『#ไม่ The Series』 - END จบแล้วจ้า #มีขายทั้งรูปเล่มและEbook [up22/7/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 『#ไม่ The Series』 - END จบแล้วจ้า #มีขายทั้งรูปเล่มและEbook [up22/7/60]  (อ่าน 419880 ครั้ง)

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
แหมๆเรย์นางก็แอบมุ้งมิ้งอยู่นะ(คนเดียว)
ปล่อยให้นางมีความสุขบ้างไรบ้างในมุม
ของตัวเองอยู่คนเดียว
แต่ตอนนี้เหมือนจะเริ่มตั้งหม้อมาม่ารึเปล่า
อิพี่โจมรุกเร็วตรงจุดเผ็งแล้วเรย์นางจะทำ
ยังไงละทีนี้ยิ่งเอาแต่ใจอยู่แล้วเหมือนนาง
จะคิดว่าอ้นเป็นสมบัติของตัวเองอยู่นะ
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
ตามทันล้าว..... :sad4: ตั้งแต่ได้งาน
เค้าก็ไม่ได้เข้ามาอ่านเลย กลับถึงบ้านกินข้าว
อาบน้ำเสร็จก็แปะตัวกับที่นอนหลับเลย

ชอบอ้นมาตั้งแต่เปิดเรื่อง นางฮา นางมั่น นางดี
โลกของนางมีทุ่งลาเวนเดอร์ ได้อ่านชีวิตนางทีไร
เรายิ้มกว้างทุกที

แต่ตอนนี้เราอยากกลิ้งเป็นแยมโรล แล้วกระโดดซัมเมอร์ซอลท์ ซิกแซก บิดเกลียวสองรอบครึ่ง
พี่โจมทำคะแนนเร็วสมกับที่เราเชียร์จริงๆ :hao7::hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ยังค่ะ  ยังไม่อะไรกับโจมมากมาย   ถ้าเป็นคนดีจริงมาจีบอ้นก็โอเคนะ   แต่กลัวความนอกความในของโจมกับคนอื่นนี่แหละ   กลัวว่าอ้นจะเสียใจอีก   ต่อให้ทำใจไว้แค่ไหนว่าเพศที่สามอย่างตัวเองจะต้องเจอความไม่สมหวังหรือไม่จริงจัง  ชีวิตจะลำบากแต่ความที่เลือกไม่ได้ก็ต้องรับแพ็คเก็จพวกนี้ไปกับธรรมชาติของตัวเอง  ก็ไม่ได้หมายความว่าเพศที่สามอย่างอ้นจะไม่เจ็บทุกครั้งที่ความสัมพันธ์ไม่เวิร์คขึ้นมา  โดยเฉพาะถ้าหากว่าอีกฝ่ายไม่เต็มร้อย  ไม่จริงใจ  ไม่ทุ่มเหมือนตัวเอง  มีชนักตามติดมาเป็นพรวน

ออฟไลน์ cherry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เราตอบแทนกระเทยให้ เราเป็นเกย์นะ คือจริงๆ กะเทย หรือเกย์เองก็เหอะ มีความเชื่ออย่างนึงว่า พวกเราไม่สามารถมีลูกกับผู้ชายได้ มันเลยเกิดความอิจฉาในตัวผู้หยิงไงครับ มดลูก รังไข่ คือสิ่งที่เราไม่มี  และการมีลูกได้ มันคือสิ่งที่รั้งผู้ชายไว้ได้ ในวันที่ผู้ชายหมดรัก

มีกะเทยหลายคนที่ต้องเสียแฟนให้กับผู้ชายไป เพราะ มีลูกไม่ได้ สังคมไม่ยอมรับ และอาจจะมีเกย์หลายคนเสียแฟนตัวเองให้กับผู้หญิง เพราะเรา มีลูกด้วยกันไม่ได้ สังคมไม่ยิมรับ เลยทำให้ ลึกๆในเพศเรา ยังมีความกลัว ความอิจฉาผู้หยิงอยู่ลึกๆ แล้วเปลี่ยนเป็นความรังเกียจขึ้นมา

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   นับตั้งแต่ที่โจมออกตัวว่าชอบอ้นก็เหมือนจะเขินโจมมากขึ้น พอรู้ว่าถูกจีบเขากลับไม่กล้าวี้ดว้ายเหมือนแต่ก่อน สำหรับอ้นแล้วเขาถูกกำหนดให้ “แรง” ด้วยนิยามคำว่า “ตุ๊ด” มาตั้งแต่วันที่ความแตกแล้วบาดหมางกับป้อง
   ก่อนหน้านั้นอ้นเป็นเพียงแค่เด็กสาวช่างฝันที่ติดอยู่ในร่างของผู้ชาย เขาต้องพยายามเก็บความรู้สึกทุกอย่างซ่อนไว้ให้มิดชิดแม้กระทั่งปิดบังตัวตนจากครอบครัวของตัวเอง อ้นจึงเป็นเพียงแค่ผู้ชายเรียบร้อยที่ได้แต่แอบกรี๊ดกร๊าดคนหล่ออยู่ในใจ
   ต่อมาเมื่อความลับของเขาถูกเปิดเผย การหน้าบางมีแต่จะช่วยตอกย้ำความผิดที่ก่อจนไม่อาจสู้หน้าใครได้อีก อ้นต้องเอาตัวรอดด้วยการทำตัวดัดจริตไม่แคร์สื่อ เป็น “ตุ๊ด” ในแบบที่ทุกคนเคยชิน
   บางทีอ้นก็คิดเสมอว่ามันไม่ยุติธรรม บางครั้งเขาแค่อยากวีนนิดๆ หน่อยๆ ตามประสาคนอารมณ์หญิงแต่สังคมกลับยัดเยียดความแรงให้พวกเขา เป็นเพศที่สามต้องแรง ถ้าไม่ทำตัวเรียบร้อยเป็นกะเทยสวยก็ต้องเป็นอีตุ๊ดเฮฮาปากร้ายชอบจิกกัด การเป็นตุ๊ดอ่อนแอมีแต่จะโดนรังแกทั้งจากผู้ชายและเพศที่สามด้วยกันเพราะความไม่เข้าพวก อ้นสูญเสียที่ว่างข้างกายป้องไปแล้วจึงไม่อยากไร้จุดยืนในสังคมอีก เขาปล่อยให้ตัวเองไหลไปกับกระแสน้ำจนสุดท้ายก็จมลงในวังวนแก๊งตุ๊ด
   และการหาจุดกึ่งกลางความพอดีให้ตัวเองมันทำได้ยากเหลือเกิน อ้นเกลียดที่จะต้องทำตามค่านิยมของสังคมโดยเก็บซ่อนความเป็นตัวของตัวเอง บางครั้งเขาก็เหนื่อยแต่ก็จำต้องวิ่งตามเพราะไม่อยากถูกทิ้ง และหลายๆ ครั้งที่เขารู้สึกผิดเพราะคิดต่างมองสวนทางกับทุกคนจนถูกด่า ในกลุ่มเพื่อนสาวที่ทุกคนต่างพากันแรงออกหน้าออกตาถ้าแรงมาไม่แรงกลับก็มีแต่จะถูกเหยียบซ้ำ ความเป็นเพื่อนที่เคลือบด้วยความอิจฉาริษยาอาบมาอีกชั้นทำให้อ้นเซ็ง แต่ถ้าไม่ใช่เพื่อนพวกนี้อ้นก็ไม่มีใครแล้ว เพื่อนก่อนหน้านั้นพากันส่ายหน้าเสียความรู้สึกเมื่อเขากลายเป็น “ตุ๊ด” จากเดิมที่เป็นเพียงผู้ชายเรียบร้อยเพื่อนน้อยชอบอยู่ช่วยงานพ่อในสวนกุหลาบก็กลับกลายเป็นตุ๊ดตุ้งติ้งจอมแจ๋นประจำกลุ่ม บางครั้งอ้นก็เหนื่อย เขาอยากมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง และป้องคือคนที่เติมเต็มในส่วนนั้น
   ป้องรูปหล่อ นิสัยดี แม้จะใจร้อนและปากเสียแต่ป้องคอยห่วงใยคนใกล้ชิดเสมอ เต็มไปด้วยน้ำใจโอบอ้อมอารี อ้นไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะได้เป็นรูมเมตกับคนที่เปรียบเสมือนเจ้าชายในฝัน แม้ป้องจะขี้เกียจและซกมกแต่อ้นไม่มีปัญหาเขายินดีและเต็มใจรับผิดชอบงานทำความสะอาดห้องโดยมีป้องติวเนื้อหาวิชาต่างๆ ให้ตอบแทน หลายๆ ครั้งที่เขาไม่เข้าใจเนื้อหาที่เรียนป้องก็จะคอยเคี่ยวเข็นเขาจนตามทัน แม้ว่าเกือบทุกครั้งจะมาพร้อมๆ กับคำด่าแต่ป้องไม่เคยปล่อยมือเพื่อนดังคำว่า “รำคาญ” ที่ออกมาจากปาก
   และสิ่งที่ทำให้อ้นประทับใจไม่รู้ลืมก็คือวันที่เขาไม่สบาย ในช่วงกิจกรรมรับน้องสุดสนุกสนาน เวลาที่ทุกคนกำลังเพลิดเพลินเขาดันเป็นไข้หนัก ป้องเลือกที่จะอยู่เฝ้าไข้เขาแทนการออกไปเฮฮากับเพื่อนใหม่คนอื่นๆ ป้องคอยเช็ดตัวให้เขาทั้งคืน เวลานั้นเป็นช่วงที่ความรู้สึกอยากเป็นผู้หญิงของอ้นแรงกล้าที่สุดในชีวิต เขาเห็นภาพตัวเองเป็นสาวน้อยบอบบางที่มีพระเอกผู้ใจดีมาคอยดูแลเอาใจใส่เหมือนในการ์ตูนที่อ่าน ไม่แปลกที่อ้นจะเผลอยกหัวใจให้ป้องจนหมด แม้จะเกิดเรื่องงี่เง่าขึ้นระหว่างเขากับป้องแต่อ้นก็ยังคงมองตามป้องเสมอ อ้นหวังแค่ขอให้สายสัมพันธ์ดีๆ ระหว่างเขากับป้องกลับคืนมาโดยไม่กล้าฝันว่าตนจะได้เขยิบฐานะเข้าไปนั่งในใจป้อง
   ทว่าในที่สุดเขาก็สมหวังได้เป็นแฟนกับป้อง ป้องเทกแคร์เขาดียิ่งกว่าที่เคย การอยู่กับป้องทำให้เขาได้กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง อ้นดีใจที่ป้องยอมรับตัวตนของเขา ทั้งอ้นในแบบที่เป็น “ตุ๊ด” และอ้นที่เป็นเพียงแค่ “อ้น”
   แต่ตอนนี้กลับมีผู้ชายอีกคนมาบอกรักเขา โจมทำให้อ้นหวั่นไหวปลาบปลื้มดีใจไปกับการมีคนเห็นคุณค่า อ้นจึงอดไม่ได้ที่จะเขินทุกครั้งยามเผลอสบตากับโจม

   “กลางวันนี้ไปกินข้าวกับพี่นะ”
   “ไม่ได้ค่ะ นัดเพื่อนไว้แล้ว เดี๋ยวมันโกรธ”

   อ้นพิมพ์ข้อความตอบพลางอมยิ้มอย่างมีความสุข เขาเอาเรย์มาเป็นข้ออ้างทั้งที่ความจริงแล้วทั้งคู่ไม่เคยนัดกัน แต่อ้นรู้ว่าเขาจะเจอเรย์ที่แคนทีนทุกมื้อเที่ยง และหนุ่มแว่นจะต้องมานั่งกับตนทุกครั้ง นอกจากนี้อ้นยังมีความรู้สึกว่าถ้าเขาไม่ทำแบบนี้เรย์จะงอน ทุกอย่างเป็นเพียงความรู้สึกและการคาดเดาของเขาล้วนๆ แต่อ้นก็ไม่อยากทำให้เรย์โกรธ
   “ทำงานไปแชทไปเดี๋ยวฉันฟ้องพี่จ๋าแน่ๆ เวลางานมัวแต่คุยกับผู้ชายนะยะ”
   “อีหงส์!”
   อ้นเอ็ดก่อนจะแอบชะโงกไปมองหัวหน้าแผนก หลังจากเห็นว่าปลอดภัยแล้วเขาก็คุยกับเพื่อนร่วมงานต่อ
   “ฉันตอบไลน์ประโยคเดียวเองย่ะ”
   อ้นปิดหน้าจอสมาร์ตโฟนแล้วตั้งท่าจะทำงานต่อ แต่หงส์ยังชวนคุยไม่หยุด
   “ตกลงแกกับพี่โจมถึงไหนแล้วยะ? อัพเดทข่าวเดี๋ยวนี้!”
   “ก็... ไม่มีอะไร แค่คุยกันเฉยๆ”
   “ฉันได้ข่าวว่าพี่โจมประกาศแล้วว่าเขาจะเดินหน้าจีบแก! ดังนั้นไม่ต้องมาแอ๊บ! บอกมาเลยนะแก! แอบไปกินกันตอนไหน? ทำไมฉันไม่รู้?”
   กินเกินอะไรฉันยังไม่เคยได้กินใครเลยนะอีนี่ อ๊ายเขิน!
   “อีบ้า แกเป็นพยาธิรึยังไงต้องมาสอดรู้เรื่องฉัน”
   อ้นตอบปัดแบบเขินๆ ท่าทางของเขาดูไว้ตัวแอบเรียบร้อยจนหงส์หมั่นไส้ แต่ความเผือกมีมากกว่าเธอจึงถามจี้อีกครั้ง
   “แน่นอน เล่ามาเรยนะแกร พี่โจมเขารุกแกหนักมั้ยอะ?”
   รุกเหรอ... อ๊าย! เกิดมาฉันยังไม่เคยรับสักครั้งเรยอ๊ะ
   “บร้าแกก็... รุกหนักอะไร แค่คุยไลน์กันเฉยๆ”
   นิ้วของอ้นที่รัวไปยังปุ่มบนคีย์บอร์ดแทบจะพันกันอยู่แล้ว!
   “ทุกวันปะ? นานแล้วยัง?”
   “อื้อ”
   อ้นกระมิดกระเมี้ยนพยักหน้าตอบหงส์จึงถึงบางอ้อ
   “สรุปว่าแกแอบคุยกับพี่โจมนานแล้วว่างั้น? โธ่เอ้ย! ก็ว่าอยู่ ฉันนั่งทำงานอยู่ข้างแกทุกวันไม่เห็นว่าแกจะได้สานสัมพันธ์กับพี่เค้าตอนไหน อุตส่าห์เชียร์พ่อหนุ่มแว่นชั้นยี่สิบหกคนนั้น ที่ไหนได้...ได้กับคนกันเอง ร้ายนะยะแก มีสับขาหลอก”
   “สับขาหลอกอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละแก ก็แค่คุยไลน์กับพี่เค้าเฉยๆ อีกคนนั่นก็เพื่อน”
   “แหมๆ ฟังแล้วหมั่นไส้นะแก ผู้ชายอุดมสมบรูณ์ อิจฉาอะ! อยากได้บ้างซักคน แกเอานายแว่นอะไรนั่นของแกไปเถอะ ฉันขอพี่โจมเก็บไว้เอง”
   “บร้า! อีแว่นนั่นไม่ใช่ของฉันย่ะ!”
   ไม่รู้ทำไมเลือดลมของเขาตีกลับยิ่งกว่าเดิมเมื่อหงส์พูดเช่นนี้ อ้นรู้สึกหน้าร้อนผ่าวยิ่งกว่าตอนที่เขินเรื่องโจมเสียอีก
   “ฮั่นแน่รีบปฏิเสธเชียวนะ ฮ่าๆ งี้แปลว่าพี่โจมเข้าวิน?”
   “ไม่มีใครเข้าวินทั้งนั้นแหละย่ะ ไม่นิยมอินเลิฟในที่ทำงาน มันไม่โปรเฟสชันนอล!”
   อ้นยักไหล่ตอบพลางเชิดคางขึ้นราวกับมืออาชีพ หงส์เบ้ปากใส่แล้วส่งเสียงเชอะให้ขำๆ
   “เชอะ!”
   หงส์ค้อนให้อ้นแล้วต่างฝ่ายต่างแยกย้ายตั้งใจทำงานของตนให้เรียบร้อยก่อนออกไปพักกลางวัน

   ตอนเที่ยงวันนี้อ้นเดินคุยมากับหงส์และจ๋า หงส์ยังคงแซวเรื่องของอ้นอย่างติดพัน เมื่อมีจ๋ามาร่วมเผือกด้วยอ้นก็จำเป็นต้องตอบปฏิเสธอย่างแข็งขันว่าไม่คิดอะไร เขาไม่เคยมีความคิดจะอินเลิฟกับคนในออฟฟิศเดียวกันและเห็นโจมเป็นเพียงแค่พี่ชายคนหนึ่ง ทว่าอดไม่ได้ที่จะดีใจตามประสาตุ๊ด
   จ๋าเตือนให้อ้นรีบปฏิเสธโจมตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะกลัวทั้งคู่จะมองหน้ากันไม่ติดและจะกระทบถึงความสัมพันธ์เรื่องงานก่อนจะทิ้งท้ายว่าให้วางตัวให้ดีเพราะคนเขาเริ่มหมั่นไส้กันทั้งออฟฟิศ บรรยากาศจึงแอบกร่อยนิดๆ โชคดีที่ลิฟต์มาพอดีทุกคนจึงเข้าไปในนั้นแล้วเงียบ
   ปกติแล้วอ้นจะออกลิฟต์ที่ชั้นสามซึ่งเป็นศูนย์อาหารในตึก แต่บังเอิญเขาพบกับเรย์เข้า หงส์ที่แอบมองอยู่ก็เลยจงใจแกล้ง
   “อ้น วันนี้ไม่ไปกินข้าวกับพวกฉันเหรอ? ฉันกับพี่จ๋าว่าจะไปกินตำถาดกันแหละ ไปหลายๆ คน สนุกดีนะแก”
   “เอ่อ... ฉัน...”
   อ้นแอบเหล่มองเรย์ แต่หงส์กลับปากไว
   “ชวนแฟนแกไปด้วยกันสิ”
   “อีบ้า! เขาไม่ใช่แฟนฉัน!”
   อ้นแอบหยิกแขนหงส์อย่างแรงแต่ชะนีนางนี้ก็ไม่หวั่น หงส์พยายามส่งยิ้มให้เรย์อย่างต่อเนื่องราวกับพยายามส่งสัญญาณบางอย่าง จ๋าได้แต่ทำตาโตเพราะอึ้งกับแผนของลูกน้องสาว เรย์ขยับแว่นประเมินหงส์อยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ
   “เราไม่กินอาหารทะเล ถ้าสั่งไม่ใส่ปูและไม่เผ็ดเราโอเค”
   นาทีนั้นคนทั้งลิฟต์แทบจะคิดตรงกันว่า “อีเรื่องมาก!”

   บางครั้งอ้นก็สับสนกับชีวิตตัวเอง แต่ตอนนี้เขางงที่สุดในชีวิต!
   นี่มันวันอะไร! ทำไมหนูต้องมานั่งกินข้าวกับอีเรย์และชะนีเผือกสองตัวในออฟฟิศคระ!
   อ้นมองซ้ายทีขวาทีแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านเมนูทำเป็นไม่รับรู้เรื่องตรงหน้า เรย์กำลังหงุดหงิดกับสภาพของร้านที่โต๊ะอาหารนั้นเป็นเพียงโต๊ะไม้ตัวเล็กและเก้าอี้เตี้ยๆ สุดแสนจะนั่งไม่สบายสำหรับคนขายาวอย่างเขา
   “แคบ”
   คุณหนูนักบุญจัดดอกที่หนึ่งต่อหน้าสตรีทั้งสามวัย เรย์ทำหน้าหงุดหงิดไม่สบอารมณ์แถมยังทำเสียง “ฮึ” ขึ้นจมูกบ่งบอกอาการไม่พอใจ หงส์หน้าเจื่อนทันที ส่วนจ๋าถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเจอฤทธิ์เดชระยะประชิดชนิดไม่เกรงใจผู้อาวุโส
   แกเป็นคนชวนมันมาเองก็รับกรรมไปนะอีหงส์!
   อ้นแอบเอาเมนูบังหน้าแล้วหันไปส่งสายตาสมน้ำหน้าให้หงส์จนกระทั่งชะนีสาวแอบแค้น!
   “ร้านมันเล็กน่ะ คนเยอะก็เลยต้องตั้งโต๊ะชิดๆ กันเลยแคบแบบนี้แหละ แต่อาหารอร่อยนะ”
   “ร้อนด้วย”
   “ทนนิดนึง ถ้าอาหารมาแล้วรับรองว่าแซ่บ อร่อยลืมร้อนเลย”
   อ้นไม่ปฏิเสธว่าส้มตำร้านนี้อร่อย เพียงแต่มันร้อนและแพง ทานแล้วต้องหารค่าอาหารกันหลายคนถึงจะคุ้มเขาเลยไม่ได้มาทานบ่อย จึงเห็นด้วยกับคำพูดของหงส์และนั่งเลือกเมนูเงียบๆ
   “เอาเถอะ จะลองดูก็ได้”
   เรย์ว่าพลางขยับแว่นแล้วนั่งกอดอกเป็นคุณชายจนหงส์แอบหมั่นไส้เบาๆ
   ทว่าพออาหารมาเสิร์ฟหนุ่มแว่นกลับเรื่องมากอีกจนได้ เขาติรสชาติของอาหารโดยไม่พิจารณาถึงสาเหตุ
   “งั้นๆ อะ ในแคนทีนก็มีร้านส้มตำ ทำไมต้องมาถึงนี่ด้วย?”
   ท่าทางตอนใช้ส้อมเขี่ยๆ ส้มตำในถาดของเรย์กระตุกต่อมปรี๊ดของจ๋าเข้าจนได้!
   “ก็คุณน้องสั่งแบบไม่เผ็ด ห้ามใส่ปู ไม่กินปลาร้า แล้วมันจะอร่อยเหรอคะ! กินๆ เข้าไปเถอะค่ะ”
   ขาประจำส้มตำปูปลาร้าอย่างจ๋าถึงกับเซ็งเมื่อเห็นลูกน้องสาวหน้าเจื่อนเพราะความอินดี้ของเรย์ เธอรึอุตส่าห์ยอมสั่งส้มตำตามใจพ่อหนุ่มแว่นคนนี้แล้วเจ้าตัวกลับไม่รู้จักสำนึกบุญคุณแถมยังกล้ามาวิจารณ์ร้านโปรดเสียๆ หายๆ
   “งั้นสั่งตับหวานกับไก่ย่างเพิ่มมั้ยเรย์?”
   แกอย่าได้ปฏิเสธทางออกจากนางงามมิตรภาพคนนี้เชียวนะอีแว่น!
   “อาฮะ”
   เพราะสายตาของอ้นหรืออย่างไรมิทราบเรย์ถึงได้ยอมรับคำเลิกเรื่องมาก อ้นรีบยิ้มแล้วหันไปเอาใจเจ้านายสาวแก่และหาทางออกให้ส้มตำในถาดได้อย่างลงตัว
   “พี่จ๋าคะ หนูว่าเราขอน้ำปลาร้ากับมะนาวเค้ามาหน่อยดีกว่า อาจจะแซ่บขึ้น”
   สุดท้ายอ้นก็ต้องหาทางออกเพื่อรสชาติอาหารของทุกคน เมื่อตับหวานและไก่ย่างมาเสิร์ฟเรย์ก็ทานมื้อเที่ยงอย่างสงบ อ้นถือโอกาสแอบหันไปจิกสายตาใส่หงส์พลางกระซิบ
   “ฉันบอกแกแล้วว่าอย่า”
   “แหะๆ ฉันขอโทษ”
   แม้จะเป็นการนินทากันต่อหน้าแต่เรย์กลับทำเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อนนั่งทานอาหารตามปกติโดยไม่สนใจบรรยากาศที่กร่อยเพราะฝีมือตัวเอง หงส์เองก็พยายามแก้ตัวด้วยการหาเรื่องเม้าโดยไม่วกกลับไปชวนเรย์ร่วมพูดคุยอีก เลยกลายเป็นเรย์นั่งทานอาหารเงียบๆ ท่ามกลางการเม้าของสามสาวราวกับเป็นของประดับโต๊ะ
   หลังทานเสร็จและสังเกตว่าทุกคนน่าจะอิ่มกันแล้วเรย์ก็รีบลุกไปจ่ายเงินทันทีทิ้งให้อีกสามคนที่ยังละล้าละลังอยู่กับการดื่มน้ำนั่งแช่อยู่ที่โต๊ะ หงส์อดไม่ได้ที่จะต้องระบายออกมา
   “ฉันรู้แล้วว่าทำไมแกไม่เอา!”
   “ย่ะ ทีนี้รู้แล้วใช่มั้ย?”
   “พี่ก็เคยได้ยินเขาเม้ากันแต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้นะ”
   “มิน่าละพี่จ๋า หนูไม่แปลกใจหรอกทำไมต้องนั่งทานข้าวคนเดียวทุกวัน”
   พอได้ยินคนอื่นเม้าเรย์ซึ่งๆ หน้าแบบนี้อ้นก็แอบรู้สึกสงสารเรย์นิดๆ
   “ที่จริง พอชินแล้วมันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่หรอกค่ะ แค่เรื่องมากไปนิด เอาแต่ใจไปหน่อย”
   “ทิ้งกันไม่ลงสินะ แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพื่อนสมัยเรียนใช่มั้ยอ้น? เราคบเค้าก็เหมือนทำบุญ ดูแล้วคงไม่มีใครแล้วล่ะ เป็นแบบนั้นน่ะ”
   จ๋าพยักพเยิดไปทางเรย์ที่กำลังจ่ายเงินอยู่ตรงแคชเชียร์ แต่อ้นฟังแล้วได้แต่ท้อแทนเรย์ เรย์ไม่ใช่คนแสดงออกไม่เก่ง แต่เรียกว่าเรย์แสดงออกโดยไม่สนใจใครน่าจะถูกกว่า เรย์ไม่แคร์ใครเลยรวมถึงไม่สนใจจะใส่หน้ากาก และบางครั้งการเป็นตัวของตัวเองแบบนี้ก็ทำให้เรย์อยู่ยาก แต่เรย์กลับแข็งแกร่งเกินพอด้วยการไม่สนใจสายตาสังคม กลับกันเรย์กลับแคร์คนใกล้ตัวมากเหลือเกิน แคร์จนยุ่งยุ่มย่ามเกินไปอีกต่างหาก เหมือนขาดๆ เกินๆ คิดแล้วอ้นก็เพลียแทนเรย์
   “เป็นพวกบ้าการ์ตูนด้วยนะพี่จ๋า แต่เหมือนเด็กไม่ยอมโตอะ ผู้ชายแบบนี้หนูว่าไม่มีทางขายออกหรอก เสียดายหน้าตา”
   หงส์ร่วมเม้ามอยด้วยอย่างเมามัน ซึ่งครั้งนี้อ้นเห็นด้วยเต็มๆ
   “ใช่ๆ เสียดายรูปหล่อและรวย แต่อย่าให้ฉันพูดเลยแก แค่เป็นเพื่อนด้วยก็เหนื่อยแระ”
   “ไม่กลับเหรอ?”
   ชาวแมงเม้าถึงกับสะดุ้งเมื่อเรย์เดินกลับมาที่โต๊ะ
   “จ่ายเงินเสร็จแล้ว”
   “โอ๊ะ เท่าไหร่นะคุณน้อง? เอ๊ ต้องหารกันคนละเท่าไหร่นะ?”
   แต่ละคนทำท่าเปิดกระเป๋าสตางค์ควักเงินกันให้วุ่น
   “เลี้ยง”
   เรย์ตอบคำเดียวสั้นๆ อย่างเรียบง่ายแล้วเดินนำออกจากร้าน พี่จ๋ากับหงส์จึงพากันหันไปมองหน้าอ้น
   “มันก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ”
   “มีข้อดีเหมือนกันแฮะ”
   หงส์มองตามหลังเรย์พลางเปรยเบาๆ
   “นี่ ถึงเพื่อนฉันมันจะแปลกไปบ้างแต่ส่วนดีมันก็มีนะ ก็นับว่าเป็นสุภาพบุรุษคนนึงล่ะ”
   อ้นบอกหงส์อย่างภูมิใจในตัวเรย์ ว่าแล้วทั้งสามคนก็เดินตามเรย์กลับออฟฟิศ
   และแน่นอนว่าเมื่อผู้หญิงอยู่ด้วยกันกลางตลาดนัดที่ล้วนแล้วแต่มีสิ่งของล่อตาล่อใจทั้งสามจึงอดไม่ได้ที่จะช็อป สาวๆ เดินดูข้าวของในตลาดนัดอย่างสนุกสนานโดยมีเรย์เดินนำแล้วคอยหันหลังกลับมาดูเป็นระยะ หากเรย์พบว่าเขาเดินห่างออกมาไกลแล้วแต่ทุกคนยังไม่ตามมาเขาก็จะเป็นฝ่ายเดินย้อนกลับมาเสียเอง เรย์ต้องหยุดเดินแล้วย้อนกลับมายังแผงขายของติดๆ กันกับแผงเก่าเช่นนี้อยู่ราวๆ สามรอบจนเขาตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองมาเดินตามหลังแทน
   เป็นธรรมดาที่มากคนก็มากความ ในตลาดผู้คนเดินสวนกันไปมาสับสนวุ่นวาย ในระหว่างที่ทั้งสามกำลังมุงแผงขายเครื่องสำอาง ร้านโยเกิร์ตปั่นข้างๆ ก็มีลูกค้ายืนออรอหน้าร้านมากเช่นกัน หงส์เอื้อมไม่ถึงมาสคาร่าจึงขยับตัวอ้อมหลังอ้นไปอีกฝั่ง
   “แกๆ หลบหน่อย ฉันหยิบไม่ถึง”
   “อะๆ”
   อ้นขยับตัวหลบให้หงส์ แต่ทันใดนั้นเอง สาวออฟฟิศที่แทรกตัวผ่านช่องทางเดินกลับกระแทกเข้ากับลูกค้าที่กำลังรับแก้วโยเกิร์ตปั่นจากพ่อค้า หงส์ตกใจร้องว้ายรีบก้าวถอยหลังหวังจะหลบ ทว่าเธอก้าวพลาดไปเหยียบเท้าเรย์เข้าเขาจึงร้องโอ้ยบ้าง หงส์รู้ตัวรีบชักเท้าออกแต่เธอเซ! หงส์ตั้งหลักพลาดและกำลังจะล้ม!
   “ว้าย!”
   “เฮ่ย!”
   เรย์มือไวรีบดึงแขนหงส์ไว้ได้ทันแต่เพราะทุกอย่างชุลมุนวุ่นวายเขาเลยเซไปด้านหลังเพราะแรงปะทะเช่นกัน และโชคร้ายที่อีกด้านของแผงขายเครื่องสำอางนั้นเป็นร้านขายอิตาเลี่ยนโซดาแบบขวดซึ่งมีกล่องโฟมใส่น้ำแข็งแช่สินค้าวางอยู่ด้านหน้า เรย์ถอยหลังไปกระแทกเข้ากับลังน้ำแข็งเต็มๆ น้ำเย็นจัดหกราดหลังของเรย์จนหนุ่มแว่นสบถดังลั่น!
   “Fuck!”
   “อุ๊บส์”
   อ้นยืนเอามือปิดปากพลางมองดูหงส์ที่ทำท่าจะล้มจนต้องกอดกันกลมกับเรย์แล้วแอบหมั่นไส้
   อุ๊ยตาย นี่มันฉากในตำนานเชียวนะยะอีหงส์!
   เรย์ดันตัวหงส์ออกแล้วพยายามตั้งหลักยืนตัวตรง เขากัดฟันด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์แล้วหันไปถามเจ้าของร้านขายอิตาเลี่ยนโซดาซึ่งสินค้าในลังน้ำแข็งถูกเขาชนจกหกเลอะเทอะ
   “เท่าไหร่?”
   พอเรย์หันหลังให้อ้นถึงเห็นว่าด้านหลังเรย์นั้นเปียกโชกตั้งแต่กลางหลังไปถึงกางเกง
   “ตายแล้ว หงส์!”
   “ขุ่นพระ!”
   อ้นกับจ๋าอุทานส่วนหงส์หน้าถอดสีเมื่อเห็นความผิดที่ตัวเองก่อไว้
   “หนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ ก็หนูหลบเค้าอะ ลังน้ำแข็งมันวางเกะกะขวางทางเดินเองนะพี่ ดูสิล้ำออกมาตั้งเยอะ!”
   ชะนีสาวสุดสตรองอย่างหงส์ไม่ยอมถอยเอาง่ายๆ เธอรีบแก้ตัวเสียงอ่อยกับจ๋าก่อนจะชี้ให้เห็นความผิดของผู้อื่นอย่างแข็งขัน หงส์ไม่ยอมเป็นคนผิดร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มเด็ดขาด!
   เจ้าของร้านอิตาเลี่ยนโซดามองหน้าถมึงทึงของเรย์และมองกลุ่มของอ้นที่มีหงส์ตั้งท่าพร้อมวีนแล้วจึงเอ่ยแบบกล้าๆ กลัวๆ
   “ไม่เป็นไรน้อง ไม่ต้องจ่ายก็ได้”
   “งั้นขวดที่ตกพวกนี้ ผมเหมา”
   เห็นเรย์แสดงความรับผิดชอบแล้วหงส์ก็อาย จ๋าจึงบอกให้หงส์แสดงความรับผิดชอบด้วยการหาซื้อเสื้อผ้าให้เรย์ผลัดเปลี่ยนโดยเฉพาะกางเกง ลงท้ายเรย์เลยได้กางเกงขาสั้นมาใส่ระหว่างรอให้กางเกงของตนแห้ง หน้าที่ในการทำความสะอาดเสื้อผ้าเรย์จึงตกเป็นของอ้น ทิ้งให้จ๋าและหงส์หิ้วอิตาเลี่ยนโซดาหกขวดกลับไปแช่ตู้เย็นในออฟฟิศ



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


มีใครสังเกตบ้าง อ้นกับป้องนี่คล้ายๆ กันแบบไปกันได้นะ
จริงๆ เราตั้งใจให้อ้นกับป้องมีอะไรบางอย่างคล้ายๆ กันในแง่ของนิสัย ป้องเองก็เคยพูดว่าอยู่กับอ้นแล้วเข้ากันได้เพราะอ้นรู้ว่าป้องชอบอะไรไม่ชอบอะไร ใช่ชีวิตร่วมกันได้สงบ ป้องเลยชวนอ้นมาเป็นเมตไง ฮี่ๆ สองคนนี้มีทั้งส่วนที่เหมือนและแตกต่าง อิๆ เป็นคอนเซ็ป ขาว-ดำ ไม่ต้องสืบแล้วว่าใครขาว ใครดำ ฮ่าๆ เค้าหมายถึงนิสัยนะไม่ใช่ผิว!
อ้นชอบป้องมาก มันเป็นรักแรก รักแบบเด็กๆ เป็นความฝังใจ ผูกพันและยึดติด ต้องรอดูว่าใครจะมาลบเงาของป้องในใจอ้นลงได้ โฮะๆ (เฉลยเลยละกัน "ตัวอ้นเองนั่นแหละ")

เชื่อว่าหลายคนคงขอบคุณหงส์ Good Job! เลยทีเดียว นางอุตส่าห์จับคู่ให้ โฮะๆ บอกเลยนางยังออกมาป่วนอีกหลายตอน ฮ่าๆ  :laugh:
ส่วนคุณน้องเรย์นี่ ... แบบ พี่จ๋ายังขึ้น ถ้าให้เราไปกับคนแบบนี้จริงๆ เราก็ไม่เอานะ คงรำคาญสุดๆ ไปเลย แต่นี่แหละพระเอกของเค้า ฮ่าๆ  :oni1:
พระเอกของ AzureICE ต้องมีนิสัยชวนปวดตับ ถ้าใครเพอร์เฟกแปลว่า Fake! ไม่ใช่พระเอกที่เราแต่ง ฮี่ๆ

ทายสิ พล็อตตอนถัดไปของเค้าจะเป็นยังไง? อิๆ ตัวละครเริ่มทะยอยมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ  :haun5:
ใบ้ว่าเนื้อเรื่องที่เหลือมีการแย่งผู้ชาย มีชะนีเผือก มีการโชว์แมนปกป้องอ้น มีคนทำอ้นร้องไห้ อ้นเจอศัตรูเก่า ฮี่ๆ .... #การสปอยนี้มีความกวนตีนสูงผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ

มาลุ้นตอนหน้ากัน รับรอง ฮึ่ยๆ! ไม่ฟินก็น้ำตาไหลละวะ!

อีก 10 ตอน จะจบพาร์ตแรกนะจ๊ะทุกคน  o18 ใกล้ถึงความดราม่าอิ๋บอ๋ายวายป่วงละ  :-[ เค้าชอบดราม่า!


ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่า  :pig4:



ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
แหมๆเรย์นางก็แอบมุ้งมิ้งอยู่นะ(คนเดียว)
ปล่อยให้นางมีความสุขบ้างไรบ้างในมุม
ของตัวเองอยู่คนเดียว
แต่ตอนนี้เหมือนจะเริ่มตั้งหม้อมาม่ารึเปล่า
อิพี่โจมรุกเร็วตรงจุดเผ็งแล้วเรย์นางจะทำ
ยังไงละทีนี้ยิ่งเอาแต่ใจอยู่แล้วเหมือนนาง
จะคิดว่าอ้นเป็นสมบัติของตัวเองอยู่นะ
 :pig4: :pig4: :pig4:

มาม่าของจริงมันหลังจากนี้ค่ะ ที่เห็นนี่ยังไม่ได้จุดฟืนเลย  o3
เขียนให้เรย์เป็นหนุ่มแมวค่ะ เพราะเราเกลียดแมว และเกลียดทาสแมวแบบสุดๆ  o18
ไม่เข้าใจตรรกะมาป้วนเปี้ยนแล้วยึดเหมือนกันค่ะ หลายๆครั้งเกิดคำถามว่า "ใครเชิญเอ็งวะ?" "ตูเป็นคนใช้เอ็งตั้งแต่มะไหร่?" พอเก็บกดก็เยยเอามาเขียนนิยาย ฮ่าๆ เขียนให้มันออกมามุ้งมิ้งน่ารักแต่จริงๆแล้วโคตรเกลียดเลยค่ะ :hao5: #เค้าเป็นสาวกมะหมานะอิๆ
หนุ่มเรย์นี่ต้องติดตามนางไปเรื่อยๆ จริงๆออร่านางจะทยอยปล่อยออกมาเรื่อยๆ ยังมีอะไรให้เงิบกันอีกเยอะ! เราจะเขียนเยอะมากก็ไม่ได้เพราะถ้าเรย์แสดงออกเยอะอ้นก็จะรู้ตัวอีก เรื่องมันจะไปไม่ได้ตามพล็อตที่วางไว้ ยากง่าาาา  :sad4:
ส่วนพี่โจม ... เฮียแกสกิลสูงค่ะ ต้องรอดูว่าเรย์จะไฟว์กะพี่โจมยังไง ... หรือบางทีอาจจะเป็นคนอื่นไฟว์แทนก็ได้นะเพราะคอนเซ็ปเรย์คือ "ตาอยู่" :impress2:


:pig4: :pig4:

ขอบคุณค่าาาา  :pig4:  มาอีกบ่อยๆ น้า  :pig2:


ตามทันล้าว..... :sad4: ตั้งแต่ได้งาน
เค้าก็ไม่ได้เข้ามาอ่านเลย กลับถึงบ้านกินข้าว
อาบน้ำเสร็จก็แปะตัวกับที่นอนหลับเลย

ชอบอ้นมาตั้งแต่เปิดเรื่อง นางฮา นางมั่น นางดี
โลกของนางมีทุ่งลาเวนเดอร์ ได้อ่านชีวิตนางทีไร
เรายิ้มกว้างทุกที

แต่ตอนนี้เราอยากกลิ้งเป็นแยมโรล แล้วกระโดดซัมเมอร์ซอลท์ ซิกแซก บิดเกลียวสองรอบครึ่ง
พี่โจมทำคะแนนเร็วสมกับที่เราเชียร์จริงๆ :hao7::hao7: :hao7:

รอดูทุ่งลาเวนเดอร์ไฟไหม้ ฮ่าๆ  o18 ไม่เคยแต่งนิยายแล้วไร้ดราม่า เอิ้กๆ  :jul1:

แต่เดี๋ยวต้องรอดูว่าอ้นจะแก้ปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิตยังไงค่ะ ทักษะชีวิตของตุ๊ดคิดบวก ต้องรอดูว่าอ้นจะกลับมาเบ่งบานอีกครั้งได้รึเปล่า
ภาคแรกเราเน้น (เรต+เสื่อม)xดราม่า ภาคนี้เราเน้น (ใสๆ+กุ๊กกิ๊ก)xดราม่า ค่ะ  .... o22 แปลว่าภาคนี้พระนางจะไม่ได้มีอะไรกัน!? ใสกิ๊งเลยใช่ม๊ายยยย   :sad5: โถว โถ โถว! สงสารสาวอ้นอดเสียตัว!  o3

ว่าแต่ ... #ทีมโจม เหรอคะ? เหอๆ  :katai2-1:

ป.ล. สู้ๆ น้า  :กอด1:


ยังค่ะ  ยังไม่อะไรกับโจมมากมาย   ถ้าเป็นคนดีจริงมาจีบอ้นก็โอเคนะ   แต่กลัวความนอกความในของโจมกับคนอื่นนี่แหละ   กลัวว่าอ้นจะเสียใจอีก   ต่อให้ทำใจไว้แค่ไหนว่าเพศที่สามอย่างตัวเองจะต้องเจอความไม่สมหวังหรือไม่จริงจัง  ชีวิตจะลำบากแต่ความที่เลือกไม่ได้ก็ต้องรับแพ็คเก็จพวกนี้ไปกับธรรมชาติของตัวเอง  ก็ไม่ได้หมายความว่าเพศที่สามอย่างอ้นจะไม่เจ็บทุกครั้งที่ความสัมพันธ์ไม่เวิร์คขึ้นมา  โดยเฉพาะถ้าหากว่าอีกฝ่ายไม่เต็มร้อย  ไม่จริงใจ  ไม่ทุ่มเหมือนตัวเอง  มีชนักตามติดมาเป็นพรวน

 o3 อย่าสปอยจิ เอ๊ะ! รึพี่โจมจะเป็นคนไม่ดีจริงๆ  :o ไม่บอกดีกว่า ปล่อยให้งง อิๆ

รอลุ้นกันนะคะว่าเราจะผลักดันพี่โจมไปทางไหน เอิ้กๆ #เสียงหัวเราะชั่วร้าย 
แต่บอกเลยว่าอ้นมีเสียน้ำตาและเจ็บตัว  :hao7:
แล้วก็ต้องมาลุ้นว่า ความรักและความสัมพันธ์กับผู้คน รวมทั้งทัศนคติของตัวอ้นเอง จะเป็นยังไงต่อไป ยังมีให้ลุ้นอีกยาวๆ ค่า  มาดูการเจริญเติบโตของอ้นกันนะคะ ฮ่าๆ  o13


เราตอบแทนกระเทยให้ เราเป็นเกย์นะ คือจริงๆ กะเทย หรือเกย์เองก็เหอะ มีความเชื่ออย่างนึงว่า พวกเราไม่สามารถมีลูกกับผู้ชายได้ มันเลยเกิดความอิจฉาในตัวผู้หยิงไงครับ มดลูก รังไข่ คือสิ่งที่เราไม่มี  และการมีลูกได้ มันคือสิ่งที่รั้งผู้ชายไว้ได้ ในวันที่ผู้ชายหมดรัก

มีกะเทยหลายคนที่ต้องเสียแฟนให้กับผู้ชายไป เพราะ มีลูกไม่ได้ สังคมไม่ยอมรับ และอาจจะมีเกย์หลายคนเสียแฟนตัวเองให้กับผู้หญิง เพราะเรา มีลูกด้วยกันไม่ได้ สังคมไม่ยิมรับ เลยทำให้ ลึกๆในเพศเรา ยังมีความกลัว ความอิจฉาผู้หยิงอยู่ลึกๆ แล้วเปลี่ยนเป็นความรังเกียจขึ้นมา

เรื่องมดลูกนี่เราก็ไม่รู้หรอกนะคะ เราตั้งคำถามไปงั้นแหละ เป็นการคุยกับคนอ่านถึงประเด็นต่างๆ ในสังคม

แต่ในทัศนคติเรา (คือมุมมองของเราจริงๆเลยนะ) เราคิดว่ามดลูกมันไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้นหรอก
ไม่ต้องพูดถึงเพศที่สามเอาแค่ผู้หญิงและผู้ชายก็เถอะ มีหลายคู่ที่เค้าไม่มีลูกด้วยกันแต่รักและอยู่ด้วยกัน บางคู่จดทะเบียนบางคู่ก็ไม่ได้จด บางคู่มีบุตรยากเค้าก็ให้กำลังใจกัน พยายามไปด้วยกัน ขวนขวายหาวิธีที่จะมีเด็กเล็กๆในบ้าน บางคู่หรือผู้หญิงบางคนก็โชคร้ายต้องตัดมดลูกทิ้ง ผู้หญิงบางคนนอนกับสามีตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ!
ต่อให้มีลูกแล้วไง?ผู้ชายบางคนมันมักมากทิ้งลูกเมียก็มี คือในจุดนี้"โซ่ทอง"ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยเพราะพ่อมันไม่เคยส่งเสีย! ที่ร้ายคือบางครั้งผู้หญิงเองกลับมาเกลียดเด็ก ทอดทิ้ง โยนไปให้พ่อแม่แก่ๆเลี้ยง มันฟังแล้วหดหู่นะ ลูกการันตีอะไรไม่ได้เหมือนกับทะเบียนสมรสที่เอาไว้ฟ้องหย่ากับฟ้องชู้ได้อย่างเดียว ไม่ได้ทำให้ผู้ชายซื่อสัตย์ คือปัจจัยที่จะทำให้ผู้หญิงคนนึงโดนทิ้งมันโคตรเยอะอ่ะค่ะ ถ้าผู้ชายมันเหี้ยยังไงมันก็ไปอะ ลูกหรือความดีก็รั้งมันไว้ไม่ได้หรอก

ความรักไม่จำกัดเพศนะ แต่ความรักที่มาจากการหลอกลวงมันทุเรศ(แบบน้องเรย์ #สปอยนี่หว่า!) คนที่ปันใจก็ทุเรศยิ่งกว่า ไม่รักก็ควรจบไม่ควรยื้อด้วยความเสียดาย(ป้องกับอ้น) ส่วนใครที่ไม่รักตัวเองเอาตัวเองไปผูกกับคนที่เค้าไม่รักก็ช่างเค้า คงเป็นกรรมเก่าบังตาทำให้ไร้สติ(แบบอิเติ้ลกับเบทส์) จะเพศอะไรก็ตามถ้ารักแบบโง่ๆ ยังไงมันก็ไม่ดี ต้องฉลาดรักด้วย แล้วที่หลายๆ คนเป็นกันคือไม่รักตัวเอง มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง เซลฟ์เอสตีมต่ำ รักตัวเองยังรักไม่เป็นแล้วคิดจะรักคนอื่น?

แต่พอเรามาเขียนนิยาย เราก็ต้องศึกษา เราต้องอ่านหลายๆ ด้าน บางครั้งเราก็ไม่เข้าใจคนที่เราเห็น แต่ถ้าเราจะเล่นประเด็นอะไรสักอย่างเราต้องตีความ คาแรคเตอร์"อ้น"ของเราอาจจะไม่ใช่แบบที่เราเห็น แต่อย่างน้อยเราต้องเข้าใจว่าอ้นของเราแตกต่างกับเค้ายังไง
เราชอบเปิดพันทิปแล้วก็อ่านเยอะๆ ดูว่าสาวสองเค้าบ่นอะไรกันบ้าง เกย์บ่นอะไรบ้าง โลกของกะเทยเค้าคิดอะไรกัน โลกของเกย์ ดูกะเทยด่ากัน ดูเกย์เหยียดตุ๊ด ตามอ่านเวลามีเกย์มาบ่นปัญหาชีวิต บางครั้งก็มีคนมามโนเขาจะมีใจให้มั้ยนะ? นั่งอ่านคนอื่นคุยกันสนุกดี
แต่บางทีดูแล้วก็งง เกิดคำถาม บางครั้งไม่เข้าใจ "เฮ้ยมันต้องขนาดนั้นเลยเหรอวะ?" "เซ้นซิทีฟไปป่าววะ?" "เฮ้ยทำไมมองโลกโหดร้ายแบบนั้น?" "ผู้ชายไทยก็ไม่ได้เหี้ยขนาดนั้นนะ" "ทำไมทัศนคติมืดมนจัง" แต่ลงท้ายคือมันก็ชีวิตเค้านะ ถ้าเค้าจะคิดจะปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนั้นต่อไปมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา เพื่อนกันรึก็ไม่ใช่ พูดมากไปเค้าก็ด่าว่าเสือก
ซึ่งอันที่จริงก็ไม่เฉพาะแต่เพศที่สามหรอก ผู้หญิง ผู้ชาย เกย์ ทอม ตุ๊ด กะเทย เบี้ยน ดี้ คือเพศอะไรมันก็มีปัญหาชีวิตอะ เราเองยังก็มี

แต่สิ่งที่เราทำได้คืออะไร? เราเขียนนิยาย เราเลยอยากให้กำลังใจคนอื่นด้วยนิยายที่เราเขียน (ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นการให้กำลังใจหรือทำให้หน่วงกว่าเดิมนะคะ ฮ่าๆ ชอบเขียนแต่ดราม่าซะด้วย)
เราอยากตอบแทนผู้อ่านบางคนที่คอยให้กำลังใจเราตอนที่เราท้อ เขาเป็นแฟนนิยายที่เคยเม้นนิยายเรื่องที่เราตั้งใจแต่งมากแต่ไม่มีคนเม้น เค้าทักว่าอยากเห็นเราเขียนนิยายที่มีตัวเอกเป็นเพศที่สาม เราก็จัดอ้นมาซะ ทุกอย่างมันประจวบเหมาะ ในภาคไม่ฟิตฯมีคนอ่านบางส่วนชอบอ้นอยู่แล้วด้วย
ดังนั้นอ้นของเราก็เป็นตุ๊ดน่ารักๆ ที่มาจากการปรุงแต่งของเรา อาจจะไม่มีคนแบบนี้อยู่บนโลกนี้เลยก็ได้ แต่คนที่อ่านนิยายเราจะได้เห็นว่าถ้าอ้นทำตัวแบบนี้แล้วจะต้องเจอกับอะไร อ้นต้องทำตัวแบบไหนถึงจะมีความสุข แม้จะเป็นความสุขปลอมๆเพราะเป็นนิยายก็เถอะ แต่ถ้ามันทำให้คนอ่านยิ้มได้อ่านเพลินๆหนุกๆก็โอเคแล้วล่ะ

ดังนั้น ท้ายนิยายเราเลยพูดมาก แหะๆ ... #ตัวจริงเป็นพวกเครียดนะ  :ling2: #แต่เกรียน  :ling1:
แต่ยังไงก็ขอบคุณที่เม้นเค้าบ่อยๆ นะ  :pig4:  เราไม่รู้จักคุณแต่เราเป็นกำลังใจให้คุณทุกเรื่องนะคะ

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   เพราะต้องมีใครสักคนแสดงความรับผิดชอบ จ๋าเลยอนุญาตให้อ้นเข้าเลตได้เผื่อจะอยู่ช่วยเรย์จัดการกับเสื้อผ้า ทว่าอ้นกลับรู้สึกเขินเมื่อต้องช่วยทำความสะอาดกางเกงให้ผู้ชายคนอื่น
   “อะ กางเกงขาสั้น แกก็ใส่ไอ้นี่ไปก่อนละกัน เดี๋ยวฉันจะพยายามเป่ามันให้แห้งนะ”
   อ้นส่งกางเกงขาสั้นในถุงพลาสติกให้เรย์เข้าไปเปลี่ยนในห้องส้วมเพื่อที่เขาจะได้นำสแล็คของเรย์ออกมาผึ่งกับเครื่องเป่าลมร้อน
   แม้แต่กับอีป้องพวกฉันยังแยกกันซักเสื้อผ้าใครเสื้อผ้ามันเรยนะยะ แกมีบุญมากนะอีแว่นที่ได้คนสวยคนนี้มาซักกางเกงให้!
   “ข้างในก็เปียก”
   อ้นอ้าปากค้างพลางหน้าขึ้นสี
   “ชายเสื้อด้วย คัน”
   “แล้วแกจะให้ฉันเอากางเกงในของแกออกมาผึ่งให้รึไงยะ!”
   “แต่มันเปียก หนาวขะ”
   อ้นรีบอุดปากเรย์แล้วไล่
   “คันก็รีบๆ เข้าไปเปลี่ยนกางเกงซะ เดี๋ยวฉันทำตัวนอกให้ ส่วนตัวในก็... เรื่องของแกแล้วกัน”
   เมื่อขอร้องตุ๊ดน้ำใจงามไม่ได้เรย์ก็จำต้องปิดประตูลงกลอนด้วยความผิดหวัง เขาถอดกางเกงสแล็คของตนออกแล้วล้วงเอากระเป๋าเงินกับโทรศัพท์ออกมาใส่ถุงพลาสติก เรย์ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอดกางเกงตัวในออกแล้วใส่แต่กางเกงขาสั้น เขาแง้มประตูแล้วยื่นกางเกงสแล็คให้อ้น
   “ฝากด้วยนะ”
   เรย์ว่าแล้วรีบปิดประตูหายเข้าไปหลบในห้องส้วมตามเดิม อ้นงงแต่ยังคิดในแง่ดีว่าเรย์คงอาย ที่ไหนได้เมื่อเขาคลี่แสล็คของเรย์ออกเท่านั้นแหละ กางเกงในสีดำก็หล่นแปะลงบนพื้น
   “อีแว่น!”
   อ้นกรี๊ด!
   “อี๋! นี่แก...”
   อ้นใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้คีบ “ลิงน้อยของนายแว่น” ด้วยท่าทางขยะแขยงแล้วด่า
   “แกจะบ้าเหรอแกส่งอะไรมาให้ฉันซักยะ!”
   “ซักๆ ไปเถอะน่ะ เราคันอะ ใส่ต่อไม่ไหว”
   “อี๋ บ้า! ของแบบนี้ใครเค้าฝากซัก ของใครของมันสิ ฉันไม่ใช่แม่แกนะยะ”
   “ก็ซักให้เราหน่อยดี้ตัวเดียวเอง น้ำมันแช่อะไรก็ไม่รู้ เย็นด้วยเหนียวด้วย คันไข่จะตายอยู่แล้ว”
   โอ๊ยขุ่นพระ! ตุ๊ดจะเป็นลม!
   อ้นปรี๊ดสุดๆ เขาต้องตั้งสติบอกตัวเองให้ใจเย็นแล้วหายใจเข้าลึกๆ
   “ฉันไม่ซักกางเกงในให้แกหรอก! เอาของแกกลับไป เดี๋ยวนี้!”
   “ใจร้าย”
   นายแว่นโฉดเด็กโข่งยังงอแงอ้นจึงร่ายยาวอย่างเหลืออด
   “จะบ้าเหรอ! เกิดมานอกจากของตัวเองแล้วฉันยังไม่เคยซักกางเกงในให้ใครทำไมฉันต้องมาทำให้แกด้วย แม้แต่พ่อฉันเค้ายังไม่เคยใช้ให้ฉันทำอะไรแบบนี้ให้เลย ของส่วนตัวแบบนี้ก็ของใครของมันสิ!”
   “โอเคๆ งั้นเราไม่ใส่กางเกงในก็ได้”
   ดู๊ดูมัน! แกจะเอาชนะฉันให้ได้เรยใช่ม้าย อีแว่น!
   “แกจะให้ฉันเกาไอ้ที่ คัน! ให้ด้วยเลยมั้ย? อีบ้า!”
   อ้นหมดความอดทน! แต่เรย์แง้มประตูออกมาอีกครั้ง หนุ่มแว่นทำหน้ายุ่งแล้วจ้องมองอ้นด้วยสายตาน่าสงสาร
   “ก็เราไม่อยากออกไปทั้งแบบนี้นี่”
   อ้นงง เขาตามไม่ทัน แต่แล้วเรย์ก็อ้าประตูห้องส้วมกว้างขึ้นแล้วลุกขึ้นยืน
   “มันโล่งๆ อะ หนาว”
   ภาพของชายหนุ่มที่ใส่เสื้อเชิ้ตปล่อยชายยับๆ ทิ้งตัวลงมาปิดกางเกงขาสั้นแบบใส่อยู่บ้านผ้าเนื้อเบาบางมันควรจะดูตลก โดยเฉพาะเมื่อมีถุงเท้าและรองเท้าหนังสีดำเงาวับอยู่ด้านล่าง แต่อะไรบางอย่างดึงดูดสายตาอ้นจนเขารู้สึกเขินเสียเอง
   ไม่ทันขาดคำเรย์ก็หันหลังถลกเสื้อขึ้นโชว์แผ่นหลังและบั้นเอวแถมยังดึงขอบกางเกงลงนิดๆ โชว์ผื่นแดงๆ ให้อ้นดูอีกด้วย
   “มันแดงมากเลยนะ คัน...ด้วย”
   กรี๊ด ขาวมาก เอ้ยไม่ใช่!
   “เออ แดงเนอะ”
   อ๊าย อย่ามาเปิดตูดล่อตุ๊ดนะยะอีบ้า! ฉันไม่ใช่สาวเสียบนะแกร๊ แต่กรี๊ด! ขาวยันก้นเลยอ๊ะ ข้างหน้าจะอมชมพูมั้ยอ่า... ว้ายๆ บัดสี ไม่นะนังอ้น นี่มันอีแว่น! ห้ามแรดนะยะ!
   “เราคันอะ เริ่มแสบที่ผิวแล้วด้วย”
   เพราะเสียงของเรย์ไม่มีความรู้สึกอื่นเจือปนอยู่อ้นเลยพอจะเรียกสติที่เตลิดไปของตัวเองกลับมาได้ทัน แววตาของเรย์ดูเว้าวอนน่าสงสารราวกับลูกสัตว์ตัวน้อยๆ
   “แล้ว...แล้วจะให้ฉันทำไงดีอะ? ฉันไม่มีอะไรติดตัวมาหรอก แดงแบบนี้ต้องทาคาลามายด์แล้วมั้ง?”
   “เจ็บอะ”
   “อืมๆ งั้นแกก็อย่าเกาละกัน ถ้ายังไงพอตัวนอกแห้งแล้วแกก็เอาไปใส่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันลงไปเซเว่นให้ เผื่อจะมีคาลามายด์กับข้างในขาย”
   “อาฮะ”
   ในที่สุดอ้นก็เผลอใจสงสารลูกสัตว์ตัวน้อยที่ได้รับบาดเจ็บอย่างเรย์เข้าจนได้ โหมดแม่พระของอ้นทำงานเพราะต้านทานแววตาเว้าวอนน่าสงสารของเรย์ไม่ไหวจริงๆ เรย์ช่างเหมือนเด็กดื้อไม่ยอมโตผู้เอาแต่ใจ ขี้เก็กแม้กระทั่งในเวลาที่แอบน้อยใจแต่ขณะเดียวกันก็น่ารักน่าเอ็นดูจนอ้นปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้ นิสัยของเรย์ปลุกสัญชาตญาณความเป็นแม่ในตัวอ้นจนลงท้ายตุ๊ดรักเด็กเลยต้องมาจัดการกับกางเกงทั้งนอกและในให้เรย์
   อ้นเลือกที่จะประหยัดเวลาด้วยการโทรบอกหงส์ให้ไปซื้อของที่ต้องการให้เขา ระหว่างนั้นอ้นก็จัดการเป่ากางเกงสแล็คของเรย์ด้วยเครื่องเป่ามือชิลๆ โชคดีที่ได้เวลาเข้างานแล้วเลยไม่มีใครแวะมาใช้ห้องน้ำ ทำให้อ้นยึดเครื่องเป่ามือได้สะดวก หาไม่แล้วเขาคงถูกมองว่าวิปริตเป็นแน่
   “เสร็จย้าง? เราหนาว”
   “อืมๆ รอแป๊บนึงสิแก อีกนิด เดี๋ยวก็แห้งแล้ว”
   อ้นร้องบอกเรย์ที่ขังตัวเองอยู่ในห้องส้วมห้องสุดท้าย เขาได้ยินเสียงเกมดังมาเบาๆ คาดว่าพ่อหนุ่มแว่นคงนั่งเล่นเกมอู้งานเป็นแน่
   แหม สบ๊ายสบายนะยะ ใช้ให้คนสวยทำให้แล้วตัวเองก็นั่งเล่นเกม!
   อ้นอดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดเรย์ แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อรับงานเขามาแล้วก็ต้องทำต่อให้จบ ผึ่งไปผึ่งมากางเกงตัวนอกก็ใกล้แห้ง แต่อันกลับวิตกเมื่อนึกถึงผ้าอีกชิ้นที่เขาต้องจัดการ!
   อ้นลังเล เขาคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรกับผ้าชิ้นเล็กนี่ดี ทรังก์สีดำสนิทพิมพ์โลโก้ยี่ห้อหรูตรงขอบบ่งบอกความมีระดับ
   แหม ใส่ของดีซะด้วยนะยะ!
   ลงท้ายอ้นก็จำใจค่อยๆ คีบลิงน้อยตัวนั้นไปซักให้เรย์ แม้จะพึ่งถอดออกมาแต่สัมผัสกลับเย็นชื้นไร้ไออุ่น เพราะความชื้นเมื่อถูกอากาศเย็นเข้าไปก็เริ่มเย็นเฉียบ คิดแล้วก็น่าเห็นใจเรย์น้อยที่ต้องทนกับความเปียกชื้นไม่สบายตัวแนบเนื้อเช่นนี้ อ้นไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเรย์ถึงงอแง
   แต่มันจะเหมือนเด็กไปหน่อยมั้ย! พอตูดเปียกแล้วงี่เง่าเชียวนะอีแว่น ฉันไม่ใช่แม่แกนะจะได้คอยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้!
   อ้นหลับหูหลับตาซักของในมือโดยไม่กล้ามองภาพตัวเองในกระจก เขารู้เพียงแต่ว่าใบหน้าของตนร้อนวูบวาบ อ้นรู้แก่ใจดีว่าเขาจะต้องหน้าแดง แต่อ้นไม่อยากเห็นปฏิกิริยาของตัวเองจึงก้มหน้าจดจ้องสายตาอยู่ที่ก๊อกน้ำ
   อ้นซักกางเกงในสองสามน้ำแล้วก็บิดให้หมาด ก่อนจะเอาไปเป่ากับเครื่องเป่าลมร้อน แต่พอเสียงดังฟู่เป่าลมออกมากระทบผ้าในมือแล้วเผื่อแผ่มาถึงใบหน้าอ้นก็อาย แม้จะยืดมือออกไปสุดแขนแต่ตุ๊ดสาวก็ยังเขิน
   อ๊ายไม่ไหวแล้ว! ทำไมฉันจะต้องมาทำอะไรให้แกแบบนี้ด้วยเนี่ย!
   อ้นตัดสินใจจะไปเคาะประตูวีนเรย์แต่หงส์ส่งข้อความมาเสียก่อน ตัวต้นเหตุยืนรออยู่นอกห้องน้ำชายแล้วอ้นจึงพร้อมเหวี่ยงเต็มที่
   “เรย์ แกเอาพวกนี้ไปก่อน เดี๋ยวฉันออกไปเอาของแป๊บ อีหงส์มันซื้อลิงตัวใหม่มาให้แกละ!”
   เรย์เงยหน้าขึ้นจากสมาร์ตโฟนของตัวเอง อ้นเห็นว่าเรย์กำลังไลน์อยู่กับใครบางคนแวบๆ
   “อาฮะ”
   หนุ่มแว่นรับกางเกงไปจากอ้นแล้วบอก
   “เรารอในนี้นะ”
   ย่ะ ฉันก็เห็นแกนั่งกระดิกนิ้วเป็นคุณชายไม่เห็นจะลุกขึ้นมาทำอะไร!
   “ย่ะ!”

   “มาช้าจริงอีหงส์!”
   “ฉันต้องลงไปเซเว่นข้างล่างตึกเลยนะแกถึงจะมีกางเกงในชายไซส์แอล๊!”
   หงส์หยิบของในถุงขึ้นมาโชว์ด้วยความทะเล้น กางเกงในชายสีแดงเข้มชวนขำ แต่อ้นไม่ขำ
   “แต่ฉันต้องซักกางเกงให้มัน! ลำบากกว่าแกอีก ทำไมฉันต้องมารับเคราะห์แทนแกด้วยเนี่ย!”
   อ้นวีนใส่หงส์เมื่อนึกถึงทรังก์สีดำตัวนั้นของเรย์ และแน่นอนว่าไม่พลาดสายตาจับผิดของหงส์ไปได้
   “แล้วทำไมต้องหน้าแดง? อ๊ะๆ คงไม่มีอะไรหรอกนะ?”
   “อีบ้า! ฉันไม่ใช่โรคจิตนะยะ ก็อีแว่นมันเอาแต่นั่งเล่นเกมน่ะสิ โอ๊ย! เบื่อมันจะตายอยู่ละ”
   “ท่าทางคุณหนูมากเลยนะแก”
   เมื่อหัวหน้างานอนุญาตและมีข้ออ้างที่เหมาะสม มนุษย์ออฟฟิศช่างเม้าอย่างอ้นและหงส์ก็ทำท่าจะเปิดวงสนทนากันหน้าห้องน้ำชาย
   “ช่าย ฉันนะ”
   อ้นกำลังจะเม้าแต่พอดีมีคนอื่นเดินมาซะก่อน อ้นจึงหุบปากยิ้มสวยๆ และสะกิดหงส์ หงส์เองก็รู้ตัวเมื่อรับรู้ว่าสายตาของผู้มาใหม่จ้องมาที่เธอด้วยความสงสัย หนุ่มหล่อ รปภ. วัยละอ่อนคนนี้ยังอายุไม่ถึงยี่สิบปีเสียด้วยซ้ำ หน้าตาของเขาดีเข้าขั้นจนคนล้อเลียนว่าเป็น “ยามหล่อ” ประจำตึก
   “อุ๊ยตาย ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะแก เม้าเพลิน ว่าจะมาเข้าห้องน้ำแท้ๆ”
   เมื่อหงส์หลบฉากหนีเข้าห้องน้ำหญิงไปแบบเนียนๆ แล้วอ้นจึงยิ้มแก้เก้อส่งให้ รปภ. หนุ่ม เขารีบหนีเข้าไปในห้องน้ำ แต่น้อง รปภ. กลับเดินตามมาแล้วชวนคุย
   “มาเข้าห้องน้ำเหรอพี่”
   “จ้ะ”
   เมื่อเห็นว่า รปภ. ยังคงส่งยิ้มให้อ้นจึงแกล้งเลี่ยงเดินมายังอ่างล้างหน้าแล้วทำทีเป็นล้างมือ อ้นกดสบู่ใส่มือแล้วแกล้งถูไถให้เกิดฟองเพื่อถ่วงเวลา ส่วน รปภ. คนนั้นเขาตรงไปยังโถปัสสาวะแล้วหยุดอยู่ห่างจากโถเป็นก้าว! รปภ. หนุ่มรูดซิปแล้วค่อยงัดเจ้าโลกออกมาช้าๆ เขาจงใจเว้นระยะห่างจากโถเพื่ออวดสายตาอ้น!
   อ๊ายตายแล้ว! นี่อย่าบอกนะว่า...
   อ้นพยายามไม่สนใจแกล้งมุ่งมั่นอยู่กับการล้างมือ เขาไม่กล้าสบตากับ รปภ. หนุ่มแม้จะเห็นได้ลางๆ จากภาพสะท้อนในกระจกว่า รปภ. คนนั้นพยายามหันหน้ามาทางเขา
   “ไม่เยี่ยวเหรอพี่?”
   “พะพี่มาล้างมือจ้ะ”
   อ้นตอบเสียงสั่นพลางตัดสินใจเปลี่ยนแผนหลบ เขารีบล้างฟองออกแต่ไม่ทันการณ์ รปภ. คนนั้นเข้ามายืนอ่างข้างๆ กันแล้วทำทีเป็นล้างมือพอดี
   รปภ. หนุ่มล้างมือโดยที่ยังเก็บอาวุธไม่เรียบร้อย!
   “ทำไมผมไม่เคยเห็นพี่ที่โถเยี่ยวเลย ผมถามจริงๆ นะ ตกลงพี่เฉาะยัง?”
   “เอ... ก็ไม่รู้สิน้า ฮะๆ พี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวหัวหน้าว่าเอา”
   อ้นรีบหนีออกจากห้องน้ำ แล้วซ่อนตัวอยู่หลังประตูบันไดหนีไฟใกล้ๆ กัน เขารีบหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความหาเรย์


“รออยู่ในนั้นไปก่อน ฉันยังเข้าไปไม่ได้ ไว้มันออกมาแล้วบอกฉันด้วย”
“อาฮะ”

   เรย์ตอบกลับมาว่ารับทราบแล้วอ้นจึงเบาใจ เขาอดไม่ได้รีบส่งข้อความหาหงส์

“แก ฉันว่าอีน้องดลนี่เข้าข่ายโรคจิตแน่ๆ เลยแก”
“ทำไมยะ?”

   หงส์ตอบกลับมาทันควันประหนึ่งคนว่างงาน

“เอ๊ะ ทำไมตอบเร็ว? ยังอยู่ในห้องน้ำ ต๊ายอู้นะยะอีหงส์!”
“ฉันกำลังทำสมาธิย่ะ เล่าต่อเร็วๆ ซิ”
“มันแกล้งยืนฉี่ห่างเป็นวาอวดข้าวหลามใส่ฉัน จะล้างมือก็ไม่ยอมเก็บให้เรียบร้อย อี๊ขนลุกอะแก!”
“ละทำไมแกไม่ดู อีนี่ เสียของนะยะ”
“จะบร้าเหรอแกร๊ ฉันก็ต้องรักษาภาพลักษณ์นิดนึงนะแก เดี๋ยวคนเค้าจะเม้าว่าเป็นตุ๊ดใจง่าย แระที่สำคัญ ‘อีแว่น’ ยังนั่งเล่นเกมอยู่ในนั้น”
“อ่านะ สมน้ำหน้าแก”
“ย่ะ!”

   พอดีกับที่โทรศัพท์ของอ้นส่งเสียงเตือนข้อความเข้าพอดี เขาเปิดดูแล้วเห็นว่าเรย์ส่งข้อความมาเรียก

“ไม่มีใครแล้ว มาได้ยัง เราหนาว”

   อ้นโผล่หน้าออกไป มองซ้าย มองขวา เมื่อเห็นว่าคนโล่งทางสะดวกจึงเผ่นเข้าห้องน้ำไปด้วยความรวดเร็ว ในห้องน้ำไม่มีคน ประตูห้องส้วมทุกบานเปิดอ้ายกเว้นห้องสุดท้ายอ้นจึงเบาใจเคาะประตูส่งเสียงเรียกเรย์
   หนุ่มแว่นเปิดประตูให้พลางหน้ามุ่ย
   “ไข่จะแข็งอยู่แล้ว”
   ไม่รู้เพราะบรรยากาศหรือเพราะเหตุการณ์สุดสยิวก่อนหน้านี้อ้นถึงได้รู้สึกเขิน ปกติแล้วเรย์มักไม่ค่อยพูด จะพูดอะไรแต่ละทีก็สั้นห้วน ชอบอวยตัวเองเหมือนเด็ก พออ้นได้ยินเรย์พูดตรงๆ ใช้ภาษาไม่สุภาพ(แอบแมนนิดๆ)แบบนี้แล้วเขาถึงได้เขินประหนึ่งว่าเรย์แปลกไปเปลี่ยนเป็นอีกคน
   “ก๊ะ...ก็มันมีคนอื่นอะ เอาน่ะ นี่ไงลิงน้อยของแก รีบๆ ใส่ซะฉันจะได้หมดเวรหมดกรรมกับแก”
   ลิงน้อย? เหอๆ
   เมื่อเห็นอ้นเขินเรย์จึงนึกสนุก
   “ทำไมเรียกกางเกงในว่าลิงน้อยล่ะ? นายเขินอะไรเหรอ?”
   “เออน่ะ เรื่องของฉัน แกก็รีบๆ ใส่เสื้อผ้าสิ เร็วเข้าฉันจะได้ไปทำงาน”
   อ้นไม่รู้จะวางสายตาของตนไว้ตรงไหนดี แม้กางเกงขาสั้นที่หงส์ซื้อให้เรย์จะเป็นกางเกงขาสั้นเอวยางยืดแบบธรรมดาไม่ได้สั้นขนาดบ็อกเซอร์จนมีอะไรแล่บออกมาท้าทายสายตา แต่เนื้อผ้าก็ไม่หนาพอจะปกปิดความนูนจึงมองเห็นอวัยวะส่วนที่ยื่นออกมาได้ลางๆ จะมองหน้าเขาก็เขิน ลงท้ายอ้นเลยได้แต่เบนสายตาไปด้านข้าง
   “เดี๋ยวสิ เราคัน”
   เรย์อ้อนอ้นราวกับลูกแมวแถมยังส่งสายตาเว้าวอนมาให้จนอ้นถึงกับกรีดร้องภาวนาอยู่ในใจ
   แกจะมาคันอะไรตอนนี้ แกคันแล้วฉันไม่คันเหรอ ฉันคันกว่าแกอีก กรี๊ด!
   “บ้า!  คันอะไรของแก”
   อ้นเขินเสียงสั่นพลางใจเต้น เรย์กลับลุกขึ้นยืนกะทันหันเล่นเอาอ้นถอยหลังหนีแทบจะเบียดประตู!
   ว้ายอย่านะ! ตุ๊ดยังไม่ทันเตรียมใจ!
   “ทายาให้หน่อย”
   คำพูดของเรย์ที่เอ่ยขึ้นด้วยเสียงโมโนโทนราวกับยาเม็ดสลายมโนดับความตื่นเต้นของอ้นลงราบคาบ
   “ย่ะ”
   อ้นตอบรับแกนๆ แล้วล้วงขวดคาลามายด์แก้คันออกมาจากถุง
   คาลามายด์ แหม แก้คันได้ชะงักเลยเนอะ!
   ตุ๊ดจอมมโนออกแรงเปิดขวดยาแก้คันด้วยอาการเคียดแค้น ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างหงุดหงิด อีกด้านหนึ่งนั้น ฝ่ายเรย์ที่หันหลังถลกเสื้ออวดแผ่นหลังขาวๆ ให้อ้นก็แอบยิ้มพลางหัวเราะคนเดียวเงียบๆ ในใจ
   “แสบหลังอะ”
   “จ้าๆ ฉันทายาให้แกอยู่นี่ไง”
   “เอาข้างบนด้วยสิเราคันอะ”
   สองมือของเรย์กำชายเสื้อตัวเองดึงขึ้นเพื่อเปิดหลังให้อ้นทายา ส่วนสองมือของอ้นข้างหนึ่งก็มีขวดคาลามายด์อีกข้างนั้นค่อยแตะยาในขวดไปแต้มหลังให้เรย์ ผิวเนียนละเอียดที่เคยขาวตอนนี้กลับเห่อเป็นปื้นแดงหนา ดูแล้วน่าสงสารไม่น้อย เมื่อเห็นคนถลกเสื้อแอบเลื่อนมือไปเกาตามจุดที่เขาทายาให้แล้วอ้นก็ตีเข้าเบาๆ
   “เอ๊ะแกอย่าซนสิ ฉันทายาให้แกแล้วห้ามเกานะ”
   “ก็มันคัน”
   เด็กดื้อเถียงหน้าตายพลางเกาต่อหน้าต่อตา อ้นจึงตีแปะเข้าให้ที่มือข้างนั้นแล้วถลึงตาใส่เรย์ที่เอี้ยวคอหันมามอง เรย์อมยิ้มพลางหัวเราะเบาๆ
   “ไม่ขำนะแก ดูซิเนี่ยเพราะเกาเลยเป็นหนักขนาดนี้ใช่มั้ย? ท่าทางเหมือนแพ้แล้วล่ะแบบนี้ แกมียาแก้แพ้ติดตัวมั้ย? ฉันว่ากินยาซักหน่อยก็ดีนะ”
   “อาฮะเราเป็นภูมิแพ้ ปกติกินพวกปูปลาร้าไม่ได้อยู่แล้ว แพ้อากาศเย็นด้วย”
   “อีบ้า! แล้วแกไปกินส้มตำกับพวกฉันทำไม!”
   อ้นด่าเรย์เมื่อนึกถึงที่หนุ่มแว่นยอมไปกินมื้อเที่ยงกับพวกเขาแถมยังเป็นคนจ่ายค่าอาหารมื้อนั้นอีกต่างหากทั้งๆ ที่เรย์แทบจะทานไปไม่กี่อย่างแตกต่างกับพวกเขาที่สั่งอาหารกันอย่างปรีเปรม
   คนดื้อด้านไม่ตอบอะไรนอกจากแอบเกาต้นขาเนียนๆ และนั่นทำให้อารมณ์ซึ้งของอ้นสะดุด!
   “ฉันเห็นนะอีแว่น! หยุด! สต็อปเลย ห้ามเกา! มานั่งเลยเดี๋ยวฉันทายาให้”
   อ้นให้เรย์นั่งลงบนฝาโถส้วมแล้วทึ้งขากางเกงขึ้นไปกองไว้ที่ต้นขา เขาย่อตัวลงจนเกือบจะคุกเข่าแล้วทายาให้เรย์ด้วยอารมณ์สงสารปนเพลีย เรย์จึงมีสภาพเหมือนเด็กอนุบาลที่ถูกคุณครูจับประแป้งตามแขนขาขาวเป็นหย่อมๆ หนุ่มแว่นนั่งอมยิ้มยกขาให้อ้นทายาให้แต่โดยดี อ้นเองก็ทายาไปบ่นไปราวกับเป็นแม่ไก่จิกลูกเจี๊ยบ แม้จะอยู่ต่อหน้าเรย์ในสถานการณ์หมิ่นเหม่ทว่าบัดนี้อารมณ์ตื่นเต้นพิศวาสได้หายไปหมดแล้ว เรย์ทำให้อ้นรู้สึกเหมือนมีลูกชายที่ต้องคอยดูแลตลอดเวลาแทน!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2016 23:17:47 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   “โอ๊ย! อารมณ์เสีย เธอจะเรียกพี่มาทำไมเนี่ย! พี่ยุ่งอยู่นะ”
   “โธ่ ก็ผมคิดถึงพี่นี่”
   อ้นชะงักทันทีที่เสียงสนทนาดังขึ้น เสียงเดินลงส้นเข้ามาในห้องน้ำและเสียงพูดคุยบ่งบอกว่ามีผู้เข้ามาใช้บริการ และเสียงนี้ทำให้อ้นใจคอไม่ดีเลย
   “คิดถึงหรือเงี่ยน พี่ไม่ใช่กะหรี่นะจะได้เรียกมาตลอดเวลาที่เธออยากได้”
   อ้นกับเรย์มองหน้ากันทันทีที่ตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงเจอหนังสด
   ทำไมหนูรู้สึกเดจาวูคะ? ทำไมหนูกับอีแว่นต้องมาเจออะไรแบบนี้ตลอดเลย!
   “วันนี้พี่แทนเป็นอะไรอะพี่? หงุดหงิดอะไรมา? มามะพี่ เดี๋ยวผมทำให้อารมณ์ดีนะ”
   หนนี้อ้นรู้แล้วว่า “ผู้ชายอีกคน” คือใคร ผู้ชายคนที่เล่นหนังสดแอบมีเซ็กในที่ทำงานคนนั้นก็คือน้องดล รปภ. สุดหล่อผู้ที่แอบเป็นเกย์ได้เงียบเชียบเสียจนเรดาร์ของอ้นมองไม่เห็นผีนั่นเอง!
   “นี่อย่ามาโดนตัวพี่นะ! บอกแล้วไงว่าพี่ไม่ใช่กะหรี่ที่เธอจะมาทำแบบนี้กับพี่ได้!”
   “แล้วพี่มาหาผมทำไม ผมชวนพี่ก็มา”
   “แล้วเธอส่งคลิปอะไรให้พี่ละ! บอกแล้วไงว่าห้ามถ่ายเห็นหน้า เธอแอบถ่ายเห็นป้ายพนักงานพี่ชัดเชียวนะดล!”
   “ก็บอกว่าเก็บไว้ดูเล่นอะ ผมไม่เคยเอารูปพี่ลงอินสตาแกรมนะ”
   “แต่พี่ไม่ชอบ ทีหลังห้ามทำแบบนี้อีกรู้มั้ย พี่ไม่ชอบออกสื่อ เดี๋ยวมันจะกระทบกับหน้าที่การงาน”
   “คร้าบๆ ผมรู้แล้ว เรามาสนุกกันดีกว่าพี่ ผมแข็งมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
   “เธอก็แข็งตลอดนั่นแหละดล”
   ฟังจากเสียงแล้วอีกเดี๋ยวมีหนังสดแน่ๆ ค่ะ อ๊าย หนูจะทำยังไงดีคะ ติดอยู่กับอีแว่นอีกแล้ว จะออกไปก็ออกไม่ได้เดี๋ยวอีพี่แทนจับได้
   อ้นน้ำตาแทบตก แต่เรย์กลับตลก เขาขำสีหน้าของอ้นที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
   “ก็เมื่อกี้ผมแกล้งโชว์อ่อยคนไป มันอายไม่กล้ามองเคผมเลยพี่ ได้อารมณ์ชะมัด”
   “เดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก ไปแกล้งใครเข้าล่ะ เกิดเขาเอาไปฟ้องเธอจะตกงานเอานะ”
   “มันไม่กล้าหรอกพี่ เขินจนหน้าแดงหลบตาผมขนาดนั้น พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อตุ๊ดอย่างมันหรอก ผมนึกว่ามันจะร่านกว่านี้ซะอีกเห็นแรดๆ ผมเลยต้องขอร้องให้พี่แทนช่วยผมหน่อยนะคร้าบ”
   ดลหยอดแทนอย่างเอาใจแต่มีคนไม่ขำถึงสองคน!
   มึงด่ากูเหรอคะอีโรคจิต!
   อ้นของขึ้นตาวาวลุกพรวดเตรียมเอาเรื่อง โชคดีที่เรย์ดีดตัวตามแล้วกอดอ้นเอาไว้พลางปิดปากทัน อ้นฮึดฮัดแกะมือของเรย์ออกแต่เรย์ส่งเสียง “ชู่” เบาๆ เตือนให้ตั้งสติ เขาชี้มายังสภาพของตนและอ้นพลางนิ่วหน้า อ้นจึงคิดตามได้ เขาชี้ไปที่กางเกงบอกเรย์แต่งตัวให้เรียบร้อยพลางถลึงตาใส่
   “ตุ๊ดไหน?”
   แทนถามเสียงเข้ม เขากดเสียงต่ำสอบสวนยามรักสนุกด้วยความอิจฉาที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง!
   “เธอมีอารมณ์กับมันเหรอ?”
   “โธ่พี่ ผมก็แข็งตลอดแหละ พี่ก็รู้ว่าผมชอบโชว์ มันตื่นเต้น เสียวดี”
   ดลแก้ตัวพล่ามไปเรื่อย เขารู้แล้วว่าสถานการณ์ชักไม่สวย เผลอทำให้แทนโกรธเพราะความริษยา!
   “ใคร! อีตุ๊ดนั่นเป็นใคร? ใช่อีอ้นกะหรี่แผนก PR นั่นใช่มั้ย? ให้ท่าผู้ชายไปทั่ว!”
   จากเดิมที่เหมือนจะมีหนังสดกลับกลายเป็นมีเรื่องตบเสียแล้ว อ้นเองก็คันมือยิกๆ เช่นกัน เขาของขึ้นจนเผลอกำหมัดแน่น อ้นลืมตัวสูดลมหายใจเสียงดังฟืดฟาดด้วยความโมโห โชคดีที่คนด้านนอกมัวแต่สนใจปัญหาของตัวเอง
   มึงด่ากูกะหรี่เลยเหรอคะอีพี่แทน!
   ขณะเดียวกัน ภายในห้องส้วมแคบๆ เรย์มองท่าทางเหมือนพยายามสะกดกลั้นอารมณ์สุดชีวิตของอ้นแล้วได้แต่เตรียมใจ
   เดี๋ยวได้มีเรื่องแน่ๆ แต่เวลาโกรธแล้วน่ารักดีแฮะ
   หนุ่มแว่นไม่อินังขังขอบกับสถานการณ์เล้ย!
   “ผมไม่สนมันหรอกน่า แค่โชว์ขำๆ อะ พี่แทนอย่าอารมณ์เสียเลย เรามาสนุกกันดีกว่านะ”
   “ถ้าเธอเห็นอีกะหรี่นั่นดีก็ไม่ต้องมายุ่งกับพี่! ตาต่ำ! อ่อยเข้าไปได้ยังไงไม่รู้เหรอมันร่านขนาดไหน! อีตุ๊ดเกรดต่ำแบบนั้นเผลอๆ เชื้อโรคเต็มตัว! อยากกินของเน่าของสกปรกก็เชิญแต่อย่ามายุ่งกับพี่อีก!”
   คำก็กะหรี่ สองคำก็ตุ๊ด มึงไม่ตุ๊ดเลยเนอะอีแทน! ทนไม่ไหวแล้วค่ะ เกิดมาไม่เคยทำใครแต่ถ้าโดนขนาดนี้คนสวยขอไม่ทน!
   อ้นพยายามจะเปิดประตูออกไปเอาเรื่องแต่เรย์พยายามห้ามไว้ ด้านนอกดลยังคงพยายามแก้ตัวแต่เหมือนการเอาน้ำมันราดเข้าไปในกองไฟที่มีชื่อว่า “อ้น”
   “โธ่ ผมไม่ได้กะจะเอามันจริงๆ ซักหน่อย แค่ยั่วขำๆ อะพี่ สาวแตกตุ้งติ้งน่ารำคาญขนาดนั้นผมเอาไม่ลงไม่มีอารมณ์หรอก”
   “กูไปสาวบนหัวพวกมึงเหรอคะ!”
   อ้นถลันออกมายืนหอบหลังจากเอาชนะเรย์เปิดประตูออกมาได้ ทว่าหนุ่มแว่นยังไม่ยอมตามออกมา เรย์รอดูสถานการณ์ในห้องน้ำอยู่เงียบๆ
   “การที่กูเป็นตุ๊ดมันไปหนักส่วนไหนของพวกมึงคะ!”
   แทนกับดลตกใจเมื่อบุคคลที่สามเข้ามาแทรกระหว่างกลาง ดลหน้าซีดเมื่อเห็นว่าอ้นรู้เห็นบทสนทนาทั้งหมด ส่วนแทนก็อึ้งไปเช่นกันแต่ยังคงพยายามรักษาท่าทีเอาไว้
   อ้นไม่พอใจด่ากราดด้วยความโมโห เขาหยุดตัวเองไม่อยู่จริงๆ อ้นคิดไม่ถึงเลยว่าลับหลังแทนจะด่าว่ากันรุนแรงถึงขั้นนี้ทั้งที่เขาไม่เคยไปทำอะไรให้
   “คำก็กะหรี่สองคำก็ตุ๊ด กูไปแย่งผัวมึงเหรอคะอีพี่แทน! กูไปทำอะไรให้มึงถึงต้องด่ากันลับหลังขนาดนี้!”
   เมื่ออ้นเปิดศึกมาแทนก็พร้อมจะตอบโต้กลับไปเช่นกัน
   “หรือมันไม่จริงล่ะ? อ่อยให้ท่าผู้ชายไปทั่ว ไปกับคนโน้นทีคนนี้ที คงคิดว่าตัวเองฮอตมากสินะ ทำตัวแบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับกะหรี่หรอกรอให้คนเค้ามาหิ้วไปมากะจะฟาดผู้ชายทั้งตึกรึไง!”
   แทนตอบโต้อย่างไม่ลดราวาศอกเพราะปมในใจล้วนๆ ความอิจฉากำลังบังตามีอำนาจเหนือจิตสำนึกจนเกิดอคติสะสมกับอ้น
   “โอ๊ย! ถ้ากูเป็นกระหรี่แล้วอย่างมึงนี่เรียกว่าอะไรคะ? แต่ต่อให้กูเป็นกะหรี่ก็ยังดีกว่ามึงตรงที่คนเค้าต้องจ่ายเงินซื้อกูค่ะ! กูไม่ได้ร่านปล่อยให้เค้าเอาฟรีแบบมึง!”
   เหอๆ เผ็ดร้อนสมกับเป็นนายจริงๆ
   เรย์ที่นั่งฟังเงียบๆ เผลอยิ้มแสยะอย่างน่ารังเกียจ แต่โชคดีที่ไม่มีใครสนใจเขา
   “อีอ้น!”
   “ทำไมยะอีแทน!”
   ตุ๊ดสองคนทำท่าจะตบกันแล้ว แต่ในจังหวะที่แทนถลันเข้ามาเรย์ก็แค่เอ่ยขึ้นเรียบๆ เสียงโมโนโทนของเขาเปล่งออกมาดังกว่าปกติแต่ก็ได้ยินทั่วทุกคนในห้องน้ำ
   “ถ้าตบกันมันจะดูไม่ดีนะ”
   เรย์ก้าวออกมาจากห้องส้วม การเปิดตัวนิ่มๆ ไม่เข้ากับสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย
   “เสียงดังแบบนี้อีกเดี๋ยวแม่บ้านคงมาแล้วล่ะ ต้องรีบหนีนะ หรือใครอยากอยู่ต่อ? อ้อ! เราอัดคลิปเสียงไว้ด้วยนะ ‘ตั้งแต่ต้น’ เลย ใช้เป็นพยานได้นะเผื่อเค้าถามเหตุการณ์”
   ภาพของหนุ่มแว่นหน้าตายทำสีหน้าไร้อารมณ์ไม่เข้ากับสถานการณ์ทำให้ทุกคนชะงัก แต่แทนตกใจกับสิ่งที่เรย์ถือไว้ในมือมากกว่า หนุ่มแว่นขยับข้อมือโบกสมาร์ตโฟนไปมาทำท่าเหมือนไม่เข้าข้างใครแต่แทนรู้ดีว่าเรย์เป็นฝ่ายอ้น และคำพูดของเรย์ก็ใบ้ชัดเจนแล้วว่าสถานการณ์ของฝ่ายเขาไม่สู้ดี เขากับดลเข้ามาทำอนาจารในห้องน้ำจริง!
   “ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
   แทนทิ้งท้ายไว้เช่นนั้นก่อนจะหนีไป ดลเองก็รีบตามออกไปเช่นกัน แต่อ้นยังคงโมโหอยู่เขาจึงตะโกนท้าทายกลับไป
   “เออ! แน่จริงก็มาเลย!”
   เรย์ดึงแขนของอ้นเอาไว้แล้วเอ่ยเสียงดุ
   “ไม่เห็นต้องไปแลก”
   “แล้วแกจะให้ฉันยืนทื่อให้มันด่าเหรอ!”
   อ้นหันมาพาลใส่เรย์
   “เรื่องอะไรอยู่ๆ มาด่ากันแบบนี้ ฉันไปทำอะไรให้มันอะ? เรื่องงานก็ไม่ได้ยุ่งนี่อะไรข้ามมาด่าเรื่องส่วนตัวฉัน ฉันเป็นตุ๊ดแบบนี้มันหนักหัวใคร? ฉันแย่มากเหรอ? ด่ากันว่าตุ๊ดยังพอทนแต่มันด่าฉันเป็นกะหรี่อะแก! เกิดมาฉันยังไม่เคยนอนกับผู้ชายสักคน ให้ท่าอ่อยให้คนมาจีบก็ไม่เคย ขนาดผู้ชายที่ฉันหลงรักมันยังไม่รักฉันเลย! ชีวิตฉันอับเฉาขนาดนี้เรียกว่ากะหรี่ได้เหรอแก! ฮือๆ ถ้าฉันเป็นกะหรี่จริงฉันยอมเอาตัวเข้าแลกกับเศษใจของอีป้องไปนานแล้ว!”
   อ้นพรั่งพรูทุกความรู้สึกออกมา ถ้อยคำที่พ่นปะทะเข้ากับกำแพงที่สร้างขึ้นจากความนิ่งของเรย์ เรย์ปล่อยให้คลื่นความโกรธถาโถมเข้าใส่ตนเองอย่างสงบ เขายอมให้อ้นเอาความกราดเกรี้ยวมาลงที่ตนเสมือนการได้ระบายความอัดอั้นตันใจ และในที่สุด เมื่ออ้นสงบ เรย์ก็สอดมือไปที่ท้ายทอยของอ้นแล้วช้อนศีรษะบังคับให้อ้นเงยหน้ามองเขา เรย์กล่าวอย่างสงบว่า
   “นายก็แค่รักผู้ชายผิดคน ไม่ใช่กะหรี่หรอก อีกอย่าง อย่างนาย ถึงขายก็ไม่มีใครซื้อ”
   “อีบ้า!”
   แม้เรย์จะพูดจาร้ายกาจทว่ารอยยิ้มอ่อนโยนของเรย์ทำให้อ้นรู้สึกอ่อนแอ เขาปล่อยโฮหมดสภาพ เรย์จึงกดศีรษะของอ้นเข้ากับแผงอกของตนเอง
   “เครื่องสำอางกันน้ำมั้ย? เดี๋ยวเสื้อเราเลอะ”
   แม้เรย์จะพูดแบบนั้นแต่แขนของเขาทั้งสองข้างกลับรัดแผ่นหลังของอ้นแน่น อ้นโอบหลังหนุ่มแว่นปากร้ายไว้หลวมๆ เขากำเสื้อของเรย์แน่นแล้วตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้โฮ



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


รู้สึกมีความสุขที่ได้กระชากอารมณ์เข้าโหมดดราม่า  :oni1:

แต่นี่ยังไม่ใช่ที่สุดในเรื่องหรอกนะ  :interest: ทั้งดราม่าและฉากกุ๊กกิ๊กยังมีที่จัดเยอะกว่านี้อีกแน่นอน อิๆ  o18

เป็นฉากมุ้งมิ้งเบาๆ ของเรย์และอ้น คู่นี้เราเน้นใสๆนะ ดังนั้นอ้นเลยต้องใช้คาลามายด์แก้คัน ฮ่าๆ สลายมโนได้ชะงักนักแล หรือไม่แน่อาจเป็นแผนอ่อยของเรย์ คิกๆ
เรย์อ้อนได้น่ารักมาก น่ารักเหมือนเด็กเอาแต่ใจวัย 5 ขวบ! ถ้าเติ้ลชอบเอาแต่ใจแบบงอแงชอบเรียกร้องความสนใจ อิเรย์นี่คือเอาแต่ใจแบบคุณหนูคุณชายเลยแหละ บ้านรวยสินะเลยไม่ยอมทำอะไรเอง ใช้คนอื่นแล้วนั่งเล่นเกม ... แต่ก็นะเพราะเรย์นิสัยแบบนี้ไงถึงโดนเพื่อนเท!
เรย์มีความแมนและความเป็นสุภาพบุรุษในตัว แต่นิสัยเอาแต่ใจกลบหมด เหมือนเด็กซนๆ คะแนนความชวนฟินน่าจิ้นในสายตาชาวบ้านเลยต่ำ
รุ่นพี่ใครว้า รุ่นน้องเรย์ก็เอาแต่ใจได้โล่ รุ่นพี่ก็เกรียนทุกตัว ฮ่าๆ
สงสารอ้น เจอคนแบบเรย์ ฮ่าๆ แต่ก็ไม่แน่นะ แม่พระสาวสองกับคุณชายขี้อ้อนก็เข้ากันดี อิๆ :give2:

แต่เราชอบฉากกวนๆ เกรียนๆ แบบนี้นะ รู้สึกเขียนถนัดกว่าฉากเลิฟๆ โรแมนติกฟินเฟร่อเลี่ยนตัวแตก อาจจะเพราะเราเป็นคนกวนๆด้วยละมั้งเลยฟินกับฉากกวนๆแบบนี้มากกว่าฉากหวานๆ
อีกอย่างรู้สึกว่ากิจกรรมปกติแบบนี้แหละมันอบอุ่นดี ดูมีเคมีมากกว่ามานั่งดินเนอร์ใต้แสงจันทร์หรือพาไปบอกรักที่ทะเล เรย์โรแมนติกแต่ไม่ใช่ผู้ชายประเภททำอะไรหวานๆแบบนั้น ก็ต้องดูกันต่อไปว่าเรย์จะแสดงออกยังไง
เหมือนกับพี่ป้องที่เถื่อนเกินกว่าจะถามหาความฟินจากพี่แก เติ้ลยังยอมแพ้เลยว่าความอบอุ่นของป้องอยู่ลึกมากตนต้องเพ่ง ฮ่าๆ ต้องรอดูว่าในพาร์ตหลังป้องจะหวานขึ้นกว่าเดิมมั้ย หรือยังเถื่อนเหมือนเดิม?

แล้วก็ตัดฉับเข้าดราม่า!  o18

หลายอาทิตย์ก่อนมีข่าว ครูถ่ายคลิปอนาจารโชว์ลงโซเชียลพอดี ... มันก็นะ... เป็นเกย์ก็ไม่ผิดหรอก แต่เกย์โรคจิตที่ชอบอวดคลิปเยเด็กนี่มันทุเรศจริงๆ จรรยาบรรณความเป็นครูหายไปไหนหมด? เอาลูกศิษย์ได้ลงคอมิหนำซ้ำยังถ่ายคลิปแบบชัดเจน คิดมั้ยว่าเค้าหมดอนาคต แล้วไปใช้วิธีไหนหลอกเด็กมา? ขอโทษที่จะต้องกล่าวว่าหนังหน้าท่านไม่ใช่ไทป์ที่ขายดีชวนให้ยอมเสียตัวฟรีนะ แถมยังมีฉากคล้ายๆในโรงเรียนอีก คือ...ในโรงแรมมันไม่เร้าใจพอเหรอ? ต้องได้ยิ้มสดในสถานที่ทำงานอวดชาวโลก
นี่ก็เป็นอีกแบบนึงของคนที่อยากมีตัวตนบนโลกโซเชียล อยากให้คนอื่นอิจฉา อยากมีชื่อเสียง มีคนติดตาม อยากอวดตัวเองในด้านต่างๆ แต่การอวดแบบนี้นี่ทำให้การอวดแบรนด์เนมหรือการอวดแฟนหน้าตาดีเด็กๆไปเลย ต้องเป็นคนประเภทไหนถึงจะด้านขนาดกล้าสมสู่ให้คนอื่นดู? คนที่มีความสุขเพราะกิจกามแบบนี้ควรไปรักษานะ คุณน่ะเป็นจิตเภทแล้ว!

แล้วเราก็เอามาเขียนนิยาย โฮะๆ  o16
ภาคก่อนมีเรื่องของเบสท์กับเติ้ล รายนั้นเติ้ลก็โดนส่งคลิปกระจายไปทั่ว คงระบาดในหมู่แอพเกย์หรือคนรู้จักเบสท์นั่นแหละ แต่คงไม่ถึงกับอัพลงเฟซหรือทวิตเตอร์แชร์แบบสาธารณะเปิดกว้างโล่งโจ้ง งานนั้นพี่ตั้มเลยแค้นหนักมาก คิดดูว่าเติ้ลต้องสตรองขนาดไหนกว่าจะกลับมาเข้มแข็งได้
ในภาคนี้ตัวละครอ้นก็เคยเกือบพลาด อาจจะเคยแบบอยากอวดลงกลุ่ม ลงบอร์ดหรือกรุ๊ปที่ตัวเองอยู่ในโซเชี่ยลว่าผู้ชายที่อยู่ด้วยครอบครองแมมมอธตัวใหญ่มาก ขนาดที่แล่บออกมาจากบ็อกเซอร์เวลานั่งไม่ระวัง แต่ป้องรู้ตัวซะก่อน เลยยำตีนอ้นซะเละและโกรธมาก กว่าจะดีกันได้ก็ยาก
ป้องถึงได้ใช้อ้นเพื่อลืมเติ้ลโดยไม่รู้สึกผิดในตอนแรกไง กว่าที่ป้องจะมารู้สึกดีกับอ้นจริงๆ ก็หลังๆ แล้ว ป้องสำนึกสุดๆ ก็ตอนโดนแจนจับแล้วนั่นแหละ ฮ่าๆ
เป็นเวรกรรมของแต่ละคนที่ต้องเผชิญกับบาปที่ตัวเองก่อไว้ โฮะๆ  :haun5:
อ้นก็ต้องรับมือกับแทน เกย์แอ๊บแมนขี้อิจฉา #อ้นก็สู้คนนะ นางร้ายเป็น หยาบเป็น ตบเป็น  o17
เคยมั้ย? บางทีเราก็อยู่ของเราดีๆ ก็เหมือนมีเจ้ากรรมนายเวรพวกนี้แหละ คอยหาเรื่องเราเพราะอะไรก็ไม่รู้ ไม่ถูกชะตากันซะงั้น!  :freeze:
คนแบบที่คิดร้ายกับเราโดยไม่มีเหตุผล ไม่รู้ว่าเผลอไปเหยียบตาปลาคนพวกนี้รึยังไง แม่xตามจองล้างจองผลาญเหลือเกิ๊น! ทำดีด้วยก็แล้วด่าก็แล้วยังผูกใจเจ็บตามจองเวรไม่เลิก ขุดขึ้นมาพูดอยู่นั่นเป็นศัตรูกันทุกเรื่อง! แทนที่จะจบแล้วต่างคนต่างอยู่ก็ไม่ยอม ... แทนเป็นคนประเภทนั้นแหละ
บทของแทนนี่เราได้ไอเดียมาจากเรื่องเล่าของชาวพันทิปเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานในออฟฟิศแบบต่างๆ ประเภทเพื่อนขี้นินทานี่มีเยอะจริง ต่อหน้าดีลับหลังแทงกันจนพรุน ละยิ่งอ้นค่อนข้างไม่แอ๊บ ค่อนข้างเบิกบานระริกระรี้เป็นตัวของตัวเอง พอเจอกับแทนก็นะ... ละยิ่งพี่แทนเค้าเก็บกดด้วย ไหนจะเรื่อง...อีก บอกเลยว่าอ้นเปิดศึกกับแทนแบบนี้แล้วจากเดิมที่เกลียดตอนนี้แทนคงจ้องทำลาย เหอๆ ตามดูกันต่อไปละกันว่าอ้นจะแก้ปัญหานี้ยังไง
ส่วนคุณน้องดล ก็เป็นยามโรคจิตคนนึงนั่นแหละ เป็นตัวประกอบ แต่ก็เป็นตัวประกอบที่สะท้อนความโรคจิตของเกย์ชอบโชว์บางคน เกย์บางคนเองยังขยะแขยงเพศที่สามที่โรคจิตแบบนี้เลย ข่าวว่าตามห้องน้ำมีพวกโรคจิตชอบไปยืนมองผู้ชายฉี่ ในห้องส้วมมีรูปริศนา กลุ่มเพศที่สามซึ่งออกสาวที่คอยส่งเสียงแทะโลมผู้ชาย(ซึ่งปรากฏว่าผู้ชายคนนั้นเองก็เป็นเกย์เหมือนกัน ละเค้ามาตั้งกระทู้เล่าว่ารับไม่ได้) มันก็เหมือนกับเวลาที่ตุ๊ดหรือสาวสองบางคนน้อยใจว่าเพื่อนผู้ชายชอบมาลวนลามตัวเองนั่นแหละ ถึงเค้าจะเป็นตุ๊ดแต่ก็ไม่ได้ชอบอะไรแบบนั้น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นตัวอย่างไม่ดีที่ไม่ควรเลียนแบบนะ  :teach:

มอบเพลงให้พี่แทน พี่ก็คันเกินไปนะ กะน้องยามพี่ก็ไม่เว้น ท่าจะขาดผู้ชายมากหรือไม่อิน้องดลนี่คงแซ่บจริงไรจริงพี่แทนเลยติดใจมาให้กินฟรีบ่อยๆ
http://www.youtube.com/v/0GBdC2_Q18M 

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่า  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2016 23:29:43 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
อ่านถึงเรย์คันแล้วก็เป็นอันคันยิบๆเหมือนกัน เป็นโรคเดียวกับเรย์แหละ  เคยซดอ่อมเห็ดเพื่อนทำให้กิน อร่อยมากๆ แต่บอกเพื่อนนะว่าแพ้  ข้าวยังไม่ทันหมดจานเลยเรากลายเป็นตุ๊กแกปากครุฑในทันที

ชอบตอนนี้นะ   แหม่แหม...นึกว่าหนูอ้นจะได้ตบนังแทนเสียแล้ว
ก็นะ...ย้อนแย้งดี  คนที่ด่าคนอื่นว่าเป็นกระหรี่ทำตัวแย่ยิ่งกว่ากระหรี่   อิแอบจริงๆ  ตกลงหวยออกที่ดล  แต่เราว่าโจมน่าจะเคยมีประเด็นอะไรกับแทนมาอยู่หรอก   
ตอนนี้โฆษณาคุณสมบัติของพระเอกอย่างเรย์สินะ  ขาวอมชมพู เอ๊ย  ไม่ใช่  แพ้ง่าย
อ้นก็ฝึกไปเถอะซักกกนให้สามีน่ะ   แต่เผลอๆอยุ่ด้วยกันเรย์ทำให้หมดหรือเปล่า?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่อ้น? พี่ให้เราไปช่วยน้องแว่นแล้วทำไมถึงกลับมาเป็นแบบนี้?”
   “มีคนมาฟ้องพี่จ๋าแล้วใช่มั้ยคะ?”
   แน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้ว แต่จ๋าต้องการฟังคำตอบจากปากลูกน้องของตนจึงยังไม่ด่วนสรุป
   “พี่ไม่ว่าหรอกนะเรื่องที่เรา ‘แอบอู้อยู่ในห้องน้ำกับผู้ชาย’ ซึ่งเป็นพนักงานจากชั้นอื่น แต่เราไปมีเรื่องอะไรกับนายแทน?”
   “เค้าบอกพี่แบบนั้นเหรอคะ?”
   สีหน้าของอ้นดูย่ำแย่พอๆ กับสภาพ ดวงตาของอ้นแดงช้ำผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เครื่องสำอางบนหน้าไม่เหลือคุณสมบัติฉาบความสวยงามเพราะร่องรอยน้ำตาทำร้ายให้เกิดคราบสุดสยอง นี่มันแย่กว่าหน้าสดเสียอีก!
   จ๋าถอนหายใจก่อนจะพูดตรงๆ
   “แม่บ้านไปฟ้องเฮชอาร์ว่าเจอเรากับน้องแว่นในห้องน้ำ ก่อนหน้านั้นมีเสียงดังเหมือนคนทะเลาะกัน แล้วเขาก็เห็นแทนเดินออกมา แทนอยู่ในเหตุการณ์ก็จริงแต่แม่บ้านเขาโฟกัสไปที่เรามากกว่า รู้เรื่องที่เขาบ่นกันมั้ย? ตึกนี้มีโรคจิตชอบมาทำอนาจารในห้องน้ำ ถ่ายรูปลงโซเชี่ยลโชว์ด้วย แม่บ้านเขาพยายามหาตัวอยู่ เฮชอาร์ได้ยินแล้วก็มาถามพี่น่ะสิชื่อเสียงเรามันก็พอตัวนะอ้น”
   พอได้ยินแล้วอ้นก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาร่วง เขาเริ่มส่งเสียงสะอื้นยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปาก จ๋ากลอกตากับอาการน้ำตาร่วงของลูกน้อง
   “เอาล่ะๆ ตกลงเราไปทะเลาะอะไรกับแทน รายนั้นเขาใส่ไฟเราเต็มที่เลยนะอ้น เราไปด่าเขาหยาบๆ คายๆ ว่าเขาร่านจริงเหรอ?”
   “ก็ทีมันมาเรียกหนูกะหรี่อะพี่? คำก็กะหรี่สองคำก็ตุ๊ด หนูไปทำอะไรให้มันอะ? หนูไม่เคยอะไรกับมันซักนิด! นี่ถ้าหนูไม่บังเอิญอยู่ในห้องน้ำวันนี้หนูก็คงไม่รู้หรอกว่าลับหลังมันด่าหนูยังไง”
   “ทำยังไงได้พี่เคยเตือนเราแล้ว แล้วตกลงทำอีท่าไหนถึงได้ไปมีปัญหากับแทนเขาได้?”
   นี่ฉันเหมือนกะหรี่ตรงไหน?!
   อ้นอ้าปากค้างอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ด้วยความโกรธเป็นทุนผนวกกับอารมณ์ผิดหวังที่ไม่ได้รับการเข้าข้างเขาจึงน้อยใจ ทว่าแม้จะน้อยใจที่เจ้านายไม่ช่วยปกป้องแต่อ้นก็ยอมเปิดปากเล่า
   “หนูทายาให้อีแว่นอยู่ในห้องดีๆ เค้าก็เข้ามากัน แล้วอยู่ๆ เค้าก็พาดพิงถึงหนู จิกหัวด่าหนูต่างๆ นานาหนูทนไม่ไหวก็เลยโผล่ออกไป ก็เลยมีเรื่องกันอย่างที่เห็น คนที่เล่นหนังสดอนาจารในห้องน้ำไม่ใช่หนูหรอกค่ะ ถ้าพี่จ๋าไม่เชื่อถามหงส์ดูก็ได้นะคะหงส์ก็เห็นมันเดินตามหนูเข้าห้องน้ำ ไอ้โรคจิตนั่นมันโชว์ของลับให้หนูด้วยซ้ำ หนูเม้าท์ให้หงส์ฟัง แล้วที่หนูมาช้าก็เพราะอีแว่นมันเรื่องมาก พี่จ๋าก็เห็น หนูต้องให้หงส์ไปซื้อคาลาไมน์ให้ เรื่องมันเกิดหลังจากที่หนูกับหงส์แยกกัน”
   “ไม่ใช่ว่าพี่ไม่เชื่อเรานะ แต่ทางนั้นเค้ามีภาษีดีกว่า เค้าวางตัวดีกว่ามาตลอด ยิ่งประกอบกับคำให้การของแม่บ้าน เราเลยดูไม่น่าเชื่อถือ”
   “เพราะมันตอแหลเก่งกว่าหนูเหรอคะทุกคนเลยเชื่อมัน!”
   อ้นไม่เข้าใจ! วางตัวดีคืออะไร? ถ้าการแอ๊บทำตัวนิ่งๆ อย่างแทนคือการทำตัวดีงั้นตุ๊ดที่เป็นตัวของตัวเองก็คงกะหรี่หมดทั้งโลก!
   “พอๆ อ้น คุมสติหน่อย พี่เชื่อ พี่รู้ว่าเรากับเรย์ไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น พี่ก็บอกเค้าไปแล้วว่ามีอุบัติเหตุและพี่เป็นคนอนุญาตให้เราไปเอง แต่พี่ก็พูดได้แค่นี้ เรื่องที่เราไปทำอะไรๆ หรือเรื่องที่เรามีปัญหากับแทน พี่ช่วยไม่ได้”
   ได้ยินแล้วอ้นก็ได้แต่เจ็บใจ เขานั่งร้องไห้เงียบๆ พลางกดผ้าเช็ดหน้าปิดปากกลั้นเสียงเอาไว้ อ้นแค้นเหลือเกิน อ้นแค้นสังคมที่ใส่หน้ากากสวยหรูแล้วคอยถือมีดทิ่มแทงกันลับหลังเช่นนี้!
   “ยังไงก็แล้วแต่ ช่วงนี้ก็วางตัวดีๆ หน่อยแล้วกัน อย่าลืมนะว่าเราเป็น PR วันนี้เรากลับบ้านไปพักเถอะ พี่อนุญาตให้ลาครึ่งวันเป็นกรณีพิเศษ”
   อ้นเจ็บใจเหลือเกิน เขาเดินมาที่โต๊ะเก็บของเตรียมตัวกลับบ้านตามคำอนุญาตของหัวหน้า หงส์เดินเข้ามาหาแล้วให้กำลังใจ
   “อย่าคิดมากนะแก ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่ามันจะร้ายขนาดนี้ แกไม่ได้ทำอะไรผิด แค่ด่ากันนิดหน่อยเอง อย่าคิดมากนะ”
   “แต่พวกเราเป็น PR นะแก ภาพลักษณ์ฉันป่นปี้หมดแล้ว”
   อ้นนำคำของพี่จ๋ามากล่าวซ้ำอีกครั้ง เขาเอ่ยมันออกมาราวกับต้องการด่าตัวเอง
   “ก็ให้มันรู้ไปสิว่าคนขยันอย่างแกจะแพ้อีพวกสร้างภาพชอบแทงข้างหลัง ฉันสืบมาแล้วเจ้เก้เล่าให้ฉันฟังว่า”
   “พอก่อนนะหงส์ วันนี้ฉันไม่ไหวแล้วอะ ขอกลับไปพักก่อนนะ”
   วันนี้อ้นไม่ไหวแล้วจริงๆ เขาเบรกหงส์เพื่อขอตัว หงส์เองก็เข้าใจจึงบีบมือของอ้นแน่นแล้วปล่อย เธอพร้อมจะเป็นกำลังใจให้เพื่อนเต็มที่ เพื่อนร่วมงานดีๆ นั้นหายากพอๆ กับผู้ชายไม่เจ้าชู้!
   “อืมๆ ไปเถอะ”
   ตลอดทางที่ออกจากออฟฟิศมีสายตามองตามด้วยความอยากรู้อยากเห็น อ้นซังกะตายพอๆ กับที่อับอายผู้คน แต่แล้วเขาก็เห็นโจมตรงเข้ามาหา
   “พี่พึ่งรู้เรื่อง อ้นไม่เป็นอะไรนะ?”
   “หนูไม่เป็นไรค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
   อ้นอับอายแม้แต่กับโจม เขาก้มหน้าหลบตาแล้วเลี่ยงไปด้านข้างก่อนจะเดินผ่านโจมโดยไม่หันกลับไปมอง โจมมองตามอ้นจนออกประตูไปแล้วมุ่งหน้าไปยังแผนกของตนทันที
   “โจมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันนะแทน”
   แทนเงยหน้ามองเพื่อนร่วมงานแล้วก้มลงมองเอกสารในมือของตนต่อ เขาทำทีราวกับทำงานปล่อยให้โจมร้อนใจไปคนเดียว
   “แทน โจมอยากคุยกับแทน”
   “ทำไมจู่ๆ ถึงอยากคุยกับแทนล่ะ? แย่หน่อยนะโจม ตอนนี้แทนไม่ว่าง”
   แทนลอยหน้าลอยตาตอบอย่างอวดดี น้ำเสียงเน้นหนักเฉพาะบางคำจงใจตอกย้ำเรื่องราวในอดีต รอยยิ้มของเขาอ่านได้ว่าสะใจสุดๆ โจมเองก็รับรู้ แต่เขายังพยายามไม่เล่นตามเกมของแทน
   “แทนไปทำน้องมันทำไม มีอะไรทำไมไม่มาลงที่โจมตรงๆ”
   “สำคัญตัวผิดไปหน่อยรึเปล่าโจม? เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับโจมหรอก เด็กมันแบดแฮบบิทเอง”
   “อ้นไม่ใช่คนแบบนั้น”
   โจมกดเสียงเน้นคำพูดของตัวเองพลางจ้องตากับแทน แต่แทนไม่สะทกสะท้าน เขายิ้มเยาะแล้วตอบโต้กลับเช่นกัน
   “รู้จักกันดีแล้วเหรอถึงมั่นใจ? ท่าทางจะชอบเด็กคนนี้มากสินะถึงได้ปกป้องกันขนาดนี้ ระวังจะรักผิดคนอีกนะโจม เดี๋ยวเรื่องมันจะสะสมจนเคลียร์ไม่หมด”

   “นี่ลุง บริษัทของลุงแบ่งงานระหว่างกะกลางคืนกับกะกลางวันยังไงเหรอ?”
   “ก็แล้วแต่นะครับ ใครจะลงช่วงไหนก็ได้ แล้วแต่บริษัทเขาจัดมา คุณเรย์มอนด์ถามทำไมเหรอครับ?”
   “ผมอยากรู้ แล้วคนที่จัดตารางเวรนี่ใครเหรอ? ลุงพอจะหาเบอร์ติดต่อให้ผมได้มั้ย?”

   วันนี้ป้องกลับห้องช้า แต่เขาไม่คิดว่าตนจะกลับมาถึงแล้วเจอสภาพห้องปิดไฟมืด และที่น่าตกใจกว่าคือเมื่อเขาเปิดไฟแล้วเห็นว่าบนเตียงนอนนั้นมีร่างของอ้นที่ยังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คนอนหลับอยู่ อ้นหลับไม่รู้สึกตัวจนป้องแปลกใจ
   ป้องค่อยๆ วางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วเดินเข้าไปหาอ้น แผงยาแก้ปวดหัวและแก้วน้ำยังวางทิ้งไว้ไม่ได้เก็บ แต่ป้องรู้สึกได้ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น อ้นไม่ใช่คนสำออยยามไม่สบายเหมือนใครบางคน เรื่องที่ทำให้อ้นล้มตัวนอนในสภาพดูไม่จืดแบบนี้น่าจะเป็นปัญหาหนักอกมากกว่าปัญหาสุขภาพ ยิ่งเข้ามาใกล้แล้วได้เห็นร่องรอยบนใบหน้าป้องก็ยิ่งแน่ใจ ดวงตาของอ้นยังมีรอยบวมจางๆ
   ป้องอังมือเข้ากับหน้าผากของเพื่อน เมื่อพบว่าอ้นตัวไม่ร้อนจึงลองเขย่าตัวเรียกอ้นให้ตื่น
   “อ้น ... อ้น”
   “อือ ป้อง”
   อ้นนิ่วหน้าหยีตาสู้แสงไฟ เขาพลิกตัวหนีพลางใช้ฝ่ามือปิดดวงตาของตนเอาไว้ ป้องเห็นดังนั้นจึงดึงอ้นให้ลุกขึ้นนั่ง
   “มึงกลับมานานยัง? เป็นอะไร? ทำไมเป็นแบบนี้?”
   “อื้อ ฉันแค่ไม่สบาย”
   อ้นดิ้นสู้แรงดึงของป้องทำท่าจะพลิกตัวลงไปหลับต่อ ป้องจึงออกแรงมากขึ้น
   “ไม่สบายก็ไปอาบน้ำจะได้มานอนดีๆ แล้วนี่มึงกินข้าวยัง?”
   “ฉันจะกินหรือไม่กินมันก็เรื่องของฉัน แกอย่ามายุ่งน่ะ!”
   มันเป็นเหี้ยอะไรวะ?
   ไม่บ่อยนักที่อ้นจะออกอาการแบบนี้ ป้องปล่อยให้เพื่อนทิ้งตัวลงนอนตามเดิม อ้นพลิกตัวหันหลังให้ป้อง ป้องจึงเท้าแขนคร่อมร่างของเพื่อนแล้วใช้มือขวาปัดปอยผมที่ปรกหน้าของอ้นออก เขาจับผมปอยนั้นไปเหน็บข้างหูก่อนจะเอ่ยถาม
   “เป็นเหี้ยอะไร? งานมีปัญหา?”
   อ้นไม่ได้หลับ ตาของเขายังเปิดอยู่แต่สายตานั้นทอดไปไหนป้องไม่อาจรู้ แต่จากอาการกลืนน้ำลายและเม้มปากปิดสนิทก็ทำให้รู้ว่าเขาทายถูก อ้นมีปัญหาจริงๆ และดูท่าจะหนักมากเสียด้วย
   “อยากเล่าให้กูฟังปะ?”
   แต่อ้นยังเงียบ สุดท้ายป้องเลยถอนหายใจ เขาขยี้ผมบนศีรษะของอ้นเบาๆ แล้วขอตัวไปอาบน้ำ
   “ตามใจ งั้นกูไปอาบน้ำก่อนล่ะ มึงก็ลุกได้แล้ว หาอะไรกินด้วยอะเดี๋ยวโรคกระเพาะถามหา”
   ป้องทิ้งอ้นไว้บนเตียงแล้วจัดการชำระล้างคราบเหงื่อไคลของตัวเอง พออาบน้ำเสร็จแทนที่ป้องจะเลยไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบบ็อกเซอร์มาสวมตามปกติเขากลับเดินมาที่เตียงแล้วโยนผ้าเช็ดตัวของอ้นลงคลุมศีรษะคนที่นอนอยู่
   “เอ๊ะ!”
   อ้นปัดผ้าออกด้วยความหงุดหงิด แต่ป้องแค่พูดนิ่งๆ ว่า
   “ไปอาบน้ำ”
   แม้จะขัดใจแต่ลงท้ายอ้นก็ยอมลุกจากเตียงจนได้

   เมื่ออ้นอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เขาก็ออกจากห้องน้ำมาพบว่าป้องกำลังนั่งรออยู่ที่โซฟา ป้องเปิดโทรทัศน์เอาไว้ ในมือซ้ายมีกระป๋องเบียร์ส่วนมือขวานั้นป้องตบลงบนที่ว่างข้างตัว
   “มานี่มา มาเคลียร์กันหน่อยดิ๊”
   อ้นเดินไปนั่งลงข้างป้องอย่างเสียไม่ได้
   “อะไรล่ะ?”
   น้ำเสียงติดจะหงุดหงิดเหมือนกำลังพยายามปกปิดของอ้นไม่ทำให้ป้องยอมถอยเลยแม้แต่น้อย เขาจับคางของเพื่อนให้หันมาจ้องหน้ากันแล้วถาม
   “มีเรื่องอะไร? ไหนลองเล่าให้ป๋าฟังหน่อยซิ”
   “ป๋าบ้าอะไรของแก”
   อ้นหลุดขำจนได้ เขาปัดมือของป้องออกแต่ยังคงหันไปทางอื่นทำท่าไม่ยอมพูด ป้องจึงเลื่อนมือขึ้นไปวางพาดบนพนักแล้วงอแขนเข้ามาผลักศีรษะของอ้นให้ซบไหล่ของตน อ้นเองก็คุ้นเคยอยู่แล้วจึงเอนตัวลงหนุนไหล่ป้องอย่างง่ายดาย
   “มึงมีอะไรไม่สบายใจ? เล่ามาดิ๊ เผื่อกูช่วยได้”
   “แกจะอยากรู้ไปทำไม?”
   “ก็กูเป็นห่วงมึง”
   “ทำมาเป็นห่วง ทีเมื่อก่อนไม่เห็นเคยสนใจ เกิดรู้สึกผิดคิดเสียดายคนสวยขึ้นมาเหรอไงยะ?”
   ป้องตอบไม่ได้ว่าเขาพึ่งสำนึกก็ตอนที่รู้ตัวว่าจะต้องสูญเสียอิสระให้กับผู้หญิงน่ารำคาญ ป้องไม่ยีหระกับความสุขของตัวเองเพราะหัวใจของเขามันแหลกสลายไปแล้ว แต่เขาเสียใจที่เคยทำดีกับอ้นน้อยเกินไป เมื่อทบทวนถึงความปรารถนาดีที่อ้นมีให้กันมาตลอดเขากลับตอบแทนเพื่อนอย่างแล้งน้ำใจเสมอมา ป้องอยากชดเชยให้อ้นบ้าง แม้เป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ถ้ามันจะช่วยแบ่งเบาเรื่องทุกข์ใจของอ้นได้เขาก็ยินดี เพราะเขาก็คงทำได้เพียงเท่านี้จริงๆ
   “มึงเป็นเพื่อนกูนะอ้น”
   “แล้วถ้าฉันยังเป็นแฟนแกอยู่ล่ะ?”
   “กูจะไปกระทืบไอ้คนที่ทำมึงร้องไห้ เรื่องเจ็บตัวมึงไม่เคยบ่น แต่มึงเป็นคนที่เครียดแล้วร้องไห้ และเรื่องที่ทำให้มึงเครียดจนร้องไห้ได้กูว่าไม่ธรรมดา”
   “จะบ้าเหรอ! ไปทำร้ายคนซี้ซั้ว! เดี๋ยวก็เจอตำรวจหรอกแกร”
   อ้นตอบโต้ไปงั้น เมื่อพูดจบเขาก็เงียบ อ้นนอนหนุนไหล่ป้องเงียบๆ ในห้องที่มีเพียงเสียงทีวีและการขยับมือของป้อง ป้องเขี่ยผมของอ้นเล่นไปเรื่อยๆ รอจังหวะคล้ายกับรู้ใจเพื่อน และในที่สุดอ้นก็พูดออกมา
   “แก... ฉันเหมือนกะหรี่เหรอ?”
   “ทำไมอะ?”
   “แกว่าฉันแรดมากมั้ย? เมื่อก่อน...”
   อ้นหยุดพูดไปครู่หนึ่งแล้วกลั้นใจถาม
   “ตอนนั้นแกโกรธฉันมากมั้ย?”
   มือที่คอยลูบหัวอ้นชะงักไปเสี้ยววินาที แต่วินาทีถัดมาป้องก็ขยับมือของตนเล่นผมอ้นเช่นเคย เขายกเบียร์ขึ้นจิบแล้วเริ่มเปิดปากบ้าง
   “เมื่อก่อนเหรอ? แรดดิ มึงแรดจนกูอยากถีบเลย โคตรรำคาญ! แต่พอกูมาคิดๆ ดูนะ ถ้ามึงไม่ทำตัวแบบนั้นมึงก็อยู่ไม่ได้ใช่ปะ? พอไม่มีกูมึงก็ต้องไปอยู่กับพวกอีแคทเพราะความแตก”
   พอป้องพูดถึงตรงนี้อ้นก็อดไม่ได้ที่จะหันไปซบอกป้อง เขากอดเอวป้องแน่นแต่ป้องกลับไม่ถือสา ยังคงพูดต่อ
   “อ้นที่กูรู้จักถึงจะดี๊ด๊าบ้างแรดบ้างแต่ไม่ใช่กะหรี่แน่นอน เพื่อนกูไม่มักง่ายแบบนั้น แต่ตอนนั้นกูโกรธนะ โกรธชิบหาย! แต่ส่วนนึงกูเสียใจด้วยแหละ กูผิดหวังที่มึงทำแบบนั้นกับกู กูชอบมึงมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะอ้น มึงเป็นคนที่สองที่กูเรียกว่าเพื่อนรัก”
   “ฉันไม่ได้ตั้งใจอะ”
   ความคะนองที่หลงระเริงไปตามวัยไหลไปกับสังคมใหม่ๆ ทำให้อ้นเผลอทรยศเพื่อน เขาคิดง่ายๆ ว่าอยากอวดผู้ชายของตนลงโซเชียลบ้าง หากไม่เห็นหน้าก็คงไม่เป็นอะไรไม่มีใครตามสืบได้ เขาอยากโม้อยากให้ผู้คนอิจฉาจึงได้สร้างตัวตนปลอมๆ ลงในโลกออนไลน์ แต่ผลของมันทำให้อ้นเสียเพื่อนรัก การได้เป็นตัวของตัวเองท่ามกลางเพื่อนสาวสองไม่มีความสุขอย่างที่คิด อ้นได้สาวสมใจไม่ต้องแอ๊บทว่ากลับไม่มีเพื่อนที่จริงใจอยู่เคียงข้างเหมือนเก่า อ้นสูญเสียป้อง
   วันเวลาที่ผ่านไปอ้นโตขึ้น เขาเรียนรู้การเป็นตัวของตัวเองผ่านบทบาทของมนุษย์ตุ๊ดธรรมดาๆ คนหนึ่ง อ้นพยายามทำสิ่งที่ถูกต้องทว่าความอิจฉาริษยายังคงอยู่ การดูถูกยังคงมีมาเช่นเดิมทั้งที่อ้นพยายามทำงานอย่างสงบไม่ใคร่อยากได้อยากมีแข่งขันกับใครอีก อ้นเหนื่อยเหลือเกิน เขาเหนื่อยจนไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร
   “ฉันขอโทษ ฮือๆ”
   เพราะอ้นเริ่มจะส่งเสียงกระซิกแล้วป้องจึงพยายามชวนคุยต่อ
   “เออๆ ช่างมันเหอะ ทำไมอะ? อยู่ๆ ถามกูเรื่องนี้ทำไม?”
   “ฉันอยากรู้ว่าที่ผ่านมาฉันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? ฉันวางตัวไม่ดีเหรอแก?”
   อ้นเป็นจอมแจ๋น ตามตื้อเขาจนน่ารำคาญ อ้นทำตัวหน้าด้านเพื่อให้ได้ตามติดเขา ทว่าอ้นก็แรดเฉพาะกับเขาคนเดียว ป้องรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร
   “เออ ถ้าเฉพาะกับกูนะ แต่กูก็ไม่เคยเห็นมึงวิ่งไล่ตามผู้ชายคนอื่นเหมือนกัน ทำไม? เกี่ยวอะไรกับกะหรี่? มีใครด่ามึงมารึไง?”
   “ฉันมีเรื่องกับพี่ที่ทำงาน พอดีฉันอยู่ในห้องน้ำแล้วได้ยินมันแอบนินทาฉัน มันด่าว่าฉันเป็นอีตุ๊ดชั้นต่ำ มันหาว่าฉันเป็นกะหรี่อ่อยผู้ชายไปทั่ว ฉันเลยด่ามันกลับ แต่มันเอาไปฟ้องหัวหน้าเอาดีเข้าตัว แล้วตอนนี้ทุกคนก็เชื่อมัน เพราะฉันวางตัวไม่ดี ฉันไม่ดีเหรอแก ฉันแรดเกินไปจริงๆ เหรอทุกคนเลยมองฉันเป็นกะหรี่?”
   “มึงไม่ได้แรดขนาดนั้นหรอก แค่แจ๋นๆ อะ”
   ป้องปลอบใจอ้นเพราะรู้ดีว่าเขาช่วยอะไรเรื่องนี้ไม่ได้ ปัญหาในที่ทำงานแบบนี้เกิดจากตัวอ้นเอง หากไม่แก้ที่ต้นเหตุแล้วก็คงยาก แต่อีกใจหนึ่งก็สงสารเพื่อน อ้นไม่ควรถูกด่าด้วยถ้อยคำต่ำช้าเช่นนั้น เห็นทีคนที่อ้นมีปัญหาด้วยคราวนี้คงเกลียดเพื่อนเขาเข้าไส้ หากอ้นยังคิดจะทำงานที่นั่นก็ต้องรับมือกับเรื่องนี้ให้ได้ หรือมิฉะนั้นอ้นก็ต้องเดินออกมาจากที่ตรงนั้น ไปให้พ้นเพื่อนร่วมงานเฮงซวย!
   “มันด่าฉันกะหรี่ทั้งๆ ที่มันแอบเอากับยามในห้องน้ำกลางวันแสกๆ อะ ต่ำกว่าฉันอีก แต่ฉันดันซวยอยู่กับคนอื่นพอดี ทุกคนเลยเข้าใจว่าฉันเป็นโรคจิตชอบทำอนาจารในห้องน้ำแล้วอวดลงโซเชียล”
   “ไอ้เหี้ย! ชิบหายมั้ยล่ะมึง!”
   ป้องตกใจสบถดังลั่น เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะอีรุงตุงนังขนาดนี้ เพื่อนเขากลายเป็นพวกชอบโชว์!
   “ฉันโดนฝ่ายบุคคลหมายหัวไว้ด้วยอะแก คนในที่ทำงานก็ตัดสินฉันไปแล้ว ฉันอายเค้าอะ แต่ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นะ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ แต่เพราะฉันแรดทุกคนเลยคิดว่าฉันร่าน มันเจ็บอะ ฮือๆ”
   อ้นปล่อยโฮระบายให้ป้องฟังอย่างหมดเปลือก เขาร้องไห้ชุดใหญ่จนป้องสงสาร
   “เออๆ ไม่ต้องร้อง มึงขยันๆ ทำงานดีๆ เดี๋ยวคนเค้าก็ลืม คนไทยลืมง่ายจะตาย”
   ป้องจนปัญญาจะช่วยเพื่อนจริงๆ เขาจึงได้แต่ปลอบเพื่อนไม่ให้คิดมากทั้งที่ตัวเองเครียดกับปัญหาที่รายล้อม
   เวรเอ้ย! ทำไมต้องมีเรื่องตอนนี้ด้วยวะ แล้วกูจะทิ้งมึงไว้คนเดียวได้ไง

   เช้านี้บรรยากาศในการทำงานค่อนข้างหงอย อ้นทำงานเงียบๆ สีหน้าไม่สดใสไร้รอยยิ้ม ไม่ว่าหงส์จะขยันแซวเท่าไหร่อ้นก็ยังไม่สดชื่นร่าเริงเหมือนเคย ทว่าอยู่ๆ ก็มีโกโก้ปั่นใส่วิปครีมจากร้านกาแฟชื่อดังมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ โจมโผล่มาทักทายอ้นแต่เช้า
   “ว่าไงเรา? ทำไมหน้าไม่สดชื่นเลย รู้งี้พี่น่าจะสั่งกาแฟมาแทนโกโก้ว่ะ”
   “หนูไม่ดื่มกาแฟค่ะพี่โจม”
   อ้นยิ้มตอบโจม ทว่ารอยยิ้มของอ้นกลับดูฝืนเหมือนจำใจยิ้มเสียมากกว่า โจมเห็นอ้นซึมเช่นนี้ก็สงสาร เขาพยายามหาเรื่องแหย่ให้อ้นกลับมาร่าเริงเหมือนเก่า
   “งั้นห้ามปฏิเสธโกโก้ของพี่นะ โกโก้แก้วนี้เป็นโกโก้วิเศษนะเออ!”
   “แหม วิเศษยังไงคะ? มาจากคนพิเศษรึเปล่า?”
   หงส์ส่งเสียงแซวรับมุก โจมจึงหันไปยกนิ้วโป้ง “Good Job” ให้พลางขยิบตา
   “พิเศษตรงที่กินแล้วจะสดชื่นร่าเริงไง มันช่วยให้เราลืมเรื่องไม่สบายใจได้ด้วยนะ อ้นลองกินดูสิ”
   แม้จะไม่มีอารมณ์ร่วมไปกับสถานการณ์แต่อ้นก็ปฏิเสธคำคะยั้นคะยอของโจมไม่ได้ เขายกแก้วโกโก้ขึ้นดูดเพื่อตัดปัญหา
   “กินแล้วนะคะ”
   “กินแล้วต้องยิ้มด้วยสิ ยิ้มหน่อยๆ ไม่งั้นคนเค้าจะว่าพี่โม้”
   หากเป็นยามปกติอ้นคงใจเต้นเมื่อมีผู้ชายมาหยอดมุกเช่นนี้ แต่ตอนนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะอนุญาตให้ตัวเองดีใจ เป็นครั้งแรกที่อ้นกลัวสายตาคนอื่น อ้นกลัวถูกมองว่าร่าน เขาไม่อยากเป็นพวกโรคจิตอ่อยไม่เลือกที่ เมื่อจิตใจสับสนร่างกายจึงแสดงออกอย่างติดขัด อ้นยกมุมปากขึ้นยิ้มเอาใจโจมได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โจมเห็นแววตาสับสนของอ้นแล้วก็ไม่อยากฝืนตื้อ
   “โอเค งั้นพี่ไปนะครับ”
   ลับหลังโจมออกไปแล้วอ้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา หงส์จึงเอ็ดเอา
   “อีอ้น! พี่โจมเค้าอุตส่าห์มาเชียร์อัพแกถึงที่ ทำหน้าดีใจหน่อยสิยะ”
   “ถ้าฉันยิ้มให้พี่เค้าแล้วกลายเป็นอ่อยอีกล่ะ? ไม่เอาแล้วหงส์ ฉันอยากอยู่อย่างสงบ ฉันไม่อยากให้ใครมาจ้องจับผิดฉัน แค่ถูกเพ่งเล็งเรื่องงานก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ไม่อยากมีปัญหาเพิ่ม”
   “อย่างพี่โจมน่ะแค่อ่อยไม่พอย่ะ เป็นฉันๆ กระโดดจับเลยขอบอก แกเป็นไรอะ ไม่สู้เลย สู้ๆ สิอ้น”
   “ฉันจะเอาอะไรไปสู้ยะ? โน่น! การตลาดมือดี สุดที่เลิฟของบอส แล้วทางนี้ล่ะมีอะไร? ก็แค่ตุ๊ดพีอาร์หน้าใหม่ที่พึ่งเข้ามาทำงานให้บริษัท อย่าหาเรื่องให้ฉันเลย ฉันไม่อยากงัดข้อกับอีพี่แทน!”
   “แกงัดเองไม่ได้ก็ให้คนอื่นช่วยงัดให้สิ งานนี้พี่โจมอยู่ข้างแกเห็นๆ เขาออกตัวให้แกอยู่นะ”
   อ้นพูดไม่ได้ว่าเขาระแคะระคายว่าโจมกับแทนกำลังมีปัญหากัน ก่อนหน้านั้นอ้นรู้เพียงแต่ว่าโจมและแทนแยกกันทำโปรเจ็กคนละตัว ทั้งคู่เหมือนจะแข่งกันกลายๆ และการที่โจมออกตัวว่าชอบเขาอาจทำให้แทนหาเรื่องโจมตีเขาแบบเหมารวม เขาไม่อยากสร้างปัญหาเพิ่มให้โจม ลำพังตัวโจมเองนั้นจะเอาตัวรอดได้หรือไม่อ้นก็ยังไม่แน่ใจ เนื่องจากโจมคอยบ่นเรื่องงานให้เขาฟังเสมอ ดังนั้นการที่ต่างคนต่างอยู่ไม่ไปก่อเรื่องให้ตัวเองเป็นเป้าโจมตีจากแทนจะปลอดภัยที่สุดสำหรับทุกฝ่าย
   “พอเหอะ ทำงานดีกว่าย่ะ”



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


มีใครอยากตบพี่แทนบ้าง?  :beat:
แต่งเองยังหมั่นไส้เองเลย นิสัยไม่ดีก็นิสัยไม่ดีสิ มา Bad habit อะไรล่ะ? ดัดจริต
ไม่เข้าใจ ทำไมบางคนชอบไทยคำอังกฤษคำ ละไม่ใช่ทับศัพท์ด้วยนะ ไม่ใช่คำยากๆ ด้วย แถมเวลาพูดจะต้องแอ๊บสำเนียง มันก็ดีที่พูดอังกฤษแล้วสำเนียงชัด แต่บางทีมันก็เยอะไปนะ? เป็นเด็กนอกเหรอ?
ขนาดเรย์เป็นลูกครึ่งยังพูดไทยเลย ... มะใช่ละ! ฮ่าๆ เรย์เองก็คงโดนความแตกต่างทางวัฒนธรรมเล่นงานเหมือนกันแหละ ไหนจะภาษาอังกฤษเพี้ยนๆ ของคนที่บ้าน ไหนจะเป็นเด็กนานาชาติ ละมาเจอพวกพูดหยาบคายมึงกูแบบแก๊งเกรียน บางทีคงระบบรวนไปบ้างแหละเลยนิสัยแปลกๆ

เป็นตอนที่ป้องกับอ้นมุ้งมิ้งกันอีกแล้ว ... ใช่ที่ไหนล่ะ! เค้าแค่เปิดอกกัน  :man1:
ป้องก็ห่วงเพื่อนเหมือนกัน แม้จะเป็นแบบพึ่งสำนึกก็เหอะ แต่โมเม้นแบบนี้อีนางน้อยเติ้ลไม่เคยได้สัมผัส ฮ่าๆ อย่างดีก็แค่ดูแลแต่ไม่มีหรอกให้ซบหรือชวนคุยให้คำปรึกษา ตอนอยู่กับเติ้ลกวนตีนมาก ก็นับว่าอ้นเป็นคนขัดเกลานิสัยหยาบกระด้างในตัวป้องเหมือนกันนะ เหอๆ แล้ววันนึงพอป้องเป็นผู้เป็นคนขึ้น เติ้ลก็ได้อานิสงส์จากคนอื่นกลับมารับป้องแบบหล่อๆ ไปรับประทานซะงั้น!
บางคนนะ เคยมีแฟน เลิกกับแฟน แต่ไม่เลิกยึดติด สงสัยตลอดว่าทำไมตอนอยู่กับฉันมันแย่จะตายทำไมพอไปอยู่กับคนอื่นแล้วแฮปปี้จังวะ? รักกันหวานชื่นซะงั้น คิดซะว่าบางทีอาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ มันพึ่งไปปรับตัวได้เพราะเคยเสียเวลาไปเยอะแล้วในอดีต แต่เผอิญคุณเป็นอดีตของมัน ไม่ใช่ปัจจุบัน คนที่เป็นปัจจุบันเลยสบายไป
มันมุ้งมิ้งอะ พี่ป้องกำลังเข้าโหมดพี่ชายแล้ว สองคนนี้อยู่ด้วยกันแย้วน่ารัก  :-[

ส่วนอีพี่โจมก็ออกตัวแรงจริง แต่ละวิธีที่พี่แกสรรหามานี่... แล้วแบบนี้เรย์จะเอาอะไรไปสู้?  :hao5: แถมตอนนี้พระเอกหายเกือบทั้งตอน โผล่มานิดเดียว รอดูละกันว่าเรย์วางแผนอะไรเอาไว้ เหอๆ

แรงแต่จริงใจดีกว่าแอ๊บใสแต่ตอแหล http://www.youtube.com/v/I8PAYpodt3Y   

ฝากไว้อีกเพลง รู้สึกผู้หญิงเดี๋ยวนี้เป็นงี้กันเยอะเนาะ
เอาจริงๆ ตัวคนแต่งเองไม่ได้ฟังเพลงไทยค่ะ ไอ้พวกคำคมแรงๆ ด่าเจ็บๆ หรือวาทะกรรมอกหักก็ไม่ค่อยแชร์ด้วย ไม่ค่อยอิน
แต่รู้สึกเหมือนช่วงนึงสาวๆ จะฮิตประโยคนี้มาก มันเข้ากับตอนนี้ดีนะ แทนก็แหลได้โล่ แต่ถ้าหากลองมองดีๆ อ้นลืมอะไรไปรึเปล่า? ไม่ใช่ตัวเองหรอกเหรอที่พรีเซ้นความวี้ดว้ายกระตู้วู้ตั้งแต่แรก เบิกบานเกินไปก็ไม่ดีหรอกนะ ตรงนี้แทนเลยได้เปรียบ
จะมาเข้าข้างตัวเองว่า "ฉันแรงแต่จริงใจนะ ไม่ได้สตรอว์เบอรี่แอ๊บแบ๊วแบบเค้า" มันก็ไม่ได้หรอก คนไม่รู้จักเค้าก็ต้องมองต้องตัดสินจากภายนอกที่เห็นอยู่แล้ว ถ้าเค้าไม่ชอบแล้วเค้าจะมีโอกาสได้ลงลึกทำความรู้จักกันลึกซึ้งมั้ย? ไม่ใช่นิยายนะ! ตัวอ้นเองยังตัดสินเรย์จากภาพภายนอกที่ดูประหลาดๆเลยไม่ใช่เหรอ?
ในกรณีของแทน เก็บไส้เน่าได้ค่อนข้างดี ถ้าไม่โป๊ะแตก ไม่มีคดีกับใครให้เค้าตามจับผิด (อย่างเช่นเจ้เก้) ถามว่าคนอื่นจะรู้มั้ยว่าแทนเป็นยังไง? ไม่มีทางรู้หรอก
ดังนั้นจะดีกว่ามั้ยถ้าทั้งต่อหน้าและลับหลังเป็นตัวของตัวเองแบบไม่แอ๊บ วางตัวดีตั้งแต่ทีแรก
ไม่ใช่กินเหล้าเมาเข้าผับพูดจามึงกูไม่น่ารักแต่งตัวโป๊โชว์ผู้ชาย แล้วก็ออกมาบอกว่า เห็นฉันแรงแบบนี้แต่จริงใจรักใครรักจริงนะ ไอ้พวกเงียบๆหงิ๋มๆพวกนั้นต่างหากแรงกว่า ชอบแย่งแฟนชาวบ้าน บลาๆ ส่องกระจกแล้วไม่รู้จริงๆ เหรอว่าทำไมเค้าเลือกทางนั้น?
บางทีมันก็ต้องดึงสติมีแอ๊บกันนิดนึง วางตัวดีเหมาะกับกาละเทศะนั่นแหละดีที่สุดแล้ว จะได้ไม่ต้องมาเจ็บใจเวลาโดนคนอื่นปาดหน้าเค้ก  :katai2-1:

ป.ล. สำหรับคนแต่ง ใช้คำว่า "แรง" ไม่ได้ ควรใช้คำว่า "เถื่อน" คนแต่งอยู่ในสถานะอีกนิดก็จะลงไปอยู่ระดับ "ถ่อย" ละ  :heaven
ป.ล.2 เค้าฟังเพลง Niconico น่ะ ทั้งโวคัลลอยด์และอุไตเตะ ไม่เคยฟังเพลงเกาหลีเลยด้วย แหะๆ พวกอุไตเตะก็นักร้องสมัครเล่นแหละ ที่บางคนก็มีชื่อเสียง ที่บอกไม่ได้ฟังเพลงไทยก็ไม่ได้หูเทพฟังเพลงสากลอะไรหรอก หมายถึงประมาณนี้แหละ
http://www.youtube.com/v/cd_Gy7hB7Qc

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่า  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-07-2016 18:42:24 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เหมือนกำลังอ่านนิยายตีแผ่ชีวิตตุ๊ด สงสารอ้น

ออฟไลน์ mokh2558

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่าสงสารน้องอ้นจัง ชีวิตตุ๊ดที่น่าสงสาร แต่อย่างน้อยก็ยังมีผู้ชายที่จริงใจกับนางตั้งสามคนแหนะ (แอบอิจฉานางเล็กๆ....คริคริ)...มิน่าอินังแทนถึงได้อิจฉานางมากกกกกก.......................เมื่อไหร่คนแต่งจะทำให้นางมีความสุขกับเรย์สักที...เรารอเชียร์อยู่นะ อ้น+เรย์...อิอิอิ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
สู้ๆนะลูกสาว
คนที่ไม่ร้องไม่ได้หมายความว่าไม่เจ็บ
คนที่ไม่ฟูมฟายไม่ได้หมายความว่าไม่เสียใจ
คนที่แรงไม่ได้หมายความว่าเป็นที่ด้าน

อ้นไปงัดข้อกับคนเก่ามันก็สู้ลำบากแต่ก็เข้าใจนะว่าเพราะโดนเต็มๆ
พระเอกไม่โผล่นี่ไปเตรียมทำอะไรมาหรือเปล่า
เราไม่ชอบการปล่อยคลิปอะไรนะ   
แต่อิแทนกับไอ้ยามน่าโดนมากๆ

ออฟไลน์ mokh2558

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอร้อรอ....เมื่อไหร่อ้นศรีจะมาต่อ :mew2:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   กลางวันนี้เรย์มายืนรออ้นถึงหน้าบริษัท เขายืนกอดอกพิงผนังราวกับจิ๊กโก๋ หงส์เห็นดังนั้นจึงยัดเยียดอ้นส่งให้เรย์อย่างเจ้ากี้เจ้าการแถมยังจงใจพูดกระทบคนอื่นๆ ที่ยืนมองอ้นและเรย์
   “ฉันฝากเพื่อนฉันด้วยน้า มันโดนพิษพวกปากหอยปากปูเล่นงาน พามันไปหายาแก้แพ้กินด้วยล่ะ บ๊ายบาย”
   เรย์แสยะยิ้มหลุดเสียงหัวเราะเบาๆ ทั่วร่างของเขาแผ่ออร่าไม่น่าเข้าใกล้ดูแล้วชั่วร้ายจนไม่มีใครกล้าสบตา
   “ไปกินข้าวกัน”
   อ้นมองเรย์ที่วันนี้ร่าเริงเป็นพิเศษแล้วรู้สึกขัดใจ เขารู้สึกเหมือนเรย์กำลังพยายามทำอะไรบางอย่างที่เกเร แต่อ้นเองก็บอกไม่ถูกว่าเพราะอะไรเขาจึงรู้สึกเช่นนั้น อ้นเพียงแต่รู้สึกว่ารอยยิ้มของเรย์ซ่อนแผนชั่วเอาไว้ ทว่ามรสุมที่เจอทำให้อ้นไม่มีอารมณ์โวยวาย
   เรย์ลากอ้นไปทานข้าวตามปกติ เขานั่งทานเกาเหลาตรงข้ามกับอ้นอย่างมีความสุขไม่สนใจเสียงซุบซิบนินทาและสายตารอบๆ ตัวเลยแม้แต่น้อยผิดกับอ้นที่รู้สึกอายจนไม่กล้าเงยหน้า ในที่สุดอ้นก็ทนไม่ไหว
   “นี่ พรุ่งนี้ฉันว่าจะไปกินข้าวเที่ยงที่อื่นนะ อาจจะเป็นร้านตึกข้างๆ หรือไม่ก็ตลาด”
   เรย์หยุดเคี้ยวสบตากับอ้น เขารีบกลืนข้าวในปากแล้วทำสัญญา
   “งั้นเดี๋ยวเรามารอหน้าลิฟต์เหมือนเดิมนะ”
   “ตามใจแกสิ”
   อ้นตอบรับแล้วตักข้าวในจานทานต่อ แต่ทานไปได้อีกสองสามคำก็มีโทรศัพท์เข้า
   ป้อง!
   อ้นมองรายชื่อสายเรียกเข้าแล้วเหลือบมองเรย์ เมื่อเห็นว่าเรย์ยังไม่มีอะไรผิดปกติก็กดรับสาย
   “ค่ะ อ้นรับสายค่ะ”
   อ้นพูดเสียงเบาผิดปกติแถมยังเอามือป้องปากไว้ เขาหันหน้าไปทางอื่นแล้วจึงคุย ลางสังหรณ์บางอย่างบอกอ้นว่าอย่าให้เรย์รู้เด็ดขาดว่าใครโทรมา
   “มีอะไรเหรอ?”
   “กูเป็นห่วงมึงไง มึงโอเคนะ? แดกข้าวอยู่ปะ?”
   “อืม”
   ถ้าฉันไม่มีเรื่องแกก็ไม่เคยห่วงฉันเลยสินะป้อง
   “เออๆ งั้นกูไม่กวนละ กินต่อเหอะ ... อ้น วันนี้มึงอยากให้กูไปรับปะ?”
   “แกจะมารับฉันทำไม!”
   อ้นเผลอพูดเต็มเสียง และนั่นทำให้เรย์ชะงัก อ้นรู้ตัวเพราะรู้สึกขนลุก เขาแอบหันกลับมามองเรย์และก็พบว่าเรย์จ้องเขาอยู่จริงๆ
   “กูว่าง เผื่อมึง”
   “ไม่ๆ ไม่ต้องมาหรอก ฉันโอเค!”
   ใครจะไปอยากร่านกว่าเดิมยะ! แค่นี้ฉันก็แรดไม่เลือกมากพอแล้ว!
   อ้นรีบปฏิเสธแล้วชิงวางสาย แม้จะกลัวป้องโกรธแต่คนที่นั่งจ้องเขาอยู่ก็น่ากลัวพอกัน อ้นทำเป็นไม่รับรู้ถึงสายตาจับจ้องของเรย์ หนุ่มแว่นหน้าบึ้งอย่างเห็นได้ชัด แต่กระนั้นหนนี้เรย์กลับไม่กวนใจอ้นอย่างเคย
   จนกระทั่งทั้งคู่ทานมื้อเที่ยงเสร็จ ระหว่างทางเดินกลับจากห้องอาหาร เรย์กลับยิงคำถามใส่อ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
   “ยังรักหมอนั่นอยู่เหรอ?”
   “ใคร?”
   อ้นไขสือทั้งๆ ที่รู้ว่าเรย์หมายถึงใคร
   “หมอนั่น แฟนเก่านาย”
   คำว่า “เก่า” ของเรย์เหมือนจงใจเน้นย้ำกับอ้น แต่อ้นไม่เคยตัดใจได้ และเขาไม่ต้องการให้เรย์มายุ่งเรื่องนี้
   “ฉันมีเรื่องเครียดมากพอแล้วนะ แกอย่ามาเซ้าซี้ฉันเลย ว่าแต่แกเถอะ ไม่โดนอะไรบ้างเหรอ?”
   แกรับมือได้ยังไงนะเรย์ ป่านนี้เค้าคงพูดไปทั่วแล้วว่าแกกับฉัน... แกไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ... มีข่าวกับตุ๊ด
   อ้นแอบมองใบหน้าด้านข้างของเรย์ แต่หนุ่มแว่นไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่น้อย เขาเดินจังหวะเดียวกับอ้นแล้วตอบด้วยท่าทางสบายๆ
   “เราไม่มีอะไรต้องอาย”
   เรย์หันมายิ้มอวดดีให้อ้นก่อนจะยกมือขึ้นมาขยับแว่นตาอันเป็นท่าประจำตัว เขากล่าวต่อว่า
   “เราไม่เคยพลาดเรื่องงาน ใครก็ทำอะไรเราไม่ได้ บริษัทไม่มีวันไล่เราออกเพราะเรื่องไร้สาระหรอก”
   “ดีจังนะ แตกต่างกับฉันลิบลับ”
   ฟังแล้วอ้นก็ยิ่งท้อ อ้นรู้ดีว่าวาสนาคนเราไม่เท่ากัน แต่ฟ้าลิขิตให้เขาเกิดมาผิดเพศแล้วไยต้องแถมเคราะห์กรรมให้เขามากมายเช่นนี้ เหตุใดสวรรค์จึงไม่เมตตาสร้างถนนสายกลีบกุหลาบให้เขาสักเส้น ไม่ว่าจะความรักหรืองานก็ล้วนแล้วแต่มีขวากหนามคอยทิ่มแทง
   พอเทียบกับเรย์แล้วชีวิตของเขาช่างน่ารันทด อ้นรู้ว่าเรย์เส้นใหญ่แต่เขาไม่คิดว่าเรย์จะใหญ่คับบริษัทถึงขั้นนี้ ผิดกับเขาที่เป็นเพียงพนักงานต๊อกต๋อยพร้อมจะถูกเขี่ยทิ้งและมีตัวแทนเสมอ นอกจากนั้นครอบครัวของเรย์ยังอบอุ่น แถมยังร่ำรวยจนน่าอิจฉา
   “คนเก่งอย่างเราใครๆ ก็ต้องการตัว โชคดีที่งานของเราอยู่กับคอม เราไม่สนคนอื่นหรอก”
   เรย์อวดสรรพคุณตัวเองอย่างภาคภูมิใจแถมยังตบท้ายด้วยการเป็นตัวของตัวเองอย่างไม่แคร์สื่อจนอ้นอิจฉา
   “บางทีฉันก็อิจฉาแกนะ เรย์ดู...เป็นตัวของตัวเองดีจัง”
   หนนี้เรย์หันมายิ้มให้อ้นอย่างร่าเริง เรย์ยิ้มไปถึงดวงตา ปากของเขาอ้ากว้างยิ้มยิงฟันคล้ายเด็กมากจริงๆ ไม่รู้ทำไมแต่อ้นเผลอยิ้มตามเรย์อย่างปลอดโปร่ง
   “อย่าคิดมากนะ ถ้าเค้าไล่นายออกเดี๋ยวเราช่วยหาหลักฐานฟ้องกลับให้”
   ประโยคหลังของเรย์ทำเอาอ้นยิ้มค้างเลยทีเดียว อ้นอยากด่าเรย์นัก แต่เขาเพลียจนหมดอารมณ์วีน
   “แต่ถ้าเลือกได้ฉันขอทำงานสงบๆ เถอะย่ะ”

   “นี่มันอะไรกันเนี่ยลุง?”
   “เคล็ดลับของข้าไง มาๆ ลองซักหน่อยสิ ซักแก้วรับรองตาสว่างยันเช้าเลย ไม่หลับยาม”
   “ไม่ดีมั้งลุง ถ้าคนอื่นรู้ผมจะโดนด่าเอานะ”
   “โธ่ๆ ก็อย่าให้คนอื่นรู้สิวะ! เอ็งไม่เชื่อก็ตามใจ แต่นี่แหละเคล็ดลับของข้า บริษัทนี้มันจะไปมีอะร้าย ไม่มีขโมยหรอก สบายๆ น่าไอ้ดล”
   ดลมองของเหลวในแก้วอย่างชั่งใจ แต่แล้วเขาก็รับมันมาดื่มเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับ รปภ. รุ่นดึกผู้ทำหน้าที่กะกลางคืนมานาน
   ไม่นานหลังจากนั้นฤทธิ์ยาก็ทำงาน ดลหลับคอพับไม่รู้สึกตัว ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวออกจากลิฟต์ตรงมาหาทั้งคู่
   “เรียบร้อยครับ มันหลับไม่รู้สึกตัวเลย”
   เรย์ยิ้มกว้าง ก่อนจะค้นตามตัวของดลแล้วฉกโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง
   รปภ. ผู้ร่วมแผนการณ์ถามเรย์ด้วยความสงสัย
   “คุณเรย์มอนด์จะเอาโทรศัพท์ของมันไปทำไมเหรอครับ?”
   “แล้วลุงไม่อยากรู้เหรอว่าใครเป็นโรคจิตประจำตึก? ขอเวลาผมสองชั่วโมงแล้วผมจะเอาของมาคืน รับรองว่าลุงจะได้หลักฐานไปบอกหัวหน้าได้ขึ้นเงินเดือนแน่ๆ”

   แม้ชีวิตในช่วงนี้จะถูกรุมล้อมด้วยผู้ชายใครๆ ก็รุมรัก แต่อ้นกลับไม่สบายใจ เขาไม่ยินดีเลยสักนิด ความกังวลทำให้อ้นหวาดกลัว อ้นรู้ว่าป้องเป็นห่วงเขาแต่การที่ป้องเอาใจใส่เขามากผิดปกติก็ทำให้อ้นระแวง พักหลังป้องมักมีโทรศัพท์เข้า แต่ที่แปลกคือป้องมักจะปิดเสียงแล้วไม่ยอมรับโทรศัพท์ ป้องแชทด้วยแอปสนทนาแทนการโทรคุยด้วยเสียงเมื่อมีเขาอยู่ใกล้ๆ หากจำเป็นต้องคุยจริงๆ ป้องจะหลีกออกไปคุยนอกห้องโดยอ้างว่าลงไปเซเว่น ดูอย่างไรก็เหมือนมีความลับปิดบังเขา
   ส่วนอีกหนึ่งหนุ่ม โจม รุ่นพี่ประจำออฟฟิศ
   อ้นเคยกรี๊ดโจม จนถึงตอนนี้ก็ยังปลาบปลื้มโจมอยู่เช่นเดิมทว่าเขาไม่ได้รักโจม และการพัวพันกับโจมจะทำให้เขามีปัญหาเรื่องงานอ้นจึงอยากหลีกเลี่ยง แต่พักหลังโจมรุกหนักเหลือเกิน แม้ไม่ค่อยได้คุยกันในออฟฟิศแต่โจมก็ขยันไลน์มาหาตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงดึกใกล้เวลาเข้านอนโจมจะคุยด้วยหวานเป็นพิเศษ และนั่นทำให้อ้นอึดอัดปฏิบัติตัวไม่ถูก เขาไม่มีอารมณ์จะดัดจริตดีดดิ้นอีกแล้ว
   “เป็นอะไรยะ อ่านไลน์แล้วก็ถอนหายใจ”
   “เบื่อ”
   “พี่โจมเหรอ?”
   “อืม เค้าชวนไปกินข้าว ศุกร์นี้”
   “แล้วแกตอบว่าไง”
   “ไม่ตอบ เพราะ ไม่ได้อ่าน”
   อ้นเฉลยให้หงส์ฟังหมดเปลือกแต่คิดไม่ถึงว่าตนจะจุดไต้ตำตอ เสียงขี้เล่นของผู้ถูกนินทาดังขึ้นด้านหลังของอ้น
   “โห น้องอ้นทำแบบนี้พี่เสียใจนะ”
   “อุ๊ย! สถานการณ์ไม่สู้ดี ฉันหนีกลับก่อนดีกว่า”
   หงส์ชิ่งหนีกลับไปแล้ว อ้นที่ยังเก็บของบนโต๊ะอยู่จึงหนีไม่ได้ เขาเก้อจนทำตัวไม่ถูก
   “พี่ทำให้อ้นรำคาญรึเปล่า?”
   “มะไม่ค่ะ! ไม่เลย... หนูแค่...”
   อ้นพยายามปฏิเสธ เขาไม่อยากให้โจมเสียใจ แต่ก็สับสนจนอธิบายไม่ถูก เรื่องมันซับซ้อนเกินกว่าเขาจะพูดออกมาได้ง่ายๆ
   “พี่เข้าใจ เราไม่อยากมีปัญหาอีกใช่มั้ย แต่พี่ว่าอ้นไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่เห็นต้องแคร์คำพูดของคนอื่นเลย”
   “ต้องแคร์สิคะถ้าตราบใดหนูยังอยากทำงานที่นี่ คำพูดฝ่ายบุคคลหนูจะไม่แคร์ได้ยังไง”
   “ค่อยยังชั่ว งั้นก็แปลว่าพี่ยังมีหวัง”
   “พี่โจม...”
   อ้นครางอย่างหมดหวังเมื่อโจมยังตื้อไม่เลิก แต่เมื่อสบสายตาเข้ากับใบหน้าเปื้อนยิ้มของโจมแล้วอ้นก็ไปต่อไม่ถูก เขาถอนหายใจเร่งมือเก็บของบนโต๊ะใส่กระเป๋าเพื่อกลับบ้าน
   “พอรถอ้นซ่อมเสร็จเราก็ไม่ได้กลับด้วยกัน พี่เลยไม่มีคนกินข้าวเย็นด้วยเลย เสียดายจัง”
   อ้นเหลือบตามองโจม เขาเก็บของเรียบร้อยแล้ว อยากกลับบ้านเต็มทน แต่โจมยังยืนขวางอยู่ทำให้เขาไม่อยากเสียมารยาท
   “วันศุกร์นี้ไปกับพี่นะ แวะไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน”
   “หนู...”
   “อย่าปฏิเสธนะ พี่มีอะไรจะเซอร์ไพรสเราด้วย รับรองว่าสวยสุดๆ ถูกใจอ้นแน่ๆ”
   ความมุ่งมั่นของโจมส่งผ่านมาถึงอ้นทางสายตาจนอ้นไม่กล้าปฏิเสธ
   “ก็ได้ค่ะ ถ้าไม่ติดอะไรนะคะ”
   ฉันจะไปรับปากพี่เค้าทำไมเนี่ย!
   อ้นมัวแต่เครียดเรื่องหนุ่มสองคนแรก “ป้อง” กับ “โจม” จนลืมหนุ่มคนที่สามเสียสนิท อ้นไม่นับเอาเรย์เข้าไปอยู่ในรายชื่อหนุ่มๆ ของตนเลยแม้แต่น้อยทั้งๆ ที่หนุ่มคนสุดท้ายยอมลากสังขารไปทานอาหารในตลาดนัดไร้แอร์แสนร้อนเป็นเพื่อนเขาทุกวัน!

   “วันนี้มีใครรังแกมึงอีกปะ?”
   “ไม่มี”
   ทำไมแกต้องเป็นห่วงฉันขนาดนี้ด้วย แกเป็นอะไรอะป้อง
   “ดีละ”
   ป้องเงียบไปครู่หนึ่งก็เรียกอ้น เขาตัดสินใจลองหยั่งเชิง
   “งั้นช่วงนี้มึงก็แฮปปี้ดีอะดิ? ไม่มีเรื่องอะไรนะ?”
   “ทำไมเหรอ?”
   แกอยากจะพูดอะไรกันแน่ แกปิดบังอะไรฉัน
   “ก็ถามดู... ถามไปงั้นอะ ไม่มีอะไรหรอก”
   “แกมีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะป้อง”
   “มะ”
   ป้องทำท่าเหมือนจะปฏิเสธแต่แล้วก็ชะงัก เขาหันหน้าหนีเสไปมองทีวีก่อนจะถอนหายใจ แต่แล้วอยู่ๆ ก็กลับมาคุยต่อ
   “สมมุติว่าถ้ากูอยากย้ายหอมึงจะว่าไง ... แบบ กูย้ายออกจากที่นี่ ไปอยู่ที่อื่น เลิกแชร์ห้องกับมึง... มึง... มึงโอเคนะ?”
   “ทำไมจะไม่โอเคล่ะ คนสวยโอเค ฉันก็แค่ต้องเก็บเงินเยอะขึ้น อดชอปปิงเพราะไม่มีคนหารค่าห้องแค่นั้นเอง เอ๊ะ! แต่ไม่แน่นะ ฉันอาจจะย้ายหอหาห้องใหม่ที่มันถูกกว่านี้ก็ได้ เอาใกล้ๆ ออฟฟิศไง ขี้เกียจขับรถแระ”
   “อ้น... มึงร้องไห้”

   “เป็นอะไรไปอ้น ดูใจลอย กับข้าวไม่อร่อยเหรอ?”
   “เปล่าค่ะ หนูแค่...”
   “โธ่ พี่อุตส่าห์อยากอวด แต่มันดันเหี่ยวซะก่อน เลยไม่มีดอกกุหลาบสวยๆ ให้อ้นดูเลย กะจะเรียกคะแนนด้วยของอร่อย แต่สงสัยจะไม่ถูกปาก อ้นเลยยังไม่ยิ้มซักที แฟร์รี่สาวคนนั้นหายไปไหนแล้ว? ไม่ร่าเริงเลย”
   เรื่องเซอร์ไพรสที่โจมตั้งใจอวดอ้นก็คือเขาได้กุหลาบอังกฤษต้นใหญ่มาลงร้าน ค่าตัวต้นกุหลาบกระถางนี้ไม่ใช่ถูกๆ ตีเป็นเงินหลายพันบาท แต่มันกลับไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากอ้นได้เลย อ้นเหม่อลอยเหมือนมีอะไรในใจตลอดเวลา แน่นอนว่าอ้นย่อมต้องคิดมากเมื่อป้องบอกเขาว่าจะย้ายออก ป้องบอกว่ากำลังดูหออยู่ แม้จะรับปากว่ายังไม่ย้ายภายในเร็วๆ นี้ แต่อ้นก็มั่นใจว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น
   “เครียดเรื่องอะไรเหรอ ยังห่วงเรื่องนั้นอยู่อีกรึไง?”
   “เรื่องอะไรคะ?”
   “ก็เรื่องที่บริษัทไง คับที่อยู่ได้แต่คับใจอยู่ยาก พี่เองถ้าทนไม่ไหวก็ว่าจะไปเหมือนกัน อ้นไปกับพี่ได้นะ”
   “เค้าซื้อตัวพี่ไม่ได้ต้องการเด็กไร้ฝีมืออย่างหนูนี่คะ”
   อ้นพอจะรู้ว่าโจมนั้นถูกบริษัทคู่แข่งเสนอซื้อตัว อันที่จริงใครๆ ในบริษัทต่างก็รู้เรื่องนี้เพียงแต่ไม่ได้พูดกันโจ่งแจ้ง โจมเคยบ่นกับอ้นเสมอมาว่าเขาไม่อยากไปจากบริษัทแต่พักหลังสถานการณ์ของโจมไม่สู้ดีนัก ยิ่งโจมเปิดเผยว่าชอบเขาแล้วยิ่งถูกคนในบริษัทมองไม่ดี ต่อให้ไม่ถูกซื้อตัวบริษัทก็แทบจะบีบให้ออกกลายๆ ด้วยการลดบทบาทลงและเทโปรเจ็กใหญ่ๆ ไปให้แทน
   “ถ้าพี่ไปจริงๆ พี่ไม่ทิ้งอ้นหรอก พี่ทำงานมานานพี่พอมองออกว่าใครมีฝีมือ พี่จ๋าหวงอ้นยิ่งกว่ายัยหงส์อีก แต่อย่างพี่จ๋าน่ะแกไม่ไปไหนแล้ว พี่พาอ้นหนีไปสร้างอาณาจักรใหม่ด้วยกันดีกว่า”
   อ้นยิ้มบางๆ ให้โจม เขาหลบสายตาโจมด้วยการทำทีเป็นเพลิดเพลินกับอาหารตรงหน้า แต่โจมไม่ปล่อยให้เสียจังหวะ เขาเดินเกมต่อทันที
   “ถ้าพี่ชวน อ้นจะหนีตามพี่รึเปล่า?”
   เสียงของโจมฟังแล้วแฝงนัยยะสำคัญมากกว่าคำหยอกล้อเรื่องงาน อ้นจึงประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
   “มะไม่รู้สิคะ... หนูยังไม่อยากเปลี่ยนงานมั้งคะ แหะๆ”
   “แล้วถ้าพี่ขอคบอ้นตรงๆ แบบนี้ล่ะ? อ้นจะให้โอกาสพี่มั้ย?”
   “หนู...”
   คราวนี้อ้นถึงกับสตั้น! เขาคิดอะไรไม่ออก ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะพูดอะไร แต่ในที่สุดเมื่อสงบสติอารมณ์ได้แล้วอ้นก็พร้อมให้คำตอบ
   “หนูยังไม่อยากคุยกับใครค่ะ คือหนู...”
   “ไม่เป็นไรพี่เข้าใจ ตอนพี่เลิกกับแฟนก็เป๋ไปเหมือนกัน มันไม่อยากคุยกับใครเลย จนพี่ได้เจอเรานั่นแหละ บอกตามตรงตอนเจออ้นครั้งแรกๆ เราโคตรฮาเลยว่ะ แต่พอพี่ได้รู้จักอ้นมากขึ้น พี่กลับพบว่าพี่สบายใจทุกครั้งที่ได้คุยกับเราว่ะ พี่ถามตัวเองนะว่าทำไม ทั้งๆ ที่เราเป็นแบบนี้ ... คือ โทษนะ”
   “ไม่เป็นไรค่ะ หนูโอเค หนูเป็นตุ๊ด”
   อ้นยิ้มยิมรับชะตากรรมให้โจมแล้วรอฟังเขาพูดต่อแต่โดยดี
   “ไม่รู้สิ พี่ไม่รู้สึกแอนตี้เรานะ พี่โอเคว่ะ”
   “พี่โจมคะ หนูเป็นตุ๊ดนะคะ ที่พี่โอเคกับหนูเพราะมันเป็นแค่การคุยกันรึเปล่า? ถึงยังไงหนูก็ยังเป็นนายอโณทัยอยู่ดี ต่อให้หนูทำอะไรๆ เสร็จแล้วหนูก็แต่งงานมีลูกแบบผู้หญิงไม่ได้ พี่โอเคแน่เหรอคะ? ถ้าพี่คบกับกะเทยพี่จะไม่มีวันมีครอบครัวที่สมบรูณ์นะคะ พี่จะรับสภาพนั้นได้เหรอ?”
   อ้นเจ็บปวดทุกลมหายใจที่ต้องพูดข้อเท็จจริงซึ่งเขาตระหนักมาตลอดให้โจมฟังเป็นฉากๆ เขารู้ดีแต่ยังอดไม่ได้ที่จะฝันหวานถึงฉากแต่งงานราวกับเทพนิยายของเจ้าหญิงที่ได้ครองรักกับเจ้าชายตอนจบ อ้นแค่นหัวเราะแล้วพูดต่ออย่างเศร้าสร้อย
   “ถ้าทำได้หนูก็อยากจะแต่งงานกับใครซักคนเหมือนกัน ถ้าหนูทำอย่างนั้นได้หนูคงมีความสุขมากเพราะหนูฝันเอาไว้ว่าซักวันหนูจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวมีชายยาวๆ หนูอยากให้เจ้าบ่าวของหนูอยู่เคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่าแม้ว่าเราสองคนจะไม่มีลูกหลานเหมือนครอบครัวอื่น มันอาจไม่ได้ตามฝันเป๊ะแบบนั้นแต่อย่างน้อยหนูก็หวังว่าผู้ชายคนนั้นจะรักและอยู่เคียงข้างหนูตลอดไป หนูไม่อยากคุยเล่นกับใครก็ตามที่วันนึงพอเค้าสบายใจแล้วก็ไปจากหนูหรอกค่ะ”
   ถ้าเป็นแบบนั้นสู้ให้หนูแอบรักเค้าข้างเดียวต่อไปเรื่อยๆ ยังเจ็บน้อยกว่าอีก
   อ้นจบประโยคระบายความอัดอั้นตันใจของตนเงียบๆ ในใจ โจมนั่งนิ่งหลังจากรับฟังคำพูดของอ้น เขาไม่กล่าวอะไรอีกนอกจากชวนทานอาหารต่อ อ้นเองก็พยายามฝืนยิ้มรับคำชวนเช่นกัน ทั้งคู่ต่างจนอยู่กับความคิดของตัวเอง



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


พักนี้เนือยๆ ไม่ค่อยมีอารมณ์ลงนิยาย  :sad2: เบื่อๆ เซ็งๆ  :เฮ้อ:
ขอโทษคนอ่านทุกคนละกัน  มาเลต  o1


ออฟไลน์ mokh2558

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เย้เย้ๆๆๆๆๆๆๆหนู้อ้นมาแล้ว :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: แต่อยากให้มาทู้กวันเลยน้าาาา :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
เอ๋ เรื่องนี้ยังไม่จบหรอ  หรือว่ามีของคู่อิ่นเพิ่มมา ตอนนั้นอ่านจาก Eook Bee

หรือมีเนื้อหาเพิ่มเติม เอ่ย จะได้กลับมาอ่าน  :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   สองสามวันมานี้เรย์รู้สึกไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่ ม้าของเขาขยันโทรหาบอกให้เขาไปทำบุญเพราะหมอดูทำนายว่าเขากำลังจะมีเคราะห์ แต่เรย์ไม่เชื่อ กลับกันเขากลับรู้สึกว่าตนน่าจะไม่สบายเพราะพักผ่อนน้อยเวลานอนไม่พอเสียมากกว่า ช่วงนี้มีเกมออกใหม่ค่อนข้างเยอะและเขาจำเป็นต้องแคสเกมพวกนั้นลงชาแนลตามเสียงเรียกร้องของแฟนคลับแม้ว่าธรรมชาติของร่างกายจะเรียกร้องให้เขาพักผ่อนก็ตาม เรย์อยากจะหยุดงานเสียด้วยซ้ำแต่เขาต้องไปทานมื้อเที่ยงกับใครบางคนทุกวัน
   หนุ่มแว่นลงลิฟต์มายังชั้นยี่สิบสามพลางตั้งหน้าตั้งตารออ้นออกมาจากประตูออฟฟิศอย่างมีความสุขจนลืมสังเกตสรรพสิ่งรอบๆ ตัว หรืออันที่จริงอาจจะเป็นเพราะเรย์ไม่เคยสนใจใครจึงไม่เห็นว่ามีคนแปลกหน้ารออยู่หน้าบริษัทเช่นกัน!

   วันนี้อ้นออกมาช้า หัวหน้าและเพื่อนร่วมงานของอ้นลงไปทานข้าวกลางวันแล้ว พวกเขาทักทายเรย์ด้วยรู้จักกันแต่เรย์กลับไม่ใส่ใจ เขายังคงรออ้นอยู่หน้าประตู ทันทีที่อ้นเดินออกมา เรย์ก็ยิ้มแก้มปริ เขากำลังจะเดินเข้าไปหาอ้นแล้วต่อว่าที่มาช้าแต่ผู้หญิงอีกคนซึ่งเดินมาจากไหนไม่รู้ปราดเข้าไปถึงตัวอ้นก่อน เธอตรงเข้าไปตบอ้นอย่างแรง!
   “อีหน้าด้าน! หาผู้ชายเองไม่ได้รึไงถึงได้มาแย่งของคนอื่นเค้า สะใจแกรึยังอีวิปริต ทำให้ผู้ชายหลงได้นี่ชอบนักใช่มั้ยอีร่าน!”
   เรย์หน้ามืดทันทีที่เห็นอ้นลงไปกองกับพื้น
   “Stop it! Or you want me to kill you!”
   อ้นมองเรย์ที่โกรธจัดจนผลักผู้หญิงกระเด็นแล้วถึงกับพูดไม่ออก!
   แกมาแปะมือเปลี่ยนตัวกับฉันรึไงคะอีแว่น! อีนี่ก็ไม่ได้ออมมือให้ผู้หญิงเล้ย ในตัวแกมีคำว่าสุภาพบุรุษมั้ย!
   เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก อ้นไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ เขาก็แค่เดินออกมาจากบริษัท รู้ว่าอีกเดี๋ยวจะต้องไปทานข้าวโดยมีเรย์ติดสอยห้อยตามไปด้วยอย่างเคย แต่อยู่ๆ กลับมีหญิงบ้าที่ไหนไม่รู้ปรี่เข้ามาตบแบบไม่ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า
   ถึงอ้นจะเป็นผู้ชายแต่ก็ตัวเล็กเอวบางร่างน้อยสูงไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบเซ็นติเมตรหนักเพียงสี่สิบเก้ากิโลกรัมเท่านั้น! เมื่อถูกพิษรักแรงหึงกระชากไปตบอ้นจึงลอยติดมือชะนีร่วงไปกองกับพื้น เล็บของนางครูดแก้มจนอ้นแสบไปทั้งหน้า!
   ดี๊ดีค่ะดีออก อยู่ๆ กูก็แย่งผัวชะนีได้สำเร็จไม่รู้ตัว!
   อ้นเคืองและงงในขณะเดียวกัน เขาคาดว่าชาวออฟฟิศมุงเองก็คงสับสนไม่น้อยไปกว่ากัน เรย์ยืนขวางระหว่างเขากับผู้หญิงคนนั้นท่าทางน่ากลัวเหมือนพร้อมจะลงมือขย้ำคนได้ทุกเวลา ส่วนคู่กรณีของอ้นนั้นก็คงมึนไม่แพ้กัน เธอใช้มือประคองใบหน้าราวกับแอคติ้งหน้ากล้องพลางมองเรย์อย่างไม่เชื่อสายตา
   อ้นรู้สึกตงิดๆ กับช่วงกลางลำตัวของคู่กรณีที่นูนขัดกับรูปลักษณ์รักสวยรักงามแต่งตัวจัดของผู้หญิงคนนี้
   เหมือนทุกอย่างเป็นไปตามบทละครน้ำเน่าเกรดต่ำ เมื่อเวลาผ่านไปพอให้ได้กระพริบตาภาพก็ตัดฉับราวกับสลับฉาก อยู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็กรี๊ดแล้วพุ่งเข้ามาทำร้ายเรย์พลางด่าทอว่าเขาทำร้ายผู้หญิง
   “แกกล้าทำร้ายฉันเหรอ! อีหน้าตัวเมีย ทำร้ายผู้หญิง ทำคนท้อง!”
   อ้นตกตะลึง! แต่คำว่า “ท้อง” ไม่มีผลกับเรย์เลย อ้นถึงกับเพลียเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า คนท้องพุ่งเข้ามาตบตีเรย์รัวๆ!
   เรย์ไม่ปัดป้องร่างกายตัวเองเลย เขาสวนกลับเน้นๆ ด้วยการจับหมับเข้าที่ลำคอของผู้เคราะห์ร้าย ถึงตอนนี้ รปภ. ก็รีบวิ่งเข้ามาพอดีราวกับเซตฉาก ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นหนังสยองขวัญด้วยพฤติกรรมของเรย์!
   ขนาดฉันเป็นตุ๊ดฉันยังไม่ตบผู้หญิงเลยนะอีแว่น! ผู้ชายอะไรทำร้ายคนท้อง!
   เมื่อผู้หญิงถูกแยกออกไปแล้วเรย์ก็กลับมายืนเคียงข้างอ้น เขาก้มลงดึงอ้นที่เข่าอ่อนจนลืมลุกให้ยืนขึ้นเช่นเดิม
   อ้นงงจนลืมขอบคุณเรย์ เสียงด่าทอของผู้หญิงคนนั้นดังมานับตั้งแต่ที่คอของเธอเป็นอิสระ
   “ทุเรศมีผัวอยู่แล้วยังมาแย่งผัวคนอื่น อีหน้าด้าน ไอ้แมงดา ทำร้ายผู้หญิง อีพวกวิปริต!”
   หนอยอีนี่! แล้วที่ปรี่เข้ามาจิกหัวกูละคะ!
   “ฉันไปทำอะไรให้คุณ! คุณเป็นใครฉันยังไม่รู้จักเลยจะไปแย่งผัวคุณได้ยังไง ฉันไม่เคยมีผัวย่ะแม้แต่กิ๊กยังไม่มีเลย!”
   “ตอแหล อีนังตุ๊ดหน้าด้าน!”
   “What the fuck! Don’t be an idiot!”
   เรย์ตะคอกใส่เพราะหมดความอดทนเมื่อผู้หญิงคนนั้นด่าอ้นไม่เลิก แถมยังเหมารวมว่าเขาเป็นแมงดาอีกต่างหาก
   “อีบ้า! อยู่ๆ ก็มาทำร้ายคนอื่น ลุง รปภ. คะโทรเรียกตำรวจเลยค่ะ หนูจะเอาเรื่องมัน!”
   “มาสิฉันจะแจ้งความกลับเหมือนกัน ไอ้แมงดานี่มันจะฆ่าฉัน ทุกคนที่นี่เป็นพยานได้ มันบีบคอฉัน!”
   อ้นตกตะลึงพึ่งนึกได้แต่เรย์ไม่กลัว เขาท้ากลับ!
   “เอาเลย! ที่นี่มีกล้องวงจรปิด มีหลักฐานว่าผมป้องกันตัว อยู่ๆ คุณก็เข้ามาทำร้ายเพื่อนผมแถมยังพยายามจะทำร้ายผม ผมจะฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาทอีกคดี เพราะคุณทำให้ผมกับเพื่อนเสื่อมเสียชื่อเสียง ตึกนี้คนนอกต้องแลกบัตร บอกให้ รปภ. ข้างล้างอายัดบัตรประชาชนยัยนี่เลยลุง!”
   “ครับคุณเรย์มอนด์!”
   เรื่องทำท่าจะกลับตาลปัตรเมื่อเรย์หัวหมอกว่านางอิจฉาเกรดต่ำ จากเดิมที่อ้นตั้งใจแค่เพียงพูดขู่กลับกลายเป็นโทรแจ้งความเข้าจริงๆ นางร้ายหน้าซีดทำท่าจะหนีแต่ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยควบคุมตัวไว้
   กรณีตบแย่งผู้ชายกำลังจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เสียแล้ว ไม่เพียงแต่ผู้อาละวาดที่หน้าซีด แม้แต่อ้นเองก็แอบกลัวด้วยเช่นกัน เขามีลางสังหรณ์ว่าชีวิตการทำงานของตนจะพังพินาศในครั้งนี้
   
   เรย์เรียกตำรวจมาจริงๆ เขาบังคับให้อ้นอยู่รอตำรวจด้วยกัน เพียงชั่วขณะเรื่องก็รู้ถึงระดับหัวหน้าจนได้ เร็วจนแม้แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังไม่ทันอืด ทุกคนถูกเชิญตัวเข้าไปนั่งรอในห้องรับแขกของออฟฟิศ จ๋าและหงส์ที่รู้ข่าวรีบกลับมาหาอ้นและเรย์ พนักงานคนอื่นๆ พากันพูดปากต่อปากกระจายเรื่องราวอย่างเมามันเหมือนไฟลามทุ่ง ผู้วางแผนถึงกับยิ้มกริ่มที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ตนต้องการ เขานั่งทานปิ่นโตอาหารคลีนอย่างมีความสุขบนโต๊ะทำงานของตนพลางรอให้ตัวละครสำคัญมาถึง
   ฝ่ายบุคคลของบริษัทพยายามจะให้ทุกฝ่ายตกลงยอมความกันแต่โดยดีและถามถึงสามีของหญิงสาวแปลกหน้าเพื่อจะเรียกมาไกล่เกลี่ยเรื่องภายในครอบครัว ทว่าผู้หญิงคนนี้กลับอ้างเรื่องที่ถูกเรย์ทำร้ายร่างกายทั้งที่ตนตั้งครรภ์และไม่ยอมความ ต้องการให้บริษัทแสดงความรับผิดชอบด้วยการไล่อ้นออก!
   “บริษัทต้องรับผิดชอบเพราะพนักงานของคุณทำร้ายร่างกายฉัน! โทษหนักแบบนี้ต้องไล่ออกสถานเดียว!”
   “เหอๆ แย่หน่อยนะไม่ได้ทำงานที่นี่”
   คนเจ็บตัวเจ็บใจที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามคาดเลยหันมาไล่บี้เอากับอ้นแทน
   “ไม่รู้แหละ! บริษัทต้องไล่อีตุ๊ดนี่ออกไม่อย่างนั้นฉันประจานลงพันทิปแน่!”
   อีบ้า! แกมาตบฉันแล้วทำไมฉันต้องถูกไล่ออกด้วยยะ! โอ๊ยนี่มันอะไร! ทำไมฉันมีแต่เรื่อง จะทำงานสงบๆ ไม่ได้เลยใช่มั้ย!
   อ้นแทบกรี๊ดเมื่อเรื่องมันดำเนินมาถึงขั้นนี้ เขารู้ดีว่าลำพังเรื่องเดิมก็เสี่ยงต่อสถานภาพของตนอยู่แล้วแต่เมื่อมีเรื่องใหม่แล้วผู้ร้ายยังหมายจะซ้ำเติมกันอ้นก็แทบทำอะไรไม่ถูกอยากร้องไห้ให้กับชะตากรรมรันทดของตัวเอง
   “แม่ประเภทไหนกันที่ไม่รู้จักถนอมร่างกายตัวเองหอบลูกในท้องไปไล่ตบคนอื่น!”
   งานนี้จ๋าทนไม่ไหวออกโรงเชือดคนท้องที่ไร้คุณสมบัติความเป็นแม่ทันที เขาเป็นหัวหน้า จำเป็นต้องปกป้องลูกน้อง โดยเฉพาะเมื่อลูกน้องเขาไม่ผิดจ๋าจึงไม่อยากปล่อยให้อ้นโดดเดี่ยวรู้สึกเหมือนถูกบริษัทรังแกซ้ำสอง
   “ป้าไม่เคยโดนแย่งผัวป้าไม่รู้หรอก”
   “ฉันเห็นหล่อนก็เอาแต่ร้องหาผัว ตกลงผัวหล่อนเป็นใครกันแน่เขาทำงานอยู่ที่นี่รึไงหล่อนถึงมาตบเด็กฉัน”
   สตรองมากค่ะเจ๊ ด่ามันอีกเยอะๆ ค่ะ ทวงความยุติธรรมให้หนูด้วยนะคะ!
   “ใช่! ฉันอยู่ของฉันดีๆ ก็กลายเป็นมือที่สามแย่งผัวคนอื่น เพื่อนฉันกลายเป็นแมงดา! ฉันไปยุ่งกับของๆ แกตั้งแต่เมื่อไหร่หะ!”
   “ก็พี่โจมไงผัวฉัน! เพราะแกนั่นแหละเค้าถึงทิ้งฉันไป ถ้าเค้าไม่ติดพันแกเค้าต้องกลับมาหาฉันกับลูกแล้ว!”
   งานนี้ถึงกับเงิบกันทั้งห้อง! ทุกคนอึ้งเมื่อผู้ชายที่ทิ้งลูกทิ้งเมียกลับกลายเป็นหนุ่มเซอร์แสนดีประจำออฟฟิศ! แม้แต่หัวหน้าสุดสตรองอย่างจ๋ายังพูดไม่ออกเพราะเธอไม่รู้ตื้นลึกหนาบางดีพอ ฝ่ายบุคคลที่เข้ามานั่งเป็นคนกลางถึงกับถอนหายใจเมื่อเรื่องเกิดจากคนในบริษัทจริงๆ เรย์หงุดหงิดแต่พยายามข่มอารมณ์เอาไว้ เขาเคืองทุกๆ คนที่ทำให้อ้นเดือดร้อน!
   ส่วนอ้น จำเลยของเรื่อง เขาอึ้ง คิดอะไรไม่ออก แม้จะโล่งใจว่าโชคดีที่ตนไม่ได้รู้สึกอะไรกับโจมจริงๆ แต่เสี้ยวหนึ่งในใจก็นึกรังเกียจผู้ชายที่ทิ้งลูกเมียมาจีบคนอื่น โดยเฉพาะการเข้ามาให้ความหวังตุ๊ดอย่างเขาทั้งที่จริงๆ แล้วมีลูกเมียรออยู่ที่บ้าน!
   “ฉันกับพี่โจมไม่ได้เป็นอะไรกัน”
   กว่าอ้นจะรวบรวมสติได้เวลาก็ผ่านไปนานพอดู ผู้หญิงที่อ้างตัวว่าเป็นภรรยาของโจมเหยียดยิ้มอย่างสะใจเมื่อเห็นอ้นช็อก
   “ฉันขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าฉันบริสุทธิ์ เกิดมาฉันยังไม่เคยอะไรกับใครทั้งนั้น! ดังนั้นเลิกด่าว่าฉันใช้มารยาแย่งผู้ชายของคุณซักที! กับพี่โจมก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงาน ฉันไม่ได้ปรนเปรอเค้าเหมือนที่คุณกล่าวหา”
   อ้นเจ็บเมื่อคิดถึงคำด่าที่ผู้หญิงคนนี้ใช้ ถ้อยคำหยาบคายแสดงสันดานหยาบช้าถูกนำมาป้ายความต่ำใส่เขา อ้นแค้นใจและอึดอัดที่ถูกสังคมตราหน้าว่าร่าน มาวันนี้มันถึงที่สุดแล้วเมื่อเขาถูกดูถูกว่าใช้ความเป็นตุ๊ดล่อลวงโจมจนหลงผิด แต่ต่อให้ปรนเปรอเท่าไหร่ของปลอมอย่างเขาก็ไม่มีวันชนะของแท้ไปได้ อ้นทนถึงที่สุดแล้ว!
   “ตอแหลไปเถอะ แรดแบบนี้ใครจะไปเชื่อ! ฉันรู้นะพี่โจมแอบพาแกไปที่ร้านบ่อยๆ แกคงออดอ้อนหลอกสูบเงินผัวฉันจนหมดละสิเขาถึงไม่เคยส่งเงินให้ฉันเลย!”
   “เค้าไม่ได้แอบย่ะ! ฉันไปอย่างเปิดเผยในฐานะเพื่อนร่วมงานและฉันก็ไม่เคยขออะไรจากเค้าเลยด้วย นี่! ถึงฉันจะเป็นตุ๊ดแต่ไม่ใช่ว่าตุ๊ดจะแรดอยากได้ผู้ชายตลอดเวลานะยะ! ตุ๊ดจะคบกับเพื่อนผู้ชายไม่ได้รึไงหะ! เอะอะก็ด่าตุ๊ด หาว่าร่าน จะบ้าเหรอ! ไม่ใช่หมาตัวเมียนะยะจะได้ติดสัดเอาไม่เลือก!”
   อ้นสติแตกสวนกลับอย่างเหลืออดต่อหน้าหัวหน้าแผนกทั้งสอง แต่เขาไม่แคร์อะไรแล้ว! เรย์เพียงแค่นั่งนิ่งๆ ปล่อยให้อ้นเป็นตัวของตัวเอง จนกระทั่งอ้นโวยวายเสร็จทั้งน้ำตา เขาก็เปรยขึ้นเบาๆ ว่า
   “ตำรวจใกล้จะมาถึงแล้วล่ะ”
   จ๋าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วได้แต่ส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง หนนี้เธอคงช่วยลูกน้องคนเก่งไว้ไม่ได้แล้ว

   โจมมาถึงช้ากว่าตำรวจเพราะออกไปพบลูกค้า เหตุการณ์นี้ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน โดยเฉพาะเรย์ที่เอาเรื่องไม่ยอมถอย ลงท้ายจึงกลายเป็นเรื่องทะเลาะวิวาท เรื่องนี้ทำให้บริษัทเสียหายมาก แต่อ้นพยายามยิ้มรับทั้งน้ำตา จ๋าถอนหายใจก่อนจะเดินหนี อ้นหลบตาโจมแล้วเดินทางไปยังสถานีตำรวจกับเรย์ โจมปฏิเสธที่จะไปสถานีตำรวจด้วยเมื่อเห็นว่าอ้นหลบหน้าไม่ยอมพูดด้วย เขาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับผู้หญิงที่อ้างตนว่าเป็นภรรยาก่อนจะตามหัวหน้าแผนกบุคคลเข้าไปในห้อง
   เรื่องราวหลังจากนั้นไม่มีอะไรน่าจดจำ อ้นแจ้งความลงบันทึกประจำวันด้วยหัวใจหนักอึ้ง เขาและเรย์เดินออกจากสถานีตำรวจท่ามกลางแสงแดดแผดเผายามบ่าย แสงอาทิตย์เจิดจ้าจนผิวหนังแสบร้อน อ้นเกลียดแดดเช่นนี้ แดดร้อนแรงที่สมกับคำว่า “ตะวัน”
   “จะกลับไปทำงานต่อมั้ย?”
   “ไว้พรุ่งนี้ฉันค่อยกลับไปเก็บของก็ได้ เค้าคงไม่เอาฉันไว้หรอก”
   อ้นกล่าวราวกับปลงตก แต่เรย์รู้ว่าใจจริงของอ้นไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขาสอดมือเข้ากับมือของอ้นที่ปล่อยตกข้างลำตัวอย่างคนหมดแรง อ้นหันไปมองหน้าหนุ่มแว่นเพราะสงสัยในการกระทำ เรย์จึงบีบกระชับส่งผ่านความรู้สึกมาให้
   กำลังใจจากเพื่อนทำให้อ้นน้ำตาไหล ปากของอ้นโค้งขึ้นเล็กน้อย เขาพยายามเม้มมันเพื่อกลั้นน้ำตาที่ก่อตัวขึ้น อ้นสูดจมูกพอดีตอนที่เรย์ถามขึ้น
   “อยากกินอะไรมั้ย? เราเลี้ยงเอง หิวข้าวเนอะ”
   “ใช่ ฉันก็หิวมากเลยแก ไปสยามสแควร์วันกันมั้ย? ได้ข่าวว่าที่นั่นมีเกาเหลาหม้อไฟร้านเด็ด ฉันยังไม่เคยไปกินเลย”
   “ไปสิ”
   “แล้วแกไม่ต้องกลับไปทำงานเหรอ?”
   “ลืมแล้วเหรอ เราเส้นใหญ่ เค้าไม่ไล่เราออกหรอกน่า เขียนใบลาไว้แล้ว”
   เรย์ยิ้มให้อ้นเช่นเคย เขาใช้มือข้างที่ว่างดันแว่นอย่างเคยแต่กลับเก้ๆ กังๆ เมื่อมือข้างนั้นไม่ใช่มือข้างที่ถนัด ทว่าเรย์ก็ยังไม่ปล่อยมือของอ้น อ้นตื้นตันกับรอยยิ้มของเรย์เหลือเกิน
   “เรย์ ฉันขอบใจนะที่แกอยู่เป็นเพื่อนฉัน”
   “อาฮะ”
   “ขอบใจที่ปกป้องฉันนะ”
   “Yes, My Lady

   “ถ้าพี่อยากบีบให้ผมรับผิดชอบผมก็ขอรับผิดชอบด้วยการลาออก แม้ว่าเรื่องที่พี่เอามาเป็นข้ออ้างมันจะเป็นเรื่องส่วนตัวของผมก็ตาม”
   “เรื่องส่วนตัวเหรอ? คุณปล่อยให้เรื่องส่วนตัวสร้างความเดือดร้อนให้บริษัทนะโจม ภาพลักษณ์บริษัทเสียหายก็เพราะคุณ!”
   “ผมกับผู้หญิงคนนั้นเราจบกันนานแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ผมบอกได้แค่นี้ครับ พรุ่งนี้ผมจะมายื่นใบลาออกอย่างเป็นทางการอีกที ขอตัวก่อนนะครับ”
   โจมกล่าวปฏิเสธอย่างใจเย็นก่อนจะขอตัวออกจากห้อง เขาไม่แสดงอาการใดใดแม้จะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายดังไล่หลังมาเบาๆ คล้ายจงใจนินทา
   “เต็มใจรับผิดชอบ? อยากออกจนตัวสั่นละสิไม่ว่า ได้ข่าวว่าคู่แข่งให้ค่าตัวมากโข แต่คอยดูเถอะ ท้องไม่รับแบบนี้เค้ายังจะเอาไปให้เสียชื่อเสียงบริษัทรึเปล่า!”
   โจมกลับมาเก็บของบางส่วนบนโต๊ะ แต่เพราะทำงานมานานจึงมีข้าวของค่อนข้างมาก ของบางอย่างก็ขนกลับไปภายในวันนี้ไม่ไหว ในที่สุดโจมก็ตัดสินใจหอบของสำคัญยัดใส่กระเป๋า เขาตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะหาลังเก่าๆ เอามาเก็บของ แต่ครั้นเก็บของเสร็จ แทนที่จะตรงยังไปทางออกเพื่อเอาของไปใส่รถของตัวเอง เขากลับแวะไปหาแทน
   “โจมแวะมาลาน่ะ รู้ว่าพรุ่งนี้แทนมีประชุมทีม คงไม่ได้เจอกัน”
   “แทนได้ยินเรื่องแล้วล่ะ เสียใจด้วยนะโจม”
   แม้จะใช้น้ำเสียงแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งสักแค่ไหนแต่รอยยิ้มเยาะก็ยังคงฉายชัดอยู่ในแววตาของแทน ทว่าโจมเพียงแค่ส่งยิ้มให้แทนแล้วกล่าวว่า
   “หวังว่าคราวหน้าเราคงได้แข่งกันในสนามอย่างยุติธรรมนะ แทนคงไม่แทงข้างหลังกันแบบนี้อีก”
   ถ้อยคำด่าทอแบบนิ่มๆ ของโจมโจมตีแทนจนร้อนตัว เขารีบแก้ตัวเสียงดัง
   “แทงข้างหลังอะไรกัน! โจมพูดแบบนี้แทนเสียหายนะ”
   “แล้วใครล่ะที่คอยกุข่าวเรื่องอาเกนดาร์สนใจโจม ทำโจมคนเดียวไม่พอเหรอถึงต้องไปพังชีวิตน้องมัน?”
   “โจมพูดไม่รู้เรื่องแล้ว!”
   “ตามใจแทนนะ ถ้าแทนจะแค้นโจมเพราะเรื่องนั้นโจมยินดีรับผิดแม้ว่าความจริงแล้วเราต่างก็ผิดกันทั้งคู่ แต่ขอให้มันจบตรงนี้ อย่าไปพาลกับคนอื่นอีก โจมเสียดายน้องที่น่ารักของโจม เคยสอนงานปลุกปั้นกันมา ไม่คิดจริงๆ ว่าวันนึงน้องมันจะตอบแทนกันแบบนี้ แทนอาจจะคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว ทำโปรเจ็กใหญ่ๆ สำเร็จ แต่แทนลืมไปนะว่าโปรเจ็กพวกนั้นเราช่วยกันทำสองคน โจมจะรอดูความสามารถที่แท้จริงของแทนนะครับ”
   แทนร้อนราวกับถูกไฟแผดเผา ถ้อยคำของโจมเหมือนถ่านแดงที่นาบลงบนแผลเปิดในใจแทน วาจาดูถูกเหยียดหยามของโจมช่างสุภาพเกินกว่าที่เขาจะตอกกลับได้อย่างเผ็ดร้อน แทนอับจนปัญญา!
   โจมยิ้มสะใจก่อนจะหันหลังเดินหนี เขาไม่เสียใจเลยที่ลาออกจากบริษัทนี้ โจมรู้เรื่องที่แทนลอบแทงข้างหลังกันนานแล้ว แทนใช้มากกว่าความสามารถเรื่องงานในการหาทางล็อบบี้ผู้มีอำนาจให้บีบเขาจนมุม แต่โจมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแทนจะร้ายถึงขั้นฟาดงวงฟาดงาใส่อ้นด้วย แต่นั่นก็ถือเป็นความผิดของเขาด้วยเช่นกันที่คิดว่าแฟนเก่าจะยอมจากไปอย่างสงบ ไม่มีทางที่คนที่ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วเช่นนั้นจะรู้จักอ้น เป็นเรื่องปกติที่เขามักจะชวนเพื่อนฝูงไปแฮงเอาต์กันที่ร้าน โจมไม่เคยบอกคนในร้านถึงความสัมพันธ์นี้ และอ้นก็ไปที่นั่นเพียงไม่กี่ครั้ง ไม่มีทางที่แฟนเก่าเขาจะระบุเป้าหมายถูกคนถ้าปราศจากแรงยุที่คอยให้ข้อมูล ครั้งนี้แทนเล่นแรงเกินไปจริงๆ

   “หนูขอลาออกค่ะ”
   “คิดดีแล้วเหรออ้น? แน่ใจนะ?”
   “หนูคิดดีแล้วค่ะพี่จ๋า หนูคงไม่เหมาะกับองค์กรนี้สักเท่าไหร่ ต่อให้อยากอยู่เค้าก็คงไม่เอาหนูแล้วค่ะ”
   “เอาเถอะ พี่เข้าใจ คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก”
   พี่ก็โดนบีบให้ไล่หนูออกเหมือนกันใช่มั้ยคะ?
   “ขอบพระคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมานะคะ ขอบคุณที่พี่ช่วยสอนเด็กไม่ได้เรื่องอย่างหนู แม้จะเป็นเวลาไม่นานแต่หนูมีความสุขมากที่นี่ หนูได้รับความรู้มากมายที่พี่ถ่ายทอดให้ หนูจะไม่ลืมคำสอนของพี่เลยค่ะ”
   “คนเก่งไปที่ไหนคนก็ยอมรับ แต่ครั้งหน้านอกจากเก่งแล้วเราต้องรู้จักวางตัวให้ดีนะอ้น ทุกองค์กรมีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง เราต้องรู้จักเอาตัวรอดให้ได้ด้วย คนเก่งหลายๆ คนไม่มีความสุขในการทำงานก็มี คราวหน้าอย่าให้เรื่องไร้สาระลุกลามกลายมาเป็นประเด็นที่จะทำให้หน้าที่การงานเราฉิบหายนะอ้น”
   “ค่ะพี่จ๋า”
   “อืม เพื่อนพี่ที่ทำงานอยู่บริษัทออแกไนเซอร์เค้ากำลังหาคนพอดี ถ้าอ้นสนใจก็ลองไปสมัครดูได้นะ พี่ส่งข้อมูลไปทางไลน์ให้เราแล้ว”
   “ขอบคุณมากค่ะพี่”
   หัวหน้าสายงาน แม้จะดีอย่างไร แต่ในท้ายที่สุดเขาก็มีคนที่ใหญ่กว่าคอยบงการ ในจุดนี้อ้นไม่โทษจ๋า เขาเลือกที่จะเดินออกมาจากสังคมที่เขาอยู่แล้วคับใจ หงส์บีบแขนลาอ้นอย่างเศร้าสร้อย ต่างฝ่ายต่างล่ำลากันอย่างอาลัยอาวรณ์
   “แล้วฉันจะไลน์ไปคุยกับแกบ่อยๆ นะอ้น”
   “อืม มีอะไรก็อย่าลืมมาเม้าท์ให้ฉันฟังด้วยนะอีหงส์”
   ไม่มีใครโศกเศร้าเสียใจกับการลาออกของอ้น นอกจากจ๋าและหงส์ มีเแค่หัวหน้าที่เสียดายลูกน้องและชะนีขาเม้าท์ที่เสียดายเพื่อนสาวผู้คุยถูกคอเพียงสองคนเท่านั้น คนอื่นๆ เพียงแค่กล่าวลาตามมารยาท แต่กระนั้นก็มีหลายคนที่แสดงออกว่าสมน้ำหน้าผ่านทางสีหน้าและแววตาขัดกับคำโกหกที่พ่นออกจากปาก
   อ้นเก็บของมาที่ลานจอดรถเงียบๆ เรย์ไม่ได้มาส่งแต่เขาส่งรูปข้าวปั้นมาแทน มีแคปชันเหงาๆ ว่า “เตรียมไว้เป็นมื้อกลางวัน” อ้นจึงพิมพ์ตอบกลับไปว่าให้เรย์ดูแลสุขภาพตัวเองด้วย อ้นเตรียมตัวจะจากไปเงียบๆ เขาถูกผู้คนนินทามากพอแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาดังเกินพอ! อ้นจึงเลือกที่จะจากไปแบบเรียบง่าย ทว่าเขากลับพบโจมยืนรออยู่ที่รถของตน
   “เค้าว่าเนื้อคู่มักมีอะไรที่คล้ายกัน พี่กับอ้นลาออกจากบริษัทวันเดียวกันเลย สงสัยเราจะเป็นเนื้อคู่กันแน่ๆ”
   อ้นไม่ขำ ตราบาปของผู้ชายไร้ความรับผิดชอบยังคงตีตราโจมอยู่จนอ้นขยะแขยง เขาจึงเปิดไปเปิดประตูรถเพื่อเก็บของโดยไม่แม้แต่จะชายตามองโจม
   “พี่ขอร้อง ฟังพี่หน่อย ให้โอกาสพี่ได้อธิบายนะอ้น”
   “หนูกับพี่โจมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันค่ะ เราคงไม่มีความจำเป็นต้องคุย”
   “แต่พี่ชอบอ้น!”
   โจมพูดตรงประเด็น แต่นั่นไม่สามารถสั่นคลอนหัวใจของอ้นได้เลย
   “พี่รู้ว่าพี่แทบไม่มีหวังมาตั้งแต่แรก อ้นไม่ได้ชอบพี่ แต่เมื่อก่อนอ้นไม่เคยทำท่ารังเกียจพี่แบบนี้ ฟังพี่อธิบายหน่อยเถอะพี่ขอร้อง! อย่างน้อยถึงมันจะไม่ช่วยให้อ้นรักพี่แต่มันก็อาจช่วยให้อ้นเลิกมองพี่ด้วยสายตารังเกียจแบบนี้”
   คำพูดของโจมส่งผ่านความรู้สึกมาถึงอ้น ในที่สุดอ้นก็ใจอ่อน เขาเอ่ยปากกับโจม
   “ก็ได้ค่ะ หนูให้เวลาพี่สามนาที มีอะไรก็รีบพูดมา หนูจะรีบกลับห้อง ต้องไปเปิดเว็บหางาน!”
   “เย็นนี้พี่ขอไปรับอ้นที่หอนะ พี่จะเลี้ยงข้าวเรา จะแนะนำให้รู้จักเพื่อนพี่อีกคน เค้าอยู่บริษัทโฆษณาอ้นอาจจะสนใจ”
   “หนูไม่มีเวลาไปดินเนอร์ไร้สาระแล้วค่ะ หนูตกงานนะคะพี่โจม ถ้าพี่มีอะไรก็พูดมันตรงนี้แหละค่ะ!”
   “นะให้เกียรติพี่นะอ้น พี่ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แล้วอ้นจะเลิกติดต่อพี่อีกก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้พี่ได้แก้ไขเรื่องเข้าใจผิดนี่ก็พอ พี่ไม่ใช่ผู้ชายไร้ความรับผิดชอบอย่างที่อ้นคิด”
   โจมตื้อจนอ้นไม่อาจปฏิเสธ น้ำเสียงเว้าวอนของโจมทำให้อ้นสงสาร ในที่สุดอ้นจึงเผลอรับปาก เขาไม่รู้เลยว่าการไปทานข้าวที่ร้านของโจมในครั้งนี้จะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล!



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


#สงสารอ้น  :hao5:

โดนปัญญารุมเร้า ตอนที่แล้วเป็นขี้ปากชาวบ้านแทนอีพี่แทนไปรอบนึงละ ตอนนี้ยังโดนข้อหาแย่งผัวชาวบ้านอีก บอกแล้วว่าอย่าทำตัวแรด ทำตัวแรงๆ ถึงเวลามีปัญหาอย่าหวังว่าสังคมจะเข้าใจ #แรงแต่จริงใจ เหอๆ เป็นคนดีวางตัวดีง่ายกว่ามั้ยสาวๆ? อย่าทำพฤติกรรมให้ชาวบ้านเค้าดูถูกเลย คนอื่นเค้าไม่เข้าใจเราหรอก จะไปบอกว่าแค่คนใกล้ชิดเข้าใจก็พอมันก็ไม่ได้เพราะคนอื่นและคนนอกมันน้อยกว่าคนใกล้ชิด ตราบใดที่ยังอยู่ในสังคมก็ต้องรู้จักวางตัวให้ดีเน้อ

เป็นตุ๊ด แต่งหญิง ก็ลำบากอยู่แล้ว หาแฟนยาก ต้องทำตัวเองให้สวยถึงจะมีผู้ชายหันมาแลบ้าง แต่ถ้าสารร่างไม่ละมุนนีพอก็กลายเป็นไม่เข้าพวก เกย์ก็ยี้ เป็นชะนีก็ไม่ได้ เฮ้อ! ลำบาก!
ไหนจะยังเรื่องงาน กะเทยถูกกีดกัน สาวไปทำงานคนก็จับผิด บางอาชีพไม่ยอมรับความสามารถของสาวสองอีก อยู่ในสังคมลำบาก ไม่รู้จะผ่าตัดมาทำไม ทำศัลยกรรมไปเท่าไหร่ก็รู้สึกตัวเองเป็นได้แค่"กะเทย"ไม่ใช่ผู้หญิงแท้ แม้ตัวตนจะเป็นผู้หญิงแต่จิตวิญญาณลึกๆ กลับดูถูกตัวเองแอนตี้ชะนีซะงั้น!
ไหนจะเมายาคุม ไหนจะอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เหวี่ยงวีนเพราะเทคฮอร์โมน ไหนจะมีปัญหากับสังคมรอบข้าง เข้าใจคนที่มีปัญหานะ แต่ก็ต้องว่ากันไปรายบุคคลแหละ ใครทำตัวดีก็ดีไป ใครทำตัวแย่ๆ ทำนิสัยไม่ดี ... ก็ทำตัวเองอะนะ มันก็ช่วยไม่ได้ที่ชาวบ้านเค้าจะว่าเอา ไม่ว่าจะเพศหญิงเพศชาย เพศไหนๆ ก็มีเรื่องที่โดนด่าเหมารวมอยู่ซักเรื่องสองเรื่องแหละ #ทำใจ
#ลองส่องกระจกแล้วพูดกับตัวเองว่า "ฉันเป็นผู้หญิง แม้ร่างกายของฉันจะเป็นแบบนี้แต่ฉันเกิดมาเป็นผู้หญิง" ดูสิ อาจจะทำให้ยอมรับตัวตนของตัวเองได้มากขึ้นนะ เรียนรู้ข้อบกพร่องภายในตัว ยอมรับข้อดีที่ตัวเองมี เลิกคิดมาก เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น มีความสุขกับตัวตนของเราเอง เพราะคนเราต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเองก่อนจะเรียกร้องให้คนอื่นยอมรับเรานะ จะได้ไม่รู้สึกแอนตี้ประเด็นชะนีแท้อะไรนี่อีก แต่ถ้าอยากสาวและยังอยากเกลียดผู้หญิงแท้คิดว่าตัวเองเกิดมาสวยเพื่อฆ่าสาวแท้เกิดมาเริ่ดกว่านังชะนีทั่วไป ก็เอาเลยจ้า เอาที่สบายใจเลย เจอกะเทยอคติแบบนี้เราก็คงไม่สงสารอะ คงเตรียมวอร์กลับเลยแหละ เอาปมด้อยตัวเองมาพาลชะนีทั่วหล้ามันก็ไม่แฟร์นะ ผู้หญิงบางคนที่ไม่สวยแล้วเอาปมด้อยตัวเองไปพาลคนอื่นก็เหมือนกัน ผู้ชายเค้าไม่ได้ไม่เอาคุณเพราะคุณไม่สวย แต่เค้าไม่เอาเพราะคุณมันหดหู่เกินไป เหมือนผู้ชายที่โวยวายว่าผู้หญิงสนใจแต่ผู้ชายรวยๆ หาว่าเค้าไร้อนาคตคือคนแบบนี้ไม่รู้ตัวจริงๆ เหรอว่าทำไมไม่มีใครอยากร่วมชีวิตด้วย ดูถูกว่าผู้หญิงเห็นแก่เงินซะงั้น!

*ยื่นลาออกเองแบบนี้ไม่ได้เงินชดเชยนะ ปกติงานเค้าจะบอกว่าต้องลาล่วงหน้ากี่วัน แต่นี่อ้นคงได้รับการอนุมัติทันทีบริษัทไม่ต้องไล่ก็ไม่ต้องจ่ายเงินชดเชย ย้ำนะ "ย้ำนะลาออกเองไม่ได้เงิน"

โดนบีบให้ออกจากงานด้วย งามหน้าแบบนี้เป็นขี้ปากแบบนี้ ใครจะไปทนทำงานที่เดิมไหว น่าสงสารอ้นซะจริง ไม่มีใครช่วยแว้ว อารมณ์อ้นตอนนี้คงหดหู่สุดๆ ไปเลยแหละ พาลแม้กระทั่งดวงอาทิตย์ เหอๆ ยังดีนะที่มีเรย์อยู่ข้างๆ ให้มันรู้ซะมั้งว่าใครเป็นการ์เดี้ยนของอ้น โฮะๆ บางทีเรย์อาจจะชอบดูพ่อบ้านดำก็ได้ "Yes, My Lord" มาเชียว โฮะๆ เล่นมุกแบบนี้ยังไงฮีก็โอตาคุละนะ ฮ่าๆ

แต่ขนาดพี่แกอยู่ข้างๆ กันจับมือกันแบบนี้ออร่าพระเอกยังไม่ออกเล้ย! ฮ่าๆ โดนพี่โจมกลบมิด! แต่บอกไว้เลยว่าให้จับตามองความดาร์กของเรย์ให้ดี เหอๆ  :-[ พี่แกนิสัยเอาเรื่องเหมือนกันเนาะ คุณชายมาดคูลแต่นิสัยไม่ได้คูลตามเล้ย! ส่วนปมของพี่โจมกับเรื่องราวทั้งหมดมีแน่นอน รออ่านตอนหน้า หึๆ เอาล่ะซี่ พี่แกจะเป็นคนดีหรือมีหักมุม? เราจะใช้พล็อตแบบไหน? ฮ่าๆ ทายใจคนแต่งไว้นะ อิๆ

บอกเลยว่าเรื่องกำลังเข้มข้น มันเจ้มจ้นสุดๆ!  :katai1: แล้วเกิดเรื่องขึ้นกับอ้น ป้องล่ะ? ป้องจะรู้หรือไม่? ป้องจะทำเช่นไร? ใกล้แล้วล่ะ ใกล้เวลาที่สองคนนี้จะแตกหักกันแล้ว โฮะๆ

ห้ามงอนคนแต่งที่เขียนชะตากรรมสาวอ้นรันทดขนาดนี้นะ ฮ่าๆ   :o8:  ฝากเอาใจช่วยสาวอ้นด้วยละกัน นางจะผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้หรือไม่โปรติดตาม

ตอนนี้ดราม่า แต่ตอนหน้าดราม่ายิ่งกว่า!  :m15:

ขอบคุณคนอ่านทุกคนจ้า  :pig4: รักน้า  :กอด1: 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-07-2016 18:02:30 โดย AI.NoR »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
อ่านถึงเรย์คันแล้วก็เป็นอันคันยิบๆเหมือนกัน เป็นโรคเดียวกับเรย์แหละ  เคยซดอ่อมเห็ดเพื่อนทำให้กิน อร่อยมากๆ แต่บอกเพื่อนนะว่าแพ้  ข้าวยังไม่ทันหมดจานเลยเรากลายเป็นตุ๊กแกปากครุฑในทันที

ชอบตอนนี้นะ   แหม่แหม...นึกว่าหนูอ้นจะได้ตบนังแทนเสียแล้ว
ก็นะ...ย้อนแย้งดี  คนที่ด่าคนอื่นว่าเป็นกระหรี่ทำตัวแย่ยิ่งกว่ากระหรี่   อิแอบจริงๆ  ตกลงหวยออกที่ดล  แต่เราว่าโจมน่าจะเคยมีประเด็นอะไรกับแทนมาอยู่หรอก   
ตอนนี้โฆษณาคุณสมบัติของพระเอกอย่างเรย์สินะ  ขาวอมชมพู เอ๊ย  ไม่ใช่  แพ้ง่าย
อ้นก็ฝึกไปเถอะซักกกนให้สามีน่ะ   แต่เผลอๆอยุ่ด้วยกันเรย์ทำให้หมดหรือเปล่า?

หนูกินไม่ได้เลยค่ะพี่ แพ้เห็ดเผาะหนักมาก เวียนหัวอ้วกแตกเลยทีเดียว

#แทน นี่หนูได้อิมเมจมาจากพวกเพศที่สามแถวๆ นี้และที่อื่นๆ นั่นแหละค่ะ บางทีก็เจอคนแรงๆ แบบนี้ในอินเตอร์เน็ต ไม่รู้ทำไม ตัวตนของคนบางคนมันช่างแรงเหลือเกิน เหมือนคนมีปมอะไรซักอย่าง แล้วถ้ายิ่งเพศที่สามสองคนตีกันนะอื้อหือ! แต่หนูชอบนะ อ่านเพลินดีค่ะ ฮ่าๆ เก็บข้อมูลไว้ใช้เขียนนิยาย เอิ้กๆ มันต้องมีตัวร้ายไง ไม่งั้นพล็อตอ้นไปไม่ได้ โฮะๆ เหมือนที่ภาคที่แล้วต้องมีคนชอบกินเผือกแบบโก้และคนเลวแบบเบสท์
ส่วน #ดล ก็พวกโรคจิตอย่างที่บอกเลยค่ะ ยังยืนยันว่าหนูขยะแขยงคนแบบนี้
แต่สำหรับ #พี่โจม นี่ ... คาดว่าตอนนี้คงช็อกกันไปหลายคน เหอๆ ... แต่พี่แกก็ยังสุภาพนะ! ยัง Cool อยู่เลย ดูแล้วก็น่าจะเป็นคนดีออก สุภาพบุรุษจะตาย แต่ดันเขียนปมมีเงื่อนงำยิ่งกว่าเดิมซะแล้ว ฮ่าๆ ไม่สปอย ปล่อยให้คนอ่านคาใจ  :m3:
ป.ล. รอพิสูจน์ตอนหน้าๆ นะคะ ว่าขาวอมชมพูจริงมั้ย ฮ่าๆ  :m12:


เหมือนกำลังอ่านนิยายตีแผ่ชีวิตตุ๊ด สงสารอ้น

 :a5: ขนาดนั้นเลย? ชีวิตใครอะ? นี่เรื่องแต่งจริงๆ นะสาบาน เราแค่พยายามเค้นอารมณ์ตุ๊ดหางานมาเขียน อาศัยวัตถุดิบจากกระทู้พันทิปเทือกนั้นเอาค่ะ คนบ่นประมาณนี้กันเยอะ เราเลยจัดให้ชีวิตนางเป็นแบบนี้ เหอๆ #คนแต่งมันซาดิส!


น่าสงสารน้องอ้นจัง ชีวิตตุ๊ดที่น่าสงสาร แต่อย่างน้อยก็ยังมีผู้ชายที่จริงใจกับนางตั้งสามคนแหนะ (แอบอิจฉานางเล็กๆ....คริคริ)...มิน่าอินังแทนถึงได้อิจฉานางมากกกกกก.......................เมื่อไหร่คนแต่งจะทำให้นางมีความสุขกับเรย์สักที...เรารอเชียร์อยู่นะ อ้น+เรย์...อิอิอิ

ใช่ๆ ชีวิตอ้นน่าสงสารมาก เคราะห์ซ้ำกรรมซัดสุดๆ ซวยกว่าลำบากกว่าเติ้ลอีก เติ้ลโดนเล่นงานทางอารมณ์อย่างเดียว แต่อ้นโดนเรื่องงานด้วย เหอๆ
บางทีคนเราเวลาทุกข์ก็มักคิดมากจะเป็นจะตาย แต่จริงๆ แล้วคนอื่นเค้าอาจจะลำบากกว่าทุกข์กว่าเราก็ได้ ที่ทุกข์มากหรือทุกข์น้อยก็ขึ้นกับจิตใจความเข้มแข็งของเจ้าตัวทั้งนั้น ถ้าสตรองต่อให้เจอปัญหาหนักก็สิวๆ แต่ถ้าเปราะบางแค่เข็มสะกิดก็เจ็บเจียนตายค่ะ นี่เป็นอีกประเด็นในเรื่องเลยนะ เหอๆ เปรียบเทียบกันระหว่างภาคแรกและภาคสองค่ะ ฮ่าๆ

ส่วนเรื่องผู้ชายของนาง... ใครบ้างนะ พี่ป้อง พี่โจม และพระเอกอย่างเรย์ ... ไม่แน่ พาร์ตหลังเปิดมาอาจจะมีคนที่สี่มาก็ได้ โฮะๆ
อ้นฮอตค่ะ แต่จะได้ผู้ชายไปให้น้ำย่อยในกระเพาะทำงานหรือไม่ต้องรอติดตาม ไม่แน่นะ อ้นอาจจะโดนกินซะเอง เหอๆ  o3


สู้ๆนะลูกสาว
คนที่ไม่ร้องไม่ได้หมายความว่าไม่เจ็บ
คนที่ไม่ฟูมฟายไม่ได้หมายความว่าไม่เสียใจ
คนที่แรงไม่ได้หมายความว่าเป็นที่ด้าน

อ้นไปงัดข้อกับคนเก่ามันก็สู้ลำบากแต่ก็เข้าใจนะว่าเพราะโดนเต็มๆ
พระเอกไม่โผล่นี่ไปเตรียมทำอะไรมาหรือเปล่า
เราไม่ชอบการปล่อยคลิปอะไรนะ   
แต่อิแทนกับไอ้ยามน่าโดนมากๆ

หืม... ก็หายไปเตรียมการอย่างที่เห็นนั่นแหละค่ะ เหอๆ
อีตาแว่นเรย์นี่ไปๆ มาๆ สนิทกับยามได้ไงนะ?
คราวที่แล้วตอนหาที่สูบลมยางรถก็ทีนึงละ ตอนจะไปส่งอ้นที่ห้อก็ด้วย (จำได้มั้ยเอ่ย?)
งี้แหละ คนกลับดึก พวกนั่งเฝ้าเซิร์ฟ มนุษย์ไอที เหอๆ กว่าจะรันงานเสร็จ กว่าจะได้กลับบ้าน เพราะแบบนี้ละมั้งเลยได้มิตรกับพวกคุณลุง รปภ. ไปโดนปริยาย แถมถูกเรียกว่า "คุณเรย์มอนด์" ด้วยนะ หึๆ ใหญ่ไม่ใหญ่ก็คิดดูละกัน

อ้นก็ยังเผชิญวิบากกรรมกันต่อไปค่ะ ต้องรอดูว่าใครจะเป็นเจ้าชายมาช่วยซับน้ำตาให้อ้น เหอๆ  :katai2-1:


รอร้อรอ....เมื่อไหร่อ้นศรีจะมาต่อ :mew2:

มาแว้วน้า  :pig2: แล้วก็ขอบคุณที่รอเค้าน้า  :pig4:  รักเบย  :3123:


:pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณเช่นกันค่ะ  :pig4:


เย้เย้ๆๆๆๆๆๆๆหนู้อ้นมาแล้ว :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: แต่อยากให้มาทู้กวันเลยน้าาาา :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

มาทุกวันไม่ไหวค่ะ ปั่นต้นฉบับไม่ทันหรอก ช่วงนี้ประสบปัญหาเขียนได้ช้ามาก หัวไม่ค่อยไหล อารมณ์ไม่ค่อยดี อยู่ในโหมดซึมเศร้า ไม่ค่อยกระชุ่มกระชวย
 :sad2:
คงต้องขอกำลังใจจากท่านผู้อ่านซะแล้ว  :กอด1:


เอ๋ เรื่องนี้ยังไม่จบหรอ  หรือว่ามีของคู่อิ่นเพิ่มมา ตอนนั้นอ่านจาก Eook Bee

หรือมีเนื้อหาเพิ่มเติม เอ่ย จะได้กลับมาอ่าน  :katai4: :katai4:

#ภาค2 ค่ะ ชื่อเรื่องว่า #ใครว่าเราไม่กินเส้น พระเอกชื่อ #เรย์มอนด์ ฉายา #นายแว่นโฉด นางเอกคือ #อ้นศรี #ตุ๊ดลำไย ค่ะ
แต่ว่าในพาร์ตหลังจะมีคู่ป้องกับเติ้ลกลับมาเดินเนื้อเรื่องด้วยค่ะ ในพาร์ตแรกมีแต่ป้องโผล่มากับอ้นและพระเอกของนางและตัวประกอบอื่นๆ เป็นตอนที่ป้องแยกกับเติ้ลอ่ะค่ะ

ส่วนที่เพิ่มในเล่มอีบุ๊กเป็นตอนพิเศษของคู่ป้องเติ้ล ไม่ได้เอามาลงในเว็บค่า  o13

 :pig4:

คิดถึงคนอ่านทุกคนน้า ใครว่างก็แวะมาเม้นมาทักทายเค้าได้น้า เค้าเหงา https://www.facebook.com/AZI824/  :hao5:

ออฟไลน์ Zyse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
เปรยซะอยากอ่านตอนต่อไปทันทีทันใด

อ้นน้อยหอยสังข์จะต้องพบเจอวิบากกรรมอะไรอีกหนอ ดีไม่ดีเจออิป้องกันเมียป่อง หรืออิชะนีป่องคืออิชะนีที่หวังจับอิป้อง

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
พาร์ท อ้น สนุกกว่าพาร์ท ไม่ฟิต อีก
แต่ไม่ชอบที่ลงอักษรใหญ่เกินค่ะ เล็กลงอีกเสต็ปก็ดีนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
อึนเลย   :katai4:

ก็นะ  บริษัทก็ต้องเลือกคนเอาไว้   แต่ก็แรงมากๆที่เล่นกันขนาดนี้
โจมนี่ไม่รับผิดชอบอะไรหรือเปล่า?  คือแฟนท้องแล้วไม่รับนี่มีปมไหม?

เผลอๆพ่อแม่เรย์เป็นหุ้นส่วนใหญ่บริษัทนี้หรือเปล่า?

เป็นคนเด่นและแรงนี่หาคนชอบลำบากนะ เพราะว่ามันแตกหน่ออยู่คนเดียว
แต่อิแทนสิทั้งร้ายทั้งเลว  ทำอะไรไว้เดี๋ยวก็กลับมาตามสนอง  เราเชื่อว่าแทนไม่ได้ทำอะไรเลวๆแบบนี้เป็นครั้งแรกแน่นอน

ออร่าพระเอกของเรย์งวดนี้มาแรงเชียวถึงจะไม่เป็นสุภาพบุรุษตามขนบก็เถอะ

ออฟไลน์ Ssuchaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สงสารอ้นมาก ทำไมชีวิตอัปรีย์ขนาดนี้ ป่ะ เดินจุงมือเรย์ไปทำบุญกัน  :hao5:
ส่วนเรื่องอีแทนขอให้มันโดนเล่นหนักๆทีเหอะ  :z6:
รีบๆกลับมาอัพนะคิดถึงศรีอ้น  :katai2-1:

ออฟไลน์ mokh2558

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce
รอเค้าอยู่ละสิ ฮี่ๆ  :katai2-1:
โทษๆ มาเลตเพราะเห็นเว็บบอกจะ Mantenance ระบบ เลยกะว่าจะโพสต์วันจันทร์แทน  :katai5:

*เค้าแจ้งข่าวในเพจแล้วด้วยนะ ไม่ได้หายไปเฉยๆ ถ้าไม่อยากพลาดข่าวก็กดถูกใจเพจไว้ได้น้า*
:pig2:


แต่นี่ก็มาละนะ กำลังจะอัพแล้วล่ะ  :katai4:

แต่ก่อนอื่น เหอๆ เรามีเรื่องจะประกาศให้ทุกคนทราบกันก่อน เค้ามีมาสคอตประจำตัวแล้วนะ ... จริงๆ มันก็รูปอวตารนั่นแหละ

รูปเก่าในเพจเราจะเป็นโลโก้เห็ดสีน้ำเงินมีเกล็ดน้ำแข็งกระจาย (บนปกหนังสือนิยาย STRINT ด้านในก็มีนะ)

แต่โลโก้มันไม่เท่ อยากได้มาสคอสกวนๆ เลยจ้างคนออกแบบให้ ได้มาเป็นเห็ดน้อยนักเขียน (หน้ามันง่วงมาก)

แล้วก็เปลี่ยนรูปอวตารในเล้าด้วยซะเลย ฮ่าๆ เอาเป็นว่าต่อไปนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ เจอเห็ดหิมะ(?)ที่ไหนก็หมายถึงเค้าเองล่ะ AzureICE
© รูปนี้มีลิขสิทธิ์ © ถือเป็นสัญลักษณ์ของ AzureICE



#ช่วงพูดคุยกับนักอ่าน#

:z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
เปรยซะอยากอ่านตอนต่อไปทันทีทันใด

อ้นน้อยหอยสังข์จะต้องพบเจอวิบากกรรมอะไรอีกหนอ ดีไม่ดีเจออิป้องกันเมียป่อง หรืออิชะนีป่องคืออิชะนีที่หวังจับอิป้อง

อันนี้ต้องรออ่านค่ะ  o3  แต่แหม เดาได้อย่างกับมานั่งอยู่ในใจคนแต่ง ฮ่าๆ


พาร์ท อ้น สนุกกว่าพาร์ท ไม่ฟิต อีก
แต่ไม่ชอบที่ลงอักษรใหญ่เกินค่ะ เล็กลงอีกเสต็ปก็ดีนะคะ

ขอบคุณค่ะ

อ้าว? ตัวอักษรใหญ่ไปเหรอคะ? สำหรับเราคือกำลังดีเลยอะ เวลามองในจอ สงสัยจะสายตาไม่ดี แหะๆ
มันไม่ใช่ #พาร์ต ค่ะ มันคือ #ภาค ที่ต้องแก้แบบนี้เพราะเดี๋ยวสับสน
เนื่องจากทั้ง ภาค:ตูดผมไม่ฟิตจริงเหรอพี่? และ ภาค:ใครว่าเราไม่กินเส้น? มีเนื้อเรื่องหลักๆ 2พาร์ตเหมือนกัน
อย่างพาร์ตแรกของ ภาค1 #ไม่ฟิต ก็ป้องเล่า พาร์ตหลัง #ไม่รัก ก็เติ้ลเล่า
เรื่องใครว่าเราไม่กินเส้น? ซึ่งเป็นภาค2 นี่ก็กำลังดำเนินเรื่องอยู่ในพาร์ตแรกค่ะ #ไม่กินเส้น ยังไม่จบครึ่งแรกเลย (แปลว่ามีพาร์ตหลังรอต่อคิวให้อ่านอีกแน่นอน #เดิมๆไม่ปรุง)

และด้วยความที่มันมี 2 ภาค เราเลยเขียนล้อกัน
ภาคแรกตัวละครจะยังเด็ก งี่เง่ากับง๊องแง๊ง ป้องเองก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ ปัญหาที่ทะเลาะกันก็มีแต่เรื่องไร้สาระเกิดขึ้นเพราะนิสัยของทั้งคู่
ซึ่งเราถือว่าเป็นสไตล์หลักของเรานะ จริงอยู่ที่เรามีเป้าหมายว่าจะเขียนนิยายที่ หื่น+เสื่อม+ดราม่า แต่เราชอบเขียนให้คนทะเลาะกันเพราะนิสัยของทั้งคู่มากกว่ามานั่งเข้าใจผิดเพราะมีตัวอิจฉาสร้างสถานการณ์ ไม่ชอบเขียนให้คลาดกันไปมาด้วย 
ผู้ชายสันดานเสียแบบป้องกับไอ้เด็กเอาแต่ใจแบบเติ้ล คนแบบนี้ ถ้าไม่เปลี่ยนไม่ปรับปรุงตัวเอง ให้ตายยังไงก็ไม่มีทางมีชีวิตคู่ที่ประสบความสำเร็จ ถ้าเป็นคนอีกแบบมาเจอเรื่องแบบเดียวกับคู่นี้ เค้าอาจจะไม่ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ก็ได้ เราสนุกที่ได้เขียนว่าคาแรคเตอร์จัดการกับปัญหาต่างๆตามพื้นนิสัยได้ยังไงมากกว่าสนุกที่เขียนว่าผู้ชายสองคนจีบกันยังไง เพราะส่วนใหญ่ตัวละครของเรามีแต่ "ตัวก่อเรื่อง" มั้งคะ ฮ่าๆ
คือภาคแรกตัวละครงี่เง่ามาก กว่าจะเข้าใจกันได้ก็นาน แต่มันมีรอยต่อที่หายไป เราเลยเอามาเขียนล้อในภาคสอง ป้องยังห่วยแตกอยู่ แต่ป้องก็ค่อยๆ ปรับตัวเรียนรู้ที่จะเป็นห่วงอ้น ฉากแรกๆ กับฉากหลังๆ น่าจะเห็นการพัฒนาของป้องนะคะ
แต่ถ้าอ้นทำตัวงี่เง่าแบบเติ้ล ป้องมันจะสำนึกคุณค่าของอ้นมั้ย? จะหันมาใจดีด้วยมั้ย? ถ้าอ้นเอาแต่วีนเหมือนเติ้ล ป้องก็คงแรงกลับไปเหมือนกัน แต่ทำไงได้คนมันรักอะ เพราะถึงยังไงเติ้ลก็คือคนแรกที่เข้ามาใกล้ชิดกับป้องทำให้ป้องอิจฉาอยากมีแฟน ป้องเลยไม่รักอ้น แต่เดี๋ยวมันจะมีจุดพีคระหว่างป้องกับอ้นแน่นอน เคลียร์ปมของสองคนนี้
ดังนั้นกุญแจมันเลยอยู่ที่ความเป็นอ้น นิสัยหลายๆอย่างของอ้นนี่แหละที่เป็นจุดเด่นในภาค2นี้ เรย์ถึงได้สนใจอ้น การเอาใจใส่คนอื่น ทำให้คนที่อยู่ด้วยรู้สึกสบายใจ การฉอเลาะ และอื่นๆ อ้นมีอะไรถึงทำให้มีคนชอบ แล้วการเป็นตุ๊ดโลกสวยของอ้นมันส่งผลกระทบอะไรกับชีวิต ทั้งๆที่ปัญหารุมเร้ามาก มีเรื่องเกิดขึ้นสารพัด ทว่าจิตใจของอ้นก็พยายามต่อสู้อย่างเข้มแข็ง เจอเรื่องอะไรก็ไม่หวั่น คือถ้าเป็นเติ้ลเราว่าเติ้ลคงเจ็บหนักกว่าอ้นเยอะ ในแง่นึงอ้นก็โชคดีที่ป้องพยายามหันกลับมาทำตัวเป็นที่ปรึกษาที่ดี ภาคแรกถึงป้องจะดูแลเติ้ลแต่ป้องก็ไม่ได้เต็มที่แบบนี้เพราะอาจจะมีกำแพงความรู้สึกกันอยู่บ้าง
แต่ที่อ้นลืมไปก็มี คือการที่เรย์อยู่ข้างๆอ้นตลอด แต่อ้นกลับไม่ยอมมองเรย์ให้ดีๆ อ้นจะเริ่มมองเห็นเรย์ตอนไหน? เมื่อไหร่จะตัดใจจากป้องได้? การที่อ้นไม่ยอมมองเรย์ให้ชัดๆ ก็จะทำให้มีปัญหาเหมือนกัน เรย์ไม่ใช่ตัวละครแสนดีแน่นอนค่ะ ฮ่าๆ ถ้าถามว่าในสี่คนนี้ใครเป็นตัวปัญหาที่สุด พี่ป้องเวอร์ชั่นกลับไปคืนดีกับเติ้ลแล้วยังก่อปัญหาน้อยกว่าเรย์อะ อ้นอาจจะเป็นคนดีสีขาวที่สุดเลยก็ได้ ไทป์แม่พระ รองมาก็เติ้ล แค่อีนางน้อยมันเอาแต่ใจ แต่เรย์นี่... รออ่านภาค2เถอะ รับรองปวดตับ
แต่ข้อดีก็คือเรย์รักอ้นมาก และความรักของเรย์เป็นสีขาว คิดถึงความรู้สึกของอ้นก่อนเสมอ ในขณะที่อีกคู่มันแรงกันทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างปะทะ ก็เป็นคู่รักสีดำไปละกันค่ะ ฮ่าๆ ก็ต้องมาลุ้นกันว่าหลังจากใช้ชีวิตแบบคนรักไปได้สักพักแล้วป้องกับเติ้ลจะเปลี่ยนไปขนาดไหน เติ้ลมันจะยังแรงเอาเรื่องอยู่มั้ย เหอๆ

 :katai5:

อึนเลย   :katai4:

ก็นะ  บริษัทก็ต้องเลือกคนเอาไว้   แต่ก็แรงมากๆที่เล่นกันขนาดนี้
โจมนี่ไม่รับผิดชอบอะไรหรือเปล่า?  คือแฟนท้องแล้วไม่รับนี่มีปมไหม?

เผลอๆพ่อแม่เรย์เป็นหุ้นส่วนใหญ่บริษัทนี้หรือเปล่า?

เป็นคนเด่นและแรงนี่หาคนชอบลำบากนะ เพราะว่ามันแตกหน่ออยู่คนเดียว
แต่อิแทนสิทั้งร้ายทั้งเลว  ทำอะไรไว้เดี๋ยวก็กลับมาตามสนอง  เราเชื่อว่าแทนไม่ได้ทำอะไรเลวๆแบบนี้เป็นครั้งแรกแน่นอน

ออร่าพระเอกของเรย์งวดนี้มาแรงเชียวถึงจะไม่เป็นสุภาพบุรุษตามขนบก็เถอะ

ไม่มีตัวละครไหนที่ไม่มีปม ฮี่ๆ
แต่พ่อแม่เรย์ไม่ใช่หุ้นส่วนบริษัทค่า ออกแนวตึกสำนักงานมีบริษัทอยู่รวมๆกันหลายออฟฟิศ แล้วเรย์ทำงานเลิกดึก บวกฐานะเด็กเส้น พวกยามเลยเกรงใจมั้งคะ เค้าคงเคยๆ คุยเคยทักเคยดูแลกันแหละค่ะ ฮ่าๆ คงมีคนฝากเรย์ไว้แหละ
บริษัทที่เรย์ทำงานอยู่อะเจ้าของซี้กันมาตั้งแต่รุ่นอากงกับบ้านของเรย์ พวกคนจีนโพ้นทะเลที่มาเป็นเจ้าสัวเมืองไทย แม่เรย์ก็เป็นเด็กนอก หนีการคลุมถุงชนไปแต่งงานกับหนุ่มสิงค์โปร (อันนี้มีในภาคพิเศษนะคะ แต่ไม่บอกว่าเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรถึงได้ยังต้องมีสัญญาหมั้นหมาย เหอๆ)
ลูกเจ้าของก็เป็นเพื่อนซี้กับพี่ชายคนโตของเรย์ ด้วยความที่พระเอกเราอินดี้จัด พอเรียนจบแล้วดันอยากเป็นแคสเตอร์เต็มตัวไม่ทำงาน พี่ๆ คงกลัวเข้าสังคมไม่ได้กลายเป็นฮิคิโคโมริหมกตัวอยู่ในห้องเลยจับมาฝากงานตำแหน่งมนุษย์ไอทีธรรมดาๆ ที่บริษัทเพื่อน อย่างน้อยก็ได้ทำงานเหมือนมนุษย์ปกติคนอื่นๆ พวกเค้าคงไม่ห่วงเรื่องเงิน แต่ห่วงเรื่องการเข้าสังคมของเรย์ มองว่าถ้าเอากลับไปทำงานที่โรงงานเรย์ก็คงดื้อ แต่ถ้าทำงานให้คนอื่น ยังไงเรย์ก็คงไม่ยอมเสียงานต้องรักษาหน้าทุกคน

บ้านเรย์ไม่ได้สปอยนะ ฮ่าๆ รถยังขับแค่ฮอนด้าแจ๊สเลย เป็นคนอื่นลูกคนรวยคงขับเบนซ์ไปแล้ว เผลอๆ รถเรย์ก็มือสองใช้ต่อจากพี่ๆ อีก ฮ่าๆ ขนาดคอนโดยังได้จากพี่ชายแบบต้องผ่อนต่อเองเลย ในเรื่อง Str/Int มันจะมีฉากที่พีไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ละรอโทรศัพท์จากดาวอะค่ะ ที่ดาวเมาละพีให้เบอร์อะ ฉากนั้นไปเที่ยวกัน4คน ก็มี เมฆ หิน พี ละเรย์ขับรถ ยังปีหนึ่งกันอยู่เลยนะ เรย์ก็คงพึ่งได้รถ พึ่งหัดขับแหละ แต่ก็ถือว่ารวยที่สุดในกลุ่ม *ตอนนี้ไม่แน่เพราะน้องพีได้ผัวรวยมาก พี่สตาร์ทำให้เมียรวยค่ะ ฮ่าๆ

เป็นคนเด่นและแรงนี่หาคนชอบลำบากนะ เพราะว่ามันแตกหน่ออยู่คนเดียว เกลียดประโยคนี้ชอบกล T^T #โดนอ่ะ!

เรื่องของแทน ... อืม เรย์เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ต้องมารอดูว่าเรย์จะจัดการกับแทนยังไง จะเหมือนคราวที่พี่ป้องเข้าด้านมืดเรียกพี่ตั้มมาจัดการกับเบสท์หรือเปล่า? แต่อย่าลืมน้า เค้าเน้นตลอดว่าการเลี้ยงดูและพื้นฐานครอบครัวมีผลต่อคาแรคเตอร์ ดังนั้นต้องรอลุ้นความอินดี้ของเรย์ค่ะ ฮ่าๆ (แต่มันจะต้องรอถึง ภาค2 นี่สิ!)

พระเอกของ AzuueICE นี่ไม่ซ้ำหรอก แต่ละคนสุดติ่ง มีแต่อะไรก็ไม่รู้ งี่เง่าสุดๆ กันทุกคน ดังนั้นต้องค่อยๆ อ่านแล้วรอลุ้นโมเมนต์พระเอกค่ะ ปกติทำตัวเต่าถุยกันทุกคน ฮ่าๆ เรื่องยอดรัวๆ ปล่อยให้ตัวประกอบชายที่ไม่มีวันได้เป็นพระเอกทำไป อย่างแม๊กซ์งี้ พี่โจมงี้ ใช่เลย โฮะๆ


สงสารอ้นมาก ทำไมชีวิตอัปรีย์ขนาดนี้ ป่ะ เดินจุงมือเรย์ไปทำบุญกัน  :hao5:
ส่วนเรื่องอีแทนขอให้มันโดนเล่นหนักๆทีเหอะ  :z6:
รีบๆกลับมาอัพนะคิดถึงศรีอ้น  :katai2-1:

หงะ! #ชีวิตอัปรีย์ เลยเหรอ? คือจะบอกว่า มันยังซวยได้อีกอะค่ะ แหะๆ
อ้นยังซวยได้อีก ยังต้องเป็นตุ๊ดสู้ชีวิตอีกเยอะ ยังไงก็อย่าพึ่งทิ้งกันนะคะ อยู่ช่วยเป้นกำลังใจให้อ้นด้วยน้า รับรอง จบแฮปปี้สุดๆ ค่ะ  :กอด1:


เฮ้อออออ! sad ladyboy :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:

มันคือความจริงที่ต้องเผชิญ เป็นกะเทยมันลำบาก งานหายากสู้พวกอีแอ๊บไม่ได้ บางทีHRแม่งก็เป็นสาวเหมือนกันแต่พอเห็นกะเทยมีนมผมยาวมาสมัครงานปุ๊บ "ไม่รับ"
อ้นต้องสู้ค่ะ ยังต้องผ่านมรสุมอีกเยอะ!

แต่คนแต่งไม่ใจร้ายหรอก อ้นไม่โชคร้ายมากขนาดเติ้ลหร้อก ฮ่าๆ อย่างน้อยก็มีการ์เดี้ยนอยู่ข้างๆ คอยปกป้องอะ  :-[

 :impress2:
รอลุ้นกันน้าว่าคราวนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของอ้น โฮะๆ บอกเลย ดราม่าที่สุดในชีวิตแล้วล่ะ ฮ่าๆ  :katai2-1:

อย่าว่าคนแต่งเลยนะ เค้าซาดิสนิดๆ เขีบนนิยายที่ตัวเอกเป็นตุ๊ดทั้งที มันก็ต้องแซ่บๆ ดี๊ จะมาแอ๊บๆ กั๊กๆ เป็นกะเทยหวานมีไฮโซมาจีบจบฟินๆ ที่งานแต่งได้ยังไง มันต้องลุยดิ สไตล์เค้า! อี(กะเทย)สาวบ้านนอกสู้ชีวิตกับไอ้หนุ่มแว่นโรคจิตนิสัยโฉดมันต้องปะทะกันนัวๆ หน่อย มีตัวประกอบแปลกๆ เยอะๆ พล็อตเรื่องบ้าๆ ฮ่าๆ

ต้องติดตามน้า  :pig2: อย่าพึ่งทิ้งกันเน้อ  :pig4:


****  :z6: แวะมาตอบเม้นเพิ่ม

:t3: :t3: :t3:  รออ่านแบบง่วงๆๆๆๆ

มาแว้วน้าาา  :hao7:  ขอโทษที่มาช้าจ้า เนื้อหามันเยอะ แหะๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2016 02:43:41 โดย AI.NoR »

ออฟไลน์ Zyse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   อ้นกลับมาถึงห้องตอนเกือบเที่ยง เขาขดตัวนอนอยู่บนเตียงพลางเอ้อละเหยบอกตัวเองให้พักก่อนจะลุกขึ้นมาลุยกับปัญหาในวันรุ่งขึ้น เรื่องที่เขาถูกบีบให้ลาออกจากงานยังเป็นความลับสำหรับคนใกล้ชิด โดยเฉพาะกับป้อง วันนี้เขาตื่นออกไปแต่เช้าเหมือนการไปทำงานตามปกติ แต่วันพรุ่งนี้เขาคิดไม่ออกว่าจะบอกป้องอย่างไร เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมันกะทันหันเหลือเกิน ไหนยังเรื่องที่ป้องจะย้ายออกอีก เขาลั่นวาจาไปแล้วว่าอยู่ได้ อ้นเกรงว่าหากป้องรู้ป้องคงคิดมากและรู้สึกผิด
   ถ้าแกรู้แกจะเป็นห่วงฉันมั้ยนะป้อง
   ใจหนึ่งอ้นอยากใช้โอกาสนี้อ่อนแอให้เต็มที่เพื่อให้ป้องคอยประคอง แต่อีกใจเขารู้สึกไม่ชอบมาพากลนับตั้งแต่วันที่ป้องเกริ่นเรื่องอยากย้ายหอ ป้องไม่แสดงเจตนาว่าอยากชวนเขาไปด้วยแต่กลับแสดงชัดว่าเป็นห่วง ป้องแค่รู้สึกผิดที่ทิ้งเขาไป ลางสังหรณ์บางอย่างบอกอ้นว่าปัญหาของป้องไม่ใช่เรื่องงาน มันมีอะไรมากกว่านั้นแต่อ้นกลัวที่จะรู้
   อ้นปล่อยให้ตัวเองนอนกลิ้งอย่างเต็มคราบก่อนจะลุกขึ้นมาต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทาน เมื่อก่อนเขาพยายามอดใจไม่ทานเพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ในภาวะที่ตกงานเช่นนี้อ้นไม่มีอารมณ์จะเคร่งครัดกับกฎระเบียบหยุมหยิมที่ตนเคยตั้งมั่น เขาแอบฉกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำของป้องมาทานแล้วโพสต์ท่าถ่ายรูปส่งไปอวดเรย์ เรย์เองก็ไม่น้อยหน้าไลน์กลับมาอวดรูปข้าวปั้นหน้าตาจืดชืดที่มีรอยกัดคำโตแต่ยังมองไม่เห็นไส้ข้างในเช่นกัน ในที่สุดทั้งคู่ก็ผลัดกันบลั๊ฟ ต่างฝ่ายต่างคุยเพลินจนลืมเวลา

“แกไม่ทำงานเหรอยะอีแว่น มัวแต่คุย”   
“ว่าง”
“คิดถึงนาย”
“ไม่มีคนกินข้าวด้วย เหงา”
   เรย์ส่งข้อความมารัวๆ จนอ้นขำ
   ย่ะ ท่าจะว่างจริงๆ นะยะ!
   อ้นส่งสติกเกอร์แล่บลิ้นตอบกลับไป แต่เรยกลับทำให้อ้นผิดคาด

“คิดถึงจริงๆ นะ”
“ต่อไปนี้เราจะกินข้าวกับใคร?”
“เราจะได้เจอนายอีกมั้ย?”
   คำถามสุดท้ายของเรย์ทำอ้นน้ำตารื้น เขาพิมพ์ตอบกลับไปอย่างมีความสุขว่า
“ต้องได้เจอซียะ ฉันก็หางานใหม่อยู่ในกรุงเทพนี่แหละ”
“ถ้าแกไม่มีคนกินข้าวเป็นเพื่อนวันไหนคนสวยว่างๆ จะยอมไปนั่งกินข้าวด้วยก็ได้”
“แต่แกเลี้ยงนะ ช่วงนี้ฉันตกงาน จนกรอบย่ะ”
“อาฮะ”
   เรย์ตอบกลับตามสไตล์ด้วยข้อความ ทว่าอ้นกลับสามารถจินตนาการถึงใบหน้าเปื้อนยิ้มของเรย์ได้แม้เจ้าตัวไม่ใช้สติกเกอร์แสดงอารมณ์

   วันนี้โจมอาสามารับอ้นจึงใช้เวลาช่วงบ่ายทำตัวเองให้สดชื่นด้วยการทำสปาแบบเรียบง่ายในห้องพัก อ้นใช้เวลาส่วนตัวหมักผมแล้วคลุมด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นก่อนจะใส่หมวกอาบน้ำเสมือนการอบไอน้ำแบบย่อมเยา หลังจากนั้นเขาก็นั่งทำเล็บอย่างสบายอารมณ์ อ้นตัดแต่งเล็บและหนังก่อนจะลงมือขัดเอาเป็นเอาตายจนเล็บทั้งยี่สิบนิ้วเงางามส่องประกายแลดูสุขภาพดี
   ขั้นตอนสุดท้ายอ้นจัดชุดใหญ่ด้วยการปรนนิบัติผิวทั่วเรือนร่างครบขั้นตอนทั้งขัดทั้งบำรุงโดยใช้สมุนไพรขัดผิวสูตรธรรมชาติขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกอย่างอ่อนโยนแล้วตามด้วยการพอกผงน้ำนมบำรุงผิว เขาไม่ได้ทานฮอร์โมนจึงจำเป็นต้องบำรุงรักษาร่างกายให้ฝืนธรรมชาติด้วยวิธีธรรมชาติ อ้นไม่กล้าฉีดยาต่างๆ เพราะกลัวตายเลยยอมสวยแบบครึ่งๆ กลางๆ ตามอัตภาพเท่าที่ธรรมชาติจะช่วยได้
   อ้นไม่เคยปล่อยให้ขนของตัวเองยาว แขนขาเนียนเรียบคือคุณสมบัติที่ดีของหญิงสาวผู้รักสวยรักงาม เขาคอยแว็กซ์ออกอย่างสม่ำเสมอและนั่นทำให้สิ้นเปลืองมิใช่น้อย ผู้หญิงต่างพากันทุ่มเงินมากมายเพื่อให้ตัวเองสวย แต่ผู้ชายที่อยากสวยเหมือนผู้หญิงต้องทุ่มเทมากกว่านั้นหลายเท่า ไม่ว่าภาพลักษณ์ภายนอกที่ผ่านการปรุงแต่งด้วยเครื่องสำอางและเสื้อผ้างดงามแล้วจะดูสวยงามเพียงไรแต่เมื่ออ้นมองภาพสะท้อนในกระจกยามส่องให้เห็นร่างเปลือยของตนแล้วเขาก็เห็นเพียง “มนุษย์เพศชายรูปร่างผอมแห้ง”
   อวัยวะยื่นยาวตรงกึ่งกลางร่างกายคือสิ่งที่อ้นอยากกำจัด เขาไม่อยากครอบครองชิ้นส่วนนี้และคิดว่าอวัยวะอีกแบบน่าจะเหมาะสมกับตนมากกว่า แต่การแปลงเพศไม่ได้ทำได้ง่ายๆ เหมือนการแต่งหน้า ผลลัพธ์ของมันจะเปลี่ยนแปลงเขาไปทั้งชีวิต ไม่มีหนทางย้อนกลับมาเป็นเช่นเดิมได้อีก บางคนที่เลือกทางสายนี้ก็ใช่จะมีความสุขกับการเปลี่ยนแปลง นอกจากจะต้องคอยทานยาต่างๆ ดูแลร่างกายเข้มงวดกับสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมชาติโดยกำเนิดของร่างกายแล้วยังต้องเจอกับสายตาจากผู้คนในสังคมที่เปลี่ยนไป
   ด้วยค่านิยมบางอย่างกะเทยถูกลดชั้นจนมีที่ยืนน้อยกว่าตุ๊ดสาวแตกเสียอีก อ้นคิดมานานแล้วว่าเขาไม่อยากไร้ที่ยืนในสังคม แม้ว่าการได้เป็นผู้หญิงจะทำให้เขามีความสุข แต่ถ้าความสุขเพียงเรื่องเดียวนั้นต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดอีกหลายหลากอ้นไม่พร้อมจะยอมสละ เขาขอแค่มีความสุขตามอัตภาพก็พอ

   “วันนี้สวยจัง พี่พึ่งเคยเห็นอ้นแต่งตัวแบบนี้ครั้งแรกนะเนี่ย”
   “ปากหวานเชียวนะคะพี่โจม”
   เพราะได้ใช้เวลาผ่อยคลายตัวเองด้วยการบำบัดอารมณ์โดยใช้อโรมาเธราพีตลอดช่วงบ่าย ค่ำนี้อ้นจึงยิ้มออก เขาทักทายโจมตามปกติไม่เหลืออาการปั้นปึง
   “คืนนี้ที่ร้านมีดนตรีสดด้วยนะ เฮียหมูแกร้องเพลงเพราะมาก เสียงดีใช้ได้เลย อ้นชอบเพลงอะไรลองขอแกสิ”
   “หนูนึกว่าพี่โจมจะชวนหนูไปกินข้าวเพื่อหาโอกาสอธิบายเรื่องทั้งหมดซะอีก หนูก็อยากทราบเหมือนกันค่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้น หนูตกงานเพราะเรื่องไร้สาระที่หนูไม่ได้ก่อเชียวนะคะ”
   วาจาของอ้นเชือดเฉือนบาดใจ แต่โจมก็ยิ้มได้เพราะอ้นยอมพูดคุยกับเขาแล้ว
   “ไว้ถึงที่ร้านแล้วจะเล่า เราคุยไปกินไปก็ได้”
   “กลัวแต่จะกินไม่ลงน่ะสิคะ หนูอยากรู้เลย เผื่อหนูโกรธมากจะได้กระโดดลงจากรถกลับบ้านได้ทันที”
   โจมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาหันไปมองอ้น วันนี้อ้นดูสวยเป็นพิเศษภายใต้เสื้อผ้าแบบผู้หญิง ผมที่ยาวเกินไปสำหรับผู้ชายกลายเป็นทรงบ็อบน่ารักพอเหมาะพอเจาะ อ้นแต่งหน้าตามสมัยนิยม ขนตาสีดำหนาเป็นแพล้อมกรอบดวงตาตัดกับริมฝีปากสีแดงสดดูแล้วสวยเฉียบด้วยลุคสาวสุดมั่น โจมเคยคิดไว้ว่าอ้นน่าจะเหมาะกับสไตล์ใสๆ เน้นแนวธรรมชาติประมาณสาวหวานจากอุปลักษณะนิสัยของเจ้าตัว แต่คิดไม่ถึงว่าอ้นจะจัดมาดนางพญาไปดินเนอร์กับเขาเช่นนี้ ถ้าหากนี่ไม่ใช่ความชอบส่วนตัวของอ้นแล้วเจ้าตัวคงจงใจแต่งมาขู่เขากระมัง?
   “วันนี้เหมือนนางพญาเลยนะ ถ้าพี่ได้เป็นแฟนอ้นจริงๆ พี่คงต้องยอมอ้นไม่กล้าขัดใจเราแน่ๆ”
   น้ำเสียงของโจมคล้ายกับจะเย้าแต่ในขณะเดียวกันก็ฟังราวกับท้อใจ อ้นไม่กล้าตอบโต้แม้จะแอบแย้งในใจว่าเขาไม่เคยวีนใส่ป้อง คนที่อารมณ์เสียเสียงดังบ่อยๆ คือป้องส่วนคนที่ไม่กล้าขัดใจคือเขาต่างหาก
   “ผู้หญิงคนนั้น เค้าเป็นแฟนเก่าพี่เอง”
   โจมยอมเปิดปากเล่าจนได้ อ้นรู้ดีว่าเวลาแบบนี้ควรเงียบ เขาสงบปากสงบคำรอฟังคำแก้ตัวของโจม
   “อ้นจะเรียกเมียก็ได้ พี่ยอมรับว่าพี่เคยอยู่กับเขา เราแต่งงานกันแล้วแต่ไม่ได้จดทะเบียน แบบ...เรื่องร้านอะ พี่หุ้นกับเพื่อน ตัวคนเดียวมันสะดวกกว่า”
   โจมยักไหล่ก่อนจะหันมามองขอความเข้าใจจากอ้น เมื่อเห็นว่าอ้นรับฟังเงียบๆ โดยไม่แสดงสีหน้าเห็นใจโจมก็ถอนหายใจแล้วเล่าต่อ
   “แต่พี่กับเขาเราจบกันนานแล้ว พอเลิกกันพี่ก็ไม่ได้ติดต่อเขาอีกเลย เพราะพี่จับได้ว่าเขานอกใจพี่ๆ เลยเลิกกับเขา”
   “แต่เค้าด่าอย่างกับหนูไปแย่งพี่มาจากเค้า เค้าบอกว่าท้อง เพราะพี่มาติดหนูพี่เลยทิ้งเค้า พี่โจม...ทำไม...”
   อ้นพูดไม่ออก นอกใจก็เรื่องหนึ่ง แต่การที่โจมไม่รับผิดชอบนั่นเป็นเรื่องที่เขาทนไม่ได้ มิหนำซ้ำโจมยังมีหน้ามาคุยกับเขาทั้งๆ ที่ยังไปมาหาสู่กับผู้หญิงคนนั้น ยิ่งคิดถึงคราที่โจมคร่ำครวญว่าอกหักให้ฟังแล้วอ้นก็ยิ่งไม่เข้าใจ อ้นเกือบจะด่าว่าโจมตอแหลแล้วแต่โจมชิงพูดขึ้นเสียก่อน
   “พี่ไม่ได้ติดต่อเขาจริงๆ นะอ้น พี่เลิกกับเขาก่อนที่พี่จะคุยกับอ้นซะอีก!”
   “แต่เค้าท้อง! ถึงยังไงพี่ก็ไม่ควร”
   “ไม่ใช่ลูกพี่! เด็กในท้องไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ เค้าท้องกับคนอื่น!”
   น้ำเสียงของโจมเต็มไปด้วยโทสะผิดปกติ อ้นจึงแอบตกใจนิดๆ เขาสะดุ้งไม่กล้าพูดต่อได้แต่ฟังโจมระบายออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ
   “อ้นรู้มั้ยว่าวินาทีที่พี่รู้ว่าเค้าท้องหัวใจพี่เหมือนถูกกรีดเป็นชิ้นๆ ก่อนหน้านั้นมีคนเคยบอกพี่ว่าเค้าแอบมีคนอื่นแต่พี่ก็พยายามเชื่อเค้า เค้าอ้างว่าแค่เพื่อน แต่การที่เค้าท้องนั่นแหละทำให้พี่รู้ว่าตลอดมาพี่โง่แค่ไหน ถูกเมียสวมเขามาตลอด”
   “พี่โจม... แต่แบบ...”
   โจมรู้ดีว่าอ้นจะพูดอะไร แต่เขารู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ เขายิ้มอย่างสมเพชตัวเองแล้วหันไปสารภาพความลับของตนด้วยหัวใจที่เจ็บปวด
   “พี่เป็นหมันอ้น เชื้อพี่ไม่แข็งแรงแล้วพี่จะทำเค้าท้องได้ยังไง? แล้วตั้งแต่ที่พี่ระแวงเรื่องเขามีคนอื่นพี่ก็ไม่ได้นอนกับเขาอีก เราไม่ได้นอนด้วยกันเป็นเดือนๆ ก่อนจะเลิก นับดูแล้วยังไงพี่ก็ไม่มีทางเป็นพ่อเด็กในท้องเด็ดขาด”
   สิ่งที่โจมพูดออกมาทำให้อ้นอึ้ง!
   “โธ่พี่โจม...”
   อ้นครางด้วยความสงสาร เขาพูดไม่ออกทำได้แค่เพียงส่งสายตาสงสารไปให้โจม
   “ถึงพี่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนพี่ก็ไม่มีทางมีลูกได้ พี่ไม่ชอบเด็กพี่ไม่อยากมีลูกหรอก พี่ขอแค่ภรรยาสักคนที่รักและซื่อสัตย์กับพี่ก็พอ ตอนที่พี่เจอเราพี่รู้สึกว่าอ้นใช่สำหรับพี่ๆ ไม่แคร์เรื่องไร้สาระหรอก พี่ก็เจ็บมาเยอะนะอ้น พี่เองก็อยากมีคนสุดท้ายเหมือนกัน”
   เจอคอมโบแบบรัวๆ เข้าไปอ้นถึงกับพูดไม่ออก เขาทึ่งกับเรื่องราวของโจม ในขณะเดียวกันก็เขินเมื่อถูกบอกรัก แต่ไม่ว่าอ้นจะดีใจเพียงใดโจมก็ยังไม่ใช่สำหรับเขา
   “เพราะเรื่องนี้เค้าก็เลยมาอาละวาดหนู? สรุปนี่หนูตกงานเพราะพี่โจมเหรอคะ?”
   สีหน้าของโจมหมองลงแต่ก็ยอมรับ โจมรู้ดีว่านี่เป็นการแก้แค้นของแทน แทนเคยเป็นน้องที่น่ารัก คอยปลอบใจเขาไม่ห่างในยามที่มีปัญหากับภรรยา แต่เพราะใกล้ชิดมากความสัมพันธ์จึงเริ่มคลุมเครือ เมื่อเส้นแบ่งเริ่มเลือนรางจนเผลอข้ามเขตแดนโจมก็จำต้องตั้งหลักแล้วขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์เส้นใหม่ให้ชัดกว่าเดิม เขาปฏิเสธแทนด้วยการบอกว่า “ไม่มีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน”
   แทนแตกต่างจากอ้นตรงที่อ้นคือร่างจำแลงของเพศหญิง ทั้งการแสดงออกและทัศนคติของอ้นให้ความรู้สึกแบบผู้หญิง โจมสนใจอ้นเพราะความสับสนที่เกิดขึ้นเพราะแทนแต่เมื่อได้ใกล้ชิดกันความน่ารักของอ้นกลับทำให้เขาสบายใจจนโจมเริ่มชอบอ้นขึ้นมาจริงๆ โจมนับถือความเด็ดเดี่ยวและหัวใจที่มั่นคงของอ้น เขาหลงรักความเข้มแข็งนี้ และการที่อ้นมีความใฝ่ฝันอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองทำให้โจมมั่นใจในความเป็นผู้ชายปกติของตน ที่ผ่านมาเขาก็แค่หวั่นไหวไปกับการเอาใจใส่จากแทน แม้สิ่งที่เกิดขึ้นมันจะดำเนินไปได้สุดทางแต่นั่นก็เป็นเพราะความเมามายและการปรนเปรอจากแทน
   โจมรู้สึกผิด เขาเสียใจที่ตัวเองอ่อนแอจนเผลอไผลไปกับแทน เขาไม่ควรปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขาไม่สามารถตอบรับความรู้สึกจากแทนได้ แต่ในวันที่คิดจะยุติทุกอย่างแทนกลับไม่ยอมจบ โจมยอมให้แทนเกลียดแต่เขาทนไม่ได้เมื่อแทนหันไปทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างอ้น
   “ใช่ แต่อ้นไม่ได้ตกงานเพราะแฟนเก่าพี่หรอก อ้นตกงานเพราะพี่ชอบอ้น มันเป็นเกมสกปรกของคนที่ชอบแทงข้างหลังคนอื่นน่ะ อ้นถูกลากเข้ามาอยู่กลางสงครามก็เพราะพี่ ขอโทษนะ”
   อ้นไม่เข้าใจ แต่โจมไม่ยอมอธิบายต่อ เขากลับรวบรัดให้กำลังใจอ้นแทน
   “แต่ไม่ต้องห่วงนะ พี่ไม่ทิ้งเราหรอก พี่จะพยายามถามเพื่อนให้ว่าที่ไหนว่างบ้าง วันนี้เพื่อนพี่ที่เปิดบริษัทมันว่างพี่เลยชวนมันมาแฮงเอาต์กัน รู้จักกันแล้วมันอาจจะอยากชวนอ้นไปทำงานด้วยก็ได้”
   “พี่โจมคะ พี่ทะเลาะกับใคร? ถ้ามันเป็นสงครามมันก็ต้องมีสองข้าง หนูอยู่ตรงกลางระหว่างพี่กับใครคะ?”
   ชื่อของคนๆ หนึ่งผุดขึ้นในใจจากลางสังหรณ์ แต่อ้นไม่อยากจะเชื่อ! เรื่องไร้สาระเพียงเล็กน้อยกลับถือโทษโกรธแค้นกันถึงขั้นเอาออกเลยหรือ?!
   ยิ่งโจมเงียบ อ้นยิ่งมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์
   “พี่แทนใช่มั้ยคะ? หนูถูกลูกหลงระหว่างพี่กับพี่แทน?”
   เมื่อเห็นโจมกลืนน้ำลายไม่กล้าตอบอ้นยิ่งเคือง!
   “ไม่อยากจะเชื่อเลย! แค่เพราะหนูด่ามันไปทีเดียวถึงกับต้องเอากันออก อยู่กันคนละแผนกแท้ๆ ทำไมพี่แทนใจแคบแบบนี้!”
   “ไม่ใช่หรอกอ้น... เพราะแทนเค้ารู้ว่าพี่ชอบอ้น เค้าโกรธพี่”
   “อะไร? ยังไง? หนูงงไปหมดแล้ว! กะอีแค่เรื่องงาน หมั่นไส้ที่พี่ชอบหนู เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องหาทางเขี่ยเราสองคนเลยเหรอคะ?”
   โจมรู้สาเหตุดีว่าแทนฝังใจเรื่องใด แต่โจมเลือกบอกผลพวงจากความแค้นนั้นแทน ไฟแค้นของแทนแผดเผาทุกอย่างและลามมายังเรื่องงานจนทุกสิ่งทุกอย่างย่อยยับ!
   “บริษัทกำลังจะดิวงานกับลูกค้าญี่ปุ่น พี่กับแทนทำโปรเจ็กแข่งกัน ผลงานของใครเข้าตาจะได้เป็นตัวแทนไปดูงานที่นั่นสามปี แทนเค้าแค้นพี่เพราะพี่เคยปฏิเสธเค้า”
   “ปฏิเสธ?”
   อ้นงง!
   “เค้ารับไม่ได้ที่พี่ชอบอ้น พี่รู้ว่าแทนอยากชนะพี่ พี่ผิดเองที่คิดว่าเราจะแข่งกันด้วยผลงานอย่างเดียว คิดไม่ถึงว่าเค้าจะแค้นพี่แล้วไปพาลกับอ้น”
   “บ้า! นี่หนูต้องตกงานเพราะสาเหตุเรื่องผู้ชายจริงๆ เหรอเนี่ย!”
   กะอีแค่อกหักถึงกับต้องเขี่ยฉันออกจากงานเลยเหรอ!
   อ้นหมดหวังท้อแท้กับชีวิต เขาหดหู่เหลือเกิน
   “ทำไมพวกพี่ทะเลาะกันแล้วต้องเอาหนูเข้าไปรับเคราะห์ด้วย! ไม่ยุติธรรมเลย เหมือนโดนลูกหลง โอ๊ยหนูอยากจะบ้าตาย!”
   “พี่ขอโทษ”
   “ความรักของพี่โจมทำให้หนูซวยตลอดเลยนะคะ!”
   อ้นไม่สำนึกเลยว่าคำพูดของตนจะทำร้ายจิตใจของโจมอย่างไรบ้าง ความรักคือความรู้สึกแบบหนึ่งที่ไร้นิยาม บ้างก็ว่าเกิดขึ้นอย่างสมเหตุสมผล บ้างก็อ้างว่าไร้เหตุผลเป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ มนุษย์ทุกคนรู้จักความรักมาช้านานแต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปมากเพียงไรก็ยังจะมีมนุษย์ที่ต้องเจ็บปวดเพราะความรักเสมอ
   “พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
   “ช่างเถอะค่ะ ยังไงหนูก็ตกงานแล้ว”
   โจมรู้สึกผิดจากใจจริงจนไม่กล้ากวนอารมณ์อ้นอีก อ้นเองก็เงียบเพื่อจัดการกับความโกรธของตัวเอง เขาอยากจะกรี๊ด อยากจะถลาไปหาแทนที่ออฟฟิศในวันรุ่งขึ้นแล้วลากตัวมาตบให้หายแค้น จากนั้นก็ประจานให้ทั่วบริษัทว่าอีเกย์รักษาภาพลักษณ์หน้ากากหนาคนนี้ทำตัวทุเรศเพียงใด ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น โดยเฉพาะเมื่ออ้นไม่มีสิทธิ์กลับไปแก้แค้นแทนแล้วก็ยิ่งอัดอั้น!
   แต่ในที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปความโกรธก็เบาบางลง เมื่อโจมจอดรถหน้าร้านแล้วควงอ้นเข้าไปยังห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวขนาดเล็กที่มองลงมาเห็นเวทีมีนักร้องกำลังร้องเพลงรักหวานซึ้งอ้นก็หายโมโห ดอกกุหลาบปลอมหลายกระถางถูกประดับเอาไว้แทบจะถมห้อง!
   “โทษทีนะพี่หาของจริงไม่ทันเลยได้มาแค่ของปลอม เหมามาหมดร้านเลยนะเนี่ย”
   “ทำอะไรทำไมไม่ปรึกษากันก่อนคะ แต่งห้องแบบนี้เดี๋ยวเพื่อนพี่ก็เข้าใจผิดหรอก”
   อ้นแกล้งติด้วยความเขินอาย แต่โจมยิ้มรับแล้วแก้ตัวอย่างมีเหตุและผล
   “ก็บอกมันไปว่ายังไม่ได้เก็บ ห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวที่วิวดีที่สุด พี่ลองธีมเผื่อไว้ต้อนรับลูกค้าคู่รักวาเลนไทน์ปีหน้าไง”
   “แหม... วางแผนไม่เสียของสมกับเป็นนักการตลาดเลยนะคะ”
   โจมยิ้มสดใสจนอ้นยอมแพ้ ผู้ชายคนนี้มีคุณสมบัติครบทุกอย่างจริงๆ ทั้งหล่อและฉลาด ฐานะการเงินก็ดี มีอนาคต นิสัยก็ใช้ได้ แถมยังช่างเอาใจ มีมุมโรแมนติก เสียอย่างเดียว อ้นยกหัวใจให้คนอื่นไปแล้ว จนบัดนี้เขายังตามเก็บซากหัวใจตัวเองกลับมาได้ไม่ครบดวงเลย

   อาหารมื้อนั้นอร่อยกว่าทุกครั้งที่อ้นเคยทานจากร้านของโจมเพราะบรรยากาศดี๊ดีเคล้าคลอด้วยเสียงเพลงรักหวานๆ ชวนอบอุ่นเสริมให้อ้นปลาบปลื้มเป็นพิเศษ ยิ่งเมื่อเพื่อนของโจมมาถึง หนุ่มตี๋ยิ้มง่ายเฮฮาเป็นกันเองผู้ให้เกียรติอ้นประหนึ่งสุภาพบุรุษปฏิบัติตัวต่อสุภาพสตรีทำให้เขามีความสุขราวกับอยู่บนสวรรค์ เจ้าของบริษัทอธิบายงานต่างๆ ให้อ้นฟังก่อนจะชักชวนให้อ้นลองไปสัมผัสดูด้วยตัวเอง
   อ้นวาดฝันอนาคตเอาไว้อย่างงดงามอีกครั้ง แม้มันจะขรุขระแต่อ้นก็มีกำลังใจเพิ่มขึ้นแล้ว เขาพร้อมกลับมาคิดบวกเป็นตุ๊ดสู้ชีวิตอีกครั้งหนึ่ง จวบจนงานเลี้ยงเลิกลาอ้นจึงได้ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนกลับ หนนี้เขาเดินเข้าห้องน้ำหญิงอย่างมั่นใจในตนเอง และนั่นคือจุดเปลี่ยนของชีวิต!
   อ้นไม่รู้เลยว่าร้านของโจมนั้นดังในหมู่นักชิมขนาดไหน ร้านอาหารที่ออกแบบตกแต่งอย่างมีสไตล์ด้วยหุ้นส่วนต่างสาขาอาชีพที่ร่วมทุนกันเปิดร้านตามคำกล่าวยอดฮิต “อยากมีร้านเอาไว้สังสรรค์กันในหมู่เพื่อน” และแน่นอนว่าเพื่อนของหุ้นส่วนแต่ละคนต่างช่วยกันโปรโมทร้านอีกแรง ในที่สุดด้วยรสชาติอาหารจัดจ้านถูกปากคนไทยและบรรยากาศสุดชิลถูกใจคนชอบนั่งทานข้าวนอกบ้านร้านนี้จึงดังพอตัว ผู้คนต่างหลั่งไหลมาแฮงเอาต์กันที่นี่
   อ้นไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะมาเจอคนรู้จักในห้องน้ำ หลังจากทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วเขาก็เติมหน้าอย่างมีความสุข อ้นยิ้มให้ตัวเองในกระจกก่อนจะหมุนตัวประหนึ่งนางแบบเพื่อหันหลังออกจากห้องน้ำ แต่โชคร้ายเขาชนเข้ากับผู้ใช้บริการอีกคนที่พึ่งเดินเข้ามา
   “ว้ายขอโทษค่ะ!”
   ผู้หญิงคนนั้นมองอ้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อจำได้ ส่วนอ้นนั้นหน้าถอดสีไปแล้ว!
   “อ้นใช่มั้ย? ไม่ได้เจอกันนานสวยขึ้นนะ”
   แจนยกมือขึ้นกอดอกด้วยมาดที่เหนือกว่า ท่าทางของเธอดูสบายๆ ทว่าก็สง่ามีราศีจนอ้นรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าไร้ราคามิอาจเทียบเคียงได้
   แจนรู้จักลูกน้องเก่าคนนี้ดีจึงรู้ว่าอ้นรู้สึกอย่างไร เธอจึงจงใจตอกย้ำความต้อยต่ำของอ้นอีกครั้ง
   “เป็นไงบ้างล่ะ? เห็นป้องว่าไปได้งานที่อื่น พี่คิดว่าอ้นจะอยู่กับป้องต่อซะอีก”
   อ้นรู้ดีว่าประโยคนี้แจนหมายถึงว่าเขาเคยทำตัวเกาะติดป้องเป็นตุ๊ดหวงผู้ชายน่าทุเรศ อ้นเคยหวงป้องและเผลอทำพฤติกรรมน่าละอายหลายอย่างเอาไว้เมื่อครั้งยังฝึกงาน ที่สำคัญเขาไม่ได้มากฝีมือเท่าป้อง เมื่อเรียนจบแล้วจึงไม่แปลกที่บริษัทจะไม่ชวนให้อยู่ต่อ ซึ่งอ้นเองก็รู้ตัวจึงเลือกจะไปหารังใหม่ที่ไม่มีเรื่องในอดีตตามมาหลอกหลอน ทว่าที่ใหม่นั้นกลับมีเจ้าถิ่นที่อ้นไม่อาจรับมืออยู่เสียได้!
   “ก็เรื่อยๆ ค่ะ”
   อ้นอายเหลือเกินเขาถูกดึงกลับจากโลกแห่งความสุขมาอยู่กับความจริงอีกครั้งว่าเขาตกงาน!
   “บังเอิญจังเลยนะมาเจอกันที่นี่ เธอบอกป้องรึเปล่าว่ามาแฮงเอาต์ เดี๋ยวรูมเมตของเธอจะเป็นห่วงเอานะ”
   คำพูดของแจนฟังเผินๆ เหมือนเป็นห่วง แต่ถ้าหากพิจารณาดีๆ แล้วจะพบว่าแจนจงใจตอกย้ำสถานะของอ้นและป้องว่าเป็นเพียงแค่รูมเมต โชคดีที่อ้นคิดตามไม่ทัน เขากำลังกังวลกับเรื่องงานเพราะรู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เท่าแจน
   อ้นไม่ได้บอกป้องเรื่องที่ตนตกงาน เขาไม่กล้าบอกเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นและหลบเลี่ยงการพูดคุยกับป้องมาตั้งแต่เมื่อวาน แถมพักนี้บางวันป้องก็กลับดึกแบบผิดปกติเหมือนมีเรื่องซ่อนเร้นปิดบัง แต่อ้นไม่กล้าถามเพราะสีหน้าเหนื่อยล้าปนเครียดของป้อง
   “หนูจัดการเรื่องส่วนตัวได้ค่ะ ไม่ต้องเดือดร้อนให้พี่แจนมาดูแลแล้ว”
   อ้นยังคงอับอายที่ในอดีตสมัยฝึกงานกับป้องเขาไม่ได้เรื่องจนแจนต้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือบ่อยๆ
   อ้นเกลียดยัยหัวหน้าจอมข่มคนนี้ แจนคอยวางท่าเหนือกว่าเธอตลอดแต่แจนไม่เคยสอนงานเธอเลย แจนมักทำตัวเป็นแม่พระแต่ที่แท้คอยจับผิดงานของเธอเสมอ แจนพออกพอใจที่ได้กอบกู้ความผิดพลาดของคนอื่น เป็นหัวหน้าที่มีความสุขเมื่อเห็นลูกน้องโง่! ทว่าหนนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัว เขาโตแล้ว! อ้นไม่ได้อยู่ใต้ปีกของแจนอีกต่อไป!
   “แหมพี่ก็แค่จะบอกเธอว่าป้องเค้าอยู่ข้างนอกนั่น พอดีวันนี้เรามาดินเนอร์กันนิดหน่อย”
   แจนแย้มริมฝีปากยิ้มด้วยท่าทางอ่อนหวานอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อเห็นอ้นเม้มปากเคียดแค้น สายตาของเธออบอุ่นราวกับผู้ใหญ่มองเด็กผิดกับอ้นที่เต็มไปด้วยไฟริษยา
   “พี่มาแฮงเอาต์กับเพื่อนในวงการน่ะเลยชวนป้องมาด้วย รู้จักกันไว้ยังไงวงการโฆษณาไทยก็เล็กนิดเดียว ป้องเค้าเป็นคนเก่งพี่อยากสนับสนุนเค้าให้มีอนาคตที่ดี”
   “ได้ยินแล้วปลื้มแทนป้องจริงๆ เลยนะคะมีหัวหน้าผลักดันขนาดนี้ ดูแลกันดี๊ดีวางแผนอนาคตให้อย่างกับแม่!”
   อ้นกระแทกเสียงใส่อารมณ์จิกแจนจนได้ อารมณ์ของเขาขุ่นมัวสุดขีด! แจนใช้มาดพี่สาวแสนดีเข้าหาผู้อื่น ทำตัวประดุจแม่พระเพื่อหวังผล!
   หมั่นไส้อีชะนีแก่นี่จริงๆ!
   แต่แจนกลับยิ้มได้เช่นเดิม เธอหัวเราะเบาๆ ก่อนจะบอกอ้น
   “แน่นอนสิจ้ะ อนาคตของป้องไม่ใช่อนาคตของเขาคนเดียวแล้วนี่ เอ... พี่เหมือนคุณแม่จริงเหรอเนี่ย? คิกๆ สงสัยช่วงนี้ฮอร์โมนทำงานดีเกินไปมั้งจ้ะเลยกลายเป็นแบบนี้ พึ่งเดือนกว่าเองแท้ๆ”
   อ้นไม่เคยรู้สึกช็อกมากเท่านี้มาก่อน เขารู้สึกตัวเบา ใจหวิวๆ คล้ายจะเป็นลมล้มลงไปได้ทุกลมหายใจ ไม่ว่าจะพยายามตั้งสติแล้วสูดหายใจลึกๆ มากเท่าไหร่อ้นก็ยังเจ็บ เขาแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก สับสน มึนงง ตั้งสติไม่ได้!
   “พี่ว่า อะ ไร นะคะ...”
   เสียงของอ้นสั่นเครือและขาดเป็นห้วงๆ แต่แจนกลับได้ยินและตอบกลับเสียงดังชัดเจน
   “เอ๊! ป้องยังไม่ได้บอกอ้นเหรอจ้ะ อะไรกันไม่บอกข่าวดีกับเพื่อนสนิทแบบนี้ได้ยังไง อ้อ! สงสัยตาป้องคงจะอายมั้งจ้ะ อ้นก็รู้ว่าเขาไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัวกับคนอื่นซักเท่าไหร่”
   ท่าทางเหมือนตกใจก่อนจะทำเป็นนึกขึ้นได้แล้วตบท้ายด้วยการทำตัวสนิทแต่แอบเหยียดผลักเขาให้เป็นเพียงแค่คนอื่นของแจนทำเอาอ้นอยากลากตัวหัวหน้าเก่ามาตบคาห้องน้ำ!
   อ้นอยากจะตวาดออกไปเหลือเกินว่าไม่ต้องแอ๊บและอย่าลีลา ทว่าความกลัวกัดกินทุกเซลล์ประสาทจนพูดไม่ออก เขากลัวเหลือเกิน กลัวคำพูดที่จะหลุดออกจากปากแจน ลางสังหรณ์และการกระทำหลายอย่างของป้องมันให้คำตอบชัดเจนอยู่แล้ว!
   “พี่ท้องจ้ะ เพื่อนของอ้นกำลังจะเป็นพ่อคนแล้วนะ”
   อ้นเซ! ฉับพลันส้นสูงที่ใส่อยู่กลับไม่ชินเหมือนพึ่งรู้จักกันเป็นครั้งแรก ขาของเขาไร้ความมั่นคงกะทันหัน อ้นยืนโงนเงนจนต้องเกาะอ่างล้างมือเพื่อพยุงตัวไว้ น้ำหยดเล็กๆ ไหลออกมาเองโดยที่เจ้าของร่างไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อย สมองของอ้นขาวโพลนไปหมดเหมือนถูกแช่แข็งความสามารถทางการคิด กระทั่งความสามารถในการหายใจยังถูกข่าวร้ายช่วงชิง
   “ตายละพี่ก็คุยซะเพลิน! พี่ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะจ้ะ หายมานานแล้วเดี๋ยวป้องเค้าจะเป็นห่วง ถ้าอ้นอยากมานั่งกับพวกเราก็ตามมาที่โซนแอร์นะจ้ะโต๊ะของพี่อยู่ตรงนั้น ป้องเค้าไม่อยากให้พี่นั่งโซนด้านนอกเพราะกลัวกลิ่นบุหรี่จะมีผลกระทบกับลูกในท้อง อีกเดี๋ยวเพื่อนพี่ก็กลับแล้วล่ะ เหลือแค่พี่กับป้องนั่งฟังเพลงกันสองคน มาแจมได้น้า”


ออฟไลน์ AI.NoR

  • เกรียน&กวนตีน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-6
    • AzureIce

   ป้องหงุดหงิด เขาไม่ชอบการแฮงเอาต์แบบนี้ ทว่าเขาไม่อยากขัดใจแจน แต่กระนั้นก็ยังมีบางเรื่องที่เขาจำเป็นต้องขัดเพื่อสุขภาพของลูกในท้อง
   “พอได้แล้วพี่ ห้ามกิน!”
   ป้องหยุดแก้วไวน์ของแจนเอาไว้พลางเอ่ยห้ามเสียงเด็ดขาด
   “แหม เสียของนะจ้ะ เหลืออีกตั้งครึ่งขวด ยายติ๊กก็กลับไปแล้ว”
   “เหลือก็ทิ้งดิ พี่ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์”
   “ขอแก้วนึงไม่ได้เหรอ? วันนี้พี่มีความสุขนี่นา บรรยากาศดีออก”
   “ไหนบอกห่วงมันไง? รักลูกจริงก็ไม่ควรดื่ม เรื่องแค่นี้พี่ไม่รู้เหรอ!”
   ป้องยึดแก้วไวน์ออกจากมือของแจนได้สำเร็จ แจนยอมปล่อยแก้วอย่างง่ายดายเมื่อเธอทำสิ่งที่ตั้งใจไว้สำเร็จเช่นกัน
   “แหม ดุตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดเชียวนะ ถ้าได้ลูกสาวมีหวังลูกเราขึ้นคานแน่มีคุณพ่อจอมเฮี้ยบอย่างเธอ”
   “ผมแค่เป็นห่วงลูก”
   แจนยิ้มอย่างสะใจในขณะที่อ้นร้องไห้ด้วยใบหน้าเหยเก
   “แกทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง!”
   ป้องสะดุ้ง เขาหันไปพบรูมเมตของตนยืนอยู่ด้านหลัง
   “อ้น!”
   ป้องลุกพรวดขึ้นแต่ทันไม่การณ์อ้นปราดเข้ามาข้างโต๊ะแล้วถามเสียงเครือ
   “แกทำได้ยังไง! แกคิดจะปิดฉันไปถึงเมื่อไหร่ฮะป้อง แกทำได้ยังไง! แก...”
   อ้นคิดคำด่าไม่ออก เขารู้ตัวดีว่าเลิกกับป้องแล้ว เขาไม่มีสิทธิ์ในตัวป้องอีกต่อไป ทว่าอ้นก็เจ็บเหลือเกิน ป้องปิดบังเขา แอบมีความสัมพันธ์กับคนอื่นจนถึงขั้นท้อง!
   “ที่แกจะย้ายออกก็เพราะเรื่องนี้ใช่มั้ย? แล้วแกมาตอแหลกับฉันทำไม! อีบ้า! แกก็รู้ว่าฉันรักแกมากแล้วแกมาโกหกฉันทำไม! อีชั๊ว! ฮือๆ”
   อ้นระดมทุบเข้าที่อกป้องอย่างไม่อายสายตาใคร เสียงร้องไห้โหยหวนของเพศที่สามดังขึ้นท่ามกลางเสียงเพลงรัก เรื่องราวเล่านี้เป็นที่ชื่นชอบของพวกชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน แต่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่มีใครสนใจว่าตนจะกลายเป็นคลิปเด็ดคลิปดังหรือไม่ ป้องพร่ำขอโทษอ้นโดยมีแจนแกล้งทำท่าตกใจ
   “กูขอโทษ อ้น ฟังกูก่อน”
   “ฉันไม่ฟัง! อีเพื่อนเลว แกโกหกฉัน แกให้ความหวังฉันทำไมถ้าแกจะไปสร้างอนาคตกับอีนี่ แกมาหลอกฉันทำไม! สารเลว! ไอ้คนเจ้าชู้!”
   “อะไรกัน! เธอหลอกอะไรอ้นเหรอป้อง? เธอ”
   “มึงหุบปากไปเลย!”
   ป้องน็อตหลุดจนหันไปตวาดใส่แจน หัวหน้าสาวมากประสบการณ์ถึงกับรักษาสีหน้าผู้หญิงฉลาดวางตัวดีตลอดเวลาเอาไว้ไม่อยู่!
   “มึงนั่งเงียบๆ ไปเลยไม่ต้องมาเสือกเรื่องของกูกับเพื่อน!”
   ป้องหันไปตวาดใส่แจนอย่างหยาบคาบ แม้เขาไม่รู้ว่าอ้นมาที่นี่ได้อย่างไรแต่เขารู้ดีว่าเรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของแจน เขาตะคอกใส่ผู้หญิงที่อุ้มท้องลูกของเขาโดยยังคงยึดข้อมือของเพื่อนรักเอาไว้แน่น แต่ไม่นานป้องรู้สึกถึงแรงต้านประหนึ่งอ้นหมดแรงกำลังจะยืนด้วยตนเอง
   อ้นร้องไห้โฮพร่ำด่าเขาหาว่าเขาโกหก ป้องไม่เคยคิดจะหลอกลวงอ้นเลย แต่ที่ปิดบังเอาไว้ไม่กล้าบอกก็เพราะกลัวอ้นรับไม่ได้ ป้องตั้งใจจะบอกอ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปไม่ว่าแจนจะเร่งเร้าให้เขาย้ายไปอยู่ด้วยกันมากแค่ไหนก็ตาม ป้องเลือกเพื่อน เขาห่วงความรู้สึกของอ้นมากกว่าสนใจความต้องการของแจน ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับพังลงแล้ว! เพื่อนเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของเขากำลังตราหน้าว่าเขาเลว!
   “อ้นฟังกู”
   “ฉันไม่ฟัง ฮือๆ”
   อ้นกรี๊ดเหมือนกะเทยเสียสติ แขกในร้านต่างตกใจ โชคดีที่เด็กเสิร์ฟไปตามโจมมาทันเวลา โจมรีบเข้ามาดึงตัวของอ้นแยกจากป้องทว่าคนเลือดร้อนกลับตอบโต้การกระทำของโจมด้วยหมัด!
   “ไอ้เหี้ย! มึงไม่ต้องมาเสือก!”
   “ว้าย!”
   เสียงวี้ดว้ายดังมาจากรอบทิศ พนักงานรีบดาหน้าเข้ามาขวางป้อง แจนเอามือปิดปากด้วยความตกใจจริงๆ อ้นที่เป็นอิสระร่วงลงไปกองกับพื้นหมดอาลัยตายอยากในชีวิต
   โจมตรงเข้ามาช้อนร่างของอ้นพยุงเอาไว้แล้วส่งต่อให้เด็กในร้านพลางสั่งการ
   “พาเพื่อนพี่ไปพักที่ห้องก่อนเร็ว”
   ป้องฮึดฮัดจะเอาเรื่องแต่เมื่อมองไปเห็นโจมปฏิบัติต่ออ้นอย่างทะนุถนอมแล้วเขาก็ชะงัก นาทีนั้นป้องรู้สึกผิดจนลืมทุกอย่างในชีวิต ภาพของอ้นเพื่อนตุ๊ดคนที่เคยร่าเริงร้องไห้หมดอาลัยตายอยากราวกับคนเสียสติทำให้ป้องน้ำตาไหลตาม ป้องลืมทุกๆ อย่าง ทุกคน ทุกสิ่ง มีเพียงแต่ความรู้สึกผิดต่อเพื่อนผู้แสนดีที่คอยอยู่เคียงข้างเขามาตลอดคนนี้ คำว่า “ขอโทษ” ต่อให้พูดอีกเป็นร้อยเป็นพันครั้งก็ไม่แน่ว่าจะเยียวยาหัวใจของอ้นได้ ป้องรู้สึกผิดเหลือเกิน
   “กรุณาสงบสติอารมณ์ด้วยครับ ผมขอเชิญไปคุยต่อทางด้านโน้น หวังว่าผมคงไม่ต้องเรียกตำรวจนะครับ”

   อ้นไม่มีสติรับรู้เหตุการณ์หลังจากนั้น แต่จากคำยืนยันของแจนและอาการของอ้นโจมรับรู้ได้ทันทีว่าป้องเป็นใคร ป้องขอโทษโจมที่โมโหจนขาดสติและขอพูดคุยกับอ้นเป็นการส่วนตัว แต่เมื่อโจมหันไปมองสภาพของอ้นที่นั่งพักอยู่อีกมุมของห้องแล้วเขาหันกลับมาปฏิเสธป้อง
   “ผมว่าคุณอย่าพึ่งคุยกันตอนนี้เลย อ้นเขาคงไม่พร้อม”
   “แต่ผมต้องคุย ขอร้องล่ะ ให้ผมเคลียร์กับเพื่อนผมนะ”
   “พี่ว่าเธออย่าพึ่ง”
   “พี่แจนไม่ต้องยุ่งซักเรื่องได้ปะ! ให้ผมเคลียร์กับเพื่อนผมเองเหอะ!”
   โจมเห็นนิสัยของป้องแล้วถึงกับถอนหายใจ เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเขามีอะไรเทียบคนตรงหน้านี้ไม่ได้ โจมไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดอ้นถึงปฏิเสธเขาและยังคงแอบรักปักใจอยู่กับผู้ชายอย่างป้อง
   “ตอนนี้อ้นมีปัญหามากพอแล้ว คุณควรจะให้เวลาอ้นทำใจ อย่าบีบคั้นเขาอีกเลย”
   “บีบคั้นอะไร? อ้นมันมีปัญหาอะไร?”
   “อ้นเขาไม่ได้บอกคุณ?”
   “บอกอะไร?!”
   ป้องถามเสียงห้วน เขาสังหรณ์ใจไม่ดีเลย เมื่อวานอ้นดูแปลกๆ แต่อ้างว่าไม่สบาย เขาเองก็คิดมากเรื่องส่วนตัวจึงไม่ได้ติดตามอาการของเพื่อน
   “อ้นตกงาน เขาพึ่งออกวันนี้ พอดีมีปัญหาที่บริษัทนิดหน่อย ผมก็เลยชวนเขามาทานข้าวที่ร้าน แต่คิดไม่ถึงว่าจะ...มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”
   ป้องอึ้ง! เขาเงียบพูดอะไรไม่ออกไปหลายนาที สีหน้าและแววตาของเขาในยามที่มองไปยังร่างของอ้นซึ่งนั่งห่อตัวอยู่อีกด้านของห้องนั้นช่างเต็มไปด้วยความห่วงหาอาทร ต่อให้ไม่ใช่คนรักแต่อ้นก็เป็นคนที่ป้องรักมาก ความรู้สึกทั้งหมดของเขาสื่อออกมาผ่านทางสายตา
   โจมมองท่าทางของป้องแล้วหวาดระแวงสายสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ เขาพอจะรู้แล้วว่าทำไมอ้นถึงไม่เคยตัดใจได้ ลองถูกตรึงด้วยความผูกพันในแววตาของป้องแล้วคงยากจะตัดใจได้เด็ดขาด
   แต่ในขณะที่ทุกคนคิดเป็นห่วงอ้น แจนกลับยิ้มออกมาด้วยความสะใจ ทว่าไม่มีใครเห็นรอยยิ้มของเธอ
   “คุณกับอ้นเป็น...”
   “ผมเป็นรูมเมตมัน ... มันตกงานเมื่อไหร่? ไม่ดิเพราะอะไร? ทำไมมันไม่เล่าให้ผมฟัง? แล้วนี่...”
   “เรื่องพึ่งเกิดเมื่อวาน เขาอึดอัดที่จะอยู่ต่อเลยขอลาออก”
   “ใช่เรื่องที่มีคนใส่ร้ายมันปะ!”
   โจมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่ใช่นักโทษให้ใครมาสอบสวน อีกทั้งเขาเกลียดที่ป้องมีท่าทีแคร์อ้นมากกว่าผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ข้างๆ คนที่กำลังตั้งท้องลูกของป้อง!
   “ดึกแล้ว คุณควรพาภรรยาคุณกลับไปพัก ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องค่าอาหาร ผมสั่งเคลียร์บิลทั้งหมดแล้ว ผมจะไปส่งอ้นกลับบ้านเอง”
   “ผมพาเพื่อนกลับเองได้”
   “แล้วเธอจะปล่อยให้พี่กลับเองเหรอป้อง? เธอต้องไปส่งพี่นะ”
   ป้องชักสีหน้าใส่แจนที่สอดปากประท้วง แต่โจมกลับพูดเข้าข้างแจน
   “คุณควรจะให้เวลาอ้นนะ ปล่อยให้ผมดูแลอ้นดีกว่า”
   โจมเน้นหนักประโยคหลังสื่อข้อความไปถึงป้อง เขาพยักหน้าชี้คางไปทางแจนก่อนจะหันกลับมาจ้องตากับป้อง ป้องรู้แล้วว่าตนแพ้ เขาเป็นคนผิด ถ้ายึดเอาความสุขของอ้นเป็นที่ตั้ง ตอนนี้เขาควรถอยให้โจม
   สุดท้ายแล้วป้องก็ทำได้แค่ถอนหายใจ เขากล่าวฝากฝังอ้นกับโจม
   “ผมฝากเพื่อนผมด้วย”
   โจมพยักหน้ารับรองกับป้อง เขามองตามป้องที่หันหลังเดินจากไปด้วยความรู้สึกโล่งอก หากป้องยื้อ เขาคงไม่มีทางสู้ เพียงแค่ความใจดีที่คอยห่วงกันฉันเพื่อนของป้องยังมีอานุภาพตรึงหัวใจของอ้นไว้อย่างแน่นหนา ถ้าหากป้องคิดจะจับปลาสองมือจริง เขาคงไม่มีวันชนะ!
   “ความจริงพี่ว่าคืนนี้เธอน่าจะค้างกับพี่นะ อ้นเค้าคง”
   “พอเหอะพี่แจน ผมกับพี่มีเรื่องต้องเคลียร์กันแน่แต่ขอผมสงบสติอารมณ์ตัวเองก่อน พี่คงไม่อยากให้ลูกมันตกใจเสียงพ่อมันหรอกใช่ปะ?”
   แจนรู้ว่าป้องเอาจริง และหนนี้เธอต้องยอม!



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


#ตุ๊ดช้ำ!  :hao5:

คิกๆ สรุปว่าผู้ชายแสนดีอย่างพี่โจมมันก็แค่ติดใจตูดแค่นั้นแหละ!
โอเคพูดแบบนี้อาจจะแรงไป เค้าไม่ได้ติดใจประตูหลัง เค้าก็แค่หวั่นไหวไปกับการเข้ามาของแทนในช่วงที่เค้ามีปัญหากับเมีย
จริงๆไอ้พี่โจมมันก็แค่ผู้ชายอ่อนแอที่ใกล้ใครก็คว้าไว้หมดแหละ อ้นแค่โผล่มาอยู่ถูกที่ถูกเวลา เป็นตัวเลือกที่โจมจะรักเพื่อปฏิเสธแทนก็แค่นั้น อย่างน้อยอ้นก็เป็นตุ๊ดที่เปิดเผยกับทุกคนว่าอยากเป็นผู้หญิง มันคงช่วยให้โจมรู้สึกดีขึ้นแหละ
ซึ่งความจริงแล้วโจมอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับแทนเลยก็ได้ แค่เผลอเพราะสถานการณ์พาไป แต่โจมชอบอ้นแน่นอน ตอนที่อ้นยอมรับว่ายังตัดใจจากป้องไม่ได้โจมหลงใหลความมั่นคงของอ้น ยิ่งคุยยิ่งชอบ แต่มันจะใช่รักแน่เหรอ? เหอๆ

ในส่วนนี้อีพี่ป้องมันยังแมนกว่า ป้องมันยอมเปิดใจ ชอบก็ยอมรับกับตัวเองว่าชอบ รู้สึกดีที่เติ้ลคอยดูแล ป้องรักเติ้ล กล้าลุยตรงๆ ไม่แคร์เรื่องที่ตัวเองต้องกลายเป็นเกย์ แต่ตอนนั้นอีนางน้อยสติวิปลาส จิตตกเพราะรู้สึกขยะแขยงสาเหตุที่ตัวเองกลายเป็นเกย์ เรื่องมันเลยวุ่นวาย

การพยายามเอาชนะใจชายแท้ด้วยการทำดีด้วยจนเค้าเผลอเพราะความใคร่อาจจะทำให้เค้าติดใจ แต่เรื่องหวังให้เค้าเปิดใจยอมรับความเป็นเกย์มันก็ยังก่ำกึ่งนะ บางคนรับไม่ได้หรอก เค้าแค่เสพติดการดูแลจากเกย์หน้ามืดที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อผู้ชายก็เท่านั้นแหละ
ถ้าเค้าตั้งหลักได้ เข้มแข็งพอ เค้ามีตัวเลือกใหม่ ใครมันจะจมปลักกับเกย์ในเมื่อเค้าไม่ได้รู้สึกยินดีกับการเป็นคู่รักกับเพศชายออกหน้าออกตา เผลอๆ บางคนรู้สึกผิดว่าตัวเองหลงผิดเป็นตราบาปด้วยซ้ำ
แต่เกย์(รวมถึงตุ๊ดสาวทั้งหลาย)หลายๆ คนกลับข้ามเส้นบางๆ นี้เพราะคิดว่าวันนึงความสัมพันธ์แบบเพื่อนกูรักมึงว่ะกูจะคอยดูแลมึงนะจะทำให้เค้าเปลี่ยนใจได้ สุดท้ายก็เป็นได้แค่คนแก้เหงา คู่นอน หรือเป็นอะไรซักอย่างเวลาที่เค้าไม่มีใคร

ในส่วนนี้ก็คล้ายๆ เรื่องของอ้นเหมือนกัน แต่อย่างน้อยอ้นก็ยังโชคดีที่รู้ตัวและยอมหยุดความสัมพันธ์กับป้อง สู้ไปก็ไม่ชนะ ถึงป้องจะไม่รังเกียจที่อ้นเป็นตุ๊ดแต่ป้องไม่เคยรักอ้น ไม่เคยให้กันมากกว่าคำว่าเพื่อน แต่อ้นก็เป็นเพื่อนที่ป้องรักมาก เหอๆ

แต่ว่า ทั้งป้อง และโจม ต่างคนต่างก็มีข้อดีข้อเสียของตัวเอง คืออย่างน้อยไอ้พี่โจมมันก็สุภาพอะ ไม่เคยทำอะไรรุนแรงกับใคร ด่าแทนก็ด่านิ่มๆ แต่อีพี่ป้องมันโหด ถ้าน็อตหลุดของขึ้นนี่ก็น่ากลัว นิสัยอันธพาล ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ขนาดกับพี่ตั้มก็เถอะ เพราะงี้เวลาเจอเติ้ลเอาแต่ใจมันเลยเกิดสถานการณ์เลวร้ายเพราะงี่เง่ากันทั้งคู่ แต่ถ้าเป็นอ้นๆ จะปลอบป้องให้ใจเย็น ป้องหลุดแค่ไหนอ้นก็ทน ป้องก็จะเย็นลงได้ง่ายขึ้น เหอะๆ อ้นฝึกป้อง แต่อ้นก็ไม่ได้กินป้อง คนรับผลประโยชน์คืออีนางน้อยเติ้ลในอีกหลายปีให้หลัง กรั่กๆ

มาถึงนางร้ายจากทั้งภาคแรกและภาคสองกันบ้าง "พี่แจน" ก็นางเป็นเมียอีพี่ป้องอะนะ ละภาคสองนี้ในพาร์ตแรกพี่ป้องก็โคตรเป็นตัวเด่นเลย เพราะเป็นเรื่องตอนที่ป้องอยู่กับอ้นอะเนาะ
* ถ้าใครงง เอาเป็นว่าเรียงไทมไลน์แล้วจะได้ดังนี้ ไม่ฟิต > ไม่กินเส้น > ไม่รัก > ไม่หึง(ตอนพิเศษภาค1) > เดิมๆไม่ปรุง(พาร์ตหลังของภาค2)

เจ้แจนนี่ผู้ดี๊ผู้ดีวางตัวเก่งกว่าอีพี่แทนอีกเยอะเลยค่ะ อย่างพี่แทนแค่แอ๊บ แต่เจ้แจนนี่โคตรสร้างภาพ ชอบกดหัวคนอื่น ข่มให้เค้าต่ำกว่า และอ้นก็ดันมีปมนิดๆ ด้วย พอเจอกันเลยไม่มีความมั่นใจรู้สึกตัวเองด้อยกว่าแจนตลอด เพราะแจนมีภาพลักษณ์เป็นผู้หญิงที่ทั้งสวย รวย เก่ง โปรไฟล์เลิศแบบที่ชะนีทุกคนแอบอิจฉา แต่ลึกๆ แล้วแจนก็เป็นแค่อีป้าโรคจิตนั่นแหละ หลงตัวเองคิดแค่ว่า "ฉันดี ฉันสวย ฉันเก่ง ฉันเฟอร์เฟกต์ ต้องได้ทุกอย่างที่อยากได้"
ทั้งๆ ที่งานดีขนาดนี้ทำไมถึงได้ไปคว้าเอาป้องมาเป็นแฟน? ก็เพราะแจนชอบควบคุมคนอื่นเป็นนิสัย เป็นพวกหลงตัวเอง พอเห็นป้องที่ก็หน้าตาดี ทำงานเก่ง โปรไฟล์ดูดีเชียวแหละ แต่ดันไปคบกับตุ๊ดเกรดบ้านๆ อย่างอ้น นางก็เนื้อเต้นสิคะ ความอิจฉามันเต้นระริกจนอยากแย่งมาครอบครองเอง มองว่าป้องคู่ควรจะอยู่กับคนเฟอร์เฟกต์อย่างตัวเองมากกว่าอ้น เป็นผู้หญิงโรคจิตขี้อิจฉาธรรมดาๆ เท่านั้นแหละ

แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไป กะเทยโลกสวยอย่างอ้นสู้ไม่ได้ก็ปล่อยให้อีนางน้อยอย่างเติ้ลจัดการแทน ฮ่าๆ เมียหลวงอย่างแจนมันก็ต้องเจอกับเมียน้อยร้อยมารยาอย่างเติ้ล เติ้ลแก้แค้นให้อ้นละ
ภูมิใจมากจนประมาท คิดว่าตัวเองเอาป้องอยู่ กว่าจะรู้ตัวโดนเติ้ลฉกป้องไปเรียบร้อย เพราะเติ้ลมันก็รู้จักปรับตัวแล้วส่วนนึง มันจนตรอกแล้วด้วย คืออยากได้ป้องคืนจนยอมทำทุกอย่าง ป้องมันก็ยังรัก พอเจอฤทธิ์เจ๊แจนมากๆ เข้าความอึดอัดที่สะสมมันก็ระเบิด เติ้ลก็อ้อนเอ๊าอ้อนเอา ขยันอ้อนขยันอ่อย ป้องมันจะไม่พลาดก็ให้มันรู้ไปดิ ใจอ่อนละลายเลย

ต่อให้สวย รวย โสด โปลไฟล์ดีแค่ไหน แต่ถ้านิสัยมั่นมากเกินไปอย่างแจนนี่ก็แย่นะ ผู้ชายไม่ชอบหรอก ไม่มีใครทนคนแบบนี้ได้หรอก

... ว่าแต่พูดถึงตัวละครไปเยอะแยะ ... พระเอกของเรื่องอยู่ไหน? ฮ่าๆ
เอาน่ะ เรย์โผล่มาหน่อยนึง เป็นการสารภาพที่ตรงไปตรงมามาก เหมือนเด็กไร้เดียงสาเลยอะ แต่คิดๆ แล้วมันก็ลึกซึ้งนะ เรย์อยากกินข้าวกับอ้นทุกวัน อยากเจออ้นอีก เหอๆ
เรย์นี่นิสัยใสๆ มากเกือบมากที่สุดในบรรดาตัวละครที่เขียนมาเลย คือปากตรงกับใจ ไม่เก็บซ่อนความรู้สึก แต่เป็นตัวก่อปัญหาดีๆ เชียวล่ะเพราะความเอาแต่ใจนี่แหละ  แต่โดยรวมก็เป็นคนดีนะ แค่นิสัยเด็กไม่ยอมโต
ต้องรอลุ้นว่าพระเอกคนนี้เป็นเป็นผู้ชายแบบไหนกันแน่ ฮ่าๆ

ตอนหน้ามาดูกันว่าอ้นจะเอายังไงกับชีวิตต่อ ตกงาน เพื่อนที่แอบรักทำสาวท้อง โหย! ช้ำได้อีก แต่ก็ช้ำแค่นี้แหละอ้น เพราะดราม่าที่รออยู่ในพาร์ตหลัง เรย์ไม่ทำให้อ้นช้ำมากหรอก คิกๆ

อ๋อ ภาค2 ในพาร์ตแรกนี้เหลืออีก 4 ตอนเท่านั้นน้า จะจบแล้ว จบละก็จะขึ้นพาร์ตหลังซะที เติ้ลกลับมาแน่นอน

ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่า  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2016 13:18:09 โดย AI.NoR »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด