Lv.35 กลับมา
เสียงพูดคุยในห้องแลปแฝงความยินดีอยู่ในน้ำเสียงเหล่านั้น หลังจากเด็กหนุ่มผู้อายุน้อยที่สุดในกลุ่มติดต่อกลับมาว่าพบตัวคนที่พวกเราตามหา ชายร่างโปร่งดวงตาสีเทาถอนหายใจอย่างโล่งอก ข้างกายเขามีชายอีกคนดูจะโล่งใจไม่ต่างกัน
นิ้วยาววาดผ่าน วินเรียกหน้าจอสำหรับติดต่อกับลูกศิษย์เพียงคนเดียวขึ้นมากลางห้องแลปให้เห็นกันทุกคน ภาพชายหนุ่มผิวเข้ม ดวงตาคมดูมีชีวิตชีวากว่าก่อนหน้านี้ราวกับคนละคนฉายขึ้นเต็มจอ
“วัตเป็นยังไงบ้าง”
พี่ชายถามเสียงนุ่มช่างแตกต่างจากเวลาพูดคุยกับคนอื่นราวฟ้ากับเหวนรก ถามหาน้องชายเมินลูกศิษย์ เจ้าของชื่อโผล่เข้ามาในจอโบกมือทักทายด้วยรอยยิ้มสดใสไม่ต่างจากเทวดา ชวนให้คนอื่นยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว
“ยังปกติดีพี่ แต่ผมออกไปจากบริเวณนี้ไม่ได้เลย ติดต่อใครก็ไม่ได้ด้วย รู้สึกเหมือนตัวเองโดนขังอยู่กับที่”
“ก็ไม่แปลกนักหรอก เข้าเกมไปแบบผิดวิธี ระบบมันคงรวนไปหมด ดีที่ไม่เป็นอะไร”
พี่วินพูดพลางหันไปพยักหน้าให้กับคนอื่นๆ แต่ละคนเตรียมตัวอยู่ตำแหน่งของตัวเอง
“ผมจะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติแล้วสินะ” รู้สึกเบิกบานใจจริงๆ เข้ามาในเกมได้แต่โดนกักแบบนี้ก็ไม่ไหว
“เสียใจด้วย พี่ยังถอนการเชื่อมต่อไม่ได้ ต้องตรวจเช็คอะไรอีกเยอะ ระบบนี้มีความละเอียดอ่อนมาก ขืนยกเลิกสุ่มสี่สุ่มห้า เราจะได้กลายเป็นเจ้าชายนิทราของจริงกันพอดี โลกจริงไม่มีเจ้าหญิงมาจุมพิตให้หรอกนะ” ปากพูด มือพิมพ์ สั่งการนู่นนี้มีพี่ชินเป็นผู้ช่วยมือเอก
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวหมาป่าจุมพิตให้” น้ำเสียงนิ่งเจือการหยอกเย้าขณะคลอเคลียค้างคาว เหมือนมีหัวใจลอยออกมากระแทกหน้าพี่ชายเต็มๆ
“กลกลับมาทำงานเดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงพี่วินเข้มขึ้นอีกสิบระดับ ผมยิ้มแห้งๆ ส่วนหมาป่าอารมณ์ดี ยอมผละออกจากผมออกเกมไป เพื่อให้พี่ชายจัดการกับตัวผมได้สะดวก
แม้ผมจะถูกกักให้อยู่บริเวณนั้นตามเดิม แต่สามารถติดต่อมาหาพี่ชายได้ตลอด โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการอะไรทั้งสิ้น ทำนองว่า ถ้าผมทักมาจะปรากฏหน้าจอจากเครื่องฉายที่นำมาติดในห้องได้ทันที
ในอาคารไฟทุกดวงยังเปิดให้แสงสว่างต่างจากภายนอก ผืนนภาสีหมึกบ่งบอกเวลากลางคืน ทุกคนกำลังอยู่ในห้วงนิทราแห่งการพักผ่อน ยกเว้นชายสามคนยังคงทำงานในห้องแลปใหญ่ ชายผมทองสั่งงานชายอีกสองคนเป็นระยะ จู่ๆ หน้าจอบานใหญ่ปรากฎขึ้นเบื้องหน้าทั้งสาม เป็นภาพชายหนุ่มเรือนผมสีทองอ่อน ดวงตาสีเทา แต่มีเขี้ยวแหลมและปีกค้างคาวด้านหลัง
“ตีสองแล้วนะ ยังไม่นอนกันอีกเหรอ”
“แค่ตีสองเอง โต้รุ่งพวกพี่ยังสบาย”
พี่วินตอบผมทั้งที่ใต้ตาดำคล้ำพอกันทั้งสามคน ผมเข้าใจว่าอยากพาผมออกจากระบบไวๆ แต่ฝืนร่างกายแบบนี้มันไม่ดี ต้องลองใช้ไม้อ่อนก่อนแล้วค่อยใช้ไม้แข็ง
“สบายยังไงพี่ ตอนนี้ผมเห็นหมีแพนด้าสามตัวอยู่ในห้องแลปเนี่ย ไปนอนกันได้แล้วไป๊ เดี๋ยวผมร้องเพลงกล่อมเลยเอ้า”
ข้อเสนอน่าสนใจ พี่ชินแอบเอนเอียงนิดหน่อย เสียงของวัตเพราะมาก ไม่ได้ทรงพลังเหมือนคนอื่น ฟังแล้วให้ความรู้สึกสบาย ฟังตอนนอนหลับดีนักแหละ ไม่อยากจะคุย พี่ชายทั้งสองอัดเสียงน้องตัวเองไว้ฟังกันเป็นอัลบั้ม
“ร้องอัดเสียงไว้ เดี๋ยวพี่ไปเปิดฟังตอนจะนอนเอง” เหมือนอย่างตอนนี้...พี่วินเล่นตอบน้องชายตาเทาๆ อย่างไร้เยื่อใย ส่วนหมาป่าหนุ่มคงไม่ต้องย้ายไปนอนไหน ในเมื่อที่นอนเจ้าตัวอยู่ข้างแคปซูลของคนรัก เฝ้าไม่ยอมห่างสมเผ่าพันธุ์
“จะนอนดีๆ หรือให้ผมใช้ไม้แข็งพี่”
คนในจอเริ่มส่งเสียงเอาเรื่อง พี่ชายทำหูทวนลมไม่ฟัง ทันใดนั้นไฟทุกดวงในห้องแลปถูกปิดลงจนหมด เหลือแค่ไฟทางมุ่งหน้าไปสู่ห้องพักเท่านั้น ท่านซาตานคิ้วขมวดใต้ความมืด มีเพียงแสงจากไฟทางและจอเบื้องหน้าให้ความสว่าง นิ้วเรียวยาวรัวคำสั่งให้ไฟทุกดวงเปิดอีกครั้ง สุดท้ายก็ดับลงตามเดิมโดยมีเสียงน้องชายตัวดีเป็นฉากหลัง
แน่นอน การกระทำทั้งหมดไม่ใช่ฝีมือของผม เป็นของพี่ชินผู้สมรู้ร่วมคิดกับผมต่างหาก เมื่อครู่แอบส่งสายตากันนิดหน่อยจังหวะที่พี่วินไม่ทันสังเกต
“หึหึ พี่หรือจะสู้ผมได้ พี่ชินลากพี่วินไปนอนเลยครับ”
พี่ชินหัวเราะ แม้พี่วินจะฮึดฮัดไม่เต็มใจเท่าไหร่ สุดท้ายก็ต้องยอมกลับไปนอนพักที่ห้องอยู่ดี ภายในห้องจึงเหลือเพียงค้างคาวกับหมาป่าหนุ่ม
ผมเห็นกลซุกมุมอับข้างแคปซูลแอบทำอะไรบางอย่างอยู่ในความมืด จัดการปิดจอใหญ่ทิ้งแล้วเข้าไปโผล่เป็นจอเล็กตรงหน้ากำลังที่ทำงานอยู่ เจ้าตัวแอบสะดุ้งจ้องดุๆ
“อย่าโผล่มาเหมือนผี ตกใจหมด”
ผมกลอกตา พอหมาป่าเห็นแบบนั้นรีบแก้ตัว
“แค่เช็ครอบสุดท้ายก่อนนอน แปบเดียวเท่านั้น”
“แน่นะ”
“อืม” ผมหรี่ตากลรับคำใบหน้านิ่ง ผมจับเวลา
“ให้เวลาสิบนาที พอหมดปุ๊บต้องปิดระบบทันที”
กลไม่เดือดร้อนกับเวลาจำกัด พอเช็คระบบเสร็จยังเหลือเวลามีการเนียนไปทำงานอื่นเพิ่ม พอผมจ้องทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ประมาณว่าเวลายังไม่หมดสักหน่อย เค้ายังทำงานได้อยู่นะ กระทั่งหนึ่งนาทีสุดท้าย ผมนับถอยหลังรอ หมดเวลาปุ๊บสั่งให้กลปิดทันที ได้ยินเสียงหมาป่าถอนหายใจหนัก
กลลุกขึ้นมายืนข้างแคปซูล ใบหน้าคมคายก้มลงมาจุมพิตผ่านกระจก ดวงตาคมมองร่างที่หลับไหลเหมือนที่ทำประจำทุกวัน
“เมื่อไหร่ ฉันจะสัมผัสตัวนายตรงๆ ได้สักที”
ผมหลุบตาลง แสร้งพูดไปเรื่องอื่น
“นายก็เข้าเกมไง จะได้สัมผัสตัวเป็นๆ ส่วนวันนี้นายห้ามเข้าเกมนะ ต้องนอนพักผ่อนให้เต็มที่” เขาส่ายหัวกับคำพูดผมซะงั้น
“มันไม่เหมือนกัน ฉันอยากสัมผัสนายในโลกแห่งความจริง”
“…”
มีเพียงความเงียบแทนคำตอบ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักเท่าไหร่ ถึงอย่างงั้น มีสิ่งหนึ่งที่ผมรู้ดี ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ผมหลับตาลงและลืมตาอีกครั้งมองกลด้วยรอยยิ้มเหมือนที่ผ่านมา
“อีกไม่นานหรอก เชื่อฉันสิ” รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของกลอย่างที่น้อยครั้งนักจะได้เห็น มันดูดีซะจนน่าตกใจ
“ใช่...อีกไม่นาน”
หมาป่าหนุ่มย้ายตัวเองมุดเข้าไปนอนในถุงนอนข้างแคปซูล
“ฉันสงสัยมานาน ทำไมนายไม่ไปนอนที่ห้องดีๆ”
“เดี๋ยวมีคนขโมยนายไปจากฉัน”
“ทำเป็นหมาเฝ้าเจ้านายไปได้” ผมบ่นอุบอิบ
“เพราะฉันเป็นหมาของนาย...” ท้ายประโยคเริ่มเบาลง ลมหายใจสม่ำเสมอ เจ้าหมาป่าหลับไปแล้ว ถือเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขาหลับ ปกติเวลานอนด้วยกันไม่ว่าจะในหรือนอกเกม กลจะเป็นฝ่ายนอนที่หลังและตื่นก่อนผมเสมอ ผมมองภาพนั้นในความมืดที่มีเพียงแสงจากจอผมสะท้อนบนใบหน้าคมคายหลับสนิท
อยากสัมผัสแต่ตอนนี้ไม่สามารถทำได้ ผมโคลงหัว
“ฝันดีนะกล”
เสียงกระซิบบอกมีเสียงในคอตอบรับ ผมหัวเราะกับหมาป่าที่ฝืนตัวเองแม้จะง่วงแสนง่วง แล้วยกเลิกการติดต่อกลับไปนอนบ้าง
หลังจากนั้นเหมือนเป็นธรรมเนียมที่ผมต้องร่วมมือกับพี่ชินปิดไฟไล่ให้หมีแพนด้าไปนอนทุกคืน เกี่ยวกับคุณลาสพี่วินเล่าว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลมีลูกสาวกับภรรยาคนสวยดูแลอย่างใกล้ชิด เรื่องที่คุณลาสเป็นสายให้กับรุจ พี่วินรายงานคนอื่นไปว่าคุณลาสทำเพื่อหาข้อมูลมาให้พวกเรา
ทางเบื้องบนเลยลงทัณฑ์บนห้ามทำความผิดเป็นครั้งที่สอง ถ้าหายเมื่อไหร่สามารถกลับไปทำงานตามปกติได้ โดยระหว่างนั้นต้องไปรายงานตัวตามกำหนด รวมถึงทำคุณประโยชน์แก่สาธารณชน
รุจไม่โชคดีอย่างนั้น เขาถูกคุมตัวอย่างแน่นหนา ฐานะทางบ้านและความสามารถของเขาทำให้ไม่สามารถจัดการขั้นเด็ดขาดได้ แต่สำหรับรุจการถูกขังแล้วต้องทำงานอยู่ในที่แบบนั้นคงแย่ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ที่สำคัญ เขาไม่มีวินได้เจอพี่วินอีกเป็นครั้งที่สอง เรื่องนี้พี่ชินผู้จัดการเรื่องของรุจยืนยันด้วยตัวเอง
ใช้เวลากว่าสองเดือนเต็ม ความพยายามของทุกคนประสบผลสำเร็จ ยามฝาแคปซูลเปิดออก สิ่งแรกที่ผมเห็นผ่านดวงตาของตัวเองคือใบหน้าของคนที่ผมรักทั้งสามคน มืออุ่นของพี่วินลูบหัวผมเบาๆ
“ยินดีต้อนรับกลับนะวัต”
ผมพยักหน้ารับทั้งที่ยังอ่อนแรง แคปซูลนี้มีระบบจำเป็นทุกอย่างก็จริง แต่การรักษากล้ามเนื้อของคนที่นอนหลับเป็นเวลานาน วิทยาการในปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้ถึงขั้นนั้น พี่ชินยื่นมือมาขยี้หัวจนผมยุ่ง ส่วนกลประคองมือผมแนบแก้ม สัมผัสอุ่นที่คุ้นเคยชวนให้รู้สึกดีจริงๆ
“เอาล่ะ แยกกันก่อน วัตต้องไปโรงพยาบาล”
พี่วินจัดการแงะผมออกจากเงื้อมมือหมาป่า ทั้งคู่จ้องเขม็งใส่กันจนพี่ชินต้องมาจับแยกอุ้มผมออกจากแคปซูลไปโรงพยาบาลเพื่อเช็คสภาพร่างกาย และรักษาตามอาการให้ร่างกายผมกลับมาแข็งแรงตามเดิม
ผมต้องพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหลายเดือน กลจะคอยเทียวไปเทียวมาระหว่างผมกับที่ทำงาน พอผมแข็งแรงขึ้น เขาถึงโดนพี่วินรั้งให้ช่วยงานอยู่ที่นั่น เห็นว่าจะเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นและทำลายที่นั่นทิ้งซะ
อยู่โรงพยาบาลผมไม่เหงาเลยสักนิด พวกพี่ๆ ในแผนกพี่วิน เพื่อนที่มหาลัยแวะมาเยี่ยมสม่ำเสมอ ว่างๆก็คุยเล่นกับคนป่วยคนอื่นบ้าง หลังผมฟื้นตัวใกล้จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม พ่อกับแม่พากลับไปอยู่ด้วยพักหนึ่ง ช่วงนั้นผมเลยไม่ได้เจอกลนอกจากคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ หรือเปิดภาพเห็นหน้าพอเป็นพิธี
พอผมแข็งแรงเต็มที่ แม่ถึงยอมปล่อยกลับมาเรียนโดยมีพ่อถือผ้าเช็ดหน้าโบกลาอยู่เบื้องหลัง สงสัยเพิ่งดูละครย้อนยุคมาแหง ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจ ทำไมแม่ผู้แสนสวยจริงจัง ถึงยอมแต่งงานกับพ่อที่นิสัยไม่เหมือนชาวบ้านเขา จนผมกับพี่วินออกมามีนิสัยแปลกๆ อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
อันดับแรก ผมเข้ามหาลัยตรงดิ่งไปแผนกลงทะเบียน ลงวิชาเท่าที่เรียนไหว อัดมันสุดๆ จะได้ตามเพื่อนทัน ไม่งั้นมีหวังผมได้รับปริญญากับไอ้ดาลี่แหง
ตลอดทางทั้งขาไปและขากลับ เพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องพากันทักทายร่วมแสดงความยินดีด้วยที่ผมหายป่วยจากโรคร้ายเสียที รู้สึกคิ้วกระตุก จำได้ว่าพ่อเป็นคนติดต่อกับทางมหาลัยเรื่องผมดรอปเรียนช่วงที่ติดแหงกอยู่ในระบบ แสดงว่าพ่อไปโม้อะไรเว่อร์ๆ แหง
เอี๊ยดดดด!
เสียงล้อรถเบียดถนนทำเอาผมสะดุ้งโหยงเกือบกระโดดลงบ่อน้ำในมอ หันไปมองดีๆ ถึงรู้ว่าใคร
“ไอ้เวรไวภพ! ขับรถแบบนี้บิดชนต้นไม้ไปเลยมั้ย”
คนโดนโวยไม่สนใจ ไวไวมองผมเหมือนเห็นผี รีบลงจากรถมอไซค์คันโปรดมายืนจ้องผม หมวกกันน็อคก็ไม่ถอด
“หายดีแล้วเหรอ? นึกว่าจะพิการไปแล้วซะอีก”
“ปากเสีย ใครพิการ หล่อขนาดนี้พิการไม่ได้หรอก”
มันทำหน้าเหมือนกินยาขม โยนหมวกกันน็อคลายกระต่ายให้ ถึงไม่บอก ไม่มีชื่อติดผมรู้ได้เลยว่าเจ้าหมวกใบนี้ของลินชัวร์
“ขึ้นมา คุยที่นี่คงไม่เหมาะใช่มั้ยล่ะ ไปบ้านนายกัน”
“เอางั้นเรอะ เพิ่งขับเข้ามหาลัยมาไม่ใช่ไง”
ผมปรับสายใส่หมวกขึ้นซ่อนท้าย ไวไวมันขับมาทางเข้ามหาลัย ผมเดาว่ามันกำลังจะไปเรียน
“เอาไว้ก่อนเหอะ ขาดสักคาบไม่ตายหรอก ฉันอยากรู้เรื่องนายมากกว่า” น้ำเสียงมันดูหงุดหงิด ที่ผ่านมาไม่มีใครว่างมานั่งอธิบายให้เจ้าตัวฟังได้ ผมว่ามันคงอยากรู้ตามประสาพวกรักเพื่อน ผมผลักหัวมันขำๆ เมินเสียงบ่นยาวตลอดจนถึงบ้าน
ทันทีที่เปิดประตู ก้อนขนเคลื่อนที่ได้สองตัวพุ่งออกมา ผมกับไวไวหลบอย่างรู้ทัน นายท่านออกมาเลียขนแก้หน้าแตกตรงประตู ส่วนขุนพลเบรคไม่อยู่พุ่งยาวหน้าทิ่มหญ้า ไวไวเลิกคิ้วมองแปลกใจ
“เจ้าสองตัวนี้มันผอมลงไปรึเปล่า แล้วมันกลับมาอยู่กับนายตั้งแต่ตอนไหน”
“เพิ่งมาได้ตอนฉันกลับมาอยู่บ้าน เห็นว่าไม่ค่อยกินอาหารเลยผอม ว่าจะขุนใหม่อยู่”
ผมตอบพลางก้มลงไปอุ้มนายท่านแล้วเรียกขุนพลเข้าบ้านแล้วปล่อยให้วิ่งเล่นกันตามสะดวก ไวไวไปนั่งแผ่บนโซฟาแบบที่ชอบทำ มีตีกับขุนพลแย่งที่นั่งด้วย เจริญจริงเพื่อนผม
“อย่าว่าแต่แมว นายเองก็ผอมลงไปนะ สรุปเรื่องเป็นไงมาไง” ไวไวใช้มือหยอกเล่นกับแมวยักษ์ ดวงตาจับจ้องผมบอกชัดเจนว่าห้ามหนี ผมเลยต้องยอมเล่าให้มันฟังเท่าที่จะเล่าได้ บอกแค่ว่าผมโดนจับตัวไป ได้พี่วินไปช่วย แต่ติดเรื่องหลายอย่างทำให้ไม่สามารถกลับมาได้ในทันที
ไวไวพยักหน้ารับ เข้าใจว่าบางเรื่องไม่สามารถเล่าได้เจ้าตัวไม่เซ้าซี้ เขาถอนหายใจยาวเหยียดตบบ่าผมปุๆ
“เรื่องร้ายผ่านไปได้ก็ดีแล้ว ลินเป็นห่วงเหมือนกัน รู้แบบนี้ฉันจะได้ไปบอกให้เธอสบายใจ เอ้อ เรื่องแข่งกิลด์พวกเราได้แค่ที่สองนะ”
“ไมงั้น” พอวกเข้าเรื่องเกมอารมณ์ซึ้งก่อนหน้าหายวับ
“กลไม่อยู่น่ะสิ! พวกนั้นจัดเต็มกะดักเราเต็มที่ เกือบชนะแล้วเชียวพลาดท่าเอาตอนสุดท้าย”
ไวไวพูดใส่อารมณ์ดูคับแค้นใจมาก เห็นว่าจะไปหาของเทพๆ มาใส่แล้วนัดไปลุยล้างตากันนอกรอบกับพวกทัต ได้ยินแบบนี้ชักอยากเล่นเกมบ้าง แต่ผมสัญญากับกลไว้ว่าจะเข้าไปเล่นพร้อมกัน สุดท้ายเลยได้แต่นั่งคอตกเลี้ยงแมวรอกลกลับบ้านปล่อยให้ไวไวไปลัลล้าในเกมกับลินตามสบาย
สามวันต่อมา ช่วงนี้ผมไม่มีเรียนต้องรอเรียนเทอมหน้า เลยว่างอยู่บ้านนั่งๆ นอนๆ จะมีขนงอกตามแมวอีกสองตัวอยู่รอมร่อ จู่ๆ ได้ยินเสียงประตูถูกไข ไม่ทันจะลุกไปดู เงาร่างสูงพุ่งเข้ามากดผมไว้บนพื้นตามเดิม ใบหน้าหล่อคมดูเข้มขึ้น ผมตาโตอ้าปากค้าง อีกฝ่ายไม่ทักอะไรทั้งนั้น ก้มลงมาจูบจ๊วฟขนาดแมวสองตัวยังวงแตกไปคนละทาง
มือหนาสอดเข้าใต้เสื้อลูบเอวให้ขนลุกซู่ ลมหายใจร้อนเป่ารดแถวลำคอที่เจ้าตัวกำลังซุกไซร้ บางอย่างมันถูไถ จั๊กจี้จนผมหลุดขำ
“คิดถึง คิดถึง คิดถึง”
เสียงทุ้มต่ำพูดงึมงำยังไม่ยอมละจากตัวผม ผมหัวเราะดิ้นไปดิ้นมาเริ่มทนไม่ไหวดันหน้าอีกฝ่ายออกห่าง
“กล อย่าเอาหนวดมาถูดิ้”
ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ หมาป่าตัวร้ายอาจหาญถึงขนาดลอกคราบผมกลางวันแสกๆ กลางพื้นบ้าน ใช้หนวดตรงคางมาไถๆ แถวพุง ผมหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง นายท่านขุนพลกระเจิงหลบไปไกลลิบ โผล่หน้ามาดูเหมือนกับเห็นคนบ้าสองตัวเล่นกันบนพื้น
นิ้วยาวเป็นข้อสวยเริ่มลามปามเกี่ยวเอาขอบกางเกงเจเจ ผมเลยยกเท้าถีบหงาย หมากลนั่งกุมท้องมองผมอย่างตัดพ้อ ผมสะบัดหน้าใส่
“เนียนจริงๆ ให้ตายสิ ไหนมาดู พี่วินใช้งานหนักถึงขนาดเวลาโกนหนวดยังไม่มีเลยเหรอ”
ผมขยับๆ เข้าหา นั่งอยู่บนพื้นหน้ากล แต่ยกขาสองข้างเกาะเอวหนา มือจับโครงหน้าคมคายหันไปมาสำรวจหนวดหมาป่า
“ผมยาวขึ้นด้วยนะเนี่ย เดี๋ยวตัดให้เอามั้ย”
กลไม่พูดอะไรพยักหน้ารับอย่างเดียว แล้วคว้าเอาผมไปนั่งบนตักทั้งสภาพนี้ ใบหน้าหล่อๆ มาซุกซบออดอ้อน ผมกอด ลูบผมนุ่มของอีกฝ่ายเล่น พอแมวสองตัวเห็นพ่อแม่กอดกันกลมเริ่มเสนอหน้าเข้ามาเบียด พยายามแทรกตรงกลาง กลแกล้งกอดผมแน่นขึ้นจนไม่มีช่อง เลยได้เสียงแมวประท้วงสองเสียงตอบแทน
ขณะเดียวกันประตูบ้านถูกเปิดออก สองร่างเดินเข้ามา ตะกร้าผลไม้ในมือสาวสวยหลุดจากมือ ชายอีกคนข้างกายคว้าจับแทบไม่ทัน
“กรี๊ดดด! บัดสี พวกนายทำอะไรกันกลางบ้านยะ”
“ลิน ปากกับการกระทำไปทางเดียวกันหน่อยสิ จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายทำไม” ไวไวส่ายหัวกับท่าทางของแฟนตัวเอง
กลเหมือนไม่ค่อยพอใจที่ถูกขัดเวลาหวาน ยอมปล่อยให้ผมลุกขึ้นอย่างจำใจ ผมเดินไปรับตะกร้าผลไม้จากไวไว แล้วไปล้างปอกใส่จานวางไว้บนโต๊ะ สองหนุ่มสาวจิ้มกินเอร็ดอร่อย สรุปซื้อมาให้ผมปอกสินะ…
“เห็นพวกนายแข็งแรงดีฉันก็ดีใจ แล้วจะกลับไปเล่นเกมเมื่อไหร่” ลินถามด้วยรอยยิ้มสดใส ผมเหล่มองไปทางกลที่เพิ่งจะโกนหนวดเดินออกมานั่งเอาแขนพาดพนักข้างผม ดูเผินๆ เหมือนผมโดนโอบ เอาที่พ่อสบายใจเลยครับ ลินฟินจนแทบบินแล้วนั่น
“ตอนนี้เลยเป็นไง” ผมอยากเล่นเกมจะแย่ ดันมีมารขวางความสุข หมาป่าหันมาอุทรณ์
“ตัดผมก่อน ไว้เล่นตอนกลางคืน”
จ๊ะ ขออภัยที่บ่าวผู้นี้อยากเล่นเกมเกินไป ปกติเขามีแต่ทาสแมว นี่ผมจะเป็นทั้งทาสแมวและทาสหมาเลยเหรอเนี่ย เผลอๆ จะทาสซาตานด้วย โอ้... ชีวิตวัตช่างน่าสงสาร
“ไว้ตอนกลางคืนดีกว่า เพราะฉันต้องไปส่งลินที่บ้านด้วย” ไวไวเสริมอีกแรง ลินยิ้มรับ ชิชะ เจ้าพวกนี้ ระหว่างผมไม่อยู่ถึงขั้นไปฝากฝังกันที่บ้าน ร้ายกาจ
“โอเค งั้นตัดผมก่อน”
ผมให้กลนั่งเก้าอี้อยู่ในสวน เอาผ้าคลุมตัวไว้ หยิบกรรไกรตัดผมคู่ใจพร้อมหวีอีกมือ ความจริงผมไม่ได้ตัดเก่งอะไรนัก แค่พอตัดให้มันสั้นลงเท่านั้น ถ้าจะเอาพวกทรงแปลกๆ หรือทรงที่ต้องไถผมเองไม่สามารถเหมือนกัน หมาป่านั่งนิ่งเหมือนสัปหงก เส้นผมสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำตัดถูกเล็มออกทีละนิด
ลินมองอย่างสนใจ ส่วนไวไวมันชินแล้ว บางทีมันยังแล่นมาให้ผมตัด พอเสร็จสะบัดผ้าออก ใช้ผ้าผืนเล็กปัดพวกผมตามคอกับหน้า กลลุกไปดูกระจกท่าทางแปลกใจ
“เพิ่งรู้ว่านายตัดผมเป็นด้วย”
“นั่นสิ วัตเนี่ยเก่งไปหมดทุกอย่างเลยน้า” ลินมองอย่างชื่นชม ผมโบกมือปัดๆ
“ปกติชอบเล็มผมให้ตัวเองเพราะขี้เกียจไปร้านน่ะ บางทีตัดขนให้นายท่านด้วย แรกๆ ก็แหว่งแหละ มาพักหลังๆ ตัดเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย”
ผมได้ยินกลพึมพำอยู่คนเดียว ประมาณว่าโชคดีที่ผมไม่แหว่ง กลายเป็นหัวเราะกันทั้งบ้าน ตกเย็นลินเป็นลูกมือช่วยผมทำกับข้าว กลกับไวไวจัดโต๊ะรอ พอทานข้าวเสร็จหมาป่าเป็นคนล้าง ไวไวพาลินไปส่งบ้าน เราดูทีวีเล่นกับแมว กลนั่งโอบผมไว้ ส่วนผมพิงอกอีกฝ่ายชีวิตแสนมีความสุข
ถึงเวลาค่อยลุกไปอาบน้ำก่อนเข้าเกม เสียงต้อนรับยังคงเป็นเสียงของผมที่อัดเอาไว้ เห็นว่าจะเปลี่ยนแต่คนส่วนใหญ่บอกให้ใช้เสียงเดิม ทางบริษัทเลยต้องเปลี่ยนกลับตามระเบียบ
ผมมาโผล่ในห้องพักล่าสุดก่อนจะออฟไลน์ออกจากเกม ไม่นับตอนที่ผมแทรกแซงเข้ามาตอนแรก เปิดประตูไปรับลมเย็นจากธรรมชาติ ใบไม้โบกไหว คนในเมืองคึกคัก เสียงหัวเราะกับรอยยิ้มจากคนทุกเพศทุกวัยรวมตัวกันอยู่ในเกมออนไลน์อันดับหนึ่ง กลในร่างคนแต่มีหูหางหมาป่ายืนอยู่ข้างผม ได้ยินเสียงเรียกจากด้านล่าง พอมองลงไปพบกับเพื่อนพ้องทั้งหลาย
“อย่ามัวแต่ยืนถ่ายเอ็มวี รีบลงมาเร็วๆ เข้า เจ้าพวกอืดอาด”
กระต่ายโจ๊กเกอร์โบกมือเรียก ใกล้ๆ มีพ่อมดหัวทองหล่อจนสาวแถวนั้นเดินสะดุดกันเป็นแถว ถัดไปคืออลิสในชุดกระโปรงเกาะแขนทัตกับน้ำกำลังยิ้มแย้มสดใส
“โอ๊ย พวกเรามาทันใช่มั้ยเนี่ย” เจ้านักดนตรีที่ใช้สกิลสุดเมพของตัวเองไม่ได้ วิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมรุ่นน้องสองคน ผมหันไปยักคิ้วให้กลอย่างท้าทาย แล้วปีนขึ้นไปเหยียบบนขอบหน้าต่าง ก่อนจะกระโดดลงแล้วกางปีกค้างคาวออกกว้าง กลกระโดดลงไปยืนรวมกลุ่มกับเพื่อนคนอื่นๆ
“อย่าลืมผู้ทำสัญญากับนายสิเจ้าหนู” เจ้าของเสียงปรากฎขึ้นมาจากความว่างเปล่า ราชาแวมไพร์เรือนผมสีเงินยวงกางปีกบินเหนือน่านฟ้า ดวงตาสีแดงมองผมอย่างขอบคุณ ผมยิ้มกว้างชูมือไปเบื้องหน้า เพื่อนทุกคนกำลังมองมาที่ผม
“ไปถล่มดันเจี้ยนกันเถอะพวกเรา!”
เสียงประกาศดังขึ้นพร้อมเสียงขานรับจากเพื่อนร่วมทีม
ไม่ว่าจะเป็นบอสประหลาดหรือดันเจี้ยนโหดสักแค่ไหน พวกเราจะไปลุยให้หมด ถล่มให้ราบ ล้างคอรอไว้ได้เลยเจ้ามอนสเตอร์ทั้งหลาย งานนี้พ่อจะเล่นแหลกลานเอาให้คุ้มกับเวลาที่หายไป และช่วงที่อยู่ในเกมแต่ทำอะไรไม่ได้ มันสุดแสนจะอัดอั้น