นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาและ
พฤติกรรมบางประการที่ไม่เหมาะสม
ควรอ่านอย่างมีวิจารณญาณ
บุคคล สถานที่ภายในเรื่องไม่มีอยู่จริง
ตอนที่ 5
“รอบที่ห้าแล้ว”
ผมส่งสายตาตวัดมองมันอย่างดุๆ เมื่อมือหนาเริ่มมาลูบไล้เนื้อหนังใต้ร่มผ้า(ความจริงตอนนี้ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า)ผมอีกครั้ง ร่างสูงเปลือยไร้อาภรณ์มีเพียงผ้าห่มหนาปกปิดช่วงล่างเท่านั้น ส่วนช่วงบนก็เปิดโล่งเผยซิกแพ็คสุดเซ็กซี่นั้นสู่สายตาชาวโลก (ที่จริงในห้องก็มีแค่ผม) แอร์ในห้องเปิดอุณหภูมิต่ำถึง 19 องศาแต่ผมกลับคิดว่ามันร้อนยิ่งกว่าอะไร สาเหตุก็คงจะเป็นเพราะพวกเราพึ่งจะออกกำลังกายไปแล้วห้ารอบ
คงเข้าใจใช่ไหมว่า ‘ออกกำลังกาย’ ของพวกเรามันหมายถึงอะไร ?
นับจากวันที่เสียซิงครั้งแรกก็ผ่านมาได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ผมและไอ้เสือ(กระดากปากไม่อยากเรียกว่าพี่)ก็อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม สถานะก็ยังไม่เดิม เพื่อนก็ไม่ใช่ แฟนก็ไม่ใช่ รุ่นน้องก็ไม่ใช่ เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเจ้าของบ้านกับผู้อาศัย ไม่มีอะไรผิดแปลก จะแปลกก็ตรงที่ผมสมยอมให้มันมากกว่าเดิม ผมไม่ได้มั่วนะแต่ก็โปรดเข้าใจว่าผู้ชายมันก็มีอารมณ์ทางเพศสูงทุกคน อยู่ที่ว่าใครจะสามารถควบคุมมันได้ดีกว่ากัน
แต่ไอ้นี้ พอผมสมยอมแล้วก็ได้ใจไปกันไหญ่ เอาได้แบบไม่เลือกสถานที่ มีครั้งหนึ่งเราเคยได้กันในห้องน้ำมหา’ลัย ถามว่าตอนนั้นผมสมยอมไม่ ไม่! ผมไม่ได้ยอมมันทุกครั้งหรอกนะ แต่เพราะเสือมันมีมารยาชายมากมายมหาศาลทำให้ผมตกหลุมพรางมันทุกครั้งไป
“โอเค” ร่างสูงกระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าก่อนจะผละออกไป เสือลุกขึ้นยืดตัวพิงหัวเตียง ผมมองการกระทำของมันอยู่สักครู่ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อมือหนาเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะวางโคมไฟแล้วล้วงไปหยิบม้วนบุหรี่ออกมา จุดไฟแช็กจ่อปลายบุหรี่แล้วดับมันลง นัยน์ตาคมมองมาทางผมแล้วถามความเห็นก่อน “สูบได้หรือเปล่า”
“มึงสูบด้วยหรือ”
“เวลาเครียดๆน่ะ”
ผมเม้มปากแล้วพยักหน้า เปลวไฟสีแดงฉ่าจ่อเข้าที่ม้วนบุหรี่สักพักก็เริ่มมีควันออกมา นิ้วเรียวคีบเอาไว้ วางที่ปากสูดดมเข้าปอดแล้วปล่อยควันสีขุ่นออกมา “เครียดเรื่องอะไร” ผมลองถามไป
ชีวิตของเสือมันผมก็ไม่ค่อยจะรู้จักหรอก ตอนเช้าไปส่งที่คณะพอเลิกก็มารับกลับคอนโด บางวันก็ทานข้าวนอกบ้าน บ้างวันก็ซื้อของสดมาทำ อ๋อ… ผมรู้เรื่องมันอีกอย่างหนึ่งคือนอกจากที่มันจะรวยแล้วมันยังทำอาหารเก่งมาก ตั้งแต่อาหารไทยยันไปถึงทางยุโรป ออกจะทึ่งกับความสามารถนี้นิดๆ วันเสาร์-อาทิตย์เราก็ไปเที่ยวกัน ดูหนังบ้าง เล่นเกมบ้าง จะมีสองสามวันมานี้ที่เสือคุยโทรศัพท์บ่อยขึ้นและทำสีหน้าเคร่งเครียดทุกที แต่ผมก็ไม่ได้ถามเนื่องจากไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของมัน หรืออาจจะเป็นเรื่องของการเรียนละมั้ง มันเรียนคณะแพทยศาสตร์นี่หว่า ผมก็มีเพื่อนอยู่คณะนี้เยอะพอสมควรนะ แถมแต่ละคนยังตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน แต่ไม่เห็นไอ้เสือมันจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านให้ผมเห็นบ้างเลย เวลาว่างมีตั้งเยอะแต่ก็ใช้มันไปแบบเปล่าประโยชน์ (เอามาเล่นกับผมจนหมด) จะอ่านตอนกลางคืนก็คงไม่ใช่เพราะช่วงนี้เรามักจะเอ่อ… อันนั้นแหละ กันตลอด
“…” เสือไม่ตอบมันก้มลงจูบที่หน้าผากผมเบาๆ “นอน พรุ่งนี้มึงมีเรียน”
“ไม่ง่วงแล้ว”
โกหก ตาจะปิดละกูเนี่ย
มุมปากมันยกยิ้มขึ้น “เด็กเลี้ยงแกะ”
ร่างสูงเอ็ดเบาๆ ผมปิดตาลงหัวเราะหึหึในลำคอแล้วไม่ตอบอะไรอีก หลับตาลงสักพักก็รู้สึกถึงมือหนาที่กำลังลูบไล้ศีรษะผมอยู่ ผมหรี่ตาขึ้นมองเสือที่ยังคงนั่งพิงผนังเตียงเหมือนเดิม ปากมันยังคาบบุหรี่ ลมหายใจร้อนปล่อยควันสีขุ่นออกมาทุกครั้งยามหายใจออก หากแต่แววตามันกลับดูเหม่อลอยคล้ายคนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่างจนตัดโลกภายนอกออกไปโดยสิ้นเชิง
“เสือ” ผมส่งเสียงเรียกแผ่นหลังกว้างคล้ายสะดุ้งเบาๆ “เป็นไร”
“…” พอเห็นมันไม่ตอบผมเลยลุกขึ้นมาในท่านั่งก่อนจะมุดลอดแขนเข้าไปนั่งบนตักมัน ไอ้เสือหัวเราะก่อนจะยอมให้ผมนั่งแต่โดยดี แขนแกร่งมาโอบล้อมเอวบางเอาไว้ ผมเอนพิงไหล่เปล่าเปลือยของมัน นัยน์ตาเบิกโพลงเมื่อพึ่งจะมาพึงระลึกได้ว่าเราสองคนยังคงโป๊อยู่ อ่า… ท่าจะไม่ทันดูเหมือนบางสิ่งด้านล่างกำลังดันก้นผมอยู่ “มึงยั่วกู”
“เออ” ผมยอมรับแต่โดยดีขี้เกียจเถียง “สูบด้วยได้ไหม”
“อยากลองหรือไง”
ผมร้องอื้มในลำคอ ไอ้เสือกระซับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก ม้วนบุหรี่ถูกยื่นมาจ่อริมฝีปากให้ผมคาบมันเอาไว้
“ครั้งแรก อย่าดูดแรงมากนะ” เสียงแหบพร่าบอก นัยน์ตาสีครามเข้มยังคงจ้องอยู่ตลอด ผมพยักหน้าค่อยๆดูดเอายาเสพติดนั้นเข้าปอดช้าๆ วูบหนึ่งมีความรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ หัวมันโล่งไปหมด แต่พอพ่นควันออกมาก็ค่อยๆกลับสู่สภาพเดิม ความรู้สึกมึนเข้ามาแทนที่ ผมสั่นศีรษะไล่อาการมึนออก
“อือ”
“เป็นไง” มันว่า “ต่อไปห้ามสูบ”
“…” ผมไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอาการมันยังค้างอยู่ เสือคงจะรู้มันเลยจับผมให้นอนลงที่เดิม แล้วนอนคร่อมตาม ริมฝีปากนั้นมาขับเขี้ยวบนปากผมอยู่สักครู่ก่อนจะแทรกลิ้นร้อนเข้ามาด้านใน ผมเอื้อมมือล้อมรอบคอตอบกลับอย่างใจเย็น แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่เย็นด้วย เมื่ออุณหภูมิเริ่มร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง อารมณ์มันคงไม่ติดง่ายขนาดนี้ ถ้าผมไม่หลงลืมไปชั่วขณะว่าตอนนี้เราก็ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า “ไม่… พอแล้ว”
“อื้อ” เสียงมันส่งเสียงครางตอบในลำคอประมาณว่า ‘โอเค’ แต่การกระทำกลับตรงข้ามกับคำพูดลิบลับ
“พอแล้ว… ไม่เอา พี่เสือไม่เอา” คำสรรนามที่ผมไม่เคยใช้เรียกมันดังขึ้น นัยน์ตาคมตวัดสายตามองขึ้นมาทีหนึ่งก่อนมาจะขโมยจุ๊บผมไปเหมือนเคยแล้วผละออก มันล้มลงนอนตรงข้าม จัดการเอาขามาพาดและกอดผมไว้แบบหลวมๆ เสียงทุ้มเอ่ย
“ชอบว่ะ”
ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รอมันพูดต่อ
“เรียกบ่อยๆนะมึง”
ก่อนจะอมยิ้มแล้วหลับไปจนกระทั้งรุ่งเช้า…
Lamborghini Aventador เลี้ยวเข้ามาจอดบริเวณคณะนิเทศศาสตร์ ผมโค้งตัวเอื้อมไปเอาหนังสือด้านหลังรถใส่กระเป๋าสะพาย พลางเหล่มองไอ้เสือไปด้วยตอนนี้มันอยู่ในชุดของนักศึกษาแพทย์ที่มองปราดเดียวก็รู้เลยว่าใส่มาแบบ ‘ผิดระเบียบ’ เสื้อเชิ้ตสีขาวหลุดลุ่ยออกมาด้านนอก กระดุมจงใจไม่ติด 2 เม็ด ปากยังคาบบุหรี่ ไม่รู้จะเครียดอะไรกันนักกันหนา เห็นเมื่อเช้าก็พึ่งสูบไปม้วนหนึ่งแล้วจนผมเริ่มนึกหวั่นๆว่ามันจะเป็นโรคถุงลมโป่งพอง
“ไปแล้วนะ” ผมหันไปบอกมัน เสือพยักหน้าแล้วโน้มลงมาหอมแก้มผมอย่างเคย ทันทีที่ผมเปิดประตูออกนักศึกษาหลายคนที่กำลังมองอยู่ก็หลบสายตาลงไปทันที แม้จะไม่ได้เข้ามาถามแต่คงอยากรู้อยากเห็นมากว่าเจ้าของรถคันนี้เป็นใคร (ไอ้เสือติดฟิล์มทึบมากมองข้างนอกไม่เห็นหน้าเลย) หรืออาจจะรู้ก็ได้ ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก
รอจนเสือมันขับรถออกไปจึงเดินขึ้นตึก ทันทีที่ขึ้นผมก็สังเกตถึงความผิดปรกติได้ว่าเพื่อนนักศึกษากำลังจ้องผมแปลกๆ หวั่นใจอยู่ไม่นานก็โดนฝ่ามืออรหันต์ของไอ้กิ้งตบมาที่หลังดัง
เพี๊ยะ!
“เจ็บสัส” หันไปแขวะมันเบาๆ ไอ้กิ้งทำหน้าเหยเกเล็กน้อย
“จะให้กูถนอมมึงเหมือนพี่เสือของมึงหรือไง”
“บ้าหรือไง” ผมพูดติดตลก
“ไม่บ้าแหละมึง ไม่เห็นหรือว่าคนอื่นเขามองมึงแปลกๆ ตั้งแต่ที่โรงอาหารแล้ว 2 อาทิตย์ก่อนก็ยังมาส่ง วันนี้ก็ด้วย พวกกูสงสัยอยู่ตั้งนานว่าเจ้าของ Lamborghini ที่มาส่งมึงเป็นใคร ขนาดตั้งกลุ่มเป็นสายลับเลยนะมึง” ไอ้กิ้งพูดจริงจังขณะที่มันกำลังตะไบเล็กตัวเองไปด้วย
“แล้วรู้หรือไง”
“พึ่งรู้วันนี้” มันหยุดพูดกางมือสำรวจเล็บแล้วว่าต่อ “มึงเปิดประตูออกนานไปคนเลยถ่ายรูปพี่เสือบนรถมาไว้ได้ ถ่ายปุ๊บแชร์ลงกลุ่มปั๊บ ข่าวว่อนค่ะดีออก แถมวันที่โรงอาหารพี่เสือยังประกาศว่ามึงเป็นเมียเป็นการเสริมมึงอีก วันนี้ก็มาส่ง ขนาดผู้หญิงที่พี่เขาเคยเล่นๆด้วยยังไม่ทำขนาดนี้เลยนะมึง”
“แล้ว ?” ผมเลิกคิ้วขึ้นมันเกี่ยวอะไรกับกู
“พวกกูเลยสันนิษฐานว่ามึงเป็นตัวจริง พอเท่านั้นแหละค่าชะนีถอนหายใจเพรียบ โหยก็พี่เขาทั้งหล่อทั้งรวยซะขนาดนั้น” มันส่ายหัวเหลือกตาขึ้นประกอบท่าทางเสียดาย ผมหัวเราะคิกคิกในลำคอตั้งใจจะบอกคำจริงแต่ดันมาถึงห้องซะก่อน หญิงและชายหลายคนมองพวกเราสองคนเหมือนตัวประหลาดตอนเปิดประตูเข้าไป ผมยิ้มรับทุกคนจึงหันกลับไปคุยกันต่อ แต่ก็ยังไม่วายมีขาเม้าท์เรื่องของผมอยู่ดี
‘ตัวจริงพี่เสือหรือแก’
‘เสียดายพี่เขาอ่ะแก หล่อโคตร’
‘ธามมันก็หน้าตาดีนะแก ก็ดูเหมาะสมกันดี’
‘ฉันว่าคู่ควงคนก่อนเหมาะสมกว่า’
‘แต่คนนี้มาถึงเลยนะแก ได้ข่าวว่าพี่เสือให้ไปอยู่คอนโดเดียวกันด้วย คนก่อนนี้ท่าจะเอาไว้แค่นอนร่วมเตียง’
ข่าวมันก็มีทั้งด้านดีและด้านร้ายผมไม่ได้ใส่ใจกับผมมาก จนอาจารย์เดินเข้ามาตั้งใจเรียนอยู่สักพักจึงฟุ๊บหน้าลงบนโต๊ะเอาหนังสือบังเพราะความง่วงเข้าครอบงำจนจบชั่วโมง…
วันนี้ผมเลิกเร็วกว่าเดิมสองชั่วโมง ปกติเสือมันจะมารับผมเวลาเดิมตลอด ถ้าโทรไปตอนนี้มันก็คงจะเรียนอยู่ผมเลยตั้งใจจะไปกินคาเฟ่เป็นเพื่อนไอ้กิ้งมัน เห็นมันบ่นว่าอยากกินมาตั้งนานแล้วด้วย
“สรุปไปกินกับกูนะ” มันทวนอีกที
“เออ ไปๆ”
“ผัวมึงจะไม่ว่าหรือวะ”
“ว่าอะไรก็ยังไม่ได้…” ผมพูดติดตลกขณะกำลังเก็บหนังสือใส่กระเป๋า ยังไม่ทันจบคำเสียงหวานก็เอ่ยถามตัดขึ้นมาก่อน
“ธามเป็นแฟนพี่เสือหรือ”
ทุกคนที่ยังเหลือในห้องมองมาทางผมทันที ผมเงยหน้าสบสายตากับผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งที่น่าจะเป็นเจ้าของเสียง ใบหน้าน่ารัก ผิวพรรณดี ผมยาวสลวยแต่งกายถูกระเบียบ เธอคงจะเป็นที่ชื่นชอบของพวกผู้ชายหลายคน (สเปคผมด้วยนะ) ถ้าไม่ติดตรงตามีน้ำคลอที่เหมือนจะร้องไห้ออกมาทันทีหากผมตอบคำถามไม่เป็นดั่งใจเธอ เธอชื่อ ‘มันตา’ ผมจำเธอได้เพราะเธอเป็นจุดเด่นมากที่สุดตอนงานรับน้อง ทั้งนิสัยดีและหน้าตาก็ดี (เขาว่ากันแบบนั้นนะ)
“เอ่อ…” ผมอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี ตัวเองยังไม่รู้สถานะเลยด้วยซ้ำเลยไม่กล้าเดาส่งเดช ครึ่งหนึ่งผมเริ่มจะชอบมันไปแล้วแต่ไม่รู้ว่ามันจะคิดแบบผมหรือเปล่า ก็เลยได้แต่นั่งเกาหัวแกรกๆจนไอ้กิ้งขัดขึ้นมา
“แล้วหล่อนอยากจะรู้ไปทำไมยะ”
“ร…เรา”
“เรื่องของตัวเองก็ไม่ใช่”
“มะ… มีคนฝากถาม”
“เสือก” มันว่าออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย จนใบหน้าของมันตาซีดไปนิด คนทั้งห้องเหมือนจะอึ้งไปตามๆกันแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ไอ้กิ้งมันเป็นคนพูดตรงๆแต่มันนิสัยดีและอัธยาศัยดี มีเพื่อนอยู่ทั่วมหา’ลัย ใครรู้จักจะรู้ว่ามันเป็นคนดี แต่ตั้งแต่ที่ผมอยู่กับมันมายังไม่เคยเห็นกิ้งพูดแบบนี้เลยสักครั้ง
“ปะไปได้แล้วมึง” กิ้งละสายตาจากมันตาก่อนจะฉุดผมให้ลุกขึ้นแล้วลากออกจากห้อง
“แรงไปไหมวะ เขาแค่ถาม…”
“มันจะแย่งของมึง” กิ้งพูดตัดขึ้นมา
“ห้ะ”
“ภายนอกมันก็ดูดีเลยมีแต่คนชมมัน”
“…”
“สันดานทำไมจะไม่รู้ มันแย่งแฟนเพื่อนกูไปหลายคนแล้วด้วยหน้าใสๆของมันนั้นแหละทำให้คนอื่นเห็นใจ”
“…”
“แล้วฝ่ายที่โดนว่าร้ายก็เป็นฝ่ายที่ถูกแย่ง”
“…”
“มันถามมึงแสดงว่ามันสนใจพี่เสือ”
“…”
“มึงระวังเอาไว้ให้ดีละ”
“…”
“อีนี่มันแรดเงียบ”
ไอ้กิ้งไม่ได้พูดต่อ ผมก็ไม่ได้พูด เลยเดินเงียบไปจนถึงร้านคาเฟ่สั่งไอติมมาทานแต่บรรยากาศกลับกล่อยอย่างเห็นได้ชัด ไอ้กิ้งหน้านิ่งเล่นโทรศัพท์เหลือบตามองผมเป็นระยะ แล้วพิมพ์อะไรไม่รู้ของมันได้ยินแต่เสียงแชทไลน์เด้งเบาๆ นานก่อนมันจะยิ้มหึตรงมุมปาก ที่ผมคาดว่ามันคงจะเป็น
เรื่องอะไรสักอย่างเกี่ยวกับผม เสือและ …มันตา
จบ.
ช่วงทอร์คทีวันมินิตกับนักเขียน
เดี๋ยวๆเรื่องเสือยังไม่เคลียดมีเรื่องใหม่เข้ามาแล้ว
ฉากมุ้งมิ้งมีต่อจากนี้นะคะ เอาห้าสิบเปอร์เซ็นไปก่อน
นักเขียนติดอ่านนิยายไม่ได้แต่งซะที (พึ่งไปทาสีบ้านมาด้วย)
ปลื้มมากไม่นึกว่าจะมีคนเจิม คนติดตามด้วย
ขอบคุณมากค่ะ
*ย้ำฉากมุ้งมิ้งต่อจากนี้นะคะรอต่อไปเนาะ 555
ส่วนฉากนี้ยกนิ้วโป้งให้น้องกิ้ง
คนเขียนไม่เคยสูบบุหรี่นะอันนี้มโนเอาล้วนๆ
อย่าทำตามนะคะ มีพิจารณญาณด้วย อิมเมจเสือคือเลวไง