ตั้งใจเเวะมา
พาร์ทเเมว
เวลา 3 ปีที่ผ่านมาธุรกิจเติบโตขึ้นมากงานยิ่งเพิ่มขึ้นตามเป็นเท่าตัวจนผมไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวเท่าไหร่ ส่วนงานแจกทุนเขามอบหมายให้คนอื่นทำแทนเพราะหาเวลาปลีกไปไม่ได้แต่ได้ยินว่าเจ้าหนูได้ทุกปี
หลังจากวันนั้นเขาทุ่มเทเวลาให้ธุรกิจมากกว่าเดิม แม้กระทั่งวันหยุดซึ่งรวมวันนี้ด้วยที่ต้องมาหาหัวหน้าตรวจสอบบัญชีที่บ้านเพราะเป็นกรณีเร่งด่วน แต่เขายังหาทางไปบ้านไม่เจอเลย
เขาจอดรถข้างสวนหย่อมประจำหมู่บ้านเพื่อลงไปถามทางแต่วันนี้โลกมันบิดเบี้ยวแปลก ๆ ก่อนจะกลายเป็นภาพสีดำเมื่อก้าวขึ้นฟุตบาทไป
“น้าเป็นอะไรมากหรือเปล่า เห้ย!!!! น้าอย่าเพิ่งตายนะทำใจร่ม ๆ ก่อน” เสียงใสแว่วเข้ามาในหัว
กลิ่นหอมเย็นของยาดมที่ทำให้สติกลับมาก่อนจะลืมตาไปเจอใบหน้าหวานคุ้นตาที่จ้องหน้าผมอยู่แต่ไม่ใช้น้องหนูคนเดียวที่จ้อง เขาเองก็จ้องน้องเหมือนกัน
“ขอบใจมากนะหนู”
รอยยิ้มที่คิดว่าดูดีที่สุดที่เคยยิ้มส่งออกไปให้เด็กน้อยตรงหน้าที่เหมือนจะเพิ่งได้สติก่อนจะเสมองไปทางอื่น ใบหน้าขึ้นสีฝาดก่อนจะหันมาถามผมรัวด้วยความเป็นห่วง
สาเหตุที่เป็นลมคงเพราะยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อเที่ยงวานจนตอนนี้ที่เริ่มสายแล้วละมั้งไม่ใช่เพราะ ‘แก่ ’ หรอก
เจ้าหนูที่หมดห่วงก็รีบขอตัวจากไปจนผมรั้งไม่ทันแต่ไม่เป็นไรอีกสักพักต้องเจอกันแน่
“แล้วเจอกันนะ ‘นุช’ "
ไม่รู้ว่าน้องจะได้ยินที่ผมเรียกหรือเปล่า ตนุช น้องหนูของผม
ผมเดินขึ้นรถก่อนจะโทรไปถามทางคุณสินธพก่อนจะขับไปตามทางที่บอก เมื่อถึงซอยจึงเลี้ยวเข้าไปเจอคนที่น่าจะเป็นภรรยาของคุณธพยืนอยู่หน้ารั้วประตูเล็กสีขาวที่เปิดกว้างรอผมเข้าไปจอด
ผมทักทายภรรยาคุณธพก่อนที่แนะนำตัวกันซึ่งน้องหนูก็ยืนอยู่ข้างผู้เป็นพ่อทำหน้าตาอย่างกะเห็นผี เขาหน้ากลัวขนาดนั้นหรอเมื่อ3ปีที่แล้วก็ทีหนึ่งละที่น้องกลัวผม
“อ่อ สวัสดีครับผมมัชชาร เรียกว่า ‘แมว’ ก็ได้แล้วตนุชนี่แปลว่า ‘หนู’ ใช่ไหมหนู” เขาพูดท้ายประโยคพร้อมหันไปมองน้องหนูที่ยังไม่เลิกทำหน้าพิลึก
ข้อมูลน้องผมแน่นมากหลังจากวานให้เลขาคนสนิทไปหาข้อมูลมาให้เพราะถูกชะตากับเจ้าหนู
“ใช่ครับ ‘น้าแมว’ " น้องหนูพยายามยิ้มกว้างตอบกลับมาให้แต่ยิ่งดูยิ่งอยากหัวเราะไม่เห็นต้องฝืนขนาดนั้นเลย ทั้งยิ้มทั้งทำหน้ากังวลอะไรสักอย่าง
“งั้นระวังแมวตะปบเอานะครับ น้องหนู” เขาอดไม่ได้ทีจะเเกล้งก้มลงกระซิบข้างหูของน้องก่อนจะเดินผ่านไปคุยงานในห้องนั่งเล่นปล่อยให้เจ้าหนูยืนตัวแข็งอยู่หน้าประตูบ้าน
“คุณธพที่เหลือผมฝากจัดการทีนะ” หลังจากที่จัดการเรื่องงานเสร็จผมก็ชวนคุณธพคุยหวังว่าจะสนิทกันมากขึ้น
“น้องหนูนี่เรียนเก่งนะครับ เห็นได้ทุนทุกปี” คนเป็นพ่อยิ้มเมื่อมีคนมาชมลูกชายย่อมดีใจเป็นธรรมดา
“ตาหนูแกเก่งน่ะครับ เมื่อตอนนั้นผมต้องขอโทษแทนแกด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ที่จริงเรียกผมว่าแมวจะดีกว่านะครับ”
“เอางั้นก็ได้แมว ความจริงไม่เห็นเหมือนอย่างที่คนเขาลือกันเลย”
“เขาลืออะไรกันครับ”
“พูดน้อยน่ะ แถมเข้มงวดเรื่องงานมากจนลูกน้องหลายคนกลัว”
“ผมชอบฟังมากกว่า แล้วเรื่องงานแค่ทำตามหน้าที่นะครับ”
“เอ่อช่วงปิดเทอมนี้ผมมีโครงการที่ให้เด็กนักเรียนมาฝึกงานที่ห้างของเราเพื่องส่งเสริมการใช้เวลาให้เป็นประโยชน์แถมได้ค่าขนมอีก ถ้า’หนู’สนใจก็พาไปสมัครได้นะครับ”
“แมวสนใจตาหนูหรอ” คำถามแสกหน้าที่เขาเเบบไม่ทันตั้งตัว
"ครับ"
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วแต่เจ้าตัวเค้า อีกอย่างตาหนูจำคุณไม่ได้หรอกนะเรื่องตอนนั้น” ทางสะดวกแบบเขาไม่คาดคิดเหลือแต่คนตัวเล็กเท่านั้น
“ถ้างั้นผมอยากให้น้องไปทำฝ่ายของเล่นเด็กได้หรือเปล่าครับ”
“แล้วจะถามให้” ถึงคำจะดูห้วนแต่เขารู้ว่าพ่อของน้องเปิดทางให้เข้าแล้ว
“แมวแล้ววันหลังมาใหม่นะ” ก่อนจะกลับพ่อแม่ของน้องหนูเดินมาส่งผมที่รถก่อนจะชวนให้กลับมาที่นี่ได้อีก
“แล้วจะแวะมานะครับพี่”
“เรียก ‘แม่’ ก็ได้พี่ไม่ว่า ปริ่มค่ะว่าที่ลูกเขยสมบูรณ์แบบ”
“ก็ต้องแล้วแต่น้องนะครับว่าอยากให้ผมมาเป็นลูกเขย ‘แม่’ หรือเปล่า”
วันนี้เป็นวันที่น้องมาฝึกงานที่แผนกของเล่นเด็ก เขาต้องลงไปดูสักหน่อย พอลงมาก็เจอพ่อลูกอ่อนขายขนมจีบให้หนูของผมแต่ดูเหมือนน้องจะไม่เล่นด้วย
“แมวไม่อยู่หนูร่าเริงว่างั้นไหม น้องหนู” เจ้าหนูสะดุ้งตกใจเมื่อเขาแกล้งลงไปกระซิบข้างหูท่าทางของน้องทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้จริงๆ
“ใครร่าเริงครับ ผมกำลังทำงานอยู่”
“แล้วเป็นไงมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” แผนกของเด็กเล่นดูไม่มีปัญหาอะไรเท่าที่กวาดตามองไปรอบแผนก
“สบายมากครับ” เวลาคุยถึงไม่ชอบมองหน้านะ
“งั้นพี่ไปล่ะ แล้วจะแวะมาหาใหม่” เขากระซิบเสร็จจึงเดินออกมาแค่นี้กำลังใจมาเต็มแล้ว
แล้วพี่จะแวะมาใหม่นะน้องหนู
ปั่นเเบบรีบที่สุดเลยกลัวม่ทันก็ไม่ทันจริง ๆ ด้วย ไม่เป็นไรเกินมานิดหน่อย หรอออออ
เกรดปล่อยมานปายยยยย
ตอนนี้รุกมากเลยพี่เเมวตอนต่อไปรอเจอกันพรุ่งนี้น้า
ฝันดีผีลากขา