(ต่อค่ะ)พัทธ์ผมมองคนปากแข็งที่แม้จะทำเป็นไม่สนใจหรือต่อว่าหมอชลแต่ริมฝีปากยกเป็นรอยยิ้มเสมอเวลาพูดถึงเขาแล้วก็นึกขำ ผมค่อนข้างแปลกใจเลยทีเดียวที่พี่พฤกษ์ยอมตกลงคบกับหมอชลผมกับพี่คินยังเคยคุยกันเลยว่าคงอีกนานเชียวกว่าสองคนนี้จะได้คบกันเพราะพี่พฤกษ์ดูไม่น่าจะตกลงง่ายๆ แต่เมื่อคืนพี่คินก็ได้สายจากหมอชลที่พอกดรับก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนลั่นออกมาจากโทรศัพท์จนผมที่นอนอยู่ข้างๆ ยังได้ยิน พี่คินเลยจัดการเปิดลำโพงให้ผมฟังด้วย
หมอชลโทรมาอวดใหญ่ว่าพี่พฤกษ์ยอมตกลงคบกันเป็นแฟนแล้วแถมยังเล่าให้ฟังเสียละเอียดยิบว่าคุยอะไรกันบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้บอกพี่พฤกษ์หรอกครับว่าผมรู้หมดทุกอย่างเลยเป็นห่วงสวัสดิภาพของหมอชลว่าอาจจะต้องเข้าโรงพยาบาลก็ได้
แต่ไม่ว่าจะยังไงผมก็ดีใจครับที่ทั้งสองคนใจตรงกัน
ผมเดินมาที่ห้องทำงานของตัวเอง เอ่ยทักทายพี่จันทร์เลขาของผมก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน วันนี้ไม่มีประชุมแต่ก็มีแฟ้มแล้วก็เอกสารที่ผมต้องอ่านและเซ็นอนุมัติค่อนข้างเยอะเลยครับ ผมเป็นคนประเภทที่จะต้องอ่านเอกสารทั้งหมดให้ละเอียดก่อนที่จะเซ็นเพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง
และเพราะแบบนี้แหละครับผมจึงชอบลืมเวลาบ่อยๆ แต่ก็ได้พี่จันทร์คอยเตือนว่าถึงตอนกลางวันแล้ว ถึงเวลาประชุมแล้ว หรือไม่ก็ถึงเวลาไปรับน้องกันต์แล้ว
"คุณพัทธ์คะกลางวันนี้จะให้พีสั่งอะไรให้ดีคะ" ผมเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงพี่จันทร์ก่อนจะสั่งเมนูอาหารจานเดียวง่ายๆ ไปก่อนจะก้มลงอ่านเอกสารต่อ แต่ไม่นานก็ต้องวางมือเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
(กลางวันแล้วนะครับ อย่าทำงานเพลินรู้ไหมครับ) ทันทีที่ผมกดรับปลายสายก็ส่งเสียงทักมาทันที
ผมยิ้ม "ไม่ลืมหรอกครับ พัทธ์มีพี่จันทร์ช่วยเตือนอยู่แล้ว พี่คินกินอะไรหรือยังครับ"
(เรียบร้อยแล้วครับ พัทธ์ครับเดี๋ยวเย็นนี้เราออกไปทานข้าวข้างนอกกันนะ พี่ว่าจะไปดูของแต่งบ้านด้วย)
"ได้ครับพี่คิน อย่างนั้นพัทธ์รออยู่ที่บริษัทนะครับ ถ้าพี่คินออกมาเร็วได้ก็มาได้เลยนะครับวันนี้พัทธ์ไม่มีประชุมอะไรออกเร็วได้"
(ครับผม แล้วเจอกันตอนเย็นครับคิดถึงพัทธ์นะครับ รักครับ)
ผมตอบรับกลับไปก่อนจะกดวางสายพร้อมกับรอยยิ้มซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่พี่จันทร์เดินเข้ามาในห้องพอดี "ยิ้มใหญ่เชียวแสดงว่าคุณคินเพิ่งโทรมาสินะคะ"
"ครับ ตอนบ่ายผมไม่รับแขกนะครับพี่จันทร์จะรีบเคลียร์งานตอนเย็นจะไปดูของแต่งบ้านกับพี่คิน" ผมพูดยิ้มๆ ซึ่งพี่จันทร์ก็ยิ้มล้อมาทันที
"ค่ะ จะย้ายเข้าเรือนหอแล้วหรือคะ"
"ไม่ใช่เสียหน่อยครับ ไม่คุยแล้วผมกินข้าวดีกว่าจะได้ทำงาน" พี่จันทร์หัวเราะก่อนจะเดินออกจากห้องผมไป ส่วนผมพอนึกถึงคำพูดของพี่จันทร์แล้วก็อดเขินไม่ได้
ย้ายเข้าเรือนหออะไร... ก็แค่ย้ายไปอยู่บ้านพี่คินแค่นั้นเอง... ครับ หลังจากวันนั้นก็วันที่พี่คินชวนผมไปอยู่บ้านแล้วพอผมตอบตกลงไปพี่คินก็ไปคุยกับพ่อแล้วก็แม่ผมเรื่องจะย้ายบ้านกันซึ่งพวกท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วก็เห็นด้วย มีบ้านเดี่ยวก็ดีจะได้มีพื้นที่ให้น้องกันต์วิ่งเล่น ห้องของพี่คินที่คอนโดพี่คินบอกจะขายให้กับรุ่นน้องที่สนิทกันตอนนี้เขากำลังหาห้องอยู่เพราะตอนนี้พี่คินก็แทบจะย้ายมาอยู่ห้องผมอยู่แล้ว ส่วนห้องของผมพี่คินบอกว่าให้เก็บเอาไว้ก่อนไม่ต้องขายเผื่อมีเหตุฉุกเฉินไม่ได้กลับบ้านจะได้มีที่พัก หรือไม่ก็เก็บไว้เผื่อตอนน้องกันต์โตเข้ามหาวิทยาลัย
ซึ่งเมื่อเราคุยกันเรียบร้อยพี่คินก็จ้างคนมาจัดการทำความสะอาดบ้านทาสีใหม่แล้วก็จ้างมัณฑนากรมาออกแบบภายในให้โดยที่ผมกับพี่คินก็คอยช่วยดูแล้วก็เสนอความคิดเห็นในแบบที่อยากได้ไปด้วย ตอนนี้ก็ยังไม่เรียบร้อยหรอกครับคงอีกเป็นเดือนกว่าจะเสร็จเพราะตอนนี้กำลังทาสีใหม่อยู่เลยครับ
ผมรู้สึกเขินทุกทีเวลานึกถึงวันที่ผม พี่คินแล้วก็น้องกันต์จะย้ายไปอยู่ที่บ้านนั้นเหมือนเราเป็นคู่แต่งงานที่หาบ้านเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว... ในทุกๆ วันผมมีความสุขมากจริงๆ ที่มีพี่คินแล้วก็น้องกันต์แม้บางครั้งเราจะมีเถียงกันบ้างตามประสาคนสองคนที่มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแต่เราก็ไม่เคยทะเลาะกันเป็นเรื่องราวใหญ่โต คงเพราะ... เราไม่อยากทำให้ใครอีกคนต้องเจ็บปวดเพราะเรา
ผมนั่งเคลียร์เอกสารต่อไปเรื่อยๆ จนได้รับโทรศัพท์จากพี่คินอีกรอบตอนสี่โมงเย็น พี่คินกับน้องกันต์มาถึงแล้วกำลังนั่งรออยู่ด้านล่าง ผมเลยตอบรับไปและขอเวลาจัดการแฟ้มที่กำลังอ่านอยู่ให้เสร็จก่อนเพื่อที่พรุ่งนี้จะได้ไม่ลืม หลังจากที่เซ็นเอกสารเสร็จผมก็จัดการเก็บของแล้วลงไปด้านล่าง
น้องกันต์กำลังนั่งตักพี่คินอยู่ ดูท่ากำลังอ้อนอะไรสักอย่างเพราะเห็นพี่คินแกล้งทำหน้านิ่งๆ เขาชอบทำหน้านิ่งเพื่อให้น้องกันต์อ้อนครับ ไม่รู้เป็นอะไรเดี๋ยวนี้ชอบแกล้งลูก
"น้องกันต์ พี่คิน" ผมส่งเสียงเรียกคนทั้งสอง
น้องกันต์หันมามองก่อนจะร้องเรียกผมเสียงดังกระโดดลงจากตักพี่คินแล้ววิ่งมากอดขาผมเอาไว้พร้อมกับฟ้องยกใหญ่ "มัม พ่อคินแกล้งน้องกันต์ พ่อคินบอกจะไม่ซื้อตุ๊กตาให้น้องกันต์"
น้องกันต์ยังคงเป็นเด็กผู้ชายที่ชอบตุ๊กตาเหมือนเดิมโดยเฉพาะตุ๊กตาหมีริลัคคุมะ อย่างที่ผมเคยบอกเพราะตุ๊กตาหมีเป็นของขวัญชิ้นแรก ชิ้นเดียวและชิ้นสุดท้ายที่แม่แท้ๆ ของน้องซื้อให้ก่อนที่จะเสีย ผมเลยมักจะซื้อตุ๊กตาให้เหมือนเป็นตัวแทนของแม่และคงเป็นสายสัมพันธ์ความรักของแม่ลูกเพราะน้องกันต์เองก็ชอบตุ๊กตามากเช่นกัน
"ก็น้องกันต์ดื้อ วันนี้พูดจาไม่เพราะด้วย" พี่คินพูดพร้อมกับทำหน้าดุผมเลยเงยหน้าขึ้นมองพี่คินทันที หมายความว่าเมื่อกี้พี่คินไม่ได้แกล้งน้อง
"หมายความว่ายังไงครับพี่คิน น้องกันต์" ผมอุ้มลูกขึ้นก่อนจะเดินไปนั่งข้างพี่คินที่โซฟารับรองแขก
"วันนี้น้องกันต์พูดวะออกตั้งหลายครั้งแถมยังพูดไม่มีหางเสียงกับเป้แล้วก็ตั้มด้วย อาจจะได้ยินพวกเด็กประถมคุยกันไม่ก็ได้ยินจากสองคนนั้นพูดกันนั่นแหละ" พี่คินพูดให้ฟัง
ผมก้มลงมองหน้าน้องกันต์ "จริงหรือเปล่าครับ"
น้องพยักหน้ารับพร้อมกับทำหน้าหงอยๆ "จริงครับมัม..."
ผมรู้ครับว่าของแบบนี้มันคงมีกันบ้างเชื่อเถอะพอน้องโตกว่านี้คงพูดมากกว่านี้ซึ่งผมก็เคยคุยกับพี่คินแล้วเราสองคนไม่ว่าเพราะมันเรื่องปกติ พี่คินบอกว่าเขาเองยังพูดกับเพื่อนไม่เพราะเลยแต่เขายังไม่อยากให้น้องจำคำพวกนี้อีกอย่างตอนนี้ถ้าน้องจะหลุดจะพูดก็คงพูดกับคนอายุมากกว่าซึ่งพี่คินไม่ชอบที่เด็กจะพูดกับคนโตกว่าแบบไม่มีสัมมาคารวะหรือไม่มีหางเสียง
"แล้วขอโทษพี่เป้พี่ตั้มแล้วก็พ่อคินแล้วหรือยังครับ" ผมถามอีกรอบซึ่งน้องก็พยักหน้ารับ หน้าตาเหมือนจะร้องไห้อยู่แล้วคงกลัวโดนผมดุอีกคนแล้วไหนจะยังพี่คินที่นั่งทำหน้านิ่งๆ อีก น้องกันต์แทบไม่มองหน้าพี่คินเลย
ผมเงยหน้ามองพี่คินซึ่งเขาก็ถอนหายใจก่อนจะอุ้มน้องกันต์ไปกอดเอาไว้ "ที่พ่อคินดุแล้วก็เตือนเพราะสิ่งที่น้องกันต์ทำมันไม่ถูกนะครับ น้องกันต์เป็นเด็กจะไปพูดแบบนั้นกับคนที่อายุมากกว่าไม่ได้ มันไม่ดีรู้ไหมครับ คราวหลังไม่พูดแบบนี้แล้วนะ"
"อึก... ฮะ พ่อคิน ฮือ... น้องกันต์ขอโทษครับ" เจ้าตัวเล็กปล่อยโฮออกมาแล้วครับ พี่คินจับตัวน้องผละออกก่อนจะเช็ดหน้าเช็ดตาให้แล้วหอมแก้มน้องสองข้าง
"ไม่ร้องครับ ลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้นะครับ รู้ว่าผิดแล้วยอมรับผิดน้องกันต์เก่งมากนะครับเด็กดี เดี๋ยวพ่อคินซื้อคุณหมีให้ดีไหมครับ"
น้องกันต์พยักหน้าก่อนจะกอดคอพี่คินแน่น ผมหันไปยิ้มให้พี่คินก่อนที่เราจะลุกเดินไปที่รถซึ่งพี่คินก็ส่งกุญแจรถให้ผมเป็นคนขับแทนเพราะน้องกันต์ยังกอดพี่คินไม่ปล่อย
ผมขับรถไปยังที่สยามพารากอนในเวลาเย็นแบบนี้รถค่อนข้างติดแต่ไม่นานเท่าไหร่ก็ถึงผมกับพี่คินที่ยังอุ้มน้องกันต์อยู่เดินไปดูของแต่งบ้านกัน เวลาแบบนี้นักเรียนนักศึกษาเยอะมากจริงๆ ครับอีกทั้งผมยังรับรู้ถึงสายตาของสาวๆ ที่มองมาทางเราสามคนแบบเปิดเผยมาก พี่คินเองก็คงรู้สึกเหมือนกันแต่ทำเป็นไม่สนใจผมเลยปล่อยเลยตามเลยใครจะมองก็มองครับ
"พัทธ์อยากแต่งห้องนอนแบบไหนครับ" พี่คินหันมาถามผมที่กำลังยืนดูกรอบรูปสวยๆ อยู่
"แบบโมเดิร์นก็ได้ครับพี่คินไม่ต้องเอาหรูมากหรอกพัทธ์ไม่ชอบ" ผมตอบก่อนจะรับน้องกันต์มาอุ้มแทนแล้วปล่อยให้พี่คินเลือกของเอาตามใจชอบ
"มัมๆๆ น้องกันต์เดินเอง" น้องกันต์ร้องจะลงเดินผมก็เลยปล่อยน้องลงแต่ไม่ให้เข้าไปซนด้านในร้านเพราะกลัวจะไปทำของของเขาเสียหายผมเลยพาน้องกันต์มายืนรอพี่คินหน้าร้านแทนสักพักพี่คินก็เดินออกมาพร้อมกับบอกว่าเลือกของเรียบร้อยสั่งเอาไว้แล้ว
"น้องกันต์หิวยังครับ" พี่คินนั่งยองๆ ถามน้องกันต์
"หิวแล้วครับ พ่อคิน มัม... ไปหม่ำๆ กันน๊า" เจ้าตัวเล็กอ้อนทันที
"โอเคครับตัวเล็กไปหม่ำๆ กัน" พี่คินยีผมน้องกันต์ก่อนจะคว้ามือน้องมาจับไว้แล้วหันมาหาผม "พาน้องไปร้านเท็ดดี้ เฮ้าส์ คิทเช่นแล้วกัน เห็นเปรี้ยวกับฝนบอกมีขายตุ๊กตาด้วยแล้วก็มีอาหารกับขนมหวานทำเป็นรูปหมีด้วยน้องกันต์คงชอบ"
"ครับพี่คิน" ผมรับคำก่อนจะคว้ามืออีกข้างของน้องกันต์มาจับแล้วเราสามคนก็พากันเดินไปที่ร้านอาหาร ตอนแรกผมก็ไม่อะไรนะครับ
แต่ว่า... ในร้านนี่มีแต่นักเรียน นักศึกษาเต็มไปหมดเลยแถมผู้หญิงทั้งนั้นพอผม พี่คินแล้วก็น้องกันต์เข้าไปเลยเหมือนได้รับความสนใจเป็นพิเศษเพราะแทบทุกโต๊ะหันมามอง คนเยอะมากครับแต่โชคดียังมีที่โต๊ะว่างให้เราพอดี
พี่คินนั่งลงที่เก้าอี้ซึ่งข้างๆ ก็มีตุ๊กตาหมีตัวโตยืนอยู่ผมอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อผู้ชายหน้าตาหล่อเหลามานั่งอยู่ข้างตุ๊กตาหมีตัวโต
"หัวเราะอะไรครับพัทธ์" พี่คินทำหน้ายุ่งคงจะรู้สึกแปลกๆ ที่ต้องมานั่งในที่แบบนี้แต่ผมคิดว่าก็เหมาะกับพี่คินดีนะครับ แถมสาวๆ ยังมองกันเพียบอีกตั้งหาก แต่แปลกนะผมไม่รู้สึกหึงหรือไม่ชอบใจอะไร คงเพราะสิ่งที่ผมได้ยินก่อนที่จะเดินมานั่งละมั้งครับ...
‘ดูนั่นสิ... น่ารักอะผู้ชายสองคนนั้นต้องเป็นแฟนกันแน่เลย มีน้องด้วย โอ๊ย... น่ารักมากอะ’
‘เหมือนพ่อแม่ลูกเลย น่ารักอะพี่ผู้ชายคนนั้นก็หล่อเนอะ ดูอบอุ่นๆ อะ’แล้วยังมีอีกหลายความคิดเห็นเกี่ยวกับพวกเราสามคนเลยครับ สาวๆ ในร้านนี้... สงสัยจะเป็น ‘สาววาย’ กันละมั้งครับ
"พี่คินน่ารักดีครับ" ผมพูดชมออกไป
พี่คินหัวเราะอุ้มน้องกันต์ไปนั่งข้างๆ ก่อนจะยื่นมือมาวางบนหัวผมแล้วจับโยกไปมาก่อนจะพูดพร้อมรอยยิ้ม
"พัทธ์ก็น่ารักที่สุดเหมือนกันครับ"แล้วถ้าผมไม่ได้หูแว่วเหมือนผมจะได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆ ของสาวๆ โต๊ะข้างๆ ด้วย พี่คินก็คงได้ยินเพราะเจ้าตัวหันไปมองเหมือนจะตกใจจนสาวโต๊ะข้างๆ ต้องยิ้มให้เป็นเชิงขอโทษ "ขอโทษค่ะ... เออ... พวกพี่เป็นแฟนกันหรือเปล่าคะ"
พี่คินทำหน้าตางงๆ หันมามองผมแล้วหันไปมองน้องนักเรียนโต๊ะเดิมอีกรอบเหมือนจะถามว่าหมายถึงตัวพี่คินกับผมหรือเปล่า "ค่ะ พี่สองคนน่ะค่ะ"
"อ๋อ..." พี่คินรับคำก่อนจะหันมามองผมแล้วยิ้ม ยิ้มแบบที่ผมรู้สึกว่ากำลังจะถูกทำให้เขินแน่นอน แล้วเขาก็หันไปอุ้มน้องกันต์มานั่งตักเอื้อมมืออีกข้างมาวางบนหัวผมแล้วตอบน้องนักเรียนไป
"ไม่ได้เป็นแฟนกันครับ เราสามคนเป็นครอบครัวเดียวกันเนอะ น้องกันต์เนอะ""ใช่ฮะพ่อคิน"
ฉ่า!
ผมรู้สึกเลยว่าแก้มผมต้องแดงมากแน่ๆ ยกมือปัดมือพี่คินออกแล้วหันหน้าหนีแบบที่หูก็ได้ยินเสียงกรี๊ดของน้องๆ ในร้านกับเสียงพี่คินหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ
"ดูสิ... แม่น้องกันต์เขินใหญ่แล้ว"ก็ต้องเขินสิ... จะมีใครบ้างไม่เขินเล่นพูดออกมาแบบนี้ ไม่เขินก็บ้าแล้ว...************************************************
กรี๊ดไหม กรี๊ดไหมมมมมม ชลพฤกษ์คบกันแล้วค่า ฮาาาาา เป็นการขอคบกันที่โรแมนติกมว๊ากกกกกก กรุณาอย่าเอาไปเทียบกับตอนพี่คินขอมัมคบนะคะมันต่างกันเยอะมากเลยทีเดียว #อิโมติคอนหัวเราะแบบน้ำตาไหล ต้องขอกันคบแบบนี้ละค่ะสไตล์หมอชลเขาละ เขาหวานไม่เป็น พูดตรงๆ ตามใจนึก จะให้ไปเตรียมดอกไม้มามันก็ไม่ใช่สไตล์เขา ดีไม่ดีอาจจะโดนดอกไม้ฟาดหัวก็ได้ถ้าเอาไปคุกเข่าขอพฤกษ์คบ ตอนหน้าเป็นคู่หลักนะคะ กลัวทุกคนจะลืมน้องกันต์ พี่คินแล้วก็คุณมัมกันไปหมดซะก่อน อิอิ
เจอกันตอนหน้านะคะ คอมเมนต์ให้กำลังใจคนเขียนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
แวะไปคุยกันในเพจเฟสบุ๊คของฟางกันเยอะๆนะ ไปคุยกันได้นะคะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับคนที่เล่นทวิตเตอร์และอยากพูดคุยถึงนิยายเรื่องนี้ช่วยกันติดแฮชแท็ก #น้องกันต์จัดให้ ด้วยนะคะ มาเล่นกันเยอะๆ เลยนะ ฟางเข้าไปส่องตลอดนะคะ แล้วจะแวะเข้าไปด้วยคุยค่ะ หรือไม่ก็ทักทายกันได้ที่ @Fangiily_GC นะคะ