『#ไม่ The Series』 - END จบแล้วจ้า #มีขายทั้งรูปเล่มและEbook [up22/7/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 『#ไม่ The Series』 - END จบแล้วจ้า #มีขายทั้งรูปเล่มและEbook [up22/7/60]  (อ่าน 421700 ครั้ง)

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

#ไม่กินเส้น


     เรื่องราวภาคของ "อ้น" #ตุ๊ดลำไย ที่แอบหลงรัก "ป้อง" มานานหลายปี คอยเกาะแกะดูแลป้องอย่างนัวเนียด้วยความปรารถนาดีหวังจะได้ความรักของป้องมาครอบครอง แล้วในที่สุดสวรรค์(หรือนรก?!)ก็เห็นใจ ส้มหล่นใส่อ้นจนได้เป็น "แฟนคนแรก" ของป้องสมใจ! แต่ความรักของอ้นจะเป็นเช่นไรในเมื่อหัวใจของป้องไม่เหลือพื้นที่ให้อ้นเลย!


     ** OK. พวกเราทุกคนที่อ่านจบแล้วรู้กันว่ายังไงป้องก็ต้องกลับไปคืนดีกับเติ้ล แถมยังเผลอไปทำสาวท้องอีก แม้บทสรุปของ #พี่ป้องน้องเติ้ล จะแฮปปี้ ... แต่อ้นล่ะ? เค้าเลิกกันยังไง? เลิกกันแบบไหน? และตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่ป้องกับตุ๊ดอ้นคบกันแบบไหน?
     จากตุ๊ดที่คนอ่านแทบทุกคนเกลียดตอนเปิดเรื่อง ทำไมตอนจบทุกคนถึงรักนางและเรียกร้องให้คนแต่งเขียนภาคของอ้น ชีวิตระหว่างนั้นของนางจะเป็นเช่นไร เชิญมาติดตามได้ ณ. บัดนี้
     ป.ล. ตัวโตๆ ภาคนี้อ้นจะมีผัวแล้วจ้า! **




สวัสดีอีกครั้งค่ะ กลับมาแย้ว!  o1
หายไปราวๆ 2-3 เดือนเพื่อปั่นภาคของอ้นมาเสิร์ฟคุณผู้อ่านที่น่ารัก
  :katai4:

     ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าอ้นจะมีคนรักมากขนาดนี้ มีเสียงเรียกร้องอยากอ่านชีวิตของนางค่อนข้างเยอะ (เอาน่ะ ถึงจาไม่ถึง 10 คนแต่เสียงของท่านก็มีค่ามากนะ เรารับฟังเสมอ)
     โดยเฉพาะนักอ่านเพศที่สามบางท่านที่อินและบอกกับเราว่าคล้ายตัวละครในบางมุม (อาจจะมาจากเรื่องอื่น หรือเวลาที่ได้คุยกันจากที่อื่นด้วย) เค้าบ่นกับเราเสมอว่า "ตุ๊ดไม่ค่อยได้เป็นนางเอก" "ทำไมคนต้องมองตุ๊ดไม่ดี?"
     "นายเอก" หรือ "ฝ่ายรับ" มักมีแต่ "ผู้ชาย" เพราะนักอ่านและนักเขียนนิยมทำตลาดกับ "เคะแม๊นแมน" หรือไม่ก็ "เคะใสๆ" ถ้าจะร้ายสู้คนก็ต้องแซ่บ ห้ามแรด และแมน(?) แต่ยั่วได้(!) งงมั้ย? #ตูงง!
     หรือไม่ก็ต้องเขียนให้เป็น "กะเทยเจียมตัว" สู้ชีวิต ดี๊ดีระดับดาวพระศุกร์ยังเรียบร้อยได้ไม่เท่าเธอว์! สวยแท้แน่นอนแม้จะยังไม่เฉาะและไม่ผ่านมีดหมอซักจุดบนหน้า! #มันใช่เหรอ?
     ฉันรู้นะว่าพวกหล่อนแห่กันไปเสริมดั้ง ตัดปาก หรืออย่างต่ำก็ต้องฉีดโบ ร้อยไหม อ้อ! ฉีดกูลต้าพวกหล่อนไม่นับว่าศัลยกรรมใช่มั้ยยะ? แหม! หันไปอีกทางนี่หนวดเฟิ้มมีรอยสักโชว์ซิกแพ็ก... แล้วแป้งชาแนลกับรองพื้นเอสเต้เลาเด้อนั่นล่ะ ฉันรู้นะหล่อนแอบซับหน้าระหว่างวันแต่ไม่เติมแป้งเพราะกลัวสาวแตก!
     แล้ว "ตุ๊ด" อยู่ตรงไหน? พื้นที่ของตุ๊ดสาวแตกแอบแต่งหญิงบางเวลาคืออะไร? ในชีวิตจริงก็ถูก "เกย์สาว" เหยียดชนชั้น (ทั้งๆ ที่ ที่จริงมันก็คือๆ กัน เป็นตุ๊ดรุ่นกลายพันธุ์เพราะ "หาผัวยาก" *ตุ๊ดหรือกะเทยถ้าไม่สวยจริงหาแฟนยาก คนเลยแต่งบอยหากินได้ง่ายกว่า) ในนิยายก็เป็นได้แค่ตัวตลก ได้รับบท "กะเทยควาย" โผล่มารับบทร้ายลวนลาม "พระเอก/นายเอก" เท่านั้นเหรอ?

     เราเลยเกิดความคิดว่า "เอาละวะ ตูจะเขียนนิยายที่มีตุ๊ดเป็นตัวเอกดูซักครั้ง!" ตอนแรกที่ยังเขียน #ไม่ฟิต? ไม่จบนี่คือกะจะเปิดเรื่องใหม่นะ แต่พอจบแล้วเห็นคอมเม้นคนรักอ้นกันเยอะเลยกลับมาเขียนภาคต่อดีกว่า เพราะเรื่องมันยังไปได้ มันยังมีช่วงเวลาที่ Blank แล้วเราพอจะเสริมเนื้อเรื่องเข้าไปได้ ก็เลยวางแผนเพิ่มเรื่องของอ้นใส่เข้าไป

     ทีนี้ก็มานั่งคิดว่าอ้นควรจะคู่ควรกับคนแบบไหน... ฟังเสียงคนอ่านแล้วนะ แต่... สุดท้ายเราก็เลือกสิ่งที่เราอยากนำเสนอมากกว่าสิ่งที่คนอ่านอยากฟินอยู่ดี ฮ่าๆ ก็ถ้าไม่อินดี้ก็คงขายลิขสิทธิ์นิยายเรื่องนี้ให้สำนักพิมพ์ไปแล้ว!
     นี่ดีนะที่ไม่ได้ตัดสินใจขาย เพราะขายแล้วคงเอาตัวละครกลับมาเขียนภาคต่อไม่ได้ กลายเป็นสิทธิ์ของสำนักพิมพ์ตามระยะเวลาที่เค้าซื้อ เราจะหมดสิทธิ์ในนิยายและตัวละครทันที แต่พอไม่ขาย เราก็เลยเอาพี่ป้องกับเติ้ลกลับมาเขียนได้ตามใจชอบ ฮ่าๆ แต่ก็อดรูปเล่มไปนะ หรือมีใครอยากให้เค้าทำเอ่ย? (แอบโยนหินถามทางล่ะ!)

     พอดีมีตัวละครเหลืออยู่คนนึง เค้าก็โผล่มาแล้วนะ ในนิยายเรื่อง STR/INT:LoveTrick เห็นเค้าว่าง นิสัยเค้าก็มีความซับซ้อนดี แถมยังประจวบเหมาะที่จะจับยัดใส่ในไทม์ไลน์ได้ด้วย คุณสมบัติใช้ได้เลยจับมาเป็นพระเอกแม่ม!
     แบบว่าซีรีย์ #ไม่... มันดราม่าใช่มั้ยล่ะ? มันมีนิยายอยู่เรื่องนึงที่โคตรจะฮาทำเอาคนอ่านเงิบไปทั้งบาง ตัวละครมันใส๊ใสซะจนดราม่าฮากระจาย เลยอยากจับตัวละคร 2 กลุ่มนี้มารวมกัน มันคงมันพิลึก! ที่สำคัญ น้อง "ตะวัน" นี่เป็นรุ่นน้องสายรหัสของ พี่ "ปานเทพ" ซะด้วยสิ... (ใครอ่าน #STRINT ตอนพิเศษในเล่มแล้วคงรู้เนอะ เหอๆ)
     ดังนั้น... ถ้าใครเป็นแฟนคลับแก๊งโน้น... ก็คิดว่าน่าจะมา "ทั้งแก๊ง" นะ... คนบางคนในแก๊งอาจจะหอบลูกหอบผัวมาแจมด้วยก็ได้ ... (จริงๆ คือเอ็งอยากเขียนใช่มั้ยล่ะ! ฮ่าๆ)

     ทีนี้ก็ต้องรอลุ้นแล้วล่ะว่าคนอ่านจะรักพระเอกคนนี้มั้ย? ... แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ไม่เคยเขียนนิยายเรื่องไหนที่คนอ่านๆ แล้วไม่ด่าพระเอก! T^T
     เอาเป็นว่า ค่อยๆ ทำความรู้จักกับพระเอกคนล่าสุดของเราละกัน (ขึ้นชื่อว่า AzureICE แต่ง คิดว่าจะมีพระเอกธรรมดาๆ เหรอ? เหอๆ) แล้วจะได้ค่อยๆ ลุ้นกับชีวิตของอ้นไปพร้อมๆ กันด้วย
     คือเราก็คิดว่ามันไม่ดราม่านะ... ดราม่าน้อยกว่าอีนางน้อยเติ้ลเยอะเลย... อาจจะเพราะอ้นไม่งี่เง่าเท่าพี่ป้องกับเติ้ลก็ได้ หรือไม่ก็เป็นเพราะคนข้างๆ อ้นก็ได้ใครจะไปรู้!

     ก็ลองอ่านดูแล้วกันนะ ถ้าเราเขียนอะไรไม่โอเคก็ขอโทษเพศที่สามทุกคนด้วย เราไม่มีเจตนาจะดูถูกตุ๊ก เกย์ และกะเทย แต่บอกไว้เลย เราไม่ค่อยชอบคนตอแหล!  #ตุ๊ดก็บอกว่าตุ๊ด #อย่าดัดจริตแอ๊บเป็นเกย์รับ #อย่ามาปลูกไร่สตรอเบอร์รี่แถวเน้!  วัลลาบีมากไปมันไม่อินอะ!


ลงชื่อ
AzureICE
(นักเขียนสุดอินดี้ของทุกคน)
 :pig4: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

          คุณเคยไม่กินเส้นรึเปล่า?
          ไม่ได้หมายถึงชอบกินเกาเหลานะ!
 แต่ชีวิตคนเรามันช่างพลิกผันเหลือเกิน คนที่เคยเกลียดขี้หน้ากันอาจจะกลายเป็นคนรู้ใจในเวลาต่อมาก็เป็นได้
          แล้วความรักล่ะเริ่มที่ตรงไหน?
          ความโรแมนติกในนิยายมีจริงไหม?
 เจ้าหญิงและเจ้าชายพบรักกันด้วย love at first sight แต่รู้ได้อย่างไรว่าชีวิตคู่จะไม่พัง!
          สุดท้ายแล้ว "ความรัก" ที่เราต้องการคืออะไร?
          คนแบบไหนที่เราพร้อมจะทุ่มเททุกอย่างให้โดยไม่ลังเล?
 คนที่เราใฝ่ฝัน ใครสักคนที่อยู่เคียงข้าง หรือคนที่ทำให้เรายิ้มได้ รึขอแค่ใครก็ได้ที่เข้าใจกัน?




   ผลั่ก!
   ชายหนุ่มร่างเล็กกะทัดรัดหน้าคะมำทันทีที่แผ่นหลังถูกกระแทก เขาล้มคว่ำจับกบบนพื้นได้หลายสิบตัว นอกจากนี้ยังซวยซ้ำซ้อนเพราะกล่องดินสอที่กำลังหยิบออกจากกระเป๋าหลุดมือหล่นกระจายเละเทะกลางถนน อุปกรณ์เครื่องเขียนเรียงตัวกระจัดกระจายเต็มพื้น มิหนำซ้ำดินสอสองบีเจิมน้ำมนต์เก้าวัดที่อุตส่าห์เหลามาเสียแหลมเพื่อการนี้ยังหักเพราะแรงปะทะจากการร่วงหล่น!
   โอ๊ย... ดินสอฉัน!
   เขาหันไปจะเอาเรื่องคนชนทันที ทว่า... ร่างสูงโปร่งเจ้าของช่วงขาเรียวยาวก้าวหนีเขาไปไกลแล้ว ชายคนนั้นไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าชนใครจนล้มกลิ้ง หนุ่มร่างเล็กจิกตามองเป้สะพายหลังใบโตที่เต็มไปด้วยพวงกุญแจตัวการ์ตูนอย่างอาฆาต เขาพยายามจดจำลักษณะของศัตรูคู่แค้นพลางนึกสมเพชรสนิยมของคู่กรณี
   ชิ! อิพวกโอตาคุ!
   เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินไปไกลลิบแล้วหมดประโยชน์จะวิ่งตามเขาก็เลือกทำในสิ่งที่สมควรจัดการ หนุ่มร่างเล็กรีบเก็บของข้าวที่หล่นกระจายบนพื้นอย่างเร่งรีบ เขาเป็นเป้าสายตาคนอื่นนานเกินไปแล้ว!

   และหายนะก็มาถึงเมื่อเขาต้องใช้ปากกาเซ็นชื่อ
   อยู่ไหนเนี่ย! หรือว่าเมื่อกี้ตอนของหล่นแล้วจะหยิบมาไม่หมด โอ๊ยตายๆๆ!
   แต่ในขณะที่เขากำลังสติแตกค้นหาปากกาในกระเป๋าตัวเองนั่นเอง
   “นายไม่มีปากกาเหรอ? เราให้เอาปะ? อะ”
   เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากด้านหลัง เขาหันหน้าไปตามเสียงทันที ชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาคมคายบาดใจกำลังยื่นปากกาส่งให้เขา!
   โอ๊ย! พ่อของลูก!
   “เอาป้ะ? เซ็นชื่อเร็วๆ ดินาย คนอื่นเค้ารอคิวอยู่”
   เมื่อได้สติเขาก็รีบรับปากกาด้ามนั้นมาจัดการธุระด้วยมือสั่นเทา ชั่วขณะที่ยื่นมือออกไปรับปากกาผูกรักนั้นมือของเขากับมือของเจ้าชายเผลอสัมผัสกันโดยไม่ตั้งใจส่งผลให้หัวใจเต้นแรงจนแทบห้ามไม่อยู่
   เขาชอบผู้ชายก็จริงแต่เขาไม่เคยตกหลุมรักแบบ love at first sight กับใครมาก่อน ผู้ชายคนนี้ทำให้เขาใจเต้นเกือบ 7.4 ริกเตอร์ เล่นเอาสั่นไปทั้งตัว!
   โอ๊ย! คนอะไรใจดีจัง หน้าตาก็ดี๊ดี หนูเนื้อเต้นอยากได้เป็นผัวเรยคร่า!

   จนเมื่อสบโอกาส เขาก็เข้าไปทำความรู้จักกับเจ้าชายในฝัน
   “เอ่อ... นี่ของนาย เราคืนให้ ขอบใจที่ให้ยืมนะ”
   “ไม่เป็นไร เราพกมาหลายอัน”
   พูดแบบนี้แปลว่าจะให้เค้าใช่มั้ยอะ กรี๊ดๆ ได้ของแทนใจจากผู้ชายดั๊วะ!
   “นายเตรียมพร้อมดีจัง”
   “เราชอบวาดรูปน่ะ เลยสำรองพิกม่าไว้หลายด้าม”
   โอ๊ย หนุ่มติสอารมณ์ศิลปิน! ให้คะแนนความเท่สิบสิบสิบเรยคร่า!
   “เจ๋งดีนะ ติสดีจัง”
   หนุ่มอาร์ตติสหันมายิ้มให้เขา แม้คนๆ นี้จะไม่ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟัน มีเพียงแค่มุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย แต่แววตาของเขาก็วาววับส่องประกายขี้เล่นออกมาชัดเจน
   “อืม”
   “นายชื่ออะไรอะ? เราชื่ออ้น
   “เรียกเราว่าป้องก็ได้”


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

   อ้นนั่งมองรูปในสมาร์ตโฟนนานหลายสิบนาทีแล้ว เขาถอนหายใจแล้วไล่ดูแต่ละรูปในเครื่องอย่างอาลัยอาวรณ์ สีหน้าของเขาเศร้าซึมไร้ความร่าเริงผิดไปจากปกติ บางครั้งริมฝีปากเล็กแต่อวบอิ่มได้รูปก็เม้มเข้าหากันก่อนจะมีเสียงสูดน้ำมูก เมื่อใดที่รู้สึกถึงหยดน้ำไหลเปียกแก้มเจ้าของร่างก็จะยกมือขึ้นปาดอย่างขอไปทีแล้วเลื่อนภาพในจอไปยังรูปใหม่
   หลังจากทบทวนมาอย่างดีแล้ว ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้เด็ดขาดเสียที อ้นสูดลมหายใจเข้าอย่างแรงแล้วลุกขึ้น เขาสั่งตัวเองให้เข้มแข็งเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ของตน!

   เมื่อป้องกลับมาถึงห้อง เขาโยนกระเป๋าเป้ทิ้งลงบนโต๊ะตามความเคยชิน ป้องแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตปลดเปลื้องตัวเองตามปกติทว่า
   “ป้อง ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก”
   ป้องชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินสรรพนามที่แฟนใช้ เขาหันไปมองอ้นแล้วจ้องหน้าคู่รักสบตากันนิ่งๆ
   “มึงมีอะไร? สำคัญปะ? กูกลับมาเหนื่อยๆ อยากอาบน้ำพักก่อน”
   ที่ทำงานของป้องกับหอพักค่อนข้างไกลกัน ป้องต้องฝ่าฟันการจราจรสุดโหดบนถนนด้วยบริการจากรถสาธารณะ ผิดกับอ้นที่ขับรถไปกลับสบายๆ ดังนั้นอ้นจึงมีปฏิกิริยาทันทีเมื่อเห็นคนที่ตนรักมานานปีออกอาการเหนื่อยล้า
   “เตงเหนื่อยเหรอ? งั้นเตงอาบน้ำก่อนก็ได้ หิวข้าวป้ะ? เค้าโทรสั่งข้าวให้เอามั้ย?”
   “มึงอยู่เฉยๆ เหอะ เดี๋ยวกูต้มมาม่ากินเองได้ อยากกินมาม่าใส่ปลากระป๋องว่ะ”
   “งั้นเค้าทำให้”
   “ไม่ต้อง นั่งไป ให้มึงต้มเดี๋ยวอืดหมดพอดี”
   “ได้สิ งั้นเค้าเสียบกาต้มน้ำร้อนไว้ให้เตงนะ”
   “เออ ขอบใจ”
   จนกระทั่งป้องเข้าไปอาบน้ำแล้วนั่นแหละ อ้นถึงได้รู้ตัวว่าเขาพลาดอีกแล้ว ความเคยชินที่สั่งสมมาหลายปีใช่จะตัดใจยุติทุกอย่างได้ง่ายๆ!

   อ้นสูดกลิ่นหอมของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำใส่ปลากระป๋องแล้วก็น้ำลายสอ เขาละสายตาจากคนข้างตัวที่นั่งโซ้ยอย่างเอร็ดอร่อยเพื่อข่มเสียงท้องร้องของตัวเอง อ้นจงใจกดข้อศอกลงบนหมอนอิงที่กอดอยู่เพื่อควบคุมความอยากอาหารของตน แต่เมื่อรู้สึกว่าวิธีข่มความอยากนี้ใช้ไม่ได้ผลเขาก็หยิบรีโมทมากดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์แทน แต่ละครน้ำเน่าในโทรทัศน์ไม่ช่วยอะไรเลย เขาหิว!
   “แดกปะ?”
   คนขี้แกล้งยื่นชามเข้ามาใกล้อย่างยั่วเย้า อ้นตัดสินใจเบือนหน้าหนี
   “กินดิ หิวก็กิน คำสองคำไม่อ้วนหรอก มึงผอมจะตายอยู่ละ”
   หนนี้อ้นเอาจริง เขาผลักชามออกห่างอย่างเบามือ
   “ไม่!”
   “อย่าผลักดิ เดี๋ยวหกนะมึง”
   แต่แทนที่จะดึงชามกลับไปแต่โดยดี ป้องยังแหย่อ้นไม่เลิก
   “น้ำซักคำปะ? แค่ซุป ไม่อ้วนหรอก”
   ช้อนที่เต็มไปด้วยน้ำซุปรสต้มยำถูกจ่อใกล้ริมฝีปาก อ้นแทบเคลิ้มไปกับความหอมของกลิ่นต้มยำที่ลอยกรุ่นแตะจมูก แต่แล้วเขาก็ฮึดสู้!
   “ไม่เอา! กินเยอะๆ แล้วผมร่วงนะเตง เค้าไม่เอาหรอก รีบๆ กินเลยจะได้คุยให้มันจบๆ ไปซักที!”
   “คุยไรของมึง? ก็คุยมาดิ”
   “ไม่เอา เตงกินให้เสร็จก่อนสิ เค้าอยากคุยกันดีๆ อะ นี่ซีนะ”
   “กูฟังอยู่”
   “ป้องอ๊ะ!”
   เมื่ออ้นเผลอขึ้นเสียง ป้องก็เลิกกวน
   “ก็กูไม่อยากคุยอะมีอะไรมั้ย กูไม่อยากเลิก อยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว มึงจะเลิกกับกูทำไม มีใครมาจีบมึงรึไง?”
   ป้องพูดโดยไม่สบตากับอ้น เขาก้มหน้าลงทานอาหารในชามต่อทำเป็นไม่สนใจทิ้งให้อ้นต้องถอนหายใจ
   “แล้วแกจะอยู่แบบนี้ไปเพื่ออะไร แกรักฉันจริงๆ เหรอป้อง? รีบเลิกกันก่อนที่ฉันจะถลำลึกไปมากกว่านี้ดีกว่า ถึงตอนนั้นถ้าแกจะทิ้งฉันๆ คงไม่ยอมเลิกกับแกง่ายๆ นะ”
   “รักเหรอ? เราสองคนมันเลยจุดนั้นมาแล้วปะวะ?”
   ป้องวางชามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในมือลงบนโต๊ะ เขาขยับเข้ามาใกล้แล้วจูบอ้นอย่างรวดเร็วโดยที่คนถูกจูบก็คาดไม่ถึง!
   “กูแค่อยากอยู่กับมึงไปเรื่อยๆ อะ กูอยู่กับมึงแล้วมีความสุข แค่นี้ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?”
   มือของป้องยังจับอยู่ที่ต้นคอของอ้น เขาก้มลงให้หน้าผากของตัวเองชนกับอีกฝ่ายแล้วถามด้วยน้ำเสียงวิงวอน
   “ทำไมต้องเลิกกันอะ? หรือเพราะเรื่องนั้น?”
   “ฉันไม่อยากเป็นตัวแทนใคร!”
   คนถูกจูบน้ำตาไหล ป้องยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอ้นอย่างอ่อนโยน
   “กูก็ไม่ได้เห็นมึงเป็นตัวแทนใคร มึงก็เป็นมึง เป็นอ้นสำหรับกู”
   “แต่แกก็ไม่ได้รักฉันอะ ฉันไม่อยากอยู่แบบนี้แล้ว ฉันกลัว ถ้าฉันรักแกมากๆ แล้ววันนึงเกิดแกทิ้งฉันขึ้นมา เกิดฉันทำอะไรไม่ดีให้แกโกรธเกลียดฉัน ฉันไม่อยากถูกทิ้งอะ ฮือๆ เลิกกันตอนนี้เรายังเป็นเพื่อนกันได้นะป้อง ฉันไม่อยากให้เราสองคนเกลียดกันอะ ฉันทนไม่ได้!”
   อ้นฟูมฟายด้วยความกลัว ความกังวลของอ้นใช่ว่าป้องจะไม่เข้าใจ เขารู้ดีแต่เลือกที่จะหลับหูหลับตาเดินหน้าต่อ
   “มึงเลยพยายามจะทิ้งกู? ตรรกะเหี้ยอะไรของมึง วิบัตชิบหาย!”
   “ก็ฉันกลัวนี่! พอทำงานแล้วต้องห่างกัน เดี๋ยวแกก็เจอคนเยอะแยะ แค่อีชะนีเหนียงยานนั่นฉันก็รับมือไม่ไหวแล้ว ฉันจะไปมั่นใจได้ยังไงในเมื่อเราต่างก็รู้ดีว่าแกไม่ได้รักฉัน! แล้วฉันจะรั้งแกไว้ด้วยอะไร!”
   “มึงก็นอนกะกูดิ เป็นเมียกูละกูไม่ทิ้งมึงหรอก จัดเลยป้ะ?”
   ดราม่าถึงกับชะงัก! อ้นอ้าปากค้างยกมือขึ้นตีแขนป้องด้วยความโมโห
   “อีบ้า อีปากเสีย อีหน้าด้าน อีเซ็กจัด อีหื่น!”
   เมื่อถูกหมัดแมวระดมข่วนป้องก็หัวเราะ
   “โมโหหิวแล้วพาลนะมึง บอกให้กินข้าวก็ไม่กิน”
   “ฉันไม่กินข้าวเย็นหลังสามทุ่ม!”
   ตุ๊ดสาวกอดอกเชิดหน้าขึ้นด้วยความงอน ป้องหัวเราะ เขาเอื้อมมือไปดึงแฟนของตนเข้าสู่อ้อมอกตัวเอง
   “คิดมากน่ะ มึงก็รู้ว่ากูเลือกมึง แค่มึงรักกูมากก็พอแล้วสำหรับรั้งคนอย่างกู ก็แค่รักแรกอะมึงไม่ต้องใส่ใจหรอก เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ใครๆ ก็มีรักแรกฝังใจไม่ใช่เหรอวะ?”
   เสียงของป้องแผ่วลงตามอารมณ์ เขากำลังโหยหาถึงใครบางคนผู้เป็นรักแรก อ้นรู้ดีว่าบาดแผลแห่งรักแรกนั้นมีอานุภาพสลักลึกตรึงความทรงจำมากแค่ไหน เขาจึงไม่เคยคาดคั้นให้ป้องลืมรักแรก เพราะป้องเองก็เป็นรักแรกของเขาเช่นกัน แม้ว่ารักแรกของป้องจะไม่ใช่เขาก็ตาม!

   ร่างที่เล็กกว่าขยับตัวหนีจากท่อนแขนที่หนุนนอน อ้นพลิกกายหันหลังตะแคงข้าง ทว่าอ้อมแขนหนักๆ ก็ตามมากอดรัดเขาเสมือนคำสั่งห้ามหนี
   “นอนไม่หลับเหรอ?”
   “อืม เค้าเครียด แฟนไม่รัก”
   ได้ยินแล้วคนที่ถูกแฟนงอนก็ฉุน!
   “รักไม่รักมันสำคัญตรงไหนวะ? เมื่อไหร่จะเลิกบ่นเรื่องนี้ซักทีเนี่ยกูเบื่อ!”
   ทั้งๆ ที่หงุดหงิดฉุนเฉียวแต่คนอารมณ์เสียกลับกระชับอ้อมกอดของตัวเองแล้วฝังหน้าซุกต้นคอของอีกฝ่ายคล้ายกับกลัวการถูกทิ้ง
   “แล้วมีใครบ้างไม่อยากได้ความรัก? หนิเค้าจะบอกให้นะ ใครๆ ก็ฝันอยากแต่งงานกับคนที่เรารักทั้งนั้นแหละ ถึงเค้าจะใส่ชุดเจ้าสาวไม่ได้แต่เค้าก็อยากมีชีวิตคู่แฮปปี้นะ เค้าอยากได้ผัวที่รักเค้าอะ”
   อ้นเคยใฝ่ฝันถึงชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ เขาอยากสวมชุดเจ้าสาวยืนเคียงข้างกับผู้ชายที่รักเขาจริงโดยไม่รังเกียจเพศสภาพที่เขาเป็นอยู่ เขาอยากเป็นเจ้าสาวข้ามเพศที่มีความสุขได้ครองคู่กับชายที่ตนรัก ทว่าหน้าที่การงานช่างโหดร้าย อ้นจำใจต้องใช้ชีวิตในสภาพครึ่งๆ กลางๆ ต่อไปเพราะโลกนี้มีเวทีให้สาวข้ามเพศได้แสดงฝีมือมีเพียงไม่กี่อาชีพเท่านั้น
   “กูก็รักมึงอยู่นี่ไง”
   “เตงรักเค้าแบบเพื่อน เตงไม่ได้มองเค้าแบบ...แบบนั้นซักหน่อย”
   “จะคาใจอะไรนักหนาวะ มึงไม่เข้าใจคำว่าเลือกเหรอ? กูเลือกมึงแล้ว”
   เมื่อเริ่มหงุดหงิด คนเจ้าอารมณ์ก็แสดงนิสัยชอบใช้กำลัง ป้องดึงตัวอ้นให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน อ้นเองก็ไม่ยอมแพ้ หันมาเอาเรื่องเช่นกัน
   “แต่เค้าอยากได้หลักประกันนี่ เค้าอยากได้ความรักของตัวเองเป็นหลักประกันว่าเตงจะไม่ทิ้งเค้าไปไหน!”
   “อยากได้หลักประกันจากกู? เอาตัวมึงมาแลกดิ!”
   ถ้อยคำของป้องฟังแล้วช่างเจ็บปวด อ้นน้ำตาเอ่อ เขาอยากพลีกายให้ผู้ชายที่ตนรักและเขาก็รักตนตอบเช่นกัน แต่ป้องไม่ใช่! และอ้นไม่อยากเป็นเพียงหน้าที่ที่จำเป็นต้องรับผิดชอบของใคร โดยเฉพาะเมื่อคนๆ นั้นคิดจะใช้เขาเพื่อลบเลือนความเจ็บปวดในอดีต เป็นเพียงเครื่องมือยึดเหนี่ยวให้เดินหน้าอยู่กับปัจจุบันโดยไม่หันหลังกลับไปมองอดีต หาใช่ความรัก...
   “ก็เค้าไม่อยากเป็นแค่เครื่องมือให้เตงลืมใครอ๊ะ! เค้าอยากให้เตงรักเค้าจริงๆ อะ เค้าทนไม่ไหวแล้ว!”
   “ตกลงมึงอยากได้ความรักหรืออยากได้หลักประกันกันแน่! ตกลงมึงจะเอายังไง? ถ้ามึงอยากเลิกแล้วมาให้กูกอดทำไม? ที่เราสอง   คนเป็นอยู่มันก็ดีอยู่แล้วมึงจะเอาคนอื่นเข้ามายุ่งทำไมวะ! มันไม่มีมือที่สามซักหน่อย มึงอย่ากลัวดิ”
   อ้นเริ่มร้องไห้ฟูมฟายอีกแล้ว ป้องชักหงุดหงิดจนทนไม่ไหว เขารำคาญ!
   “แน่ใจเหรอว่าไม่มี? เค้ารู้นะในใจเตงมีคนอื่นอยู่ เค้าไม่ใช่ผู้หญิง แต่งงานกับเตงก็ไม่ได้ ทำได้แค่อยู่ด้วยกัน เค้าไม่มีอะไรผูกมัดเตงได้เลย ถ้าเตงรักเค้าบ้างเค้าคงสบายใจกว่านี้!”
   ป้องโมโหจึงหลุดปากสวนกลับไป
   “ไอ้นั่นมันก็ผู้ชายเหมือนกันกูยังเลิกรักมันไม่ได้เลย!”
   และนั่นทำให้ทุกอย่างแย่ลง! อ้นนิ่งเงียบเหมือนถูกกดปุ่มหยุดสตอป ป้องรู้ตัวแล้วว่าเผลอหลุดปากจึงมีท่าทีอ่อนลงด้วยความสำนึกผิด
   “อ้น... กูขอโทษ”
   ป้องกอดอ้นอีกครั้ง เขาดึงตัวคู่รักที่ไม่ใช่คนรักมากอดปลอบพลางลูบหลังเมื่อเสียงกระซิกดังขึ้นเบาๆ
   “ที่แกอยากอยู่กับฉัน อยากมีอะไรกับฉัน เพราะแกอยากผูกมัดตัวเองไว้กับฉันใช่มั้ยป้อง? แกไม่ได้รักฉันจากใจจริงๆ ของแกหรอกใช่มั้ย? ถ้าวันนึงแกมีหลักยึดเหนี่ยวอันใหม่ล่ะ แล้วฉันจะอยู่ยังไง? ถ้าแกรักฉันบ้างฉันคงสบายใจกว่านี้”
   “ขอโทษ”
   คำว่า “ขอโทษ” คำเดียวไม่อาจทำให้อะไรดีขึ้น แต่มันก็เป็นเพียงคำเดียวที่ป้องสามารถพูดออกมาได้โดยไม่โกหกความรู้สึกของตัวเอง
   “กูขอโทษ ให้อภัยกูนะ”
   “ฉันไม่โกรธแกหรอก ฉันให้อภัยแกทุกอย่างนะป้อง”
   อ้นรู้ดีตั้งแต่วันที่ป้องมาขอคบด้วยแล้ว เขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีวันได้หัวใจของป้องมาครอบครองไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ยังดื้อดึงยอมหลับใหลอยู่ในฝันหวานจอมปลอมเพียงเพื่อให้ตนได้ลิ้มรสความรักอันหอมหวานจากเจ้าชายในฝัน ทว่ายิ่งหลับใหลนานเท่าไหร่เขายิ่งกลัวว่าตนอาจไม่มีวันได้ตื่นอีกตลอดกาล!

   “เฮ้อ...”
   “ถอนหายใจอะไรคะคุณน้อง?”
   “เปล่าคร่า”
   อ้นตอบรุ่นพี่สาวก่อนจะแอบทำกิริยามองบนด้วยความเซ็ง
   พวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน!
   แม้อ้นจะฝึกงานที่เดียวกับป้องแต่เขากลับเลือกสมัครงานในบริษัทใหม่ไม่เหมือนป้องที่มีคนช่วยทั้งดันทั้งฝากให้สุดชีวิต สำหรับชีวิตการทำงานนั้นการผ่านโปรคือเรื่องสำคัญ และโชคร้ายที่หัวหน้าผู้ประเมินผลคนนี้ดันเป็นสาวแก่ทึนทึกเหนียงยางไร้คู่สุดน่ารำคาญ! ซ้ำร้ายในแผนกยังมีสาววายช่างเม้าที่ชอบจับผิดผู้ชายตลอดเวลา!
   ถึงเขาจะเป็นตุ๊ดแต่ก็ไม่ได้ใฝ่ฝันให้ผู้ชายกลายเป็นเกย์หมดทั้งโลก! เขายังต้องการประชากรชายแท้แมนๆ เอาไว้ให้ฟินและรู้สึกเสียดายทุกครั้งเมื่อรู้ว่าหนุ่มหล่อที่ตนแอบเช็ดน้ำลายดันมีพฤติกรรมชอบยกขาเป็นรูปตัววีบนเตียงให้ชาวบ้านเสียบ ดังนั้นอ้นจึงรำคาญมากถึงมากที่สุดเมื่อเจอมนุษย์ป้าขี้นินทาและเพื่อนสาวร่วมแผนกที่ชอบชี้ชวนให้เขาจับผิดเกย์! บางครั้งวันดีคืนดีพวกนางก็แฉพฤติกรรมของหนุ่มในออฟฟิศทำลายจินตนาการฝันหวานของเขาว่าผู้ชายสุดเซอร์หล่อล่ำอีกแผนกมีผัว!
   “นี่เดี๋ยวกลางวันนี้ไปกินข้าวที่ตลาดกับพี่มั้ย? วันนี้วันศุกร์ มีตลาดนัดด้วยนะ”
   “ไม่ดีกว่าค่ะพี่ คือหนูรู้สึกไม่ค่อยสบาย หาอะไรในแคนทีนทานดีกว่าค่ะ”
   “โอ๊ยแคนทีนที่นี่มีอะไรน่ากินจ๊ะ! อ้นจะเอาอะไรมั้ยเดี๋ยวพี่ซื้อมาฝาก เอามะๆ ก๋วยเตี๋ยวหลอดที่นั่นอร่อยนะ”
   ถึงจะน่ารำคาญไปบ้างแต่ก็มีความเอื้อเฟื้อ(จนถึงขั้นยุ่มย่าม) อ้นจึงพยายามปั้นหน้ายิ้มรับ
   “ไม่เป็นไรหรอกค่า ขอบคุณนะค้าพี่จ๋า”

   อ้นถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เมื่อคืนเขาทะเลาะกับป้อง สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถขอเลิกกับป้องได้สำเร็จ
   ล้มเหลวเป็นครั้งที่หก!
   ป้องพูดถูกทุกอย่าง ใจจริงแล้วอ้นไม่ได้อยากเลิกกับป้อง เขาอยากให้ป้องรักตอบ และพวกเขาทั้งคู่รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้
   พวกเขาคบกัน มีสถานะแฟน พยายามทำทุกอย่างแบบที่คู่รักควรจะทำ ทว่าในใจกลับไม่ได้รักกัน ป้องยังรักคนอื่นแม้จะเป็นแฟนที่ซื่อสัตย์ต่ออ้น ส่วนอ้นเองก็อึดอัดและหวาดกลัวกังวลว่าตนจะไม่มีวันได้หัวใจของป้องมาครอบครอง
   ปัญหาถาโถมเข้ารุมเร้าเมื่อทั้งคู่เรียนจบ การเริ่มต้นชีวิตด้วยการยืนบนลำแข้งของตัวเองมันไม่ง่ายเลย อ้นอยากใช้ชีวิตคู่เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ อ้นยินดีแบ่งปันทุกอย่างตามหลักที่คู่ครองพึงกระทำ แต่เขาต้องการความชัดเจนจากป้อง หากป้องไม่พร้อมเขาก็จะเดินหน้าต่อไปคนเดียวตามลำพัง ทว่าป้องบ่ายเบี่ยงใช้วิธีหลีกเลี่ยงการขุดคุ้ยต้นตอของปัญหา อ้นจึงเลือกที่จะยุติปัญหาทั้งหมดทั้งที่ยังไม่เด็ดขาดพอจะจัดการลบความรู้สึกของตัวเอง
   ใครเล่าจะขัดขืนความสุขยามอยู่ในอ้อมกอดของคนที่ตัวเองหลงรักได้ ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดผ่านผิวกายยามแนบเนื้อทำให้อ้นหลงใหลแม้จะรู้ดีว่าป้องทำเพื่อตามใจเขาโดยปราศจากความรู้สึกรัก
   แต่ในขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ความคิดของอ้นก็มีอันสะดุดเมื่อจังหวะที่เขาใจลอยจนก้าวเท้าเข้าไปสั่งอาหารตามคิวช้าไปสองก้าวนั้นมีคนอื่นมาแทรกคิวตัดหน้าแซงเขาอย่างหน้าด้านๆ!
   อีนี่อีกแล้ว!
   “เอาชุดเกาเหลาครับ ขอลูกชิ้นหมูใส่แต่ผักบุ้งไม่เอาถั่วงอก”
   เมื่อผู้ร้ายแซงคิวเจรจากับคุณป้าแม่ครัวเจ้าประจำจบแล้วอ้นก็เปิดศึกน้ำลายทันที!
   “นี่! ไม่เคยเรียนมารยาทพื้นฐานมารึไงยะ? แถวบ้านไม่มีอบรมเรื่องการเข้าคิวเหรอ?”
   “นอกจากเตี้ยแล้วยังสายตายาวอีกเหรอถึงได้ยืนใจลอย พลาดเองนะถั่วงอก”
   ผู้ร้ายแซงคิวปากดีดันแว่นบนจมูกด้วยท่าทางโอ้อวด เขาไม่ละอายใจกับพฤติกรรมหน้าด้านเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังเอ่ยคำต้องห้ามออกมาให้อ้นสะเทือนใจอีก!
   “อีแว่น!”
   “ขอบคุณที่ชม”
   “ไม่ได้ชมย่ะ ฉันด่า!”
   “รู้มั้ยยุคนี้หนุ่มแว่นครองเมืองนะ การใส่แว่นจะเสริมบุคลิกให้ดูรอบรู้ นายก็ลองไปหาแว่นมาใส่ซักอันสิเผื่อจะดูฉลาดขึ้นบ้าง”
   ผู้ร้ายใส่แว่นยกมุมปากยิ้มอย่างอวดดีชวนให้ตบสักป้าบ อ้นแค้นจนอยากจะกรี๊ด! แต่เขาจะหาวิธีตอกกลับอย่างไรให้เจ็บแสบสะเทือนหนังหน้าหนาๆ ของคนๆ นี้ได้บ้าง? อ้นไม่อยากแพ้ ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเป็นตัวร้ายอาละวาดแล้วปล่อยให้คู่กรณีทำเท่อยู่ฝ่ายเดียว ตุ๊ดสาวโกรธจนหน้ายับ!
   แต่แล้วก็มีคนขัดจังหวะ
   “เกาเหลาลูกชิ้นหมูไม่เอาถั่งงอกได้แล้วจ้ะ”
   “ขอบคุณครับป้า”
   ชายหนุ่มผู้มากับแว่นยิ้มร้ายกาจก่อนจะหย่อนระเบิดทิ้งไว้
   “ไปนะถั่วงอก ขอบใจที่ยืนเอ๋อให้เราแซงคิว เหอะๆ”
   บัญชีแค้นครั้งที่สี่ร้อยหกสิบเจ็ด อีแว่นโฉด!
   อันที่จริงอีกฝ่ายมีชื่อ เขาเคยแนะนำตัวกับอ้นด้วยท่าทางหยิ่งยโส แต่นั่นแหละ ในเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่เรียกอ้นว่า “ถั่วงอก” แล้วจะต้องไปญาติดีด้วยทำไม! และนั่นทำให้เขากลายเป็น “อีแว่นโฉด” สำหรับอ้นมาตลอด
   “ป้าคะ! ขอชุดเกาเหลาลูกชิ้นหมูใส่ถั่วงอกเยอะๆ ค่ะ!”
   “โอ๊ยตายแล้วหนู ข้าวหมดจ้ะ ถ้วยสุดท้ายพึ่งหมดเมื่อกี้เอง หนูไปซื้อข้าวเปล่าร้านข้างๆ เอาได้มั้ยจ๊ะ เดี๋ยวป้าลดราคาเกาเหลาให้”
   อีแว่น! แกตัดหน้าฉันอีกแล้ว อีชั่ว!
   อ้นกรีดร้องอยู่ในใจด้วยความแค้น!

   หากถามว่าเรื่องทั้งหมดเริ่มต้นตรงไหน? คงต้องย้อนกลับไปสมัยที่พวกเขาต่างเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งพึ่งเข้ามหาวิทยาลัยหมาดๆ ณ ร้านขายก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อย ในโรงอาหารกลาง
   เหตุการณ์มันเริ่มจากตุ๊ดน้อยแอ๊บแมนกำลังภูมิใจที่ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยไปได้สวย เขายังไม่ถูกจับได้ ไม่มีใครล่วงรู้ความลับ มิหนำซ้ำเจ้าชายในฝันยังถูกคอกับเขา นอกจากจะเรียนคณะเดียวกันแล้วยังได้อยู่ห้องเดียวกันกับเจ้าชายในฝันอีกต่างหาก ชีวิตของอ้นดี๊ดี จนกระทั่งวันนั้นนั่นเอง
   อ้นต่อคิวซื้อเกาเหลาลูกชิ้นตามปกติ เขาปรุงรสก๋วยเตี๋ยวก่อนจะถือชามเกาเหลาด้วยมือขวาและมีจานข้าวในมือซ้ายเนื่องจากถาดใส่อาหารหมด แต่จังหวะนั้นเอง ผู้ชายคิวถัดไปที่รับก๋วยเตี๋ยวจากแม่ค้าหมุนตัวโดยไม่ทันสังเกตอ้นที่อยู่ด้านหลัง กระเป๋าสะพายของเขาชนเข้ากับร่างของอ้นอย่างจัง!
   “อ๊าย! ร้อน!”
   อ้นกรีดร้องก่อนจะตวาดออกไป
   “อีบ้า! ไม่มีตารึไงยะ!”
   หมอนั่นทำให้อ้นเจ็บตัว ทว่าแทนที่เขาจะขอโทษอ้นเขากลับมองอ้นหน้านิ่งแล้วพูดประโยคที่ทุเรศที่สุดออกมา!
   “เป็นตุ๊ดเหรอ? แค่นี้ต้องกรี๊ดโวยวาย”
   ตุ๊ดองค์ลงถึงกับอึ้ง! อ้นกวาดตามองไปรอบๆ แล้วรีบเก็บอาการก่อนจะเอาเรื่องต่อด้วยมาดสมชาย
   “นายถอยมาชนเรานะ ไม่ระวังเลย! ดูสิเกาเหลาเราหกหมดแล้ว เลอะด้วย ขอโทษคนอื่นเป็นมั้ย!”
   ทว่าคู่กรณีกลับยิ้มแสยะ
   “เกาเหลานายหกเลอะเป้เราเหมือนกัน ถือว่าเจ๊ากันละนะ”
   ว่าแล้วหมอนั่นก็เดินจากไปทิ้งให้อ้นยืนงงอยู่ที่เดิมท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของไทยมุง
   อ้นไม่เข้าใจ! เขาไม่เคยเจอใครหน้าด้านไร้ความรับผิดชอบกลับขาวเป็นดำได้หน้าตาเฉยเช่นนี้มาก่อนเลย ที่สำคัญเป้สะพายหลังใบนั้น! กระเป๋าเป้ของแถมจากโน้ตบุ๊กที่เต็มไปด้วยพวงกุญแจการ์ตูน! เป้ของคนนิสัยเสียที่เดินชนเขาวันนั้น! ไอ้หมอนี่คือผู้ร้าย!
   นับตั้งแต่นั้นมา ยามใดที่อ้นแวะมาสั่งเกาเหลาของโปรดที่นี่เขาก็มักจะเจอกับคู่กรณีเป็นประจำ แน่นอนว่าอ้นย่อมไม่พลาดการล้างแค้น! แซงคิวได้ก็แซง กระแทกได้ก็กระแทก แกล้งอะไรได้อ้นจัดให้ทุกอย่าง ทว่าส่วนใหญ่แล้วมักจะลงเอยด้วยความล้มเหลว สายตาดุๆ มักจะเปลี่ยนเป็นสะใจทุกครั้งที่เขาพลาด หมอนี่จะอมยิ้มแล้วหัวเราะต่ำๆ ส่งเสียง “เหอๆ” น่าขนลุกในคออย่างน่าหมั่นไส้!
   จนกระทั่งความลับแตก อ้นไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์แอ๊บแมน เขาจึงจิกกัดอีกฝ่ายได้คล่องปากมากขึ้น แต่เขาก็ยังแพ้! หมอนี่พลิกประโยคชิงชังทุกอย่างกลับมาสรรเสริญตัวเองได้อย่างน่าพิศวง!
   ต่อปากต่อคำกันไปมา จาก “นาย” กับ “เรา” ก็เริ่มจะมี “แก” และ “ไอ้บ้า” หลุดเข้ามาปนบ่อยๆ แต่เป็นอ้นเสียเองที่เริ่มก่อน ดังนั้นเขาจึงแค้นสุดๆ เมื่อถูกย้อนกลับ
   “มาว่าคนอื่นเขาเป็นไอ้บ้า นิสัยไม่ดีเลยนะถั่วงอก”
   “แกเรียกฉันว่าอะไรนะ!?”
   “ถั่ว งอก ไง เห็นชอบกินแต่ถั่วงอก ไม่ดีนะต้องหัดกินผักบุ้งเยอะๆ บ้างจะได้บำรุงสายตา ร่างกายจะได้เจริญเติบโตไม่โตแต่หัวตัวผอมแห้งเป็นถั่วงอกแบบนี้”
   “อย่ามาเรียกคนอื่นว่าถั่วงอกนะยะ!”
   “อ้อ...ตุ๊ดถั่วงอก!”
   “อีแว่น!”
   “เรียกแว่นอยู่ได้ เราชื่อเรย์หรอก แต่สมองถั่วงอกของนายคงจดจำชื่อสุดเท่ของเราไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ ตุ๊ดหัวถั่วงอก”
   และนั่นคือฉายาที่อ้นเกลียดที่สุด! มันถูกตั้งโดยมนุษย์แว่นคู่อาฆาตที่ชื่อ “เรย์



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

เอ๊ะ... เปิดฉากมาแบบนี้ ... หรือจะคอมเมดี้?  :o8:
พระเอกแปลกๆ อีกแล้วล่ะ... คุชนิดน่ารังเกียจขั้นรุนแรง! สงสารอ้น... ไม่น่าเป็นตัวละครในนิยายของคนแต่งโรคจิตคนนี้เลย ... แต่ละตัวหาอะไรดีๆ มีไม่! มีแต่พล้อตประหลาด นิสัยแปลก เนื้อเรื่องแบบ...
เอาเป็นว่ารอลุ้นละกัน ....  :-[

(จริงๆ แล้วไม่กล้าพูดถึงพี่ป้องน่ะ คาดว่าคงช็อกคนอ่านพอสมควรกับการกระทำของพี่แกในภาคนี้ แต่อย่างที่เราพูด พี่ป้องมันไม่ได้พระเอ๊กพระเอกหรอก มันชอบหนีความจริงจะตาย! คนที่เข้มแข็งจริงๆ คือเติ้ลล่ะ ฮ่าๆ
แต่แฟนคลับอ้นอาจจะฟินละมั้ง? บทเข้าพระเข้านางกับพี่ป้องเยอะซะด้วยสิ... อิๆ  :impress2:)

ออฟไลน์ smoking

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ติดตามๆ น้องถั่วงอกสู้ๆน่ะ   o13 o13 o13

ออฟไลน์ jejiiee

  • cannot open this page
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
พระเอกแบบนี้แหละค่ะที่ต้องการร :hao6:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เย้ ลุ้นน้องอ้นต่อไป
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ  :mew1: 

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ถั่วงอก โดนเรียกงี้โกธรตายเลย กินแล้วท้องชอบอืด 5555

ออฟไลน์ naamsomm

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
คือจริงๆป้องก็ดูเป็นแฟนที่ดี
แต่อ้นก็น่าสงสาร
แต่อีตาแว่นไร้มารยาทนี่คืออะไร
ใจร้ายมากๆๆๆไ
กล้าว่าน้องอ้น

ปล.น้องอ้นถ้าผู้ชายหล่อๆมันกลายเป็นสาวหมด
มาลองผู้ชายเกรียนๆก็ดีนะ

ออฟไลน์ pogpax

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อ่านจบรวดเดียว มีทั้งน้ำตา และความฮา ครบเลย

ออฟไลน์ Netimefii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ piengtavan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • UEDA_ARAMORD

ออฟไลน์ meanmena

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   ใกล้จะวันเกิดของป้องแล้ว แม้จะยังหาทางออกให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้แต่ว่าอ้นก็เตรียมเซอร์ไพรสให้ป้อง เขาตั้งใจจะซื้ออุปกรณ์วาดเขียนให้กับคนที่ตนรัก ถึงป้องจะจับงานด้านกราฟิกโฆษณาต้องพึ่งคอมพิวเตอร์แทบทุกวันแต่อ้นรู้ว่าแท้จริงแล้วป้องชอบสัมผัสของแท่งดินสอและพื้นผิวกระดาษ
   ทว่าอ้นตัดสินใจไม่ได้ เขาอยากซื้อสมุดสเก็ตให้แต่ก็คิดว่าอาจจะธรรมดาเกินไป ผืนผ้าใบกับสีอะคริลิกก็เข้าท่า หากป้องวาดภาพเสร็จแล้วเขาอาจจะตกแต่งห้องของทั้งคู่ด้วยภาพๆ นั้น แต่เมื่อนึกถึงว่าเขากับป้องอาจต้องเลิกกันจริงๆ จิตใจของอ้นก็ห่อเหี่ยวราวกับลูกโป่งถูกปล่อยลม เขาเดินเลือกอุปกรณ์วาดภาพในแผนกเครื่องเขียนอย่างใจลอยจนกระทั่งสายตาไปสะดุดเข้ากับของสิ่งหนึ่งที่วางโชว์อยู่ในตู้

   วันเกิดปีนี้ป้องรู้สึกแปลกไป เขารู้สึกว่างเปล่า ตัวคนเดียว
   เมื่อเขาโทรหายายผู้เป็นญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวแล้วก็ไม่เหลือใครอีก ป้องเลือกจะเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ตัดขาดจากเพื่อนรักคนสำคัญเพราะเหตุผลบางอย่าง
   ดังนั้นเมื่อกลับมาถึงห้องพักแล้วพบว่ามีเค้กวันเกิดขนาดหนึ่งปอนด์ตกแต่งด้วยสตรอเบอร์รี่และครีมช็อกโกแลตวางเคียงกันกับเสต็กแล้วเขาก็ยิ้ม
   “เซอพร๊าย”
   “เซออะไร กูรู้อยู่แล้วว่ามึงไม่พลาดหรอก ยังไงมึงก็ต้องฉลองให้กู”
   “เตงอะ อย่าขัดสิ ชอบทำลายบรรยากาศอะ!”
   นิสัยของป้องที่ชอบขัดคอคนอื่นบางทีก็น่าเบื่อ แต่อ้นชินแล้ว
   “เออๆ กูขอโทษ กูแฮปปี้มาก พอใจยัง? หึๆ”
   เมื่อเห็นเจ้าของวันเกิดหลุดยิ้มอ้นก็ยิ้มตาม อ้นปรี่เข้าไปดึงป้องมานั่งที่โต๊ะอย่างเจ้ากี้เจ้าการ
   “มาๆ เดี๋ยวเค้าจะจุดเทียนนะ เตงอธิฐานเลย”
   “เฮ่ย! เป่าเลยเหรอ? ไม่ให้กูอาบน้ำก่อนอะ?”
   ป้องแย้งแต่อ้นไม่แคร์ เขาตอบตามความคิดตัวเอง
   “เตงอาบน้ำแล้วก็ใส่แต่บ็อกเซอร์อะ ดูชุดเค้าซะก่อน ให้เกียรติเสื้อผ้าหน้าผมเค้าบ้าง”
   อ้นหมุนตัวก่อนจะหยุดโพสท่าด้วยความสตรองราวกับเป็นผู้เข้าแข่งขัน The Face Thailand
   ป้องยิ้มกว้างพลางกลั้นหัวเราะ วันนี้อ้นดูสวยหวานราวกับผู้หญิง ผมบ๊อบซอยสั้นถูกจัดทรงมาอย่างดี แฟนของเขามีออฟชั่นเสริมเป็นผ้าคาดผมผูกเป็นโบว์เหนือศีรษะ ชุดจั๊มสูทกางเกงขาสั้นสีขาวตกแต่งลายจุดสีชมพูสีโปรดของอ้นก็เข้ากันได้ดีกับการแต่งหน้าใสๆ โทนชมพูอ่อน
   “เออๆ วันนี้มึงสวย”
   “แน่นอนอยู่แล้น”
   อ้นยิ้มรับแล้วจัดท่าโพสอีกชุดใหญ่จนป้องหมั่นไส้
   “พอๆ ตกลงมึงจะให้กูเป่าเค้กปะเนี่ย?”
   “เดี๋ยวสิเตง เซลฟี่ก่อน”
   ป้องเบ้หน้าแล้วถอนหายใจ แต่ในฐานะแฟนก็จำใจยอมอ้นแต่โดยดี เขารับเค้กมาถือตามคำสั่งของอ้น
   “เอายังไง? ให้กูถือแบบนี้เหรอ?”
   อ้นพยักหน้าแล้วขยับเข้าไปใกล้จนใบหน้าของทั้งคู่เกือบแนบชิด เขายกมือที่ถือโทรศัพท์ขึ้นพลางหามุมให้เห็นเค้ก ทว่าเพราะแขนสั้นจึงไม่มีภาพสวยๆ เสียที ป้องจึงเริ่มรำคาญ
   “เอามานี่ แขนมึงอะสั้น มึงถือเค้กไปเหอะ กูถ่ายเอง”
   ป้องส่งเค้กให้อ้นถือ เขาดึงตัวแฟนเข้ามาใกล้ ป้องให้อ้นนั่งบนหน้าขาของตนแล้วยื่นโทรศัพท์ออกไปหามุมเหมาะๆ เพื่อเก็บภาพ ส่วนแขนของป้องอีกข้างก็คล้องพาดอยู่กับหลังของอ้นแลดูราวกับคู่รักสุดสวีต
   ภาพสะท้อนของแววตาสดใสเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขปรากฏอยู่ในจอโทรศัพท์ แม้ว่าบนเค้กที่อ้นถืออยู่นั้นจะเขียนคำอวยพรว่า “สุขสันต์วันเกิดป้องสุดที่รัก” ก็ตาม ความรู้สึกผิดทิ่มแทงใจจนปวดหนึบแต่ป้องก็ยังเลือกที่จะยิ้มแล้วกอดอ้นถ่ายรูปคู่ต่อไป

   ขั้นตอนฉลองวันเกิดเป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่อ้นไม่ยอมหยิบของขวัญออกมาให้เขาเสียทีป้องจึงแกล้งแซว
   “ไหนอะของขวัญกู? อย่าบอกนะว่ามึงจัดให้กูแค่นี้?”
   “งกนะเตง เค้าก็ต้องมีของขวัญให้เตงอยู่แล้น”
   อ้นติป้องขำๆ แล้วยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม สปาร์กลิ้งไวน์กลิ่นกุหลาบสีชมพูใสไหลเข้าปากเคลือบลิปกลอสสีชมพูของอ้นช้าๆ 
   “อ๊าย! ฟิน!”
   อ้นร้องออกมาเมื่อดื่มไวน์ในแก้วหมด เขาลูบแก้มตัวเองแล้วส่งเสียงครางออกมาอย่างเคลิบเคลิ้มคล้ายคนละเมอ
   “โอ๊ยมีความสุขจังเลย ได้ฉลองกับผัว มีดินเนอร์ในฝัน”
   ท่าทางของอ้นมีความสุขมากเสียจนคนที่มองอยู่พลอยมีความสุขตามไปด้วย ป้องมองอาการของอ้นแล้วหลุดเสียงหัวเราะ เขายกกระป๋องเบียร์ของตนขึ้นจิบบ้าง ป้องอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับอ้น อ้นไม่ชอบเบียร์ ส่วนเขาก็แพ้ไวน์ อ้นเรื่องมากอยากหรู ส่วนเขาก็ซกมกเกินคำว่าสบายๆ แต่ถึงกระนั้นป้องก็ยังทนได้เมื่ออ้นไม่เคยย่ำยีหัวใจของเขาเหมือนใครอีกคน เช่นเดียวกับที่อ้นเองก็ไม่เคยโกรธเคืองเรื่องไร้สาระที่ป้องเผลอทำโดยไม่ตั้งใจ
   “ตะเอง ทายซิว่าเค้าซื้ออะไรให้ตะเอง”
   อ้นฉอเลาะเสียงหวาน สองมือของอ้นซ่อนกล่องของขวัญไว้ด้านหลังพลางบิดตัวไปมา ป้องขำกับความเยอะของอ้น แม้จะเยอะจนน่ารำคาญแต่กาลเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันอีกครั้งก็ทำให้เขาชิน
   “กูทายไม่ถูกหรอก มึงเฉลยมาเหอะ”
   เจ้าของวันเกิดยอมแพ้แล้วยื่นมือออกมาด้านหน้าก่อนจะกระดิกนิ้วทวงของขวัญ
   อ้นเห็นดังนั้นจึงวางของขวัญที่เตรียมไว้ลงบนมือของป้อง กล่องกำมะหยี่สีแดงเข้มรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเรียบหรู มีริบบิ้นสีทองเส้นเล็กจัดพันอย่างมีสไตล์
   ป้องหรี่ตามองแล้วถาม
   “อะไร? มึงซื้อแว่นให้กูเหรอ?”
   “อีบ้า!”
   อ้นเผลอตวาดทันใด!
   ไม่รู้ทำไมพอได้ยินคำว่า “แว่น” แล้วพาลจะนึกถึงหน้าคนบางคน อ้นรีบไล่ความคิดไร้สาระในหัวแล้วคะยั้นคะยอป้องให้แกะของขวัญ
   “อยากรู้ก็เปิดดูสิ”
   ป้องยิ้มขำ เขาแกะกล่องของขวัญของตัวเองเปิดดูสิ่งที่อยู่ภายใน ปากกาหมึกซึมแบรนด์เนมวางสงบนิ่งอยู่ในนั้น เขาคะเนว่ามูลค่าของมันน่าจะหลายพันแต่ก็ยังอยากแกล้งคนให้
   “อะไร?! วันเกิดกูทั้งทีมึงให้ปากกากูแท่งเดียวเนี่ยนะ?”
   ป้องยกปากกาขึ้นทำท่าตกใจประกอบจนโอเวอร์ อ้นหมั่นไส้จึงฟาดเขาเบาๆ ที่แขน
   “บ้าเตงอะ! ดูแบรนด์ซะก่อน”
   “เออๆ กูรู้ ขอบใจมึงมาก”
   ป้องหัวเราะพลางเก็บปากกาลงกล่อง เขาซาบซึ้งน้ำใจของอ้นแต่มิวายแกล้งเย้า
   “แต่ก็นะ วันเกิดทั้งที มึงให้ปากกากูแท่งเดียวเอง?”
   “ก๊ะมันมีความหมายนี่! ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกเตงก็ให้ปากกาเค้าเหมือนกัน”
   ป้องชะงักไปทันที เขาสัมผัสได้ถึงความรักของอ้น มันท่วมท้นทับถมจนเขาจม แต่เขายินดีปล่อยให้ตัวเองจม!
   ป้องรีบปัดความรู้สึกผิดในใจทิ้งแล้วปรับสีหน้า เขาชวนอ้นคุยต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
   “แต่มันไม่เหมือนกัน นี่วันเกิดกูนะ”
   “อะๆ งั้นเตงอยากได้อะไรอะ? ตอนแรกเค้าว่าจะซื้อสมุดสเก็ตให้เตง แต่ผ้าใบวาดรูปก็น่าสนใจ เค้าเลือกไม่ได้เลยซื้อเทิร์ดช้อยส์มา”
   อ้นพล่ามโดยไม่รู้เลยว่าคำตอบของป้องจะทำให้ตนอึ้ง!
   “ตัวมึง เมื่อไหร่จะยอมเป็นของกูซักที”
   เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นเบาๆ ฉีกกระชากบรรยากาศกันเองจนขาดสะบั้น! ป้องใช้คำพูดทึ้งอารมณ์ความรู้สึกของอ้นจนคิดอะไรไม่ออก ท้ายที่สุดอ้นจึงทำได้แค่เปลี่ยนเรื่องทำไม่รู้ไม่ชี้
   “เตง...เตงกินเสร็จแล้วใช่ปะ จะอาบน้ำเลยก็ได้นะเดี๋ยวเค้าเก็บเอง”
   อ้นชักไม่แน่ใจว่าความร้อนที่แผดเผาอยู่นี้มาจากไวน์ที่ดื่มหรือร่างกายของเขาสร้างมันขึ้นมาเอง เขาก้มหน้าหลบสายตาทรงพลังของป้องแล้วตั้งสมาธิกับการเก็บกวาดโต๊ะอาหารแทน
   แต่ป้องยังคงมองเขาอยู่! ป้องจ้องมองอ้นเงียบๆ พลางจิบเบียร์ในมือ สายตาของป้องดึดดูดอ้นเหลือเกิน อ้นอ่านสายตาทรงพลังนั้นออก สายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการหากแต่ปราศจากความรัก!
   อีป้องมันเมา! ท่องเอาไว้มันเมา! อย่าใจอ่อนให้มันเด็ดขาด!
   อ้นกลัวเหลือเกิน ป้องรุกหนักจนเขาหวั่นไหว ถ้าหากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ เขาจะต้องยอมใจอ่อนตกเป็นเครื่องมือของป้องแน่นอน! และเมื่อนั้นเขาคงไร้อิสระตกเป็นทาสความรักสมบรูณ์แบบ ต้องทนกล้ำกลืนอยู่กับฝันหวานจอมปลอมทั้งที่รู้ว่าสักวันก็ต้องตื่น
   ไม่ได้การ! อ้นบอกตัวเองให้เข้มแข็งแล้วยอมหยิกเนื้อให้เจ็บเพื่อจะได้ตื่นจากความฝันอันตรายนี้เสียที!

   แต่ฝันร้ายยังไม่จบ!
   ตอนเข้านอนอ้นจงใจหลีกเลี่ยงป้องด้วยการแกล้งหลับหันหลังให้ต่างจากปกติที่เขามักจะระริกระรี้เข้าไปซุกอ้อมแขนของป้องแทบทุกคืน
   หลังจากที่อ้อนขอให้ป้องกอดยามนอนจนต่างฝ่ายต่างเคยชินแล้วบางครั้งป้องจะเป็นฝ่ายดึงเขาไปกอดเองบ่อยๆ แต่คราวนี้จมูกที่กดลงมาซ้ำๆ นั้นกลับซุกไซ้ใบหูจนอ้นตกใจ อ้นพยายามอดทนไม่สนใจแต่ทันทีที่มือของป้องล้วงเข้ามาใต้เสื้อใส่นอนเนื้อนิ่มเขาก็ตกใจหันกลับไปยันหน้าคนร่วมเตียงทันที!
   “อีป้อง! ทำอะไรของแกยะ!”
   “เมา เงี่ยน”
   “อีบ้า!”
   “เราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ? ขอหน่อยดิวันนี้วันเกิดกูนะ”
   “แต่เราตกลงกันแล้วไงว่าโนเซ็ก! ไม่! จนกว่าแกจะรักฉันจริงๆ”
   “อะไรว้า... ทีเมื่อก่อนมึงยังล้วงของกูเลย นิดๆ หน่อยๆ ทำมาบ่นนะมึง”
   นั่นเป็นความผิดพลาดร้ายแรงที่สุดที่อ้นก่อขึ้นในชีวิต! และเขาทำไปโดยไม่ตั้งใจ แม้อ้นจะเรียนรู้ก้าวผ่านผลกรรมนั้นมาแล้ว หากแต่ถูกขุดคุ้ยเมื่อไรเขายังคงรู้สึกอับอายอยู่เช่นเดิม
   อ้นเป็นตุ๊ด เขาชอบผู้ชาย และการกรี๊ดหนุ่มแซ่บๆ ถือเป็นงานอดิเรกที่เติมสีสันให้ชีวิตเขา ทว่าในสมัยที่ยังปกปิดตัวตนบางทีอ้นก็รู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะเมื่อต้องมาอยู่กับป้องที่ชอบทำตัวสบายๆ ไม่อายสายตาใคร อ้นจึงต้องแอบไประบายกับเพื่อนสาวในกรุ๊ปสนทนาบ่อยๆ ถึงเพื่อนร่วมห้องสุดเซอร์ที่ชอบเผลอปล่อยตัวจนอาวุธลับอันโตโผล่ออกมาล่อตาล่อใจ
   อ้นยอมรับว่าใจหนึ่งนั้นอยากอวดส่วนอีกใจเป็นเพราะอึดอัดที่ต้องทนเก็บอาการสาวแตก ดังนั้นเมื่อไม่มีใครเชื่ออ้นจึงจำเป็นต้องหาหลักฐานไปอวดคนอื่นว่ารูมเมทของตนนั้นเบ้าหน้าดีแถมยังเป้าเริ่ด อ้นทำเรื่องงี่เง่าลงไปโดยคิดง่ายๆ แค่ว่าหากไม่มีโอกาสได้กินก็ขอเก็บเอาไว้นอนฝัน
   ทว่าตอนนี้โอกาสมันมาบุกประตูเขาแล้ว! ป้องเมามาก แต่อ้นกลับไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับป้องเลยเถิดกลายเป็นแบบนี้!
   เมื่อเห็นอ้นเถียงไม่ออกป้องเลยได้ใจรุกหนัก เขาจูบอ้นด้วยแรงขับดันทางกายโดยปิดกั้นหัวใจตัวเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจูบคนอื่น ... หรือที่ถูกต้องนั้นอ้นไม่ใช่คนอื่นสำหรับเขา ป้องย้ำกับตัวเองซ้ำๆ ว่าอ้นคือแฟนคนแรกของเขา ไม่ใช่ “คนอื่น” ที่ดีแต่ทำร้ายหัวใจกัน!
   “อื๊อ!”
   แม้ว่าครั้งแรกที่ทั้งคู่จูบกันนั้นอ้นจะเป็นฝ่ายเชิญชวนก่อนก็ตาม แต่นั่นก็เป็นเพียงสัมผัสเบาๆ แบบผิวเผินเท่านั้น ต่อให้หลังจากนั้นทั้งคู่จะมีจูบที่ดูดดื่มมากกว่าเดิมแต่ป้องก็ไม่เคยรุนแรงแบบนี้ ฝ่ามือที่เคล้นคลึงอยู่บนหน้าอกทำให้อ้นเจ็บ เขาเริ่มโมโห อ้นผลักป้องออกไปด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีแล้วตบหน้าป้องเพื่อเรียกสติมนุษย์หื่น!
   “อีบ้า! หายเมายัง?!”
   “กูเจ็บนะตบมาได้”
   “เออ! ตบให้เจ็บ! เป็นบ้าอะไรของแกห๊ะ?”
   “เป็นแฟนมึงไง แต่ตอนนี้อยากเลื่อนเป็นผัว”
   “แกหงี่รึแกขี้ขลาดกันแน่ป้อง”
   เมื่อถูกถามจี้ใจดำป้องก็พาล
   “เออ กูขี้ขลาด แล้วไงอะ? ก็กูไม่อยากเลิกอะ ทำไมต้องเลิกกันด้วยวะ?”
   ป้องพาลแต่อ้นไม่เล่นด้วย อ้นนิ่งจนน่ากลัว ความเงียบของอ้นทำให้ป้องรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ของตน
   อันที่จริงป้องรับรู้ได้จากแรงปะทะของฝ่ามือที่ประทับลงบนแก้มของตนว่าอ้นจริงจัง! เขาพยายามจะตื้อแต่สุดท้ายก็ทำไม่ลง ป้องเข้าใจความรู้สึกของอ้นมากเกินไป เพราะเข้าใจมากจึงไม่สามารถทำให้เพื่อนเจ็บดั่งที่ตนเคยเผชิญ!
   “มึงอยากเลิกกับกูจริงๆ เหรอ?”
   เสียงเหนื่อยล้าของป้องคล้ายจะหมดแรง ราวกับเตรียมใจยอมรับความจริง เซ้นส์ของอ้นบอกว่าครั้งนี้อาจจะสำเร็จ!
   ทว่าอ้นกลับลังเล เขาหวั่นไหว ความรู้สึกภายในใจกำลังตบตีกันวุ่นวาย อ้นปิดปากเงียบ เขาเผลอเม้มริมฝีปากเข้าหากันเพราะความกดดัน อ้นพยายามคิดใคร่ครวญนึกคำพูดดีๆ แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจพูดความต้องการที่กลั่นกรองมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
   “ฉันก็ไม่รู้อะ แต่ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ ถ้าแกไม่ได้รักฉัน เราอย่ารักกันเลยดีกว่า”
   หยดน้ำตาของอ้นร่วงหล่นทันทีที่เอ่ยคำสุดท้ายจบ มือของเขาขยำผ้าห่มที่ตกอยู่ข้างตัวแน่นบ่งบอกถึงความตึงเครียด ดวงตาของอ้นเสมองเลยผ่านป้องจมอยู่ในภวังค์ ป้องรู้ดีว่ามันยากแค่ไหนสำหรับอ้น แต่เขาเข้าใจความรู้สึกของ “เพื่อน”
   สำหรับป้อง อ้นเป็นเพียงเพื่อน แม้จะแสนดีเพียงใดแต่เขาก็ไม่รัก อ้นไม่ใช่คนที่เขาโหยหา แรงปรารถนาในตัวเขาไม่ได้ร่ำร้องเรียกหาอ้น แม้แต่ในตอนที่ “แฟน” กำลังร้องไห้ในหัวใจของป้องก็มีเพียงภาพของเด็กหนุ่มผู้ฝืนยิ้มทั้งน้ำตาคนที่รั้งสายกระเป๋าสะพายของเขาในวันนั้น หัวใจของป้องยังคงรู้สึกถึงแรงดึงจากมือข้างนั้นอยู่จนทุกวันนี้
   อ้นไม่ผิดที่เลือกเดินหน้าเช่นเดียวกับเขาในอดีต เป็นเขาเสียอีกที่ไม่ว่าจะวิ่งเท่าไหร่ก็ยังหนีไม่พ้นหัวใจตัวเอง
   “มานี่มา”
   ป้องอ้าแขนออก เขาใช้น้ำเสียงปลอบประโลมขออภัยเพื่อนรัก และอ้นเองก็รับรู้ได้ว่าป้องยอมแพ้แล้ว เขาโผเข้าซบลงกับอกเปลือยเปล่าของเพื่อนแล้วปล่อยโฮ
   ป้องกอดไหล่เล็กๆ ที่สั่นเพราะแรงสะอื้นไว้หลวมๆ เป็นครั้งแรกที่ป้องตระหนักว่าเพื่อนตุ๊ดจอมเรื่องมากของตนนั้นบอบบางเพียงไร
   “กูขอโทษ เจ็บปะ? ไม่เป็นไรนะอ้น?”
   “ไม่เป็นอะไรได้ยังไง! ฉันกลัวจะตายนึกว่าแกจะน็อตหลุดซะแล้ว!”
   “เออๆ กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจอะ”
   “ฉันกลัวแกข่มขืนฉันแทบตาย!”
   อ้นวีนเสียงสูงก่อนจะคร่ำครวญต่อ
   “แกไม่รู้หรอกว่าเวลาตัวเองโมโหน่ากลัวขนาดไหน อย่าทำให้ฉันกลัวอีกนะป้อง”
   อ้นใช้หลังมือปาดน้ำตา ป้องได้ยินเสียงเพื่อนสูดจมูกจึงรู้ว่าเพื่อนของตนกำลังจะน้ำมูกไหลย้อย เขาหันไปดึงกระดาษทิชชู่มาซับน้ำตาให้เพื่อนอย่างอ่อนโยนพลางถาม
   “สรุปว่ากูโดนมึงทิ้งแล้ว?”
   “ใช่! ฉันขอเลิกกับแกอย่างเป็นทางการ”
   อ้นพยายามเชิดใส่ป้องแต่ไม่สำเร็จเพราะยังหยุดอาการสะอื้นของตนไม่ได้ แต่แล้วเขาก็ถามป้องเสียงเบาราวกับกลัว
   “แต่เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ยป้อง?”
   “อืม กูยกให้มึงเป็นเพื่อนรักกูเลย นอกจากมึงแล้วกูก็ไม่เหลือใครละ”



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



 :monkeysad:  โธ่ๆ อ้น... สงสารอ้น มีใครอยากตบพี่ป้องบ้าง?

คิดอยู่นานว่าถ้าแฟนๆ ที่เคยอ่านนิยายภาค 1 แล้วชื่นชมพี่ป้อง(?) มาอ่านฉากนี้แล้วจะรู้สึกยังไงกัน?
ถึงเราจะรู้ว่าแฮปปี้เอนดิ้ง แต่เวลาที่หายไปของพี่ป้อง พี่ป้องผ่านอะไมาบ้าง? คนที่ควักหัวใจตัวเองทิ้งอะเนอะ (ตอนจบ ภาค #ไม่ฟิต) จนได้อีนางน้อยเติ้ลกลับมาเติมเต็มกันและกันอีกครั้งนี่แหละพี่แกถึงยิ้มได้
เดี๋ยวนะ! "อีนางน้อย" นี่คือโลโก้ เคะภาค 1 ไปแล้วใช่มั้ย?  แล้วอ้นล่ะ เคะภาค 2 ... เดี๋ยวนะ ตุ๊ดนี่เรียกว่าเคะได้ด้วยเหรอ? ควรให้เกียรตินางเรียกนางว่า "นางเอก" สิ! (เราไม่เคยเรียกเคะว่านางเอกนะ ใช้"นายเอก"ตลอด ฮ่าๆ)
จะมีคนตั้งฉายาแปลกๆ ให้อ้นอีกมั้ยหนอ? สนุกที่ได้อ่านคอมเมนท์ ฮ่าๆ ถ้าไม่มีก็คงต้องเป็น #ตุ๊ดลำไย ไปก่อนละกัน

ฉากนี้พี่ป้องเหี้ยมาก.... และอบอุ่นมากเช่นกันด้วย  :กอด1:
ไม่รู้มีใครรู้สึกรึเปล่า แต่ได้อารมณ์เพื่อนแบบ พี่ชายน้องสาว อะไรแบบนี้มั้ย? ภาคแรกพี่ป้องควรจะทำตัวเป็นพี่ชายเจือกไปได้เด็กเป็นเมียกลายเป็นผัวไปซะงั้น ภาคนี้เลยอยากเขียนบทบาทพี่ป้องในหลายๆ มิติ (อาจจะปลื้มหรือชวนเกลียดมากกว่าเดิมก็ได้ ฮ่าๆ)

หวังว่าคนอ่านทุกคนคงไม่ดราม่านะ คือหมายถึงว่าคงไม่มีใครบอกว่าเราเขียนมาม่าอีกนะ... นี่นะเบาๆ แล้ว ภาค 1 เค้นกว่านี้อีก ภาคนี้เรื่องอาจจะหนัก (หา!?) แต่รับรอง เบาๆ ไม่ดราม่ามากหรอก ไม่จุก ไม่หน่วง ไม่ได้เขียนแบบกะบีบเค้นเอาให้คนอ่านอินตาย ฮ่าๆ

เผ่นก่อนนะ กลัวคนอ่านด่า ... ไม่ได้กลัวคนอ่านด่าพี่ป้องนะ กลัวจะโดนคนอ่านด่า "ตรู" หรือก็คือไอ้คนเขียนนี่แหละ ฮ่าๆ เดี๋ยวแฟนคลับอ้นจะยกกองอวยมารุมตื้บเราโทษฐานทำน้องอ้น นางเอกของเรื่อง  :hao7:

 :pig2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะดีแค่ไหน คนมันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่อยู่ดี

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อีพี่ป้องมาขอตบที ตบตูดอะนะ
อ้นเอ๊ย. ไปดีมาดีนะ. หมดเวรกับอีพีีป้องไปเปลาะนึงแล้วนะ. เป็นเพื่อนกันยั่งยืนกว่าเยอะนะ

ออฟไลน์ naamsomm

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
เลิกกันแล้วจริงๆเหรอ
แต่ก็ดีแล้วแหละอย่ายื้อเลย
มาลุ้นน้องอ้นดีกว่าจะมีแฟนไดไงเนี่ย
ไม่ตีกันคายก่อนเหรอ

ออฟไลน์ bonusbobobo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ้ยย ตอนแรกนึกว่าตาฝาด ดีใจจริงๆที่มีเรื่องของอ้น
จะติดตามต่อเรื่อยๆจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2016 11:02:48 โดย bonusbobobo »

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
โมเมนท์ตะเองของคู่นี้มันน่ารักมากๆเลยค่ะ
เหมือนคนที่รักกันเข้าใจกัน

พี่ป้องก็ขี้ขลาดจริงๆ
กะเอาอ้นเพื่อผูกมัด
ดีที่ตุ๊ดศรีอ้นรู้จักคิดนะ ตอนนี้เจ็บ ลำบากใจ
แต่ไร้ภาระทางอารมณ์และใจทีหลัง
อยากจะถามว่าอิพี่ป้องเมิงจะเรียลไปถึงไหน

ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ jejiiee

  • cannot open this page
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ดีใจจริงๆ ที่อ้นเป็นคนรักตัวเองขนาดนี้

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8

ออฟไลน์ ender_m

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อ่าน ปล.แล้ว ไม่อ่านตอนก่อนๆดีกว่า จะได้เอาใจช่วยสาวอ้นกะไอ้เรย์ เต็มที่

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   ชีวิตโสดของอ้นไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมาก ป้องยังคงปฏิบัติตัวต่อเขาเหมือนเดิมเพราะไม่ว่าจะติดแท็กสถานะไหนป้องก็เห็นเขาเป็นแค่เพื่อน เป็นอ้นเสียเองที่ต้องลำบากข่มใจห้ามปรามตัวเองไม่ให้เคลิบเคลิ้มไปกับภาพลวงตา โชคดีที่เขายังพอมีอย่างอื่นให้ทุ่มเท หลายเดือนผ่านไป ในที่สุดอ้นก็ผ่านโปรได้บรรจุเป็นพนักงานประจำทำให้เขามีความสุขกับหน้าที่การงาน ยกเว้นเพียงเรื่องเดียวที่คอยกวนอารมณ์!

   เมื่อพักกลางวันมาถึง อ้นรีบพุ่งออกจากลิฟต์ตรงไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าโปรดพลางแอบหันหลังมาดูหนุ่มแว่นที่วันนี้ดูไม่กระฉับกระเฉงเช่นเคย ขายาวที่เคยก้าวเท้าแซงเขากลับเชื่องช้าผิดปกติ
   แม้จะแปลกใจที่คู่แข่งแปลกไปแต่อ้นก็คิดว่านั่นเป็นเรื่องที่ดี เขาสั่งเกาเหลาข้าวเปล่าให้ตัวเองอย่างมีความสุข อ้นถือถาดมานั่งตรงโต๊ะใกล้ร้านที่บังเอิญว่างราวกับสวรรค์เปิดทางเป็นลักกี้เดย์ แต่แล้วก็มีถาดวางลงบนโต๊ะฝั่งตรงข้าม นายแว่นโฉดคู่ปรับเขานั่นเอง!
   อ้นกระแทกช้อนกับส้อมพร้อมปะทะคารมแต่ใบหน้าเคร่งเครียดและแววตาดุดันของอีกฝ่ายทำให้อ้นสะดุ้ง สายตาของนายแว่นจ้องเขม็งจนน่ากลัว ตอนแรกอ้นคิดว่าจะต้องมีเรื่องเสียแล้วแต่พอลอบมองแล้วกลับพบว่าหมอนี่ไม่ได้สนใจเขาเลย คิ้วสองข้างของคู่กัดขมวดกันเป็นปมจนอ้นเครียดแทน
   ไม่ใช่เรื่องของเราซักหน่อย มันไม่ยุ่งด้วยก็ดีแระ
   อ้นคิดตามประสาตุ๊ดโลกสวยว่าถือเป็นเรื่องดีที่วันนี้เขาได้ทานอาหารกลางวันอย่างสงบ

   ไม่นานคนที่นั่งตรงกันข้ามก็ทำท่าจะลุก นายแว่นโฉดหยิบถาดไปเก็บคืนที่ แต่ท่าทางขัดๆ บางอย่างดูผิดปกติจนอ้นแปลกใจ
   หมอนี่เดินช้าผิดปกติ ทุกทีมันต้องรีบตามควายแล้ว ทำไมวันนี้มันแปลกไป? เอ๊ะละฉันจะไปยุ่งอะไรกะมันเนี่ย!
   อ้นอิ่มพอดีจึงลุกไปเก็บถาดของตัวเองบ้าง
   ที่ฉันลุกนี่ฉันอิ่มหรอกนะยะ ไม่ได้อยากเผือกเรื่องของแกหรอกนะอีแว่น!
   ดังนั้นเมื่อนายแว่นวางถาดพลาดร่วงลงพื้นเสียงดังอ้นจึงตกใจ
   “ว้ายอี๋แหก!”
   เสียงถ้วยชามกระทบพื้นยังไม่ทันจางหายพ่อคนซุ่มซ่ามที่ก้มลงเก็บถาดก็สร้างแรงกระแทกเสียงดังฟังชัดกังวานไปทั่วห้องอาหาร เสียงหัวโขกกับชั้นวางถาดเน้นๆ!
   “ปึ้ก!”
   อ้นเห็นเต็มตา! ร่างของคนตรงหน้าทรุดลงช้าๆ ไปกองหมดสภาพอยู่กับพื้น
   “นายเป็น...”
   อ้นอยากถามคนที่เอาหัวไปกระแทกกับชั้นวางถาดว่าเป็นอะไรไหมแต่พูดไม่ออก เขาถูกสะกดด้วยภาพของแว่นที่หักกลางร่วงหล่นจากใบหน้าลงสู่พื้น ยิ่งไปกว่านั้นเลือดกำเดากำลังทะลักให้เห็นกันสดๆ! นายแว่นโฉดมีเลือดไหลออกจากจมูกกบปากแถมยังหยดเปื้อนเสื้อเป็นทาง!
   “กรี๊ดอีแว่น! แกเป็นอะไรมั้ย?!”
   “เจ็บ”
   เรย์ตอบได้แค่นั้นจริงๆ

   เรย์มึน ต้องใช้เวลาพักหนึ่งเขาถึงตั้งสติได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหมือนเขาจะเอาหัวโขกชั้นวางถาดอย่างแรงตอนก้มลงไปเก็บถาดที่ทำหล่น
   เขารู้สึกถึงหยดของเหลวไหลออกมาจากจมูกเป็นทาง จนกระทั่งรสชาติเค็มปะแล่มในปากบ่งบอกว่าสิ่งนี้คือเลือด!
   เรย์พยายามจะคิด แต่เขาคิดอะไรไม่ออก ความมึนงงยังคงอยู่จนเขาเรียบเรียงเหตุการณ์ไม่ได้ แต่หลังจากความเจ็บปวดโครมใหญ่วิ่งผ่านหน้าเขาไปแล้วเรย์ก็ได้ยินเสียงแหลมสูงอันคุ้นเคยกรีดร้องอย่างตกใจ
   “กรี๊ดอีแว่น! แกเป็นอะไรมั้ย?!”
   “เจ็บ”
   และนั่นทำให้เลือดไหลเข้าปากมากกว่าเดิม
   เลือดออกเยอะขนาดนี้เลย? อยากได้กระจกจัง ไม่สิ สภาพนี้คงไม่เห็นอะไรหรอก
   เรย์มึนเกินกว่าจะขยับแถมยังมองอะไรไม่เห็น โลกของเขาเบลอยามไร้แว่นอันเป็นอวัยวะที่สามสิบสาม
   ทำไมวันนี้ซวยจังวะ แว่นหักสองอันซ้อน ลางร้ายรึไง?
   เช้านี้เรย์ทำแว่นหักจนต้องหยิบแว่นสำรองขึ้นมาใช้แทน แต่หลายปีผ่านไปสายตาของเขาคงเปลี่ยนไปมาก แว่นสำรองที่ใส่ทำให้การรับรู้ของเขาเพี้ยนจนเกิดอุบัติเหตุขึ้น เรย์คิดไม่ถึงว่าคนอย่างตนจะหมดสภาพเพียงเพราะสิ่งของที่เรียกกันว่า “แว่นตา”
   ทันใดนั้นเองเรย์รู้สึกถึงผ้าแห้งโปะเข้ามาที่จมูก มีคนใช้ผ้าเช็ดหน้าช่วยซับเลือดให้เขา กลิ่นหอมกุหลาบอ่อนๆ ทำให้เรย์ตะปบมือของเจ้าของผ้าเช็ดหน้ากดเข้ากับจมูกของตัวเองแน่น
   เรย์ส่งเสียงอู้อี้บอกผู้ช่วยเหลือเขา
   “ออบใอ”
   เรย์เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศรอบๆ ตัวอีกครั้ง เขาสูญเสียการควบคุมนานไปแล้ว!
   เรย์พยายามจะลุกขึ้น มือปริศนายังคงช่วยประคองเป็นหลักให้เขาได้ดึงตัวเองขึ้นจากพื้น แม้เรย์จะมองเห็นไม่ชัดแต่จากเสียงวี้ดว้ายแล้วเขารู้ว่าคนใจดีคนนี้คือใคร
   “อั่วอ๊อกเอ๋อ?”
   “แกจะไปไหนอีแว่น? ไหวมั้ยแก? อ๊าย! ค่อยๆ ลุก”
   “ห้องน้ำ”
   เสียงของเรย์ฟังชัดขึ้นเมื่อปาดเลือดออกจากหน้าแล้ว เขากดผ้าลงบนจมูกส่วนอีกมือหนึ่งจับแขนคนตัวเล็กกว่าเอาไว้แน่น
   “ห้องน้ำ พาเราไปห้องน้ำทีถั่วงอก”

   อ้นมองเรย์ก้มลงเหนืออ่างล้างมือเพื่อล้างคราบเลือดออกจากใบหน้าด้วยสีหน้าสยดสยอง รอยช้ำเริ่มปรากฏให้เห็นเหนือสันจมูก อ้นคิดไม่ออกเลยว่าคนโดนจะเจ็บขนาดไหน
   อีนี่มันทำจมูกมารึเปล่าเนี่ย? งานนี้สงสัยได้ไปให้หมองัดดั้งใหม่แน่นอน คนสวยฟันธง!
   อ้นมองเรย์ซักผ้าเช็ดหน้าสีชมพูอ่อนของตนกับน้ำแล้วเอาไปเช็ดหน้าอีกครั้งด้วยความเสียดาย แต่เมื่อเห็นสายตาที่จ้องเขม็งไปยังภาพสะท้อนในกระจกยามเช็ดคราบเลือดที่เหลือบนหน้าอ้นก็เริ่มจับสังเกตได้
   เรย์เปลี่ยนไปเช็ดคราบเลือดบนเสื้อแทนทั้งที่ยังมีเลือดติดอยู่ใต้คาง แต่ยิ่งพยายามเสื้อก็ยิ่งเลอะ เสื้อสีน้ำเงินเข้มมีรอยเลอะสีแดงคล้ำกระจายเป็นดวง ในที่สุดอ้นจึงทนไม่ไหว
   “นี่อีแว่น แกมองไม่เห็นเหรอ?”
   เกิดความเงียบขึ้นพักหนึ่งก่อนที่เรย์จะแก้ตัว
   “ไม่ใช่ไม่เห็นซักหน่อย เราแค่ไม่มีแว่น เลยมองไม่ค่อยชัด”
   “ไม่ชัดอะไรของแก ระดับนี้เค้าเรียกว่ามองไม่เห็นแล้ว นี่กี่นิ้ว?”
   อ้นชูนิ้วชี้ขึ้นตรงหน้าเรย์ ทว่าเรย์กลับเงียบ
   “ฉันถามว่านี่กี่นิ้ว ทำไมไม่ตอบยะ?”
   “ก็ชูมาซักทีสิ”
   อ้นกระจ่างในบัดดล! ริมฝีปากเล็กแต่อวบอิ่มคลี่ยิ้มกว้างอย่างสะใจ!
   “นี่แกสายตาสั้นถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่... อุ๊บส์!”
   อ้นเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ ประหนึ่งว่าตนพึ่งค้นพบความจริงอันน่าตกใจ แต่แล้วกลับแสยะยิ้มด้วยความสะใจก่อนจะหัวเราะเสียงแหลม
   “ไม่มีแว่นก็จบเห่สินะ ไอ้ แว่น! โฮะๆ”
   นางมารร้ายหัวเราะอย่างสะใจ แม้เรย์จะมองไม่เห็นว่าอ้นใช้มือขวาเท้าเอวพลิกข้อมือซ้ายขึ้นปิดปากโดยไม่ลืมกรีดนิ้วก้อยแล้วหัวเราะราวกับตัวร้ายจากการ์ตูนสาวน้อย แต่เรย์รับรู้ได้จากเสียงหัวเราะว่าอ้นสะใจมากที่ได้เอาคืนเขาด้วยการล่วงรู้จุดอ่อน และคนอย่างเรย์ไม่ชอบให้ใครมาข่ม!
   “นี่ไม่ใช่จุดอ่อนเราซะหน่อย! เราน่ะเพอร์เฟคไร้จุดอ่อนนะ แค่วันนี้มันเกิดอุบัติเหตุ... ก็แค่แว่นแตก”
   “ยังไงก็ตามเอาเป็นว่าวันนี้ฉันชนะแกก็แล้วกัน โฮะๆ”
   อ้นขี่แพะไล่ตีก้นเด็กอวดเก่งอย่างร่าเริง เขาดึงผ้าเช็ดหน้าของตนคืนจากมือของเรย์แล้วนำไปซักกับน้ำพลางเอ่ยเสียงอ่อนโยน
   “แล้ววันนี้แกก็ติดหนี้ฉันด้วยเข้าใจมั้ยยะ?”
   อ้นแตะผ้าเช็ดหน้าที่บิดหมาดแล้วเข้าที่แก้มของเรย์ เขาถูเบาๆ ตรงรอยเลือดที่ยังเลอะอยู่ เรย์ตัวแข็งกับน้ำใจที่คาดไม่ถึงนี้!
   “ดูสิ ตรงนี้ยังเลอะอยู่เลย อ้อ! แต่ฉันว่าเสื้อแกคงกู้ชีพไม่ได้แล้วล่ะ เลือดมันเลอะขนาดนั้นฉันว่าทิ้งเหอะ อ๊ะละแกมีเสื้อเปลี่ยนมั้ย? ฉันว่าถ้าแกกลับบ้านสภาพนี้คนอื่นต้องตกใจแน่ เออแล้วแกจะกลับบ้านยังไงเนี่ย? สภาพมองอะไรไม่เห็นแบบนี้?”
   หนึ่งตุ๊ดอินจัดเผลอปล่อยฟีโรโมนไทป์ “แม่” อีกหนึ่งเด็กดื้อก็ยืนอึ้งคาดไม่ถึงกับความใจดีของ “ตุ๊ด” เรย์ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจอมแจ๋นอย่างอ้นจะมีมุมอ่อนโยนเช่นนี้อยู่ด้วย!
   “เดี๋ยวเราจัดการที่เหลือเอง ขอบใจนะถั่วงอก”
   เรย์งงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า “ตุ๊ดถั่วงอก” ที่ชอบหาเรื่องเขาคนนั้นจะมีน้ำใจถึงเพียงนี้ ถึงเขาไม่เคยคิดเกลียดถั่วงอกแต่ก็ไม่ชอบที่อีกฝ่ายทำเหมือนคอยอาฆาตเขาตลอดเวลา ปกติแล้วเขากับถั่วงอกเจอกันทีไรก็ต้องเอาชนะคะคานกันตลอด ดูท่าเขาคงต้องมองถั่วงอกใหม่เสียแล้ว
   “อีบ้า! แกเรียกฉันว่าถั่วงอกอีกละนะอีแว่น”
   แม้จะถูกแว้ดใส่แถมยังถูกเรียกว่า “แว่น” แต่เรย์กลับไม่ถือสา พอพิจารณาดูดีๆ แล้วเรย์พบว่าวันนี้เขากับ “ถั่วงอก” พูดคุยกันเยอะกว่าการปะทะคารมตามปกติที่เคยทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่สำคัญเรย์ยังไม่รู้บางสิ่งเลย
   “ก็นายไม่เคยบอกชื่อเรานี่ ละเคยบอกไปแล้วนะว่าเราชื่อเรย์ ไม่ได้ชื่อแว่น”
   “งั้นฟังให้ชัดๆ นะยะ ดูปากฉันนะ”
   อาฮะ ปากเล็กน่ารักจัง
   “ชื่อของคนสวยคนนี้คืออ้น ไม่ใช่ถั่วงอก!”
   อ้นใส่จริตแนะนำตัวกับเรย์โดยไม่รู้เลยว่าในสมองของหนุ่มแว่นนั้นมีความคิดแบบใดอยู่ในหัว
   “อ้นเหรอ? ก็เหมาะดีนะ”
   “อะไรของแกห๊ะ?”
   อ้นที่กำลังเช็ดหน้าให้เรย์ถึงกับต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นรอยยิ้มแสยะของเรย์
   “นายเป็นตุ๊ดเหรอ?”
   มือของอ้นกำหมัดแน่นก่อนจะทุบเข้าเบาๆ ที่อกของคนที่ตนกำลังทำความสะอาดเสื้อให้อย่างลืมตัว!
   “แหม! ฉันเปิดตัวขนาดนี้แล้วคงแมนๆ เตะบอลมั้ง! ทำไมยะ? มีปัญหารึไง? ชิๆ อิพวกจิตใจคับแคบ!”
   “เปล่า เราอยากรู้ว่านายเป็นแค่เกย์หรือเป็นกะเทย?”
   เรย์ยังคงเก็บข้อมูลต่ออย่างไม่สะทกสะท้านผิดกับอ้นที่ลืมตัววีน
   “ฉันเป็นตุ๊ด! มีอะไรแมะ? ทำมะ? จะดูถูกตุ๊ดอีกละสิ! ทำไมต้องมองพวกฉันเป็นสิ่งมีชีวิตระดับต่ำขนาดนั้นด้วยยะ! ฉันไม่ได้ไปแต่งหญิงบนหัวใครนิ! คอยดูเถอะเดี๋ยวพอฉันเฉาะแล้วกะเทยอย่างฉันจะปังกว่าชะนี ฉันจะหาผัวให้ได้เริ่ดๆ เลยคอยดู!”
   “เหอๆ นายแต่งหญิงด้วยสินะ เหอๆ”
   อ้นอยากจะด่าต่อแต่รอยยิ้มของเรย์ทำเอาเขาขนลุก! หมอนี่มันหัวเราะได้น่ารังเกียจเป็นบ้าเลย!

   “คอล เมฆ”
   เสียงสัญญาณรอสายดังอยู่นานจนคนรอหงุดหงิด แต่ในที่สุดหลังจากพยายามเป็นรอบที่สามปลายทางก็รับ
   “ว่าไงคร้าบท่านเรย์?”
   “มารับหน่อย กูแว่นแตก”
   “ไรนะ! มึงแว่นแตก? แล้วไม่มีสำรองเหรอวะ?!”
   “อันสำรองก็แตก”
   “เช็ดเข้!”
   เพื่อนของเขาสายตาสั้นเกินระดับพัน ถ้าหากไม่มีแว่นสายตาก็เท่ากับคนพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ดีๆ นี่เอง ดังนั้นเรื่องนี้จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ เมฆเห็นใจเพื่อนทว่าให้ตายอย่างไรก็เขาบินกลับไปช่วยเรย์ไม่ได้จริงๆ
   “กูอยากช่วยมึงนะแต่โทษทีว่ะกูไปไม่ได้”
   “มึงยังค้างหนี้กูอยู่อีกสี่สิบแปดเรื่อง! คิดจะเบี้ยวบุญคุณท่านเรย์คนนี้เหรอ?”
   “ไอ้เหี้ย! กูอยู่แม่เมาะ! มึงจะให้กูกลับไปรับมึงยังไงวะ!”
   “อ้าว? ไปเที่ยวอีกแล้วเหรอ แล้วก็ไม่บอกแต่แรก เสียเวลากูจริงๆ”
   “อ้าว เฮ่ย!”
   “เมฆ” อึ้งกับคุณหนูเอาแต่ใจประจำกลุ่ม อารมณ์สุนทรีของเขาหายเกลี้ยง แต่เมื่อลองโทรกลับไปหาเรย์แล้วสายไม่ว่างเมฆจึงเบนเข็มลองโทรไปหา “หิน” แทน ทว่าสายของหินก็ไม่ว่างเช่นกัน แม้จะเบาใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิด เมฆจึงโทรไปหาคนสุดท้ายในกลุ่มให้ร่วมกันรับเคราะห์
   “เฮ้ยไอ้เทพ ไอ้เรย์มันเอาอีกแล้วว่ะ เบื่อนิสัยมันชะมัด”
   “เมฆไว้กูว่างแล้วเดี๋ยวกูโทรกลับนะ กูกำลังจะออกไปรับเปอร์กลับบ้าน ไปช้าเดี๋ยวลูกกูรอ”
   ขาดคำ “พี” ก็ตัดสายเขาทิ้งอย่างไม่ใยดี เมฆน้อยใจ!
   ไม่มีใครรักกูเลย!



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



เคยเขียนตัวละคร(สติ)ดีๆ พล็อตสำเร็จรูป เดาทางง่ายๆ ให้คนอ่านฟินล่วงหน้ามั้ย? ตอบเลยว่า "เค้าพยายามแล้วคับ แต่ทำมะล่าย"  :hao7:

เรย์นี่ ตอนอยู่กับอ้นกับอยู่กับเพื่อนไม่เหมือนกันเนอะ
ว่าแต่ "เพื่อน" #แก๊งสามเกรียน พวกนี้คุ้นๆ นะ? "เทพ" "เมฆ" "หิน" อะไรแบบนี้... มี "สไนเปอร์" ซะด้วย ขาดอีกหนึ่งนะเนี่ย ฮ่าๆ

อนุญาตให้คนอ่านเดากันเอาเองว่าพล็อต ภาค #ไม่กินเส้น นี้จะเป็นเช่นไร คู่กัดจะเกิดเหตุการณ์ "ละครไทย" แบบไหนถึงจะเข้าใจกันจนได้ปี้ เอ้ย! แฮปปี้ กันในที่สุด
เนื้อเรื่องเห็นแบบนี้จะดราม่าสุดติ่งเหมือน "ตูดผมไม่ฟิตจริงเหรอพี่?" ที่ตอนแรกฮาแบบเสื่อมๆ แต่ตอนหลังเค้นจนปวดตับมั้ย? หรือจะฮาแบบเงิบๆ เหมือนอีกเรื่อง สาวอ้นจะเจอะเจออะไรขนาดไหน? เปิดมาฮาๆ ท้ายดราม่า ไม่แน่นะ เปิดมาดราม่าท้ายอาจจะฮา หรือรอบนี้คนแต่งอาจไม่โกหก ดราม่าตลอกศกจนจบเรื่อง! (ห้ามติดแท็ก #คนแต่งรังแกตุ๊ด เด็ดขาดนะ!)

อนุญาตให้ใช้พลังมโนกันให้เต็มที่ เราจะค่อยๆ ทยอยลงนิยายสลายมโนให้ทุกท่านเอง! :hao6:

รับประกัน "แมว" เฮ้ยเดี๋ยว! แมวเกี่ยวไรด้วยว้า?
รับประกัน "ความเกรียน" และ "ความฮา" ที่สำคัญมันต้องมี "ดราม่า" อันเป็นเอกลักษณ์ (พอดีพึ่งถูกเพื่อนชมมาว่า "แกเขียนดราม่าดีมาก!" เลยบอกมันกลับไปว่า "เรื่อง STRINT ตูไม่ได้เขียนกะดราม่า ตูเขียนเอาฮาแบบเงิบๆ")
และท้ายที่สุด รับประกันได้ว่าท่านจะหาฉากฟินๆ ชวนจิกหมอนหรือฉากเรตเอ็กๆ น้ำแตกได้จากนักเขียนคนนี้ยากเหลือเกิน เพราะเขียนไม่เป็น T^T

แต่หวังว่าคนอ่านจะชอบ "เรย์" นะ เรย์อาจจะเป็น "คนดี" ที่สุดเท่าที่เราเคยแต่งมาก็ได้ เลวสุดคือเฮียชัช ชั่วร้ายเจ้าเล่ห์คือพี่สตาร์ และนิสัยเสียปากไม่ดีสุดๆ คือพี่ป้อง (พี่รุกข์ พี่ไม้ เป็นเรื่องสั้นใช่มั้ย นิสัยเลยดี๊ดี! ผิดแนวพระเอกเรื่องยาว)
ส่วน "สาวอ้น" นางยังคนเล่นใหญ่เช่นเคย แม่พระราวกับจริตปินกันเลยทีเดียว (เวเนฯ นางแค่ประดิษฐ์ แต่เพราะอ้นดัดจริตเลยต้องเป็นปิน เป็นเวียดไม่ได้ อ้นไม่ได้ย้วยชะม้ายชายตาขนาดนั้น)
มาดูกันว่าคู่นี้ ใครจะลากใครไปปล้ำ เอ้ย! ใครจะรู้สึกดีๆ ต่อกันก่อนแล้วใครจะปากแข็ง ใครจะเป็นตัวแปร แล้วตัวร้ายภาคนี้จะเป็นใคร พล็อตแบบไหน ประเด็นเป็นยังไง ... โอ้ย! จะพูดทำไมเนี่ย เอาเป็นรอว่าอ่านนะทุกคน!
 :pig4: :L1:


ตอบเม้นสั้นๆ

ก่อนอื่นขอบคุณทุกคนที่เข้ามาติดตามอ้นศรีนะ ดีใจเหมือนกันที่รู้ว่ายังมีคนรออ่านเรื่องราวของตุ๊ดลำไยคนนี้ ในที่สุดเราก็เขียนขึ้นมาจริงๆ ถ้าไม่มีคนรักอ้น (พูดง่ายๆไม่มีป๋าดัน) เราก็คงไม่มีแรงจูงใจในการเขียน (แต่อย่ามาดันพี่ตั้มซะให้ยาก พี่ตั้มยังไงก็ไม่เบี่ยงเบน ยกเว้นจะกินน้องตัวเอง เหอๆ)

ดีใจที่เจ้าเก่าเจ้าประจำยังคงอยู่ด้วยกัน ซึ้งใจมากๆ ขอบคุณโมฯ oaw_eang ด้วย เป็นเกียรติมากค่ะ

แต่บางเม้นก็ทำเรางงนะ อย่างของคุณ ender_m "ไม่อ่านตอนก่อนๆดีกว่า" จริงๆ จะบอกว่า "ไปอ่าน" รึเปล่า? ฮ่าๆ ละที่คุณ Freja บอกว่า "พี่ป้องจะเรียลไปไหน" นี่คือ.... กระทั่งคนแต่งยังงง! เรียลแบบไหนว้า? เรียลยังไง? เรียลเกินไปเหรอ? แต่เอ๊ะ สมจริงแล้วมันมีสมจริงเกินไปด้วยเหรอวะ? ฮ่าๆ

เอาเป็นว่าดีใจที่ทุกคนกลับมา ดีใจที่มีคนรักอ้น อยากชวนทุกคนมาลุ้นคู่นี้กัน #ตุ๊ดลำไยกับนายแว่นโฉด มาดูกันว่า แท็ก #ไม่กินเส้น นี้มาแต่ใด จะเป็นประโยคพูดแบบไหน? เหอๆ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ฮ่าๆๆ เราแอบนึกว่าเรย์โดนเอารึเปล่าทำไมเดินช้าๆ
นี่แหละชีวิตคนใส่แว่น ไร้แว่นคือพิการเลย ว่าแอบแนวละครนิดนึง ฮา
พระเอกยังไม่ทันได้ว่าอะไรยัยอ้นก็โดนอคติบังตาจนใส่ไปหลายชุด
เราคิดว่ายัยอ้นนี่แหละจะปล้ำเขา.  :hao6:

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   หลายวันต่อมาอ้นต้องแปลกใจที่มีถาดอาหารวางลงตรงหน้าเขา คนสวยที่กำลังตักข้าวเข้าปากถึงกับกระพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นนายแว่นโฉดยิ้มให้ผิดไปจากทุกที บนจมูกมีผ้าแปะไว้บ่งบอกสถานะบาดเจ็บ
   อีแว่นมันเป็นบ้าอะไรของมัน หรือสมองจะกระแทกแรงจนเพี้ยน?
   “หวัดดี อ้น”
   “ย่ะ”
   “อันนี้ของนาย เราคืนให้”
   เรย์หยิบถุงกระดาษขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วเลื่อนถุงส่งไปให้อ้นพลางยิ้ม อ้นสยองแต่ก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าคงจะได้ผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่ ที่ไหนได้...
   “เดี๋ยวนะอีแว่น! นี่มันผ้ากันเปื้อน?”
   คิ้วบนหน้าขมวดกันจนยุ่ง อ้นไม่เข้าใจเลยจริงๆ แต่ลางสังหรณ์บางอย่างบ่งบอกว่าไม่ใช่เรื่องดี
   “ก็คนไทยเขาถือเรื่องห้ามให้ผ้าเช็ดหน้ากันไม่ใช่เหรอ เราเลยซื้อของใหม่ให้นายไง”
   “ผ้ากันเปื้อนเนี่ยนะ?”
   แถมยังเป็นรูปหัวใจติดระบายเต็มไปหมด อี๋! ดูแล้วโลว์คลาสอย่างกับชุดยั่วผัว!
   “ไม่ชอบเหรอ?”
   พอเห็นคนที่อุตส่าห์ซื้อผ้ากันเปื้อนสุดสยองมาให้นิ่วหน้าอ้นก็รีบแก้ตัว
   “ก็ใช้ได้แหละอืม...”
   “งั้นอย่าลืมใส่ให้เราดูด้วยนะ”
   อ้นแทบทำข้าวในปากพุ่ง!
   “ห๊ะ? แกว่าอะไรนะ”
   “ก็อยากเห็นนายใช้ของขวัญนี่ไง”
   แล้วทำไมฉันต้องใช้ยะ!
   “ไม่หรอกมั้ง คือฉันทำอาหารไม่เก่งน่ะ ปกติก็ไม่ค่อยเข้าครัวด้วย ที่ห้องทำอาหารไม่ค่อยสะดวกอะ”
   เพื่อเห็นแก่มิตรภาพ เห็นแก่ผู้บาดเจ็บ เห็นแก่มนุษย์ธรรม! วันนี้คนสวยจะไม่จิกแกหนึ่งวันนะอีแว่น!
   “งั้นมาที่ห้องเราแทนสิ คอนโดเราทำอาหารได้”
   ช้อนในมือของอ้นร่วงลงกระทบจาน! เขาถึงกับพูดไม่ออก!
   วันนี้อีแว่นมันเป็นอะไร?!
   “เดี๋ยวเอาเบอร์ให้เราด้วยนะ”
   “นี่แกคิดว่าแกเป็นใครห๊ะอีแว่น! มาถึงก็สั่งๆๆ ฉันกับแกไม่ใช่เพื่อนกันนะยะ!”
   “นั่นสิ เห็นหน้ากันมาตั้งห้าปีแล้วแต่ไม่ได้เป็นอะไรกัน เราว่าเราสองคนควรจะแลกเบอร์กันไว้นั่นแหละจะได้รู้จักกันมากกว่าเดิม”
   “ฉันไปนะฉันอิ่มละ”
   อ้นตื้อไปถึงคอหอย! เขาทานอะไรต่อไม่ลงแล้ว อ้นกลัวว่านายแว่นโฉดจะเพี้ยนเพราะสมองได้รับการกระทบกระเทือนจนอาจจะเอาตะเกียบมาจิ้มคอเขาเข้า!
   ทว่ามือของเรย์กลับจับหมับเข้าที่ถาดอาหารของอ้น
   “เดี๋ยวสิ ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า ไม่เคยท่องเหรอ? นั่งลงแล้วกินให้หมดสิ เสียดายนะ สงสารชาวนา”
   อ้นกระพริบตาปริบๆ ด้วยความงงงวย แต่ขาเจ้ากรรมก็ดันย่อลงหย่อนก้นนั่งที่เดิมจนได้ น้ำเสียงราบเรียบแอบแฝงแววตำหนิทำให้อ้นรู้สึกเหมือนถูกปรามาส และเขาจะไม่ยอมให้คนอย่างเรย์มาว่าเขาแน่นอน!

   วันนั้นเองเป็นวันแรกที่อ้นได้นั่งทานอาหารกลางวันร่วมกับนายแว่นโฉดคู่อาฆาตตั้งแต่สมัยเรียนซึ่งตอนนี้ต่างทำงานอยู่ตึกเดียวกันเพียงแต่คนละบริษัท
   ทำไมฉันรู้สึกแปลกๆ คุ้นๆ เหมือนเดจาวู...
   อ้นขนลุกเมื่อสบสายตาเข้ากับเรย์ที่ส่งยิ้มให้ เพียงแต่รอยยิ้มของเรย์ช่างดูไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเขาว่าให้เขากับเรย์เป็นคู่กัดกันเช่นเดิมยังจะดีเสียกว่าการที่เรย์คอยส่งยิ้มโรคจิตให้เขาเช่นนี้!

   “ไปทานข้าวกลางวันด้วยกันมั้ยอ้น? วันนี้มีตลาดนัดด้วยนะ”
   “ไม่เอาอะหงส์ แดดร้อนจะตาย กับข้าวก็แพง ฉันขี้เกียจเดิน”
   “แหมๆ ไปชวนอ้นเค้าทำไม น้องหงส์ก็รู้ว่าคุณน้องอ้นเค้าไม่ไปหรอกจ้า เพราะเค้ามีนัดมื้อกลางวันกับคนพิเศษเค้า”
   อ้นงงเมื่อหัวหน้าสาวโผล่มาร่วมวงสนทนาด้วยประโยคที่เขาไม่เข้าใจ หล่อนมองเขาด้วยแววตาหยอกล้อพลางหัวเราะคิกคัก
   “คนพิเศษอะไรคะพี่?”
   “ก็หนุ่มเนิร์ดคนนั้นไง แหมๆ มีแฟนไม่บอกพี่เลยน้า นี่ปิ๊งกันอีท่าไหนอะ? แล้วจีบกันนานแล้วยัง?”
   อีแว่น!
   อ้นตัวสั่นทันทีที่ตระหนักถึงต้นตอทั้งหมด!
   “โอ๊ย! หนูกับมันไม่ได้เป็นอะไรกันคร่า! ก็แค่คนรู้จักเฉยๆ”
   “ก็พี่ได้ข่าวว่าเรามีหนุ่มมานั่งด้วยทุกวัน ยังคิดเลยว่าที่แท้ที่ชอบไปแคนทีนก็เพราะเล็งๆ กันไว้อะไรแบบเนี้ยะ”
   “ใช่ที่ไหนละคะพี่! ก็อาหารแคนทีนมันถูกดีไม่ร้อนด้วยแค่นั้นเอง หนูจะได้ออมเงินไว้สานฝันของตัวเองยังไงละคะ”
   หัวหน้าสาวทึนทึกพยักหน้าเข้าใจเหตุผลของอ้นแต่ยังมิวายสงสัย
   “มิน่า... ว่าแต่ไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ หรา?”
   “โอย ไม่ค่ะ แค่คนรู้จักเฉยๆ”
   “แหมเสียดายออก พี่ว่าคนนั้นเค้าก็ดูดีน้า อ้นไม่ลองทอดสะพานดูล่ะ”
   “ไม่มีทางค่ะ!”
   อ้นเชิดหน้าตอบโดยไม่รู้เลยว่าเขาขว้างงูไม่พ้นคอเสียแล้ว!

   หลายวันต่อมา อ้นนั่งทานอาหารกลางวันที่แคนทีนตามปกติโดยมีเรย์ถือถาดอาหารตรงเข้ามานั่งด้วยเช่นเคย ปกติแล้วทั้งคู่มักจะต่อปากต่อคำกัน แต่พักหลังอ้นเริ่มรำคาญไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคู่กัดแล้วจึงมักแกล้งเงียบแล้วเออออตามสมควร เพียงแต่ครั้งนี้เรย์กลับเปิดประเด็นจนอ้นตกใจ
   “อ้น ตอนเราลงลิฟต์มานะเจอหัวหน้านายด้วย เค้าถามว่าเรากับนายเป็นอะไรกัน”
   “ห๊ะ! แกว่าอะไรนะอีแว่น!”
   “สงสัยเค้าคิดว่าเรากับนายกิ๊กกันมั้ง”
   โอ๊ยตายแล้ว!
   “แล้วแกตอบเค้าไปว่าอะไร?!”
   “ก็บอกไปว่ารู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน”
   “เฮ้อ!”
   อ้นเอามือทาบอกทำท่าโล่งใจเล่นใหญ่จนเรย์หงุดหงิดอยากแกล้ง
   “เค้าก็เลยยุให้เราจีบนาย”
   “อีบ้า!”
   อ้นตวาดแต่เรย์กลับขำ
   “เหอๆ เป็นหัวหน้าที่ใส่ใจลูกน้องดีนะ”
   “ใส่ใจม้ากน่ะสิ”
   อ้นลดระดับเสียงเหลือเพียงกระซิบแล้วใส่อารมณ์ด้วยการอ้าปากกว้างๆ เน้นคำว่า  “มาก” แทน เรย์ขำแอคติ้งของอ้นด้วยเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ ก่อนจะถามต่อแบบเนียนๆ
   “แล้วนายไม่ได้บอกใครเหรอว่ามีแฟนแล้ว?”
   “มีแฟน” คำที่ทำให้อ้นถึงกับชะงัก เพราะเขาเลิกกับ “แฟน” คนนั้นแล้วแม้จะยังอาศัยอยู่ในห้องเดียวกันเช่นเดิม พอนึกถึงที่ตัวเองลงทุนซื้อหมอนข้างมาวางกั้นตรงกลางขวางระหว่างเขากับป้องยามนอนแล้วอ้นก็ถามเรย์เสียงเรียบ
   “แกรู้ได้ยังไง?”
   “ก็เห็นนายอินเลิฟโชว์คนขนาดนั้น นึกว่านายจะประกาศที่นี่ด้วย”
   เรย์เรียนอยู่ที่เดียวกับอ้นและป้อง แถมยังใช้บริการโรงอาหารกลางเช่นเดียวกันเป็นประจำ เขาจึงเห็นภาพที่อ้นคอยออเซาะเกาะแกะป้องจนชิน วันไหนที่ป้องมาด้วยกันกับอ้น วันนั้น “ตุ๊ดถั่วงอก” จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขา แต่ถ้าวันไหนอ้นฉายเดี่ยวแล้วเจอกันเข้า เขากับอ้นก็แย่งเกาเหลากระทบกระทั่งกันพอหอมปากหอมคอ
   “ละแกเห็นหัวหน้าฉันแล้วคิดว่าฉันจะอยากให้นางเอาเรื่องของฉันไปโพนทะนาบอกชาวโลกมั้ยยะ?”
   สมัยที่อ้นเลือกฝึกงานบริษัทเดียวกับป้อง เขาอาศัยบารมีของรุ่นพี่ขอเข้าไปฝึกงานที่เดียวกับแฟน ถึงเขาและป้องจะอยู่คนละส่วนแต่อ้นก็แสดงตัวตลอดเวลาว่าตนนั้นเป็นอะไรกับป้อง แม้ป้องจะรำคาญแต่ไม่เคยแสดงออกว่ารังเกียจความจริง ป้องให้เกียรติเขาเสมอจนเป็นที่ล้อเลียนไปทั้งบริษัท กับคนที่แกล้งแซวขำๆ เขากับป้องไม่เคยถือสา แต่ก็มีบางคนที่ดูถูกทั้งเขาและป้องโดยเฉพาะเมื่อทั้งคู่ไปฝึกงานด้วยรถของอ้น ป้องออกตัวปกป้องเขาตลอด กระทั่งเรื่องของ “เด็กฝึกงานคนที่เป็นแฟนกับตุ๊ด” เข้าหูหัวหน้าเขาจนได้ เมื่อเห็นสายตาของหัวหน้าสาววัยกลางคนยามมองป้องแล้วอ้นก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณว่ามีคนอยากแย่งป้องจนตัวสั่น!
   อ้นเรียนรู้ว่าการ “อวดผัว” ไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป เพราะสมัยนี้มีคนหน้าด้านอยากได้ของๆ คนอื่นอยู่เยอะ! ยิ่งผัวดีมากเท่าไหร่ คนที่อิจฉาก็ยิ่งอยากแย่งมากเท่านั้น!
   เมื่อเริ่มทำงานในที่ใหม่อ้นจึงเก็บเรื่องส่วนตัวไว้เป็นความลับ อ้นเหนื่อยที่จะต้องไปแข่งกับใครๆ ให้คนเขาอิจฉา ลำพังแค่การแข่งกับหัวใจของป้องเขาก็เหนื่อยมากพอแล้ว
   “อาฮะ เก็ตอยู่ ... ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ?”
   “อะอะไร! เปล่านี่!”
   “น้ำตาไหลแน่ะ”
   “ห๊ะ!”
   อ้นรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับ แต่ว่าเรย์กลับยิ้มอย่างเป็นต่อ
   “โกหกน่ะ”
   อ้นฉุนเตรียมจะด่าแต่เรย์กลับทำให้อ้นอึ้งอีกรอบ
   “เลิกกันแล้วเหรอ?”
   “เรื่องส่วนตัว! ฉันไม่จำเป็นต้องตอบ”
   “อาฮะ แปลว่าเลิกกันแล้ว โดนเขาทิ้งหรือนายทิ้งเขาล่ะ? เห... นายทิ้งเขาเพราะเขามีคนอื่นใช่มะ? ตอนนี้นายกำลังโสด โอเค เราเข้าใจละ”
   เรย์ถามเองตอบเองเสร็จสรรพ เขาวิเคราะห์ราวกับนักวิทยาศาสตร์กำลังสรุปรายงานวิชาการ ทว่าเนื้อหามันออกกระแทกใจคนฟังไม่น้อย เรย์พูดโดยไม่เกรงใจหัวใจเจ้าของเรื่อง! อ้นจึงกระแทกเสียงกลับไป
   “นี่! เรื่องบางเรื่องไม่ต้องพูดออกมาก็ได้นะ ฉันละไม่เข้าใจจริงๆ แกจะมายุ่งอะไรกับฉันนักหนาเนี่ย!”
   “เหอๆ เรื่องส่วนตัวน่ะ ขอไม่ตอบนะ”
   เรย์ยิ้มแล้วตักข้าวเข้าปากอย่างมีความสุข อ้นได้แต่กรีดร้อง
   กรี๊ด! มันย้อนค่ะมันย้อน อีแว่นโฉดสักวันฉันจะจัดการแกให้ได้!

   อ้นเหนื่อยหน่ายกับเรย์ทุกครั้งที่เจอกัน จากเดิมที่เคยปะทะฝีปากกันอ้นก็ว่าเรย์น่าหมั่นไส้แล้ว พอได้รู้จักกันจริงๆ แล้วอ้นพบว่าเรย์นั้นเอาตัวเองเป็นใหญ่ไม่สนใจคนอื่น เป็นพวกแปลกๆ ที่ชอบบังคับให้โลกหมุนตามตัวเอง แถมยังโลกส่วนตัวสูงไม่แคร์สื่อ
   จากเสียงกระซิบกระซาบของขาเม้าทำให้รู้ว่าเรย์เป็นคนเก่ง แต่เข้ากับคนยาก แม้โปรไฟล์จะดีแค่ไหนแต่พอเจอนิสัยพี่ท่านเข้าไปทุกคนต่างพากันใส่เกียร์ถอย ด้วยเหตุนี้เรย์จึงว้างว่างไม่มีใครกล้าออกตัวจับจอง ดังนั้นการที่อ้นคลุกวงในกับเรย์ได้จึงเป็นเรื่องที่เม้ากันไปทั่วทั้งสองบริษัท!
   อ้นขนลุกซู่เมื่อได้ยินว่ามีคนจับจ้องมองเขาและเรย์เป็นคู่จิ้นประจำแคนทีนไปแล้วเรียบร้อย
   “ตายแล้วพี่! คลุกวงในอะไรกันคะ?! ใครมันเอาหนูไปพูดจาน่าเกลียดขนาดนี้! โอ๊ย! ถ้านินทาหนูกับพี่โจมสุดเซอร์หนูจะไม่ว่าเลยค่ะ”
   อี๋! ถูกจิ้นกับอีแว่นโฉด ยอมขึ้นคานยังจะซะดีกว่า แหวะ!
   “ชอบหนุ่มติสเหรอจ้ะ? คิกๆ”
   อันที่จริงแล้วอ้นไม่ได้ชอบโจม เพียงแต่ภาพของหนุ่มมาดเซอร์ช่างละม้ายคล้ายกับใครบางคนที่เห็นหน้ากันทุกคืนเท่านั้นเอง แต่อ้นก็รับลูกต่อจากหัวหน้าสาว
   “ให้คะแนนเพิ่มตรงหนวดคร่า โฮะๆ”
   กลุ่มสาวๆ กำลังเม้ากันสนุกปาก คนที่นินทากลับเดินมาพร้อมกับเพื่อนร่วมแผนกพอดี
   เรื่องมันคงไม่เกิดถ้าหากว่า “โจม” จะไม่ใช่หนุ่มโสดสุดเซอร์และอัธยาศัยดีต่อคนทุกเพศ แถมเขายังโปรไฟล์เลิศขนาดเคยติดอันดับหนึ่งในห้าสิบหนุ่มฮอตแห่งปีของนิตยสารชื่อดังมาแล้ว เมื่อได้ยินว่ามีคนแอบปลื้มเขาจึงหยอกล้อกับรุ่นน้องร่วมบริษัทอย่างเป็นกันเอง
   “รู้แบบนี้พี่ไม่โกนหนวดซักเดือนดีกว่าเผื่อจะมีสาวๆ มาดามใจพี่บ้าง”
   รุ่นพี่หนุ่มเดินมาถึงก็แกล้งทำท่าเข้าไปลวนลามตุ๊ดรุ่นน้องก่อนจะถอยออกมาแล้วยืนส่งยิ้มละลายใจพลางหลุดเสียงหัวเราะ
   “ฮ่าๆ”
   “ว้ายพี่โจมอะ! จั๊กกะเดียมนะคะ! แค่นี้หนูก็หลงแล้วคร่า”
   อ้นแกล้งทำเขินรับมุก ทุกคนหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แต่จังหวะนั้นเองที่อ้นหันไปเห็นสายตาของ “แทน” พอดี
   ในขณะที่ทุกคนขำและหัวเราะกับเรื่องกรี๊ดกร๊าดชวนหัว แทนกลับแอบคว่ำปากใส่พร้อมด้วยอินเนอร์ทางสายตาที่จิกจนอ้นสะอึก อ้นไม่อยากด่วนสรุป เขาจึงแกล้งหัวเราะส่งเสียงวี้ดว้ายกับเพื่อนร่วมงานอีกครู่หนึ่งก่อนจะขอตัวไปทำงานต่อ สายตาของแทนทำให้ใจเขาไม่สงบ เซนส์ของเขามันบอกให้ระวัง!
   แทนคือเพื่อนร่วมงานในบริษัทที่อ้นยกป้ายคะแนนให้สิบสิบสิบสมกับเป็นหนุ่มงานประณีต ทุกอย่างช่างดีงามรับกันเหมาะเจาะ ทั้งริมฝีปากรูปกระจับ ดวงตาสองชั้นชัดเจน รวมถึงดั้งที่งัดมาอย่างเป็นธรรมชาติ ครบเครื่องเห็นแล้วชวนให้ใจอ่อนระทวย เมื่อรวมเข้ากับรูปร่างสมส่วนด้วยมัดกล้ามอันงดงามขนาดพอเหมาะก็ชวนให้เขาน้ำเดินด้วยความหลงใหล ทว่านั่นก็เป็นเพียงความรู้สึกสมัยเข้ามาทำงานในบริษัทใหม่ๆ เท่านั้น เพราะต่อมาไม่นาน “พี่จ๋า” หัวหน้าสาวทึนทึกก็ขยี้ฝันชื้นแฉะของเขาด้วยการบอกว่า “พี่แทนมีผัว”
   การถูกแทนมองด้วยสายตาเช่นนั้นทำให้อ้นไม่สบายใจ นับตั้งแต่นั้นอ้นก็แอบระแวงแทนอย่างช่วยไม่ได้ ทว่าชีวิตการทำงานก็ยังคงดำเนินต่อไป

   สิ้นปีใกล้เข้ามาทุกทีเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ว่าที่ไหนก็ต้องมีการฉลองปีใหม่ และบริษัทของอ้นก็เช่นกัน บริษัทได้จองห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมเป็นที่สังสรรค์ประจำปีสำหรับพนักงาน กิจกรรมหลายอย่างถูกจัดขึ้นเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแด่พนักงานผู้เหน็ดเหนื่อยมาตลอดปี
   ปีนี้น้องใหม่อย่างอ้นถูกจ๋าวางตัวให้แสดงความสามารถแบบเดี่ยวเพราะสถานะ “ตุ๊ดเล่นใหญ่” อ้นคือน้องใหม่เพียงคนเดียวในแผนกและหัวหน้าของอ้นก็เชื่อใจความมั่นเกินร้อยของอ้นเช่นกัน อ้นจึงซุ่มซ้อมการแสดงสุดฤทธิ์
   เมื่อวันงานมาถึง อ้นหอบกระเป๋าใส่พร็อบมาเต็มคันรถ เขาตั้งใจจะแอบแต่งตัวที่ออฟฟิศแล้วค่อยตามไปสมทบที่โรงแรม กะว่าจะเปิดตัวให้โลกตะลึงในความสวย ทว่าช่วงเวลาฝันหวานของอ้นมีอันต้องสะดุด! นายแว่นโฉดเซลฟ์เซ็นเตอร์กวนใจเขาอีกแล้ว!
   “วันนี้นายจะแสดงอะไรเหรอ?”
   “ความลับบริษัทย่ะ!”
   “งั้นปีใหม่นี้นายจะทำอะไร?”
   “ฉันก็กลับบ้านกลับช่องของฉันสิยะ”
   “อยากรู้จังว่านายจะแสดงอะไร?”
   นี่แหละความอินดี้ของเรย์ เขาจะพูดเรื่องที่ตนพอใจจะคุยเท่านั้นไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม! นึกจะเปลี่ยนหัวข้อก็เปลี่ยน ไม่สนใจคู่สนทนาเลยสักนิด!
   “มันเรื่องของฉันปะ? แกจะยุ่งอะไรห๊ะอีแว่น!”
   “เรียกแว่นอีกแล้วนะ บอกให้เรียกชื่อเราไง ลองเรียกดูสิ ‘เรย์’”
   อ้นเบ้ปากส่งไปให้แล้วทำเป็นไม่สนใจตักข้าวในจานทานต่อ เรย์จึงตอบโต้ด้วยบุญคุณที่ผ่านกระบวนการคิดเข้าข้างตัวเองมาแล้วหนึ่งชั้น
   “ทีเรายังเลิกเรียกอ้นว่า ‘ถั่วงอก’ เลยนะ ทำไมอ้นไม่ยอมเรียกชื่อเราบ้าง? เวลาตัวเองถูกเรียกว่าถั่วงอกก็โกรธ แต่ไม่ยอมเลิกเรียกเราว่าแว่น สองมาตรฐาน!”
   ถ้อยคำของเรย์ตรงไปตรงมาเหมือนหมัดฮุกที่อ้นไม่อาจปฏิเสธได้ เขาจึงเถียงแบบข้างๆ คูๆ
   “ก็แกชอบมาทำให้ฉันอารมณ์เสียเองทำไม ปกติคนสวยก็ไม่ค่อยว่าร้ายใครก่อนหรอกนะ แกนั่นแหละผิดเอง อยากหาเรื่องกวนฉันก่อนทำไมล่ะ”
   อ้นตอบพลางเชิดคางหยิ่งไม่ยอมรับผิด ทว่าเรย์กลับแก้ลำได้เข้าข้างตัวเองแบบสุดกู่!
   “อ้อ... เราพิเศษสินะ เข้าใจแล้ว นายจะเรียกเราว่า ‘แว่น’ ต่อไปก็ได้นะ ไม่มีใครเคยเรียกเราแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน”
   อ้นงง! ยิ่งมองภาพเรย์ยิ้มแล้วตักข้าวทานอย่างมีความสุขเขาก็ยิ่งงง!
   มันเป็นบ้าอะไรของมัน!

   หลังเลิกงาน ทุกคนต่างพากันออกจากออฟฟิศไปยังโรงแรม บ้างก็ติดสอยห้อยตามไปกับคนมีรถ บางส่วนก็แชร์ค่าแท็กซี่กัน ส่วนอ้นเขาบอกทุกคนว่าเดี๋ยวจะตามไปเองเพราะเขาอยากอุบโชว์ไว้เป็นความลับ
   อ้นเลือกออฟฟิศเป็นสถานที่แต่งตัวเพราะคิดว่าสะดวกกว่าไปแต่งตัวในห้องน้ำชายของโรงแรมที่มีแขกคนอื่นมาใช้บริการเยอะแยะ อีกทั้งโรงแรมกับตึกออฟฟิศยังอยู่ห่างกันไม่มาก เขาจึงรอให้ทุกคนเลิกงานอพยพไปยังโรงแรมแล้วแอบยึดห้องทำงานของหัวหน้าเป็นสถานที่เสริมสวย
   อ้นแต่งตัวพลางวาดภาพของเสียงตบมือชื่นชมการแสดงอย่างมีความสุข เขาบรรจงแต่งแต้มเครื่องสำอางลงบนใบหน้าอย่างประณีตพลางฝันหวาน อ้นมั่นใจมากว่าโชว์ในวันนี้จะต้องเด็ดเรียกเสียงกรี๊ดจากเพื่อนร่วมงานได้ ดีไม่ดีผู้บริหารระดับสูงอาจจะตบรางวัลด้วยสร้อยทองเส้นเล็ก อ้นมโนไปไกล ทว่าโลกแห่งความจริงนั้นช่างโหดร้าย! เมื่ออ้นไปถึงรถตัวเองก็พบว่ารถอีโก้คาร์คันน้อยยางแบน!
   “อะไร! ยางแบนได้ไงอะ บ้าจริงๆ เลย!”
   แม้จะกระทืบเท้าอย่างขัดใจกี่ครั้งยางรถก็ไม่ฟื้นคืนสภาพ ความจริงเขามีอุปกรณ์ฉุกเฉินอยู่ท้ายรถ แต่เมื่ออ้นก้มลงมองเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองแล้วก็กลุ้ม ในที่สุด “งานเลี้ยงบริษัท” ก็มาก่อน อ้นตัดสินใจเก็บของพะรุงพะรังที่ไม่จำเป็นเข้ารถแล้วหยิบเฉพาะสิ่งจำเป็นใส่กระเป๋าใบเล็กวิ่งกลับเข้าตึกส่วนออฟฟิศ
   อ้นตัดสินใจเผชิญหน้ากับปัญหาเร่งด่วนด้วยน้ำใจไมตรีจากเพื่อน เขาตรงไปหาลุง รปภ. คนสนิทแล้วไหว้วานบางสิ่งบางอย่าง หลังจากปัญหาเรื่องรถลุล่วงอ้นก็ตัดสินใจโบกแท็กซี่ไปยังสถานที่จัดงาน แต่เมื่อลิฟต์เปิดออกเขาก็พบกับเรย์ที่กำลังจะกลับบ้านเข้าพอดี!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2016 03:34:42 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   โว้ว! กล้าใส่ชุดแบบนี้ไปจากนี่เลย!
   เรย์ตกตะลึงเมื่อเห็นชุดเทพธิดาแฟรี่ของอ้น ปีกเล็กๆ ที่ทำจากผ้าแก้วสีชมพูผืนบางติดอยู่ด้านหลัง เวลาที่อ้นขยับตัวยุกยิกอย่างขัดเขินมันก็จะกระดิกไปมาดูสมจริง
   ขออย่าให้มันจำหนูได้เลยนะคะ กรี๊ด หนูอายมันอะ ไม่อยากโดนมันทัก!
   อ้นเองก็ตกใจที่เจอเข้ากับเรย์ เขาได้แต่สวดภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอร้องให้เรย์จำเขาไม่ได้ แต่เหมือนเบื้องบนไม่เห็นใจ
   “แต่งเป็นอะไรเหรอ?”
   อ้นแกล้งไม่ตอบพลางมองจำนวนชั้นแล้วภาวนาให้มันลดลงโดยเร็ว แม้จะโชคดีที่เลยเวลาที่คนส่วนใหญ่กลับบ้านกันหมดแล้วแต่การที่ต้องอยู่สองต่อสองในลิฟต์ก็ทำให้อ้นอึดอัด
   เมื่อเห็นอ้นนิ่งแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเรย์จึงดึงปีกด้านหลังจนสายรัดรั้งหัวไหล่ของอ้น
   “เอ๊ะอีบ้า!”
   อ้นหันมาแว้ดเอาเรื่อง แต่เรย์กลับยิ้ม
   “ตัวอะไรอะ?”
   “ภูติดอกไม้”
   อ้นตอบอย่างเสียไม่ได้ด้วยใบหน้างอเป็นจวัก เรย์พยักหน้าพึมพำตามเมื่อนึกถึงโลโก้บริษัทของอ้น
   “อาฮะ แฟรี่”
   แต่เงียบได้ครู่เดียวเรย์ก็วอนหาเรื่องอีกแล้วเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าตรงหน้าอกที่ควรจะดูมๆ จนล้นทะลักนั้นกลับนูนเพียงเล็กน้อย เมื่อมองจากมุมสูงเฉดดิ้งที่ระบายไว้ก็ดูจะไม่ช่วยเพิ่มขนาดมากนัก
   “ทำไมแบนจัง? ปกติเราเห็นพวกกะเทยชอบทำหน้าอกโตๆ กันไม่ใช่เหรอ? อ้อ! นายยังไม่ได้เสริมอึ๋มสินะ เข้าใจละ!”
   “อีแว่น!”
   อ้นแทบหันไปตบปากเรย์! แต่เมื่อหันกลับไปเผชิญหน้ากันเขาก็จำเป็นต้องเงยขึ้นเพื่อส่งสายตาไปขู่นายแว่นปากเสีย
   นี่ฉันก็โกยมาตั้งแต่ตาตุ่มแล้วนะ ใจคอจะให้ฉันโกยมาจากแกนโลกเลยรึไงยะอีบ้านี่!
   “แกไม่เห็นรึไงว่าชุดมันคับ มันยัดได้แค่นี้! ฉันไม่อยากทำชุดที่เช่ามาปริ อีกอย่างยัดเยอะไปไม่สมส่วนมันไม่สวยด้วย แกเข้าใจคอนเซปต์มั้ย? แฟรี่คือภูติน้อยน่ารักผู้งดงามและอ่อนหวาน ฉันจะต้องดูบริสุทธิ์ราวกับสาวน้อยแรกแย้ม ให้เกียรติมงกุฎดอกไม้บนหัวฉันบ้าง! ฉันไม่ได้แรดตลอดเวลานะยะ!”
   ท่าทางเหวี่ยงวีนสลับกับซีนมโนอย่างเคลิบเคลิ้มฝันหวานแล้วจบด้วยมาดตุ๊ดแรงได้อีกทำให้เรย์ขำ
   เล่นใหญ่ดีจัง เหอๆ
   “อืม แบบนี้ก็น่ารักดีนะแต่เราชอบแบบสวีทเดวิลมากกว่า งั้นเดี๋ยวคราวหน้าลองแบบอื่นบ้างนะ ถึงชั้นหนึ่งแล้วล่ะ”
   เรย์เปลี่ยนเรื่องไม่มีปี่มีขลุ่ยแล้วก้าวออกจากลิฟต์ อ้นจึงทำได้แค่ก้าวตาม
   “ลองบ้าอะไรของแก?”
   “จะเรียกแท็กซี่ไปไหนเหรอ?”
   มันรู้ได้ยังไง?
   อ้นแปลกใจแต่ก็ยอมตอบ
   “ฉันจะไปโรงแรมน่ะสิ ใกล้จะได้เวลาแล้วด้วย เนี่ยมีอีบ้าที่ไหนไม่รู้มันมาปล่อยลมยางรถฉัน ดูซิฉันต้องลำบากเอาตัวเองในชุดแฟนซีนี่ไปให้ถึงโรงแรมอีก”
   ถึงอ้นจะไม่ชอบใจเรย์มากนักแต่เมื่อมีคนมายืนด้วยข้างๆ ท่ามกลางสายตาที่มองมายังชุดภูติดอกไม้สีชมพูแล้วอ้นก็รู้สึกดีกว่าการอยู่คนเดียว
   “นั่นสินะ”
   เรย์มองสำรวจอ้นขึ้นๆ ลงๆ ก่อนจะหันไปโบกมือเรียกแท็กซี่ที่มีไฟสีแดงสว่างเป็นคำว่า “ว่าง” ให้อ้น
   “แท็กซี่คันนั้นว่างล่ะ”
   อ้นแอบเหวอเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนมัวแต่บ่นเพลินจนลืมมองหาแท็กซี่ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะลอบมองนายแว่นโฉด เรย์ก็ยังคงเป็นเรย์ แต่หนนี้อ้นรู้สึกว่านายแว่นโฉดคู่กัดตัวฉกาจดูหล่อกว่าเดิมเล็กน้อยเพราะคะแนนความใจดี
   คนอะไร ทำอะไรคาดเดาไม่ได้เลย คิดจะทำอะไรก็ทำ!
   เมื่อแท็กซี่มาถึงอ้นจึงบอกจุดหมายปลายทางแก่คนขับแล้วหันมาขอบคุณเรย์
   “ขอบใจนะนายแว... อื้ม เรย์”
   เรย์ไม่ได้ตอบอะไรแต่เขายิ้ม แม้จะเป็นเพียงมุมโค้งเล็กๆ บนริมฝีปากแต่อ้นก็ขนลุก อดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนวูบวาบตามเนื้อตัวและใบหน้า เขารีบหนีขึ้นแท็กซี่ทิ้งเรย์ให้ยืนอยู่ที่เดิม
   แฟรี่เหรอ? ... ก็ไม่เลวแฮะ แต่ยังไงนางพยาบาลก็ดีกว่า
   เมื่ออ้นจากไปแล้วเรย์ก็ย้อนกลับไปในตัวอาคาร เขาตรงไปยังห้องเก็บของในบริษัทเพื่อค้นหาสิ่งของบางอย่าง
   รปภ. กะดึกผ่านมาเห็นจึงทัก
   “อ้าว คุณเรย์มอนด์ กลับไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ? หรือลืมของ? แล้วมาทำอะไรในนี้ครับเนี่ย?”
   “ผมมาหาที่สูบลมยาง จำได้ว่าพี่จักรเคยเอามาเก็บไว้ในนี้”
   เรย์กล่าวถึงรุ่นพี่ในบริษัท บุคคลที่สามผู้เป็นฮิปสเตอร์ปั่นจักรยานมาทำงานและได้แอบเก็บอุปกรณ์ฉุกเฉินของจักรยานคู่ใจไว้ในห้องเก็บของ หรืออีกนัยหนึ่ง พนักงานผู้ใช้ห้องเก็บเอกสารซึ่งเป็นทรัพย์สินบริษัทเสมือนห้องเก็บของส่วนตัวของตัวเอง
   “มาครับ เดี๋ยวผมช่วยหา”

   เรย์ต้องถือเจ้าอุปกรณ์สูบลมอัจฉริยะขนาดพกพาเดินวนหารถของเป้าหมายอยู่หลายชั้นกว่าจะเจออีโก้คาร์สีชมพูจอดอยู่อย่างโดดเดี่ยวในลานจอด เขาอาศัยเส้นสายของ รปภ. กะดึกสืบจนได้ข้อมูลว่าบริษัทของอ้นเช่าที่จอดรถไว้ชั้นไหนบ้าง ก่อนจะลงมือจำกัดการค้นหาอย่างมีระเบียบแบบแผน
   เมื่อพบเป้าหมายเรย์ก็ลงมือสำรวจล้อทั้งสี่ ล้อหลังทางด้านขวาคือจุดเสียหายที่ต้องการๆ ซ่อมแซม แต่เป็นเพราะที่สูบลมอัจฉริยะเครื่องนี้เป็นขนาดเล็ก แรงลมจึงน้อย เรย์ต้องใช้ความพยายามในการอดทนนั่งรอเครื่องทำงานจนเบื่อ แต่แล้ว!
   “มึง!”
   เสียงดุๆ ตวาดขึ้นทำให้เรย์หันไปมอง เมื่อเห็นผู้รบกวนชัดเจนเขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเองบ้าง ทว่าเรย์ก็ยังรู้สึกเตี้ยกว่าผู้มาใหม่ราวหนึ่งฝ่ามือ
   “ทำอะไรกับรถอะ!”
   “คุณขึ้นมาได้ยังไง? ตึกนี้ไม่มีบัตรห้ามเข้านะ”
   “กูถามว่ามึงทำอะไรกับรถ!”
   ป้องใช้น้ำเสียงข่มขู่คุกคามผู้ต้องสงสัยแล้วย่างสามขุมเข้าหา แต่เรย์ดันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือตัวเองแล้วขยับแว่นบนสันจมูกตามความเคยชินโดยไม่สะทกสะท้าน เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงโอหัง
   “ไม่เห็นเหรอว่ากำลังเติมลมยาง ”
   ป้องมองไปยังเครื่องสูบลมตัวจิ๋วที่กำลังพยายามทำหน้าที่ของตนสุดชีวิตแล้วก็มองมายังเรย์ เขาลังเลเพราะเชื่อในคำพูดของอีกฝ่ายแต่ไม่เข้าใจสถานการณ์
   “คุณนั่นแหละ เข้ามาในตึกได้ยังไง?”
   ในขณะที่ป้องสงสัยเรย์ เรย์ก็กำลังพยายามพลิกคดี โชคดีที่มีคนออกรับแทนป้อง
   “เอ่อ... คือคุณคนนี้เขาเป็นแฟนกับเจ้าของรถครับ พอดีรถมันยางแบน เจ้าของรถเขาเลยฝากผมไว้ว่าเดี๋ยวจะมีคนมาเอารถ”
   เรื่องของเรื่องก็คือทันทีที่อ้นรู้ว่ายางแบนเขาก็โทรไปโวยวายกับป้อง ป้องอยู่ไม่ไกลจึงรีบบึ่งมายังบริษัทของอ้นเพื่อดูรถให้ ปกติอ้นมีชุดปะยางด่วนกับที่สูบลมฉุกเฉินรวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ติดไว้ท้ายรถอยู่แล้ว อีกทั้งอ้นยังฝากกุญแจไว้กับ รปภ. และจัดแจงโชว์รูปของป้องให้ดูเป็นการเน้นย้ำอีกทางป้องจึงไม่คิดมาก คิดเพียงแค่รีบมาจัดการรถให้อ้น แต่อ้นไม่ได้บอกเขาว่าจะมีคนแปลกหน้ามาแอบสูบลมยางให้
   ป้องยักคิ้วส่งไปกวนตีนเรย์อย่างเป็นต่อ แต่เรย์ตอบโต้กลับไปไม่ได้เขาจึงหงุดหงิด
   ไอ้นี่ไม่น่าคบเลย!
   “ผมเป็นแฟนเจ้าของรถ แล้วคุณล่ะเป็นใคร?”
   เรย์หลุดแสยะยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าป้องไม่รู้จักเขา ต่อให้อ้นไม่เคยเล่าเรื่องของเขาให้ฟังแต่เขาเคยเจอกับป้องตั้งหลายครั้ง ผู้ชายคนนี้มีกะลาปิดกั้นจนโลกส่วนตัวคับแคบกว่าเขาเสียอีก!
   “ผมก็เป็นเพื่อนร่วมงานของอ้นไงล่ะ เรารู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้วด้วย เหอะๆ”
   มันพูดจริงดิ?! ทำไมกูไม่รู้จักมันวะ?
   ป้องงง! อ้นไม่เห็นบอกเรื่องนี้กับเขาเลย!
   ชายหนุ่มสองคนกำลังฟาดฟันกันทางสายตาท่ามกลางความเงียบ!

   เมื่อเห็นเรื่องคลี่คลาย รปภ. ก็สบายใจ เขาไม่อยากทำรถของน้องตุ๊ดหาย รวมทั้งไม่อยากให้เกิดปัญหาเพราะแอบพาคนนอกเข้ามาในตัวอาคาร เมื่อเห็นทั้งคู่ตกลงกันได้ไม่ใช่คนร้ายจึงเอ่ยปากจบเรื่อง
   “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพอคุณคนนี้เขาสูบลมยางเต็มแล้ว คุณก็เอารถไปได้เลยนะครับ น้องอ้นแกฝากกุญแจไว้ที่ผมแล้ว”
   เพราะความน่ารักอัธยาศัยดีของอ้นที่คอยปะเหลาะ รปภ. ประจำลานจอดรถเอาไว้นี่เองที่ทำให้ รปภ. คอยอำนวยความสะดวกให้อ้นมากเช่นนี้ นับตั้งแต่เกิดเรื่องถูกจี้ชิงรถ อ้นก็พยายามรักษาสายสัมพันธ์กับพี่ยามเป็นพิเศษ ขนมของฝากตามเทศกาลไม่เคยขาด ดังนั้นแม้จะมาสายเกือบๆ จะไร้ที่จอดรถ แต่ก็จะมีกรวยปริศนาแปะเลข กท. มาวางจองที่ให้อ้นเสมอ ใกล้ๆ กับจุดพักของ รปภ. ประจำชั้นนั่นเอง ด้วยขนาดของอีโก้คาร์ทำให้ช่องเล็กๆ ไม่ใช่ปัญหาสำหรับอ้น
   แต่เพราะคราวนี้เขารีบมาทำงานแต่เช้าจึงได้จอดในซองใกล้ประตูเข้าตึกแต่ดันห่างจากที่ตั้งวงของพี่ รปภ. อ้นจึงซวยเจอคราวเคราะห์เต็มๆ!
   และยิ่งซวยสองชั้นเมื่อตุ๊ดสาวไม่รู้ว่านายแว่นโฉดเกิดอุตริทำตัวเป็นคุณภูติใจดีประหนึ่งตัวละครจากนิทานเรื่อง “ภูติวิเศษกับช่างซ่อมรองเท้า” ได้ปะทะเข้ากับหมาหวงเจ้าของอย่าง “ปกป้อง” ผู้เป็นแฟนเก่า!
   อ้นมัวแต่เพลิดเพลินกับโชว์ของตน เขาแสดงความสามารถบนเวทีเรียกเสียงฮือฮาจากแขกในงานด้วยจินตลีลาสุดสร้างสรรค์ที่หยิบยกเอาสถานการณ์ของบริษัทมาดำเนินเรื่องเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน การแสดงของอ้นน่าประทับใจก็จริง แต่เพราะการเล่นใหญ่จึงทำให้ผู้บริหารระดับสูงเอ็นดูตบรางวัลด้วยสร้อยคอทองคำสองสลึง
   “เอ สวยแบบนี้ทีหลังใส่กระโปรงมาทำงานเลยหนูอ้น แผนกนั้นจะได้มีอะไรเจริญหูเจริญตาบ้าง เบื่อคุณจ๋าแล้ว”
   “ว้าย...ชมแบบนี้หนูก็เขินนะคะ เอาไว้รอให้หนูมีนมก่อนค่ะแล้วเดี๋ยวหนูจะใส่เดรสมาทำงานทุกวันเลย”
   เมื่อผู้ใหญ่ในบริษัทเป็นฝ่ายเย้าเขาก่อนอ้นก็กล้าเล่นกลับไปอย่างไม่ขัดเขิน แต่อ้นไม่รู้เลยว่าอาการระริกระรี้ของตนได้เพิ่มพูนความหมั่นไส้ในใจใครบางคน อ้นไม่ใช่ตุ๊ดคนแรกในบริษัทก็จริง แต่ไม่เคยมีใคร “สาว” เท่าอ้นมาก่อน ทุกคนพยายามรักษาภาพลักษณ์เก็บอาการผิดกับอ้นที่เปิดตัวอย่างครื้นเครง ที่สำคัญ ทั้งๆ ที่อ้นสาวเต็มพิกัดแต่ผลลัพธ์กลับมีแต่คนเอ็นดู อ้นไม่รู้ตัวเลยว่าความเป็น “ตุ๊ดผู้เบิกบาน” ของตนนั้นจะไปกระตุ้นต่อมอิจฉาในใจใครคนอื่น
   อ้นดี๊ด๊าดีใจกินเลี้ยงในงานอย่างมีความสุข จนกระทั่งงานเลี้ยงใกล้เลิกราเพื่อนสาวจึงได้เอ่ยปากถาม
   “แล้วนี่แกจะกลับยังไง? มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนรึเปล่า? ให้ฉันนั่งแท็กซี่เป็นเพื่อนกลับไปเอาของที่รถมั้ย?”
   “โอ๊ยไม่ต้องหรอกหงส์ เดี๋ยวฉันจัดการเอง ชิวๆ จ้ะ”
   “อ้าว ทำไมอะ? มีอะไรเหรอ?”
   เมื่อหัวหน้าเอ่ยปากถาม อ้นก็ใส่เต็มพิกัด ตุ๊ดสาวเล่าไปใส่อารมณ์ไปก่อนจะปิดท้ายสวยๆ ด้วยการอวดของรางวัล
   “คืองี้ค่ะพี่จ๋า รถหนูยางแบน มีอีบ้าที่ไหนก็ไม่รู้มาแกล้งปล่อยลมยางรถหนู! เนี่ยต้องนั่งแท็กซี่มา หนูนึกว่าจะมาไม่ทันซะละ นี่ดีนะคะมาทัน เลยได้ทองมาใส่เล่นสวยๆ อิๆ”
   “จ้าๆ แหมๆ แล้วนี่จะกลับยังไงล่ะ?”
   หัวหน้าสาวอดไม่ได้ที่จะเกิดอารมณ์หมั่นไส้ลูกน้อง ความเบิกบานเกินร้อยของอ้นบางครั้งก็ล้นไปจริงๆ แต่อย่างไรเสียเรื่องที่อ้นเล่าก็น่าเป็นห่วง เธอเกือบจะเสนอให้อ้นติดรถเธอกลับบ้านแล้วคาดไม่ถึงว่าจะมีคนเอ่ยปากชวนก่อน
   “อ้าว? น้องอ้นไม่ได้เอารถมาเหรอครับ? ให้พี่ไปส่งมั้ย? รังสิตกับปทุมใกล้ๆ กัน พี่แวะไปส่งได้นะ”
   โจมได้ยินเพียงแค่ “จะกลับยังไงล่ะ?” จึงออกปากด้วยความใจดี
   โอ๊ยตายแล้วพี่โจม! มีผู้ชายขอไปส่งฉันกลับบ้าน! ท่องเอาไว้ ห้ามแรดนะนังอ้น! อ๊ายไม่ไหว ฉันฟิน!
   “พี่โจมชวนหนูกลับบ้านแบบนี้แอบคิดอะไรกับหนูอ๊ะป่าว?”
   ในที่สุดอ้นก็ทนไม่ไหวเผลอแรดเข้าจนได้ เขาห้าม “นิสัยเล่นใหญ่ไม่มีแอ๊บ” ของตนไม่ได้จริงๆ แต่คิดไม่ถึงว่ามุกของเสือหนุ่มจะทำเอาเขาเขินไปไม่เป็น
   “คิดสิ”
   “คิดอะไรเหรอคร้า?”
   “คิดเป็นห่วงไงครับ สวยแบบนี้เดี๋ยวมีคนมาฉุดไปละแย่เลย”
   แม้วันนี้อ้นจะแต่งเป็นแฟรี่ในธีมแฟนซี แต่พอพอกใบหน้าด้วยเครื่องสำอางประกอบกับวิกผมยาวประบ่าสีชมพูแล้วอ้นก็ดูสวยโดดเด้งเข้าตาใครหลายคนเช่นกัน หนุ่มๆ แผนกอื่นเริ่มให้ความสนใจ “ตุ๊ดสวย” คนนี้ ในฐานะหัวหน้าพี่จ๋าจึงต้องตั้งด่านสกัดเอาไว้บ้าง
   “แกเลยวางแผนจะฉุดเค้าก่อนใช่มั้ยโจม?”
   “ฮ่าๆ”
   แม้จะรู้ดีว่าเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่หยอดมาหวาน(ตา)เยิ้มเพราะฤทธิ์สุราแต่อ้นก็อดเขินไม่ได้ เขาเงียบพลางจับปอยวิกผมของตัวเองเล่นแก้เก้อ
   “คือ... ไม่ดีกว่าค่ะ พอดีหนูมีคนมารับแล้ว คือ...หนูกลับเองได้ค่ะ”
   อ้นเขินจนตัวแทบบิดเป็นเกลียว!

   ป้องเรียกเก็บเงินค่ากาแฟแล้วถือกระเป๋าใส่เสื้อผ้าตรงไปยังห้องน้ำบนชั้นที่บริษัทของอ้นจัดงานสังสรรค์ เขามองซ้ายขวาหาอ้นก่อนจะเห็นรูมเมทของตนกวักมือยิกๆ อยู่หลังเสา
   “ทางนี้”
   “มึงไปหลบตรงนั้นทำไมวะ?”
   “เออน่า แกเอาเสื้อผ้าฉันมาด้วยรึเปล่า? ละรถฉันเรียบร้อยดีนะ?”
   แม้จะกำลังผงะกับขนตาปลอมสีชมพูฟรุ้งฟริ้งบนดวงตาของอ้นแต่เมื่อนึกถึงเรื่องรถแล้วป้องก็หงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เขาตัดสินใจพยักหน้ารับคำง่ายๆ โดยไม่เล่าถึงคนอื่น
   “อืม ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเหอะ กูจะได้กลับบ้านนอน”
   “จ้าๆ เดี๋ยวฉันขับเองอันเชิญแกหลับให้สบายตลอดทางเลยจ้า อ๊ะ! ละนี่แกกินข้าวยัง?”
   “กูกินก๋วยเตี๋ยวข้างโรมแรมไปละ”
   “ต๊าย! น่าสงสารอะ คิกๆ”
   อ้นเอามือปิดปากแกล้งหัวเราะยั่วป้อง และมันก็ได้ผล
   “เดี๋ยวโดนอะมึง ไปๆ ไปเลยไปเปลี่ยนชุด จะได้รีบกลับห้อง”
   “ว้าย! ใครอะคะน้องอ้น!”
   ซวยแล้วฉัน!
   อ้นกรีดร้องอยู่ในใจก่อนจะพยายามปั้นหน้ายิ้ม ป้องเองก็หันไปมองผู้ส่งเสียงทักเช่นกัน
   “สาว” รุ่นดึกประจำบริษัทส่งเสียงทักทันทีที่เห็นน้องใหม่ยืนคุยอยู่กับผู้ชายสุดแซ่บ!
   “สวัสดีค่ะพี่เก้ พี่ปอมมี่ กำลังจะกลับบ้านเหมือนกันเหรอคะ”
   “ว้ายยังไม่เฉลยเลยนะคะคุณน้อง พ่อหนุ่มสุดหล่อคนนี้เป็นใครเอ่ย?”
   ว่าแล้วรุ่นพี่ในวงการทั้งสองคนก็ถลาเข้ามาเกาะแกะแขนป้องกันคนละข้าง อ้นหึงแต่เขากลัวป้องโกรธมากกว่า ทว่าป้องก็ทำเพียงแค่แกะมือของทั้งคู่แล้วดึงแขนของตนออกมาอย่างสุภาพ
   “แฟนเก่าอ้นครับ แต่ตอนนี้เป็นแค่รูมเมท”
   อีป้อง! นี่แกยังโกรธฉันอยู่ใช่ม้าย!
   อ้นอ้าปากค้างเมื่อถูกป้องจงใจวางยา แต่อ้นทายถูกแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น ป้องหงุดหงิดเพราะ “เพื่อน” ปริศนาคนนั้นของอ้น ความรู้สึกเคว้งคว้างก่อตัวขึ้นผสมกับความโกรธเมื่อนึกถึงยามที่ตนถูกอ้นบอกเลิก
   “ว้ายคุณน้องโอ้น! มีผัวแล้วก็ไม่บอกนะค้า!”
   เสียงแปดหลอดของสองตุ๊ดแก่ทำให้อ้นเพลีย อ้นได้แต่ยิ้มแห้งให้ตัวเอง
   พรุ่งนี้คงลือกันทั่วบริษัท! อีป้องนะอีป้อง!

   แม้จะถูกป้องแกล้งแต่อ้นก็ไม่โกรธ ลำพังแค่ที่ป้องยอมมาช่วยจัดการธุระเรื่องรถให้อ้นก็ซึ้งใจแล้ว เขารู้สึกได้ว่าป้องหงุดหงิดแต่เขากลับเดาผิดนึกว่าป้องแค่อารมณ์เสียเพราะเหนื่อย อ้นจึงปล่อยให้ป้องนอนมาตลอดทางกลับห้อง
   เมื่อต่างฝ่ายต่างอาบน้ำสดชื่นดีแล้วป้องก็หยิบโน้ตบุ๊กของตนออกมาเหมือนจะทำงานต่อ
   “อ๊ะ! แกไม่นอนเหรอป้อง?”
   “ไม่อะ กูนอนมานิดหน่อยละเลยยังไม่ง่วง ว่าจะทำตรงนี้ให้เสร็จก่อนค่อยนอน”
   อันพยักหน้าเข้าใจ ป้องบ้างานมาแต่ไหนแต่ไรแล้วเขารู้ดีจึงไม่ขัด
   “งั้นคนสวยนอนก่อนน้า เพลี๊ยเพลียอะใช้แรงไปเยอะเรย แต่ก็คุ้มนะอิๆ ได้ทองมาตั้งสองสลึง”
   อ้นกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างมีความสุขจนป้องหมั่นไส้ ความหงุดหงิดที่สุมมาแต่เดิมเริ่มออกฤทธิ์
   “ดีใจเรื่องทองหรือดีใจเรื่องผู้ชาย? แรดนักนะมึง”
   อ้นตกใจคิดว่าป้องหมายถึงเรื่องโจม แต่อีกอึดใจก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าป้องไม่มีทางรู้เรื่องนี้ ทว่าปากของป้องยังไม่หยุด
   “จะสวยไปหาผัวใหม่เหรอ? ไงอะ? อ่อยได้มากี่คนแล้ว? เก่งนะมึง เปิดตัวได้ถูกจังหวะอ่อยผู้ชายได้ทั้งบริษัท”
   “อีป้อง! แรงไปแล้วนะ!”
   “กูแรงตรงไหน? มึงก็ทิ้งกูเพราะจะหาผัวใหม่ไม่ใช่เหรอ?”
   ป้องยวนไม่แคร์ความรู้สึกของอ้นเลย ในยามที่ป้องหงุดหงิดเขาเป็นเช่นนี้เสมอ ทำร้ายความรู้สึกของคนอื่นด้วยคำพูดภายใต้ท่าทีไม่สนใจทั้งที่รู้ดีว่าผลลัพธ์ของมันต้องออกมาเลวร้าย แต่โชคดีที่คราวนี้คนที่อยู่ตรงนี้คืออ้น “เพื่อนผู้อดทน” และอ้นก็ให้อภัยเขาเสมอเช่นกัน
   “ฉันเปล่ามีผัวใหม่ แกก็รู้ว่าฉันเลิกกับแกเพราะอะไร แกเป็นอะไรอะป้อง?”
   “กูพาลไง คนพึ่งอกหัก มีปัญหาปะ!”
   ป้องเริ่มตอบโต้แรงขึ้นทุกที อ้นพยายามจะสงบสติอารมณ์ของป้องแต่เขาทำไม่สำเร็จ
   “ฉันไม่รู้ว่าแกโกรธอะไรฉันแต”
   “งั้นไอ้นั่นอะใคร? ผู้ชายใส่แว่นคนที่ไปดูยางรถมึงอะ ถ้ามึงมีคนช่วยแล้วจะเรียกกูไปอีกทำไมวะ สัด!”
   อีแว่น? อีแว่นมาเกี่ยวอะไรด้วย?!
   “ฉันไม่รู้ว่าแกหมายถึงอะไรนะป้อง ฉันโดนแกล้งปล่อยลมยางรถแล้วฉันก็โทรหาแกทันทีก่อนจะออกไปโรงแรม ฝากกุญแจไว้กับยาม แล้วแกก็ไปรับฉันกลับมานี่ ฉันรู้แค่นี้ เกิดอะไรขึ้นเหรอ? แกโกรธอะไรฉัน?”
   เมื่อหันไปมองหน้าเพื่อนที่เริ่มเสียงสั่นแล้วป้องก็เย็นลง เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเผลอระบายอารมณ์ใส่เพื่อน แววตาของอ้นมีความกลัวปรากฏออกมา
   “เออช่างเหอะ มึงเหนื่อยก็นอนซะไม่ต้องรอกู เดี๋ยวงานเสร็จแล้วกูก็นอนเอง”
   คืนนั้นอ้นนอนไม่หลับ ในขณะที่กำลังหลับตานับแกะข่มตัวเองให้ง่วงอ้นก็รู้สึกว่าเตียงอีกด้านยุบ เสียงถอนหายใจดังขึ้นใกล้ๆ ก่อนจะมีเสียงของป้องพึมพำเบาๆ
   “กูขอโทษนะ อ้น”



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


:o12: ตอนนี้เครียดมาก "ตัน" มีปัญหากับพล็อตนิหน่อย กำลังตัดสินใจว่าจะผลักคาแรคเตอร์เรย์ไปทางไหนดี
ถ้ายังไงคุณผู้อ่านท่านไหนใจดี อ่านแล้วช่วยคอมเม้นหน่อยนะค้าบ อยากได้ฟีดแบ็กของเรย์สุดๆ ไปเลย  :hao5:


ทำไมตอนที่แล้วเงียบจัง ไม่ได้เป็ดบวกซักตัวเยย คนเม้นแค่คนเดียว เป็นฉากเปิดตัวที่ทำให้เรย์กับอ้นหลุดเข้ามาอยู่ในวงโคจรเดียวกันแท้ๆ อารมณ์คนแต่งนี่คือแบบ... "เฮ้ย หรือพระเอกแบบนี้จะไม่เวิร์กวะ? วางคาแรคเตอร์พลาดเหรอ?" หรือคนอ่านมีปัญหากับบทของอ้น? แบบบทมันยังดีไม่พอ ไม่ถูกใจ?
ค่อนข้างสับสนนิดๆ โดยเฉพาะตอนนี้กำลังตันด้วย แต่งไปถึงกลางๆ เรื่องแล้วนึกไม่ออกว่าจะผลักเรย์เดินไปทางไหนดีเพราะไม่คุ้นกับนิสัยของเรย์สุดๆ เรื่องเกรียนๆ ขี้โมโหนี่ถนัดนะ แต่นิสัยแบบเรย์นี่เราเข้าไม่ถึงจริงๆ เขียนยากมากก...
นี่ถ้าสปอยได้สปอยไปแล้ว แบบว่าตอนนี้นะ สมมุติว่าเรย์กับอ้นมีปัญหากันละกัน แบบที่มองหน้ากันไม่ติดเลย คิดไม่ออกว่าจะให้เรย์ทำตัวยังไง คิดแบบไหน อารมณ์ไหน จะสื่ออารมณ์ไปให้ถึงอ้นยังไง แล้วก็ไม่แน่ใจด้วยว่าคนอ่านอยากให้สาวอ้นมีโมเม้นแบบไหนบ้าง
*เค้าบอกว่านักเขียนไม่ควรแต่งนิยายตามใจคนอ่าน มันจะลำบาก แต่งานนี้เราเขียนสาวอ้นออกมาเพื่อเอาใจนักอ่านที่ขอตอนของนางมาอยู่แล้ว เลยกลัวว่าเขียนแล้วคนอ่านจะไม่ชอบรึเปล่า ขัดใจมั้ย? อยากให้อ้นเป็นแบบไหน ได้โมเม้นไหน?*

นั่นคือปัญหาของคนแต่งที่เกิดช่วงนี้นะ ก็รับประกันไม่ได้ว่าจะคิดตกมั้ย มันยังไม่มีความคิดแวบเข้ามาเลย ถ้าเขียนต่อไม่ได้อาจจะลงช้านิดนึง (ปกติจะอาทิตย์ละตอน อาทิตย์ไหนตอนสั้นก็ลงเพิ่มเป็น2ตอน)

ทีนี้มาถึง "พี่ป้อง" พระเอกจากภาค 1 คิดว่าหลายๆ คนคงลำดับไทม์ไลน์ได้แล้วว่าภาค #ไม่กินเส้น นี้เป็นช่วงเวลาที่หายไประหว่าง #ไม่ฟิต กับ #ไม่รัก ช่วงที่พี่ป้องหายไปจากเติ้ลนั่นแหละ
อยากบอกว่าพี่ป้องไม่ได้หมดออร่าพระเอกหรอก พี่แกก็เอี้ยแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว เป็นพระเอกแบบงี่เง่า มาในภาคนี้ที่ทำกับอ้นนี่คืออัพเลเวลความงี่เง่ามาจนตันเลยล่ะ ชอบตรงที่พี่ป้องมีโมเม้นหึงหวงเพื่อนนิดนึง ถึงไม่ได้รัก แต่ก็เคยคบกัน พอโดนทิ้งแล้วมีคู่แข่งพี่ป้องก็หึง หึงละพาลด้วย ฮ่าๆ
อ้นก็รับมือได้สตรองมาก! ฉากตอนท้ายเหมือนสาวน้อยบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเลย แต่ตอนระริกระรี้เล่นกับพี่ในบริษัทนี่เยอะไปนะ นางยังคงเล่นใหญ่มีความลำไยอย่างต่อเนื่อง
ถามว่าทำไมต้องทำแบบนั้น? คือภาค 1 เค้ามีคาแรคเตอร์แบบนี้ ภาคสองคงไม่สามารถเปลี่ยนเป็นนางฟ้าได้ภายในพริบตา เราพยายามเขียนให้มีมิติมากขึ้น แต่เราไม่สามารถซัดน้ำยาเปลี่ยนนิสัยใส่ปากอ้นแล้วเสกให้กลายเป็นตุ๊ดโลกสวยไทป์นางเอกได้ทันที (แบบที่นิยายภาคต่อที่มีตัวละครจากภาคแรกหลายๆ เรื่องชอบทำ ปรับบทซะเปลี่ยนเป็นคนละคน จากตัวร้ายกลายเป็นพระเอกนางเอกซะงั้น!)
ภาคนี้เราก็จะพยายามนำเสนออ้นในมิติที่หลากหลายขึ้น เราจะได้เห็นนางในหลายๆ มุม แน่นอนว่ามีการเปลี่ยนแปลง มีพัฒนาการ เพชรบุรี คลองตัน เอ้ยมะใช่ละ! ความแซ่บมีแน่นอน เพราะอ้นนางก็แรงมิใช่น้อย และบาดแผลของอ้น สิ่งที่อ้นไขว่คว้าอิจฉามาตลอด ความรู้สึกที่รู้ว่าตัวเองด้อยกว่า หวังว่าจะถ่ายทอดมันออกมาได้ดีนะคะ

ส่วนเรย์....  :mew6: ซิกๆ ตันมากกกกกกกก  :sad4:
จากบท เราวางให้เรย์หยิ่งยะโส เอาแต่ใจแบบเอาตัวเองเป็นใหญ่ เป็นคุแบบน่าแหวะนิดๆ (มีดีที่"ภายนอก"แต่นิสัยสุดทน)
*ถ้าไม่เข้าใจว่าคุเอาความคิดตัวเองเป็นที่ตั้งเป็นเช่นไรอันเชิญวาปไปพันดริฟ มีตัวอย่างพอสมควร
เรย์จะไม่เนิร์ดมากนะ แต่ออกจะ Geek ซะมากกว่า มีปมปัญหาแน่ๆ แต่เดี๋ยวค่อยๆ ลุ้นไปละกันว่าเรย์จะมีปมอะไรในใจ
จริงๆ วางคาแรคเตอร์ไว้หมดแล้ว แต่มันติดขัดนิดหน่อย ไม่ค่อยเข้าใจตัวละคร อยากรู้ความความหวังจากคนอ่านด้วย เพราะมันมีแรงที่จะผลักให้เรย์ทำอะไรหลายๆ อย่างได้ เป็นตัวละครแบบคาดเดายาก สามารถทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น อารมณ์แบบ "อย่าถามหาเหตุผลจากหมอนี่" จะเขียนหวานก็เขียนได้ เขียนเก็บอารมณ์ก็ใช่คาแรคเตอร์ เขียนให้ระเบิดก็มีโอกาสเป็นไปได้ แบบว่า.... ตอนนี้แอบมึนตึ้บนิดหน่อยค้าบ T^T

ถามว่าได้แรงบันดาลใจคาแรคเตอร์เรย์มาจากไหน?
ถ้าสังเกตจะเห็นความ"การ์ตูน"ในตัวเรย์ ไทป์แบบหนุ่มแว่นจิตๆ มันดูการ์ตูนมากพอๆ กับ "สีแดง=ใจร้อน" "สีฟ้า=ใช้สมอง" ที่เราวางพล็อตใน STRINT ซึ่งพี่ตาจะเป็นสายแบ๊วแอบดาร์ก
เรื่อง "ใครว่าเราไม่กินเส้น?" นี่เราเอาส่วนผสมความดราม่าเรียลๆ แบบ #ไม่ฟิต มาผสมกับ อารมณ์เงิบๆ คาแรคเตอร์ไทป์แนวการ์ตูนๆ เนื้อเรื่องเวอร์ๆ แบบ #STRINT มายำกัน ... ก็หวังว่ามันจะออกมาดีนะ เหอๆ แอบเครียด
ดังนั้น ความอินดี้ไม่แคร์ใคร แว่นจิตๆ หรือแม้แต่เสียงหัวเราะแปลกๆ (ซึ่ง"คุ"ส่วนใหญ่จะชอบมีเอกลักษณ์บางอย่างที่ทำแล้วคิดว่าตัวเองเท่ แต่คนรอบข้างแบบ.."อะไรของเมิง!") ถ้าลองนึกถึงตัวการ์ตูนสักตัว เรายกให้เป็นคนนี้ละกัน "クルル" (KURURU จาก ขบวนการกบ Keroro Gunsou) คงคล้ายๆ แบบนั้นแหละ (เทพคงเป็นกิโรโระ จอมเดือดที่ถูกแกล้ง แพ้ชาวบ้านตลอด ส่วนพี่ตาก็แนวทามามะ แอ๊บแอบดาร์ก ฮ่าๆ)
หยิบไทป์มาใช้บางส่วน มีการปรุงแต่งอีกนิดให้กลมกล่อม ออกมาเป็นหนุ่มแมว จริงๆ เรามีภาพของเรย์เป็นแมวดำตัวใหญ่เอาใจยาก ส่วนอ้นก็แนวชิวาว่าตัวน้อยเห่าแบ๊กๆ นางวิ่งตามป้องมาตั้งแต่ภาคแรกละ พี่ป้องเป็นมีความเป็นหมามากสุดๆ เลย คือยังไงก็ไม่ลืมเจ้าของ อินางน้อยเติ้ลนั่นเอง ฮ่าๆ ...
จริงๆ เค้าผูกเรื่องไว้หมดแล้วแหละ คิดคาแรคเตอร์ประมาณนี้ ที่ชวนคุยนี่คือตันจริงๆ เลยสปอยความคิดตัวเองหมด เอิ้กๆ ไม่ใช่แค่คนอ่านลุ้นเนื้อหานะ คนแต่งยังลุ้นเลย ลุ้นว่าตัวเองจะเขียนออกมายังไงให้ไปตามที่คิดไว้ T^T
 :katai4:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2016 03:54:53 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ jungjiyoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
เราว่าน่าจะแยกเป็นอีกเรื่องอะค่ะ พอมองผ่านๆ หลายคนอาตจะไม่เห็น นึกว่าเรื่องตูดผมฯจบแล้วเลยไม่ได้เข้ามาดูต่อ เราว่าเรย์แบบคุณหนูเอาแต่ใจเพื่อนสปอยอะ น่ารักดี แบบคุณชายซึนๆ แมวๆ ให้มันคนละขั้วกับป้องไปเลย เวลาเจอกันกับป้องก็ขู่กะนแฟ่ๆ น่ารักดี อารมณ์อ้นก็ขี้ห่วงนิดๆ แม่ๆ อยู่แล้ว ให้นางโชว์แมนปกป้องคุณชายแทวน่าจะน่ารักดี แบบกัดๆกันไปก็มีเรื่องให้ช่วยเหลือ พิสูจน์ความงามภายในของนางไรงิ หรืออาจมีเกตุการณ์วัดใจงิ   แต่เอาจริงๆคุณคนแต่งแต่งไรมา แต่งมาแบบไหน เค้าก็รออ้านนะ เค้าชอบอะ

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ขอพี่โจมให้อ้นแทนได้มั้ยคะ55555
แต่เรย์ก็น่ารักดีค่ะ
อิพี่ป้องนี่ก็รว้ายกาจมั่กกกก
คนเขียนสู้ๆนะคะ 
ป.ล.แอบเห็นด้วยที่ควรแยกเรื่องออกมาค่าา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด