Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]  (อ่าน 287616 ครั้ง)

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ

   รถคันหรูจอดสนิทในที่จอดรถของคณะไอที สองหนุ่มเดินลงมาเรียกสายตาคนมองได้ชะงัก ยิ่งช่วงนี้คนเยอะเพราะเป็นช่วงเช้าก่อนเข้าเรียน คงไม่ต้องพูดถึงจำนวนสายตาที่จับจ้อง แต่สองหนุ่มหาได้แคร์ไม่ เดินเฉิดฉายเข้าคณะอย่างงดงาม
   
   “เฮ้ย นั่นมันพี่วัตปีสามไม่ใช่เหรอ ทำไมเดินมากับไอหัวโจกปีหนึ่งได้วะ”

   “ไม่ใช่แค่เดินเว้ย ลงมาจากรถเดียวกันเลยต่างหาก”

   “พวกแกไม่รู้อะไร สองคนนั้นแฟนกันแน่ๆ เจ๊คอนเฟิร์ม”

   กลุ่มผู้ชายคณะเดียวกันแต่ต่างสาขากำลังคุยกันด้วยความสงสัย ก่อนโดนแทรกด้วยร่างอันใหญ่โตของกระเทยน้ำฟ้าประจำคณะ วงแตกเลยครับที่นี้ ผมหัวเราะส่ายหัวกับอาการล่าผู้ชายของเพื่อน แล้วเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกไวไว

   โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ร่มรื่นทำเลดีมีไวไวกับเด็กปีหนึ่งปีสองจับจอง ผมจะได้ ไอเด็กแว่นนั่นมันชื่อหนึ่ง ส่วนไอหน้าบูดชื่อไม้ ใกล้ๆ มีเด็กผมดาลี่ พวกมันมองผมกันยกโต๊ะ

   “มัวแต่ทำไรกัน ไมมาช้านัก”
   
   ก้นไม่ทันแตะเก้าอี้ ไวไวปล่อยหมาในปากออกมาวิ่งเล่น ผมตบหมาในปากมันกลับไป ที่ไม่รู้ว่าช่วยให้เรื่องมันดีหรือมันระทึกมากขึ้นกันแน่

   “เป็นแฟนกันจะทำอะไรคิดเอาเองแล้วกัน” ดาลี่กับเด็กสองตัวมันตาโตอ้าปากค้าง ส่วนไวไวทำหน้าเอือมระอา

   “อะไร ไม่ใช่ว่ารู้แต่แรกแล้วหรือไง” ไวไวหันไปแซะเด็กสามตัวที่เพิ่งปิดปากได้

   “ก็พอรู้พี่ แต่ไม่คิดว่าจะชัดเจนแจ่มแจ้งกันซะขนาดนี้ ถามจริงพี่วัต ไปทำอิท่าไหนถึงเป็นแฟนกันได้” เด็กแว่นถามผม ผมไม่ทันอ้าปากตอบ คนที่นั่งเงียบเป็นรูปปั้นอยู่ข้างๆ เปิดปากตอบแทน ด้วยคำตอบที่ผมแทบอยากซัดให้หงายลงไปนอนบนพื้น

   “หลายท่า บรรยายไม่หมด”

   ป้าบ!

   ฝ่ามืออรหันต์ตบหลังหมาป่าดังป้าบ เจ้าตัวสะดุ้งนั่งตัวตรงยกมือลูบหลังตัวเองปอยๆ โดยมีผู้เห็นเหตุการสูดปากด้วยความเจ็บแทน มือผมไม่ได้เบาๆ เชื่อเลย ถ้ากลถอดเสื้อมาห้านิ้วครบถ้วนสมบูรณ์แน่

   “เขินรุงแรงจริงๆ พี่เรา” ดาลี่น้องรหัสผมพึมพำ

   “แล้วตกลงมารวมตัวกันแบบนี้มีเรื่องอะไร รีบๆ พูดก่อนที่ฉันจะขึ้นเรียน” ผมถามเจ้าเด็กสามตัวที่นั่งร่วมโต๊ะ ไวไวดูท่าจะยังไม่รู้เหมือนกัน ถึงได้หันไปมองอย่างต้องการคำตอบ ไม้กับหนึ่งใช้ไหล่ดันดาลี่ให้เป็นคนพูด ได้ยินเสียงเจ้าตัวบ่นประปอดประแปดว่าไอพวกน้องไม่รักดี ใช้แรงงานรุ่นพี่ ผมเลิกคิ้ว ดูเหมือนเชื้อไวรัสแห่งความขี้บ่นของไวไวจะพัฒนาตัวขึ้น ดาลี่มันน้องรหัสผม มานั่งกับไวไวไม่ทันไร ติดเชื้อขี้บ่นมาซะแล้ว แน่นอนเรื่องนี้ผมไม่พูดออกเสียงแน่ คิดในใจอย่างเดียวพอ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

   “อะแฮ่ม คืองี้ครับ วันนี้วันเกิดไม้มัน พวกเราเลยว่าจะไปกินเลี้ยง มีดื่มกันนิดๆ หน่อยๆ เลยว่าจะชวนพวกพี่ไปด้วย” ผมมองแบบไม่ค่อยเชื่อ ถ้ามันจะชวนไปกินเลี้ยงที่บ้านเพราะวันเกิด ชวนเลยก็จบไม่เห็นต้องมาอ้ำๆ อึ้งๆ พอเห็นผมสงสัย ดาลี่มันรู้จักผมดี ถ้าไม่พูดความจริงอย่าหวังว่าผมจะฟัง เจ้าตัวสูดลมหายใจลึกแล้วพูดใหม่

   “เอาจริงๆ เลยนะ พวกปีหนึ่งปีสอง เห็นพวกพี่ตอนแข่งในเกมเลยอยากเจอตัวเป็นๆ”

   “แล้วเรื่องวันเกิด?” ผมถามทั้งที่กำลังยิ้ม

   “แค่เกิดอยากจะกินพี่ มันเลยเอาผมไปอ้าง วันเกิดผมมันผ่านมาแล้วต่างหาก”

   ไม้ผู้ถูกใช้ชื่อพูดแก้ให้กับตัวเอง ท่าทางหัวเสียหน่อยๆ ก่อนหน้านี้คงโดนเพื่อนกับรุ่นพี่ปีสองข่มขู่อะไรมาแหง ผมกำลังจะอ้าปากตอบ คนข้างตัวแย่งพูด...อีกแระ

   “ไม่”

   คำเดียวอธิบายทุกสิ่ง ผมยังคงยิ้ม แต่รอยยิ้มคงดูไม่น่าไว้ใจขึ้นหลายระดับ เจ้าเด็กสามคนเลยถอยกรูดไปกระจุกอยู่รวมกัน

   “ตกลง ฉันจะไปงาน อยู่ที่ไหนว่ามาเลย”

   หึหึหึ ฮ่าๆๆ สายไปแล้วกล สิ่งที่นายคาดหวังไว้ในคืนนี้มันจะไม่เกิดขึ้น เพราะสวรรค์ยังเห็นใจฉัน ส่งงานวันเกิดอยากจะกินของเจ้าพวกนี้มาให้ หมาป่าหนุ่มดูไม่พอใจ แต่ไม่มีจังหวะขัด เพราะผมรีบพูดรัว ถามสถานที่เวลาเสร็จสรรพแล้วบอกลาลากคอไวไวขึ้นห้องเรียน ไม่สนดวงตาทิ่มแทงจากหมาตกมัน

   กลแผ่ออร่าน่ากลัวจนเพื่อนสยอง คนคุมอย่างผมจากไปแล้ว นิสัยท่าทางเดิมของเจ้าตัวเลยออกมา ดาลี่รีบเผ่นไปอีกคนทิ้งเพื่อนสองคนรับกรรม แม้ไม่คิดบัญชีตอนนี้ แต่คาดว่าอนาคตของพวกเขาคงไม่สดใสแน่

   ถึงห้องเรียนผมกับไวไวยกมือไหว้อาจารย์จับจองที่นั่งแถวหน้า ทุกคนไม่รู้อะไร รู้มั้ยตำแหน่งนี้ดีที่สุด เพราะส่วนใหญ่อาจารย์จะมองข้ามเพ่งความสนใจไปพวกด้านหลังมากกว่าเด็กเรียบร้อยนั่งด้านหน้าอย่างพวกผม จะถามหาสมุดจด? ไม่มีหรอก ปีสามส่วนใหญ่มีแต่วิชาเรียนภาคปฏิบัติ ขอแค่ตั้งใจฟัง สงสัยให้ถาม ทำความเข้าใจกับสิ่งที่อาจารย์สอน แค่นั้นก็ผ่านฉลุย

   เหมือนจะเป็นเด็กดีนะ ความจริงหลังจอโปรแกรมคือหน้าต่างเกมที่ผมกำลังเล่นกับไวไว พออาจารย์เดินผ่านค่อยสลับหน้าจอ ช่วงไหนสลับไม่ทันโดนโขกจนหัวปูดไป จนถึงช่วงเวลาแห่งการทำงาน อาจารย์วิชานี้ชอบให้ผู้เรียนทำงานส่งท้ายคาบ ผมทำเสร็จก่อนใคร หันไปช่วยไวไวจนมันเสร็จตาม หลังจากนั้นก็คนของประชาชนล่ะครับ โดนเรียกไปช่วยโต๊ะนั่นโต๊ะนี้สนุกเลยทีเดียว

   ขนาดไวไวเองมันยังไม่รอด ต้องบอกเพื่อนในคลาสเห็นใครเสร็จก่อน มันผู้นั้นต้องมาช่วยพวกข้า พอหมดชั่วโมงส่งงาน อาจารย์ก็จะปล่อยไปทานข้าว ผมเรียนคาบหนึ่งสามถึงสี่ชั่วโมง พวกเวลายิบย่อยพื้นฐานถึงจะเรียนสองชั่วโมงมั้ง สามชั่วโมงมั้งเป็นรายวิชาไป

   เหมือนจะชิวแต่จริงๆ ไม่ใช่ อาจารย์ส่วนใหญ่ชอบสั่งงานตั้งแต่คาบแรกที่เรียนกับท่าน แล้วให้เอาความรู้ตลอดระยะเวลาที่เรียนมา ทำงานกลุ่มหรือเดี่ยวหนึ่งชิ้นงานส่งก่อนสอบไฟนอล ช่วงนี้แต่ละคนเลยดูสบายๆ ใกล้เส้นตายเด็กคณะเราจะกลายเป็นหมีแพนด้าเรียงคน...

   พักกินข้าวตอนเที่ยง ใต้คณะผมมีโรงอาหารอยู่ครับ แต่ไม่รู้ทำไม คนถึงไม่นิยม สาวๆ หนุ่มๆ ชอบไปกินที่คณะอื่นเหลือเกิน สงสัยที่นี่อาหารตามีไม่มาก พี่น้องต่างสาขารู้จักกันหมดคงเบื่อหน้ากันเต็มทน ถือเป็นเรื่องดีสำหรับผม ไม่ต้องต่อแถวรอคนเยอะ

   ผมมองเวลา ตอนนี้กลยังไม่เลิกเรียน คลาสเขาเข้าสายและเลิกช้ากว่า ผมเลยกินข้าวกับไวไวเห็นเจ้าตัวจิ้มโทรศัพท์มาตั้งแต่เลิก รู้สึกอยากเผือกขึ้นมา เลยชะโงกหน้าไปดูแบบเนียนๆ

   ลิน – กินข้าวยัง?
   Wiwi – กำลังกินอยู่ ลินกินยัง
   ลิน – กินแล้ว วันนี้เข้าเกมเร็วๆ ด้วย
   Wiwi – โทษที วันนี้คงไม่ได้เข้า พอดีรุ่นน้องชวนไปกินเลี้ยงวันเกิด
   ลิน – งั้นเหรอ น่าเสียดาย วัตกับกลไปด้วยมั้ย
   Wiwi – ไป ทำไม อยากไปด้วยรึไง เสียใจ เป็นผู้หญิงแถมยังอยู่แค่ม.ปลาย ฉันไม่ยอมให้ไปด้วยหรอก
   ลิน – ถ้างั้นพอขึ้นมหาลัยไปด้วยได้ใช่มะ
   Wiwi – ไม่
   ลิน - /ไอคอนรูปหมีอัดโคนี่

   ไวไวกำลังจะพิมพ์ต่อ ต้องชะงักมือเพราะหันมาเห็นผมนั่งอยู่ข้างๆ คาบช้อนด้วยรอยยิ้มกับดวงตาฉายแววหยอกเย้าเต็มพิกัด

   “ไม่คุยต่ออะ กำลังอ่านเพลิน เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าไลน์คุยกันด้วย มิน่าในเกมถึงดูสนิทกันนัก คบกันแล้วดิ”

   ผมรัวถามเป็นชุด ถือว่าเอาคืนกับความปากมอมมันตอนเช้า ไอกระต่ายในโลกความจริงยัดมือถือใส่กระเป๋ากางเกง นั่งกินข้าวทำราวกับไม่ได้ยินเสียงถามจากผม ผมที่ทานเสร็จแล้ว เลยถลาไปล็อกคอมัน

   “อย่ามีความลับกับเพื่อนกับฝูงดิ ตกลงว่าไง”

   “เออ”

   “เอออะไรล่ะวู้ว”

   “คบแล้ว” ผมยิ้มกว้างหัวเราะฮาๆ อยากตลบมือดังๆ ให้ลินที่สอยไวไวมันลงจากหอคอยแครอท

   “ยินดีด้วยนะเพื่อนได้สละโสด อย่าไปทำลูกสาวเขาท้องล่ะ” ผมแซวขำๆ ไวไวชะงักช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปาก พูดด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

   “เกรงว่าฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ” รอบนี้ไม่แค่ขำ ผมหัวเราะเสียงดังแบบไม่อายใคร ไวไวจิ้มเนื้อไก่ยัดใส่ปากผมเกือบสำลัก ฮากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ลินเป็นผู้หญิงที่สุดยอดจริงๆ ผมนับถือสุดใจ

   “กินเสร็จไปซื้อน้ำหลังคณะกัน” กระต่ายถึกพยักหน้ารับ รีบกินข้าวให้หมดท่ามกลางเสียงไลด์เด้งรัวๆ ในกระเป๋า ผมดบกมือเป็นเชิงว่าจะไม่กวนแล้วเชิญตามสบาย เจ้าตัวถึงหยิบขึ้นมาพิมพ์สักแปบ เสียงไลด์ถึงหายไป

   หลังไวไวจ้วงข้าวเสร็จ พวกเรามุ่งหน้าสู่หลังคณะ แถวนี้มีร้านกาแฟอยู่ร้านหนึ่ง อร่อยขนาดที่เด็กคณะอื่นอยู่ห่างไกลแทบคนละทิศยังอุตส่าขับรถพากันมาซื้อกินอะคิดดู ขนาดแถวไม่ต้องพูดถึง ยาวเหยียดอย่างกับเล่นงูกินหาง ผมยืนรอกับไวไว โชคดีช่วงบ่ายผมไม่มีเรียนต่อให้รอเป็นชั่วโมงก็ไม่มีปัญหา เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง ถึงคิวผมสักที

   “ชานมเย็นใส่ไข่มุกกับโอเลี้ยงอย่างละแก้วครับ”

   มันคือกาแฟโบราณ แต่คนขายมีแบบปั่น ร้อน ท๊อปปิ้งพร้อมขนมไทยให้เลือกสรรรสชาติหวานหอมกำลังดี เลยได้รับความนิยมจากคนในมหาลัย ของผมชานมเย็น ของไวไวเป็นโอเลี้ยง ระหว่างดื่มด่ำกับรสชาติ ผมเดินผ่านจุดสูบบุหรี่ที่เด็กในคณะชอบหลบมาสูบกัน ตรงนี้ทำเลดี ห่างไกลสายตาอาจารย์ แถมมีต้นไม้ช่วยบังอีกทอด

   เห็นหลังใครบางคนดูคุ้นๆ ใกล้ๆ กันมีหนึ่งกับไม้แย่งลูกชิ้นในถ้วยกันอยู่ ผมขมวดคิ้ว ส่งแก้วให้ไวไวถือ แล้วไขว้แขนเป็นรูปตัวเอ็ก อัดเข้าหลังคนยืนสูบบุหรี่จนเซถลาไปด้านหน้า แวบแรกเห็นเพื่อนโดนประทุษร้ายหนึ่งไม้เงยหน้าจากชามก๋วยเตี๋ยวผุดลุกขึ้นหมายช่วยจัดการเต็มที่ ไวไวเดินไปด้านหลังวางแก้วกาแฟบนหัวทั้งคู่ สองคนนั้นเมื่อเห็นไวไว แล้วหันมามองคนกระทำการร้ายกาจชัดๆ พอเห็นว่าเป็นใคร หย่อนก้นนั่งแย่งลูกชิ้นต่อเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   คนโดนทำร้ายขยี้บุหรี่ในมือทิ้งท่าทางหัวเสีย ใครมาเห็นคงเหมือนหมาป่าดุร้ายกำลังขย้ำคอศัตรู ดวงตาคมหันมาสบกับดวงตาสีเทา อารมณ์จวนกลายร่างเป็นหมาเยือกแข็งเมื่อครู่ เย็นลงกลายเป็นหมาเชื่อง แวบๆ ว่าเห็นหางกำลังส่ายไปหมาเหมือนหมาเจอเจ้าของ ผมรับแก้วน้ำจากไวไวมาดูดชี้หน้ากล

   “สูบบุหรี่ไม่ว่า ในมหาลัยห้ามสูบ คนอื่นสูบได้ แต่นายห้าม เพิ่งอยู่ปีหนึ่งอย่าทำตัวให้โดนเพ่งเล็ง”

   เทศนาไปหนึ่งยก หมาป่ารับฟังด้วยความยินดี เข้าไปคลอเคลีย

   “วัต เย็นนี้ไม่ต้องไปเนอะ” เสียงอ่อนเสียงหวานได้อีก ผมเห็นหน้าหนึ่งกับไม้ทำท่าคล้ายจะอ้วก ไวไวมีเมตตาช่วยทุบหลังจนโดนรุ่นน้องสองคนจ้องใส่

   “มานงมาเนอะอะไร พูดแล้วต้องไป” ผมยักคิ้วดูดชานมเย็น ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเลยตวัดไปจ้องเพื่อนตัวเองทั้งสองคนแทน หนึ่งเกือบสำลักเส้นหมี่ เด็กแว่นรีบเคี้ยวกลืนบอกกับผมเสียงอ่อย ระหว่างเรียนคงโดนกลข่มขู่ไปไม่ใช่น้อย โธ่น่าสนุก เอ๊ย สงสาร

   “คือ...พี่วัต พี่ไม่ไปก็ได้นะ พวกผมไม่มีปัญหา” กลมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดรื่นหู ผมยกยิ้มมุมปาก ยิ่งห้ามเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้ผมนึกอยากแกล้งมากเท่านั้น

   “ไม่ได้ๆ ไปก็คือไป ไว้เจอกันที่ร้านนะน้องๆ” ผมโบกมือลาโดยมีหมาป่ามองตามนิ่งๆ คงคาดโทษผมอยู่ในใจไปร้อยแปดพันเก้า ผมหัวเราะกอดคอไวไวกลับบ้านเพราะพวกกลยังมีเรียนบ่ายต่อ เวลาที่เหลือผมไปนอนฟัดขุนพล ซุกนายท่านอยู่บ้านดีกว่า

   จวนถึงเวลาผมโทรบอกให้กลไปรอที่บ้านไม้ ส่วนผมจะแว้นไปกับไวไว พอไปถึงบรรยากาศกำลังคึกครื้นเต็มที่ ดีที่บ้านไม้มันมีเนื้อที่ในสวนให้ปูเสื่อนั่งกินกัน ผมเดินเข้าไปเห็นปีหนึ่งสี่ห้าคน ปีสองอีกสามหน่อ หนึ่งในนั้นมีดาลี่ และปีสามคือผมไวไว กับเพื่อนร่วมรุ่นรวมเป็นสี่ชูแก้วเหล้าเรียก

   “อือหือ ดีไม่ขนกันมาทั้งชั้น บ้านไอ้ไม้จะแตกมั้ยเนี่ย”

   “ไม่รู้เหมือนกันว่ะพี่ ถ้าบ้านแตก ผมโดนป๊าม่าแหกอกแน่ เฮ้ยกินแล้วช่วยกันเก็บซากด้วยนะโว้ย”

   เจ้าบ้านออกมารับพลางหันไปโวยใส่เพื่อนที่เฮรับกันเป็นที่สนุกสนาน มันเพิ่งจะค่ำพวกเอ็งจะรีบเกินไปรึเปล่า ผมหัวเราะกระโจนเข้าไปร่วมวงด้วย ผมมานั่งข้างกลที่ว่างอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้เว้นไว้ให้ใคร ส่วนไวไวโดนไอหนึ่งมันลากเป็นเพื่อนหน้าดำอยู่หน้าเตาย่างของทะเล

   ผมได้กลิ่นเหล้าจางๆ มาจากคนข้างๆ เลยยื่นหน้าไปดมฟุดฟิด คนถูกดมไม่ขยับหนี เลิกคิ้วมองมือชงเหล้ายื่นให้คนข้างตัว

   “จัดไปกี่แก้วแล้วเนี่ย” มือรับแก้วมายกดื่ม อือหือ บอกทีนี่เหล้าไม่ใช่โซดาใส่น้ำแข็ง

   “ไม่เมาง่ายๆ หรอก”

   “ฉันเองก็ไม่ได้คออ่อนขนาดน้าน ขอเหล้าเพิ่มอีกหน่อยดิ” ผมยื่นแก้วไปให้ กลไม่ยอมรับไปเติม มือขาวคว้าแก้วเหล้าอีกฝ่ายมาดื่มแทน แม่เจ้า ถ้าเมื่อกี้โซดาใส่น้ำแข็ง ไอนี้มันเหล้าเพียวๆ น้ำแข็งแทบเหลือแต่วิญญาณ จะเข้มไปไหนพ่อ

   พอเห็นผมทำหน้ายู่ กลหัวเราะในคอ ยอมเอาแก้วตัวเองเทแบ่งให้ผม เข้มขึ้นมาอีกหน่อย

   “พี่วัตๆ พี่ใช่แวมไพร์ในเกมจริงปะ”

   เด็กปีหนึ่งชะโงกหน้ามาถาม ดาลี่แบมาตบหัวไปที

   “เอ็งโง่หรือโคตรโง่วะ เห็นๆกันอยู่ หน้าตาเหมือนกันเดะแถมมีกลอยู่ข้างๆ ไม่ผิดจากตอนนี้ ยังสงสัยอะไรอีก ว่าแต่พี่ไวไวเป็นกระต่ายจริงดิ ฮ่าๆๆ”

   ดาลี่ตะโกนถามไวไวหน้าเตา เลยได้ถ่านมาเป็นของกำนัน เกือบกระเด็นใส่จานหมึกไอโต้งปีเดียวกันเลยจัดการขว้างน้ำแข็งกลับ แถมด่ายาวเหยียดเพราะมันเล็งหมึกอยู่พอดี หลังจากนั้นแต่ละคนหันมาพูดแต่เรื่องเกม ประเด็นหลักๆ ก็ใครได้คำสาปอะไร อยู่ส่วนในของโลกภายในเกม มีนัดแนะกันไปเก็บเลเวลด้วยกัน หลายคนชวนผมอยู่ แต่ผมปฏิเสธเพราะมีปาร์ตี้เก็บเลเวลของตัวเองอยู่แล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 20:11:50 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.27 รุ่นพี่ที่เคารพ (ต่อ)

   กลทำตัวเงียบไม่เป็นจุดสุดใจได้อย่างแนบเนียนโดยการหลบหลังผม ปล่อยให้เพื่อนฝอยกันน้ำลายกระเซ็น บางคนคออ่อนดื่มหนักหน่อยเริ่มเลื้อยกวนเพื่อนคนอื่นจนโดนเท้า ไอหนึ่งกับดาลี่ไม่รู้มันหยิบหม้อกะละมังมาจากไหน เคาะเป็นกลองให้ไอโต้งร้องเพลง จังหวะโคตรมั่ว ผมขำจนแทบสำลักเหล้า

   หมาป่าหนุ่มรู้หน้าที่ดี คอยลูบหลัง เติมเหล้าให้ไม่ขาด แกะกุ้งหอยวางใส่จานให้เป็นอย่างดี ถึงในเกมกลจะมือไว พอนอกเกมแถมยังอยู่ในวงเพื่อนฝูงคนรู้จักเจ้าตัวจะสงบมือไม่รุ่มร่าม แต่คอยดูแลอยู่ตลอด ผมเองก็คอยจับยัดปากให้เหมือนกัน ไม่งั้นมัวแต่แกะไม่ทันพวกสัมภเวสี กินอย่างกับห่าลง

   ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง มีบางคนไหลตายนอนกอดขวดเหล้าอยู่บนพื้น ไอพวกที่คอแข็งยังคงดวลเหล้าดื่มกันต่อไป เวลาล่วงเลยไปจนถึงสี่ทุ่ม ไวไวกลับมานั่งที่ดื่มไปได้สองสามแก้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดระหว่างใช้เท้าเขี่ยยากันยุงหลบไปก่อนหนึ่งมันกลิ้งไปทับ

   “กลับก่อนนะโว้ยพวกมึง” กระต่ายหนุ่มลุกพรวดหลังอ่านข้อความบนมือถือ คาดว่าคงถูกลินขู่ฆ่าแหงถึงได้รีบหน้าตื่นขอตัวกลับอย่างนี้ ปกติไวไวมันถึงไหนถึงกัน ยันเช้ายังเคย เห็นไวไวลุก หมาป่าข้างตัวเริ่มสะกิดบ้าง ดึงแก้วเหล้าออกจากมือผมเป็นสัญญาณว่าเด็กน้อยอยากกลับบ้านเต็มแก่

   “เฮ้ย ไปด้วยๆ โชคดีพวกมึงอย่าโดนยุงหามล่ะ” ผมลุกตามกลกับไวไวที่ยืนรออยู่ ไอโต้งโบกมือลาแทนเพื่อนและน้องคนอื่นๆ

   “ไปเถอะไอ้พวกมีแฟน คนไม่มีอย่างกูขอแดกเหล้าย้อมใจอยู่งี้แหละ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพวกกูเก็บซากเอง” ปีสามไก่แก่คอแข็งพยักหน้ารับ ผมเกาแก้มหัวเราะ โดนพวกมันพูดชัดๆ เรื่องมีแฟนแบบนี้ ชวนให้เขินเล็กๆ แฮะ ถ้าใครมองไม่ออกว่าผมกับกลคบกันอยู่คงตาบอดเต็มทน ถึงเราจะไปม่สวีทจี๋จ๋าจนน่าถีบ แต่การแสดงออกมาหลายๆ อย่างมันบอกชัดเจนเรื่องความสัมพันธ์ เป็นโชคดีของผม เพื่อนทุกคนรับได้ไม่มีปัญหา รักพวกมันจริงๆ ให้ดิ้นตาย

   ผมเดินออกมาจากบ้านไม้ ปิดรั้วให้เรียบร้อย เห็นกลยืนกอดคอพิงรถอยู่ ไม่ไกลกับรถของไวไว

   “คืนนี้เข้าเกมปะ” กระต่ายถึกถามพลางใส่หมวกกันน็อคนั่งคร่อมอยู่บนรถมอไซค์คันโปรด

   “ไม่อะ มีสัญญาที่ต้องทำกับหมาบางตัว” ดวงตาสีเทาเหล่มองไปทางหมาป่าที่ยิ้มรับอย่างยินดี ไวไวมองพวกผมสลับไปมาแล้วส่ายหัว

   “จะทำอะไรก็เบาๆ หน่อย เกรงใจแมวสองตัวบ้าง” ผมขว้างก้อนหินไล่กระต่ายปากมอม ไวไวบิดรถหนี ความจริงดื่มแล้วไม่ควรขับ แต่พวกเรามีเหตุให้ต้องกลับ บ้านก็อยู่ละแวกใกล้เคียง ถือว่าหยวนๆ นะ อีกอย่าง ไวไวมันคอทองแดง เหล้าแค่นั้นไม่สะกิดมันหรอก เหลือผมกับกล ทางนี้ยังดูชิวๆ หลักฐานคือ พวกเราขับกลับมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ

   นายท่านกับขุนพลหลับไปแล้ว สองตัวนี้เป็นแมวอนามัยนอนตื่นกินเป็นเวลา สองเหมียวเขามีเบาะนอนเป็นของตัวเอง มาช่วงหลังๆ ไม่รู้ทำอิท่าไหน ผมตื่นมากินน้ำตอนดึกทีไร เห็นนายท่านไปนอนเบียดอยู่กับขุนพลทุกที อย่างวันนี้ก็เหมือนกัน เบาะแมวสีอ่อนโดนเมินสนิท เมื่อเจ้าของย้ายตัวเองไปนอนซุกพุงเจ้าของเบาะสีเข้มข้างๆ กัน ก้อนขนสองสีนอนขดซุกกันน่ารักจนผมอดใจไม่ไหว ถ่ายรูปไปเป็นกระบุง ส่งให้ยั่วพี่วินจนโดนโวยกลับมา ป่านี้ยังไม่นอน สงสัยงมงานอยู่

   “อย่ามัวสนแมว สนฉันบ้าง”

   หมาป่าเรียกร้องความสนใจ ดึงมือถือออกจากมือผมโยนใส่โซฟา แล้วใช้แขนโอบเอวผมรั้งตัวเดินขึ้นด้านบน พอถึงห้องนอนจัดการปิดล็อก ดันผมพิงประตูพลางเชยคางให้รับจูบร้อน ลิ้นชื้นเลียริมฝีปากอย่างเรียกร้องจนผมต้องยอมเปิดปากให้สอดเข้ามาพัวพันกับลิ้นตัวเอง

   มือหนาสอดเข้ามาในเสื้อ ลูบไล้แผ่นหลังขณะที่ท่อนขาสอดตรงกลางหว่างขาจงใจเสียดสีกับกลางตัว ผมหันหน้าหนีจูบยามถูกรุกมากๆ เข้า กลปล่อยปากผมแต่ยังคงซุกไซร้แถวลำคอ จมูกโด่งวาดผ่าน ลมหายใจร้อนเจือกลิ่นเหล้าดูดิบๆ ยังไงชอบกล

   “ที่เตียง” ผมอุทรณ์ กลยอมผละออกแต่โดยดี วงแขนตวัดอุ้มผมแนบตัวก้าวขายาวๆแค่สามก้าว ผมก็มานั่งอยู่บนเตียงนอน ร่างสูงคร่อมอยู่ด้านบน กลโน้มใบหน้าลงมางับหูเบาๆ เล่นเอาขนลุกซู่ไปทั้งตัว เสื้อผมถูกจับด้วยมือหนาเพียงวูบเดียวเหลือแค่เพียงท่อนล่าง พอๆ กับท่อนล่างที่ถูกถอดออกเหลือเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียว ผมไม่อยู่เฉย ถึงดูแนวโน้มผมจะกลายเป็นฝ่ายรับ แต่ถึงยังไงผมก็เป็นผู้ชาย โดนปลุกอารมณ์มากๆ เข้า สัญชาตญาณมันก็ออก

   ผมปลดกระดุมเสื้อกลออกจนเผยให้เห็นแผ่นอกกว้างกับกล้ามเนื้อสมส่วน ขณะที่กลเองกำลังปลดกางเกงตัวเองกระทั่งบ็อกเซอร์ก็ยังไม่เหลือ เราขยับเข้าหากัน ริมฝีปากจูบแลกลิ้น ยิ่งอารมณ์กริ่มๆ จากแอลกอฮอล์ทุกอย่างเลยไหลลื่นไม่มีติดขัด อารมณ์เตลิดแบบกู่ไม่กลับ

   มือล้วงความเป็นชายออกมารั้งรูดเสียดสีไปกับของอีกคนจนตื่นตัวเต็มที่ กลยิ่งลูบไล้สำรวจไปทั่วร่าง ผมรู้ได้จากสัมผัสสากจากมือหนา คอผมโดนไซร้ดูดแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนเขาจะก้มลงมาซุกอยู่แถวอก รัวลิ้นจนผมสะท้าน ไม่คิดเลยว่าโดนจุดนี้มันจะช่วยปลุกอารมณ์ได้ด้วย ผมแหงนคอกอดกลไว้ปล่อยให้ส่วนล่างเสียดสีกันไปมาเพิ่มความเสียวให้พุ่งวาบ

   กลดันให้ผมเอนนอนลง เขาเปิดลิ้นชักหัวเตียงหยิบเอาเจลหล่อลื่นออกมาพร้อมถุงยาง โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าเขาแอบเอามาใส่ไว้ตอนไหน ทั้งที่ห้องนี้เป็นห้องนอนของผมแท้ๆ

   บ็อกเซอร์ผมถูกถอดโยนทิ้ง เจลใสถูกบีบใส่นิ้วยาวป้ายใส่ทางด้านหลัง ความเย็นจากเจลกับสัมผัสครั้งแรกให้ตายยังไงก็เฉยไม่อยู่ มือผมบีบบ่ากลแน่น หมาป่าหนุ่มก้มลงมาจูบริมฝีปากเบาๆเหมือนจะปลอบ แล้วใช้มือข้างที่ว่างรั้งรูดของพวกเราไปพร้อมกัน ปลุกอารมณ์ให้ผมตอบรับสัมผัสจากเขาอีกรอบ

   ปลายนิ้วถูวนคล้ายจะให้ปรับตัว ก่อนเริ่มสอดนิ้วแรกเข้าไปจนเพิ่มนิ้วที่สองผมถึงเริ่มมีอาการ พอผมจวนจะเสร็จอารมณ์กึ่งล่องลอยไม่ทันได้สนด้านล่าง นิ้วที่สามถูกสอดเข้ามาขยับขยาย ผมหอบหายใจถี่สะดุ้งทุกครั้งที่ปลายนิ้วโดนจุดอ่อนไหวภายใน การปลุกเร้าทุกอย่างก็หายไปพร้อมกลถอนนิ้วออก จับขาผมโอบตรงสะโพก คร่อมตัวบนร่าง ใช้ฟันกัดฉีกถุงยางต่อหน้า และเจ้าสิ่งนั้นที่ชี้หน้าผมอยู่ พ่อให้มาเยอะเกินไปรึเปล่ากล...

   “จะช่วยใส่?” พอเห็นผมมองท่าฉีกถุงยางสุดอิโรติก ตัวต้นเหตุเลิกคิ้วมองด้วยดวงตาพราวระยับ ผมยกมือปิดหน้า อายโว้ย ด้านล่างยังเบียดกันอยู่เลย

   “จะทำอะไรก็รีบทำไปเหอะหน่า!” ผมโวยตัดความอาย ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มในคอ กลดึงมือผมออกจากหน้าไปจูบก่อนกระทำการร้ายกาจ ลิ้นนุ่มแลบเลียดูดปลายนิ้วให้ผมหายใจสะดุด ใครบางคนอาศัยช่วงผมเผลอ กดความเป็นชายของตัวเองที่ฉโลมไปด้วยเจลล่อลื่นทั่วถุงยางเข้ามาในตัว ความรู้สึกอึดอัดต่างจากนิ้วโดยสิ้นเชิง กลไม่ปล่อยให้ผมขยับหนี มือหนารั้งสะโพกค่อยๆ กดของตัวเองเข้ามา ผมแหงนคอกำผ้าปูเตียงแน่นด้วยความเจ็บ ได้ยินเสียงกัดฟันของคนที่กำลังอดทนอย่างหนัก

   คนรองรับอาจรู้สึกแค่เพียงความเจ็บเสียด แต่คนกระทำสัมผัสถึงความอ่อนนุ่มที่โอบรัดส่วนสำคัญจนแทบอดใจไม่ไหว ผมเห็นกลขบกรามจนขึ้นสันนูน ผมรั้งคอเขาลงมาจูบ กลคอยปลุกเร้าผมตลอดเพื่อเบนความสนใจจากด้านล่าง จนผมเริ่มชิดไม่เกร็งเท่าตอนแรกเขาถึงรุกต่อสอดใส่กระทั้งสุดลำกาย

   ความคับแน่นอึดอัดจนยากบรรยาย พอๆกับความรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็ม กลแช่ค้างให้ผมปรับตัว ทันทีที่ผมเริ่มหายใจปกติ เขาเริ่มขยับสะโพกเชื่องช้า ก่อนเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ เบื้องล่างถูกเสียดสีจนร้อน ความความเจ็บโดนบดบังด้วยความกระสัน

   “ซี๊ดด กล ช้า...ช้าๆหน่อย” ผมสูดปากด้วยความเสียว แต่สิ่งที่ได้รับมันกลับตรงกันข้าม

   “ขอโทษ ทนไม่ไหวแล้ว” เสียงทุ้มต่ำหอบพร่าไปด้วยแรงอารมณ์ ผมถูกพรมจูบไปทั่วแผ่นอกจนมีแต่รอยแดง เสียงหยาบโลนจากจังหวะสอดประสานดังคละเคล้าเสียงหอบหายใจกับเสียงครางหวิวแบบที่ตัวเองยังไม่คิดว่าจะร้องออกมาได้

   กลดูพอใจยามได้ยินเสียงนั้น ปากคอยเรียกชื่อผม แถมจงใจกระตุ้นจุดวาบหวานภายในทุกครั้งเพื่อให้ได้ยินเสียงที่ต้องการ ยิ่งจวนถึงขีดสุดของอารมณ์ ความหนักหน่วงเร่าร้อนยิ่งเพิ่มมากขึ้น ร่างกายผมเอนไหวไปตามแรงโถมกายจากอีกคน ใบหน้าคมคายฉายชัดถึงความสุขสมพึงพอใจ ยามมองสีหน้าสุดเร้าอารมณ์ของคนด้านใต้

   ส่วนอ่อนไหวของผมถูกรูดจนปลดปล่อยเต็มมือหนา จังหวะเดียวกับที่เบื้องล่างถูกสอดลึกจนจุกแน่น พร้อมความรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งที่ปล่อยเข้ามาด้านใน ผมนอนหอบหายใจด้วยความเหนื่อย หมาป่านุ่มก้มลงมาจูบหน้าผากอย่างอ่อนโยน

   คนด้านบนขยับกายออก ดึงถุงยางบรรจุของเหลวมัดโยนทิ้งใส่ถังขยะเล็กข้างเตียง แล้วใช้ทิชชู่ช่วยเช็ดคราบขาวให้อย่างบรรจง ก่อนอุ้มหอมแก้มคนหมดแรงซ้ำๆ

   “เดี๋ยวพาไปอาบน้ำ”

   “อืมม” ผมรับคำในคอ เวลานี้ไม่อยากขยับตัวแม้แต่มิลเดียว กลก้มลงมากระซิบข้างหู

   “ขอบคุณที่ยอมเป็นของกล ที่รัก…กลรักวัตนะ”

   เสียงนุ่มกับคำหวานๆหลังเสร็จกิจกรรมบนเตียงหมาดๆ มันไม่ปลอดภัยต่อหัวใจผมจริงๆ ยิ่งน้ำเสียงนั้นแสดงถึงความดีใจชัดเจน และการกระทำตรงข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แบบคนละโลก มันทั้งอ่อนโยน ทะนุถนอมราวกับผมเป็นของล้ำค่าสำหรับเขา
   
   “ฉันก็รักนายเหมือนกัน” ผมจูบใต้คางคนอุ้ม ได้ยินเสียงร้องต่ำในลำคอ

   “อย่ายั่ว เดี๋ยวไม่ได้นอนจะรู้สึก”

   ผมหัวเราะ ต่างคนต่างใบหน้าขึ้นสี รู้สึกมีความสุขจนหัวใจพองฟู ผมกับกลอาบน้ำด้วยกัน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ผมรู้ว่ากลยังไม่พอ แต่เพราะเป็นรอบแรกเขาถึงไม่อยากฝืน ความสัมพันธ์ทางร่างกายเป็นแค่สิ่งแสดงความรักอย่างหนึ่งเท่านั้น มันไม่ใช่ทุกอย่าง สิ่งสำคัญที่สุดคื อความรู้สึกกับการกระทำที่แสดงออกมามากกว่า

   กลอาบน้ำช่วยเช็ดผมให้ แถมปะแป้งซะหอมฟุ้ง ผมเลยจัดการปะกลับ ผิวเข้มๆ ของกลพอทาแป้งไปเลยเห็นชัด ผมวาดรูปแมวใส่กล้ามพุงแถมหนวดให้ที่แก้ม เจ้าตัวดันยอมอยู่นิ่งให้ผมเล่นซะด้วย แต่ดวงตาสีเข้มหวานซึ้งจนผมชะงัก กลดึงผมเข้าไปกอดแล้วล้มตัวลงนอนห่มผ้าซะเรียบร้อย ผมกอดซบแผ่นอกอุ่นๆ ของกลหลับสบายตลอดทั้งคืน

   เสียงนกนอกหน้าต่างไม่อาจปลุกผมจะการนอนอันแสนหวานได้ ยิ่งเมื่อคืนเพิ่งออกกำลังกายบนเตียงไป ร่างกายรู้สึกปวดเมื่อย ด้านล่างเองก็ยังเสียดๆ ไม่อยากลุก ผมเลยแทบจะฝังตัวเองไว้กับเตียง กระทั่งเสียงเอะอะปลุกให้ตื่นจากการนอน

   ในขณะนั้น หน้าบ้านมีเหล่าแขกไม่ได้รับเชิญ ไวไวเดินเข้ามาเป็นคนแรกด้วยความเคยชิน ตามหลังมาด้วยสามหนุ่มกับหนึ่งสาว

   “ฉันเรียกพวกนั้นแปบ” ปกติไวไวคงเปิดเข้าไปเลย แต่วันนี้ทำไม่ได้จากการคาดเดาอันแม่นยำของไวไว เมื่อคู่ทั้งคู่ไม่ได้กลับบ้านมาอาบน้ำนอนเฉยๆแน่ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงสภาพตอนเช้า แถมยังมีแขกคนอื่นมาด้วยอีก อย่างน้อยๆ ต้องส่งสัญญาณบอกให้พวกนั้นเตรียมตัวสักหน่อย

   ก๊อกๆ

   “วัต กลตื่นยัง เปิดประตูหน่อย”
   
   ไม่มีเสียงใดตอบกลับ แขกผู้มาเยือนต่างมองหน้ากัน ฉับพลันได้ยินเสียงโครมครามอะไรบางอย่างจากด้านใน ด้วยความตกใจกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น ไวไวลืมสนเรื่องที่กังวลตอนแรก เปิดประตูผางเข้าไปเต็มๆ

   “เกิดอะไรขึ้น”

   “ขุนพล!”

   “เฮ้ย!!” สิ่งที่เห็นทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง กลในสภาพผมยุ่งเพราะเพิ่งตื่นนอนสวมกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวเปลือยท่อนบนกำลังวิ่งไล่จับลูกชายตัวเองที่ซนแอบย่องเข้าห้องนอนตอนที่เขาเปิดประตูออกมา พอโดนไล่ เจ้าเหมียวยักษ์คิดว่าพ่อเล่นด้วย วิ่งหนีไปทั่วบ้าน ประจวบเหมาะกับประตูหน้าบ้านถูกเปิดออก แมวตัวโตเลยพุ่งถลาใส่คนแปลกหน้า

   ไวไวประสานสัมผัสไวจากการเป็นนักฬีกา คว้าสาวเพียงหนึ่งเดียวหลบการจู่โจมจากแมว พร้อมใช้มือปิดตาแน่นหนา สามคนที่เหลือเลยถูกพุ่งเข้าใส่ หงายหลังไปนั่งอยู่บนพื้น หนึ่งผู้ซวยสุดเป็นเบาะมนุษย์นั่งขยับแว่น ซ้ายขวามีเพื่อนและรุ่นพี่มองสิ่งที่เจ้าเหมียวคาบอยู่ในปาก มันเป็นซองสีเงินที่ผู้ชายทุกคนรู้จักดี

   กลก้าวฉับๆ อุ้มขุนพลจากตัวเพื่อน แล้วดึงเจ้าซองในปากโยนทิ้งถังขยะ ก่อนหันกลับไปจัดการแมวตาสองสีกำลังใช้เท้าเขี่ยหลอดเจลเล่นอยู่ พอกลเดินเข้าใกล้ นายท่านพองขนขู่ใส่ วิ่งหนีขึ้นไปหาคนที่กำลังลงมาจากบันได กลก้มลงไปเก็บหลอดเจลยัดเข้าลิ้นชักแถวนั้น มือข้างหนึ่งอุ้มแมวเมนคูนตัวโต ส่วนอีกคนอุ้มแองโกล่าสีขาว ลงมาในสภาพเปลือยท่อนบนเหมือนกันเด๊ะ ต่างกันแค่ท่อนล่าง อย่างน้อยเจ้าของบ้านก็ใส่กางเกงนอนมาล่ะนะ

   “เสียงวุ่นวายอะไรกัน ตะกี้นายเก็บอะไรแวบๆ นะกล”

   “สองตัวนี้มันคาบออกมา” กลชี้ไปที่ถังขยะที่มีซองถุงยางนอนแอ่งแม่ง กับลิ้นชักเก็บเจลเมื่อครู่ ผมลูบหน้าพรืด เกิดความคิดอย่างเตะโด่งแมวออกจากบ้าน พลันสายตาหันไปเห็นกลุ่มคนที่ยืนออกันอยู่ตรงประตู กลหรี่ตามอง ดันหลังผมขึ้นไปชั้นบน พร้อมตัวเองเดินตามขึ้นมาด้วย แล้วหันไปสั่งเพื่อนกับรุ่นพี่ตัวเองหน้าตาเฉย

   “ปิดประตู นั่งเงียบๆ จนกว่าพวกฉันจะลงมา ที่สำคัญ ใครมองวัต...ตาย”

   คนฟังกลืนน้ำลายอึกกับประโยคสุดท้าย ต่างคนต่างพากันยกมือปิดหน้า ใช้มือเพื่อนปิด และดึงคอเสื้อปิดหน้าตัวเอง พลางคิดในใจ เมื่อกี้ไม่เห็นว่าเจ้าของบ้านผิวใต้ร่มผ้าขาวจนสาวอิจฉา ทั้งที่แขนขาออกเกรียมแดดนิดๆ ไม่เห็นรอยจูบเต็มอกเต็มคอ ไม่เห็นรอยเล็บบนบ่ากล ไม่เห็นอะไรเลยจริงจริ๊ง

   กระต่ายหนุ่มรอจนมั่นใจว่าสองคนผู้มีสภาพโคตรไม่เรียบร้อย ไสหัวขึ้นชั้นบนไปจัดการตัวเองพร้อมลูกชายสองตัวแล้ว ถึงค่อยปล่อยมือจากการปิดตาหญิงสาวข้างกาย

   “นายจะปิดตาฉันทำไม” สาวเจ้าถามอย่างไม่สบอารมณ์

   “ยังจะถามอีก" ไวไวถลึงตาใส่กลับ

   “อ่อ แค่ผู้ชายถอดเสื้อเอง ไม่ได้แก้ผ้าเดินโทงๆสักหน่อย อีกอย่างนายลืมไปแล้วเหรอว่าในเกมฉันเป็นอะไร” ลินบ่นแล้วนั่งบนโซฟาระหว่างรอเจ้าบ้าน โดยมีไวไวนั่งลงตามพลางใช้เท้าดันถังขยะที่กลทิ้งเมื่อครู่ไปไกลๆ

   “ไม่ได้ลืม แต่ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิง และเป็นแฟนฉัน!”

   “แหม่ ไม่อยากให้มองรูปร่างชายอื่นบอกกันดีๆก็ได้” ลินยกมือปิดปากหัวเราะสนุกที่ได้แหย่แฟนหนุ่ม

   “จะบ้าเรอะ! ฉันไม่ได้...” ไวไวค้านหน้าแดง สามคนที่กำลังทำท่าปิดหู ปิดตา ปิดปากเป็นสามลิงกลายเป็นหัวหลักหัวตอมองคนสวีทกัน นึกอยากวิ่งออกไปหาแฟนสักคนให้รู้แล้วรู้รอด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 20:12:30 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ oss_tw

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 o13

รอ รอ ตอนต่อไป


ออฟไลน์ tsubasa_6927

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ห๊ะ คืนนี้!!! ตัดกันอย่างนี้เลยรึ!!!!!!
โอยย หนุ่มๆ ให้ป้าไปแอบดูใต้เตียงได้มั้ย(ไม่ใช่!)
ฮาาาาา ยังคงเข้ามาเพื่อกรี๊ดหมาป่าเหมือนเดิมค่ะ
แต่คู่ไวไวกับลินนี่เค้าดูจะสวีทกันตลอดยังไงไม่รู้

ปล. ชอบน้องแมวเมนคูนมากเลยค่ะ ตัวใหญ่น่าฟัดมาก :katai1:

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
หมาน่ารักเหมือนเดิมมมม
หมาต้วน้อย(เหรอ) น่ารักที่สุด มีจุ๊บเหม่งด้วยยย
ถถถถถถถถถถถถถถ

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
ค้างคาวตัวกลม :laugh:
บรรยายน่ารักมาก

รอคืนเน้ของหมาป่ากับค้างคาวอย่างใจจดจ่อ

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
ใจหายใจคว่ำหมดเลยยยยยย. แล้วเกมที่ค้างอยู่ล่ะ จะได้เป็นราชาแวมไพร์มั้ยอะ :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
เราก็รอ "คืนนี้" เหมือนกันนะ

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
เราจะเตรียมกล้องไว้สำหรับคืนนี้ :hao6:

ปล. อยากเห็นเซ็ตดาบของกลจังครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ zakimi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
เป็นเหตุการที่ชวนใจหายใจคว้ำจริงๆ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
วุ้ย เกือบ

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
แล้วงี้ดันเจี้ยนจะผ่านไหมเนี่ย
คืนนี้วัตไม่ต้องกลัว กลบุกแน่ 5555+

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เริ่มไม่แน่ใจว่าระหว่างค้างคาวกับหมาป่าเนี่ย ใครขี้ยั่วกว่ากัน

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.28 งานบู้ต้องมา

   “ตกลงพวกนายแห่มาทำอะไรบ้านฉัน”

   ผมถามแขกไม่ได้รับเชิญทั้งหลาย หลังจากที่ขึ้นไปจัดการตัวเองเรียบร้อยลงมานั่งเล่นเกมจ้องตากับเจ้าพวกที่เหลือ โดยมีสองเหมียวอยู่เคียงข้าง ส่วนขุนพลซึมไปหน่อยเพราะโดนกลดุใส่ นายท่านยังคงไม่สะทกสะท้าน นอนบนตักผมเชิดหน้าชูตามองเย้ยหมาป่าอยู่เนืองๆ

   จะว่าไปเมื่อคืนรู้สึกจะดื่มกันหนัก ไหงวันนี้ถึงแหกขี้ตาตื่นมาบุกบ้านผมโดยไม่มีอาการเมาค้างสักคน ร้ายกาจ

   “หลังพวกเราเก็บซากบ้านไม้เสร็จ เห็นว่าพี่กับกลอยู่ด้วยกันเลยแวะมาทักทายเล่นๆ ว่าจะมาคุยเรื่องเกมด้วยเมื่อวานมัวแต่ดื่มกันจนไม่ได้คุย แล้วบังเอิญเจอพี่ไวไวกับแฟนอยู่หน้าบ้านพอดีเลยเข้ามาพร้อมกัน”

   ดาลี่เป็นคนอธิบายผมเลิกคิ้วมอง จะบอกว่าเจ้าพวกนี้ติดเกมก็ไม่ได้ ตัวเองไม่น้อยหน้า ถ้าไม่มีเหตุจริงออนเกมทุกคืนไม่มีขาด

   “ลินอยากมา ฉันเลยพามา ว่าจะคุยเรื่องดันเจี้ยนด้วย ตกลงผ่านไม่ผ่าน”

   ไวไวถาม อีกสามหน่อหูผึ่งหันขวับมามองพวกเรา หนึ่งดูกระตือรือร้น

   “พวกพี่ไปลุยดันไหนมาเหรอ ใช่พวกดันใหม่ที่เพิ่มอัพแพทเพิ่มเข้ามาป่าว แล้วเจออะไรบ้าง มีไอเทมเจ๋งๆ กับมอนสเตอร์โหดๆ ใช่ปะ”

   “จะตอบใครก่อนดีล่ะทีนี้ เอางี้ เล่าให้ฟังทั้งหมดเลยแล้วกัน” ผมสรุปแล้วเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นให้พวกดาลี่ฟัง พร้อมเล่าส่วนของตัวเองที่เหลือเป็นคนสุดท้าย แต่ข้ามเรื่องโดนแทรกแซง ผมบอกไปแค่ว่าดันตายซะก่อน ไม่รู้ว่าตกลงชนะหรือแพ้ เข้าเกมคงจะรู้ผล

   หลังฟังจบดาลี่ หนึ่งกับไม้ตาโตแบบอึ้งๆ ไม้พูดขึ้นมากลางวง

   “เมื่อคืนพวกพี่คงไม่ได้เข้าเกมกันสินะ แต่ผมมีโอกาสแวบเข้าไปเล่นนิดหน่อย มันมีข่าวประกาศว่ากลุ่มปาร์ตี้เจ็ดคนเคลียดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์ได้เป็นกลุ่มแรก แถมยังได้ของแรร์อีกต่างหาก”

   “นั่นหมายความว่าพวกเราผ่าน?” ลินเอ่ยลอยๆ อย่างสงสัย ขณะมองเพื่อนร่วมปาร์ตี้อย่างขอความเห็น ไวไวยักไหล่ไม่อาจทราบได้ ผมมองหน้ากล เจ้าตัวส่ายหัวพูดสั้นๆ

   “เข้าไปในเกมก็รู้”

   “เรื่องนั้นช่างเหอะ จะประกาศ ผ่านไม่ผ่านเอาไว้ก่อน ฉันสงสัยว่าพวกนายต้องการอะไรมากกว่า เห็นมาป้วนเปี้ยนบอกจะถามเรื่องเกมหลายที” ผมเลิกกคิ้วมองสามหน่อ พวกเขายิ้มแห้งๆ

   “ปิดอะไรพี่วัตไม่ได้จริงๆ คือ ตอนนี้พวกเรากำลังถูกคนกลุ่มหนึ่งหมายหัวอยู่ เป็นกิลด์ดังแถวทวีปต้นเลยอยากให้พวกพี่ช่วยหน่อย”

   ดาลี่ประกบมือไหว้ผม จะให้ช่วยเลยโดยไม่ถามอะไรก็ยังไงอยู่ ผมให้ดาลี่เล่าเรื่องราวทั้งหมดมาให้ฟังแล้วเดี๋ยวผมจะตัดสินใจอีกที

   เจ้าตัวเล่าว่า ส่วนใหญ่จะเล่นเกมคนเดียวมีแค่บางครั้งไปกับเพื่อนหรือปาร์ตี้อื่นบ้าง จนวันเข้าค่าย คุยเรื่องเกมกับพวกหนึ่งแล้วถูกคอ หลังกลับจากค่ายเลยนัดเจอกันร่วมทีมสามคน ตีมอนสเตอร์ ทำภารกิจเก็บของขายตามปกติ กระทั่งวันหนึ่ง มีพวกกิลด์เจ้าถิ่นมาแย่งมอนสเตอร์คนแถวนั้น ทั้งสามคนเห็นแล้วโมโหเตือนก็ไม่ยอมฟัง เลยจัดการเชือดทิ้งซะเรียบ พวกนั้นไปฟ้องตัวหัวหน้า นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเลยโดนตามรังควานตลอด

   ทีแรกไม่คิดรบกวนมาขอให้พวกผมช่วย แต่พักหลังโดนถี่จัดจนแทบทำอะไรไม่ได้ ผมฟังแล้วพยักหน้ารับเงียบๆ มีลินกับไวไวดูเป็นเดือดเป็นร้อนใหญ่

   “ไอ้พวกหมาหมู่แบบนี้เอาไว้ไม่ได้ พวกมันเลเวลเท่าไหร่” กระต่ายชักเถื่อนขึ้นทุกวัน

   “ประมาณร้อยต้นๆ อะพี่ ผมเลเวล104 หนึ่งกับไม้เลเวล100”

   “โดนพวกมากรุมเลยแพ้สินะ” ลินพูด พวกนั้นยิ่งหงอย ผมหันไปทางกล ขานั้นมองประมาณว่าผมว่าไงว่าตามกัน ลินกับไวไวดูคันไม้คันมืออยากช่วยเต็มที่ ผมเลยตัดสินใจช่วย พี่น้องต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว

   “พวกฉันจะไปช่วยพวกนายเอง” เจ้าสามตัวทำตาเป็นประกายด้วยความดีใจ จะถลาเข้ามาหาผม แต่โดนกลยกขายันซะก่อน พวกนั้นเลยต้องถอยหลังไปนั่งเรียบร้อยตามเดิม

   ผมยังไม่กินอะไรตั้งแต่ตื่น หลังคุยเสร็จพยาธิทำงาน ผมจะลุกไปทำกับข้าวกินเหมือนทุกทีก็เกรงใจสังขาร ดูเผินๆไม่เป็นไร แต่ความรู้สึกเจ็บเมื่อยตามเนื้อตามตัวยังอยู่ แล้วยังมีตัวแถมเต็มบ้าน แต่ละคนดูไม่ได้ทานอะไรกันก่อนมา สรุป ลินอาสาทำข้าวต้มจากของสดในตู้เย็นให้ทุกคนกิน

   ไวไวเข้าไปช่วยแฟนที่ไม่รู้ไปคบกันตอนไหน เจ้ากระต่ายทำอาหารไม่เป็น ให้เป็นลูกมือพอไหวเพราะเคยช่วยผมเข้าครัวอยู่บ้างเวลามันมาฝากท้อง ส่วนกลกับพวกที่เหลืออย่าไปกล่าวถึง กินเป็นอย่างเดียว

   หลังทานเสร็จเจ้าพวกนั้นเลยต้องไปเก็บกวาดล้างจาน วันนี้ทั้งวันมาขลุกอยู่บ้านผม ด้วยความที่บ้านผมปลูกต้นไม้เยอะ อากาศเลยเย็นสบาย พวกมีเชื้อเหล้าเลยนอนกลางวันแข่งกับแมวเกลื่อนคาบ้าน พอช่วงเที่ยงฝากท้องกับร้านอาหารตามสั่งหน้าปากซอย เริ่มเย็นทุกคนก็แยกย้ายนัดสถานที่เจอในเกมเสร็จสรรพ

   ถึงมื้อเย็น ผมโอเคขึ้นลงมือทำกับข้าวเย็น มีพ่อแมวกับลูกเหมียวสองตัวมากวนอยู่ในครัว

   “ไปรอที่โต๊ะสิ นายท่านขุนพล คลุกข้าวให้กินไปแล้วหนิ จะมากวนทำไมอีก”

   ได้ยินผมบ่น กลอุ้มขุนพลและอาศัยจังหวะนายท่านเผลอ ช้อนตัวโยนไปไว้นอกห้องครัวทั้งสองตัว ก่อนปิดประตูกระจกใส่ไม่สนเสียงร้องกับเล็บตะกุยกระจก ผมเหล่ตามอง

   “ลูกแมวไปแล้ว คนพ่อล่ะทำไมยังอยู่”

   “อยากช่วยแม่แมวทำกับข้าว” หมาอ้อนครับทุกคน กลเดินเข้ามากอดจากทางด้านหลัง เอาคางเกยบ่า

   “ถ้างั้นเอาผักไปล้าง หั่นหมูด้วย แบบนี้”

   นอกจากจะสอนกระต่ายเป็นลูกมือ ตอนนี้ต้องมาสอนหมาป่าทำอาหาร ปกติเก่งไปซะทุกเรื่อง พอในครัวดูเงอะงะจนน่าเห็นใจ ผมคอยบอกคอยมองเป็นระยะ มื้อนั้นกลดูจะภูมิใจเล็กๆ ที่ได้ลงมือช่วยทำอาหาร คิดว่าหลังจากนี้ผมคงได้ลูกมือเป็นหมาป่าแบบถาวรแล้วล่ะครับ

   ถึงเวลาออนเกม ผมกลช่วยกันดูปิดไฟปิดประตูกระจกล็อกเรียบร้อย ลูบๆ หัวนายท่านกับขุนพลบนเบาะนอน แถมหมาน้อยที่ยืนมองอยู่ข้างๆ

   พอสวมเครื่องเล่น ลืมตาอีกทีมาโผล่อยู่ในห้องพักขนาดเล็ก ผมไม่ได้อยู่ที่ปราสาทแวมไพร์แล้ว ข้างๆ มีกลฉบับหูหางหมาป่ายืนอยู่ พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันสองคนอย่างที่คิด บนเตียงนอนมีบุคคลที่สาม...

   มีเสียงเรียกมาจากด้านนอก พวกไวไวที่เข้าเกมมาก่อน ยืนรอสองเพื่อนอยู่หน้าโรงแรมพร้อมกับสมาชิกในปาร์ตี้อีกสามคน พวกทัตมารอฟังผลว่าตกลงกลุ่มปาร์ตี้ของเขาผ่านดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์จริงๆ รึเปล่า

   หมาป่าหนุ่มเดินออกมาหาทุกคนด้วยใบหน้าเรียบเฉย ค้างคาวสีทองเกาะบนไหล่กว้างด้านขวาโบกปีกทักทายทุกคนแสนลัลล้า ส่วนไหล่ด้านซ้ายกับมีค้างคาวขนสีเงินยวงอีกตัวเกาะอยู่ ท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

   หลังเห็นภาพเหล่านั้น คำแรกที่แวบขึ้นมาในหัวของไวไวคือ

   “นี่มันตัวเงินตัวทอ...อุ๊ก”

   คำสุดท้ายไม่ทันหลุดจากปาก สองค้างคาวตัวกลมขนฟูพุ่งกระแทกหน้าอย่างพร้อมเพรียง โชคดีที่มีหน้ากากอยู่ ไม่งั้นหน้าของกระต่ายโจ๊กเกอร์คงได้รอยเล็บค้างคาวไปประดับบารมี

   “ปากเป็นเหตุ เห็นทีเราคงต้องหาที่คุยกันหน่อยแล้ว”

   ทัตเหล่มองกระต่ายถึก ก่อนเปลี่ยนมาคุยกันแบบปาร์ตี้ คนภายนอกจะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกัน เพราะเรื่องราวหลังจากนี้มันไม่น่าป่าวประกาศเลยสักนิด

   “ค้างคาวตัวสีเงินตาแดง แสดงว่าพวกเราเคลียดันเจี้ยนนั่นได้สินะ”

   ทัตพูดขึ้น ผมพยักหน้ารับ ลืมไปไม่มีคอ เกือบกลิ้งตกจากไหล่กลแล้ว ดีที่มีมือหมาป่ามาช่วยจับเลยไม่ต้องลงไปคลุกดินบนพื้น

   “พวกเราได้อะไรบ้างจ๊ะ” อลิสถามด้วยความตื่นเต้น ขณะน้ำลองไปเขี่ยค้างคาวสีเงินเล่น เกือบโดนงับนิ้ว

   “ของที่ได้มีค่าประสบการณ์ อันนี้มันแชร์ให้ทุกคน มีเสื้อเกราะเซ็ตของดยุค กับอาวุธทักษะที่พวกเราได้ตอนลงดัน สุดท้ายก็ลาสนั้นแหละ” ผมชี้ไปทางค้างคาวสีเงิน เจ้าตัวกลับร่างคนยืนเด่นเป็นสง่า

   “สุดยอด ได้ราชาแวมไพร์มาเป็นสัตว์เลี้ยงเลยเหรอเนี่ย” น้ำพูดอย่างทึ่งๆ ลินมองท่าทางเสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้เก็บคอเรกชั่นแวมไพร์ ส่วนไวไวกับทัต ประสบการณ์กับราชาแวมไพร์ ไม่น่าจดจำเท่าไหร่

   “ข้าไม่ใช่สัตว์เลี้ยง ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ย เช่นนั้นข้าไปล่ะ” เสียงเย็นวังเวงอย่างแวมไพร์หันมาถามผม ผมโบกปีกเป็นเชิงว่าเชิญตามสบาย เจ้าตัวถึงกลายเป็นฝูงค้างคาวแล้วหายไป

   “หมายความว่ายังไง ไม่ใช่ต้องติดตามเจ้าของเรอะ” กระต่ายถามขอสงสัยของทุกคน

   “เขาไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แค่ทำสัญญากัน”

   ผมรับหน้าที่อธิบายต่อ ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ตอนที่ผมเข้ามาในเกมแล้วเจอกับก้อนขนสีเงินยวงใช้ปีกกอดอกรออยู่ในห้องเพื่อบอกรายละเอียดของการทำสัญญาให้กับผม เงื่อนไขการทำสัญญากับราชาแวมไพร์เริ่มตั้งแต่เข้าดันเจี้ยน ต้องเป็นปาร์ตี้กลุ่มแรก และในทีมต้องมีแวมไพร์อยู่ด้วย

   หลังเลือกข้อสุดท้ายจะเกิดการต่อสู้ เมื่อแพ้จะโดนส่งไปเกิดในเมืองห้ามเข้าดันเจี้ยนตามเวลาที่กำหนด ถ้าหากชนะจะได้ทำสัญญากับราชาแวมไพร์ สามารถเลือกใครในปาร์ตี้ก็ได้เป็นผู้ทำ ไม่เจาะจงว่าต้องเป็นแวมไพร์เท่านั้น

   มันเป็นระบบที่เพิ่มเข้ามาใหม่ภายในเกม ผู้เล่นสามารถจับกลุ่มเพื่อนไปลุยดันเจี้ยนโหดๆ ดันเจี้ยนไหนบอสมีคนบังคับแบบราชาแวมไพร์ จะสามารถทำสัญญาได้ตามเงื่อนไขของบอสตนนั้นๆ ส่วนพลังความสามารถของการทำสัญญาแตกต่างกันออกไป

   อย่างของผม ลาส ราชาแวมไพร์ สามารถเรียกใช้ได้สองแบบ แบบแรกคือการเรียกออกมาช่วยต่อสู้ พลังความสามารถของลาสจะลดลงให้เท่ากับระดับของผู้เล่น เพื่อไม่ให้เป็นการโกงคนอื่นจนเกินไป แต่ทักษะสกิลของลาสยังคงเดิม แบบที่สองคือ ผมสามารถขอยืมพลังของลาสมาใช้ด้วยตัวเองในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ สามารถใช้ได้เพียงวันละครั้ง

   ส่วนดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์ลาสยังเป็นบอสใหญ่สุด เพียงแค่คนอื่นจะไม่สามารถทำสัญญากับลาสได้เท่านั้นเอง ในกรณีที่มีผู้เล่นสู้กับลาส และผมเรียกเขาพอดี ลาสจะยังสู้ในดันปกติ ส่วนคนมาหาผมจะเป็นเอไอชั่วคราว จนกว่าลาสจะสู้เสร็จ

   ลาสบอกว่า ถ้าไม่โดนแทรกแซง สกิลของผมฆ่าเขาตายก่อนแน่นอน ผลเลยกลายเป็นว่าผมชนะได้ทำสัญญาไปโดยปริยาย เพราะเหลือรอดเป็นคนสุดท้าย เจ้าตัวยังมีแอบบ่นนนอกเรื่อง พี่วินไม่สนคำอุทรณ์ แถมยังใช้งานคนอื่นเยี่ยงทาส ไม่รู้พี่ชินทนไปได้ยังไง เรื่องนี้ผมฟังแล้วยิ้มไม่ขอออกความเห็น บางที พี่ชินอาจจะเกิดมาเพื่อให้พี่วินใช้งาน...

   “ผ่านก็ดี คนอื่นได้ราชาแวมไพร์ไปฉันคงเคือง แต่ถ้าเป็นนาย ฉันโอเคนะ” ทัตยิ้มเดินเนียนเข้ามาหาผม ก่อนจะเล่นจ้องตาขู่พองขนใส่กันระหว่างเหยี่ยวกับหมาป่า ผมหยิบไอเทมออกมาแจกจ่ายให้ทุกคน

   “ของพวกนี้เราชนะในดันถึงดรอปจากบอส ถ้าเราไม่ชนะก็อด ฉันให้พวกนายเลยแล้วกัน”

   อาวุธส่งให้คนที่เหมาะสม ส่วนทักษะสองอันผมให้น้ำ เกราะเสื้อยกให้ทัต แบ่งของเสร็จผมพูดเข้าเรื่อง

   “ความจริงหลังจากนี้พวกฉันต้องไปช่วยเพื่อนที่ทวีปต้น พวกนายจะไปด้วยมั้ย”

   “น่าสนใจ แต่พวกเราคงไปไม่ได้ ไหมบอกให้เราลงแข่งกิลด์รอบหน้าด้วยน่ะจ้ะ แล้วก็ฝากอันนี้มาให้” อลิสส่งไอเทมเข็มกลัดรูปงูมาให้ น้ำบอกเสริมระหว่างที่ทัตยังแง่งๆ อยู่กับกล

   “ไหมบอกให้พวกนายไปเอาสกิลที่ต้องการมาเพิ่มความแข็งแกร่ง เราจะลงแข่งด้วยกันในรอบท้ายๆ ส่วนไอเทมนี้เป็นไอเทมสำหรับทำเควสเพื่อเอาสกิล”

   ผมให้ลินเป็นคนเก็บไอเทมเอาไว้ คล้อยหลังพวกทัต กลุ่มผมกลับมาเหลือสี่คนเหมือนช่วงแรก ช่างเป็นบรรยากาศที่ชวนคิดถึง จุดที่เรานัดกับดาลี่คือในเมือง สามหน่อนั่นออกจากเมืองไม่ได้ เพราะจะถูกพวกกิลด์อริดักฆ่าจนต้องกลับไปเกิดในเมืองซ้ำแล้วซ้ำอีก ในเกมนี้ถ้าหากตายบ่อยๆ มีโอกาสของตกด้วย ผมแอดชื่อสามคนนั่นไว้ในรายชื่อเพื่อน ก่อนส่งข้อความไปหา

   อายุวัต - พวกนายยังอยู่ที่เมืองทวีปต้นใช่มะ ตอนนี้กำลังไป คงใช้เวลาหน่อย เพราะพวกฉันอยู่ทวีปกลาง”
   ดาลี่ - ไม่เป็นไรพี่ พวกผมรอได้
   อายุวัต – สืบเรื่องพวกนั้นไปพลางๆ เดี๋ยวพวกฉันจะไปจัดเต็ม หึหึ
   ดาลี่ – รับแซ่บ!

   “พวกนั้นว่าไง” ไวไวหันมาถามผมที่ยังอยู่ในร่างค้างคาว ย้ายตัวเองจากบนไหล่มาซุกกับขนสัตว์ที่คอเสื้อกล พวกเราใช้ม้าในการเดินทางเพื่อถนอมพลังงาน

   “สืบข่าวรอในเมือง”

   “พอดีเลย กำลังอยากลองใช้ซัมมอนของอาชีพเนโครแมนเซอร์” นักเวทหนุ่มยกยิ้มมุมปาก เมืองที่พวกเรากำลังมุ่งหน้าไป เป็นเมืองขนาดเดียวกับสตาทอสที่เป็นเมืองท่าเรือ เราใช้เวลาประมาณหนึ่งคืนสองวันในการเดินทาง ม้าถูกส่งคืนให้กับร้านเช่า ปกติร้านจะอยู่ตรงกำแพงเมือง แต่เมืองแห่งนี้ไม่มีกำแพงล้อมรอบ

   ป่าไม้รอบตัวต่างไปจากที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง บ้านทุกหลังถูกสร้างอยู่ในต้นไม้ บางที่เป็นอาคารใหญ่แต่มีต้นไม้ปกคลุมจนแทบไม่เห็นผนังกำแพง ชาวเมืองมีหูแหลมปีกใสเหมือนพวกแฟรี่ อากาศที่นี่ออกไปทางเย็นชื้นแบบป่าฝน มีผู้เล่นกระจายอยู่โดยรอบ มอนสเตอร์แถวนี้ส่วนใหญ่เป็นแมลง ระดับเลเวลเฉลี่ยที่ 75 – 90

   ด้วยความที่พวกเรารูปร่างหน้าตาเด่นเกินไป อีกทั้งกำลังจะมาทำเรื่องชั่ว ผิดๆ มาทำเรื่องดี ผมเลยบอกให้ทุกคนเอาเสื้อคลุมออกมาใส่ และใช้ไอเทมจากกลปิดชื่อรายละเอียดเปิดแค่เลเวล ก่อนไปเจอพวกดาลี่ที่รออยู่ สามคนนั้นโดดเด่นจากคนอื่น ทุกคนในเมืองไม่มีใครเข้าใกล้นอกจากเอ็นพีซี เหตุผลง่ายๆ เพราะไม่อยากโดนลูกหลงไปด้วย

   “โย่ว ว่าไง” กระต่ายยกมือทักทาย สามคนนั้นทำหน้างง พอเห็นหน้ากลใต้เสื้อคลุมถึงร้องอ่อ แล้วหันซ้ายหันขวา

   “พี่วัต กับลินล่ะพี่” หนึ่งถามหาสองคนที่ไม่อยู่ในทีม แถมยังมีผู้ชายอีกคนมาแทน

   “ฉันอยู่ตรงนี้ อีกคนคือลิน โดนคำสาปน่ะ” ผมโผล่ออกมาจากเสื้อคลุมโบกปีกเรียกนิดหน่อย เจ้าพวกนั้นดูโล่งอก พลางมองลินอย่างเห็นใจ พวกนายไม่รู้อะไร คำสาปนี้คงเป็นคำสาปที่ลินชอบที่สุดในเกม

   ผมชวนพวกนั้นเข้าปาร์ตี้ แล้วเราก็นั่งจับเข่าคุยมันกลางเมือง ในเมื่อเป็นเป้าสายตาให้หลบมีแต่จะเพิ่มความน่าสงสัย ดังนั้นเรามานั่งกันโต้งๆแบบนี้ อีกฝ่ายจะได้ไม่ระแวงจนจัดการได้ยาก ผมขอดูข้อมูลของทั้งสามคน หนึ่งมีอาชีพเป็นแมวย่องเบา เขามีหูหางแมวสีดำ ปลายหางเป็นสีขาว ส่วนชุดโจรคงหามาใส่เอง ทางดาลี่เป็นนักดนตรี เจ้าตัวเล่นเครื่องดนตรีได้ทุกชนิด โดยอาชีพนี้จะคล้ายกับของไหมที่เป็นนางรำ คอยซัพพอตเพื่อนๆ ในทีมและก่อกวนศัตรู อารมณ์แบบพวกนักเวทอีกแขนกหนึ่ง

   ที่เหลือคือไม้แปลกกว่าใครเพื่อน ไม้สูงและตัวหนาขึ้น ที่สำคัญ ใบหน้าติดดุมีเขี้ยวงอกตรงมุมปาก บนขมับทั้งสองข้างมีเขางอก มือถือขวานสวมชุดเกราะตามระดับ ยิ่งหัวแดงๆ โคตรเข้า ผมหลุดขำพรืด เจ้าตัวโดนคำสาปยักษ์ เหมาะอยู่หรอก เวลาโมโหทีเหมือนยักษ์จริงๆ แต่สายพันธุ์ใจดีนะ

   “พี่วัตน่าอิจฉา” แมวย่องเบามอง ผมตอบด้วยการหัวเราะใส่ แล้วกวักปีกเรียกทุกคนมานั่งใกล้ๆ กันจะได้วางแผนง่ายๆ
   
   “อย่ามัวแต่อิจฉา รีบจัดการดีกว่า พวกฉันมีงานต้องไปทำอีก แน่นอนว่าพวกนายต้องไปช่วยงานด้วยเป็นการตอบแทน” เรื่องนี้ผมคิดออกระหว่างเดินทางมา ถือโอกาสลากเจ้าพวกนี้ไปใช้แรงงานด้วยเลย ดาลี่ทำปากเบ้บ่นอุบอิบว่าขี้ตืด เลยโดนปีกค้างคาวโบกหัวไปหนึ่งที

   สิ่งที่พวกดาลี่สืบมาได้คือ เจ้าพวกนั้นมีจำนวนทั้งหมดสี่สิบกว่าคน พวกลูกน้องบางส่วนรออยู่ตรงเขตออกนอกเมืองเพื่อฆ่าพวกดาลี่ทันทีที่ก้าวเท้าออกไป ตัวหัวหน้ากับลูกน้องอีกกลุ่มอยู่บ้านกิลด์ในเมืองนี้ เจ้าพวกนี้กร่างไปทั่ว ไม่มีใครกล้าหือ คงต้องกวาดล้างกิลด์สักที

   เพื่อไม่ให้งานเข้าพวกเราในอนาคต ต้องปลอมตัวกันซะก่อน

   กลุ่มปาร์ตี้สี่คนกำลังตีมอนสเตอร์หนอนอยู่ไม่ห่างจากเมืองนัก ในช่วงที่หนอนกำลังจะตาย จู่ๆ มีคนอีกกลุ่มโผล่มาแย่งโจมตีต่อหน้าต่อตา แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นสมาชิกของกิลด์ประจำเมือง มีอยู่สามคนที่ไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้น

   หลังวางแผนดาลี่ หนึ่งและไม้เดินออกมาทางประตูเมืองดื้อๆ เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพอดี ดาลี่พูดอย่างไม่พอใจ

   “ทำไมพวกเอ็งชอบแย่งมอนคนอื่นนักวะ ทั้งที่เลเวลสูงกว่า”

   “แล้วมันหนักหัวพวกนายรึไง ขนาดพวกมันโดนแย่งยังไม่เห็นว่าอะไรเลย ใช่มะ”

   ตัวนำเป็นนักดาบหันไปตะโกนถามพวกเวลน้อย ทุกคนได้แต่พยักหน้ารับแล้วหลบสายตา เจ้าตัวนำคิดอะไรชั่วร้ายออกเผยออกทางสีหน้าจนหมด ลดเสียงลงเป็นพูดธรรมดาแต่ข่มขู่อยู่ในที

   “เอาแบบนี้ดีกว่า ถ้าพวกนายฆ่าไอสามคนนี้ ฉันจะไม่แย่งมอนสเตอร์ แถมจะบอกให้ลูกพี่รับเข้ากิลด์ด้วย”

   กลุ่มปาร์ตี้ที่ถูกแจมพากันเงยหน้า หูผึ่งตาวาว ท่าทีหวาดกลัวในตอนแรกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทุกคนถืออาวุธหันมาทางพวกดาลี่ที่คิดเข้ามาช่วยด้วยความหวังดี น้ำเพิ่งสังเกตเห็น เขาจำได้ว่า กลุ่มที่ทำให้เขามีเรื่องจนโดนพวกกิลด์เจ้าถิ่นจนหมายหัวก็เป็นกลุ่มปาร์ตี้เดียวกับตอนนี้

   คนพวกนั้นนอกจากจะไม่ยอมลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเอง ยังมาขอพวกเขาที่เลเวลสูงกว่ามาช่วยเหลือ พอพวกเขาแพ้ยังดูถูกกันอีก หาว่าพากเขาอ่อนไร้น้ำยาเอาชนะไอ้พวกนี้ไม่ได้ ไม้โมโหจนมือสั่น

   “ถ้ารู้ว่าเป็นไอ้พวกนี้จะไม่โผล่มาเลย” ยักษ์ผมแดงหันหน้าหนีไปทางอื่นอย่างข่มอารมณ์ ไม่อยากทำให้แผนที่วางไว้พังไม่เป็นท่า

   “คนเก่งคือคนที่อยู่รอด พวกนายยอมตายซะเถอะ เพื่อที่พวกฉันจะได้ลืมตาอ้าปากกับเขาสักที” หนึ่งในปาร์ตี้ที่โดนเป่าหูเล็งธนูยิงใส่หนึ่ง เจ้าตัวเป็นแมวมีความคล่องตัวสูงเลยกระโดดหลบได้สบายๆ ดาลี่กอดอกมองแย้มรอยยิ้มกว้าง

   “นั่นสินะ คนเก่งคือคนที่อยู่รอด ยินดีต้อนรับสู่เทศกาลละเลงเลือด”

   ชายนักดนตรีโค้งกายงามๆ ให้ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาวาววับ ดาลี่เริ่มดีดเครื่องเล่นในมือ เสียงบาดหูดังก่อกวนประสาทเป็นสัญญาณให้ลงมือ ไม้กระชับขวานมือในแน่น พุ่งตัวเข้าใส่ซัดคนที่ใกล้ที่สุด พวกเขาเลเวลไม่ห่างกันนัก ที่ผ่านมาแพ้เพราะโดนรุมและถูกโกงใส่

   การปะทะรอบนี้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ในเมื่อพวกเขาเองมีกำลังเสริมมาแล้วเหมือนกัน ทั้งสามคนเริ่มออกวิ่งระหว่างซัดอาวุธใส่คนพวกนั้นไปด้วย เจ้านักดาบหัวโจกตะโกนด่าอย่างหัวเสีย

   “โธ่เว้ย! ใครฆ่าไอ้สามตัวนั้นได้ ฉันมีรางวัลให้!”

   ผู้เล่นคนอื่นๆ หลายคนสนใจกับสิ่งล่อลวง ส่วนพวกที่ไม่สนถอยฉากไปหลบอยู่กับเอ็นพีซี ปล่อยให้เมืองกลายเป็นสนามรบขนาดย่อม พอพวกดาลี่วิ่งผ่านตรงไหน บริเวณนั้นจะมีพวกผู้เล่นในกิลด์และนอกกิลด์วิ่งไล่ฆ่า เขาพลาดท่าโดนโจมตีไปหลายดอกเหมือนกัน ดาลี่เป็นสายซัพพอร์ท เขาพอมีสกิลช่วยฟื้นฟูเพื่อนร่วมทีมทำให้ไม่ตายในทันที

   ระหว่างสามคนวิ่งหน้าตั้ง บนกิ่งไม้เหนือบ้านชาวเมืองมีสองร่างยืนหลบอยู่ กระต่ายโจ๊กเกอร์หัวเราะในคอได้สมกับหน้ากากที่ใส่ ไวไวกางมือรอจังหวะคนหลุดมายืนเหนือกับดัก พอได้จำนวนที่ต้องการแล้ว เจ้าตัวกำมือกระชากเส้นด้ายเป็นตาข่ายคลุมคนพวกนั้น แล้วส่งต่อให้ทหารโครงกระดูกตัวใหญ่เหวี่ยงไปทิ้งในดงซอมบี้ที่พ่อมดหนุ่มเรียกขึ้นมาเรื่อยๆ ราวกับเป็นนรกบนดิน

   “เสียงโหยหวนพวกนี้หนวกหูเป็นบ้า” กระต่ายอย่างเขาหูไวกว่าคนอื่นช่างทรมาน

   “เตรียมตัวไปหาพวกนั้นกันเถอะ” ลินเปลี่ยนตัวเองเป็นโครงกระดูกในชุดพ่อมด ดวงตามีไฟสีฟ้าลุกโชน มันเป็นสกิลของเนโครแมนเซอร์ที่เจ้าตัวไปเสาะหามาอย่างยากลำบาก ในช่วงที่พวกวัตไม่ได้ออนเกม

   “ไอ้พวกนี้ล่ะ” ไวไวชี้ไปทางผู้หล่นที่หวังแต่จะเกาะมีความสามารถ ลินเพียงแค่ปรายตามอง ลูกไฟคุโชน

   “ปล่อยให้เล่นกับซอมบี้ไป รอดก็โชคดี ตายก็สมน้ำหน้า”

   คนฟังหัวเราะขำ หยิบหน้ากากอันใหม่ขึ้นมาเปลี่ยนพร้อมเสื้อคลุมที่มิดชิดกว่าเดิม แถมปิดหูเรียบร้อย ก่อนทั้งคู่จะหายไปสมทบกับเพื่อนคนอื่น ทางด้านสามหนุ่มวิ่งลิ้นห้อยทั่วเมืองจนมาถึงหน้าบ้านกิลด์เจ้าถิ่น โดนล้อมจากทุกทิศทาง

   “วิ่งให้ตายก็ไม่รอด ตอนแรกคิดจะปราณีไม่ฆ่าทิ้งเวลาอยู่ในเมืองซะแล้ว เจอแบบนี้จัดการให้สิ้นซาก ไม่ต้องเสนอหน้าเข้ามาเล่นเกมอีกเลยเป็นไง”

   “มาเลย ไม่กลัวเว้ย ดีแต่ปากเหม็นขี้ฟัน” หนึ่งแลบลิ้นใส่ ฉับพลัน เงาร่างสองร่างกระโดดเข้ามาอยู่กลางวง คนหนึ่งเป็นโครงกระดูกในชุดเสื้อนักเวท ส่วนอีกคนสวมหน้ากากเรียบสีขาวมีเพียงช่องดวงตาเท่านั้นกับเสื้อคลุมปิดบังตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งคู่แผ่ความน่ากลัวออกมาด้วยระดับที่สูงกว่ามาก เทียบกับพวกเวลร้อยต้นๆ ลินกับไวไวเหมือนกระดูกคนละเบอร์

   “ลิน ฉันว่าไอ้นักดาบมันน่าคุ้นๆ อยู่นา” ไวไวคุยแบบปาร์ตี้กับท่านโครงกระดูก

   “ไม่ใช่แค่คุ้น ข้างๆ มันเป็นนักโล่ เจ้าพวกนี้เคยคิดฆ่าวัตสมัยพวกเราเพิ่งเริ่มเล่นใหม่ๆ”

   “พวกมันสินะ” เสียงที่สามดังขึ้น ลินไวไวเงยหน้าพรึบไปด้านบน หมาป่าตัวเขืองขนสีน้ำตาลแดงกระโจนลงมาจากบนหลังคาบ้านกิลด์ ส่งเท้าเหยียบหน้าสองคนที่หมายตา แล้วการซัดกันแบบอุตลุดก็เกิดขึ้น ระหว่างด้านนอกกำลังเอะอะ ด้านในเองระอุไม่ต่าง

   ชายร่างสูงโปร่งอายุประมาณยี่สิบกลางๆ กำลังยืนยิ้มให้คนในห้องได้อย่างน่ากลัว เรือนผมยาวสีทองอ่อนถึงกลางหลัง รับกับผิวกายสีขาวซีดสวมชุดสีดำยาวกรอมเท้าทิ้งชายพลิ้วไหวยามก้าวเดิน มือเรียวปรากฎเล็บคมน่ากลัว ใบหน้าแฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์อย่างแวมไพร์ ดวงตาสีแดงสดดั่งเลือด

   เหล่าคนในห้องที่พบเห็น พวกจิตอ่อนถึงกับนิ่งเฉยเหม่อมองทำอะไรไม่ถูก ยิ่งพวกเลเวลน้อยในกิลด์แทบจะหลงไปกับมนต์สะกดของแวมไพร์

   “สวัสดีมนุษย์...”

   “แวมไพร์! บ้าน่า มันเป็นผู้เล่นหรือบอสแพทใหม่” หัวหน้ากิลพูดแบบไม่อยากเชื่อ

   “ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าพวกนายทำเรื่องขัดหูขัดตาฉัน เลยมาขอเจรจาสักหน่อย” ชายคนนั้นถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้อย่างดีพลางเท้าคางมอง ทุกครั้งที่เอ่ยปาก เผยให้เห็นเขี้ยวคมน่าหวาดหวั่น

   “หึ ทำไมฉันต้องฟังแกด้วย เป็นผู้เล่นฉันจะฆ่าแกให้ตาย ถ้าเป็นบอสแพทใหม่จะจับมาเป็นสัตว์เลี้ยงซะ”

   สิ้นคำพร้อมการโจมตี ลูกตุ้มในมือหัวหน้ากิลด์กับอาวุธสารพัดแบบจากทุกคนมุ้งเป้ามาที่แวมไพร์ร่างโปร่ง เจ้าตัวแค่เลิกคิ้วมองไม่ขยับออกจากเก้าอี้แม้แต่นิดเดียว พริบตานั้นปรากฎเงาดาบฟาดฟันการโจมตีเหล่านั้นจนหายไปทั้งหมด พร้อมกับหมาป่าตัวโตยืนอยู่เบื้องหน้าแวมไพร์ ในปากคาบดาบคาตานะด้ามจับสีแดงดำ ตัวเล่มสีดำเงาวับ

   “ลูกพี่! ไอ้หมาป่าตัวนี้มันฆ่าหัวหน้านักดาบกับโล่เราไปแล้ว” ลูกน้องคนหนึ่งได้รับรายงานมาจากพวกด้านล่างตะโกนบอกหัวหน้าที่กำลังกัดฟันกรอด

   “ช่างหัวแม่ง ไอ้หมาป่าเวรอย่ามาเกะกะ ตายซะ!”

   ลูกตุ้มตวัดใส่ หมาป่ากับแวมไพร์หนุ่มกระโดดหลบการโจมตี บ้านกิลด์เริ่มพังทลาย พวกเขากระโจนออกมาด้านนอก ชายผมทองยืนลูบขนแผงคอหมาป่าที่ยืนอยู่เคียงข้าง ด้านหลังมีโครงกระดูกและหน้ากากขาวเป็นกองหนุนระหว่างร่วมมือกับสามสหายซัดพวกลูกกิลด์ที่เหลือ

   ตัวหัวหน้ากระโดดตามออกมา หมาป่ากระโจนเข้าใส่ หมุนตัวใช้ดาบในปากฟันสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง เรือนผมสีทองพลิ้วไปตามกระแสลม ใช้ทักษะสร้างดาบโลหิตจากเลือดของตัวเองฟาดฟันเรียกเลือดสาดกระเซ็น ไม่เพียงเท่านั้น พวกกิลด์เจ้าถิ่นยังต้องต่อสู้กับเพื่อนตัวเอง ที่โดนสกิลของดนโครไมเซอร์หัวกะโหลกใช้เวทเรียกขึ้นมา

   เวลาผ่านไป เบื้องหน้าเหลือเพียงหัวหน้ากิลด์คนสุดท้าย ร่างทรุดนอนบนพื้นแหงนมองกลุ่มคนเบื้องหน้าด้วยความโมโห

   “พวกแกเป็นผู้เล่นเลเวลสูงทำไมถึงมารังแกพวกเลเวลน้อย พวกฉันไปทำอะไรให้รึไง” คำพูดวางท่าในตอนแรกกลายเป็นด่าอีกฝ่ายหลังรู้ผลแล้วว่าฝีมือห่างชั้นกันขนาดไหน แวมไพร์หนุ่มก้มลงมอง

   “เพราะนายรังแกเพื่อนฉัน ที่สำคัญ ฉันไม่ชอบวิธีการของนาย หลังตายไปเกิดใหม่แล้ว หวังว่าจะไม่ก่อเรื่องซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่อย่างนั้นฉันจะเอานายกับพวกไปตั้งค่าหัวให้ถูกไล่ฆ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

   “อึก…!”

   ดาบโลหิตยกฟันเป็นรอบสุดท้าย ก่อนสลายดาบในมือทิ้ง แล้วเคลื่อนกายไปนั่งบนหลังหมาป่า ที่เก็บดาบไปแล้วเช่นกัน

   “ปะ จัดการเรียบร้อย พวกเราไปทำภารกิจต่อดีกว่า” ทุกคนในทีมพยักหน้ารับ เดินตามไปเงียบๆ หลังจากนั้นกลายเป็นเรื่องเล่าระหว่างผู้เล่นและเอ็นพีซี ว่ามีกลุ่มโหดกลุ่มหนึ่งฆ่าล้างกิลด์ที่ทวีปต้นโดยใช้คนเพียงเจ็ดคนในการสังหาร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 20:14:15 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
เล่นกับใครไม่เล่นนะ ไอพวกองค์กรชั่ว
ว่าแต่ คืนนี้เค้าจะทำอะไรกันเหรอ อิอิ

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
เฮ้ย แล้วคืนนี้ล่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ไม่เคย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักตลอดเลยเขิล :z2:

ออฟไลน์ เลิฟลี่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
กรี้ดลั่นเลย ขอตอนหน้าด่วนๆค่ะ :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
ผลกิจกรรมในเพจ ข้อมูลxxx จากนิยายเรื่อง Charm Online เกมบ้าอะไรวะเนี่ย!

วัต 2
กล 4
ลิน ไวไว 0
พี่วิน 2
พี่ชิน 4
นายท่าน 1
ขุนพล 2

ดังนั้น ผมจึงเขียนข้อมูลของกลกับชิน

ชื่อ : กลวัช
อายุ : 18 ปี
กรุ๊ปเลือด : AB
ส่วนสูง : 178 ซม.    น้ำหนัก : 72 กก.
ลักษณะ : ผมและดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดจนเกือบดำ ผิวเข้ม รูปร่างสมส่วนมีกล้ามพองาม
สิ่งที่ชอบ : คนมีความสามารถ,ครอบครัว
สิ่งที่เกลียด : คนไร้ความสามารถและไม่มีคิดจะพยายาม,สิ่งที่เป็นภัยต่อครอบครัวคนสำคัญ,แมลงสาบ
นิสัย : ดูเผินๆ เป็นคนไม่ค่อยพูด นิ่งเฉยเย็นชา แต่ฉลาดเป็นกรด มีเหตุผล ถ้าหากทำให้เจ้าตัวยอมรับได้ถึงจะเผยความรู้สึกด้านดีออกมา หลังจากโดนพี่วินโขกสับและรู้จักวัต นิสัยเริ่มอ่อนลง(นิดนึง)
งานอดิเรก : เล่นเกม,สกินชิพวัต
สเปคในดวงใจ : ชอบคนร่าเริง นิสัยดีและไม่โง่ ร้ายนิดๆ ด้วยจะโอเคมาก ชายหญิงไม่เกี่ยงขอให้ถูกใจเป็นพอ

ประวัติ(เท่าที่เจ้าตัวยอมบอก)
   เป็นนักโปรเกรมเมอร์อายุน้อยที่มีฝีมือระดับต้นๆ เคยก่อเรื่องช่วงวัยคะนอง จึงถูกพ่อจับส่งท่านซาตานเพื่อดัดสันดาน มีอาจารย์สองคน คนแรกคือ ‘อินทรี’ เป็นอาจารย์สอนศิลปะป้องกันตัวต่างๆตั้งแต่เด็ก การต่อสู้ระยะประชิด การใช้อาวุธ เช่น มีด ปืน ด้วยความที่มีพื้นฐานในโลกความจริง เวลาเล่นเกมเลยเก่งจนน่าหมั่นไส้ อาจารย์คนที่สองคือ ‘อาชวิน’ เจ้าตัวนับถือชายผู้นี้เพราะมีความเก่งกาจและชั่วร้ายในคนๆเดียว วินเป็นคนสอนเพิ่มเติมเรื่องโปรแกรมเมอร์ แต่เน้นหนักไปทาง การเข้าสังคมกับผู้ใหญ่ และดัดนิสัยแย่ๆที่เป็นอยู่
   ฉายา ‘นิลกาฬ’ ได้จากอินทรี เหตุผลคือ มันตัวดำ(แค่ผิวเข้มเฟ้ย)และหัวแข็ง ดื้อเงียบน่าถีบ เลยเผลอมือหนักซ้อมจนเข้าโรงบาลในช่วงแรก ภายหลังจึงโดนเด็กผีแก้แค้นทุกครั้งที่มีโอกาส by~อินทรี

Charm Online
คำสาป : หมาป่า,หมาป่าสายเลือดแท้
Lv. 170
ลักษณะภายในเกม : เหมือนเวลาปกติ แต่มีหูหางหมาป่าและเขี้ยวยาวกว่าเดิม สวมเสื้อสีน้ำเงินคอวีขนสัตว์เปิดอกร้อยด้วยเชื้อไขว้เป็นกากบาท กางเกงขายาวสีดำ พันเอวด้วยผ้าคลุมขนสัตว์ สวมสร้อยเขี้ยวหมาป่า และใส่ต่างหูคู่รักบนหูหมาป่าข้างขวา
ไอเทม :
   ชื่อ : สร้อยคอเขี้ยวหมาป่า
     ชนิด : เครื่องประดับ
   Lv : 1
      คุณสมบัติ : ใช้สำหรับเก็บของได้ 200 ช่อง
      สถานะพิเศษ : กักเก็บค่าประสบการณ์ของผู้สวมใส่ตามการตั้งค่า

   ชื่อ : ต่างหูคู่รัก
   ชนิด : เครื่องอำนวยความสะดวก
   Lv. : 1
      รายละเอียด : เครื่องประดับที่สามารถใช้วาปไปหาผู้ที่มีเจ้าของต่างหูอีกข้างได้ทุกที่ทุกเวลา วันหนึ่งใช้ได้เพียง 2 ครั้ง
      เงื่อนไขการได้ไอเท็ม : ต้องผ่านภารกิจลับส่งจดหมายรักให้กับนายช่างไม้ มีข้อแม้ว่าต้องเป็นผู้ชายสองคนมาด้วยกันเท่านั้น
      
ทักษะ : ทักษะแบ่งออกเป็น 2 แบบ 1.มาจากคำสาป 2.เรียนเพิ่มด้วยตัวเอง มีสองประเภท ติดตัวและแบบเรียกใช้
ประเภทติดตัว
   ใช้ฟันและเล็บเป็นอาวุธได้
   มองเห็นในที่มืด 80%
   ประสาทสัมผัสเพิ่มขึ้น 50%
   ความเร็ว 100%
   พละกำลัง 70%
   สามารถพูดภาษามนุษย์ได้แม้อยู่ในร่างสัตว์(เรียนเสริม)

ประเภทเรียกใช้
   ชื่อ : วิญญาณหมาป่า
   ชนิด : ทักษะ
   Lv : 100
   สถานะ : เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 80%
      เพิ่มประสาทการได้ยิน และการดมกลิ่น 100%
      เพิ่มความทนทาน 10%
      เพิ่มพลังในการโจมตี 15%
   รายละเอียด : สามารถเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าได้ตามต้องการในเวลาปกติ ผลจากคำสาปหมาป่าสายเลือดแท้ทำให้ต้องอยู่ในร่างหมาป่าทุกครั้งที่โดนแสนจันทร์เต็มดวง

อาวุธ :

   ชื่อ : กงเล็บเหล็ก
   ชนิด : อาวุธสองมือ
   Lv : 162
   สถานะ : 
   พลังโจมตี 27,777
   สถานะพิเศษ : ไม่มี
   *กลใช้ซะเป็นส่วนใหญ่

คาตานะทั้ง 5 เล่ม
*ในเกมมีอาวุธหลากหลาย แต่ละชนิดจะมีลักษณะพิเศษแตกต่างกันไป คาตานะภายในเกมมีมากกว่าพันเล่ม กลสะสมมาใช้เป็นเซตของตัวเอง 5 เล่ม และกำลังหาอีกสองเล่มที่เหลือ

   ชื่อ : Yamata no Orochi (ยามาตะ โนะ โอโรจิ)
   ชนิด : คาตานะ
   ลักษณะ : ด้ามจับสีดำ ตัวดาบสลักลายจอมอสูรแปดหัว
   Lv : 162
   สถานะ : ดาบธาตุไฟ
      เพิ่มพลังโจมตีมอนสเตอร์ธาตุน้ำแข็ง 5%
      เพิ่มพลังป้องกันธาตุไฟ 10%
   พลังโจมตี 36,000
   ทักษะประจำดาบ : ฟันแปดครั้งและแผดเผาศัตรูด้วยเพลิงของจอมอสูร

   ชื่อ : Yuki Onna (สตรีหิมะ)
   ชนิด : คาตานะ
   ลักษณะ : สีขาวโพลนตลอดทั้งเล่ม
   Lv : 162
   สถานะ : ดาบธาตุน้ำแข็ง
      เพิ่มพลังโจมตีมอนสเตอร์ธาตุไฟ 5%
      เพิ่มพลังป้องกันธาตุน้ำแข็ง 10%
   พลังโจมตี 36,000
   ทักษะประจำดาบ : สามารถสร้างน้ำแข็ง และแช่ศัตรูภายในระยะเวลาที่กำหนด

   ชื่อ : Kitsune (ปีศาจจิ้งจอก)
   ชนิด : คาตานะ
   ลักษณะ : ด้ามจับสีน้ำตาลแดง ตัวเล่มฝังอัณมณีตาจิ้งจอก
   Lv : 162
   สถานะ : ดาบธาตุวิญญาณ
      เพิ่มพลังโจมตีมอนสเตอร์ธาตุวิญญาณ 5%
      เพิ่มพลังป้องกันมนต์ดำ 10%
   พลังโจมตี 36,000
   ทักษะประจำดาบ : สร้างภาพมายาให้แก่ศัตรูในระยะเวลาที่กำหนด

   ชื่อ : Kamaitachi (คาไมทาจิ)
   ชนิด : คาตานะ
   ลักษณะ : ด้ามจับสีเทา ตัวเล่มมีส่วนโค้งมากกว่าปกติ
   Lv : 162
   สถานะ : ดาบธาตุลม
      เพิ่มพลังโจมตีมอนสเตอร์ธาตุดิน 5%
      เพิ่มพลังป้องกันธาตุลม 10%
   พลังโจมตี 36,000
   ทักษะประจำดาบ : หลังเรียกใช้ความสามารถ ดาบจะเปลี่ยนเป็นเคียวสามเล่มรอบตัวผู้ใช้ เล่มแรกไร้คมใช้ก่อกวน เล่มที่สองสร้างบาดแผล เล่มที่สามรักษา

   ชื่อ : Oni (ยักษ์)
   ชนิด : คาตานะ
   ลักษณะ : ด้ามจับสีแดงดำ ตัวเล่มสีดำ
   Lv : 162
   สถานะ : ดาบญาตุดิน
      เพิ่มพลังโจมตีมอนสเตอร์ธาตุน้ำ 5%
      เพิ่มพลังป้องกันมนต์ดิน 10%
   พลังโจมตี 36,000
   ทักษะประจำดาบ : เพิ่มพลังโจมตีให้แก่ผู้ใช้ 160% ในระยะเวลาที่กำหนด

*หมายเหตุ ถ้าหากต้องการรู้เรื่องราวของพ่อหมาป่ามากกว่านี้คงต้องถามเอาจากเจ้าตัวเอง

----------------------------------------------------------------------------------------------

ชื่อ : ชินกฤต
อายุ : 25 ปี
กรุ๊ปเลือด : O
ส่วนสูง : 186 ซม.    น้ำหนัก : 76 กก.
ลักษณะ : ผมและดวงตาสีดำ ผิวขาว รูปร่างสูงโปร่ง ท่าทางราวกับคุณชายสุดสมาท
สิ่งที่ชอบ : วิน,สิ่งที่วินชอบ,สิ่งที่เกี่ยวกับวิน
สิ่งที่เกลียด : ศัตรูของวิน,คนคิดร้ายกับวินและวัต
นิสัย : เป็นคนจริงจัง มีความอดทนสูง รอบคอบพึ่งพาได้ ดูเป็นผู้ใหญ่สุขุมที่มีรอยยิ้มการค้า เข้ากับคนอื่นง่าย แต่ไม่ไว้ใจใครซี้ซั้ว แต่ถ้ามาสนิทจริงๆจะรู้ว่าเสี่ยว และกวนขนาดไหน
งานอดิเรก : เป็นเงาวิน,หึงวินกับแมว
สเปคในดวงใจ : วินเท่านั้น!

ประวัติ(เท่าที่เจ้าตัวยอมบอก)
   เป็นเพื่อนกับวินตั้งแต่เรียนประถม เคยเลี้ยงวัตมาด้วยกัน รักวัตเหมือนน้องชายแท้ๆของตัวเอง ฝากฝังตัวเป็นลูกอีกคนของบ้าน ชินเปรียบเสมือนมือเท้าของวิน ตั้งแต่เด็กจนโตทั้งคู่ไม่เคยอยู่ห่างกัน นอกจากนอนคนละบ้าน มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่อยู่ห่างไกลคนละประเทศนานหลายเดือน และจะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับชิน
   ฉายา ‘จิ้งจอก’ ได้มาจากคนอื่นๆในวงการตั้งให้ เพราะความเจ้าเล่ห์กับแผนการชั่วร้ายภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม ที่ทำให้คนกระอักตายมานักต่อนัก

Charm Online
คำสาป : จิ้งจอกดำเก้าหาง
Lv. 155
ลักษณะภายในเกม : เหมือนปกติ แต่มีหูและหางจิ้งจอกทั้งเก้าขนสีดำ สวมชุดยูกาตะสีดำ รองเท้าเกี๊ยะไม้ ที่คอมีเชือกถักแบบเชือกชิเมะนะวะตามศาลเจ้าพันอยู่ มัดเป็นโบว์กลับหัวด้านหลัง ตัวเชือกเป็นสีขาวแดง
ไอเทม :
   ชื่อ : ต่างหูกระดิ่ง
     ชนิด : เครื่องประดับ
   Lv : 1
      คุณสมบัติ : ไม่มี

   ชื่อ : กำไลศิลา
   ชนิด : เครื่องประดับ
   Lv. : 150
   คุณสมบัติ : เพิ่มพลังเวทมนต์ให้แก่ผู้สวมใส่ และสามารถเก็บของได้ 150 ช่อง
   
   ชื่อ : หน้ากากจิ้งจอก
   ชนิด : เครื่องประดับ
   Lv. : 144
   คุณสมบัติ : เพิ่มพลังเวทมนต์ และพลังป้องกันทางเวทมนต์ 40% หากผู้สวมใส่เกี่ยวข้องกับจิ้งจอก จะช่วยเพิ่มค่าพลังทุกอย่าง 50%
   
ทักษะ : ทักษะแบ่งออกเป็น 2 แบบ 1.มาจากคำสาป 2.เรียนเพิ่มด้วยตัวเอง มีสองประเภท ติดตัวและแบบเรียกใช้
ประเภทติดตัว
   ใช้ฟันและเล็บเป็นอาวุธได้
   มองเห็นในที่มืด 100%
   ประสาทสัมผัสเพิ่มขึ้น 45%
   ความเร็ว 100%
   พลังเวทมนต์เพิ่มขึ้น 30%

ประเภทเรียกใช้
   ชื่อ : Kyubi no Yoko(จิ้งจอกเก้าหาง)
   ชนิด : ทักษะ
   Lv : 100
   สถานะ : เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 70%
      เพิ่มประสาทการได้ยิน และการดมกลิ่น 80%
      เพิ่มความทนทาน 5%
      เพิ่มพลังเวทมนต์ 20%
   รายละเอียด : สามารถเปลี่ยนร่างเป็นจิ้งจอกได้ตามขนาดที่ต้องการ หางจะเพิ่มทุกๆ 20 เลเวล จำนวนมากสุดเก้าหาง ทุกครั้งที่มีหางเพิ่ม พลังทุกอย่างในร่างกายจะเพิ่มขึ้น 10%

   ชื่อ : Kitsune
   ชนิด : ทักษะ
   Lv : 20
   สถานะ : ซัพมอน
   รายละเอียด : สามารถเรียกจิ้งจอกออกมาร่วมต่อสู้ได้ ความสามารถและจำนวนของจิ้งจอกจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนหางของผู้ใช้

   ชื่อ : ลูกไฟจิ้งจอก
   ชนิด : ทักษะ
   Lv : 175 (พัฒนาตามเลเวลผู้ใช้)
   สถานะ : เวทมนต์ธาตุไฟและวิญญาณ
   รายละเอียด : พลังโจมตีและการติดสถานะจากลูกไฟ จะเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนหาง และสามารถใช้ในการชำระล้างคำสาปจากมอนสเตอร์ได้

อาวุธ :

   ชื่อ : พัดลูกตา
   ชนิด : อาวุธเวทมนต์
   Lv : 162
   สถานะ : เพิ่มพัทเวทมนต์ให้แก่ผู้ใช้
   พลังโจมตีเวทมนต์ 25,500
   ทักษะประจำอาวุธ : สร้างดวงวิญญาณใช้โจมตีฝ่ายตรงข้าม

   ชื่อ : แส้อรพิษ
   ชนิด : แส้
   Lv : 162
   สถานะ : ทำให้ผู้ถูกโจมตีติดพิษ แต่ไม่สามารถติดพิษซ้ำได้
   พลังโจมตี 22,982
   ทักษะประจำแส้ : ควบคุมงูพิษระดับต่ำกว่าผู้เล่น 25 เลเวลได้

สัตว์เลี้ยง :

   ชื่อ : ผีเสื้อวิญญาณ
   ชนิด : สัตว์เลี้ยง
   Lv : 147
   สถานะ : มอนสเตอร์ธาตุวิญญาณ
   พลังโจมตี –ไม่มี-
   ทักษะประจำตัว : เรียกพวกพ้องสร้างภาพมายาในขอบเขตที่กำหนด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-12-2015 23:00:16 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
อ๊ายจะรออ่านต่อน่ะ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
กลแอบโหด ดาบแต่ละเล่มออฟสุดยอดอ่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
เข้ามารอต่อนต่อไปค่าาาา

ออฟไลน์ tsubasa_6927

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เซ็ตของกลโหดแท้
แต่อย่างที่โหวตไว้ค่ะ อ่านสเปคพี่ชินแล้วมันฟิน :katai1:
หึงวินกับแมวด้วยอ๊าาาาา :ling1:

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อ๊ากกกกเขินนนนเรียกที่รักอีกสิจ๊ะ#โดนวัตถีบ :z10: :jul1: :pighaun:

ออฟไลน์ kothan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
สนุกมากๆเลยอ่ะ  o13
ว่าแต่คุณหัวหน้าแผนกบุคคลจะมีบทออกมาอีกหรือป่าว ชอบอ่ะเก่งเวอร์ดี
ตบตีกับพี่วินได้ด้วย ถ้าวัตล้มราชาแวมไพร์ได้แล้วให้มีบทโผล่ออกมาอีกได้ป่าว


ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.29 แรนดอม

   ความสูงของร่างกายค่อยๆ ลดลงพร้อมเรือนผมยาวสีทองกลับเป็นสั้นระคอ ผมกระพริบตารับกระจกจากลินมาส่องดูหน้าตัวเอง ดวงตากลับเป็นสีเทาตามเดิม

   “การยืมพลังจากราชาแวมไพร์สุดยอดเลยแฮะ เห็นแล้วฉันอยากไปทำสัญญากับบอสสักตัว”

   ไวไวมองการเปลี่ยนแปลงของเพื่อนตรงหน้า สิ่งที่ทำให้ผมมีพลังความสามารถเพิ่มขึ้นคือการยืมพลังมาจากลาส แถมยังทำให้ตัวโตผมยาวใส่ชุดเหมือนเจ้าตัว คล้ายๆ กับร่างอวตารราชาแวมไพร์ อารมณ์แบบได้เห็นตัวเองในอนาคตถือว่าไม่เลวเหมือนกัน

   “นั่นสิน้า” สามสหายมองแบบเพ้อๆ คงวาดฝันไปถึงร่างอวตารของตัวเองบ้าง

   “รีบๆ เก่งจะได้ไปลุยที่โหดๆ แล้วทำสัญญาไง” ลินปลอบใจทุกคนพลางวาดมือผ่านตัวยกเลิกการใช้โหมดเนโครแมนเซอร์ โครงกระดูกหายไปแทนที่ด้วยผิวหนังชุดคลุมอย่างพ่อมดหนุ่มตามปกติ สามสหายเฉาไปทันตาหลังฟังคำพูดของลิน เพราะหนทางนั้นยังอีกยาวไกล ผมมาได้ขนาดนี้เป็นเพราะมีแฟนเมพโดยแท้ ถ้าเกิดไม่มีกล ป่านนี้ผมกับพวกไวไวคงยังวนเวียนกันอยู่ทวีปต้น

   หมับ...

   หมาป่าขนเปลี่ยนสีจากยาย้อมของลินกลับร่างเป็นคนกอดผมจากทางด้านหลังแบบไม่อายฟ้าอายดินหรือสนเพื่อนในทีม แต่ละคนดูเหมือนจะชินกับเหตุการณ์ตรงหน้า เลยพูดคุยกันปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็นะ เจ้าพวกนี้ไปเห็นอะไรที่มันน่าตื่นตาตื่นใจกว่านี้แล้วนี่

   “เห็นนายตอนโตแล้ว อยากขังนายไว้ในห้อง”

   น้ำเสียงเรียบเรื่อยแฝงความเอาแต่ใจแบบเด็กๆ ผมตบหัวหมาป่าปุ๊ๆ

   “ฉันเรียนจบก็ต้องทำมาหากินสิ อยู่เฉยๆ เดี๋ยวอดตายพอดี”

   “ฉันมีปัญญาเลี้ยงนายตลอดทั้งชีวิต”

   หมาป่าหนุ่มพูดอย่างมั่นใจ มาคลอเคลียเหมือนหมาขาดความอบอุ่น ผมกลอกตาระอา ไวไวเปลี่ยนเสื้อใส่หน้ากากอันเดิมเหล่มองทางผม

   “ทางนั้นจะตั้งแคมป์หรือหาที่ส่วนตัวเลยมั้ย”

   “อิจฉาเหรอ ไม่ต้องหรอก นายก็มีฉันไง” ลินเห็นไวไวประชดพวกผมด้วยความหมั่นไส้ มือคว้าหูยาวของกระต่ายมาจุ๊บเบาๆ เรียกเสียงโวยวายไปอีกชุดใหญ่ แถมมีการเทศนาเรื่องไม่สมควร นับวันไวไวคล้ายจะเป็นพ่อลินขึ้นทุกที ปกติมีแต่เขาบอกมีเมียเหมือนมีแม่ งานนี้คงมีแฟนเหมือนมีพ่อ

   “ถ้าพวกพี่ไม่มีอะไร พวกเราขอตัวเลยแล้วกัน” ดาลี่ออกตัวเตรียมเผ่นหนี ผมแงะหมาป่าออกจากตัวคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายไว้ด้วยรอยยิ้มแสนใจดี

   “ให้พวกเราไปลุย ยังไม่จ่ายค่าเหนื่อยจะรีบไปไหนกัน เราไปทำภารกิจกันต่อดีกว่า ได้แรงงานมาตั้งสามคน”

   ผมหัวเราะกอดคอดาลี่กันมันหนี อีกสองคนตามรุ่นพี่ ที่เหลือยักไหล่แบบผมว่าไงว่าตามกัน ลินยังคงตามแหย่ไวไวไปตลอดทาง พอเจอแม่น้ำ กลขอตัวไปล้างยาย้อมขน พวกเรานั่งทำอาหารทานมื้อเที่ยงแล้วออกเดินทางอีกครั้ง

   ระหว่างทางมีเจอพวกโจรบ้างมอนสเตอร์บ้าง ผมลุยได้เต็มที่โดยไม่ต้องห่วงว่าไม่มีใครฟื้นฟูพลังให้เพื่อนร่วมทีม คราวก่อนมีน้ำ รอบนี้มีดาลี่สบายผมดีจริงๆ เราจงใจเลือกทางลัดตัดผ่านป่า ด้วยระดับมอนสเตอร์แถวนี้กับเลเวลของพวกเรา ไม่คณามือแถมยังได้เงินได้ของจากพวกมอนสเตอร์และคนติดกระเป๋าไปขาย

   ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวัน เรามาถึงหมู่บ้านเป้าหมาย มันเป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก สร้างบ้านด้วยดินรอบด้านเป็นหนองน้ำ ชาวบ้านทุกคนแต่งตัวปกติ แต่บนใบหน้ามีเกล็ดเรียงคล้ายเกล็ดงู ผมพอจะเข้าใจการดีไซน์เข็มกลัดที่ใช้สำหรับภารกิจแล้วล่ะ

   “สวัสดีนักผจญภัย ยินดีต้อนรับสู่หมู่บ้านนาคาของเรา”

   ชายที่ดูจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเดินออกมารับกล่าวด้วยรอยยิ้มเห็นฟันคมกริบ สามสหายแอบสะดุ้ง ผมมองอย่างสนใจ เผ่างู? ไม่แน่ว่าที่นี่อาจจะมีวิธีรับคำสาปงูก็เป็นได้ คำสาปในเกมนี้มีมากมายจนนับไม่ถ้วน แต่พวกเผ่าวิเศษมีน้อยซะยิ่งกว่าน้อย มันอยู่ที่ลักษณะนิสัยแต่ละบุคคลกับการเลือกสไตล์ของตัวเอง

   อย่างกรณีของผมเป็นแวมไพร์ตายตัว ไม่มีอื่นใดประยุกต์ไม่ได้มาก แต่ถ้าเป็นคำสาปอย่างดาลี่ที่บอกแค่ว่าเป็นนักดนตรี เจ้าตัวสามารถเลือกใช้เครื่องดนตรีเองได้ว่าจะเอาสไตล์ไหน ที่เจ้าตัวเลือกใช้คือพิณ แต่ถ้าหยิบฉาบมาให้ก็ใช้ได้ ถือว่าเกมนี้ให้อิสระผู้เล่นอย่างแท้จริง

   ผมสังเกตเห็นว่าบริเวณนี้ไม่มีผู้เล่นอยู่เลย ทั้งที่ปกติเมืองอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเมืองน้อยใหญ่ หมู่บ้านเล็กแค่ไหน ต้องมีผู้เล่นเดินซื้อของในเมือง ตีมอนสเตอร์รอบนอก มากน้อยแล้วแต่สถานที่

   “ไม่มีนักผจญภัยอย่างพวกเราอยู่เลยเหรอครับ” นักผจญภัยเป็นคำที่ใช้เรียกแทนเหล่าผู้เล่นในเกม เพราะพวกเขาปักหลักอยู่กันเป็นที่ ทำงานส่วนของตัวเอง มีแต่พวกผู้เล่นเดินทางไปที่นู่นที่นี่

   “หมู่บ้านแห่งนี้ถูกปิด ผู้ที่เข้ามาได้ต้องมีเข็มกลัดสัญลักษณ์ของหมู่บ้าน”

   “มันหายากมากเลยสินะ” ไวไวถามอย่างเข้าใจ แบบนั้นก็ไม่แปลกที่จะไม่ค่อยมีใครมาตีมอนหาของแถวนี้

   “ไม่นะ มันมีขายทั่วไป แถมราคาไม่กี่ทองเอง ถ้าคนที่เล่นมาระยะหนึ่งหาเงินซื้อได้สบายๆ” พ่อมดหนุ่มหยิบเข็มกลัดรูปงูที่เก็บไว้ขึ้นมาดู พวกเราทุกคนมองไปทางหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความแปลกใจ เขาหัวเราะเสียงแหบคล้ายงู

   “คงไม่ใช่ว่าพวกคุณชอบจับผู้เล่นมากินหรอกนะ คนถึงไม่เข้ามากัน” ไม้หรี่ตามองไม่ไว้ใจ มือจับขวานเตรียมพร้อม

   “ใจเย็นเพื่อน ให้ผู้ใหญ่บ้านอธิบายก่อน” หนึ่งผายมือไปทางชายเผ่างู เขายิ้มเชิญพวกเราเข้าไปนั่งคุยในบ้านของเขา ทุกคนสบตากัน ผมพยักหน้าให้ทุกคนตามไป ไม่แน่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจก็ได้

   บ้านของเขาขนาดพอๆ กับหลังอื่น แต่พื้นที่ภายในเยอะกว่า มีโต๊ะกลมอยู่กลางบ้าน นั่งได้ประมาณสิบคนนับรวมกับที่นั่งประจำของเจ้าตัว ผมเลิกคิ้วมอง สำรวจทุกอย่าง

   “เชิญตามสบาย ขอเข็มกลัดด้วย” ลินวางของที่อีกฝ่ายต้องการไว้ตรงหน้า ทันทีที่เขาหยิบไป งูบนเข็มกลัดดูเหมือนมีชีวิต มันชูคอขึ้นแผ่แม่เบี้ย ดวงตาประดับอัญมณีทั้งสองข้างเกิดแสงสว่างจ้า พอแสงหายไปมันกลับเป็นเข็มกลัดธรรมดาตามเดิม ชายเผ่างูเก็บเข้ากระเป๋าตนเองมองพวกเราด้วยรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจ

   ชื่อ : ภารกิจปกป้องหมู่บ้านนาคา
   ข้อมูล : นำเข็มกลัดนาคามอบให้หัวหน้าเผ่าและสังหารมอนสเตอร์พังพอนทั้งหมดตามคำขอร้องจากหัวหน้าเผ่า
      ทุกคนที่รับภารกิจจะต้องถูกสลับคำสาปกับคนในปาร์ตี้จนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น
   เงื่อนไข : ปาร์ตี้ไม่เกิน 9 คน
      ไม่กำหนดระยะเวลาในการทำ
      หากออกจากหมู่บ้านภารกิจจะถูกลบทิ้งทันที
   รางวัล : ค่าประสบการณ์ 788,420
      ทักษะสายมืดประจำเผ่านาคา
      สามารถเปลี่ยนหรือยกเลิกความเป็นเผ่านาคา
      ซื้อของในหมู่บ้านราคาต่ำลง 3%
      ซื้อของเฉพาะเผ่านาคาได้ (สำหรับผู้ไม่ได้เป็นเผ่านาคา)

   คุณต้องการรับภารกิจหรือไม่
   - รับ
   - ปฏิเสธ
   *หมายเหตุ หากปฏิเสธจะถูกส่งออกจากหมู่บ้านทันที ผลจากสกิลสลับคำสาปจะยังคงอยู่จนกว่าจะทำภารกิจสำเร็จและต้องนำเข็มกลัดนาคาชิ้นใหม่มาใช้ในการรับภารกิจอีกครั้ง

   พวกเราอ้าปากค้างกับหน้าต่างที่ปรากฎตรงหน้า รีบสำรวจตัวเองและเพื่อนร่วมทีมก่อนเป็นอันดับแรก

   ผมเป็นนักดนตรีแทนดาลี่
   ดาลี่เป็นกระต่ายแทนไวไว
   ไวไวเป็นแมวย่องเบาแทนหนึ่ง
   หนึ่งเป็นยักษ์แทนไม้
   ไม้เป็นพ่อมดแทนลิน
   ลินเป็นหมาป่าแทนกล
   กลเป็น... แวมไพร์แทนผม!

   วอดวาย วอดวายแน่ๆ ต่างคนต่างเปิดหน้าต่างสกิลขึ้นมาดู ถูกเปลี่ยนใหม่หมดยกเว้นสกิลที่ทุกคนเรียนเสริมต่างหากไม่ได้รับมาจากคำสาปตอนเริ่มเกม มิน่าถึงไม่กำหนดเวลา ไม่งั้นถูกสลับเป็นอาชีพที่ไม่คุ้ยชินแบบนี้ คงทำภารกิจสำเร็จยากถ้าไม่ฝึกลองใช้เสียก่อน

   คำนวณดูดีๆ รางวัลที่ได้รับไม่เลวเลยทีเดียว แม้ค่าประสบการณ์ไม่มากและต้องหารตามจำนวนคนในปาร์ตี้ก็ตาม ทักษะสายมืดนั่นเป็นเป้าหมายของพวกเราอยู่แล้ว แต่การซื้อของเผ่านาคาได้นี่น่าสนใจ มันก็บอกอยู่ว่าซื้อได้เฉพาะคนเป็นเผ่านาคา แสดงว่าต้องมีความพิเศษบางอย่างและไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป หากพวกเราซื้อแล้วเอาไปขายคงได้กำไรไม่น้อย เผลอๆ อาจได้ของดีราคาถูกที่คนอื่นหาเลือดตาแทบกระเด็น

   “ฉันคิดว่าพวกเรารับทำไปเถอะ เรื่องคำสาปสลับไว้เดี๋ยวฝึกสักหน่อยก็ชิน อีกอย่าง ภารกิจนี้บังคับให้เราทำแบบมัดมือชก ในเมื่อปฏิเสธไปสุดท้ายก็ต้องกลับมาทำสักวันอยู่ดี ถ้ายังอยากได้คำสาปประจำตัวคืน” ผมพูดพลางเหล่ตามองหัวหน้าเผ่างูที่ทำหูทวนลมราวกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

   ความจริงมีทางแก้อยู่ ปฏิเสธภารกิจนี่ซะ สะบัดก้นออกจากหมู่บ้าน ตระเวนลบคำสาปของแต่ละคน แล้วไล่รับคำสาปใหม่ ซึ่งมันวุ่นวายมาก เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน พวกเราไม่มีเวลาขนาดนั้น เพราะหลังจากทำภารกิจเสร็จต้องไปแข่งกิลด์ต่อ หนทางที่สั้นรวดเร็วที่สุดคือรีบทำภารกิจให้มันจบๆ ไป

   “รับทำดีกว่า เรามาเพื่อเอาทักษะที่เป็นรางวัลภารกิจอยู่แล้ว อีกอย่างฉันสนใจเรื่องซื้อของเผ่านาคาน่าจะมีวัตถุดิบในการปรุงยาบางตัว” ลินผู้เป็นพ่อมดโดยสายเลือดเห็นด้วยกับผม คนอื่นๆ ไม่มีทางเลือกพยักหน้ารับไปตามๆ กัน แต่ละคนไม่อยากไปลาดตระเวณหาคำสาปของตัวเองหรอก ผมรู้แล้วว่าไปรับกับราชาแวมไพร์ แต่คนอื่นล่ะ ไม่อยากจะนึก จะให้เปลี่ยนของยกเซ็ตเพื่อคำสาปใหม่สิ้นเปลืองสุดๆ แถมคำสาปตั้งแต่เริ่มเกมมันถูกสุ่มมาให้เหมาะกับผู้เล่นอยู่แล้วด้วย มีส่วนน้อยมากที่คิดเปลี่ยนคำสาปตั้งแต่แรกของตัวเอง อย่างมากก็สไตล์ลิน เรียนเป็นอาชีพเสริมเอา

   ผมกดปุ่มรับภารกิจ เจ้าบ้านยิ้มกว้างโชว์ฟันคมให้สะดุ้งกันอีกรอบ พลางเชื้อเชิญเราซะดิบดี ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมถึงไม่มีใครเฉียดใกล้ หรือเข้ามาในหมู่บ้านนาคา

   “เชิญพักผ่อนตามสบาย ที่นี่มีห้องพักเหลือเฟือ ภารกิจจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่พวกท่านพร้อม”
   
   เสียงถอนหายใจแบบประสานดังขึ้น ยกเว้นกลคนเดียวยังคงทำตัวเป็นรูปปั้นหมา ไม่สิ เป็นรูปปั้นแวมไพร์ได้อย่างเหนียวแน่น อันดับแรก เราแยกกันไปสำรวจห้องของตัวเองก่อน ถึงจะบอกว่าห้องเหลือเฟือ จริงๆ มีแค่ห้า แยกไปห้องละสอง ยกเว้นไม้ชิวสบายได้นอนห้องคนเดียว หลังจากเป่ายิ้งฉุบชนะหนึ่งกับดาลี่

   จับจองที่ซุกหัวนอนเสร็จ เราเคลื่อนพลไปหามอนสเตอร์ใกล้ๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีแต่พวกสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเพื่อทดลองใช้สกิลที่แต่ละคนได้ ทุกคนสลับอาวุธให้กันชั่วคราวระหว่างสอนคนที่ได้คำสาปตัวเองใช้ทักษะต่างๆ ตอนแรกทุลักทุเลกันบ้าง ผ่านไปสักพักเริ่มชิน ตามประสาพวกติดเกมเคยลองเล่นมาหลายรูปแบบ

   คนที่มีปัญหาน้อยที่สุดคือลิน พักหลังเจ้าตัวเน้นใช้อาชีพเสริมเนโคแมนเซอร์เป็นหลัก ซึ่งมันยังอยู่กับเจ้าตัวไม่ถูกสับเปลี่ยน ส่วนคนที่ไม่มีปัญหาเลยเป็นกลอีกตามเคย เจ้าตัวแค่เปิดสกิลผมดูผ่านๆ แล้วก็ปิดมายืนเก๊กหล่อให้ชาวบ้านหมั่นไส้

   เราใช้เวลาหนึ่งวันเต็มในการศึกษาและฝึกใช้ ลองลุยแบบปาร์ตี้ผลลัพธ์ออกมาไม่ขี้เหร่นัก โชคดีพวกพังพอนเลเวลแปดสิบกว่า เราเวลร้อยขึ้นทุกคนไม่จำเป็นต้องกังวล ปัญหามันอยู่ที่สภาพร่างกายต่างหาก

   ลินเป็นหมาป่าไล่ฟัดไวไวหนักกว่าเดิม ขนาดไวไวมันพองขนหางขู่แล้วขู่อีกยังไม่เป็นผล ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า ไอ้กระต่ายถึกเพื่อนผมมันชักจะเริ่มมุ้งมิ้งขึ้นทุกวัน สงสัยเป็นผลจากออฟชั่นหูหางแมวมั้ง ต้องใช่แน่ๆ ผมคิดมากไปเอง ทางหนึ่งที่เกิดตัวสูงใหญ่ผิดจากเดิม เดินชนกิ่งไม้หรือป้ายในหมู่บ้านเป็นว่าเล่น คงยังไม่ชินกับส่วนสูงกับความถึกในร่างยักษ์ ไม้ยังชิวๆ เจ้าตัวบอกว่าเคยเล่นเป็นอาชีพพ่อมดในเกมอื่นมาก่อน แค่เรียนรู้เพิ่มนิดหน่อยสบายมาก ดาลี่ได้คำสาปกระต่าย ขยันกระโดดโลดเต้นดูจะติดอกติดใจ เหมาะกับมันดี

   และผม อาชีพนักดนตรีก็ไม่เลวร้ายอะไร สกิลส่วนใหญ่เน้นการช่วยเพื่อน ผมชินแล้วจากการเป็นคนเพิ่มเลือดให้ทุกคนในทีมมาตลอด จนมาพักหลังๆ ถึงได้ทำตัวเป็นคนโจมตีบ้าง ที่สำคัญมีสกิลหนึ่งน่าสนใจ ดาลี่เจ้าของคำสาปมันใช้สกิลนี้ไม่ได้ แต่สำหรับผมสบายมาก หึหึ

   “พวกเราไปพักกันก่อนเถอะ แล้วเริ่มภารกิจพรุ่งนี้เลยจะได้จบๆ” ไวไวออกความเห็นพลางเอามือยันหน้าลินให้ออกห่าง ผมมองด้วยสายตาว่างเปล่า พ่อมดไม่สิหมาป่าเวอร์ชั่นหัวทอง เธอรู้รึเปล่า ทุกวันนี้ผมลืมไปแล้วว่าเธอคือผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย หรือแท้จริงแล้วสองคนนี้โดนคำสาปอะไรบางอย่างทำให้นิสัยใจคอสลับกัน? โอ้ เพื่อนผม โตเป็นสาว

   “ผมต้องการยาทาหัวด่วนเลย” หนึ่งโอดโอย มีไม้กับดาลี่จิ้มย้ำหัวปูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ซ้ำเติมกันดีจริงๆ ผมกวักมือเรียกหนึ่งมาใกล้ๆ แล้วบรรเลงพิณบทเพลงสั้นๆ หัวปูดยุบหายเป็นปลิดทิ้ง หนึ่งได้ทีหันไปแขวะใส่พี่รหัสตัวเอง

   “พี่ดาลี่ไม่ได้เรื่อง ดูพี่วัตเป็นตัวอย่างซะมั้ง ฝึกแค่หนึ่งวันสกิลแสดงผมดีกว่าพี่ที่ใช้มาตั้งแต่เริ่มอีก”

   โป๊ก!

   ยักษ์หนึ่งโดนดาลี่เขกหัวไปที คราวนี้ผมถอยไม่รักษาให้ถือว่าปากทำตัวเองโดยแท้ ขณะที่กำลังคุยกันเพลินๆ จู่ๆหมาป่าเอ๊ยแวมไพร์ นี่ผมชักสับสนเองแล้ว

   กลคว้าแขนผมดวงด้วยดวงตาไหววูบเจือสีแดง ผมรู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นอะไร ในเมื่ออาการแบบนี้มันเป็นเหมือนกับตอนที่ผม... ต้องการเลือด

   “ฉันขอตัวก่อนนะ” สามสหายมองผมอย่างแปลกใจ ลินไวไวชินแล้วพยักหน้ารับโบกมือไล่แล้วหันไปหยอก(?)กันต่อ ผมเดินนำกลับมาที่ห้องพัก ประตูเพิ่งปิดลง กลขยับเข้ามากอดผมทั้งตัว วงแขนแกร่งโอบเอวแนบชิดกายจนรู้สึกถึงอุณภูมิจากอีกฝ่าย กลใช้มือหนาช้อนท้ายทอยให้ผมแหงนหน้าขึ้น คอเสื้อถูกแหวกออกจนเห็นลำคอ ดวงตาของกลเปลี่ยนเป็นสีแดง

   จมูกโด่งซุกไซร้แลบปลายลิ้นเลียคล้ายกับตอนที่ผมดูดเลือดเขา แต่ความรู้สึกของการเป็นฝ่ายถูกกระทำมันต่างกันโดยสิ้นเชิง ผมกำเสื้อกล รู้สึกใจเต้นรัว เสน่ห์บางอย่างแผ่ออกมาจากร่างของชายตรงหน้า ลมหายใจถูกเป่ารดลำคอให้ขนลุกซู่ไปทั่วร่าง

   ให้ตาย... กลเวอร์ชั่นแวมไพร์สะท้านใจผมชะมัด

   เขารู้ว่าผมกำลังเกร็งด้วยความตื่นเต้นเลยแกล้งหยอกเย้าไม่ยอมลงเขี้ยวสักที ผมทุบหลังเขาอย่างประท้วง ได้ยินเสียงหัวเราะเย็นในลำคอ พอผมผ่อนอาการเกร็งปุ๊บ คมฟันกดลงบนผิวเนื้อทันที ผมสะดุ้งความเจ็บแปลบแล่นพล่านไปทั่วร่าง คิดจะขยับหนีตามสัญาตญาณ แต่กลล็อกเอวกับท้ายทอยผมไว้แน่น กลิ่นคาวเลือดกับเสียงดูดกลืนของเหลวข้างหู บ้าเอ๊ย เกมนี้จะทำสมจริงเกินไปแล้ว

   ดูดกลืนไม่เท่าไหร่ อีกคนกลับผละหน้าออก โอบผมพาไปกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงแล้วขยับตัวเข้ามาทาบทับ ท่อนบนถูกถอดออก เลือดสีแดงตัดกับสีผิวไหลจากลำคอยาวมาถึงอก กลยิ้มอย่างพึงพอใจ เสียงทุ้มแหบพร่าชวนละลายเอ่ยปากออกมา

   “คิดไว้นานแล้ว ถ้าฉันได้เป็นฝ่ายกัดและกลืนกินนายบ้างจะเป็นไงนะ ตอนนี้ความฝันเป็นจริง ขอเล่นสนุกให้เต็มที่หน่อยเถอะ”

   อือหือ เสียงนี้ท่านได้แต่ใดมา หื่นสลัด ไม่ใช่แค่เสียง เอ็งเช็คสีหน้าตอนนี้ด่วน ทำหน้าเหมือนจะกลืนกินผมทั้งตัวอย่างที่ปากว่าจริงๆ ใจเย็นก่อนน้องเอ๋ย มือยกมือปางห้ามญาติ คนโดนห้ามไม่รู้สึก ยังมีหน้ามาแลบลิ้นเลียมือ ได้ข่าวตอนนี้เปลี่ยนเป็นแวมไพร์หรือกำลังสับสนในชีวิต?

   “หยุด! กินพออิ่ม ห้ามทำเกินเลย แหนะ! ไม่ต้องมาชักสีหน้า ถึงจะปลุกให้ตายมันก็ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก ในเมื่อพี่วินตัดระบบความรู้สึก 18+ ทิ้งไปแล้ว”

   “ดูดเลือดไปก่อน ไว้ค่อยไปทำในโลกจริงเนอะ” มาแล้วโหมดอ้อนที่จะเกิดขึ้นเฉพาะตอนอยู่ด้วยกันสองต่อสอง อย่ามาทำตาหวานเชื่อม ไม่หลงกลหรอก หึ! วัตซะอย่าง ให้มันรู้เสียบ้างว่าไผเป็นไผ

   “พี่วัต กลหิว ขอหน่อยนะ ไม่สงสารกลเหรอ”

   อึก... เด็กแม่งร้าย

   “พี่วัต” กูตายยย ครั้งแรก ครั้งแรกที่กลเรียกผมว่าพี่! ได้โปรดเอารูปปั้นคืนมา เอาไอ้เด็กขี้อ้อนนี่ไปเก็บด่วนก่อนที่ผมจะ... ใจอ่อน เออ! ยอมแล้ว จะอะไรก็ยอม

   พอเห็นผมนิ่งไม่ปฏิเสธอีก ดวงตาสีแดงพราวระยับอย่างขบขัน ยื่นหน้ามากระซิบข้างหูแล้วงับเบาๆ ฮึ่ย น้ำลาย!!

   “ชอบให้เรียกพี่เหรอ ทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ พี่วัต”

   “พอ! จะดูด จะกินอะไรก็รีบทำเร็วเข้า ก่อนพี่จะเปลี่ยนใจนะน้องกล” คนตรงหน้าหัวเราะลั่น น้อยนักที่กลจะหัวเราะแบบนี้ ส่วนใหญ่จะชอบหัวเราะแบบชั่วร้ายในคอ

   ลิ้นนุ่มไล้เลียเลือดที่ไหลเป็นทางยาวจนหมด พร้อมเลียห้ามเลือดเสร็จสรรพ ก่อนปฏิบัติการตามใจฉัน ใช้เขี้ยวเจาะจุดที่ชอบจนผมพรุนไปทั้งตัว อายก็อาย ยังมีเสียงเด็กบ้าตามมาหลอกหลอนอีก กว่าจะพอใจได้ ไม่อยากจะนับว่าผมมีรูบนตัวกี่รู ต้องขอบคุณที่ตอนนี้พวกเราอยู่ในเกม อะไรๆ มันเลยไม่ตื่น แถมพอผมดื่มยาฟื้นฟูพลัง รูทั่วร่างหายเป็นปลิดทิ้ง ได้ยินเสียงจิ๊ในคออย่างขัดใจจากแวมไพร์ตัวดำ

   ผมยื่นมือไปใช้นิ้วชี้กับกลางหนีบจมูกโด่งๆ ด้วยความหมั่นไส้ ความรู้สึกตอนโดนดูดเลือดมันไม่น่าพิศสมัยเลยสักนิด ตลอดเวลาที่ผ่านมากลไม่เคยบ่นเลยสักคำ แถมยังดูจะชื่นชอบการถูกยุงหัวทองอย่างผมสูบเลือด หรือลึกๆ แล้วแฟนผมจะเป็นมาโซ บ้าน่า อย่างกลไปไล่เชือดชาวบ้านเหมาะกว่า

   “เหม่ออะไร” น้ำเสียงห้วนได้อีก ไอ้ก่อนหน้านี้มันคืออะไรวะครับ

   “กำลังคิดว่าพอคำสาปกลับเป็นแบบเดิมฉันจะไม่กระโดดกัดคอนายอีก”

   “ทำไม”

   “มันเจ็บอะ ถึงนายจะความอดทนสูง แต่มันก็เจ็บอยู่ดีปะ”

   “ตอนหิวล่ะ เลือดมอนสเตอร์?” กลเลิกคิ้วมองผมที่กำลังใส่เสื้อผ้ากลับตามเดิม

   “จะบ้าเรอะ ขนาดไม่ลองยังรู้เลยว่าเลือดพวกนั้นห่วยแตกแน่ๆ ดีไม่ดีบางตัวเลือดเป็นพิษซวยอีก”

   “แล้วจะทำยังไง”

   ผมลูบหูแหลมของกลเล่น เสียดายไม่มีหางให้ฟัดเหมือนเดิม

   “คงขอบริจาคคนอื่นมั้ง อย่างไวไวอะไรงี้” คิ้วเข้มขมวดมุ่น ผมใช้นิ้วชี้ไปยีออก เดี๋ยวตีนกาขึ้นก่อนวัยอันควรพอดี กลหันหน้าหนีไม่ให้ผมจิ้มเล่นต่อ

   “ไม่ได้ หวง!”

   จบข่าว คำเดียวชัดเจนทุกเรื่องราว เจาะลึกทุกประเด็นเลยเชียว เอาเถอะเจ้าตัวเต็มใจขนาดนี้ ปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน หลังๆ พอเลเวลสูงเริ่มควบคุมการกระหายของตัวเองได้ดีขึ้น จากทุกทีต้องดื่มทุกวันเป็นสองสามวันครั้ง กลเงียบ ผมเงียบ ก่อนเขาจะถอนหายใจยาว

   “เบื่อมั้ยที่ฉันเอาแต่ใจ” อีกคนไม่ยอมสบตา คำถามเหมือนพูดลอยๆ แต่น้ำเสียงแฝงความเป็นกังวล ผมหัวเราะกุมมือหนาที่วางอยู่บนเตียง

   “ชินแล้ว อย่างนายมันเด็กๆ ถ้าเทียบกับพี่วินล่ะก็นะ” ปกติลูกคนเดียวหรือลูกคนเล็กจะเอาแต่ใจ บ้านผมไม่ใช่แบบนั้น พี่วินถูกพี่ชินตามใจจนเคยตัว แถมที่บ้านยังเลี้ยงลูกแบบปล่อยอิสระ ยิ่งผมเป็นพวกง่ายๆ อะไรก็ได้ ส่วนใหญ่พี่วินเลยเป็นคนตัดสินใจหมด เว้นแต่ผมต้องการอะไรจริงๆ พี่วินจะยอมรับฟังโดยดี

   กลนิ่งไปสักแปบ คงกำลังนึกถึงบุคคลที่ถูกพาดพิง เขาพยักหน้า

   “ก็จริง แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเหตุและผล ที่บริษัทไม่ค่อยมีใครขัดเพราะมันไม่ได้ส่งผลเสียอะไร”

   อืม ไม่ได้ส่งผลเสียอะไรและคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ คือพี่วิน กรณีของพี่ชินคือรู้และเต็มใจทำตาม ส่วนคนอื่น ผมคิดว่าตามพี่วินไม่ทันแหง มากสุดแค่สงสัย พอผ่านไปสักพักคงโดนพี่วินหลอกล่อจนลืมไปเอง ในเมื่อคนที่รู้ทันลูกเล่นพี่วินมีนับนิ้วได้ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีผมกับพี่ชิน

   “นายพลาดแล้วกล หนทางที่นายจะตามทันอาจารย์ตัวเองยังอีกยาวไกลนัก พยายามเข้านะ” ผมตบบ่ามองกลด้วยสายตาเอ็นดู กลไม่พอใจนิดหน่อย ปกติเขาดูเป็นผู้ใหญ่ เว้นเวลาอยู่กับผมหรือครอบครัวที่จะเผยด้านเด็กออกมาบ้าง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ชอบให้ทำเหมือนเจ้าตัวเป็นเด็กอยู่ดี พ่อเด็กเอาใจยากเอ๊ย

   ภารกิจเริ่มต้นขึ้นในวันถัดมา พวกผมตื่นตอนเช้าทานอาหารจนเต็มอิ่ม เพราะกองทำต้องเดินด้วยท้อง ส่วนวิธีเริ่มภารกิจไม่ยาก แค่เดินไปบอกหัวหน้าหมู่บ้านก็พอ

   “พังพอนจะเข้ามาจากทุกทาง ดีที่หมู่บ้านมีขนาดเล็ก พวกเราแค่เจ็ดคนไม่ต้องวิ่งกันขาขวิด ลินใช้ร่างหมาป่าลากพวกมันมากองรวมกันตรงหน้าหมู่บ้าน หลังจากนั้นหนึ่งเข้าไปดึงพวกมันไว้เพราะตอนนี้นายพลังป้องกันสูงที่สุดในทีม ส่วนคนที่เหลือโจมตีใส่พังพอนให้หมด ฉันจะเป็นคนคอยเพิ่มเลือดให้พวกนายเอง”

   ผมบอกแผนการที่คิดเอาไว้เมื่อคืน ลินเปลี่ยนร่างตัวเองเป็นหมาป่า วิธีแบบเดียวกับกล แต่ขนเป็นสีทองสว่างเหมือนสีผมดูสวยสง่าไปอีกแบบ

   ผมดีดพิณเป็นเพลงเพิ่มค่าสถานะให้กับทุกคนในทีม แล้วปล่อยทุกคนไปประจำที่

   “ลิน ถ้าเกิดเลือดใกล้หมด ให้เลิกลากแล้ววิ่งมาทางพวกเรานะ” ผมสั่งกำชับ งานนี้ถ้าใครคนหนึ่งในทีมตายต้องเริ่มใหม่หมด ถือว่าเป็นเควสที่โหดหินเอาเรื่องกับเงื่อนไขต่างๆ เมื่อทุกอย่างพร้อม การต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น

   หมาป่าสีทองออกวิ่งทันทีที่เห็นพังพอนในสายตา พวกมันตัวใหญ่เท่ากับสิงโตบุกเข้ามาจากทุกด้าน ไม้กระแทกคทาหัวกระโหลกที่ยืมจากลินบนพื้น เกิดวงเวทขนาดใหญ่ เสียงร่ายมนต์ดังยาวพร้อมๆ กับมีโดมสีดำคลุมหมู่บ้านให้ตกอยู่ในความมืด สกิลนี้ลินเคยใช้ตอนแข่งขันกิลด์รอบแรก

   ถือเป็นการกันมอนสเตอร์ไม่ให้หลุดเข้าไปในหมู่บ้าน แค่เพียงไม่กี่นาที หมาป่าสีทองวิ่งมาพร้อมกับพังพอนสิบกว่าตัว สมทบกับสองตัวที่บุกเข้ามาทางหน้าหมู่บ้าน หนึ่งใช้สกิลโจมตีหนักเป็นวงกว้าง สร้างดาเมจสูงๆ ดึงให้มอนสเตอร์พวกนั้นมาสนใจตัวเอง

   กล ไวไว ดาลี่ และไม้ผลัดกันโจมตีใส่ฝูงพังพอน ผมบรรเลงพิณตลอดไม่ให้ขาดช่วง โดยมีกลคอยสร้างดาเมจให้พวกมอนสเตอร์และคอยคุ้มครองผมอยู่ข้างๆ

   “ชุดแรกใกล้หมดแล้ว ฉันว่ามันน่าจะมาแบบเป็นระลอก ลินเตรียมตัวไปลากอีกรอบ หนึ่งถอยออกมาเพิ่มเลือดก่อน กลช่วยไปแทนที่ที”

   ผมสั่งพลางใช้เวทฟื้นฟูเลือดแบบคนเดียวแต่ได้เยอะที่สุดจากทุกสกิลที่มีใส่หนึ่ง ระหว่างที่กลเข้าไปแทนตวัดเคียวของผมฟาดฟันมอนสเตอร์สลับดูดเลือดมาเพิ่มให้ไวไวกับดาลี่ที่โจมตีใส่มอนอยู่ พอลินกลับมาพร้อมพังพอนล็อตใหม่ หนึ่งกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองตามเดิม

   พวกเราทำแบบนั้นเรื่อยๆ แต่ละรอบมอนสเตอร์เริ่มเยอะขึ้น กระทั่งพังพอนตัวสุดท้ายของรอบที่ห้าตายลงไป ทุกอย่างกลับสู่ความเงียบแบบที่บ่งบอกว่าอีกไม่นานบอสจะโผล่มา

   “ต่อจากนี้คิดว่าพวกมอนสเตอร์คงมาแบบฝูงใหญ่พร้อมบอส ลินไม่ต้องลาก ไม้ปลดเวทคลุมหมู่บ้านออกซะ”

   หมาป่าสีทองกลับเป็นร่างชายหนุ่มรูปงามตามเดิม ไม้ลังเลแต่ก็ยอมถอนเวทคืนตามคำสั่ง

   “มั่นใจนะพี่” เจ้าตัวถามอย่างเป็นกังวล ผมหัวเราะหึ ดวงตาตวัดมองชาวเผ่านาคาที่ชะโงกออกมาจากบ้านของตัวเอง ไวไวหัวเราะรู้ทันว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่

   “อย่าห่วงเลย วัตมันมีแผน ร่ายมาเลยหัวหน้าปาร์ตี้ จะให้พวกเราทำอะไร”

   ไวไวตบบ่ารุ่นน้องหันมามองผม หน้าภายใต้หน้ากากคงกำลังยักคิ้วยิ้มมุมปากใส่ผมชัวร์ ตามประสาเพื่อนรักที่ร่วมมือกันทำเรื่องชั่วมานักต่อนัก

   “พอบอสออกมา เราจะช่วยกันลากมันไปกลางหมู่บ้านและปักหลักสู้ที่นั่น ทุกคนมีอะไรงัดออกมาใช่ให้หมด คราวนี้ได้มันแบบนรกแตกแน่นอน”
   
   “เฮ้ย พี่! แล้วคนในหมู่บ้านล่ะ เขาบอกให้เราปกป้องหมู่บ้านนะ ไม่ใช่ลากมอนเสอตร์ไปช่วยถล่ม” ดาลี่ขัด มีหนึ่งยกมือเสริมอีกคน

   “นั่นสิ ถึงผมจะรู้สึกว่ามันน่าสนุกก็เถอะ แบบนั้นภารกิจเราจะไม่ล่มเอาเรอะ”

   “ภารกิจบอกให้ฆ่าพังพอน” กลเอ่ยเสียงเรียบ ลินทุบมือปุ

   “ใช่แล้ว ชื่อมันบอกว่าปกป้องหมู่บ้านก็จริง แต่เงื่อนไขแค่ให้ฆ่าพังพอนทั้งหมดเท่านั้น อีกอย่างหมู่บ้านนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เป็นถึงเผ่านาคาผู้ชำชองเรื่องเวทมนต์และการต่อสู้ในระยะประชิด ไม่เลวเลย บางทีนี่อาจจะเป็นจุดประสงค์หลักของภารกิจก็ได้” จบคำพูดลิน ทุกคนมองผมด้วยสายตาชื่นชมยกเว้นกลกับไวไว มันหันหน้าหนีไปทางอื่น กลั้นหัวเราะจนตัวสั่น ผมกระตุกหางมันอย่างเคืองๆ โดนมันหันมาขู่ใส่ เฮอะ กลัวตายล่ะ น่ากลัวไม่ได้ขี้เล็บพี่วินตอนอดนอน

   “มันไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งขนาดนั้น แค่หมั่นไส้พวกชาวนาคาที่มัดมือชกพวกเรามากกว่า”

   ไวไวชี้นิ้วโป้งมาทางผม กลหัวเราะหึในคอ สายตาชื่นชมจากสามสหายและลินเมื่อครู่หายวับกลายเป็นสะใจปนนึกสนุกแทน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 20:15:20 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.30 หมู่บ้านแสงจันทร์

   ถ้าให้บรรยายถึงสีหน้าของทุกคนในเวลานี้ ความหวาดผวาผ่านทางดวงตาของเหล่านาคาบอกได้ดีที่สุด หัวหน้าหมู่บ้านถูกลูกบ้านถีบส่งออกมาหาพวกผม เพื่อถามถึงท่าทีที่แปลกไป

   “เจ้าพวกนี้ จำไว้เลยนะ ออกเกมเมื่อไหร่จะโยนงานทับหัวทั้งแผนก” ประโยคแรกบ่นพึมพำกับตัวเอง ผมส่ายหัว พนักงานบริษัทพี่วินนี่เป็นพวกเฮฮากันหมดเลยหรือไงนะ

   “ไม่ทราบว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือ” เจ้าตัวทำใจกล้าถาม ลึกๆ คงรู้อยู่แล้วล่ะความซวยจะมาเยือนในไม่ช้า ผมคลี่ยิ้มแสนดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ คนมองผวาเฮือกถอยหลังไปสองก้าว

   “พอดีว่าเพื่อนผมพลังหมดแล้วน่ะครับ คงไม่สามารถกางเวทปกป้องหมู่บ้านได้ แต่ไม่ต้องห่วง พังพอนทุกตัวเราจะฆ่าให้หมดไม่ให้เหลือแม้แต่ตัวด้วย”

   “แล้วหมู่บ้าน...” ผมรีบพูดตัดบทหัวหน้าเผ่านาคา

   “พังพอนกับตัวบอสโผล่มาแล้ว พวกเรารีบไปจัดการเร็วเข้า!” นักดนตรีหัวทองสั่งพวกพ้องที่ยิ้มรับ ทุกคนพร้อมใจจับอาวุธในมือวิ่งไปทางตรงกันข้ามกับจุดพังพอนเกิด หัวหน้าเผ่านาคาถูกเราวิ่งผ่านจนเกิดสายลมวูบ เป้าหมายคือใจกลางหมู่บ้านที่มีบ้านของหัวหน้าเผ่าตั้งอยู่

   “กลพาฉันขึ้นไปบนหลังคาบ้านที พวกนายลากบอสมาตีกันตรงหน้าบ้านนะ” ผมหันไปวานแวมไพร์ผมดำ เจ้าตัวเลิกคิ้วเดินเข้ามาคว้าเอวผมกระโดดวูบเดียวยืนบนหลังคาบ้านอย่างมั่นคง พอเขาปล่อยลง กลพุ่งเข้าไปจัดการพังพอนตัวแรก

   สถานการณ์ตอนนี้ หมู่บ้านถึงคราวโกลาหล ทางด้านหน้ามีบอสพังพอนตัวใหญ่ลุยฝ่าดงบุกจนมาถึงตัวพวกเราที่ปักหลักสู้ เหล่าชาวเผ่านาคาพากันสาปส่งผู้เล่นท่ามกลางความวุ่นวาย แต่ละคนต้องหยิบอาวุธใช้ความสามารถของตัวเองเข้าสู้ด้วย

   ผมหัวเราะอย่างสะใจอยู่บนหลังคา ดวงตาจับจองฝูงพังพอนที่หลั่งไหลมาจากทุกทิศทาง ก่อนจะเรียกใช้สกิลของดาลี่ที่มันไม่สามารถใช้ได้

   “Magic of Music!”

   ชื่อ : Magic of Music
   ชนิด : ทักษะ
   ข้อมูล : ความมหัศจรรย์ของเสียงเพลง สามารถสร้างสิ่งของเกี่ยวกับดนตรีออกมาได้ตามระดับผู้เล่น
      ขั้นแรก 1 ชิ้น
      ขั้นกลาง 3 ชิ้น
      ขั้นสูง 5 ชิ้น
   สถานะ : ฟื้นฟูพลังผู้ได้ยินบทเพลงตลอดเวลาที่ยังร้องอยู่
      เพิ่มค่าความสามารถทุกอย่าง 5%
   เงื่อนไข : ผู้ใช้จะต้องร้องเพลงให้ถูกคีย์

   เพราะเงื่อนไขมันนี่แหละ ไอ้ดาลี่ถึงใช้สกิลไม่ได้ ในเมื่อมันร้องเสียงเพี้ยนขนาดที่สมัยผมเป็นพี่สันคุมพวกมัน ยังต้องถีบส่งมันไปขนน้ำแทนมาร้องเชียร์ ด้วยความที่มันร้องเพี้ยนแบบกู่ไม่กลับ แต่มันได้เรื่องตีกลองเล่นพวกเครื่องดนตรี ผมเลยไม่ห่วยถ้ามันจะมาเป็นพี่สันรุ่นต่อไป ให้เพื่อนคนอื่นร้องฝึกน้องแทนมันได้

   เลเวลของผมอยู่ในระดับขั้นสูงสามารถเรียกของมาได้ห้าชิ้น อย่างแรก ผมเสกกลองชุด กระดิกนิ้วเรียกดาลี่มันมาเล่นให้ ชิ้นที่สองคือกีร์ต้าไฟฟ้าผมเรียกแวมไพร์ลาสจากสัญญา

   “เรียกมามีอะไร ฉันมีงานหลายอย่างต้องทำนะ พังพอน? มอนสเตอร์อ่อนหัดแบบนี้ยังเรียกฉันมาช่วยอีกไร้ความสามารถสิ้นดี ไม่อยากจะเชื่อว่าพวกนายล้มฉันได้” เสียงบ่นมาก่อนตัวจะโผล่ออกมาครบซะอีก ชายร่างสูงโปรงเรือนผมยาวสีเงินยวงกอดอก ดวงตาสีแดงกวาดมองภาพโดยรอบ ผมพอเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมพี่วินถึงไม่ถูกกับคุณหัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลนัก ขี้บ่นชิบอย่างกับไวไวภาคผู้ใหญ่

   “พอๆ ผมไม่ได้เรียกคุณออกมาช่วยสู้ซะหน่อย เอ้า เล่นเป็นป่าว” มือยื่นกีต้าร์ไฟฟ้าส่งให้ เขารับไปมองลองเล่นนิดหน่อย ใช่ได้ทีเดียว

   “ไม่ได้แตะนาน แต่ระดับฉันเล่นได้อยู่แล้ว”

   มือกลองพร้อม มือกีร์ต้าพร้อม ที่เหลือคือตัวนักร้อง ผมเรียกไมค์ออกมา อย่างสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยคือลำโพง!

   “เฮ้ยไอ้วัต! จะเปิดคอนเสิร์ตเรอะ!!” ไวไวกำลังซัดนัวกับพังพอนหันมามองผมอ้าปากค้าง ทุกคนลอยพลอยมองตามด้วย แม้ว่ามือยังจัดการพวกสัตว์โลกสี่ขาอยู่ แยกประสาทกันเก่งไปนะ

   “เออ รอฟังแล้วกัน” มุมปากยกยิ้ม เคาะๆ ไมค์เทสเสียงนิดหน่อย ดีที่เกมนี้แม้จะเป็นแนวย้อนยุคยังเสกของล้ำสมัยแบบนี้ออกมาได้ ถือว่ามีลูกเล่นเยอะไม่เลว

   ลินแค่เหลือบมองนิดหน่อย พลางใช้สกิลของอาชีพเนโครเมเซอร์ชุบชีวิตคนตายขึ้นมา บังเอิญว่าเจ้าตัวดันเลือกชุบเอาแวมไพร์ลูกสมุนลาสที่เก็บขี้เถ้าไปตอนลงดันเจี้ยนปราสาทแวมไพร์กันครั้งก่อน

   ตึง ตึง ตึง!

   โลงศพสามโลกถูกเรียกออกมาจากรอยแยกในอากาศ ตัวโลงเป็นแบบเดียวกับที่ผมเห็นในดันเจี้ยน ฝาโลงค่อยๆเปิดออกพร้อมกับแวมไพร์ทั้งสามร่าง บารอนกับแฝดเอิร์ลและไวส์เคานท์ พวกนาคาเห็นพากันผิวปากชอบใจ ยิ่งนาคาสาวๆ ขยันเข้าไปสู้ใกล้ๆ เหล่าแวมไพร์เหลือเกิน

   ผมมองภาพเบื้องล่างแบบเซ็งๆ นิดหน่อย ชาวนาคาแต่ละคนดูสนุกมากกว่าจะเดือดร้อน ผมให้สัญญาณเพื่อนร่วมวงจำเป็นทั้งสองคน พอเริ่มใช้ทักษะ ด้านหน้าพวกปรากฎสมุดโน๊ตเพลงขึ้นมา มันเป็นเพลงที่ผมเลือกเองในหัว เสียงมันๆ จากกีต้าร์ดังข้างหู ผมผงกหัวไปตามจังหวะ แสยะยิ้มมุมปาก ดูท่าเพลงจะเปลี่ยนไปตามเครื่องดนตรีที่เรียกออกมา มันล่ะสิทีนี้

   เสียงดนตรีดังกระหึ่ม เสียงเพลงก้องไปทั่วบริเวณ เหล่าคนที่กำลังต่อสู้ชะงักกับเสียงนั้นพลางส่ายหัวอย่างนึกขำกับการเปิดคนเสิร์ตดื้อๆ ของผม ร่างทุกคนที่อยู่ในอาณาเขตมีแสงคลุมรอบตัวพร้อมการฟื้นฟูพลังและเพิ่มค่าสถานะตามผลของสกิล ผมร้องเพลงอย่างเมามันอยู่บนหลังคา เบื้องหน้ามีมือกลองหูกระต่าย กับมือกีต้าร์ดีกรีราชาแวมไพร์

   กลกางปีกค้างคาวออกกว้างเกิดเงาบดบังพวกพังพอนที่อยู่ด้านล่าง ดวงตาคมกวาดมือ เคียวในมือถูกเปลี่ยนเป็นคาตานะสองเล่ม ทุกครั้งที่บินผ่านจะมีศพพังพอนเป็นฉากหลัง คอยปกป้องคนที่อยู่บนหลังคา ลินในร่างหมาป่ากระโจนเข้าใส่ขย้ำคอสัตว์สี่เท้า ก่อนส่งเสียงสั่งแวมไพร์สามตนคอยเก็บกวาด ส่วนตัวเองเปลี่ยนทิศเข้าหาบอส ร่วมสู้กับพวกไวไว

   เหล่านาคาไม่น้อยหน้า ในเมื่อมีการซัพพอร์ตจากนักดนตรี แต่ละคนงัดอาวุธตัวเองออกมาสารพัดรูปแบบ บางคนถือแส้ บางคนถือดาบ ไม้คทา กรงเล็บเหมือนที่กลเคยใช้ กระทั่งกลับร่างเป็นงูตัวเขือง เกล็ดละเอียดสีฟ้าขาวเลื่อมพรายชูคอส่งเสียงขู่เขาโรมรันกับพังพอน

   ผมกวาดตามองทั่วสนามรบขนาดย่อม พังพอนไหล่บ่ามาราวกับสายน้ำ ทุกครั้งที่ระลอกใหม่เกิด ระดับความโหดจะเพิ่มขึ้นจนตอนนี้พังพอนเลเวล 80 ตัวบอสพอเลือดลดถึง 40% มันยืดตัวขึ้นคำรามก้องกลบเสียงผมชั่วขณะ ร่างกายมันขยายใหญ่ ขนบนตัวดูแข็งราวกับเกราะขนสัตว์ คมเขี้ยว กรงเล็บงอกยาว ดวงตาสีแดงก่ำ เสียงระบบแจ้งรัว

   ราชาพังพอนเปลี่ยนร่างสู่ขั้นสอง Lv.99
   ปลดผนึกเควสลับแห่งหมู่บ้านแสงจันทร์ เงื่อนไขคือการร่วมมือกำจัดพังพอนกับชาวนาคา
   มอนสเตอร์พังพอนเพิ่มระดับ Lv.87
   มอนสเตอร์พังพอนปรากฎตัวขึ้น 30 ตัว

   เวรเอ๊ย จากการทำภารกิจธรรมดา กลายเป็นเควสลับไปแล้ว ไม่น่าคิดพิเรนทร์เลยผม ไม้ทักเข้ามาในระบบสนทนาของปาร์ตี้ ผมหยุดร้องเพลงชั่วขณะ กลเปลี่ยนดาบในมือเป็นเคียวคอยเพิ่มเลือดให้คนบางส่วนแทนผมชั่วคราวอย่างรู้งาน

   ‘เอาไงดีพี่วัต พวกมันมาเรื่อยๆ เลย ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปตายห่านยกหมู่บ้านรวมทั้งพวกเราแหง’

   ‘พี่วัต! คิดเร็วๆ ผมจะยันมันไม่อยู่แล้ว’ หนึ่งโวยวายมาอีกเสียง ผมขมวดคิ้วฉับ หันไปสั่งสองคนด้านหลัง

   “พวกนายลงไปลุย ที่นี่ฉันจัดการเอง” ดาลี่พยักหน้ารับกระโดดลงไปช่วยเพื่อนด้านล่าง ส่วนลาสยังยืนกอดอกหล่อๆ ไม่มีทีท่าจะลงไปลุยกับเขา แต่เรียกดยุคออกมาซะงั้น! ผมมองแบบอึ้งๆ ไม่คิดว่าราชาแวมไพร์จะอเนกประสงค์ขนาดนี้ อยากพกติดตัวไว้จัง

   “มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหล่อรึไง” มุกนี้เก่าไปไหมพี่

   “เห็นอยู่ทุกวันตอนตื่นนอน” ผมตอบหน้าตายเขาทำปากเบ้ใส่ ก็แหม่ ใครจะกล้าเถียงว่าแฟนผมไม่หล่อ

   “เพิ่งรู้ว่าลาสเรียกสมุนออกมาได้ด้วย” ผมดีดนิ้วให้กลองหายไป แล้วรับกีร์ต้ามาใช้ซะเอง อืมๆ เสกขาไมค์มา โอเคพร้อม

   “แวมไพร์ดยุคทุกตนฉันเรียกออกมาได้ แลกกับขยับไปไหนไม่ได้ชั่วคราว” พอผมจะอ้าปากถามอีก เขาเปิดหน้าต่างความสามารถของราชาแวมไพร์ระหว่างทำสัญญา แทบจะจับหัวผมมุดเข้าไปในนั้น นิ้วยาวขาวซีนชี้ไปตรงจุดอธิบายสกิลที่เขากำลังใช้

   มันเป็นการเรียกลูกสมุนแวมไพร์ออกมาร่วมต่อสู้ แต่จะขยับไม่ได้ชั่วขณะอย่างที่เจ้าตัวบอก สามารถเรียกได้ทีละหนึ่งตน ผมพยักหน้าเข้าใจ ที่เขาไม่สู้เองคงเพราะที่นี้อยู่ห่างจากถิ่นตัวเองไปไกลโข แถมท้องฟ้ายังสว่างโร่ ให้ดยุกที่เป็นครึ่งหมาป่าสู้น่าจะได้ผลที่สุด หากเทียบกับตัวอื่น

   “ยัยหนูยึดขุนนางสามตนของฉันไป สามตนนั้นไม่สามารถเรียกใช้ได้” ผมพยักหน้ารับเข้าใจ ส่วนเจ้าพวกขุนนางที่ตบคนเลือดสาดอยู่ในดันเจี้ยน พวกนั้นคงแยกต่างหาก ไม่สามารถเอาออกมาใช้ได้ จะว่ายังไงดี เหมือนเป็นตัวเดียวกันแต่แบ่งส่วนการใช้ ดันเจี้ยนชุดหนึ่ง นอกสถานที่ชุดหนึ่งล่ะมั้ง

   “อย่ามัวแต่สนเรื่องไร้สาระ” เขาเตือนสติ ชี้ไปทางสนามรบเปลี่ยนเป็นนรกของจริง พังพอนเพิ่มมากขึ้นอีกแล้ว! ผมยื่นหน้าเข้าหาไมค์ประกาศบอกทุกคน

   “รีบฆ่าบอสซะ ไม่งั้นมอนจะมาเพิ่มเรื่อยๆ ไม่มีวันหมด ชาวนาคาพวกมีพลังโจมตีสูงเข้าจัดการบอส ส่วนพวกถึกทนไปฟัดล่อพวกพังพอนเอาไว้ พวกโจมตีระยะไกลแบ่งกลุ่มซัพพอร์ททั้งสองด้าน ปาร์ตี้ของฉันรุมยำบอสไปเลยยกเว้นไวไว นายช่วยใช้ด้ายถ่วงพวกมอนกับชาวนาคาที”

   ‘ได้!’ เพื่อนซี้ตอบรับมาทางปาร์ตี้ เขาอยู่ไกลไม่มีไมค์แบบผมเลยแหกปากแข่งในสนามรบไม่ไหว ดวงตาคมของกลเหลือบมองผมแวบนึง พอเห็นว่าข้างกายผมมีลาสคุ้มครองอยู่ เขาเลยเข้าไปรุมบอสกับคนอื่นบ้าง ถึงลาสจะขยับจากตำแหน่งเดิมไม่ได้ ใช่ว่าจะขยับแขนไม่ได้เสียหน่อย พังพอนตัวไหนหลุดเข้ามา โดนเล็บคมๆ กับปีกของเจ้าตัวเชือดเรียบ เขามองผม ผมถอนหายใจ ต้องรีบเคลียภารกิจโหดหินนี้ ก่อนเวลาเรียกลาสมาช่วยจะหมดลง

   ผมเริ่มดีดกีต้าร์อีกครั้ง ร้องเพลงเพิ่มพลังกับค่าสถานะให้ทุกคน ตรงชุดไหนที่จวนตัวเกินไป หรือผลสกิลของผมไปไม่ถึง จะมีชาวนาคาสายฟื้นฟูเข้าช่วย แม้เวลานี้ทุกอย่างบจะดูเข้าทางดี แต่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เราคงเหนื่อยตายใต้เท้าพังพอนกันหมด

   เจ็ดจันทร์เสี้ยวถูกงัดมาใช้ ช่วยจอมตีบอสกับมอนเสอตร์ในรัสมีที่ผมควบคุมได้ ระหว่างใช้สกิลของนักดนตรี ราชาพังพอนเลือดลดเหลือเพียง 5% ความโหดดุร้ายมันเพิ่มมากขึ้น มีนาคาหลายคนตายไป ขนาดไม้ยังโดนลูกหลงกลายเป็นแสง ดีหน่อยภารกิจมันเปลี่ยน ไม่งั้นเพื่อนในทีมตายภารกิจคงล้มเหลวไปแล้ว

   เหมือนพร้อมใจกัน ช่วงบอสเหลือเลือดเพียงน้อยนิด ทั้งกลุ่มผมและเผ่านาคาเลิกสนใจพวกพังพอน แล้วรุมประชาทันฑ์บอส หลังบอสตายภารกิจยังไม่ประกาศความสำเร็จทันที พวกเขาต้องจัดการพังพอนที่เหลืออยู่ให้หมด กว่าจะผ่านพ้นการต่อสู้สุดโหดไปได้ แต่ละคนแผ่หลาผมสภาพบนพื้น เสียงผมตอนนี้คงแหบเป็นเป็ด

   แรกก็ร้องเพลงอยู่หรอกเพราะมันฟื้นฟูพลังเยอะกว่าสกิลอื่น หลังๆ ไม่ไหว ทำแค่เล่นดนตรีเท่านั้น บางทีสลับพักบ้าง เหนื่อยสายตัวแทบขาด ขนาดกลที่ว่าเมพยังเหงื่อชุ่มตัวเกาะพราวทั่วใบหน้าอย่างกับจะถ่ายแบบ อือหือ ดูดีแม้เวลาเหนื่อย ผมหมั่นไส้ยกมือโบกไปที เจ้าตัวหันมามองตาขวาง คงเหนื่อยเกินกว่าจะเอาเรื่องได้แต่คาดโทษคิดบัญชีรวดเดียวภายหลัง

   ภารกิจลับหมู่บ้านแสงจันทร์เสร็จสิ้น คุณได้รับค่าประสบการณ์...
   
   ระบบมันก็พล่ามไปเรื่องค่าประสบการณ์เอย ของที่ได้เอย ค่าความดีความชอบ สารพัดอย่างจนผมขี้เกียจฟัง สิ่งที่น่าสนใจคือจุดนี้ต่างหาก

   ภารกิจช่วยหัวหน้าหมู่บ้านกำจัดพังพอนหายไป ‘หมู่บ้านนาคา’ กลับสู่ชื่อเดิมเป็น ‘หมู่บ้านแสงจันทร์’ หลังจากนี้จะเปิดให้ผู้เล่นเข้าออกได้อย่างอิสระ
   
   อ่าฮะ กลายเป็นเควสปลดผนึกหมู่บ้านไปซะชิบ ผมมั่นใจว่าเสียงนี้ต้องประกาศให้ทุกคนในเกมรู้แน่นอน ว่าหมู่บ้านลับแลที่ไม่มีใครเหลียวแลถูกเปิดเผยสู่สาธารณะชน คาดว่าหลังจากนี้ที่นี่คงเป็นแหล่งเก็บเลเวล หาวัตถุดิบทำยา เรียกเวทมนต์จากพวกนาคายอดนิยมชัวร์ สังเกตจากความสามารถตอนต่อสู้ของพวกงู

   ลินเก็บทักษะที่ได้จากผู้ใหญ่บ้านไป ของที่เหลือเรามาแบ่งกันในทีมเหมือนอย่างทุกครั้ง ชาวบ้านแยกย้ายกลับบ้านช่องพักผ่อน ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้น คงมีแต่คนสร้างเกมเท่านั้นที่รู้ ว่าพวกเขาจะขยันมาซ่อมแซมเมื่อไหร่ พวกนาคาที่ตายไป ผ่านไปตามเวลาจะกลับมาประจำตำแหน่งตามเดิม ได้ยินเสียงลาสบ่นกระปอดกระแปดก่อนกลับดันเจี้ยนว่าอยากได้วันหยุดบ้าง

   ไม้มาเกิดในบ้านของหัวหน้าเผ่านาคา ปัจจุบันหลังนอนอืดเป็นตาย พักเหนื่อยกันเสร็จเรามารวมพลกันที่โต๊ะเดิม จ้องเขม็งใส่นาคาตัวลีบ

   “ทำไมคำสาปพวกเราไม่หายไปล่ะ” นี่คือคำถามหลังพวกผมตื่นขึ้นมาพบว่าทุกอย่างยังคงเดิม และผมโดนกลสูบเลือดไปรอบเช้า เจ้าตัวเริ่มติดใจความเป็นแวมไพร์มากขึ้นทุกที ผมกับไวไวเดือดร้อนโคตร ต้องรีบกลับคำสาปเดิมของตัวเองโดยไวที่สุด

   “ใจเย็นๆ คำสาปของพวกเราเผ่านาคาแก้ไม่ยาก ยิ่งคำสาปนี่ไม่ต้องเป็นห่วง คืนนี้เราจะพาไปยังสถานที่หนึ่ง”

   “ถ้าไม่หาย เตรียมตัวเป็นงูบะช่อได้เลย” ไวไวกับผมหักมือกร๊อบๆ คนฟังปาดเหงื่อแล้วปาดเหงื่ออีก

   ผมให้กลติดต่อเล่ารายงานผลกับทางกิลด์ เรื่องพวกเราได้ทักษะของลินมาแล้ว แต่คงต้องใช้เวลาอีกวันถึงกลับไปสมทบที่เมืองหลวงได้ ไหมหัวเราะร่ามาตามจอสื่อสารที่ผมชะโงกหน้าเข้าไปแจมด้วย แถมยังฝากให้เอาครีมรักษาแผลของเผ่านาคามาฝาก อลิสรู้เข้าชูไม้ชูมือร้องกรีดกราดขอด้วยหนึ่งโหล ทีแรกผมไม่เข้าใจทำไมสาวๆ ถึงอยากได้ไอครีมกระปุกนี้นัก พอไปดูของในร้านขายถึงเข้าใจ มันเป็นร้านเฉพาะเผ่านาคาถึงซื้อได้ พวกเราทำภารกิจผ่านเลยซื้อได้โดยไม่ต้องเป็นเผ่านาคาตามเงื่อนไข

   ที่สำคัญ นอกจากสรรพคุณรักษาแผลแล้ว มันยังบำรุงผิวอย่างดีให้เนียนสวยใสกิ้ง ในหญิงยากแท้หยั่งถึง พวกเธออย่างงามงดเฉิดฉายแม้กระทั่งในเกม

   คนเผ่านาคาในเกมมีน้อย แถมส่วนใหญ่เป็นพวกผู้ชายไม่สนใจพวกครีมบำรุงอะไร และผู้หญิงคงไม่อยากเปลี่ยนตัวเองมาเป็นงูตัวยาว มันเลยมีขายในตลาดน้อยมากทั้งที่ความต้องการสูง ผมเหมาซื้อไปเพียบ กะว่างานนี้เอาไปปล่อยขายรวยตายไปข้าง ก่อนที่มันจะล้นตลาดเพราะหมู่บ้านเปิดอิสระ ยังมีหลายเควสที่ทำแล้วสามารถซื้อของนาคาในร้านได้

   เรารอจนถึงเวลากลางคืนเดินตามภูใหญ่บ้านไปบนเนินเขาสูง รอบบริเวณก็สวยดี อากาศเย็นชื้นตามประสาถิ่นงูชอบอยู่แถวหนองน้ำ ต้นไม้รกทึม มีหิงห้อยมากมายส่องแสงระยิบระยับ ขนาดลินยังตาวาวดูมีความสุขสมเป็นผู้หญิงให้ไวไวมันแทบร้องไห้

   หัวหน้าเผ่านาคาพาเรามาหยุดยืนตรงจุดที่สูงที่สุด พอมองลงไปด้านล่างพบภาพความงามยิ่งกว่าฝัน หมู่บ้านนาคาที่กำลังซ่อมแซม ดินที่นำมาใช้บ้านซึมซับแสงจันทร์จนทอแสงนวลแบบที่ไม่ต้องมีคบเพลิงใดๆ มาให้ความสามารถ นาคาที่นี่ส่วนใหญ่มีสีขาวเลื่อมพราย เรือนผมเป็นสีเดียวกัน ยามเคลื่อนไหวไปมาภายในหมู่บ้านทั้งในร่างคนและร่างงู ดูไม่ต่างจากภูติในป่าลึก

   นี่สินะ ที่มาของชื่อ ‘หมู่บ้านแสงจันทร์’

   “สวยมาก เคยไม่เห็นอะไรสวยเท่านี้มาก่อน” หนึ่งเพ้อออกมา ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย กลที่ดูด้านชาสุดยังมองด้วยรอยยิ้มมุมปาก

   “ใช่มั้ยล่ะ มันคือความภาคภูมิใจของชาวเผ่านาคาเชียวนะ” หัวหน้าเผ่านาคายิ้มแก้มแตก ในที่สุดเขาก็ได้อวดโฉมหมู่บ้านงามๆ ให้คนอื่นได้เห็นเสียที ก่อนเปิดเป็นสถานท่องเที่ยวเก็บเงินเพิ่มรายได้เข้ากระเป๋า...

   “ฉันไม่ปฏิเสธว่ามันสวย แต่ไม่ได้เกี่ยวกับคำสาปเราเลยนี่หว่า” ไวไวกางเล็บแมวเตรียมข่วนหน้าแหก นาคายกไหล่ไม่สน

   “ดูดีๆ ตอนนี้กลับมาเป็นแบบเดิมแล้ว” เขาทัก เราถึงก้มดูตัวเองบ้าง อย่างที่เจ้าตัวพูด แต่ละคนได้คำสาปเริ่มต้นของตัวเองกลับคืน ไวไวชูมือร้องไชโยกับเจ้าหนึ่ง มันคงเบื่อร่างใหญ่โตของยักษ์เต็มทน

   “ตกลงที่นี่มีพลังลบล้างคำสาปเหรอ น่าสนใจนะเนี่ย” ดาลี่ลูบคาง

   “ฮึ คำสาปแค่ถึงเวลามันก็หายไปเองแหละ ที่พามาแค่อยากอวดหมู่บ้านตัวเองเฉยๆ อย่าลืมเอาไปบอกต่อล่ะ เดี๋ยวให้ค่าโฆษณา”

   “นิสัยงี้คุ้นๆ เหมือนใครนะ” นาคาหดหู่เพราะถูกเมินอย่างสมบูรณ์แบบ ผมเลิกคิ้วทำไม่รู้ไม่ชี้ หลบสายตาทุกคนแล้วชี้ไปทางหมู่บ้าน

   “ดูนั่นสิ สวยเนอะ”

   “เออ!” แหม ไม่ต้องประสานเสียงประชดกันขนาดนั้นก็ได้ เขิน

   วันถัดมา พวกเราเดินทางกลับเมืองหลวง ควบม้าแบบห้อตะบึงเพื่อให้ทันการแข่ง ทั้งคนทั้งม้าเหนื่อยจนลิ้นห้อย สรุปพอไปถึงสนามแข่งกลางเมือง เห็นพวกทัตกำลังบู๊กับคนในกิลด์อย่างดุเดือด เราเลยทรุดตัวนั่งหลังชนกันแบบหมดแรง

   ไม่ทันอยู่ดี

   “ทุกคน” เสียงดาลี่เรียกพวกผมหันไปมอง

   “จะไปแล้วสินะ?” ไวไวถาม สามสหายพยักหน้า ผมโบกมือ

   “ขอให้โชคเลือด วันหลังมีปัญหากับใครไม่ต้องเรียกนะ” ไอ้ดาลี่รีบถลามาเกาะแขนผมเลย พอรู้ตัวรีบผละออกมองกลแบบหวาดๆ หมาป่าหนุ่มไม่มีทีท่าอะไร แค่เท้าคางมองการแข่งเหล่ตามองนิดเดียว เจ้าหมาป่าแยกแยะได้ ยังนี่ก็รุ่นน้องผม ผมเลยยื่นมือไปลูบหัวเป็นรางวัล เจ้าตัวหรี่ตาเหมือนจะพอใจ คนที่อาจหาญทำงี้ได้คงมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นแหละ

   “โหยพี่วัต อย่าใจร้ายกับน้องนุ้งงี้สิ”

   “ฉันจำได้ว่ามีแค่พี่ชายสองคน” ดาลี่มันเขย่าตัวผมอย่างบ้าคลั่ง ไอ้นี่ เดี๋ยวเลือดที่กินไปไหลย้อนกลับมาพอดี เสียของ!

   “พี่วัตๆ ผมเป็นน้องรหัสพี่นะ ใช่ซรี้ ได้แฟนแล้วลืมน้อง โอ๊ย!” แขกหัวแม่ง

   “รู้ว่าพี่วัตเล่นยังทำอะไรปัญญาอ่อนอีกสมน้ำหน้า” ไม้พึมพำ หนึ่งปรบมือรัวๆ ดาลี่เลยสลัดผมลุกไปไล่เตะพวกมันสองตัวพอหอมปากหอมคอ ค่อยกลับมาลาดีๆ

   “พวกผมไปล่ะ โชคดีพี่ ไว้เจอกันที่มหาลัย”

   “เออๆ เดินทางดีๆ” พวกผมโบกมือลา แต่บอกออกจากตัวนะ ลินหัวเราะขำกับเสียงแง้งๆ ลอยมาจนพวกนั้นลับตาไปกับฝูงชน

   การต่อสู้กิลด์รอบหลังๆ ดุเดือดกว่ารอบแรกซะอีก เรียกได้ว่าตอนที่ผมลงสนามเทียบกันไปติด เห็นแล้วรู้สึกตื่นเต้น อยากลงไปร่วมด้วย ไวไวกับลินไม่ต่างกัน พอการแข่งขันจบลงพวกเรารีบปรี่เข้าไปหากลุ่มทัตกับไหม แน่นอนกิลด์เราชนะ!

   “การแข่งรอบต่อไปวันไหน” คำถามแรกที่ทัก

   “เฮอะ! พวกนายช้าเอง รอบต่อไปเป็นรอบชิง อีกยี่สิบวันในเกม” ทัตตอบไวไวพลางหันมายิ้มหวานให้กับผม กลเดินมาขวางหน้า รอยยิ้มพลันเปลี่ยนเป็นแยกเขี้ยว ศึกสายตาระหว่างเหยี่ยวกับหมาป่าเริ่มได้ แก๊ง!

   “แล้วระหว่างนั้นเขาทำอะไรกัน” ผมเลือกถามไหม น่าจะรู้ดีที่สุดแล้ว ประสานงา(น)แทบทุกอย่างแทนคนรักที่เป็นหัวหน้ากิลด์หมด

   “ให้พวกที่เหลือแข่งกับเตรียมสนามนะคิดว่า” นางรำคนสวยยกมือแตะแก้มเอียงคอพองาม

   “อ้าวมันไม่ได้มีแค่รางวัลเดียวเหรอ” ลินเข้ามาถามบ้าง ส่วนกลกำลังดูมวยระหว่างเหยี่ยวกับหมาป่าอยู่ แว่วๆ ว่าพนันกับเพื่อนร่วมกิลด์คนอื่น นี่พวกนาย...

   “มีพวกรางวัลปลอบใจ ไม่ได้อะไรมากนักหรอก ยังไงทุกกิลด์ที่เขาร่วมกิจกรรมก็ได้ของนิดๆ หน่อยๆ ติดไม้ติดมือไปอยู่แล้ว” น้ำอธิบาย สาวอลิสถลามาเกาะแขนผม มือเล็กแบบตรงหน้า ผมไม่ใช่หมาจะมาขอมือได้ไง จนเจ้าตัวทวงถึงนึกออก

   “ครีมล่ะๆ”
 
   ผมร้องอ้อ ใช้กระเป๋าที่กลทำให้ใบแรกรุ่นปรับปรุงเป็นของระดับกลาง หยิบครีมมาแจกทั้งคู่ สองสาวดีอกดีใจเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย ขอบคุณผมซะมากมาย เพราะผมไม่คิดเงินอะไรพวกเธอเลย หารู้ไม่ กระปุกครีมตรานาคาพวกนี้ราคาไม่กี่ร้อยเหรียญเงิน ในกระเป๋าผมมีอีกเป็นโหลๆ ขนพวกนี้ไปขายหมดได้เหรียญทองมาเชยชมสบายๆ

   หลังแยกย้ายไปตามทางของใครของมัน นัดเจอกันวันแข่งรอบชิง พวกเราเลยว่างงานเดินเตร่เล่นในเมือง เอาของที่ได้จากภารกิจมาขาย นั่งจับกลุ่มตั้งแผงลอยเล่นไพ่รอคนมาซื้อ กลกลับร่างหมาป่านอนหมอบให้ผมนั่งบนหัว มือเล็กติดปีกถือไพ่เล่นกับไวไว ลิน

   เมืองหลวงยังคึกคักเหมือนเดิม ผมละสายตาจากไพ่ไปมองผู้เล่นบ้างเป็นครั้งคราว ได้ยินเสียงหัวเราะคึกคักจากสาวๆ ที่เดินผ่านแผงลอย

   “เธอดูนั่นสิ น่ารักจังเลย ค้างคาวกลมๆ ขนฟูเล่นไพ่ด้วย”

   “หมาป่าเท่จัง แต่น่ากลัว ฉันอยากจับอะ”

   “ลองเข้าไปขอพ่อมดหล่อๆ ที่เป็นเจ้าของแผงสิ”

   “ไม่เอาอะ เกิดเป็นผู้เล่นฉันหน้าแตกพอดี” สาวๆ หัวเราะคิกคักเดินจากไป ผมว่าพวกเธอคิดถูกแล้วล่ะ อย่ามากวนหมาหลับเลย ประเดี๋ยวจะแผ่ออร่าให้สยองขวัญซะเปล่าๆ พ่อมดหัวทองเพิ่งถูกชมหมาดๆ แลไม่สนใจเลยสักนิด ใจจดจ่อกับไพ่บนมือ ผิดกับไวไวเริ่มบ่นอุบอิบ

   “ไม่ติดว่าอยากเป็นหนุ่มลึกลับ ฉันถอดหน้ากากอวดความหล่อบ้างดีกว่า”

   “ก็กลับเป็นกระต่ายสิ สัตว์น่ารักสาวหลงยิ่งกว่าลูกเทนนิสกับแท่นนอนค้างคาวนะ” สาวเจ้าในร่างชายชาติเหล่มองคนรัก ไวไวทุบมือปุ ผมขยับหลบไพ่เพื่อดู มันบังหน้าอะ

   “นายเปลี่ยนเป็นกระต่ายได้ด้วย?”

   “เพิ่งได้หลังจบภารกิจล่าสุด ยังไม่ลองใช้เลย”

   “ลองดิๆ อยากเห็น” ผมเชียร์ ลินเสริม ไวไวกอดอกโคลงหัวไปมา เขานิ่งไปสักพัก เสียงดังปุ้งเกิดเป็นควันขาว มันดูแตกต่างจากเวลาผมหรือกลเปลี่ยนร่างแฮะ พอควันเริ่มจาง ตรงหน้าพวกเรามีกระต่ายตัวหนึ่งนั่งกอดอก มีหน้ากากโจ๊กเกอร์ปัดไปด้านหลัง ขนนุ่มสีดำแบบเดียวกับสีผม ดวงตากลมแบบกระต่ายมองขาหน้าของตัวเอง ลินนั่งตัวสั่น พริบตาเดียวคว้าเอากระต่ายมากอดฟัดถูแก้มด้วยความฟิน

   “น่าร้ากอ่า ชอบจัง น่ารักๆ ขนนุ๊มนุ่ม”

   ‘เฮ้ย! ปล่อยก่อนมันอึดอัด’ ลินไม่ยอมปล่อย ไวไวเลยดีดตัวเองลงยืนบนพื้นอย่างสวยงามแทน เจ้าตัวเพิ่งใช้ร่างนี้ครั้งแรกเลยสนทนากันได้แค่ในระบบปาร์ตี้ ต้องซื้อทักษะแบบพวกผมก่อนถึงจะพูดได้แม้อยู่ในร่างสัตว์

   เวลานี้ที่แผงลอยพวกเรากลายเป็นเป้าสายตาคนเดินผ่านไปผ่านมา เป็นผม ผมก็มองอะ พ่อมดหนุ่มหน้าหล่อหัวทองนั่งขายของบนแผงลอยรายล้อมด้วยสัตว์โลกน่ารัก

   หลายคนเข้ามาถามว่าไปจับสัตว์เลี้ยงเหล่านี้มาจากไหน ลินตอบไปว่าเป้นผู้เล่นในทีม หน้าแตกไปตามๆ กัน เพื่อเป็นการแก้เขิน สินค้าที่นำมาขายเลยถูกซื้อไปทีละชิ้นสองชิ้นจนของหมด ลินเป็นแผงลอยอุ้มไวไว ข้างกายมีหมาป่าคาบลูกเทสนิสเดินตาม
   
   สรุป ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในเกมก่อนจะออฟไลน์ เราเลยไปทำภารกิจแถวนั้นเล่นๆ เป็นการฆ่าเวลา มีตั้งแต่ส่งของ ปกป้องชาวบ้านไปส่งที่หมาย ตีมอนสเตอร์เอาวัตถุดิบไปให้ หรือเก็บกวาดพวกมอนสเตอร์ที่มารบกวน เรียกได้ว่าเป็นเควสจิปาถะโดยแท้ ไปร่วมแจมเคลียร์ดันเจี้ยนกับปาร์ตี้คนอื่นก็มี ให้อารมณ์คนละแบบกับตอนลุยกันเองเลย

   เขาประกาศหาคนร่วมต่อสู้กันในเมือง ผมเพิ่งรู้ ปกติลงดันขนาดกลางถึงใหญ่ เขาพาคนกันไปเป็นสิบๆ พวกเราดันบ้าพลังไปกันแค่ไม่กี่คนถึงได้ใช้เวลานานแถมยังเหนื่อยสุดๆ แต่ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ผมมาถามกลภายหลัง นายน่าจะรู้อยู่แล้วทำไมถึงไม่บอกกัน เจ้าตัวตอบ มีคนอื่นด้วยมันน่ารำคาญ เอากับหมาป่าสิ

   ปาร์ตี้มีคนทั้งหมดสิบห้าคน เคลียดันระดับกลาง แต่ละคนร่วมงานกันดี จนถึงเวลาแบ่งของ อย่างกับเกิดศึกขนาดย่อม ของพวกนั้นไม่ได้ดีอะไรมากมาย กลุ่มผมเลยสละสิทธิ์เชิญแย่งกันเองตามสบาย และคิดว่าครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ร่วมปาร์ตี้กับคนอื่น เหนื่อยน้อยลงจริง แลกกับค่าประสบการณ์กับของโดนหารมากขึ้น ไม่ใช่ทุกคนที่ใจดีแบ่งของให้ตามความสามารถของคนอื่น

   ถ้าไม่จำเป็นหรือนึกคึกอยากไปร่วมวงผมคงไม่ไป ล่ากันเองสะใจกว่าเยอะ แต่ถ้าช่วยคนที่ยังระดับน้อยเพื่อผ่านเควสอันนั้นพวกผมโอเคนะ

   พวกเราถึงเวลาออฟไลน์กลับสู่โลกแห่งความจริง มีบางสิ่งบางอย่างกำลังรอผมอยู่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2015 20:16:19 โดย Silver Fish »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด