Ominous Bird นกบอกลาง [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ควรจะมีภาคต่อไหม ?

มีก็ดี :D
34 (82.9%)
ไม่มี จบแค่นี้ก็ฟินแล้ว ~
3 (7.3%)
มีก็ได้ไม่มีก็เฉยๆ
4 (9.8%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 41

ผู้เขียน หัวข้อ: Ominous Bird นกบอกลาง [จบแล้ว]  (อ่าน 68871 ครั้ง)

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Ominous Bird นกบอกลาง [จบแล้ว]
« เมื่อ29-03-2015 22:03:37 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

--------
พลอตนี้ได้มาจากตอนดูโตเกียวกูลแล้วชอบหน้ากากที่คล้ายอีกา 5555

ถ้าได้แต่งคงน่าสนุกดี  :katai2-1:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2017 16:54:37 โดย Foggy Time »

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง : ตอนที่ 1 29 มี.ค. 58
«ตอบ #1 เมื่อ29-03-2015 22:06:50 »

ก่อนที่จะพบความตายของใครบางคน
   
มักจะมีลางบอกเหตุมาก่อนเสมอ
   
ซึ่งนั่นก็คืองานของผู้ส่งสาร

   .............................

   ในโลกใบนี้มีดินแดนอยู่หลายดินแดนซึ่งหลักๆ ก็จะแบ่งได้ตามนี้เริ่มจากแดนมนุษย์ดินแดนที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาสนุกสนาน แดนที่สองเป็นดินแดนแห่งชาวภูตดินแดนนี้ค่อนข้างจะรักความสันโดษโดยไม่สุงสิงกับดินแดนอื่นเลยถ้าไม่จำเป็นอีกทั้งยังมีกำแพงไม้เลื้อยสีดำขนาดยักษ์ล้อมรอบอาณาจักรไว้อีกเชื่อกันว่าราชาแห่งภูตเมื่อพันปีก่อนเป็นคนเสกมันขึ้นมา ส่วนดินแดนสุดท้ายเป็นดินแดนที่แม้จะเปิดกว้างให้ใครต่อใครได้เข้าไปแต่ก็น้อยคนนักที่จะเข้าไปสุงสิงกับดินแดนนี้ซึ่งนั้นก็คือดินแดนปีศาจ ส่วนดินแดนอื่นๆ นั้นไม่เป็นที่แน่ชัดนัก
   
เมื่อมีการเกิดย่อมมีการตายซึ่งนั้นก็ก่อให้เกิดการแจ้งเตือนก่อนที่ความตายจะมาเยือนจะเรียกว่ามันเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของผู้สร้างโลกใบนี้ก็ว่าได้ที่ได้สร้างสิ่งมีชีวิตสำหรับการแจ้งลางบอกเหตุไว้ ซึ่งสัตว์ที่ใช้แจ้งลางบอกเหตุนั้นส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นนกโดยทั้งสิ้น โดยจะมีอีกา นกแสก นกบิตเทิร์น (ตระกูลนกกระสา นกกระยาง) นกคุกคู แจ็คดอว์(ตระกูลอีกา) นกเขา เหยี่ยว นกราเฟ่น(นกขนาดใหญ่ตระกูลอีกา)  นกโรบิน(นกเล็ก สีน้ำตาล หน้าอกสีแดง) เป็นต้น
   
โดยนกทั้งหลายเหล่านี้จะอาศัยอยู่ในดินแดนลึกลับที่ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ใดนอกจากพวกมันเอง การคงอยู่ของนกเหล่านี้นั้นในดินแดนต่างๆ นั้นกลับมองว่าเป็นสิ่งนำพาความชั่วร้ายมาที่บ้านทำให้ในแต่ละดินแดนมักจะทำร้ายนกเหล่านี้อยู่เสมอ นกพวกนี้จึงต้องมีการจัดระดับขึ้นมา โดยใช้ตราขนนกบอกระดับของแต่ละตัว สีทองคือระดับสูงสุด ตามด้วยสีเงิน สีทองแดง สีเทา และสีดำ ซึ่งเมื่อต้องมีการแจ้งลางบอกเหตุก็จะไปตามระดับความอันตรายของที่ๆ ที่จะไป
   
นอกจากนี้เวลาที่นกบอกเหตุพวกนี้จัดระดับกันนั้นจะใช้เป็นการประลอง ทำตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย อะไรต่างๆ ซึ่งหากผู้ใดก็ตามเป็นผู้ที่แข่งแกร่งที่สุดย่อมเป็นราชาของนกทั้งมวล ในตอนนี้เป็นของอีกา โดยตำแหน่งราชานั้นจะมีการคัดเลือกใหม่ทุกครั้งที่ราชาสละบัลลังก์ไม่นับว่าทายาทจะได้เป็นราชา
   
แม้ว่าทายาทที่ว่าจะแข็งแกร่งกว่าผู้เป็นพ่อก็ตาม !

   “ สถานที่ที่เจ้าจะไปในวันนี้คือบ้านของเจ้าแห่งดินแดนปีศาจ จงไปแสดงตัวและขับขานเสียงของเจ้าซะ ” เสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงของอะไรสักอย่างที่บอกไม่ได้ เป็นเสียงที่ฟังแล้วน่าขนลุกอยู่ในที

   “ ครับ ”  ข้าพยักหน้าน้อยๆ กับต้นไม้ตรงหน้าต้นกำเนิดเสียงที่ว่ามาจากต้นไม้ต้นนี้นั่นเอง เสียงมาจากในโพรงไม้ที่มืดสนิทเหมือนกับน้ำหมึกที่แสงไม่สามารถลอดผ่านไปได้อีกทั้งยังแผ่รังสีดำๆ ขมุกขมัวออกมาอีกเหมือนเตือนอยู่ลางๆ ว่าอย่าได้คิดจะเอื้อมมือเข้าไปเด็ดขาด

   “ ดีมาก ทายาทแห่งราชา ” เสียงน่าขนลุกเอ่ยอีกครั้ง “ จงระวังตัวไว้ให้ได้ เจ้าแห่งดินแดนปีศาจนั้นอันตราย ”
   ข้าไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพราะรู้ถึงข้อเท็จจริงนั่นดีชื่อเสียงของเจ้าปีศาจนั้นคือความเก่งกาจของเจ้าตัวเป็นปีศาจที่สามารถทำลายกำแพงไม้เลื้อยของดินแดนภูตได้ด้วยการเตะเบาๆ  สามารถโจมตีทัพอสูรปีศาจที่คุ้มคลั่งด้วยตัวคนเดียว แต่นั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับทายาทแห่งอีกาเท่าใดนัก เพราะหน้าที่ของข้าคือเพียงบอกเหตุร้ายเพียงเท่านั้น
   
ข้าเอ่ยพึมพำเสียงเบาเพื่อเรียกเวทเคลื่อนย้ายเมื่อเอ่ยจบวงเวทก็ปรากฏขึ้นโดยขั้นตอนดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้นและมันก็ได้นำพาข้าไปยังดินแดนปีศาจทันที โดยทิ้งสายตาตื่นตกใจปนชื่นชมของเหล่านกบอกเหตุทั้งหลายที่อยู่บริเวณนั้น วงเวทของทายาทแห่งอีกานั้นแม้จะมองไกลๆ ก็รู้สึกพลังอันน่าหวั่นเกรง แต่ถ้าหากมองใกล้ๆ ก็จะเห็นถึงความสลับซับซ้อนที่แฝงไปด้วยความสวยงามของวงเวทซึ่งตรงกลางนั้นเป็นรูปอีกาสยายปีกอย่างสง่างามคล้ายกับเจ้าของวงเวท
   
ข้ามาถึงดินแดนปีศาจด้วยเวลาเพียงชั่วพริบตา ตอนนี้ข้ากำลังยืนอยู่บนหน้าผาที่บริเวณรอบๆ นั้นแห้งแล้งมากซึ่งน่าจะมาจากน้ำฝนที่ตกบริเวณนี้มีน้อยมากเกินไป แต่ถึงแม้บริเวณนี้จะแห้งแล้งแต่กลับเป็นที่ๆ สามารถมองคฤหาสน์ของเจ้าปีศาจได้ถนัดนัก วงเวทเคลื่อนย้ายของนกลางบอกเหตุจะนำพาไปที่ๆ มองเห็นเป้าหมายชัดที่สุด ซึ่งเป้าหมายของข้าในตอนนี้ก็ปรากฏชัดเจนในสายตา

   ร่างกาย หยาดเลือด วิญญาณ ของผู้ส่งสารจงปรากฎ !
   
ฉับพลันร่างกายของทายาทอีกาก็เกิดความเปลี่ยนแปลง ร่างเดิมที่ตอนแรกนั้นเป็นร่างมนุษย์ค่อยๆ ตัวเล็กลงกลายเป็นอีกาสีดำทมิฬตัวขนาดย่อม ผู้ส่งสารกางปีกและส่งเสียงกังวานแล้วจึงบินไปยังจุดหมาย
   
หมู่ปีศาจที่ได้ยินเสียงอีกากังวานต่างพากันเงยหน้าขึ้นฟ้าหาต้นกำเนิดเสียงอย่างหวั่นเกรงว่าจะเป็นบ้านของตนเอง อีกานั้นไม่ใช่สัตว์ของดินแดนปีศาจการมาของมันมักจะมีการสูญเสียเสมอ เสียงอีกานั้นยังคงดังกังวานถึงแม้จะไม่เห็นต้นกำเนิดก็ตาม
   
ข้าส่งเสียงกังวานขณะที่บิน ในตอนนี้ข้าบินอยู่สูงในระดับเมฆทำให้ปีศาจที่ขับไล่นกบอกลางหาตัวข้าไม่เจอ ในปกตินั้นนกบอกลางจะบินในระดับที่ต่ำกว่าข้ามากแต่นั้นก็ต้องเป็นดินแดนมนุษย์เท่านั้น ข้าที่เป็นระดับขนนกทองต้องบินในระดับที่ผู้ประสงค์ร้ายไม่อาจมองเห็นเท่านั้น เพราะที่นี่คือดินแดนปีศาจ ปีศาจแต่ละตัวล้วนมีพลังเวทย์และพละกำลังที่น่าหวั่นเกรง ถ้าหากนกที่ระดับขนนกต่ำกว่าทองมาที่นี้อาจจะเป็นการเสี่ยงเกินไป
   
ใช้เวลาชั่วครู่ก็พาข้ามาถึงคฤหาสน์ของเจ้าปีศาจ ข้าไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้สูญเสียแต่หน้าที่ของข้าคือการมาร้องขับขานเท่านั้น ข้าค่อยๆ บินร่อนลดระดับลงมา และเกาะอยู่บนที่สูงสุดของคฤหาสน์ที่เป็นรูปดาวหกแฉก ข้าส่งเสียงกังวานอีกครั้งและอีกครั้ง หน้าที่ของข้าจะหมดลงเมื่อใกล้ย่ำรุ่ง ซึ่งในตอนนี้เวลาเพียงเที่ยงคืนเท่านั้น ดวงจันทร์ยังคงคั่งค้างอยู่บนฟากฟ้าส่งแสงนวลของมันจนกว่าดวงอาทิตย์จะมากลบมัน
   
ถึงแม้หน้าที่ของข้าจะดูไม่ยากแต่ข้าก็ไม่ได้ลดความระมัดระวังลงเลย ข้ากวาดสายตาไปรอบๆ เรียกได้ว่าแทบจะตลอดเวลา เสียงของข้านั้นยังคงดังกังวานทั่วคฤหาสน์หรือไม่ก็ไกลกว่านั้น เคยมีคนบอกข้าว่าเสียงร้องของข้านั้นดังกังวานไปไกลมากแม้จะไม่ได้ใช้เวทเสริมอะไรก็ตาม ข้าไม่จำเป็นต้องปรากฏตัวให้เห็นเพราะแค่เสียงของข้าก็น่าจะบอกการคงอยู่ของข้าได้เป็นอย่างดี
   
“ วันนี้เจ้ามาเกาะบ้านข้าทำไม เจ้าอีกา ” เสียงทุ้มลึกที่บ่งบอกอารมณ์ได้ยากดังขึ้นมาจากด้านหลังของข้าอย่างกะทะหันแต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ข้าบินหนีแต่อย่างใดเพียงแค่หันไปสบตากับเจ้าของเสียง
   
เป็นตามที่ข้าคาดว่า เจ้าแห่งดินแดนปีศาจได้ปรากฏตัวแล้ว ข้ามองเจ้าแห่งดินแดนปีศาจนิ่งๆ และหยุดการขับขาน ข้าไม่รู้ว่าเจ้าแห่งปีศาจจะทำอะไรข้าจึงเพียงอยู่นิ่งๆ เท่านั้น
   
“ เจ้าอีกาไม่ได้ยินที่ข้าพูดเหรอ ?  ” เสียงของเจ้าดินแดนปีศาจดูเย็นเยียบมากขึ้น แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ข้าหวั่นเกรงแต่อย่างใด ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถเอาตัวรอดได้
   
กา กา กา ข้าส่งเสียงกังวานต่อไปแต่สายตาก็คงยังหยุดนิ่งกับเจ้าแห่งดินแดนที่ข้าอยู่ตอนนี้

   “ ได้ ถ้าเจ้าไม่ตอบข้าก็จะบังคับให้เจ้าตอบเอง ! ” เจ้าแห่งปีศาจกระโจนเข้ามาหาข้าในชั่วพริบตา แต่ข้านั้นว่องไวยิ่งกว่าสามารถบินหนีไปเกาะอีกฝั่ง ข้าแสร้งไซร้ปีกเล็กน้อยเชิงว่าข้าไมได้เคี้ยวง่ายขนาดนั้น

   “ หึ เก่งจริงก็รอดจากเวทของข้าให้ได้แล้วกัน ” พูดจบเวทสีดำของเจ้าแห่งปีศาจก็พุ่งมาทางข้า ข้าท่องเวทในใจอย่างรัวและเร็วเพื่อรับการโจมตีของเจ้าปีศาจ ในขณะที่เวทสีดำของเจ้าปีศาจพุ่งล้อมรอบตัวข้าปิดทางหนี เวทของข้าก็ทำหน้าที่คุ้มกันผู้เป็นนายในทันที เวทของเจ้าปีศาจเมื่อชนกับเวทของข้าก็สะท้อนออกไปเหมือนกระจกที่สะท้อนแสง

   เจ้าแห่งปีศาจเลิกคิ้วน้อยๆ คล้ายกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย “ ไม่ใช่เล่นนี่เจ้าอีกา แต่ถ้าเจ้าเจอนี้ล่ะ ! ” ว่าจบก็หยิบขวดแก้วเล็กที่บรรจุน้ำสีอำพันสาดใส่ข้าทันที ข้าที่ไม่ทันตั้งตัวเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใช้น้ำในการโจมตีจึงโดนเข้าเต็มๆ

   ข้าหลับตาเตรียมรับความเจ็บปวดที่จะได้รับแต่ก็ต้องประลาดใจที่ไม่ได้รู้สึกบาดเจ็บใดๆ เลย แต่ร่างกายของข้ากลับกำลังกลายเป็นมนุษย์อีกา ในปกติพวกนกบอกลางจะไม่นิยมใช้ร่างนี้นักเพราะค่อนข้างเทอะทะเวลาจะทำอะไร ร่างๆ นี้จะใช้เฉพาะเวลาต่อสู้เท่านั้น ! 

   ปีกสีดำสนิทค่อยๆ งอกออกมาจากหลังผู้บอกลาง หน้ากากอีกาที่เช่นกันค่อยๆ งอกออกมาปิดบังใบหน้าส่วนบนและมีจะงอยปากยื่นออกไป ชุดสีดำสนิทที่มีสีทองแซมบอกถึงฐานะของผู้ส่งสารซึ่งสีของสิ่งที่กล่าวไปนั้นตัดกับสีผิวขาวสว่าง ปีกนั้นเหยียดกางออกคล้ายกับคลายความเมื่อยแล้วพับเก็บดังเดิม

   “ ใช้ได้เลยนี่หว่า เจ้าอีกา ” เจ้าแห่งดินแดนปีศาจเป่าปากอย่างอารมณ์ดีผิดกับเมื่อกี้โดยสิ้นเชิงแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ข้าคลายความระมัดระวังตัวลง

   “ ต้องการอะไร เจ้าแห่งปีศาจ ” ข้าถามเสียงเรียบ เขาไม่เข้าใจว่าจะให้เขาปรากฏร่างมนุษย์อีกาทำไม อีกฝ่ายน่าจะรู้อยู่แล้วว่าเขาคือนกบอกลางที่สมควรตาย

   “ ข้าแค่อยากจับนกมาเลี้ยงเล่นสักตัวเท่านั้น เสียแต่ว่าดินแดนแห่งนี้มันมีแต่ปีศาจนก ” เจ้าแห่งปีศาจยักไหล่ตอบ
   
“ ข้าไม่ใช่สัตว์เลี้ยง เจ้าแห่งปีศาจ ” ข้ามองด้วยสายตาเย็นชา คิดจะจับเขาที่เป็นถึงทายาทอีกาเป็นสัตว์เลี้ยง ตลกร้ายจริง

   “ แค่ชั่วคราวเท่านั้นเจ้าอีกา ข้าแค่อยากรู้ว่าอีกาบอกลางต่างจากนกตัวอื่นยังไง ”

   “ ข้าขอปฏิเสธ ” เลือดขัตติยะนั้นไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของใครทั้งนั้น
   
เจ้าแห่งปีศาจยกยิ้มที่ดูน่าขนลุกอยู่ในที ทำให้ข้าระมัดระวังตัวมากขึ้นเป็นเท่าตัว แต่กว่าจะรู้ทัน ก็ถูกกรงสีดำทมิฬขังในชั่วพริบ
ตา ฝีมือของเจ้าแห่งปีศาจไม่ใช่คำพูดลอยๆ ของใครบางคน มันเป็นเรื่องจริง

   แต่นั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องหวั่นเกรง !

---------

เจอกันก็จับแล้วเหรอ  :z13:
   
   
   

   

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 2 30 มี.ค. 58
«ตอบ #2 เมื่อ30-03-2015 21:22:49 »

-- ตอนที่ 2 --

ข้ากระพือปีกแรงๆ พร้อมอัดพลังเวทเข้าไปด้วยทำให้กรงขังสีดำทมิฬแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ และค่อยๆ จางหายไป  ด้วยอารมณ์หงุดหงิดทำให้พลังของข้าดูรุนแรงกว่าปกติที่เป็น

   “  ไม่ใช่ย่อยนะเจ้าอีกา ” เจ้าแห่งปีศาจยังคงยิ้ม “ แบบนี้สิถึงจะเหมาะกับการเป็นสัตว์เลี้ยงของข้านะ ฟาร์คัส ” เสียงนั้นดูหยอกเย้าน้อยๆ
   
“ เกรงว่านั่นจะดูเป็นการล่วงเกินข้าเกินไป คาร์บิลัส ราชาแห่งปีศาจ ” ข้าแค่นเสียงตอบด้วยอารมณ์รุนแรง ทายาทแห่งอีกายังคงหงุดหงิดเพราะราชาปีศาจจ้องแต่จะจับเป็นสัตว์เลี้ยง ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายรู้แท้ๆ ว่าตนนั้นเป็นใคร

ผู้ที่เป็นถึงราชาปีศาจย่อมรู้จักสิ่งต่างๆ ในโลกกว่าผู้อื่น ต่อให้ดินแดนที่ว่านั้นจะลึกลับมากก็ตาม แต่นั้นก็ไม่ได้เกิดขอบเขตการสืบค้นของราชาปีศาจนัก ดีไม่ดีอาจจะรู้จักดินแดนทั้งหมดในโลกนี้ด้วยซ้ำ แต่ราชาปีศาจที่รู้จักฐานะของข้าดีกลับมาหยอกเล่นยังกับเขาเป็นเด็กก็ไม่ปาน เมื่อคิดถึงจุดนี้บรรยากาศรอบตัวของผู้ส่งสารดูทะมึนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

   “ ใจเย็นๆ น่าผู้ส่งสารของข้า ข้าแค่หยอกนิดหน่อยเอง ” ราชาปีศาจหัวเราะเบาๆ

   “ ข้าไม่ตลกด้วย ขออภัย ” บรรยากาศรอบกายของข้ายังคงอึมครึม “ ถ้าท่านไม่มีธุระอะไร ข้อขอตัว ” ข้ากล่าวลาสั้นๆ และตัดสินใจคืนร่างอีกาดังเดิม

   คืนร่างไมได้ ? ข้าเบิกตาน้อยๆ

   “ เกรงว่าข้าจะปล่อยสัตว์เลี้ยงของข้าหนีไปได้ง่ายๆ ไมได้หรอกนะ ฟาร์คัส ” ร่างของราชาปีศาจที่เดิมทีอยู่อีกฝั่งของข้าตอนนี้กลับโผล่มาข้างหน้าในพริบตา จนข้าเผลอสะดุ้งร่ายเวทโจมตีฉับพลันไป แต่ก็ไม่มีผลอะไรต่อราชาปีศาจแม้แต่น้อย

   นี้เป็นเวทป้องกันตัวที่ข้าภาคภูมิใจที่สุดเลยนะ

   ในเมื่อเวทไม่มีผลอะไรต่อราชาปีศาจ ข้าก็ตัดสินใจกระพือปีกแรงๆ ใส่พร้อมอัดเวทเหมือนเมื่อกี้ที่กรงได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ซึ่งข้าก็กระทำมันพร้อมกับบินหนีไปอีกฟากด้วย

   “ กา !!!! ” ข้าเผลอร้องเสียงดังเมื่อมือของราชาปีศาจได้กระชากข้อเท้าข้าลงมากองที่พื้น ปีกสีดำทมิฬที่เตรียมจะกางเพื่อโผบินหนีอีกครั้งกลับโดนราชาปีศาจเหยียบเอาไว้จนขยับไม่ได้

   “ ฟาร์คัสของข้า อย่าพึ่งหนีไปสิ ” ขณะที่พูดราชาปีศ่าจก็ได้วาดมือไปมาในอากาศข้าที่เห็นเวทนั้นก็เบิกตากว้าง
   
เวทตีตรา !!!

ผู้ที่โดนตีตราไว้จะกลายเป็นของผู้ใช้เวททันที ผู้ใช้เวทสามารถรับรู้ว่าผู้ที่โดนตีตราอยู่ที่ใด ทำอะไรอยู่ อีกทั้งยังสามารถบังคับให้ทำสิ่งต่างๆ ได้ตามใจชอบอีกด้วย เสียแต่ว่าผู้ที่จะใช้เวทนี้ได้ต้องมีเวทมากกว่าผู้ที่โดนตีตรา  ซึ่งนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรของราชาปีศาจที่พลังเวทล้นเหลือ

ข้าดิ้นรนสุดชีวิตท่องเวทยาวเหยียดด้วยความเร็วเพียงอึดใจเดียวแต่นั้นก็ช้าสำหรับผู้ส่งสารอยู่ดี เมื่อร่ายจบร่างกายของข้าก็รู้สึกร้อนวูบขึ้นมาและค่อยๆ ตัวเล็กลงเรื่อยๆ จนเท้าของราชาปีศาจที่เหยียบอยู่ไม่สามารถเหยียบได้เพราะปีกที่สยายกางได้เล็กเกินกว่าที่จะเหยียบได้ เมื่อหลุดออกมาได้ข้าก็ร่ายเวทเคลื่อนกลับทันที

 ทุกอย่างใช้เวลาไม่ถึงสามวินาทีทำให้ราชาปีศาจตั้งตัวไม่ทันจึงได้แต่ขมวดคิ้วเมื่อร่างของผู้ส่งสารได้หายไปจากคลองจักษุเสียแล้ว ราชาปีศาจยักไหล่น้อยๆ อย่างเซ็งๆ ผู้ที่เป็นถึงทายาทของราชาผู้ส่งสารย่อมมีฝีมือไม่ธรรมดาอยู่แล้ว สามารถต้านเวทพื้นฐานของเขาโดยไม่หอบหรือเหนื่อยแม้แต่น้อยอีกทั้งยังส่งสายตาเย่อหยิ่งนั้นมาอีก แต่นั้นก็ทำให้เขายิ่งอยากลองจับมา เขาอยากเห็นร่างเย่อหยิ่งร่างนั้นพ่ายแพ้หมดรูปชะมัด

แต่ยังไงก็ตาม เวทตีตรานั้นก็ใช้ได้ผลแม้จะไม่สมบูรณ์ก็ตาม

ราชาปีศาจเหยียดยิ้มท่ามกลางความเงียบและมืดสนิทไร้ร่างและเสียงของอีกา

เมื่อวงเวทเคลื่อนกลับปรากฎอีกครั้งก็ปรากฎร่างที่พึ่งหนีมาเช่นกัน ร่างของผู้ส่งสารทิ้งตัวลงบนเตียงซึ่งนั้นก็ไม่ได้ทำให้เตียงยุบเลยแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้เจ้าของร่างมีตัวไม่ได้ขนาดใหญ่ไปกว่าผีเสื้อเลย แต่เวลาเพียงชั่วครู่ร่างนั้นก็ค่อยๆ กลับขนาดเท่าดังเดิม แต่สิ่งที่ผิดแผกบนร่างกายคือรูปดาวหกแฉกสีดำสนิทที่ดูจางๆ กว่าปกติจนแทบเลือนไปกับผิว

ตราประทับแสดงความเป็นเจ้าของของคาร์บิลัส แต่ผู้ส่งสารหาได้รู้ตัวไม่ หลังจากหนีออกมาได้ก็สลบไปทันที การขัดขืนและหนีมาได้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ สำหรับทายาทแห่งอีกา มันค่อนข้างกินแรงพอสมควร พลังเวทจำนวนขนาดไหนที่สามารถต้านทานพลังของราชาปีศาจได้ ?  มหาศาลคือคำตอบนั้น ถ้าเป็นนกระดับที่น้อยกว่าขนนกทองไม่สิถ้าไม่ใช่ฟาร์คัสคงไม่สามารถต้านทานพลังของราชาปีศาจได้ถึงเพียงนี้

ในขณะที่ทายาทแห่งอีกาหลับก็ยังคงเผลอขบกรามน้อยๆ อย่างเจ็บใจที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนทั้งๆ ที่ยังปฏิบัติภารกิจได้ไม่ถึงยามย่ำรุ่งด้วยซ้ำ

...   

รุ่งเช้าทายาทแห่งอีกาเดินออกจากห้องด้วยท่าทีที่เหนื่อยอ่อนเล็กน้อยแต่ก็ยากที่จะสังเกตอยู่ดี เมื่อเจ้าตัวตั้งใจกลบความเหนื่อยล้านั้นด้วยท่าทางปกติ ทั้งๆ ที่อยากนอนต่ออีกสักวันสองวัน แต่ก็อาจเป็นที่ผิดสังเกตได้

ข้าไม่ชอบสายตาดูถูกของคนอื่น เมื่อเห็นท่าทีอ่อนแอของเขา แม้เรื่องนั้นจะผ่านมานานแต่เขาก็ยังจำได้ดี วันที่เขาเด็กๆ ไปส่งสารครั้งแรกที่บ้านมนุษย์แต่กลับโดนไล่ทำร้ายจนแทบปางตายกลับมาที่นี้ จากพวกนกขุนนางพวกนั้นแม้ต่อหน้าจะปฏิบัติต่อเขาอย่างดี แต่ลับหลังกลับเอาเรื่องนี้ไปพูดต่อจนกลายเป็นเรื่องขบขันในวงเหล้า เมื่อทายาทของราชากลับปางตายเพียงแค่ไปแดนมนุษย์ ข้าไม่บอกเรื่องนี้กลับใคร แม้แต่ท่านพ่อก็ตาม

   ฉะนั้นแทนที่จะไปโกรธเคืองเรื่องนี้ทายาทแห่งอีกาเลือกที่จะฝึกฝนตนเองจนแกร่งกล้าเพื่อลบความสบประมาทในอดีตออกไป
“ หวัดดี ฟาร์คัส ” เสียงที่ดังขึ้นพร้อมการปรากฏตัวของบาร์ลิน ทายาทของนกแสกผู้เกรียงไกร บาร์ลินเก่งวิชาเชิงดาบผสานกับเวท บาร์ลินเป็นเพื่อนของเขามาตั้งแต่สมัยเด็กถึงขนาดแค่มองตาก็รู้ว่าข้าต้องการอะไร แต่ข้ากลับไม่ได้มองตาแล้วรู้ใจเหมือนบาร์ลิน น่าจะเพราะความเป็นช่างเอาใจใส่ของบาร์ลินทำให้เข้าใจข้าได้ดี

“ อืม ” ข้าเพียงพยักหน้าน้อยๆ ตอบรับ

“ หิวแล้วล่ะสิ เมื่อวานไปไกลถึงแดนปีศาจแน่ะ ” บาร์ลินเลิกคิ้วมองข้าอย่างรู้ทัน ทั้งๆ ที่ข้าไม่ได้กล่าวอะไรออกไปสักคำที่เกี่ยวกับอาหาร ข้าพยักหน้าน้อยๆ เชิงว่าตามนั้น

“ โอเคงั้นไปกินข้าวกันเถอะ ตอนแรกข้าว่าจะไปเอาภารกิจก่อน แต่ก็นะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง ! ” บาร์ลินพูดด้วยความคึกคักแม้ว่าข้าจะไม่คึกคักด้วยก็ตาม จะว่าบ้าก็คงไม่ใช่น่าจะเพราว่าอีกฝ่ายชินนิสัยของข้าแล้วซะมากกว่า

“ เออ ฟาร์คัสจะเข้าร่วมพิธีประลองไหม ”  พิธีประลองที่ว่าคือการต่อสู้วัดระดับเปลี่ยนขนนกนั่นเอง เขาที่เป็นขนนกทองมีสิทธิเลือกที่จะลงหรือไม่ลง ต่างจากระดับอื่นที่ต้องลงเท่านั้นเพื่อวัดระดับขนนก ถ้าพวกขนนกทองลงน่าจะเป็นการประลองเชิงฝีมือซะมากกว่า พวกวัดระดับจะมีพวกนกขุนนางแก่ๆ ตัดสินอยู่แล้ว

“ ลงสิ ” เขาอยากแสดงฝีมือให้คนอื่นเห็นก่อนที่จะมีการสละบัลลังก์ขององค์ราชา

// แสดงฝีมืออะไรหรือ ฟาร์คัส //   

ข้าสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้นในหัว ข้าหันซ้ายขวาอย่างหวาดระแวงนี่มัน เสียงของเจ้าแห่งปีศาจ ! อย่าบอกนะว่าไอ้เวทตีตรานั้นใช้ได้ผล

“ เป็นอะไรไป ฟาร์คัส ” บาร์ลินเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงงที่จู่ๆ เห็นข้าแปลกไป

“ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ข้านึกว่าข้าเห็นหนอนน่ะ ” ข้าแก้ตัวด้วยเหตุผลสิ้นคิด

บาร์ลินหลุดยิ้มออกมากแล้วพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ  “ ไอ้นิสัยกลัวหนอนของเจ้านี่แก้ไม่หายจริงๆ ด้วย ไหนบอกข้าไงว่าเลิกกลัวแล้ว ”

// กลัวหนอนเหรอ งั้นข้าจะไม่ให้เจ้ากินหนอนเป็นอาหารแล้วกัน //

“ ใครกลัวกัน ! ข้าแค่ขยะแขยงก็เท่านั้น ” ถ้าหากบาร์ลินพูดข้าคงไม่พูดอะไรแต่หากเป็นเสียงในหัวละก็ข้าอดไม่ได้ที่จะเถียงออกไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวก็ปกติ

“ ขยะแขยงก็ขยะแขยง ฮะๆ ” บาร์ลินหัวเราะแห้งๆ เมื่อเห็นสีหน้าที่ฉุนเฉียวของข้า

ซึ่งนั่นก็ทำข้ารู้สึกผิดน้อยๆ ไม่ได้

// อ๋า ข้าขอโทษๆ เจ้าอย่าโกรธข้านะ //

“ แล้วเจ้าจะร่วมด้วยไหม ” ข้าไม่สนใจเสียงในหัวแล้วชวนบาร์ลินคุย ซึ่งบาร์ลินก็เป็นระดับขนนกสีทองเช่นเดียวกับข้า

“ ร่วมสิ ข้าต้องร่วมอยู่แล้ว ! ” บาร์ลินฉีกยิ้ม เขาเป็นคนที่ชอบการต่อสู้อยู่แล้ว ซึ่งนั่นทำให้บาร์ลินมักจะปรากฎตัวในสนามประลองต่างๆ อยู่เสมอ ในครั้งนี้ด้วยก็เช่นกัน

“ หึ ” ความจริงข้าไม่ต้องถามก็น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว

// ฟาร์คัส เจ้าจะเมินข้าไม่ได้นะ //

งั้นเจ้าก็ช่วยหุบปากแล้วถอนไว้เวทตีตรานี่ออกไปซะ !!

// ถ้าเจ้ายอมมาเป็นสัตว์เลี้ยงข้าก่อนแล้วค่อยจะลองคิดดู //

ข้าไม่สนใจเสียงไร้สาระในหัวนั่นและเลือกที่จะคุยสักเพเหระกับบาร์ลินแทนจนกระทั่งถึงห้องอาหารของระดับขนนกทอง ความจริงระดับขนนกสีทองนั้นสามารถจะกินที่ห้องหรือที่ไหนก็ได้เพราะยังไงก็มีสิทธิพิเศษอยู่แล้วแต่ข้าเลือกที่จะเดินมากินที่ห้องนี้มากกว่า ห้องระดับที่ต่ำลงไปข้าก็สามารถเข้าไปใช้บริการได้แต่มันก็พลุกพล่านกว่าหลายเท่านักอีกทั้งยังมีแต่สายตาน่ารำคาญนั่นอีก ฉะนั้นที่นี้เหมาะสำหรับข้าที่สุดแล้ว

ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ชอบสุงสิงกับใครแต่การออกมาพบปะผู้คนนั้นก็เป็นมารยาททางสังคมเช่นกัน นั่นก็เป็นอีกเหตุผลที่ข้าต้องออกมากินที่ห้องอาหาร ข้ากับบาร์ลินเลือกนั่งโต๊ะยาวโดยนั่งตรงข้ามกัน ในช่วงเวลานี้นกระดับขนนกทองตัวอื่นๆ ก็จะออกมากินข้าวเหมือนกัน และข้าคิดว่าวันนี้คงต้องมีเรื่องอะไรยกขึ้นมาคุยเป็นแน่ จึงเลือกโต๊ะยาวทั้งๆ ที่ปกตินั่งแต่โต๊ะที่นั่งได้เพียงสองคนเท่านั้น

เมื่อข้านั่งลงได้สักพักก็ปรากฎร่างของนกกระจิบตัวเล็กที่สวมริบบิ้นหูกระต่ายเป็นสีเหลือง ซึ่งไอ้สีที่ว่านี่จะเปลี่ยนตามอารมณ์ของมัน ซึ่งมักจะไม่เหมือนกันเลยในแต่ละวัน มันร้องจิ้บ จิ้บ วนไปวนมาสองสามรอบก็ปรากฎรูปจางๆ ของอาหารบนโต๊ะอาหาร ให้เลือก ข้าเลือกเมนูง่ายๆ อย่างธัญพืชกับนมมากิน อย่าเข้าใจผิดไป ถึงแม้ข้าจะเป็นนกบอกลางแต่ก็ยังกินอาหารคล้ายกับมนุษย์อยู่ดี ไม่ใช่หนอนดิบๆ ดิ้นได้ อันนั้นถึงแม้จะมีบางคนกินแต่ก็ไม่ใช่ข้าคนนึง

เวลาเพียงอึดใจเดียวก็ปรากฎอาหารที่ตอนแรกเป็นรูปจางๆ ตอนนี้ได้เป็นของจริงแล้ว ข้าตักกินด้วยอารมณ์ที่อ้อยอิ่ง ถ้าคนอื่นรู้ว่าข้าโดนเจ้าแห่งปีศาจตีตราไปแล้วจะเป็นยังไง ถึงแม้จะไม่เคยมีกรณีเช่นข้ามาก่อนแต่ข้าก็อดกลัวไม่ได้อยู่ดี กลัวว่าจะโดนคนอื่นขับไล่ออกจากบ้านของข้า พวกนกขุนนางพวกนั้นสามารถยกเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นข้ออ้างได้เสมอ ถ้าข้าโดนไล่ออกไปจริงๆ ข้าจะไปอยู่ที่ไหนกัน ?

// อย่าได้กลัวเลยฟาร์คัส ข้าย่อมไม่ให้ใครทำร้ายเจ้าอยู่แล้ว //

ข้าไม่ได้สะดุ้งกับเสียงในหัว เหอะ ต่อให้โดนขับไล่ออกจากที่นี้ ข้าก็ไม่ยอมออกไปง่ายๆ แน่ ความจริงที่ข้าชอบลงไปแสดงฝีมือก็เพียงแค่อยากให้พวกนกขุนนางแก่ๆ สะดุ้งเล่นก็เท่านั้น ไม่มีอะไรมากมาย ตำแหน่งราชาของท่านพ่อข้าไม่ได้อยากได้เท่าไหร่นักหรอก

ข้าก็แค่ไม่ชอบให้ใครมาดูถูกก็แค่นั้น

บาร์ลินเคยบอกว่าข้าเป็นจำพวกแค้นฝังลึก ข้าเดาว่ามันน่าจะไม่ผิดไปจากที่บาร์ลินพูดเลย เมื่อข้ายังจำฝังใจถึงขนาดนี้

// น่ากลัวจังแฮะ ฟาร์คัสเจ้าจะดูน่ากลัวอย่างนี้ไม่ได้นะ ”

ทำไมล่ะ ข้าถามในใจด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เรื่องที่ข้าต้องมานั่งทุกข์ก็เพราะวงเวทของเจ้านั่นแหละ

// มันจะไม่น่ารักน่ะสิ อ้อ ไอ้วงเวทของข้ามันไม่ค่อยสมบูรณ์เจ้าไม่ต้องคิดมาก มันเป็นเพียงแค่รอยจางๆ เท่านั้นมองแทบไม่เห็น ระวังอย่าให้โดนคำสาปหรือสิ่งด้านลบละ เพราะมันจะปรากฎจนเห็นได้ชัด อีกอย่างข่าวร้ายคือ วงเวทนี้ข้าแค่ได้ยินความคิดเจ้ากับคุยกับเจ้าได้เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องบังคับเจ้าอะไรนั่นทำไม่ได้ทั้งเพ //

นั่นเป็นข่าวดีของข้าต่างหาก ข้าเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย และดีดนิ้วเรียกนกกระจิบนั่นออกมาสั่งน้ำส้มกิน

// ใครใช้ให้เจ้าหนีไปก่อนล่ะ วงเวททีได้ถึงครึ่งๆ กลางๆ อย่างนั้น //

ถ้าเจ้าใช้สมองที่มีจำนวนน้อยนิดคิดสักหน่อยก็จะรู้ว่า ไม่มีใครอยากเป็นสัตว์เลี้ยงของใครหรอกนะ คาร์บิลัส

// แต่ข้าอยากเป็นเจ้านายเจ้านะ  //

นั่นมันเรื่องของเจ้า ข้าละความสนใจจากเสียงในหัวไปสนใจกับเสียงฝีเท้าแทน

“ มากันเช้าจริงนะ ฟาร์คัส บาร์ลิน ” เสียงทักทายดังมาจากรุ่นพี่ของข้าชื่อว่า โรซ์เวล เป็นรุ่นพี่ที่มีสายเลือดของเหยี่ยว เป็นคนรูปร่างสูงโปร่งมีผมสีขาวแต่ตรงปลายจะออกน้ำตาลนิดๆ ตาสีน้ำตาลเป็นประกายคมเวลาที่มองคนอื่น หากแต่เคลื่อนไหวได้เร็วมากอีกทั้งยังแบบโจมตีครั้งเดียวตาย  ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ขึ้นชื่อของรุ่นพี่จนมีคำพูดเล่นๆ จากพวกคนอื่นๆ ว่า “ ตบศัตรูเหมือนตบแมลงวัน ” อะไรทำนองนั้น  รุ่นพี่เป็นคนโดนจ้องจะรู้สึกกดดันน้อยๆ แต่ถ้าชินแล้วจะรู้ว่ารุ่นพี่เป็นคนที่ใจดีมาก

“ ก็มาปกติแบบนี้ทุกวัน ” ข้าตอบออกไปสั้นๆ  พลางจิบน้ำส้มไป

“ ฮะๆ สงสัยข้าจะมาสายเองนั่นแหละ ” รุ่นพี่ยิ้มบางๆ แล้วนั่งลงข้างๆ ผม

“ รุ่นพี่จะลงพิธีการประลองด้วยไหมครับ ? ” บาร์ลินถามอย่างกระตือรือร้นตามวิสัยของเจ้าตัว

“ คิดว่าไม่ดีกว่า พอดีว่าช่วงนั้นพี่ต้องไปแถบดินแดนปีศาจน่ะ ”

ข้าได้ยินถึงคำว่าดินแดนปีศาจ ก็อดรู้สึกขยาดไม่ได้เพราะการไปดินแดนนี้ถึงได้รอยประทับกลับเป็นของแถมนี่แหละ แต่ข้าก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

“ ไปทำไมเหรอครับ หรือว่าไปทำภารกิจ ? ” คนที่เอ่ยสิ่งที่ข้องใจของเขาก็ยังคงเป็นบาร์ลินอยู่ดี ถ้าหากไม่มีบาร์ลินเกรงว่าเขาก็ยังคงไม่รู้ถึงเหตุผลของรุ่นพี่

“ เปล่าหรอก ท่านพ่อข้าใช้ข้าไปเก็บหญ้าปีศาจมาเฉยๆ ช่วงที่มีการแข่งขันหญ้าพวกนั้นกำลังได้ที่พอดีน่ะ น้องๆ ของข้าชอบเอามาสานเล่น ”

ดีแล้วที่ข้าไม่ถาม ว่าแต่ไอ้หญ้าปีศาจนี่มันคืออะไร

// หญ้าปีศาจมันเป็นหญ้าที่มีชีวิตชอบดิ้นดุ้กดิ้กๆ ตลอดเวลา ถ้าน้องของเจ้านั่นเอามาสานจริงก็จะได้ของที่ดุ้กดิ้กๆ ได้โดยไม่มีลมน่ะ //

แล้วมันไม่ตายรึไงถ้าโดนถอนออกมา

// ข้าจะบอกก็ต่อเมื่อเจ้ายอมให้ข้าเป็นเจ้านายนะ //

“ เออ ฟาร์คัสท่านพ่อของเจ้าฝากจดหมายมาด้วย ” รุ่นพี่ที่พึ่งสั่งอาหารกับเจ้านกกระจิบเสร็จก็นึกขึ้นมาได้ รุ่นพี่ยื่นจดหมายที่ปิดผนึกด้วยตราประทับราชาของท่านพ่อของข้า จดหมายซองสีดำนั้นตัดกับตราประทับนัก

“ ขอบคุณ ” ข้าเอ่ยสั้นๆ และรับมันมา ข้ากัดที่ปลายนิ้วของตัวเองจนเลือดออกปล่อยให้เลือดหยดไปบนตราประทับฉับพลันซองที่ว่าได้หายไปทันทีเหลือเพียงกระดาษเนื้อดีข้างในให้ข้าอ่าน

*-*
หลังจากการประลองพิธีข้าจะสละบัลลังก์

ฟาร์คัสเจ้ามีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าจะเป็นราชาหรือไม่

เพราะลำพังฝีมือของเจ้าก็น่าจะเพียงพอแล้ว

แต่พึงระวังไว้ให้ดีหากเจ้าไม่ได้เป็นราชา

ความริษยา ความระแวง คำติฉินทั้งหลายจักเป็นอันตราย

*-

ดูท่าข้าคงเพิกเฉยต่อการแย่งบัลลังก์ไม่ได้แล้วสินะ

เพราะมันอาจจะส่งผลอันตรายต่อตัวข้าเอง

การอยู่นิ่งๆ สบายใจไปวันๆ เป็นได้แค่ฝันกลางวันของข้าเท่านั้น

--------------------

มาแล้วน่ะคะ คุณอ๊ายอาย  :o8: ถึงจะไม่ได้ลงเมื่อวานก็เถอะ  :hao5:

หวังว่าจะชอบนะคะ  :mew1:

ส่วนตอนต่อไปก็  :katai5: 

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 2 30 มี.ค. 58
«ตอบ #3 เมื่อ30-03-2015 21:39:58 »

รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 2 30 มี.ค. 58
«ตอบ #4 เมื่อ30-03-2015 22:00:56 »

ดูสนุกเหลือเกินน่ะท่านปีศาจ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 3 2 เม.ย. 58
«ตอบ #5 เมื่อ02-04-2015 22:01:07 »

-- ตอนที่ 3 --

หลังจากที่ข้าอ่านจดหมายฉบับนั้นจบมันก็ค่อยๆ สลายหายไปเองตามเวทที่ได้ลงไว้ ความตั้งใจที่รอคุยกันเรื่องพิธีประลองของข้าหายไปหมด ข้าเอ่ยขอตัวและออกจากห้องอาหารทันที ข้าคิดว่า การไปทำหน้าที่หลักของสายเลือดน่าจะเป็นการคลายเครียดที่ดี

   เพราะถ้าหากข้ายังคงอยู่ในห้องคงไม่วายทำให้บรรยากาศในห้องอึมครึมไปด้วยซึ่งบาร์ลินก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรเพราะน่าจะสังเกตจากท่าทางของข้าแล้ว ข้าเดินผ่านชั้นต่างๆ โดยไม่ได้ใช้เวทอะไร ข้าเบื่อเกินกว่าจะใช้เวทอะไรแล้ว ขณะที่ข้าก้าวผ่านคนอื่นๆ ข้าไม่สนใจที่จะทักทายใครทั้งนั้น คนที่เข้าหาข้าส่วนใหญ่จะต้องการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ก็พวกบริสุทธิ์ใจจริงๆ ซึ่งข้าก็ขี้เกียจเกินจะมาคัดคนเหล่านี้ ฉะนั้นข้าจึงเลือกที่จะไม่ผูกมิตรกับใครเลย

   เพียงเวลาไม่นานก็ถึงจุดหมายของข้า สวนราชพฤกษ์อนธการ ( ความมืด ) หรือ ที่มอบหมายการส่งสารในแต่ละครั้ง สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ใต้ดินแต่กลับมีท้องฟ้าเหมือนกับว่าอยู่ในมิติอีกมิติหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นสวนแห่งนี้กลับไม่เคยมีแสงสว่างของดวงอาทิตย์เลยอีกทั้งยังอบอวลไปด้วยความอึมครึม ไฟที่มีในสวนนั้นล้วนแต่เป็นผลพวงมาจากนกบอกลางทั้งนั้น สวนแห่งนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหนไม่มีใครรู้แต่คาดว่าน่าจะพร้อมๆ กับการมีตัวตนของนกส่งสาร ต้นไม้ที่อยู่ในสวนแห่งนี้ก็แปลกประหลาดเช่นกัน เป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้างแต่ละต้นล้วนเป็นสีน้ำตาลแก่และมีโพรงขนาดใหญ่กลางลำต้นมองไม่เห็นอะไรข้างใน ตามกิ่งของมันเดิมที่สมควรมีใบไม้เขียวชอุ่มกลับว่างเปล่าเป็นเพียงกิ่งเปล่าๆ ที่แตกแขนงเท่านั้น
   
ข้าซึ่งมาในตอนเช้าทำให้ไม่มีใครอยู่ในบริเวณนี้เลยโดยปกตินกบอกลางจะมารับกันช่วงเย็นๆ  ซึ่งมันก็ชวนให้ดูวังเวงแต่นั้นก็เป็นเรื่องไร้สาระเกินกว่าที่ข้าจะใส่ใจ ข้าก้าวเดินไปยังโพรงไม้ที่ใหญ่ที่สุดซึ่งอยู่ตรงกลางของสวน ต้นไม้ตนนี้เป็นต้นที่มีเพียงระดับขนนกทองเท่านั้นที่จะรับได้ส่วนต้นอื่นๆ สามารถรับได้ทุกระดับเพราะต้นไม้เหมือนได้รับพลังอะไรสักอย่างที่รู้ระดับของนกแต่ละตัวดี เพียงแต่ว่าไอ้ต้นใหญ่ที่สุดนี่จะไม่ยอมคุยกับนกที่ระดับไม่ถึงขนนกทอง ซึ่งข้าก็เบื่อที่จะเดินมาหาต้นใหญ่นี่เหมือนกันข้าเคยไปรับกับต้นอื่นแทนแต่มันกลับเอาแต่บอกให้ข้ามาที่ต้นนี้ซ้ำๆ

   น่าจะเกิดจากความผิดพลาดล่ะมั้ง ข้าคิดขณะที่เดินผ่านต้นไม้ต่างๆ ถึงแม้ที่นี้จะมีแต่ต้นไม้ที่แห้งแต่กลับจัดเป็นสวนที่ดูสบายตาอย่างน่าประหลาดถึงแม้ต้นไม้จะไม่ดูก็เถอะ ทำให้การเดินนั้นสามารถเดินได้ง่ายไม่ต้องลัดเลาะอะไรให้มากมาย
   แต่บรรยากาศทึมๆ นี่ก็ชวนขนลุกไม่น้อยถึงแม้ข้าจะพยายามไม่ใส่ใจก็ตาม น่าจะเพราะว่าที่แห่งนี้ไว้ส่งสารเกี่ยวกับความตายจึงทำให้ที่บริเวณนี้ดูไร้ชีวิตชีวา ข้ารีบก้าวขาให้ยาวขึ้นเพื่อจะได้ออกจากที่นี้สักที “ ข้ามารับข่าวสาร ” ข้าบอกกับต้นไม้ต้นยักษ์ตรงหน้า

   “ หึหึหึ ” เสียงหัวเราะแหบต่ำดังมาจากในโพรง “ ทายาทแห่งราชาเอ๋ย นายของเจ้าช่างยิ่งใหญ่นัก ”

   ข้าสะดุ้งสุดตัวหันมองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง “ หุบปากไปซะ ข้ามารับภารกิจ ”

   “ การเป็นนายนั้นดี แต่การเป็นผู้ตามนั้นก็ดีเช่นกัน แต่จงพึงระวัง หึหึหึ ”
   
ข้าไม่ได้เอ่ยอะไรเอ่ยไปเพียงแต่ตั้งใจฟังเงียบๆ

   “ ถ้าหากศัตรูได้รู้ ” เสียงแหบต่ำนั้นดูเยาะน้อยๆ “ เจ้าย่อมจะมีภัย ”
   
// อะไรนะ !! มีภัย !! ข้าไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายเจ้าทั้งนั้น ! //

   เสียงที่เงียบไปนานจนข้าลืมไปว่ายังมีอยู่ พูดดังขึ้นมา
   
อย่างข้าดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว ข้าเถียงในใจ
   
// ไม่ ถ้าเจ้าบาดเจ็บแม้แต่ปลายก้อย ข้าจะกำจัดภัยที่ว่านั่นให้หมด ! //

   “ สิ่งที่ควรบอกข้าได้บอกไปแล้ว เด็กน้อย เอ๋ย” ถึงแม้เสียงที่ว่าจะดูน่าขนลุกแต่พอพูดประโยคนี้กลับทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด “ วันนี้เจ้าจงไปส่งสารที่เมืองมนุษย์ เมืองที่มีแสงสว่างมากที่สุดในดินแดนมนุษย์ เมืองโฮรัส ”
   
เมืองแสงสว่าง ? ข้าคิดอย่างฉงน เมืองนี้แม้แต่นกระดับขนนกสีดำยังทำได้เลย เพราะเมืองแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าสะอาดและบริสุทธิ์ในแดนมนุษย์เลยทีเดียว หรือว่าข้าเข้าใจผิด ?

   “ เด็กน้อยเอ๋ย บางอย่างที่สว่างเกินไปบางทีมันก็มืดสนิทที่สุดเช่นกัน ”
   
ข้าไม่เข้าใจที่ต้นไม้ยักษ์สื่อนัก เมืองนี้ข้าเคยไปสมัยที่ข้าระดับขนนกดำก็ไม่เห็นจะมีอะไรที่จะดูอันตรายเลย
   
“ จงไปบ้าน...ของราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมือง..โฮรัส ” เสียงที่เอ่ยขาดตอนในบางช่วง

   ราชา ? ราชาอีกแล้ว เป็นครั้งแรกข้าเบื่อระดับขนนกของตัวเองที่มักจะพาไปยังสถานที่ๆ อันตรายอยู่เสมอ รอบนี้หวังว่าข้าจะไม่โดนราชาเมืองโฮรัสจับอีกนะ
   /
/ ไม่ได้ๆ เจ้าจะโดนจับไม่ได้นะ ฟาคัสส เจ้าเป็นสัตว์เลี้ยงของข้านะ ! อ๋า ! เดี๋ยวข้ามาคุยด้วยใหม่นะ ฟาคัส เชอคอสมันมาตามข้าไปทำงานแล้ว //

   บางทีข้าก็ลืมนะไอ้ที่มาคุยกับข้านี่เป็นราชาปีศาจ “ ข้าเข้าใจแล้ว  ” ข้าพยักหน้าน้อยๆ ให้กับต้นไม้ยักษ์นี่แต่ก่อนที่จะร่ายเวทเคลื่อนย้ายกลับมีใบแห้งๆ ปลิวลงมาบนหัวของข้าพอดี
   
ใบไม้ ? ต้นไม้ที่นี้ไม่เคยมีใบไม้นะ

   “ ใบแห่งการเยียวยา ถือซะว่าข้าให้เพราะหวังดีแล้วกัน ”
   
ข้าหันไปขอบคุณต้นไม้นี่เบาๆ แล้วร่ายเวทเคลื่อนย้ายทันที ข้าคิดว่าการไปของข้าในครั้งนี้น่าจะมีเหตุการณ์อะไรเป็นแน่

   ...
   
ภาพเบื้องหน้าของข้าได้เปลี่ยนแปลงจากสวนที่มืดครึ้มกลายเป็นทุ่งหญ้าโล่งสว่างไสวมีบ้านปลูกตามแนวระดับอย่างเป็นระเบียบอย่างมากมายจนละลานตา  ซึ่งตรงกลางของมันเป็นเนินดินสูงขึ้นไปและมีป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ด้วยประณีตไปด้วยลายละเอียดต่างๆ ของมัน ผ้าที่ถูกมัดจีบตามแนวเสา ลวดลายต่างๆ ที่ดูศักดิ์สิทธิ์น่าเลื่อมใส ธงต่างสีที่ปักอยู่บนยอดแต่ละป้อมที่มีสี่ด้าน โดยตรงกลางเป็นจุดหมายของข้าในครั้งนี้นั่นเอง

   ปราสาทสีเผือกขนาดยักษ์ที่ละเลียดละออและประณีตกว่าป้อมปราการเป็นเท่าตัวแสดงให้เห็นระบบการปกครองที่มั่นคงทำให้อารยธรรมเฟื่องฟู่จนแทบถึงขีดสุด รอบปราสาทนั้นมีเรือนเล็กเรือนใหญ่ที่ดูเป็นระเบียบซึ่งน่าจะเอาไว้ใช้งานอีกทั้งยังมีแม่น้ำสายเล็กๆ หลายสายตัดผ่านอีกด้วยทำให้เขียวชอุ่มสบายตา

   ข้าในครั้งนี้ปรากฏตัวที่ต้นไม้ขนาดยักษ์ต้นหนึ่งซึ่งข้าก็ไม่รู้จักเหมือนกัน ข้าที่ชื่นชมทรรศนียภาพจนพอใจก็จึงค่อยแปลงเป็นอีกาบินฉวัดฉวียนไปทั่ว อีกเวลานานนักกว่าจะถึงเวลาที่ข้าจะต้องทำหน้าที่ส่งสาร ใช้เวลาเที่ยวเล่นก่อนจะเป็นอะไรไป ข้าบินผ่านบ้านโน้นเกาะบ้านนี้ ดูตลาดบ้าง โดยระมัดระวังตัวไม่ให้มนุษย์เห็น แต่ระหว่างที่ข้าบินข้ามเข้าไปในตัวปราสาทข้ากลับพบบางสิ่งที่ตะเกียกตะกายในน้ำ !

   “ ช่วยด้วยยยย ” ร่างนั้นตะเกียกตะกายอยู่ในนั้น
   
ข้าบินโฉบลงไปคว้าร่างนั่นทันที ถึงแม้ร่างอีกาจะค่อนข้างตัวเล็กแต่พละกำลังข้าก็ยังคงเท่าเดิมอยู่ดี ข้าใช้กรงเล็บคว้าที่คอเสื้อของร่างนั่นและกระพือปีกแรงๆ และร่ายเวทลมเข้าเสริมด้วย ทำให้สามารถพาร่างนั้นขึ้นมาได้แต่ก็ไม่ง่ายนัก ข้าพาร่างนั้นมากองไว้ตรงริมแม่น้ำ ข้ามองพิจารณาร่างตรงหน้าเงียบๆ ขณะที่อีกฝ่ายกำลังสำลักน้ำไอค่อกแค่ก

   เด็ก..

   “ แค่ก แค่ก ขอบคุณนะ เจ้าอีกา ที่ช่วยข้า ”
   
ข้าไม่ได้ตอบอะไรและกางปีกเตรียมจะโผบินขึ้นไปอีกครั้ง

   “ แต่ว่าถ้าเป็นอีกาที่จะมาสาปแช่งให้พ่อของข้าตายนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง !! ” ฉับพลันร่างของเด็กตรงหน้าก็ค่อยๆ ขยายกลายเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างเหมือนนักรบ ตาของนักรบตอนนี้เป็นสีแดงจนน่ากลัว
   ดูท่า ข้าจะโชคร้ายซะแล้ว 

   “ ไม่คิดว่าเวทคำสาปของนอสจะทำให้ข้าโดนอีกาช่วยไว้ ”
   
ข้าไม่ตอบอะไรรีบกระพือปีกพาร่างของตัวเองหนีไป แต่นั้นก็ช้าเกินไป นักรบได้ร่ายเวทโจมตีใส่ข้าอย่างรุนแรง ข้าร่ายเวทป้องกันทันได้อย่างฉิวเฉียดแต่ก็ยังสร้างบาดแผลให้กับข้าอยู่ดี ปีกของข้าเปียกไปด้วยเลือดแต่ข้าก็ยังคงบินต่อไปอยู่ดี แต่นักรบก็ไม่เปิดโอกาสให้ข้าหนีออกไปร่ายเวทกักบริเวณทันที
   
ข้าซึ่งถูกขังอยู่ภายในแต่กลับไม่ได้วิตกอะไรมากมาย ข้าเป็นถึงทายาทของราชานกบอกลางย่อมมีฝีมือที่สามารถต่อกรได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าข้าไม่อยากจะทำร้ายผู้คนนักจึงเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ก่อนเสมอ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนบีบบังคับให้เขาต้องสู้นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ข้าร่ายเวทเยียวยาบาดแผลของตัวเองพร้อมๆ กับกับร่ายเวท

 “ หยุดเวลา  ” ข้าพูดดังเพียงกระซิบ
   
เวทบทนี้จะเรียกว่าไพ่ตายของข้าก็ได้ ซึ่งมันก็ใช้ได้ยากและมีเงื่อนไขเยอะอย่างต้องจำกัดบริเวณที่จะใช้ซึ่งตอนนี้เวทกักบริเวณก็ได้แว้งกัดผู้เป็นนายแล้ว ข้าบินเข้าไปใกล้นักรบที่มองมาอย่างเคียดแค้นแต่กลับไปสามารถขยับตัวได้และค่อยๆ ร่ายเวทยาวเหยียดด้วยท่าทีที่สบายใจ เมื่อข้าร่ายจบเวทกักบริเวณก็แตกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับเสียงโหยหวนของร่างนักรบ
   จะว่าข้าอำมหิตก็ได้ ข้าไม่ชอบให้ใครมาทำร้ายก่อนทั้งๆ ที่ไม่ได้ปองร้าย อีกทั้งครั้งนี้อีกฝ่ายเลือกที่จะหักน้ำใจของข้าจนไม่เหลือชิ้นดี การสั่งสอนน่าจะเป็นเรื่องที่ดี ข้ากางปีกจะบินอีกครั้งด้วยท่าทีผ่อนคลาย

ฉึก    

   มีดสั้นที่อาบไล้ไปด้วยเมือกสีดำปักเข้าที่หลังของข้า
   
“ หึ คิดว่าข้าจะสิ้นลายง่ายๆ แค่นี้เหรอ ไอ้อีกากักขฬะ !! ” ร่างนักรบที่เมื่อกี้ยังโหยหวนตอนนี้กลับยืนเหมือนปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ถ้าสังเกตให้ดีจะพบร่างนักรบนั้นขาสั่นน้อยๆ อยู่
   
 กา !!!

   ข้าแผดเสียงออกมาด้วยอารมณ์โกรธผสมกับความเจ็บหนึบที่หลัง ข้าร่ายเวทที่ใช้บังคับสิ่งของดึงมีดออกจากหลังและปาคืนใส่นักรบ ถึงแม้จะเจ็บแต่ความโกรธนั้นกลบความรู้สึกนั่นหมดแล้ว
   
ทั้งๆ ที่ข้าเป็นผู้ส่งสาร กลับมาหาว่าข้ามาสาปแช่ง
   
ทั้งๆ ที่ข้าช่วยกลับมาทำร้ายข้า !!

   ไอ้แดนแสงสว่างนี้โสมมยิ่งกว่าแดนปีศาจด้วยซ้ำ !!
   
กา !!!!!!! 
   
ข้าแผดเสียงแสบหูออกมาดังลั่นไปทั้งบริเวณ ร่ายเวทโจมตีเข้าใส่ทันทีแต่นักรบนั่นก็ต้านเอาไว้ได้และพุ่งตัวเข้ามาหาข้าพร้อมๆ กับดึงดาบออกมาจากในอากาศ
   
ดาบเวทตัดอากาศ !
   
เวทนี้มีคนที่สามารถใช้ได้น้อยมาก คนที่ใช้ได้ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีพละกำลังมหาศาลและพลังเวทที่มากพอกันถึงจะใช้ได้ แต่นั้นไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องสนใจ ข้ารีบกลายร่างเป็นร่างมนุษย์อีกาและเรียกคทาเวทสีดำสนิทของข้าออกมาตั้งรับทันที
   
ปัง !!
   
เสียงกระทบกันระหว่างคทาที่เปี่ยมไปด้วยเวทมหาศาลกับดาบตัดอากาศที่ดุดันไปด้วยพละกำลังดังลั่น ข้าอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังดึงดาบกลับไปเตรียมจะโจมตีเข้ามาใหม่ ร่ายเวทโจมตีฉับพลันใส่ซึ่งมันเป็นสายลมที่พัดรุนแรงถ้าหากไม่สังเกตให้ดีก็จะไม่รู้ว่าเข้าใกล้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ !!
   
ร่างของนักรบนั้นปลิวกระเด็นไปไกลขณะที่ตามตัวเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลซึมเพราะสายลมของข้า ร่างนั้นกระแทกเข้ากับต้นไม้ต้นหนึ่งอย่างรุนแรงจนใบไม้ร่วงกราวและนิ่งไป ข้าร่ายเวทสะกดไว้อีกขั้นหนึ่งอย่างไม่ประมาทซ้ำอีกครั้ง
   
เมื่อร่ายเสร็จข้าก็ทรุดตัวลงกับพื้นและหอบหายใจอย่างตะกละตะกลาม แต่ยิ่งหายใจกลับยิ่งปวดหนึบไปทั้งร่างกาย ข้ารู้สึกถึงบาดแผลบนหลังที่ใหญ่ขึ้นตามขนาดของร่างกาย ข้าสบมองมือของตัวเองพบว่าดูหมองลงผิดปกติ อีกทั้งดวงตายังพร่าเลือน น่าจะเป็นผลมาจากพิษเมือกสีดำบนมีดนั้น
   
นี่สินะที่ต้นไม้ยักษ์นั้นว่า
   
ถึงแม้ที่ๆ สว่างที่สุดบางทีก็มืดที่สุดเช่นกัน

   ข้าหยิบใบไม้เยียวยาเอามาเคี้ยวกิน รสชาติของมันค่อนข้างแย่แต่ข้าก็ฝืนกลืนลงไป ฉับพลันสิ่งที่มหัศจรรย์ก็ปรากฎบาดแผล ความเจ็บปวด ค่อยๆ จางหายไปหมด นี่คือพลังของต้นไม้ยักษ์ ข้าที่เมื่อกี้ไม่มีแรงแม้แต่ร่ายเวทเยียวยาตัวเองตอนนี้กลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเหมือนกับว่าพึ่งกินข้าวเสร็จ แต่ตอนนี้ข้าไม่มีอามรณ์จะออกไปบินเล่นต่อแล้ว ข้าได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากกำลังมาทางนี้ ข้าตัดสินใจกลับร่างผู้ส่งสารและบินออกไปอย่างฉับไวทันที
   
เหตุการณ์เมื่อกี้ทำให้ข้ารู้สึกโมโหอย่างบอกไม่ถูก แม้จะเคยยอมรับชะตากรรมในการส่งสารแต่ละครั้ง แต่ไม่มีครั้งใดที่โดนหักหน้าขนาดนี้ ข้าเข้าใจว่าถ้าหากมีนกที่เชื่อว่าเจอที่ใดมักจะพบคนตาย จะทำให้รู้สึกกลัวและกลายเป็นเกลียดขึ้นมาได้ ข้าเคยเข้าใจและยอมรับ แต่ในครั้งนี้ทั้งๆ ที่ข้าช่วยจากการจมน้ำกลับทำร้ายข้า ถ้าหากไม่มีใบไม้เยียวยาข้าไม่อยากจะคิดด้วยซ้ำว่าข้าจะเจออะไรต่อไป

   ข้าร่อนไปเกาะหลังคาของปราสาทหามุมที่มีช่องพอดีตัวข้าและมุดเข้าไป ซุกกับปีกตัวเองเงียบๆ เวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาขับขานของข้า ข้าน่าจะพักสักหน่อย เรื่องเมื่อกี้ทำเอาเป้าหมายหลักของข้าพังไม่เป็นชิ้นดี

   ข้าตั้งใจมาผ่อนคลาย เพราะอีกไม่นานหากถึงเวลาแย่งชิงบัลลังก์ ความปลอดภัยของข้าคงจะหาได้ยาก บัลลังก์สูงสุดของนกบอกลางเป็นที่หมายปอง ทายาทอย่างข้าถ้าหากกำจัดออกได้จะเป็นเรื่องดี
   
หึหึ  ข้าหัวเราะเบาๆ อย่างไม่รู้สาเหตุและค่อยๆ หลับตาลง
   
ก่อนจะถึงเวลานั้น

   ข้าจะพยายามเก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่ดีที่สุดในตอนนี้ไว้แล้วกัน

   ...
   
ฮูก ฮูก ฮูก

   มีเสียงของเจ้าถิ่นร้องปลุกข้าอย่างไม่ตั้งใจ ข้างัวเงียตื่นขึ้นมาสลัดตัวน้อยๆ จนขนพอง มองไปรอบๆ เสียงที่ว่าอยู่ใกล้ๆ ข้านี่เอง มันเกาะอยู่ใกล้ๆ ข้า ตาของมันกลมโตสะท้อนรูปของข้าในดวงตา นกเค้าแมว.. หนึ่งในนกบอกลาง แต่นี้ไม่ใช่นกบอกลางเพราะนกบอกลางจะเกิดในที่ๆ ของนกบอกลางเท่านั้น นกนอกอาณาเขตล้วนเป็นนกธรรมดาทั้งสิ้น
   
ข้าเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพบว่าดวงจันทร์ตรงหัวพอดี ข้าไซร้ขนสักพักพอให้หายพองก็บินขึ้นไปข้างบนร่อนไปร่อนมาและส่งเสียงขับขานดังกังวานอีกครั้งและอีกครั้ง หน้าที่ของข้ามีเพียงขับขาบจนกระทั่งย่ำรุ่ง
   
ครั้งที่แล้วข้าพลาดโดนปีศาจจับเลยไม่ได้ทำหน้าที่จนเต็มเวลา ครั้งนี้ข้าตั้งใจจะอยู่ให้ถึงเวลานั้น ข้าร่อนละดับลงไปบนยอดปราสาทหนึ่งและขับขานต่อไป ถึงจะดูน่าเบื่อแต่ก็ประมาทไม่ได้เลย ข้าไม่รู้ว่าจะมีคนขึ้นมาจับข้าไหม ครั้งที่แล้วข้าระมัดระวังตัวอย่างเต็มที่ยังโดนราชาปีศาจจับเอาง่ายๆ เลย
   
// อะไรนะ คิดถึงข้าเหรอ ฟาคัส ! ข้าก็คิดถึงเจ้าเหมือนกัน //

   นี่ดึกแล้วเจ้ายังไม่นอนอีกเหรอ ข้าคิดเบื่อๆ
   
// ต่อให้ง่วงข้าก็จะคุยกับเจ้าอยู่ดี ! ว่าแต่เมื่อไหร่เจ้าจะมาเป็นสัตว์เลี้ยงข้าสักทีล่ะ //
   
ข้าว่าข้าเคยบอกแล้วนะว่าให้ใช้สมองของเจ้าด้วย

   // ยังไงข้าก็คิดออกแค่อยากได้เจ้าแค่นั้นเอง !! //

   แต่ข้าไม่ได้อยากได้เจ้าสักหน่อย คาร์บิลัส
   
// เออ น่า พอมาอยู่กับข้าเดี๋ยวก็อยากได้ข้าเองนั่นแหละ ข้าเก่งนะ !! หล่อด้วย ถ้าเจ้ามาอยู่กับข้า เจ้าจะได้กำไรมากเลยนะ เจ้า
นายที่ทั้งหล่อและเก่งเนี่ย //
   
ใครบอกเจ้าว่าเจ้าหล่อและเก่ง เจ้าเพ้อเจ้อเกินไปแล้ว ข้าตอบกลับไปในใจขณะที่ยังส่งเสียงอยู่
   
// แฟนคลับข้าไง ส่งจดหมายมาหาข้าน่ะ ! //
   แฟนคลับ ?

   “ ก็ชาวปีศาจไงล่ะ ! เวลาที่ข้าไปช่วยพวกเขาเขาก็ชอบส่งจดหมายมาหาข้าไงล่ะ ! เยี่ยมไปเลยใช่ไหม //
   อืม .. ข้าตอบเรียบๆ ในใจ

และข้าก็คุยกับราชาปีศาจจนกระทั่งย่ำรุ่งโดยไม่รู้ตัว น่าแปลกที่ไม่มีสิ่งแปลกปลอมอะไรเลยตอนที่ข้าคุยกับราชาปีศาจจนกระทั่ง

ตอนนี้

แต่สิ่งที่ข้าได้รู้ในวันนี้คือ

ราชาปีศาจนั้นชวนคุยเก่งมากอีกทั้งยังคุยสนุกด้วย

ข้ายอมรับว่า วันนี้ข้าไม่เบื่อและเอาแต่ระแวงเหมือนทุกครั้ง

------------
หวา ฟาคัสเจอเรื่องอีกแล้ว  :ling2:

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นค่ะ   :กอด1:
 

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 3 2 เม.ย. 58
«ตอบ #6 เมื่อ02-04-2015 22:24:46 »

การประลองใกล้จะเริ่มแล้ววว

รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 3 2 เม.ย. 58
«ตอบ #7 เมื่อ03-04-2015 00:40:11 »

สนุกจังเลย ชอบมากๆๆๆๆค่า
เป็นกำลังใจให้พ่อนกน้อย  :mew1:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 3 2 เม.ย. 58
«ตอบ #8 เมื่อ03-04-2015 15:04:41 »

กอดๆคุณ foggy time ชอบมากกกกก เป็นเรื่องแฟนตาซีที่สนุกมากเลยค่ะ ชอบหนูฟาร์คัสมากๆ

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 3 2 เม.ย. 58
«ตอบ #9 เมื่อ03-04-2015 17:22:50 »

หุหุหุ ไม่ได้เห็นหน้าก็ขอให้ได้ยินเสียงใช่ป่ะ แหมะ ว่างจริงนะท่านราชาผู้ยิ่งหย่ายยย//มันใช่ราชาปีศาจจริงอ่ะ ฮ่าๆๆๆ รอจ้า :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 3 2 เม.ย. 58
« ตอบ #9 เมื่อ: 03-04-2015 17:22:50 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ѷanᴉ££a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 3 2 เม.ย. 58
«ตอบ #10 เมื่อ04-04-2015 09:08:52 »

สนุกดีอ่ะ

เป็นกำลังใจให้จ้า

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 4 5 เม.ย. 58
«ตอบ #11 เมื่อ05-04-2015 22:23:05 »

-- ตอนที่ 4 --

สุดท้ายข้าก็ไม่มีเรื่องอะไรดีๆ ให้เก็บเกี่ยวไว้อยู่ดีจนกระทั่งถึงวันที่เริ่มพิธีประลอง วันนี้ข้าแต่งตัวเน้นความคล่องตัวเป็นพิเศษ ข้าเรียกคทาเวทของข้าออกมาถือ คทาเวทของข้าแม้มันจะเป็นสีดำสนิททั้งอันแต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นลวดลายบางๆ ที่ประดิดประดอย ครั้งนี้ข้าเสกอีกาตัวเล็กๆ มาเกาะไว้บริเวณไหล่ด้วย มันไซร้ขนเหมือนมีชีวิตเพราะข้าได้แบ่งความนึกคิดของข้าเข้าไปด้วย จะว่ามันเป็นร่างอีกาของข้าก็ได้ แต่ที่ข้าไม่ค่อยได้เสกนั้นเพราะมันค่อนข้างเปลืองพลังเวทแต่ถ้าข้าเสกมันเมื่อไหร่นั้นก็หมายความว่าข้าเอาจริง อย่างที่บอกไปข้าได้แบ่งสติปัญาของข้าเข้าไปด้วย เจ้าอีกาของข้ามีความสามารถมากกว่าจิกเยอะ

   ข้าเดินออกจากห้องประมาณสายๆ เพราะพิธีประลองอยู่ประมาณช่วงบ่าย ข้าเดินไปพร้อมกับกินขนมปังที่เก็บไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ข้าแบ่งให้เจ้าอีกาตัวเล็กนิดหน่อยเมื่อเห็นท่าทางของมัน ข้าหิวเจ้าอีกาก็คงหิวเหมือนกัน

 ข้าเดินไปเอื่อยๆ ไปยังลานประลอง
   
“ เฮ้ ! ฟาร์คัส เจ้าไม่คิดจะรอข้าเลยเรอะ ”  เสียงบาร์ลินตะโกนเรียกข้าเสียงดัง และวิ่งมายืนอยู่ข้างๆ ข้า   
   ที่ข้าเดินช้าก็รอเจ้านั่นแหละ ข้าเพียงแต่คิดไม่ได้พูดออกไป และก้าวขาเดินต่อเมื่อเห็นอีกฝ่ายตามมาทัน

   “ เจ้าคงขี้เกียจสั่งข้าวเช้าล่ะสิ ถึงได้กินขนมปังเนี่ย ” บาร์ลินหัวเราะเบาๆ “ ข้าจำได้นะว่า เจ้าแอบหยิบขนมปังนี่ใส่ถุงเมื่อคืน ”

   “ ...  ” ข้าไม่คิดว่าบาร์ลินจะเห็น แต่ช่างมันเถอะ มันไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องไปสนใจ เรื่องที่ข้าต้องสนใจในวันนี้ดูท่าจะหนักหนาสาหัสกว่ามาก “ ไปลานประลองกันเถอะ ” ข้าตั้งใจจะไปดูว่าครั้งนี้มีใครมาลงแข่งขันบ้าง นกระดับขนนกทองข้ารู้จักแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
   
“ ไปสิ ข้าตั้งใจจะดูเหมือนกันว่าใครจะลงแข่งรอบนี้บ้าง แต่ข้าได้ข่าวว่าเซอร์เคนก็จะลงด้วย ”
   
“ เซอร์เคน ? ” ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เจ้าอีกาที่เกาะไหล่ข้าก็เอียงหัวไปมาคล้ายกับสงสัยเหมือนกัน
   
“ เซอร์เคนลูกเจ้าขุนนางแร้งนั่นไงล่ะ ” บาร์ลินพูดไปดเวยท่าทางที่ตื่นเต้น “ ข้าได้ข่าวว่าเขาเก่งมาก ทั้งเวททั้งอาวุธ ข้านี้อยากสู้กับเขาชะมัด ”
   
ทำไมข้ามีลางสังหรณ์ว่าข้าจะได้สู้ล่ะ ข้าคิดปลงๆ “ เจ้าว่าทรอยจะลงไหม ? ” ทรอยที่ว่าเป็นนกระดับขนทอง ข้าเคยทำภารกิจกับเขาอยู่ครั้งหนึ่งฝีมือค่อนข้างแข็งแกร่งทำให้ภารกิจยากๆ ที่ทำใช้เวลาไม่กี่วันเสร็จ
   
“ ลงอยู่แล้ว เจ้าลืมไปแล้วเหรอ ? ทรอยเป็นนกเค้าแมวนะเขาชอบไล่จับนกตัวเล็กๆ จะตาย ” บาร์ลินเลิกคิ้วคล้ายกับเขาพูดอะไรที่ประหลาดออกไป

   “ อืม ” ข้าตอบรับเบาๆ งั้นข้าก็อาจจะเจอทรอยด้วยเหมือนกัน ข้าเดินต่อไปเงียบๆ โดยปล่อยให้บาร์ลินพูดจ้อต่อไปถึงเรื่องนู้นเรื่องนี้ ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมนกแสกถึงได้พูดมากอย่างนี่ ข้าว่าบาร์ลินอาจจะเป็นนกขุนทองซะมากกว่า แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ข้ารำคาญนัก เหมือนที่บาร์ลินชินข้านั่นแหละข้าก็ชินบาร์ลอนเหมือนกัน เจ้าอีกาน้อยของข้าก็ทำเพียงเกาะและจ้องบาร์ลินที่พูดจ้อนิ่งๆ เท่านั้น

   “ ถึงสักที ! ” บาร์ลินพูดเมื่อมาถึงลานประลอง
   
ลานประลองของนกบอกลางนั้นไม่เหมือนลานประลองปกติทั่วไป ลานประลองนั้นจะลอยอยู่ในอากาศ การปะทะกันของนกบอกลางก็ต้องในอากาศเช่นกัน ทำให้ลานประลองนั้นมีขนาดกว้างมากและมีอัฒจรรย์คนดูล้อมรอบทุกทิศสามารถมองเห็นได้ชัดเจนทุกมุม และมีกรรมการประจำสี่จุดของอัฒจรรย์เพื่อป้องกันการตัดสินที่ผิด ลานประลองนั้นถึงแม้จะลอยในอากาศแต่ก็มีเมฆที่สามารถเหยียบได้ในบางจุด ยกเว้นแต่ในลานประลองจะโล่งมีเพียงแต่เมฆธรรมดาที่ลอยเอื่อยบดบังทรรศนียภาพของผู้แข่งขันในบางครา
   
ตอนนี้มีนกบอกลางมากมายเดินกันขวักไขว่บ้างก็บินขึ้นไปนั่งบนอัฒจรรย์เลย บ้างก็ค่อยๆ เหยียบเมฆขึ้นไปบนลางประลอง ซึ่งจากจำนวนคนที่มากมายขนาดนี้ ข้าคิดว่าน่าจะใช้เวทเคลื่อนย้ายน่าจะง่ายกว่า ข้าดึงแขนบาร์ลินและร่ายเวททันที บาร์ลินยังไม่ทันทักท้วงข้ากับบาร์ลินก็มาปรากฎตัวในจุดรองรับผู้เข้าร่วมพิธีแล้ว

   “ ฟาร์คัสเจ้าจะใช้เวทบอกข้าหน่อยก็ดี ข้าเข้าใจนะ ว่าเจ้าไม่ชอบคนเยอะๆ ” บาร์ลินถอนหายใจและบ่นออกมา

   “ เจ้าก็รู้นี่ ” ข้าพูดเรียบๆ และมองไปรอบๆ พบว่าตอนนี้มีผู้เข้าร่วมประลองนั่งอยู่เต็มไปหมดทั้งบนเก้าอี้ โซฟา บางคนนั่งเช็ดดาบ บางคนนั่งก็กินอยู่ ซึ่งมีสายตาหนึ่งที่กำลังจดจ้องมาอยู่อย่างดุดันจนรู้สึกได้ ข้าหันไปหาที่มาของสายตานั้นพบว่า เป็นชายฉกรรจ์ที่ตัดผมไถข้างทั้งสองข้างสีผมสีดำกระด่างแต่งกายด้วยชุดเกราะเหล็กกำลังนั่งขัดดาบอยู่ ข้าสบตากับเจ้าของสายตาดุดัน ซึ่งตอนนี้เลิกคิ้วน้อยๆ คล้ายกับว่าหยอกเย้า บนเกราะเหล็กของเขามีตราของขนนกทอง ข้าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่กลับมาจ้องข้าเหมือนกับว่าข้าไปทำอะไรให้โกรธแค้น

   “ นั่นไงล่ะ ฟาร์คัส เซอร์เคนไง ” บาร์ลินพูดอย่างตื่นเต้น ตาส่งประกายสนุกสนาน ดูเหมือนว่าบาร์ลินจะไม่เห็นสายตาดุดันที่จ้องข้าเมื่อกี้

   “ อือ ” ข้าพยักหน้ารับส่งๆ ไป แต่สายตายังจับจ้องไปที่เซอร์เคนอย่างไม่ลดละ เจ้าอีกาตัวน้อยของเขาก็ดูนิ่งงันจ้องเขม็งกลับไปเหมือนกัน

   “ อ้าว ฟาร์คัส เจ้ามาร่วมประลองด้วยงั้นเหรอ ” เสียงคุ้นเคยเดินมาทักทายข้า ข้าจึงละสายตาจากสายตาดุดันนั่น

   “ ข้าอยากมาประลองแก้เมื่อยขัดน่ะ ” ข้ายักไหล่ตอบทรอย แค่ฟังเสียงฝีก้าว ข้าก็รู้แล้วว่าใคร ทั้งๆ ที่ทรอยเป็นเผ่าพันธุ์นกเค้าแมวที่ปกติมักมีรูปร่างสูงใหญ่กลับมีขนาดตัวพอๆ กับกับข้าที่เป็นอีกา ดวงตาของทรอยนั้นกลมโตและมีหลายสี ในตอน
เช้านั้นจะเป็นสีส้มแต่ในตอนกลางคืนจะกลายเป็นสีเหลืองสว่าง

   “ บาร์ลิน ข้าหวังว่าจะไม่เจอเจ้าในการแข่งขันนะ ” ทรอยพูดพร้อมหัวเราะร่วน
   
“ แต่ข้าหวังว่าจะได้สู้กับเจ้านะ นกแสกกับนกเค้าแมว แค่คิดก็สนุกแล้ว ” บาร์ลินหัวเราะหึๆ ตอนนี้บาร์ลินได้จมลงไปในโลกแห่งการต่อสู้ซะแล้ว เห็นใครก็อยากประลองไปซะหมดโชคดีที่บาร์ลินยังไม่บ้ามาท้าประลองกับข้าด้วย

   “ ข้าขอผ่านดีกว่า ” ทรอยหัวเราะแห้งๆ “ เดี๋ยวข้าไปหาอะไรกินก่อนแล้วกัน พวกเจ้ากินอะไรมาแล้วรึยัง ? ”   
   
“ ข้ากินแล้ว ” ขนมปังไงล่ะ

   “ ข้าก็กินแล้วน่ะ เจ้าไปเถอะ ” บาร์ลินตอบและตะโกนไล่หลังทรอยเมื่ออีกฝ่ายเดินไป “ ขอให้ข้าเจอเจ้าเถอะ ! ข้าอยากรู้จะตายอยู่แล้วว่าเผ่าพันธ์นกเค้าแมวมีความสามารถอะไรซ่อนไว้ ”
   
ทรอยไม่ได้ตอบอะไรแค่หัวเราะแห้งๆ ตอบ เมื่อทรอยลับหลังไปข้าก็กวาดสายตามองรอบๆ อีกครั้งเพราะรู้สึกสายตาที่จ้องมองมาจำนวนมาก พวกนกบอกลางที่เห็นข้าหันไปสบตาส่วนใหญ่จะสะดุ้งและหลบตาไปเอง แต่บางส่วนตาก็ยังจดจ้องมาอย่างท้าทายเหมือนเซอร์เคน ข้ามองตอบสายตาพวกนั้นอย่างเย็นชาและลากเบอร์ลินเดินหาที่นั่งว่างๆ และนั่งลง ความจริงมีที่นั่งสำหรับขนนกทองอยู่ แต่ข้าอยากสอดส่องคนที่มาเข้ามาร่วมมากกว่า นกระดับขนนกอื่นบางคนก็มีพลังที่น่าสนใจเหมือนกันอีกทั้งนั่งตรงนี้น่าจะเห็นคนเข้าออกได้ง่ายกว่า
   
แต่จนแล้วจนรอดข้าก็เผลอหลับไปซะอย่างนั้นเพราะการนั่งเฉยๆ รอเวลามันโครตจะน่าเบื่ออีกทั้งไม่มีคนน่าสนใจด้วย ข้าบอกให้เจ้าอีกาปลุกข้าเมื่อใกล้ถึงเวลา แต่พอข้าใกล้จะหลับก็มีเสียงรบกวนการนอนที่ทำให้ข้าหงุดหงิด

   // ฟาร์คัสสส เจ้าจะนอนงั้นเหรอออ //
   ใช่ เจ้าช่วยหุบปากด้วย
   

// โถ่ เจ้าจะแข่งแล้วนะ ฟาร์คัส //

   นั่นมันเรื่องของข้า
   
// ถ้าเจ้านอนข้าก็ใช้เวลาว่างของข้าไม่คุ้มสิ ฟาร์คัส //

   ถ้าเจ้าว่างมาก เจ้าก็ช่วยไปทำอะไรสร้างสรรค์กว่านี้เถอะ

   // .. ก็ได้ //
   
แล้วเสียงราชาปีศาจก็เงียบไป งอน ? แต่ช่างมันเถอะตอนนี้ข้าง่วงมากปล่อยให้อีกาข้าสอดส่องคนไปแทนแล้วกัน แต่จนรอดจนรอดข้าก็นอนไม่หลับอยู่ดีเพราะสายตาที่จดจ้องมาทางข้าจำนวนมหาศาลรอบตัวที่ถึงแม้จะหลับตาก็ยังรู้สึกได้ เมื่อข้าลืมตาขึ้นมาก็เห็นนกบอกลางจ้องมาทางข้าอีกครั้งซึ่งก็มีจำนวนมากกว่าเมื่อกี้ สายตาที่ส่อว่าเห็นข้าเป็นศัตรูอย่างชัดเจน ถึงแม้พิธีประลองจะเป็นแค่การแสดงฝีมือของนกระดับขนนกทอง แต่นั้นก็มีผลต่อการแย่งชิงบัลลังก์เช่นกัน หากรู้ระดับฝีมือของศัตรูดีก็ไม่ควรกระโดดเข้าไปเสี่ยง
   
กา

   เจ้าอีกาน้อยของข้าส่งเสียงกังวานขณะที่รอบๆ ตัวนั้นนิ่งเงียบ ทำให้นกบอกลางบางคนสะดุ้งตกใจ แต่นั้นก็เป็นส่วนใหญ่ของนกที่มาเลื่อนระดับขนนกตัวเองเท่านั้น ส่วนพวกส่วนน้อยนะเหรอ
   
ขนนกทองคนอื่นๆ ไงล่ะ

   “ เฮ้ ฟาร์คัสเตรียมตัวได้แล้ว  จะเริ่มแล้วนะ ” บาร์ลินที่ไม่สนใจสายตาคนรอบข้างหันมาบอกข้า

   “ อืม ” ข้าพยักหน้ารับและลุกขึ้นยืนไม่สนใจสายตาทั้งหลายที่จ้องมองมา บาร์ลินยิ้มแห้งๆ เมื่อข้าเดินมาเลยไม่ได้บอก ข้าเดินไปยังป้ายประกาศที่แจงให้เห็นว่าใครต้องประลองกับใคร ซึ่งในตอนแรกมันจะไม่มีชื่อปรากกฎเพื่อป้องกันการลอบทำร้ายแต่มันจะปรากฎในตอนก่อนเริ่มแข่งขัน 10 นาที ข้ากวาดสายตามองหาชื่อของตัวเองในแถวระดับบนของขนนกทอง แต่เมื่อเจอก็อดเงียบไปไม่ได้
   
“ . . . ”  ลางสังหรณ์ของข้าช่างแม่นยำ
   
“ ฟาร์คัส เจ้าได้แข่งกับเซอร์เคนเรอะ !! อะไรกันข้าก็อยากแข่งบ้างนะ อย่างงี้ข้าก็อดประลองสิ ถ้าเซอร์เคนประลองกับเจ้าเนี่ย ” บาร์ลินถอนหายใจ “ คู่แข่งของข้าก็ใครก็ไม่รู้ แต่ข้าว่ามันไม่น่าสนใจเลย อย่างน้อยได้ทรอยก็ดีสิ ” บาร์ลินยังคงบ่นแต่ข้าก็ไม่ได้ตอบอะไร

ส่วนนกบอกลางคนอื่นๆ นั้นไม่ได้เข้ามาดู ส่วนหนึ่งน่าจะดูไปแล้วอีกส่วนข้าว่าน่าจะไม่อยากยุ่งกับข้าซะมากกว่า “ ข้าอยู่ชื่อคนแรกแปลว่า ? ” หวังว่าจะไม่ใช่คู่แรกประเดิมสนามนะ
   
“ ใช่ เจ้าคู่แรกเลย ฟาร์คัส ข้าเชียร์เจ้านะ ” บาร์ลินตบไหล่ข้าเบาๆ เชิงให้กำลังใจ
   
ดีจริงๆ ข้าคิดเซ็งๆ ระหว่างที่ก้าวขาไปนั่งรอตรงที่นั่งสำหรับขึ้นลานประลอง บาร์ลินไม่ได้มานั่งกับข้าเพราะชื่อของเขาอยู่แถวท้ายๆ ของการประลอง พิธีประลองส่วนใหญ่จะเป็นแบบสุ่มเอาระดับขนนกดำขึ้นบ้าง แล้วแต่ผู้จัดการประลองจะจัด ข้านั่งเก้าอี้รับรองและฟังเสียงประกาศของโฆษกที่อยู่ข้างนอก
   
/ ยินดีต้อนรับเข้าสู่พิธีประลองครับ !! สวัสดีทุกท่านนะครับ พิธีประลองครั้งนี้ท่านจะได้เห็นการต่อสู้ระดับขนนกทองแสดงฝีมือกันครับ กรรมการจะเป็นท่านขุนนางทั้ง 4 ครับ ประจำอยู่ 4 มุมของอัฒจรรย์นะครับ ได้แก่ท่าน----- /
   
โฆษกยังคำพร่ำพูดไปซึ่งหลังๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจจับประเด็นนักเพราะรู้สึกถึงสายตาเดิมที่เคยมองข้าตอนเช้า ข้าหันไปมองกลับอย่างเย็นชา เซอร์เคนนั่นเอง.. อีกฝ่ายนั่งอยู่ตรงข้ามกับของข้าเพราะเมื่อขึ้นลานประลองจะตรงข้ามกันพอดี เซอร์เคนจ้องมาข้าด้วยสายตาที่เหมือนข้าไปฆ่าพ่อของเขายังไงยังงั้น เจ้าอีกาที่เกาะไหล่ข้าก็ดูไม่ชอบใจสักเท่าไหร่มันจดจ้องเซอร์เคนด้วยสายตาเชือดเฉือนกลับไป
   
ทำไมอีกาของข้าดูดุจัง ข้าว่าข้าไม่ได้อยากบินเข้าไปจิกสักหน่อย แต่แล้วข้าก็ต้องละความสนใจไปฟังเสียงโฆษกประกาศอีกครั้ง
   
// และท่านสุดท้ายนะครับท่านทาริคแห่งนกแร้งครับ  //

   นั่นไง พ่อของเขาไงล่ะ ข้าคิดในใจ
   
// ขอเชิญท่านออวิลล์ราชาแห่งนกบอกลางเปิดพิธีครับ !! //

   แล้วนี้ก็พ่อข้าเอง ข้าคิดขำๆ และเอาเรียกให้เจ้าอีกามาเกาะแขนข้าแทน  ข้าลุกขึ้นยืนเตรียมเดินเข้าไปยังประลอง ซึ่งฝ่ายตรงข้ามข้ามข้าก็เช่นกันแบกแดบไว้ที่ไหล่ การเปิดพิธีการประลองจะไม่ค่อยมีพิธีรีตองอะไรมากมายเพราะเป็นการวัดระดับไม่ใช่งานรื่นเริงอะไรทำนองนั้น ฉะนั้นเมื่อเปิดงานเสร็จก็จะเรียกผู้เข้าร่วมการประลองทันที

// เอาล่ะครับ ขอเชิญคู่แรกขึ้นมาเลยครับ ! //

   เจ้าอีกาปล่อยจากแขนข้าและบินขึ้นไปก่อนพร้อมกับส่งเสียงดังกังวาน ข้าปล่อยให้ปีกสีดำของข้าค่อยๆ งอกออกมาและกระพือปีกขึ้นไปตามอีกาของข้า ข้ากระชับคทาในมือแน่นเมื่อออกไปสู่ลานประลอง ข้าเงยหน้ามองท่านพ่อของข้าที่ยิ้มบางๆ เหมือนให้กำลังใจ
   
// คนแรกนะครับทายาทแห่งราชา ฟาร์คัส ครับ !! //

   เจ้าอีกาที่บินร่อนวนข้างบนรอบนึงก็กลับมาเกาะที่ไหล่ข้า
   
// ส่วนคนที่สองนั้นทายาทของขุนนางทาริค เซอร์เคนครับ !! //
   
มีเสียงเฮดังสนั่นสนามผิดกับข้าที่ไม่มีเสียงอะไร ซึ่งข้าก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมถึงไม่มีเสียงเชียร์ข้าบ้าง แต่ต่อให้มีข้าก็ไม่ได้สนใจอยู่ดี มันไม่ได้มีผลช่วยให้ข้าชนะนี่ ถ้าจะชนะนั่นก็มาจากตัวข้าเองโดยทั้งสิ้น

// เริ่มการประลองครับ !! //
   
เสียงโฆษกพูดดังพร้อมกับเสียงกล่องที่ตีระรัวเสียงดัง
   
ข้าชูคทาของข้าขึ้นมาและร่ายเวททันทีกระแสอากาศรอบๆ ตัวของข้ากำลังสั่นคล้ายกับกำลังหวีดร้อง ส่วนอีกาของข้าก็รู้หน้าที่ของตัวเองดีได้ถลาบินเข้าไปหาเซฮร์เคนที่บินเข้ามาหาข้าอย่างดุดัน เซอร์เคนตวัดดาบใส่อีกาของข้า แต่อีกาของข้าก็ว่องไวเกินกว่าจะมาสับง่ายๆ อีกาของข้ายังคงบินก่อกวนในขณะที่นายของมันยังท่องเวท
   
แต่เซอร์เคนนั้นหาได้ใส่จนอีกาไม่  บินถลาเข้ามาพร้อมกับดาบที่ตอนนี้มีประกายของพลังเวทสีดำคลุมอยู่  อีกาของข้าพยายามร่ายเวทโจมตีใส่แต่เซอร์เคนก็ร่ายเวทโจมตีกลับคืนซึ่งพลังนั่นก็มากกว่าอีกาตัวน้อยของข้า อีกาตัวน้อยจึงเลือกที่จะบินฉวัดเฉวียนด้วยท่าทีที่สุขุมแทนเมื่อใดก็ตามที่เซอร์เคนเปิดช่องว่าง เมื่อนั้นมันจะเป็นโอกาสของมัน

   ในขณะที่เซอร์เคนใกล้เข้ามาข้าก็ร่ายเวทจบพอดี “ บีบอากาศ !! ” ข้าตะโกนเสียงก้องเพื่อให้เวทนี้สัมฤทธิ์ผล ฉับพลันอากาศมวลโดยรอบก็เกิดลมพายุอย่างรุนแรงทั้งสายฟ้าที่ฟาดฟันกับสายลมที่คมกริบ เจ้าอีกาของข้าก็รู้งานดีจึงบินขึ้นไปสูงกว่าเดิมเพื่อไม่ให้โดนเวทของข้า เซอร์เคนที่โดนเวทของข้าถึงกับเผลอหยุดบินถาโถมมาหาข้าและร่ายเวทป้องกันตัวเองจากเวทของข้า

   ซึ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ทั้งข้าและเจ้าอีกาตัวน้อยของข้ารอคอยพอดี ข้าเปล่งเสียงเบาๆ อนุญาตให้อีกาเข้ามาในเวทบีบอากาศนี้ได้ เจ้าอีกาบินโฉบเข้ามาทางด้านหลังพร้อมร่ายเวทโจมตีที่ค่อนข้างรุนแรงขณะที่ข้าร่ายเวทเดียวกันใส่เซอร์เคนที่ตอนนี้ดูลุกลี้ลุกลนจนทำอะไรไม่ถูก แต่เวทที่เขาร่ายออกมากลับมีประสิทธิภาพพอที่จะต้านเวทบีบอากาศอันทรงพลังข้าได้ระดับหนึ่ง แต่เวทบีบอากาศของข้ามันก็แค่อุบายหลอกล่อเท่านั้น เวทโจมตีนี่สิถึงจะเป็นการจบการต่อสู้นี่อย่างแท้จริง
   
ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเซอร์เคนจะต้านทานพลังเวทของข้าได้ แต่แล้วสิ่งที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้นเวทป้องกันของเซอร์เคนกลับค่อยๆ มีไอสีดำค่อยคืบคลานออกมาส่อประกายน่าขนลุก มันกัดกินทั้งสายฟ้าและสายลมของข้าที่เข้าโจมตีมันจนหมด ข้าจึงตัดสินใจอัดเวทดจมตีใส่ทันทีพร้อมๆ กับอีกาน้อยของข้า
   
ตูม

   เสียงระเบิดดังสนั่นแต่ข้าก็ไม่ได้ไว้วางใจว่าข้าชนะการประลองแล้ว ใจจริงข้าอยากใช้เวทหยุดเวลาแต่ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ตรงกับเงื่อนไขมันเลย ข้าจึงได้แต่บินอยู่กับที่และเตรียมตั้งรับหลังจากควันที่ขโมงนี่หายไป เวทบีบอากาศของข้าได้สลายไปแล้วเพราะมันกินพลังเวทของข้าเกินไป

“ อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ”

   เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้น แต่มันไม่ได้ดังในลานประลอง มันเป็นเสียงของพ่อข้า ข้าหันกลับไปดูทันทีอย่างลืมตัว ข้าสะบัดมือเบาๆ ให้เวทลมกระจายควันออกไปจนจางลง ปรากฎร่างของพ่อข้าที่มีเลือดเปรอะเต็มริมฝีปาก ในมือถือแก้วชาที่สั่นน้อยๆ และเผลอปล่อยหลุดร่วงลงไปบนพื้นเมฆ

   ข้าไม่สนใจการแข่งขันอีกต่อไปรีบบินถลาเข้าไปหาท่านพ่อที่ทรุดตัวลงกองกับที่นั่ง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดูจะไม่สนใจเหตุการณ์ภายนอกร่ายเวทคำสาปสีดำสนิทพุ่งมาทางข้าอย่างรวดเร็วจนแม้แต่อีกาของข้ายังเอาตัวขวางไว้ไม่ทันเวปคำสาปปะทะเข้ากับลำคอของข้าอย่างพอดิบพอดี แต่ข้าไม่ได้สนใจข้ายังคงบินรุดหน้าไปหาท่านพ่อของข้า
   
แม้ว่าตอนนี้ข้าจะรู้สึกเจ็บปวดเจียนตายก็ตาม

   แต่เมื่อพอไปถึงข้ากลับพบว่าท่านพ่อของข้านั้นได้แน่นิ่งไปแล้ว หน้าของท่านพ่อยังแสดงสีหน้าที่เจ็บปวดออกมา ร่างกายของท่านพ่อของข้าค่อยๆ กลายเป็นอีกาขนาดย่อมและค่อยๆ สลายหายไป

   “ ท่านราชาได้สวรรคตแล้ว ฉะนั้นผู้ใดก็ตามที่เป็นผู้ชนะสูงสุดในวันนี้จะกลายเป็นราชาขึ้นแทน !! ” ขุนนางทาริคตะโกนก้องเมื่อร่างของพ่อข้าได้สลายไปจนหมดเหลือเพียงมงกุฏที่ประดับไปด้วยพลอยน้ำงามตกอยู่ ขุนนางทาริคพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนไม่ยินดียินร้ายต่อการจากไปขององค์ราชา

   “ ... ” ข้าไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกไป ความเจ็บปวดตอนนี้ได้กัดกินข้าไปทั้งตัว ทายาทของราชาอีกาที่ใครๆ ก็คิดว่าไม่มีความรู้สึกอะไรตอนนี้กลับตัวสั่นน้อยๆ ไม่แม้แต่ตั้งรับกับการโจมตีที่พุ่งเข้ามาอีกครั้ง

   น้ำตาหยดนึงของทายาทแห่งอีกาได้หยดลงบนขาของเจ้าตัวโดยไม่รู้ตัว

   “ หึหึหึ  ” เซอร์เคนหัวเราะอย่างสะใจ เมื่อเห็นดาบของตนใกล้จะบั่นหัวของขวางหนามของเขา  แต่เมื่อเหวี่ยงดาบหมายจะฟันคอกลับโดนสะท้อนออกมาและต้องเบิกตากว้างอย่างหวาดกลัวเมื่อเห็นร่างสีดำสนิทที่มีพร้อมกลิ่นอายความมืดที่ดำมืดยิ่งกว่าคำสาปของเขา ท้องฟ้าตอนนี้ได้เปลี่ยนจากแจ่มใสกลายเป็นมืดครึ้มเหมือนในสวนไม้
   
“ ราชาปีศาจ !! ” เสียงผู้คนบนอัฒจรรย์กรีดร้องและบินหนีกันอย่างอลหม่าน เซอร์เคนตาเบิกกว้างอย่างหวาดกลัวและเหลือบไปเห็นตราประทับสีดำสนิทที่ประทับบนหลังคอของฟาร์คัสยิ่งทำเซอร์เคนกลัวจนตัวสั่นและบินหนีออกไปอย่างตระหนกกลัว

   ราชาปีศาจไม่สนใจสิ่งรอบตัวรีบบินเข้าไปโอบกอดฟาร์คัสไว้ ตอนนี้ฟาร์คัสสำหรับราชาปีศาจได้กลายเป็นแก้วบางๆ เสียแล้ว ถ้าหากไม่ทะนุถนอมให้ดีแก้วนี้ก็พร้อมจะแตกทุกเมื่อ ราชาปีศาจอุ้มฟาร์คัสไว้แนบอกและกวาดสายตามองสิ่งมีชีวิตอื่นอย่างเย็นชา
   
“ หุบปากไปซะ !!! ”
   
ราชาปีศาจตะหวาดก้องเสียงก็ดังก้องทั่วดินแดน  ทำเอานกบอกลางแตกกระจายส่งเสียงกรีดร้องดังยิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นว่ารั้งจะทำให้แย่กว่านี้จึงไม่สนใจ และตอนนี้ราชาปีศาจจึงมองทาริคด้วยสายตาเย็นเยียบ “ เจ้าทำอะไรราชาแห่งนกบอกลาง ”
   
“ ข้าจะไปทำอะไรได้ ราชาปีศาจ ” ทาริคยังคงสุขุมเช่นเดิม แม้ว่าผู้ที่สนทนาด้วยจะเป็นราชาปีศาจก็ตาม ทาริคเหลือบมองฟาร์คัสด้วยสายตาเหยียดหยันน้อยๆ และพูดต่อ “ ถึงแม้ในโลกมนุษย์จะนับเอาทายาทของราชาเป็นราชาองค์ต่อไป แต่ถ้าหากทายาทที่ว่านั้นได้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงของราชาคนอื่น ข้าเองก็เกรงว่านั่นจะไม่เหมาะสมนัก ”
   
บรรยากาศรอบตัวของราชาปีศาจได้กัดกร่อนสิ่งต่างๆ จนเก้าอี้และเมฆสลายหายไปหมด “ เจ้าตอบไม่ตรงคำถาม ” ราชาปีศาจเรียกพลังมวลหนึ่งจำนวนมหาศาลเตรียมจะสังหารร่างตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆ
   
แต่ก่อนที่จะได้สังหารใคร ได้มีมือของทายาทของราชาที่ได้จางหายไปเมื่อกี้กำเสื้อบริเวณอกของราชาปีศาจไว้แน่นและสำลักเลือดออกมาจนเปรอะไปทั่ว ราชาปีศาจสลายพลังมหาศาลและรีบพาร่างที่ตอนนี้บอบช้ำทั้งกายและจิตใจกลับแดนปีศาจทันที

   “ นับว่าเป็นโชคของข้า ” ทาริคพูดเสียงเรียบพร้อมกับยกยิ้มบางๆ

------------

 o22  รู้สึกสงสารฟาร์คัสมากๆ  :hao5:


*****
ตอบคอมเม้นค่ะ

Panp >> พอประลองก็เกิดเรื่องอีกแล้ว 55555  :z13:

Cher7343 >> ขอบคุณที่ชอบค่ะ  :กอด1:

อ๊ายอาย >> เรื่องลงเว็ปอื่นๆ ขอบคุณที่แนะนำค่ะ  :man1: แต่ส่วนใหญ่ลงที่เด็กดีคนจะไม่ค่อยเห็นสักเท่าไหร่ ส่วนตัวไม่ค่อย
ได้เล่นด้วยแต่ก็ลงไปแล้วค่ะ 555  เรื่องส่งสนพ. อาจจะลองส่งดูค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะได้รวมเล่มไหม ขอบคุณที่เป็นกำลังใจค่ะ 
:mc4:

B52 >> ราชาปีศาจเขาขี้แกล้งค่ะ

Bluecherry >>  :man1: กอดๆ เจอกันอีกแล้ว ดีใจจัง  :mc4:

angel_Z4 >> เป็นจริงไม่จริงรอดูตอนหน้าเลยค่ะ   :mew1: สมกับเป็นราชาปีศาจแน่นอนค่ะ  :katai4:

คุณ Vani >> ขอบคุณค่ะ  :L2:
   
   
   สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ  :pig4: รวมถึงนักอ่านด้วย
   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 4 5 เม.ย. 58
«ตอบ #12 เมื่อ05-04-2015 22:53:33 »

..... มีใครหนุนหลังทาริคอยู่บ้างนะ?

สงสารฟาร์คัส  :hao5:

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 4 5 เม.ย. 58
«ตอบ #13 เมื่อ06-04-2015 13:12:07 »

กรี๊ดดดดดดดดดฟาร์คัสลูกแม่!! อย่าเป็นอะไรมากเลยนะ ราชารักษาด่วน :o12:  ...อิพวกแร้งหัวล้าน!ไม่รู้เงาหัวตัวเองซะเเล้วเล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับเมีย(?)ราชาปีศาจ ไม่ได้ตายดีแน่แก/สงสารว่ะ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 4 5 เม.ย. 58
«ตอบ #14 เมื่อ07-04-2015 22:20:39 »

ง้าาาา สงสารน้องกา พ่อโดนฆ่าแล้วยังโดนคนเข้าขับไล่อีก
เฮ้อ ยังดีราชาปีศาจออกโรงเอง ไม่งั้นน้องกาจะโดนไรมั่ง ไม่อยากจะคิด
มาต่อไวๆน้า ชอบๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 5 9 เม.ย. 58
«ตอบ #15 เมื่อ09-04-2015 22:24:37 »

-- ตอนที่ 5 --

“ ฟาร์คัส เจ้าอย่าเป็นอะไรนะ ” ราชาปีศาจพร่ำบอกกับร่างในอ้อมกอดของตน ฟาร์คัสนั้นหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัดใบหน้าที่มักจะติดจะเย็นชาตอนนี้ได้กลายเป็นสีหน้าที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด จนราชาปีศาจเคาเดาไม่ถูกว่ามาจากการความเจ็บปวดทางกายหรือจิตใจกันแน่ ได้แต่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นหวังจะปลอบประโลม

   เมื่อเห็นภาพภายในคฤหาสน์คุ้นตาแสดงให้เห็นว่าได้กลับมาถึงแดนปีศาจแล้ว ราชาปีศาจตะโกนก้องเรียกลูกน้องคนสนิททันที “ ชาคอส !! ” เสียงของราชาปีศาจนั้นดังลั่นไปทั้งคฤหาสน์จนสัตว์เล็กสัตว์น้อยวิ่งหนีกันอย่างตื่นตระหนก ถ้าคนที่รู้จักราชาปีศาจดีจะรู้ว่าอย่าให้ท่านได้รอนานเพราะท่านมีความอดทนไม่สูงนัก
   
ขณะที่ราชาปีศาจจะตะโกนเรียกอีกรอบเพราะฟาร์คัสได้กระอักเลือดออกมาอีกครั้งจนเต็มเสื้อ ร่างที่ราชาปีศาจเรียกก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าราชาปีศาจฉับพลันและค้อมกายลงทำความเคารพ “ มีอะไรให้ข้ารับใช้ครับ ท่านราชา ” ชาคอสเงยหน้าและเอ่ยถามพูดเป็นนายด้วยท่าทีสุขุม
   
“ จงไปตามพอยซ์ มาให้ข้า ! ” ราชาปีศาจตะหวาดกร้าวอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ฟาร์คัสตอนนี้ดูเปราะบางมากจนราชาปีศาจแทบจะฆ่าทุกคนที่ขวางหูขวางตาตอนนี้เป็นการระบายอารมณ์ที่ไม่คงที่ ทำให้บรรยากาศรอบกายของราชาปีศาจนั้นเต็มไปด้วยความเงียบสงัด พวกปีศาจตนอื่นๆ ที่เป็นข้ารับใช้ต่างตัวสั่นน้อยๆ ไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าหากขยับแม้แต่นิดเดียวชีวิตของตนจะสะบั้นไปด้วย

   นอกเสียจากชาคอสเท่านั้นที่ไม่มีท่าทีตื่นกลัว “ ขอรับ ” ชาคอสรับคำและหายตัวไปทันทีและกลับมาพร้อมกับร่างๆ หนึ่งในชั่วพริบตา ขึ้นชื่อว่าคนสนิทขององค์ราชาย่อมีฝีมือพอให้เป็นคนสนิท ชาคอสเขย่าร่างที่ตนพามาด้วยเชิงปลุก เพราะพอยซ์ที่องค์ราชาต้องการตัวนั้นเป็นปีศาจแมวขี้เซามากแต่ฝีมือในการรักษาก็เป็นที่เลื่องลือเช่นกัน นับว่าเป็นปีศาจตนหนึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อในโลกปีศาจพอสมควร
   
“ อืออ อะไรร ” พอยซ์หาวหวอดถามด้วยน้ำเสียงง่วงงุน ต่อพอลืมตาเห็นเป็นราชาปีศาจก็สะดุ้งจนหางฟูหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง “ มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือขอรับ ท่านคาร์บิลัส ” คนที่ทำให้พอยซ์ตื่นนอกจากผู้เป็นเจ้าของดินแดนก็ไม่มีใครอีกแล้ว
   
ราชาปีศาจพยายามระงับอารมณ์หงุดหงิดเมื่อเห็นท่าทีของพอยซ์ที่ดูง่วงงุนทั้งๆ ที่ตรงหน้าคือราชาปีศาจ “ รักษาเขาให้ข้าที ” ราชาปีศาจพูดน้ำเสียงอ่อนลงเมื่อพูดถึงร่างที่ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน
   
“ ขอรับๆ ” พอยซ์กระโดดโหยงอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นราชาปีศาจพูดด้วยน้ำเสียงที่เกิดมาเขาไม่เคยได้ยินจากปากราชาปีศาจสักครั้ง แต่ก็รีบกระโดดเข้าไปดูร่างที่บาดเจ็บของท่านราชาปีศาจอย่างรวดเร็วเพราะกลัวความพิโรธของท่านราชาถ้าหากช้าไปเพียงนิด พอยซ์กระดิกหูตัวเองไปมาอย่างครุ่นคิดและหยิบถุงเก่าๆ ออกมาจากในอากาศ ควานหาสิ่งของที่ต้องการและหยิบออกมาโปรยและท่องเวทเสียงเบา
   
“ ดอกไม้เอ๋ย เกสรเอ๋ย แม้นจะต้องแห้งเหี่ยวเพราะความมืดมิดหาใช่อายุขัย ก็ขอให้จงรับมันไว้แทนเถิด ” เมื่อสิ้นคำของพอยซ์ กลีบดอกไม้ที่โปรยบนตัวของฟาคัสก็แห้งเหี่ยวกลายเป็นสีดำสนิททันที ถึงแม้จะดูง่ายๆ หากแต่กลีบดอกไม้ที่ใช้นั้นก็หายากมากแต่พอยซ์ก็ได้เพาะเก็บไว้เต็มหลังบ้านไปหมดรวมถึงสมุนไพรชนิดอื่นๆ ด้วยที่พอยซ์สรรหามาปลูก ซึ่งมันออกจะมากกว่านี้ถ้าเจ้าตัวไม่มัวแต่หลับจนไม่ได้ปลูก

   ร่างกายของฟาคัสเหมือนกับดูมีสีสันดังปกติขึ้นมาทันตาแต่ก็ไม่ได้ฟื้นขึ้นมาอยู่ดีทำเอาราชาปีศาจอดกลัวไม่ได้ “ ทำไมเขาไม่ฟื้น ? ” ราชาปีศาจเอามือเกลี่ยใบหน้าของทายาทอีกาเบาๆ ราวกับกลัวว่าร่างตรงหน้าจะสลายหายไป
   
“ เอ่อ ท่านเขา ? เขาโดนคำสาปน่ะขอรับ ตอนนี้ข้าได้ถ่ายโอนคำสาปใส่ดอกแกลส์แล้ว แต่คำสาปก็ยังคงมีฤทธิ์อยู่นะขอรับ ตอนนี้ท่านเขาแค่สลบเฉยๆ ขอรับ ” พอยซ์ที่ไม่รู้จะเรียกผู้บาดเจ็บตรงหน้าว่าอะไรได้แต่ใช้สรรพนามแปลกๆ ในการเรียก
   
“ แล้วทำไมคำสาปยังคงมีฤทธิ์ล่ะ พอยซ์ ” เสียงของราชาปีศาจเยียบเย็นพอๆ กับประกายตาที่จ้องมองพอยซ์อย่างดุร้าย

   “ ขะ ข้าอธิบายได้นะขอรับ ! ” พอยซ์ขนลุกกราวไปทั้งตัว วันนี้ช่างเป็นวันอาภัพของข้าซะจริง ! “ คำสาปที่ท่านเขาโดนเป็นคำสาปที่แม้จะถูกถอนออกไปแล้วก็ยังคงอยู่น่ะขอรับ แต่ท่านไม่ต้องกังวลนะขอรับ ฤทธิ์ที่รุนแรงดอกแกลส์ได้รับไปแทนหมดแล้วครับ เหลือแต่ฤทธิ์ที่ทำให้ความทรงจำเลอะเลือนนะขอรับจำได้เพียงเรื่องที่เกิดขึ้นใหม่กับฤทธิ์ที่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียเพราะคำสาปกัดกินพลังเวท ” พอยซ์ตอบอย่างตื่นตระหนกแต่ฉะฉานราวกับท่องมา     “ ดอกแกลส์ของเจ้าเลือกแต่คำสาปที่รุนแรงงั้นเหรอ พอยซ์ ” แววตาเรียบเฉยบ่งบอกอารมณ์ของราชาปีศาจ

   “ ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกันขอรับ !! ดอกแกลส์ที่ข้าใช้ปกติก็จะรองรับคำสาปทั้งหมดแต่ครั้งนี้มันน่าจะดูดซับแต่ที่รุนแรงจริงๆ ไว้เพราะมันไม่สามารถรับได้หมด ”

   ราชาปีศาจนิ่งไปสักพักและเอ่ยถาม “ แล้วข้าทำอะไรได้บ้าง ”

   “ ทะ ท่านแค่ช่วยดูแลท่านเขาให้ดีครับอย่าให้คลาดสายตาเพราะถ้าหากคำสาปที่กัดกินพลังเวทของเขาเกิดกำเริบขึ้นมารุนแรงอาการจะทรุดตัวลง ถึงตอนนั้นถ้าหากมันกำเริบขึ้นมาให้ท่านถ่ายพลังเวทให้ท่านเขาครับ “
   
บรรยากาศรอบตัวราชาปีศาจดูหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด “ อีกนานไหมกว่าจะถอนคำสาปได้ ? ”

      “ 5 วันขอรับ คืนวันเพ็ญจะทำให้คำสาปพลังอ่อนลง ท่านแค่ใช้เวทถอนคำสาปธรรมดากับให้ท่านเขากินยาเม็ดนี้ขอรับ ” พอยซ์ล้วงเอายาเม็ดที่ว่าในถุงและยื่นให้กับราชาปีศาจ

“ อืม ขอบใจมาก ” ราชาปีศาจรับยาเม็ดเล็กและโยนเข้าไปในอากาศและมันก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมๆ กับพอยซ์ที่ได้หายตัวไปเช่นกัน

“ อย่าได้กลัวไปเลย ฟาร์คัส ข้าจะปกป้องเจ้าเอง อีกาของข้า ”
   
   เสียงการเฉลิมฉลองรื่นเริงได้กลบความเศร้าโศกของนกบอกลางทั้งหลาย ถึงแม้การจากไปขององค์ราชาจะเป็นเรื่องที่น่าเสียใจแต่ก็น้อยคนนักที่รู้ว่าราชาของตนนั้นไม่ได้ตายเพราะความชราของตนเอง ส่วนผู้ที่รู้นั้นก็จะปิดปากเงียบและทำท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น                                                                                                                     

ทาริคจิบไวน์สูตรเฉพาะของนกบอกลางด้วยอารมณ์ยินดี วันนี้มีงานเฉลิมฉลองราชาแห่งนกบอกลางคนใหม่ซึ่งเซอร์เคนก็ได้ครองตำแหน่งไปโดยปริยายตามที่เขาได้วางแผนไว้ ในอีก 5 วัน จะเป็นพิธีมอบมงกุฏราชาแห่งนกบอกลาง วันนั้นทั้งเขาและลูกชายของเขาจะได้ครอบครองทุกอย่างในดินแดนแห่งนี้ ถึงแม้ว่าจะต้องทรยศของนายเหนือหัว ใช้เล่ห์กลต่างๆ นานาเพื่อดึงเอาขุนนางฝ่ายในทั้งหมดเข้าเป็นพวก การแทรกซึมเข้าไปเพื่อก่อกบฏนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ถ้าหากค่อยเป็นค่อยไปก็ไม่ได้ยากเกินกว่าความสามารถของนกขุนนางแก่ๆ ที่คร่ำหวอดกับวงการนี้มาเป็นเวลานาน

ทาริคเหยียดยิ้มเบาบางเมื่อนึกถึงทายาทของราชาองค์เก่าของตน ฟาร์คัส ทายาทของท่านราชาที่แข็งแกร่งเกินกว่าที่ใครจะสู้ได้ ถ้าหากเขาไม่ใช้โอกาสที่อีกฝ่ายทีเผลอละก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะอีกาตัวนี้ แต่ตอนนี้อีกาที่เป็นขวากหนามในการไต่เต้าขึ้นจุดสูงสุดของชีวิตของเขาก็ได้หายไปแล้ว คำสาปของเซอร์เคนนั้นไม่ใช่เรื่องที่สบประมาทได้ง่ายๆ เวทคำสาปของเซอร์เคนเปรียบเสมือนปลิงที่ดูดเลือดจนอวบอ้วนแล้วถึงยอมปล่อยไปแต่โดยดี กว่าจะถอนคำสาปได้ฟาร์คัสไม่มีทางมาทันพิธีมอบมงกุฏเป็นแน่

แต่เมื่อคิดถึงผู้ที่มาช่วยเหลือฟาร์คัสก็ทำให้ทาริคขบกราม ไม่รู้ว่าเจ้าอีกานั่นไปทำอะไร ถึงได้ราชาปีศาจมาช่วยแบบนั้น ถ้าหากราชาปีศาจช่วยให้ไอ้อีกานั่นกลับมาทัน เรื่องที่ข้าค่อยๆ ทำจนสำเร็จไปทีละขั้นอาจพังทลายลงไปชั่วพริบตา ดวงตาของทาริคหรี่เล็กลงและร่ายเวทสั่งให้นกพิราบไปส่งสารทันที

ข้าไม่มีวันยอมให้ใครหน้าไหนเอาบัลลังก์ของข้าไปทั้งนั้น


“ ฟาร์คัส เจ้าควรจะตื่นขึ้นมากินข้าวเช้าได้แล้วนะ ” มีเสียงดังกระซิบข้างหูของข้า

เสียงใคร ? ข้าคิดในใจและค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเห็นร่างของชายคนหนึ่งที่มีเขาที่คล้ายเขาแพะบนหัวมีผมสีดำสนิทแต่ปลายผมติดจะแดง ตัวค่อนข้างใหญ่กว่าข้ามากและทำหน้าที่ดูเหมือนเป็นห่วงข้ามากๆ “ เจ้าเป็นใคร ? ” ข้าถามออกไปเสียงเรียบ

ถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายความจำเลอะเลือนแต่ราชาปีศาจก็อดสะเทือนใจไม่ได้ ข้าชอบฟาร์คัสที่มีความทรงจำมากกว่าแต่ตอนนี้ข้าว่าข้าน่าจะถือโอกาสทำอะไรแปลกใหม่ดีกว่า “ ข้าเหรอ ? ข้าก็เป็นแฟนของเจ้าไงล่ะ ฟาร์คัส ” ได้แกล้งอีกฝ่ายตอนนี้น่าจะเป็นโอกาสที่หาได้ยากในยามปกติ

“ แฟน ? ” ฟาร์คัสทำหน้างุนงงยิ่งกว่าเดิม เขานึกอะไรไม่ออกเลย แฟน ? เขาเคยมีแฟนด้วยเหรอ ที่จำได้มีเพียงชื่อของตัวเองเท่านั้น ถ้าหากอีกฝ่ายหลอกข้าล่ะ

“ ใช่แฟนของเจ้าไงล่ะ คาร์บิลัส ราชาปีศาจ ” ราชาปีศาจยังคงแถต่อ ถ้าหากเขาบอกว่าเป็นเจ้านายของฟาร์คัส ฟาร์คัสอาจจะไม่เชื่อก็ได้

“ คาร์.. บิลัส  ” ข้าทวนชื่อออกมาแต่ก็ยังนึกอะไรไม่ออกอยู่ดีแต่เมื่อมองหน้าของอีกฝ่ายที่ทำหน้าเหมือนลูกสุนัขหงอยยังไงยังงั้นก็เผลอหัวเราะเบาๆ ออกมา อะไรกัน แฟนของข้าเป็นถึงราชาปีศาจเลยเหรอ ข้าว่านี้ไม่ได้หนีออกจากสุนัขเท่าไหร่เลยนะ

ราชาปีศาจอดสะท้านน้อยๆ ไม่ได้ ฟาร์คัสกำลังหัวเราะ ? ข้าไม่เคยอีกฝ่ายหัวเราะเลยแม้แต่ครั้งเดียว อารมณ์ที่แสดงออกมาส่วนใหญ่มักจะเป็นอารมณ์โกรธหรือหงุดหงิดอะไรทำนองนั้นเวลาที่ข้ากวน ข้าคิดว่ายามที่ความทรงจำเลอะเลือนน่าจะแสดงนิสัยที่แท้จริงของฟาร์คัสออกมา ดูเหมือนคราบเย็นชาภายนอกจะเหมือนเกราะกำบังนิสัยที่แท้จริงของฟาร์คัสเอาไว้ แต่ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า “ ฟาร์คัสเจ้าหิวหรือยัง ? ”

“ ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ก็เอามาเถอะ ”

“ ชาคอส !  ” ราชาปีศาจตะโกนเรียกลูกน้องคนสนิททันที ร่างที่ราชาปีศาจต้องการก็ปรากฎตัวพร้อมกับข้าวเช้าทันที ในยามปกติราชาปีศาจจะไปกินข้าวที่ห้องอาหารที่มีโต๊ะตัวยาวและอาหารเรียงรายยาวไป แต่มีเพียงเขาคนเดียวที่นั่งเท่านั้น
ชาคอสค้อมตัวลงเคารพครั้งหนึ่งก่อนอย่างนอบน้อมและยกถาดอาหารเช้าให้ผู้เป็นนาย ชาคอสลอบมองแขกของท่านประทานด้วยสายตาเรียบเฉย เขารู้ว่าร่างที่กำลังนั่งกินขนมปังตรงหน้าเป็นใคร ทายาทแห่งอีกาที่ท่านราชาไปถูกใจด้วยตอนไหนก็ไม่อาจทราบได้ เมื่อยืนไปสักพักไม่มีคำสั่งอะไรเพิ่มเติมชาคอสก็เอ่ยขอตัวและปล่อยให้ข้ารับใช้ที่อยู่นอกห้องราชาปีศาจรับใช้ไป

“ ข้าว่าท่านไม่ใช่แฟนของข้าจริงหรอก ท่านราชาปีศาจ ” ฟาร์คัสบอกกลับราชาปีศาจขณะที่กิน “ แต่ข้าก็ขอบคุณสำหรับการดูแลของท่านนะ ท่านราชา ฟาร์คัสยิ้มบางๆ ให้กับราชาปีศาจ

ถึงแม้ความทรงจำยังเลอะเลือนแต่ความเฉลียวฉลาดของฟาร์คัสก็ยังคงอยู่ แต่ไอ้รอยยิ้มบางๆ ของฟาร์คัสทำเอาข้าอยากกอดชะมัด รอยยิ้มของฟาร์คัสที่หาได้ยากในยามปกติทำให้ข้าอดคิดเล็กๆ ไม่ได้ว่าอยากให้อีกฝ่ายแสดงอารมณ์ตรงไปตรงมาของตัวเองออกมาบ้าง ดังเช่นตอนนี้

“ ไม่เป็นไรข้าเต็มใจอยู่แล้ว ” ราชาปีศาจตอบอย่างอ่อนโยน อย่างน้อยก็มีเวลาถึง 5 วันที่จะเก็บเกี่ยวนิสัยที่แท้จริงของฟาร์คัสเอาไว้

“ แล้วท่านราชาปีศาจไม่ทำงานหรือ ? ”

“ เจ้าอย่าพูดถึงมันสิ ฟาร์คัส ” ราชาปีศาจตอบดูสีหน้าแหยงๆ นอกจากงานที่ใช้กำลังก็ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว พวกงานบริหารข้าทำได้แต่ไอ้งานที่จมปลักกับการอ่าน อ่าน และอ่านนี้ไม่ค่อนถูกโฉลกด้วยนัก ฉะนั้นราชาปีศาจจึงพยายามเลี่ยงพวกเอกสารที่ข้อความเยอะแต่กระนั้นราชาปีศาจก็ยังคงต้องอ่านอยู่ดีโดยให้ชาคอสสรุปออกมาอีกที ทั้งๆ ที่ความจริงจะปล่อยให้ชาคอสทำแทนไปก็ได้ แต่หากอำนาจตกอยู่ที่ใครนานๆ ความจงรักภักดีอ่านจะแปรผันก็เป็นได้

เหมือนกับพ่อของฟาร์คัสที่โดนขุนนางที่ไว้ใจหักหลังอย่างไม่ไยดี ราชาปีศาจทอดสายตามองอีกาที่ไม่ถามอะไรต่อกำลังจิบนมและมองสำรวจห้องนอนของเขา ในระยะนี้เขาตั้งใจว่าจะเก็บเรื่องพ่อของฟาร์คัสไว้ไม่ให้อีกฝ่ายจำได้ น้ำตาในวันนี้ก็บีบคั้นใจของเขาเกินพอแล้ว คนที่ดูแข็งแกร่งมาตลอดพอร้องไห้กลับดูเปราะบางยิ่งกว่าคนที่ร้องไห้เป็นประจำด้วยซ้ำ  ราชาปีศาจจึงตัดสินใจแอบส่งสายสืบเข้าไปในดินแดนของนกบอกลางเพื่อสืบข่าวสารไว้  เมื่อฟาร์คัสหายดีไม่ว่าฟาร์คัสต้องการจะทำอะไรข้าก็จะทำ

“ ห้องนอนของท่านช่างใหญ่โตนักนะ ท่านราชา ท่านอาศัยคนเดียวหรือ ? ” ฟาร์คัสเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นห้องนอนของราชาปีศาจที่ใหญ่พอที่จะจุคนได้เป็นร้อย แต่ถึงแม้มันจะมีขนาดใหญ่กลับดูสบายตาอย่างประหลาดเมื่อการตกแต่งสิ่งของทุกอย่างในนี้ประณีตมาก

“ ใช่ ข้าอาศัยคนเดียว ห้องนี้เป็นห้องพักผ่อนของข้าน่ะ ถ้าเล็กเกินไปเกรงว่าจะไม่ค่อยสมฐานะของข้านัก ” ความจริงราชาปีศาจก็ไม่ได้อยากได้ห้องที่ใหญ่ขนาดนี้หรอก แต่ชาคอสเป็นคนดำเนินการก่อสร้างให้ข้าจึงได้โอ่อ่าขนาดนี้

ก็อก ก็อก

“ ใคร ” ราชาปีศาจตะโกนถามอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะเวลานี่มีเพียงคนเดียวที่มาเคาะประตูห้องของเขาเท่านั้น

“ คอร์สขอรับ !! ” เสียงด้านหลังประตูตะโกนออกมาฟังอู้อี้

“ เข้ามา ” ไม่ว่าเปล่าราชาปีศ่าจใช้เวทช่วยเปิดประตูอีกด้วย เผยให้เห็นร่างที่มาเคาะประตูเป็นปีศาจกระต่ายร่างอ้วนเดินหอบเอกสารสูงเลยหัวเดินมาทางราชาปีศาจแม้จะไม่เห็นทางข้างหน้ากลับเดินได้โดยไม่ชนอะไรในห้อง

“ เอกสารสำหรับวันนี้ขอรับ ” คอร์สวางเอกสารที่ถือมาวางไว้ที่โต๊ะทำงานที่บัดนี้ได้เลื่อนมาอยู่ใกล้ๆ เตียง

“ นี่ชาคอสสรุปมาให้ข้าแล้วหรือยัง ” ราชาปีศาจมองเอกสารด้วยวความเซ็งจับใจ ทั้งๆ ที่วันนี้มีแผนพาฟาร์คัสหนีเที่ยวแท้ๆ

“ สรุปแล้วขอรับ ” เจ้ากระต่ายกระดิกหูตอบ “ ที่มันเยอะขนาดนี้น่าจะเพราะเมื่อวานท่านหายไปช่วงที่กำลังประชุมน่ะขอรับ จึงมีรายงานการประชุมมาให้ท่านอ่านอย่างละเอียดขอรับ ”

ฟาร์คัสมองกระต่ายตัวอ้วนด้วยท่าทีสนใจ กระต่ายตัวอ้วนที่อยู่ในชุดสีดำดูเรียบร้อยตัดกับสีขนของมันที่เป็นสีขาว ระหว่างที่คุยกับราชาปีศาจมันกระดิกหางสั้นๆ ไปมา

“ มีงานข้างนอกไหม ” ราชาปีศาจถามหยั่งเชิง

“ มีขอรับ ที่หมู่บ้านกอรัสแถบทางใต้มีมังกรดำอาระวาดอยู่ ท่านชาคอสบอกว่าถ้าหากท่านจะถือโอกาสเที่ยวด้วยก็ได้แต่ให้กลับมาทำเอกสารให้เสร็จก่อนพรุ่งนี้ขอรับ ”

มังกรดำ ? ฟาร์คัสทวนสั้นๆ ในใจ เท่าที่ฟังแล้วเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยน่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวสักเท่าไหร่ เหมือนใครสักคนสอนข้าว่า อย่าไปยุ่งกับสัตว์ดึกดำบรรพ์ ใครกัน ข้านึกแต่กลับนึกอะไรไม่ออกมีเพียงความว่างเปล่าในหัว รู้ตัวอีกทีโดนราชาปีศาจคว้าแขนแล้ว

“ ไปเที่ยวกัน ฟาร์คัส !! ” ราชาปีศาจพูดด้วยเสียงสนุกสนานจนฟาร์คัสเอ่ยค้านอะไรไม่ทัน

เพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็โผล่เข้ามาในป่าแห่งหนึ่ง เป็นป่าคล้ายป่าดงดิบมีทั้งหญ้ารกครึ้ม เถาวัลย์ไม้ต่างๆ ละลานตา มีหมู่บ้านหลังย่อมกระจายโดยรอบแต่กลับไร้ร่องรอยของเจ้าของบ้าน อีกทั้งสัตว์ต่างๆ ที่มักจะโผล่ให้เห็นหรือเสียงนกร้องกลับไม่มีโดยสิ้นเชิง

“ เดี๋ยวค่อยไปเที่ยวหมู่บ้านใกล้ๆ แล้วกันฟาร์คัส ดูท่าที่นี้พวกผู้คนจะหนีออกไปหมดแล้ว ” ราชาปีศาจถอนหายใจเหนื่อยๆ ออกมา แต่ดวงตากลับส่อประกายคล้ายสัตว์ป่าออกมา “ เจ้าอยากได้สัตว์เลี้ยงไหมฟาร์คัส ”

“ ... ถ้าเจ้าให้ข้าจะรับไว้แล้วกัน ” ฟาร์คัสตอบกลับไปพลางกวาดสายตามองไปทั่ว ทั้งๆ ที่เมื่อกี้บรรยากาศรอบข้างยังเป็นห้องนอนตอนนี้กลับกลายเป็นป่าไปแล้ว ดูท่าคาร์บิลัสน่าจะเป็นราชาปีศาจจริง ข้าเห็นหนูตัวเล็กๆ ตัวนึงวิ่งออกมาทางข้าอย่างตื่นตระหนก จนอดฉงนไม่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันตกใจอะไรกัน ?

ก๊าซซซซซซ

แล้วคำถามในใจของข้าก็กระจ่าง ป่าดงดิบตรงหน้าที่เดิมเป็นสีเขียวอุดมสมบูรณ์ตอนนี้กลับถูกร่างมังกรที่โผล่มาตอนไหนไม่รู้ทับเข้าจนบี้แบน มันส่ายหางไปมากวาดต้นไม้ให้ล้มระเนระนาดและเมื่อมันเห็นข้ากับคาร์บิลัสก็พ่นลูกไฟสีดำออกมาทันที แต่ข้าก็กระโดดหลบออกจากวิถีได้ทัน  ข้าหันไปมองราชาปีศาจอย่างเป็นห่วงพบว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองมาเช่นกัน แต่สีหน้าดูน่าสงสารมาก สงสัยเมื่อกี้ข้าจะกระโดดก่อนที่ราชาปีศาจจะคว้าแขนล่ะมั้ง ข้าอดฉงนกับตัวเองไม่ได้ ความจริงแล้วข้าเป็นใครกัน ถึงได้มีปฏิกิริยาไวเกินกว่าที่ราชาปีศาจจะจับตัวได้ทัน

ก๊าซซซซซ

มันกู่ร้องอีกครั้งและกระพือปีกพาร่างของมันพุ่งเข้ามาทางข้าอีกครั้ง ด้วยความเร็วของมันต่อให้ข้ากระโดดหลบอีกครั้งก็คงไม่ทัน แต่ถ้าเป็นเวทล่ะ ? ข้าใช้เวทได้หรือเปล่า ข้านึกถึงวงเวทที่สามารถพาข้าเคลื่อนย้ายไปที่แถวๆ นี้ ฉับพลันวงเวทก็ปรากฎและพาร่างของข้าเคลื่อนย้ายไปทันก่อนที่ร่างของข้าจะโดนมังกรทับจนบี้แบน

“ เจ้ากล้าทำร้ายฟาร์คัสเหรอ !! ไอ้กิ้งก่า ” ราชาปีศาจตะโกนกร้าว เรียกพลังสีดำมวลมหาศาลโจมตีใส่เจ้ามังกรดำหากแต่มันกลับหลบได้หวุดหวิดแต่ก็ทิ้งบาดแผลไว้บนร่างของมันเช่นกัน มันกู่ร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง พ่นทั้งไฟและกระพือปีกเรียกลมพายุออกมา ทำให้พื้นแถบนั้นค่อยๆ พังถล่ม

ราชาปีศาจร่ายเวทโจมตีอีกครั้งลูกใหญ่กว่าเดิมมันหมุนวนเป็นริ้วๆ อย่างรวดเร็วคล้ายกับพายุของเจ้ามังกรดำ แต่ในขณะที่ราชาปีศาจกำลังร่ายเวทในใจกลับร้อนรุ่นจนทำอะไรไม่ถูก ข้ารู้ว่าฟาร์คัสน่าจะเอาตัวรอดได้ แต่ภาพตรงหน้าที่เห็นเจ้ามังกรดำนี้พุ่งเข้าไปทับก็ทำเอาข้าขวัญกระเจิงเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ข้าเป็นราชาปีศาจกลับปกป้องอีกฝ่ายไม่ได้ ฟาร์คัสกระโดดออกไปก่อนที่ข้าจะคว้าไว้ได้ทัน นัยน์ตาของราชาปีศาจค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

แต่ก่อนที่ราชาปีศาจจะโยนพลังมวลมหาศาลใส่มังกรดำกลับมีเสียงคุ้นเคยเรียกราชาปีศาจทางด้านหลัง “ เอ่อ ท่านคาร์บิ.. ลัส ท่านบอกจะเก็บเป็นสัตว์เลี้ยงให้ข้าไม่ใช่เหรอ ” ฟาร์คัสเรียกราชาปีศาจพลางมองมวลที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย ดูน่าหวั่นเกรงแต่น่าแปลก ที่ไม่ได้ทำให้ข้ารู้สึกกลัวอะไรนัก

“ เจ้าอยากได้งั้นเหรอ ฟาร์คัส ” ตาของราชาปีศาจค่อยๆ อ่อนสีลงเป็นสีเทาตามปกติ รวมถึงมวลพลังที่ค่อยๆ ลดลงแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่าหวันเกรงหายไป

“ ได้ก็ดี ข้าอยากรู้ว่าถ้ามีมังกรเป็นสัตว์เลี้ยงคนอื่นจะทำหน้ายังไง ”

“ ตามที่ต้องการ ฟาร์คัสของข้า ” ราชาปีศาจรับคำเบาๆ และปาลูกพลังในมืออกไปทางมังกรที่ยังคงบ้าคลั่งอยู่ ในขณะที่ลูกพลังของราชาปีศาจเข้าใกล้มังกรมันก็ได้เปลี่ยนรูปร่างเป็นปลอกคอสีดำทมิฬคว้าเข้าที่คอของเจ้ามังกรดำ เจ้ามังกรกู่ร้องออกมาดังสนั่นมันกระสับกระส่ายยิ่งกว่าเดิมแต่ได้เพียงครู่ด้วยก็สงบลงและค่อยๆ ตัวเล็กลงกลายเป็นลูกมนุษย์ ?

ข้ามองเจ้ามังกรดำดุร้ายเมื่อกี้ที่ได้กลายเป็นลูกมนุษย์อย่างไม่เชื่อสายตา ร่างใหญ่โตขนาดนั้นร่างมนุษย์กลับเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ถ้าหากเป็นร่างโตเต็มวัย ที่นี้คงพังพินาศไปหมด เจ้ามังกรดำนั่นดูงุนงงและเดินมาหาข้าด้วยท่าทางไร้พิษภัย

“ แม่ !! ” เจ้าลูกมังกรคว้าเข้าที่ขาข้าและพูดออกมา “ แก๊ซ ! หิวววว ” มันทำหน้าตาน่าสงสารแต่แอบแทะขาข้า ซึ่งข้าอยากได้สัตว์เลี้ยงต่างหากและไม่ใช่แม่ของเจ้าด้วย

ราชาปีศาจเห็นหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของฟาร์คัสก็เผลอหัวเราะออกมา “ ดูเหมือนว่าเจ้าจะต้องเป็นแม่มันแล้วล่ะ ฟาร์คัส มังกรดำมักจะทิ้งลูกให้เอาชีวิตรอดเอง ”

“ ทำไมข้าต้องเป็นแม่ด้วยล่ะ ” ฟาร์คัสทำหน้าเบื่อแต่มือกลับยีผมเจ้าตัวที่แทะอยู่เบาๆ 

ราชาปีศาจไม่ตอบอะไรแต่แอบอมยิ้มอยู่คนเดียว

“ แก็ซ ! หิวววววววววววววววววววววววววววววว ”

ดูเหมือนว่าข้าต้องไปหาอาหารให้เจ้ามังกรดำงี่เง่านี่โดยด่วน

---------------

ช่วงนี้น่าจะถือเป็นช่วงที่ผ่อนคลายของเรื่องช่วงนึง หลังจากอ่วมมานาน  :mc4:

ก่อนที่จะไปเจออะไรหนักๆ ต่อ  :z6:

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ  :3123:

และขอบคุณทุกคอมเม้นเลย // กอด  :man1:  * ห้ามสลัดออกด้วย 5555


 
 
 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 5 9 เม.ย. 58
«ตอบ #16 เมื่อ09-04-2015 22:38:08 »

 :กอด1: :กอด1: กอดคุณ foggy time ด้วยนะค้าา ^^

ฟาร์คัสจะหายทันไหมนี่?? อันที่จริงการแย่งตำแหน่งในวังนี่มันน่าเศร้านะ TvT

แต่ตอนนี้ได้สัตว์เลี้ยงเป็นมังกรดำซะด้วย หวังว่าอนาคตคงจะช่วยฟาร์คัสได้บ้างนะหนู ;p

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 5 9 เม.ย. 58
«ตอบ #17 เมื่อ10-04-2015 11:23:24 »

แม่เป็นอีกา พ่อเป็นราชาปีศาจ ลูกเป็นมังกรดำ 55555555 ครอบครัวนี้น่ารักจริงๆ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 6 12 เม.ย. 58
«ตอบ #18 เมื่อ12-04-2015 20:58:44 »

-- ตอนที่ 6 --
ก่อนที่จะได้เข้าไปยังหมู่บ้านอีกหมู่บ้านหนึ่ง ข้าก็เอ่ยทักเรื่องรูปลักษณ์ของราชาปีศาจซะก่อนเพราะเกรงว่าหากไปในฐานะของราชาปีศาจ คงเที่ยวไม่สนุกเท่าไหร่ คงมีแต่การประจบและความสงบเสงี่ยมล่ะมั้งหากได้เข้าไป อีกทั้งเขาแพะของราชาปีศาจนั้นก็สังเกตได้ง่ายมากจนแม้จะเดินในหมู่คนก็ยังเห็นราชาปีศาจก่อนใคร

   “ เจ้าคิดอย่างนั้นเหรอ ฟาร์คัส งั้นข้าจะเปลี่ยนให้เจ้าแล้วกัน ” ราชาปีศาจที่ใจคิดแต่เรื่องจะเที่ยวไม่ได้คิดถึงความจริงข้อนี้ก็เออออห่อหมดตาม ยอมร่ายเวทเปลี่ยนง่ายๆ ทันที โดยเผื่อแผ่มาทางฟาร์คัสและเจ้ามังกรดำงี่เง่าด้วย จากชุดหรูหราทั้งของราชาปีศาจและฟาร์คัสกลายเป็นชุดนักเดินทางขนาดพอดีตัวโดยฟาร์คัสมีกระเป๋าเป้ใบเล็กประดับบนหลังอีกด้วย สีผมของราชาปีศาจเปลี่ยนเป็นสีเทาเหมือนกับสีของนัยน์ตา เขาแพะที่เคยค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเขากวางสั้นๆ แทน ส่วนเจ้ามังกรเดิมที่ไม่มีชุดอะไรได้ชุดเอี๊ยมเด็กสีดำไป

   โดยที่ข้าไม่ลืมสั่งเจ้ามังกรดำ “ ห้ามร้องแก๊ซๆ นะ เจ้ามังกรดำ ” ข้ามองมันด้วยสายตาละเหี่ยใจเพราะมันสบตาข้าด้วยตากลมๆ และร้องแก๊ซออกมาอยู่ดี ว่าแต่ปลอกคอของเจ้ามังกรนี่ดูเด่นเกินไป “ ข้าว่าปลอกคอของเจ้ามังกรนี่เปลี่ยนเป็นสร้อยแทนดีไหม ? ” ข้าหันไปถามความเห็นราชาปีศาจ

   “ แล้วแต่เจ้าสิ ” ราชาปีศาจค่อนข้างตามใจฟาร์คัสสะบัดมือเบาๆ ปลอกคอก็กลายเป็นสร้อยคอเส้นน้อยสีดำทมิฬทันที “ จริงสิ เจ้ายังไม่ตั้งชื่อเจ้านี่เลยนี่ ฟาร์คัส ”

   “ จริงด้วยสินะ ” แล้วชื่ออะไรดีล่ะ ? ฟาร์คัสมั่วชื่ออกมาชื่อนึง“ ดัฟฟ์แล้วกัน ”

   “ ดับ ? ” ดัฟฟ์ทวนชื่อตัวเองแบบผิดๆ ด้วยหน้าใสซื่อ
   
“ ดัฟฟ์ ” ข้าออกเสียงให้ดัฟฟ์ฟังอีกรอบ ถ้าหากเรียกผิดอีกข้าก็ไม่แก้ให้แล้ว เพราะเรียกบ่อยๆ เดี๋ยวก็รู้เองแหละชื่ออะไร “ ไปกันเถอะ ท่านราชาปีศาจ ” ข้าหันไปบอก

   “ เรียกข้าว่าคาร์บิลัสก็ได้ ”

   “ อืม คาร์บิลัส ” ข้าเออออตามไปอย่างไม่ใส่ใจ จะเรียกอะไรก็เหมือนกันนั่นแหละ

   “ ฆ่าบี้ลัส !! ” ดัฟฟ์พูดออกมาด้วยเสียงเล็กแหลมและมองหน้าราชาปีศาจคล้ายกับกำลังภูมิใจว่าตนนั้นสามารถพูดได้ ดัฟฟ์ยังคงแทะขาของฟาร์คัสอยู่แม้จะเปลี่ยนชุดไปแล้วก็ตาม ยังดีที่ชุดนี้ค่อนข้างหนาไม่เช่นนั้นขาของฟาร์คัสคงเป็นรอยแทะของเจ้ามังกรดำนี่

“ ฆ่า บี้ ลัส บ้านเจ้าสิ  ” ราชาปีศาจโวยวายเพราะชื่อที่สัตว์เลี้ยงนี่ออกเสียงแย่และโหดร้ายเกินกว่าจะเป็นชื่อใคร “ คาร์-บิ-ลัส  พูดตามข้า ” ราชาปีศาจพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่แต่ดัฟฟ์หาได้สนใจไม่ มันกระโดดหลบไปอยู่หลังฟาร์คัสและแทะมือฟาร์คัสแทน “ เจ้า.. ” ราชาปีศาจกัดฟันกรอดเมื่อเห็นดัฟฟ์เหมือนจะหยามน้อยๆ
   
“ ช่างมันเถอะ คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสใช้มือข้างที่ว่างตบไหล่คาร์บิลัสเชิงให้กำลังใจทั้งๆ ที่แอบยิ้มอยู่ “ เดี๋ยวข้ากับดัฟฟ์จะไม่ได้เที่ยวซะก่อน ”

   “ เห็นแก่เจ้าแล้วกัน ” ราชาปีศาจยอมถอยทัพและคว้าแขนของฟาร์คัสแต่ครั้งนี้กระฃับให้แน่นกว่าทุกคนคล้ายกับกำลังเสริมความมั่นใจว่าอีกฝ่ายยังอยู่ข้างๆ ไม่ได้หายไปไหนแล้วจึงร่ายเวทเคลื่อนย้ายไปยังหมู่บ้านใกล้ๆ

   “ หิววววว ” ยังไม่ทันยืนทรงตัวดีดัฟฟ์ก็โหยหวนออกมาและทำท่าจะกระโจนเข้าไปหาอาหารที่ส่งกลิ่นหอมอยู่ 

   ข้าดึงคอเสื้อของดัฟฟ์เอาไว้ ถึงแม้จะสงสารก็ตาม รอบกายข้าตอนนี้ได้แตกต่างจากเมื่อกี้โดยสิ้นเชิงจากป่าดงดิบได้กลายเป็นหมู่บ้านที่ปูทางด้วยหินสีดำสลับขาดูสะอาดตาโดยบริเวณรอบที่ข้ายืนอยู่มีปีศาจอยู่ชุกชมเดินกันขวักไขว่ในตลาดใจกลางหมู่บ้าน มีข้าวของต่างๆ ที่แปลกตามาขายมากมาย ทั้งอาหาร อาวุธ หรือแม้แต่ยาพิษก็มี ข้ามองสิ่งต่างๆ อย่างสนใจไม่น้อยไปว่าดัฟฟ์ที่สนใจของกิน

   “ เอาล่ะ ไปเที่ยวกันเถอะ ” ราชาปีศาจยิ้มบางๆ เมื่อเห็นฟาร์คัสดูสนใจกับที่ๆ ตนพามา ที่แห่งนี้เป็นตลาดที่มักจะมีของน่าสนใจมาขายอยู่เสมอ ทั้งของที่หาได้ตามท้องตลาดทั่วไปกับของต้องห้ามบางอย่างที่แอบปะปนมาขาย ถึงแม้ชาคอสจะแจ้งเรื่องพวกนี้มาข้าก็เลือกที่จะทำหูไปนาตาไปไร่ เพราะบางครั้งมันก็ส่งผลดีเหมือนกัน

   “ หิวววว ” ดัฟฟ์ยังคงกระวีกระวาดจะวิ่งไปหาร้านขายอาหารที่อยู่ตรงหน้า

   “ คาร์บิลัส เจ้าพกเงินมาไหม ” ข้าถามด้วยความเกรงใจ  ข้าไม่มีเงินพกมาด้วยเลย

   “ ข้าพกมาเยอะเลยล่ะ มากพอสำหรับสิ่งที่เจ้าอยากได้ทุกอย่างแน่นอน ” ราชาปีศาจพูดด้วยรอยยิ้ม  และชูถุงใส่เหรียญให้เห็น
   
“ ไว้ข้าจะใช้คืนเจ้าทีหลังนะ ” ข้าก้มตอบหน้าน้อยๆ  อย่างเกรงใจ ข้าตั้งใจว่าจะไม่ซื้ออะไร เพราะแค่นี้ราชาปีศาจก็ดูแลข้ามามากเกินพอแล้ว

   “  ฟาร์คัส ข้าไม่อยากได้เงินเจ้าหรอกนะ ” ราชาปีศาจครางเสียงอ่อย “ เงินที่ข้ามีมันมากเกินพอแล้ว ถ้าเจ้าอยากจะตอบแทนข้า ก็ขอเป็นเรื่องใจเถอะ ”
   
ฟาร์คัสเงียบไปสักพัก ข้าเป็นใคร ข้ายังไม่รู้เลย ราชาปีศาจยังอยากได้ใจของข้าอยู่เหรอ ข้าไม่อยากติดหนี้ใครถึงแม้ว่าตอนนี้ข้าจะจำอะไรไม่ได้ก็ตาม “ งั้นข้าขอซื้ออาหารนั่นให้ดัฟฟ์ละกัน ” ฟาร์คัสบ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่นแทน

   “ อืม  ” ราชาปีศาจรับคำสั้นๆ  และสั่งอาหารที่ดัฟฟ์อยากกินจนเกือบหมดร้าน

   “ นี่ท่านประชดข้าหรือเปล่าเนี่ย คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสถอนหายใจเหนื่อยๆ ระหว่างที่ยัดไส้กรอกใส่ปากดัฟฟ์ที่เอาแต่อ้ารอให้คนอื่นป้อน  ตอนนี้ข้า คาร์บิลัสและดัฟฟ์กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะที่ทางร้านจัดมาให้นั่ง

   “ เจ้าดูไม่อยากตอบแทนข้าทางใจเท่าไหร่นะฟาร์คัส ” คาร์บิลัสหัวเราะแห้งๆ “ ดูท่าเจ้าคงอยากตอบแทนข้าด้วยเงินทองซะมากกว่า ”
   
“ .. ข้าไม่รู้ว่าข้าจะตอบแทนทางใจอย่างไรหรอกนะ คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสพูดสีหน้าติดจะเศร้าน้อยๆ “ แม้แต่ตัวข้ายังไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไรต่อไป ”

   “ ข้าจะปกป้องเจ้านะ ฟาร์คัส ” ราชาปีศาจยิ้มบางๆ ประกอบกับคำพูด

   “ ปกป้องข้า ? ” ฟาร์คัสเลิกคิ้วงงๆ

   “ ใช่ ข้าจะปกป้องเจ้าเองไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ”

   “ ทำไมท่านถึงปกป้องข้าล่ะ ท่านราชาปีศาจคาร์บิลัส” ฟาร์คัสถามออกไปด้วยความจริงจังจึงเรียกชื่อเต็มของอีกฝ่ายออกไป
   
ราชาปีศาจถอนลมหายใจออกมา “ ข้าจะเล่านิทานเรื่องนึงให้เจ้าฟัง ฟาร์คัส ” ราชาปีศาจจ้องหน้าอีกาที่ทำสีหน้างุนงงกับคำตอบของข้า “ นิทานของปีศาจที่หลงรักอีกา ”
   
ฟาร์คัสดูงุนงงแต่ก็ยังคงนิ่งเงียบเชิงให้อีกฝ่ายเล่าต่อไป แต่มือก็ยังคงยัดน่องไก่ใส่ปากดัฟฟ์
   
ราชาปีศาจยิ้มบางเมื่อเห็นหน้างุนงงของฟาร์คัส และเริ่มเล่าออกมา “ เมื่อนานมาแล้ว มีปีศาจตนนึงสูญเสียพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองไปกับสงคราม ปีศาจตนนั้นยังคงเด็กนักพอรู้ข่าวก็วิ่งหนีออกไปที่ไหนสักที่ที่แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้ ปีศาจตนนั้นไปหยุดอยู่ริมแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวและร้องไห้ออกมา แต่ครั้นพอมันจะกระโดดลงไปเพื่อตามพ่อแม่ของมันไป กลับมีอีกาตัวนึงบินโฉบเข้ามาขวางตรงหน้าซะก่อน เจ้าอีกานั่นแปลงเป็นมนุษย์และโอบกอดปีศาจถึงแม้ขนาดตัวของเจ้าอีกานั่นจะเล็กกว่าเจ้าปีศาจ แต่ก็ทำให้ปีศาจตนนั้นอุ่นอย่างบอกไม่ถูกและพาเจ้าปีศาจจนนั้นมาส่งบ้าน ”

   “ จบแล้วเหรอ ? ” ฟาร์คัสยังคงดูงุนงงแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม

   “ จบแล้วล่ะ แต่อีกไม่นานหรอกที่มันจะมีภาคต่อ ” ราชาปีศาจพูดนัยๆ พร้อมกลั้วหัวเราะ “ อีกไม่นานหรอกฟาร์คัส แล้วเจ้าจะเข้าใจถึงเหตุผลที่ข้าช่วยเจ้าเอง ”

   “ อืมม ” ฟาร์คัสขมวดคิ้วน้อยๆ คำตอบของราชาปีศาจไมได้ทำให้ข้ากระจ่างนัก

   “ อิ่มแล้ววว ” ดัฟฟ์พูดออกมเมื่อกินคำสุดท้ายเสร็จมันฟุบนอนบนโต๊ะทันที
   
ราชาปีศาจไม่สนใจว่าดัฟฟ์จะนอนอยู่หรือไม่จัดการอุ้มดัฟฟ์และยัดเข้ากระเป๋าสะพายของฟาร์คัสทันที “ ไปเดินตลาดกันเถอะ ในตลาดนี้มีของน่าสนใจอยู่มาก ”
   
“ งั้นก็ไปกันเถอะ ”  ฟาร์คัสตอบขณะที่กระชับกระเป๋าให้ดีอีกครั้งเมื่อมีมังกรดำมาใช้เป็นที่นอนชั่วคราว ฟาร์คัสกับคาร์บิลัสเดินเข้าไปตลาด โดยส่วนใหญ่ของที่ขายจะวางบนพื้นโดยมีผ้าปูรองบ้าง บ้างก็จัดวางบนโต๊ะอย่างสวยงาม มีเสียงตะโกนเชิญชวนให้เลือกสินค้าตัวเองอย่างคึกคัก แต่ข้ากลับไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษเท่าใดนัก ส่วนคาร์บิลัสก็ไม่ได้เอ่ยอะไรที่เห็นข้ามองแต่ไม่ได้ซื้ออะไร ข้าเดินลึกไปในตลาดเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอร้านๆ นึงที่ดูแปลกกว่าร้านอื่น เป็นร้านขายสิ่งที่คล้ายเครื่องรางสีดำร้านทั้งร้านกลับมีเพียงชิ้นเดียว ส่วนเจ้าของร้านนั้นสวมชุดคลุมปกปิกอย่างมิดชิดสูงพอๆ กับราชาปีศาจสิ่งที่ปรากฎให้เห็นมีเพียงตาสีแดงที่ส่งแสงเรืองๆ ใต้เสื้อคลุมเท่านั้น

   น่าแปลก ที่ข้ารู้สึกสนใจร้านนี้เป็นพิเศษ “ สิ่งที่ท่านขายนั่นคืออะไรกัน ? ” ข้าเอ่ยถามมออกไปและมองมันด้วยสายตาใคร่รู้
   ดวงตาของเจ้าร้านวูบไหวคล้ายกับกำลังคิดอะไรอยู่ แล้วจึงเดินมาแนะนำสิ่งที่ตนเองขาย “ สิ่งที่ข้าขายนั้นเป็นเครื่องรางอธิษฐาน ประสงค์สิ่งใดก็ได้ตามที่ต้องการ ” เสียงของเจ้าร้านฟังดูเย็นเยียบและน่าขนลุกอยู่ในทีแต่ฟาร์คัสหาได้สนใจไม่ถามต่อ

   “ แล้วเครื่องรางของท่านนั้นซื้อด้วยเงินหรือไม่ ”

   คาร์บิลัสเลิกคิ้วน้อยๆ กับคำถามฟาร์คัส แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา สิ่งที่ฟาร์คัสจะซื้อนั้นเป็นของต้องห้ามในดินแดนปีศาจ ซึ่งข้าก็รู้จักดีมันเป็นสิ่งที่ทำมาจากกระดูกของปีศาจที่มีเชื้อสายของราชาปีศาจ ซึ่งสามารถทำได้ยากมากแม้แต่ข้ายังเคยได้ยินเพียงเรื่องเล่าเท่านั้น ข้าไม่รู้ว่านี้เป็นของจริงหรือไม่ แต่กลิ่นอายความตายที่แผ่ออกมานั้นเป็นของจริง
   
เจ้าของร้านดูชอบใจกับคำถามของฟาร์คัสและตอบกลับมา “ ตามที่ท่านกล่าว ข้าไม่ได้ขายมันด้วยเงินทอง แต่เห็นแก่ที่ข้าถูกชะตากับเจ้า ข้าเพียงทองสักถุงแล้วกัน ” ดวงตาสีแดงดูนั้นส่งแสงเรืองๆ คล้ายกับลูกไฟยามที่พูด

   ฟาร์คัสหันมาหาคาร์บิลัส เชิงว่าให้จ่ายแทน ซึ่งคาร์บิลัสก็ยอมล้วงถุงใส่ทองออกมาถุงนึงยื่นให้กับเจ้าของร้านที่ยื่นมือที่คล้ายอุ้งเท้าของสัตว์รับไว้ เจ้าของร้านหยิบเครื่องรางจากโต๊ะและยื่นมาทางข้าเชิงให้ข้าแบมือ ข้ายอมแบให้แต่โดยดี
   เจ้าของร้านวางเครื่องรางไว้บนมือของข้าและพูด “ จงจำเอาไว้ให้ดี จะอธิษฐานสิ่งใดจงไตร่ตรองและใคร่ครวญให้ดี ถ้าหากพลาดพลั้งแล้วเจ้าจะเสียใจไปตลอดกาล ” เจ้าของร้านพูดเหมือนมีนัยยะอะไรบางอย่าง “ เครื่องรางอธิษฐานนั้นใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เจ้าเพียงกำมันพูดสิ่งเจ้าต้องการออกมา ”
   
“ ขอบคุณท่านมาก ” ฟาร์คัสกล่าวขอบคุณพลางพิจารณาเครื่องรางในมือ มันเป็นรูปดอกไม้สีดำสนิทจนแสงไม่อาจลอดผ่านไปได้และส่งกลิ่นอายประหลาดออกมาชวนขนลุก

   “ ข้าว่าทำเป็นสร้อยน่าจะดีกว่านะ ”
   
“ อืม ” ข้าพยักหน้าเชิงเห็นด้วย คาร์บิลัสก็หยิบเครื่องรางในมือข้าไปร่ายเวทเพียงคำสองคำก็ได้สร้อยคอที่ห้อยเครื่องรางไว้ แต่พอข้าตั้งใจจะหยิบมาใส่คาร์บิลัสกลับห้ามไว้และให้ข้าหันหลังให้
   
“  ไอ้เจ้ามังกรนี่ ข้าว่าเจ้าเอาไปปล่อยที่เดิมก็ดีนะ เกะกะชะมัด ” คาร์บิลัสบ่นอุบเมื่อจะใส่สร้อยให้ฟาร์คัสกลับมีมังกรตัวย่อมขัดขวางอยู่
   
“ แก๊ซ ” ดัฟฟ์คำรามออกมาเบาๆ เหมือนรู้ว่ามีคนประสงค์ร้าย
   
คาร์บิลัสจึงถอดกระเป๋าเป้ของฟาร์คัสออกโยนไว้ใกล้ๆ แล้วจึงขะมักเขม้นกับการใส่สร้อยให้ฟาร์คัสโดยไม่สนใจดัฟฟ์ที่ลงไปนอนกลิ้งบนพื้นแล้ว คาร์บิลัสค่อยๆ สวมสร้อยเส้นบางไว้บนคอฟาร์คัสเหมือนกับว่ากำลังกลัวว่าจะทำให้ระคายเคือง
   
ฟาร์คัสไม่ได้เอ่ยอะไรออกมากับการกระทำของคาร์บิลัสที่ดูดุดันเกินไป ฟาร์คัสมองดัฟฟ์ที่กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นคล้ายกับว่านอนไม่สบายนักก็รู้สึกสงสาร เมื่อราชาปีศาจสวมสร้อยให้เสร็จก็จัดการยัดดัฟฟ์ใส่กระเป๋าดังเดิมและสะพายขึ้นหลัง แต่พอมองไปหาเจ้าของร้านอีกครั้งพบว่าร้านตรงหน้าได้หายไปแล้วแทนที่ด้วยร้านผลไม้แทน “ คาร์บิลัส แล้วร้านเครื่องรางล่ะ ? ”
   
คาร์บิลัสยักไหล่เชิงว่าไม่รู้เหมือนกันและเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ดูเหมือนตะวันใกล้จะคล้อยหายไปแล้ว “ ดูเหมือนว่าเราต้องกลับกันแล้วล่ะ ฟาร์คัส ”
   
ฟาร์คัสยังคงมองจุดเดิมอีกครั้งแต่ก็ยังคงเป็นร้านผลไม้อยู่ดี “ กลับกันเถอะ ” ฟาร์คัสหาวน้อยๆ ออกมา แต่ใจก็ยังคงอยู่กับร้านเครื่องรางอยู่ดี
   
ดูเหมือนข้าจะโชคดีได้เครื่องรางแปลกๆ มาล่ะมั้ง

   เมื่อมาถึงคฤหาสน์สีดำอันโอ่อ่าของคาร์บิลัส ฟาร์คัสก็กินข้าวเย็นนิดหน่อยอย่างไม่ค่อยหิวนักเพราะข้าวเที่ยงก็กินไปบ้างพร้อมกับดัฟฟ์เหมือนกัน คาร์บิลัสถูกเจ้ากระต่ายตัวอ้วนพาไปที่ไหนสักแห่งซึ่งข้าก็ถามไม่ทัน ข้าจึงตัดสินใจนอนเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรให้ทำรวมถึงความเหนื่อยอ่อนที่ครอบงำด้วย ซึ่งใช้เวลาไม่นานข้าก็เผลอหลับลึกไป

ข้าเหมือนเห็นตัวข้าเองกำลังถูกตรวนข้อเท้าทั้งส้องข้างด้วยโซ่ ปีกบนหลังดูขาดวิ่นและมีเลือดไหลซึม ข้ามีปีกด้วยงั้นเหรอ ข้างุนงงเล็กน้อย ร่างของข้านั้นมีใบหน้าเรียบเฉยแต่ข้ากลับรู้สึกได้ถึงความเปราะบางภายในดวงตาสีดำนั่น ฉับพลันฉากหลังที่ว่างเปล่าได้เปลี่ยนไปกลายเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีมนุษย์นกยืนล้อมกรอบ

   “ ถ้าหากราชาของเรากลายเป็นสัตว์เลี้ยงของราชาปีศาจเจ้าจะรู้สึกยังไง  ”

   “ น่าอดสูไงไอ้โง่ ฮ่า ฮ่า ”

   “ เป็นข้าข้าคงไม่เอาไว้หรอก สู้ไล่ราชานั่นออกไป แล้วเลือกข้าเป็นราชาแทนดีกว่า อย่างน้อยข้าก็ไม่โง่โดนราชาจับละว่ะ !! ”

   “ เจ้าพูดเข้าท่า ไอ้ราชาที่เป็นสัตว์เลี้ยงนี้ไม่สมควรเป็นราชาใครว่ะ อยู่ไปก็รังแต่จะทำให้อับอายว่ะ  ”

   “ ข้าว่าไล่ไอ้ราชาหน้าโง่นี่ออกไปดีกว่าวะ ยังไงก็มีคนที่เก่งกว่าอยู่ดี ”

   “ ใช่ไล่ออกไปเลย !!! ”

   พวกมนุษย์นกนั้นคุยกันแต่มุ่งมาทางร่างของข้าที่ยืนมองกลับด้วยสายตานิ่งงัน แต่ข้ากลับรู้สึกว่าร่างตรงหน้านั้นตัวสั่นน้อยๆ รวมถึงข้าเช่นกันที่ตัวสั่นเหมือนกับว่านั้นเป็นตัวตนของข้าเหมือนกัน ยิ่งเจ้าพวกมนุษย์นกนั้นตอกย้ำว่าจะไล่เท่าไหร่ร่างของข้ากับตัวข้าก็ยิ่งสั่นขึ้นเท่านั้น ข้าเอามือกุมหัวหวังว่าเสียงที่ว่านั้นจะหายไปแต่กลับดังขึ้นเรื่อยๆ ข้าเกือบจะตะโกนออกมาให้หุบปาก แต่ฉากรอบข้างก็ได้เปลี่ยนไปมาวูบไหวอีกครั้ง กลายเป็นลานประลองอะไรสักอย่าง แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของข้ากลับเป็นร่างของมนุษย์นกคนนึงที่สวมชุดกษัตริย์อยู่ ร่างตรงหน้าข้าที่เดิมนั่งจ้องมาทางสนามกลับเบิกตากว้างและสำลักเลือดออกมา ร่างของข้าถลันวิ่งเข้าไปแต่ตรวนได้ตรึงข้อเท้าไว้รวมถึงข้าที่พยายามวิ่งเข้าไปหาด้วยอย่างไม่รู้สาเหตุแต่กลับชนกับกำแพงบางอย่าง ข้ารู้สึกน้ำตาที่รื้นอยู่ภายในดวงตา เมื่อเห็นร่างมนุษย์นกนั้นกลายเป็นอีกาและค่อยๆ สลายหายไป

“ อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ”

   ข้าเผลอกรีดร้องออกมาและพุ่งชนเข้ากับกำแพงที่ว่านั้น แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ข้าเจ็บปวดเท่าเห็นร่างอีกาตัวย่อมหายไปเหลือเพียงมงกุฎ ข้าทรุดตัวลงกองกับพื้นและกรีดร้องซ้ำๆ หวังจะบรรเทาความเจ็บปวดในใจทั้งๆ ที่ไม่รู้สาเหตุ
   
   “ ฟาร์คัส ! ” ราชาปีศาจเขย่าร่างของฟาร์คัสที่นอนกอดตัวเองอยู่ สิ่งที่ทำให้ราชาปีศาจตื่นตระหนกและปวดใจคือน้ำตาของฟาร์คัสที่ไหลออกมาโดยเจ้าตัวไม่รู้ตัว เสียงกรีดร้องของฟาร์คัสเรียกให้ราชาปีศาจทิ้งงานและมาหาในชั่วพริบตา ราชาปีศาจกอดร่างที่กำลังร้องไห้ทั้งๆ ที่หลับอยู่ไว้แน่น “ ฟาร์คัส เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ”

   เสียงกรีดร้องฟาร์คัสค่อยๆ บรรเทาลงเมื่อถูกกอดแต่ตัวก็ยังคงสั่นน้อยๆ เหมือนกับยังคงหวาดกลัว ราชาปีศาจยังคงพูดปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนซ้ำๆ จนฟาร์คัสสงบลงและหลับต่อไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

   “ อย่ากลัวไปเลยฟาร์คัส ข้าไม่มีวันทอดทิ้งเจ้าแน่นอน ” ราชาปีศาจกระชับอ้อมกอดไว้แน่นและพินิจมองฟาร์คัสที่เลิกร้องไห้ไปแล้วแต่ตาก็ยังคงแดงอยู่ ถึงแม้ฟาร์คัสมักจะดูเย็นชาแต่ใครจะรู้เล่า ว่าภายในนั้นเปราะบางมาก  ราชาปีศาจยิ้มบางๆ เมื่อฟาร์คัสมุดเข้าหาคล้ายกับว่าต้องการความอบอุ่น

   “ มะ แม่ ! ” ดัฟฟ์งัวเงียตื่นขึ้นมาก็ร้องเรียงทันที พอเห็นแม่ของตัวเองโดนราชาปีศาจกอดอยู่ก็พุ่งเข้าไปดึงแขนราชาปีศาจออก

“ ฆ่าบี้ลัส ! อย่ามาแย่งแม่ ! ” ดัฟฟ์โวยวาย

   ราชาปีศาจขบกรามแน่นคิ้วขมวดฉับพลัน “ ฆ่าบี้ลัส บ้านเจ้าสิไอ้มังกรดำ ! ” อารมณ์ที่ดีเมื่อกี้ได้ขุ่นมัวทันตา “ อีกอย่างฟาร์คัสของข้าต่างหาก ไม่ใช่ของเจ้า ! ”
   
“ แก๊ซ ! ไม่ ! ” ดัฟฟ์งับแขนราชาปีศาจ

   “ ไอ้มังกรดำ !! ” ราชาปีศาจโวยวายพลางสะบัดแขนให้หลุดจากการกัดของมังกรดำหน้าโง่ ทั้งๆ ที่ความจริงสามารถใช้เวทสลัดออกไปด้วยซ้ำแต่ราชาปีศาจกลัวฟาร์คัสตื่นซะมากกว่า จึงแค่สลัดแขน ทำให้เกิดภาพน่าขันที่ราชาปีศาจทะเลาะกับเด็กตัวเล็กๆ

   แค่ก

   ราชาปีศาจเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อร่างในอ้อมกอดไอเลือดออกมาและหน้าซ๊ดลงอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ร่างของฟาร์คัสเย็นมากจนน่ากลัว ราชาปีศาจเลิกสนใจดัฟฟ์และหันมาถ่ายพลังเวทให้ฟาร์คัสทันที

   “ แม่ ! ” ดัฟฟ์คายปากจากแขนของราชาปีศาจพุ่งเข้าไปเกาะแขนฟาร์คัส จ้องมองด้วยสีหน้าเป็นห่วง
   
แต่ร่างของฟาร์คัสก็ยังคงไม่อุ่นขึ้นอยู่ดีเหมือนกับว่าร่างกายมีรอยรั่วทำให้พลังเวทของราชาปีศาจไม่มีผลอะไรใดๆ ราชาปีศาจยิ่งร้อนใจถ่ายพลังเวทให้มากกว่าเดิมแต่ก็ไม่ส่งผลอะไรอยู่ดี ดูเหมือนว่าเวทคำสาปจะกัดกินพลังเวทจะกำเริบได้รุนแรงกว่าเดิม หรือว่าจิตใจที่อ่อนแอยิ่งกระตุ้นให้คำสาปทำงานได้ผลดีกว่าเดิมกัน ? ราชาปีศาจสันนิษฐานเงียบๆ และพบว่าเป็นตามที่คาด ฟาร์คัสร้องไห้อีกแล้ว !

   “ อึก ” ฟาร์คัสกำเสือราชาปีศาจแน่นและปล่อยให้น้ำตาซึมเสื้อราชาปีศาจอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว ฟาร์คัสร้องไห้ออกมาอีกครั้งเพราะภาพของฝันฉายซ้ำอีกครั้งโดยเน้นไปที่ภาพของมนุษย์นกในชุดของกษัตริย์ค่อยๆ หายไป

   “ แก๊ซซ ! ” ดัฟฟ์เห็นฟาร์คัสร้องไห้ก็เข้ากอดฟาร์คัสอีกแรงหวังจะให้ฟาร์คัสรู้สึกดีขึ้น

   ราชาปีศาจตัดสินใจร่ายเวทให้ความอบอุ่นให้ฟาร์คัสส่งผลอากาศโดยรอบนั้นอุ่นขึ้นทันตาเว้นเสียแต่ร่างในอ้อมกอดที่ยังคงเย็นชืด “ ฟาร์คัส ” ราชาปีศาจกระซิบเสียงเบาอย่างอย่างอ่อนโยน “ ถึงแม้ความจริงมันจะโหดร้ายแค่ไหนก็ตาม แต่อย่าลืมว่าข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า ”
   
ฟาร์คัสในความฝันนั้นยังคงพิงกำแพงร้องไห้อยู่ทั้งร่างที่ถูกตรวนและไม่ถูกตรวน ร่างที่ถูกโซ่ตรวนไว้นั้นได้ทรุดไปกองกับพื้นแล้ว แต่แล้วในความฝันของฟาร์คัสก็มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาคืออ้อมกอดของใครบางคนที่ช่วยเขาเอาไว้

   ราชาปีศาจ
   
ฟาร์คัสเรียกในใจและถูกร่างของราชาปีศาจดึงรั้งเข้าไปกอด ฟาร์คัสไม่ได้ขัดขืนอะไรเพียงแค่อยู่นิ่งๆ และยอมให้กอดแต่โดยดี เสียงปลอบอ่อนโยนพร้อมกับความอบอุ่นนั้นทำให้ฟาร์คัสรู้สึกสงบขึ้นอย่างประหลาดแม้น้ำตาจะยังไม่เหือดแห้งก็ตาม

   ขอบคุณ..

   ฟาร์คัสคิดก่อนที่จะหลับไปอีกครั้งพร้อมกับฝันร้ายที่หายไป    

--------------------------------

มาแล้ว  :katai5:  รู้สึกว่าลง 3 วัน ต่อตอนแฮะ  :katai4: หวังว่าจะรักษาระดับการปั่นไปได้ตลอด

ขอบคุณทุกคอมเม้นกับคนอ่านค่ะ  :pig4:

* ตอบคอมเม้น

คุณ บรูเชอร์รี่ ( กุ้งเชอร์รี่ ;p ) : ดูแล้วเจ้ามังกรนี่นอกจากกินกับตีกับฆ่าบี้ลัส ก็ทำอะไรไม่เป็นเลยค่ะ 55555

คุณ rinny : รู้สึกหมือนเห็นลูกแอนตี้พ่อแปลกๆ 5555  :mew5:


ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 6 12 เม.ย. 58
«ตอบ #19 เมื่อ12-04-2015 21:12:51 »

จะว่าไงดี

ฝันร้ายนี่เป็นเหมือนอาการข้างเคียงขอคำสาปหรือเปล่า หรือเป็นเพราะจิตฟาร์คัสรู้สึกแย่มากเลยฝันแบบนี้...รอดูกันต่อไปปปป

:3

หวังว่าสิ่งที่ฟาร์คัสจะขอกับเครื่องรางจะไม่ทำให้ฟาร์คัส-คาร์บิลัสต้องเสียใจเลยนะ  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 6 12 เม.ย. 58
« ตอบ #19 เมื่อ: 12-04-2015 21:12:51 »





ออฟไลน์ Ѷanᴉ££a

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 6 12 เม.ย. 58
«ตอบ #20 เมื่อ12-04-2015 22:48:00 »

สนุกมากเลย

แต่ว่าจะดราม่ามากไหม

จะได้เตรียมใจได้ทัน

(เท่านี้ก็เกือบทุกตอนแล้วน้า)

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 7 15 เม.ย. 58
«ตอบ #21 เมื่อ15-04-2015 22:09:16 »

-- ตอนที่ 7 --

   หลังจากที่ฟาร์คัสหลับสนิทไปอีกครั้งราชาปีศาจก็ไม่มีโอกาสปลีกตัวออกมาจากงาน อีกเลยแต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะเกินความสามารถของราชาปีศาจที่จะแอบรับข่าวที่ไปสืบมาจากดินแดนของนกบอกลาง
   
ภายในห้องทำงานของราชาปีศาจปรากฎรอยเวทน้อยๆ บนโต๊ะทำงานของราชาปีศาจ และปรากฎร่างของเจ้าของเวท เป็นหนูสีขาวปลายขนติดสีดำนิดๆ ตัวเท่าฝ่ามือ มันวิ่งเข้าไปยืนตรงหน้าราชาปีศาจและค้อมหัวลงนิดๆ เพื่อทำความเคารพต่อนายเหนือหัว

   “ ได้ข่าวอะไรมาบ้าง จิล ” ราชาปีศาจถามด้วยสีหน้าราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความกดดันจนหนูตัวน้อยอดตัวสั่นน้อยๆ ไม่ได้

   “ ขะ ข่าวเรื่องพิธีแต่งตั้งราชาคนใหม่ขอรับ ” จิลตอบเสียงสั่น ถึงแม้มันจะเคยทำงานเป็นสายสืบให้กับราชาปีศาจหลายต่อหลายครั้งแต่ไม่ว่าครั้งใดก็ยังไม่ชินกับนิสัยของราชาปีศาจอยู่ดี

   “ ราชาองค์ใหม่ ? ใครกัน ” แววตาของราชาปีศาจเย็นเยียบและคาดเดาบางอย่างไว้ในใจ น่าจะเป็นบุตรของชายผู้นั้น ชายคนที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของราชาแห่งนกบอกลาง
   
“ เซอร์เคนบุตรของขุนนางทอริคขอรับ ” จิลตอบพร้อมกับร่ายเวทออกมาเบาๆ เพื่อฉายภาพของคนที่พูดถึงทั้งสองคนให้ท่านราชา นี่น่าจะเป็นอีกเหตุผลที่ราชาปีศาจถึงได้ไหว้วานให้จิลไปสืบข่าวความบ่อยๆ นอกจากความคล่องตัวของเจ้าตัวแล้วยังสามารถใช้เวทที่ใช้แสดงภาพในความทรงจำของตัวเองออกมา เวทนี้เป็นเวทที่ใช้ยากและหาคนใช้ได้ยาก
   
ภาพที่ปรากฏเป็นภาพของที่เหล่าขุนนางกำลังนั่งสังสรรค์ในห้องโถงโอ่อ่าคล้ายกับเป็นห้องของกษัตริย์โดยมีเซอร์เคนนั่งที่หัวโต๊ะและทอริคนั่งข้างกายโดยทั้งคู่กำลังชูแก้วขึ้นมาคล้ายกับกำลังกล่าวอะไรบางอย่างอยู่

   “ เซอร์เคนคือชายคนที่นั่งหัวโต๊ะขอรับ ส่วนขุนนา—”

   “ ข้ารู้แล้ว ” ราชาปีศาจแค่นเสียงออกมา “ หึ แค่ฟาร์คัสของข้าไม่อยู่ก็กล้าแต่งตั้งตัวเองเองเลยเหรอ ” ราชาปีศาจเหยียดยิ้มออกมาและพูดด้วยเสียงที่ชวนให้เลือดในกายเย็นเฉียบ “ จะกล้ามากเกินไปแล้ว.. ”

   หลังจากที่ข้าตื่นมาพบว่าข้างกายข้าก็เหลือเพียงดัฟฟ์ที่นั่งแทะขนมอะไรสักอย่างอยู่
   
“ แก๊ซ ! ” ดัฟฟ์โผเข้าใส่ฟาร์คัสเมื่ออีกฝ่ายตื่นซึ่งฟาร์คัสก็ลูบหัวดัฟฟ์เบาๆ และครุ่นคิดเรื่องที่ฝัน
   ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าข้าจะฝันถึงอะไรสักอย่างที่น่าจะเป็นความทรงจำของข้า ดวงตาของฟาร์คัสหม่นลงน้อยๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวในฝันที่แม้ตนจะไม่เข้าใจก็ตามแต่กลับรู้สึกเศร้าไปด้วย ข้าตัดสินใจปล่อยเรื่องความฝันไปก่อนเพราะคิดไปรังแต่จะคิดมากซะเปล่าๆ ความฝันที่บ่งบอกของตัวตนของข้า..

   “ ท่านฟาร์คัส ” ชาคอสเอ่ยเรียกร่างผู้เป็นอาคันตุกะของราชาปีศาจเมื่อเห็นอีกฝ่ายตื่นจากการนอนที่ยาวนอนจนข้ามวัน ถ้านับรวมวันที่ท่านฟาร์คัสมาถึงที่นี้ก็นับเป็นวันที่ 3 ราชาปีศาจได้ไหว้วานให้ชาคอสมาอยู่คอยรับใช้ฟาร์คัสและหากอีกฝ่ายเบื่อการนั่งในห้องก็ให้พาเดินชมรอบคฤหาสน์และให้แวะห้องท่านราชาด้วย

   “ ชา.. คอส ? ” ฟาร์คัสเรียกไม่เต็มเสียงนักเพราะตอนนั้นได้ยินชื่อกับเห็นหน้าอีกฝ่ายเพียงเลือนลางเท่านั้นก่อนที่จะสลบไป
   
“ ขอรับ ” ชาคอสค้อมกายลงน้อยๆ เพื่อตอบรับ “ ท่านคาร์บิลัสให้คำสั่งมาว่าถ้าหากท่านฟาร์คัสหิวหรือเบื่อให้พาออกไปเที่ยวในคฤหาสน์ขอรับ ”

   “ ข้าไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ งั้นพาข้าเดินเที่ยวแล้วกัน ”

   “ แต่ก่อนที่จะไป ท่านราชาสั่งให้ท่านอาบน้ำก่อนขอรับ ” ชาคอสเอ่ยตอบพร้อมกับดีดนิ้วเบาๆ เรียกปีศาจที่จะมาช่วยนำทางให้ท่านฟาร์คัสไปยังโรงอาบน้ำของท่านคาร์บิลัส ซึ่งในห้องนี้ก็ห้องน้ำมีเช่นกัน แต่ถ้าหากไปโรงอาบน้ำจะถือว่าเป็นการเดินเที่ยวไปในตัวด้วยก็ได้

   “ อืม ” ฟาร์คัสพยักหน้าน้อยๆ และเริ่มรู้สึกตัวว่าไม่ได้อาบน้ำมาตั้งแต่เข้ามาในดินแดนนี้เลย ฟาร์คัสลูบหัวดัฟฟ์เบาๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเกาะตัวอยู่

   ก็อก ก็อก

   เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับการเปิดประตูเข้ามาทันทีโดยไม่ได้ขออนุญาตซึ่งถ้าหากเป็นราชาปีศาจที่อยู่ในห้องคงจะโดนทำโทษไปแล้ว แต่ฟาร์คัสก็ไม่ได้เอ่ยทักท้วงอะไรเมื่อเห็นผู้ที่เข้ามาเป็นแมวอ้วนๆ ดูท่าทางขี้เกียจเดินต้วมเตี้ยมเข้ามาซึ่งเจ้าแมวก็มีเขาเล็กสีแดงๆ บนหัวบิดเป็นเกลียว เจ้าแมวบิดขี้เกียจรอบนึงและนอนปุบนพื้นเหมือนกำลังทำความเคารพ “ ข้ามาพาท่านฟาร์คัสไปโรงอาบน้ำ ” เจ้าแมวพูดขณะที่ยืนและหาวหวอด

   “ พอยซ์เจ้าทำตัวให้มันดีๆ หน่อย ” ชาคอสที่โผล่ไปหาเจ้าแมวตอนไหนไม่รู้โบกหัวเจ้าแมวไปรอบนึงแต่เจ้าแมวก็ไม่ได้สนใจจะแก้ตัวอะไรอยู่ดี

   “ ขออภัยท่านฟาร์คัส เจ้าแมวนี้ไม่ค่อยรู้กาลเทศะเท่าไหร่นัก ” ชาคอสค้อมหัวลงน้อยๆ “ ข้าต้องไปส่งข่าวให้ท่านคาร์บิลัสก่อนจึงต้องให้พอยซ์พาท่านไปแทน ” ในความจริงชาคอสก็ไม่ได้อยากใช้พอยซ์พาท่านฟาร์คัสไปเท่าไรนัก แต่ท่านคาร์บิลัสสั่งให้พอยซ์มาดูอาการท่านฟาร์คัสยามที่ตื่นนอนแล้ว
   
“ ไม่เป็นไร ” ฟาร์คัสอุ้มดัฟฟ์ขึ้นมาและเดินมาพอยซ์ที่หวาดหวอดอีกครั้ง “ พาข้าไปโรงอาบน้ำทีเจ้าแมว ”
   พอยซ์ลืมตาที่ใกล้จะปิดขึ้นมา “ ขอรับ ” พอยซ์พยักหน้าน้อยๆ และก้าวขาเดินอย่างเชื่องช้าพาอาคันตุกะทั้งสองออกจากห้อง

   “ งั้นข้าขอตัวขอรับ ท่านฟาร์คัส ” ชาคอสค้อมกายลงและหายไปในทันทีโดยทิ้งวงเวทสีดำจางๆ ไว้บนพื้น
   ขึ้นชื่อว่าคฤหาสน์ของราชาปีศาจนั้นย่อมโอ่อ่าสมฐานะของเจ้าของ ทำให้การตกแต่งตั้งแต่พื้นจรดเพดานล้วนประณีตและน่าเกรงขาม สีส่วนใหญ่จะใช้เป็นสีดำเป็นโทนหลักในการตกแต่ง บนเพดานมีลวดลายแกะสลักกบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาต่างๆ ของดินแดนปีศาจ ตามรายทางมีภาพราชาปีศาจรุ่นก่อนๆ ติดประดับไว้สลับกับรูปปั้นปีศาจขนาดใหญ่ ส่วนพื้นเป็นพื้นพรมสีเลือดหมูด้วยเข้ากันอย่างประหลาดกับสีดำและตามเสาต่างๆ ก็มีเถาไม้เลื้อยสีดำสนิทคล้ายเถาองุ่นดูสวยงามแต่กลับรู้สึกขนลุกยามที่มันขยับเลื้อย
   
ฟาร์คัสมองรอบข้างด้วยความเพลิดเพลินถึงแม้พอยซ์จะก้าวขาสั้นๆ ได้ช้ามากก็ตาม การเดินชมคฤหาสน์น่าจะถือเป็นการเที่ยวอย่างหนึ่งก็ว่าได้ตามที่ราชาปีศาจว่าไว้ ซึ่งดัฟฟ์ก็มองรอบๆ ด้วยท่าทีสนใจเช่นกัน แต่จังหวะการก้าวข้าของพอยซ์ก็ดูค่อยๆ ช้าลงเรื่อยๆ เหมือนกัน “ ใกล้ถึงรึยัง พอยซ์ ” เพราะการก้าวขาสั้นๆ นั่นช้าลงน่าจะเพราะใกล้ถึงจุดหมายแล้วล่ะ
   
พอยซ์หยุดเดินและผงกหัวไปมาเหมือนกำลังใช้ความคิด “ คิดว่าใกล้แล้วขอรับ ข้าเดินตามกลิ่นไอน้ำมา ” พอยซ์นั้นง่วงมากจนปล่อยให้ร่างกายเดินตามสัญชาตญาณแต่พอฟาร์คัสเรียกก็ต้องปลุกสติตัวเองสักพักด้วยการหยุดเดิน

   “ อืม ” ฟาร์คัสก็ไม่ได้คาดหวังอะไรนักแต่พอมองประตูข้างหน้าก็พบว่าได้มาถึงโรงอาบน้ำของราชาปีศาจแล้ว สิ่งที่ทำให้รู้ก็คือไอน้ำร้อนที่แผ่ออกมาตอนที่ประตูเปิด มีปีศาจแพะสีดำตัวเล็กหลายตัวที่เปิดประตูให้และค้อมตัวลงทำความเคารพ
   
“ มาถึงแล้วสินะ ” พอยซ์พูดอย่างเลื่อนลอยก้าวขาสั้นๆ เข้าไปก่อนฟาร์คัส ซึ่งฟาร์คัสก็เดินตามเข้าไปบ้างโดยมีแพะตัวเล็กที่วิ่งตามมาเป็นพรวนแต่ละตัวล้วนถือของต่างๆ อย่างสบู่ ผ้าเช็ดตัว อะไรทำนองนั้นที่ใช้ทำความสะอาดร่างกาย
   เมื่อฟาร์คัสเข้ามาถึงภายในก็ต้องเบิกตากว้างอย่างอึ้งๆ ไม่น้อย เพราะโรงอาบน้ำของราชาปีศาจใหญ่มากพอๆ กับห้องนอนเลยทีเดียว มีรูปปั้นปีศาจคล้ายสิงโตผสมมังกรกำลังพ่นน้ำอยู่ บริเวณพื้นโดยรอบเป็นพื้นสีดำมันวาวดูสะอาดตา ตรงกลางเป็นสระน้ำขนาดใหญ่มากจนแทบเอาร่างมังกรของดัฟฟ์มาว่ายเล่นได้เลย

   “ ท่านฟาร์คัสกรุณาถอดเสื้อผ้าก่อนลงไปก่อนนะขอรับ ข้าขอใส่อะไรในน้ำสักหน่อย ” พอยซ์หวาดหวอดหลังจากพูดจบและคว้าถุงคู่ใจจากในอากาศควานหาของที่ต้องการ อาการของท่านฟาร์คัสดีขึ้นมากจากที่ข้าสังเกต คำสาปนั้นดูจางลงไปมากทีเดียวจากการมองของข้า เผ่าพันธ์แมวปีศาจขึ้นชื่อด้านการมองเห็นสิ่งต่างๆ จึงไม่แปลกที่ข้าจะมองเห็นคำสาปที่ตกค้างบนร่างกายท่านฟาร์คัส ตอนนี้คำสาปนั้นจางมากซึ่งน่าจะผลมาจากการกำเริบรุนแรงเมื่อวานตามที่ชาคอสบอกไว้ อีกเหตุผลหนึ่งที่คำสาปจางลงขนาดนี้ก็น่าจะเป็นผลมาจากพลังเวทของราชาปีศาจด้วย

   “ อืม ” ฟาร์คัสตอบอย่างไม่ใส่ใจอะไรนักเพราะการตกแต่งรอบข้างได้ดึงดูดความสนใจไปหมดและก้าวขาเดินตามแพะปีศาจที่กระตุกชายเสื้อเรียกให้ไปยังห้องแต่งตัว 

   พอยซ์หยิบขวดน้ำที่สกัดจากดอกแกลส์หยดในบ่อ น้ำที่สกัดจากดอกแกลส์นั้นมีฤทธิ์ถอนคำสาปที่มีฤทธิ์อ่อนๆ ได้ทันทีอีกทั้งยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย ถ้าท่านฟาร์คัสแช่บ่อนี้เสร็จและกินยาเม็ดที่ข้าเคยให้ท่านคาร์บิลัสก็น่าจะหายสนิทแล้วเมื่อคิดจบก็เผลอหาวอีกครั้ง ให้ตายเหอะ นี่ข้าต้องอยู่บอกอาการของท่านฟาร์คัสให้ราชาปีศาจอีก แค่คิดก็ง่วงจะแย่ ข้าเดินหาที่เหมาะๆ และนอนปุลงทันที
   
“ อาบน้ำ !! แก๊ซ ” ดัฟฟ์ที่ผ่านการลอกคราบเรียบร้อยกระโดดลงน้ำทันทีส่งผลให้น้ำกระฉอกออกมาโดนปีศาจแพะที่ยืนถือของให้เต็มๆ รวมถึงฟาร์คัสด้วย

   ฟาร์คัสไม่ได้พูดอะไรแค่ส่งสายตาเห็นใจให้พวกแพะที่ดูเหมือนถอนหายใจน้อยๆ และก้าวขาสั้นๆ ไปเอาของมาให้ใหม่ ส่วนฟาร์คัสก็กระชับผ้าเช็ดตัวที่เปียกน้ำออกและก้าวขาลงไปแช่น้ำบ้าง ฟาร์คัสไม่ได้ลงตัวเปล่าเพราะรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยจึงสวมกางเกงลงไปอาบด้วย เมื่อนั่งลงได้เต็มตัวก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด รู้สึกสบายตัวมากเหมือนกับร่างกายโดนอะไรกดทับตอนนี้ได้หายไปแล้ว

   “ แม่ !! ” ดัฟฟ์โผล่พรวดขึ้นมาพร้อมตะโกนเรียก

   “ อะไร.. ” ฟาร์คัสตอบกลับเสียงเย็นน้ำที่กระเด็นมานั้นโดนเต็มๆ จนรู้สึกร้อนไปหมด
   
ดัฟฟ์ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรอีกทั้งยังพูดอย่างร่าเริง “ ว่ายน้ำกัน ว่ายน้ำกัน ”

   “ ข้าไม่ชอบว่ายน้ำ ” ฟาร์คัสฏิเสธและหยิบเป็ดยางที่แพะปีศาจยื่นให้โยนไปตรงกลางสระ “ เจ้าไปเล่นกับเป็ดน้อยนั่นแล้วกัน ”
   
“ เป็ด !! แก๊ซ อร่อย !! ” ดัฟฟ์รีบกระโจนไปทางที่เป็ดลอยไปทันที

   หวังว่าจะไม่กิน ฟาร์คัสคิดปลงๆ และหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย ปล่อยให้ดัฟฟ์เล่นกับเป็ดยางนั้นไปแล้วกัน แต่หลับตาเพียงไปได้ไม่นานก็รู้สึกถึงน้ำที่กระเพื่อมมาโดนร่างกายทำให้ฟาร์คัสลืมตาทันที

   “ อ๋า ข้าทำเจ้าตื่นเหรอฟาร์คัส ” คาร์บิลัสยิ้มระรื่นอย่างไม่รู้สึกผิดนัก

   “ .. อืม ” ฟาร์คัสหลับตาต่ออย่างไม่สนใจ “ เจ้าไม่ทำงานเหรอ คาร์บิลัส ? ” ฟาร์คัสถามทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่

   “ ข้าเป็นถึงราชาของแดนนี้นะ ฟาร์คัส ข้าต้องการอะไรก็ย่อมจะทำได้อยู่แล้ว ” ถึงแม้ว่าข้าจะต้องไปตามชดเชยเวลาที่แอบอู้ก็ตามเถอะ คาร์บิลัสคิดเซ็งๆ พลางเหลือบมองฟาร์คัส ฟาร์คัสโตขึ้นมากจากที่เคยพบกันล่าสุดเมื่อตอนนั้น ถึงแม้ว่าจะยังตัวเล็กกว่าข้าแต่ก็ถือว่าโตขึ้นมากอยู่ดี แต่ก็ประมาณนี้แหละ กอดได้เหมาะมือดี

   “ ราชา.. ” ฟาร์คัสทวนคำเพราะรู้สึกคุ้นอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็นึกอะไรไม่ออกอยู่ดี “ ข้ากับท่านเคยเจอกันตอนไหนมาก่อนหรือเปล่า ? ” เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ฟาร์คัสข้องใจมานาน
   
“ เอาตอนไหนล่ะ ครั้งแรกหรือล่าสุดดี ” คาร์บิลัสถามกลั้วหัวเราะ

   “ เอาล่าสุดแล้วกัน ” ฟาร์คัสตอบ เพราะถามครั้งแรกไปข้าก็คงจำอะไรไม่ได้อยู่ดี ล่าสุดน่าจะเป็นประโยชน์ต่อข้ามากกว่า

   “ ล่าสุดงั้นเหรอ.. ” คาร์บิลัสทวนด้วยรอยยิ้ม “ เจ้ามาบ้านข้าเพื่อทำหน้าที่ของสายเลือดของเจ้า ฟาร์คัส  ”

   “ หน้าที่ของสายเลือด ? ” ฟาร์คัสทวนคำอีกครั้งด้วยความงุนงง ข้ามีสายเลือดของอะไรข้ายังไม่รู้เลย แต่พอไตร่ตรองสักพักฟาร์คัสก็พบคำตอบ ข้าอาจจะเป็นมนุษย์นกนั่น.. ในความฝัน

   “ อืม เจ้ามาตามหน้าที่นั่นแหละ เจ้ารู้ไหมข้ารอโอกาสนี้มานานมาก ” นับตั้งแต่เจอกันที่แม่น้ำนั่น คาร์บิลัสคิดต่อในใจ  “ ข้าดักรอเจ้าและตีตราเจ้าไว้ ”

   “ ตีตรา ? ” ฟาร์คัสเบิกตาน้อยๆ อย่างคาดไม่ถึง หรือว่าราชาปีศาจจะช่วยเหลือข้าเพราะว่าข้าเป็นของของคาร์บิลัสไปแล้ว
   คาร์บิลัสสะดุ้งในใจเมื่อเห็นฟาร์คัสดูสลดลง  “ อ๋า ฟาร์คัส ถึงแม้ข้าจะตีตราเจ้าไว้ ข้าแค่อยากจะไว้ติดต่อเจ้าแค่นั้นเอง !  และไว้ปกป้องเจ้าด้วย ” คาร์บิลัสรีบพยายามแก้ต่างทันที

   “ อืม ข้าเชื่อเจ้าแล้วกัน ” ฟาร์คัสพยักหน้าน้อยๆ หลายวันมานี้เขารู้ถึงความเอาใจใส่ของราชาปีศาจดีรวมถึงไอ้การปกป้องอะไรนั่นด้วย ฟาร์คัสเผลอยิ้มบางๆ ออกมา ตอนนี้ถ้าจะให้เชื่อใจใครสักคน ข้าอยากจะลองเชื่อใจ คาร์บิลัสดูสักครั้ง
 
   คาร์บิลัสไม่ได้ตอบอะไรแค่ยิ้มกลับมาพร้อมกับลูบหัวฟาร์คัสเบาๆ ซึ่งฟาร์คัสก็ไม่ได้ปัดออกแต่อย่างใด “ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นยังไง เข้าจะปกป้องเจ้าเองนะฟาร์คัส ”

   ประโยคนี้ดูเหมือนปีศาจจะพร่ำบอกฟาร์คัสมาหลายต่อหลายครั้งมาก “ อืม ” ฟาร์คัสตอบกลับไปสั้นๆ แต่ก็ต้องเบิกตากว้างกับคลื่นลูกใหญ่ที่พัดมาข้างหลังราชาปีศาจ

   “ เจ้าตกใจอะไรน่ะ ” คาร์บิลัสย่นคิ้วถามและหันไปมองด้านหลังซึ่งนั่นก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว คลื่นลูกนั้นส่งผลให้ราชาปีศาจล้มกลิ้งไปกองใต้น้ำต่างจากฟาร์คัสที่ยังนั่งอึ้งอยู่ ซึ่งคลื่นหลังจากพัดราชาปีศาจจมไปก็ปรากฎร่างของดัฟฟ์

   ก๊าบบ เสียงเป็ดยางดังลั่นเมื่อดัฟฟ์โผเข้ามาเกาะฟาร์คัสและบีบ “ เป็ด แก๊ซ !! ” 
   
“ ไอ้มังกรรรรรร !! ”  คาร์บิลัสโผล่ขึ้นมาจากน้ำและดึงดัฟฟ์ออกมาอย่างโมโห “ ไอ้คลื่นลูกเมื่อกี้หมายความว่าไง ! เจ้าอยากเล่นน้ำเหรอได้ ข้าจัดให้ ! ” คาร์บิลัสตั้งท่าจะโยนดัฟฟ์ไปกลางสระ

   “ แก๊ซ ม่ายยย ฆ่าบี้ลัส ! ปล่อยยย ” ดัฟฟ์ตะเกียกตะกายกลับมาหาฟาร์คัสเมื่อไม่สำเร็จก็ทำการปาเป็ดใส่หัวคาร์บิลัส

   ถึงแม้มันจะไม่ได้เจ็บอะไรมากมายแต่ก็สร้างโทสะให้คาร์บิลัสพอสมควร “ วันนี้เจ้าไม่โดนข้า อย่าเรียกข้าว่าคาร์บิลัส !! ” คาร์บิลัสโยนดัฟฟ์ไปกลางสระและร่ายเวทเรียกคลื่นซัดใส่ดัฟฟ์ไม่หยุด ซึ่งดัฟฟ์ถึงแม้จะล้มกลิ้งอยู่กลับเสกคลื่นซัดกลับมาได้

   “ ... ” ฟาร์คัสไม่ได้เอ่ยอะไรกับเหตุการณ์ตรงหน้าและหันไปรับของจากพวกแพะปีศาจมาอาบน้ำเงียบๆ  เพราะถ้าหากเข้าไปขัดจังหวะ
   
ข้าอาจจะเป็นหนึ่งในพวกที่ล้มกลิ้งในน้ำก็เป็นได้

   ...

   เป็นเวลาพอสมควรที่กว่าจะราชาปีศาจกับดัฟฟ์จะอาบน้ำเสร็จรวมถึงฟาร์คัสด้วย ฟาร์คัสนั้นอายน้ำเสร็จแล้วรอบนึงมานั่งรอข้างๆ กลับโดนคลื่นลูกหลงมาเต็มๆ จนต้องไปเปลี่ยนเสื้อใหม่อีกครั้ง โดยไม่ลืมเอ็ดดัฟฟ์กับคาร์บิลัสด้วยความหงุดหงิดเป็นการจบศึกสายน้ำระหว่างดัฟฟ์กับคาร์บิลัส

   “ กว่าพวกเจ้าจะอาบเสร็จข้าก็หิวเต็มทนแล้ว ” ฟาร์คัสบ่นออกมาอย่างอดไม่ได้ระหว่างที่กำลังจะออกจากห้อง
   
“ ก็เจ้ามังกรสิ มันงี่เง่าลอบทำร้ายข้า ! ” คาร์บิลัสเถียงพร้อมกับเขม่นดัฟฟ์ที่กำลังนอนอย่างสบายใจอยู่ในกระเป๋าเป้อีกครั้ง
   
“ นั่นมันเรื่องของเจ้า ” ฟาร์คัสยังคงหงุดหงิดอยู่ ไม่แน่ใจเพราะหิวหรือที่ต้องเปลี่ยนชุดใหม่

“ หวา ข้าขอโทษๆ เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสรีบขอโทษทันทีเมื่อเห็นฟาร์คัสยังคงขมวดคิ้วอยู่
   
“ พาข้าไปหาอะไรกินแล้วกัน ”

   “ ได้เลย ! ข้าจะสั่งอาหารที่ดีที่สุดในดินแดนปีศาจมาให้เจ้ากินเลย ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสพูดด้วยความกระตือรือร้นเมื่อเห็นฟาร์คัสอ่อนข้อลง แต่ก่อนที่จะได้ก้าวขาออกจากห้องกลับมีแมวตัวอ้วนนอนขวางอยู่

   “ สวัสดีขอรับ ท่านคาร์บิลัส ” พอยซ์ก้มหัวน้อยๆ และลุกขึ้นยืน “ ข้ามาแจ้งเรื่องอาการของท่านฟาร์คัสขอรับ ”
   
“ เป็นยังไงบ้าง ” คาร์บิลัสถามเสียงเรียบแววตากดดันเพื่อเร่งเร้าเอาคำตอบ

   “ กะ ก็ดีขอรับ ท่านฟาร์คัสน่าจะใกล้เป็นปกติแล้วขอรับ ข้าได้ใส่น้ำสกัดจากดอกแกลส์ที่ใช้ถอนคำสาปที่มีฤทธิ์อ่อนๆ นั่นออกไปแล้วเหลือเพียงกินยานั่นเพื่อสลายคำสาปอย่างหมดจดขอรับ ” พอยซ์ตอบอย่างฉะฉานเช่นเดิม
   
ฟาร์คัสเลิกคิ้วน้อยๆ เมื่อได้ยินดังนั้น กลิ่นหอมนั่นเป็นน้ำสกัดนั่นเอง แปลว่าข้าน่าจะใกล้หายเป็นปกติแล้วสินะ  ข้าจะได้รู้สักทีว่าตัวตนของข้าคือใครกันแน่ แม้ว่ามันอาจจะโหดร้ายก็ตาม ฟาร์คัสเชื่อว่าความฝันที่ตนฝันนั้นเป็นเรื่องจริง
   
คาร์บิลัสสังเกตเห็นพอดีจึงจับมือฟาร์คัสและบีบเบาๆ เชิงว่ายังมีตนอยู่โดยไม่สนใจคนอื่น “ แปลว่าฟาร์คัสอาจจะหายก่อนคืนวันเพ็ญ ? ”
   
พอยซ์ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมากับท่าทางของราชาปีศาจที่มีต่อฟาร์คัส ในดินแดนปีศาจเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว “ ขอรับ อาการของท่านฟาร์คัสดีขึ้นมาก ”

   “ แล้วยาต้องกินตอนไหน พอยซ์ ” คาร์บิลัสถามแต่ตายังคงจ้องมองฟาร์คัสที่ยังดูสลดน้อยๆ ถ้าไม่ติดว่าอยู่ข้างนอกข้ากอดฟาร์คัสไปแล้ว !

   “ หลังอาหารก็ได้ขอรับ ท่านคาร์บิลัส ” พอยซ์ตอบและค้อมกายลงน้อยๆ “ ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ ถึงเวลานอนของข้าแล้ว ”

   “ ไปเถอะ ” คาร์บิลัสตอบอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก เมื่อเห็นพอยซ์ลับสายตาไปแล้วก็ไล่เจ้าพวกแพะปีศาจออกไปที่อื่นเหลือเพียงฟาร์คัสกับดัฟฟ์ในห้องเท่านั้น “ อย่าลืมสิ ฟาร์คัส เจ้ายังมีข้านะ ” คาร์บิลัสดึงฟาร์คัสเข้ามากอดพร้อมกับลูบหัวเบาๆ
   
“ ... ” ฟาร์คัสไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่มุดเข้าหาไออุ่นเป็นเวลาสั้นๆ เท่านั้น “ ข้าหิวแล้ว พาข้าไปหาอะไรกินเถอะ ”

   “ ไปกันเถอะ ” คาร์บิลัสปล่อยฟาร์คัสออกจากอ้อมกอดและพาอีกฝ่ายเดินไปหาห้องอาหารที่แสนจะโอ่อ่าใหญ่โตของตัวเองต่อ โดยจับมือฟาร์คัสไว้เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกว่ายังมีคนที่จะอยู่เคียงข้างจริงๆ  ฟาร์คัสก้าวขาตามโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ดูผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิมมาก

   ในครั้งนี้ฟาร์คัสไม่ได้เดินชื่นชมบรรยากาศรอบข้างแต่กลับมีเสียงที่คล้ายกับกำลังเคาะกระจกเรียกและจ้องมองมาอยู่ เรียกให้ทั้งฟาร์คัสและคาร์บิลัสหันไปสนใจ

   ฮูก ฮูก ฮูก
   
มีนกฮูกกำลังใช้ตากลมโตจ้องมาทางฟาร์คัสและใช้จะงอยปากจิกกระจกดังก้อกแก้กแต่เสียงของมันกลับดังกว่า ฟาร์คัสเบิกตากว้างมองนกฮูกพร้อมกับความรู้สึกและความทรงจำที่ถาโถมเข้ามา ฟาร์คัสทรุดตัวลงนั่งและกุมหัวด้วยสีบิดเบี้ยวหน้าทรมาน คาร์บิลัสตกใจมากรีบกอดร่างอีกฝ่ายไว้และปลอบประลอมอีกฝ่ายด้วยความลุกลี้ลุกลนทันที
   
“ จำได้แล้ว.. ” ฟาร์คัสพูดเสียงเบาออกมา

   “ อะไรนะ ? ” คาร์บิลัสที่ได้ยินไม่ชัดถามอีกครั้ง

   “ ข้าจำได้หมดแล้ว..  ท่านราชาปีศาจคาร์บิลัส ”

------------------------

รักษาระดับ 3 วัน ไว้ได้ ฮะฮ่า !  :katai2-1: <- ดีใจอะไร

เรื่องดราม่านี้น่าจะเตรียมทิชชู่ไว้ดีกว่าค่ะ 5555  แต่ก็นะยังไงก็ต้องมีฟ้าหลังฝนให้ฟาร์คัสบ้าง

เรื่องเครื่องรางนี้น่าจะส่งผลดีล่ะมั้ง ?  :katai5:

ขอบคุณทุกคอมเม้นและคนอ่านค่ะ  :man1:

---------------

ปล. ไปเจออะไรฮาๆ มาค่ะ ตอนไปเก็บของที่บ้านเก่าไปเจอเรื่องสั้นสมัย ป.ไหนไม่รู้เก็บรวมกับของพี่

อ่านจบนี้ถึงกับทุบโต๊ะค่ะ 5555555555555555555555 ร้องไห้  :hao5:
   
   


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 7 15 เม.ย. 58
«ตอบ #22 เมื่อ15-04-2015 22:18:15 »

อนาถตัวเอง ลายมือดูดีกว่าของเราเยอะเลย  :mew5:

***

รู้สึกเหมือนจะเห็นว่าเกรงใจว่าที่เมียหน่อยๆนะคาร์บิลัส  :hao7:

แต่ฟาร์คัสจำได้แล้ว จะเป็นยังไงต่อ ไปเอาตำแหน่งคืนไหม?? หรือแก้แค้นให้พ่ออย่างเดียว?

**

TvT ขอตัวไปตุนทิชชู่ก่อนนะคะ

ออฟไลน์ Accelerator

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 7 15 เม.ย. 58
«ตอบ #23 เมื่อ16-04-2015 01:17:29 »

แวะมาให้กำลังใจ ขออย่าให้มาม่ามากเลยน๊า  :mew1:
ปล. แอบฮาตรงไฟล์แนบ 555+

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 8 17 เม.ย. 58
«ตอบ #24 เมื่อ17-04-2015 22:36:00 »

-- ตอนที่ 8 --

“ ข้าจำได้หมดแล้ว ท่านราชาปีศาจคาร์บิลัส.. ” ฟาร์คัสพูดออกมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ บรรยากาศผ่อนคลายที่เคยมีได้หายไปแล้วเหลือเพียงความเย็นชาที่เป็นวิสัยปกติของเจ้าตัว ฟาร์คัสยังคงอยู่ในอ้อมกอดของคาร์บิลัสแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใดเพียงแตะเบาๆ เชิงให้ปล่อย

คาร์บิลัสปล่อยแขนแต่โดยดีด้วยความรู้สึกเศร้านิดหน่อย ฟาร์คัสที่ดูมีชีวิตชีวาคงไม่โอกาสได้เห็นอีกแล้วล่ะมั้ง “ ไปกินข้าวกันเถอะ ฟาร์คัส ” แต่อย่างไรก็ตามนี้ก็เป็นตัวตนที่แท้จริงของฟาร์คัสอยู่ดี

ฟาร์คัสยืนขึ้นและดึงชายเสื้อที่ยับยู่ยี่ให้ตรง “ ข้าขอเวลาทักทายเพื่อนเก่าก่อน ” คาร์บิลัสยังไม่ทันตอบโต้อะไรฟาร์คัสก็เดินไปเปิดหน้าต่างเสียแล้ว

ฮูก ฮูก ฮูก

เจ้านกฮูกไม่ได้ตกใจบินหนีเมื่อเห็นฟาร์คัสเปิดหน้าต่างและยื่นมือกับจับตัวมัน มันเอาหัวไซร้มือฟาร์คัสด้วยท่าทีคุ้นเคย นกฮูกตัวนี้เป็นตัวเดียวกับวันที่ฟาร์คัสมาทำหน้าที่ของสายเลือด

“ ขอบใจเจ้านะ ” ฟาร์คัสยิ้มบางและขยี้หัวเจ้านกฮูกจนยุ่งเหยิงไปหมด ถ้าหากไม่มีเจ้านกฮูกมาทักทายข้าคงต้องรอจนกินยาของพอยซ์ควาทรงจำถึงจะกลับคืนมา เจ้านกฮูกมองฟาร์คัสด้วยสายตาตำหนิเพราะมันคงไม่มีปัญหาไซร้ขนบนหัวให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

“ ฟาร์คัสแล้วข้าล่ะ ! ” คาร์บิลัสเรียกความยุติธรรมให้ตัวเองบ้าง ข้าก็ช่วยเจ้าเหมือนกันนะฟาร์คัส คาร์บิลัสจ้องด้วยสายตาน่าสงสาร

“ ช่างเจ้าสิ คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสใช้มืออีกข้างที่ว่างจะผลักหัวคาร์บิลัสอย่างไม่จริงจังนักซึ่งฟาร์คัสก็พบว่าคาร์บิลัสสูงกว่าตัวเองพอสมควรจึงได้ผลักไหล่แทน ถ้าหากเขย่งมันจะดูเป็นการเสียหน้าเกินไป

“ อ๋า แย่จัง ข้าเสียใจนะฟาร์คัส ” คาร์บิลัสยิ้มเมื่อแอบเห็นว่าฟาร์คัสหยุดมือค้างนิดนึงแล้วผลักไหล่แทน ดูเหมือนว่าความคิดของข้าจะผิดไป ฟาร์คัสถึงแม้จะดูเย็นชาเพราะความเคยชินแต่นิสัยจริงๆ ก็ยังอยู่ล่ะนะ

ฟาร์คัสร่ายเวทเสียงเบาๆ ฉับพลันก็มีลมพูดวูบผ่านเจ้านกฮูกทำให้ขนบนหัวของมันกลับมาเป็นเหมือนเดิม นี่เป็นเวทที่ฟาร์คัสใช้เป็นประจำเวลาเพิ่งตื่นและต้องออกจากห้องอย่างเร่งด่วน “ ข้าต้องไปแล้วล่ะ เจ้านก ” ฟาร์คัสถอนหายใจยาวออกมา “ มีเรื่องอีกมากที่ข้าต้องสะสาง ”

เจ้านกฮูกหมุนคอไปมาเหมือนกำลังใช้ความคิดและโผบินเข้ามาเกาะเข้าที่ไหล่ของฟาร์คัส มันเอาหัวไซร้คอฟาร์คัสน้อยๆ เหมือนกำลังจะอ้อนและสื่อว่าต้องการที่จะติดตามไปด้วย ซึ่งท่าทางของมันก็คาร์บิลัสบ่นออกมา

“ เฮ้อ ฟาร์คัส ข้าว่าเจ้าออกจะดูเย็นชา แต่พวกสัตว์ดูจะชอบเจ้ากันจัง ” คาร์บิลัสพูดเซ็งๆ แค่มังกรงี่เง่า ก็เบื่อจะแย่อยู่แล้ว

“ รวมเจ้าด้วยแล้วกัน ” ฟาร์คัสพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยขณะที่ปิดหน้าต่าง

“ ข้าเป็นราชาปีศาจนะ อย่าเอาข้ารวมกับมังกรงี่เง่าสิ ฟาร์คัส ”

ฟาร์คัสไม่สนใจคำทักท้วงและก้าวเดินก่อนแต่คาร์บิลัสไม่ยอมมาเดินนำสักทีเอาแต่ทำหน้ามุ่ย “ คาร์บิลัสเจ้าเป็นเด็กรึไงกัน ข้าหิวข้าว ” ฟาร์คัสหันไปเอ็ด

“ ก็ได้ๆ เห็นแก่เจ้าแล้วกัน ” คาร์บิลัสบ่นและยอมเดินนำไปก่อน นอกจากฟาร์คัสแล้วคาร์บิลัสแทบไม่เคยอ่อนข้อให้ใครง่ายๆ “ เจ้าอยากกินอะไรล่ะ ฟาร์คัสนี่ก็เที่ยงแล้วด้วย ”

“ เอาที่อร่อยแล้วกัน ” ฟาร์คัสตอบอย่างขอไปทีเดินตามเงียบๆ และจมกับความคิดของตัวเอง คาร์บิลัสไม่ได้เอ่ยอะไรเมื่อเห็นฟาร์คัสเงียบไปเพียงแค่มองด้วยสายตาเป็นห่วงเท่านั้น
 
ข้าร้องไห้มามากเกินพอแล้ว การร้องไห้ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลยนอกจากจะทำให้ข้ารู้สึกข่มขื่นมากขึ้น ถ้าเป็นท่านพ่อท่านจะทำยังไงกัน ฟาร์คัสแค่นหัวเราะในใจ ข้าดูจะเสียสติไปแล้ว ท่านพ่อข้าจะทำอะไรได้ในเมื่อถูกฆ่าไปแล้วโดยใครสักคนที่ลุ่มหลงในอำนาจไร้สาระนั่น ข้าไม่รู้หรอกนะว่ามันมีอะไรดีกับการเป็นราชา แต่ถ้าใครบางคนนั่นเลือกที่จะสังหารพ่อข้าและเหยียบพ่อข้าขึ้นไปรับอำนาจนั่น ข้ายอมไม่ได้ !!

ตุบ

ฟาร์คัสชนหลังคาร์บิลัสจนกระเด็นกลับมาและเซเล็กน้อย

“ หวา ฟาร์คัสเจ้าเป็นอะไรไหม ” คาร์บิลัสสะดุ้งเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเดินชนหลังตัวเองได้เพียงเพราะหยุดเดินเมื่อถึงโรงอาหารแล้ว

“ ไม่เป็นไร ” ฟาร์คัสนวดขมับเล็กน้อยเพราะยังคงรู้สึกมึนๆ อยู่ ส่วนเจ้านกฮูกบินพึ่บพั่บไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ทำให้มันไม่ได้ชนคาร์บิลัส เจ้านกฮูกกลับมาเกาะไหล่ฟาร์คัสดังเดิมด้วยท่าทีสบายใจซึ่งนั่นก็ทำให้รู้สึกคันไม้คันมือนิดหน่อย

“ งั้นก็ดีแล้วถึงโรงอาหารของข้าแล้วล่ะ ” คาร์บิลัสเปิดประตูหรูหราออกซึ่งก็เหมือนเดิม ทุกที่ในคฤหาสน์ของราชาปีศาจล้วนประณีตและโออ่า ทำให้โรงอาหารของราชาปีศาจมีขนาดใหญ่ตรงกลางโต๊ะตัวยาวแกะสลักลวดลายปีศาจและเก้าอี้ที่เรียงรายกันเป็นแถบ โดยมีเก้าอี้ที่ดูหรูหราที่สุดเป็นเก้าอี้ไม้นวมสีแดงสลับทองตัวไม้ก็แกะสลักเป็นรูปปีศาจเช่นกัน บนโต๊ะอาหารมีอาหารวางเรียงจนเต็มโต๊ะอาหารทุกจานล้วนคนละชนิดกันและส่งกลิ่นหอมน่ากินออกมา

“ ห้องนี้ใหญ่เพราะบางทีพวกขุนนางจะมาคุยเรื่องงานตอนกินข้าวน่ะ ” คาร์บิลัสอธิบายออกมาเมื่อเห็นฟาร์คัสมองด้วยสายตานิ่งงัน “ เจ้าจะกินอะไรก็ได้นะ !  แต่ต้องนั่งข้างข้าเท่านั้น ”       

“ อืม ” ฟาร์คัสมองอาหารที่มากมายจนเกินไปบนโต๊ะ ก็เริ่มรู้สึกอิ่มขึ้นมาแปลกๆ ฟาร์คัสนั่งเก้าอี้ที่ใกล้ตัวที่สุดและถอดกระเป๋าออกมา “ ดัฟฟ์ เจ้ากินด้วยไหม ” ฟาร์คัสดึงดัฟฟ์ออกมาจากกระเป๋าและวางเก้าอี้ตัวข้างๆ

ดัฟฟ์หาวหวอดออกแต่เมื่อลืมตาเห็นอาหารก็ตื่นทันที “ หิวววว แก๊ซ ” ดัฟฟ์กระตุกชายเสื้อฟาร์คัสเชิงว่าให้ป้อน

“ ไอ้มังกรงี่เง่า เจ้าก็มีมือไม่ตักกินเองเล่า ” คาร์บิลัสบ่นขณะที่เลื่อนเก้าอี้นั่งอีกข้างของฟาร์คัส คำพูดของคาร์บิลัสถ้าตีความดีๆ ก็จะรู้ว่าอิจฉา ซึ่งฟาร์คัสก็บังเอิญตีความได้พอดีแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก

“ เจ้านก เจ้ากินอะไรไหม ” ฟาร์คัสเอ่ยถามนกฮูกที่ยังคงเกาะที่ไหล่อยู่ ซึ่งเจ้านกฮูกก็ไม่ได้มีท่าทีหิวอะไรยังคงไซร้ขนตัวเองอย่างไม่สนใจอาหารนัก

“ แม่ หิวว” ดัฟฟ์เรียกอีกครั้งเมื่อเห็นฟาร์คัสไม่สนใจ

ฟาร์คัสมองดัฟฟ์ที่ยังคงเกาะชายเสื้อและถอนหายใจเหนื่อยๆ “ ข้าหยิบให้เจ้าได้ แต่ถ้าให้ข้าป้อนเจ้าด้วย ข้าคงไม่ได้กินข้าวกันพอดี ” ไม่ว่าเปล่าฟาร์คัสใช้ส้อมจิ้มไก่อบใส่จานให้ดัฟฟ์ ขนาดของมันน่าจะมากพอให้ดัฟฟ์นั่งกินเงียบๆ ไปสักพัก ซึ่งดัฟฟ์ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีหยิบไก่ไปแทะเอง

“ ข้าป้อนเจ้าได้นะฟาร์คัส ” คาร์บิลัสเสนอตัว

“ ไม่เป็นไร ” ฟาร์คัสปฏิเสธทันทีและตักอะไรสักอย่างที่คล้ายผัดดอกไม้มากิน “ คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสเรียกคาร์บิลัสเสียงเรียบเพื่อให้รู้ว่าจะคุยเรื่องจริงจัง

“ ต้องการอะไร ฟาร์คัสของข้า ” คาร์บิลัสถามกลับด้วยความจริงจังเช่นกัน

ฟาร์คัสไม่ได้เอ่ยทักท้วงอะไรกับคำพูดของคาร์บิลัส “ ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้ที่ดินแดนนกบอกลางเป็นยังไงบ้าง ” ถึงแม้คำถามจะดูปกติแต่ก็แฝงความนัยว่ามีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างในด้านภายใน

 “ ในวันมะรืนเซอร์เคนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นราชาองค์ใหม่ ”
เซอร์เคน ? ฟาร์คัสทวนในใจและเบิกตากว้าง ไอ้แร้งนั้น !! ตอนที่ข้าเข้าไปหาพ่อของข้าแล้วยังไม่หยุดการประลองอีกทั้งยังสาปข้าด้วย ฟาร์คัสกัดฟันกรอด บุตรแห่งขุนนางทอริค !! ฉะนั้นทอริคต้องมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นแน่ ข้ายังคงจำได้สีหน้าของทอริคยามที่ประกาศลั่นวันนั้นได้ มันดูทั้งเรียบเฉยและสมใจ !

“ ถ้าเจ้าต้องการจะกลับไปดินแดนนกบอกลางของเจ้า ข้าพาเจ้าไปแน่แต่ต้องกินข้าวเสร็จก่อนนะ ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสพูดดักไว้ก่อนเมื่อเห็นใบหน้าเรียบเฉยของฟาร์คัสดูเย็นชาขึ้นทุกที

“ ข้าไม่มีอารมณ์กินแล้ว คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสแค่นเสียงตอบ ตอนนี้อารมณ์โกรธได้ตีตื้นจนกลบความรู้สึกไปทั้งหมด ถ้าหากทอริคอยู่ตรงหน้าฟาร์คัสตอนนี้คงไม่วายถูกฟาร์คัสฆ่าแน่นอน

“ ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสเรียกเสียงเรียบ “ ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธมากเพราะข้าก็เคยเจอแบบนั้นเหมือนกัน ” คาร์บิลัสยิ้มบางๆ ออกมา “ ก่อนที่เจ้าจะไปเผชิญหน้ากับพวกนั้น เจ้าควรจะรักษาร่างกายของตัวเองให้ดีก่อนนะ ฟาร์คัส และถ้าหากถึงตอนที่เจ้าต้องสู้จริงข้าจะเป็นกำลังให้เจ้าเอง  ” ในคำพูดสุดท้ายของคาร์บิลัสนั้นเป็นเสียงที่มีโทสะเช่นกัน

   ฟาร์คัสท่าที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด “ อืม ” ฟาร์คัสยอมกินต่อไปเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรต่ออีกแต่ในหัวยังคงมีโทสะคุกรุ่นอยู่ ถ้าหากได้กลับไปดินแดนนกบอกลางเมื่อไหร่ เมื่อนั้นฟาร์คัสคงอยู่ไม่สุขเป็นแน่

   “ ดัฟฟ์เจ้าอยู่เล่นที่นี้ไป เดี๋ยวข้ากลับมา ” ฟาร์คัสบอกกับดัฟฟ์ที่งอแงจะไปด้วย โดยไม่รู้ว่าฟาร์คัสต้องการจะไปทำอะไร
   
“ แม่ ดัฟฟ์ ไปด้วยยย ” ดัฟฟ์โวยวายและเกาะขาฟาร์คัสด้วยน้ำตานองหน้า ทำเอาฟาร์คัสใจอ่อนลงนิดหน่อย

   “ เจ้าไปจะช่วยอะไรข้าได้ล่ะ ดัฟฟ์ ” ฟาร์คัสนั่งยองๆ ลูบหัวดัฟฟ์พลางถามคำถาม
   
“ เล่นงายย ดัฟฟ์ชอบเล่น ”

   คาร์บิลัสเห็นเจ้ามังกรงี่เง่าน้ำตานองหน้าก็อดสงสารไม่ได้ ข้าจะพาเจ้าไปด้วยแค่ครั้งนี้นะ “ ดัฟฟ์เป็นมังกรดำ เจ้าน่าจำได้วันนั้นเจ้านี้แผลงฤทธิ์อะไรไว้บ้าง ”
   
“ แต่ถ้าเอาไปก็เกะกะข้าอยู่ดี ” ฟาร์คัสถอนหายใจ ดัฟฟ์น่ะเอาไปด้วยได้นะแต่ข้าไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งดูแลหรอกนะ ข้ากับเซอร์เคน ไม่สิ ทอริคด้วย มีอะไรต้องสะสางกัน !

   “ ก็เปลี่ยนมันซะสิ ฟาร์คัส ” 
   
“ นั่นสินะ ” ฟาร์คัสพยักหน้าและร่ายเวทในทันที รอบกายดัฟฟ์ปรากฎวงเวทสีเหลืองดูอ่อนโยนเป็นยวงเวทลวดลายที่ดูสลับซับซ้อนแต่ก็ยังแฝงไปด้วยความสวยงาม ดัฟฟ์ดูตกใจแต่ก็ยอมอยู่นิ่งๆ ให้เวทของฟาร์คัสซึมเข้าตัว ฉับพลันร่างของดัฟฟ์ค่อยๆ เลือนรางลงจนเห็นเป็นสีจางๆ เท่านั้น

   “ แก๊ซ ? ” ดัฟฟ์หลุดเสียงร้องออกมางงๆ เมื่อเห็นร่างของตัวเองจางมาก
   
“ เวทนี้เป็นเวทที่ผูกเจ้ากับข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหนข้าก็จะรู้ ตัวตนของเจ้าจะแทรกซึมอยู่ในตัวข้าแต่ถ้าหากข้าเรียกใช้เจ้าก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ” ฟาร์คัสลูบหัวดัฟฟอีกครั้ง ดัฟฟ์ก็ค่อยๆ จางหายไปและซึมเข้าร่างกายฟาร์คัสอย่างรวดเร็ว
   
“ งั้นไปกันเถอะ ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสเอ่ยเมื่อเห็นทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เหลือเพียงเดินทางไปยังดินแดนนกบอกลาง

   ฮูก ฮูก ฮูก

   เจ้านกฮูกร้องขึ้นมาเหมือนกำลังจะบอกอยู่กลายๆ ว่าอย่าลืมมันสิ
   
ฟาร์คัสยืนขึ้นพลางเหลือบมองเจ้านกที่ยังคงเกาะไหล่อยู่ “ ข้าคงไม่เอาเจ้าไปด้วยหรอกเจ้านกฮูก ดินแดนของข้าตอนนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับเจ้านัก ” ฟาร์คัสจับนกฮูกวางไว้ที่โต๊ะอยู่ใกล้และมองคาร์บิลัสเชิงว่าพร้อมแล้ว

   “ งั้นไปกันเถอะ ! ” คาร์บิลัสก้าวขาเข้ามาใกล้ฟาร์คัสและเริ่มร่ายเวทแต่กลับถูกฟาร์คัสผลักไหล่เบาๆ
   
“ ดินแดนของข้า ข้าย่อมไปเองได้ คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสพูดเสียงเรียบแววตาทอประกายโทสะเมื่อพูดถึงดินแดนของตัวเอง ฟาร์คัสท่องเวทเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว เวลาเพียงชั่ววูบก็ปรากฎวงเวทอีกาสยายปีกขนาดใหญ่ครอบคลุมทั้งสองคนและนำพาไปยังดินแดนของเจ้าของวงเวท
   
วงเวทของฟาร์คัสพามายังพื้นที่ป่าที่ล้อมรอบคฤหาสน์ขนาดยักษ์หรือจะเรียกอีกอย่างว่าบ้านของนกบอกลาง พื้นที่ป่าโดยรอบนั้นเป็นป่าดิบชื้นที่มีต้นไม้รกครึ้มมีสัตว์ต่างๆ อย่างพวกเสือ จระเข้ อะไรทำนองนั้นอาศัยอยู่อย่างชุกชุมมาก นกบอกลางมักจะใช้เป็นพื้นที่ภารกิจอยู่บ่อยๆ เช่นการหาพืชหายากบางชนิดในป่านี้บ้าง หาสิ่งของที่มาซุกซ่อนบ้าง แต่ตอนนี้ที่แห่งนี้เหมาะสำหรับเป็นที่ซุกซ่อนตัวของฟาร์คัสและคนอื่นๆ อย่างยิ่ง

   “ บุกเข้าไปเลยไหม ฟาร์คัส ”  คาร์บิลัสถามด้วยสีหน้าจริงจังต่างจากปกติ
   
“ เดี๋ยวก่อน คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสเอ่ยขัด “ เรื่องนี้ข้าอยากเป็นคนสะสางมันเอง เจ้าเป็นถึงราชาปีศาจลงมาช่วยข้าอาจจะส่งผลเสียต่อเจ้าได้ ” ขณะที่พูดฟาร์คัสไมได้สบตามองผู้ที่สนทนาด้วย เอาแต่จ้องไปที่พื้น

   คาร์บิลัสเลิกคิ้วน้อยๆ และหัวเราะออกมา “ ฟาร์คัส เจ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอก ต่อให้แร้งทั้งรังมารุมจิก ก็ยังทำอะไรข้าไม่ได้อยู่ดีล่ะนะ ” พอหัวเราะไปสักพักเห็นฟาร์คัสหันมาสบตาด้วยสายตาจริงจังคาร์บิลัสก็หยุดหัวเราะ “ เอาน่า ข้ามาที่นี้เพื่อปกป้องเจ้านะ ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสฉีกยิ้มมั่นใจให้ฟาร์คัส
   
ฟาร์คัสเงียบไปสักพัก “ งั้นเจ้าก็แปลงเป็นอีกาแล้วกัน ปกติข้ามีอีกาช่วยสู้ด้วย พวกนั้นน่าจะดูไม่ออกหรอกว่าเป็นเจ้า ” แต่สิ่งที่เสนอออกมาก็ยังคงเป็นห่วงสถานะของราชาปีศาจอยู่ดี

   “ อ่า เอาตามที่เจ้าบอกแล้วกัน ” คาร์บิลัสยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก  เพราะถ้าฟาร์คัสมีภัยที่รุนแรงขี้นมาข้าก็จะปรากฎตัวด้วยร่างราชาปีศาจอยู่ดี คาร์บิลัสร่ายเวทแปลงกายออกมาสองสามคำก็เปลี่ยนรูปร่างทันที
   
“ คาร์บิลัส อีกาบ้านเจ้าหน้าเหมือนแพะมาก ” ฟาร์คัสเหน็บออกมาเมื่อคาร์บิลัสได้กลายร่างเป็นแพะสีดำขลับแดงตัวจิ๋วมีเขาแพะสีดำก่ำและมองมาทางฟาร์คัสด้วยสายตาภาคภูมิใจ
   
และเปลี่ยนเป็นตกใจในภายหลัง “ หวา ! ผิดร่างๆๆๆ ” คาร์บิลัสในร่างแพะเบิกตากว้างรีบร่ายเวทแปลงกายอีกครั้งทันที จึงกลายเป็นอีกาตัวย่อมดวงตาสีเทาและบินมาเกาะที่ไหล่ของฟาร์คัส

   “ พร้อมนะ ” ฟาร์คัสพูดลอยๆ อย่างไม่ต้องการคำตอบและโผบินไปทางคฤหาสน์ทันทีในระดับที่ค่อนข้างสูงกว่าปกติมากจนสังเกตได้ยากมาก ฟาร์คัสค่อนข้างมั่นใจว่าจะไม่มีสามารถมองเห็นตนได้เพราะได้เรียกเวทลบตัวตนมาคลุมตัวด้วยโดยเผื่อแผ่ให้กับคาร์บิลัสที่บินอย่างสบายใจข้างๆ  แต่เมื่อเข้าใกล้คฤหาสน์ของนกบอกลางฟาร์คัสกลับกระแทกกับกำแพงบางอย่างอย่างแรงจนปลิวตกอย่างรวดเร็ว ฟาร์คัสขบกรามแน่นสะบัดหัวไปมาให้หายมึนและค่อยๆ ประคองการบินให้เหมือนเดิม แต่ยังไม่ทันที่จะบินได้ปกติก็แร้งสีดำสนิทขนาดยักษ์โผบินเข้ามาล้อมกรอบฟาร์คัสไว้

   แกว้กกกกก

   เจ้าแร้งร้องเสียงดังมากจนอากาศรอบๆ สั่นไหวแต่ก็ไม่ได้มีผลเชิงโจมตีแต่อย่างใด ฟาร์คัสงุนงงเล็กน้อยและต้องเบิกตากว้าง
   
ไอ้นกแร้งนี้มันส่งสัญญาณ

   “ หนวกหู !! ” คาร์บิลัสในร่างอีกาตวาดใส่และเรียกพลังโจมตีมวลสีดำขว้างใส่ แต่เจ้าแร้งกลับบินหลบได้ทันอย่างฉิวเฉียดมันร้องแกว้กๆ อีกครั้งและพุ่งเข้าใส่ฟาร์คัส

   “ เซอร์เคน ! ” ฟาร์คัสตวาดกร้าวออกมาขณะที่บินหลบเจ้าแร้ง “ มันจะมากเกินไปแล้ว  ” ดวงตาของฟาร์คัสเริ่มขึ้นสีแดงก่ำ “ แสงจงเป็นพลังให้ข้า มวลอากาศจงเป็นเลือดแก่ข้า สายฟ้าจงเป็นอาวุธของข้า  ” ฉับพลันในที่บริเวณนั้นก็เกิดแสงขึ้นมาจนแสบตา มวลอากาศหนักอึ้งทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวยากและสายฟ้าทรงพลังที่พร้อมจะมอดไหม้ใส่ศัตรูของผู้เป็นนาย
   
ในขณะที่สายฟ้าใกล้จะทำลายร่างของนกแร้ง นกแร้งกลับสลายหายไปก่อนที่จะโดนโจมตีเพียงเสี้ยววินาที
   
โทสะของฟาร์คัสยังคงคุกรุ่นเมื่อเห็นแร้งหายไปก็เปลี่ยนทิศทางของสายฟ้าไปยังกำแพงใสทันที สายฟ้าของฟาร์คัสกระทบได้ไม่กี่ครั้งก็เกิดเสียงร้าวและแตกกระจายของกำแพงตรงหน้า ไม่รั้งรออะไรอีกฟาร์คัสบินบุกเข้าไปทันที ดูเหมือนฟาร์คัสจะลืมแม้แต่ผู้ร่วมทางอย่างคาร์บิลัสซะแล้ว

คาร์บิลัสจึงได้แต่บินตามด้วยความเป็นห่วง สิ่งที่ห่วงไม่ใช่พลังของฟาร์คัสที่ใช้ต่อกรกับนกบอกลาง ห่วงความรู้สึกของฟาร์คัสซะมากกว่า แม้ในตอนแรกจะรู้สึกแค้นพวกคนที่ทำร้ายฟาร์คัสก็ตาม

ฟาร์คัสบินเข้าไปในคฤหาสน์ทันทีแม้ตรงหน้าประตูจะมีนกบอกลางเฝ้าอยู่ก็ตาม ฟาร์คัสใช้เวทลมที่รุนแรงเทียบเท่าพายุปัดออกไปแต่ไม่ได้โจมตีอะไรเพิ่ม ข้าไม่อยากทำร้ายผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง.. ฟาร์คัสเอ่ยขอโทษเบาๆ แม้ว่าร่างเหล่านั้นจะสลบไปแล้วก็ตาม ฟาร์คัสบินเข้าไปยังห้องโถงที่ว่างเปล่าผิดปกติแต่ฟาร์คัสหาได้สนใจไม่ ฟาร์คัสคำรามชื่อศัตรูออกมาเสียงดังลั่น “ เซอร์เคน ทอริค ไสหัวออกมา !! ”

   คาร์บิลัสบินมาเกาะไหล่ฟาร์คัสและร่ายเวทค้นหาช่วยอีกแรงซึ่งในวินาทีต่อมาก็ไม่จำเป็นเพราะร่างที่ฟาร์คัสต้องการพบได้ออกมาแล้ว
   
“ แย่จังนะ ฟาร์คัส เจ้าทำลายกำแพงของข้าซะย่อยยับเลย ” เซอร์เคนปรากฎตัวด้านบนและพูดด้วยน้ำเสียงยียวน

   “ หุบปาก  ” ฟาร์คัสตะหวาดกลับสั่งสายฟ้าให้โจมตีเซอร์เคนในทันทีและต้องเบิกตากว้างอีกครั้งเมื่อมันทะลุผ่านร่างเซอร์เคนไปซะเฉยๆ

   “ คิดว่าข้าจะให้ราชาแห่งนกบอกลาง เอาตัวมาเสี่ยงหรือ สัตว์เลี้ยงของปีศาจ ” เสียงของทอริคสะท้อนก้องไปมาในหัวของฟาร์คัส ทั้งๆ ที่ไม่ได้ปรากฎตัวออกมา
   
“ ไสหัวพวกเจ้าออกมา !! ” ฟาร์คัสตะโกนก้องจนอากาศสั่นไหวแสดงให้เห็นถึงพลังของฟาร์คัสที่เริ่มประทุเหมือนกับอารมณ์ของผู้เป็นนาย
   
“ ฟาร์คัส ! ในห้องนั้น ! ” คาร์บิลัสกระซิบเมื่อรู้ตำแหน่งของศัครูทั้งสอง

   “ ถ้าเจ้าไปไม่ออกมา ข้าก็จะลากคอพวกเจ้าออกมาเอง ” ฟาร์คัสพูดเสียงแดกดันและสั่งสายฟ้าให้โจมตีไปยังห้องที่คาร์บิลัสได้ชี้ทางเอาไว้ 
   
“ คิดจะทำอะไรนายของข้าล่ะ ฟาร์คัส ? ” เสียงคุ้นเคยพร้อมกับดาบที่ฟันสายฟ้าของฟาร์คัสแตกออกเป็นเสี่ยง

“ บาร์ลิน.. ? ”

------------------

  :hao5: ฟาร์คัสสส

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 8 17 เม.ย. 58
«ตอบ #25 เมื่อ18-04-2015 00:10:35 »

ไม่นะ กระทั่งบาร์ลินก็ทรยศ??

ยังเหลือใครที่ไว้ใจได้อีกบ้าง... หรือดินแดนนี้จะจงรักภักดีต่อกษัตริย์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะขึ้นตำแหน่งโดยชอบธรรมหรือไม่?

 :ling2: ล้างบางแม่งเลยเถอะ

ออฟไลน์ sittawan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 8 17 เม.ย. 58
«ตอบ #26 เมื่อ18-04-2015 00:17:41 »

เครียดดดดดด :z3: :z3:

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 8 17 เม.ย. 58
«ตอบ #27 เมื่อ19-04-2015 13:27:07 »

เพิ่งเข้ามาอ่านนะคะ แต่ดันไปเห็นเรื่องสั้นของคุณผู้เขียนเสียก่อน อ่านจบดิฉันถึงกับ (อย่าว่าดิฉันนะคะ) นอนกลิ้งไปกลิ้งมา คือตรงนี้คืออัลไล "เด็กน้อยทรุดโทรมมาก"  :laugh: คือแบบ...น่ารักเฟอร์ อ้อ แล้วก็เป็นเรื่องสั้นที่ตัดจบได้เจ็บแสบมากๆ เลยค่ะ แบบ "จบ" ตัวเบ้อเริ่ม โอ๊ย...แนวมากๆ  :z3:

ขอตัวไปอ่านก่อนนะคะ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 9 19 เม.ย. 58
«ตอบ #28 เมื่อ19-04-2015 18:13:42 »

-- ตอนที่ 9 --

“ บาร์ลิน.. ? ” ฟาร์คัสครางชื่อออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา บาร์ลิน ? บาร์ลินเนี่ยนะ บาร์ลินเพื่อนสมัยเด็กคนนั้นของเขาเนี่ยนะ ฟาร์คัสหยุดการโจมตีแต่สายฟ้าก็คงยังแลบและเกิดประกายไฟชวนน่าขนลุกเพื่อปกป้องผู้เป็นนาย

   คาร์บิลัสมองฟาร์คัสด้วยความเป็นห่วง เรื่องนี้เป็นเรื่องของฟาร์คัสกับเพื่อนของฟาร์คัส ถ้าหากข้าเข้าไปสอดดูจะเป็นการไม่ดีเท่าไหร่ เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกถ้าหากไม่สะสางให้สิ้นซากไปรังแต่จะทำให้เกิดปัญหาค้างคาไปเรื่อยๆ

   “ ไปกับราชาปีศาจแปปเดียว เจ้าถึงกับจำข้าไม่ได้เชียวหรือฟาร์คัส ” บาร์ลินยกยิ้มยียวนที่ทำให้ฟาร์คัสหน้าซีดลงกว่าเดิม มันเป็นรอยยิ้มที่ฟาร์คัสคิดว่าจะไม่มีวันได้เห็นจากคนๆ นี้ รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเหยียดหยัน

   “ เจ้าล้อข้าเล่นใช่ไหม ” ฟาร์คัสพยายามพูดด้วยความหวังว่าอีกฝ่ายจะล้อเล่น
   
บาร์ลินแสยะยิ้มชี้ดาบมาทางฟาร์คัส “ เจ้าคิดว่าข้อล้อเล่นไหมล่ะ ฟาร์คัส ” ดวงตาของบาร์ลินฉายความโหดเหี้ยมออกมาทางสายตา

   “ ...  ” ฟาร์คัสไม่ได้พูดอะไรออกไปยังคงนิ่งเงียบ ความผิดหวังได้ถาโถมเข้ามาอีกครั้งแต่ไม่ถึงขั้นต้องเสียน้ำตา บาร์ลิน.. ฟาร์คัสมองอีกฝ่ายด้วยแววตาอ่านยากสีหน้าพลันเย็นชาขึ้นทุกที

   “ ฟาร์คัส เจ้ารู้อะไรไหม ” บาร์ลินพูดพร้อมกับกวัดแกว่งดาบไปมาในอากาศราวกับกำลังตัดอากาศเล่น “ ทำไมเจ้าถึงไม่เคยเดาใจข้าได้เลย ”

   “ ... ” ฟาร์คัสไม่ได้ตอบเพราะรู้ว่าคำถามที่ถามมาไม่ได้ต้องการคำตอบจากเขา
   
“ เพราะว่าข้าไม่เคยเผยตัวตนที่แท้จริงให้เจ้าเห็นยังไงล่ะ ฟาร์คัส ! ” บาร์ลินตะโกนลั่นและตวัดดาบมาทางฟาร์คัสอย่างรวดเร็วทำให้มีเสียงตัดอากาศคล้ายเสียงกรีดร้อง
   
ฟาร์คัสกระโดดหลบการโจมตีของบาร์ลินแต่ไม่ได้โจมตีกลับเพียงแค่ยังคงมองด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดาอารมณ์ บาร์ลินที่เห็นฟาร์คัสไม่โต้ตอบเพราะคิดว่าดูถูกก็ยิ่งลงน้ำหนักดาบแรงขึ้นทุกครึ้งที่ฟันพร้อมๆ กับร่ายเวทโจมตีเข้าไปด้วย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฟาร์คัสมีบาดแผลขึ้นมาอยู่ดี

   “ บาร์ลิน.. ” ฟาร์คัสเรียกเสียงเรียบแววตาที่เดิมอ่านยากตอนนี้ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรอีกต่อไป  “ เจ้าบอกข้าได้นะว่าเจ้าโดนเซอร์เคนหรือทอริคบังคับเจ้า ” แต่ก็ยังคงให้โอกาสบาร์ลินอยู่ดี
   
บาร์ลินส่งแค่นเสียงตอบ “ เหอะ ! ตลกแล้ว ไอ้ลูกอีกา คิดว่าฉันมาสู้กับแกเพราะโดนบังคับงั้นเหรอ ไปถามพ่อแกดีกว่ามั้ง ว่าทำอะไรไว้บ้าง !! ” ในประโยคสุดท้ายบาร์ลินตะคอกออกมาพร้อมกับโจมตีใส่ฟาร์คัสด้วยลูกไฟขนาดมโหฬารปาเข้าใส่ฟาร์คัส
   
ฟาร์คัสหลับตาลงกล้ำกลืนความผิดหวังลงไปในขณะที่ลูกไฟจะโดนตัวฟาร์คัสนั้นก็ถูกเวทสะท้อนที่เคยเล่นงานราชาปีศาจสะท้อนกลับไปทั่วทุกทิศทางทาง ฟาร์คัสลืมตาอีกครั้งพร้อมกับคทาเวทในมือ “ ถ้าเจ้าต้องการจะเป็นศัตรูข้า ข้าก็จะสนอง !! ” ฟาร์คัสตะโกนลั่นสั่งสายฟ้าโจมตีบาร์ลินกับเซอร์เคนและทอริคที่ซ่อนอยู่ในห้องในเวลาเดียวกัน มืออีกข้างวาดคทาเป็นวงเวทในอากาศจนอากาศเกิดความแปรแปรวนค่อยๆ มีบางสิ่งปีนป่ายออกมาพร้อมกับมวลอากาศร้อน 
   
“ ฟาร์คัสสสส ” บาร์ลินตวัดดาบแนวแทยงเพื่อปัดป้องการโจมตีทั้งของตนเองและผู้เป็นนาย สายฟ้าของฟาร์คัสแตกเป็นเสี่ยงๆ อีกครั้ง บาร์ลินท่องเวทอัญเชิญสัตว์เวทออกมาโดยอากาศโดยรอบพลันหนักหน่วงกว่าเดิมขึ้นทันตา

   ก๊าซซซซซ

   สัตว์เวทของฟาร์คัสกู่ร้องออกมา สัตว์เวทของฟาร์คัสนั้นเป็นนกฟีนิกซ์เพลิงมันสะบัดปีกเพลิงของมันทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ไปทั่วโดยเฉพาะบริเวณห้องที่เซอร์เคนหลบซ่อนอยู่แต่เพลิงของฟีนิกซ์กลับเผาไหม้ห้องไม่ได้ ฟาร์คัสไม่ปล่อยโอกาสตอนที่บาร์ลินกำลังปัดป้องกระกายไฟส่งหอกเพลิงเข้าไปโจมตีทันที แต่ก่อนที่จะโดนบาร์ลินสิ่งที่บาร์ลินอัญเชิญก็ออกมาพอดีและเขมือบหอกเพลิงของฟาร์คัสเข้าไป

   ฟาร์คัสหยุดชะงักในอากาศพร้อมกับตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ สิ่งที่บาร์ลินอัญเชิญออกมาคือสิ่งที่ฟาร์คัสกลัวมากที่สุดซึ่งมีเพียงบาร์ลินเท่านั้นที่รู้ สิ่งที่เขาได้พบยามไปปฏิบัติหน้าที่ของสายเลือดตอนระดบขนนกดำ อสูรที่รูปร่างคล้ายหนอนขนาดยักษ์มีฟันซี่แหลมคล้ายมีดรอบปากลำตัวเป็นขอปล้องแข็ง กลืนกินทุกอย่างที่ขวางหน้า ฟาร์คัสเคยเกือบโดนมันกินเพราะเข้าไปช่วยเด็กคนนึงที่กำลังจะโดนกิน ฟาร์คัสยังจำความรู้สึกยามที่ฟันซี่แหลมกัดกินเข้าที่ปีกอย่างตะกละตะกลามได้ 

   นกฟีนิกซ์ของฟาร์คัสโผบินเข้าไปใกล้และกระพือเปียกเรียกพายุเพลิงถล่มใส่ศัตรูของผู้เป็นนายแต่ไม่อาจทำอะไรอสูรตรงหน้าได้อีกทั้งมันยังมุดลงดินเพื่อหลบหลีกเพลิงที่แผดเผาอีกและโผขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึงอึดใจ ด้วยความเร็วของมันทำให้มันลอยตัวสูงขึ้นมาในอากาศมันอ้าปากกว้างเตรียมที่จะกลืนนกฟินิกซ์เข้าไปแต่ฟีนิกซ์ก็บินหลบทันได้อย่างเฉียดฉิวมันกู่คำรามออกมาอย่างโมโหเมื่อเพลิงของมันไม่สามารถทำอะไรได้

   ซึ่งสาเหตุของเพลิงที่ไม่สามารถทำอะไรได้นั้นน่าจะมาจากฟาร์คัสที่ยังคงตัวสั่นอยู่ จิตใจที่หวาดกลัวย่อมทำให้พลังเวทลดลงไปด้วย ฟาร์คัสกุมคทาด้วยมือที่ชื้นเหงื่อพร้อมกับหลบการโจมตีจากบาร์ลินที่ลอยโจมตีมาทางด้านหลัง

   “ เป็นถึงอีกากลับมากลัวหนอนเนี่ยนะ เรื่องตลกประจำวันจริงๆ ” บาร์ลินหัวเราะน้ำเสียงเยาะเย้ย และร่ายเวทโจมตีออกมาช่วยเสริมการโจมตีเพื่อให้ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น

   คาร์บิลัสที่ทนเห็นฟาร์คัสตัวสั่นอย่างหวาดกลัวไม่ได้อีกต่อไปตะคอกใส่บาร์ลิน “ หุบปาก !! ” คาร์บิลัสคลายร่างอีกาออกกลายเป็นร่างปีศาจเช่นเดิมโดยมีปีกขนาดยักษ์กับหางที่เพิ่มเข้ามา  “ มันจะมากเกินไปแล้วนะ ” คาร์บิลัสเพียงสะบัดมือเบาๆ เจ้าอสูรหนอนที่เดิมที่โผขึ้นมาอีกครั้งก็ขาดเป็นสองท่อนและค่อยๆ หายไป คาร์บิลัสเตรียมร่ายเวทโจมตีใส่ศัตรูทั้งสามที่บังอาจทำร้ายฟาร์คัส
   
บาร์ลินไม่ได้มีท่าทีตกใจกับการปรากฎตัวของราชาปีศาจราวกับคาดเดาไว้แล้วว่าราชาปีศาจจะปรากฎตัว “ ท่านเซอร์เคน ท่านทอริค ถึงเวลาแล้วขอรับ ” บาร์ลินตะโกนบอกและหายตัวไปในทันที
   
คาร์บิลัสเลิกคิ้วน้อยๆ อย่างคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะหนีแต่มันหมายความว่ายังไงว่าถึงเวลาแล้ว ? แต่นั้นไม่สำคัญเท่าฟาร์คัสของข้าหรอกนะ ! คาร์บิลัสหันไปหาฟาร์คัสที่ยังคงตัวสั่นเพราะความกลัวที่ยังคงกัดกินอยู่ คาร์บิลัสรวบตัวฟาร์คัสมากอดและลูบหัวเบาๆ พลางมองสอดส่องรอบข้างที่เหลือเพียงนกฟีนิดซ์ตีปีกไปมาอยู่กับไฟของมันที่ยังคงโลมเลียไปทั่วห้องโถง

   “ ดูการกลับมาของผู้ทรยศสิครับ ทุกท่าน ” เสียงของเซอร์เคนดังก้องในห้องโถงพร้อมกับการหายไปของนกฟีนิกซ์และไฟที่เคยโลมเลียห้องโถง ห้องโถงที่เดิมทีถูกเผาไหม้ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมดังตอนที่ยังไม่เสียหายพร้อมกับการปรากฎตัวของนกบอกลางโดยรอบจนเต็มห้องโถงราวกับว่าทุกคนในดินแดนนี้มารวมตัวกันที่นี้ และแต่ละตัวล้วนมีสีหน้าหวาดกลัวและเคียดแค้น

ผู้ทรยศ ? ฟาร์คัสเบิกตากว้าง อะไรกัน ล้อข้าเล่นใช่ไหม ฟาร์คัสกำหมัดแน่นพลางมองรอบตัว แต่สีหน้าแต่ละคนล้วนเป็นของจริงไม่มีท่าทางเสแสร้งใดๆ อีกทั้งยังมีเสียงสบถด่าทอเขากับคาร์บิลัส ไม่จริงใช่ไหม.. ?

   “ ผู้สังหารองค์ราชาคนเก่าของเราและหนีไปพร้อมกับราชาปีศาจผู้เป็นนายของมัน  ” เซอร์เคนปรากฎตัวในอากาศและมองมาทางฟาร์คัสด้วยท่าทีเคียดแค้น

   ฟาร์คัสเบิกตากว้างกับคำพูดของเซอร์เคนและกัดฟันกรอด “ เซอร์เคน.. ” ฟาร์คัสพูดเสียงเย็นเตรียมจะสั่งสายฟ้าในอากาศโจมตีแต่กลับถูกเสียงที่ตะโกนลั่นซ้ำๆ ดังก้องห้องโถง
   
“ ฆ่ามัน !! ผู้ทรยศ !! ”

   “ ฆ่ามันซะ ท่านราชา ! ”

   “ ฆ่ามัน !! ”

   ฟาร์คัสชะงักมือและตะโกนกลับด้วยร่างกายที่สั่นน้อยๆ แต่ไม่ใช่เพราะความกลัวเป็นความอัดอั้นตันใจ “ ข้าไม่ใช่ผู้ทรยศ ! ทอริคต่างหากที่ฆ่าพ่อข้า ! ”

   “ โกหก ! ”

   “ ใส่ร้ายท่านทอริค ! ”
   
“ ใครจะไปเชื่อสัตว์เลี้ยงของราชาปีศาจล่ะ ผู้ทรยศ ! ” 
   
“ หนอย.. ” คาร์บิลัสขบกรามเตรียมจะโจมตี แต่กลับถูกฟาร์คัสดึงมือเอาไว้  คาร์บิลัสสบถออกมา ถ้าไม่เห็นแก่ฟาร์คัสไอ้นกพวกนี้ไม่ได้นั่งใส่ความฟาร์คัสของข้าสบายอย่างงี้แน่

   “ ฟาร์คัส เจ้ากล้าใส่ร้ายท่านขุนนางทอริคผู้ซื่อสัตย์ต่อดินแดนงี้งั้นหรือ ” เซอร์เคนพูดด้วยสีหน้าที่เดาอารมณ์ไม่ได้ แต่หากจับจากน้ำเสียงก็จะรู้ว่าแฝงโทสะไว้

   “ ข้าพูดด้วยความสัตย์จริง ! ” ฟาร์คัสตะคอกตอบดวงตาเป็นสีแดงก่ำอีกครั้งจนน่ากลัว “ พวกเจ้าใส่ร้ายข้า ! ข้าจะไปฆ่าพ่อตัวเองทำไมกัน ”
   
“ เจ้าอยากได้อำนาจในการปกครองไงล่ะ ! ” เสียงดังออกมาจากนกบอกลางบางคน

   “ ของพรรค์นั้น ข้าไม่ต้องการ !! ” ฟาร์คัสตะคอกตอบ

   “ โกหก ! ”
   
“ ถ้าเช่นนั้นแล้วทำไมถึงมีราชาปีศาจเป็นนายเล่า ! ”

   “ ยืมพลังราชาปีศาจเพื่อโค่นล้มราชาองค์เดิม ”

   ฟาร์คัสกำหมัดแน่นจนเลือดซึม ดูเหมือนว่าไม่ว่าแก้ตัวอะไรออกไปก็ไม่มีใครฟังเลยแม้แต่คนเดียว เดิมทีฟาร์คัสก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบอะไรอยู่แล้วการใส่ความให้เกลียดก็ดูเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย นับว่าเป็นความฉลาดของอีกฝ่ายก็ว่าได้ ฟาร์คัสเหยียดยิ้มออกมาบางๆ
   
เซอร์เคนขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจเมื่อเห็นฟาร์คัสยิ้มออกมาแต่ก็ไม่ได้คลายความระวังลงรีบพูดต่อ “ หึ เถียงไม่เอางั้นเหรอ ผู้ทรยศ ”

   “ คำก็ทรยศ สองคำก็ทรยศ กฎของที่นี้คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้เป็นราชานี้ ” ฟาร์คัสยิ้มกว้างค่อยๆ เรียกมวลพลังเวทจำนวนมหาศาลเล็งไปที่เซอร์เคน เรื่องนี้ข้าจะจบมันเอง คาร์บิลัส
   
เซอร์เคนเบิกตากว้างเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายมีพลังเวทมากขนาดไหน เมื่อครั้งนั้นเพราะฟาร์คัสสติไม่ได้อยู่กับการต่อสู้เลยลดการป้องกันตัวลงจึงโจมตีง่ายแต่ครั้งนี้อีกฝ่ายสติอยู่ครบดูจะเป็นการยากถ้าจะชนะฟาร์คัสในตอนนี้ได้ เซอร์เคนรีบตะโกนเรียกข่มขู่อีกครั้ง “ เป็นดังที่ข้าว่า เจ้ายอมรับว่าเจ้าเป็นผู้ทรยศ เจ้าคิดว่าลำพังแค่พลังของเจ้าจะครองดินแดนแห่งนี้ได้งั้นเหรอ ฟาร์คัส !! ”
   
ฟาร์คัสไม่ได้ตอบแววตาโทประกายโหดเหี้ยมออกมา “ ข้าไม่สนใจ ” ฟาร์คัสสะบัดมือเบาๆ ลูกพลังขนาดยักษ์หมุนริ้วจนน่ากลัวพุ่งเข้าใส่เซอร์เคน

   “ คิดดีแล้วรึ ทายาทแห่งอีกา ” เสียงแหบต่ำดังที่ข้างหูข้างฟาร์คัสพร้อมกับการหายไปอย่างสิ้นเชิงของลูกพลังของฟาร์คัส เจ้าของเสียงแหบต่ำเป็นร่างสูงในเสื้อคลุมทั้งตัวดวงตาเป็นแสงเรืองรองสีแดงคล้ายลูกไฟ

เจ้าของร้านเครื่องรางนั่น ! ฟาร์คัสคิดในใจแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเพียงแต่รู้สึกคุ้นเคยกับร่างตรงหน้าอย่างประหลาดราวกับว่าเคยรู้จักกันมาก่อน

“ เจ้าเป็นใคร ! ” เซอร์เคนตะคอกถาม แผนเดิมที่วางไว้ได้พังทลายไปหมด เซอร์เคนตั้งใจจะหลบการโจมตีของฟาร์คัสปล่อยให้โจมตีพวกนกที่อยู่ข้างหลังไปและแสร้งทำเป็นบาดเจ็บเพื่อที่จะปกป้องแต่ไม่สำเร็จ

“ ไม่ใช่ธุระของข้าที่จะบอกเจ้า ” ร่างในชุดคลุมตอบอย่างเย็นชา

“ ท่านมันขัดขวางข้าทำไมกัน ” ฟาร์คัสถาม ข้าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาดีหรือมาร้ายกันแน่ การขัดขวางเมื่อกี้ไม่ได้ส่งผลดีหรือผลเสียใดๆ ต่อฟาร์คัส

ร่างในชุดคลุมสบตาฟาร์คัสเพียงสั้นๆ และตะโกนลั่น “ มิติแห่งเวลาเอ๋ย จนหยุดไหลเวียนเพื่อข้าผู้เป็นนาย ! ” ฉับพลันรอบกายทุกอย่างได้หยุดนิ่งไปหมดราวกับว่าเวลาได้หยุดเดิน เวทนี้เป็นเวทที่ได้สาบสูญไปแล้วในปัจจุบัน เวทที่ฟาร์คัสใช้เป็นเพียงเวทที่นำมาประยุกต์ใช้เท่านั้น ร่างในชุดคลุมหยุดเวลาทุกคนไว้ยกเว้นแต่ฟาร์คัสและราชาปีศาจ

“ ท่านทำได้ยังไงกัน ? ” ฟาร์คัสมองรอบกายด้วยสายตางุนงง

คาร์บิลัสเหลือบมองร่างในชุดคลุมและถอนหายใจออกมา “ เฮ้อ มิน่าล่ะ ข้าว่าคุ้นๆ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ วารัน ”

“ ฮะๆ เป็นเกียรติแก่ข้าที่ท่านยังจำข้าได้ ” วารันดึงหมวกที่คลุมลงเผยให้เห็นผมสีเหลืองจางที่ดูยุ่งเหยิงกับดวงตาสีเดียวกัน วารันมองฟาร์คัสด้วยสายตาเอ็นดู “ จำข้าไม่ได้หรือ ทายาทแห่งอีกา ”

ฟาร์คัสยังคงงุนงง วารัน ? วารันไหน ฟาร์คัสจ้องมองร่างตรงหน้าก็ยังคงจำไม่ได้อยู่ดี แต่พอนึกถึงเสียงที่เปล่งออกมาก็จำได้ทันที “ อย่าบอกว่าท่านเป็นต้นไม้ใหญ่น่ารำคาญตนนั้น ! ”

“ แย่จัง เจ้าพูดทำร้ายจิดใจข้าอยู่นะฟาร์คัส ” วารันถอนหายใจ “ ใช่ ข้าเป็นต้นไม้ต้นนั้นแหละ ”
เป็นเรื่องที่ข้าไม่คิดมาก่อน ว่าจะได้เจอตัวตนที่อยู่ภายในต้นไม้ต้นนั้นซึ่งตัวตนภายในนั้นต่างกับสิ่งที่ข้าคิดพอสมควร ใครจะไปคิดว่าสิ่งที่อยู่ภายในดูปกติทั้งๆ ที่ข้าคิดไว้ว่าน่าจะเป็นตัวประหลาดน่ากลัว “ แล้วท่านมาขัดขวางข้าทำไม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน ”

“ ข้ารู้ว่าไม่เกี่ยวกับข้า แต่ที่ข้าบอกเจ้าเพราะข้าเป็นห่วง ”

“ เป็นห่วง ? ” ฟาร์คัสเลิกคิ้ว

“ แค่ข้าคนเดียวก็พอแล้ว วารัน ! ” คาร์บิลัสดึงฟาร์คัสเข้าไปกอดและเอาตัวบังไว้

“ เอาน่าๆ ข้าไม่แย่งเจ้าหรอกน่า ท่านคาร์บิลัส ” วารันหัวเราะ “ เจ้าต้องการให้มันเป็นอย่างนี้จริงหรือฟาร์คัส ”

ฟาร์คัสเลือกที่จะไม่สบตาวารันขณะที่ตอบ “ ข้าไม่รู้ ”

“ เจ้าอยากเป็นราชางั้นหรือ ฟาร์คัส ”  วารันพูดเสียงนุ่มนวล “ ข้ารู้ว่าจริงๆ เจ้าต้องการอะไรนะ ฟาร์คัส ”

“ ทำไมเจ้ารู้มากกว่าข้าล่ะ วารัน ” คาร์บิลัสโวยวาย ทั้งๆ ที่ข้าก็รู้ว่าฟาร์คัสคิดอะไรอยู่ในหัวแต่ตอนนี้กลับไม่รู้ว่าใจจริงของฟาร์คัสต้องการจะให้เรื่องไปทางไหน

“ ข้ารู้จักฟาร์คัสตั้งแต่เขาเกิดแล้วล่ะ ” วารันยิ้มบาง

“ ท่านเป็นใครกันแน่ ท่านวารัน ”

“ ผู้คอยรับสารจากผู้สร้างโลกใบนี้ และคอยส่งต่อให้เจ้ายังไงล่ะ ฟาร์คัส ”

“ ถ้าจำไม่ผิด เจ้าเป็นหนึ่งในผู้ควบคุมกาลเวลาไม่ใช่งั้นเหรอฮะ วารัน แล้วเจ้าก็ไปเที่ยวเล่นจนลืมทำหน้าที่เลยโดนจับมาขังในต้นไม้เนี่ย ” คาร์บิลัสเถียงด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

วารันทำหน้าเซ็ง “ หากท่านไม่เป็นราชาปีศาจข้าคงทำร้ายท่านไปแล้ว ” วารันบ่นอุบ “ เจ้าอย่าลืมว่า ข้าได้ให้อะไรเจ้าไว้นะ ฟาร์คัส  ไตร่ตรองให้ดีและอธิษฐานมันออกมา ” วารันขยิบตาพร้อมกับร่างที่ค่อยๆ จางลง

“ เจ้าไปขโมยกระดูกปู่ข้ามาทำงั้นเรอะ ! วารัน ” คาร์บิลัสตาโตและตะโกนถามแต่วารันไม่ตอบเพียงหัวเราะตอบและหายไปพร้อมกับเวลาที่กลับมาเดินต่ออีกครั้ง

วารันยิ้มบางขณะที่รู้สึกถึงแรงกระชาก ข้าทำผิดกฎของท่านผู้นั้น ข้าแอบหนีออกมาและหยุดเวลาตามอำเภอใจอีกทั้งยังเปลี่ยนแปลงอนาคตด้วย ทำยังไงได้ ข้าไม่อยากเห็นอีกาตัวนั้นต้องร้องไห้อีกนี่นา.. วารันยิ้มออกมาแม้ว่าจะต้องถูกตรองจำในต้นไม้นั้นไปอีกนานเท่านานจนกว่านกบอกลางจะหมดหน้าที่ไป

ข้าขอภาวนาให้เจ้ามีความสุข

ทายาทแห่งราชาอีกา

ฟาร์คัส...

เมื่อเวลากลับมาหมุนเวียนอีกครั้งสิ่งที่คนอื่นเห็นจะเป็นวารันที่โผล่ออกมาชั่วขณะและหายไปทันที เซอร์เคนหันไปมาอย่างงุนงงเมื่อร่างในชุดคลุมได้หายตัวไปแล้วเหลือเพียงฟาร์คัสที่จ้องอยู่ด้วยสายตาเย็นชา

“ ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าครอบครองแล้วมีความสุข ก็เชิญเจ้าครอบครองไปเถอะ ” ฟาร์คัสกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ ข้าเหนื่อยแล้วที่จะแก้ต่างให้ตัวเอง ต่อให้ข้าได้ครอบครองตำแหน่งโง่ๆ นั้น ท่านพ่อของข้าก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอยู่ดี ”

เซอร์เคนจ้องกลับด้วยสายตางุนงง ฟาร์คัสจะมาไม้ไหนกันแน่ ? นี่มันเกิดความคาดหมายของข้าเกินไปมาก

“ การแก้แค้นไม่ใช่แนวทางของข้า ” ฟาร์คัสหลับตาขณะที่พูด “ การหลีกหนีก็ไม่ใช่เช่นกัน แต่ถ้าหากมันทำให้ชีวิตของข้าและคนอื่นๆ สงบ ข้าเลือกที่จะทำสิ่งนั้น ” ฟาร์คัสลืมตาขึ้นมา “ ข้าจะยอมเสียเกียรติสักครั้งเพื่อสายเลือดแห่งราชาของข้า ”

“ เจ้าจะทำอะไรกันแน่ ผู้ทรยศ  ”

“ การเสียสละครั้งสุดท้ายของข้าไงล่ะ เซอร์เคน ” ฟาร์คัสแค่นเสียงตอบสีหน้าฉายแววเหยียดหยัน “ ต่อให้ข้าฆ่าทุกคนในนี้ ก็ไม่อาจทำให้ข้าพอใจได้อยู่ดี  ท่านพ่อของข้าคงไม่ดีใจนักหรอก ถ้ารู้ว่าข้าทำเพื่อท่าน ”

เซอร์เคนนิ่งเงียบและปล่อยให้ฟาร์คัสยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ “ ดินแดนนี้แทบไม่เคยให้อะไรข้าเลย เพื่อน ? เหอะ ข้าอยากจะถมคำนั้นทิ้งซะ ” ฟาร์คัสเหลือบมองบาร์ลิน “ ข้าไม่มีเหตุผลอะไรให้อยู่ดินแดนนี้อีกแล้ว ต่อให้มันจะดินแดนที่ให้ข้ามีตัวตนขึ้นมาก็ตาม ”

คาร์บิลัสเบิกตากว้างเมื่อได้ยินความคิดในหัวของฟาร์คัส

ฟาร์คัสกุมสร้อยคอและตะคอกออกมา “ ฉะนั้นไม่สู้ให้ข้ากลายเป็นปีศาจอีกาไปไม่ดีกว่างั้นเหรอ ! ”  ฉับพลันมวลอากาศรอบกายฟาร์คัสได้หมุนริ้วอย่างรุนแรงรอบตัวฟาร์คัส สร้อยคอของฟาร์คัสทอประกายแสงสีทองออกมาเป็นจุดเดียวที่สังเกตเห็นในริ้วพายุนั้น พายุนั้นเป็นมีสีแดงเหมือนกับว่าดูดเลือดออกมาและมีขนปีกของฟาร์คัสปลิวออกมาด้วย

อึก ฟาร์คัสกัดฟันทนกับความเจ็บปวดที่ได้รับ พายุนี่เหมือนกับว่าค่อยๆ เปลี่ยนข้ากลายเป็นปีศาจซึง่มันก็สร้างความเจ็บปวดเหลือร้าย ข้าอยากจะกรีดร้องออกไปแต่ทิฐิที่มีกลับสั่งให้เงียบไว้ เวลาเพียงไม่นานแต่สำหรับข้ากลับรู้สึกว่ายาวนานมาก พายุก็หยุดลงพร้อมกับความรู้สึกว่ามีพลังความมืดทะลักเข้ามาในร่างกายจนยืนไม่อยู่

   คาร์บิลัสช่วยพยุงร่างของฟาร์คัส จากกลิ่นของฟาร์คัสนั้นก็บอกให้รู้แล้วว่าฟาร์คัสไม่ได้มีสายเลือดของนกบอกลางอีกต่อไป

   “ ตอนนี้ข้ากลายเป็นปีศาจไปแล้ว ฉะนั้นเจ้าจะใส่ความว่าปีศาจอย่างข้ามาฆ่าราชาองค์เก่าก็ได้ ” ฟาร์คัสเหยียดยิ้มพูดเสียงแหบ
“ ไปกันเถอะ คาร์บิลัส ข้าไม่มีธุระอะไรกับดินแดนนี้แล้วล่ะ ”

   คาร์บิลัสไม่ได้พูดอะไรออกมาอุ้มฟาร์คัสที่ยืนแทบไม่อยู่ขึ้นแนบอกและตวาดก้อง “ ฟาร์คัสได้ยกตำแหน่งโง่ๆ นั่นให้เจ้าไปแล้ว เจ้าจงปกครองให้ดี ไม่เช่นนั้นข้าจะเป็นให้เอง  ราชาแห่งดินแดนนกบอกลางน่ะ ” คาร์บิลัสจ้องเซอร์เคนด้วยสีหน้าคุกคามกระหายเลือด

เซอร์เคนและคนอื่นๆ ไม่กล้าขยับตัวหรือแม้กระทั่งหายใจแรงจนกระทั่งร่างของราชาปีศาจได้หายไป

....

 :ruready ช็อค

ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ 5555  :กอด1:

 :man1: คุณบลูเชอรี่ : เราก็ชอบกินเค้กอยู่น้า ชอบบรรยากาศร้านด้วย ถึงนานๆ ทีจะได้นั่งก็เถอะ ไม่ทึกทักเองหรอก  :hao5:

 :man1: // กอดแรงอีกรอบ

ps. เรื่องสั้นนี้ไม่เข้าใจว่าเด็กน้อยไปทำอะไรให้ทรุดโทรมมา 5555555

 
   

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 9 19 เม.ย. 58
«ตอบ #29 เมื่อ21-04-2015 20:36:01 »

จริงมันก็ไม่ได้ทำให้ค้างหรอกแต่ว่า....รู้สึกค้างแปลกกๆๆๆ งื้ออออออออออออออออ  :hao5: ต่อเดี๋ยวเน่!!!!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด