น้องกันต์จัดให้ครั้งที่ 47.2“อันนี้คือแผนงานในปีต่อไปของทางบริษัทของเรา ทางบริษัทคงต้องกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มมากขึ้นเพราะถ้าเปรียบเทียบจากยอดขายและกำไรของปีนี้ และปีก่อนๆ แล้ว ปีนี้ยอดขายของเราตกลงมาค่อนข้างเยอะทีเดียว ถ้าหากปีหน้ายอดขายยังคงเป็นแบบนี้อยู่บริษัทจะต้องมีปัญหาแน่นอนครับ”
“คุณส่งศักดิ์มีความคิดเห็นว่ายังไงบ้างเหรอครับ เรื่องนี้มันสำคัญกับบริษัทมากจริงๆ นะครับ”
คนถูกถามได้แต่นิ่งเงียบอยู่ที่ตำแหน่งที่นั่งของประธาน สีหน้าของส่งศักดิ์ฉายแววหงุดหงิดและไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดกับคำถามนี้ “แล้วพวกคุณที่เป็นถึงคณะกรรมการ เป็นหนึ่งในผู้บริหารคิดอะไรกันไม่ออกเลยหรือยังไงกัน”
“ไม่ใช่อย่างนั้นคุณส่งศักดิ์ แต่ที่เราถามคุณเพราะเผื่อว่าคุณจะมีแนวทางอยู่ในใจแล้วว่าจะทำยังไงกับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นนี้”
“คุณคนิณ” ส่งศักดิ์เรียกคนที่เพิ่งจะพูดจบเมื่อครู่ มือข้างที่วางอยู่บนโต๊ะประชุมยกขึ้นตบลงบนโต๊ะ สีหน้านั้นดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะเอ่ยต่อ” ผมจ่ายเงินจ้างพวกคุณทุกคนเพื่อให้มาช่วยกันบริหารงานในบริษัทนะครับไม่ได้ให้เข้ามานั่งเล่นนอนเล่นกินเงินเดือนไปวันๆ หน้าที่พวกนี้คุณก็ต้องช่วยกันคิดสิ”
พูดจบก็หมุนเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ไปอีกทาง คุณคนิณได้แต่หันมองสบตากับผู้บริหารคนอื่นๆ แล้วจึงส่ายหน้ากันออกมาพร้อมกัน ไม่ใช่คิดไม่ออกว่าจะทำยังไงแต่รู้สึกหน่ายใจกับคนที่นั่งอยู่ตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดต่างหาก
“แต่ถ้าวันทั้งวันจะเอาแต่จ่ายเงินโดยไม่ทำงานอะไรก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนั่งตำแหน่งประธานละมั้งครับ”ทุกคนในห้องต่างหันไปมองที่ประตูห้องประชุมทันทีเมื่อได้ยินเสียงพูดดังขึ้น พฤกษ์เปิดประตูห้องประชุมเข้ามายืนอยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่แน่ใจนักเพราะทุกคนไม่ทันได้สังเกตเสียด้วยซ้ำไป
“พฤกษ์… คุณพฤกษ์หลานชายแท้ๆ ของคุณพิสิษฐ์ สโรชา ท่านประธานคนแรก” คุณคนิณที่เห็นพฤกษ์ก็รีบเอ่ยแนะนำอีกฝ่ายกับทุกคน
และทันทีที่สิ้นเสียงแนะนำตัวก็เกิดเสียงซุบซิบขึ้นทันทีส่วนคนที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานก็หันมามองด้วยความไม่พอใจ “แกมาทำอะไรที่นี่”
พฤกษ์ยกยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาหยุดที่อีกฝั่งของโต๊ะซึ่งตรงข้ามกับส่งศักดิ์พอดี เขาวางกระเป๋าเอกสารลงบนโต๊ะก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ตรงข้ามที่มองมาที่เขาด้วยความไม่ชอบใจ “ผมก็มาทำให้เรื่องผิดกลายเป็นเรื่องถูกยังไงละครับ”
“เรื่องอะไรกันคะพี่พฤกษ์” เสียงของน้องสาวที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันเลยสักนิดร้องถามขึ้นให้พฤกษ์เบนสายตาไปมอง ก่อนจะเห็นลันดารวมไปถึงเขมที่มองตรงมาที่เขา แต่พฤกษ์ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะเขาหันกลับไปมองคนที่มีตำแหน่งใหญ่ที่สุดในตอนนี้แทน
“ก็เรื่องที่มีผู้บริหารสูงสุดของบริษัทสโรชายักยอกเงินบริษัทเข้ากระเป๋าไปหลายล้าน ยังไม่รวมกับมีเงินโอนเข้าออกบัญชีของบริษัทอย่างผิดปกติ หรือการปลอบราคาของขึ้นมาเพื่อเอาเงินส่วนต่างเก็บใส่กระเป๋าตัวเอง” ตลอดที่พูดเขาก็มองตรงไปที่ส่งศักดิ์อย่างไม่หลบสายตา ไม่ต้องเอ่ยชื่อคนอื่นๆ ในห้องประชุมก็สามารถรับรู้ได้ทันทีว่าพฤกษ์หมายถึงใคร
เสียงพูดคุยซุบซิบดังขึ้นเมื่อได้ยินที่พฤกษ์พูด
“ก...แก! อย่ามาพูดจามั่วๆ ถ้าไม่มีหลักฐาน อีกอย่างแกก็ไม่ใช่คนของบริษัทนี้! ข้างนอก! ใครก็ได้ตามรปภ.มาที มาลากผู้ชายคนนี้ออกไปจากบริษัทของฉัน!!”
“ผมจำไม่เห็นได้ว่าพินัยกรรมของคุณตาเขียนไว้ตรงไหนว่ายกบริษัทนี้ให้คุณ แล้วก็จะไม่เห็นได้ว่าคุณเปลี่ยนตำแหน่งจากรักษาการแทนไปเป็นประธานบริษัทตอนไหน” พฤกษ์ว่าใบหน้าของเขายังคงปรากฏรอยยิ้มอยู่แต่น้ำเสียงที่ใช้นั้นราบเรียบเหมือนกับไม่มีความรู้สึกใดๆ เขาหันไปหาทนายเดชที่มาด้วยกันก่อนจะถาม “จริงไหมครับทนายเดช”
“ไหนคุณบอกว่าคุณสุตราทำเรื่องยกมอบบริษัทนี้ให้กับคุณแล้วยังไงหล่ะ!” เสียงของหนึ่งในผู้เข้าร่วมประชุมร้องถามออกมาเสียงดัง “เอกสารที่คุณเอามายืนยันอย่าบอกนะว่าคุณปลอบมันขึ้นมา”
ส่งศักดิ์ชะงักใบหน้านั้นเริ่มซีดลงเรื่อยๆ ทุกคนกำลังอึ้งรวมไปถึงลันดาและเขมด้วยเช่นกัน
“ม มันนั่นแหละกุเรื่องขึ้นมา” ส่งศักดิ์ชี้หน้าพฤกษ์ “ฉันคือประธานบริษัทสโรชาอย่างถูกต้อง ส่วนเรื่องยักยอกเงินอะไรนั่นก็ไม่จริงสักนิด ทำไมห๊ะ… อยู่ๆ แกนึกอิจฉาฉันขึ้นมาใช่ไหมถึงได้สร้างเรื่องแบบนี้ขึ้นมา หึ! ลงทุนดีนะ จ้างทนายมาด้วย”
“ผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกุเรื่องขึ้นมา ไม่ว่ายังไงผมก็คือทายาทที่แท้จริงของสโรชาอยู่แล้ว ที่สำคัญผมไม่เคยคิดอยากจะยุ่งเกี่ยวกับคุณเลยสักนิด แต่สิ่งที่คุณกำลังทำคือ ทำลายบริษัทที่คุณตาของผมสร้างมันขึ้นมา! ซึ่งผมยอมไม่ได้ ของแบบนี้พูดกันปากเปล่ามันก็เท่านั้น ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณบริสุทธิ์จริงก็เอาหลักฐานออกมายืนยันเลยดีกว่าคุณส่งศักดิ์” พฤกษ์พูด “เอาบัญชีของบริษัทออกมาตรวจสอบ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเลยก็ได้ เอาหลักฐานการสั่งซื้อของออกมาพร้อมทั้งราคากลางด้วย จะได้รู้กันไปว่าคุณยักยอกเงินของบริษัทจริงๆ หรือเปล่า!”
“คุณพ่อคะนี่มันเรื่องอะไรกันคะ” ลันดาร้องถามตอนนี้เธอทั้งงุนงงและสับสนไปหมดไม่รู้ว่าสิ่งที่พฤกษ์พูดเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องล้อเล่นกันแน่
ส่งศักดิ์ได้แต่นิ่งเงียบเขากำลังคิดหาทางออกอย่างเร่งด่วน กรรมการบริหารคนอื่นๆ ต่างก็ส่งเสียงเร่งเร้าเขาเพื่อให้พูดอะไรออกมา พฤกษ์ได้แต่ยืนมองคนที่ลุกลี้ลุกลนดวงตากรอกไปมาเหมือนกำลังหาทาง พฤกษ์ไม่ได้รู้สึกสนุกหรือรู้สึกสะใจเลยสักนิด มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเหมือนกัน สงสาร เวทนา หรืออะไรกันแน่เขาก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก แต่ที่แน่ๆ เขาก็ไม่ได้อยากที่จะทำร้ายใครแบบนี้…
“คุณไม่มีหลักฐาน แต่ผมมีหลักฐาน ต่อให้คุณดิ้นหรือแก้ตัวไปยังไงก็ไม่รอดหรอกคุณส่งศักดิ์ ถ้าหากคุณดูแลบริษัทนี้อย่างใสสะอาดผมก็ไม่คิดจะเข้ามาวุ่นวายและจะปล่อยให้ครอบครัวของคุณดูแลต่อไป แต่นี่ไม่ใช่… คุณสกปรก ผมถึงปล่อยให้คุณมาทำลายบริษัทนี้ไม่ได้ ถ้าหากอยากจะสู้กับผม… ก็ไปสู้กันบนศาลก็แล้วกันครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจหรอกนะ… ว่าคุณจะมีหนทางเอาชนะผมได้”
ส่งศักดิ์ได้แต่ยืนตัวสั่นไม่ใช่เพราะความกลัวแต่เพราะความโกรธ ก่อนที่เขาจะยิ้มเยาะออกมา “ฉันไม่เชื่อแกหรอก! คิดว่าจะกุเรื่องพวกนี้ขึ้นมาแล้วฉันจะกลัวอย่างนั้นเหรอ”
“ถ้าอย่างนั้น… เรามาพิสูจน์กันไหมละครับว่าเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก”
“คุณมีหลักฐานอย่างนั้นเหรอ” เสียงของคณะกรรมการคนหนึ่งในห้องนั้นร้องถามขึ้น
พอได้ยินคำถามนั้นตัวส่งศักดิ์ก็รีบหันมาจ้องคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกเลี้ยงทันที
“ลองดูไหมละครับ…”
“นี่ครับคุณพฤกษ์” ทนายเดชส่งกล่องใส่แผ่นซีดีให้กับพฤกษ์ ซึ่งเขาก็หันไปขอบคุณแล้วรับมา
“ลองเปิดดูกันไหมละครับ” พฤกษ์โบกกล่องใส่ซีดีไปมาช้าๆ ก่อนที่เขาจะส่งแผ่นซีดีนั้นให้กับคณะกรรมการที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เพื่อให้ไปเปิดดู
สิ่งที่ฉายอยู่บนจอโปรเจคเตอร์ด้านหน้าเป็นภาพวีดีโอของส่งศักดิ์ที่นั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งกับผู้ชายอีกคนซึ่งทุกคนในห้องนี้ต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดีว่าคนนั้นคือเจ้าของร้านที่มีการทำธุรกิจร่วมกันระหว่างบริษัทและทางร้านนั้นมาโดยตลอด
เสียงที่ดังออกมาแม้มันจะอู้ไปบ้างแต่ก็ได้ยินอย่างชัดเจนถึงการเจรจาทางธุรกิจที่ไม่โปร่งใส
“คุณจะอธิบายยังไงคุณส่งศักดิ์” เหล่าคณะกรรมการต่างหันไปกดดันคนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง “คุณโกงบริษัท! คุณโกงผู้มีพระคุณต่อคุณ! คุณทำแบบนี้ได้ยังไง”
“คุณพ่อคะ... ม มันไม่จริงใช่ไหมคะคุณพ่อ ค คุณพ่อบอกหนูมาสิคะว่ามันไม่จริงใช่ไหมคะ!” ลันดาได้แต่ร้องถามเสียงสั่น
“เรื่องอื่นเอาไว้คุยกันในคุก ในศาลแล้วกันนะครับคุณส่งศักดิ์” พฤกษ์ว่า
“แก!!!”
“คุณทนายครับ ผมฝากที่เหลือด้วยนะครับ นั่น… คุณตำรวจมาพอดี ผมฝากจัดการต่อด้วยนะครับ” พฤกษ์หันไปบอกกับทนายเดช
“ครับคุณพฤกษ์”
“แก!!! ไอ้พฤกษ์ แกจะมาทำแบบนี้ไม่ได้นะ ไอ้คนอกตัญญู!!!” ตำรวจสองนายเข้ามาจับแขนของทั้งสองข้างของส่งศักดิ์เอาไว้แน่นเมื่อเขาพยายามที่จะดิ้นหนีก่อนที่จะถูกคุมตัวออกจากห้องไป ทนายเดชเองก็ตามไปด้วยเช่นกัน
“คุณพ่อคะ!! คุณพ่อ คุณพ่อคะ” ลันดารีบวิ่งตามส่งศักดิ์ออกจากห้องประชุมไปทันที ส่วนเขมหันมามองพฤกษ์ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจตามลันดาออกไป
“คุณพฤกษ์… นี่มันเรื่องอะไรกันครับ” คนที่อยู่ในห้องประชุมต่างก็หันมาถามพฤกษ์กันหมดว่าเรื่องราวมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
พฤกษ์หันไปมองคุณคนิณซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าให้เขาเป็นเชิงบอกให้เล่าเรื่องทุกอย่างให้ทุกคนฟัง พฤกษ์จึงเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดโดยมีคุณคนิณช่วยพูดเสริมให้
“อย่างนั้น… คุณส่งศักดิ์ก็คงไม่มีทางรอดสินะครับ แล้วบริษัทสโรชาจะเป็นยังไงต่อไป”
“ทุกคน… ผมอยากจะเสนอให้คุณพฤกษ์กลับเข้ามาดูแลบริษัท ไม่ว่ายังไงคุณพฤกษ์ก็คือหลานชายแท้ๆ ของคุณพิสิษฐ์ ลูกชายของคุณสุตรา” คุณคนิณพูดขึ้นกลางที่ประชุมให้พฤกษ์ที่นั่งรับฟังอยู่ด้วยหันไปมองทันที
ทุกคนมีท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่ว่าไม่พอใจและไม่ยินยอม แต่ที่บริษัทเพิ่งเกิดเรื่องไปพวกเขาเลยยังรู้สึกสับสนและตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำยังไงต่อดี
“ผมว่า… เอาไว้ให้เรื่องคุณส่งศักดิ์เรียบร้อยก่อนดีกว่าครับ” พฤกษ์ว่า “อีกอย่าง… เพิ่งเกิดเรื่องขึ้นทุกคนคงอยากมีเวลาคิดแล้วก็ถกเถียงกันถึงเรื่องนี้ แล้วอยู่ๆ จะให้ผมที่ไม่เคยเข้ามาเลยจะให้เข้ามาบริหารงานคงมีแต่ความคลางแคลงใจกันมากกว่า ถ้าหากเป็นแบบนั้นการทำงานก็คงจะมีแต่ปัญหา”
พอได้ยินพฤกษ์พูดแบบนั้นคุณคนิณก็นิ่งไปอย่างยอมรับในสิ่งที่พฤกษ์พูด
“ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ยอมรับคุณนะคุณพฤกษ์ แต่ผมอยากให้คุณเข้าใจ… ถ้าหากว่าเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว ผมจะเสนอให้คุณเข้ามาทดทำงานเหมือนกับเป็นการทดลองงานคุณจะโอเคหรือเปล่า ผม… แล้วผมก็แน่ใจว่าทุกคนในห้องนี้ไม่อยากให้บริษัทนี้ต้องหายไปแน่นอน ถ้าหากคุณคิดอยากจะเข้ามาดูแลจริงๆ พวกเราก็อยากจะพิสูจน์ให้แน่ใจว่าคุณพร้อมแล้วก็ยินดีเข้ามาดูแลอย่างเต็มที่”
“ผมเข้าใจในสิ่งที่คุณพูด เอาเป็นว่า… ให้เรื่องของคุณส่งศักดิ์เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วพวกคุณก็ค่อยประชุมตัดสินใจกันอีกทีแล้วกันครับ” พฤกษ์บอก
หลังจากนั้นเขาก็นั่งร่วมประชุมถึงแผนงานของบริษัทต่อ ซึ่งบางจุดเขาก็เสนอแนะไปเมื่อมีความคิดเห็นดีดี หลายๆ คนก็รู้สึกพอใจเช่นกัน จนกระทั่งผ่านไปเกือบชั่วโมงการประชุมก็เสร็จสิ้นลง ทุกคนทยอยออกจากห้องจนหมด
“ครับคุณทนายเดช” พฤกษ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับเมื่อมันส่งเสียงดังขึ้น
[ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะครับคุณพฤกษ์ คุณส่งศักดิ์ยังคงถูกกักตัวไว้ที่สถานีตำรวจ ไม่อนุญาตให้ประกันตัวได้ครับ แต่เหมือนกับว่าทางคุณส่งศักดิ์จะติดต่อทนายเพื่อมาสู้คดีอยู่แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมมั่นใจว่ายังไงๆ เขาก็ไม่มีทางชนะครับ]
“ครับ ขอบคุณมากนะครับคุณทนาย ผมฝากเรื่องด้วยนะครับ ครับ... สวัสดีครับ”
ชล“ป้าสายครับ พฤกษ์ยังไม่กลับมาอีกเหรอครับ” ผมถามป้าสายเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วยังไม่เห็นคนที่เป็นเจ้าของบ้าน
“ยังเลยค่ะคุณหมอ” ป้าสายตอบกลับมา
ผมพยักหน้ารับก่อนจะขอตัวขึ้นไปบนห้องเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดิมทีวันนี้ผมไม่มีเข้าเวรแต่พอดีอาจารย์หมอท่านโทรตามให้ผมเข้าไปช่วยที่โรงพยาบาลผมเลยออกไปเมื่อตอนกลางวัน นี่ก็เย็นมากแล้ว ผมนึกว่าพฤกษ์จะกลับมาถึงแล้วเสียอีก
“ทำไมนานจังนะ…” ได้แต่บ่นเพราะเขาออกไปตั้งแต่เช้า ก็น่าจะจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จแล้วสิ หวังว่าจะไม่ได้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นหรอกนะ
ผมนั่งรออยู่เกือบสิบนาทีเขาก็ยังไม่กลับมาผมเลยลุกเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเมื่อผมเดินออกมาก็เห็นพฤกษ์นั่งอยู่ที่ปลายเตียงแล้ว
“ทำไมกลับมาช้าจัง ผมนึกว่าจะกลับมานานแล้วเสียอีก”
“พอดีอยู่คุยกับคนในบริษัทก็เลยนาน คุณไปโรงพยาบาลมาเหรอป้าสายบอกคุณก็เพิ่งกลับเข้ามา”
ผมเดินไปหาคนที่นั่งอยู่บนเตียงจับใบหน้าหล่อคมคายนั้นให้เงยขึ้น ตลอดเดือนมานี้เขาเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องบริษัทของครอบครัว ผมใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเบาๆ ที่ใต้ดวงตาเรียวนั้นแบบที่เขาก็มองมาอย่างงงๆ
“ทุกอย่างมันผ่านไปแล้วนะ คุณทำดีแล้วพฤกษ์”
ผมก้มหน้าลงไปหาเขาก่อนจะพูดแล้วจึงแนบริมฝีปากลงกับปากของพฤกษ์ซึ่งเขาก็ไม่ได้ผลักผมออก แบบนั้นผมจึงบดจูบลงไปมากขึ้น ไม่ใช่จูบที่แสดงถึงความต้องการหรือให้ความรู้สึกวูบวามอะไร แต่เป็นจูบที่ผมอยากให้เขารู้ว่าผมยังอยู่ข้างๆ เขาตรงนี้
“ขอบคุณครับ” เมื่อผมถอนจูบออกเขาก็พูดออกมา “ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้ผม”
ไม่บ่อยนักหรอกที่พฤกษ์จะพูดอะไรแบบนี้ ตอนนี้เขาคงเหนื่อยมาก ผมรู้ว่าผมไม่สามารถช่วยหรือแบ่งเบาภาระที่หนักอึ้งบนบ่าของเขาได้ แต่ผมมีสิ่งที่ผมสามารถทำได้นั่นก็คืออยู่กับเขาแบบนี้ไปเรื่อยๆ
“ผมจะอยู่เป็นกำลงใจให้คุณไปตลอด”
“หึ” เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยิ้มมุมปากที่เห็นแล้วรู้สึกมันเขี้ยวอย่างบอกไม่ถูก อดไม่ได้จนต้องจูบเขาไปอีกรอบแต่คราวนี้พฤกษ์กลับเบนหน้าหนีผมเลยตามไปประกบจูบซ้ำอีกหลายๆ รอบสุดท้ายก็เลยเลื่อนมือข้างหนึ่งไปล็อกใบหน้าของเขาเอาไว้แล้วจูบ
“มันเขี้ยวคุณว่ะ” ผมพูดก่อนจะเลื่อนหน้าไปที่ซอกคอของเขาแล้วกัดเบาๆ ให้พฤกษ์สะดุ้งยกมือขึ้นฟาดหลังผมทันที
ผมหัวเราะแล้วเพิ่มแรงกัดมากขึ้น
“โอ๊ย! เป็นหมาหรือไงเนี่ยคุณ มันเจ็บ” พฤกษ์ร้องไปก็ทุบหลังผมไปด้วย มันก็เจ็บนะ แต่ก็ไม่มากเพราะพฤกษ์เองก็ไม่ได้ใส่เต็มแรง เหมือนผมจะเป็นพวกมาโซแน่ๆ เลยชอบให้พฤกษ์ทำร้ายร่างกาย
“หึหึหึ เป็นแวมไพร์แทนละกันจะได้กินเลือดคุณ”
“โอ๊ยย!! ซี๊ด ไอ้หมอโรคจิต อ๊ะ... อย่าเลียดิวะ” ผมผละออกนิดก่อนจะเห็นรอยฟันของผมบนคอขาวๆ ของเขา พอเห็นแบบนั้นผมก็เลยเปลี่ยนเป็นแลบลิ้นเลียรอยฟันนั้นแทนให้พฤกษ์สะดุ้งแล้วร้องออกมาเบาๆ
“อึก! บอกว่าอย่าเลีย แล้วก็ปล่อยผมได้แล้วไอ้โรคจิต” พฤกษ์ว่าพร้อมกับดันผมออก แต่ผมกับโถมตัวใส่เขาเต็มแรงจนทั้งผมแล้วก็พฤกษ์ล้มลงไปนอนบนเตียงด้วยกันทั้งคู่
ผมเปลี่ยนจากเลียรอยฟันเป็นกดจูบลงไปแทน ก่อนจะไล่มาที่ไหปลาร้าแล้วก็เลยขึ้นไปที่ปลายคาง ขาทั้งสองข้างกดทับขาของพฤกษ์เอาไว้ไม่ให้เขาให้มันมาทำร้ายผม ส่วนมือก็ล็อกมือของพฤกษ์เอาไว้ด้วยเช่นกัน แล้วจึงเลื่อนไปจูบปากเขาอีกรอบ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณพฤกษ์คะ... คือว่า... คุณเขมมาขอพบค่ะ” เสียงของป้าสายที่ดังอยู่หน้าประตูทำให้ผมชะงักไป พฤกษ์เองก็ทำหน้างงเหมือนกัน
เขาเงยหน้าขึ้นมองผมเหมือนกับจะขอความคิดเห็น แต่ผมก็ทำเพียงแค่ไหวไหล่แล้วก็อาศัยช่วงที่เขากำลังคิดก้มลงไปจูบคอของเขาต่อ มือก็เลื่อนไปสอดใต้เสื้อเชิ้ตสีอ่อนแล้วลูบไปที่หน้าท้องและหน้าอกเขา
“เดี๋ยวผมลงไปครับ”
ผมขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำตอบของพฤกษ์และเมื่อเขาพูดบอกให้ผมลุกขึ้นผมก็จัดการเลื่อนมือไปบีบยอดอกของเขาทันที
“อึก! หยุดก่อนหมอชล ผมจะลงไปข้างล่าง”
“ลงไปทำไม”
“ก็มีคนมาหาผม ผมก็ต้องลงไปสิลุกได้แล้ว อึก... ห หมอชล!”
“ปล่อยให้มันรอไปก่อน” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะก้มลงจูบปิดปากพฤกษ์อีกรอบ ส่วนไอ้หมอนั่น... โทษฐานที่มาขัดจังหวะคนรักกันก็ปล่อยให้มันรอไปก่อนแล้วกัน
************************************************
หายไปนานเลย... ขอโทษด้วยนะคะ ทั้งงาน ทั้งไม่สบายประดังประเดเข้ามาจนไม่ได้เข้ามาอัพนิยายเลย(สักเรื่อง) ยังไงก็อาจจะมาอัพช้าหน่อยแต่ว่าไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ สำหรับคู่รองนี้ใกล้จบแล้วค่ะ ใกล้แล้วจริงๆ ใกล้จบมาก ไม่ถึง 2 ตอนก็จบค่ะ(ย้ำว่าสำหรับคู่รองนะคะ) ส่วนทางพาร์ทของพัทธ์ คิน น้องกันต์ยังไม่จบค่ะ เราจะยังได้เจอกับพวกเขาต่อแน่ๆ แต่กลับมาที่เนื้อเรื่องคู่นี้ก่อน
ฟางไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมากเรื่องที่พี่พฤกษ์ไปจัดการนะคะ คือกลัวว่าลงไปเยอะแล้วข้อมูลที่ใส่มันไม่จริงเลยจะพาลทำให้ไม่สมเหตุสมผลไป ก็เลยเอาเป็นการกล่าวถึงรวมๆ เพราะคู่นี้ก็ไม่มีดราม่า ไม่มีอะไรมากอยู่แล้ว (เทไปอยู่ที่อีกคู่เสียส่วนใหญ่ แฮ่!)
มีส่วนที่ฟางแต่งเป็นบรรยายไม่ใช่ตัวละครบรรยายหวังว่าจะไม่งงกันนะคะ หลังๆ อาจจะมีมาในลักษณะนี้อีกค่ะ ยังไงก็เจอกันตอนหน้านะคะ ^^
อ่านแล้วอย่าลืมคอมเมนต์นะคะ คอมเมนต์กันหน่อยนะ อย่าเงียบค่ะ ใจไม่ดีเลยยยยย
ปล. ส่งภาพวาดประกอบนิยายเข้ามากันเยอะๆ นะคะ สวยไม่สวยไม่สำคัญค่ะ แค่ทุกคนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมฟางก็ดีใจแล้วค่ะ
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
รักน้องกันต์ เอ็นดูน้องกันต์กันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกันต์นะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ