น้องกันต์จัดให้ครั้งที่ 45คิน“สวัสดีครับ ครับ… อย่างนั้นเหรอครับ ครับๆ ขอบคุณมากนะครับ แล้วผมจะแวะเข้าไปดูแล้วจะบอกอีกทีนะครับ… ครับ ครับ… สวัสดีครับ” ผมกดวางสายก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋ากางเกงแล้วหันกลับมาตีแป้งที่จะใช้ทำคุกกี้ต่อ
ตอนนี้ผมอยู่ที่ร้านครับกำลังทำคุกกี้อัลมอนด์อยู่ เมื่อวันก่อนผมทำคุกกี้วางขายที่หน้าร้านแล้วก็มีคนสนใจกันเยอะ ปกติบางวันผมก็ทำขายอยู่แล้วแต่ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ไม่นานก็หมด ส่วนใหญ่ผมจะเน้นพวกขนมเค้กมากกว่า พอวันก่อนทำแล้วมีคนสนใจเมื่อวานก็มีคนถามถึงคุกกี้วันนี้ผมเลยตั้งใจว่าจะทำออกไปวางหน้าร้าน เพราะคุกกี้ยังเก็บไว้ได้หลายวัน
“พี่คินคะนี่อัลมอนด์ค่ะ” เปรี้ยวที่เป็นพาติชิเย่ของร้านร้องบอกพร้อมกับถือถ้วยที่ใส่อัลมอนด์ที่สับแล้วถ้วยใหญ่มาวางไว้บนเคาน์เตอร์ทำขนมข้างๆ ผม
“ขอบคุณนะเปรี้ยว พี่ฝากทำมาการองด้วยนะ” ผมเงยหน้าขึ้นบอกเปรี้ยว
“รับทราบค่า” เปรี้ยวรับคำเสียงใสพร้อมกับตะเบะใส่ผมเหมือนทหารตำรวจจนผมหลุดยิ้มขำออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะหันกลับไปทำมาการองตามที่ผมบอก
วันนี้มีแค่ผมกับเปรี้ยวสองคนเพราะฝนไม่สบายเลยขอลาหยุด ผมกับเปรี้ยวเลยค่อนข้างวุ่นวายตั้งแต่เช้ามายังไม่ได้ออกไปหน้าร้านเลยเพราะวุ่นกับการทำขนมนี่แหละครับ ปกติถ้าฝนอยู่ก็จะช่วยกันทำกับเปรี้ยวสองคนผมก็จะมีเวลาแวะออกไปดูหน้าร้านบ้าง เข้ามาช่วยบ้าง แต่วันนี้ถ้าผมออกไปหน้าร้านก็ไม่มีคนช่วยเปรี้ยวทำ วันนี้เลยต้องปล่อยให้คนอื่นดูหน้าร้านแทนผม
ผมหันไปหยิบอัลมอนด์ในถ้วยมาเทใส่ก่อนจะคนให้อัลมอนด์กับเนื้อคุกกี้ที่ผมทำไว้เข้ากันก่อนจะตักคุกกี้หยอดลงบนถาดที่เตรียมเอาไว้แล้วเอาเข้าเตาอบ ระหว่างรอผมก็หันมาแต่งหน้าเค้กแทนก่อนจะเรียกให้เจ้าตั้มเข้ามาเอาขนมเค้กออกไปใส่ไว้ในตู้ แล้วจึงเริ่มทำคุกกี้อย่างอื่นเพิ่ม ทั้งคุกกี้ช็อกโกแลตชิพ คุกกี้ลูกเกตุ คุกกี้เนยสด
จนกระทั่งตกบ่ายผมก็ให้เปรี้ยวไปพักหาอะไรกินเพราะทำขนมกันมาตั้งแต่เช้า ส่วนผมก็เดินออกไปดูหน้าร้าน ช่วงนี้ลูกค้าไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ผมเลยให้พนักงานในร้านไปซื้อข้าวมาให้ผมแล้วก็นั่งเฝ้าหน้าร้านไปด้วย แต่เดี๋ยวรอตอนเย็นอีกหน่อยคนคงเข้ามาให้วุ่นอีกแน่
ผมนั่งอยู่หน้าร้านจนกระทั่งใกล้เวลาเลิกเรียนของน้องกันต์จึงได้ลุกไปเตรียมตัวเดินไปรับน้องที่โรงเรียน
“เดี๋ยวไปรับน้องกันต์ก่อน ฝากร้านด้วยนะ” ผมหันไปบอกส้มพนักงานที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่ใกล้ๆ กับผม
“ค่ะพี่คิน”
ผมพยักหน้ารับสองสามทีก่อนจะเดินออกจากร้านเพื่อตรงไปยังโรงเรียนอนุบาลของน้องกันต์ เย็นนี้ผมว่าจะกลับเร็วสักหน่อยเมื่อตอนสายๆ คุณศิริณีที่เป็นมัณฑนากรที่รับผิดชอบรีโนเวทบ้านของผมโทรมาบอกว่าบ้านเสร็จแล้วเรียบร้อยให้ผมเข้าไปดูได้เลย ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมก็ให้โทรบอกได้ทันที
จะว่าไปผมยังไม่ได้โทรบอกพัทธ์เลยนี่นา...ผมคิดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมากดโทรหาพัทธ์ รออยู่ไม่นานคนน่ารักของผมก็รับสาย
[ครับ พี่คิน]
“พัทธ์ คุณศิริณีโทรหาหรือยังครับ” ผมถาม
[ยังเลยครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ บ้านมีปัญหาเหรอพี่คิน]
ผมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงร้อนรนของอีกฝ่าย “เปล่าครับ ไม่ได้มีปัญหาอะไรเขาโทรมาหาพี่บอกว่าบ้านเสร็จแล้วให้เข้าไปดูได้เลย เย็นนี้เข้าไปดู
'บ้านของเรา'กันนะครับ” จงใจเน้นคำว่าบ้านของเราออกมาอย่างชัดเจน
พัทธ์ส่งเสียงออกมาเบาๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้เขาต้องกำลังหน้าแดงอยู่แน่ๆ คนอะไรขนาดไม่เห็นหน้าก็ยังทำตัวน่ารักให้รู้สึกรักได้มากขนาดนี้นะ
“ว่ายังไงครับ ตกลงเย็นนี้ไปดูบ้าน ของ เรา กันเนอะ” ผมยังคงแกล้งแหย่เขาต่อไป จะแกล้งไปแบบนี้แหละครับจนกว่าพัทธ์จะยอมรับออกมาว่าเขิน
เพราะพัทธ์จะเป็นแบบนี้เสมอเวลาเขินเจ้าตัวจะทำเงียบๆ ไม่ยอมพูดอะไรแล้วพอผมแกล้งมากๆ เขาก็จะยอมรับเสียงอ่อยว่าให้ผมเลิกแกล้งเพราะเขาเขิน
[พี่คินจะไปกี่โมงเหรอครับ] พัทธ์ส่งเสียงอ้อมแอ้มถามมา
“สักสี่โมงกว่าๆ พี่จะออกจากร้าน เดี๋ยวพี่ขับรถไปรับพัทธ์แล้วไปบ้านของเรานะครับ”
[พี่คิน....] ผมยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น
[อย่าย้ำนักสิครับ ก็รู้อยู่ว่าผมเขิน ยังจะแกล้งผมอีก]สาบานได้เลยว่าถ้าพัทธ์อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ผมจะจับเขามากอดแล้วก็ฟัดไม่หยุดแน่ๆ ครับ “เขินทำไมละครับ พี่พูดเรื่องจริงนี่ ก็บ้านหลังนั้นกำลังจะเป็นบ้านของเราแล้วยังไงละครับ”
[ก็รู้ครับ แต่มันก็เขินแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้]
ผมหัวเราะออกมากับคำพูดของพัทธ์ ทำตัวได้น่าเอ็นดูจนอยากจะดูเอ็น(?)จริงๆ เลยคนนี้ “ครับๆ เอาไว้ตอนเย็นพี่เข้าไปรับนะครับ เดี๋ยวพี่ไปรับน้องกันต์ก่อน แล้วเจอกันนะครับน้องพัทธ์”
พัทธ์ตอบรับกลับมาก่อนจะกดวางสายไป ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าเมื่อเดินมาถึงหน้าโรงเรียนอนุบาลที่น้องกันต์เรียนอยู่ เด็กๆ หลายคนกำลังวิ่งเล่นอยู่ในสวนหน้าโรงเรียน บางส่วนก็เดินออกมาหาผู้ปกครองที่มารอรับ ผมยิ้มทักทายกับคุณครูที่ยืนเวรอยู่หน้าประตูโรงเรียนก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน
น้องกันต์กำลังวิ่งเล่นอยู่กับเพื่อนๆ ในสวน
“น้องกันต์ครับ” ผมส่งเสียงเรียกเจ้าตัวเล็กที่วิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน
น้องกันต์หันมามองก่อนจะยิ้มกว้าง ร้องเรียกผมเสียงดังแล้ววิ่งเข้ามากอดขาผมเอาไว้
“พ่อคินนนนนนนนนนนนนนน”“ว่ายังไงครับคนเก่ง” ผมนั่งลงยองๆ คุยกับเจ้าตัวเล็ก
“น้องกันต์คิดถึ๊งคิดถึงพ่อคิน” น้องกันต์ยิ้มกว้างก่อนจะส่งเสียงอ้อนให้ผมหัวเราะอย่างเอ็นดู อดใจไม่ไหวต้องหอมแก้มนิ่มๆ ไปฟอดใหญ่ จัดการอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมา
“พ่อคินก็คิดถึงน้องกันต์ครับ กลับกันดีกว่าเนอะ วันนี้พ่อคินทำคุกกี้ด้วยนะ อยากหม่ำไหม”
เจ้าหัวเห็ดพยักหน้ารับหงึกหงักทันทีที่ผมพูดจบ “อยากฮะ น้องกันต์อยากหม่ำ พ่อคินให้น้องกันต์หม่ำๆ นะครับ”
“ได้ครับ เดี๋ยวพ่อคินให้หม่ำครับ ตอนเย็นพ่อคินจะพาไปดูบ้านเรานะน้องกันต์ จำได้ไหมที่พ่อคินเคยพาไป” ผมหันไปถามน้องกันต์ที่ยกมือสองข้างกอดรอบคอผมเอาไว้ ผมใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นเสยผมที่เปียกชื้นเพราะเหงื่อขึ้นให้ แก้มทั้งสองข้างยังคงแดงอยู่น่าจะเพราะจากการวิ่งเล่นเมื่อครู่
น้องกันต์เอียงคอมองผมพร้อมทำหน้านึกก่อนจะพยักหน้ารับอีกรอบเมื่อนึกขึ้นได้ “บ้านหลังใหญ่ๆ มีหญ้านุ่มๆ ให้น้องกันต์เล่น”
“ใช่แล้วครับหลังนั้นแหละ เดี๋ยวเราจะย้ายไปอยู่บ้านหลังนั้นกันนะมีสนามหญ้านุ่มๆ ให้น้องกันต์วิ่งเล่นได้ทุกวันเลย ดีไหมครับ”
“เย้ๆๆๆ ดีครับ น้องกันต์ชอบ เย้ๆๆๆ น้องกันต์จะได้มีบ้านใหม่แล้ว เย้ๆๆๆ” เจ้าตัวเล็กชูมือสองข้างแล้วร้องเย้ๆ ไปตลอดทางผมได้แต่ยิ้มกับท่าทางดีใจนั้น
อยู่คอนโดอาจจะสบายกว่าเพราะใกล้กว่า อีกทั้งยังไม่ต้องทำความสะอาดมากเพราะขนาดพื้นที่น้อยกว่าบ้าน แต่ผมคิดว่าการที่เด็กเล็กๆ อย่างน้องกันต์ต้องเล่นอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมมันไม่เพียงพอต่อการเรียนรู้ ถึงแม้คอนโดจะมีสวนอยู่บนดาดฟ้าแต่ผมก็ไม่สามารถพาน้องขึ้นไปเล่นได้บ่อยๆ อีกทั้งยังต้องคอยระวังอีกด้วย แต่ถ้าหากเราย้ายไปอยู่บ้านที่มีสนามหญ้าเล็กๆ อยู่หน้าบ้าน มีต้นไม้ ดอกไม้ หรือถ้าซื้อเครื่องเล่นมาตั้งได้คงจะดีกับน้องกันต์มากกว่า
ผมอยากให้น้องกันต์มีที่สำหรับวิ่งเล่นไม่ใช่แค่การนั่งเล่นของเล่นอยู่แต่ในห้อง
ผมวางน้องกันต์ลงยืนกับพื้นเมื่อเดินมาถึงร้านก่อนจะเดินไปหยิบคุกกี้พร้อมกับเทนมใส่แก้วก่อนจะยกมาให้น้องกันต์ที่เดินไปปีนเก้าอี้นั่งแล้วเรียบร้อยที่โต๊ะประจำ ปล่อยให้เจ้าตัวเล็กกินขนมแล้วก็เล่นกับพนักงานในร้านเหมือนอย่างทุกที ส่วนผมก็เดินเข้าไปดูในครัวก่อนจะเข้าไปเก็บของในห้องทำงาน พอเดินออกมาที่หน้าร้านอีกรอบก็ได้ยินเสียงแจ้วๆ ของเจ้าตัวเล็กที่อวดกับเจ้าตั้ม เจ้าเป้ยกใหญ่ว่ากำลังจะไปดูบ้าน จะย้ายบ้านใหม่ จะมีหญ้านุ่มๆ ให้วิ่งเล่น
จนกระทั่งตอนสี่โมงผมก็พาน้องกันต์ไปเข้าห้องน้ำเพื่อที่จะได้ไปรับพัทธ์แล้วไปดูบ้านกัน
“ถ้าคนน้อยแล้วก็ปิดร้านกันเลยนะ ไม่ต้องรอจนถึงเวลาหรอกเดี๋ยวจะมืดกลับกันลำบาก ช่วงนี้ยิ่งมืดเร็วอยู่ด้วย” ผมหันไปบอกเจ้าเป้ที่ช่วยถือกระเป๋าเรียนของน้องกันต์มาส่งที่รถ
“ครับพี่คิน”
“ฝากด้วยนะ” ผมตบไหล่เจ้าเป้เบาๆ ก่อนจะปิดประตูรถแล้วขับรถออกจากที่จอดรถของร้านตรงไปยังบริษัทของพัทธ์
ผมเลี้ยวรถเข้าไปจอดในที่จอดรถของพัทธ์ก่อนจะพาน้องกันต์เดินเข้าไปรอเขาที่ชั้นล่าง เมื่อกี้ตอนก่อนจะถึงผมโทรบอกเขาไปแล้วแต่ดูเหมือนพัทธ์จะติดงานด่วนเลยให้ผมเข้ามารอก่อน
น้องกันต์วิ่งเล่นไปทั่วชั้นล่างตรงเข้าไปสวัสดีทักทายกับพนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่สนิทสนมกับน้องกันต์เป็นอย่างดีจนได้ขนมมาอีกสองสามอย่าง ผมว่านะ... โตขึ้นน้องกันต์ต้องเสน่ห์แรงแน่ๆ เลย ขนาดตอนนี้ยังเด็กเจ้าตัวยังเผลอไปหว่านเสน่ห์ใส่สาวๆ มาไม่รู้ตั้งกี่คนแล้ว
แต่ก็ดีแล้วละเพราะผมไม่อยากให้น้องกันต์เป็นแบบพัทธ์ ไม่ได้หมายถึงเรื่องเป็นเกย์นะครับ ผมหมายถึงไม่อยากให้น้องกันต์ไปเป็นเมียใครน่ะ ผมคงทำใจลำบากที่จะต้องส่งลูกตัวเองเข้าบ้านคนอื่น ผมอยากได้ลูกสะใภ้มากกว่า ส่วนจะได้สะใภ้หญิงหรือชายก็ปล่อยให้เจ้าตัวเล็กเขาเลือกเอาเอง
นี่ผมคิดไปไกลเกินไหมนะ“วันนี้น้องกันต์แลดูอารมณ์ดีจังนะคะคุณคิน” คุณตองพนักงานประชาสัมพันธ์ที่เดินจูงมือน้องกันต์มาหาผมพูด
“ดีสิดี น้องกันต์จะได้บ้านใหม่แล้วแหละ” เจ้าตัวเล็กเงยหน้าขึ้นร้องอวดทันที พร้อมกับร้องเย้ๆ ไม่หยุด ดูท่าจะดีใจมากจริงๆ ที่จะได้บ้านใหม่
คุณตองหัวเราะ “อย่างนั้นเหรอจ๊ะ จะได้บ้านใหม่แล้วเหรอ”
น้องกันต์พยักหน้ารับ “ใช่ๆ ไม่เชื่อถามพ่อคินได้เลย”
“ครับ บ้านเสร็จแล้ววันนี้ผมจะพาเจ้าตัวเล็กไปดูเลยดีใจจะได้ย้ายเข้าบ้านใหม่” ผมตอบพร้อมกับรับน้องกันต์ขึ้นมานั่งบนตัก
“ดีจังเลยนะคะ เหมือนสร้างครอบครัวเลยเนอะ” คุณตองพูดแล้วก็หัวเราะ
ผมยิ้มรับตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่พูดอะไรแต่หางตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ พอเห็นแบบนั้นแล้วก็นึกอยากจะแกล้งยังไงบอกไม่ถูก ผมก็เลย...
“ผมก็อายุไม่น้อยแล้วนี่ครับ ในเมื่อเจอคนที่อยากจะสร้างครอบครัวด้วยแล้วผมก็เลยตั้งใจจะสร้างครอบครัวเล็กๆ เหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง”แล้วไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมครับว่าคนที่เดินเข้ามาใกล้มากพอจนได้ยินในสิ่งที่ผมพูดจะทำหน้าตายังไง
“เป็นครอบครัวที่น่าอิจฉานะคะเนี่ย คุณพัทธ์โชคดีจังได้คนรักที่ดีอย่างคุณคิน” คุณตองที่ยังไม่เห็นพัทธ์ยังคงพูดต่อ
“ผมก็โชคดีครับที่ได้คนรักที่ดีอย่างพัทธ์ ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะคิดแบบนั้นเหมือนกัน หรือพัทธ์ว่ายังไงครับ” ผมตอบคุณตองก่อนจะหันไปถามคนที่ยืนหน้าแดงก่ำ
คุณตองร้องออกมาเล็กน้อยที่เห็นพัทธ์ก่อนที่เธอจะหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นใบหน้าของพัทธ์ก่อนจะเอ่ยขอตัวกลับไปทำงานต่อ
“ว่าไงครับที่รัก”
คนหน้าแดงส่งค้อนมาให้ผมก่อนจะเดินมาอุ้มน้องกันต์ที่ร้องเรียกเขาขึ้นแล้วเดินหนีผมออกไปด้านนอกทันที คงเขินอย่างไม่ต้องคิดให้ซับซ้อนอะไร
กึก!
คนที่นำหน้าผมชะงักก่อนที่ผมจะเห็นหูของพัทธ์แดงก่ำกว่าเดิมก่อนที่เจ้าตัวจะรีบสาวเท้าไวๆ ตรงไปที่รถ น่าเสียดายนะที่พัทธ์ไม่ได้เอารถมาเขาเลยหนีผมไปไหนไม่ได้นอกจากเดินหนีผมไปที่รถเมื่อได้ยินผมถาม
“พัทธ์ยินดีจะมาสร้างครอบครัวอย่างจริงจังกับพี่ไหมครับ”ไม่ได้รับคำตอบ แต่การกระทำของเขาก็คงตอบคำถามได้ดีละเนอะ************************************************
ฮิ้ววววววววววววว อ่านจบแล้วฮิ้วกันดังๆ เลยจ้า แหมมมมมม คุณพี่คินขยันหยอดน้องเหลือเกิน หยอดได้หยอดดี หยอดไม่มีวันหยุดและไม่มีวันหมด ไม่สงสารน้องพัทธ์เล้ยว่าจะเขินแค่ไหน อั๊ยยะ! นึกแล้วอยากให้มีคนมาพูดแบบนี้บ้างอะ “ยินดีจะมาสร้างครอบครัวด้วยกันไหม” โหยยยยยยย คงจะฟินจนตัวลอยเลยเนอะ แต่มันไม่มีไง! ความจริงที่แสนโหดร้าย 555555555 โอเคพอ! เลิกเพ้อเจ้อ
อ๋อ... ฟางจะแจ้งการอัพนิยายหน่อยค่า อย่างที่ฟางเคยบอกไว้ว่าฟางมีสอบปลายเดือนนี้อะเนอะ เพราะฉะนั้นหลังจากที่อัพวันนี้แล้วฟางจะไม่อัพนิยายแล้วนะคะ จนกว่าจะสอบเสร็จนะ แล้วเจอกันอีกทีช่วงก่อนปีใหม่นะคะทุกคน เข้าใจกันเนอะ ตกลงตามนี้นะคะทุกคน
อ่านแล้วอย่าลืมคอมเมนต์นะคะ คอมเมนต์กันหน่อยนะ อย่าเงียบค่ะ ใจไม่ดีเลยยยยย
ปล. ส่งภาพวาดประกอบนิยายเข้ามากันเยอะๆ นะคะ สวยไม่สวยไม่สำคัญค่ะ แค่ทุกคนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมฟางก็ดีใจแล้วค่ะ
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)