{{{{{{{{{ เ พ ลิ ง ใ น ว า ยุ }}}}}}}}} บทส่งท้าย [p14 up13.07.59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {{{{{{{{{ เ พ ลิ ง ใ น ว า ยุ }}}}}}}}} บทส่งท้าย [p14 up13.07.59]  (อ่าน 165460 ครั้ง)

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
รอวันที่เปิดใจให้กันนะคับ


ออฟไลน์ Loste

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
สู้ๆ คะ :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
วาเป็นตัวละครที่น่าสนใจมาก มาต่ออีกน๊าๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Baitaew

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ชอบจัง  :mew1:

ออฟไลน์ yochan

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-3
ตอนที่ 11.2







หลังจากเสร็จจากงานสอนเปียโน ผมก็กลับมาที่ห้องในช่วงบ่าย เพลิงส่งข้อความบอกผมว่าจะมาถึงในอีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมง ผมจึงเริ่มเอาของที่ได้มาจากเพลิงเมื่อวานออกมาจากห่อและอ่านคู่มือไปพลางๆ

ก่อนที่จะกลับจากการสอน ผมแวะเข้าซุปเปอร์ของห้างและซื้อของสดกลับมาด้วย รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะเข้าคลาสทำอาหารได้ในวันหนึ่ง และครูสอนก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นเพลิง ที่หากเป็นเมื่อหนึ่งปีก่อน ย่อมจินตนาการไม่ออกแน่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายมาหาผมที่ห้องนี้เอง

ขณะที่ผมนำเอาของสดเข้าตู้เย็น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ดูเหมือนว่าเพลิงจะมาถึงก่อนเวลา ผมจึงละจากงานตรงหน้าลงไปรับเขาที่ชั้นล่าง

วันนี้เพลิงมาในเสื้อโปโลแขนสั้นสีเข้มและกางเกงยีน แม้เขาจะแต่งตัวเรียบง่าย แต่ด้วยท่าทางการเดินที่หลังตรง รูปร่างที่สูงสมส่วน และใบหน้าที่คมเข้ม ก็ส่งให้เขาดูโดดเด่นจนมักได้รับความสนใจจากคนอื่นเสมอ

นักศึกษาสาวที่มหาวิทยาลัย ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องเข้าหาเพลิงก็ไม่น้อย แต่คนที่มักจะอยู่กับเพลิงให้เห็น คือน้ำหวานคนนั้น
น้องชายของเพลิงก็เคยพูดถึงหวาน คงจะเคยเจอสองคนนั้นอยู่ด้วยกันมาก่อน และบางทีสองคนนั้นอาจจะมีสัมพันธ์อะไรกันมากกว่าที่คิด

ผมยิ้มให้เขาเล็กน้อย แล้วเดินนำเพลิงไปที่ลิฟท์ ขณะที่ยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยระหว่างรอ เพลิงก็เอ่ยขึ้น

“เหม่ออะไรอยู่”

ผมรีบส่ายหน้า โชคดีที่ลิฟท์มาถึงพอดี อีกฝ่ายจึงไม่เซ้าซี้ถาม

หลังจากมาถึงชั้นที่อาศัย ผมก็พาคุณครูจำเป็นเข้ามาในห้อง เนื่องจากผมยังเก็บของที่ซื้อมาเข้าที่ไม่ดี ตอนถึงห้อง ของสดหลายอย่างจึงยังวางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัว และเมื่อคนร่างสูงกว่าเห็น ก็เดินเข้าไปหยิบจับของขึ้นมาดู

“ซื้ออะไรมาบ้างล่ะ” เพลิงเอ่ยถาม

“ก็เท่าที่เห็น แล้วก็มีอยู่ในตู้เย็นนิดหน่อย”

“ข้าวสำเร็จรูป ไข่หนึ่งแพ็ค เนื้อหมู 500 กรัม นมจืด ซอสปรุงรส น้ำมัน...พริกสามแพ็ค”

“......”

“ไม่มีผักเลย”

“......”

แล้วเพลิงก็ยกยิ้มมุมปาก ศีรษะส่ายน้อยๆ พลางเอาของออกมาวางเรียง

“ถ้างั้นวันนี้ทำอะไรง่ายๆ อย่างเจียวไข่ หมูทอดแล้วกัน ดีไหม?”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก เพราะต่อให้ทำอะไรอย่างอื่นที่ยากกว่านี้ ผมก็คิดว่าตัวเองคงไม่รอดอยู่ดี และถึงเป็นเมนูง่ายๆ อย่างที่เพลิงว่า ผมก็ไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย

แค่เพลิงให้ผมลองตอกไข่ใส่ชาม ผมก็ทำได้อย่างเก้ๆ กังๆ เปลือกไข่ลงไปผสมกับเนื้อไข่จนเพลิงต้องเป็นคนหยิบเศษออกมาให้ ตอนทอดก็ทำไข่ไหม้ไปหนึ่งด้าน เวลากลับข้างก็ทำไข่เละ หมูทอดยิ่งไม่ต้องพูดถึง ขนาดเพลิงคอยช่วยอยู่ข้างๆ ยังออกมากระดำกระด่าง น่าเห็นใจครูสอนที่มีนักเรียนไร้ฝีมือทางด้านนี้เสียจริง

เวลาที่เพลิงสอน เขาไม่ได้โมโหที่ผมราวกับจะทำทุกอย่างพัง กลับยิ้มขำและสอนอย่างใจเย็น ทว่าหลังจากทำอาหารเสร็จ ความมั่นใจของผมหายไปหมด เพราะอาหารที่ออกมาดูไม่ดีเอาเสียเลย

“ครั้งแรกได้ขนาดนี้ก็ดีแล้วเนอะ มาๆ มากินกันเถอะ”
   
เพลิงเอ่ยขณะจัดวางอาหารบนโต๊ะ เขาดูอารมณ์ดีผิดปกติจนน่าแปลกใจ บางทีฝีมือของผมมันน่าขำมากขนาดที่ทำให้เพลิงที่หน้าบึ้งตลอดเวลาอารมณ์ดีก็เป็นได้
   
อาหารบนโต๊ะ ที่อร่อยที่สุดคงเป็นข้าวสำเร็จรูป เพราะไข่เจียวค่อนข้างไร้รสชาติและออกจะติดขม ส่วนหมูทอดก็ทอดออกมาได้แข็ง และออกจะเค็มไปหน่อย แต่กับข้าวที่ไม่น่าจะหมดสุดท้ายก็ไม่มีเหลือสักอย่าง ผมรู้ว่าตัวเองทานไปนิดเดียว คนที่กินไปเยอะก็คือเพลิง ผมเชื่อว่าเขาคงหิวจนไม่รู้รสอะไร เพราะเห็นบอกว่ายังไม่ได้ทานอาหารกลางวันมาด้วย
   
คลาสเรียนทำอาหารจบลงอย่างไม่สวยงามนัก ผมหดหู่นิดหน่อย แต่ครูสอนก็เอ่ยอย่างให้กำลังใจ และคิดเมนูครั้งหน้าให้เสร็จสรรพ พร้อมจดลิสต์อาหารสดให้ผมซื้อเตรียมไว้ด้วย

“ไว้ครั้งหน้าลองเมนูใหม่ๆ วันนี้นายก็ทำได้ดีเหมือนกันนะ”
   
ผมไม่ค่อยเชื่อนัก จึงไม่ตอบอะไร เก็บจานชามไปล้างอย่างเงียบๆ เพลิงที่เห็นผมเงียบไปก็เดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยต่อ
   
“แต่ละคนก็มีสิ่งที่ถนัดมากถนัดน้อย ถ้าให้ฉันเล่นเปียโนครั้งแรกก็คงเล่นไม่เป็นเพลงเหมือนนาย”
   
ผมเหลือบมองคนร่างสูงไปหน่อย แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพลิงเองก็เงียบไปครู่ ก่อนจะเอ่ย
   
“สอนหน่อยได้ไหม” เขาชี้นิ้วไปทางเปียโนอัพไรท์สีขาว ผมลังเลเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าให้ เมื่อเก็บล้างของเรียบร้อย ผมก็กลายเป็นครูสอนเพลิงแทน
   



   
ผมกับเพลิงย้ายจากครัวมานั่งกันที่เก้าอี้เปียโนริมหน้าต่างห้อง พอผู้ชายสองคนมานั่งเก้าอี้ตัวเดียวกันแล้ว ทำให้รู้สึกร้อนและเกร็งแปลกๆ แต่พอผมได้ลองกดไล่โน้ตไปบนคีย์ ความรู้สึกผ่อนคลายก็ค่อยเกิดขึ้น

นิ้วมือพลิ้วพรมไปตามแป้น และเอ่ยบอกตัวโน้ตให้อีกฝ่ายฟัง หลังจากนั้นก็ให้เพลิงทำตาม ผมลองหยิบโน้ตเพลงที่ใช้สอนเด็กหัดเล่นมาให้ลองอ่านด้วย เขาเรียนรู้ได้เร็วทีเดียว ออกจะดีกว่าผมเรียนทำอาหารเสียด้วยซ้ำ และผมก็บอกเขาไปตามตรง
   
“แบบนี้ดีหรือ? กว่าจะเล่นเป็นเพลงเพราะๆ แบบนายคงอีกหลายปี”
   
สะดุดใจนิดหน่อยตรงที่เพลิงเอ่ยเหมือนได้ยินผมเล่นเปียโนมาก่อน ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ถามออกไป
   
“นายชอบเพลงอะไรหรือ เล่นให้ฟังหน่อยได้ไหม”
   
เพลงที่ชอบมีหลายเพลง จึงเลือกไม่ได้ในทันที ผมถามเพลิงออกไปแทน “แล้วนายชอบเพลงอะไร ปกติคนอื่นขอให้เล่นเพลงที่ชอบมากกว่า”
   
ใบหน้าคมขมวดคิ้วน้อยๆ ดวงตาจ้องผมราวกับกำลังเฟ้นหาบางอย่าง
   
“คนอื่นนี่ใคร” น้ำเสียงที่เปล่งออกมเรียบเสียจนไม่คิดว่าเป็นคำถาม
   
สายตามองไปที่แป้นเปียโนสีขาวตัดดำขณะที่เอ่ยตอบ “แขกที่โรงแรมที่ทำงานอยู่”
   
เพลิงนิ่งไปครู่ ราวกับกำลังครุ่นคิด “ไปเล่นเปียโนที่โรงแรมบ่อยไหม” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียบนิ่ง
   
“อาทิตย์ละครั้งสองครั้ง”
   
“คราวหน้า ฉันไปดูที่นายเล่นที่โรงแรมได้ไหม”
   
“......”
   
ผมไม่รู้ว่าทำไมเพลิงถึงคิดจะไปดูที่โรงแรม จึงมองเขาอย่างสงสัยหน่อยๆ
   
“ถ้าลำบากใจ จะปฏิเสธก็ได้ นายน่ะ...ไม่ค่อยปฏิเสธคนอื่นเท่าไหร่”
   
“......”
   
“คราวก่อนที่เจ้าณพมาลากนายขึ้นไป หรือตอนที่หมอนั่นลงมาที่นี่ นายคงไม่ได้รู้สึกดีนัก” เพลิงหยุดเว้นช่วง แล้วถอนหายใจ

“หรือตอนที่ฉันให้นายไปที่บ้านด้วยกัน ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องฝืนใจ”
   
จริงอยู่ที่ผมลำบากใจ แต่ไม่ได้ฝืนใจขนาดนั้น ผมรู้ว่าตอนนี้เพลิงกำลังคิดว่าผมปฏิเสธคนไม่เป็น แน่นอนว่าผมไม่ใช่คนประเภททำตามใจคนอื่น
   
เหตุผลเรื่องณพ หรือเรื่องที่ผมไปบ้านเพลิง ไม่ใช่เพราะไม่กล้าปฏิเสธ แต่เพราะผมอยากเข้าใกล้เขาให้มากกว่านี้ มากกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต ถึงจะรู้ว่าขอบเขตนั้นมีจำกัดแค่ไหน
   
ต่อให้เพลิงเปิดใจให้ผมมากกว่าเก่า แต่ผมรู้ว่าไม่มีวันมากอย่างที่ผมต้องการ ดังนั้นขอแค่ได้เก็บเกี่ยวความรู้สึกตรงนี้ แค่มีโอกาสได้อยู่ใกล้เขามากขึ้นกว่าที่ผ่านมาก็พอ

“ฉันไม่ได้ฝืนใจหรอก แค่ไม่ชินนิดหน่อย”

ผมตอบออกไป สายตายังคงมองไปที่เปียโนสีขาวตรงหน้า

“แล้วถ้าฉันไปเฝ้านายที่โรงแรมล่ะ จะฝืนใจไหม”

หมายถึงไปดูผมเล่นเปียโนน่ะหรือ?

ผมเหลือบมองเพลิงเล็กน้อย แล้วส่ายศีรษะ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ที่เห็นรอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปากของเพลิง ก่อนที่เขาจะทำหน้านิ่งเฉยตามเดิม

“ชอบกินของหวานหรือเปล่า” เพลิงเปลี่ยนเรื่องเอ่ย

“ชอบ”

“ชอบอะไร”

“อืม...ดาร์คช็อกโกแล็ต”

“งั้นคราวหน้าทำขนมกันไหม อย่างเช่น...บราวน์นี่”

พอพูดถึงขนม ผมก็รู้สึกลิงโลดขึ้น ถ้าถามว่าชอบกินข้าวหรือขนมมากกว่ากัน คำตอบคงเป็นขนม

“แต่คงต้องไปใช้เตาอบที่ห้องฉัน นายจะแปลกที่หรือเปล่าล่ะ”

คราวนี้เพลิงยิ้มอย่างคอนข้างจะเจ้าเล่ห์ จนผมขมวดคิ้วมองเขา

“ไม่ใช่เด็กสักหน่อย”

เพลิงไม่ตอบ แต่ยังคงยิ้มอย่างไม่ปิดบัง

“ตกลงจะให้เล่นเพลงอะไรล่ะ เพลงที่นายชอบน่ะ” ผมย้อนกลับไปคุยเรื่องเดิมที่ยังค้างคา

“ใจรัก...รู้จักหรือเปล่าเพลงนี้น่ะ”

“รู้สิ แขกที่ค่อนข้างมีอายุหน่อยที่โรงแรม ขอเพลงนี้อยู่บ่อยๆ” ซึ่งก็น่าแปลกใจที่คนรุ่นเพลิงจะชอบเพลงนี้

ผมเริ่มบรรเลงเพลงที่ไม่จำเป็นต้องดูโน้ตก็สามารถเล่นได้ จังหวะเพลงเนิบช้า ทำนองชวนให้ล่องลอยไปในความฝัน ยิ่งได้ยินเสียงทุ้มต่ำร้องเพลงคลออยู่ข้างๆ ก็ยิ่งชวนให้ไม่อยากตื่นจากฝันนี้เลย



ฟังเพลงใจรัก https://www.youtube.com/watch?v=vN0KJvQJXL0

แบบเปียโนบรรเลง https://www.youtube.com/watch?v=xwZPyfQEXYo



TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2016 17:04:48 โดย yochan »

ออฟไลน์ Destiny

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มาแล้ววว โอยยย รออ่านทุกวันเลยค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
555เหมือนวาแอบด่าเลย เพลงคนมีอายุชอบขอ

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
เพลิงชอบเขาแล้วสิ หึหึหึ  :hao3:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
แหนะๆๆ. มีแอบหวงๆ เอ๊ะ หรือหึง หึๆ :hao7:

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

โอ้โหสั๊นสั้น!555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ viewier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
รอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ

ออฟไลน์ pannuna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 449
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น่ารักจังงง

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เพลิงนี่ถึงขั้นจะไปเฝ้าที่โรงแรมเลยนะ
แหมๆๆๆๆ ไม่ค่อยเลยเพลิงเอ้ยย

ออฟไลน์ Loste

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
รู้สึกบรรยากาศวิ๊งๆ   :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
เขาบอกว่าไปฟัง และไปเฝ้า  :m1:

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
ขอกรีดร้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ไม่ได้เข้ามาอ่านนาน้ลย เห็นเครื่องหมายว่าตัวเองเคยตอบเรื่องนี้เลยเข้ามาอ่านอีกครั้งตั้งแต่เริ่ม สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกก อย่าหายไแนานอีกเลยนะคะ ใจจิขาดรอนๆๆๆๆ :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
น่ารักที่สุด เรื่องนี ชอบๆๆๆ

ออฟไลน์ Baitaew

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
สนุกแบบต่อเนื่อง มาต่อไวๆ นะคะ

ออฟไลน์ Nunng

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ติดตามคร้าาาาาาาา :katai5:

ออฟไลน์ Bellze12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เพลิงน่ารักขึ้นนะ
รอติดตามจร้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ben10

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
แอร้ยยยย คืบหน้าไปอีกกกก เพลิงนี่ไปเฝ้าเพราะหวงชิม่าาาา 5555 :z1:

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
อ่านแล้วชอบมากกกกก อึมครึมมากกกกด้วย :laugh:
ตอนนี้เหมือนกำลังจะดีขึ้น
เป็นกำลังใจให้วานะ. สู้ๆๆๆ :mew1:

คนเขียนอย่าหายนะ :impress2:

ออฟไลน์ Rebtur

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ้ยตายๆๆ พี่เพลิงตกหลุมของวาแล้วใช่ไหมคะะะ
คนอ่านก็ตกหลุมนิยายเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน ฮืออออออ
หน่วงมากๆ ถึงตอนหลังจะดีขึ้นมาบ้างแล้ว รู้สึกอบอุ่นนิดๆ แต่ก็ยังไม่สุด
กะว่าแค่จะมาลองอ่านเพื่อตัดสินใจซื้อหนังสือ ปรากฏว่าติดซะงั้น
เพราะฉะนั้นอุดหนุนแน่นอนค่ะไม่ต้องห่วง เย้! :hao7:

ออฟไลน์ Nooneder

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ขอบคุณค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ RindaP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หวานกันนานๆนะ

ออฟไลน์ yochan

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-3
ตอนที่ 12





   ตั้งแต่วันที่ผมเดินออกมาจากห้องนั้นและไม่หวนกลับไปอีก ผมเคยคิดว่าต่อให้แท้จริงวายุจะเป็นคนอย่างไร ผมก็จะไม่สนใจ ทว่าวันที่กลับมาเผชิญหน้ากันตรงๆ อีกครั้ง ความตั้งใจของผมก็พังทลายไม่มีชิ้นดี

   แม้ว่ายังมีความสงสัยในตัววายุ แต่ตัวผมในตอนนี้แทบไม่สนความสงสัยนั้นอีกต่อไปแล้ว

   ที่เคยตีตัวออกห่างไม่อยากเข้าใกล้ ที่เคยเชื่อว่าเกลียด ท้ายที่สุดมันก็เป็นแค่กลไกป้องกันตนเองของผมเท่านั้น และกลไกนั้น เวลานี้ก็ไร้ประโยชน์เสียเหลือเกิน

   เมื่อก่อน เวลาที่ผมต่อต้าน วาจะดึงดันเข้าหา พอตอนนี้ผมเข้าหาเขา เขากลับทำตัวไม่ถูก ผมจึงคิดว่าวาเป็นคนประเภทที่แสดงออกไม่เก่ง และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจที่ตัวเองเคยด่วนตัดสินใจเกี่ยวกับเขามากเกินไป

   ภาพในอดีตย้อนกลับมาเป็นฉากๆ ทั้งตอนที่เจอกันครั้งแรก ตอนที่อยู่ในห้อง ตอนที่จูบ หรือแม้กระทั่งวันที่ความสัมพันธ์ของเราถอยกลับไม่ได้อีก ถ้าหากแท้จริงวายุแค่อยากเข้าหาผม แต่ผมกลับผลักไสเขาไปทุกครั้งล่ะ?

   ทางออกของคนที่ถูกผลักไส ก็มีแค่ยอมออกห่างไป หรือไม่ก็ดึงดันอีกนิดไม่ใช่หรือ

   และท่าทีของวา แม้ภายนอกจะดูไร้ความรู้สึกเพียงไร ถ้าหากภายในไม่ได้ไม่ยี่หระอย่างที่แสดงออกล่ะ?

   ความมั่นใจที่เคยมีอยู่มากมายของผมเริ่มสั่นคลอน ถึงอย่างนัั้นผมก็ยังไม่อาจแน่ใจว่าสิ่งที่เคยยึดมั่น จะผิดไปทั้งหมดอยู่ดี เพราะวายุเองก็เก็บความรู้สึกได้ดีมากเกินไป

   ผมไม่อยากเข้าข้างตัวเองว่าบางครั้งสายตาที่อีกฝ่ายมองมานั่นสั่นไหวด้วยความรู้สึกบางอย่าง ไม่อยากยัดเยียดความคิดตัวเองให้เขาเหมือนที่เคยทำ ผมจึงค่อยๆ เรียนรู้เขาทีละนิด แต่การเรียนรู้ในตัววาก็ไม่ง่ายนัก เพราะถึงแม้ว่าเราจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันมากกว่าแต่ก่อน เปิดใจให้กัน ทำอะไรด้วยกันมากขึ้นโดยเฉพาะในวันหยุดสุดสัปดาห์ ทว่าพอมาอยู่ที่มหาวิทยาลัย วาก็มักทำตัวเหมือนคนไม่รู้จักกับผมเหมือนเดิม

   บางทีอาจเป็นเพราะหนึ่งปีที่ผ่านมา เราเมินเฉยต่อกันมากเกินไป ตอนที่เราเป็นรูมเมทกันก็ไม่เคยข้องเกี่ยวกันอย่างที่ควรจะเป็น กว่าจะรู้ว่ามันผิดปกติ ก็แทบจะยากี่จะกู้ความรู้สึกและความสัมพันธ์ให้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว ผมเคยชวนวาไปทานอาหารกลางวันด้วยกันที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย แม้เขาจะยอมไปด้วย ทว่าพอเพื่อนในคณะเข้ามาร่วมกลุ่ม เขาก็ลุกหนีไปเสียดื้อๆ

   แล้วก่อนที่จะจะลุกไป พอมีคนถามว่า เรา สนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ วาก็เอ่ยตัดว่า “ไม่ได้สนิทกัน” จนคนที่นั่งตรงนั้นต่างหน้าเจื่อนกันไป

   ผมไม่ได้โกรธเขา เพราะมันก็คงจริงที่เราไม่ได้สนิทกัน ยิ่งนึกถึงเวลาที่ผ่านมา ยิ่งเรียกได้ว่าเราห่างไกลจากคำว่าสนิท แต่อย่างน้อยตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราก็น่าจะก้าวหน้าขึ้นสักนิดไม่ใช่หรือ หรือว่าผมคิดไปเองฝ่ายเดียว ส่วนวาก็แค่ปฏิเสธผมไม่ได้?

   ตอนนี้ผมจึงไม่มั่นใจในความรู้สึกของเขานัก แต่ถ้าหากผมมั่นใจเมื่อไหร่...







   ช่วงใกล้สอบ ผมกับวาไม่ได้นัดเจอกันนัก ทว่าจะเจอกันในงานประชุมกลุ่ม แน่นอนว่าระหว่างที่อยู่ที่มหาวิทยาลัย วาจะพูดน้อยคำได้ ผมคิดว่าเขาอาจกำลังทุ่มเทให้กับการเรียน จึงยังไม่คาดคั้นถามอะไร

   ผมได้เรียนรู้ว่าวาเป็นคนมีความรับผิดชอบ ยิ่งได้ทำงานกลุ่มร่วมกัน ก็ยิ่งเห็นว่าเขาทำงานดีมาก ทุกอย่างมีการหาข้อมูลอ้างอิง และไม่ได้ทำส่งๆ เหมือนคนอื่น แฃะถึงแม้ช่วงใกล้สอบเขาจะไม่จับกลุ่มติวกับเพื่อนๆ ในคณะ แต่เขาก็มักจะอ่านหนังสือเองที่ร้านกาแฟหรือที่ห้อง ผมกำลังชั่งใจว่าจะไปอ่านหนังสือกับเขาดีหรือไม่ เพราะผมไม่อยากฝืนใจวาถ้าหากช่วงนี้เขาต้องการอยู่คนเดียว แต่ลองถามเขาหลังจากประชุมกลุ่มเสร็จก็ดีกว่าไม่ลงมือทำอะไรเลย

   ถึงอย่างนั้นบางทีผมอาจคิดผิด เมื่อเห็นเขากับใครบางคนที่ลานจอดรถของคณะ

   ผมเพิ่งติดรถของณพมายังมหาวิทยาลัย เดินลงเหยียบพื้นได้ไม่เท่าไหร่ ณพก็สะกิดผมให้หันไปมองคนสองคนที่กำลังเดินมา ทีแรกผมทำเมิน แต่ณพยังสะกิดผมไม่หยุดจนต้องเอ่ยอย่างควบคุมน้ำเสียงไม่ได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

   “หยุดได้แล้ว!”

   ณพฉีกยิ้มแหย และทำให้คนสองคนที่กำลังเดินมาทางนี้หันมองมาทางผม ผมส่งสายตาไปเผชิญหน้าตรงๆ กับ วา และไฮโซคนนั้น น่าแปลกที่เวลาอยู่กับเพื่อนในคณะ วายุจะทำตัวเมินเฉยเหมือนคนไม่รู้จักกัน แต่กับหมอนั่นที่ไม่ได้อยู่มหาวิทยาลัยนี้ด้วยซ้ำ เห็นอยู่ด้วยกันบ่อยเสียเหลือเกิน

   วายุก้มหน้า และหลบสายตาไปทางอื่น

   ผมมองจ้องวายุเขม็งโดยไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะคิดยังไง ทำให้บรรยากาศรอบข้างหมองหม่นกดดันทันตา ขนาดที่ณพต้องเดินเข้ามาดึงแขนผมให้เดินหลบไปอีกทาง ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงฝืนแรงไว้และยืนประจันหน้าอยู่ตรงนั้น ซ้ำยังเอ่ยทักไปอีกด้วย

   “ไง”

   เจ้าของใบหน้าขาวซีดเม้มริมฝีปาก ท่าทีลำบากใจนั่นคืออะไร ไม่อยากให้หมอนั่นเห็นว่ารู้จักกับคนอื่นหรือ?

   จู่ๆ ความหงุดหงิดก็คืบคลานเข้ามากัดกินหัวใจผม ทำไมผมต้องรู้สึกราวกับไม่ใช่ตัวของตัวเองแบบนี้ด้วย

   ขณะที่วายุยังไม่คิดจะกล้าเผชิญสายตา ชายหนุ่มที่เดินมากับเขาก็ดึงร่างนั้นเข้าไปใกล้เพื่อ

   ‘จูบ’

   ต่อหน้าต่อตาผมและณพที่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่คิดจะแคร์สายตาใคร ริมฝีปากประทับริมฝีปาก ดูดดื่มขึ้นเมื่อวายุไม่ได้ฝืนออกแรงผลักอีกฝ่ายมากพอ

   ชั่วขณะที่เห็นภาพนั้น รู้สึกราวกับถูกหินก้อนใหญ่กระแทกเข้ากับอก จนความชาแผ่ไปทั่วร่าง

   “งั้นไว้เจอกันนะวา ทำงานกลุ่มเสร็จอย่าลืมโทรบอกผมล่ะ”

   ร่างสูงที่โอบร่างวายุเอ่ยก่อนจะผละร่างกายออก เขาหันเหลือบมองมาทางผมชั่วครู่

   ทันทีที่สายตาปะทะกัน ความรู้สึกไม่ชอบหน้าก็เกิดขึ้นอย่างหยุดยั้งไม่ได้ ผมรู้ว่าเจ้าของสายตาไม่เป็นมิตรก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก เพราะเขาเดินกระแทกไหล่ผมไปอย่างจงใจ

   “โทษที”

   อีกฝ่ายหันมาเอ่ยทั้งที่ฉีกยิ้มเสแสร้ง ผมกำหมัดแน่น หากแต่ก็ใจเย็นมากพอที่จะไม่สนใจเล่นไปตามเกมอีกฝ่าย

   ณพตบแผ่นหลังผมเบาๆ เพื่อให้เลิกสนใจเรื่องหยุมหยิม

   “งั้น...ฉันไปเรียนก่อนนะเพลิง ไว้เจอกันหลังเลิกชั้น”

   เพื่อนร่างสูงเอ่ยขึ้นเมื่อชายหนุ่มแปลกหน้าเริ่มเดินห่างออกไป เขาตบบ่าผมเบาๆ อีกครั้งก่อนจะทิ้งให้ผมและวายุยืนอยู่ตรงนั้นท่ามกลางความเงียบที่ครอบคลุม

   สายตาจับจ้องไปยังร่างที่เอาแต่ยืนก้มหน้าหลบสายตา ใบหน้าสวยนิ่งเงียบไม่ปริปากเอ่ยอะไรออกมา นี่ผมเข้าใจผิดไปเองสินะ ที่ผ่านมาก็แค่เข้าข้างตัวเองเท่านั้น

   ผมไม่ได้พูดอะไรกับวาอีก หลังจากนี้เราต้องประชุมงานกลุ่มร่วมกัน จึงเดินไปยังสถานที่นัดหมายทั้งที่อารมณ์ยังไม่เย็นลง แน่นอนว่าวายุเองก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมเช่นกัน







   “ทำหน้าเหี้ยมเชียวนะนาย”

   น้ำเสียงกวนประสาทของเพื่อนสนิทที่นั่งฝั่งตรงข้าม ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล่มหนาเพื่อปรายสายตาขึ้นมอง ณพ ที่กำลังเอนหลังกอดอกยกยิ้ม ส่งสายตาเป็นประกายประหลาดมาให้อย่างทะเล้น

   หลังจากที่จัดการงานกลุ่มเสร็จสิ้นและณพเลิกชั้นเรียน เราก็มานั่งกันอยู่ที่ร้านกาแฟใกล้มหาวิทยาลัย ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะมาคนเดียวในทีแรก หากแต่หมอนี่ก็ดึงดันจะตามติดมาด้วยให้ได้ แม้ปากบอกว่าอยากจะอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ แท้จริงก็แค่อยากกวนอารมณ์ผมมากกว่า

   “หน้าเหี้ยม? ฉันอ่านหนังสือเรียนอยู่จะให้ยิ้มไปด้วยอ่านไปด้วยรึไง?” ผมตอบกลับพลางถอนหายใจแรง

   “เหรอ? แต่ผ่านมาจะชั่วโมงแล้วฉันไม่เห็นนายจะพลิกเปลี่ยนหน้าสักที”

   อีกฝ่ายพ่นลมออกทางจมูกอย่างพยายามกลั้นหัวเราะ ทว่าพอเห็นสีหน้าไม่ขำของผม เขาก็ยกสองมือขึ้นทำท่ายอมแพ้ทั้งที่ยังยิ้มยียวนไม่หยุด

   “นายก็เลิกกวนใจสักที”

   ให้พูดตรงๆ ก็คือผมไม่มีสมาธิ เลยยังอ่านไม่จบสักหน้า

   ยิ่งเห็นท่าทีของเพื่อนตัวเอง สมาธิก็ยิ่งกระเจิดกระเจิงไปไกล ตัวหนังสือที่พยายามอ่านซ้ำไปซ้ำมายังไงก็ไม่ซึมซับเข้าสมองแม้แต่ตัวเดียว

   “ฉันเนี่ยนะกวนใจนาย? นี่ฉันนั่งเฉยๆ เป็นชั่วโมงไม่ได้พูดกับนายสักคำเลยนะเว้ย”

   “แค่นายนั่งเฉย ๆ ก็เรียนว่ากวนแล้ว!”

   ตอบกลับเสียงดังจนแขกรอบข้างหันมามองทางเราทั้งคู่

   ณพหรี่สายตาพลางเลิกคิ้วขึ้น เดาะลิ้นดุนกับกระพุ้งแก้ม ก่อนจะพึมพำออกมา

   “...แล้วพาลนี่หว่า”

   “อะไรแล้วพาลนะ?” ผมทวนถามคำที่ได้ยินไม่ถนัดนัก

   เพื่อนฝั่งตรงข้ามส่งเสียงหัวเราะดังแทนการตอบตรง ๆ ยิ่งทำให้ความหงุดหงิดผมเพิ่มขึ้นจนแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน ว่ากำลังไม่พอใจ

   “เป็นไรเนี่ย อารมณ์เสียบ่อยเหลือเกิ๊น เพื่อนผม! ดูดิ ทำตาขวางเลย ฮ่า ๆๆๆ”

   ผมส่ายหน้า ปิดหนังสือเล่มหนาลง แล้วเลื่อนมันออกไปวางไว้ข้างโต๊ะ มืออีกข้างหยิบแก้วกาแฟดำขึ้นมาดื่มไปหลายอึกใหญ่ๆ รสชาติฝาดขมแผ่กระจายทั่วลิ้น กลิ่นกาแฟสีเข้มลอยฉุนจมูก หากแต่เพียงไม่นานนัก ประสาทรับรู้กลิ่นและรสก็ด้านชา เมื่อความทรงจำเกี่ยวกับบางเรื่องแวบเข้ามาย้ำเตือน

   “ฉันว่าคนที่กำลังกวนใจนาย ไม่ใช่ฉันหรอกมั้ง”

   “......”

   “เห้อ... หึง เค้าจนไม่เป็นอันทำการทำงานยังไม่รู้ตัว”

   “ว่าไงนะ?”

   แก้วกาแฟหยุดกึกอยู่ที่ริมฝีปาก สายตาจ้องเขม็งไปยังเพื่อนที่กำลังเป่าลมหายใจยาวออกทางปาก สองมือรวบกอดอกเลิกคิ้วมองผมตอบ

   “นายไง หึงน่ะ หึง เข้าใจยากตรงไหน”

   ก่อนที่จะได้ตอกกลับออกไปว่าไม่เข้าใจสิ่งที่หมอนี่พูด ณพก็เอ่ยต่อไม่หยุด

   “รู้ไหมหน้านายตอนนั้นน่ะ ฆ่าคนได้เลยนะ”

   “......”

   มือวางแก้วกาแฟลงกับโต๊ะพลางส่ายศีรษะไปมา หมอนี่ชักจะไร้สาระไปกันใหญ่

   “นี่นายพูดบ้าอะไร?”

   “ไม่รู้ตัวจริงๆ เรอะ? วาเค้ากลัวนายหัวหดแล้ว นี่ขนาดไม่ได้เป็นแฟนกันนะ ยังหึงขนาดนี้”

   “อย่าคิดเองเออเอง”

   “เหรอ...” ณพเบ้ปาก แสดงสีหน้าออกมาอย่างชัดเจนว่า ไม่เชื่อ

   จะบอกว่าผม หึงวายุ งั้นเหรอ?

   ความรู้สึกที่เกิดขึ้น ยังบอกได้ไม่เต็มปากเต็มคำว่าผมมีสิทธิ์รู้สึกอย่างนั้น ความรู้สึกอยากครอบครองทั้งที่ไม่ได้ครอบครอง แม้เคยได้จับต้อง ทว่าก็เหมือนแค่เคยได้ไขว่คว้าเพียงอากาศเท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้ว เขาเองก็ไม่ได้เห็นว่าผมแตกต่างจากคนอื่นๆ ในคณะ

   ความรู้สึกแบบนั้นน่ะ จะพูดได้รึเปล่าว่าหึงหวง ในเมื่อวายุกับผมไม่ได้อยู่ในฐานะคนรัก ที่จะมีสิทธิ์ดึงร่างนั้นกลับมาไม่ให้ใครคนอื่นได้แตะต้อง

   ที่สำคัญ ผมเป็นแค่คนที่มีสัมพันธ์กันชั่วค่ำคืนเดียวสำหรับเขา อาจเป็นแค่คนคนหนึ่งในหลายๆ คนที่เป็นแค่ของเล่น ที่คิดจะทิ้งขว้างเมื่อไหร่ยังไงก็ได้ ไม่จำเป็นต้องจริงจังด้วย แบบนั้นน่ะ หึงหวงไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา


   “ฉันจะกลับแล้ว นายจะแวะไปกินข้าวด้วยกัน หรือจะแยกกันกลับเลย?” เอ่ยไปด้วยขณะที่ยัดหนังสือเล่มหนาลงสู่กระเป๋าอย่างลวก ๆ

   “ไอ้หมอนี่... รีบเปลี่ยนเรื่องเชียวนะ เออ ไปก็ได้ แต่ต้องเป็นร้านที่ฉันแนะนำนะเว้ย!” ณพเลิกคิ้วอย่างต่อรอง

   ลมหายใจยาวพรูออกจากริมฝีปาก ผมยกมือมองที่นาฬิกาข้อมือ ก่อนจะผันดวงตามองออกไปนอกร้านกาแฟ

   เวลานี้แผ่นฟ้ายามพลบค่ำค่อ ๆ โอบผืนโลกไว้ด้วยความมืดที่เคลื่อนกายแทนแสงแดดจ้า ถึงอย่างนั้นที่ปลายขอบฟ้าทางทิศตะวันตกก็ยังพอมีริ้วสีแสดรำไรให้เห็นอยู่บ้าง

   มืดค่ำแล้ว หากณพจะเลือกไปสถานที่ไกลๆ ก็น่าหนักใจอยู่ในเวลาใกล้สอบเช่นนี้ แต่การหมกมุ่นจมปลักอยู่กับตัวเองและความคิดไร้ประโยชน์ต่อที่บ้านก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น สู้ไปผ่อนคลายอารมณ์กับเพื่อนยังดีเสียกว่า

   “ก็ได้”

   ตัดสินใจตอบตกลง ก่อนจะส่ายหน้าให้เพื่อนที่กำลังนั่งเท้าคางมองผมด้วยสายตากวนประสาทอีกครั้ง







   ณพขับรถพาผมมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารที่เขาแนะนำว่ามีชื่อเสียง แม้ว่าร้านที่ว่าจะไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก หากการจราจรอันแสนคับคั่งทำให้รถแต่ละคันคืบเคลื่อนเนิบช้า ไม่ต่างจากฝูงปลาแหวกว่ายไปอย่างแออัดยัดเยียด ล้อรถบดเบียดพื้นคอนกรีตด้วยจังหวะเชื่องช้า ร้านรวงสองข้างทางสาดแสงหลากสีเข้ามาสู่นัยน์ตา

   เวลาเดินเคลื่อนไปอย่างเปล่าประโยชน์บนท้องถนน ไหลไปตามกระแสการจราจรอย่างเอื่อยเฉื่อย ไร้ท่วงทำนอง และจอมปลอม เสียงเพลงในรถคลอไปกับเสียงบ่นของเพื่อนคนขับ ทำได้เพียงแค่เอาหูทวนลมและพยักหน้าเออออห่อหมกตาม แต่ละคำพูดเข้าหูและผ่านเลยไป ผิดกับเรื่องบางเรื่องที่ยังคงติดอยู่ในหัวจนน่าหงุดหงิดใจ

   ใช้เวลาร่วมชั่วโมงกว่าจะเดินทางมาถึงที่หมาย โชคดีที่ไม่ต้องต่อคิวเข้าร้านอาหาร ผมกับณพจึงเดินเข้าไปเลือกนั่งยังที่ที่อากาศถ่ายเทปลอดโปร่ง

   บรรยากาศของร้านนี้จัดแต่งแบบเอาท์ดอร์ พื้นที่ร้านก็ออกกว้างขวาง เพลงที่เปิดคลอก็ไม่โหวกเหวกโวยวาย โดยรวมแล้วก็ถือว่าบรรยากาศไม่เลวทีเดียว ส่วนแขกในร้านมีทั้งนักศึกษาและคนทำงาน หลายกลุ่มที่นั่งดื่มเหล้าและกับแกล้มไปพลาง

   อากาศดี ๆ ยามค่ำคืนแบบนี้ คงเหมาะกับการดื่มสังสรรค์ ถึงว่าหมอนี่คะยั้นคะยอให้ผมมาที่นี่ให้ได้เสียเหลือเกิน

   จัดการสั่งอาหารและเครื่องดื่มไปชุดใหญ่ รอไม่นาน อาหารก็มาเสิร์ฟพร้อมกับเบียร์สองเหยือก ผมขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อเห็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากที่ว่า

   “นายต้องขับรถไม่ใช่รึไง?”

เอ่ยถามอย่างสงสัยเพราะดูท่าอีกฝ่ายแล้ว คงจะไม่จบที่เบียร์สองเหยือกนี้แน่  ช่างเป็นคนที่ไร้ความกังวลได้ทุกสถานการณ์ ดูท่าผมคงต้องดูเขาเป็นตัวอย่างเสียบ้าง

   “ถ้าฉันเมานายก็ขับแทนไง คิดมากไปได้” ว่าแล้วเขาก็จัดการยกเบียร์ขึ้นดื่ม

   ออกจะเคยชินกับนิสัยแบบนี้ของเพื่อนสนิท ผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องแย่หรือน่ารำคาญ จึงปล่อยให้เจ้าตัวดื่มไปตามพอใจขณะที่ผมก็ตักอาหารเข้าปากไปด้วย

   รสชาติอาหารดีอย่างที่ณพบอกไว้ ไม่แปลกใจที่มีแขกหลั่งไหลหมุนเวียนเข้ามาไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าจะมาแค่ทานอาหาร หรือมาเพื่อดื่มสังสรรค์กับเพื่อนฝูง

   ยิ่งแอลกอฮอล์ผ่านลงสู่ลำคอมากเท่าไหร่ ณพก็ยิ่งพ่นคำพูดฟังไม่ศัพท์ออกมามากเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องจีบสาว เรื่องออกเที่ยว ผสมปนกันไปหมด พอผมไม่เออออตาม หมอนี่ก็หันไปคุยกับแก้วแทน ดูๆ ไปก็ทำให้อยากหัวเราะขำพรืดกับท่าทีหมดสภาพของเพื่อนตัวดี

   ขณะที่ยกแอลกอฮอล์สีอำพันในแก้วตัวเองที่ไม่ค่อยจะพร่องขึ้นจิบ สายตาก็เหม่อมองโดยรอบอย่างไร้จุดหมาย
ความคิดล่องลอยนึกไปถึงเรื่องเก่า...ในวันนั้น วายุก็ดื่มไปมากพอดู หากแต่สภาพตอนที่เมาแตกต่างจากเพื่อนตรงหน้าอยู่มาก ถึงจะไร้สติจนพูดจายั่วโมโห ทว่าก็ยังไม่พูดจาไม่รู้เรื่องเหมือนหมอนี่

   ส่วนการกระทำ น่าสงสัยว่าเขาเป็นอย่างนั้นบ่อยแค่ไหน

   ประเภทที่ปล่อยตัวไปกับใครง่ายๆ

   แท้จริงเขาเป็นอย่างที่คนเล่าลือกันจริงๆ หรือ หรือว่าจริงจังกับผู้ชายคนนั้นคนเดียวอย่างที่ณพว่า

   เพียงแค่คิด ความโมโหก็ทำให้ศีรษะร้อนผ่าว

   โมโหตัวเอง ที่เคยบอกว่าเกลียดเขามาก ก็ยังพาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอยู่ดี

   จะโทษคนอื่นให้ตายยังไง ความน่าโมโหนี้ก็ไม่หายไป

   หลังจากจัดการอาหารในจานและปล่อยเวลาไปพอสมควร ผมก็สะกิดณพว่าได้เวลากลับ หากแต่อีกฝ่ายนั้นเมาจนยืนทรงตัวแทบไม่อยู่ ในที่สุดผมจึงได้แต่หิ้วปีกประคองเขากลับไปยังรถอย่างทุลักทุเล

   ทั้งผลักทั้งดันร่างณพให้นั่งที่เบาะหน้าด้านข้างคนขับ ก่อนจะเดินวกกลับมายังฝั่งคนขับแทน ผมเปิดประตูรถมองเพื่อนที่ทันทีที่หัวถึงที่พิงก็หลับไม่รู้เรื่องราวอย่างขำขันระคนหน่ายใจ การมีเพื่อนช่วยบรรเทาความไม่สบายอกไม่สบายใจ ก็ทำให้โลกนี้ไม่หมองหม่นจนเกินไปนัก

   คิดไปถึงใครอีกคน ที่ไม่เคยเห็นสุงสิงกับเพื่อนคนไหนในมหาวิทยาลัย เห็นก็แต่มีเพื่อนเมื่อกลางวันคนนั้นเท่านั้น

   ไม่สิ... อย่างนั้นน่ะมันมากกว่าเพื่อนชัดๆ

   ขณะที่กำลังจะเข้าไปนั่งในตัวรถ เสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังลอยเข้าหูเรียกความสนใจให้หันไปตามต้นเสียง

   “ไอ้บ้า นายอีกแล้วเรอะ!” เสียงแหวชวนเสียดแก้วหูทำให้ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาเมื่อได้ยิน

   พอมองไปต้นทาง ก็เห็นคนสองคนกำลังยืนเถียงกันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ท่าทางเป็นนักศึกษาทั้งคู่ แล้วหนึ่งในนั้นที่กำลังมีปากเสียงก็เป็นคนที่ผม เคยเห็นหน้าเมื่อกลางวัน

   “ฉันต้องเป็นฝ่ายพูดอย่างนั้นมากกว่า ขับรถแบบนี้ ใบขับขี่น่ะซื้อมารึไง? ถอยมาชิดจนจะชนอยู่แล้ว”

   ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาที่เคยเจออยู่กับวายุ กำลังยืนเถียงอยู่กับเด็กหนุ่มอีกคนที่น่าจะมีปัญหาเรื่องการจอด
ทีแรกก็เห็นเถียงตอบโต้กันไปมาอย่างสูสี แต่หลังๆ กลับเถียงสู้คนที่ตัวเล็กกว่าไม่ได้ซะงั้น ถึงแม้ดูรูปการณ์แล้วคนตัวเล็กกว่าที่ว่าจะเป็นฝ่ายจอดรถได้ไม่มืออาชีพเท่าไหร่ก็ตาม

   คำก่นด่ายาวเป็นชุดทำให้ชายหนุ่มหน้าตาดีเมื่อกลางวันถึงกับไปไม่ถูก ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ตอกกลับอีกฝ่ายไม่ทัน อย่างดีก็ได้แต่ยกมือห้ามทัพและบอกให้คู่คดีหยุดพูดเท่านั้น

   แต่ห้ามไปก็เสียเปล่า เพราะไม่มีทีท่าว่าคนร่างเล็กกว่าจะหยุด

   ได้แต่ถอนหายใจเฮือกกับเหตุการณ์ไม่น่าพึงประสงค์ของคนอื่น ตัดสินใจขยับร่างเข้าไปนั่งที่เบาะฝั่งคนขับแล้วสตาร์ทรถ แล้วปิดประตูปิดกั้นเสียงโหวกเหวกน่ารำคาญออกจากโสตประสาท สายตามองไปยังคนสองคนที่ยังยืนถกเถียงอย่างไม่น่าจะจบลงง่ายๆ จนกระทั่งคนเมื่อกลางวันทำอะไรบางอย่างน่าตกใจเมื่ออีกฝ่ายไม่หยุดเสียที

   ชายหนุ่มร่างสูงดึงร่างที่กำลังชี้หน้าด่าเขาเข้ามา 'จูบ'

   ผมกัดฟันกรอด การกระทำแบบนี้ทำให้รู้ว่าหมอนี่ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกชอบความสัมพันธ์ผิวเผิน คิดจะทำก็ทำตามใจง่ายๆ โดยไม่คิดถึงคนอื่นหรือผลที่จะตามมา เพียงแค่เห็น ก็ทำให้ความรู้สึกหงุดหงิดเกิดขึ้น ความไม่ชอบหน้าและไม่ถูกชะตามีมากยิ่งกว่าเดิม

   ถึงวิธีการแบบนั้นจะทำให้อีกฝ่ายหยุดพูดอย่างได้ผลชะงัด แต่สำหรับผม มันยิ่งทำให้คิดว่าเขาดูเป็นพวกไม่แคร์อะไรมากกว่า

   น่าโมโห

   ไม่ใช่แค่ผมที่รู้สึกหงุดหงิดใจ แน่นอนว่าฝ่ายที่ถูกจูบหาทางเหวี่ยงหมัดใส่หน้ากลับด้วยเช่นกัน แม้จะพลาดในทีแรก ทว่าก็ยังสามารถเตะเข้ากลางหว่างขาร่างสูงกว่าได้อย่างจัง

   โอ๊ย!

   ชายหนุ่มร่างสูงร้องเสียงหลง ก้มลงมือกุมตัวบิดตัวงอด้วยความเจ็บ ส่วนอีกฝ่ายพอพอใจกับผลที่ได้ก็เดินดุ่มกลับไปยังรถถอยออกจากที่จอด

   ได้แต่หัวเราะหึในลำคอกับภาพที่เห็นตรงหน้า ยังคิดว่าหมอนั่นโดนน้อยไปเสียด้วยซ้ำ ผมมั่นใจแน่นอนแล้วว่าไม่ชอบคนคนนี้เอามากๆ ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อกลางวันที่เขาสามารถจูบวายุต่อหน้าผมและณพได้อย่างไม่ยี่หระ อารมณ์คุกรุ่นก็ทะลักล้นออกมา

   บ้าชะมัด

   ผมคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าคนแบบนี้มีดีอะไรจนทำให้ วายุ เข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือเพราะท่าทีไม่แคร์อะไรแบบนั้น ที่ทำให้ดึงดูดกันและกันได้ สำหรับเขาแล้ว ผมเป็นอีกหนึ่งคนที่เหมือนไม่ใส่ใจเรื่องใดแบบนั้นหรือเปล่า

   ถ้าใช่ ผมก็อยากบอกให้รู้ไว้

   ว่าเขาคิดผิด





TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-08-2016 17:12:21 โดย yochan »

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
มาต่อแล้ว เย้ๆๆ :3123:

ออฟไลน์ owlseason

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อดใจรอให้เพลิงรุกไม่ไหวแล้ววววววว
ถ้าเพลิงเอาตัวเข้าไปติดกับวามากกว่านี้ ให้ตายเถอะ
ไม่มีทางเอาตัวเองออกมาได้อ่ะ
เริ่มสงสารวาเล็กๆ ล้ะ มีแฟนขี้หวงขนาดนี้ 55555555

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
หึงๆๆๆๆ

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
เป็นเอามากแล้วนะเพลิง 5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด