ตอนที่ 7
หากค่ำคืนไหนที่สายฝนกระหน่ำเทลงมา ผืนฟ้าร้องคำรามจนสัมผัสได้ถึงแรงสั่นไหว คืนนั้นผมจะรู้สึกสบายใจอย่างน่าประหลาด คงเพราะความมืดมิดในค่ำคืนนั้นไม่ได้มาพร้อมกับความเงียบงันดั่งเช่นทุกที
ส่วนค่ำคืนนี้ แม้จะไม่มีเสียงสายฝนร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า ไม่มีเสียงฝืนฟ้าร่ำร้องอย่างไพเราะ ไร้สิ้นเสียงหยดน้ำนับล้านหยดหล่นร่วงโปรยปรายคอยขับกล่อมให้ถลำลึกสู่ห้วงนิทรา
ความมืด ก็ไม่ได้มาพร้อมกับความเงียบเฉกเช่นทุกครั้ง
ท่ามกลางไออวลของความร้อน เคล้าไอชื้นจากหยาดเหงื่อระคนกลิ่นกายจากใครบางคน ผมได้ยินเสียงแว่วจากแนวอกกระเพื่อมเคลื่อนไหวเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ได้ยินเสียงลมหายใจดังแผ่วเบา มันให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาด ที่ทำให้หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ราวกับร่างกายกำลังจมอยู่ในห้วงความอบอุ่นที่ไม่เคยได้สัมผัส
ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้ผมรู้สึก หวาดกลัว
หวาดกลัวในความรู้สึกอันแสนแปลกปลอมที่เกิดขึ้นอย่างไร้สาเหตุ
แสงแดดยามเช้าลอดผ่านบานกระจกหน้าต่างห้องกระทบเปลือกตาเข้าจนต้องลืมตาตื่นขึ้น ต้องกะพริบตาถี่เพื่อปรับทัศนียภาพให้ชัดเจน เมื่อความพร่าเลือนหายไปจากตรงหน้า ไอแดดอ่อนก็ค่อยเผยให้มองเห็นภาพร่างกายสูงใหญ่กำลังยืนมองทอดออกไปนอกหน้าต่าง
ใบหน้าคมอาบไล้ด้วยแสงแดดยามเช้า เน้นให้โครงหน้าหล่อเหลาดูดีขึ้นกว่าเก่า ผิวกรำแดดยิ่งทำให้ดูสมเป็นชายชาตรี ยิ่งบางครั้งที่เขาแสดงความใจดีออกมา ก็ยิ่งรู้สึกว่า เพลิง และผมเหมือนอยู่กันคนละฝั่งฟากของท้องฟ้า
อาจเป็นเพราะแสงแดด ที่ทำให้ผมรู้สึกว่า เขาเหมาะกับแสงสว่างจ้า
หากแต่ยิ่งสว่างมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมองเห็นเลือนรางมากเท่านั้น
เมื่ออีกฝ่ายรู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องมอง ร่างสูงจึงหันใบหน้ามาสบสายตา ความร้อนแรงหายไป เหลือไว้เพียงแต่ความเย็นชาที่ถูกส่งทอดผ่านนัยน์ตาคู่คม
ไม่แตกต่างจากเมื่อคืนเวลาที่ร่วมรัก
ทว่าก็แตกต่างจากตอนที่เพลิงสู้อุตส่าห์ไปที่คลับแล้วแบกคนที่เกลียดแสนเกลียดกลับมาถึงห้องพักด้วยความเห็นอกเห็นใจ
แผ่นหลังกว้างและอุณหภูมิร่างกายร้อนผ่าวราวกับจะสามารถหลอมละลายผมได้ยามที่สัมผัส ช่างผิดกับแววตาที่ประสานกันในตอนนี้ ที่เยือกเย็นจนทำให้รู้สึกสะท้าน เย็นเยือกบาดลึกจนทานไว้ไม่ไหว ต้องหลบสายตาเลี่ยงไปทางอื่น
จัดการดันตัวขึ้นนั่งลงข้างเตียง ยังคงไม่อาจฝืนสู้ดวงตานั้น ไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด เขาก็สามารถทำให้เข้าใจได้ง่ายๆ ว่า ความเกลียด มันโลดแล่นอยู่ในทุกอณูอากาศ กดดันให้บรรยากาศรอบข้างหนักอึ้ง แม้เพียงแค่หายใจก็ยังรู้สึกอึดอัด
ความเกลียดชังแฝงตัวอยู่ในความเงียบ กดดันให้ความอึดอัดกลั่นตัวกลายเป็นเม็ดเหงื่อไหลลงตามข้างขมับ ไม่มีใครเอ่ยคำพูดใด จนกระทั่งผมเป็นฝ่ายทำลายปราการความเงียบลง
“ดูท่าเมื่อคืนฉันคงดื่มหนักไปสินะ”
ไม่อาจหาคำพูดอื่นใดมาอ้างได้ ไม่สามารถสู้กระแสความเงียบที่แสนกดดันนั้นได้ ความรู้สึกนี้ทรมานผมมากเกินไปจนไม่อาจทำอะไรได้ แม้กระทั่งการกล้ำกลืนฝืนเก็บความรู้สึกของตัวเอง ความรู้สึกที่เอาแต่ตอกย้ำซ้ำๆ ว่า ผมต้องการเพลิง
เป็นความต้องการ ที่ไม่มีทางได้สิ่งใดกลับคืนมา
ร่างสูงนิ่งเงียบ หากแต่ผมรู้ดีว่าเขากำลังไม่พอใจ
ริมฝีปากผมสั่นระริกขณะที่พยายามคิดคำพูด สายตาไม่อาจกล้ามองหน้าอีกฝ่าย ความสิ้นหวังเจืออยู่ในทุกความรู้สึก จนทำให้อยากขย้อนออกมาเสียอย่างนั้น
สุดท้ายก็พูดอะไรอื่นใดอีกไม่ออก ได้แต่ลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ที่พื้น ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยที่ไม่ได้มองหรือพูดอะไรกับเพลิงอีก
“ก็แค่วันไนท์แสตนด์”
ได้ยินเสียงเพลิงเอ่ยขึ้นเบาๆ ไล่ตามหลัง โดยที่ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเพลิงเอ่ยมันด้วยอารมณ์เช่นใด
[30%]