น้องกันต์จัดให้ครั้งที่ 46.2พฤกษ์“พัทธ์มีเรื่องสำคัญจะคุยกับพี่พฤกษ์น่ะครับ เรื่องงานเฟอร์นิเจอร์แฟร์… พอดีมันเกี่ยวพันกับบริษัทสโรชาด้วย พี่พฤกษ์พอสะดวกคุยไหมครับ”
“พอดี... มีคนเข้ามาทำลายข้าวของจัดการของบริษัท คิดว่าน่าจะเป็นของบริษัทสโรชาครับ”
… มันเกี่ยวพันกับบริษทสโรชาด้วย …เกี่ยวพันกับบริษัทสโรชาอย่างนั้นเหรอนี่มันเรื่องอะไรกันนะ เขาคิดที่จะทำอะไร ผมได้แต่ขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด คุณส่งศักดิ์คิดจะทำอะไรกันแน่หลังจากวันนั้นที่เขามาหาผมที่บ้านผมก็ไม่ได้เจอกับเขาอีกเลย แม้แต่เขมกับลันดาก็ไม่ได้เจอ อีกอย่างผมมัวแต่สืบเรื่องที่เขายักยอกเงินของบริษัทจนไม่ได้สนใจอย่างอื่นเลย
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้คุณส่งศักดิ์ส่งคนไปทำลายข้าวของผมก็ไม่ชอบใจ และผมมั่นใจมากว่าจะต้องเป็นคนของเขาแน่ๆ และผมกำลังรู้สึกโมโห หงุดหงิดกับคนที่เป็นผู้ใหญ่เสียเปล่าแต่กลับมาทำอะไรเหมือนเด็กๆ แบบนี้ ถ้าเขาไม่พอใจผมที่ผมไม่ช่วยเขาทำไมไม่มาลงกับผม จะไปลงกับคนอื่นทำไม!!!
“เฮ้ย!!” ผมร้องลั่นด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ ก็มีอะไรหนักๆ มาโถมมารัดผมเอาไว้ คนกำลังคิดเรื่องเครียดๆ อยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมครับว่าใคร “หมอชลทำอะไรของคุณเนี่ย”
ผมหันไปมองพร้อมกับขมวดคิ้วใส่ เวลานี้ผมไม่มีอารมณ์จะมาเล่นด้วยหรอกนะ ผมแค่คิดอยู่ในใจแต่ดูเหมือนคนที่กอดผมจะรู้นะครับว่าผมคิดอะไรอยู่
“ทำหน้าเครียดจนคิ้วจะผูกเข้าหากันอยู่แล้วพฤกษ์” เขาว่าพร้อมกับเอามือข้างหนึ่งมาจิ้มตรงกลางระหว่างคิ้วของผม ก่อนจะใช้นิ้วนั้นคลึงเบาๆ เหมือนต้องการให้ผมคลายอาการขมวดคิ้วลง
หมอชลดึงแขนผมที่กำลังนั่งหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะทำงานให้ไปทางส่วนดูหนังในห้องนอนของผมด้วยกันดันให้ผมนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ก่อนที่เขาจะตามลงมานั่งข้างๆ
“จะเบียดผมขนาดนี้ขึ้นมานั่งตักผมเลยไหม” ผมหันไปว่าเมื่อหมอชลนั่งลงจนเบียดผมแบบไม่มีช่วงว่างเลยสักนิด
เขาทำตาโต “นั่งได้เหรอ”
ผมได้แต่ถอนหายใจออกมากับนิสัยทำเป็นเล่นได้ทุกเรื่องของเขา “ไม่ใช่ตอนนี้ ผมกำลังยุ่งอยู่อีกเดี๋ยวพัทธ์จะเข้ามาคุยเรื่องสำคัญด้วย ถ้าคุณไม่มีเรื่องอะไรผมขอตัวไปจัดการเรื่องสำคัญก่อน”
หมับ!
หมอชลคว้าแขนผมเอาไว้ตอนที่ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะกระชากผมให้ลงไปหาเขาอีกรอบ ผมที่ไม่ทันระวังตัวก็ล้มลงไปทับเขาทันที “หมอชล! เข้าใจไหมว่าตอนนี้ผมกำลังยุ่ง!”
“ตอนนี้คุณกำลังโกรธพฤกษ์ ไม่ใช่กำลังยุ่ง!”พอผมพูดไปแบบนั้นหมอชลก็สวนกลับมาทันที เขาจ้องหน้าผมนิ่ง ผมเองก็จ้องหน้าเขานิ่งๆ เหมือนกัน ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ผมกับเขาจ้องหน้ากันแบบนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเขาที่ถอนหายใจออกมาก่อน
“คุณกำลังโกรธนะพฤกษ์ และความโกรธของคุณจะทำให้คุณตัดสินใจผิดพลาด คุณคิดว่าผมไม่รู้เหรอว่าเมื่อกี้คุณคุยอะไรกับพัทธ์แค่เห็นสีหน้าคุณผมก็รู้แล้วว่ามันต้องเกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังสืบอยู่ตอนนี้ คุณพยายามสืบเรื่องราวทุกอย่างจนคุณแน่ใจ แต่ทุกอย่างมันจะพังถ้าคุณใช้ความโกรธของคุณ” หมอชลพูดออกมาเสียยาว แต่นั่นก็เหมือนเป็นการเตือนสติผมได้
ใช่... ตอนนี้ผมกำลังโกรธ แล้วก็โกรธมากด้วยกับการกระทำของคุณส่งศักดิ์ ทั้งเรื่องที่เขายักยอกเงินในบริษัท ฮั้วกันกับร้านขายไม้ ร้านรับเฟอร์นิเจอร์เอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไปไม่น้อยจนบริษัทย่ำแย่แต่เขาก็ไม่คิดที่จะสำนึกและปรับปรุงตัว กลับมาตามราวีพัทธ์และบริษัทของพัทธ์เรื่องพื้นที่จัดแสดงในงานเฟอร์นิเจอร์แฟร์ มันเลยยิ่งทำให้ผมโกรธมากๆ
“ไหนบอกผมมาสิว่าที่พัทธ์โทรมามีเรื่องอะไร” หมอชลถาม
ผมขยับตัวนั่งดีๆ อีกรอบก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเพื่อเป็นการระบายความเครียด ความโกรธต่างๆ ให้ลดลงไปแล้วจึงเริ่มเอ่ยปากเล่าเรื่องราวให้เขาฟัง
“พัทธ์โทรมาบอกว่าของที่ใช้จัดการเฟอร์นิเจอร์แฟร์มีคนมาทำลาย หลังจากไปดูกล้องวงจรปิดแล้วเห็นว่าเป็นคนของบริษัทสโรชา”
“ที่ผมจะพูดผมไม่ได้เข้าข้างใครหรือไม่เข้าข้างใครนะครับ แต่พัทธ์แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าเป็นคนของบริษัทคุณตาคุณจริงๆ น่ะครับ” หมอชลถามออกมาอีกรอบ ผมเข้าใจนะว่าเขาอาจจะคิดว่ามีคนใส่ร้ายหรือยังไง แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงมั่นใจว่าใช่แน่ๆ
“พัทธ์ก็ไม่แน่ใจหรอก ผมเองก็ยังไม่เห็นวีดีโอที่ว่านั้นพัทธ์เลยจะเข้ามาคุยกับผมที่นี่ ผมไม่อยากเอาเรื่องพวกนี้ไปคุยในบริษัทเท่าไหร่”
“อย่างนั้นอย่างแรกที่คุณควรทำคือรอพัทธ์ แล้วก็ดูให้แน่ใจว่าใช่หรือเปล่าหลังจากนั้นค่อยคิดอีกทีว่าคุณจะจัดการยังไง อย่าวู่วามรู้ไหมครับ”
“เห็นผมเป็นคนแบบนั้นหรือไง” ผมหันไปถามเสียงห้วนอย่างไม่พอใจเท่าไหร่
“เมื่อก่อนละก็ใช่ แต่พอคุณรู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทของตาคุณ คุณก็ใจร้อนขึ้นเยอะถ้าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องด้วยผมว่าคุณจะวู่วามทำอะไรไปโดยไม่คิดให้ดีๆ ก่อนแน่นอน”
ผมได้แต่ส่งเสียงออกมาอย่างไม่รู้จะพูดอะไรเพราะผมเองก็ยอมรับว่าผมเป็นอย่างที่หมอชลพูด แล้วเมื่อเขาเห็นผมเงียบเขาก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจที่สามารถไล่ต้อนผมให้จนมุมได้ เห็นแบบนี้แล้วมันหมั่นไส้นะครับ
ผมกับเขามักจะมีเรื่องให้หมั่นไส้กันบ่อยๆ ก็เพราะความรู้เท่าทันกันนี่แหละ โดยเฉพาะเวลาที่หมอชลรู้ทันผมตลอดผมนี่หมั่นไส้อย่างสุดๆ เลยครับ
“คุณนี่น่ารักว่ะ” หมอชลว่าก่อนจะคว้าคอผมไปกอดเอาไว้จนหน้าผมแทบจะจมลงกับอกของเขา
แต่ผมโคตรเกลียดเลยครับเวลาเขาบอกว่าผมน่ารัก คือมันเป็นคำที่ไว้ชมผู้ชายตัวโตๆ สูงร้อยแปดสิบแบบผมเหรอ ผมยกมือดันเขาออกแต่พอผมดันเขาก็ยิ่งรัดผมแน่นขึ้น
“ปล่อยได้แล้ว ผมจะลงไปรอพัทธ์ข้างล่าง”
“จูบก่อนแล้วจะปล่อย” นี่เขาเป็นหมอจริงปะครับ หมอที่ไหนชอบต่อรองกันแบบนี้วะ
“จะปล่อยดีๆ ไหมคุณหมอชลธี” ผมว่าเสียงเข้มขึ้นอีกนิด
แบบที่เขาก็พูดเสียงเข้มตอบกลับมา “จะจูบดีๆ ไหมครับคุณพฤกษ์”
มาแบบนี้ถ้าไม่ได้จูบก็ไม่ปล่อยสินะ ผมได้แต่กรอกตาไปมารับรู้ว่าแรงกอดรัดลดลงไปแต่แค่เพียงนิดเดียวเพื่อให้ผมพอขยับตัวได้ ซึ่งมันบ่งบอกว่าถ้าผมไม่จูบเขา หมอชลก็ไม่มีทางปล่อยผมแน่ๆ
“เปลี่ยนอาชีพไหม หมอนี่ไม่ต้องเป็นแล้วถ้าในหัวคิดแต่ผลกำไรแบบนี้เนี่ย” ผมว่าออกมาอย่างอดไม่อยู่ซึ่งคนโดนว่าก็หัวเราะชอบใจกับคำเหน็บแหนมของผม
“จูบผมสิครับ เร็วๆ เข้าจะได้ลงไปรอพัทธ์ข้างล่างไง” เขาเปลี่ยนมาส่งเสียงอ้อน
ผมไม่อยากจะจูบเขาตอนนี้เลยจริงๆ...หมับ!
ผมยกมือขึ้นจับคอของเขาแล้วขยับหน้าไปใกล้แล้วจึงกดริมฝีปากทาบลงกับปากของหมอชลหนักแล้วผละออก แต่กลับกลายเป็นหมอชลที่ตามมาจูบผมต่อ
ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่อยากจะจูบเขาตอนนี้... เพราะเวลาเราจูบกันทีไรมักจะชอบเลยเถิดตลอด
“หมอ...ชล พอได้แล้ว” ผมยกมือขึ้นดันหน้าเขาเอาไว้เมื่อเขาตั้งท่าจะมาจูบผมอีกรอบ ผมเปลี่ยนมานอนบนโซฟาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
หมอชลจับมือของผมออกแล้วก้มลงมา “อีกรอบนะ ผมชอบเวลาจูบกับคุณ”
“ไม่ ผมมีธุระต้องคุยต่อพอแล้วลุกไปเดี๋ยวนี้เลยหมอชล”
“อีกรอบ”
“ไม่!” ผมตั้งท่าเตรียมจะยันเขาออกถ้าหากเขายังดื้อไม่ยอมปล่อยผม ผู้ชายคนนี้พูดดีๆ ด้วยไม่ได้ ต้องมือถึงเท้าถึงตลอดถึงจะรู้จักหยุด ผมว่าเขาต้องเป็นพวกชอบความรุนแรงแน่ๆ
“อีกรอบนึงนะ อีกรอบๆ จูบอีกรอบ” เขาเริ่มทำตัวงอแง ซึ่งขอบอกเลยว่ามันไม่ได้น่ามองเลยสักนิด
“ไม่จูบ!” ผมยังยืนยันคำเดิม รับรองได้เลยถ้าจูบอีกรอบมันจะไม่หยุดแค่นี้แน่ทั้งผมแล้วก็เขาต่างรู้ตัวดี และเพราะรู้ผมถึงได้ไม่ยอมแบบนี้ยังไงละ
หมับ!!
พลั่ก!!
โอ๊ย!!“พฤกษ์...” เขาเรียกผมเสียงยานคาง “ถีบผมทำไม เจ็บชะมัดเลย”
“แค่ถีบยังน้อยไป ใครใช้ให้!!!” ผมชี้นิ้วใส่เขาอย่างกรุ่นโกรธกับสิ่งที่เขาทำเมื่อสักครู่นี้
“อะไรครับอะไร แค่จับเป้าแค่นี้เองทำไมต้องถีบผมด้วยก็ไม่รู้” หมอชลว่าพร้อมกับทำหน้างอเหมือนน้อยใจเสียมากมาย
“ไอ้หมอชล!!” ผมเรียกเขาเสียงดัง พูดออกมาได้ไม่อายปากหรือยังไงกัน พร้อมกับหยิบหมอนบนโซฟามาปาใส่เขาเต็มแรงแต่อีกฝ่ายก็ไวพอที่จะหลบได้
มีอย่างที่ไหนเที่ยวมาจับเป้าคนอื่นแล้วบอกว่าแค่จับ “อยากจับนักก็จับของตัวเองไป!!!”
“ฮ่ะ ฮ่าๆๆๆ ฮ่ะๆ” แล้วพอผมเรียกแบบนั้นเขาที่นั่งอยู่บนพื้นก็เงยหน้าขึ้นมองผมก่อนจะหัวเราะเสียงดังแถมยังมีการเอามือกุมท้องนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นอีกด้วย “โคตรฮาเลยพฤกษ์ ฮ่าๆๆๆ ไม่เคยได้ยินคุณขึ้นไอ้มานานแล้ว ฮ่าๆๆๆ จับของตัวเองไม่สนุกจับของคุณสนุกกว่า จับไปจับมาดิ้นได้ด้วย ฮ่ะๆๆๆ”
ผมลุกขึ้นยืนแล้วเอาขาถีบเขาอีกรอบด้วยความหมั่นไส้ หันไปหยิบหมอนมาฟาดใส่เขาอีกรอบแต่ดูเหมือนหมอชลจะหนังเหนี่ยวมากแล้วก็ด้านมากนอกจากจะไม่ร้องว่าเจ็บแล้วยังเอาแต่หัวเราะกับอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงของผมอีกต่างหาก
“ไอ้หมอโรคจิต ไอ้หมอประสาท ไอ้หมอบ้า!” ด่าเขาไปก็เอาหมอนฟาดไปตามตัวเขาไปด้วย หมอชลก็ได้แต่กลิ้งไปกลิ้งมาหลบหมอนที่ผมฟาดใส่
“ฮ่ะๆๆ พอๆ พอแล้วคร้าบบบบ โดนมากๆ มันเจ็บนะคุณ”
“เจ็บให้ตายไปเลยไอ้หมอ” ว่าแล้วผมก็ฟาดหมอนใส่เขาไปอีกรอบ
“เล่นอะไรกันคะเนี่ย!” เสียงของป้าสายดังขึ้นทำให้ผมหยุดชะงักแล้วหันไปมองป้าสายที่ยืนอยู่ไม่ไกลกำลงทำหน้าตกใจเมื่อเห็นผมเอาหมอนฟาดใส่หมอชล “พอแล้วค่ะพอแล้ว เล่นกันเป็นเด็กๆ ไปได้ คุณพฤกษ์ไปตีหมอชลแบบนั้นหมอเขาเจ็บกันพอดี”
“ใช่ครับ ผมนี่เจ็บมากเลยป้าสายดูคุณหนูของป้าสิครับ ชอบทำร้ายร่างกายผม” หมอชลรีบวิ่งไปกอดป้าสายแล้วทำตัวเป็นออดอ้อนทันที
ผมชี้หน้าหมอชลอย่างคาดโทษ ส่วนป้าสายก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ ยกมือตีแขนหมอชลเบาๆ “ว่าเข้าไปหมอชลเองก็ชอบไปกวนคุณพฤกษ์ให้ได้โมโห ทะเลาะกันทุกวันเป็นเด็กๆ ไปได้นี่ถ้าคุณพฤกษ์เป็นผู้หญิงคงลูกดกน่าดู”
“ป้าสายครับ!” ผมเรียกเสียงเข้ม ส่วนหมอชลกับป้าสายก็หัวเราะชอบใจใหญ่
“ค่ะๆ ไม่พูดแล้วค่ะ คุณพัทธ์มาหาค่ะ นั่งรออยู่ข้างล่างป้าเลยขึ้นมาตามดีนะคะที่ขึ้นมาเร็ว ไม่อย่างนั้นคงต้องโทรเรียกรถพยาบาลมารับศพหมอชลไป” ป้าสายพูด
“ครับ ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้ละครับ” ผมตอบรับป้าสาย
ป้าสายรับคำก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไป หลังจากที่ป้าสายเดินออกไปแล้วหมอชลก็หันมาหาผม “เดี๋ยวผมลงไปด้วย ลงไปทักทายพัทธ์หน่อยแล้วเดี๋ยวผมขึ้นมารอข้างบนแล้วกันนะ”
ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่ผมกับเขาจะเดินลงไปข้างล่างพัทธ์นั่งรออยู่แล้วในห้องนั่งเล่นพอเห็นผมกับหมอชลก็ยิ้มแล้วทักทายออกมาทันที
“ไอ้หมอยาไม่ได้มาด้วยกันเหรอ” หมอชลถามถึงเพื่อนรักของเขา
“ครับ ที่ร้านพี่คินยุ่งๆ ก็เลยไม่ได้มาด้วย”
“มันอยู่ร้านเหรอ อย่างนั้นผมไปป่วนร้านมันเล่นดีกว่า” หมอชลบอกก่อนจะหันมาหาผม “ผมไปหาไอ้คินแล้วกัน เดี๋ยวบ่ายๆ กลับมา”
ผมพยักหน้ารับและเมื่อหมอชลเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปแล้วผมก็เดินไปนั่งที่โซฟาตัวเดียวกันกับพัทธ์ก่อนจะเริ่มพูดเข้าเรื่องทันที “เรื่องที่พัทธ์บอกพี่ทางโทรศัพท์... มันเป็นยังไงกันแน่”
พัทธ์เปิดกระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆ ก่อนจะหยิบเอาโน้ตบุ๊กขึ้นมาเปิดแล้วเลื่อนมันมาไว้ตรงหน้าผม “เมื่อวันก่อนคุณอนงค์โทรมาหาผมบอกว่ามีคนมาทำลายพื้น ทำลายผนังที่เราจะใช้จัดงาน แล้วพอไปเช็คกล้องวงจรปิด... ก็เห็นแบบนี้แหละครับ”
ผมนั่งดูวีดีโอที่พัทธ์เปิด คิ้วทั้งสองข้างของผมขมวดเข้าหากันทันทีที่เห็นภาพบนหน้าจอนั้น...
“เป็นคนของสโรชาจริงๆ...”************************************************
ขอโทษที่มาช้าค่ะ ไม่ได้อัพนานเลยพอดีช่วงนี้เกเรค่ะ ยอมรับผิด แหะๆ ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ เพราะฟางเกเรจริงๆ ค่ะ พอมีอะไรน่าสนใจแล้วฟางสนใจฟางก็จะไปสนใจแต่สิ่งนั้นไม่ทำอย่างอื่นเลย ขอโทษนะคะ T^T
แต่คู่นี้แล้วแบบ... ออกนอกเรื่องตลอดค่ะ แบบว่าแต่งเพลินประมาณนั้นแต่งคู่นี้แล้วถ้าไม่มีฉากหมอชลโดนมือโดนเท้าพฤกษ์แล้วเหมือนมันไม่ใช่ยังไงก็ไม่รู้เลยต้องใส่ไปเสียหน่อย แต่คาดว่า (ขอย้ำอีกรอบว่า) คาดว่า... ตอนหน้าในส่วนพาร์ทของพฤกษ์เนื้อเรื่องจะค่อนข้างจริงจัง ส่วนพาร์ทหมอชล... (ละไว้ในฐานที่เข้าใจค่ะ) นั่นแหละ... เจอกันตอนหน้านะคะ ^^
อ่านแล้วอย่าลืมคอมเมนต์นะคะ คอมเมนต์กันหน่อยนะ อย่าเงียบค่ะ ใจไม่ดีเลยยยยย
ปล. ส่งภาพวาดประกอบนิยายเข้ามากันเยอะๆ นะคะ สวยไม่สวยไม่สำคัญค่ะ แค่ทุกคนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมฟางก็ดีใจแล้วค่ะ
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)