น้องกันต์จัดให้ครั้งที่ 9คิน"There was a lion woke up in one evening feeling hungry. He went to look for food in the jungle." ผมเปิดหนังสือนิทานเรื่อง สิงโตกับกระต่ายป่า มีเนื้อหาในเรื่องมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หลังจากที่อ่านภาษาอังกฤษจบพารากราฟหนึ่งผมก็อ่านภาษาไทยต่อ "เย็นวันหนึ่ง มีสิงโตตัวหนึ่งตื่นจากการหลับใหลด้วยความหิวโหย มันเดินเข้าไปในป่าเพื่ออาหาร"
"He was so hungry that he wanted to catch anything he found. ..."
กำลังสงสัยละสิว่าผมจะมานั่งอ่านนิทานทำไม นั่นก็เพราะว่าลูกชายของผมเขามาอ้อนขอให้ผมเล่านิทานก่อนนอนให้ฟังหน่อย คืนนี้ ตอนนี้ผมเลยขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงของน้องกันต์แล้วเล่านิทานให้ฟัง โดยคนที่อยากฟังก็นอนมองผมตาปรืออย่างคนง่วงเต็มที่ ถัดไปข้างๆ ก็เป็นคุณมัมที่นอนลูบผมน้องกันต์อย่างจะกล่อมให้หลับพร้อมกับฟังผมไปด้วย
หลายวันมานี้ในหัวของผมเอาแต่คิดถึงคำถามของไอ้หมอชลไม่หยุด
ผมชอบพัทธ์ใช่ไหม? มันเป็นคำถามที่ว่าจะมีคำตอบแล้วก็ไม่ใช่ ยังไม่มีคำตอบมันก็ไม่ใช่ ทุกๆ อย่างมันยังคงก่ำกึ่งระหว่างกัน ผมชอบพัทธ์... แต่ในรูปแบบไหนกันแน่? ชอบแบบเพื่อน พี่น้อง หรือชอบอย่างที่... อยากจะเป็นแฟน
ถ้าถามว่าผมอะไรไหมกับเรื่องรักร่วมเพศ ผมบอกเลยว่าไม่ ตัวผมเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้หรอก ผมสนใจแค่ว่าคนที่ผมรักคือใครแค่นั้น
ผมไล่ความคิดออกจากหัวแล้วหันมาตั้งใจอ่านนิทานก่อนนอนให้น้องกันต์ฟังต่อ "สิงโตรู้สึกเสียใจมาก เพราะความตะกละของตัวมันเองแท้ๆ ถึงตอนนี้มันไม่เหลืออะไรให้กินเป็นอาหารอีก แม้กระทั่งกระต่ายป่าตัวน้อยก็ตาม"
ผมหันกลับไปมองหลังจากที่เล่านิทานจบ ดูท่านิทานของผมจะไม่ได้กล่อมแค่เจ้าตัวเล็กที่นอนกอดแขนผมไว้ข้างหนึ่งเสียแล้ว เพราะมันกล่อมคุณมัมให้หลับไปด้วย ผมมองใบหน้ายามหลับของพัทธ์อยู่อย่างนั้น
'มึงชอบน้องพัทธ์ใช่ไหม?'คำถามของไอ้หมอชลลอยมาเข้าหัวผมอีกแล้ว ความรู้สึกนี่มันคืออะไรนะ... ผมชอบพัทธ์จริงๆ ใช่ไหม? มันเร็วเกินไปรึเปล่ากับการที่ผมจะเริ่มชอบใครสักคน
มือของผมข้างที่ไม่โดนน้องกันต์กอดเอื้อมออกไปอย่างไม่รู้ตัว จับปอยผมที่หล่นมาปิดหน้าขาวๆ นั้นออกอย่างเบามือ ปลายนิ้วที่เผลอสัมผัสโดนแก้มนิ่มนั้นทำเอาหัวใจของผมกระตุก เหมือนโดนไฟช็อต แต่ผมไม่คิดอยากจะดึงกลับเหมือนเวลาโดนไฟดูดจริงๆ ค่อยๆ วางมือลงบนแก้มนิ่มแล้วใช้ปลายนิ้วไล้เบาๆ
ผมชิน... ชินที่จะต้องเห็นหน้าคนๆ นี้ ชินที่จะต้องคุยกับคนๆ นี้ ชินที่มีน้องกันต์ แล้วถ้าผมไม่มีสองคนนี้ล่ะ... ผมคงเหงา ผมคงหว้าเหว่ และความคิดนี้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บในหัวใจ หรือถ้าหากว่าคนที่นอนอยู่ตรงนี้ แทนที่ผมด้วยคนอื่น เป็นใครก็ไม่รู้ที่มีโอกาสได้เห็นตอนพัทธ์หลับแบบนี้ ผมรู้สึกว่า... ผมยอมไม่ได้ ผม... ไม่อยากให้ใครมาแทนที่ และผม... ไม่อยากหายไปไหน และนั่นคงบอกความรู้สึกของผมได้แล้วใช่ไหม
'มึงชอบน้องพัทธ์ใช่ไหม?'ใช่... ผมชอบเขา ผมชอบพัทธ์ ชอบไปอย่างไม่รู้ตัวเลยไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ผมอยู่อย่างนั้น กึ่งนั่งกึ่งนอนมองพัทธ์อย่างไม่ละสายตา คิดแต่เรื่องของคนๆ นี้ เขาจะชอบผมไหม จะหนี หรือถอยห่างผมรึเปล่าถ้าหากรู้ว่าผมเผลอคิดไม่ซื่อกับเขา เขาจะกลับไปปิดกลั้นตัวเองเหมือนในช่วงแรกที่ได้รู้จักอีกไหม เขาจะหายไปจากชีวิตผมไหม?... แต่ของแบบนี้มันคงต้องลองลุยกันสักครั้ง...
คนที่ผมมองอยู่ค่อยๆ ขยับตัวตื่น คุณมัมเงยหน้ามองผมก่อนจะยิ้มให้ "ผมเผลอหลับไปสินะครับ"
"พี่คงเล่านิทานดีมาก กล่อมพัทธ์หลับได้"
พัทธ์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยท่าทางเพลียๆ และง่วงนอน ช่วงนี้เห็นว่างานเยอะ ได้พักผ่อนมากน้อยแค่ไหนกันนะ "พัทธ์นอนต่อเถอะ เดี๋ยวพี่จะกลับไปที่ห้องแล้วล่ะ"
ผมบอกแบบนั้นแม้จริงๆ แล้วเริ่มไม่อยากที่จะกลับลงไป แต่ผมก็ต้องกลับ ผมค่อยๆ ดึงแขนตัวเองออกจากน้องกันต์ จับเจ้าตัวเล็กให้นอนดีๆ ก่อนจะก้มลงหอมแก้มนิ่มๆ ขาวๆ นั้น
"เดี๋ยวผมไปส่ง..." พัทธ์ขยับลุกจากเตียงเดินตามผมออกมาจากห้องนอนของน้องกันต์
"ส่งพี่แค่นี้แหละ ไปนอนต่อเถอะดูท่าจะไม่ไหวแล้วนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก"
"ครับ ขอบคุณพี่คินนะครับที่มาเล่านิทานให้น้องกันต์ฟัง รบกวนพี่อีกแล้ว"
"ไม่รบกวนอะไร น้องกันต์ก็กลายเป็นลูกชายพี่ไปแล้วนะ เรื่องแค่นี้เอง" ผมตอบพร้อมกับจ้องที่ดวงตาของพัทธ์ ยกมือขึ้นสัมผัสดวงตาที่ดูจะบวมนิดๆ แล้วไล้เบาๆ อย่างไม่รู้ตัว "ตาบวมนิดๆ แล้วนะพัทธ์นอนดึกหรอ"
"ค... ครับพี่คิน"
ผมเปลี่ยนจากตาเรียวสวยนั้นมาที่ข้อมือแล้วเดินย้อนกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง พาคนที่ตัวเล็กกว่าผมเดินเข้าไปในห้องนอน "นอนลงเลยพัทธ์"
"ค ครับ?" พัทธ์ทำตาโต
"ไปนอนบนเตียงดีๆ เลยครับ" ผมบอกก่อนจะเดินออกจากห้องนอนตรงเข้าไปในครัวเพื่อหาตัวช่วยที่จะทำให้ตาของพัทธ์หายบวม มันก็มีหลายวิธีนะครับ จะใช้ฝรั่ง แตงกวา มะเขือเทศหั่นบางๆ แล้ววางไว้บนดวงตาก็ได้ นมสด น้ำแข็งหรือน้ำชาก็ได้ครับ ผมหยิบมะเขือเทศสีแดงสดออกมาล้างให้สะอาดแล้วจัดการหั่นเป็นชิ้นบางๆ สองชิ้นเอาใส่จานแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง
"ไม่นอนอีก นอนเร็วๆ พัทธ์ เดี๋ยวเอามะเขือเทศวางบนตาจะได้หายบวม" ผมบอกกับเจ้าของห้องที่ยังยืนอยู่กลางห้องไม่ยอมนอน
"ด เดี๋ยวผม เดี๋ยวผมทำเองก็ได้ครับ"
อย่างนี้เขาเรียกว่า 'ดื้อ' รึเปล่า"พัทธ์" ผมเรียกเขาอย่างดุๆ เวลาผมทำเสียงดุมีแต่คนบอกว่าน่ากลัว เพื่อนๆ ในกลุ่มผมยังกลัวเลยครับ พัทธ์ก็คงเป็นอีกคนเหมือนกันเพราะเจ้าตัวรับคำอย่างว่าง่ายเดินไปนอนบนเตียง
ผมนั่งลงข้างเขาบนเตียง จัดการห่มผ้าให้เรียบร้อยด้วยก่อนจะเอามะเขือเทศวางบนเปลือกตาของเขาแล้วก็นั่งมองอยู่แบบนั้น วางไว้สัก 10 นาทีก็พอครับ
อือ... ตอนนี้ผมว่าผมรู้แล้วว่าทำไมเขาถึง
'ดื้อ' กับผม เพราะแก้มของเขาเปลี่ยนสีจนแทบจะแดงเท่ากับมะเขือเทศที่วางอยู่บนตาเขาแล้วยังไงละครับ แบบนี้เขาเรียกว่า
'เขิน' ใช่ไหม?
ผมอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ไม่ได้อยากจะนึกเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่ แต่การที่ผมเห็นเขาเขินแบบนี้มันก็เป็นเรื่องดีใช่ไหมครับ ผมนั่งมองเขาอยู่แบบนั้นจนกระทั่งครบเวลา ผมบอกให้พัทธ์นอนอยู่เฉยๆ ส่วนตัวเองก็ลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำหยิบเอาผ้าขนหนูชุบน้ำพอหมาดก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียงอีกรอบ
หยิบเอามะเขือเทศที่วางอยู่บนเปลือกตานั้นออก ดวงตาที่บวมก่อนหน้านี้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เอาผ้าในมือค่อยๆ เช็ดหน้าเช็ดตาให้คนที่นอนอยู่โดยที่มือข้างหนึ่งก็ประคองหน้าที่ตอนนี้หาสีเดิมแทบไม่เจอเพราะมันกลายเป็นสีแดง
"เรียบร้อยแล้วครับ" ผมพูดทั้งๆ ที่ใบหน้าของผมอยู่ห่างจากใบหน้าแดงๆ นั้นไม่เท่าไหร่ ผมโน้มหน้าลงมาตอนไหนกันนะ
ดวงตาเรียวสวยนั้นลืมขึ้นสบตากับผม ก่อนจะเสมองไปที่อื่นที่ไม่ใช่หน้าของผม ริมฝีปากสีอมส้มนั้นเม้มเข้าหากัน ผมเลื่อนมือไปคลึงริมฝีปากนั้นเบาๆ "เดี๋ยวปากเป็นแผลนะ"
ปากนิ่มจัง...ไม่รู้ว่าทำไม เพราะอะไรระยะห่างระหว่างใบหน้าของผมกับคุณมัมถึงลดลง เขายังคงมองผมนิ่งอย่างคนทำอะไรไม่ถูก แต่ก่อนที่ริมฝีปากของเราจะสัมผัสกัน ผมก็หลับตาลงเม้มปากตัวเองอย่างเรียกสติ เลื่อนไปจูบเบาๆ ที่เปลือกตาแทน
"ไว้วันไหนตาบวมอีกพี่จะมาประคบตาให้ใหม่นะ ฝันดีนะครับ"
ผมได้แต่นอนเอามือกุมหน้าอกตัวเอง ถ้าหากว่าผมไม่รู้สาเหตุของการที่ทำให้หัวใจเต้นแรงแบบนี้ ผมคงคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นโรคหัวใจ แล้วคืนนี้ผมจะนอนหลับไหมนะ เพราะเพียงแค่หลับตาริมฝีปากสีอมส้มก็ลอยเข้ามาในความคิด สัมผัสนุ่มๆ ของริมฝีปากนั้น แก้มนิ่มๆ นั้นยังคงติดที่ปลายนิ้ว เหมือนกับวิปครีมอันนุ่มละมุนลิ้น แม้จะยังไม่ได้ลิ้มรสแต่ผมคิดว่ามันต้องหวานมากแน่ๆ มันคงจะเป็นขนมหวานที่หวานที่สุด...
ถ้าหากว่าผมหยุดตัวเองไม่ทัน ถ้าหากว่าผมกดจูบลงไป อะไรจะเกิดขึ้น แต่มันยังเร็วไป... เร็วไปทั้งความรู้สึก ความสัมผัส และการกระทำ ผมควรที่จะต้องระวังตัวมากกว่านี้ ระวังความคิดของตัวเองให้มากกว่านี้ และค่อยๆ ทำให้ทุกดำเนินไปตามเรื่องราวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
.
.
.
.
"พ่อคินนน~~" เสียงร้องลั่นของน้องกันต์ดังขึ้นเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาในประตูโรงเรียนก่อนร่างเล็กๆ นั้นจะโถมตัวเข้ามาหาผมเต็มแรง
"วันนี้เป็นเด็กดีรึเปล่าครับน้องกันต์" ผมก้มลงอุ้มน้องกันต์ขึ้นมา หอมแก้มนิ่มๆ ขาวๆ นั้นไปหลายฟอด อยากจะจับฟัดขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่รู้ว่าโตขึ้นจะกลายเป็นหนุ่มน่ารักหรือหนุ่มหล่อกันแน่
"เป็นเด็กดี น้องกันต์เด็กดี" พยักหน้ายืนยันคำพูดตัวเองเสียงหนักแน่น ผมได้แต่ยิ้มขำก่อนจะพาตัวเล็กเดินกลับไปที่ร้านของผม
"น้องกันต์มาแย้ว~" เจ้าตัวเล็กพูดเสียงลั่นร้านเมื่อผมผลักประตูเปิดเข้าไป บรรดาพนักงานในร้านต่างก็ส่งเสียงทักน้องกันต์กันใหญ่ กลายเป็นขวัญใจของร้านไปแล้วเด็กคนนี้ โดยเฉพาะเจ้าเป้นี่น้องกันต์จะติดมากเป็นพิเศษ ลูกผมจะเสียคนเพราะเจ้านี่ไหมนะ
ผมวางน้องลงกับพื้น เจ้าตัวก็รีบวิ่งดุ๊กๆ ไปหาเจ้าเป้ที่ยืนชงเครื่องดื่มอยู่หลังเคาน์เตอร์ทันที ผมกล้าที่จะปล่อยน้องกันต์ไว้ที่ส่วนของร้านแทนที่จะพาเข้าไปในห้องทำงานของผม เพราะน้องเองก็ไม่ได้ซนมากจนน่าห่วง อีกทั้งยังมีพี่เลี้ยงอีกหลายคนช่วยดูแล บางทีเจ้าตัวเล็กก็ไปนั่งเล่นอยู่กับลูกค้าเสียอย่างนั้น โดยเฉพาะลูกค้าสาวๆ
พอช่วงห้าโมงเย็นผมก็พาน้องกันต์เข้าไปในห้องทำงานเพราะว่าเวลานี้ไปคนจะค่อนข้างเยอะ เปิดการ์ตูนให้ดู บางทีก็สอนหนังสือน้องกันต์ จนกระทั่งหนึ่งทุ่มก็เก็บของเตรียมพาน้องกันต์กลับบ้าน ช่วงนี้คุณมัมงานเยอะผมเลยเป็นคนพาน้องกลับเองเขาจะได้ไม่ต้องขับรถวนไปวนมาให้เหนื่อย
"น้องกันต์เตรียมตัวกลับบ้านกันครับ" ผมร้องบอกน้องกันต์ที่นั่งดูโคนันอยู่ ก่อนจะเดินเข้าไปดูความเรียบร้อยในครัวอีกรอบ ตอนนี้ผมให้เปรี้ยวกับฝนช่วยปิดร้านให้
"จะกลับแล้วหรอคะพี่คิน" ฝนที่กำลังเก็บล้างอยู่ในครัวหันมาถาม
"ใช่ มืดแล้วต้องพาลูกเขาไปส่งคืนแม่เขาก่อน"
"ลูกพี่คินเหมือนกันไม่ใช่หรอคะ คิกคิก แล้วเมื่อไหร่แม่เขาจะมาเป็น...แฟนพี่ล่ะ" แล้วเจ้าเปรี้ยวกับฝนก็หัวเราะคิกคัก
"นี่ก็พูดไปเรื่อย..."
"ซึน ทำซึนทำอึนตลอดนะคะ"
ยักไหวไหล่เล็กน้อยก่อนจะเดินกลับไปหาน้องกันต์ที่ตอนนี้เก็บของสะพายกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ไม่ลืมจะหยิบกล่องมาการองชาเขียวที่พึ่งมีโอกาสได้ลองทำมาด้วย
ทั้งๆ ที่เวลานี้ก็เริ่มมืดแล้วแต่รถบนท้องถนนก็ยังคงเยอะ ยังดีที่รถไม่ติดจนไม่ขยับ ใช้เวลาประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมงก็ถึงคอนโด ผมเดินจูงมือน้องกันต์อีกข้างก็กดรับโทรศัพท์จากไอ้หมอชล
"ว่าไงวะ"
(อยู่ห้องปะ คืนนี้ไปนอนด้วยดิ)
"ทะเลาะกับออมอีกแล้วรึไง"
(ห่า... กูยังไม่ได้ดีกันเลย เดี๋ยวกูออกเวรแล้วจะเข้าไป แค่นี้นะ) มันพูดแค่นั้นแล้วก็วางสายไปเลย ผมได้แต่มองหน้าจอโทรศัพท์ที่มืดลงอย่างงุนงง เอาเถอะ แค่มันมานอนด้วยก็ไม่เห็นเป็นไร เรื่องปกติจะตายไป
ผมพาน้องกันต์ไปนั่งเล่นอยู่ที่ห้องของตัวเองเพราะว่าคุณมัมยังไม่กลับ เห็นว่ามีไปคุยกับลูกค้าคงอีกสักพักกว่าจะถึงผมเลยว่าจะทำมื้อเย็นให้น้องกันต์รวมถึงแบ่งเก็บไว้ให้คุณมัมด้วย
"น้องกันต์วันนี้อยากหม่ำอะไรครับ" ผมถามน้องกันต์ที่นั่งดูดน้ำผลไม้อยู่บนโต๊ะอาหาร ส่วนตัวผมก็อยู่หน้าเตา
"ปลา น้องกันต์อยากหม่ำปลา"
"โอเคครับ เดี๋ยวพ่อคินทำให้หม่ำนะ" ผมบอกก่อนจะหันไปหยิบปลาทูที่ซื้อไว้เมื่อวานออกมา ผมว่าจะทำปลาทูทอดราดน้ำปลา แล้วก็ทำผัดผักอีกอย่าง น้องกันต์จะได้กินได้ แล้วอือ... ทำแกงส้มหรือต้มยำไว้ให้คุณมัมด้วยดีไหมนะ
ใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงในการทำกับข้าวทั้งสามอย่างเพราะต้องคอยหันมองน้องกันต์ที่เดี๋ยวนี้เริ่มซนขึ้นเรื่อยๆ ตามนิสัยของเด็ก กลัวจะล้ม กลัวจะตกหรือจะเป็นอะไรไป
"นี่แหน่ะ! เจ้าเด็กซน" ผมเดินเข้าไปคว้าเจ้าตัวเล็กที่นอนคว่ำไปบนโต๊ะหัวตกลงมา อุ้มจนลอยแล้วฟัดพุงนิ่มๆ นั้นทันที
"คิก พ่อคิน น้องกันต์จักจี๊" ร้องไปก็ดิ้นไป
"เด็กซนต้องโดนลงโทษ" ผมเอามือตีก้นน้องกันต์แต่ไม่ได้ตีแรงจนเจ็บแค่ห่อมือแล้วตีทำให้เกิดเสียงดังเฉยๆ
"น้องกันต์ไม่ดื้อนะ"
"ห้ามเถียงพ่อคินนะครับ" ผมบีบจมูกเล็กๆ นั้นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังที่ติดจะดุนิดๆ "ห้ามทำแบบเมื่อกี้อีกนะครับน้องกันต์ มันอันตรายมากเลยรู้ไหม ถ้าตกลงไปน้องกันต์จะเจ็บมากเลยนะ"
"งื่อออ... ครับพ่อคิน น้องกันต์ไม่อยากเจ็บ น้องกันต์จะไม่ทำอีกแล้ว" น้องกันต์ทำหน้าหงอยกอดคอผมแน่น
"ดีมากครับเด็กดี" หอมแก้มนิ่มไปอีกสักรอบ "ไปอาบน้ำกันดีกว่า เดี๋ยวมัมมาจะได้มาหม่ำๆ กันครับ"
ผมพาน้องกันต์ไปอาบน้ำ ตอนนี้มีเสื้อผ้าของน้องอยู่ในตู้เสื้อผ้าของผมหลายชุดแล้วละครับ ทั้งชุดนอน ชุดใส่เล่น เพราะบางวันที่คุณมัมกลับมาช้าผมก็จะให้น้องกันต์อาบน้ำก่อนเผื่อหลับไปจะได้สบายตัวเลยมีชุดของน้องเตรียมเอาไว้
หลังจากอาบน้ำที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเล่นน้ำเสร็จผมก็อุ้มน้องกันต์เดินออกจากห้องน้ำแบบตัวเปล่าเพราะดันลืมหยิบผ้าขนหนูเข้ามาในห้อง
"น้องกันต์ พี่คิน เฮ้ย!"
"เฮ้ย!!"เสียงของคุณมัมที่ดึงขึ้นก่อนที่ประตูห้องนอนผมจะถูกเปิดออก ผมให้ทั้งคีย์การ์ดและกุญแจสำรองห้องผมไว้กับพัทธ์ เหมือนที่เขาให้คีย์การ์ดและกุญแจสำรองห้องของเขากับผมเหมือนกัน เจ้าตัวเดินเข้ามาในห้องก่อนจะร้องเสียงลั่นอย่างที่ไม่ค่อยจะหลุดปากออกจากคนคนนี้เท่าไหร่
ผมเองก็ร้องครับ จะไม่ให้ร้องได้ไงก็ตอนนี้ผมนี่เปลือยอยู่เลย
พัทธ์หน้าแดงก่ำหันหลังให้ผมแทบไม่ทัน ผมเห็นว่าเขายกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองอย่างอายๆ ด้วย ผมยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำ ผ้าขนหนูอยู่บนเตียงซึ่งคุณมัมก็ยืนอยู่ตรงนั้น
"เอ่อ... พ พัทธ์เอาผ้าบนเตียงให้พี่หน่อยสิ"
"ครับ?!" เจ้าตัวร้องเสียงหลง เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้เขินอายอะไรหรอกครับ แต่ถ้าเดินไปตรงนั้นคงทำเอาคนที่ยืนหน้าแดงอยู่เขินกว่าผม ถึงผมจะชอบใจที่เห็นเขาเขินก็เถอะนะ แต่ก็ไม่อยากจะทำให้ตกใจไปมากกว่านี้
"หรือพัทธ์จะให้พี่เดินไป?"
"ด... เดี๋ยวพัทธ์ออกไปก่อนก็ได้ครับ" เจ้าตัวพูดรัวทันที
"เอาผ้าให้พี่กับน้องกันต์ก่อนสิครับ นะ..." ผมนี่จับน้องกันต์ไว้แน่นเลยครับ ไม่ยอมให้วิ่งไปหาคุณมัม
ตลอดระยะทางตั้งแต่จากเตียงมาถึงหน้าห้องน้ำที่ผมอยู่คุณมัมหันหน้าไปทางอื่นตลอดเวลา นี่ถ้าเดินถอยหลังได้คงจะเดินถอยหลังมาหาผมแน่เลย
"น... นี่ครับ" มือยื่นผ้าขนหนูมาให้ทั้งๆ ที่หน้ายังหันไปทางอื่นแก้มก็ยังคงแดงก่ำอย่างน่ามอง
ผมเอื้อมมือไปคว้าทั้งผ้าทั้งข้อมือแล้วกระตุกข้อมือเบาๆ จนอีกคนไม่ทันตั้งตัว พัทธ์ตกใจหันขวับมามองผมทันที
"พี่คิน!"หน้าของคนเรานี่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะแดงได้ขนาดนี้นะ ผมหัวเราะในลำคออย่างกลั้นขำไม่อยู่ คนหน้าแดงเลยได้แต่มองค้อนผมแล้วรีบผลุนผันออกจากห้องไปเลย
"มัมหน้าแดงจัง มัมไม่สบายหรอฮะพ่อคิน" น้องกันต์เอียงคอมองผมแล้วถาม
"ครับ มัมเขาไม่สบายนิดหน่อย หึหึหึ"
ให้ตายสิ... นิสัยเสียๆ ของผมชักจะกลับมาอีกแล้วแหะ ไอ้นิสัยชอบแกล้ง ชอบแหย่คนที่ชอบเนี่ยแก้ไม่หายจริงๆ เลยนะ
(มีต่อด้านล่างนะคะ ปล.คุณมัมเห็นคินน้อยเต็มๆ ตาเลยอะ )