Ominous Bird นกบอกลาง [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ควรจะมีภาคต่อไหม ?

มีก็ดี :D
34 (82.9%)
ไม่มี จบแค่นี้ก็ฟินแล้ว ~
3 (7.3%)
มีก็ได้ไม่มีก็เฉยๆ
4 (9.8%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 41

ผู้เขียน หัวข้อ: Ominous Bird นกบอกลาง [จบแล้ว]  (อ่าน 68892 ครั้ง)

ออฟไลน์ ลูฟ่า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 9 19 เม.ย. 58
«ตอบ #30 เมื่อ23-04-2015 12:13:24 »

มาจิ้มก่อนค่อยอ่านน้า :z13: :z13: :z13:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 10 23 เม.ย. 58
«ตอบ #31 เมื่อ23-04-2015 18:34:08 »

-- ตอนที่ 10 --

“ ฟาร์คัสเจ้าแน่ใจแล้วงั้นเหรอ ” คาร์บิลัสถามร่างในอ้อมกอดที่บัดนี้ทำเพียงแค่หลับตาเงียบๆ เท่านั้น ฐานะของราชาปีศาจทำให้คาร์บิลัสรู้ว่าฟาร์คัสได้กลายเป็นปีศาจไปแล้วจริงๆ  อีกทั้งยังรู้สึกถึงพลังความมืดในร่างกายจำนวนไม่น้อยถึงแม้จะยังไม่เสถียรก็ตาม
           
 ฟาร์คัสเพียงแค่ยิ้มเบาบาง “ แบบนี้ดีแล้วล่ะ อย่างน้อยเจ้าก็ต้องการข้าใช่ไหม ” ฟาร์คัสในตอนนี้แรงที่จะลืมตายังไม่มีด้วยซ้ำ ไม่แน่ใจเพราะความเหนื่อยล้าที่เกาะกุมจิตใจหรือร่างกายที่เปลี่ยนแปลง
               
คาร์บิลัสตอบโดยไม่คิดด้วยซ้ำ “ แน่นอน ข้าต้องการเจ้า ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสก้มมองฟาร์คัสหวังจะว่าจะได้ยินอะไรในหัวอีกฝ่ายบ้าง หลังจากที่กลายเป็นปีศาจเวทตีตราของคาร์บิลัสกลับหายไปซะเฉยๆ แต่ความคิดที่จะตีตราอีกครั้งนั้นไม่มีในหัวของคาร์บิลัส ในเมื่อฟาร์คัสเลือกที่จะเชื่อใจคาร์บิลัส คาร์บิลัสย่อมตอบแทนในสิ่งเดียวกัน
           
 “ ขอบคุณที่อย่างน้อยที่เจ้าก็ยังต้องการข้า ” ฟาร์คัสใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดพยุงตัวขึ้นกดจูบเบาๆ ที่ปากของคาร์บิลัสและยิ้มอีกครั้งก่อนที่จะหลับไป ปล่อยให้คาร์บิลัสค้างอยู่ท่าเดิมจนกระทั่งถึงดินแดนปีศาจ
             
 ชาคอสเมื่อรู้สึกถึงพลังอันรุนแรงที่กำลังเข้ามาในคฤหาสน์ก็รู้ทันทีว่าเป็นนายของตน รีบวางมือจากเอกสารตรงหน้าและใช้เวทเคลื่อนย้ายไปถึงห้องโถงก่อนที่คาร์บิลัสจะมาถึงเพื่อเป็นการต้อนรับการกลับมา มีปีศาจคนอื่นๆ ที่มียศสูงๆ มายืนรอเช่นกันโดยมีจุดประสงค์อื่นมากกว่าการต้อนรับเฉยๆ จุดประสงค์ของชาคอสที่มีเพิ่มเติมคือการลากคาร์บิลัสกลับมาทำงานของตัวเองให้เสร็จ อยู่รอได้เพียงครู่ก็ปรากฎร่างของคาร์บิลัสและอาคันตุกะคนเดิมซึ่งท่านคาร์บิลัสก็ดูนิ่งงันไปแปลกๆ ชาคอสจึงเอ่ยเรียก “ ท่านคาร์บิลัสขอรับ ”
             
 คาร์บิลัสเมื่อรู้สึกตัวก็ยิ้มกว้างและใช้เวทเคลื่อนย้ายต่อทันทีเพื่อไปยังห้องนอนของตัวเอง โดยไม่สนใจผู้มารอต้อนรับสักเพียงนิดทำให้ปีศาจบางคนถึงกับกัดฟันน้อยๆ เมื่อโดนเมิน แต่ส่วนใหญ่น่าจะเป็นตกตะลึงซะมากกว่า คาร์บิลัสไม่เคยยิ้มออกแม้เพียงสักครั้ง แม้แต่ชาคอสผู้ใกล้ชิดก็ไม่เคยเห็นและพอรู้ตัวอีกทีร่างที่ตั้งใจจะมาต้อนรับก็ได้หายไปจากคลองจักษุเสียแล้ว  ชาคอสถอนหายใจเบาๆ และเดินกลับไปทำงานของตัวเองต่ออย่างเชื่องช้า ถึงแม้จะอยากนำงานที่ท่านคาร์บิลัสทำค้างไว้ไปให้ที่ห้องแต่เห็นแก่รอยยิ้มนั้นจึงไม่ได้ตามที่คิด
             
             
“ จบแบบนี้ดีแล้วล่ะ ฟาร์คัส ” เสียงอ่อนโยนดังขึ้นในหัวของฟาร์คัสพร้อมกับมือหยาบที่ลูบหัวฟาร์คัสเบาๆ
           
“ ครับ ” ฟาร์คัสพยักหน้าน้อยๆ ด้วยรอยยิ้มแต่กลับมีน้ำตาคลอบนใบหน้า “ ผมขอโทษนะครับ ที่ผมต้องให้พ่อต้องตายอย่างสูญเปล่า ”
           
 “ ไม่เป็นไรหรอกน่า ตัวเล็ก ” ร่างของราชาแห่งนกบอกลางยิ้ม “ ไม่ว่ายังไงพ่อก็ต้องตายเข้าสักวันอยู่ดี อีกอย่างกว่าพ่อจะขึ้นมาตำแหน่งนี้ก็ผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน ไม่แปลกหรอกที่พวกทอริคจะก่อกบฎ ” ในประโยคสุดท้ายได้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเศร้าๆ แทน
               
“ แต่มันก็ไม่สมควรที่ท่านพ่อต้องตายเพราะพวกนั้นนี่ ” ฟาร์คัสปล่อยให้น้ำตาไหลอย่างอ่อนแอ ถึงแม้ฟาร์คัสตั้งใจจะเข้มแข็งขึ้นแต่ก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี
             
ผู้เป็นราชาแห่งนกบอกลางนั่งยองๆ ตรงหน้าผู้เป็นทายาทของตนและใช้มือเกลี่ยน้ำตาออกให้อย่างอ่อนโยน “ มันเป็นเรื่องของโชคชะตา ต่อให้เจ้ารู้เรื่องนี้ก่อน เจ้าก็แก้ไขไม่ได้อยู่ดี ”
               
“ ... ” ฟาร์คัสไม่ตอบอะไรออกไปจ้องมองพ่อด้วยสายตาเสียใจ
               
 “ ต่อให้ไม่มีพ่อ เจ้าก็ยังคงมีผู้ที่ต้องการเจ้าอยู่นะ ” ราชาแห่งนกบอกลางพูดพร้อมหัวเราะเบาๆ “ น่าเสียดาย ที่ข้าไม่มีโอกาสได้เห็นเจ้ามีความสุข ” แววตาของผู้เป็นราชาทอประกายเศร้าๆ ออกมา
               
“ ... พ่อ ”
               
 “ เอาล่ะ พ่อคงอยู่นานกว่านี้ไม่ได้แล้วเกรงว่าจะเป็นการรบกวนการทำงานของท่านผู้จัดการวิญญาณ ”  ผู้เป็นราชาสวมกอดฟาร์คัส “ ข้าดีใจนะ ที่เจ้าเลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับดินแดนของเรา ทั้งๆ ที่เจ้ามีพลังมากพอที่จะสามารถจะเป็นราชาเองก็ได้ ”

   ฟาร์คัสซบหน้ากับไหล่ของผู้เป็นพ่อสักพักหวังจะเก็บเกี่ยวไว้เพื่อให้จดจำไปตลอดชีวิตของตน “ ข้าเชื่อใจเขาครับ ท่านพ่อ ” ฟาร์คัสพูดเสียงเพียงกระซิบ
   
“ ฮะๆ น่าเสียดายจริงๆ ที่เข้าไม่ได้เห็นเจ้านานกว่านี้ ”
   
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่ฟาร์คัสจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

   น่าแปลก..
   
ทั้งๆ ที่ควรจะเศร้ากลับรู้สึกปลอดโปร่งอย่างประหลาดคล้ายกับของที่เคยถ่วงร่างกายไว้ได้หายไป ฟาร์คัสยิ้มบางอย่างไม่รู้สาเหตุเพราะความรู้สึกที่น่าจะเรียกได้ว่าสบายใจแต่กลับเก็บความรู้สึกนี้ได้ไม่นานก็รู้สึกเหมือนมีเสียงคล้ายเด็กดังก้องที่ข้างหู

   // แง้ แม่ลืมดัฟฟฟฟฟ์ //

   “ ... ”  รู้สึกว่าน่าจะลืมตั้งแต่ตอนที่สู้กับนกแร้งนั่นด้วยซ้ำ

   // โฮฮฮฮ //

   “ เฮ้อ ” ฟาร์คัสถอนหายใจและร่ายเวทดึงตัวดัฟฟ์ออกมาจากร่างกายขณะที่ฟาร์คัสร่ายเวทก็มีฝุ่นเป็นประกายสีดำค่อยๆ ออกมาจากร่างกาย จนฟาร์คัสเลิกคิ้วงงๆ ไม่ได้แต่ก็ยังคงร่ายเวทต่อไปจนจบโดยไม่ลืมเสกเสื้อผ้าให้ด้วย

   “ แม่ ! ” ดัฟฟ์โผเข้าใส่ฟาร์คัสทันทีที่กลายร่างเด็กเหมือนเดิมโดยไม่ได้สังเกตอะไรทั้งสิ้น

   ฟาร์คัสเบิกตากว้างเพราะเดิมทีดัฟฟ์จะมีตาสีแดงตอนนี้กลับกลายเป็นสีเทาคล้ายกับคาร์บิลัสข้างนึงอีกทั้งยังดูเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเพราะรู้สึกถึงพลังที่คล้ายๆ กันในร่างกาย ดูเหมือนว่าดัฟฟ์จะกลายเป็นปีศาจไปแล้วเหมือนกัน ฟาร์คัสถอนหายใจอีกครั้ง นี่ไม่เท่ากับว่าเป็นปีศาจมังกรแล้วก็อีกาด้วยหรอกเหรอ

   “ แง้ หิวว ! ” ดัฟฟ์กัดชายเสื้อของฟาร์คัสด้วยน้ำตานองหน้า
   
ฟาร์คัสหันไปหันมาในห้องพบว่าอยู่ในห้องของคาร์บิลัสอีกทั้งยังไม่มีใครในห้องอีก “ ตามข้ามาแล้วกัน ” ฟาร์คัสจับมือดัฟฟ์พาออกไปด้านนอก ไปยังห้องอาหารที่เคยไป ฟาร์คัสพาดัฟฟ์เดินลัดเลาะโดยรื้อความทรงจำในตอนนั้นออกมาใช้ ระหว่างทางก็เจอปีศาจบางตนเดินผ่านซึ่งล้วนแล้วแต่หยุดให้ฟาร์คัสเดินไปก่อนและค้อมตัวลงเมื่อฟาร์คัสเดินผ่าน ซึ่งฟาร์คัสไม่ได้สนใจนักเพราะยังรำคาญดัฟฟ์ที่อาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่
   
แต่ก็ต้องหยุดสนใจเมื่อมีกระต่ายตัวอ้วนคุ้นตาถือเอกสารมา “ หวา ! ท่านฟาร์คัส ” เจ้ากระต่ายรีบกุลีกุจอวางเอกสารลงบนพื้นและค้อมตัวทำความเคารพ “ มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือไม่ขอรับ ”
   
“ ไม่มี เจ้าทำงานของเจ้าไปเถอะ  ” ฟาร์คัสส่ายหน้าและเดินผ่านโดยไม่ได้กล่าวอะไรต่ออีก

   คอร์สกระดิกหูยาวๆ ของตัวเองไปมา “ ดีจัง ที่ไม่ใช้อะไรข้า ” คอร์สหยิบเอกสารที่สูงท่วมหัวขึ้นมาถือต่อและวิ่งเหยาะๆ ไปตามทางของตัวเอง

   ฟาร์คัสเดินวนรอบคฤหาสน์ราชาปีศาจจนตาลายก็พามาถึงห้องอาหารของคาร์บิลัส ดัฟฟ์ซึ่งหิวมากก็ถลาเข้าไปเปิดประตูก่อน
   
“ เย้ ! กินข้าว ” ดัฟฟ์พูดออกมาอย่างดีใจเมื่อได้กลิ่นอาหารที่ถาโถมเข้ามาเมื่อเปิดประตูเข้าไป ดัฟฟ์ถลาเข้าไปในห้องปีนเก้าอี้ขึ้นนั่งรอทันทีโดยไม่สนใจแพะที่กำลังจัดเรียงอาหารขึ้นโต๊ะเลยแม้แต่น้อย เจ้าแพะเมื่อเห็นฟาร์คัสเข้ามารีบค้อมตัวลงทันทีทั้งๆ ที่กำลังถืออาหารในมืออยู่
   
ฟาร์คัสเดินเข้าไปหยิบขนมปังชิ้นนึง “ ดัฟฟ์ เจ้าอยู่กินที่นี้ไปแล้วกัน ” ฟาร์คัสบอกสั้นๆ และเดินออกจากห้องทันที ไม่สนใจดัฟฟ์ที่ส่งสายตาอ้อนวอน ฟาร์คัสตั้งใจจะสำรวจคฤหาสน์ของคาร์บิลัสเพราะไม่ว่ายังไงก็ตามก็คงต้องอยู่ที่นี้ไปอีกนานแต่ยังไม่ทันได้เดินกลับมีจิ้งจอกสีขาวตัวนึงวิ่งหยุดยืนตรงหน้ามันค้อมหัวลงน้อยๆ และค่อยๆ ขยายตัวกลายเป็นร่างมนุษย์จิ้งจอก “ ท่านคาร์บิลัส ให้มาตามท่านฟาร์คัสขอรับ ”

   “ นำทางไปสิ ” ฟาร์คัสพยักหน้าน้อยๆ และเดินตามปีศาจจิ้งจอกที่ก้าวเดินอย่างรวดเร็วราวกลับว่ากลัวว่าถ้าช้าไปสักนิดจะโดนฆ่า หรือว่าจะโดนคาร์บิลัสขู่ ? ฟาร์คัสสันนิษฐานเงียบๆ ในใจและเร่งฝีเท้าให้ทันเจ้าจิ้งจอกเพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าการเดิมของมันจะได้กลายเป็นวิ่งซะแล้ว

   ถ้าช้าท่านคาร์บิลัส ฆ่าข้าแน่ ! จิ้งจอกขาวเบิกตากว้างอย่างหวาดกลัวเมื่อนึกถึงนายของตน รีบวิ่งให้เร็วกว่าเดิมโดยไม่ได้สนใจฟาร์คัสที่กำลังตามเลย หางของจิ้งจอกขาวไหวไปมาอย่างรวดเร็วเหมือนกับโดนพายุแรงๆ พัด แต่ตอนนี้พายุที่ว่าน่าจะเป็นพายุคาร์บิลัส !
   
ฟาร์คัสกลอกตาเบื่อๆ เมื่อเจ้าจิ้งจอกไม่ได้สนใจตนแล้วเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างเดียว ฟาร์คัสร่ายเวทติดตามใส่เจ้าจิ้งจอกเอาไว้และเปลี่ยนจากการรีบเดินตามเป็นเดินปกติแทน ในเมื่อไม่ได้สนใจที่จะรอข้า ข้าก็จะไม่ตามแล้วกัน ฟาร์คัสเดิมตามรอยเวทสีดำจางๆ ขีดตรงไปบนพื้นซึ่งก็มาจากผลของเวทติดตามนั่นเอง
   
ถึงแล้ว !! จิ้งจอกขาวหอบหายใจเอาอากาศอย่างตะกละตะกลาม แต่ก่อนที่จะเคาะประตูและพาร่างที่ท่านราชาต้องการพบไปส่ง ก็พบว่า ท่านฟาร์คัสได้หายไปแล้ว ! “ อ้ากกกกกกกกกก ” ข้ากรีดร้องในใจอย่างอดไม่ได้ แย่แล้ว ถ้าหากข้ากลับไปตามหาอีกรอบ ต้องนานแน่ๆ ท่านคาร์บิลัสจะต้องจับข้าไปโยนใส่บ่ออสูรจระเข้แน่นอน หูของข้าพลันลู่ตกลงมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก ข้ากอดหางและซบหน้าลงกับเข่า

   ฟาร์คัสเลิกคิ้วเมื่อเห็นเจ้าจิ้งจอกดูเซื่องซึมต่างจากอารมณ์ตื่นตระหนกเมื่อกี้แต่ก็ไม่ได้เรียกให้เจ้าจิ้งจอกให้สนใจ ฟาร์คัสดันประตูเข้าไปโดยปล่อยให้จิ้งจอกขาวตกใจแกมดีใจจนหางฟู เมื่อเข้าไปในห้องก็เจอคาร์บิลัสที่กำลังนั่งอ่านเอกสารบางอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ โฟรส เจ้าไปตามฟาร์คัสให้หรือยัง ” คาร์บิลัสถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบโดยไม่ลสายตาขึ้นมามองผู้ที่สนทนาด้วยเลย

   ถ้าหากเป็นคนอื่นอาจจะกลัวจนไม่กล้าขยับเพราะเสียงของคาร์บิลัส แต่ฟาร์คัสกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ  ข้าแปลกใจเท่าไหร่นัก ทำไมโฟรสถึงได้วิ่งหน้าตั้งขนาดนั้น

   “ ไม่ตอบข้างั้นหรือ โฟรส ท่าทางอสูรจระเข้จะคิดถึงเจ้านะ ”

   “ ข้าไม่ชอบจระเข้เท่าไหร่หรอกนะ คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสตอบเสียงเรียบแต่แววตาเป็นประกายขบขันเมื่อคาร์บิลัสเงยหน้าขึ้นมามองและนิ่งค้างไปทั้งอย่างนั้น

   “ ฟาร์คัส เจ้าเข้ามาทำไมไม่บอกข้าล่ะ ! ” คาร์บิลัสโยนเอกสารในมือทิ้งทันที
   
“ ถ้าเจ้าสังเกต เจ้าก็จะรู้เองคาร์บิลัส ” ฟาร์คัสมองรอบๆ ห้องทำงานของคาร์บิลัส เพื่อหาที่นั่ง ห้องทำงานของคาร์บิลัสนั้นเป็นห้องขนาดพอๆ กับห้องนอน มีโต๊ะไม้สีดำแกะสลักลวดลายซับซ้อนขนาดใหญ่ตรงกลางซึ่งก็เป็นโต๊ะที่คาร์บิลัสนั่งเมื่อกี้ รอบๆ ห้องมีตู้หนังสือจำนวนมากจัดวางอย่างสบายตาอีกทั้งยังมีชั้นวางของต่างๆ ที่วางของจำพวกกระดาษที่น่าจะเป็นเอกสารสำคัญ อีกทั้งยังมีเก้าอี้นวมกับโต๊ะที่วางอยู่ตรงริมห้องคาดว่าน่าจะใช้ในการคุยหรือนั่งพักผ่อน ไม่รอช้าฟาร์คัสตรงเข้าไปนั่งทันที

   คาร์บิลัสรีบไปนั่งข้างๆ ทันทีและชวนคุบอย่างกระตือรือร้นผิดกับตอนใช้น้ำเสียงเย็นชาในทีแรก “ เจ้าหลับไปเกือบวัน ข้าเป็นห่วงแทบแย่ ”

   “ งั้นเหรอ.. ” งั้นก็แปลว่าครั้งนี้ข้าไม่ได้เหนื่อยมากเท่าไหร่ “ เจ้าเรียกข้ามาทำไมกัน ? ”

   “ ข้าก็แค่อยากเจอเจ้าแทนการนั่งทำเอกสารยังไงล่ะ ! ” คาร์บิลัสฉีกยิ้มและจับมือฟาร์คัส

   ฟาร์คัสไม่ได้สะบัดออกแต่รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย ไม่เข้าใจว่าตอนนั้นข้ากล้าทำไปได้ยังไง ใบหน้าเรียบเฉยของฟาร์คัสขึ้นสีน้อยๆ จนแทบไม่สังเกตเห็น

   คาร์บิลัสยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อสังเกตเห็นท่าทีของฟาร์คัสและใบหน้าที่ติดจะแดง คาร์บิลัสโผเข้ากอดฟาร์คัสตั้งใจจะลองเชิงว่าอีกฝ่ายจะผลักออกหรือไม่

   ผลั่ก
   
ข้อพิสูจน์เป็นอันสัมฤทธิ์ผล

   “ เจ้าจะกอดข้าทำไม ” ฟาร์คัสตะคอกใส่คาร์บิลัสที่ลงไปนอนนับดาวเป็นที่เรียบร้อย
   
ฟาร์คัสนับได้ว่าเป็นคนแรกที่กล้าถีบราชาปีศาจจนล้มกลิ้ง
   
แย่ชะมัด ไม่เชื่องเลยสักนิด คาร์บิลัสคิดเศร้าๆ “ ข้าแค่อยากกอดเท่านั้นเอง ไม่ได้งั้นเหรอ ? ”
   
ฟาร์คัสแค่นเสียง “ ข้ากับเจ้าเป็นอะไรกันถึงมากอดกัน ”
   
คาร์บิลัสนิ่งเงียบไป อืมม ฟาร์คัสไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงของข้าแต่แรกแล้ว ตอนนี้สถานะก็เปลี่ยนแล้วด้วย งั้น “ เจ้าก็เป็นชายาของข้าในอนาคตยังไงล่ะ  ”

   ฟาร์คัสหน้าแดงแววตาทอประกายโกรธขึง “ ชายาบ้านเจ้าสิ ไอ้ปีศาจเฮงซวย ”

   “ เจ้าก็เป็นปีศาจนะ ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสกลั้วหัวเราะ

   ฟาร์คัสก้าวเข้าไปหาคาร์บิลัส ร่ายเวทบทยาวหมายจะให้อีกฝ่ายได้นิ่งเงียบและใช้สมองไตร่ตรองความคิดบ้าง
   
แกว้กกกกกกกกกกกกกกกกก   
   
เสียงนกดังลั่นพร้อมกับนกที่ตกแอ่กบนพื้นในปากมันคาบจดหมายซองสีสวย

   ฟาร์คัสเดินเข้าหาเจ้านกและหยิบจดหมายแต่เรื่องที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้น ซองจดหมายทันที่โดนฟาร์คัสจับก็สลายหายไปทันทีและแทนที่ด้วยภูตตัวเล็กเท่าซองจดหมายเมื่อกี้แต่งกายด้วยเสื้อสีสันสดใสใบหูเรียวแหลมและปีกสีใสบนหลัง เจ้าภูตลืมตาขึ้นมาและผงกหัวทำความเคารพฟาร์คัสและคาร์บิลัส

   “ ข้ามาแจ้งความประสงค์ของราชาภูตขอรับ ”
   
“ เรื่องอะไรล่ะ ” คาร์บิลัสถาม ครั้งล่าสุดที่ไปแดนภูตน่าจะตอนที่ข้าเผลอไปเตะเจ้ากำแพงไม้นั่นล่ะนะ.. ใครจะไปรู้ว่ามันจะเปราะขนาดนั้น
   
“ เรื่องความการเชื่อมความสัมพันธ์ด้านการทูตขอรับ ราชาภูตเชิญท่านคาร์บิลัสและผู้ติดตามหนึ่งคนไปงานเฉลิมฉลองการก่อกำเนิดของแดนภูตขอรับ ”
   
คาร์บิลัสหันไปมองฟาร์คัสทันที “ โอเค ข้าตกลง ! ฟาร์คัสเจ้าไปกับข้านะ ” 

   “ อืม ” ไม่ว่าคาร์บิลัสจะว่ายังไงก็ว่าตามนั่นแหละ ข้ากลายเป็นคนของแดนนี้ไปแล้ว จะให้ข้าขัดข้องดูจะเป็นการแย่เกินไป

   “ งั้นก็ถือว่าเจ้ากับข้าไปฮันนีมูนกันแล้วกัน ! ” คาร์บิลัสพูดอย่างร่าเริง
   
ไม่ทันขาดคำคาร์บิลัสก็ได้ล้มไปกองบนพื้นอีกครั้งทั้งๆ ที่ฟาร์คัสยังไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย ภูตผู้เป็นผู้แจ้งสารอดกลัวไม่ได้รีบพูดประโยคต่อมา “ งะ งานจะมีในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้าขอรับ ทางดินแดนภูตเป็นเกียรติมากที่ได้รับรองท่านคาร์บิลัสอีกครั้ง ” เมื่อพูดจบภูตตัวน้อยก็ค้อมตัวน้อยๆ และเอ่ยขอตัวกลับดินแดนของตัวเอง มันบินไปหาเจ้านกที่ยังคงนอนแอ่กอยู่ ภูตตัวน้อยจับตัวเจ้านกและหายไปทันทีทิ้งเพียงรอยเวทสีเขียวอ่อนจางๆ ไว้ที่พื้น

   “ เจ้าไม่ชอบคำว่าฮันนีมูนข้าจะเปลี่ยนเป็นคำว่าไปเที่ยวกันสองต่อสองแล้วกัน นะฟาร์คัส ” คาร์บิลัสเปล่ยนจากกองบนพื้นมาเป็นท่านั่ง

   “ ทางที่ดีเจ้าควรเงียบดีกว่านะ คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสพูดอย่างเย็นชาและก้าวขาเดินออกจากห้อง เมื่ออยู่ในห้องก็ไม่มีอะไรให้ทำอีกทั้งยังขนมปังถือมาก็กินหมดไปตั้งแต่เดินตามจิ้งจอกนั่นแล้ว
   
“ ข้าไปด้วยยยย ! ” คาร์บิลัสวิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว
   
“ ... ” 

   ไม่ยังไงก็ตาม
   
ข้าก็คงหนีราชาปีศาจไม่พ้นสินะ


---------------
แฮ่ มาแล้ว  :katai5:

จบตอนนี้คงพักสักพักค่ะ  :katai4:

 :pig4: ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ

      
      
   
         


ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 10 23 เม.ย. 58
«ตอบ #32 เมื่อ23-04-2015 19:15:50 »

โฮฮฮ รอคุณ Foggy Time ปั่นตอนต่อไปนะคะ

เศร้าที่ฟาร์คัสสละบัลลังก์ แต่ฮิมไม่ฝักใฝ่ในอำนาจอยู่แล้ว (หวังว่าจะมีเห็นคาร์บิลัสไปกระทืบทั้งแก๊งค์แล้วขึ้นเป็นราชานกบอกลางแทนนะ  :hao3:)

ค่อนข้างตกใจมากกกกกก วารันโดนคำสาปจากใคร ทำไมถึงไปอยู่ในต้นไม้ได้(สงสารฮิมโดนกักขัง ไปไหนก็ไม่ได้ตลอดกาล)

ปอลิง ปีศาจอีกานี่มีพลังในตัวเองไหมคะ??
ปอลิงสอง กอดดดดดดดดคุณ Foggy Time 2ทีหนักๆ  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ sittawan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 10 23 เม.ย. 58
«ตอบ #33 เมื่อ23-04-2015 21:38:35 »

รออออ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 10 23 เม.ย. 58
«ตอบ #34 เมื่อ23-04-2015 22:29:40 »

ราชาภูตใช่คนที่คราวก่อนมีเรื่องกันฟาร์คัสมั้ยอ่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 10 23 เม.ย. 58
«ตอบ #35 เมื่อ23-04-2015 22:32:35 »

เพิ่งได้มาอ่าน รออออ  :z2:

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 10 23 เม.ย. 58
«ตอบ #36 เมื่อ23-04-2015 23:53:09 »

เจ็บใจมากกลืมจิ้มตาที่แล้วว ฮือออ // ไม่เกี่ยว  หนุกๆๆๆเอาอีกๆๆจะอ๊าวววจะเอาอีกกก มาต่อไวๆหน่ออออ
มโนว่าได้จิ้ม  :z13:  อย่าสนใจโพสนี้ข้ามมันไปมันบ้า

ออฟไลน์ karmdodcom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 10 23 เม.ย. 58
«ตอบ #37 เมื่อ24-04-2015 01:53:14 »

แอบปลืมวารันเบาๆ
วารันจะมีคู่ไหมคะ
ปล. ฟาร์คัสกะคาบิลัส มันกร๊าววววววจายยยย

ออฟไลน์ nemesis

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-3
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 10 23 เม.ย. 58
«ตอบ #38 เมื่อ25-04-2015 20:09:29 »

สนุกอะชอบ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
-- ตอนพิเศษ วารัน -

ในยามที่โลกใบนี้ถือกำเนิดขึ้นมา พระเจ้าได้สร้างสิ่งมีชีวิตต่างๆ เข้าไปเติมเต็มโลกใบนั้น มนุษย์ ปีศาจ ภูต นกบอกลาง และสิ่งต่างๆ ที่มากมายเกินจะพรรณา แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ผู้ควบคุม สิ่งเหล่านั้นไม่ให้เกิดอะไรที่ผิดปกติ นั้นก็คือ ผู้ควบคุมกาลเวลา ผู้ควบคุมกาลเวลาสามารถข้ามเวลาไปได้ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต อีกทั้งยังสามารถรู้อนาคตได้ล่วงหน้าอีกด้วย การเปลี่ยนแปลงอนาคตตามอำเภอใจเป็นเรื่องต้องห้ามของผู้คุมกาลเวลา

   วารัน เป็นหนึ่งในนั้น ผู้ควบคุมกาลเวลา

   ไม่สิ น่าจะเรียกว่าก่อนที่จะมาโดนเป็นผู้บอกสารแก่นกบอกลาง

   “ ข้ามารับข่าวสาร ” ใบหน้าเย็นชาคุ้นตาเดินมาหาวารันผู้อาศัยอยู่ในต้นไม้

   “ วันนี้เจ้ามาเช้านะ ทายาทแห่งราชา ” วารันผู้ด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าด้วยความเอ็นดูแต่เสียงที่ออกไปกลับแหบแห้งต่างจากเสียงของวารันโดยสิ้นเชิง ร่างตรงหน้าคือฟาร์คัสนั่นเอง เป็นทายาทแห่งราชาอีกา นกบอกลางที่ดูแล้วมีอนาคตไกลมากแม้ตอนนี้จะเป็นเพียงขนนกดำก็ตาม

   “ ... ” ฟาร์คัสไม่ยอมตอบวารัน เพียงส่งสายตาเย็นชาให้กับต้นไม้ตรงหน้า

   แต่นั่นยิ่งทำให้วารันรู้สึกเอ็นดู ทำยังไงได้ล่ะ ก็ฟาร์คัสยังเป็นเด็กนี่นา ทำหน้ายังไงออกมาก็ดูน่ารักน่าเอ็นดู ยิ่งทำหน้าที่ไม่เข้ากับวัยอีก วารันหันไปมองกระดานยักษ์ด้านหลังที่เขียนชื่อและสถานที่ต่างๆ รายเรียงกันจำนวนมหาศาลไว้ แต่เพียงชั่วครู่วารันก็หาสถานที่ที่เหมาะสมกับฟาร์คัสในตอนนี้ได้ “ วันนี้เจ้าจงไปแดนมนุษย์ที่สว่างที่สุด เมืองโฮรัส เจ้าจงไปยังบ้านหลังน้อยของชาวนาผู้ใกล้จะกลับสู่สังสาร ”

   ฟาร์คัสพยักหน้าน้อยๆ และหยิบสมุดจดสีดำขึ้นมาอ่าน

   วารันยิ้มเมื่อรู้ว่าฟาร์คัสกำลังท่องเวทเคลื่อนย้าย เวทนี้เป็นเวทที่ง่าย แต่ฟาร์คัสยังจำไม่ได้จึงต้องท่องเวทตามที่ได้จดเอาไว้ หลังจากร่างอีกาตัวน้อยหายไปจากสายตา วารันก็กลับมานั่งว่างอีกครั้ง ตอนนี้เป็นตอนเช้า ที่เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่วารันว่างงานมากที่สุด วารันเหลือบมองต้นไม้ต้นอื่นที่เห็นเพื่อนร่วมงานที่อยู่ต้นไม้อีกต้นหลับไปแล้ว
   
หน้าที่ผู้แจ้งสารเรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่น่าเบื่อเพราะต้องคอยมองกระดานหาชื่อที่เหมาะสมกับระดับขนนกให้ ผู้แจ้งสารนั้นต้องอาศัยอยู่ในต้นไม้แต่ละต้นถ้าจะคุยกันก็ต้องโทรหากันเอาไม่สามารถออกจากต้นไม้ได้นอกเสียจากว่าได้ถูกปลดประจำการแล้ว โดยปกติผู้ที่จะทำหน้าที่พระเจ้าจะเป็นคนเลือกมาโดยแต่ละคนจะมีหน้าที่ประมาณ 2 ปี แตกต่างจากวารันที่ต้องทำไปอีกเกือบ 20 ปี

   เหตุผลน่ะเหรอ

   ต้องเท้าความสักหน่อย

   “ วารัน นี่เจ้าจะหนีงานจริงๆ งั้นเหรอ ” คิ้วที่ขมวดมุ่นกับเสียงเย็นชาบอกอารมณ์ของผู้พูดได้ดีว่าไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรง “ ถ้าหากท่านผู้นั้นโกรธ ข้าก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้นะ ”

   “ โซแวน ข้าแค่พักร้อนนิดหน่อยเอง ”

   “ วารัน อย่าทำให้ข้าต้องใช้กำลัง ” โซแวน ผู้ควบคุมกาลเวลาเช่นเดียวกับวารันเริ่มหักนิ้วดังกร็อบๆ เตรียมจะใช้กำลังบังคับไม่ให้วารันหนีไป เพราะโทษที่ได้รับนั้นหนักพอสมควร การที่ต้องเห็นวารันไปรับโทษไม่ใช่เรื่องน่าพิสมัยสำหรับโซแวนนัก

   “ หวา โซแวน ข้าแค่ไปเที่ยวแปปเดียวเองน่า ” วารันหลบการจับกุมของโซแวนได้อย่างหวุดหวิด “ ลาละ ! ” วารันแลบลิ้นและกระโดดเข้ามิติเวลาที่เรียกมาทันที
   
ทิ้งโซแวนให้ยืนคิ้วขมวดต่อไป “ ให้ตาย... ” พร้อมกับขบกราม ผู้ควบคุมกาลเวลาทุกคนนั้นมีความสามารถที่เกือบจะเท่ากัน ทำให้การจับวารันไม่ให้หนีไปเป็นอะไรที่ยาก

   “ ถ้าโดนทำโทษ ข้าจะไม่สนใจเลย ”
   
   วารันกำลังชาแดงอย่างสบายใจ “ เจ้านี่ช่างรู้ใจ ข้าจริงๆ ” วารันยิ้มให้กับโซแวนที่นั่งข้างๆ ผู้ส่งสารออกไปไม่ได้แต่ไม่ได้หมายความว่าคนนอกจะเข้าไม่ได้นี่นา ถึงแม้ตลอดเวลาการทำงานจะไม่มีความรู้สึกหิวอิ่มปวดท้องอะไรแบบนั้น แต่การกินก็ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาเหมือนกัน

   โซแวนไม่ได้พูดอะไรแค่ถอนหายใจสั้นๆ

   “ ไม่เอาน่า อย่างน้อยข้าก็แค่ทำอีก 20 ปีเอง ”

   โซแวนจ้องวารันด้วยความเย็นชา “ นั้นก็หมายความว่า ข้าต้องซื้อของกินให้เจ้าอีก 20 ปีไง”
   
“ ข้าก็ให้รางวัลเจ้าด้วยการคุยกับเจ้าในเวลางานไง ” วารันหัวเราะ

   “ ... ” โซแวนไม่ตอบอะไรเพียงแค่นอนลงเอาหัวเกยตักวารันและหลับตาลง

   “ พรุ่งนี้ ข้าขอเป็นน้ำส้มนะ ! ”

   “ อืม ”

   ฟาร์คัสกำลังร้องไห้
   
วารันเบิกตากว้างเมื่อเห็นฟาร์คัสร้องไห้ในห้อง ในยามปกติที่วารันว่างมักจะส่องดูฟาร์คัสบ้างเป็นครั้งคราวฆ่าเวลาด้วยพลังของผู้ควบคุมเวลา ร่างอีกาตัวเล็กนั่งบริเวณที่มุมห้องแขนสั้นๆ นั้นกอดตัวเองไว้ราวกับกำลังปลอบประโลมตัวเองอยู่ วารันปิดภาพนั้นไปทันที
   
เขาทนดูไม่ได้

   เพราะถ้าดูต่อไปอาจจะเผลอออกจากต้นไม้ต้นนี้ และโทษที่ได้รับนั้นหนักหนายิ่งกว่าเดิม

   ในระยะเวลาที่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำวารันแอบฝึกเวทมนตร์ที่สามารถแยกร่างได้ เพราะถ้าหากเกิดเหตุอะไรร้ายแรงกับฟาร์คัสจะได้ออกไปช่วยได้ ซึ่งเวลานั้นก็มาถึงอย่างรวดเร็วหลังจากการคาดเดาอนาคตของดินแดนนกบอกลาง ครั้งแรกที่ออกไปวารันพยายามแบ่งพลังไว้กับร่างแยกที่อยู่ต้นไม้ให้ได้มากที่สุด จึงเป็นได้เพียงแค่นกฮูกเกาะอยู่แถวเมืองมนุษย์ ฟาร์คัสจะโดนทำร้าย
วารันรู้อนาคตข้อนี้ดีจึงได้มาดูอีกฝ่าย ในครั้งที่สองเป็นตอนที่การปกครองของดินแดนนกบอกลางกำลังสั่นคลอน  วารันปลอมตัวเป็นคนขายเครื่องรางอธิษฐาน ส่วนเครื่องรางที่เอามานั้นเป็นของสะสมของวารันก่อนที่จะโดนจับมาไว้ในต้นไม้ ครั้งที่สามแปลงเป็นนกอีกครั้งเพื่อกระตุ้นความทรงจำของฟาร์คัสเพื่อให้ฟาร์คัสได้มีเวลาไตร่ตรอง ในทั้งสามครั้งวารันแบ่งพลังให้ร่างที่ออกไปในจำนวนเพียงน้อยนิดเพื่อไม่ให้ถูกท่านผู้นั้นจับได้ ซึ่งก็ราบรื่นมาตลอด

   จนกระทั่งครั้งที่สำคัญที่สุด

   วารันได้แบ่งพลังให้กับร่างที่อยู่ต้นเพียงไว้แค่คงตัวตนไว้ วารันออกไปเพื่อเปลี่ยนอนาคตที่เต็มไปด้วยการนองเลือด ฟาร์คัสย่อมเสียใจที่สุด วารันเลือกที่จะใช้พลังของตัวเองอย่างเต็มที่แม้จะถือว่าเป็นการบอกให้ท่านผู้นั้นรู้ตัวก็ตาม วารันบอกกับร่างอีกาที่แม้จะดูเข้มแข็งแต่วารันที่เฝ้ามองมาตลอดรู้ดีว่าข้างในกำลังร้องไห้

และเวลาของวารันก็หมดลง

เมื่อท่านผู้นั้นได้กระชากเขากลับไป


...

 :katai5: มาแล่ว ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ  :pig4:

* ช่วงตอบคอมเมนต์

คุณบลูเชอร์รี่ : ตอนนี้เฉลยไว้หมดเลย 5555 ส่วนพลังของปีศาจอีกาขออุบไว้ก่อนดีกว่า  :hao7: ( ยังไม่ได้คิด  :ling2: )

คุณ Sittawan : มาแล้ววว  :mc4:

คุณ sirin_chadada : คนละคนค่ะ อันนั้นมนุษย์จากเมืองโฮรัสค่ะ

คุณ qilarsy39 :  :katai5:

คุณ  Hang :  :z6: // ถูกจิ้มแรง 5555

คุณ อ๊ายอาย : ไม่ได้เจอกันนานเลย   :mc4:

คุณ karmdodcom : ตอนแรกยังลังเลอยู่ว่าจะแต่งความเป็นมาของวารันดีไหม // เป็นคนโดนยุง่าย 5555

คุณ nemesis :  :กอด1:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-04-2015 16:23:08 โดย Foggy Time »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
โฮฮฮ โทษของวารันมันเหมือน...ไม่มีที่สิ้นสุดเลยนะคะ ท่านผู้นั้นใจร้ายจัง  :hao5: :z3: :z3:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
วารันคงจะรักและเอ็นดูฟาร์คัสเหมือนลูกหลานเลยสินะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เอาพลังแบบปล่อยอีกาสู้ไปเรื่อยๆแล้วนั่งจิบกาแฟกับราชาปีศาจเป็นไง ปล่อยพลังสีชมพูอมม่วง คืนชีพแบบฟินิก ปล่อยพลังแบบโงกุน เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปหาลูกเเก้วมังกร ล้อเล่นนนน 5555 หนูกกกมั๊กมายยหน่อ ติดตามเรื่อยๆเป็นกำลังใจให้ แต่งมาเยอะๆ ไม่มาต่อแม่จะฆ่าให้!! เอาละๆหมดเวลาแล้วไปแล้วววว เม้นยาวไปอุอิ อย่าบ่นตอนเเรกก็ไม่อยากเม้นยาวหรอกเเต่มันหนุกอะเลยเม้นเยอะมาก  :katai4: ว่าแต่ Nc ของฟาคัสมัดราชาปีศาจไว้กับเตียงแล้วยั่วจ-------------- //สัญญาณขาดหาย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-04-2015 02:24:31 โดย Hang »

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
เดี๋ยว!!!!! ท่านผู้นั้นของวารันมันไผกันล่ะนั่น
พระเจ้าเหรอคะะะะะ ไม่รู้ล่ะ
รอตอนต่อไปเนอะะะะ

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
เปิดอ่านเรื่องนี้มาหลายครั้งมาก
อ่านไม่เกินห้าบรรทัดปิดทุกครั้งสารภาพเลย ต้องขอโทษด้วย :mew2:
แต่คราวนี้นั่งอ่านได้หนึ่งตอน อยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆ  :a6: :a6: :a6:
พลาดๆๆๆๆๆๆๆ :o211: :o211:
อยากบอกว่าเรื่องนี้สนุกมากมาย
ขนาดตอนนี้ปวดหัวอยู่ก็นั่งอ่านจนครบทุกตอน
ชอบเรื่องนี้จังเลย มีดราม่านิดเดียวเอง นางเอกฉลาดดี ไม่บู๊แบบไร้สาระ ไม่ใช่ว่าเอาแต่แก้แค้น
อยู่กับราชาปีศาจนั่นแหละดีแล้ว น่ารักดี :hao7:
ชอบพระเอกด้วย แบบว่าฮีดูเท่ห์มากกกกก มาทีไรทุกคนอึ้งกิมกี่

ต่อไปกล่าวถึงวาริน สงสารนิดๆ อ่ะ แบบอารมณ์รักลูกหลาน ตัวเองยังไงก็ได้แต่ฟาร์คัสต้องอยู่ดีไว้ก่อน
จัดคู่ให้เขาได้ไหม :m26: :m5:

เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มไร้สาระและเวิ่นเว้อมาก เอาล่ะ อยากบอกว่ารออ่านอยู่นะ
ชอบครอบครัวที่ประกอบไปด้วยแม่ปีศาจอีกา(อดีตนกบอกลาง)พ่อราชาปีศาจ(ที่มีอดีตกับปีศาจอีกาที่เคยเป็นนกบอกลาง)ลูกปีศาจมังกรดำ(ที่จับพลัดจับพลูจากสัตว์ในตำนานมาเป็นปีศาจซะงั้น)และวาริน(ที่แอบจิ้นในใจว่ามีอะไรกับท่านผู้นั้น(บาปไหมเนี่ย))

เอาละเป็นเมนต์ที่ใส่อารมณ์มาก ถ้ามีอะไรล่วงเกิน เค้าขอโทษ :o7: :o7: (จริงๆ นะ)


ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ฟาร์คัสน่ารักน่าปกป้องจริงๆนั่นล่ะค่ะ น่าสงสารที่ถูกทรยศแบบนั้นนะ แต่ถ้าต้องทนอยู่ในแดนแย่ๆแบบนั้น ก็ออกมาให้ฆ่าบี้ลัสเลี้ยงดูเหอะ
ป.ล. ปลื้มขุ่นพ่อ(?)วารันค่ะ คงจะรักมากถึงยอมเสี่ยงช่วยขนาดนี้

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 11 3 พ.ค 58
«ตอบ #46 เมื่อ03-05-2015 09:39:31 »

-- ตอนที่ 11 --

ดินแดนภูตว่ากันว่าเป็นดินแดนที่รักสันโดษ ตลอดหลายร้อยปีมานี้แทบไม่ได้คบค้าสมาคมกับดินแดนอื่น อีกทั้งยังมีกำแพงไม้เลือกยักษ์ของราชาภูตคนก่อนคอยป้องกันไม่ให้ผู้ต่างดินแดนได้เข้าไป เดิมทีดินแดนภูตไม่ได้ปิดกั้นตัวเองถึงเพียงนี้แต่เป็นเพราะสงครามที่ยาวนานของดินแดนปีศาจที่ส่งผลกระทบมายังแดนภูตจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ราชาภูตนั้นยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อเสกไม้เลื้อยที่แข็งแกร่งป้องกันทั้งเวทและการโจมตีอย่างสมบูรณ์แบบแม้จะแลกด้วยสิ่งสำคัญก็ตาม แต่กาลเวลาที่ยาวนานก็ทำให้กำแพงไม้เลื้อยยักษ์ค่อยๆ เสื่อยคลายลง
   
นั่นจะเป็นเรื่องดีหากดินแดนภูตตั้งใจจะค้าขายกับดินแดนอื่น เสียแต่ว่าชาวภูตส่วนใหญ่นั้นหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีและเกลียดดินแดนอื่นเพราะการอยู่อย่างสันโดษมาอย่างยาวนาน การจะคบค้ากับดินแดนอื่นเป็นเรื่องยากถ้าหากไม่เปลี่ยนแปลงความคิดของชาวภูตเสียก่อน ซึ่งนั่นก็ได้กลายเป็นภารกิจของราชาภูตองค์ปัจจุบัน ราชาภูตองค์ปัจจุบันเสนอสิ่งที่ต่างออกไปจากราชาภูตองค์ก่อนคือการสร้างสัมพันธไมตรีกับดินแดนอื่นไม่ใช่การสร้างกำแพงไม้เลื้อยขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

   ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการประกาศสงครามกับพวกขุนนางอยู่กลายๆ พวกขุนนางไม่ค่อยพอใจกับข้อสรุปนี้ของท่านราชานักแต่ก็ไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้เพราะการปกครองของดินแดนภูตขึ้นตรงต่อราชาไม่สามารถขัดขืนหรือต่อต้านอะไรได้ทั้งสิ้น ในดินแดนภูตท่านราชาเปรียบเสมือนพระเจ้าที่น่าเคารพยกย่อง ความเชื่อนี้ถูกขัดเกลามาตั้งแต่ท่านราชาภูตที่ได้สร้างไม้เลื้อยปกป้องชาวภูตทุกคนไว้
   
เอลล์หรือราชาภูตองค์ปัจจุบันเหยียดยิ้มเบาบางกับตัวเอง สิ่งที่เขากำลังทำตอนนี้ถูกแล้วงั้นเหรอ แต่มันน่าจะเป็นการดีต่อดินแดนภูตที่สุดแล้ว ถ้าหากเกิดศึกสงครามขึ้นมาและไม่มีดินแดนพันธมิตรเลยดูจะเป็นเรื่องแย่ต่อดินแดนภูตแต่ผลประโยชน์จากการสร้างสัมพันธไมตรีก็มีมากมายเช่นกัน ร่างสูงโปร่งสวมชุดกษัตริย์ลวดลายดอกไม้นานาพรรณโดยเน้นสีอ่อนดูสบายตาบนศีรษะนั้นสวมมงกุฏสีแดงเลือดหมูที่ทำอย่างประณีตมีลวดลายคล้ายไม้เถาเลื้อยรองรับอัญมณีล้ำค่า

   “ นี่หน้ากากของท่านขอรับ ” ไซรินยื่นหน้ากากสีขาวขุ่นสะอาดตามีลวดลายซับซ้อนอีกทั้งยังมีเขากวางโง้งสวยประดับทั้งสองข้างให้กับผู้เป็นนาย

   “ ขอบคุณ ” เอลล์เอ่ยเบาๆ และรีบมาสวม เอลล์ไม่ใช่คนที่ถือตัวหรือหยิ่งทระนง น่าจะเรียกได้ว่าเป็นคนที่แปลกแยกจากชาวภูตคนอื่นโดยสิ้นเชิง เอลล์เป็นคนสุภาพ สุขุม แม้จะมีฐานะเป็นถึงกษัตริย์ก็ตามความหยิ่งทระนงของเอลล์คล้ายกับถูกราชาองค์ก่อนเอาไปแล้วจนหมดสิ้น

   “ ขอรับ ” ไซรินน้อมหัวน้อยๆ

   “ งั้นเดี๋ยวเรามาแล้วกัน รอที่นี้ไปก่อน ” เอลล์บอกกับไซรินและเดินไปอีกฟากหนึ่งของห้องซึ่งเป็นชั้นหนังสือ เอลล์สลับหนังสือสองสามเล่มตามกลไกที่ได้ตั้งไว้และเปลี่ยนทุกสิ้นเดือน

   กริ๊ก
   
เสียงของกลไกดังขึ้นราวกับให้สัญญาณว่ากำลังจะเริ่มกลไกแต่อย่างไรก็ตามจนกระทั่งประตูที่ซ่อนไว้หลังตู้หนังสือปรากฎก็ไม่มีเสียงใดๆ เพิ่มเติมอีก ทางนี้เป็นทางลับไปยังห้องขังคุกใต้ดินที่มีเพียงพ่อของเอลล์เท่านั้นที่รู้เพราะในคุกนั้นมีผู้ถูกตรองจำเอาไว้ เอลล์ก้าวขาเดินลงบันไดวนอย่างคุ้นเคยกลิ่นสนิมเหล็ก กลิ่นชื้นของดิน อากาศที่ถ่ายเทไม่สะดวก เพียงไม่นานก็ถึงจุดหมายของเอลล์ เขามาเพื่อพบผู้ถูกตรองจำอยู่ในภายในคุก
   
แม้ว่าจะมองไม่เห็นก็ตาม..

   “ ว่าไง ท่านราชา ” เสียงแหบแห้วของผู้ถูกตรองจำเอ่ยทักเอลล์
   
“ เจ้าหายปวดหัวแล้วหรือยัง ”

   “ ฮะๆ เอลล์ เจ้านี้ช่างต่างจากพ่อของเจ้านัก ถ้าพ่อของเจ้าต่อให้ข้าตายยังไม่สนใจเลยมั้ง ” เสียงตอบพร้อมกลั้วหัวเราะแต่ความสิ่งที่คิดอยู่กับตรงข้ามโดยสิ้นเชิง ผู้ถูกตรองจำมองเอลล์ด้วยความเป็นห่วง “ เจ้าต่างหากที่ข้าต้องถาม ตาของเจ้า.. ”

   “ มันไม่เคยดีขึ้นหรอก ลุกซ์ ” เอลล์ยิ้มเบาบาง เอลล์ถูกสาปให้ตาบอดมาตั้งแต่เกิดโดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้สาป พ่อของเอลล์ปิดเรื่องนี้ไม่ให้ใครรู้อีกทั้งยังสั่งให้เอลล์ฝึกฝนอย่างหนักทำให้เอลล์สามารถเดินเหินได้อย่างปกติเพราะประสาทสัมผัสในด้านอื่นที่ฉับไวมาก แต่เหตุผลที่แท้จริงที่ให้ฝึกนั้นคือการให้เอลล์ได้ครองบัลลังก์ของตนต่อไป ไซรินเป็นภูตที่เป็นลูกของน้องสาวแม่ถูกส่งมาให้ดูแลเอลล์ตั้งแต่เกิดคอยให้ความรู้ต่างๆ ส่วนหน้ากากของเอลล์นั้นคือสิ่งที่ใช้ปกปิดความผิดปกตินั่นเอง

   หน้ากากที่เปรียบเสมือนเกราะป้องกันจากข้อครหาของขุนนาง เอลล์สามารถลืมตาได้แต่จะมองไม่เห็นอะไรเลยรู้เพียงว่ากำลังลืมตาเหมือนกับกำลังขยับแขนแล้วรู้สึกว่าขยับแขน ไม่เคยภาพที่ถูกส่งเข้ามาในสมอง เอลล์พยายามหาวิธีทางแก้คำสาปต่างๆ แต่ก็ไม่เคยได้ผล สิ่งที่หวังกับการสัมพันธไมตรีกับดินแดนอื่นคือการสืบหาวิธีการถอนคำสาป นั่นเป็นความเห็นแก่ตัวเอลล์รู้ตัวดีแต่นี้เป็นผลพลอยได้ที่เขาบังเอิญได้พอดีเท่านั้น

   “ ถ้าข้าหลุดจากไอ้โซ่นี้เมื่อไหร่จะช่วยเจ้าแล้วกัน ” ลุกซ์เขย่าโซ่เซ็งๆ

   “ ท่านพ่อของข้าไม่ยอมให้เจ้าทำอย่างนั้นง่ายๆ หรอกน่า ”

   ลุกซ์จิ้ปากอย่างไม่พอใจนักและก้าวเท้าเข้ามาใกล้ลูกกรงเวทสีดำที่ส่งแสงสีดำเรืองๆ ดูน่าขนลุก ลุกซ์ยื่นมือออกมาและใช้ฝ่ามือหยาบลูบหน้าของเอลล์อย่างทะนุถนอม หน้ากากของเอลล์นั้นเผยให้เห็นเพียงช่วงหน้าส่วนล่างเท่านั้นทำให้ลุกซ์เพียงแค่ลูบแถวริมฝีปากด้วยสายตาอาดูร ลูกกรงเวททำหน้าที่ของมันทันทีโดยการส่งกระแสไฟฟ้าสีดำเข้าช็อตร่างกายของลุกซ์ ลุกซ์ขบกราบรับความเจ็บปวดที่ส่งเข้ามาแต่ก็ยังไม่ละมือจากใบหน้าของเอลล์ ลุกซ์เป็นลูกน้องของคาร์บิลัสที่โดนใช้ให้มาสืบข่าวคราวเรื่องนกบอกลางแต่ขณะที่กำลังจะลักลอบเข้าไปในดินแดนกลับถูกพ่อของเอลล์จับได้และถูกตรองจำในคุกใต้ดินตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ลุกซ์เป็นปีศาจเผ่าพันธุ์มังกรไฟทำให้มีรูปร่างกำยำผมสีเพลิงกับนัยน์ตาสีเดียวกันพละกำลังมหาศาลตามเชื้อสายสามารถใช้ไฟได้ดีมาก
   
เอลล์ยิ้มออกมาและจับมือของลุกซ์ออกจากใบหน้าของตน “ ข้าว่าโดนไฟฟ้าช็อตคงไม่น่าพิสมัยหรอกนะ ลุกซ์ ”
   
ลุกซ์ยักไหล่ถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายจะมองไม่เห็นก็ตาม “ แค่นี้ไม่ทำให้ข้าตายหรอกน่า เอลล์ ”
   
“ สรุปเจ้าหายปวดหัวหรือยัง ถ้ายังเดี๋ยวข้าจะหายามาให้ ”

   “ ข้าหลับคืนเดียวก็หายแล้ว เอลล์ เจ้าไปเถอะ วันนี้เจ้าต้องรับแขกนี่ ” ลุกซ์เอ่ยไล่แม้ความจริงจะอยากรั้งให้อยู่ด้วยกัน
   
“ ใช่ ข้าหวังว่าข้าจะทำหน้าที่ของกษัตริย์ได้ดี ” เอลล์พยักหน้าหงึกหงัก

   “ ถ้าหากเจ้าทุกข์ใจจงมาหาข้า เอลล์.. ”
   
   เสียงงานรื่นเริงดังขึ้นแถบบริเวณใกล้พระราชวังของราชาภูต ป้ายสีสันสดใสถูกปักไว้ตามที่ต่างๆ ธงสีหลากสีที่ถูกห้อยระโยงระยางดูน่าสับสนแต่ก็ดูน่าสนุกเช่นกัน มีคณะดนตรี คณะละครต่างๆ เล่นกันตามทางอย่างครื้นเครง ร้านรวงร้านค้าต่างๆ พากันจับจองพื้นที่ที่ดีที่สุด เด็กๆ วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน นี่ถือเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการเฉลิมฉลอง

   “ แง้ อยากกินนน ” ดัฟฟ์ทำท่าจะพุ่งเข้าไปหาร้านค้าที่ตั้งอยู่โดยมีชาวภูตทำหน้าบึ้งตึงขายอยู่ต่างกับเมื่อกี้ที่ชาวภูตคนอื่นเข้าไปซื้อล่ะยิ้มแป้น

   “ เงียบหน่อย ดัฟฟ์ ” ฟาร์คัสดึงคอเสื้อของดัฟฟ์เอาไว้และเหลือบไปมองคาร์บิลัสที่กำลังยืนเหม่อด้วยท่าที่ดูสุขุมอยู่ แต่ใครจะรู้ว่านั่นเป็นเพียงแค่ฉากหน้าเพราะฟาร์คัสได้ขู่เอาไว้ว่าอย่าทำท่าทางแบบปกติที่ทำที่คฤหาสน์ ยกตัวอย่างเช่น

   “ ฟาร์คัสสส  เจ้าหิวหรือยัง เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปร้านดังแถวนี้เอง ! ” คาร์บิลัสพูดพร้อมกับพุ่งเข้ามาหมายจะคว้าแขนฟาร์คัสเอาไว้ เพียงแต่ว่าถ้าฟาร์คัสในสภาพสมบูรณ์ปกตินั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากที่จะโดนคาร์บิลัสจับเอาไว้ได้นอกเสียจากเจ้าตัวจะยอมอยู่นิ่งๆ ให้จับเอง ฉะนั้นคาร์บิลัสจึงคว้าได้แต่ความว่างเปล่าและอากาศบริสุทธิ์
   
“ ฟาร์คัสถ้าเจ้าจะนอน มานอนที่เตียงข้าก็ได้นะ ข้าไม่ว่า ! ” คาร์บิลัสบอกขณะที่ฟาร์คัสกำลังจะเข้าห้องนอนข้างห้องของคาร์บิลัสและคำตอบของฟาร์คัสมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

   ฟาร์คัสกระแทกประตูเข้าห้องแทนคำตอบ ทำให้คาร์บิลัสเข้าห้องนอนของตัวเองอย่างเหงาหงอยและผิดหวังอย่างรุนแรง
   
ข้าขอยกตัวอย่างไว้แค่นี้แล้วกันเพราะถ้ามากกว่านี้ดูจะเป็นอะไรที่ไร้สาระเกินไป “ คาร์บิลัสเจ้าไปซื้อร้านนั้นให้ดัฟฟ์หน่อย ”
   คาร์บิลัสหลุดจากภวังค์หันมามองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ อืม ” และคาร์บิลัสก็เดินไปซื้อของด้วยทวงท่าสง่างามจนผู้ที่เป็นอาคันตุกะจ้องกันตาค้าง

   ทำไมข้ารู้สึกเหมือนกับว่าข้าฝืนปลาให้ว่ายน้ำบนท้องฟ้ากัน ฟาร์คัสกลอกตาสั้นๆ และมองสำรวจไปรอบๆ ราชาภูตได้เชิญอาคันตุกะจากหลายดินแดนมาก มีทั้งเผ่าที่ข้าเคยไปเมื่อยังเป็นนกบอกลางกับเผ่าอื่นๆ ที่แปลกตาไม่คิดว่าจะมีตัวตนอย่างเผ่าคนแคระ ยักษ์ หรือแม้กระทั่งปักษาหิมะที่ข้าเคยได้ยินเพียงเรื่องเล่าว่าอาศัยอยู่บนเทือกเขาสูงมีเมฆลอยฟุ้งคอยปิดกั้นไม่ให้ผู้อื่นได้กร้ำกรายเข้าไป ผู้คนเดินกันอย่างพลุ่งพล่านซื้อขายต่อรองกันแม้ว่าเจ้าบ้านจะหน้าไม่รับแขกก็ตาม

   ฟาร์คัสมองภาพตรงหน้าอย่างเพลิดเพลินโดยไม่สนใจดัฟฟ์ที่น้ำตาคลอเบ้าเพราะความหิว อาคันตุกะแต่ละคนล้วนแต่งกายสวยงามและแปลกตาบ่งบอกถึงฐานะที่สูงส่ง แต่เมื่อข้าเพ่งพิจารณาไปยังร้านค้าร้านหนึ่งกำลังมีมนุษย์กำลังซื้อดาบภูตอยู่ซึ่งก็คุ้นหน้าคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก ร่างนั้นอยู่ในชุดเกราะนักรบอัศวินสีขาวสว่างประดับด้วยชายผ้าสีแดงเลือดหมูดูแล้วคล้ายกับกษัตริย์ของดินแดนมนุษย์ ฟาร์คัสขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อมนุษย์คนนั้นหันมาทางฟาร์คัสและชี้ดาบที่พึ่งซื้อมาใส่หน้าฟาร์คัส ทำเอาผู้คนที่เดินอยู่แตกฮือกระจายออกไปอย่างตื่นตระหนก

   “ ไอ้อีกา !! ” มนุษย์คำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด

   ฟาร์คัสขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ทำไมถึงรู้ว่าเขาเป็นอีกาล่ะ ? มนุษย์งั้นเหรอ...

   “ แก๊ซซ อย่ามายุ่งกับแม่ ! ” ดัฟฟ์กระโดดออกมาขวางข้างหน้าฟาร์คัส   

   “ แกนั่นแหละอย่ามายุ่ง ไอ้อีกาเพราะวันนั้นที่แกมาพ่อข้าถึงต้องตาย !! ”

   ฟาร์คัสกลับมาใบหน้าเรียบเฉยอีกครั้ง เขาจำได้แล้วว่าคนต่อหน้าคือใคร ทายาทแห่งกษัตริย์เมืองโฮรัสนั่นเอง “ แล้วข้าไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ มนุษย์ ” แววตาของฟาร์คัสแข็งกร้าวขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงตอนที่ถูกจู่โจม
   
“ สาปแช่งพ่อข้าจนตายไงล่ะ !! ” สิ้นคำก็พุ่งดาบเข้ามาจู่โจมอย่างรวดเร็วแต่ฟาร์คัสกลับไม่ได้หลบและท่องเวทเสียงเบา
   
ผลั่ก

   ราชาแห่งเมืองโฮรัสองค์ปัจจุบันถูกถีบกระเด็นไปกองบนพื้นอย่างหมดสภาพพร้อมกับดาบสีดำสนิทจ่อที่คอหอย

   “ คิดจะทำอะไร มนุษย์ ” คาร์บิลัสถามเสียงเย็นเยียบดวงตาทอประกายดุร้าย
   
ร่างที่ถูกจ่อคอหอยเบิกตากว้างตัวสั่นน้อยๆ เมื่อพบว่าร่างตรงหน้าคือราชาปีศาจที่มีพลังอำนาจมหาศาลที่แม้แต่ตนที่เป็นราชาแห่งแสงสว่างยังไม่อาจทัดเทียมได้ “ ขะ ข้าแค่ทักทายสหายเก่าน่ะ ” พร้อมกับกัดฟันพูดออกมา

   ฟาร์คัสหันหน้าหนีไม่สนใจเพียงแค่กดดาบของคาร์บิลัสลงและเดินนำไปทางอื่นก่อน ดัฟฟ์หันหน้ามาแลบลิ้นใส่ราชาเมืองมนุษย์และวิ่งต้อกแต้กตามฟาร์คัสไปทันที
   
“ นับเป็นโชคของเจ้าที่ฟาร์คัสให้ข้าไว้ชีวิต ” คาร์บิลัสพูดด้วยน้ำเสียงชวนให้เสียวสันหลัง “ จงจำเอาไว้ ถ้าหากมีครั้งหน้าหัวเจ้าจะไม่ได้อยู่บนบ่า ” และคาร์บิลัสก็รีบก้าวขาเดินตามฟาร์คัสไปทันที

   “ น่ากลัวชะมัด ” คนแคระที่เห็นเหตุการณ์บ่นออกมาซึ่งก็มีคนอื่นพยักหน้าตามกันเป็นแถวและเดินเล่นกันต่อโดยไม่สนใจร่างที่กองอยู่บนพื้นอีก ทิ้งให้ร่างที่กองบนพื้นกัดฟันกรอดและพยุงตัวเองด้วยดาบเข้าห้องพักของตัวเองอย่างเงียบเชียบ
   
“ คาร์บิลัส เจ้าจะใจร้อนเกินไปแล้ว ” ฟาร์คัสเอ็ดออกมาเมื่อคาร์บิลัสเดินมาอยู่ข้างๆ

   “ มันบังอาจจะทำร้ายเจ้า ข้าไม่มีวันให้มันทำเช่นนั้น ” คาร์บิลัสยังคงท่าทางสุขุมไว้แต่ดวงตากลับทอประกายออดอ้อนจนฟาร์คัสถอนหายใจออกมา

   “ แล้วเจ้าซื้อมาให้ดัฟฟ์หรือยังล่ะ ” ฟาร์คัสเริ่มจะเบื่อดัฟฟ์ที่เอาแต่กัดชายเสื้อประทังความหิว

   “ อืม ข้าซื้อมาเผื่อเจ้าด้วย ” คาร์บิลัสยื่นไม้เสียบเนื้อย่างอะไรสักอย่างให้ฟาร์คัสทั้งหมดโดยไม่แบ่งให้ดัฟฟ์ก่อนแม้แต่ชิ้นเดียว ถึงแม้ว่าฟาร์คัสจะสั่งให้ซื้อมาให้ดัฟฟ์

   ฟาร์คัสแบ่งเนื้อเกือบทั้งหมดให้ดัฟฟ์และยื่นให้คาร์บิลัสไม้หนึ่ง “ กินไหม ? ” ในเมื่อคาร์บิลัสซื้อมาก็สมควรได้กินด้วย

   “ กินสิ ” คาร์บิลัสรับไปกินทันทีโดยไม่คิดแม้แต่น้อย ต่อให้เป็นยาพิษเขาก็ยินดีที่จะกินถ้าหากฟาร์คัสต้องการ แต่อย่างไรก็ตามข้าเชื่อว่าฟาร์คัสไม่มีวันให้ข้ากินยาพิษแน่นอน
   
   เสียงเครื่องดนตรีของชาวภูตถูกบรรเลงขึ้นเมื่ออาคันตุกะจากหลายหลายดินแดนได้ก้าวเท้าเข้ามาในพระราชวัง อาคันตุกะแต่ละคนสวมชุดที่บ่งบอกเอกลักษณ์ของแต่ละดินแดนไม่ว่าจะเป็นราชาหรือผู้ติดตามล้วนแต่สง่างาม ภายในพระราชวังของดินแดนภูตนั้นถูกตกแต่งด้วยแมกไม้สีสันสดใสเพื่อให้เข้ากับงานเฉลิมฉลองโดยภายในงานมีซุ้มอาหารกับที่นั่งบุนวมไม้แกะสลักจัดวางอย่างเป็นระเบียบจำนวนมากและมีพื้นที่ส่วนหนึ่งยกสูงเพื่อให้ราชาแห่งดินแดนได้เอ่ยปราศรัย

   “ แก๊ซ หอมม แม่หิวแล้ว ” ดัฟฟ์อยู่ในชุดสีดำขลับทองเป็นชุดที่ค่อนข้างเป็นทางการ ไม่ใช่ดัฟฟ์เพียงคนเดียวไม่ว่าฟาร์คัสหรือคาร์บิลัสล้วนแต่งกายสีดำขลับทอง ฟาร์คัสเป็นชุดเรียบๆ แต่คาร์บิลัสเป็นชุดกษัตริย์เต็มยศมีลวดลายน่าเกรงขามแต่ไม่ได้สวมมงกุฏเพื่อให้เกียรติต่อเจ้าของดินแดนเพราะมาในฐานะอาคันตุกะเท่านั้น

   ฟาร์คัสไม่สนใจดัฟฟ์ที่งอแงจะกินอาหารทั้งๆ ที่เพิ่งกินไปเมื่อกี้ งานเฉลิมฉลองจะเริ่มในตอนเย็นฟาร์คัสจึงพากันเดินเล่นตอนเที่ยงๆ และจัดการยัดอาหารใส่ดัฟฟ์ให้เงียบ ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ เมื่อมาถึงพระราชวังที่เต็มไปด้วยอาหาร

   คาร์บิลัสก้าวขาเดินตามฟาร์คัสโดยปล่อยให้อีกฝ่ายเดินนำไป ทำให้อาคันตุกะคนอื่นๆ ขมวดคิ้วอย่างฉงนเพราะราชาปีศาจเดินตามผู้ติดตามของตัวเอง แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามออกมาเพราะเรื่องเมื่อตอนเที่ยงได้แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ทำให้คาร์บิลัสกลายเป็นที่หวาดกลัวของดินแดนอื่นแต่คาร์บิลัสหาได้สนใจไม่ มีเพียงฟาร์คัสเท่านั้นที่คาร์บิลัสจะสนใจว่าอีกฝ่ายคิดอะไรมองตัวเองยังไง
   
ฟาร์คัสเลือกที่นั่งที่ไม่ค่อยมีคนนั่งและนั่งลงทันทีโดยมีดัฟฟ์นั่งลงตรงกันข้าม แต่ประเด็นสำคัญคือเก้าอี้ของโต๊ะแต่ละตัวมีเพียง 2 ตัว เท่านั้น ทำให้คาร์บิลัสส่งสายตาเชือดเฉือนใส่ดัฟฟ์ที่ลอยหน้าลอยตานั่งอย่างสบายใจ

   “ เจ้าเป็นแค่สัตว์เลี้ยงลงไปนั่งข้างล่างไป ” คาร์บิลัสหยิบตัวดัฟฟ์โยนออกจากที่นั่งและนั่งลงทันที

   “ แง้ ฆ่าบี้ลัส ! นิสัยไม่ดีง้า ” ดัฟฟ์ที่ลงไปกินฝุ่นลุกขึ้นงอแงและวิ่งไปหาฟาร์คัส “ แง้ ดัฟฟ์ โดนแย่งที่นั่งงง ”
   
ฟาร์คัสกลอกตา วันนี้ดูจะเป็นซวยของเขาชะมัด ฟาร์คัสหยิบดัฟฟ์ขึ้นมานั่งตักตัวเองเพื่อตัดปัญหาน่ารำคาญโดยมีคาร์บิลัสนั่งมองด้วยสายตาลุกเป็นไฟอย่างอิจฉาแต่ทำอะไรไม่ได้เมื่อฟาร์คัสส่งสายตาปรามออกมาอย่างเซ็งๆ “ ถ้าเจ้าทำอะไรวุ่นวายอีก สัญญาของเจ้ากับข้าถือว่าเป็นโมฆะ ”

   คาร์บิลัสนั่งด้วยความสงบเสงี่ยมทันที สัญญาที่ได้ให้กันไว้ก็คือ ถ้าหากข้าไม่ทำตัววุ่นวาย สุขุม น่าเคารพ ไม่แสดงนิสัยปกติออกมา ฟาร์คัสจะยอมให้ข้ากอด ! คาร์บิลัสคิดอย่างลิงโลดแต่หน้าตาที่แสดงออกมายังคงเคร่งขรึม

   // ข้าขอบคุณที่ทุกท่านได้ตอบรับคำเชิญของข้า //

   เสียงดังขึ่นมาจากพื้นที่ยกสูงปรากฎร่างสง่างามหรือผู้เชื้อเชิญให้ทุกคนได้มาเข้าร่วมงามเฉลิมฉลองนี้
   เอลล์ยกยิ้มบางเมื่อได้ยินเสียงตอบรับกลับมาดังสนั่นถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นแต่กลับรู้สึกถึงผู้คนมากมายที่อยู่ข้างล่างจึงเอ่ยประโยคต่อไปทันที “ ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองนี้ จะทำให้พวกท่านอยากมาเยือนอีกครั้ง ”

   เสียงเฮตอบรับดังลั่นเล่าถึงความพึงพอใจหลังจากที่ได้ฟัง

   “ ดินแดนข้ายินดีค้าขายกับพวกท่าน ยินดีเป็นพันธมิตรกับพวกท่าน เพื่อให้ได้มีมิตรภาพอย่างแท้จริงต่อทุกดินแดน ” ถึงแม้ว่าประโยคนี้อาจจะทำให้ขุนนางหมายหัวข้ามากขึ้นก็ตาม ข้ายอมเสียเสละความปลอดภัยในชีวิตเพื่อให้ดินแดนนี้ได้ดีขึ้นกว่าทีเป็น เพื่อที่ชาวภูตจะได้มีมุมมองที่กว้างมากยิ่งขึ้น ข้าอยากให้ดินแดนภูตดูมีชีวิตชีวาไม่ใช่การอยู่อย่างสันโดษ

   เอลล์ค้อมหัวลงน้อยๆ เพื่อให้เกียรติทุกท่านที่ได้มาร่วมในงาน “ ข้าขอให้ทุกท่านมีความสุขกับงานเฉลิมฉลองนี้ ” เมื่อกล่าวร่างที่เคยยืนอยู่ก็หายไปทันทีทิ้งไว้เพียงความครึกครื้นในงาน

   “ ดูเหมือนว่าราชาภูตองค์นี้จะดีกว่าองค์ที่แล้วนะ ” คาร์บิลัสพูดขณะที่จิบน้ำรสแปลกของดินแดนภูต
   
“ ทำไม ” ฟาร์คัสถามสั้นๆ และหยิบขนมปังให้ดัฟฟ์นั่งแทะ
   
“ เดิมทีแดนภูตไม่ได้เป็นมิตรนักหรอก ราชาภูตองค์ก่อนที่ข้าเคยเจอเอาแต่ส่งสายตาเหยียดหยามข้า ราวกับว่ามันเหนือกว่า ข้าเลยอดหมั่นไส้ไม่ได้เตะกำแพงไม้นั้น ”
   
ที่เจ้าไปเตะกำแพงนั่นพังจนเป็นที่เลื่องลือเพราะเหตุนี้เองเหรอ ฟาร์คัสถอนหายใจ

   “ จริงสิ รู้สึกว่าลูกน้องข้าจะถูกจับไปด้วยคนนึงตอนสืบข่าวคราวของเจ้า ”

   “ ข่าวข้า ? ”
   
“ ใช่ ลูกน้องคนสนิทของข้าโดนจับไปยังไม่กลับมาเลย ข้าจะมาคุยเรื่องขอเจ้านั่นคืน แต่มันไม่ให้ ข้าเลยแอบบุกเข้าไปคุยกับเจ้านั่น แต่เจ้านั่นไม่กลับมากับข้า ขออยู่ต่อไปซะงั้น ” เสียงของคาร์บิลัสติดจะเซ็งเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

   ฟาร์คัสไม่ได้พูดอะไรออกมาเกี่ยวกับที่คาร์บิลัสสืบข่าวคราวตัวเอง ใบหน้าเรียบเฉยของฟาร์คัสติดจะแดงเมื่อนึกถึงเรื่องที่คาร์บิลัสได้พูดถึงเรื่องที่เคยเจอกันเมื่อยังเด็ก ทั้งๆ ที่ข้าจำไม่ได้คาร์บิลัสกลับจำได้อีกทั้งยังตามหาข้าที่เป็นนกบอกลางอีก ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรดีกับความพยายามของคาร์บิลัส
   
คาร์บิลัสยิ้มในใจเมื่อเห็นฟาร์คัสหน้าแดง  น่ากอดจริงๆ ข้าอยากให้ถึงวันกลับเร็วๆ แฮะ “ อ้อ เจ้านั่นรู้สึกมันจะเป็นปีศาจมังกรไฟล่ะ ”
   
“ ปีศาจมังกร ? ”
   
“ อืม เป็นมังกรที่อาศัยอยู่ในดินแดนปีศาจเป็นเวลานานจนกลายเป็นปีศาจมังกรไป ไม่เหมือนดัฟฟ์ที่เป็นมังกรดำพลัดหลงเข้ามาในดินแดนปีศาจน่ะ ”
   
“ อะไอ ฆ่าบี้ลัสเรียกทำไม ” ดัฟฟ์เงยหน้าขึ้นมองคาร์บิลัสทั้งๆ ที่ในปากเต็มไปด้วยขนมปังไส้กรอกและอะไรต่อมิอะไรที่ฟาร์คัสสามารถยัดเข้าปากดัฟฟ์ให้เงียบได้

   “ ข้าไม่ได้คุยกับเจ้า ” คาร์บิลัสบอกเสียงเย็นใส่ดัฟฟ์
   
“ เดี๋ยวข้าขอไปห้องน้ำก่อนแล้วกัน ” ฟาร์คัสลุกขึ้นจากที่นั่งและวางดัฟฟ์ลงแทนที่ตัวเองซึ่งเมื่อดัฟฟ์ไม่ได้นั่งตัก หัวของดัฟฟ์สูงแค่เลยโต๊ะเท่านั้นดูเหมือนว่าเก้าอี้นี้ไม่ผลิตขึ้นมารองรับเด็กเท่าไหร่

   “ ข้าไปด้วย ” คาร์บิลัสตั้งท่าจะลุกตามทันที

   “ แง้ ไออ้วย ” ดัฟฟ์งอแงจับชายเสื้อฟาร์คัส

   ฟาร์คัสกลอกตา นี่ข้าเห็นข้าเป็นแม่หรือยังไงกันถึงได้เกาะติดกันขนาดนี้ “ คาร์บิลัสเจ้านั่งนี่คอยดูดัฟฟ์ไป ส่วนดัฟฟ์เจ้าก็นั่งกินเงียบๆ ไปซะ ” กล่าวจบฟาร์คัสก็เดินหนีทันทีโดยไม่สนใจเสียงโอดครวญของดัฟฟ์และสายตาเหงาหงอยของคาร์บิลัส ความจริงฟาร์คัสไม่ได้ต้องการจะเข้าห้องน้ำเพียงแค่อยากออกมาเดินเล่นสูดหายใจโดยไม่มีปลิงทั้งสองคนบ้าง ฟาร์คัสเลือกที่จะเดินแถวแนวสวนของพระราชวังที่อยู่อีกฟากซึ่งก็ไม่ค่อยมีคนไปสักเท่าไหร่เพราะไม่มีซุ้มอาหารและที่นั่ง คาดว่าน่าจะเอาไว้มาเดินเล่นทอดอารมณ์ ซึ่งก็ตรงกับความต้องการของฟาร์คัสพอดี

   ฟาร์คัสเดินก้าวเข้าไปในสวนก็รู้สึกคิดถึงอย่างประหลาด สวนนี้คล้ายกับสวนในดินแดนนกบอกลางมากเลยทีเดียวโดยเฉพาะต้นไม้ที่ดูทึมๆ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนคือใบไม้หลากสีสันของต้นไม้รวมถึงดอกไม้รูปร่างประหลาดอีก ฟาร์คัสมองดูอย่างเพลินตาโดยปล่อยให้ขาก้าวต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ตัว จนกระทั่งเดินไปได้สักพักหนึ่งก็เห็นสิ่งที่คุ้นตาเพราะเพิ่งเจอไปเมื่อกี้

   ราชาภูต ! ฟาร์คัสเบิกตากว้างเพราะไม่คิดว่าจะได้เจออีกฝ่ายในสวนแห่งนี้ซึ่งดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังเหม่ออยู่จึงไม่รู้สึกถึงการมีตัวตนของฟาร์คัส ราชาภูตกำลังยืนอยู่ข้างสระน้ำที่มีเถาไม้เลื้อยสีสันสดใสและมีหิ่งห้อยบินไปมารอบตัว ทำให้ภาพตรงหน้าดูขลังอย่างประหลาด ฟาร์คัสรู้สึกถึงความเศร้าล้ำลึกที่ราชาภูตได้เก็บเอาไว้เพราะมือที่ยื่นไปแตะหิ่งห้อยนั้นสั่นน้อยๆ พร้อมกับเหยียดยิ้มออกมาเมื่อแตะหิ่งห้อยไม่ได้ ทั้งๆ ที่หิ่งห้อยนั่นบินใกล้ตัวขนาดนั้น

   ฟาร์คัสเริ่มรู้สึกถึงผิดปกติในตัวราชาภูต ถ้าหากเป็นข้าการจะจับหิ่งห้อยนั้นง่ายมากเพราะการบินว่อนเอื่อยๆ อยู่ตรงหน้าแค่กำมือก็จับได้แล้ว

   “ มีอะไรงั้นหรือ อาคันตุกะแห่งแดนปีศาจ ” เอลล์เอ่ยเรียกร่างที่ไม่ได้รับเชิญ ในความจริงเอลล์นั้นรู้สึกถึงตัวตนของฟาร์คัสตั้งแต่เดินมาแล้วเพราะประสาทสัมผัสที่ฉับไว แต่เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา เพื่อดูปฏิกิริยาของฟาร์คัส
   
ฟาร์คัสสะดุ้งแต่ไม่ได้เกินความคาดหมายนัก ผู้เป็นถึงราชาย่อมรู้สึกตัวตัวตนของเขาได้อยู่แล้ว “ ข้าแค่ชมสวนแล้วบังเอญเจ้าก็เท่านั้น ”

   “ งั้นเหรอ.. ” เอลล์ยิ้มบางกับคำตอบ

   “ ท่าน.. ตาบอดงั้นเหรอ ”

   “ ใช่ ” เอลล์ตอบสั้นๆ น่าแปลกที่รู้สึกถูกชะตากับคนตรงหน้าอย่างประหลาดจนยอมบอกความผิดปกตินี้ ถึงแม้จะมองไม่เห็นก็รู้สึกถึงความซื่อสัตย์และเฉลียวฉลาดของอาคันตุกะผู้นี้

   “ ...  ” ฟาร์คัสเงียบไปสักพักเพราะคาดไม่ถึงว่าราชาภูตจำยอมรับง่ายดายถึงเพียงนี้ แต่ก็บอกกลายๆ อยู่เช่นกันว่าอย่าได้เผยแพร่เรื่องนี้ออกไป ดูเหมือนว่าราชาภูตคนนี้มีอะไรจะพูดอีกยาว “ ข้าชื่อว่า ฟาร์คัส แล้วท่านล่ะ ? ”
   
“ เรียกข้าว่า เอลล์ เถอะ ”

----------------------------------
ตัวละครใหม่  :mc4:

ขอบคุณคอมเมนต์ค่ะ :กอด1:

* ช่วงตอบคอมเมนต์

คุณ BlueCherries :  :hao5: แต่ไม่เป็นไรค่ะวารันมีโซแวนค่ะ

คุณ sirin_chadada : ขอบคุณค่ะ  :man1: วารันเขามีตัวจริงแล้วค่ะ

คุณ Hang : ถ้าสู้แล้วใช้พลังแบบนั้นจริง คาร์บิลัสคงไม่มีบทค่ะ 555555   :man1: ชอบเม้นยาวๆ ค่ะ ไม่เยอะหรอกน้า แต่ฉาก NC นี่  :really2:

คุณ Min*Jee : ท่านผู้นั้นก็คือพระเจ้าค่ะ แต่พวกคนวารัน เวลาเรียกจะเรียกชื่อแบบเลี่ยงๆ เพราะเกรงๆ กันค่ะ

คุณ magarons : หายปวดหัวรึยังค่ะ  :hao5:  เสียใจนิดหน่อยที่ปิดตั้งแต่ 5 บรรทัดแรก แต่ไม่เป็นไรค่ะ แค่คุณมาการอนชอบเราก็ดีใจแล้ว ชอบคอมเม้นยาวๆ ใส่อารมณ์ได้ค่ะ บ่งบอกถึงความอิน 5555

คุณ Celestia : ขุ่นแม่สิค่ะ 5555  :really2:

ปลใหญ่ๆ .  :ruready รู้สึกว่าน่าจะให้บทโซแวนน้อยไปสินะ  :hao5:
   
   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 11 3 พ.ค 58
«ตอบ #47 เมื่อ03-05-2015 09:58:05 »

โซแวนค่อยไปกล่าวคราวหน้าก็ได้ค่ะ ฮาาาา (อย่างน้อยวารันก็ไม่โดดเดี่ยวนะ  :hao5:)


แต่ว่ามีอีกคู่แล้วอ้าาา ลัลลัลล้าาาา  :กอด1:

เอลล์ หรือ คาร์บิลัส จะมีใครช่วยปล่อยลุกซ์ไหมคะ??

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 11 3 พ.ค 58
«ตอบ #48 เมื่อ03-05-2015 14:17:45 »

รู้สึกอย่างหนึ่งสำหรับพระเอกเรื่องนี้
แพะนี้สืบสายพันธ์จากไซบีเรียน ฮัสกี้เรอะ อ้อนเหลือเกิน :mew4:
แต่นั้ลล้ากกกกกกกกกกก ไม่เป็นอะไร
เอลล์นี้คู่กับลุกซ์ชัวร์ๆ  :hao7:
สำหรับฉากอิโรติดเราไม่หวังน้า เราหวังแต่ฉากNC :laugh3:

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 11 3 พ.ค 58
«ตอบ #49 เมื่อ03-05-2015 16:01:59 »

เหลือมังกรน้้ำกับลมงับ.   มาต่อเยอะๆหน่อติดเรื่องนี้แบ๋วมโนฟาคัสเป็นปีศาจญี่ปุ่นเท็นไรสักอย่าง.  พยายามเม้นยาวแต่รอบนี้ได้แค่นี้.  ปล.ให้กอดนี่คืออออ....กอดแบบไหนนนมันมีสองกอดนะ ฟฟฟฟฟฟฟฟ :z1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 11 3 พ.ค 58
« ตอบ #49 เมื่อ: 03-05-2015 16:01:59 »





ออฟไลน์ nemesis

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-3
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 11 3 พ.ค 58
«ตอบ #50 เมื่อ03-05-2015 20:50:18 »

มาต่อไวๆนะค้าบ

ออฟไลน์ yamanaiame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 11 3 พ.ค 58
«ตอบ #51 เมื่อ04-05-2015 12:13:34 »

เพิ่งได้เข้ามาอ่าน  ติดงอมแงมเลยย ปกติไม่ค่อยอ่านนิยายแนวนี้แต่พอได้ลองอ่านก็สนุดไปอีกแบบนะ 

ปล. ที่เม้นบนบอกฟาคัสเหมือน เท็นๆของญี่ปุ่นนี่ใช่  คาราสุเท็นกุ
Karatsu Tengu หลือปล่าวคัฟ

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 11 3 พ.ค 58
«ตอบ #52 เมื่อ04-05-2015 14:25:33 »

ขอให้เอลล์หายตาบอดด้วยเถอะ
แต่ว่านะ ไอ้คนไม่ยอมรับความจริง พ่อตายเองแท้ๆ ดันเอาไปโทษชาวบ้าน คือโทษหมอยังดูดีกว่า ชื่อก็บอกว่านกบอกลาง ไม่ใช่นกสาปแช่ง ปั๊ดตบกะโหลกแตกเลยนี่

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 11 3 พ.ค 58
«ตอบ #53 เมื่อ04-05-2015 14:45:59 »

งื้อออ ค้างมากกก :ling1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 11 3 พ.ค 58
«ตอบ #54 เมื่อ04-05-2015 21:09:13 »

อยู่กับสองพ่อลูก?(ถ้าเจ้าหนูมังกรจะยอมให้ราชาปีศาจเป็นพ่ออ่ะนะ :p)ชีวิตฟาร์คัสคงไม่จืดชืดเกินไป ฮ่า
เอลล์น่าสงสารจัง
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 11 3 พ.ค 58
«ตอบ #55 เมื่อ04-05-2015 21:56:43 »

เพิ่งได้เข้ามาอ่าน  ติดงอมแงมเลยย ปกติไม่ค่อยอ่านนิยายแนวนี้แต่พอได้ลองอ่านก็สนุดไปอีกแบบนะ 

ปล. ที่เม้นบนบอกฟาคัสเหมือน เท็นๆของญี่ปุ่นนี่ใช่  คาราสุเท็นกุ
Karatsu Tengu หลือปล่าวคัฟ
ใช่ๆเท็นกุ บางคนเรียกเท็นงู

ออฟไลน์ Perry_Pie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-3
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 11 3 พ.ค 58
«ตอบ #56 เมื่อ05-05-2015 11:41:37 »

คาบิลัส ฟาร์คัส ดัฟฟ์ ให้บรรยากาศพ่อแม่ลูกเลยยย ชอบบน่ารักมากกกก
ชอบดัฟฟ์เจ้ามังกรดำตัวน้อยจังงงงง  :mew1:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 5 พ.ค 58 30 %
«ตอบ #57 เมื่อ05-05-2015 22:24:26 »

-- ตอนที่ 12 --

ทำไมท่านคาร์บิลัสต้องใช้ข้ามาหาข่าวไอ้นกบอกลางนั่นด้วย ลุกซ์คิดเซ็งๆ ระหว่างที่กำลังหาทางลอบเข้าไปในกำแพงไม้ยักษ์ที่เป็นที่เลื่องลือด้านการป้องกันผู้ต่างแดน ลุกซ์ในร่างมังกรยักษ์พ่นลมหายใจเป็นประกายไฟอย่างหงุดหงิดเมื่อหาช่องโหว่ไม่ได้

“ ได้ในเมื่อไม่มีงั้นข้าก็จะสร้างเอง ! ” ไม่แน่ใจเพราะความใจร้อนตามสายเลือดหรืออะไรที่ดลใจให้พ่นไฟอย่างเต็มที่ใส่กำแพงจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นกับกลุ่มควันลอยโขมง

   ลุกซ์หน้าซีดเผือดเมื่อไอ้กำแพงบ้าๆ นี่มันไม่สะเทือนแม้แต่แน่น้อยอีกทั้งยังเรียกเจ้าของดินแดนออกมาต้อนรับเองอีกด้วย ลุกซ์ร่ายเวทเตรียมจะเผ่นกลับดินแดนปีศาจก่อนที่ราชาภูตจะไหวตัวได้ทัน แต่หารู้ไม่ เมื่อรู้ตัวอีกทีกลับกลายร่างเป็นมนุษย์และนอนแอ่กอยู่ข้างเท้าของเด็กคนนึงที่ยืนข้างราชาภูต เด็กที่ยืนข้างราชาภูตเอียงหัวไปมาคล้ายกับกำลังหาต้นกำเนิดเสียง สิ่งที่ดึงดูดสายตาของลุกซ์ที่สุดก็คือดวงตาสองสีข้างหนึ่งเป็นสีเหลืองอำพันกับอีกข้างที่เป็นสีแดงเหมือนพลอยอัญมณีล้ำค่าแต่น่าเสียดายที่ดวงตานั้นไม่ทอประกายมีชีวิตชีวาใดๆ

   “ เหอะ รอบนี้เป็นปีศาจมังกรไฟงั้นเรอะ ” ราชาภูตหรือเมเออร์แค่นเสียงใส่พร้อมกับร่ายเวทตีตรวนผู้บุรุกเอาไว้ “ ฟังให้ดีเอลล์ นี่คือบทลงโทษของผู้บุกรุกดินแดนของเรา ” เมเออร์เรียกให้ร่างเล็กข้างตัวหันมาสนใจ “ ผู้ใดก็ตามที่กล้าบุกรุกดินแดนเรา ผู้นั้นย่อมได้รับบทลงโทษที่สาสม ”

   “ เขาอาจจะหลงทางมาก็ได้นะ ท่านพ่อ.. ” เอลล์พูดเสียงเบาอย่างกล้าๆ กลัวๆ เสียงที่ตกกระทบพื้นนั้นดังสนั่นจนคิดว่าร่างนั้นน่าจะเจ็บไม่น้อย ว่าแต่มังกรไฟเหรอ ข้าอยากเห็นจังแฮะ ข้ารู้สึกแค่ความร้อนจางๆ ในอากาศเอง

   “ หุบปาก ! ” เมเออร์ตะคอกใส่ร่างเล็ก ดวงตาสีอำพันขึ้นสีแดงก่ำขึ้นมา “ จำที่ข้าสอนไม่ได้งั้นหรือ เอลล์ ดินแดนอื่นมันไว้ใจไม่ได้ ท่านมิลแลนด์ถึงได้สร้างกำแพงขึ้นมาเพื่อปกป้องทุกคนเอาไว้ ”

   “ ขะ เข้าใจฮะ ” เอลล์สะดุ้งตอบเสียงสั่นอย่างหวาดกลัว ทั้งๆ ที่ในใจกลับไม่เห็นด้วยในสิ่งที่พ่อกำลังพยายามปลูกฝังตนอยู่ กำแพงนั่นไม่ได้ปกป้องทุกคนได้ตลอดไปซะหน่อย ถ้าหากวันใดวันหนึ่งมันหายไป ดินแดนภูตจะไม่สูญสลายไปเลยงั้นเหรอ แต่อย่างไรก็ตอบเอลล์ได้แต่เก็บเรื่องที่ตนคิดในใจ ถ้าพูดออกไปไม่วายโดนท่านพ่อทำโทษแน่

   ข้ากำลังทำในสิ่งที่ท่านพ่อรู้แล้วต้องโกรธมากแน่ๆ ข้าแอบตามท่านพ่อเข้ามาในคุกใต้ดินของปราสาทดูเหมือนว่าท่านพ่อจะเกลียดพวกปีศาจเป็นพิเศษเลยเอาปีศาจมังกรมาไว้ที่นี้ ซึ่งเป็นคุกที่มีความปลอดภัยหนาแน่นที่สุดแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหนีออกไปถ้าไม่มีพลังเท่าท่านพ่อ ที่ข้ารู้งั้นเหรอ ? เพราะไซรินบอกข้าไงล่ะ

   “ เจ้าเข้ามาดินแดนภูตทำไม ปีศาจ !! ”
   
ข้าได้ยินเสียงท่านพ่อตะหวาดกร้าวก็รีบซ่อนเร้นตัวในความมืดทันที เวทบทนี้ข้าแอบศึกษาเอาเองโดยให้ไซรินอ่านให้ฟัง เป็นเวทที่ท่านพ่อของข้าไม่ให้เรียน

   “ หึ ข้าแค่มาเที่ยวบ้างไม่ได้หรืออย่างไรกัน ” เสียงแหบต่ำสำเนียงแปลกหูเป็นของลุกซ์ที่กำลังคลี่ยิ้มยียวนผู้เป็นราชาแห่งดินแดนภูค

   “ ข้าให้โอกาสเจ้าตอบอีกครั้ง ปีศาจ ” เมเออร์ถามเสียงเย็น ดวงตาทอประกายดุร้ายในมือมีแสงสีทองขึ้นจางๆ และกำมือแน่น
   
อึ่ก ! ลุกซ์จับคอตัวเองแน่นจ้องเมเออร์ด้วยสีหน้าโกรธแค้น “ กะอีแค่มาเที่ยวข้าเกรงว่า จะไม่ได้ทำให้ดินแดนของท่านเสื่อมเสียหรอกนะ เมเออร์ ”
   
“ ข้าถือว่าข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว ” เมเออร์ดึงด้ายสีทองในกำมือและกระตุกเบาๆ

   ผลั่ก

   ลุกซ์ปลิวไปกระแทกกับผนังอย่างแรงจนกองลงกลับพื้น ลุกซ์งอตัวด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกเพราะรู้ถึงความต่างชั้นของพลัง บริเวณข้อเท้าข้างนึงอยู่ๆ กลับรู้สึกหนักอึ้งเพราะตรวนเวทสีทอง บรรยากาศภายในห้องขังดูหม่นลงทันตาจนหายใจได้ลำบาก

   “ จงอยู่ในนี้อย่างสงบ จนกว่านายของเจ้าจะมารับเถอะ ปีศาจ ” เมเออร์กล่าวออกมาพร้อมกับมองด้วยสายคาเย็นชา ถึงแม้จะอยากฆ่าให้ตายก็ทำไม่ได้เพราะปีศาจมังกรไฟเป็นลูกน้องที่มี่ชื่อของคารบิลัส การฆ่าอาจจะหมายถึงการประกาศสงครามอยู่กลายๆ แต่ถ้าจะให้คืนง่ายๆ ก็ไม่ใช่เมเออร์เช่นกัน เมเออร์ก้าวเดินไปอย่างรวดเร็วอย่างกับรังเกียจที่จะอยู่ร่วมกับปีศาจ

   ลุกซ์เห็นเมเออร์รีบเดินขึ้นไปก็แค่นเสียงหัวเราะออกมา “ เหอะ ไม่แน่นี่หว่า ” พูดจบก็งอตัวเป็นกุ้งอีกครั้งการโดนกระแทกกำแพงโดยมือที่มองไม่เห็นนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นจริงๆ
   
เอลล์เมื่อได้ยินเสียงปิดกลไกประตูข้างบนก็เลิกซ่อนตัวและค่อยๆ เดินไปทางที่มีเสียงพูดของปีศาจมังกร เอลล์ยังไม่เชี่ยวชาญด้านการเดินเหินเท่าไหร่นักในตอนนี้ ถ้าหากรีบเดินก็อาจจะชนกับสิ่งของได้

   ปั๊ก

   เอลล์ชนเข้ากับกรงเวทเข้าเต็มๆ จนลงไปกองกับพื้น

   ลุกซ์เงยหน้าเมื่อได้ยินเสียงชนลูกกรงและทันเห็นฉากเอลล์ล้มพอดีก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง “ ฮ่าๆ เดินอะไรของเจ้าน่ะ เดินยังกับไม่มีตาไปได้ ”

   เอลล์ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและพยายามหันไปทางต้นกำเนิดเสียง “ ใช่ ข้าไม่มีตาหรอก ท่านปีศาจ ” เสียงของเอลล์ติดจะเศร้าแต่ก็ไม่มีความโกรธเคืองในสิ่งที่ลุกซ์พูด

   เสียงหัวเราะของลุกซ์ค่อยๆ เงียบลงเมื่อจับถึงความเศร้าในน้ำเสียงนั้นได้ “ อะไรกันเจ้ามีตาสีสวยจะตาย ”

   “ มันไม่สำคัญหรอก ท่านปีศาจตราบใดที่มันไม่สามารถทำให้ข้ามองเห็นอะไรได้ ” เอลล์ยิ้มบาง “ ท่านสิเป็นยังไงบ้าง ข้าได้ยินเสียงกระแทก ท่านอยากได้ยาไหม ”

   ลุกซ์และยันตัวขึ้นมานั่งดีๆ ลอบสังเกตร่างภูตเด็กที่เจอกันเมื่อกี้ ผมสีอ่อนเกือบจะขาวกับร่างเล็กๆ ที่ดูน่าเอ็นดู “ ข้าไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นี้ถ้าเทียบกับโดนท่านคาร์บิลัสทำโทษคนล่ะเรื่องเลยล่ะ ” ลุกซ์ฝืนพูดแม้จะยังรู้สึกเสียดๆ ก็ตาม

   “ งั้นเหรอ.. ” เอลล์พูดเสียงเบา “ ท่านเป็นมังกรไฟจริงงั้นเหรอ ”

   ลุกซ์เลิกคิ้วกับคำถามและยิ้มออกมา “ ใช่ ข้าเป็นมังกรไฟ ” ลุกซ์เสกลูกไฟเข้าไปใกล้ลูกกรงที่เอลล์ยืนอยู่เป็นการยืนยัน

   “ ร้อน ! ” เอลล์ขมวดคิ้วและขยับตัวออกจากลูกกรงทันที “ นักเวทก็สามารถเสกลูกไฟได้เหมือนกันนะ ท่านปีศาจ ”

   “ งั้นก็.. ” ลุกซ์ครางเสียงต่ำอย่างครุ่นคิด งั้นข้าจะกลายร่างเป็นมังกรแล้วกัน ลุกซ์คืนร่างเป็นมังกรที่ลดขนาดจากปกติพอสมควรและยื่นหัวเข้าไปใกล้บริเวณที่ร่างเล็กยืนอยู่ “ ลองจับตัวข้าดูสิ ” ลุกซ์ขบกรามแน่นเก็บความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงเข้ามาในร่างกายยามที่คืนร่างเป็นมังกรรวมทั้งลูกกรงเวทที่ส่งกระแสไฟฟ้าสร้างความเจ็บปวดให้อีกขั้น

   “ ท่านปีศาจ อย่ากัดนิ้วข้านะ ” เอลล์บอกและขยับเข้ามาใกล้ลูกกรงยื่นมือเข้าไปในลูกกรงแต่สิ่งที่ไขว่คว้าได้กลับมีเพียงแค่อากาศ

   ดวงตาของลุกซ์ทอประกายเศร้าออกมาและยื่นหัวออกไปคลอเคลียกับมือของร่างเล็ก “ เจ้าชื่ออะไรงั้นหรือ ตัวเล็ก ”
   
“ เอลล์ ข้าชื่อเอลล์ ” เอลล์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ความขรุขระของสิ่งที่สัมผัสเขาโค้งงอที่รู้สึกถึงความคมและหยาบ สิ่งที่เขาจับคือหัวมังกร ! “ แล้วชื่อท่านละ ท่านมังกรไฟ ”

   “ ลุกซ์ไงล่ะ เอลล์  ”

----------------
แวะมาลงตอนเจอกันครั้งแรกให้ก่อน  :katai5:

 :man1: ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ



ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 5 พ.ค 58 30 %
«ตอบ #58 เมื่อ05-05-2015 22:38:00 »

จะเอาลุกซ์ออกได้คือเจ้านายมารับ

เนี่ยเจ้านายมาถึงที่แล้ว เอาฮิมออกไปเถอะ อยู่ข้างนอกเป็นเพื่อนเอลล์แทน  :mew4:

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 5 พ.ค 58 30 %
«ตอบ #59 เมื่อ05-05-2015 23:01:18 »

แล้วลุกซ์ก็คู่กับเอลล์ กรี๊ดดดดดด(มโนเองกรี๊ดเอง)
คิดถึงคาร์บิลัสจังเลยยยยยยยย
มาซะทีน้าาาาาาาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด