{{{{{{{{{ เ พ ลิ ง ใ น ว า ยุ }}}}}}}}} บทส่งท้าย [p14 up13.07.59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {{{{{{{{{ เ พ ลิ ง ใ น ว า ยุ }}}}}}}}} บทส่งท้าย [p14 up13.07.59]  (อ่าน 165524 ครั้ง)

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
เฮ้ออออออ...แต่ละคนอึมครึมมากนะคะคุณลูกขาาาาาา...

ออฟไลน์ yochan

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-3
ตอนที่ 15






กักขังตัวเองอยู่กับไออวลความเงียบในห้อง ไม่มีเสียงอื่นใด นอกจากความเงียบที่รายล้อม ทำให้ข้อความในห้วงความคิดกรีดร้องลั่น   
   
ทำไมการตกหลุมรักใครสักคนถึงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทำไมถึงมีแต่เรื่องที่ทำให้ไม่เข้าใจ
   
เพลิงบอกว่าเขาแพ้ แต่คนที่แพ้มาตั้งแต่แรกมันผมเองไม่ใช่หรือ ที่บอกมาว่าเขาเป็นฝ่ายต้องการผม แต่สุดท้ายเขาก็เดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังอยู่ดี
   
ผมเจ็บ เจ็บจนพูดไม่ออก เจ็บแม้กระทั่งในตอนนี้ เพราะงั้นถึงได้อยากตัดใจ ตัดความเจ็บปวดออกไปให้หมด ถ้าหากสามารถตัดใจได้จริงๆ ความเจ็บก็คงจะหายไป ผมจะได้ไม่ต้องทุกข์ทนกับความรู้สึกที่รังแต่จะทำให้ทรมานอยู่อย่างนี้อีก
   
ถึงอย่างนั้นไม่ว่ายังไง ผมก็ยังทำให้ความเจ็บปวดนี้หายไปไม่ได้ เหมือนกับความรู้สึกที่มีให้เขา ไม่ว่ายังไงก็ยังคงอยู่
   
ผมหยิบบุหรี่ขึ้นสูบเพื่อให้ความปวดหนึบในอกผ่อนคลายลง ปล่อยตัวเองให้หมอควันสีเทารายล้อมโดยรอบ ซ่อนตัวอยู่ในรวงควันขมุกขมัวนี้ไม่ต้องออกไปไหน ไม่ต้องออกไปเผชิญความจริงหรือเผชิญหน้ากับใคร
   
มวนแล้วมวนเล่า หมดไปอย่างสูญเปล่า สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นเดินเข้าไปในห้องน้ำ ยื่นมือเปิดน้ำให้ไหลออกจากก๊อกน้ำที่อ่างล้างมือ จัดการวักน้ำเย็นเฉียบชโลมใบหน้า
   
รู้สึกไม่อยากจะจ้องมองลึกเข้าไปในกระจกที่กำลังสะท้อนภาพตัวเอง จึงได้แต่จงใจมองต่ำไปที่พื้นเพื่อหลบหลีกการมองเห็นสายตาและสภาพที่เหมือนกับไม่ใช่ตัวของตัวเอง น่าสมเพชเสียเหลือเกิน รูปปั้นที่ใครต่อใครว่าสวยงามน่าหลงใหล สุดท้ายก็เป็นได้แค่รูปปั้นที่มีแค่เปลือก ไร้ชีวิตไร้หัวใจ ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้รับความรักความอบอุ่นอย่างที่ มนุษย์ เขามีกัน
   
ผมอาบน้ำชำระร่าง ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยตัวลงนั่งในอ่าง เลื่อนร่างจมอยู่ข้างใต้น้ำ กล่อมตัวเองให้ยอมรับว่าเป็นแค่รูปปั้น อย่าได้คิดไปมีหัวใจหรือความรู้สึกใดๆ อีก
   
จมดิ่งอยู่ข้างใต้ จนกระทั่งอากาศแทบหมดไปจากร่างกาย อึดอัด ทรมานเมื่อขาดอากาศ ในที่สุดผมก็ดันตัวขึ้นมาจากใต้น้ำ โกยอากาศเข้าปอด
   
หายใจ
   
และยังรู้สึกเจ็บอยู่ภายใน



   



กลับออกมาด้านนอกอีกที เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับหลายสาย รวมทั้งมีข้อความเสียง ผมใจเต้นแรงเมื่อเห็นว่าข้อความนั้นมาจาก เพลิง
   
ทั้งตกใจ และแปลกใจ ผมไม่รู้ว่าเขามีเรื่องอะไรถึงได้ติดต่อมาอีก แต่คนอย่างเขาจะมีอะไรได้ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ข้อความที่ฝากไว้ต้องการให้ผมนำไฟล์รายงานหน้าชั้นไปให้ เพราะส่วนของผมนั้นมีปัญหา
   
ถึงจะแน่ใจว่าตัวเองตรวจสอบดีแล้ว แต่นั่นก็เป็นตอนที่ลองกับคอมพิวเตอร์ของตัวเองเท่านั้น บางทีพอเปิดที่เครื่องของเขา ไฟล์งานก็อาจจะมีปัญหาอย่างที่ว่าจริงๆ จึงตัดสินใจส่งข้อความกลับไปเพื่อหลีกเลี่ยงการต้องพูดคุยกันตรง ๆ
   
[ไฟล์มีปัญหาอะไรหรือ ให้ส่งอีเมลไปให้อีกครั้งไหม?]
   
[ฉันว่านายเอามาให้ฉันกับตัวเลยดีกว่า ส่งอีเมลมาก็เหมือนเดิม]
   
“......”
   
ผมไม่เข้าใจว่ามันจะแตกต่างกันตรงไหน ไม่ทันได้ตอบ อีกฝ่ายก็ส่งข้อความมาอีกครั้ง
   
[เอามาให้ที่ห้องฉันนะ]
   
ข้อความราวกับมัดมือชก วูบหนึ่งก็คิดว่านี่เป็นแค่ข้ออ้างเพราะเขาอาจมีเรื่องอื่นที่อยากคุยต่อหน้า อีกวูบหนึ่งก็คิดว่าอย่างเพลิง จะมีอะไรที่อยากข้องเกี่ยวกับผมอีกหรือ
   
น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่ายิ่งสร้างความหวังมากเท่าไหร่ เบื้องหน้าก็มีเพียงแค่ความผิดหวังที่เฝ้ารอมากเท่านั้น
   
[ฉันอยากทำงานกลุ่มให้เสร็จในวันนี้ เหลือแค่ของนายที่มีปัญหา]
   
ข้อความส่งมาอีกครั้ง ผมพ่นลมหายใจแรงออกมา สุดท้ายก็เดินไปหยิบข้าวของและเดินออกจากที่พักของตัวเอง จัดการเรียกแท็กซี่ให้ไปยังจุดหมาย
   
ผมเคยไปที่ห้องของเพลิงครั้งหนึ่ง วันนั้นเราลองทำขนม คิดว่าได้มีโอกาสใกล้ชิดกันขึ้นอีกนิดแล้วเชียว
   
ตลอดระยะเวลาที่นั่งรถ วิถีสายตาคอยมองออกไปยังนอกหน้าต่าง เวลามืดค่ำทำให้แสงไฟตระการตายามค่ำคืนไปสะกิดความทรงจำเกี่ยวกับเขา
   
แม้จะไปแค่ครั้งเดียว ก็จดจำได้ดีว่าห้องพักเขาอยู่ชั้นไหน เลขห้องอะไร
   
เมื่อรถมาจอดอยู่ที่หน้าอพาร์ทเม้นต์ของเพลิง ผมก็เดินไปด้านหน้าด้วยความลังเล รู้สึกอึดอัด หายใจไม่ทั่วท้อง เพียงแค่นึกถึงว่าต้องเผชิญหน้า แล้วทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่หวัง ถ้าสุดท้ายแล้วเขาเมินเฉย ผมก็รู้สึกเจ็บ กลัว และก้าวขาไม่ออก
   
แต่สุดท้ายก็พาตัวเองเข้าไปอยู่ในลิฟต์ พาตัวเองมาจนถึงห้องนั้นในที่สุด


.
.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-07-2016 20:13:48 โดย yochan »

ออฟไลน์ yochan

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-3
.
.



   
กดออดเพียงไม่นาน เพลิงก็ออกมาเปิดประตู
   
“เข้ามาสิ”
   
ร่างสูงใหญ่ยื่นใบหน้าออกมาให้เห็น มือยันบานประตูให้เปิดอ้าทิ้งไว้ เพื่อให้ผมเดินเข้าไปภายใน ผมทำตามที่เขาบอก ก้าวเท้าเดินไปหยุดยังโถงทางเข้าภายในตัวห้อง
   
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบเชียบ ไม่มีการไถ่ถามหรือเอ่ยใดๆ ต่อ มีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน และเสียงดันบานประตูปิดดังตามหลังมา
   
เจ้าของห้องก้าวเดินนำไปยังบริเวณโซฟาที่มีโน้ตบุ๊กวางไว้อยู่บนโต๊ะเตี้ยด้านหน้า ผมเดินตามเข้าไปนั่งที่พื้นฝั่งตรงข้าม รู้สึกตะขิดตะขวงใจหากต้องนั่งลงด้านข้างยังโซฟาที่มีขนาดเพียงสองที่นั่งกับเขา
   
“ส่งไฟล์ของนายมาสิ”
   
อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ มือพลางยื่นรับ USB ที่ผมเตรียมมา เขาเสียบมันเข้ากับโน้ตบุ๊กสีขาวของตัวเอง หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรเหมือนเดิม เสียงคลิกเมาส์และเสียงพิมพ์คีย์บอร์ดดังแทรกความในเงียบขณะที่ผมยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง
   
น่าอึดอัด...
   
นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่ที่นี่?
   
ผมมาที่นี่ทำไม คุ้มหรือกับการตัดสินใจมาเพื่อเพิ่มความรู้สึกย่ำแย่ให้ตัวเอง แทนที่จะได้ทำให้ความทรมานและความอึดอัดนั้นหายไป กลับกลายเป็นว่าต้องหอบเอาความเจ็บช้ำกลับไปแทน ท่าทีนิ่งเฉยของอีกฝ่ายก็ฟ้องชัดเพียงพอแล้ว ว่าเขาต้องการเมินเฉย ไม่มีความยินดียินร้าย ไม่ว่าผมจะอยู่หรือจะไป
   
ควรจะกลับออกจากห้องของคนแปลกหน้าเสียแต่ตอนนี้ ก่อนที่ผมจะต้องสูดเอามวลอากาศอันน่าเจ็บปวดเข้าไปในร่างมากกว่าที่มีอยู่ เพียงแค่นี้ภายในอกก็จุกแน่นเพียงพอแล้ว ผมไม่อยากเจ็บจนทนไม่ไหวอีก
   
“ถ้าทุกอย่างโอเค งั้นฉันกลับก่อน”
   
ผมเตรียมลุก ความตั้งใจที่ตระเตรียมมาสูญเปล่า สองมือดันกับโต๊ะตัวเล็กที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า สองขาส่งแรงหยัดตัวยืนขึ้น
   
“เดี๋ยว”

   
ราวกับว่าคำนั้นมีพลังให้ผมหยุดชะงัก ใบหน้าเงยขึ้นมองสบกับดวงตาสีเข้มที่นิ่งมากขนาดไม่มีแววไหวติง
   
“มาดูนี่ก่อน” เพลิงเคาะนิ้วที่หน้าจอโน้ตบุ๊กไปด้วย “ส่วนของนาย โอเคแล้วหรือยัง?” สายตาพลางมองไปที่จอภาพอย่างเฉยชา
   
ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างอัดอั้น พยายามกลั้นใจเดินไปด้านข้างเขา ก้มมองดูอีกฝ่ายที่คลิกเลื่อนสไลด์รายงานอย่างเย็นใจ
   
ไม่มีปัญหาในการเปิดไฟล์หรือแม้แต่การจัดรูปแบบใดๆ ทุกอย่างออกมาไม่มีปัญหา เท่านี้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับผมและเขาก็จะจบลง
   
จบอย่างสมบูรณ์แบบ
   
“อืม”
   
ผมพยักใบหน้าตอบก่อนจะยืดตัวขึ้นยืนตรง เจ้าของห้องไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก ราวกับเป็นการบอกกลายๆ ว่าหากผมจะกลับก็เชิญตามสะดวก
   
สุดท้ายแล้วก็จบลงเท่านี้ น่าหัวเราะให้กับความหวังที่เกิดขึ้นไม่รู้จบของตัวเองจริงๆ
   
ตัดสินใจผละตัวออกจากอาณาบริเวณนั้นด้วยความรู้สึกเจ็บจนล้น หากในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความว่างเปล่า ภายในหัวโล่งและขาวโพลน สองขาเดินไปหยิบข้าวของของตัวเองก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปที่ประตู
   
แม้ในขณะนี้ก็อธิบายที่มาที่ไปของความร้อนรุ่มรอบดวงตาทั้งสองข้างไม่ได้ ขบกัดริมฝีปากล่างตัวเองไว้แน่น เก็บงำน้ำเสียงบางอย่างไม่ให้หลุดเล็ดลอดออกมา นิ้วทั้งห้าที่สั่นเทิ้มจับกอบกุมกับลูกบิด ค่อยๆ หมุนให้เปิดแง้มทั้งๆ ที่เรี่ยวแรงราวกับหายวับไปจากร่างกาย อยากจะวิ่งออกจากห้องนี้ไปให้เร็วที่สุด
   
ทว่าเมื่อบานประตูแง้มออก เจ้าของมือใหญ่ก็ผลักดันให้ปิดลงดังเดิม
   

ปึง!

   

เสียงบานประตูกระแทกทับปิดลงกับกรอบดังสะท้อนภายในห้องที่อัดแน่นไปด้วยความเงียบ ท่อนแขนแกร่งแผ่อุณหภูมิร้อนฉ่าเสียดสีกับหัวไหล่ น้ำเสียงทุ้มต่ำดังจากทางด้านหลัง
   
“นายมีอะไรจะพูดกับฉันรึเปล่า?”
   
“......”
   
ความร้อนและความอึดอัดตีตื้นขึ้น
   
รู้สึกหายใจไม่ออก ต้องพยายามหายใจผ่านทางริมฝีปากอย่างยากเย็น คมฟันกัดข้อนิ้วไปด้วยเพื่อไม่ให้หลุดเสียง สะอื้น น่าอายออกมา ฝืนกล้ำกลืนทุกอย่างลงลำคอด้วยความยากลำบาก
   
เปลือกตาปิดลง พยายามตั้งสติให้กลับมาปกติอีกครั้ง ทว่าก็สายเกินไป หยาดน้ำอุ่นร่วงหยดเผาะ หากแต่ก็ยังอยากเก็บงำทุกอย่างให้ถึงที่สุด จนกว่าน้ำตาจะค่อยๆ เหือดแห้งหายไปในมวลอากาศเท่านั้น
   
“ไม่มีอะไรจะบอกฉันจริงๆ รึไง?”
   
เสียงทุ้มต่ำถามย้ำ แผงอกและลำตัวร้อนแนบเข้าใกล้กับแผ่นหลัง 
   
“เรื่องที่นายบอกกับหมอนั่นได้ แต่บอกกับฉันไม่ได้น่ะ”
   
“......”
   
เสียงที่ดังแผ่วคลอข้างหูทำให้ทั้งร่างกายสั่นไหว มันไม่ใช่น้ำเสียงดุดัน ไม่ใช่น้ำเสียงประชดประชัน หากแต่เป็นน้ำเสียงที่ทำให้หัวใจผมเต้นรัวแรงด้วยจังหวะที่ผิดแปลกไปจากเดิม
   
ผมไม่เข้าใจสิ่งที่เขาเอ่ย ไม่สามารถล่วงรู้ถึงความหมายของแต่ละคำพูด
   
ข้อมือข้างหนึ่งของผมถูกเรียวนิ้วแข็งแรงกุมเอาไว้ ร่างกายถูกร่างสูงกว่าจับให้หันกลับมาเผชิญหน้า ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถเอ่ยอะไรออกไปได้แม้แต่คำเดียว ความอัดอั้นที่สั่งสมมาตลอดยากที่จะกลั่นกรองออกมา ความรู้สึกที่มีอยู่นั้นมีมากเกินกว่าจะถ่ายทอดออกไปให้เขาได้ล่วงรู้
   
“มองฉัน”
   
ปลายคางถูกเชยขึ้นให้สบตากับอีกฝ่าย
   
ดวงตาของเขาทำให้ผมรู้สึก ...ร้อน ขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
   
“ถ้านายพูดออกมาไม่ได้ ฉันก็จะไม่บังคับ”
   
ปลายนิ้วร้อนฉ่าแตะสัมผัสกับริมฝีปาก ใบหน้าคมเข้มโน้มลงด้านข้าง เพื่อผ่อนไอร้อน และเสียงทุ้มต่ำที่ข้างใบหู
   
“แต่อย่างน้อยก็ช่วยแสดงออกให้รู้ ..ว่านายก็ต้องการฉัน อย่างที่ฉันต้องการนาย
   
ลมหายใจผมขาดห้วง หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ได้แต่เผยอริมฝีปากขึ้น และเม้มลงอย่างฝืนกลืนความรู้สึกลงคอ
   
คนตรงหน้าผละกายออก สองมือลดลงถอยห่าง หากแต่ความร้อนจากร่างกายสูงใหญ่ยังคงแผ่ไออุ่นมาให้รู้สึก ทั้งๆ ที่ไม่ได้ยืนอยู่แนบชิดกัน ทว่าผมกลับรู้สึกร้อนจนมือทั้งสองข้างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
   
“ฉันให้เวลานายคิด จนกว่าที่ฉันจะบอกว่าหมดเวลา ถ้านายอยากหนี ก็เดินออกจากห้องนี้ไปซะ และจะทำเหมือนทุกอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่ผ่านมาก็ได้”
   
“......”
   
“ฉันจะไม่เข้าใกล้นาย จะไม่สนใจอะไรอีก ต่อจากนี้ไปเราจะไม่กลับมาเกี่ยวข้องกัน จะเป็นแค่คนไม่รู้จัก เหมือนอย่างที่เคยเป็น”
   
“......”
   
“แต่ถ้าหมดเวลาเมื่อไหร่ แล้วนายยังไม่ออกจากห้องนี้... ฉันจะถือว่านาย ยอมรับ
   
ความจริงจังฉายออกทางสีหน้าร่างสูงกว่า น้ำเสียงที่เอ่ยไม่บ่งบอกว่ากำลังล้อเล่น หรือแม้แต่โกหก
   
“ว่าแต่นี้ต่อไป จะไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับนาย แล้วฉันก็จะไม่ยอมให้นายไปยุ่งกับใครคนอื่น”
   
นัยน์ตาเข้มฉายประกายอย่างมีอำนาจ ดุดัน และสะกดให้ผมหยุดนิ่ง แม้กระทั่งลมหายใจ ผมไม่แต่จะรู้สึกว่าหัวใจตัวเองกำลังเต้นอยู่
   
“ฉันจะทั้งหึง ทั้งหวง จะแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ จะไม่ปล่อยมือจากนาย ไม่ว่าจะยังไง”
   
“......”
   
ราวกับว่าคนคนนี้ไม่ใช่เพลิงคนเดิม เขาไม่ได้เอาแต่ทำให้ผมรู้สึกกดดันเหมือนอย่างเคย หากแต่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูก 'กอดรัด'
   
รัดแน่นด้วยความรู้สึกที่ไม่เคยได้สัมผัสจากใครมาก่อน
   
“ฉันจะนับถอยหลัง ถ้าหมดเวลาเมื่อไหร่ ฉันจะไม่ปล่อยให้นายหนีไปไหนอีก ต่อให้นายคุกเข่าขอร้อง ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยนายไป”
   
เพลิงกอดอก ทอดสายตามองผมที่หยุดยืนแน่นิ่ง ริมฝีปากคนตรงหน้าเม้มปิด ก่อนจะเอ่ยขยับเป็นคำพูด
   
“สิบ”
   
หัวใจกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง ผมรวบมือชื้นเหงื่อเข้าหากันอย่างทำอะไรไม่ถูก พอก้มหน้าและหันสายตาไปทางลูกบิด เจ้าของห้องก็ยื่นวางมือไว้กับประตูห้องเฉียดใบหน้าผมไป วิถีสายตาจึงถูกบดบังด้วยท่อนแขนแกร่งในทันที
   
“เก้า”
   
ผมหันกลับมาตรงหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะเงยสายตาขึ้น มือทั้งสองสอดประสานยกอยู่ตรงหน้าริมฝีปากราวกับกำลังพร่ำภาวนา แค่บอกออกไปว่า ต้องการเขา หรือแค่เลือกเดินออกจากห้องนี้ไป ก่อนที่เวลาจะหมด
   
“แปด”
   
มืออีกข้างของร่างสูงกว่าผลักดันผมเข้าชิดประตูช้าๆ เมื่อแผ่นหลังแนบติด ผมก็ไม่สามารถถอยไปไหนได้อีก ฝ่ามือร้อนที่ดันแผ่นอกสัมผัสกับหัวไหล่ผมด้านที่หัวใจเต้นแรง ทำให้กลัวขึ้นมาว่าเขาจะรู้ได้ถึงแรงเต้นหนักของหัวใจที่ผิดปกติ
   
“ว่าไง ถ้าอยากหนี นายเหลือเวลาอยู่ไม่มากนะ”
   
ถึงจะพูดมาแบบนั้นก็เถอะ แต่แค่จะขยับตัวออกจากมือที่ตรึงผมไว้อยู่ ก็ยังทำได้ยากเลย
   
“เจ็ด”
   
เวลาถอยหลังลงเรื่อยๆ เหมือนกับร่างกาย ที่เป็นอิสระลดน้อยลง เพลิงเข้าใกล้ผมมากขึ้น จนจมูกผมแทบจะชนกับบ่ากว้าง ต้องดันมือกับอกของร่างที่โน้มใกล้นั้นเบาๆ เพื่อไม่ให้เขาเข้าใกล้มามากเกินไป
   
ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังโน้มใบหน้าลง เพื่อส่งเสียงกระซิบทุ้มต่ำ
   
“หก”
   
“ฉัน...” อยากจะเอ่ยบอกบางอย่างออกไป หากแต่แรงกระชับที่เอวจากมือข้างที่เคยดันกับประตูไว้ ทำให้ผมหยุดชะงักพูดอะไรต่อไม่ออก
   
“ห้า”
   
มือที่เคยตรึงที่หัวไหล่ เปลี่ยนมากระชับที่เอวอีกข้าง ร่างกายผมสั่นเทิ้ม สั่นไหวแม้กระทั่งสองมือที่วางกั้นกับอกคนตรงหน้า นิ้วทั้งสิบเผลอขยำเข้าเสื้ออีกฝ่ายแน่น ทั้งร่างกายร้อนผ่าว ร้อนลามไปจนถึงใบหน้าที่ชนแนบกับบ่า
   
ปลายจมูกโด่งแนบสัมผัสลงกับแก้ม ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่หยาดรดลงกับผิว สองขาราวกับค่อย ๆ หมดเรี่ยวแรง ขณะที่ร่างกายถูกกระชับแน่นมากขึ้นทุกที
   
“สี่”
   
อ้อมกอดที่แนบแน่น ทำให้ได้ยินเสียงหัวใจยิ่งเต้นดัง กลิ่นกายของเขายิ่งกระจ่างชัดกว่าครั้งไหน ๆ ไอร้อนจากกายสู่กายยิ่งทำให้แทบหลอมละลายอยู่ตรงนี้
   
เวลาที่ใกล้หมดลง ทำให้พยายามออกแรงดันร่างให้ผละออกจากกันอีกครั้ง ทั้งดิ้นทั้งฝืนอ้อมกอดที่รัดแน่นไม่ยอมปล่อย ทั้งๆ ที่ความพยายามเหมือนกับไร้ผล
   
“สาม”
   
น้ำเสียงร่างสูงกว่าเอ่ยห้วนกว่าเก่า ผมยื้อแรง จนกระทั่งสามารถผละออก เพื่อเงยหน้าขึ้นเผชิญได้
    
เราสบตากัน เจ้าของคิ้วเข้มขมวดคิ้วเข้าหากันราวกับกำลังไม่พอใจ แต่ไม่ว่ายังไง ผมก็อยากเอ่ยบอก อยากบอกเขาให้รู้ก่อน
   
“พ..เพลิง...”
   
“สอง”
   
“ฉันไม่อยากหนี...”
   
“......”
   
ในที่สุด...ก็เอ่ยสิ่งที่คิดออกไป สองมือกระชับแน่นกับเสื้ออีกฝ่าย
   
“ไม่อยาก” ผมเน้นย้ำ
   
ไม่อยากปล่อยมือ ไม่อยากหนีไป...เพราะผมเอง ก็ต้องการเขา...
   
เพลิงยืนนิ่ง ไม่เอ่ยสิ่งใดต่อ เขาทำเพียงส่งสายตาสอดประสานจ้องมองมา จนทำให้ช่วงเวลาราวกับว่าได้หยุดเดินไปชั่วขณะ
   
และเมื่อเวลากลับมาเดินต่ออีกครั้ง ผมก็ได้รู้ว่าเวลาที่จะหนีจากเขาไปนั้น ได้หมดลง

   
“ฉันก็ไม่คิดจะปล่อยนายไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
   
   
น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนที่ ..ร่างกาย และหัวใจ.. จะถูกเขาตรึงไว้อย่างสมบูรณ์



.
.


[End Chapter 15 cont. in Epilogue]


สวัสดีค่ะ

นี่ตอนสุดท้ายแล้วล่ะค่ะ จะมาลงบทส่งท้ายในตอนหน้าแล้ว ยังไงต้องขอบคุณเพื่อนๆทุกคนมากเลยนะคะที่ติดตาม ลงเรื่องนี้มาปีกว่าๆ ดองบ้างไรบ้าง ในที่สุดก็ใกล้มาถึงบทสรุปสักที อาจจะไม่หวานกันนัก แม้แต่ตอนส่งท้ายก็อาจไม่หวานอย่างที่คิด เพราะสองคนนี้ก็แค่เริ่มต้นกันเท่านั้นเอง แต่เชื่อเถอะค่ะว่าเพลิงและวา เมื่อมาถึงจุดนี้ ความรักของพวกเขาไม่สั่นคลอนแน่นอน กว่าจะเข้าใจกันได้ก็คิดหลบกันไปคนละทางมากพอดู และคนอย่างเพลิง ถ้าเขามั่นใจอะไรแล้ว ก็ไม่มีทางปล่อยมือได้เลย

คนอ่านอ่านเรื่องนี้แล้วเปนยังไง แวะมาบอกความรู้สึกกันบ้างนะคะ ^^ หากได้อ่านคอมเม้นต์ก็จะรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมากเลยค่ะ

เจอกันอีกทีบทส่งท้ายนะคะ

ขอบคุณค่ะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-07-2016 20:28:36 โดย yochan »

ออฟไลน์ Baitaew

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
กว่าจะพูดกันตรง ๆ หน่วงมา 15 ตอน

เรื่องนี้สนุกจริงๆ

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
จะอ่านวนไปเรื่อยๆนะ ชอบเรื่องนี้

ออฟไลน์ winterday

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สวัสดีค่ะ คุณ yochan

ไม่แน่ใจว่าเป็นการทักทายครั้งแรกหรือไม่นะคะ แต่ว่า เข้ามาอ่านเรื่องนี้โดยบังเอิญเมื่อหลายเดือนก่อน เลยได้อ่านแบบต่อ ๆ กันไป จนจบ ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่มองหาและติดตามอยู่ตลอดที่เข้าเว็บเลย โดยเนื้อหารู้สึกได้ถึงความพิเศษ มีความเซ็กซี่่ในการดำเนินเรื่อง คาแร็คเตอร์ของเพลิงนั้นสมชื่อ คือ ร้อนแรง ส่วนคาแรคเตอร์วายุนี่ก็คุณชายดีนะคะ นุ่ม ๆ ศิลปิน ชอบค่ะ

เรื่องเพลิงในวายุ เป็นเรื่องที่ชอบมากเรื่องหนึ่งเลยค่ะ ขอบคุณ คุณ yochan ที่สละเวลาในการแต่งเรื่องนี้ และนำออกมาเผยแพร่ะคะ ยังไงหากมีเวลา และมีโอกาส ก็อยากเห็นชีวิตของเขาสองคนในวัยทำงาน เพราะจริง ๆ นี่ก็เหลืออีกไม่นาน ทั้งคู่คงใกล้เรียนจบ อาจจะเป็นชีวิตที่เรียบ มั่นคงเลยนะคะ


ออฟไลน์ viewier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
ในที่สุดเค้าก็จบกันได้ด้วยดีค่ะ คิดว่าจะไม่ได้วันนี้ซะแล้ว
หลังจากเอาใจช่วยมา14ตอน แม้ตอนสุดท้ายจะไม่หวาน
แต่ก็คิดว่าคงไม่น่าจะหวานได้ ไม่มีทาง เพราะดูจากสองคนแล้ว
แค่เพลิงพูดแค่นี้ก็รู้สึกว่าแฮปปี้ละค่ะ ตอนจบอาจจะไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ
แต่ชอบค่ะ จบแบบมีเอกลักษณ์ดีค่ะ เหมาะกับเนื้อเรื่องดี
อยากมีตอนพิเศษค่ะ ซักตอนก็ยังดี อยากเห็นว่าเค้าจะใช้ชีวิตด้วยกันยังไง

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ไหนๆก็ดีละ ขอเอ็นซีหวานๆ จิ๊กหมอนขาดกันไปเลย

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ขอให้มีสวีทกันม๊างงงงง หน่วงมาทั้งเรื่อง  :laugh:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ได้หยุดลุ้นสักทีนะคู่นี้
ลุ้นจนบรรทัดสุดท้ายจริงๆ
ยังดีที่ยังมีบทส่งท้ายอีกบท
ถ้าไม่มีนะ เหมือนจบแฮปปี้แต่แฝงความเศร้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ฟินฉากจบ เพลิงทำเราเขินอ่ะ
ขอตอนพิเศษหวานๆๆๆๆๆๆ นะค๊าาา

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ชอบนิยายเรื่องนี้อ่ะ

 :L2:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
หน่วงมาตั้งแต่ต้น เพิ่งจะโล่งอก ตอนสุดท้ายยย เห้ออ สนุกดีๆๆๆ

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5

ออฟไลน์ DevilCandy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตามอ่านจนทันอนที่จะจบล่ะ สนุกอ่ะ ถึงช่วงแรกจะหน่วงๆ สู้ๆนะค่ะ รอตอนจบอยู่น๊าาาา :katai2-1:

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
เป็นเรื่องที่ดีมาก :กอด1:

ออฟไลน์ Bellze12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อยากอ่านตอนพิเศษ
เอาแบบเพลิงขี้หวงวาอะไรแบบนี้

ออฟไลน์ yochan

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-3
บทส่งท้าย I




ผมตื่นขึ้นในยามเช้าโดยมีใครอีกคนนอนอยู่ข้างกาย หลังจากการปรับความเข้าใจกันเมื่อคืน ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับวายุได้เปลี่ยนไปจากเดิม เนื่องจากผมตื่นก่อน จึงทำอาหารเช้าอย่างง่ายๆ ก่อนที่จะปลุกใครอีกคนให้ลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาและทานอาหารด้วยกัน
   
ระหว่างที่ทานอาหาร ทั้งผมและวายุต่างก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไร มันสร้างความขุ่นเคืองใจให้ผมอยู่เหมือนกันที่บรรยากาศระหว่างเรายังคงมีบางอย่างขวางกั้น
   
ไม่ว่ายังไง ก็ยากที่จะคาดเดาว่าสีหน้าเฉยเมยแบบนั้นกำลังคิดหรือรู้สึกยังไงกันแน่ แต่ต่อให้ขุ่นเคืองและอยากถามอีกฝ่ายไปตรงๆ แค่ไหน ผมก็ยอมรับว่าทิฐิของตัวเองนั้นยังมีอยู่มาก
   
แต่เมื่อวายุทานอาหารบนจานหมด เขาก็เป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน
   
“ขอบคุณสำหรับอาหารเช้า”
   
“......”
   
ผมเหลือบมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม สายตาเราประสานกันเพียงครู่ แล้วใบหน้าสวยก็หลบเลี่ยงสายตาไปทางอื่น
   
“คือ...” เขาเว้นช่วง มีท่าทีลังเลที่จะเอ่ยต่อ
   
ก่อนหน้านี้ ผมมักจะตีความทุกอย่างที่วายุทำในแง่ลบ กระทั่งขณะนี้ก็ยังมีความเคลือบแคลงสงสัย อาจเพราะความรู้สึกที่มีให้มันมากกว่าที่เขามี จนกำแพงที่กั้นเราไว้ยังสลายไปไม่หมด
   
“มีอะไรก็พูดออกมาสิ” พยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้ดุดัน ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ช่วยเท่าไรนัก
   
รู้ว่าที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าความคิดแง่ลบไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น แต่...
   
“อาหารอร่อยมาก”
   
“......”
   
คำพูดของเขาทำให้ความคิดหยุดชะงัก สายตามองยังมือเรียวที่รวบวางอยู่บนโต๊ะ หากสังเกตดูดี ๆ คนตรงหน้ากำลังพยายามหยุดมือไม่ให้สั่นไหว
   
จะเป็นไปได้หรือเปล่า...ที่เขาอาจกำลังรู้สึก ประหม่า?
   
ทันทีที่คิดจะเอ่ยอะไรออกไป วายุก็ดันตัวลุกขึ้นจากโต๊ะเสียก่อน “งั้นฉันล้างพวกนี้ให้” อีกฝ่ายเอ่ยพลางรีบยกภาชนะทั้งหลายไปทางอ่างล้างจาน
   
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
   
ผมเดินตามเข้าไปใกล้ร่างเล็กกว่า มือคว้าแขนเขาไว้ ก่อนจะดึงจานอาหารมาถือไว้แทน
   
“แต่นายทำอาหารแล้ว ให้ฉันทำเถอะ”
   
เขาดึงดัน ทำสีหน้าจริงจังจนหัวคิ้วขมวดเข้าหากัน หากแต่ผมเองก็ไม่ยอมง่าย ๆ พยายามใช้ลำตัวขวางกั้นเอาไว้ 
   
“วันนี้ฉันล้าง แล้ว คราวหน้า นายค่อยล้าง”
   
“......”
   
เมื่อเอ่ยตัดบทอย่างแสดงออกว่ายังไงก็ตองมีครั้งหน้า วายุจึงยืนเงียบอยู่ด้านข้าง ซึ่งเวลาที่ไม่มีใครเอ่ยบทสนทนาแบบนี้ บรรยากาศก็กลายเป็นนิ่งเงียบผิดปกติเหมือนเดิม
   
“เสร็จจากนี่แล้ว นายอยากจะทำอะไรต่อ?”
   
ตัดสินใจลองเอ่ยถาม
   
สายตาหันไปมองขณะที่เปิดน้ำไหลเทลงอ่าง ใบหน้าสวยคาดเดาได้ยากตามเคย ดวงตาเขามองลงต่ำ ริมฝีปากอิ่มไม่ยิ้มหรือพูดอะไร ราวกับว่าที่ถามไปนั้นไม่ได้ซึมซับเข้าไปในโสตประสาท
   
“ว่าไง?” ส่งเสียงถามย้ำ
   
“ฉันคิดว่าจะกลับ”
   
“......” ผมปิดน้ำ จัดการสะบัดมือไล่หยดน้ำ ก่อนจะเช็ดซับกับผ้าเช็ดมือที่วางอยู่ใกล้ ๆ
   
“ฉันว่านายคงเข้าใจคำถามผิด” เอ่ยพลางดึงข้อมือของร่างข้างกายให้หันมาเผชิญหน้า
   
“ว่าไงนะ?”
   
“ฉันหมายถึงว่านายจะ ไปห้าง ไปเดินเล่น หรือไปดูหนัง? แต่ใกล้จะสอบแล้วนายอาจจะอยากไปอ่านหนังสือกันที่ห้องสมุดก็ได้”
   
เจ้าของริมฝีปากแดงก่ำทำท่าจะขยับพูดบางอย่าง หากแต่คนตรงหน้าก็เหมือนจะคิดคำพูดไม่ออก นัยน์ตาสวยฉายแววงุนงง ผมจึงได้ทีเอ่ยต่ออย่างไม่เปิดโอกาส
   
“แต่ถ้านายอยากจะอยู่ที่นี่ต่อทั้งวันฉันก็ไม่มีปัญหา”
   
“......”
   
“ตกลงอยากทำอะไร?”
   
“ฉัน... ยังไงก็ต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
   
“......” ลองฉุกคิดดูแล้ว เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่ตอนนี้ออกจะยับและไม่เรียบร้อย คงต้องยอมให้กลับไปก่อนอย่างที่ว่า
“งั้นก็ได้” ผมพนักหน้า
   
“ยังไงก็แล้วแต่ ให้ฉันช่วยนายล้างดีกว่า สองคนทำจะได้เสร็จไว ๆ”
   
 วายุขยับเข้ามายืนหน้าบริเวณอ่างล้างจาน เขาพับแขนเสื้อขึ้นทั้งสองข้าง แล้วหยิบเอาฟองน้ำเช็ดถูคราบอาหารออกจากภาชนะ ที่ด้านหลังลำคอแม้จะถูกบดบังไปด้วยเส้นผมสีอ่อน แต่หากเพ่งมองดู ก็ยังสามารถมองเห็นรอยจุมพิตที่ผมเป็นคนฝากไว้ ลึกลงไปจากแนวปกเสื้อเชิ้ตที่ไม่ได้กลัดกระดุมไว้ ผิวขาวก็ประดับไปด้วยสีระเรื่อ
   
อยากกอด อยากแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมากกว่านี้

แต่ก็ต้องพยายามหักห้ามใจเอาไว้ก่อน
   
สติผมถูกเรียกกลับคืนเมื่อคนข้างกายดันศอกสะกิดที่สีข้างเบา ๆ
   
“นี่... เหม่ออะไรอยู่ รับไปสิ”

เขายื่นจานมาให้พร้อมกับพยักเพยิดสายตาเพื่อบ่งบอกให้ผมรับงานต่อ
   
“ไม่ได้เหม่อสักหน่อย” ผมตอบพลางเปิดน้ำล้างคราบน้ำยาออกจากจานที่รับมา สองคนช่วยกันก็ทำให้งานดูจะเสร็จรวดเร็วขึ้นจริงๆ
   
“แล้วเมื่อกี๊คิดอะไรอยู่ เรียกก็เหมือนไม่ได้ยิน”
   
“......” หันใบหน้ามองคนด้านข้าง มือหยุดทำงาน จนร่างบางปรายสายตามามองผมกลับด้วยความสงสัย
   
“อะไร?”
   
“อยากรู้จริงๆ หรือไง?” เอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง
   
ใบหน้าสวยครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยตอบ “ไม่ดีกว่า”
   
“แต่ฉันอยากบอก”

ค่อย ๆ ขยับกายเข้าไปใกล้อีกคน สองแขนวางคร่อมกับบริเวณอ่างล้างจานเพื่อเป็นกรงกักขังร่างที่เริ่มจะดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขน จมูกโน้มเข้าคลอเคลียกับแก้มเนียน “จะไม่ฟังที่ฉันอยากบอกจริงเหรอ?”
   
เขาไม่ตอบรับ หากแต่ก็ไม่ปฏิเสธ มือจึงคว้าหัวไหล่ของวายุไว้ ก่อนจะดันให้คนตรงหน้าพลิกร่างกลับมาเผชิญหน้า วายุโอนอ่อนแต่โดยดี จะมีก็แต่เพียงสายตาที่ยังหลบเลี่ยงมองไปทางอื่น
   
“ฉัน...”
   
ส่งเสียงกระซิบแผ่ว ให้เพียงเขาได้ยินความในใจ แล้วโน้มใบหน้าลงครอบครองริมฝีปากแดง ค่อย ๆ ละเลียดความหวานอย่างไม่เร่งร้อน มือหนึ่งพลางยกขึ้นประคองซีกแก้มเนียน มืออีกข้างคืบเคลื่อนไปหาท้ายทอย ออกแรงกดเบา ๆ ให้สัมผัสเราแนบแน่นยิ่งขึ้น
   
“อือ...”
   
ร่างในอ้อมแขนส่งเสียงครางอู้อี้เมื่อปลายลิ้นเราเกี่ยวกระหวัด เขาตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะเนิบช้า ทว่ามันกลับเป็นการกระตุ้นให้ผมรุกเร่งขึ้น บางสิ่งในร่างกายถูกปลุกให้ตื่น จนมือที่คอยประคองท้ายทอยเคลื่อนลงตามแผ่นหลังอีกฝ่าย ปลายนิ้วสอดแทรกเข้าสัมผัสผิวกายอุ่นบริเวณขอบกางเกง
   
ทันใดนั้นวายุก็ผลักอกผมออก “เดี๋ยว... จะออกไปข้างนอกไม่ใช่หรือไง?”
   
“......” ผมถอนหายใจเฮือก คิดตอบอยู่ในใจว่า ใช่ ถ้าไม่ออกก็คงคิดแต่จะพานายกลับไปที่เตียงแน่
   
สุดท้ายก็ยอมผละออกอย่างเสียไม่ได้ จัดการงานตรงหน้าต่อทั้งที่รู้ว่าอารมณ์ที่ถูกปลุกไปแล้วครั้งหนึ่งนั้น ก็ยากที่จะทำให้สงบลง
   
หลังจากที่งานเสร็จสิ้น ผมกับวายุก็เตรียมตัวออกจากที่พัก

“ไม่ลืมอะไรใช่ไหม?”

เอ่ยถามก่อนที่จะเดินนำไปทางประตู เขาพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะเดินตามหลังมา
   
ในหัวยังคงมีความสับสนเพราะยังหาทางคาดเดาสีหน้าวายุไม่ออก ดีใจ เสียใจ อารมณ์ดี อารมณ์ไม่ดี ก็ดูจะไม่แตกต่างกันนัก รอยยิ้มที่ฉายอยู่บนใบหน้างดงาม บางครั้งก็ไม่แน่ใจว่าด้านในนั้นยิ้มด้วยหรือไม่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมเองก็มีความกังวลอยู่เหมือนกัน
   
สถานะของเราไม่ใช่คนแปลกหน้าหรือคนรู้จักธรรมดาอีกต่อไปแล้ว หากแต่เราเป็น คนรัก จะคาดหวังได้หรือเปล่าว่าวายุรับรู้ถึงจุดนี้?
   
ขณะที่กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตู บางอย่างก็ทำให้ผมหยุดชะงัก สองแขนเรียวโอบกอดผมจากทางด้านหลัง อ้อมแขนที่กอดผมอย่างไม่แน่ใจทำให้ผมหยุดยืนอยู่กับที่
   
“ช่วยอยู่แบบนี้สักพักได้ไหม?” วายุส่งเสียงเบา
   
วงแขนที่โอบร่างไม่ได้กอดรัดแน่น ราวกับว่าเขาเองก็ยังมีความไม่มั่นใจอยู่ สองมือคู่สวยขยำเสื้อผมด้วยความสั่น จนทำให้รู้ว่าก่อนหน้าที่คิดว่าระหว่างเรายังมีกำแพงขวางกั้นนั้น บางทีอาจเป็นผมเองที่เป็นฝ่ายสร้างกำแพงขึ้นมา
   
“ไม่ได้”

เอ่ยตอบพร้อมกับก้าวขาจนร่างหลุดจากอ้อมแขนหลวม ๆ ของอีกฝ่าย ผมหันหน้ากลับมาเผชิญหน้าเขา แล้วเป็นฝ่ายโอบร่างที่เอาแต่ก้มหน้าไว้แทน

“ไม่รู้เหรอว่าฉันเองก็อยากกอดนายใจจะขาด”
   
ออกแรงอ้อมแขนให้กระชับแนบแน่นยิ่งขึ้น แน่นจนคิดว่าอาจจะทำให้เขาหายใจไม่ออก ทว่าการหักห้ามใจนั้นยากเกินไป ไม่มีประโยชน์ที่จะกังวลในเมื่อยังไงแล้วผมก็ต้องการเขาอยู่ดี “ไม่สนุกเลยที่ต้องห้ามใจไว้”

กำแพงที่กั้นเราออกจากกัน ต่อให้ในความเป็นจริงวายุจะเป็นคนก่อกำแพงขึ้นมาก็ไม่สำคัญ เพราะสุดท้ายแล้ว ผมจะเป็นคนทำลายมันลงเอง
   
อ้อมแขนของอีกคนแน่นขึ้นอย่างรู้สึกได้ “ถ้ายังเอาแต่ยั่วกันแบบนี้ วันนี้คงไม่ได้ออกไปไหน” เอ่ยพลางกดจูบลงที่เรือนผมนุ่ม วายุยังคงไม่เงยหน้า สองแขนกอดรอบเอวผมไว้ไม่ปล่อย
   
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อนี่”

เขาส่งเสียงอู้อี้ ใบหน้าซุกลงกับแผ่นอก แรงกอดกระชับวงแขนค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น
   
“......”
   
ถอนหายใจอีกเฮือก ในที่สุดก็ขอยอมแพ้คนคนนี้แต่โดยดี จัดการอุ้มร่างเขาลอยขึ้นจากพื้น ร่างเพรียวส่งเสียงพลางออกแรงทุบกำปั้นลงกับบ่าเพื่อให้ปล่อยลง ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็นผล
   
ผมตัดสินใจแล้ว วันนี้เราจะไม่ไปไหนนอกจากอยู่ที่ เตียง


.
.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-07-2016 23:45:29 โดย yochan »

ออฟไลน์ yochan

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-3
บทส่งท้าย II



   
เสียงร้องครืนของท้องฟ้าร้องเตือนว่าอีกเพียงไม่กี่อึดใจ หยาดน้ำนับร้อยนับพันจะพากันไหลรินเทครืนลงมา รีบสาวเท้าเร็วขึ้นเพื่อไปให้ทันรถประจำทางที่กำลังเคลื่อนตัวมาจอดลงที่ป้าย
   
เมื่อก้าวเท้าขึ้นในตัวรถได้ไม่นาน หยาดฝนก็ค่อยๆ ทิ้งตัวลงจากฟากฟ้า สายตาพลางมองบรรยากาศอึมครึมนอกรถ สองขาเดินไปนั่งลงยังเบาะที่ว่าง นั่งจนลมหายใจหอบเริ่มคงที่ มือก็หยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตรวจดู มีข้อความจากเพลิงส่งมาให้ที่ยังไม่ได้อ่านอยู่หนึ่งข้อความ
   
[วันนี้ฝนตก อย่าลืมพกร่มมาล่ะ]
   
ดูท่าว่าผมจะได้อ่านข้อความช้าไปหน่อย ขึ้นรถมาอย่างนี้แล้วก็คงไม่เสียเวลาย้อนกลับไปตามที่อีกฝ่ายบอก ไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรบ้างหากรู้ว่าผมไม่ได้ติดร่มมาด้วย จริงอยู่ที่พอสังเกตเห็นท้องฟ้าสีครึ้มตั้งแต่ก่อนออกจากบ้าน แต่ว่าการต้องเดินตากฝน มันก็ไม่เลวร้ายไม่ใช่หรือ?
   
เพลิงเคยบอกว่าผมเป็นพวกไม่ระมัดระวังตัวเท่าที่ควร ชอบปล่อยให้ตัวเองเปียกฝนจนบางครั้งก็ทำให้ไม่สบายหนัก 
   
ใจหนึ่งผมก็เห็นด้วย หากแต่อีกใจก็ยังรู้สึกชอบเวลาที่ฝนตกจนอดไม่ได้ที่จะปล่อยให้ร่างกายซึมซับฝนพรำอยู่ดี และผมอาจจะชอบมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ตั้งแต่ที่รู้ว่าจะมีใครอีกคนคอยอยู่เคียงข้างในยามที่ฝนตกแบบนี้
   
เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงรถบัสก็จอดลงที่หน้ามหาวิทยาลัย พอก้าวขาลงจากรถ ก็พบว่าฝนซาลงกว่าเมื่อก่อนหน้า ทำให้ผมสามารถเดินฝ่าสายฝนไปได้อย่างสบายๆ
   
เดินมาหยุดยืนรอหน้าตึกเรียน อีกเพียงชั่วครู่ก็จะเลิกชั้น แล้วคนที่ผมต้องการพบก็คงจะเดินออกมาหลังจากนั้น ขณะที่ยืนรอ มือก็พลางยื่นรับหยดน้ำเย็นฉ่ำไปด้วย เสียงของฝนตกทำให้จิตใจสงบได้ดีกว่าเสียงใด และในวันนี้ สายฝนก็ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นมากกว่าจะหมองหม่น
   
ท้องฟ้าที่คอยเป็นมิตรแท้ ที่เคยร่วมร่ำร้องไห้ไปกับเรา บัดนี้หยดน้ำจากฟากฟ้ากำลังร้องประสานเปนบทเพลงอันไพเราะ คอยโอบอุ้มความสุขให้คงอยู่ในหัวใจ
   
ถึงอย่างนั้นทั้งที่ปกติแล้วผมไม่เคยมีปัญหากับหยาดฝนมาก่อน แต่อากาศที่ชื้นแฉะกับลมที่กรรโชกแรง ก็ทำให้ผมหลุดจามออกมาเบาๆ
   
“บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้พกร่มมาด้วย”
   
น้ำเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลัง ผมหันกลับไปมองเพลิงที่กำลังยืนกอดอกมองผม มือข้างหนึ่งของเขาถือร่มคันใหญ่เอาไว้ด้วย
   
ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ขึ้น เขายื่นร่มให้ผมรับถือเอาไว้ เพียงแค่เข้ามาใกล้ ก็ได้กลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเอีกฝ่าย
   
มือใหญ่ลูบที่ศีรษะผมเบาๆ ปลายนิ้วค่อยๆ เกลี่ยปอยผมเปียกที่ปรกหน้าไปด้านข้าง
   
“หิวรึยัง?”  คนตรงหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่ม
   
ผมพยักหน้า สายตามองใบหน้าคนตรงหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
   
“อยากไปร้านไหนเป็นพิเศษรึเปล่า?”
   
“ไม่”
   
พอตอบไปอย่างนั้น เพลิงก็ยกมือสัมผัสริมฝีปากตัวเองอย่างครุ่นคิด พอนึกอะไรได้ เขาก็เริ่มดึงให้ผมออกก้าวเดินตาม
   
“ไปร้านอาหารฝรั่งเศสแถวโรงแรมที่นายทำงานแล้วกัน ชอบพาสต้าที่นั่นนี่” อีกฝ่ายเอ่ยพลางเดินนำไปเรียกรถ
   
สองเท้าก้าวเดินตามอย่างว่าง่าย ผมไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใครในลักษณะนี้มาก่อน ความสัมพันธ์ที่บางครั้งก็ทำให้รู้สึกไม่คุ้นชิน บางครั้งก็ทำให้หวาดกลัวว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ กลัวว่าเขาจะเบื่อ กลัวว่าจะทำอะไรไม่ถูกใจ กลัวว่าจะถูกเขา เกลียด อย่างที่เคยเป็นมา
   
แต่น่าแปลกที่ทุกครั้ง ความหวาดกลัวเหล่านั้น ก็ได้ถูกทำให้หายวับไปด้วยความแน่วแน่มั่นคงของคนที่ได้ชื่อว่าเป็น คนรัก
   
ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับเพลิงหลายอย่าง แท้จริงแล้วเขาเป็นคนที่อบอุ่น แล้วก็ไม่ได้ขี้โมโหอย่างที่เคยแสดงออก เขาออกจะเป็นคนใจเย็นและมีเหตุผลมากกว่าผม บางครั้งก็ออกจะแสดงความเป็นห่วงมากเกินไปราวกับว่าผมเป็นเด็กเล็ก ถึงอย่างนั้นความเป็นห่วงเป็นใยที่ได้รับ ก็ทำให้ผมรู้สึกดีทุกครั้ง
   
และเมื่อได้เป็นฝ่ายได้รับ ก็อยากจะได้รับอีกเรื่อยๆ ราวกับว่าเสพติดความสุขที่ได้มาเสียแล้ว และเมื่อเป็นฝ่ายได้ให้ ก็อยากจะให้อีกไม่รู้จบ ราวกับว่าผมเสพติดการทำให้อีกฝ่ายมีความสุข
   
ไม่น่าเชื่อว่า ความรัก จะทำให้คนเรากลายเป็นได้ทั้งฝ่ายที่ให้ เป็นได้ทั้งฝ่ายที่ตักตวงในคราเดียวกัน
   
“เพราะนายไม่เอาร่มมา ก็ต้องทนเบียดกันในร่มนี่จนกว่าจะเรียกรถได้นั่นแหล่ะนะ” เขากางร่มคันใหญ่ออกไปด้วย ก่อนจะดึงผมให้เข้าไปอยู่ใต้ร่มด้วยกัน
   
“ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่”
   
แล้วผมก็คิดว่าร่มนี่ก็คันใหญ่มากพอสำหรับสองคนอยู่แล้ว
   
“จงใจไม่เอามางั้นสิ?”
   
“เปล่าสักหน่อย”
   
“เฮอะ หลงดีใจ นึกว่าจะอยากเบียดกันซะอีก”
   
“......”
   
พออีกฝ่ายแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ ก็ทำให้ใบหน้าร้อนผ่าว ไม่ว่ายังไงผมก็ยังไม่เคยชินกับความสัมพันธ์แบบนี้จริงๆ นั่นแหล่ะ
   
คงมีอีกหลายอย่างที่ผมต้องปรับตัว เหมือนกับที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับฤดูกาลที่แปรเปลี่ยนไปอยู่ตลอด จากแสงแดดอ่อนเป็นฝนตกปรอย จากอากาศร้อนเป็นอากาศเย็น คงมีบ้างที่จะรู้สึกว่าปรับตัวไม่ทัน หรือบางครั้งก็คงอยากจะติดอยู่ในฤดูที่ตัวเองชอบนานที่สุดเท่าที่จะนานได้
   
แต่ยังไงแล้ว ไม่ว่าฤดูกาลจะเปลี่ยนแปลงไปยังไง ปรอยฝนจะหมุนเวียนตกลงมาอีกกี่ครั้ง ผมก็ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป
   
เพราะว่าผม จะมีเขาคอยอยู่เคียงข้างในทุกๆ ฤดูกาล


.
.

เพลิงในวายุ
- อวสาน -



๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑



TALK: กรี๊ดดดด จบแล้วค่ะทุกคน >< ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้มาตลอด และขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นต์นะคะ อาจจะไม่สามารถบอกชื่อคนอ่านทุกคนได้ แต่รับรองว่าได้อ่านทุกคอมเม้นต์แน่นอนค่ะ^^

เรื่องนี้ลงไว้หนึ่งปีกว่าๆ กว่าจะลงมาจนจบได้ก็หอบหืดเหมือนกันค่ะ คนอ่านเองก็คงอึดอัดเวลาอ่าน แต่สุดท้ายก็จบแล้วเนอะ >< มีคอมเม้นต์พูดถึงอนาคตของเพลิงกับวาหลังเรียนจบ คนแต่งเองก็มีคิดๆไว้เหมือนกันนะคะ แต่ยังไม่มีพลอตไว้เขียน อาจจะแต่งเป็นตอนพิเศษในตอนเรียนจบมาให้ทุกคนได้อ่านกันนะคะ ซึ่งคนเขียนเองก็คาดหนทางหลังเรียนจบของทั้งคู่ไว้ว่า อย่างวาก็คงจะเป็นนักดนตรีหรือครูสอนดนตรี ส่วนเพลิงจะทำอะไรได้นอกจากสอบเป็นข้าราชการ 55555 นี่คือที่เราจินตนาการไว้ค่ะ เพลิงที่เป็นข้าราชการ ตกดึกก็มารับแฟนที่เล่นเปียโนที่โรงแรมอะไรแบบนี้ โรแมนติกน่าดูค่ะ แต่ในสายตาคนรอบข้าง คงมองว่าขี้หวงชะมัดเลยแน่นอน

ถ้ามีโอกาส จะแต่งตอนพิเศษมานะคะ สำหรับเรื่องต่อไป คนเขียนจะไปเขียนเรื่องที่ค้างไว้ อย่างดวงใจรัตติกาลค่ะ (โฆษณางานอื่นซะได้) เรื่องนั้นแตกต่างจากเพลิงในวายุมากๆ เป็นแนวย้อนยุคไทย และขำขันเล็กน้อยค่ะ ไม่เครียดเท่าเพลิงกับวา หากสนใจแวะไปอ่านได้นะคะ

ขอกลับมาขายของเพลิงกับวายุต่อ
เรื่องนี้จะมีรวมเล่มกับสนพ.วันเดอร์วาย แอบเอาหน้าปกมาให้ดูค่ะ หน้าปกอันนี้คนเขียนชอบมากๆเลย มันละมุน แต่แฝงความดราม่าไว้ ซึ่งคิดว่าเข้ากับเรื่องมาก ยังไงใครสนใจ ฝากหนังสือแบบรูปเล่มด้วยนะคะ มีตอนพิเศษอยู่อย่างน้อย2-3ตอนค่ะ



แล้วพบกันใหม่ในโอกาสหน้านะคะ ^^
ขอบคุณทุกคนมากค่ะ

รัก
Yochan
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-08-2016 12:12:46 โดย yochan »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
 :pig4: คุณเขียดที่สร้างสรรค์งานมาให้อ่านกันนะคะ

เชื่อว่าวายุจัชอบความขี้หวงของเพลิงแน่นอน



ออฟไลน์ ROCKLOBSTER

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-4

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ตอนส่งท้าย ละมุม มากๆๆๆๆ

ขอบคุณคนเขียนจ้ะ

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
_ชอบมากๆค่ะ จบแล้ววววว...รอตอนพิเศษค่ะ

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

สนใจหนังสือมากๆค่ะ ซื้อแน่นอน
ปกสวยจริงๆ บทส่งท้ายมีความน่ารักดีค่ะ
ช่วงเวลาหลังเลิกงานที่คนเขียนบอกก็ดูโรแมนซ์

ติดใจเล็กๆตรงที่ว่า คืนนั้นได้เคลียร์กันรู้เรื่องแล้วรึยัง?
เข้ากันกันแล้วใช่มั่ยว่าที่ผ่านมาอะไรเป็นอะไร?
หรือว่าจบแค่ตรงที่เพลิงพูดว่าจะไม่ปล่อยวาไปแล้วก็เลิกคุย

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
รูปสวยอถ :hao7: :katai2-1:

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ...  นานๆจะได้อ่านนิยายแนวนี้สักที หน่วงเกือบทั้งเรื่องเลยอ่ะค่ะ ยังดีที่จบแฮปปี้

ออฟไลน์ neno.jann

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เสียใจที่มาเจอเรื่องนี้ตอนที่จบแล้ว ฮือออ สนุกมากเลยค่ะ มันเหมือนจะหน่วงก็ไม่หน่วงซะทีเดียว และห่างไกลคำว่าหวาน 5555 อ่านแล้วอยากหยิกปากพระเอกจริงๆ อะไรมันจะจิกกัดได้ตลอดแบบนี้ น่าให้วายุบีบปากสั่งสอน  :z3: จะมีตอนพิเศษหวานๆมั้ยคะ คนแต่ง  :hao7:  :กอด1:

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คนประเภทวายุเป็นคนที่คนอื่นมักจะตัดสินไปก่อนว่าไม่ดีไปแล้วจริงๆ ด้วยหลายสาเหตุที่แน่คืออิจฉา เพราะยิ่งดูดีด้วยแล้ว เราเคยเจอคนแบบวายุมาครั้งนึง ทุกคนต่างพูดว่าเค้าหยิ่งไม่ดี ทั้งๆที่ไม่มีใครรู้จักเค้าจริงๆ เลยซักคน เรายังเคยแอบมองเค้าเลยเพราะเค้าทั้งงดงามและสง่างามมากๆ  555 ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆคับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด