น้องกันต์จัดให้ครั้งที่ 38พัทธ์ผมมองตามพี่คินที่เดินตามแม่ออกไปจากห้องนั่งเล่นก่อนจะหันกลับมาที่น้องกันต์ที่ยังคงนั่งเล่นอยู่กับพ่อสุดท้ายก็เลื่อนสายตาไปมองพ่อที่มองมาที่ผม
"มีเรื่องอะไร" พ่อถาม
ตั้งแต่ที่พี่สาวผมเสียไปผมก็ไม่รู้เลยว่าพ่อคิดอะไรบ้างเคยคิดจะถามแต่แค่พอพูดชื่อพี่พราวพ่อก็ทำเหมือนไม่พอใจจนแม่ต้องมาเตือนว่าอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้จนตอนนี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้วผมก็ไม่เคยพูดถึงพี่สาวอีกเลย
"ทำไมอยู่ๆ ถึงจะมาพูดถึงพี่เราเสียละ" แม้พ่อจะถามแต่ตอนนี้พ่อก็เลื่อนสายตากลับไปมองที่น้องกันต์ที่เจ้าตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองคุณตาพร้อมกับยิ้มกว้าง
"พ่อโกรธพี่พราวหรือเปล่าครับ" มือของพ่อที่กำลังลูบผมน้องกันต์ชะงักทันทีที่ได้ยินคำถามของผม
ผมมองไม่ออกว่าตอนนี้พ่อกำลังคิดอะไรอยู่... "โกรธสิ พี่สาวเราน่ะดื้อด้าน เตือนก็ไม่ฟังบอกปากเปียกปากแฉะว่าอย่าไปยุ่งกับคนแบบนั้น หึ เป็นยังไงละสุดท้ายมันก็ทิ้งเมียทิ้งลูก"
มือของผมจับกระเป๋าของตัวเองแน่น ก่อนจะเปิดประเป๋าแล้วหยิบกล่องเหล็กของพี่พราวออกมาวางบนโต๊ะแบบที่พ่อก็หันมามอง ผมเปิดกล่องพร้อมกับหยิบจดหมายของพี่พราวขึ้นมาแล้วส่งให้กับพ่อ
"ผมเจอจดหมายของพี่พราว... พี่เขียนไว้ก่อนจะเสีย เขียนถึงพ่อผมอยากให้พ่อได้อ่านจดหมายนี้นะครับ" ผมมองพ่อที่ผมจดหมายในมือของผมนิ่ง
ถึงแม้ว่าตอนนี้พี่พราวจะไม่อยู่แล้ว แต่ผมก็ยังอยากให้พ่อกับพี่พราวเข้าใจกันถ้าเป็นแบบนั้นพี่พราวคงจะมีความสุขมากแน่ๆ
"นะครับ... พ่ออ่านเถอะนะ" ผมพูดขอร้องอีกรอบเมื่อพ่อยังคงนิ่ง มือของพ่อกำแน่นก่อนจะยื่นมารับจดหมายในมือผมไป
ถ้าผมดูไม่ผิดมือของพ่อกำลังสั่น
ผมนั่งเงียบๆ ตลอดเวลาที่พ่ออ่านจดหมายของพี่พราวเนื้อหาในจดหมายนั้นเป็นข้อความที่พี่พราวอยากจะบอกพ่อ
บอกว่าขอโทษ ขอโทษที่ชอบขัดคำสั่งของพ่อ ขอโทษที่ดื้อด้าน ขอโทษที่ไม่ฟังพ่อเลยตลอดที่ผ่านมาผมคิดว่าพี่พราวเชื่อฟังพ่อมาตลอดแต่พอได้อ่านจดหมายนั้นผมถึงรู้ว่าไม่ใช่ พ่ออยากให้พี่พราวเรียนบริหารหรือไม่ก็เรียนออกแบบเพื่อมาช่วยพ่อดูแลบริษัท แต่พี่พราวไม่ยอมพี่เลือกที่จะเรียนอักษรศาสตร์ แม้พ่อจะไม่พอใจแต่ก็ยอมให้พี่เรียน
พี่พราวมีแฟน... แต่พ่อไม่ชอบแฟนของพี่พราวเพราะดูไม่เหมาะสมอีกทั้งยังดูเหมือนทำอะไรไม่เป็น ไม่เหมาะที่จะเป็นหัวหน้าครอบครัว พ่อหาคู่ดูตัวมาให้พี่แต่พี่ก็ไม่เอา สุดท้ายก็ทะเลาะกันแต่แล้วพ่อก็ยอมในที่สุด พ่อยอมให้พี่พราวแบบที่พี่พราวเองก็ไม่รู้เพราะคิดว่าพ่อเหนื่อยที่จะต้องทะเลาะ
ในวันที่พี่พราวบอกจะแต่งงานกับแฟนพ่อก็ยังยืนยันว่าอยากให้คิดดูอีกครั้ง เพราะขนาดเรียนจบมาแล้วผู้ชายคนนั้นยังไม่มีหน้าที่การงานที่มั่นคง พ่อกลัวว่าพี่พราวจะลำบาก แต่พี่ก็ดื้อยืนยันว่าถ้าพ่อไม่ยอมก็จะออกจากบ้าน สุดท้าย... พี่ก็ออกจากบ้าน
และครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพ่อโกรธพี่พราวมาก ประกาศเสียงดังลั่นบ้านว่าถ้าจะไปหาผู้ชายเฮงซวยคนนั้นก็อย่ากลับมาอีก แล้วพี่พราวก็ไป
ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงขัดขวางเพราะผมไม่รู้เรื่องราวคนรักของพี่พราวเลย แต่ทุกครั้งที่ผมเจอพี่พราวข้างนอก พี่ดูมีความสุขทุกครั้งจนผมยังแอบไม่พอใจพ่อที่ท่านขัดขวางความรักของพี่พราว
แต่แล้ววันหนึ่ง... พี่พราวก็มาหาผมแล้วร้องไห้ บอกว่าตัวเองตั้งท้องและที่สำคัญคนรักของพี่พราวก็ทิ้งพี่พราวไป
‘เขา... เขาบอกว่า อึก... เราไม่มี ฮือ... ไม่มีเงิน อยู่ด้วยกันไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ฮือ... เขาทิ้งพี่ไปแล้วพัทธ์... เขาทิ้ง อึก พี่... ข ขนาดพี่บอกว่าพี่ท้อง ท้องลูกของเขา... เขาก็ไม่สนใจ ฮืออ...พัทธ์"พี่พราวกอดผมแน่นแล้วก็ร้องไห้ออกมาสุดท้ายก็เป็นลมไป ผมโทรหาพ่อด้วยความร้อนรนและพ่อเองก็ร้อนรนมากเช่นกัน พ่อรีบมาหาผมกับพี่พราวที่โรงพยาบาลทันทีพ่อดูเครียดมากแต่ก็ไม่พูดอะไรสักคำ ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นพ่อคิดอะไรแต่พอพี่พราวฟื้นทั้งสองคนก็ทะเลาะกันอีกเรื่องผู้ชายคนนั้น พี่พราวยังคงรักผู้ชายคนนั้น แต่พ่อไม่...
หลังจากนั้นพ่อก็ไม่คุยกับพี่พราวแต่แม่ก็บอกผมว่าของทุกอย่างที่แม่เอามาให้ทั้งเสื้อผ้า ของบำรุง ยาบำรุงพ่อเป็นคนซื้อให้พี่พราว แต่พ่อกับพี่ก็ไม่เคยคุยกันเลย คุยกันทีก็ทะเลาะกันทีจนแม่แทบจะสั่งห้ามเจอหน้ากันเพราะกลัวอารมณ์ของพี่พราวจะส่งผลถึงลูกในท้อง
พ่อรักน้องกันต์มาก วันที่น้องคลอดพ่อเตรียมของขวัญชุดใหญ่มาแต่ไม่ได้บอกพี่พราวว่าของพ่อ ชื่อของน้องกันต์ ชนกันต์ พ่อก็เป็นคนตั้ง
ชนกันต์ แปลว่า
เป็นที่รักของคนทั้งหลาย พ่ออยากให้น้องกันต์เป็นที่รักของทุกๆ คนแล้วน้องกันต์ก็เป็นที่รักของทุกๆ คนจริงๆ
ผมคิดว่าความสัมพันธ์ของพ่อกับพี่จะดีขึ้นหลังจากน้องกันต์คลอดแต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม พี่พราวสุขภาพอ่อนแอลงเรื่อยๆ ในใจก็ยังคงนึกถึงผู้ชายคนนั้นที่ขาดการติดต่อไปเลย พี่พราวโทรหาก็ไม่รับ นานเข้าก็ปิดเครื่องแล้วก็เปลี่ยนเบอร์หนี ห้องพักที่พี่เคยอยู่กับเขา... เขาก็ย้ายออก ไปหาที่บ้านก็ไม่เคยเจอจนสุดท้ายพี่ก็ป่วยหนักแล้วเสียไป
พราวขอโทษค่ะพ่อ ขอโทษที่เคยดื้อกับพ่อมาตลอด ขอโทษที่ไม่เคยฟังพ่อเลยพราวรู้ว่าพ่อหวังดีกับพราวแต่พราวก็ไม่ฟัง ขอโทษที่เอาแต่ใจ พราวไม่รู้หรอกว่าจดหมายนี้พ่อจะได้อ่านมันไหมเพราะพราวไม่คิดอยากจะส่งให้พ่อ พ่ออย่าโกรธพราวเลยค่ะเพราะพราวไม่กล้าเจอหน้าพ่อ
ไม่กล้าเจอหน้าคนที่พราวทำผิดด้วย พราวขอบคุณค่ะที่พ่อรักแล้วก็เอ็นดูลูกของพราว พราวขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่างที่พ่อทำให้พราว
พราวขอโทษค่ะ พราวรักพ่อที่สุดในจดหมายของพี่พราวมีตัวหนังสือบางตัวเลือนและเลอะเป็นจุดๆ พี่พราวคงเขียนจดหมายไปร้องไห้ไป... เหมือนกับพ่อในตอนนี้
ที่อ่านจดหมายของพี่พราวไปแล้วก็ร้องไห้
"คุณตา... คุณตาร้องไห้ คุณตาร้องทำไม" น้องกันต์ที่เงยหน้าจากของเล่นมาเห็นคุณตาที่กำลังร้องไห้ก็รีบทิ้งของเล่นแล้วปีนขึ้นไปนั่งตักทันที
มือเล็กๆ ของน้องกันต์ยกขึ้นเช็ดหน้าตาให้พ่อด้วยสีหน้าที่เจ้าตัวเองก็เหมือนจะร้องไห้ตามไปด้วย
"ฮือ... คุณตาไม่ย้องไห้นะ ฮือออ" แล้วเจ้าตัวเล็กก็ร้องไห้ตามไปด้วย พ่อยกมือขึ้นลูบผมน้องกันต์ก่อนจะกอดน้องเอาไว้แน่น
"ตาขอโทษลูกน้องกันต์ ตาขอโทษ... ตาขอโทษนะครับ" พ่อเอาแต่พูดขอโทษน้องกันต์อยู่แบบนั้น ส่วนน้องกันต์ก็ร้องไห้เสียงดัง
ผมลุกขึ้นเดินไปหาทั้งสองคนทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่าอยู่ที่หน้าโซฟาที่พ่อนั่งก่อนจะเอื้อมมือไปกอดทั้งพ่อแล้วก็น้องกันต์เอาไว้ "พ่อยกโทษให้พี่พราวนะครับ"
"ไม่มีพ่อคนไหน... จะเกลียดจะโกรธลูกตัวเองได้หรอก ที่พ่อไม่อยากพูดกับพี่ ไม่อยากพูดพ่อเพราะพ่อรู้สึกผิด ถ้าพ่อไม่ห้ามพราว ทุกวันนี้พี่เขาก็คงอยู่ดูแลน้องกันต์กับคนรักของเขา" พ่อพูด
นี่ใช่ไหมคือเหตุผลของพ่อที่ไม่เคยพูดถึงพี่พราวเลย เพราะพ่อรู้สึกผิด "พ่อรักน้องกันต์มาก ถ้าให้อะไรน้องกันต์ได้พ่อก็จะให้ ทดแทนในส่วนที่พ่อไม่ได้ให้พราวเขาเลย"
"ฮือออ คุณตา... น้องกันต์รักคุณตานะ" น้องกันต์ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรก็ร้องขึ้นพร้อมกับกอดพ่อเอาไว้แน่น
"ตาก็รักน้องกันต์ครับ รักที่สุดเลยรู้ไหมหลานตา" พ่อผมเช็ดน้ำตาของตัวเองออกก่อนจะอุ้มน้องกันต์ให้ยืนอยู่บนตักตัวเองพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้น้องกันต์
เจ้าตัวเล็กพยักหน้ารับแรงๆ กับคำพูดของพ่อแล้วก็ยิ้มกว้าง "น้องกันต์ก็รักคุณตาที่สุดเลยโด้ย"
ผมยิ้มออกมาอย่างดีใจพ่อไม่เคยโกรธพี่พราวเลยมีแต่ความรู้สึกผิดต่อพี่ เหมือนกับพี่พราวเองที่ก็มีแต่ความรู้สึกผิดที่ทำไม่ดีกับพ่อ วันนี้ทั้งสองคนเข้าใจกันแล้วพี่พราวก็คงมีความสุขที่พ่อเข้าใจ ไม่โกรธอะไรแล้ว
ผมปล่อยให้สองตาหลานนั่งเล่นด้วยกันก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวที่แม่กับพี่คินคงอยู่ในนั้นกันแน่นอน ตั้งใจว่าจะเอาข่าวดีไปบอกแต่พอผมเดินเข้าไปในครัวผมก็ลืมเรื่องที่จะพูดหมดเพราะ...
"ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ พ พี่คิน ทำไมตัวเขียวไปหมดแบบนั้นละครับ" ผมหลุดหัวเราะออกมาทันทีที่เห็นพี่คินในห้องครัว ตามเสื้อผ้า เนื้อตัวเลอะเป็นสีเขียวๆ เต็มไปหมด ผมมั่นใจว่าไม่ใช่เพราะโดนกระแทกจนช้ำแน่ๆ
พี่คินหันมามองผมตาขวางที่ผมหัวเราะไม่หยุด แต่ผมหยุดหัวเราะไม่ได้จริงๆ นะครับ ตอนแรกบอกจะเข้ามาทำขนมหวานกับแม่แต่ทำไมพี่คินถึงมีสภาพเละคนเดียวแบบนี้ก็ไม่รู้
"กลิ่นน้ำใบเตยนี่ครับ ฮ่าๆๆ พี่คินอาบน้ำใบเตยมาหรอ" ผมเดินเข้าไปใกล้พี่คินก่อนจะจับแขนพี่เขามาดมๆ ดูจนได้กลิ่นใบเตยโชยออกมา
พี่คินยกมือข้างที่ไม่ได้เปื้อนขึ้นดีดหน้าผากผมเบาๆ "เดี๋ยวพัทธ์จะได้อาบน้ำใบเตยอีกคน"
"พัทธ์พาพี่คินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไปลูก เลอะไปหมดแล้วนั่น" แม่ที่ยืนอยู่หน้าเตาหันมาบอกผมด้วยรอยยิ้มคงขำไม่น้อยกับสภาพของพี่คิน
"ฮ่าๆๆๆๆ ครับแม่ ไปๆ พี่คิน เดี๋ยวพัทธ์พาไปอาบน้ำใบเตยนะ" ผมหันไปรับคำแม่ก่อนจะหันกลับมาหาคนที่ยังยืนหน้าบูดอยู่แล้วจูงพี่คินออกจากห้องครัวไปที่บ้านของผม
"ถามจริงๆ เถอะพี่คินทำไมตัวเลอะขนาดนี้ แม่ทำสาคูเปียกไม่ใช่เหรอครับ แล้วทำไมพี่คินเลอะไปหมดเลย" ผมหันไปถามพี่คินพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูส่งให้
พี่คินถอนหายใจออกมาก่อนจะตอบ "ไม่มีอะไรหรอกครับ"
เป็นคำตอบที่ไม่ได้ทำให้ผมรู้อะไรขึ้นมาเลยสักนิดเดียว พอผมถามซ้ำก็โดนดีดหน้าผากมาอีกรอบจนได้ ผมเลยได้แต่ยู่หน้าใส่แล้วดันพี่คินให้เข้าไปอาบน้ำก่อนที่ผมจะหันไปหาเสื้อผ้าของผมที่ตัวใหญ่พอที่พี่คินจะใส่ได้ ส่วนเสื้อที่เปื้อนน้ำใบเตยของพี่คินก็เอาไปลงเครื่องซักทิ้งไว้ก่อนที่สีเขียวของใบเตยจะติดฝังแน่นในเสื้อพี่คิน
"พี่คินเอาชุดพัทธ์ไปใส่ก่อนนะ ตัวนี้น่าจะใส่ได้อยู่" ผมส่งเสื้อยืดตัวใหญ่ให้พี่คิน โชคดีที่กางเกงของพี่คินไม่เลอะเพราะฉะนั้นเลยไม่ต้องเปลี่ยน
พี่คินที่เพิ่งเดินพันผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำก็เอื้อมมือมารับเสื้อจากผมไปแล้วแทนที่จะเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำหรือไม่ก็รอให้ผมพูดหรือออกจากห้องไปก่อนก็ไม่ทำ คือผมจะไม่อะไรหรอกถ้าพี่คินไม่ปลดผ้าขนหนูที่พันเอวอยู่ออกเพื่อเอามาเช็ดตัว
"พี่คิน! ทำไมไม่แต่งตัวให้มันดีๆ ก่อนล่ะครับ" ผมหันหลังให้ทันทีตอนแรกก็นึกว่าจะใส่บ๊อกเซอร์ไว้ข้างใน ที่ไหนได้... ตัวเปล่า
"เห็นบ่อยจะตายไปยังไม่ชินอีกหรือไงครับ"
ใครจะไปชิน ผมไม่ได้หน้าด้านแบบพี่คินสักหน่อยผมได้แต่คิดเท่านั้นแหละครับ ไม่พูดออกไปหรอกเดี๋ยวได้โดนพี่คินแกล้งอีกแน่นอน เงียบไว้เป็นดีที่สุด
"แล้วคุยกับพ่อเป็นยังไงบ้างครับ" พี่คินถาม ผมหันไปมองเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปหาเมื่อเห็นว่าพี่เขาใส่เสื้อเรียบร้อยแล้วก็เอาผ้าขนหนูพันเอวไว้เหมือนเดิมแล้ว
"เรียบร้อยแล้วครับ พัทธ์เอาจดหมายให้พ่ออ่านไปแล้ว ทีนี้พ่อกับพี่พราวก็เข้าใจกันแล้วเรียบร้อย" ผมตอบพร้อมกับยิ้มเมื่อนึกถึงพ่อกับพี่พราว มันดีใจจริงๆ ครับ
พี่คินยกมือขึ้นวางผมหัวของผมแล้วยีเบาๆ พร้อมกับยิ้ม "ดีแล้วครับ สบายใจได้แล้วนะเรา"
ผมพยักหน้ารับกับคำพูดของพี่คิน ก่อนจะทำใจกล้าขยับเข้าไปกอดเอวพี่เขาเอาไว้ พี่คินชะงักไปเล็กน้อยที่ผมเข้าไปกอดก่อนจะยกมือขึ้นกอดผมตอบ "เป็นอะไรหรือเปล่าครับ หือ?"
"เปล่าครับ พัทธ์แค่ดีใจแล้วก็... อยากขอบคุณพี่คินด้วย"
"ขอบคุณพี่เรื่องอะไรครับ พี่ยังไม่ทันได้ทำอะไรสักหน่อย"
"ก็... ตั้งแต่พัทธ์รู้จักกับพี่คิน... พัทธ์ก็มีแต่ความสุขพัทธ์ก็เลยอยากจะขอบคุณความสุขของพัทธ์นี่ครับ" (มีต่อค่ะ)