น้องกันต์จัดให้ครั้งที่ 14.2พัทธ์ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงดีระหว่างดีใจที่พ่อกับแม่มา แม้ว่าจะมาแบบไม่ให้ตั้งตัวก็เถอะ กับ... ขบขันพี่คินที่ทำสีหน้าแปลกๆ พลางยิ้มแหยๆ มาให้ผมเมื่อรู้ว่าคนที่ไปเปิดประตูให้คือพ่อกับแม่ของผม ทำหน้าตาอย่างกับว่าตัวเองแอบโดดเข้าห้องลูกสาวใครเขาเข้าอย่างนั้นแหละ ถึงแม้จะคล้ายๆ กันแต่ยังไงผมก็ผู้ชายใช่ไหม ไม่เห็นแปลกเลยที่จะมีเพื่อนผู้ชายมาที่ห้อง
"คุณตา คุณยายไปหม่ำๆ ข้าวผัดคุณหมีกันไหม พ่อคินทำให้อร่อยมากเลย" น้องกันต์ร้องขึ้นทำลายความเงียบ เหมือนจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นแต่นั่นยิ่งทำให้พี่คินมีสีหน้าเหมือนคนกำลังจะโดนทำร้ายมากขึ้นไปอีกเมื่อพ่อของผมหันขวับไปมอง
ผมหลุดหัวเราะเบาๆ ก่อนอื่นคงต้องอธิบายเรื่องที่ทำไมน้องกันต์เรียกพี่คินว่าพ่อก่อนละนะ
"น้องกันต์ครับ น้องกันต์หม่ำๆ ก่อนนะ เดี๋ยวมัม พ่อคินขอคุยกับคุณตาคุณยายก่อน" ผมเดินไปยกจานข้าวผัดคุณหมีมาให้น้องกันต์ ซึ่งเจ้าตัวก็รีบวิ่งมารับแล้วไปนั่งกินหน้าโทรทัศน์ที่เปิดช่องการ์ตูนทันที
"ผมขอแนะนำให้รู้จักกันก่อนนะครับ พี่คิน นี่พ่อกับแม่ผมเองครับ" ผมแนะนำพี่คินให้รู้จักพ่อกับแม่ซึ่งพี่คินก็รีบยกมือไหว้ทันที "พ่อแม่ครับ นี่พี่คินครับ เป็นพ่อบุญธรรมของน้องกันต์" เหตุผลนี้เข้าสุดแล้วละมั้ง
"พ่อบุญธรรมอย่างนั้นหรอ" พ่อกับแม่พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
ผมพยักหน้ายืนยันอีกรอบ "คือจริงๆ แล้วพี่คินเขาคอยช่วยดูแลน้องกันต์นะครับ พี่คินเปิดร้านขนมอยู่ใกล้ๆ กับโรงเรียนน้องแล้วก็คอยช่วยไปรับน้องมาอยู่ที่ร้าน"
"แล้วทำไมถึงน้องกันต์ถึงเรียกว่าพ่อ"
ดูเหมือนผมจะเล่ายืดเยื้อเกินไปไม่ทันใจพ่อผม พ่อก็เลยถามขึ้นมาทันที "น้องกันต์โดนรุ่นพี้ที่โรงเรียนล้อเรื่องไม่มีพ่อน่ะครับ วันนั้นลูกร้องไห้หนักมากอย่างที่ไม่เคยร้องมาก่อน ผมสงสารลูกมาก ผมคิดมาตลอดว่าผมสามารถเป็นพ่อเป็นแม่ให้น้องได้ แต่มันไม่ใช่เลยครับ..." พอนึกถึงเรื่องวันนั้นทีไรผมก็รู้สึกเจ็บในหัวใจทุกที
แต่แล้วทุกอย่างก็ดีขึ้นเมื่อมีมืออุ่นๆ ของพี่คินเลื่อนมาจับแขนผมไว้ ผมเงยหน้าขึ้นมองพ่อกับแม่แล้วเล่าต่อ "วันนั้นพี่คินก็เลยบอกว่าจะเป็นพ่อให้น้องกันต์ แล้วหลังจากนั้นน้องกันต์ก็เรียกพี่คินว่าพ่อมาตลอดครับ"
พ่อกับแม่ยังคงเงียบอยู่เมื่อผมพูดจบ จนกระทั่งเป็นน้องกันต์ที่ทำลายความเงียบนั้น น้องเดินถือจานข้าวที่กินหมดแล้วมาหาพี่คิน "มัม~ พ่อคิน~ น้องกันต์หม่ำหมดแล้ว"
"เก่งมากครับ ไปหม่ำๆ คุณส้มก่อนนะ" พี่คินหยิบจานข้าวในมือน้องไปถือหันมาก้มหัวเป็นเชิงขอตัวกับพ่อแม่ก่อนจะอุ้มน้องกันต์เดินเข้าไปในครัว
"พัทธ์... เดี๋ยวลูกไปส่งน้องกันต์ก่อน" พ่อพูดกับผมก่อนจะหันไปหาพี่คินที่อุ้มน้องกันต์ออกมา "ส่วนเธอ... ขอคุยด้วยหน่อย"
"ค ครับ ได้ครับ" พี่คินชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ
"พ่อครับ...""ไปส่งลูกไปเรียนได้แล้วพัทธ์ เดี๋ยวก็สายกันทั้งแม่ทั้งลูกหรอก" พ่อย้ำอีกครั้งผมเลยได้แต่พยักหน้ารับ เดินไปอุ้มน้องกันต์
"น้องกันต์สวัสดีคุณตา คุณยายแล้วก็พ่อคินก่อนสิครับ"
"คุณตาคุณยายสวัสดีครับ เดี๋ยวตอนเย็นน้องกันต์กลับมาหานะ" น้องกันต์ยกมือไหว้คุณตาคุณยายก่อนจะหันไปโผกอดรอบคอพี่คินอีกรอบ "บ๊ายบายฮะพ่อคิน น้องกันต์รอที่โรงเรียนนะ"
"ครับผม แล้วเจอกันครับ"
ผมหันมองพี่คินอีกรอบอย่างไม่แน่ใจว่าควรจะปล่อยให้พี่คินอยู่กับพ่อแม่แบบนี้ดีไหม พี่คินพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้ ผมจึงรู้สึกโล่งใจขึ้น คงไม่มีอะไรหรอก พ่อกับแม่ผมก็ไม่ใช่คนใจร้ายหรือไม่ฟังเหตุผลอะไรใครเสียหน่อย
ผมขับรถพาน้องกันต์ไปส่งที่โรงเรียน และบอกให้น้องรอพี่คินอยู่ที่โรงเรียนอย่าไปไหนเหมือนปกติที่เคยบอกก่อนจะขับรถไปที่บริษัทเหมือนเช่นเคย ผมรู้สึกกังวลยังไงบอกไม่ถูกแหะ...
"พัทธ์!"
ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง "ค คุณพฤกษ์"
"เหม่ออะไร ลิฟต์มาแล้วนะ" คุณพฤกษ์ยิ้มให้ก่อนจะกดให้ลิฟต์เปิดอีกครั้ง ผมได้แต่ยิ้มแหยแล้วเดินเข้าไปในลิฟต์
"มีอะไรรึเปล่า พี่ไม่ค่อยเห็นพัทธ์เหม่อแบบนี้เท่าไหร่เลยนะ"
"ก็... นิดหน่อยครับ ผมคงกังวลมากเกินไป" ผมหันไปยิ้มตอบ
"เรื่องงานหรอ มีปัญหาอะไรตรงไหนรึเปล่าครับ"
ผมส่ายหน้า "เปล่าครับ พอดีพี่คินอยู่กับพ่อแม่ผมน่ะผมก็เลยกังวลนิดหน่อย เอ่อ..." ผมชะงักไปทันทีเมื่อนึกได้ว่าพูดอะไรออกไป
คุณพฤกษ์เองก็นิ่งไปก่อนจะยิ้มให้ผม และนั่นทำให้ผมได้สังเกตเห็น แววตาของคุณพฤกษ์ดูเปลี่ยนไป หากเป็นก่อนหน้านี้มันคงฉายแววเจ็บปวดและตัดพ้อผม แต่วันนี้แม้ดวงตาคู่นั้นจะสั่นไหวไปกับคำพูดของผมแต่มันก็ไม่ค่อยมีความเจ็บปวดอยู่ในนั้น
"ช่วงนี้... คุณพฤกษ์มีเรื่องอะไรดีๆ รึเปล่าครับ" ผมเอียงคอถาม
เขาถอนหายใจ "เรื่องร้ายๆ ละสิไม่ว่า โดนตามกวนประสาททั้งวัน..."
"ครับ?! ใครทำอะไรหรอครับ" ผมถามทันที
"ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันนะพัทธ์ถึงชั้นพี่ละ" คุณพฤกษ์พูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกจากลิฟต์ไป
ผมเดินออกจากลิฟต์เมื่อมาถึงชั้นที่เป็นห้องทำงานของผมเอง ทักทายพี่จันทร์ที่เป็นเลขาแล้วเดินเข้าไปในห้อง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เห็นพี่จันทร์ดันประตูให้เปิดออกและยืนหลบอยู่ข้างประตูก่อนทึ่พ่อกับแม่ของผมจะเดินเข้ามา "พ่อ แม่ มีอะไรหรอครับมาถึงบริษัทเลย"
ผมเดินไปหาทั้งสองคนแล้วเดินนำไปนั่งที่โซฟารับแขกในห้อง แม้ว่าพ่อของผมจะยังคงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการอยู่แต่ท่านก็ทำหนังสือมอบอำนาจทุกอย่างให้ผมจัดการ
"พอดีคุณสุกฤกษ์โทรไปหาพ่อ อยากให้บริษัทเราเข้าร่วมงานเฟอร์นิเจอร์ แฟร์ปีนี้ บริษัทเราก็เคยเข้าร่วมเมื่อหลายปีก่อน ทุกๆ ปีเขาก็โทรมาเชิญนั่นแหละ" พ่อผมพูด
งานเฟอร์นิเจอร์ แฟร์ เป็นงานที่รวมผู้ประกอบการทางด้านเฟอร์นิเจอร์มาจัดแสดงผลงาน ขายสินค้าในราคาถูก ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปีเลยครับ
"แล้วพ่อว่ายังไงละครับ"
"พ่อกับแม่ว่าจะคุยกับพัทธ์ก่อน แล้วอีกอย่างก็ใกล้วันเกิดน้องกันต์แล้วก็เลยถือโอกาสเข้ากรุงเทพมาเลยทีเดียว" แม่ผมเป็นคนตอบครับ
"แล้วพัทธ์ว่ายังไงละ"
"ถ้าสำหรับตัวผมเองเนี่ย ผมว่าก็ดีนะครับเราจะได้สำรวจความต้องการตลาดไปด้วย เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ด้วย แต่ทางที่ดีลองเอาเรื่องนี้เข้าไปคุยในที่ประชุมดีกว่าครับ" ผมพูดไปแบบนั้นซึ่งพ่อก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
"เอ่อ... พ่อกับแม่คุยอะไรกับพี่คินหรอครับ" ผมถามด้วยความสงสัยทันที
พ่อเลิกคิ้วขึ้นมองผมส่วนแม่ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างคนอารมณ์ดี ก่อนที่พ่อผมจะตอบ "ก็คุยเรื่องทั่วๆ ไปไม่มีอะไรสักหน่อย"
"เรื่องอะไรหรอครับ แม่ครับ..." ผมหันไปอ้อนแม่ทันทีเพราะรู้ว่าพ่อคงไม่ตอบแน่นอน
"ก็ไม่มีอะไร คุยกันทั่วๆ ไป ถามนู้นถามนี่นิดหน่อย" แล้วทำไมตอนพูดว่า 'ถามนู้นถามนี่' แม่ต้องยิ้มแบบนั้นด้วยล่ะ
"ไปๆ ไปบอกคุณจันทร์ไปว่าพ่อเรียกคณะกรรมการประชุมเรื่องงานเฟอร์นิเจอร์ แฟร์ พ่อกับแม่แกไม่ได้ว่างนะต้องไปหาซื้อของขวัญให้หลานอีก"
ผมละอยากจะยู่หน้าใส่เสียจริง แต่ก็ทำไม่ได้ ทำไมถึงไม่ยอมบอกนะว่าคุยอะไรกับพี่คิน เดี๋ยวผมไปถามพี่คินเองก็ได้
ผมเดินไปบอกพี่จันทร์เรื่องพ่อนัดประชุมด่วนในอีกหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะเตรียมตัวเข้าห้องประชุม การประชุมในครั้งนี้เป็นไปอย่างสบายๆ เพราะแค่ต้องการปรึกษากันเรื่องงานเฟอร์นิเจอร์ แฟร์เท่านั้น ใช่เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็ประชุมเสร็จ พ่อกับแม่ก็แยกไปกับคณะกรรมการอาวุโสที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ส่วนผมมีนัดกับลูกค้าต้องไปด้วยกันกับคุณพฤกษ์ ผมจึงกลับขึ้นมาเตรียมตัวออกไปข้างนอก
จะว่าไป... หลังๆ มานี้ผมก็ไม่ค่อยได้เจอคุณพฤกษ์เท่าไหร่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนทุกเช้าก็ต้องเจอเพราะเขาจะเอาชาเขียวปั่นมาให้ผม กลางวันบางวันก็จะมาชวนไปกินข้าว ถีงแม้ว่าตอนนี้จะยังมีชาเขียวปั่นมาให้แต่ก็ไม่ได้เอามาให้ตัวเอง เขามักจะฝากพี่จันทร์เอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ฝากไว้ทุกวัน เหมือนคุณพฤกษ์กำลังถอยห่างรึเปล่านะ
ไม่ได้รู้สึกแปลกๆ แต่ความอึดอัดในใจเวลาที่เขาเข้ามาใกล้มันเบาบางลง จนผมรู้สึกผ่อนคลายกับคุณพฤกษ์มากขึ้น
"คุณพฤกษ์ รอนานไหมครับ" ผมส่งเสียงทักคนที่ยืนดูโทรศัพท์อยู่ สีหน้าจะยิ้มก็ไม่เชิง จะบึ้งก็ไม่ใช่
"ไม่ครับ เราไปกันเลยดีกว่า" คุณพฤกษ์พูดก่อนจะยื่นมือมารับบรรดาเอกสารที่จะเอาไปคุยกับลูกค้าในมือผมไปถือเอง
ในจังหวะที่เขายื่นมือมา โทรศัพท์ของเขาที่ยังไม่ได้ถูกกดล็อคหน้าจอทำให้เห็นแอพพลิเคชั่นที่เปิดค้างเอาไว้ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมสะดุดตาเท่ากับชื่อของคนที่เขาคุยด้วย
Chon M.D. ชล เอ็มดี อย่างนั้นหรอ นายแพทย์... หมอชล ชื่อเหมือนหมอชลเพื่อนพี่คินเลย แต่สองคนนี้เขาก็ไม่ได้สนิทกันไม่ใช่รึไงนะ
ผมละความสนใจกลับมาสู่สถานการณ์ปัจจุบัน ตอนนี้ผมกับคุณพฤกษ์กำลังเตรียมข้อมูลในการพูดคุยกับลูกค้าคนสำคัญของบริษัท
"ขอบคุณสำหรับความไว้วางใจในบริษัทของเรานะครับ" ผมพูดกับลูกค้าของบริษัทพร้อมกับยื่นมือไปจับมือของเขาที่ยื่นออกมา
"ผมดีใจนะ ที่ได้ร่วมงานกับคุณ แล้วพบกันใหม่"
ผมกับคุณพฤกษ์เดินตามไปส่งเขาถึงรถที่ขับมาจอดรอรับอยู่หน้าโรงแรม
"จริงสิพัทธ์ ใกล้วันเกิดน้องกันต์แล้วใช่ไหม พัทธ์ต้องรีบเข้าบริษัทไหม ไปหาไรทานแล้วไปซื้อของขวัญให้น้องกันต์กันดีไหม" คุณพฤกษ์เสนอความคิดเห็นซึ่งผมก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เราจึงตรงไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนักเพื่อหามื้อกลางวันกินในตอนบ่าย
"ผมจัดวันเกิดให้น้องที่คอนโด ยังไงคุณพฤกษ์ก็ไปด้วยนะครับ"
"อื้อ ได้สิ มีอะไรให้พี่ช่วยไหม?"
ผมส่ายหน้า "ขอบคุณครับ งานไม่มีอะไรมากหรอกครับ เรื่องอาหารกับขนมเค้กพี่คินบอกว่าจะจัดการเองครับ"
คุณพฤกษ์ไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มแล้วพยักหน้าเท่านั้น ผมไม่รู้ว่าการที่ผมพูดถึงพี่คินบ่อยๆ มันจะเป็นการทำร้ายจิตใจเขาเกินไปรึเปล่า แต่ผมก็ไม่อยากให้ความหวังเขาเพราะผมเองก็รู้ตัวดีว่าผมไม่อาจให้ความรู้สึกเขาไปมากกว่านี้ได้แล้ว เพราะผมให้พี่คินไปแล้ว
"พัทธ์..."ผมเงยหน้าขึ้นมอง "ครับ?"
"ถ้าพี่จะขอให้พัทธ์เรียกพี่ว่า 'พี่' ในฐานะ 'พี่ชาย' พัทธ์ให้พี่ได้ไหม"ผมก็ให้คุณพฤกษ์อยู่ในฐานะ
'พี่ชาย' มาตลอด
"ได้สิครับ ดีซะอีกผมไม่เคยมีพี่ชายมาก่อนเลย"
"ขอบคุณนะ"
ผมยิ้มให้กับ
'พี่พฤกษ์' พี่ชายคนใหม่ของผม หลังจากที่เราจัดการอาหารตรงหน้ากันเสร็จเรียบร้อยก็เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปยังแผนกของเล่นเด็ก
"น้องพัทธ์~~!" ผมหันไปมองตามเสียงเรียกก่อนจะเห็นหมอชลโบกไม้โบกมือให้ผม แล้วผมก็ได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนข้างๆ ผมด้วย
หมอชลเดินเข้ามาหาเราสองคน เขามองผมกับพี่พฤกษ์สลับกันไปมาอย่างพินิจพิเคราะห์ "ทำไมมาด้วยกันได้ แล้วไอ้คินละ"
"พี่คินอยู่ที่ร้านครับ พอดีเราสองคนออกมาพบลูกค้า พอคุยเสร็จก็มาหาไรกินกัน นี่กำลังจะไปเดินดูของขวัญให้น้องกันต์ครับ"
"อ๋อ! หรอๆ อย่างนั้นไปด้วยคนสิ" หมอชลยังคงมองผมกับพี่พฤกษ์ไม่วางตา มีเรื่องอะไรรึเปล่านะ
"พัทธ์... ให้คนที่บริษัทมารับได้ไหม พี่พึ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระสำคัญต้องรีบไป" พอหมอชลพูดแบบนั้นพี่พฤกษ์ก็รีบพูดต่อทันที
ผมหันมองอย่างงงๆ แต่ก็พยักหน้ารับ เพราะตอนมาผมมารถของพี่พฤกษ์ครับ คงมีธุระสำคัญจริงๆ นั่นแหละ พอผมพยักหน้ารับพี่เขาก็บอกลาผมแล้วเดินไปทันทีโดยไม่สนใจหมอชลที่มองตาม
"น้องพัทธ์ ผมนึกได้ว่ามีธุระ ไปก่อนนะ" แล้วหมอชลก็รีบเดินไปทันที แต่ทางที่เขาเดินไปนั่น... ทางเดียวกับที่พี่พฤกษ์ไปเลยนินา
อะไรของสองคนนี้กันนะ...************************************************
มาแล้วค่ะมาแล้ว ธรรมดาแล้วฟางต้องอัพเมื่อวาน แต่พอดีกลับไปบ้านมาค่ะ ที่บ้านไม่มีคอมเลยไม่ได้มาอัพให้ ต้องเปลี่ยนมาอัพวันนี้แทนค่ะ ครึ่งหลังนี่เป็นการเคลียร์ความสัมพันธ์ของอาพฤกษ์แล้วก็คุณมัมค่ะ เคลียร์กันให้ลงตัวถึงสถานะของคนทั้งคู่ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงสถานะในภายภาคหน้า ก็อย่างที่เคยบอกเนอะ อาพฤกษ์ไม่ใช่ตัวร้าย เขารู้ตัวเสมอว่าเขาอยู่ไหนตรงไหน ฐานะอะไร และเขาก็แมนพอที่จะยอมรับสถานะนั้น ส่วนสำหรับคนที่รอว่าพี่คินจะโดนอะไรไหม ตอนหน้ามารู้กันนะคะ ^^
แวะไปคุยกันในเพจเฟสบุ๊คของฟางกันเยอะๆนะ ไปคุยกันได้นะคะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับคนที่เล่นทวิตเตอร์และอยากพูดคุยถึงนิยายเรื่องนี้ช่วยกันติดแฮชแท็ก #น้องกันต์จัดให้ ด้วยนะคะ มาเล่นกันเยอะๆ เลยนะ