น้องกันต์จัดให้ครั้งที่40พัทธ์"พี่จันทร์ครับเดี๋ยวเข้ามาเอาเอกสารในห้องผมไปถ่ายเอกสารแล้วเตรียมใส่แฟ้มการประชุมทีนะครับ" ผมหันไปพูดกับพี่จันทร์เลขาของผม
"ค่ะคุณพัทธ์" พี่จันทร์รับคำผมเลยหันไปผลักประตูห้องทำงานของตัวเองให้เปิดออกแล้วจึงเดินเข้าไป
ผมเดินไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะทำงานก่อนจะหยิบเอากระดาษที่ผับเอาไว้ออกมาเปิดดูว่าครบตามต้องการที่ผมจะให้เอาไปถ่ายเอกสารหรือเปล่า ผมเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องทำงานถูกเปิดออกก่อนที่พี่จันทร์จะเดินเข้ามา ผมยื่นกระดาษสามสี่แผ่นในมือของตัวเองไปให้กับพี่จันทร์
"ถ่ายเอกสารกระดาษพวกนี้นะครับ แล้วก็แนบไว้ที่ด้านหลังของแฟ้มของคณะกรรมการเลยนะครับ อ๋อ...! แล้วก็ช่วยสแกนภาพพวกนี้แล้วใส่ไว้ในสไลด์โชว์ที่จะเปิดตอนประชุมด้วยนะครับใส่ไว้ด้านหลังสุดของสไลด์เลยครับ"
"ได้เลยค่ะคุณพัทธ์" พี่จันทร์พูดพร้อมกับยื่นมือมารับกระดาษจากมือของผมไป
"แล้วก็...ถ้าอัพเดทสไลด์เสร็จแล้วช่วยเอามาให้ผมเช็คดูด้วยนะครับ"
"ค่ะคุณพัทธ์"
พี่จันทร์รับคำก่อนจะเดินออกจากห้องไป ผมเลยกลับมาทำงานต่อ จนกระทั่งพี่จันทร์เดินเอาไฟล์งานที่จะใช้ในการประชุมมาให้ผมถึงได้หันไปเปิดคอมพิวเตอร์แล้วนั่งเช็คงานต่อก่อนจะเตรียมเข้าประชุมในตอนสิบโมงครึ่ง
"คุณพัทธ์คะได้เวลาประชุมแล้วค่ะ" ผมลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานเมื่อพี่จันทร์เดินเข้ามาบอกก่อนจะเดินไปยังห้องประชุมที่อยู่บนชั้นเดียวกันกับห้องทำงานของผม
ในห้องประชุมพวกหัวหน้าฝ่ายแต่ละฝ่ายมารอกันอยู่แล้ว คณะกรรมการก็มากันจนเกือบครบ ผมเดินไปนั่งที่หัวโต๊ะและรอจนกระทั่งทุกคนมาครบจึงเริ่มประชุม
การประชุมในวันนี้เป็นเรื่องงานเฟอร์นิเจอร์แฟร์ซึ่งแต่ละฝ่ายจะเข้ามานำเสนอและรายงานความคืบหน้าของงานในแต่ละสัปดาห์
ผมนั่งฟังความคืบหน้าของงานที่แต่ละฝ่ายนำเสนอก่อนจะเสนอความคิดกลับไปเมื่อเห็นว่ามีบางส่วนควรต้องปรับปรุงแก้ไข
"เดี๋ยวผมขอเวลาทุกคนอีกสักครู่นะครับ" ผมบอกพร้อมกับเปิดสไลด์ที่ผมจะพูด "ผมมีแบบเฟอร์นิเจอร์ชุดใหม่มาเสนอกับทุกคน แบบอยู่ที่ด้านหลังสุดเลยครับ ผมแค่นำมาเสนอแล้วให้ทุกคนตัดสินใจว่าสนใจเฟอร์นิเจอร์ชุดนี้หรือเปล่า"
ผมกวาดสายตามองทุกคนที่ก้มลงดูแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ผมพูด "โซฟาตัวนี้มีคอนเซ็ปในการออกแบบว่าครอบครัวครับ จากที่เห็นลักษณะของโซฟาชุดนี้คือโอบล้อมเป็นวงกลมซึ่งตัวคนออกแบบเขียนแนวความคิดเอาไว้ว่า 'เพราะครอบครัวมีความหมาย เราจึงต้องหันหน้าคุยกัน' เขาถึงได้ออกแบบโซฟานั่งเล่นชุดนี้มาเป็นลักษณะวงกลมครับ"
"คุณพัทธ์เป็นคนออกแบบเองหรือครับ" ผมหันไปหาคณะกรรมการท่านหนึ่งที่ส่งเสียงถามก่อนจะส่ายหน้า
"เปล่าครับ คนที่ออกแบบโซฟาชุดนี้คือพี่พราวครับ พี่พราวออกแบบเอาไว้ก่อนที่จะเสียแล้วผมบังเอิญไปเจอเข้า ผมไม่ได้อยากจะอ้างชื่อเพื่อให้ทุกคนสนับสนุนผมยอมรับการตัดสินใจของทุกคนครับว่าเราจะผลิตโซฟาชุดนี้ดีหรือเปล่า" ผมบอกกับทุกคนด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
"ผมชอบแนวความคิดนะ เพราะครอบครัวมีความหมาย เราจึงต้องหันหน้าคุยกัน เพราะมันก็เป็นเรื่องจริงในสังคมปัจจุบัน ถ้าหากเราทำโฆษณาดีๆ มันก็อาจจะดีก็ได้นะ" คณะกรรมการอีกคนพูด ซึ่งหลังจากนั้นคนอื่นๆ ก็พยักหน้ารับและส่งเสียงเชิงเห็นด้วย
"บริษัทของเรามักทำการกุศลอยู่บ่อยครั้ง ถ้าหากเราร่วมมือกับองค์การทางด้านสถาบันครอบครัว แสดงความหมายออกมาผมว่ามันก็คงจะดีนะครับ" หัวหน้าฝ่ายทางการตลาดพูด "ที่สำคัญมันจะส่งผลถึงภาพลักษณ์ของบริษัทของเราให้ดีขึ้นด้วย"
"สำคัญอยู่ที่การสื่อความหมายและการโฆษณาสินะครับ" ผมทวนคำซึ่งหลังจากนั้นเราก็เริ่มพูดคุยถึงหัวข้อนี้กันต่อ และตกลงว่าจะจัดแสดงเฟอร์นิเจอร์ชุดนี้... ที่พี่พราวออกแบบในงานเฟอร์นิเจอร์แฟร์
หลังจากที่การประชุมสิ้นสุดลงโดยที่ทุกคนก็ได้การบ้านกันไปว่าเราจะจัดแสดงเฟอร์นิเจอร์ชุดนี้ออกมาอย่างไรดี ผมก็เดินกลับไปที่ห้องทำงานก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ทำงาน หยิบเอากระดาษร่างของพี่พราวมาดูแล้วยิ้มออกมา
พี่พราวไม่สนใจเรื่องออกแบบเฟอร์นิเจอร์เลย ด้านบริหารก็ไม่สนใจแต่พี่พราวกลับออกแบบโซฟาชุดนี้ออกมานั่นคงจะเป็นช่วงก่อนที่พี่พราวจะเสีย พี่พราวถึงได้ออกแบบชุดนี้คงอยากจะตอบแทนบุญคุณของพ่อ
ผมหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ส่งเสียงดังก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นเบอร์แปลกโทรมา "สวัสดีครับ"
[ว่าไงพัทธ์ จำกันได้ไหม]
ผมตาโตด้วยความตกใจก่อนจะร้องทักออกไป
"แซม?! แซมใช่ไหม"ปลายสายหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงของผมและนั่นยิ่งทำให้ผมยิ้มกว้างขึ้นคนที่โทรหาผมคือแซมจริงๆ ด้วย
[นึกว่าลืมกันไปแล้วเสียอีก]
"จะลืมได้ยังไง แล้วนี่... กลับมาเมืองไทยแล้วเหรอตั้งแต่เมื่อไหร่กันทำไมเพิ่งโทรมาหาละ" ผมรัวคำถามออกไปแบบที่อีกฝ่ายก็หัวเราะ
[ใจเย็นๆ บ่ายนี้ว่างไหมไปหาอะไรกินกัน แล้วกระผมนายแซมจะตอบทุกคำถามเลยครับ]
"ว่างสิ เจอกันที่ไหนดี" ผมรับคำหลังจากที่แซมนัดเวลาแล้วก็สถานที่เรียบร้อยก่อนจะกดวางสายไปพร้อมกับยิ้ม
แซม เป็นเพื่อนที่ผมสนิทมากที่สุดหลังจากเรียนจบเจ้าตัวก็ไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศแล้วก็ทำงานอยู่ที่นั่น ช่วงแรกๆ ก็ยังพอได้ติดต่อกันบ้างแต่ต่างฝ่ายต่างก็ยุ่งกันไปหมดผมเลยไม่ได้ติดต่อกับแซมมาสักระยะแล้ว พอเขาโทรมาก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้
สมัยเรียนผมกับแซมมักจะตัวติดกันเสมอทำงานด้วยกันตลอด เราสองคนสนิทกันมากจริงๆ
ผมนั่งเคลียร์งานต่อจนกระทั่งใกล้เวลานัดกับแซมผมจึงเก็บของแล้วเดินลงไปด้านล่าง วันนี้พี่คินมาส่งที่บริษัทผมเลยตั้งใจจะเดินไปเรียกรถแท็กซี่แทน แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินไปก็มีรถคันหนึ่งขับมาจอดหน้าผม ก่อนที่กระจกจะเลื่อนลง
"แซม! มาได้ไง" ผมร้องออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนขับรถ
"พอดีแวะมาทำธุระแถวนี้พอดีเลยนึกขึ้นได้ว่าบริษัทพัทธ์อยู่นี่ก็เลยตั้งใจว่าจะมารับ กะว่าพอถึงแล้วจะโทรหาอยู่พอดี ขึ้นมาสิ"
ผมเปิดประตูรถก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งแล้วแซมก็ขับรถไปยังร้านอาหารที่ตอนแรกเรานัดกันไว้
"มองกันแบบนี้ก็เขินนะครับ" แซมหันมาพูดกับผมพร้อมยิ้มเมื่อผมเอาแต่หันไปมองเขา
"ก็ไม่เจอตั้งหลายปีเลยอยากรู้ว่าเปลี่ยนไปบ้างไหม" ผมยิ้มกว้างตอบกลับไป
"แล้วเปลี่ยนไปไหม" แซมใช้ช่วงเวลาที่รถติดไฟแดงยื่นหน้ามาใกล้ผมเสียจนแทบชิด
ผมหัวเราะพร้อมกับดันเขาออก "ไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไหร่แต่หล่อน้อยกว่าเดิมนะ"
แซมทำเสียงจิ๊จะในลำคอก่อนจะยื่นมือมายีผมของผมเล่น "คร้าบๆ ไม่เหมือนพัทธ์หรอกครับน่ารักขึ้นเยอะเลยครับ"
ผมยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป ไม่นานเราก็ถึงร้านอาหารที่แซมบอกว่าอยากมา เราสองคนเลือกที่นั่งแบบโซฟาริมกระจกก่อนที่คนอยากมาจะจัดการสั่งอาหารหลายอย่างเสียผมกลัวว่าจะกินกันไม่หมด
"เดี๋ยวก็กินไม่หมดหรอกแซม"
"น่า... เราอยากกินไม่ได้กินอาหารไทยแท้ๆ ตั้งหลายปี" แซมหันมายิ้มให้ผมเลยแต่ปล่อยให้เขาสั่งไปตามใจชอบ
ผมกับแซมเราคุยกันหลายเรื่องเพราะเป็นเวลาหลายปีมากที่เราไม่ได้เจอกันจนเหมือนมีเรื่องมากมายที่อยากจะคุยอยากจะถาม
"ไม่เจอกันหลายปีแบบนี้พัทธ์ลืมความรักของเราไปหรือยังนะ" แซมยกมือขึ้นท้าวแขนบนโต๊ะก่อนจะมองผมยิ้มๆ
ผมได้แต่ส่งเสียงในลำคอพร้อมกับส่ายหน้า "เรื่องเก่าเราลืมไปหมดแล้วละ"
คนตรงหน้าทำหน้าเศร้าแบบที่ผมดูก็รู้ว่าแกล้งทำก่อนจะพูดด้วยเสียงที่ฟังก็รู้ว่าทำให้เศร้าสร้อย
"น่าเสียใจที่สุด คนเคยเป็นแฟนกันแท้ๆ เลยนะ"พอได้ยินแบบนั้นผมก็ได้แต่หัวเราะเพราะรู้ดีว่าแซมไม่ได้จริงจังกับสิ่งที่พูด เอาจริงๆ เรื่องของผมกับแซมจะเรียกว่าเป็นแฟนกันก็ไม่ได้บอกไม่เคยมีใครขอใครคบ อย่างที่ผมเคยบอกว่าผมเคยคบกับเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งเพราะเสียงยุเสียงเชียร์จากเพื่อนคนอื่นๆ คนนั้นก็คือแซมนี่แหละครับ
"เราเชื่อมากจริงๆ ว่าแซมเสียใจ" แซมหัวเราะกับคำพูดของผมแต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรกันต่อโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นเสียก่อน ผมหยิบโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าใครโทรเข้ามา
"ยิ้มหวานเชียวนะ สายพิเศษหรือไงกัน"
ผมไม่ตอบคำของแซมแต่กดรับสายแทน "ครับพี่คิน"
[วันนี้ให้พี่เข้าไปรับกี่โมงดีครับ]
"เดี๋ยวอีกสักพักก็ได้ครับ แต่ว่าพี่คินครับ... พี่คินแวะมารับผมที่ร้านอาไทยนะครับ ผมมากินข้าวกับเพื่อน" ผมตอบพี่คิน
[ได้ครับที่รัก แล้วเจอกันนะครับ]
ผมได้แต่เม้มปากกับคำเรียกของพี่คินพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้หลุดยิ้มเขินออกมาเพราะแค่นี้แซมก็เอาแต่จ้องผมแล้วก็ล้อเลียนไม่หยุดแล้ว "ยิ้มอะไรของแซม"
"เปล๊า ไม่มีอะไรก็แค่มองคนที่ลืมแฟนเก่าแล้วคุยกับใครก็ไม่รู้เสียหวานแหววเชียว"
ผมคว้าเอาถั่วกระดาษมาปาใส่คนตรงข้ามอย่างนึกหมั่นไส้กับคำพูดของเพื่อน ซึ่งแซมก็ทำเพียงแค่เอียงตัวหลบแล้วก็หัวเราะแค่นั้น ผมนั่งคุยกับแซมต่ออีกสักพักพี่คินก็โทรเข้ามาหาบอกว่าจอดรถรออยู่หน้าร้านแล้วเรียบร้อย เราสองคนเลยเดินออกจากร้านไปด้วยกัน
"เอาไว้เจอกันใหม่นะแซม เราไปแล้ว" ผมโบกมือให้กับแซมก่อนจะรีบเดินไปขึ้นรถเพราะบริเวณหน้าร้านจอดรถได้ไม่นาน ซึ่งแซมก็โบกมือกลับมาก่อนจะเดินไปทางที่จอดรถของร้าน
"มัมมมมมม สวัสดีครับ" ทันทีที่ผมขึ้นไปนั่งบนรถน้องกันต์ที่นั่งอยู่บนตักพี่คินก็โผเข้ามาหาผมทันที
"สวัสดีครับน้องกันต์" ผมก้มลงหอมแก้มเจ้าตัวเล็กก่อนจะเงยหน้าส่งยิ้มให้กับพี่คิน แต่แล้วก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นเมื่อพี่คินทำแก้มป่องยื่นมาใกล้ผม "อะไรกันครับพี่คิน"
"หอมแก้มลูกแล้วก็หอมแก้มพ่อด้วยสิครับ นี่อะๆ หอมเร็ว หอม" พี่คินพูดพร้อมกับเอานิ้วจิ้มไปที่แก้มตัวเองเป็นเชิงบอกให้ผมหอม
"ฮื่อ... ขับรถไปเลยครับ" ผมใช้มือดันพี่คินให้กลับไปนั่งดีๆ
"ไม่หอมพี่หอมเองก็ได้ ฟอด!" พี่คินพูดก่อนจะยื่นหน้ามาหอมแก้มผมหนักๆ แบบที่น้องกันต์ก็หัวเราะคิกคักชอบใจ
"หอมชื่นใจจริงๆ เลยแก้มเมียพี่เนี่ย""พี่คิน! เดี๋ยวเถอะ"
พี่คินหัวเราะชอบใจที่แกล้งให้ผมเขินได้ หลังจากที่แกล้งผมจนพอใจแล้วถึงได้ขับรถกลับคอนโด
************************************************
โอ๊ะๆๆ... มีตัวละครเพิ่มมาอีกคนแล้ว แซม... เพื่อนสนิทที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นมากกว่าเพื่อนกลับมาจากต่างประเทศแล้วค่ะ มาเฉยๆ... ไม่มีอะไรหรอก(มั้ง) ฮี่ๆ เอาเป็นว่าแซมจะสร้างเรื่องอะไรไหมอันนี้ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปนะคะ
อ๋อ... ฟางเปิดให้ร่วมกิจกรรมกัน วาดรูปประกอบนิยายค่ะ จะวาดมือ วาดคอม ยังไงก็ได้ ถ้าสนใจก็อย่าลืมเข้าร่วมกันนะคะ ให้เลือกฉากในนิยายมาแล้วก็วาดรูปฉากนั้นค่ะ สำหรับคนที่ฟางเลือกภาพนั้นก็จะไปประกอบอยู่บนหนังสือเรื่องนี้นะคะ แล้วคนที่ได้เอารูปลงก็จะได้รับหนังสือไปเลยค่ะ ^^
วาดสวยไม่สวยก็ลองวาดส่งมากันได้นะคะ เพราะภาพที่วาดส่งกันมาฟางจะเอาไปทำอย่างอื่นอีกค่ะ ซึ่งจะเป็นอะไรนั้นยังไม่ขอบอกนะคะ สงสัยอะไรถามได้ในเพจหรือไม่ก็อีเมล์ฟางนะคะ ssfangiily[at]gmail.com ค่ะ
อย่าลืมคอมเมนต์ให้ฟางด้วยนะ แต่งมาให้อ่านแล้วก็อยากอ่านคอมเมนต์บ้าง คอมเมนต์กันด้วยน๊า พลีสสสสสสสสสส
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)