น้องกันต์จัดให้ครั้งที่ 53.2พัทธ์“พัทธ์... คุณศรัณย์เขาพูดอะไรกับพัทธ์บ้าง” พี่คินถามผม ตอนนี้เรากลับมาที่บ้านแล้วละครับ พาน้องกันต์อาบน้ำเรียบร้อย ตอนนี้เจ้าตัวเล็กก็เข้านอนไปแล้วครับเพราะเหนื่อยจากการวิ่งเล่น พออาบน้ำได้ก็ร้องง่วงนอนให้ผมกับพี่คินพาไปส่งเข้านอน
หลังจากส่งน้องกันต์เข้านอนแล้วผมกับพี่คินก็เดินกลับเข้าห้องนอนของตัวเอง เรานั่งอยู่บนโซฟาเล็กๆ แบบสองที่นั่งที่จัดเป็นมุมนั่งเล่นเอาไว้ในห้องนอนใหญ่
ผมหันไปมองพี่คินก่อนจะส่งยิ้มให้ตั้งใจจะบอกว่าไม่มีอะไรแต่เหมือนพี่คินจะรู้ทัน “อย่ามาบอกว่าไม่มีอะไร เวลาพัทธ์มีอะไรในใจน่ะดูออกง่ายจะตายไป ไหนบอกพี่มาสิครับว่าคุณศรัณย์เขาพูดอะไร”
ผมแนบหน้าตัวเองลงกับฝ่ามือของพี่คินที่ยกขึ้นมาลูบแก้มของผม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจูบเบาๆ ที่กลางฝ่ามือนั้น การกระทำที่ผมไม่เคยทำมาก่อนสร้างความแปลกใจให้พี่คินไม่น้อยเพราะพี่เขามองผมตาวาวๆ แต่การกระทำนั้นคงไม่สามารถทำให้พี่คินเปลี่ยนเรื่องไปได้
“อย่ามาอ้อนพี่เพื่อหาข้ออ้างไม่พูดหน่อยเลยครับ”
“พัทธ์เปล่าเสียหน่อย... พี่คิน... พัทธ์รักพี่คินนะครับ” ผมพูดก่อนจะทำใจกล้าเข้าไปกอดเอวแล้วซบหน้าลงกับอกกว้าง อ้อมแขนอันอบอุ่นที่กอดผมเอาไว้เสมอ “แล้วพัทธ์ก็รักน้องกันต์เหมือนกับเป็นลูกของพัทธ์เอง”
“พัทธ์... นี่มันเรื่องอะไรกันครับ” ดูเหมือนพี่คินจะงงกับท่าทางของผมมากทีเดียว
แต่ผมก็ไม่ได้อธิบายให้พี่คินฟังว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร แต่ผมกลับพูดออกไปเรื่อยๆ “พัทธ์รักน้องกันต์มากๆ แต่หลายต่อหลายครั้งพัทธ์ก็คิด พัทธ์คิดอยู่เสมอว่าถ้าหากโตขึ้นน้องกันต์จะรับได้ไหมที่มีแม่เป็นผู้ชายอย่างพัทธ์ จะรับได้ไหมที่คนที่น้องเรียกว่ามัมเป็นผู้ชายแถมยังมีคนรักเป็นผู้ชายอีก ลูกจะรับได้หรือเปล่า ถ้าหากลูกรับไม่ได้... พัทธ์จะทำยังไง แค่คิด... ในใจของพัทธ์ก็เจ็บ เจ็บจนแทบทนไม่ไหว”
“พัทธ์... คนดี” พี่คินยกมือขึ้นกอดตัวผมเอาไว้แล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“การที่เราจะรักใครสักคน แม้ว่าคนคนนั้นจะเพศเดียวกับเราพัทธ์เชื่อว่ามันไม่ผิด พัทธ์ไม่คิดเสียใจที่พัทธ์เป็นแบบนี้เพราะนั่นทำให้พัทธ์ได้เจอพี่คิน แต่พัทธ์ก็คิดเสมอว่าการที่เป็นผู้ชายปกติมันก็ย่อมดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่มีใครนึกรังเกียจ...” ผมกอดพี่คินแน่น แทบจะฝังหน้าตัวเองลงกับอกของพี่เขา
“แล้วถ้า... ถ้าพัทธ์เลี้ยงน้องกันต์ต่อไป จนน้องโต แล้วถ้าหาก... ถ้าหากลูกเป็นแบบพัทธ์ละครับพี่คิน ถ้าหากลูกเป็น... แล้วถ้าหากมีคนรังเกียจลูก... ถ้าน้องกันต์ต้องเจ็บปวดเพราะสิ่งที่เขาเป็นและได้รับการเลี้ยงดูมาจากพัทธ์ พัทธ์จะทำยังไง” เสียงของผมสั่น... สั่นอย่างเห็นได้ชัด
“พัทธ์... เราสามารถบอกน้องกันต์ สอนน้องกันต์และเลี้ยงดูน้องกันต์ได้ อีกหน่อยลูกโตขึ้นเขาจะเริ่มคิดและวิเคราะห์เป็น ถ้าเราสอนเขา... น้องกันต์จะต้องเป็นที่รัก” พี่คินพูดพร้อมกับกดจูบลงที่ขมับของผมอย่างปลอบโยน “นี่คือสิ่งที่คุณศรัณย์พูดอย่างนั้นเหรอ”
ผมได้แต่เงียบกับคำถามของพี่คิน แต่คนอย่างพี่คินก็คงรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ผมพูดคือสิ่งที่คุณศรัณย์พูดกับผม “คุณศรัณย์... อยากรับน้องกันต์ไปเลี้ยง”
ผมรับรู้ได้ถึงแรงกอดรัดที่มากขึ้นของพี่คิน ผมไม่ได้ร้องให้เขาคลายอ้อมกอดลงเพราะผมเองก็กอดพี่เขาแน่นขึ้นเช่นกัน “เขาบอกกับผมว่า... เขาเสียใจและรู้สึกขอโทษพี่พราวตลอด เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่วันหนึ่งเขาจะได้มารับพี่พราวและลูกไปอยู่ด้วยกัน”
“พี่คินครับ... ผมจะบอกน้องกันต์ยังไงดี ถ้าผมบอกคุณศรัณย์ไปว่าน้องกันต์ไม่อยากไปอยู่กับเขา และเก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับไม่บอกลูก... ผมจะเป็นคนที่แย่หรือเปล่าครับ” ผมเงยหน้ามองคนที่กอดผมด้วยแววตาที่สับสน
ถ้าผมโกหก... บอกคุณศรัณย์ว่าน้องกันต์ต้องการอยู่กับผม และขอให้เขาไปให้ไกลจากน้องกันต์และครอบครัวของผม ผมจะกลายเป็นคนเลวหรือเปล่า... แล้วถ้าหากวันหนึ่งความลับมันแตกขึ้นมา แล้วถ้าหากวันนั้นน้องกันต์มองผมด้วยความผิดหวัง... ผมจะทำยังไง
“ความลับไม่มีในโลกหรอกพัทธ์ ไม่ว่าวันนี้ พรุ่งนี้หรือวันไหน สักวันน้องกันต์ก็ต้องรู้ อีกอย่าง... พี่บอกกับน้องกันต์ไปแล้ว...”
ผมได้แต่ตาโตด้วยความตกใจ “บ บอก พี่คินบอกน้องกันต์... เหรอครับ”
“ก็ไม่ได้บอกตรงๆ ว่าคุณศรัณย์คือพ่อของน้องกันต์หรอก พี่แค่ถามน้องกันต์ว่าถ้าหากน้องกันต์มีพ่ออีกคน น้องกันต์จะว่ายังไง”
“แล้วน้องกันต์... ว่ายังไงครับ...” ผมถาม
พี่คินส่ายหน้า ยกมือขึ้นเกี่ยวปอยผมของผมไปทัดหูเอาไว้ให้ “น้องกันต์ไม่พูดอะไร ชวนพี่วิ่งเล่นจนเหนื่อยแล้วก็กลับไปหาพัทธ์นั่นแหละ”
ผมเอนหน้าซบอกพี่คินอีกรอบ ความรู้สึกภายในใจมันหนักอึ้งมากจริงๆ ผมควรจะทำยังไงต่อไปดี
ผมขยับตัวนั่งดีๆ เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องนอนเปิดออกก่อนที่น้องกันต์จะเดินถือตุ๊กตาเข้ามาในห้อง ผมกับพี่คินหันมองน้องอย่างแปลกใจที่เห็นเขา ก็ผมกับพี่คินส่งน้องกันต์เข้านอนแล้วเรียบร้อยนี่นา อีกอย่าง... ปกติน้องกันต์จะไม่ตื่นจนกว่าจะเช้า
“น้องกันต์เป็นอะไรครับ ทำไมถึงตื่นขึ้นมาละ” ผมเดินไปอุ้มน้องกันต์ขึ้นก่อนจะเดินมานั่งที่เตียง พี่คินเองก็เดินมานั่งด้วยเช่นกัน
“ฝันร้ายเหรอครับ” พี่คินถาม ยกมือลูบผมน้องกันต์
“มัม พ่อคิน... คุณอาคนนั้นที่ร้านอาหารเป็นพ่อของน้องกันต์เหยอ” น้องกันต์เงยหน้าขึ้นมองผมกับพี่คินก่อนจะร้องถาม “แต่พ่อคิน... เป็นพ่อคิน”
“พ่อคินก็ยังเป็นพ่อคินของน้องกันต์อยู่ดีครับ” พี่คินพูดมือก็ยังคงลูบผมน้องกันต์ไปเรื่อยๆ
มีหลายคนบอกว่าน้องกันต์เป็นเด็กฉลาด คุณหมอที่เคยพาน้องกันต์ไปตรวจบ่อยๆ ก็ยังบอกว่าน้องกันต์เป็นเด็กฉลาด และบางครั้ง... เราก็ไม่รู้เลยว่าในสมองเล็กๆ ของเด็กกำลังคิดอะไรอยู่บ้าง
“แล้วทำไม... วันนั้นคุณอาไม่มาหาน้องกันต์” น้องกันต์ยังคงถามต่อให้ผมกับพี่คินมองหน้ากันอย่างงงๆ
“วันไหนครับน้องกันต์” ผมถาม
“วันที่มัมตาแดงๆ วันที่น้องกันต์ร้องไห้ วันนั่นที่พ่อคินเป็นพ่อคิน” ผมได้แต่ชะงักกับคำพูดของน้องกนต์ ผมไม่คิดจริงๆ ว่าน้องจะจำได้และจำได้แม่นขนาดนี้
วันที่น้องกันต์โดนรุ่นพี่ที่โรงเรียนแกล้ง ล้อเลียนเรื่องไม่มีพ่อ วันที่น้องกันต์ร้องไห้หาพ่อจนผมแทบจะขาดใจที่ไม่สามารถเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายให้กับน้องกันต์ได้
“คุณอา... คุณพ่อคนนั้นเขาไม่ว่างครับก็เลยไม่ได้มาหาน้องกันต์ไง น้องกันต์โกรธเขาหรือครับ” พี่คินถาม
ผมไม่รู้จริงๆ ว่าน้องกันต์คิดหรือรู้สึกยังไง ที่ถามเป็นเพราะความไร้เดียงสาของเด็กๆ หรือน้องกันต์คิดอะไรมากกว่านั้นกันแน่
น้องกันต์ส่ายหน้ากับคำถามของพี่คิน “น้องกันต์ไม่โกรธ”
“ดีแล้วครับคนเก่ง... มัมก็ไม่อยากให้น้องกันต์โกรธ ตอนนี้น้องกันต์อาจจะยังไม่เข้าใจแต่เอาไว้ถ้าลูกโตกว่านี้มัมจะเล่าให้ฟังนะครับเด็กดีของมัม” ผมกอดน้องกันต์เอาไว้พร้อมกับลูบผมนุ่มๆ นั้นไปด้วย
“ฮะมัม”
“เก่งมากครับ ไหนบอกมัมมาสิว่าทำไมถึงตื่นขึ้นมาละครับ หือ...”
“น้องกันต์ปวดฉิ่งฉ่องก็เลยตื่นมาเข้าห้องน้ำ แต่ไม่เจอพ่อคินกะมัม น้องกันต์เลยมาหา” น้องกันต์ตอบ ผมจับน้องให้ผละออกนิดก่อนจะถามต่อ
“แล้วเข้าห้องน้ำเรียบร้อย ล้างมือหรือยังครับ”
น้องกันต์พยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มกว้าง “แล้วฮะ พ่อคินกับมัมนอนกะน้องกันต์นะ นะ”
“ได้สิครับ อย่างนั้นเราไปนอนกันดีกว่าเนอะดึกแล้ว” พี่คินพูดก่อนจะรับน้องกันต์ไปอุ้มเอาไว้แทนแล้วพาน้องกันต์เดินออกจากห้องไปที่ห้องนอนของน้อง ผมก็เลยลุกตามไปด้วย
ผมกับพี่คินขึ้นไปนอนคนละฝั่งโดยที่น้องกันต์นอนกอดตุ๊กตาอยู่ตรงกลาง พี่คินกล่อมนอนไม่นานเจ้าตัวเล็กก็หลับต่อไปอย่างรวดเร็ว แต่ผมนี่สิ... รู้สึกเหมือนจะไม่นอนไม่หลับ
“นอนไม่หลับเหรอพัทธ์” พี่คินถามผมเสียงเบาเมื่อเห็นว่าผมยังนอนมองน้องกันต์อยู่
“ครับ...”
มือของพี่คินเอื้อมมาลูบผมของผมเบาๆ เหมือนจะปลอบโยนและกล่อมให้นอน “นอนพักเสียหน่อยเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ เรื่องที่มันหนักอยู่ในหัวก็โยนทิ้งไปก่อน นอนพักก่อนนะครับ แล้วพรุ่งนี้เราค่อยคุยกันว่าจะเอายังไง เรื่องพวกนี้มันต้องค่อยๆ คิดไปครับ พี่เองก็จะช่วยคิดด้วยเพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดมากนะ”
น่าแปลกนะครับ เพียงคำพูดไม่กี่คำของพี่คินก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้ว่า... ผมไม่ได้อยู่คนเดียว ผมยังมีพี่คินที่พร้อมจะจับมือแล้วช่วยผมในทุกๆ เรื่องที่ผมเจอ
“ครับพี่คิน” ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มไปให้พี่เขา
พี่คินโน้มตัวข้ามน้องกันต์มากดจูบที่หน้าผากของผมเบาๆ “นอนหลับฝันดีนะครับ พี่รักพัทธ์นะ”
“ฝันดีเช่นกันนะครับ พัทธ์ก็รักพี่คิน”
“นอนซะนะครับ”
ผมเลือกที่จะทำตามที่พี่คินพูด... คืนนี้ต่อให้นอนคิดทั้งคืนผมก็คงไม่สามารถหาคำตอบให้กับคำถามในใจของผมได้ อย่างนั้นผมก็ขอโยนทุกอย่างทิ้งไปและมีความสุขกับการที่ได้นอนกอดน้องกันต์และพี่คินก่อนก็แล้วกัน
ส่วนปัญหาต่างๆ พรุ่งนี้ค่อยมาคิดหาทางแก้ไขและหาทางออกก็แล้วกันครับ...
ผมรู้สึกตัวตื่นในตอนเช้าอย่างทุกวันก่อนจะหันไปมองน้องกันต์ก็เห็นว่าเจ้าตัวเล็กยังนอนหลับสบายอยู่ก็ได้แต่ยิ้มออกมา มองเลยไปกลับไม่เห็นคนที่นอนหลับด้วยกันเมื่อคืน... สงสัยพี่คินคงจะตื่นแล้วเรียบร้อย ผมขยับลุกจากเตียงนอนเดินไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นขึ้นก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างของบ้าน แล้วก็เป็นอย่างที่คิด พี่คินตื่นแล้วจริงๆ ด้วยได้ยินเสียงดังมาจากในครัว
“พี่คิน... อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อรุณสวัสดิ์ครับ” พี่คินหันมายิ้มให้กับผม
“ทำแพนเค้กเหรอครับ กลิ่นหอมเชียว...” ผมร้องถามก่อนจะเดินไปชะโงกหน้ามองใกล้ๆ ก่อนจะเห็นแผ่นแป้งแพนเค้กสีสวยในกระทะ
“ใช่แล้วละครับ ตื่นแล้วก็มาช่วยพี่หน่อยครับ ไปหยิบน้ำเชื่อมมาเตรียมไว้เร็ว ถ้าอยากกินแยมด้วยก็หยิบออกจากตู้เย็นเลยครับ” พี่คินหันมาบอกกับผม
“น้องกันต์ยังไม่ตื่นเลยครับ”
“อย่างนั้นก็ไปปลุกน้องกันต์ครับ เดี๋ยวไปเรียนสายอีก” พี่คินพูด
ผมจึงพยักหน้ารับแล้วเดินออกจากครัวเพื่อขึ้นไปห้องนอนน้องกันต์ เมื่อวานกับวันก่อนน้องกันต์ไปโรงเรียนสายครับเพราะเรากะเวลาออกจากบ้านผิดไป หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านใหญ่ ซึ่งบ้านทุกหลังจะมีรถยนต์ส่วนตัว แล้วคิดดูสิครับ รถทุกคันในหมู่บ้านออกไปพร้อมกันตอนเช้าก็ติดยาวเลย เลยทำให้ไปถึงโรงเรียนสายกว่าตอนอยู่คอนโด ยังดีที่น้องกันต์ยังอยู่อนุบาลอยู่เรื่องเวลาเข้าเรียนจึงไม่ค่อยเข้มงวด
“น้องกันต์ครับ ตื่นได้แล้วนะเดี๋ยวไปโรงเรียนสาย น้องกันต์” ผมลงมือปลุกเจ้าตัวเล็กที่นอนหลับอยู่บนเตียง
น้องกันต์ขยับตัวไปมาก่อนจะลืมตาขึ้นมองผมแบบงัวเงีย “ลุกขึ้นครับ พ่อคินทำแพนเค้กคุณหมีให้ด้วยนะ ไปล้างหน้าแล้วลงไปหม่ำกันนะครับ”
ผมอุ้มน้องกันต์ไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วก็จับเจ้าตัวเล็กอาบน้ำเลย แต่พอพาออกมาแต่งตัวนี่สิครับน้องกันต์ที่ไม่เคยดื้อก็ออกอาการดื้อขึ้นมา ไม่ยอมใส่ชุดนักเรียนบอกว่าวันนี้จะไม่ไปโรงเรียน
“ไม่ไป น้องกันต์ไม่ไปโรงเรียนนนน” น้องกันต์ร้องเสียงดังก่อนจะวิ่งหนีผม
“น้องกันต์ทำไมไม่ไปละครับ ไหนบอกมัมสิว่าเพราะอะไร” ผมตามไปอุ้มน้องกันต์เอาไว้ก่อนจะถาม “ใครทำอะไรน้องกันต์หรือเปล่า เล่าให้มัมฟังสิครับ”
น้องกันต์ส่ายหน้าไปมา “น้องกันต์ไม่ไปเรียน น้องกันต์ไม่ไปนะ น้องกันต์จะอยู่กับมัมกับพ่อคิน ไม่ไปเรียน”
“ทำไมละครับคนเก่ง บอกมัมก่อนสิครับ”
“ไม่เอาไม่ไป น้องกันต์ไม่ไป อึก... น้องกันต์ไม่ไป น้องกันต์จะอยู่กับมัม ฮือ... อยู่กับมัม” อยู่ๆ น้องกันต์ก็ร้องไห้ออกมาจนผมตกใจ ยกมือขึ้นเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้
“โอ๋ๆ น้องกันต์ไม่ร้องนะครับ ไม่ร้องนะ” ผมอุ้มน้องกันต์ปลอบไปมาแต่น้องกันต์ก็ยังไม่หยุดร้อง จนกระทั่งพี่คินเดินขึ้นมา คงเห็นว่านานแล้วผมยังไม่พาน้องกันต์ลงไปข้างล่าง
“น้องกันต์ร้องไห้ทำไมพัทธ์” พี่คินถามผมก่อนจะเอื้อมมือมาอุ้มน้องกันต์เอาไว้แทน
“น้องกันต์ร้องไม่ยอมไปโรงเรียนครับ”
พอผมตอบพี่คินก็หันไปมองหน้าน้องกันต์ “ทำไมละครับน้องกันต์ ไม่อยากไปเล่นกับเพื่อนๆ เหรอ”
น้องกันต์ส่ายหน้าไปมา ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาไปด้วย “น้องกันต์ไม่ไป ฮือ... น้องกันต์จะอยู่กับมัมกับพ่อคิน น้องกันต์ไม่ไปโรงเรียน ถ้าน้องกันต์ไปโรงเรียนพ่อคินกับมัมจะทิ้งน้อง ฮืออ...”
พี่คินหันมามองผมซึ่งผมก็ได้แต่ส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ๆ น้องกันต์ถึงได้ร้องไห้แบบนี้ พอเห็นผมส่ายหน้าพี่คินก็เลยหันไปถามจากน้องเอาใหม่ “ทำไมถึงคิดแบบนั้นละครับคนเก่ง พ่อคินกับมัมจะทิ้งน้องกันต์ได้ยังไง”
“อึก... น้องกันต์เห็น ฮืออ... ตอนหลับอยู่น้องกันต์เห็น พ่อคิน อึก... กับมัมทิ้งน้องกันต์ น้องกันต์เรียกก็ไม่ยอมหันมาหา ฮืออ”
คำตอบของน้องกันต์ทำให้ผมกับพี่คินเข้าใจทันที เมื่อคืนดูท่าเจ้าตัวเล็กจะฝันร้ายแล้วก็เอามาคิดเป็นจริงเป็นจัง พอรู้ว่าผมจะพาไปโรงเรียนก็เลยงอแงกลัวว่าถ้าผมพาไปส่งแล้วจะทิ้ง
“โอ๋ๆ มันเป็นแค่ความฝันนะครับ ไม่ใช่ความจริงหรอก พ่อคินกับมัมไม่มีทางทิ้งน้องกันต์อยู่แล้ว” พี่คินปลอบน้องกันต์ ผมเดินเข้าไปเช็ดน้ำตาให้ ปลอบกันอยู่นานน้องกันต์ถึงได้หยุดร้องไห้
“อย่างนั้นวันนี้น้องกันต์นั่งเฝ้าพ่อคินกับมัมเอาไว้ทั้งวันเลยดีไหม วันนี้เราอยู่บ้านกันสามคนเลย ดีไหมครับ” พี่คินถาม ผมหันไปมองพี่คินก่อนจะขยับปากแบบไม่มีเสียงถึงเรื่องร้าน ตัวผมไม่เข้าไปทำงานก็ไม่เป็นอะไรหรอกครับ เดี๋ยวให้พี่จันทร์เอาเอกสารมาให้ก็ได้ วันนี้ไม่มีประชุมด้วยหยุดอยู่บ้านได้อยู่แล้ว แต่ร้านพี่คินนี่สิ...
“ไม่เป็นไรครับ เพิ่มวันหยุดให้พนักงานบ้างพวกนั้นจะได้ไม่ทิ้งพี่ไปทำงานร้านอื่น” พี่คินหันมาบอกกับผมก่อนจะพาน้องกันต์ไปแต่งตัวแล้วพาลงไปข้างล่าง
ผมเดินตามพี่คินที่อุ้มน้องกันต์อยู่ออกจากห้อง มองเจ้าตัวเล็กที่ซบหน้าลงกับไหล่พี่คิน ดวงตาสองข้างยังแดงก่ำ จมูกแดงไปหมด
นอกจากตอนเป็นเด็กทารก... ผมก็แทบไม่เห็นน้องกันต์ร้องไห้เลย ผมไม่รู้ว่าสิ่งน้องกันต์ร้องไห้นี่เป็นเพราะความฝันจริงๆ หรือเพราะอะไรกันแน่ ก็ได้แต่คิดว่าเป็นเพราะความฝัน น้องกันต์คงยังไม่โตมากพอที่จะคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน...
************************************************
ครบ 100% แล้วค่ะ ยังคงหน่วงกันต่อไปนะคะกับเรื่องนี้ เรื่องราวยังมีอีกหลายตอนสำหรับคนที่ค่อนข้างอ่อนไหวง่ายก็... เตรียมผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ก็ดีนะคะ แต่คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกเนอะ ^^
ฟางเปิดจองนิยายเรื่องนี้แล้วนะคะ ไปอ่านรายละเอียดได้ที่โพสข้างล่างเลยนะคะ แล้วก็สั่งจองกันได้เลยค่ะ
แล้วเจอกันใหม่ค่ะ
อ่านแล้วอย่าลืมคอมเมนต์นะคะ คอมเมนต์กันหน่อยนะ อย่าเงียบค่ะ ใจไม่ดีเลยยยยย
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
รักน้องกันต์ เอ็นดูน้องกันต์กันเยอะๆ นะคะ กดเมนต์ กดโหวด คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้น้องกันต์นะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ