น้องกันต์จัดให้ครั้งที่ 29ชลวันนี้มีเข้าเวรตอนเจ็ดโมงเช้าผมเลยต้องตื่นก่อนตีห้าเพื่อไปให้ทัน ผมลุกขึ้นจากเตียงโดยที่เจ้าของเตียงอย่างพฤกษ์ยังคงนอนหลับอยู่ เมื่อวานผมไม่ได้ถามอะไรเขากับเรื่องที่ผมแอบได้ยิน ผมคิดว่าเขาอาจจะยังไม่พร้อมที่จะเล่าผมก็ยังไม่อยากที่จะคาดคั้นให้พฤกษ์ต้องคิดมาก แต่จากที่ผมได้ยินผมคิดว่าเขาคงมีปัญหาใหญ่พอสมควร
ผมเดินเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งเสื้อผ้านี่ก็เป็นของผมเองครับ มาบ้านนี้บ่อยจนมีของใช้ของผมอยู่ครบแล้ว คอนโดนี่... เรียกว่านานๆ ครั้งจะเข้าไปนอน หรือไม่ก็จะเข้าไปนอนช่วงผมออกเวรในตอนเช้าแล้วพฤกษ์ต้องไปทำงานนั่นแหละครับ นอกนั้นผมก็มักจะมานอนบ้านเขาเสมอ เหมือนสามีภรรยากันเลยเนอะ หึหึหึ
"อรุณสวัสดิ์ครับป้าสาย" ผมทักทายป้าสายที่กำลังเตรียมของใส่บาตรอยู่ในครัว ป้าสายมักจะตื่นเช้าเสมอเลย
"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหมอ วันนี้เข้าเวรเช้าป้าเตรียมข้าวกล่องไว้ให้แล้วนะคะ" ป้าสายหันมาพูดกับผม ตอนนี้ทั้งป้าสายแล้วก็พฤกษ์ต่างก็รู้เวลาเข้าเวรออกเวรของผมหมดครับ วันไหนที่เข้าเช้าป้าสายก็จะมาเตรียมข้าวกล่องไว้ให้ผมเสมอ
"ขอบคุณมากนะครับ แล้วเย็นนี้เจอกันครับผม" ผมหันไปหยิบข้าวกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะมาถือ
"อ่อ...คุณหมอคะ ป้ามีเรื่องอยากจะขอร้องคุณหมอหน่อย"
ผมหันกลับไปมองพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย "อะไรหรอครับ"
"คุณหมอ... อย่าทิ้งคุณพฤกษ์นะคะ นอกจากป้าแล้วคุณพฤกษ์ก็ไม่มีใครอีกแล้ว คุณหมออย่าทิ้งคุณพฤกษ์นะคะ" ป้าสายเอื้อมมือมาจับมือของผมเอาไว้พร้อมกับพูดขอร้อง
ผมส่งยิ้มให้กับคนตรงหน้า คนที่รักพฤกษ์มากก่อนจะยื่นมือไปจับมือป้าสายเอาไว้
"ตามแบบเช้าถึงเย็นถึงขนาดนี้ ไม่ทิ้งอยู่แล้วละครับ""ขอบคุณค่ะคุณหมอ"
ผมยกมือไหว้ลาป้าสายก่อนจะเดินมาขึ้นรถของตัวเองเพื่อขับรถไปทำงาน ตลอดทางก็คิดแต่เรื่องผมกับพฤกษ์ไปด้วย จากที่รู้มาคร่าวๆ จากป้าสายพฤกษ์มีปัญหากับทางบ้าน ที่ทางบ้านไม่ยอมรับ รับไม่ได้ที่พฤกษ์ไม่ได้ชอบผู้หญิง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมต้องตั้งท่ารังเกียจกัน ไม่ว่าจะเกย์ กระเทย ทอม หรือดี้ทุกคนก็เป็นคนเหมือนกัน มีความรู้สึก มีจิตใจ และที่สำคัญพวกเขามักจะรู้สึกอ่อนไหวกว่าผู้หญิงผู้ชายปกติด้วยซ้ำ
และผมเชื่อว่าถ้าเลือกได้พฤกษ์ก็คงไม่ได้อยากจะเป็นเกย์ ไม่ได้อยากที่จะทำให้ที่บ้านต้องผิดหวัง ผมไม่รู้ว่านอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่า และเพราะเรื่องที่บ้านของพฤกษ์ทำให้ผมนึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่บ้านของผม...
ผมใช้ช่วงที่รถติดไฟแดงหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาแม่ของผม รออยู่ไม่นานท่านก็รับโทรศัพท์ แม่ผมเป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้วเพราะฉะนั้นโทรตอนนี้ก็ไม่รบกวนแน่นอนครับ
"สวัสดีครับแม่" ผมพูดทักทาย "แม่ครับเดี๋ยวตอนบ่ายพ่ออยู่ไหม ผมมีเรื่องจะคุยกับพ่อแม่ครับ"
(มาตอนเย็นๆ สิลูกวันนี้พ่อเข้าเวรเช้าคงกลับมาถึงบ้านเย็นๆ นะ) แม่ของผมบอก
"โอเคครับแม่ บอกพ่อด้วยนะผมมีเรื่องสำคัญมากๆ จะคุยด้วย"
(โอเคจ๊ะลูก แล้วเจอกันพ่อตัวดี)
แม่กดวางสายไปแล้วผมจึงลดโทรศัพท์ลงเป็นเวลาเดียวกับที่สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี ไม่นานหลังจากนั้นผมก็มาถึงโรงพยาบาล วันนี้ผมมีไปตรวจร่างกายของคนไข้ที่ผ่าตัดเมื่อวานแล้วก็ตรวจคนไข้อื่นๆ อีกนิดหน่อย
จนกระทั่งตอนเย็นเวลาเลิกงานผมถอดเสื้อกาวน์ออกก่อนจะหันไปหยิบของมาถือไว้เอ่ยลาเพื่อนหมอและนางพยาบาลก่อนจะตรงไปที่รถเพื่อขับกลับไปที่บ้าน
จะว่าไปแล้วผมก็ไม่ได้กลับบ้านนานแล้วเหมือนกันนะ นานกว่าไม่ได้กลับไปคอนโดอีก คิดได้แบบนั้นผมเลยเลี้ยวรถเข้าห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ เพื่อซื้อของไปให้พ่อกับแม่ ถือซะว่าเป็นของเซ่นไหว้ก็แล้วกันครับ
"ไงลูกชายถือของมาเยอะแยะจะมาขอขมาหรือเซ่นไหว้พ่อกับแม่ละ" ทันทีที่ผมเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นเสียงของพ่อผมก็ดังมาทันทีเลยครับ
"พ่อผมนี่รู้ใจลูกชายจริงๆ เลยนะเนี่ย" ผมยิ้มกว้างตอบพ่อกลับไปก่อนจะยกมือไหว้พ่อกับแม่ทีหลัง "ของเซ่นน่ะพ่อแม่ มีแต่ของโปรดพ่อกับแม่ทั้งนั้นเลยนะ"
"จริงด้วยคุณ ทั้งขนมเอย อาหารเอย นี่ๆ มีเข็มขัดเส้นใหม่ของคุณด้วยนะแล้วยังมีกระเป๋าหลุยส์ของฉันอีก สงสัยเรื่องจะใหญ่ถึงเตรียมมาขนาดนี้" แม่ของผมที่หยิบของไปดูหัวเราะ
แต่ก็ไม่รู้ว่าถ้าได้ยินเรื่องที่ผมพูดพ่อกับแม่จะยังหัวเราะกันอยู่ไหม "พ่อแม่... ผมมีคนที่ชอบแล้วนะ"
"อ้าว! แล้วไอ้บรรดาเมียที่ผ่านมาของแกเก้าร้อยกว่าคนนั่นไม่ใช่คนที่แกชอบเร๊อะ!!!" พ่อผมร้องอย่างตกใจแล้วหัวเราะอย่างสนุกสนานเมื่อเห็นผมทำหน้ายุ่ง พ่อก็เวอร์ตลอดคนอะไรจะมีเมียเก้าร้อยกว่าคน
ให้ตายสิ... พ่อผมเป็นหมอจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย
แล้วก็ไม่ต้องถามผมเลยนะว่าผมนิสัยเหมือนใคร
"โถ่พ่อ... ไม่ใช่แบบนั้นดิ คนนี้นี่จริงจังจริงใจมาก ตามจีบมาหลายเดือนแล้วเนี่ยแต่ยังไม่ใจอ่อนยอมคบด้วยเลย"
"ลูกสะใภ้หรือลูกเขยละชล" แม่ผมที่กำลังชื่นชมกับกระเป๋าใบใหม่ที่ผมซื้อให้เงยหน้าขึ้นมาถาม
"ห๊ะ!!!" ผมแทบจะสำลักน้ำลายตัวเองร้องถามแม่ด้วยความตกใจ
"อะไรหูหนวกหรือไงแม่ถามว่าลูกสะใภ้หรือลูกเขย" ผมมองแม่ตัวเองอย่างอึ้งๆ ท่านแค่จะอำผมเล่นๆ หรอหรือว่าจริงจังแค่ไหน แม่ช่วยบอกทีครับ
"แล้วถ้าผมบอกว่า... เป็นลูกสะใภ้ที่เป็นผู้ชายละครับ" ผมลองถาม ผมรู้ว่าพ่อกับแม่ผมค่อนข้างเป็นคนสมัยใหม่แต่เรื่องที่ลูกชายของตัวเองจะมีคนรักเป็นผู้ชายผมก็ไม่แน่ใจว่าท่านจะยอมรับได้แค่ไหน
"ชื่อพฤกษ์ใช่ไหม นี่เขายอมเป็นเมียลูกหรอแต่หล่อดีนะ แม่ชอบเหมือนพระเอกละครเกาหลีที่แม่ดูอยู่เลย"
ผมเหวอหนักเข้าไปอีก แม่รู้จักพฤกษ์ได้ยังไง??? "ม... แม่รู้จักพฤกษ์ได้ยังไงอะ"
"เจ้าเมฆกับหนูพลอยแวะมาหาพ่อกับแม่ที่บ้านคุยไปคุยมาก็หลุดเรื่องเราออกมาพ่อกับแม่เลยรู้นะสิ" พ่อผมเป็นคนบอก "นี่แม่เราเขาให้หนูพลอยส่งรูปพฤกษ์เข้าโทรศัพท์ให้ด้วยนะ"
ไอ้เมฆ!!! ยัยพลอย!!! เดี๋ยวเถอะมาปล่อยข่าวไว้แล้วไม่มีการโทรบอกกันสักคำ มันน่านักเชียว"ล... แล้วพ่อกับแม่ไม่... ไม่เสียใจ หรือโกรธหรอครับ"
"ได้ยินตอนแรกแม่ก็อึ้งไปนั่นแหละ ลูกมีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอดแต่หนูพลอยเขาเสียใจน่ะที่เผลอหลุดเรื่องนี้ออกมาเลยมากล่อมพ่อกับแม่อยู่นานแล้วก็เล่าเรื่องพฤกษ์ให้ฟังว่าเวลาลูกอยู่กับพฤกษ์แล้วเป็นยังไงบ้าง" แม่ผมหันมามองผม
"กล่อมไปกล่อมมาจนพ่อกับแม่ยอมรับนั่นแหละ เรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้หรอกอย่างน้อยก็ยังดีที่ได้เมียนะ" พ่อผมพูดต่อก่อนจะหัวเราะเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
"ถึงพ่อกับแม่จะเป็นคนให้กำเนิดลูกแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อกับแม่คือเจ้าชีวิตชลนะ เรื่องบางเรื่องลูกต้องเจอ ตัดสินใจและเผชิญหน้าด้วยตัวเอง ถ้าลูกแน่ใจแล้วพ่อกับแม่ก็ยอมรับในการตัดสินใจของลูก" แม่ของผมพูดต่อ
"และการตัดสินใจนั้นแกต้องไม่เสียใจที่หลัง"
ผมมองพ่อกับแม่สลับกันก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณท่านทั้งสอง "ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณครับแม่"
"ไม่เป็นไรแต่พ่ออยากได้ถุงไม่กอล์ฟใหม่แหะ..."
"กระเป๋าชาแนลใบเก่าของแม่ก็เริ่มเก่าแล้วสิ..."ผมถอนหายใจก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วพยักหน้ารับ ผมนั่งคุยกับพ่อแม่ต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะกลับ แน่นอนว่ากลับบ้านพฤกษ์ไม่ใช่คอนโดผม โดยสัญญาว่าถ้าพฤกษ์ตอบตกลงคบกับผมจะพาเขามาไหว้พ่อกับแม่
ผมผิวปากอย่างอารมณ์ดีในขณะที่เดินเข้าไปในบ้านของพฤกษ์ ก่อนที่ขาของผมจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากในห้องนั่งเล่น
เพียะ!!
"ไอ้เด็กเหลือขอ! ไอ้เด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง"
"ว๊าย! คุณพฤกษ์ของป้าเจ็บไหมคะ"
ผมได้ยินเสียงดังเหมือนคนถูกตบหน้าก่อนที่เสียงของผู้ชายคนหนึ่งจะดังลั่นพร้อมๆ กับเสียงของป้าสายร้อง พฤกษ์โดนตบ!! ผมตาโตด้วยความตกใจรีบเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นทันที
พฤกษ์ยืนหันหน้ามาทางผมแต่เขาไม่เห็นเพราะกำลังจ้องตากับผู้ชายรุ่นราวคราวพ่อ แก้มของเขาเป็นรอยแดงและมีเลือดไหลที่มุมปาก
"แกคิดว่าเกย์อย่างแกจะชูคออยู่ในสังคมไปได้สักแค่ไหนกันเชียว คิดว่าครอบครัวของแกจะยอมรับหรอ หรือครอบครัวของแฟนแกจะยอมรับรึยังไง!!"
ผมไม่เคยเห็นพฤกษ์ทำหน้าตาแบบนี้มาก่อน เขาดูโกรธมากจริงๆ "น่าขยะแขยง! น่าสมเพช! ฉันไม่มีทางยอมรับแกหรอกนะ"
"ผมไม่เคยขอให้คุณยอมรับ เพราะผมกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมไม่รู้ว่าคุณมาหาผมด้วยเรื่องอะไรแต่ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เชิญ!"
ผมนับถือพฤกษ์จริงๆ ทั้งๆ ที่โกรธมากแต่เขาก็ยังพูดสุภาพอยู่ได้ เป็นผม ผมด่าเละไปแล้ว
และก่อนที่คนคนนั้นจะได้ทำอะไรพฤกษ์อีกรอบผมก็รีบเข้าไปขวางทันที "ไม่ได้ยินที่พฤกษ์บอกหรอเขาให้คุณกลับไปได้แล้ว"
"แกเป็นใครมายุ่งเรื่องอะไรกับครอบครัวฉัน!"
"เพราะพฤกษ์เป็นครอบครัวผม ผมเลยต้องเข้ามายุ่ง" ผมไม่เชื่อเด็ดขาดว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนในครอบครัวของพฤกษ์
"หึ! ไอ้เด็กนี่สินะที่เขมมันพูดถึง เป็นเกย์ก็แย่แล้วยังจะมีผัวอีกทุเรศจริงๆ เลย"
"แต่พ่อแม่ผมยอมรับต่อให้มันทุเรศในสายตาคุณก็เรื่องของคุณ" ผมลอยหน้าลอยตาพูดพร้อมกับยักคิ้วใส่ ดูแล้วไม่มีความจำเป็นต้องมีมารยาทด้วยเท่าไหร่ แต่ก็แอบเห็นด้วยหางตาว่าพฤกษ์มองมาถามผมด้วยความตกใจ
(มีต่อค่ะ)