Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Charm Online สาปผมเป็นแวมไพร์! [Up Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์3 100% 8/4/61]  (อ่าน 288778 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mynun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่พยามจะอ่านให้จบช้าที่สุด คือเราเป็นคนที่ชอบเล่นเกมส์ออนไลน์อยู่แล้ว
ยิ่งมาเจอแนวนี้บอกเลยว่า โครตอยากเล่น เราชอบทุกตัวละคร ชอบความรักของแต่ละคน
ชอบการดำเนินเนื้อเรื่อง ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่าน  :mew1: o13

ออฟไลน์ ployspy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โอ๊ยยยยยยยย
น่ารักกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
พอชินกับวินอยู่กันสองคนนี่ดูไม่หวานมาก กำลังพอดีๆเลย ชอบบบ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ดีงามมมม

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
กำเนิดซาตานวิน

พาทนี้เป็นพาทพิเศษ เรื่องราวสมัยเด็กของพี่วินจนถึงปัจจุบัน
ทีแรกว่าจะแต่งหนุ่มวายนิยายอีกเรื่องให้จบ แล้วค่อยเปิดมาเซอร์ไพรส์
แต่มันยาวกว่าที่คิด เลยอัพมาให้อ่านก่อน เซอร์ไพรส์มั้ย 55555+


Part1 ลูกชาย


   หน้าห้องคลอด มีชายคนหนึ่งเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่น ดวงตาสีเทามองไปทางประตูเป็นระยะ ที่นั่งใกล้กันชายและหญิงชรามองลูกเขยด้วยอาการวิงเวียนศีรษะ

   “ตาเนชเลิกเดินไปเดินมาได้แล้วฉันเวียนหัว”

   มือเหี่ยวย่นตามวัยยกยาดมขึ้นจ่อจมูก สามีที่เคียงคู่กันมานานกลายสิบปีถอนหายใจยื่นขาไปด้านหน้า จังหวะเดียวกับที่ลูกเขยหมุนตัวเดินมาพอดี ร่างสูงโปร่งสะดุดเข้าอย่างจัง ร่วงไปกองบนพื้น ถึงขนาดนั้นยังมีหน้าลุกขึ้นสะบัดหัวแล้วเดินต่อสร้างความเหนื่อยหน่ายให้แก่คนสูงวัย

   “ช่างมันเถอะคุณ ลูกคนแรกนั่งไม่ติดแบบนี้แหละ”

   หญิงชราค้อนใส่วงใหญ่ ปากบอกช่างแต่คิดแกล้งลูกเขยยื่นขาไปขวางรอบสอง คราวนี้คนเจ็บรู้ทัน จัดการก้าวข้ามอย่างสวยงาม กระทั่งประตูเปิดออกพร้อมนางพยาบาลในชุดทำคลอด เสียงเด็กแผดเสียงร้องจ้าแทบลั่นตึก

   “ได้ลูกชายค่ะ แข็งแรงทีเดียวส่งเสียงร้องใหญ่เลย”

   ใบหน้านางพยาบาลยิ้มแย้ม คนเป็นพ่อเต็มตัวมองร่างเล็กในอ้อมแขนหญิงตรงหน้าน้ำตาไหลอาบแก้ม หญิงชราตกใจเข้ามากอดปลอบลูกเขย

   “แล้วภรรยาผมล่ะครับ”

   “ปลอดภัยดีค่ะ”

   รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าทั้งสามคน อาเนชอุ้มประคองลูกน้อยอย่างเบามือ ก้มลงใช้จมูกโด่งยื่นเข้าหา มือเล็กจิ๋วปัดป่าย
   
   “ขอบคุณที่เกิดมา ‘อาชวิน’ ”


    4 ปีผ่านไป...

   “พ่อ! เร็วสิ”

   เด็กชายวัยสี่ขวบครึ่งตะโกนเรียกพ่ออยู่หน้าบ้าน เรือนผมสีทองยุ่งเหยิงตามประสาเด็กซน ดวงตาสีเทาชอบสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่เสมอ เสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดคอกลมกางเกงเอี้ยมดูทะมัดทะแมง ชายร่างสูงผู้มีสีผมและสีตาเหมือนกันราวกับถอดพิมพ์เดินอ้าปากหาวออกมาจากบ้าน

   “วินพ่อง่วงจังเลย” คุณพ่องอแงแทนลูกชายที่ปัจจุบันซนอย่างกับลิง

   “ตื่นๆ ไปทำงาน” เด็กน้อยวิ่งมาเขย่าขากางเกงพ่อ คุณแม่ยิ้มแย้มส่งข้าวกล่องให้สองพ่อลูก ก่อนย่อตัวลงลูบหัวลูกชาย

   “วินไปกับพ่ออย่าดื้อนะ แม่ฝากดูแลพ่อด้วย” คนถูกฝากหันมามองค้อนภรรยาตัวเอง

   “ครับผม! เชื่อมือวินได้เลย” เด็กชายอาชวินรับคำแข็งขัน ท่าทางตั้งมั่นจูงมือพ่อตัวเองขึ้นรถ แต่คนพ่อยังไม่วายหอมแก้มภรรยาสาวเป็นกำลังใจก่อนไปทำงาน เพราะมัวแต่โอ้เอ้เลยถูกลูกชายเตะแข้งเข้าให้ กระโดดเหยงๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะจากภรรยา รสาโบกมือให้ลูกชายกับคนรักจนกระทั่งรถลับตาไป เป็นภาพครอบครัวที่แสนอบอุ่น

   อาเนชมีอาชีพเป็นนักโปรแกรมเมอร์ คอยเขียนระบบให้กับบริษัทหลายแห่งแต่ไม่ได้ประจำบริษัทไหนเป็นพิเศษ มีหลายระบบที่อาเนชเป็นคนสร้างบุกเบิกเองทำให้มีคนรู้จักกว้างขวาง พักหลังมีลูกชายติดสอยห้อยตามไปทำงานด้วย วินเป็นเด็กฉลาดไม่กวนพ่อทำงาน แถมยังถอดนิสัยพ่อมาแบบเต็มๆ ไม่เท่าไหร่ก็รู้จักคนไปทั่ว

   วันนี้อาเนชมาทำงานให้คนรู้จัก ขณะคนพ่อขึ้นไปดูระบบข้างบน ลูกชายนั่งเล่นอยู่ตรงส่วนรับรองชั้นล่าง ประตูกระจกเปิดออก ชายดูมีภูมิฐานเดินเข้ามาพร้อมเด็กวัยไล่เลี่ยกัน ดวงตาสีเทามองอย่างสนใจ

   “โอ้ นั่นลูกชายของอาเนชใช่มั้ย” ผู้ใหญ่เอ่ยทัก วินลุกขึ้นยกมือไหว้น่ารักตามที่แม่สอน

   “สวัสดีครับ ผมเด็กชายอาชวิน อายุสี่ขวบครึ่ง ลูกพ่ออาเนชกับแม่รสาครับ!”

   เสียงใสบอกชัดเจนพร้อมรอยยิ้มราวดับดวงตะวัน เด็กชายอีกคนกระพริบตาปริบๆ มองภาพนั้นแบบอึ้งๆ

   “สวัสดีหนุ่มน้อย ลุงชื่อทร นี่ลูกชายลุงชื่อชิน” เจ้าของบริษัทแนะนำลูกชายตัวเอง เด็กน้อยสองคนมองสบตากัน วินยื่มมือไปข้างหน้า ชินหรี่ตามองไม่คิดจะสุงสิงด้วย คุณพ่อส่ายหัวพยักหน้าให้ลูกชาย ชินเลยต้องยื่นมือไปจับอย่างเลี่ยงไม่ได้ มือเล็กจับกันเขย่าเลียนแบบผู้ใหญ่

   “พอดีเลย ชินไปเล่นกับเพื่อนสิลูก ตามพ่อขึ้นไปข้างบนมันน่าเบื่อใช่มั้ยล่ะ ฉันฝากดูแลเด็กพวกนี้ด้วย ถ้าพวกเขาต้องการอะไร จัดการตามนั้นล่ะ ใครถามบอกว่าฉันสั่ง”

   น้ำเสียงเอ็นดูพูดกับเด็กชายสองคน ท้ายประโยคหันไปสั่งพนักงานแถวนั้นก่อนขึ้นไปทำงานชั้นบน คล้อยหลังผู้ใหญ่มือเล็กยังคงจับกันไม่ปล่อย เหล่าพนักงานมองอย่างหวั่นใจ ‘ชินกฤต’ คือลูกชายสุดที่รักของท่าน ’ผณินทร’ ถ้าเกิดเด็กสองคนทะเลาะกันขึ้นมาจนได้แผล ความซวยมาเยือนแน่

   “ปล่อยมือ”

   เด็กชายผมดำพูดเสียงห้วน เขาถูกพ่อแม่เลี้ยงดูมาต่างจากเด็กทั่วไปแถมยังถูกตามใจแบบสุดๆ ทำให้มีนิสัยเอาแต่ใจ เย็นชา หยาบกระด้างพอสมควร คนฟังขมวดคิ้วมุ่น

   “นิสัยไม่ดีระวังจะไม่มีเพื่อนนะพ่อบอกว่าแบบนั้น ไปกันเถอะเล่นข้างนอกกัน”

   วินไม่ฟังแถมยังสอนอีกฝ่ายพลางดึงแขนออกไปด้านนอกที่มีสวนขนาดเล็กกับต้นไม้ต้นใหญ่ให้ร่มเงา ทีแรกชินคิดจะสบัดมือออก แต่พอมองใบหน้าอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง สุดท้ายเด็กผมดำเลยต้องเดิมตามไปอย่างจำใจ โดยมีพนักงานถอนหายใจอย่างโล่งอก คอยมองตามเด็กทั้งสองตลอดเวลา

   ด้านนอกแดดร้อน ไม่เป็นอุปสรรคของวินเลยสักนิด เจ้าตัวลากเพื่อนใหม่ไปยืนใต้ร่มไม้

   “เราจะเล่นอะไรกันดี”

   “ฉันจะรู้นายเหรอ นายลากฉันออกมาเองนะ”

   “งั้น... เรามาปีนต้นไม้แข่งกัน!”

   พูดจบออกตัวทันที ร่างเล็กปีกขึ้นต้นไม้อย่างคล่องแคล่ว ก้มลงมามองเด็กผมดำที่ยังคงยืนนิ่งหน้าบูดอยู่ด้านล่าง

   “ทำไมไม่ขึ้นมาอะ”

   “ฉันไม่เล่นอะไรแบบนี้” เด็กชินหันหน้าหนีไปทางอื่น วินทุบมือปุไต่ลงมาจากต้นไม้

   “นายปีนต้นไม้ไม่เป็น ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันจะดันหลัง นายค่อยเหยียบกิ่งไม้นั่นขึ้นไป”

   ชินยังคงเฉย ไม่สนอีกคนที่พยายามจะชวนเล่นเลยสักนิด วินยังไม่ละความพยายามงัดสารพัดคำพูดมากล่อมให้อีกฝ่ายปีนต้นไม้เล่นกับตน ทั้งดันหลัง ดึงแขน สุดท้ายชินเริ่มรำคาญเดินหนีดื้อๆ

   “เด็กผู้ชายอะไรปีนต้นไม้ไม่เป็น ขนาดเด็กผู้หญิงยังปีนได้เลย”

   เด็กน้อยผู้ไม่รู้อะไร คนที่ถูกเลี้ยงมาแบบลูกคุณหนูเต็มขั้น กับเด็กแก่นซนแบบเจ้าตัวมันแตกต่างกันคนละเรื่องแต่เสียงอุบอิบจากทางด้านหลัง ไม่รู้จงใจรึเปล่า มันไปสะกิดต่อมบางอย่างเข้าเต็มๆ ชินหันขวับก้าวฉับๆ กลับมาคว้าไหล่อีกฝ่าย วินเอียงคอมองสงสัย

   “ยื่นมือมา”

   วินยื่นมือไปแบบงงๆ ชินถอดรองเท้าถุงเท้าทิ้ง เหยียบมือวินยื่นแขนไปจับกิ่งไม้ พยายามปีนขึ้นไปด้านบนอย่างทุลักทุเล เห็นอีกฝ่ายยอมเล่นกับตัวเองสักที วินดีใจให้ความร่วมมือเต็มที่ จนกระทั่งเด็กสองคนไปนั่งบนกิ่งไม้ใหญ่ พิงลำต้นมองวิวจากด้านบน

   สำหรับผู้ใหญ่มันคงสั้นนิดเดียว แค่เอื้อมมือไปก็ถึง สำหรับเด็ก ความสูงระดับนั้นก็จิตนาการเป็นตุเป็นตะมองวิวรอบข้างตื่นตาตื่นใจ ดวงตาสีดำเป็นประกายมองทุกอย่างจากมุมที่ไม่เคยเห็น

   ลมเย็นพัดผ่าน ใบไม้โบกไหว เสียงนกร้องเกาะกิ่งไม้ที่อยู่ห่างออกไป ก้อนเมฆสีขาวลอยเอื่อยๆ ผ่านดวงอาทิตย์

   “รู้มะที่บ้านฉันน่ะพ่อเอาไม้มาติดเป็นบันได มีชิงช้าด้วย ดีกว่าที่นี่อีก”

   วินเล่าเรื่องของตัวเองอย่างสนุกสนาน ชินทำเป็นไม่สนใจ แต่ภายในคิดแล้วว่ากลับบ้านไปจะขอพ่อผูกชิงช้าให้บ้าง เด็กสองคนสนิทกันมากกว่าเดิม ต่างคนต่างเอาเรื่องของตัวเองมาอวดกันไม่มีใครยอมใคร จนกระทั่งดวงตาสีเทาเห็นชายวัยกลางคนกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่แถวพุ่มไม้

   “ชินๆ ลุงคนนั้นเขาทำอะไร”

   เด็กผมดำมองตามนิ้วอีกฝ่าย เห็นคนสวนประจำบริษัท ตอบเสียงเรียบ

   “ทำสวน”

   “ทำสวนคืออะไร?” พอโดนคำถามสวนกลับมาทันทีเล่นเอาชะงัก คิ้วเล็กขมวดพยายามตอบ

   “ทำสวนคือปลูกต้นไม้”

   “ปลูกไปทำไม”

   “ฉันไม่รู้”

   “ชินไม่เก่งเลยอะ พ่อเราเก่งกว่าตอบได้ทุกอย่าง” วินพูดพลางปีนลงจากต้นไม้

   “ฉันอายุแค่สี่ขวบครึ่งเหมือนนายนะ วินจะไปไหน” ชินปีนตามลงมาใช้เวลามากกว่าอีกคนจม ความเป็นลิงมันต่างกัน

   “ไปถามลุงว่าปลูกต้นไม้ทำไม” ชินคว้ามืออีกคนไว้ วินหันมามองอย่างสงสัย

   “แต่เขาเป็นคนสวน”

   “ทำสวนคือปลูกต้นไม้ คนสวนคือคนปลูกต้นไม้ อยากรู้เกี่ยวกับต้นไม้ ต้องถามคนสวน!” ตรรกะแบบเด็กๆ ทำเอาชินงง ดูเหมือนคนพูดเองยังมึน สรุปวินเปลี่ยนมาคว้ามืออีกฝ่ายแทน ลากไปทางลุงผิวคล้ำแดดจากการทำงาน ไม่ว่าชินจะพูดอะไรก็ไม่ฟัง วินอาสาเข้าไปถาม ส่วนชินยืนเว้นระยะห่าง

   “คุณลุงครับ”

   เสียงเด็กเรียกความสนใจ มือหยาบกร้านจากการทำงานหนักหยุดชะงัก หันมาเห็นใบหน้าน่ารักสมวัยเกิดความเอ็นดู

   “มีอะไรครับคุณหนู” สายตาคนสวนเห็นลูกเจ้าของบริษัท คิดว่าน่าจะเป็นเด็กฐานะเดียวกันจึงเลือกใช้คำเรียกแบบนั้น

   “ผมไม่ได้ชื่อหนูสักหน่อย ผมชื่อเด็กชายอาชวิน เพื่อนๆ เรียกว่าวิน คุณลุงปลูกต้นไม้ทำไมเหรอครับ”

   เขานึกแปลกใจไม่น้อย ปกติเด็กที่บ้านมีฐานะ มักจะไม่สุงสิงกับพวกคนทำงานใช้แรงแบบเขา บางคนถึงขนาดไม่ยอมเข้าใกล้ด้วยซ้ำ แต่เด็กคนนี้มาแปลก แนะนำตัวฉะฉาน ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ชวนให้นึกถึงหลานชายที่บ้าน กำลังอยู่ในวัยเจ้าหนูจำไม

   “ลุงปลูกให้ร่มเงา” เขาพูดไปทำงานไป มือเปื้อนดินดูสกปรก เด็กชายไม่รักเกียจแม้แต่น้อย ขยับเข้ามานั่งย่องๆ ดูข้างๆ

   “ร่มเงา?”

   “ใช่แล้ว ต้นไม้ช่วยบังแดดทำให้ไม่ร้อน”

   “แบบนี้นี่เอง เวลาผมอยู่ใต้ต้นไม้ถึงไม่ร้อน อ๊ะ คุณไส้เดือน ชินดูดิ คุณไส้เดือนๆ”

   นิ้วเล็กหยิบเอาไส้เดือดตัวนุ่มขยับยุกยิกขึ้นมาจากดิน หันกลับไปชูให้เพื่อนดู ชินถอยหลังหนีแบบไม่ต้องคิด

   “นายจับเข้าไปได้ยังไง ทิ้งไปเลยนะ” เด็กผมดำทำท่าขยะแขยงเต็มกำลัง คนสวนหัวเราะขำบอกด้วยรอยยิ้มอ่อน สอนเด็กอย่างใจเย็น

   “คุณไส้เดือนทำให้ต้นไม้โตไว เอาวางที่เดิมดีกว่า ถือไว้แบบนั้นเดี๋ยวมันตายนะ”

   “วินไม่อยากให้มันตาย เอาไว้ที่เดิมแล้วกัน” มือขาวหย่อนไส้เดือนลงดินตามเดิม ชินถอนหายใจโล่งอก

   “วินเรากลับเข้าไปข้างในกัน” ชินชวนเพื่อน เขาอยากออกจากตรงนี้เต็มแก่

   “ไม่อะ ข้างในไม่มีอะไรเล่นน่าเบื่อ คุณลุงผมขอปลูกต้นไม้ด้วยได้มั้ย ที่บ้านผมช่วยแม่ปลูกด้วยนะ ต้นขนาดนี้เลย” ลิงวินยังไม่หยุดซนอาสาช่วยปลูกต้นไม้ แขนเล็กกางออกกว้างบอกขนาดทั้งซะโอเว่อที่มันเป็นแค่ต้นพริกเล็กๆ เท่าฝ่ามือ

   ลุงคนสวนลำบากใจ สุดท้ายทนลูกตื้อไม่ไหว ขยับหลบให้เด็กช่วยขุดดิน ปลูกไม้สวนขนาดเล็กลงดิน วินฮัมเพลงเลียนแบบพ่อ ขุดปลูกใช้ดินโปะๆ ขะมักเขม้น ชินเห็นเพื่อนสนุกขนาดนั้น เลยเผลอเดินเข้ามาใกล้ทีละนิด จนมานั่งอยู่ข้างๆ วิน

   “ชินมาปลูกด้วยกันสิ จะได้ร่มเงาเชียวนะ”

   “ไม่เอา ดินสกปรก มีเชื้อโรคอะไรบ้างก็ไม่รู้” คนสวนไม่แปลกใจกับคำตอบคุณหนูชินสักเท่าไหร่

   “ไม่มีหรอก ฉันจับดินมาตั้งเยอะไม่เห็นเป็นไร นี่ๆ ลองดู” ต้นกล้าถูกจับยัดใส่มือชิน เจ้าตัวทำหน้าแหยะ จะโยนทิ้ง วินทำปากยู่

   “ชินไม่เก่ง ปลูกต้นไม้ไม่เป็น”

   “กับอีแค่ปลูกต้นไม้ ยากตรงไหน!” เกิดแรงฮึด ชินขุดดินปลูกต้นไม้ตามวิน เขาขมวดคิ้วนิดๆ สัมผัสเย็นจากดินไม่ทำให้รู้สึกแย่เหมือนที่คิด ทำไปทำมาเริ่มสนุก เด็กน้อยสองคนร่วมมือกันปลูกต้นไม้ หาความสวยงามไม่เจอเมื่อเทียบกับของลุงคนสวน ต้นไม้ทุกต้นปลูกตั้งตรงเป็นระเบียบ ไม่เบียดกันจนเกินไป และไม่ห่างจนดูโล่ง

   “ไม่เหมือนกันเลย” ชินพึมพำหลังมองผลงานตัวเองได้สักพัก

   “แต่ฉันว่าสวยนะ” ลิงวินกอดอกภาคภูมิใจ ชินเองก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน ลุงคนสวนพูดให้กำลังใจสองเด็กน้อย

   “ตอนนี้ยังเด็ก ทำได้เท่านี้เก่งมากแล้ว โตอีกน้อยต้องทำสวยกว่าลุงแน่ๆ ลุงรับรอง”

   เด็กชายสองคนยิ้มดีใจ ขณะเดียวกับที่พ่อๆ เดินมาหาลูกชาย อาเนชไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เห็นลูกมอมแมมเปื้อนดิน มือหนาขยี้หัวทองจนยุ่ง

   “ลิงน้อยมาซนอะไรอีก ขอโทษนะครับลูกชายผมมากวนคุณทำงาน”

   ว่าคนลูกน่าแปลกใจแล้ว เจอคนพ่อลุงคนสวนถึงกับทำอะไรไม่ถูก อีกฝ่ายเล่นก้มหัวให้ เขายกมือห้ามพัลวัน วินพูดเจื้อยแจ้วอวดพ่อตัวเองใหญ่ ส่วนชินก้มหน้าซ่อนมือเปื้อนดินด้านหลังเพราะกลัวถูกพ่อดุ ทรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน

   “คุณผณินทรอย่าดุคุณหนูเลย เดี๋ยวผมปลูกใหม่ให้ ผมยอมทำงานล่วงเวลาไม่เอาเงินสักแดงครับ” คนสวนกลัวว่าลูกเจ้านายจะถูกดุเลยขันอาสาเสียเอง ทรส่ายหัว

   “ไม่ต้อง ปล่อยไว้แบบนั้นแหละลูกชายฉันอุตส่าห์ปลูกทั้งที ชินไปล้างมือเราจะได้ไปทานข้าวกัน”

   ลุงคนสวนโล่งอก ชินพยักหน้ารับเดินไปล้างมือกับวิน เพราะอาเนชออกมาทำงานให้ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดเจ้าตัวจะไม่รับงาน ผณินทรเลยชวนไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน ทีแรกอาเนชจะปฏิเสธเพราะมีข้าวกล่องฝีมือภรรยาคนสวยอยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายชวนมาทั้งทีจะปฏิเสธน้ำใจก็ใช่ที สรุป สองพ่อพาลูกชายไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน

   หลังทานเสร็จอาเนชแยกกลับบ้านตัวเอง แต่แทนที่จะขับยาวถึงบ้าน คนพ่อดันจอดรถข้างทางหยิบข้าวกล่องออกมา

   “พ่อทำไรอะ เพิ่งกินข้าวเมื่อกี้ไม่ใช่เหรอ”

   วินถามอย่างสงสัย อาเนชมองลูกชาย

   “แม่ทำให้พ่อทั้งที ขืนไม่กินแม่เสียใจแย่”

   “แต่กินเยอะเดี๋ยวปวดท้องนะ” ลูกชายทัก คุณพ่อคอตกเก็บข้าวกล่องกลับบ้านทั้งแบบนั้น รสาเห็นสองพ่อลูกยิ้มแห้งส่งข้าวกล่องที่ไม่ได้แตะมาคืน อาเนชบอกภรรยาเสียอ่อยว่าถูกชวนไปทานข้าวกลางวันเลยไม่ได้กินอาหารฝีมือภรรยา หญิงสาวหัวเราะเสียงใส

   “แม่ไม่โกรธเหรอฮะ” วินถาม คุณแม่รับข้าวกล่องเดินนำสองคนเข้าบ้าน

   “ไม่โกรธหรอก ไว้เดี๋ยวค่อยทานก็ได้นี่ จริงมั้ย”

   สองพ่อลูกทุบมือปุท่าเดียวกับเป๊ะ แล้วถูกคุณแม่ลากไปช่วยงานในสวนทั้งคู่ ระหว่างนั้นวินคอยถามนู่นถามนี้ตลอดไม่ได้หยุด รสาสามารถรับมือลูกชายวัยช่างถามได้อยู่หมัด ด้วยการชิงสอนให้ทำนู่นนี้จะได้ไม่มีเวลาว่างพอมาถาม ต่างจากอาเนชตอบจนคอแห้ง ขนาดทำสวนกันเสร็จนั่งพักตรงระเบียงติดสวน วินยังถามไม่หยุด

   “พ่อฮะชินเรียนที่ไหน”

   “ไม่รู้สิ วันหลังเจอลูกก็ลองถามดู”

   “พ่อครับ ทำไมนกบินได้”

   “นกมันเก่งกว่าเรา”

   “อ้าว งั้นแสดงว่าพ่อห่วยสิ” อาเนชผงักหัวมองลูกชายที่นอนหนุนพุง

   “ไปจำคำว่าห่วยมาจากไหน”

   “ผมได้ยินพ่อพูดตอนทำงาน บอกว่าระบบมันห่วยชะมัด พ่อ ระบบคืออะไรเหรอ”

   “วันหลังอย่าพูดอีกนะ เดี๋ยวแม่เอาพ่อตาย” อาเนชสั่งน้ำเสียงจริงจัง หารู้ไม่ ภรรยาได้ยินทุกคำพูด กำลังส่ายหัวอย่างระอากับสองพ่อลูก

   “รับทราบ พ่อ” ปากเล็กไม่ทันหลุดคำถาม อาเนชพูดดัก

   “วิน วันนี้ถามแค่นี้ก่อนดีไหม” พ่อลูกหนึ่งยกมือสองข้างยอมแพ้ เขาว่าเด็กช่างสงสัย กล้าพูดกล้าถามเป็นเด็กฉลาดแต่ลำบากพ่อเหลือเกิน

   “ก็ได้ งั้นผมให้พ่อถามผมแทนเนอะ” รอยยิ้มสดใสสวนทางกับพ่อ อาเนชนอนแผ่ปากเรียกหาภรรยาคนเก่ง

   “รสาช่วยผมเอาซาตานน้อยนี่ออกไปที” วินหัวเราะชอบใจ คุณแม่เดินเข้ามาพร้อมผลไม้สดเย็นฉ่ำ

   “โดนลูกแกล้งยังไม่รู้ตัวอีก วินมากินแตงโมกับแม่ดีกว่า”

   “คร้าบ~” เด็กผมทองกลิ้งไปนั่งกินแตงโมกับแม่ แล้วพ่อลูกก็แข่งกันพ่นเมล็ดแตงโม ก่อนจะถูกรสาดุทั้งคู่ จ๋อยไปตามระเบียบ ได้แค่หนึ่งนาทีกลับมาเป็นแบบเดิม


   อีกด้าน ชินตามพ่อกลับมาที่บริษัท สองพ่อลูกนั่งเงียบอยู่ในห้องทำงาน กระทั่งพ่อถามหลังสังเกตอาการลูกมาได้สักพัก

   “เพื่อนใหม่เป็นไงบ้างชิน”

   ดวงตาสีดำมองไปทางโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ที่บ้านเขาแม่เปลี่ยนบ้านเป็นที่นัดพบเหล่าคุณหญิง ชินเลยขอตามพ่อมาทำงานเพราะไม่อยากโดนสารพัดมือลูบหัวหยิกแก้ม

   “ก็ดีครับ” คำตอบสั้นๆ คุณพ่อเท้าคาง เขาอยากให้ลูกชายสดใสร่าเริงเหมือนอย่างลูกของเพื่อนที่มาเช็คระบบให้วันนี้ แต่ดูท่านิสัยแบบเดียวกับเขาจะเป็นอุปสรรค นิ่งเฉย ไร้อารมณ์เหมือนเขาสมัยเด็กมากจนน่าขำ

   “อยากเล่นกันอีกมั้ยล่ะ เดี๋ยวพ่อคุยกับอาเนชให้”

   ลูกชายเขาคงไม่รู้ตัว ว่าตอนนี้ดวงตาสีดำทอประกายขนาดไหน ติดใจเพื่อนคนนี้แล้วสินะ เจ้าตัวยังสงวนท่าทีแค่พยักหน้ารับ ก่อนพูดอุบอิบดูลังเลผิดวิสัย คุณพ่อเลิกคิ้วมองรอฟังอย่างสนใจ

   “พ่อผมขอชิงช้า”

   ธรรมดากว่าที่คิด คุณพ่อคิดในใจ

   “เอาสิ อยากได้แบบไหน”

   “ชิงช้าผูกต้นไม้ครับ” คราวนี้ทรมองลูกชายตาปริบๆ แล้วหัวเราะฮา ในที่สุดลูกชายก็เริ่มทำตามวัยสักที ปกติไม่ค่อยขออะไร

   “ได้เลย เดี๋ยวพ่อให้คนสวนผูก... ทำไม หรือลูกอยากได้อะไรอีก” เห็นหน้าลูกชายไม่โอเคเลยถาม คิดว่าตัวเองเผลอพูดอะไรผิดไป

   “ผมอยากให้พ่อผูกเหมือนพ่อของวิน” เสียงนิ่ง แต่ใบหน้าขึ้นสี ทรคงต้องโทรหาอาเนชไวกว่าที่คิด เขาต้องเรียนวิธีผูกชิงช้าฉบับเร่งด่วน!


ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
โตมานี้สลับกันชัดๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ระหว่างโตต้องมีเหตุการณ์สลับร่างกันแน่ๆ
มันถึงเปลี่ยนบุคลิกกันเลยอ่ะ

ทีมซาตานเสมอค่าา

ออฟไลน์ fammi50

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
น่าร้ากกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ tsubasa_6927

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เป็นตอนจบที่แบบ เฮ้ย อ้าว จบแล้วหรอ 55555
แต่ตอนพิเศษนี่มันดีจริงๆ :katai1:
รออ่านซาตานวัยเด็กอยู่จ้ะ ชินนี่ตอนโตหัวไปกระแทกไรเข้าป่าว...  นิสัยไม่เหมือนตอนเด็กๆเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nu-tarn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-6
นิสัยตอนโตกับตอนเด็กนี่สลับกันรึเปล่าอ่ะ
หรือว่าต้องมีเหตุการณ์อะไรแนๆเลยอ่ะ

ออฟไลน์ morningflower

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
นิสัยชินวินตอนเด็กนี่ผิดคาดมากจริงๆ
รอพาร์ท 2 ค่ะ~

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
วินนี่ร้ายกาจแต่เด็กๆ ชินตอนเด็กๆดูเย็นชานะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ กาลณัฐ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
สองคนนี้ตอนเด็กๆ น่ารักมากค่ะ 5555

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
พี่วินน้อยน่ารัก

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
 :impress2: สองหน่อผู้พี่ตอนละอ่อนน่าร้ากกกก ทำไมโตมาสลับขั้วกันอย่างเน้....

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ nutae or

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 o13..... ต้องบอกก่อนเลยว่า...เล่นเกมไม่เป็น!! ตอนแรกนึกว่าจะต้องอ่านไม่รู้เรื่องแหงๆๆ  (ดูจากชื่อเรื่อง) แต่พอลองเข้ามาอ่านดู..โอ้ สุดยอดดดดดดด  ใช้ภาษาง่ายๆ อ่านง่าย คนที่ไม่เล่นเกมส์ก็อ่านได้เหมือนแนวๆ แฟนตาซีๆ สนุกมากกกกกกกก  ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
นิสัยคู่วินกับชินทำไมตอนเด็กกับโตมันสลับกันขนาดนี้ 55555

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
เรื่องแหล่มมากกกกกก


ชอบๆๆ เป็นคอเกมส์เหมือนกัน ฮ่าๆ

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
Lv.พิเศษ มารยา

   ผมกำลังอยู่ในวงล้อมของมอนสเตอร์ ด้านหลังคือหมาป่าตัวเขืองไล่งับลิงยักษ์ ไม่ไกลนักมีกระต่ายกับพ่อมดช่วยกันกำจัดมอนสเตอร์ที่บุกเข้ามาเรื่อยๆ ผมกางปีกบินยกขาฟาดดังปึก ได้ยินเสียงอุกอยู่ข้างหู บ้าเอ๊ย! เจ้าลิงเวรมันเลียนเสียงหมาป่าของผม

   ไม่ทันจะถีบอีกรอบ เจ้าลิงหน้าขนตวัดแขนกอดรัดขาผมแน่น ผมทั้งยื้อทั้งยันไม่ขยับสักนิด ที่สำคัญตัวมันร้อนมาก จู่ๆ ลิงตัวเล็กพุ่งเข้ามาเกาะหน้าผมจนหายใจไม่ออก

   “ย๊ากกก สู้ตายเว้ย!”

   ผมตะโกนเสียงดังลั่น ร่างกายสะดุ้งโหยงอย่างกับถูกดึงออกจากโลกเกม เวลาผ่านไปสักพักถึงค่อยรู้สึกตัว ที่แท้ฝันนี่เอง แล้วไอเจ้าสิ่งที่เกาะหน้านี่คือ...

   “เหมี้ยว~”

   เสียงหวานคลอเสียงกระดิ่งยามขยับตัว ยกมือลูบคลำเจอขนนุ่มหูสามเหลี่ยม มีพวงหางยาวตบอกผมปุๆ แบบไม่สบอารมณ์

   “เฮ้อ นายท่านเองเหรอ อย่ามาเกาะหน้าแบบนี้ดิ ฉันยังไม่อยากเป็นข่าวทาสถูกนายท่านฆ่าตายนะ”

   ผมงึมงำกับตัวเอง ใช้มือดันนายท่านออกจากหน้า ก้มมองลิงในฝันที่กอดขาตัวเองแน่น อ่า...ลิงตัวนี้หน้าตาคุ้นจัง เรือนผมสีน้ำเงินเข้มเปลือยท่อนบน วงแขนแกร่งกอดขาผม ด้วยความที่สีผิวต่างอย่างกับทางม้าลาย ไม่ดิ มันไม่ใช่ประเด็น ผมแงะแขนกลออกจากขา จับเขาพลิกนอนดีๆ แล้วยกมืออังหน้าผาก

   ร้อนจี๋! หมาผมป่วย ต้องพาไปหาสัตวแพทย์มั้ยเนี่ย

   เหมือนเจ้าตัวจะรับรู้ถึงเจตนาไม่ดี ร่างสูงขยับตัว ให้ตายรู้สึกหน้าร้อน ร้อยวันพันปีผมจะได้เห็นกลตอนงัวเงียหรือตอนนอนสักที ปกติเจ้าตัวตื่นไวมาก ยิ่งนับรวมกับใบหน้าขึ้นสี เปลือยท่อนบน ผ้าห่มขาวปิดเอวไม่เห็นกางเกงนอนชวนคิดลึก แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาเห็นลอนกล้าม โอเค ปาหัวใจใส่แม่ง

   ผมลูบหน้าพรืดดึงสติเข้าร่างถึงค่อยสังเกตเห็นรอยช้ำบนพุงหมา ชัดเลยว่าในฝันผมถีบโดนอะไรกันแน่ มิน่ากอดขาผมแน่น โธ่ๆ หมาน้อยของผมช่างน่าสงสาร ผมเอาผ้าชุบน้ำมาเนื้อเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อให้กล ใช้ผืนเล็กบิดหมาดแปะไว้บนหน้าผาก ปรอทวัดไข้โชว์เลข 38.2 ไข้สูงเอาเรื่องแฮะ

   “กลไปโรงพยาบาลมั้ย”

   “แค่ไข้นอนพักเดี๋ยวก็หาย” หมาน้อยตาปรือมองหน้าผม ขยับเอาแขนมากอดเอวซุกหน้า

   “ถ้าไข้ไม่ลดฉันจะพาไปหาหมอ ปล่อยก่อนจะได้ไปต้มข้าวให้กินแล้วทานยา”

   “ขออีกแปบ” เอาล่ะครับท่านผู้ชม หมาอ้อน

   “ไม่ได้ ฉันยังไม่ได้เทข้าวให้เจ้าสองตัวนั้นเลยด้วย”

   “กินช้าไปหน่อยไม่ตายหรอก ทุกวันนี้ชักจะอ้วนกลมกันเกินไปแล้ว”

   “ว่าแต่แมว ตัวเองก็เป็น” ผมพูดขำๆ ดึงแก้มกล หมาป่าหันหน้าหนี คิ้วเค้มขมวดมุ่น ได้ยินเสียงพึมพำว่าว่างๆ ต้องหาเวลาเข้ายิม

   ผมแงะกลออกจากเอว พยายามไม่สนใจหมาป่าที่มองตามตาละห้อย เขาว่าคนป่วยมักต้องการคนดูแล และช่างอ้อน กลเองก็ไม่มีข้อยกเว้นสินะ จะผิดมั้ยถ้าผมจะบอกว่ากลตอนป่วยน่ารักชะมัด

   หลังกลทานข้าวทานยาเสร็จ ผมค่อยเวลามีจัดการตัวเองมาดูเจ้าสองแมวปล่อยกลนอนในห้อง แต่เปิดประตูทิ้งไว้เพื่อความปลอดภัย เกิดอะไรขึ้นมาผมจะได้เห็นวิ่งเข้าไปช่วยได้ทัน ระหว่างนั้นนั่งเช็ดผมไล่รายชื่อในหัวที่ต้องโทรบอก

   ตารางวันนี้ของกลต้องไปทำงานกลุ่มกับพวกเพื่อนที่มหาลัยตอนช่วงเช้า พอบ่ายต้องไปทำงานกับพี่วิน อ่า คืนนี้เล่นเกมไม่ได้ด้วยสินะ ผมต้องโทรบอกไวไว

   “วัต”

   เสียงแหบน่าสงสารเรียกจากในห้อง ผมเดินเข้าไปนั่งข้างตัวชุบน้ำผ้าวางบนหน้าผากให้ใหม่ กลขยับมานอนหนุนตักแล้วหลับต่อ มือถึงผ้าห่มคลุมดีๆ เปลี่ยนจากเปิดแอร์เป็นพัดลมพอให้อากาศถ่ายเท เบอร์แรกที่โทรคือแก๊งเด็กปีหนึ่ง

   “พี่วัต! ถึงเวลาแล้วกลยังไม่มาตามนัด แสดงว่ามันต้องโกหกพี่ว่ามาทำงานกลุ่มแล้วนอกใจพี่ไปหาคนอื่น”

   ผมไม่ทันอ้าปากพูดมันฟ้องมาเป็นชุด อือหือ ถ้ากลจะนอกใจ คงนอกใจผมหาขาผมนี่แหละ ซบนอนแก้มถูดูฟินซะเหลือเกิน

   “ให้มันน้อยๆ หน่อยเจ้าหนึ่ง กลเป็นไข้วันนี้ไปทำงานกลุ่มไม่ได้ ฉันโทรมาบอกก่อนจะได้ไม่ต้องรอ”

   “ชิ ถึงว่าทำไมมาสายผิดปกติ พี่อย่าเอาที่ผมฟ้องตะกี้ไปบอกกลนะ แหะๆ”

   มันเพิ่งสำนึกขึ้นได้สินะ ว่าตัวเองกำลังท้าทายอำนาจชั่วร้าย

   “เสียใจด้วย เจ้าตัวได้ยินหมดแล้ว”

   มันแหกปากเสียงดังทะลุโทรศัพท์ขนาดนั้น กลจะได้ยินก็ไม่แปลก เห็นกลเงยหน้ามองเหมือนอยากคุย เลยยื่นโทรศัพท์ไปจ่อหูให้

   “ตาย”

   คำเดียวสั้นง่ายได้ใจความ ยิ่งเสียงแหบแห้งเพราะพิษไข้ ความสยดสยองคูณสิบยกกำลังสาม พอผมยกหูกลับมาว่าจะคุยต่อ ปลายสายกลับตัดไปแล้ว พี่ขอสวดภาวนาให้แล้วกันนะน้อง

   รายชื่อต่อไป พี่วินสินะ กดไปไม่ทันจะดังตืด ปลายสายรับแถมเปิดกล้องคุย แสดงว่ากำลังว่าง

   “หวัดดีพี่ กาแฟหมดไปกี่แก้ว”

   “แก้วเดียว โทรมามีอะไรรึเปล่า เงินหมด? จะกลับบ้าน? เลิกกับไอ้ลูกหมา? ถ้าอันหลังนี่พี่แถมเงินให้เลย”

   “ฝัน”

   หมาน่อยเอ๊ย ป่วยไม่เจียม พี่วินถลึงตาจ้องหัวที่หนุนอยู่บนตักผม บอกเลยว่าพี่ชายมองแรงมาก

   “ตายรึยัง” ช่างเป็นคำทักทายแสนรื่นหู

   “ยังอยู่ตราบเท่าที่อาจารย์รักวัต”

   กลตอบพลางกระชับแขนกอดเอวผมมากขึ้น ดวงตามองพี่ชายอย่างท้าทาย ถ้าพี่วินพุ่งเข้ามาได้ คงจะถลามาถีบกลร่วงชัวร์ ผมตัดบทก่อนทั้งคู่จะกระชากมิตรกันมากไปกว่านี้

   “พี่วินกลเป็นไข้ลาวันหนึ่งนะครับ”

   ชายผมทองพยักหน้าเนิบๆ จากที่เขาเห็นก็พอเดาออกแหละว่าเจ้าหนูมันป่วย แต่หมั่นไส้ ได้ทีอ้อนน้องชายฉันใหญ่เลยนะไอ้เด็กแสบ

   “แค่ไข้ ทำท่าอย่างกับใกล้ตาย”

   “โหพี่วิน กลไข้ตั้ง38องศาเชียวนะ” หมาน้อยของผมออกจะน่าสงสาร กลงึมงำบอกเสียงค่อย

   “ปวดหัว”

   “ไอ้เด็กตอแหล!/เรียกร้องความสนใจ!” สองเสียงดังขึ้นพร้อมเพรียง ไม่รู้พี่ชินเข้ามาร่วมวงด้วยตอนไหน ดวงตาสองคู่จ้องเขม็งใส่หมาป่า คนโดนจ้องไม่สนใจ ยังคงคลอเคลียผมไม่เลิก เอาเข้าไป

   “ไสหัวไปนอน เลิกกวนน้องฉันได้แล้ว วัต พี่ให้กลหยุดจนกว่าจะหายและอย่าไปหลงมารยามัน”

   “คร้าบๆ” ผมรับคำไม่จริงจัง พี่ชายตัดสาย คงกลับไปทำงานกันต่อ กลยังคงประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง

   “ฉันปวดหัวจริงๆ นะ”

   “จ้าๆ หน้าที่ของคนป่วยคือนอนเยอะๆ จะได้หายไวๆ เดี๋ยวฉันเช็ดตัวให้อีกรอบแล้วนอนพัก”

   หางตาเห็นหางหมาป่าส่ายรัวๆ ผมถอดเสื้อกล ใจตัวให้ความร่วมมืออย่างดี แต่บางทีก็ดีเกินไป

   “ถอดกางเกงทำไม!” กลหันมาทำหน้าหมางงใส่

   “ไม่ถอดนายจะเช็ดตัวฉันยังไง” เออ มันก็จริง รอบเช้าผมยังจับปล้ำถอดเองเลยนี่หว่า ผมปล่อยกลถอดไป ตัวเองไปเปลี่ยนน้ำในกะละมังใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เพื่อลดไข้ ระหว่างเช็ดแถวท้อง คางแหลมมาเกยบนหัว ลมหายใจร้อนระอุเป่ารด ความใจอ่อนพุ่งทะลุปรอทแล้วร่วงวาบไปอยู่ก้นหลอด

   “เฮ้ย ฉันไม่ได้ป่วย ไม่ต้องเช็ดตัว”

   ผมหยิกมือร้อนที่สอดเข้ามาใต้เสื้อ หมาป่ายอมละออกไปแต่โดยดี

   “รู้ อยากสัมผัสตัวนายเย็นดี ไม่ทำอะไรหรอก ฉันยังไม่อยากให้นายติดไข้ ไว้หายจะขยันทำการบ้านนะ”

   ประโยคยาวประโยคแรกของวันช่างน่ารักน่าชังเสียจนอยากเสย ผมผลักกลให้นอนแล้วเช็ดตัวรวดเดียวเสร็จ โยนเสื้อตัวใหม่ให้แทนตัวเก่าที่ชุ่มเหงื่อ กลใส่เสื้อพลางหัวเราะ ผมแปะผ้าชุบน้ำใส่หน้าผากดันให้อีกฝ่ายนอนลงไปซะดีๆ

   จัดการกับเด็กโข่งมันเหนื่อยจริง ผมโทรบอกไวไวว่าวันนี้ไม่เข้าเกมเพราะกลป่วย กระต่ายอือออขอให้หายไวๆ ผมทราบซึ้งน้ำตาแทบไหล ที่คุยมาเพื่อนผมดูจะปกติสุดแล้ว

   วันนั้นทั้งวัน ผมเดินเข้าเดินออกระหว่างห้องน้ำกับห้องนอน คอยเปลี่ยนน้ำในกาละมัง เฝ้าไข้เช็ดตัว ป้อนข้าวป้อนยา นายท่านกับขุนพล ผมไม่ให้เข้าห้องนอน กลัวจะติดไข้กล ไม่รู้ว่าแมวมันติดคนได้มั้ย แต่เผื่อไว้ก่อน

   ผมนอนฟุบอยู่ข้างเตียงดูกลหลับเพลินๆ กลายป็นตัวเองหลับไปทั้งสภาพนั้น มาสะดุ้งตื่นเอาตอนโดนงับจมูก พอลืมตาเห็นดวงตาสีน้ำเงินกำลังจ้องมองอยู่ รู้ระ ฝีปากใคร

   “สะกิดปลุกธรรมดาก็ได้มั้ง” ผมบ่นอุบอิบ เอาผ้าบนหน้าผากกลออกแล้วลองแตะดู อืมๆ ดีขึ้นกว่าตอนเช้าเยอะ นอนเต็มอิ่มสักคืนเดียวก็หาย

   “ปลุกธรรมดามันไม่ได้กำไร”

   “เอาที่สบายใจเลยพ่อ เย็นนี้กินไรดี”

   “อะไรก็ได้ ขอแค่วัตทำ อร่อยทั้งนั้นแหละ” ทุกคนรู้สึกหวานเลี่ยนรึเปล่าครับ ผมแนะนำเกลือในห้องครัว

   เช้าวันต่อมา หมาป่าฟื้นคืนชีพอีกครั้ง หายเป็นปลิดทิ้งแลกกับแรงกายของผมที่คอยเฝ้าดูแลตลอดไม่ห่าง เรามีเรียนทั้งคู่ กลมีเรียนบ่าย ส่วนผมมีเรียนทั้งวัน ถึงอย่างงั้นก็ยังแต่งตัวมาส่ง อ้างว่าช่วงเช้าเดี๋ยวไปทำงานกลุ่มในส่วนของตัวเอง แล้วกระทำการร้ายกาจ โทรลากไม้กับหนึ่งลงจากเตียงมาทำงานด้วยกัน

   คาบแรกสมองยังคงปรอดโปร่ง หลังมื้อเที่ยงเข้าคาบสองผมว่าตัวเองชักยังไงๆ มึนหัวนิดๆ วิงเวียนอีกหน่อย ร้อนหนาวอีกเล็กน้อย อ่า...ตูติดไข้หมา มัวห่วงแมวลืมห่วงตัวเอง

   “ไหวมะเพื่อน”

   ไวไวถามด้วยความเป็นห่วง แต่มือมันตบป้าบเข้าที่หลัง ความมึนทวีคูณ

   “ไม่ไหว และจะตายอีกไม่ช้าถ้ามึงไม่เลิกตบหลังกูเพื่อนไวไว”

   กระต่ายเถื่อนชะงักมือ เปลี่ยนมาแตะหน้าผากผมแทน

   “ไข้กินนี่หว่า ติดกลอะดิ พวกมึงนี่น้า วันหลังหักห้ามใจบ้าง แยกแยะหน่อยเวลาไหนควรไม่ควร แบบนี้ได้ติดสลับกันไปมาพอดี” คิ้วกระตุกกึกๆ ใช้มือตบหัวกระต่าย

   “คิดไปถึงไหน ไม่ใช่มึงกับลินนะ” กลายเป็นกระต่ายหน้าแดง ยังจะมาค้อนใส่ผมเอง ช่วยเช็คสารร่างตัวเองหน่อยเพื่อน ตัวสูงกว่า หนากว่า ถึกกว่า ยังจะมาทำตัวมุ้งมิ้ง ผมพูดเล่นน่ะ มันไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอก ไวไวยังคงความแมนเต็มขั้น เพียงแค่ลินแมนเกินไปเท่านั้นเอง

   “สภาพงี้กลับก่อนมะ”

   “ไม่อะ ต้องส่งงานให้จารย์หลังเลิกคาบอีก ขอยืมหลังมึงแอบฟุบสักหน่อยก็พอ” โชคดีวิชานี้คนเรียนเยอะ ผมกับไวไวนั่งเกือบหลังสุดเพราะเข้าช้า เป็นจุดที่อาจารย์ไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ ไวไวพยักหน้ารับยอมนั่งบังให้ผมแต่โดยดี ผมหลับได้งีบหนึ่ง ได้ยินเสียงคนคุยกันข้ามหัวไปมา

   “วัตเป็นอะไร”

   “ไข้ขึ้น พากลับบ้านไป เดี๋ยวฉันไปส่งงานให้เอง”

   “ขอบใจ วัตกลับบ้านกัน”

   แรงเขย่าให้ผมผงกหัวขึ้นดู หันไปมองรอบห้องเหลือคนไม่กี่คน กลพยุงผมขึ้นอีกมือรับกระเป๋าผมจากไวไว

   “เดินไหวมั้ย” เสียงทุ้มดังข้างหู ผมทรงตัวยืนเอง พอจะคว้ากระเป๋า กลกลับยกหนี โอเค อยากถือ ถือไปครับคุณแฟน

   “ไหว ฉันแค่เป็นไข้ไม่ได้ขาหัก”

   “กลับดีๆ นะพวกนาย” ไวไวโบกมือลา ผมกับกลลงมาชั้นล่าง ถึงจะมึนๆ แต่เดินเหินสบายมาก โลกไม่หมุนแสดงว่าไข้ไม่สูงเท่าไหร่ แต่เจ้าหมาป่าข้างตัวไม่คิดแบบนั้น ใบหน้าหล่อเหล่าก้มลงมาใช้หน้าผากแนบวัดไข้ คุณมึงครับ เกรงใจชาวโลกที่อยู่ในลิฟท์ด้วย ผู้ชายแทบแทรกซึมไปกับเนื้อลิฟท์ ส่วนผู้หญิง ใบหน้าพวกคุณฟินไปไหม คนป่วย ไม่ใช่พระเอกนางเอกซีรี่เกาหลีมาพลอดรัก

   “ตัวรุมๆ รู้สึกตะงิดตั้งแต่เช้า รู้งี้ไม่น่าปล่อยให้มาเรียน”

   “กรี๊ด เค้าอยู่ด้วยกันอะแก” บอกที นี่คือพยายามหรี่เสียงแล้ว พอออกจากลิฟท์มีเหตุให้ผมไม่ถึงรถโดยง่าย รุ่นน้องรุ่นพี่ที่รู้จักพอเห็นหน้าผมเขามาทักกันใหญ่

   “พี่วัตไม่สบายเหรอ! กลับบ้านกินยานอนนะพี่” ขอบคุณครับรุ่นน้องผู้น่ารัก

   “อ้าวเฮ้ยไอ้วัต แฟนเด็กหักโหมจนป่วยเหรอ จุ๊ๆ เด็กสมัยนี้แรงดีจริงๆ” ผมจะจดบัญชีหนังหมาไว้ หายเมื่อไหร่เตรียมชำระความกันได้เลยไอ้โต้ง

   “ตายแล้ว วัตของเจ๊ป่วย กลดูแลแฟนยังไง ทำไมถึงปล่อยให้ไม่สบายงี้ล่ะ” พี่แมว รุ่นพี่ปีสี่เป็นพี่รหัสไวไวเลยสนิทกัน ส่วนกลมันดังจะตาย คนเขารู้จักก็ไม่แปลก

   “เมื่อคืนหนักไปหน่อย ขอตัวก่อนนะครับ”

   อยากยกเท้าลูบหน้า ณ จุดๆ นี้ พี่แมวหัวเราะซะหมดสวย ผู้หย่อนระเบิดอย่างกลหาได้นำพาไม่ เอาวะ ทนอีกนิดจะถึงรถแล้ววัต

   “กล พี่วัต! คืนนี้ลงดันกัน อ้าวพี่วัตแค่กลโอบบ่าถึงกับหน้าแดงเลยเหรอ ก็ว่าทำไมใต้อาคารถึงเอะอะกันจริง คู่รักเซเลปหวานออกสื่อ”

   จะตัดสายรหัสกับดาลี่มันวันนี้แหละ!

   “กูป่วยโว้ย! ได้ยินมั้ย กูป่วยยยยยยย”

   ผมแหกปากระบายความอัดอั้น ดาลี่หน้าเหวอ กลยังมองตาปริบๆ ก่อนจะหัวเราะเข้ามากอดผมพาขึ้นรถ

   “งะ งั้น บายๆ พี่ ไว้ลงดันวันหลัง” ดาลี่จากไปแบบมึนๆ กว่ามันจะรู้ว่าโดนผมระเบิดอารมณ์ใส่ก็หลังจากนั้นหนึ่งวัน

   กลพาผมกลับบ้าน สลับหน้าที่กันกับเมื่อวาน ต่างกันแค่กลไม่เสี่ยงทำข้าวต้ม แต่ออกไปซื้อมาให้แทน พอถึงเวลานอนเจ้าตัวขึ้นมานอนด้วย ผมเข็ดจากตัวเอง คิดว่าจะไม่ติด มาวันนี้พะงาบๆ ด้วยพิษไข้

   “กลไปนอนห้องพี่วิน เดี๋ยวติดไข้กันอีก นายเพิ่งหาย”

   หมาป่าส่ายหัว ห่มผ้าให้ผม ตัวเองนอนตะแคงข้างมอง

   “ฉันอยากนอนเฝ้าไข้นาย กินยาดักแล้วไม่ต้องเป็นห่วง นอนเถอะ” ริมฝีปากได้รูปมาจูบบนหน้าผากคนป่วย ดูท่า ถ้าผมไม่หลับกลจะไม่ยอมนอน ผมเลยไม่ฝืนตัวเอง ช่วงที่กำลังเคลิ้มๆ ได้ยินเสียงพึมพำจากคนข้างตัว

   “นายตอนป่วยโคตรน่ากิน” ผมหัวเราะกับความจริงที่เปิดเผย ตอบทั้งที่ยังหลับตา

   “ขอบคุณที่อดทน” ท้ายประโยคเสียงเริ่มค่อยจนเงียบไปกลายเป็นเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ กลมองอีกฝ่ายในความมืด จับมือมาแนบจูบแผ่วเบา

   “ใครจะยอมให้คนรักทรมานกัน หายไวๆ นะวัต”

   วันถัดมา ไข้ผมลดจนเกือบหาย กลไม่มีทีท่าจะป่วยอีกรอบ แต่พวกเราตัดสินใจว่าจะหยุดวันหนึ่ง เอาแบบให้ชัวร์ถึงกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เขาดูแลกันน่ารักมากอะ ฟินนน

ออฟไลน์ nu-tarn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-6
ง่า อยากอ่านพี่วินต่อแล้วอ่ะ

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กลน่าร้ากสวดสวดดดดด

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
หยุดจริงๆนะคะลูกกกก ไม่ใช่หาเรื่องออกกำลังกายแล้วต้องหยุดกันอีกวัน :laugh:
รอตอนพิเศษพี่วินต่อน้าาาา

ออฟไลน์ natt lUcky

  • อะโย่ อะเย่
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เรื่องนี้สนุกมากๆๆๆๆ
ลุ้นด้วย น่ารัก ชอบๆ อะ
อิอิ

ออฟไลน์ nutae or

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น่ารักอ่ะ......มาต่อบ่อยๆนะ....  :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด