๆ แต่มีขนาดใหญ่กว่า พร้อมลูกตาที่มากขึ้น อยากเป็นสับปะรดเหรอครับ...

   โดยรวมแล้ว ช่างเป็นบรรยากาศที่มีเอกลักษณ์ดีจริงๆ

   “ไม่น่าเชื่อว่าเขตที่คนคิดจะเลี่ยงไม่เข้าไปมากที่สุด ติดอันดับ 1 ใน 5 ของเกม จะมีดันเจี้ยนปราสารทแวมไพร์ซ่อนอยู่ด้านใน”

   น้ำพูดขึ้นลอยๆ เด็กใหม่อย่างพวกผมพากันหูผึ่งรอฟังข้อมูล

   “พ้นส่วนนี้ไปจะเข้าเขตปราสาทแวมไพร์ ยิ่งเข้าไปลึกมาเท่าไหร่ มอนสเตอร์จะยิ่งมีเลเวลมากขึ้นเท่านั้น บอสของดันเจี้ยนอยู่ในห้องบนยอดปราสาท” กลอธิบายง่ายๆ

   “บอสเลเวลเท่าไหร่” มีแค่น้ำกับกลที่คุยกัน นอกนั้นเป็นผู้ฟังที่ดี

   “ไม่รู้”

   “ห๊ะ! นายพูดเหมือนนายเคยไปมาแล้ว” ไวไวหันขวับ

   “เคย แต่ตอนนั้นยังไม่มีบอส”

   “แสดงว่ามันเพิ่งมาพร้อมกับเพดานเวลที่สูงขึ้นสินะ ยืนตรงนี้ก็ไม่รู้หรอก พวกเราเข้าไปกันเถอะ อลิสอยากจะเจอท่านเคาน์แล้ว”

   “เก็บมอนสเตอร์ไประหว่างทาง คงทำให้ระดับพวกเราเพิ่มขึ้นบ้าง ถ้าใครแถวนี้มันไม่นำทางชุ่ยๆ ล่ะก็นะ”

   ทัตที่เงียบอยู่นาน กอดอกเปิดปากพูด ดวงตาคมของหมาป่าหนุ่ม ไม่แม้แต่เหลือบมอง ยิ่งทำให้เหยี่ยวบางตัวเดือดกว่าเก่าอีก สุดท้ายผมเลยต้องมาไกล่เกลี่ย ลากแขนทั้งคู่เข้าไปในป่ามืด

   ก้าวแรกที่เหยียบเข้าไป เหมือนหลุดเข้าไปอยู่คนละโลก อากาศเย็นเยียบแฝงกลิ่นไม่พึงประสงค์ พื้นดินแข็งกระด่าง้ต้นไม้รอบข้างราวกับมีชีวิต ดวงตาใบหน้ากลวงโบ๋ปรากฏขึ้น ทั้งที่ไม่ได้เดินเข้าไปหา กลับรู้สึกเหมือนต้นไม้มันเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จังหวะที่กำลังครุ่นคิด กิ่งหนึ่งฟาดลงมาเต็มแรง พอกับแรงดึงจากทางด้านหลัง

   กลคว้าคอเสื้อผมถอยจากเจ้ากิ่งไม้ทันเฉียดปลายจมูกไปหน่อยนึง ผมกลืนน้ำลายอึก ทัตกระโจนมาจากทางด้านหลัง เรียกดาบสองมือฟัดกิ่งไม้ขาดสองท่อน

   “พวกนายอย่ามัวแต่แข่งกันเอาคะแนน ไอ้ต้นไม้พวกนั้นมันแห่กันมาใหญ่แล้ว!”

   ไวไวตะโกนมาจากอีกด้าน พลางกระโดดหลบกิ่งไม้ใช้ไม้เท้าปัดป้อง

   “ใช้ไฟ” กลสั่งเสียงเรียบ พ่อมดหนุ่มและนักเวทสมุดเปลี่ยนมาใช้คาถาไฟจัดการพวกต้นไม้ ระหว่างคนอื่นๆ ใช้อาวุธประจำตัวในการคุ้มกัน

   “Frie Balls!”

   ลูกไฟสีแดงเพลิง และสีดำพุ่งเข้าแผดเผาพวกต้นไม้แห้ง ยิ่งพวกมันดิ้นรนมากเท่าไหร่ ไฟยิ่งลามไปยังพวกเดียวกันมากขึ้นเท่านั้น ไม่นานรอบตัวกลายเป็นทะเลเพลิง ผมอ้าปากค้าง

   “พวกมันไม่ให้ของ ฝ่าออกไปเลย”

   ได้ยินแบบนั้น ต่างคนต่างงัดพลังของตัวเองออกมา รุมโจมตีเข้าจุดเดียวกัน เปิดทางโล่งให้วิ่งต่อไปด้านหน้า ผมไม่รอช้ากางปีกบินเผ่นไปคนแรก โดยมีคนอื่นตามหลังมาติดๆ แต่การทำแบบนี้ไม่ต่างจากการเดินลากมอนสเตอร์ทุกตัวที่พวกเราวิ่งผ่าน จากตอนแรกมีแค่ต้นไม้หน้าคน พอผมหันหลังกลับไปมองอีกที แทบจะเป็นลม

   ไม่รู้กี่ชนิดเดินตามกันเป็นขบวน คนที่มีอาวุธระยะไกลคอยซัดไปด้านหลังไม่ได้ขาด เสียงร่ายสกิลดังรัวเร็ว พลังเวทหลายบทถูกสาดไปด้านหลัง พร้อมๆ กับจัดการศัตรูที่วิ่งเข้ามาทางด้านหน้าไปด้วย

   ผมฉุกใจคิดอะไรบางอย่าง เหตุการณ์แบบนี้ คุ้นๆ เหมือนเคยเกิดมาแล้ว ผมนึกย้อนกลับไปตอนลุยดันเจี้ยนเกาะกับพวกพี่วิน...

   “ไวไว! ล่วงหน้าไปก่อนเลย ใช้ด้ายของนายกักตัวมอนไว้ เราจะทำเหมือนตอนไปลุยดันเกาะ”

   หูกระต่ายขยับ เจ้าตัวอยู่ห่างจากผมไปพอสมควร แต่เรื่องระยะทางไม่เป็นปัญหากับประสาทการรับฟังของเจ้ากระต่ายโจ๊กเกอร์ ไวไวรับคำเร่งฝีเท้าล่วงหน้าไปก่อน สามคนที่เข้าร่วมปาร์ตี้ใหม่ไม่รู้ว่าพวกเราจะทำอะไรกัน ลินเลยเป็นคนรับหน้าที่อธิบายให้พวกนั้นฟังแบบง่ายๆ

   “วัตให้ลากพวกมันไปรวมกัน ไวไวจะใช้ด้ายกักมอนไว้ ระหว่างนั้นพวกเรามีหน้าที่จัดการให้หมด”

   “พอมอนสเตอร์โดนกักอยู่ในที่แคบๆ พวกมันจะซัดสกิลมั่วโดนพวกเดียวกันเอง เราต้องต้อนจัดการมัน ง่ายกว่าปล่อยให้มันกระจายไปทั่ว”

   ผมอธิบายเสริม ทัตเลิกคิ้วดูถูกใจ อลิสหัวเราะคิกคักท่าทางสนุกเต็มที่ น้ำก้มลงมองสมุดตัวเอง คงกำลังเลือกหาสกิลเหมาะๆ ในการล้างบางมอนสเตอร์ หลังพ้นต้นไม้ใหญ่ไป เบื้องหน้าคือจุดที่มีต้นไม้บางตากว่าส่วนอื่น ผมวิ่งนำทุกคนไปหยุดตรงที่ไวไวยืนรออยู่

   หลังมอนสเตอร์ตัวสุดท้ายเข้าไปมาในอาณาเขตที่วางไว้ กระต่ายไวไวกำมือแล้วกระชากไปอีกด้าน ให้ด้ายขึงปิดทางเข้า ลินหลบอยู่ด้านหลังพวกเรา เรียกทหารโครงกระดูกออกมาฝูงใหญ่ต้อนให้พวกมันไม่ออกจากเขตอีกแรง ที่เหลือไม่ต้องใช้สัญญาณ ต่างคนต่างพุ่งเข้าหามอน งัดทุกอย่างที่มีออกมาใช้

   ผมเรียกเคียวออกมาคอยเพิ่มเลือดให้คนที่อยู่ใกล้เวลาถูกโจมตี พร้อมกับใช้เจ็ดจันทร์เสี้ยวโจมตีมอนสเตอร์เป็นระยะ ด้วยความที่มอนสเตอร์ในโซนป่านี้ ส่วนใหญ่อยู่ระดับ Lv.90 - 95 กลุ่มปาร์ตี้ของเราที่มีเลเวลสูงกว่า ใช้เวลาเพียงไม่นานก็จัดการได้ทั้งหมด เสียงแจ้งเตือนเลเวลอัพดังขึ้น ผมกดหน้าต่างค่าสถานะของตัวเองขึ้นมาดู

   ชื่อ : อายุวัต
   Lv : 96
   เลือด : 104,000
   อาวุธ : เคียวเกี่ยวข้าว
               เจ็ดจันทร์เสี้ยว
   คำสาป : มนุษย์แวมไพร์
   คำสาป2 : แวมไพร์บริสุทธิ์

   “อัพทีเดียวสองเลเวลเลยแฮะ แถมเลือดเยอะขึ้นด้วย สบายเลยเราทีนี้”

   “ดูท่า มอนสเตอร์ด้านในจะให้ค่าประสบการณ์เยอะกว่านะ พวกเราใช้วีธีเดิมในโซนถัดไปดีกว่า” น้ำเสนอ ผมเห็นด้วย

   “เป็นแหล่งเก็บเลเวลที่แจ่มใช้ได้ ไม่มีใครมาแจมด้วย” ไวไวผิวปากชอบใจ

   “แล้วของพวกนี้ล่ะจะเอาไง” ลินชี้ไปทางของที่ดรอปจากมอนสเตอร์

   พวกมอนต้นไม้ไม่ให้อะไรอย่างที่กลบอก นอกนั้นก็...

   ซอมบี้ = เนื้อซอมบี้เน่า ฟันคุด(เอามาทำไม)
   ผีโครงกระดูก = กระดูก (อันนี้ลินเหมาเรียบ เห็นว่าจะเอาไปอัพเกรดให้กับทหารโครงกระดูกของตัวเอง)
   ดอกไม้กินคน = เมล็ดพืช
   แมงมุมสับปะรด = ลูกตา ต่อมพิษ เขี้ยวแมงมุม
   ไส้เดือน = เขี้ยว หนัง สูตรสร้างดาบเขี้ยวไส้เดือน สูตรสร้างเสื้อหนังไส้เดือน

   ไม่มีพวกชุดหรืออาวุธดรอปให้ แต่ดันมีสูตรมาให้ทำซะงั้น เกมนี้ส่วนใหญ่คนนิยมไปล่าเอาตัวโหดๆ หาของดีๆ เลยมากกว่ามาตีตัวแบบนี้ หรือไม่ก็ไปหาซื้อเอาในตลาด ของที่ดรอปจากมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ จะเป็นพวกวัตถุดิบไว้สำหรับสร้างของชิ้นอื่นมากกว่า

   ใช่ว่าทุกคนจะสามารถสร้างของได้ ถึงจะมีสูตรก็ตาม สุดท้ายก็ต้องพึ่งนักสร้างของอยู่ดี พวกคนที่ได้คำสาปเป็นนักปรุงยา นักตีดาบ อีกทางหนึ่งคือ การไปหาเรียนอาชีพเสริมเป็นพวกนี้จาก NPC ในเมืองหลักๆ แล้วสร้างขึ้นมาเอง

   เริ่มแรกยังสร้างได้แค่ของเลเวลน้อยๆ มีโอกาสพังสูง ถ้าสร้างของเยอะๆ สะสมประสบการณ์มากขึ้นเรื่อยๆ จะเพิ่มโอกาสสำเร็จมากขึ้น แต่ของระดับสูง ย่อมต้องใช้วัตถุดิบที่สูงขึ้นตาม บางอย่างราคาแพงลิบลิ่วในตลาด บางอย่างไม่สามารถหาซื้อได้ต้องไปหาเอง อาจจะจ้างคนอื่นไปหาให้บ้างก็มีเหมือนกัน ทุกคนมีความสามารถของตัวเอง ทั้งจุดเด่นและจุดด้อย ช่วยเหลือกันไปเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ต้องการ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมชอบเล่นเกมออนไลน์

   เราแบ่งของที่ดรอปจากมอนสเตอร์ตามสมควร คนไหนใช้ชิ้นไหนก็เอาอันนั้นไป ส่วนที่เหลือแบ่งให้เท่าๆ กัน พวกใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ ปล่อยทิ้งไว้ไม่เก็บให้รกกระเป๋า อย่างเนื้อกับฟันคุดของซอมบี้ ใครจะไปเอากัน

   เคลียของเสร็จ เริ่มออกเดินทางกันต่อ ระยะทางก่อนไปถึงดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์ถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือป่าที่พวกเราลุยมา พอพ้นไปจะเป็นพื้นที่สวนของปราสาท และภายในดันเจี้ยน แบ่งเป็นชั้นอีกทีหนึ่ง ตอนนี้เราเกือบพ้นเขตป่าแล้ว มอนสเตอร์ที่โผล่มาให้กำจัดเล่นมีแต่จำพวกเดิม

   จนกระทั่ง...
   
   แซ่ด แซ่ด แซ่ด

   เสียงช่างคุ้นเคยดีเหลือเกิน

   พั่บๆๆๆ

   ตามมาด้วยเสียงกระพือปีก อ่า พวกมอนสเตอร์บินได้สินะ สักพักกลิ่นสาบบางอย่างโชยมาตามลม หางตาเห็นแวบๆ ถึงความเงางามของลำตัวมันที่ดำขลับ บางสิ่งที่บ่งบอกเผ่าพันธุ์

   หึ! ผมไม่กลัวหรอกต่อให้เป็นแมลงน่ากลัวแค่ไหน ขอแค่ผมมีหมาป่าอยู่ข้างกาย ย่อมไม่มีอะไรมาทำร้ายผมได้อย่างแน่นอน ผมย่ามใจ ยกยิ้มมุมปาก ไม่สะท้านแบบคนอื่นที่เริ่มระแวงถอยหลังคนละก้าวสองก้าว มือขาวซีดชี้นิ้วไปตรงหน้า มืออีกข้างเท้าสะเอวเหยียบหัวกะโหลกแถวนั้นเท่เหลือหลาย

   “จัดการมันเลย พวกเราอย่าไปหวั่น กลนำทีมโลด!”

   “...”

   มีเพียงความเงียบเป็นเสียงตอบลับ ผมหันกลับไปด้านหลัง ทุกคนยังอยู่ครบ ยกเว้นอยู่คนหนึ่ง หลังต้นไม้ต้นใหญ่ที่แห้งเหี่ยว มีร่างหมาป่าหลบอยู่ไกลลิบ

   “ต่อให้ตาย ไม่มีทางเข้าไปเด็ดขาด”

   น้ำเสียงราบเรียบหนักแน่นบ่งบอกว่าคนพูดเอาจริง ทำให้ผมหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก ประจวบกับเจ้าแมลงติดเกราะตัวเขื่องบินมายืนต่อหน้าพวกเรา เรด้าบนหัวโบกพลิ้วราวกับยอดหญ้า เสียงประกาศแจ้งเตือนเรื่องมอนสเตอร์ดังขึ้น

   มอนสเตอร์พิเศษ คุณปีเตอร์ Lv.99 จำนวน 3 ตัว เนื่องจากเป็นมอนสเตอร์ระดับพิเศษ จึงมีคำเตือนสำหรับผู้เล่น มอนสเตอร์ตัวนี้จะทำการพุ่งเข้าใส่คนที่หวาดกลัวด้วยการใช้เรด้าตรวจจับ หากกำจัดได้มีโอกาสได้ไอเทมระดับแรร์

   ของแรร์สุดหายากไม่อยู่ในหัวของผมเลยตอนนี้ เพราะมีอย่างอื่นรบกวนอยู่

   พระเจ้า! หมาป่าของผมกลัวแมลงสาบ!! ขอหัวเราะให้ฟันร่วงแปบ ฮ่าๆๆ

   “เจ้านั่นไปหลบซะไกล เห็นทีเจ้าตัวนี้คงมีแต่พวกเราจัดการแล้วล่ะ พวกสาวๆ คงไม่ถูกโรคเท่าไหร่”

   ไวไวพึมพำ น้ำหัวเราะ เดินเข้ามาสะกิดไหล่กระต่าย ชี้ให้ดูภาพตรงหน้า

   “เจ้าพวกแมลงร้าย ห้ามมารังแกเพื่อนของอลิสนะ!” สาวในชุดกระโปรงสวยเปลี่ยนจากมีดเป็นปืนกระบอกเงินยิงใส่แมลงติดเกราะบินไปคนละทิศละทาง ก่อนจะถูกฝ่ามือจากโครงกระดูกยักษ์ที่ลินเรียกมาตบป้าบแบนติดพื้น ถึงจะแค่ Lv.99 แต่มีความสามารถสมเผ่าพันธุ์ นอกจากมึนหนวดหงิกงอแล้ว ไม่มีอากาศบาดเจ็บนอกเหนือจากนั้น กลายเป็นฝั่งพวกเราเริ่มกลืนน้ำลายอึกแทน

   “อึดเป็นบ้า สู้ต่อไปมีแต่จะเสียเวลา”

   ทัตลองใช้ดาบในมือฟันดู แทบไม่สะกิด

   “ของดีแค่ไหนเป็นตัวนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน ไปต่อกันเลยดีกว่า นายหมาป่านำทางเลย”

   น้ำส่ายหัวตะโกนบอกกลที่อยู่ไกลลิบ ไม่รู้จงใจรึเปล่า พวกมอนสเตอร์พอรู้ว่ามีคนหลบอยู่อีกฟาก พวกมันเปลี่ยนเป้าหมายบินไปทางนั้นทันที ผมเห็นกลผงะถอยหลัง ยิ่งแสดงท่าทางไม่ชอบหน้าพวกมันมากเท่าไหร่ พวกมันยิ่งบินไล่ตื้อมากเท่านั้น

   กลวิ่งสุดฝีเท้าผ่านกลุ่มพวกเราไป แถมหิ้วผมติดมือไปด้วย ผมสุดแสนจะเห็นใจ เลยตะโกนบอกคนอื่นๆ ที่วิ่งตามมา โดยมีเหล่าแมลงติดเกราะคุณปีเตอร์บินตามหลัง

   “รั้งพวกมันไว้ พ้นเขตป่าพวกมันน่าจะไม่ตามเราแล้ว”

   พ่อมดหนุ่มจัดการตามที่ขอ โครงกระดูกยักษ์ถูกเรียกออกมาอีกรอบ ไล่จับเหยียบให้คุณปีเตอร์นิ่งอยู่กับที่ ไวไวใช้ด้ายมัดรวดเร็ว น้ำร่ายเวทกรงน้ำแข็งกักอีกสองตัวไว้ ก่อนพวกเราจะเผ่นป่าราบ กลวิ่งนำหน้าไม่มีทีท่าว่าจะชะลอฝีเท้าเลยแม้แต่น้อย

   พอหลุดจากเขตป่า บรรยากาศรอบข้างเปลี่ยนไป ไม่มีต้นไม้แห้งเหี่ยวและมอนสเตอร์ที่เคยเห็น รอบข้างเงียบสงบ ต้นไม้ทุกต้นมีใบสีเขียวเข้ม ท้องฟ้าสีหมึกไร้ดวงดาว พระจันทร์เต็มดวงสีแดงลอยเด่นถูกบดบังด้วยเมฆจนเหลือเพียงเศษเสี้ยว ผมหันขวับไปมองกลทันที

   กลได้รับคำสาปคล้ายกับผม เวลาที่พระจันทร์เต็มดวง เจ้าตัวจะอยู่ในร่างหมาป่าตัวเขื่อง สิ่งที่สะท้อนเข้าสู่สายตายังคงเป็นชายหนุ่มร่างสูงใบหน้านิ่งเรียบตามเดิม ผมถอนหายใจโล่งอก

   “ที่นี่พิเศษกว่าที่อื่น ถ้าฉันโดนแสงจันทร์...”

   คำพูดลอยๆ เรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้ชะงัก ประจบเหมาะกับเมฆเคลื่อนตัวออกจากพระจันทร์ แสงสีแดงนวลตาส่องลงมากระทบทุกสิ่งที่บนผืนดิน ร่างของกลค่อยๆ เปลี่ยนไป ผมงอกยาวขึ้นพร้อมกับก้มตัวลง เพียงไม่กี่วินาที จากชายหนุ่มกลับกลายเป็นหมาป่าขนสีเข้ม

   หมาป่าตัวใหญ่ยืนนิ่งดูสง่าและทรงพลัง ดวงตาหรี่มองทุกคน พร้อมอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เพื่อเป็นการบอกเตือนเพื่อนร่วมทีมถึงข้อจำกัด

   “ฉันจะกลายเป็นหมาป่า และไม่สามารถกลับเป็นแบบเดิมได้จนกว่าจะออกจากเขตนี้ หรือหลบจากแสงจันทร์ได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง”

   ผมขมวดคิ้ว เมฆไม่มีทางบังดวงจันทร์นานเป็นชั่วโมงแน่ ในขณะที่พวกเราอยู่ในป่า มีต้นไม้มากมาย แต่ไม่สามารถบดบังได้ตลอด เพราะแสงจันทร์บางส่วนยังส่องผ่านมายังผืนดินอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ นั่นเท่ากับว่า กลต้องอยู่ในร่างหมาป่าจนกระทั่งเข้าไปในปราสาทแวมไพร์ และต้องหลบเลี่ยงส่วนที่เป็นหน้าต่าง ครบหนึ่งชั่วโมงจึงจะกลับร่างคนได้ ส่วนหนทางที่ง่ายที่สุดคงเป็นอย่างที่กลบอก ออกจากที่นี่ซะ ซึ่งมันขัดกับเป้าหมายตั้งแต่แรกของพวกเรา

   “อยู่ในร่างนี้กลยังสู้ได้ปกติ งั้นช่างมัน ที่สำคัญกว่านั้นคือ ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ที่ไหน แล้วไอ้ดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์มันเป็นยังไง"

   ไวไวถาม ทุกคนเพิ่งนึกขึ้นได้ ดวงตาทุกคู่หันไปมองหมาป่าที่เดินมานั่งอยู่ข้างๆ ผมเป็นตาเดียว อืม กลมานั่งแบบนี้ ตัวสูงเกือบไหล่ผมแหนะ หมายักษ์

   “ที่นี่แบ่งออกเป็นสามโซน โซนแรกคือป่าที่พวกเราผ่านมา โซนที่สองคือพื้นที่รอบๆ ปราสาท ส่วนสุดท้ายคือปราสาทแวมไพร์”

   กลใช้เล็บเขียนบนดินเป็นภาพคล่าวๆ เจ้าตัวบอกว่ามอนสเตอร์ในส่วนที่พวกเราอยู่จะมีแค่ค้างคาวกับแวมไพร์ชั้นต่ำ Lv.95 - 100 เท่านั้น ขอบเขตไม่กว้างมาก วิ่งเต็มฝีเท้าไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงตัวปราสาท ตัวปราสาทของแวมไพร์รูปร่างแบบเดียวกับพวกปราสาททางฝั่งตะวันตก มีหอคอยและยอดแหลม กำแพงสูงใหญ่ล้อมรอบ

   ประตูหน้าและหลังจะมีแวมไพร์ระดับล่างเฝ้าอยู่ พวกเราจะลอบเข้าไปทางกำแพงเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะโดยไม่จำเป็น หากพวกมันรู้ตัว มีหวังได้ป่าวประกาศจนแห่กันมาทั้งปราสาทแหงๆ เจ้าพวกแวมไพร์ชั้นล่างมี Lv.100 – 110 ถ้ามาเป็นฝูง พวกเราคงโดนเก็บเรียบไม่ต้องสืบ

   หลังจากเข้าไปในปราสาทได้ จะแบ่งเป็นอีกส่วนหนึ่ง จุดนี้คือดันเจี้ยนที่แท้จริง มอนสเตอร์มีแต่แวมไพร์ระดับกลางจน ระดับสูง ระดับขุนนาง และสุดท้าย ระดับราชาที่อยู่ในห้องบนยอดหอคอย ระดับเลเวลกลยังไม่มีข้อมูล เพราะก่อนหน้าที่เกมจะอัพแมพใหม่ เพิ่มเลเวลเป็น 200 ดันเจี้ยนยังไม่เปิด หมาป่าหนุ่มเข้ามาถึงส่วนรอบปราสาทเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ใหม่ ยังไม่มีใครเข้าถึง พวกเราเป็นกลุ่มแรก ได้ยินแบบนี้ รู้สึกตัวเองยิ่งใหญ่ชะมัด

   “เท่ากับว่า หลังจากเข้าไปในปราสาท เราต้องงมทางกันเองสินะ” น้ำสรุป

   “ไม่แน่น้า อลิสว่า มันอาจจะคล้ายกับดันเจี้ยนระดับสูงที่อื่นก็ได้จ๊ะ” พวกเราหันไปมอง เป็นทัตที่อธิบายต่อแทน

   “ดันเจี้ยนระดับสูงที่พวกเราเคยไป ภายในจะแบ่งเป็นชั้นๆ ยิ่งมากชั้นเท่าไหร่ เลเวลของมอนสเตอร์จะยิ่งสูงขึ้นตามลำดับ และปิดท้ายที่ชั้นสุดท้ายจะเป็นบอสใหญ่สุด ประเด็นคือ เรายังไม่รู้ว่าแต่ละชั้นแยกกันเลยรึเปล่า ดันเจี้ยนที่เคยเจอมามีสามแบบ” กิ่งไม้ใกล้มือถูกเอามาใช้ประโยชน์ ทัตขีดเส้นจากปราสาทออกมาวงนอกวาดรูปใหม่ขึ้นมาอีกสองรูป ด้านซ้ายเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านขวาเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสองอัน เจ้าตัวชี้ไปที่รูปซ้าย

   “แบบแรก มอนสเตอร์สามารถตามเราไปชั้นถัดไปได้”

   กิ่งไม้วาดลูกสรแบบทางสะดวก แล้วย้ายไปชี้รูปสอง ขีดตัดตรงช่องหว่างระหว่างสี่เหลี่ยมอันแรกกับอันสอง

   “แบบสอง ทุกชั้นตัดขาดจากกัน จะไม่มอนสเตอร์ข้ามไปอีกชั้นเด็ดขาด แต่เราสามารถเดินไปชั้นไหนก็ได้ และแบบสุดท้าย คล้ายแบบสอง เดินหน้าได้ แต่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ถ้าคิดจะออกจากดันเจี้ยน ต้องสู้ให้ชนะบอส หรือยอมตายออกสถานเดียว” พูดจบก็โยนกิ่งไม้ทิ้ง ผมยิ้มแห้ง

   “ขอให้เป็นแบบสองแล้วกัน แบบนั่นยังพอมีช่วงให้พักหายใจบ้าง”

   “พวกเราเตรียมตัวให้พร้อมแล้วกัน หลังจากนี้คงลุยกันยาว” ลินลุกขึ้นปัดชายเสื้อคลุมหลังนั่งสุมหัววางแผนกันนานสองนาน ถ้าถามว่าทำไมถึงไม่มีมอนสเตอร์มาสอยพวกเรานั่นก็เพราะ จุดที่เราอยู่เป้นจุดเชื่อมระหว่างป่าส่วนนอก กับป่าส่วนใน เลยไม่มีมอนตัวไหนข้ามมาจัดการเรา

   คุยกันเสร็จ ก็เริ่มปฏิบัติการ พวกเราจะลุยผ่านป่า จัดการมอนสเตอร์ทุกตัวที่เข้ามาขวาง ตรงไหนมีเยอะค่อยเลี่ยงหลบไปอีกทาง

   พวกแวมไพร์ชั้นต่ำมีแขนขาคล้ายคน แต่มีปีกค้างคาวบนหลัง เล็บยาว ฟันแหลมคมไม่มีเพศ มักอยู่ใกล้กับพวกค้างคาวสองสามตัว มีครั้งหนึ่งพวกเราลงมือช้าไปหน่อย มันแหงนคอส่งเสียงเรียกตัวอื่นมาทำเอาตึงมือไม่น้อย หลังจากนั้นเลยจัดการให้รวดเร็วที่สุด แล้วค่อยเก็บสมุนค้างคาวทั้งหลาย

   พอถึงกำแพงปราสาท กำแพงหินถูกตัดอย่างดีเรียงกันแข็งแกร่งสูงจนต้องแหงนคอตั้งฉาก พวกมีปีกอย่างผมกับทัตสบายหน่อย บินข้ามไปได้ง่ายๆ ผมเป็นคนดูต้นทาง ทัตผูกเชือกให้คนอื่นปีนตามมา ไวไวกับกลเล่นง่าย เลือกต้นไม้สูงๆ ใกล้กับกำแพงสักหน่อย แล้วกระโดดข้ามมาเลย

   หลังกระโดดลงเท้าเหยียบพื้น จังหวะเดียวกับมีพวกแวมไพร์ระดับล่างเดินผ่านมาพอดี มอนสเตอร์ตัวนี้เหมือนคนไม่มีผิด ต่างแต่เอกลักษณ์ของพวกแวมไพร์ เช่นตัวขาวซีด หูแหลม

   ทัตยื่นแขนไปล็อคคอ ลากมารุมยำหลังพุ่มไม้เป็นอันเรียบร้อย พวกเราเลือกจัดการพวกแวมไพร์ระดับล่างที่แตกฝูง หรือมีจำนวนไม่เกินสามตน พอจัดการมากๆ เข้า เลเวลเริ่มอัพ จัดการง่ายมากขึ้น ใช้เวลาร่วมชั่วโมง ถึงเก็บกวาดแถวประตูทางเข้าปราสาทจนหมด

   “ฉันว่าแบบนี้ชักเข้าท่านะ เราเก็บพวกที่อยู่รอบๆ ทั้งหมดเลยดีมั้ย ถือเป็นการเก็บเลเวลไปในตัว พอเข้าไปในด้านใน เจอมอนสเตอร์ระดับสูงกว่า จะได้ไม่ต้องสู้แบบหืดขึ้นคอนัก” ไวไวเสนอ ผมพร้อมสนอง

   “เอาสิ ไม่นอนสักวันไม่เป็นไรหรอก แถมฉันยังรู้สึกคึกคักมากกว่าปกติ ตั้งแต่เข้ามาในเขตของพวกแวมไพร์”

   “เพราะเป็นถิ่นพวกเดียวกันแน่เลย นายแวมไพร์ รู้สึกดีใจที่ได้กลับบ้านรึเปล่าจ๊ะ” อลิสหัวเราะคิกคัก ผมเบ้ปาก

   “ฉันไม่มีปัญหา ที่เหลือล่ะว่าไง”

   ทัตกอดอกเลิกคิ้วถามลินกับน้ำที่ดูเป็นคนธรรมดาทั่วไปมากที่สุดในทีม ทั้งคู่มองปรึกษากันนิดหน่อยค่อยหันมาตอบ

   “พวกเรายังไหว เอาไว้เหนื่อยค่อยอู้ให้พวกนายจัดการแล้วกัน”

   น้ำพูดติดขำ ลินยิ้ม แต่ดวงตาไม่ยิ้มตาม เจ้าตัวทำแบบที่น้ำพูดแน่ๆ ผมขอฟันธง!

   “มาแล้ว” เสียงเตือนจากหมาป่าตัวโต แต่ละคนกระชับอาวุธในมือทันที แวมไพร์ระดับล่างสี่ตนกำลังเดินมายังจุดที่พวกเราอยู่ หลังจากนี้คงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก บรรดาแวมไพร์ระดับล่างรอบปราสาท โดนจัดการเรียบ เสียเวลาไปไม่น้อยเลยทีเดียว จากการไล่เก็บแบบระมัดระวัง สลับพักฟื้นร่างกายก่อนลุยต่อ แต่ผลที่ได้รับกลับมาถือว่าคุ้มค่า

   เลเวลของผม ไวไว ลิน เลื่อนขึ้นอีกคนละหลายระดับ ของที่ดรอปจำเป็นพวกชุดแวมไพร์ระดับล่าง เครื่องประดับจำพวกสร้อย แหวน ถ้าเอาไปขายคงได้หลายตังอยู่ แล้วก็พวกขวดยาเพิ่มเลือดระดับกลาง ยาแก้พิษเลือดลดตลอดเวลา กับยาสมานแผลที่เกิดจากเล็บและเขี้ยวแวมไพร์

   กลุ่มปาร์ตี้รวมคนหน้าตาดี กำลังยืนอยู่หน้าประตูปราสาทบานใหญ่ พลังทุกคนเต็มเปี่ยมพร้อมจะลุยแหลกทุกเมื่อ

   “หวังว่าจะได้ของดีๆ มากกว่าพวกตัวที่อยู่ด้านนอกนะ” กระต่ายบ่น

   “พวกด้านในระดับสูงกว่า ถ้ายังงกให้ของไม่ดี ค่อยเอาข้าวของในปราสาทไปขายทำกำไร” ลินเสริมให้ที่เหลือหันไปมองแบบหวาดๆ มาฆ่าเขาไม่พอ ยังจะปล้นเข้าอีกเรอะ

   “ตื่นเต้นจัง อยากเจอแวมไพร์หล่อๆ สวยๆ บ้าง เบื่อพวกหน้าตาบ้านๆ แล้ว” อลิสพึมพำด้วยสีหน้าคาดหวัง

   “แค่จัดการให้หมดก็พอ อย่างอื่นฉันไม่สนหรอก” ทัตดูจะเป็นอีกคนนอกจากกล ที่ไม่ค่อยสนของ น้ำยิ้มอยู่ด้านหลัง จะบอกว่าผมกับกลตัวติดกัน สองคนนี้ไม่ต่างเท่าไหร่นะ

   ทางกลไม่ได้พูดอะไร เอาหัวโตๆดันแขนผม อย่างกับจะบอกว่า เจ้าตัวจะคอยปกป้องผมเอง ผมยิ้มลูบขนนุ่มบนแผงอก แล้วหันหน้าไปยังประตู ออกแรงเปิดบานประตูออกกว้าง จะแวมไพร์หรือตัวอะไรก็ดาหน้าเข้ามาเลย พวกเราพร้อมลุย ไม่กลัวอยู่แล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 20:04:53 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
งานนี้น่าสนุก....ไม่รู้จะมีตัวป่วนโผล่มารึเปล่านะ

ปอลิง..คนเขียนลืมเปลี่ยนหัวกระทู้นะงับ

ขอบคุณมากครับที่ช่วยเตือน ลืมสนิทแบบหมดจดจริงๆ :sad4:

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
งานละเลงเลือด(?)กำลังจะเริ่มมม

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ สนุกดีนะ
ให้อารมณ์แบบนิยายออนไลน์แต่สายวายแบบนี
ชอบสุดๆเลย แต่อ่านแล้วงงว่าสรุปวัตเป็นเกย์แต่ต้น
รับรักน้องหมาแบบไม่ต้องคิดมากเลย (หวานซร้า)
ส่วนคู่ลินไวไวแซ่บเวอร์ เกมมันยอมให้ทำติดเรทปานนี้ได้ไง555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด