Ominous Bird นกบอกลาง [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ควรจะมีภาคต่อไหม ?

มีก็ดี :D
34 (82.9%)
ไม่มี จบแค่นี้ก็ฟินแล้ว ~
3 (7.3%)
มีก็ได้ไม่มีก็เฉยๆ
4 (9.8%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 41

ผู้เขียน หัวข้อ: Ominous Bird นกบอกลาง [จบแล้ว]  (อ่าน 68895 ครั้ง)

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 5 พ.ค 58 30 %
«ตอบ #60 เมื่อ05-05-2015 23:13:30 »

รู้สึกว่าจิ้นลุกซ์กับเอลล์แฮะ จะมีอะไรในกอไผ่มั้ยน้า...
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 5 พ.ค 58 30 %
«ตอบ #61 เมื่อ05-05-2015 23:45:36 »

ว้ายยยยหนูเอลล์น่ารักจุง :hao7:

ออฟไลน์ yamanaiame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 5 พ.ค 58 30 %
«ตอบ #62 เมื่อ06-05-2015 00:56:09 »

รอท่าน ฆ่าบี้ลัส อิอิ

ออฟไลน์ Rambluesky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-3
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 5 พ.ค 58 30 %
«ตอบ #63 เมื่อ06-05-2015 09:24:16 »

ลุกซ์กับเอลล์ ? น่ารักๆ  :-[ :-[

รออ่านต่อนะครับ  :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 5 พ.ค 58 30 %
«ตอบ #64 เมื่อ06-05-2015 23:45:32 »

คู่นี้มาแบบมุ้งมิ้งน่ารักแฮะ ดูท่าเจ้ามังกรหลงภูตไปแล้วล่ะ XD

//ปูดสื่อรอท่านฆ่าบี้ลัสออกโรง

ออฟไลน์ nemesis

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-3
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 5 พ.ค 58 30 %
«ตอบ #65 เมื่อ07-05-2015 06:17:54 »

รออๆ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
-- 100 % --

“ เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องที่ข้าตาบอดหรอกนะ ฟาร์คัส ” เอลล์ยิ้มออกมาบางๆ และกำหิ่งห้อยที่ลอยเอื่อยตรงหน้าได้อย่างแม่นยำ “ ประสาทสัมผัสของข้า ข้ามั่นใจว่าไม่เป็นรองใครแน่นอน ”
   
ฟาร์คัสเลิกคิ้วน้อยๆ แล้วท่าทางเมื่อกี้ล่ะ ? “ แล้วทำไมเมื่อกี้ท่านถึงจับไม่ได้ล่ะ ? ”

   ถึงแม้เอลล์จะยังคงยิ้มบางอยู่แต่ฟาร์คัสก็รู้สึกถึงความเศร้าที่มากับคำพูด “ ข้าแค่ลองจับมันโดยไม่ใช่ประสาทสัมผัสดู ก็อย่างว่าล่ะนะ ข้ามองไม่เห็นมันจะไปจับได้ยังไงล่ะ ” เอลล์หัวเราะเสียงเบา

   ฟาร์คัสไม่ได้พูดอะไรออกมา คนที่หัวเราะทั้งๆ ที่กำลังเศร้านั้นไม่ใช่สิ่งที่ฟาร์คัสชอบนัก มันเป็นการกลบเกลื่อนความอ่อนแอของตัวเองกับจนใจกับสิ่งที่ประสบอยู่ ถ้าจะหัวเราะออกมาแบบนี้สู้เงียบไปยังดีกว่าเพราะมันทำให้ฟาร์คัสรู้สึกสลดไปด้วย “ ท่านไม่ต้องฝืนหรอกเอลล์ พูดออกมาเถอะ ข้าจะรับฟังให้ ” 

   เอลล์ยังคงยิ้ม “ นั่งก่อนเถอะ ถ้าจะช่วยรับฟังปัญหาชีวิตของราชาภูตผู้ตาบอด ” เอลล์ร่ายเวทสั้นๆ ก็ทำให้เกิดสิ่งที่ประหลาดเกิดขึ้น เวทสีอ่อนสว่างคล้ายกับสีผมของเอลล์ค่อยๆ ทักทอกลายเป็นเก้าอี้ที่สวยงามและแปลกตา เอลล์นั่งลงบนเก้าอี้และปล่อยหิ่งห้อยในมือให้บินออกไป เจ้าหิ่งห้อยนิ่งอยู่สักพักก็บินเอื่อยๆ หมุนๆ ไปมาคล้ายกับกำลังมึนงงทิศทาง
   
ฟาร์คัสจ้องเก้าอี้อึ้งๆ นี่สินะ พลังเวทของราชาภูต ทั้งสวยงามแต่ก็น่าหวั่นเกรงในเวลาเดียวกันไม่เหมือนของคาร์บิลัสที่มองแล้วรู้สึกพลังอำนาจมหาศาลและรู้สึกขนพองสยองกล้าอีกด้วย ฟาร์คัสนั่งบนเก้าอี้เวทซึ่งก็ต้องแปลกใจอีกครั้งในความสบายของมัน

   “ ฟาร์คัสเจ้าอยากฟังนิทานของข้าไหม ”

   “ .. เล่ามาเถอะ เอลล์ ” 

   “ มีเด็กชายคนนึงเกิดมาตาบอดไม่สิต้องภูตสินะ ” เอลล์หัวเราะเบาๆ ถึงแม้มันจะไม่น่าขันก็ตาม “ ภูตคนนั้นในยามเด็กพยายามใฝ่หาทางที่จะทำให้ตัวเองมองเห็น แสงอรุณ แสงจันทร์ ท้องฟ้า ดอกไม้ ต้นหญ้า ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ภูตคนนั้นปราถานาที่จะได้เห็น ”

   ฟาร์คัสขมวดคิ้วเมื่อเห็นเอลล์กำมือแน่น

   “ แต่ทุกสิ่งย่อมอุปสรรค เมื่อพ่อของภูตตนนั้นยัดเยียดการฝึกฝนเข้ามาแทนการหาทางให้ภูตเด็กคนนั้นมองเห็น สิ่งที่รับจากการฝึกคือประสาทสัมผัสที่แม้แต่พ่อที่เย่อหยิ่งของภูตคนนั้นยังยอมรับ การใช้เวทมนตราล้วนเฉียบขาด แต่นั้นก็ไม่ได้ถมช่องวางในใจของภูตคนนั้นเลย ” เอลล์คลี่ยิ้มบางอีกครั้งแต่ครั้งนี้เหมือนกับกำลังยิ้มเยาะตัวเอง

   ฟาร์คัสไม่กล้าพูดอะไรออกไป กลัวว่าหากพูดอะไรออกไปร่างตรงหน้าจะร้องไห้ออกมา ฟาร์คัสมักจะเป็นผู้ฟังที่ดีและคอยสังเกตท่าทางของผู้อื่นอยู่เสมอ ในครั้งนี้ก็สังเกตเห็นเช่นกัน ราชาภูตหรือเอลล์แท้จริงแล้วกลับเปราะบางต่างจากท่าทางที่แสดงให้เห็นในปกติ

   “ ภูตคนนั้นพยายามหาสาเหตุที่ตนตาบอดเพราะเชื่อลึกๆ ว่าไม่ได้ตาบอดมาตั้งแต่แรกเกิด ภูตนั้นได้ถามพ่อ แต่พ่อก็ได้บ่ายเบี่ยงหลายต่อหลายครั้งจนเผลอหลุดปากออกมา ว่าถูกคำสาป ”

   “ ท่านถูกสาป.. ” ฟาร์คัสทวนคำ การสาปเชื้อพระวงศ์ไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่เพราะในบางครั้งความอิจฉา ริษยาก็เป็นเหตุได้เช่นกัน

   “ ใช่ ข้าถูกสาป.. คำสาปที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนสาป ” เอลล์เลิกยิ้มเหลือเพียงใบหน้าส่วนล่างที่ไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา ฟาร์คัสไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนนี้เอลล์กำลังรู้สึกอย่างไร หน้ากากของเอลล์ทำหน้าที่ของมันได้ดีจนน่ารำคาญเลยทีเดียว

   “ แต่อย่างน้อยถ้าข้าถอนคำสาปได้ ข้าอาจจะมองเห็นได้สินะ ” เอลล์พูดออกมาแต่ใบหน้ายังคงเช่นเดิม “ เจ้ารู้อะไรไหมฟาร์คัส สิ่งที่ข้าหวังกับการสร้างสัมพันธไมตรีน่ะไม่เพียงการค้าหรอกนะ ข้าหวังจะให้มันสามารถสนองความเห็นแก่ตัวของข้าได้ ”

   ท่านไม่ได้เห็นแก่ตัวเลย เอลล์ ฟาร์คัสคิดแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการให้เพียงรับฟังเท่านั้น

   “ ข้าอยากจะมองเห็นสักครั้ง ” เอลล์ระบายยิ้มออกมา “ ขอบคุณเจ้านะ ฟาร์คัส ที่มานั่งฟังนิทานของราชาภูตผู้ตาบอดคนนี้ ”

   ฟาร์คัสเงียบไปและตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ “ ข้าจะช่วยเจ้า เอลล์ ”
   
เอลล์นิ่งไปสักพัก เพราะคาดไม่ถึงว่าผู้ติดตามของราชาปีศาจจะพูดคำนี้ออกมา “ ข้าไม่รบกวนเจ้าหรอก ฟาร์คัส เจ้าเป็นผู้ติดตามถ้าเจ้าไม่ติดตามราชาของเจ้าจะเป็นผลเสียต่อเจ้านะ ” และปฏิเสธออกมาด้วยความเกรงใจ แค่มีคนรับฟังนอกจากลุกซ์ ข้าก็ดีใจแล้ว เรื่องตาบอดของเอลล์ถูกปิดไว้เป็นความลับระดับสูงทำให้เอลล์ไม่มีเพื่อนเลยนอกจากไซรินผู้คนที่พบปะด้วยส่วนใหญ่จะเป็นท่านพ่อและอาจารย์ที่ไว้ใจได้แค่บางส่วนเท่านั้น

   ฟาร์คัสเผลอยิ้มออกมา “ คาร์บิลัสไม่เป็นปัญหาต่อข้าหรอก เอลล์ ” แค่โดนข้าด่ารอบเดียวก็หงอยแล้ว

   ผู้ติดตามบอกว่าเจ้านายของตัวเองไม่เป็นปัญหางั้นเหรอ ภายใต้หน้ากากมีสีหน้าติดจะงุนงงของเอลล์ เอาเถอะ ราชาปีศาจอาจจะเคารพฟาร์คัสล่ะมั้ง “ ขอบคุณนะ ฟาร์คัส ”

   “ อืม ” ฟาร์คัสตอบสั้นๆ และเลิกคิ้วออกมาเมื่อเห็นเอลล์อึกอักคล้ายกับจะพูดอะไรแต่ไม่พูดสักที

   “ เห็นแก่เจ้า ข้าจะบอกสิ่งที่ข้าอยากเห็นที่สุดแล้วกัน ”

   ฟาร์คัสนั่งฟังด้วยท่าทีนิ่งสงบแต่ในใจอยากรู้ว่าเอลล์ ผู้เป็นราชาภูตอยากจะเห็นอะไรเป็นสิ่งที่แรกในยามที่ดวงตากลับมามองเห็นอีกครั้ง

   “ ข้าอยากเห็นมังกรไฟ.. ”

   มังกร มังกรไฟ ? ใช่ตัวเดียวกับลูกน้องของคาร์บิลัสหรือเปล่า ฟาร์คัสขมวดคิ้วทันที เพราะรู้สึกคุ้นอย่างบอกไม่ถูก แต่พอจะถามเอลล์กลับลุกขึ้นยืนเตรียมจะร่ายเวทไปที่ไหนสักแห่งแล้ว

   “ เอาล่ะ ข้าคงต้องกลับไปแล้วล่ะ ฟาร์คัส ” เอลล์ถอนหายใจออกมาแต่ฟาร์คัสกลับเห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนของอีกฝ่าย “ เจ้าสามารถติดต่อข้าได้ตลอดนะ ถ้าต้องการที่จะพบข้า ”

   ยังไม่ทันที่ฟาร์คัสจะกล่าวลาเอลล์ก็ได้หายไปจากคลองจักษุแล้ว ฟาร์คัสลุกขึ้นยืนและก้าวเดินกลับทางเก่า แต่ในใจกลับยังคิดเรื่องที่เอลล์ดูลุกลี้ลุกลนเมื่อกี้ คล้ายกับว่าเห็นเลือดฝาดบนใบหน้าอีกฝ่ายแต่ไม่แน่ใจนักเพราะแสงสว่างจากหิ่งห้อยนั้นส่งแสงให้ความสว่างน้อยเกินไป เอาเถอะ คิดมากไปก็ปวดหัวข้าซะเปล่าๆ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงสวนที่คุ้นตา ฟาร์คัสเตรียมจะเดินกลับไปนั่งที่นั่งก็ถูกโจมตีเข้าซะก่อน ฟาร์คัสเบิกตากว้างเตรียมจะร่ายเวทป้องกันตัวเพราะศัตรูกำลังเกาะหลังอย่างเหนียวแน่น
   
“ ฟาร์คัสสส เจ้าหายไปไหนมา ข้าเป็นห่วงแทบแย่ ” คาร์บิลัสที่พึ่งโผกอดร่างของฟาร์คัสถามออกมาด้วยน้ำเสียงกับดวงตาเศร้าสร้อยทิ้งมาดขรึมให้หายไปทันตา

   “ ข้าแค่ไปนั่งคุยกับเจ้าของงานนี้ ” ฟาร์คัสตอบเสียงเรียบแต่ไม่ได้ตำหนิแขนที่กำลังกอดอยู่เพราะรู้ว่าคาร์บิลัสนั้นเป็นห่วงจริงๆ ดวงตาของคาร์บิลัสไม่เคยโกหกความรู้สึกสักครั้ง

   “ แง้ แม่หาย ” ดัฟฟ์ที่ไม่รู้มาเมื่อไหร่กอดเข้าที่ขาของฟาร์คัส

   ฟาร์คัสกลอกตา “ คาร์บิลัส ดัฟฟ์ ปล่อยข้าได้แล้ว ”  โชคดีที่ตรงสวนก็ยังคงไม่มีใครสนใจ ไม่เช่นนั้นคงเห็นราชาปีศาจกอดผู้ติดตามของตัวเองจนแทบจะรวมเป็นเนื้อเดียว

   คาร์บิลัสยอมปล่อยแขนออกแต่ดวงตายังคงทอประกายเศร้าๆ “ ข้ากลัวว่าหากคลาดสายตาไปเจ้าจะหายไปนะ ฟาร์คัส ”

   ฟาร์คัสไม่ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มบางออกมา “ ข้าไม่หายไปไหนหรอกนะ คาร์บิลัส ในเมื่อข้ากลายเป็นคนของเจ้าไปแล้ว ”
   
คาร์บิลัสยิ้มกว้างออกมาส่งผลให้ดูดีขึ้นมาทันตาจนฟาร์คัสอดเบนสายตาไปทางอื่นไม่ได้ ใครใช้ให้ราชาปีศาจดูดีเกินไปล่ะ

   “ ในที่สุดเจ้าก็ยอมเป็นชายาข้าแล้วใช่ไหม ฟาร์คัส ! ” และโผเข้าใส่ฟาร์คัส

   ผลั่ก
   
คาร์บิลัสถูกฟาร์คัสถีบจนไปกองกับพื้น

   “ สมน้ำหน้า ฆ่าบี้ลัส ! ฮ่าๆ ” ดัฟฟ์หัวเราะเสียงใสชี้ไปทางคาร์บิลัสด้วยท่าทางเยาะเย้ย

   คาร์บิลัสลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางเหมือนไร้วิญญาณ ไม่มีการตอบโต้การเยาะเย้ยของดัฟฟ์แต่อย่างใด โฮ ฟาร์คัสถีบข้าอีกแล้ว ข้าก็แค่อยากกอดเท่านั้นเอง คาร์บิลัสคิดด้วยสีหน้าจะร้องไห้ใส่ฟาร์คัส
   
ฟาร์คัสถอนหายใจแรงๆ บางทีข้าก็ไม่เข้าใจนะว่า คาร์บิลัสมันเป็นราชาปีศาจจริงหรือเปล่า ไอ้ตำแหน่งนี้ใครไปแต่งตั้งให้ ท่าทางตอนนี้ยังกับเด็กขาดความรัก “ กลับห้องพักกัน ”

   ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากคาร์บิลัสนอกจากสีหน้าจะร้องไห้เหมือนเดิม

   “ ... ” ฟาร์คัสไม่พูดอะไรออกมา ก็ได้.. ข้าจะง้อก็ได้ ฟาร์คัสก้าวขาเข้าไปใกล้คาร์บิลัสรั้งคอเสื้อให้คาร์บิลัสน้อมลงมาและแนบริมฝีปากกับอีกฝ่ายแต่เพียงชั่วเวลาสั้นๆ เท่านั้น ฟาร์คัสก็รีบปล่อยออกมาแต่คาร์บิลัสกลับไม่ยอมปล่อย  ท่อนแขนแกร่งที่เดิมทีที่ปล่อยง่ายๆ ต้องนี้กลับกักตัวฟาร์คัสเอาไว้อย่างหนาแน่น ฟาร์คัสปิดปากแน่นเมื่ออีกฝ่ายพยายามจะเปิดปากตัวเองให้ได้

   ฟาร์คัสขมวดคิ้วเมื่อไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย

   “ แก๊ซ ! ” ดัฟฟ์ร้องออกมาอย่างไม่พอใจเมื่อฟาร์คัสไม่ยอมสนใจเอาแต่ทำอะไรสักอย่างกับฆ่าบี้ลัส ดัฟฟ์ก้าวถอยหลังยาวๆ แล้วก็พุ่งตัวสูงกระโดดเข้างับหัวคาร์บิลัส

   “ ไอ้มังกรรรรรรรรรรรรรรรรรร ” คาร์บิลัสคำรามเสียงดังลั่น


   “ เจ้าจะช่วยราชาภูตงั้นเหรอ ฟาร์คัส ”
   
“ ใช่ ข้าจะช่วย ” ฟาร์คัสพยักหน้าและยิ้มเบาบางออกมา “ การที่เอลล์ยอมเล่าเรื่องของตัวเองให้กับคนที่ไม่รู้จักอย่างข้า ข้าก็สมควรจะตอบแทนด้วยความจริงใจเหมือนกัน ”
   
“ เจ้าว่าไงข้าก็ว่าตามนั่นแหละ ” คาร์บิลัสยิ้ม “ งั้นถือโอกาสไปหาเจ้ามังกรไฟด้วยไหมล่ะ ฟาร์คัส”

   “ ก็ดี ” ข้าอยากจะไขข้อข้องใจนั่นเหมือนกัน
   
“ แต่ข้าว่าค่อยพรุ่งนี้เถอะ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว ” คาร์บิลัสเหลือบมองท้องฟ้านอกหน้าต่างที่ดวงจันทร์กำลังส่งแสงนวลตาท่ามกลางท้องฟ้าที่ปลอดโปรงไร้เมฆบดบัง

   ฟาร์คัสพยักหน้าสั้นๆ และลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกจากห้อง เพราะทางดินแดนภูตได้จัดห้องพักไว้สองห้องซึ่งอยู่ติดกัน
   
“ ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสส่งสายตาน่าสงสารไปยังฟาร์คัส “ ข้ากลัวผี ”
   
ตลกแล้ว ฟาร์คัสส่งสายตาเย็นชาใส่ “ เจ้าอายุเท่าไหร่กัน คาร์บิลัส ”

   “ ข้ากลัวจริงๆ นะ ”

   “ ราชาปีศาจกลัวผี เจ้าไม่ใช่เด็กนะ คาร์บิลัส ”

   คาร์บิลัสไม่พูดอะไรยังคงส่งสายตาใส่ฟาร์คัส แต่แอบสะบัดมือเบาๆ เรียกให้เงาสีดำข้างหลังของตนค่อยๆ คืบคลานไปยังฟาร์คัส โดยที่ฟาร์คัสไม่รู้ตัว
   
“ เลิกทำหน้าแบบนั้นซะทีเถอะ คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสพูดเสียงอ่อน เพราะทำหน้าแบบนี้ไงเขาถึงเผลอใจอ่อนทุกครั้ง
   
เงาสีดำที่คืบคลานไปยังหลังของฟาร์คัสได้สำเร็จค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาเป็นร่างสีดำคล้ายมนุษย์ที่ดูแล้วน่าขนลุกและมันก็แตะเข้าที่ไหล่ของฟาร์คัส ! ตามการควบคุมของคาร์บิลัส

   ฟาร์คัสสะดุ้งเมื่อรู้สึกมือสีดำปริศนาที่สัมผัสเข้าที่ไหล่ของตัวเอง

   บ้าน่า.. ผีจะมีจริงได้อย่างไรล่ะ ฟาร์คัสคิดปลอบใจตัวเองที่ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว ข้าเคยเจอแค่ผีท่านพ่อในความฝันเท่านั้นเอง ในโลกความจริงมันจะไปมีได้ยังไง

   “ เอ๋ เจ้าเป็นอะไรไปฟาร์คัส ” คาร์บิลัสถามตาใสพร้อมแสร้งทำท่าเป็นห่วง

   “ ไม่มีอะไร ” ฟาร์คัสตอบกลับสั่นๆ เมื่อเห็นมือที่จับไหล่ชัดๆ “ ขะ ข้านอนกับเจ้าก็ได้ คาร์บิลัส เห็นแก่เด็กอย่างเจ้าแล้วกัน ”
   คาร์บิลัสยิ้มกว้าง “ นอนเตียงกับข้านะ ! ”

   “ อะ อืม ”  มือที่แตะไหล่ค่อยๆ กดแรงหนักขึ้น

   คาร์บิลัสดีดนิ้วเบาๆ เรียกให้เงานั่นกลับไปยังเงายังที่เดิมของมัน

   แต่สิ่งที่ซวยสำหรับคาร์บิลัสก็เกิดขึ้น เมื่อฟาร์คัสมองเงาสีดำที่พุ่งกลับไปที่เดิมอย่างสายฟ้าแลบทัน !

   “ คาร์บิลัส !! ” ฟาร์คัสคำรามออกมาด้วยความโกรธ ในมือปรากฎคทาเวทและอีกา  “ ไปฆ่ามันซะ !! ” ฟาร์คัสตะคอกบอกอีกาข้างกาย
   
เวรแล้วไง คาร์บิลัสหน้าซีดพร้อมกับยิ้มแหยๆ
   
กว้ากกก

   เจ้าอีกาที่แบ่งความคิดของฟาร์คัสไปด้วยกู่ร้องออกมาพุ่งเข้าไปจิกคาร์บิลัสอย่างไร้ความปราณี ซึ่งคาร์บิลัสก็ไม่กล้าโต้ตอบเพราะกลัวจะทำให้อีกาของฟาร์คัสได้รับบาดเจ็บแต่นั้นก็เท่ากับทำร้ายตัวเองอยู่กลายๆ
   
“ ฟาร์คัส ข้าอยากนอนกับเจ้าจริงๆ นะ ” คาร์บิลัสร้องโอดครวญออกมาอย่างน่าสงสารและวิ่งหนีอีกาที่บินไล่จิกอย่างแข็งขัน

   “ ฝันกลางวันต่อไปเถอะ คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสแค่นเสียงตอบก้าวขาออกจากห้องและกระแทกประตูเสียงดัง
   
คาร์บิลัสวิ่งทั้งน้ำตา

   ทำไม ฟาร์คัสถึงไม่ยอมเชื่องกับข้าสักที !

-------------------

 นิทานเรื่องที่สองของฟาร์คัส 5555555  :really2:

ลุกซ์กับเอลล์นี่มีอะไรไหมน้า  :hao6:

 :man1: ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ  :pig4:



   
   
   
   
   
   
   

 
   
   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 7 พ.ค 58 100 %
«ตอบ #67 เมื่อ07-05-2015 18:54:32 »

โธ่ อีกนิดคาร์บิลัสจะสำเร็จแล้ว พลาดไปนิ๊ดดเดียวเอง

ดวงกุดตามเคย หุหุ

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 7 พ.ค 58 100 %
«ตอบ #68 เมื่อ07-05-2015 19:13:55 »

คาบิลัสชั้นสงสารแก555555 :laugh:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 7 พ.ค 58 100 %
«ตอบ #69 เมื่อ07-05-2015 20:33:11 »

เจ้าเล่ห์นักนะคาร์บิลัส...พยายามจริงอะไรจริง
แต่ก็น่าสงสาร ดันชอบคนใจแข็งซะนี่
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 7 พ.ค 58 100 %
« ตอบ #69 เมื่อ: 07-05-2015 20:33:11 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nemesis

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-3
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 7 พ.ค 58 100 %
«ตอบ #70 เมื่อ07-05-2015 21:18:01 »

รอต่อจ้า

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 7 พ.ค 58 100 %
«ตอบ #71 เมื่อ07-05-2015 22:25:09 »

ฮาเกิ๊นนนน ฆ่าบีลัส
รักน้องดัฟฟ์

เป็นกำลังใจให้นะ รออ่านจ้าา

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 7 พ.ค 58 100 %
«ตอบ #72 เมื่อ08-05-2015 00:29:39 »

สงสารฆ่าบี้ลัส เป็นที่รองไม้รองมือตลอด 55555

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 7 พ.ค 58 100 %
«ตอบ #73 เมื่อ08-05-2015 00:56:26 »

คะ....ค๊ะ....คิก!5555555555 หลุดหัวเราะเลยทีเดียวแอบแม่อ่านนิยายโดนบ่นเลยย งอน เพิ่มอีก 3ตอนมาฃ้อเดี๋ยวนี้   :hao7:

ออฟไลน์ Rambluesky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-3
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 7 พ.ค 58 100 %
«ตอบ #74 เมื่อ08-05-2015 11:15:00 »

เกือบสำเร็จและ  :m20: :m20:

รออ่านต่อนะครับ  :L1: :pig4:

ออฟไลน์ กาลณัฐ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 12 7 พ.ค 58 100 %
«ตอบ #75 เมื่อ10-05-2015 13:40:25 »

สนุกกกกกกกกกกกก มาต่อไวไวน้า
 :กอด1:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 13 10 พ.ค 58
«ตอบ #76 เมื่อ10-05-2015 22:50:44 »

ตอนที่ 13
   เอลล์กลับมายังห้องทำงานของตัวเองและนั่งบนเก้าอี้แกะสลักงดงามมีอัญมณีประดับอยู่อย่างงดงาม ข้ากล้าบอกเรื่องลุกซ์กับฟาร์คัสไปได้ยังไงกัน.. เอลล์นวดขมับตัวเองเบาๆ ดูเหมือนว่าข้าจะขาดคนคุยด้วยมานานล่ะมั้ง ถึงได้บอกเรื่องนี่กับฟาร์คัส ทั้งๆ ที่ไม่ได้อยากให้ใครรู้เพราะมันเป็นเรื่องน่าอายแท้ๆ

   ก็อก ก็อก
   
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับปรากฎร่างของผู้แสนทระนงตัวและเย่อหยิ่งที่ตอนนี้ค่อนข้างชราแล้วแต่ดวงตาที่ส่อประกายแข็งกร้าวนั้นไม่ได้อ่อนลงสักนิด ท่านพ่อของเอลล์นั่นเอง  “ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ เอลล์ ” น้ำเสียงถามส่อความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด “ ข้าต้องการคำอธิบายในเรื่องนี้ ”

   เอลล์นั่งหลังเหยียดตรงด้วยท่วงท่าของกษัตริย์ “ ทำสิ่งที่ดีที่สุดต่อดินแดนภูตไง ท่านพ่อ ”
   
“ เจ้าคิดว่าไอ้แผนสร้างสัมพันธไมตรีของเจ้ามันจะไปเชื่อใจได้งั้นเหรอ ! ” เมเออร์ตะคอกใส่เอลล์ “ เจ้ามีพลังมากพอที่จะสร้างกำแพงทำไมเจ้าไม่ทำล่ะเอลล์ อยู่อย่างสันโดษและแข็งแกร่งดีกว่าต้องเป็นพันธมิตรกับศัตรูที่ไม่รู้ว่าวันใดมันจะหักหลังเอา ! ”

   ใบหน้าของเอลล์แตะแต้มด้วยรอยยิ้มเบาบาง “ ท่านรู้ว่ากำแพงนั่นมีวันแหลกสลาย ซึ่งข้าก็รู้ถึงเรื่องนี้เหมือนกัน ต่อให้ข้าสร้างกำแพงขึ้นมาอีกครั้งสักวันมันก็ต้องสูญสลายไปอยู่ดี ถ้าหากราชาภูตในรุ่นนั้นไม่มีอำนาจมากพอที่จะสร้างกำแพงอีกครั้ง เวลานั้นดินแดนของเราอาจจะไม่เหลืออะไรสักอย่างเดียว ” ข้าในตอนนี้เป็นถึงกษัตริย์ของดินแดนภูต ทางเลือกที่ข้าได้เลือกในตอนเด็ก คือสิ่งที่ข้าเลือกที่จะทำให้ดินแดนของข้า

   เมเออร์เงียบไปเพราะไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้เพราะสิ่งที่เอลล์พูดมานั้นล้วนแต่เป็นเรื่องจริง แต่จะให้คนอย่างเขายอมรับง่ายๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องเหมือนกัน ! “ แล้วเจ้าคิดงั้นเหรอว่าไอ้ดินแดนอื่นมันจะไม่ทรยศเรา ”

   “ ถ้าหากท่านพ่อไม่ลองเชื่อใจท่านก็จะไม่ได้รับมันกลับเช่นกัน ” เอลล์ตอบสั้นๆ
   
เมเออร์ถึงกับเลือดขึ้นหน้าเพราะรู้สึกเหมือนว่าเอลล์กำลังท้าทายตนอยู่กลายๆ คำพูดที่พูดราวกับว่าเห็นพ่อของตัวเองเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่ต้องคอยสั่งสอน “ ถ้าเจ้าคิดว่าไอ้ความเชื่อใจของเจ้าจะได้รับสิ่งเดียวกัน ข้าขอบอกในฐานะพ่อของเจ้าเลยว่า โลกใบนี้ไม่ใช่โลกอันแสนสวยงามเหมือนที่เจ้าจินตนาการไว้หรอกนะ เอลล์ ”  เมเออร์บอกเสียงเย็นและออกจากห้องไปด้วยอารมณ์คุกกรุ่น

   “ ข้าไม่เคยจินตนาการไว้หรอกนะ ” เอลล์พูดเสียงเบาแม้ท่านพ่อจะออกจากห้องไปแล้ว “ คนตาบอดอย่างข้าจะเคยเห็นโลกที่สวยงามได้อย่างไรกันนอกจากน้ำหมึกสีดำที่แตะแต้มไปทั่ว ” เอลล์ลูบมือที่เย็นเฉียบของตัวเอง “ ข้าก็แค่หวังว่าจะได้มองเห็นโลกที่ท่านบอกไว้ว่าสวยงามก็เท่านั้น ถึงแม้ว่าความจริงมันจะไม่ได้สวยงามดังที่เห็นก็ตาม..  ”
   
ก็อก ก็อก
   
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งเรียกให้เอลล์ที่ยังคงจมในวังวนความคิดของตัวเองให้มาสนใจ เอลล์ปรับอารมณ์ของตัวเองให้กลับมาปกติอีกครั้ง การถูกพ่อตำหนิไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเท่าไหร่หรอก “ เข้ามาได้ ข้าอนุญาต ” พูดจบเอลล์ก็ตั้งใจใช้ประสาทสัมผัสทันทีเพื่อรับรู้ว่าร่างที่เข้ามานั้นเป็นใครเพื่อที่จะได้โต้ตอบได้อย่างเป็นปกติ เอลล์นั้นถูกฝึกให้จำอากับกิริยาทุกอย่างของทุกคนที่รู้จัก เสียงฝีเท้า จังหวะการหายใจ ลักษณะการพูด เอลล์ล้วนแต่สามารถจำได้อย่างง่ายดายแม้จะเพิ่งพบกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น อย่างฟาร์คัสเอลล์ก็รู้สึกกลิ่นอายของปีศาจที่ไม่รุนแรงเท่าคาร์บิลัสทำให้รู้ว่าเป็นผู้ติดตาม

   “ ข้ามารายงานเรื่องการขอเข้าร่วมเป็นพันธมิตรขอรับ ” เป็นขุนนางที่ตำแหน่งสูงพอสมควร ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์อะไรแต่ภายในกับร้อนระอุเพราะความคิดที่หักล้างกับผู้เป็นนาย ข้าไม่ต้องการเป็นพันธมิตรกับดินแดนไหนทั้งนั้น !

   “ ว่ามาเถอะ เมอร์ฟี ”

   “ ดินแดนที่ประสงค์จะเป็นพันธมิตรได้แก่ดินแดนปีศาจ คนแคระ จิ้งจอกไฟ และดินแดนปักษาหิมะ ส่วนดินแดนอื่นประสงค์จะทำการค้าด้วยขอรับ ”

   น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี เอลล์คิดในใจ มีดินแดนปีศาจด้วยงั้นเหรอ ? แต่ท่านพ่อของข้าจับเชลยเอาไว้นะ

   เมอร์ฟีมองผู้เป็นราชาของดินแดนด้วยความไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะดินแดนใดล้วนแต่ไม่น่าไว้ใจทั้งนั้น แต่ท่านเอลล์กลับเรื่องที่จะสร้างสัมพันธไมตรีที่ไม่อาจเชื่อถือได้ว่าแต่ละดินแดนจะรักษามันไว้ได้หรือไม่ “ ข้าขอตัวขอรับ ” เมอร์ฟีค้อมหัวพร้อมกับใช้มือซ้ายแตะที่บ่าของตัวเอง นี่เป็นการทำความเคารพต่อราชาของดินแดนภูต
   
เมื่อเมอร์ฟีเดินออกไปเอลล์ก็ยิ้มเบาบางเพราะรู้สึกถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเมอร์ฟี ถึงแม้ว่าจะพยายามปกปิดแค่ไหนก็ตาม ถ้าเทียบกับเอลล์ที่ถูกฝึกมาให้จับอารมณ์น้ำเสียงแทนการมองใบหน้าหาอารมณ์ ไม่ว่าใครก็ตามในดินแดนภูต ตอนนี้ล้วนแต่ไม่พอใจในตัวข้าทั้งนั้น 

   สิ่งที่ข้าทำมันจะส่งผลดีต่อทุกคนจริงๆ งั้นเหรอ
   
ช่วยไม่ได้ข้าได้หยั่งขาลงไปแล้วข้างนึง

   บางทีการเสี่ยงของข้าอาจจะได้อะไรที่คุ้มค่ากลับมาแทน
   
ถึงแม้จะต้องเอาตัวเข้าแลกก็ตาม
   
   “ น่าเบื่อชะมัด ” ลุกซ์บ่นออกมาเซ็งๆ ในยามที่ไม่มีเอลล์อะไรก็น่าเบื่อทั้งนั้น ถ้าไม่ติดว่าข้าอยากจะช่วยเอลล์ข้ากลับไปกับท่านคาร์บิลัสแล้ว ทำยังไงได้ล่ะ ข้าอยากจะอยู่เคียงข้างเอลล์นี่

ราชาภูตผู้โดดเดี่ยวและตาบอดงั้นเหรอ

มังกรไฟจะเป็นสหายและดวงตาให้เจ้าเอง

แต่ข้าว่าข้าควรจะออกจากกรงเวทบ้าๆ นี่ให้ได้ซะก่อน ลุกซ์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เพราะความเซ็งในตัวเองขั้นรุนแรง ทำไมไอ้ราชาภูตคนก่อนมันเก่งจังวะ ข้าลองทำทุกวิถีทางในการทำลายทั้งกรงเวทและตรวนโซ่ที่ล่ามข้าไว้  พ่นไฟก็แล้ว กระทืบก็แล้ว ใช้กำลังก็แล้ว เตะก็แล้ว แต่มันไม่มีประโยชน์เลยเพราะสะท้อนกลับใส่ข้าจนมึนและเจ็บตัวเป็นวันๆ
แต่สุภาษิตของเผ่าพันธุ์มังกรไฟคือ

ถ้าเจ้ายอมแพ้เจ้าก็เป็นแค่จิ้งจก !

ข้าจะไม่มีวันยอมให้ตัวเองเป็นจิ้งจกเด็ดขาด เมื่อหายเจ็บตัวข้าก็ตะบี้ตะบันทำลายสิ่งที่พันธนาการข้าไว้ และมันก็กลายเป็นวัฎจักร..  ข้าทำลาย ข้าเจ็บ ข้าพัก ข้าหายแล้ว ข้าทำลายใหม่  อา ข้าช่างดูเป็นพวกรักการเจ็บปวดดีนะ แต่ว่าเอลล์ก็ขยันขนยามารักษาข้าเช่นกันบางทีก็ใช้เวทรักษาบ้าง ฉะนั้นข้าก็ทำมันต่อไปเรื่อยๆ โดยหวังว่ามันจะสำเร็จสักวัน

แต่ตอนนี้ข้ากำลังอยู่ในช่วงพักรักษาตัวอยู่เพราะเมื่อวานข้าหงุดหงิดไปพ่นลูกไฟใส่กรงจนมันสะท้อนกลับใส่ข้าซะมึนเลย ช่วงที่ข้าพักข้าก็นั่งเสกอะไรเล่นแก้เบื่อหรือคิดหาอะไรแปลกๆ ไว้แกล้งเอลล์ตอนที่มาเยี่ยมข้า

ข้าจะยกตัวอย่างให้ฟังแล้วกัน ครั้งล่าสุดรู้สึกว่าพอเอลล์เข้ามาในห้องข้าก็เสกไว้คลุมตัวเอลล์ทันทีให้ตกใจเล่น แต่เอลล์ไม่สะดุ้งกับความร้อนของข้าเลยอีกทั้งยังเรียกเวทน้ำออกมาดับอีกต่างหาก ยังดีที่เวทของข้าเป็นเวทไฟไม่ใช่เวทแสงไม่เช่นนั้นอาจจะมีสายรุ้งปรากฎอยู่เต็มห้อง 

ฉะนั้นข้าขอสรุปว่ามันเป็นอะไรที่ล้มเหลวสิ้นดี แต่ข้าก็ยังสรรหาวิธีการใหม่ๆ อยู่ดีเพื่อที่จะเรียกรอยยิ้มนั้นออกมา ข้านั่งเสกกระต่ายไฟให้มันกระโดดโหยงเหยงไปมาแก้เซ็งรวมถึงให้ข้ารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวภายในกรงขังแคบๆ อากาศที่ไม่ค่อยถ่ายเท อุณหภูมิที่เย็นและชื้นตลอดเวลา

ถ้าข้าออกไปได้ก็คงดีสินะ ดวงตาของลุกซ์หม่นลง ข้ามันโง่เง่าสิ้นดีที่ในตอนนั้นไม่ยอมออกไปพร้อมกับท่านคาร์บิลัสเพราะมัวแต่เป็นห่วงเอลล์กลัวว่าเอลล์จะไม่เจอข้าแล้วจะเสียใจ แทนที่ข้าจะหาทางลอบออกไปหาเอลล์ในเวลาอื่นนะ
“ เจ้าทำหน้าเหมือนกำลังจะตายนะ ลุกซ์ ”

ลุกซ์สะดุ้งจนกระต่ายไฟกลายเป็นสิงโตตัวย่อมคอยจะโจมตีแทน
คาร์บิลัสทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ลูกน้องของตัวเอง

“ ทะ ท่านคาร์บิลัส ” ลุกซ์เบิกตากว้างอย่างตกใจและสลายสิงโตไฟไป

“ เออ สิ ” คาร์บิลัสตอบพร้อมกับวาดวงเวทไว้ข้างๆ ตัวเองเพื่อเป็นทางผ่านให้ฟาร์คัสและดัฟฟ์ใช้เข้ามา ที่ไม่เข้ามาพร้อมกันเพราะคาร์บิลัสเข้ามาสำรวจความปลอดภัยก่อน

ฟาร์คัสขมวดคิ้วเมื่อก้าวขาเข้ามาในคุกใต้ดินที่คาร์บิลัสบอกไว้ว่าใช้ขังมังกรไฟ อากาศภายในนี้ค่อนข้างหายใจลำบาก

“ หายใจไม่ออกอ่ะ แก๊ซ ” ดัฟฟ์งอแงใช้หัวถูกกับขาของฟาร์คัส

“ อยู่นิ่งๆ เงียบๆ ไปดัฟฟ์ ”

“ หึ ” คาร์บิลัสแค่นเสียงและยิ้มใส่ดัฟฟ์อย่างสะใจ ฮ่าๆ ในที่สุดเจ้าก็โดนฟาร์คัสเอ็ดบ้างแล้ว ไอ้มังกรบ้า และต้องหุบยิ้มทันทีเมื่อฟาร์คัสเริ่มเปลี่ยนสีหน้าเป็นโมโหแล้ว

“ รอเอลล์ก่อน ” ฟาร์คัสบอกเสียงเรียบ

ลุกซ์ขยี้ตาตัวเองซ้ำอีกครั้ง ท่านคาร์บิลัส ? กลัวปีศาจอีกานั้น ? พูดเป็นเล่น ท่านราชาปีศาจที่โหดเหี้ยมทระนงตัวคนนั้นน่ะเหรอ
“ ท่านคาร์บิลัส ท่านกลัวอีกางั้นเหรอ ”
“ พูดบ้าอะไรของเจ้า ” คาร์บิลัสตอบกลับเสียงเหี้ยม

“ ก็ท่านเปลี่ยนสีหน้าทันที ที่เจ้าอีกาทำหน้าโมโหนี่ขอรับ ” ลุกซ์ยังคงถามต่ออย่างไม่เกรงกลัวคาร์บิลัส จะเรียกว่าความเลือดร้อนของลุกซ์ก็ได้ที่ทำให้เจ้าตัวไม่กลัวราชาปีศาจอีกทั้งยังกล้าคุยตรงๆ ด้วยอีก แต่นั่นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ลุกซ์มักจะโดนคาร์บิลัสลงทัณฑ์บ่อยๆ

“ ข้าไม่ได้กลัว ” คาร์บิลัสตอบแต่เสียงไม่หนักแน่นนักพลางเหลือบมองร่างของฟาร์คัส

ลุกซ์เลิกคิ้วอย่างสนใจ

ฟาร์คัสไม่ได้สนใจคาร์บิลัสที่คุยกัน เพราะสิ่งที่สนใจเป็นลวดลายบนผนัง อักษรต่างๆ ที่น่าจะเป็นภาษาภูตและรูปภาพปีศาจที่กำลังไล่ฆ่าภูต ถึงแม้ภาพจะดูไม่ชัดแต่ก็รู้สึกถึงความแค้นของผู้ที่วาดออกมา การลงฝีแปรงที่รุนแรงในภาพของปีศาจและอ่อนนุ่มในภาพของชาวภูต ซึ่งพอมองไปนานๆ กลับรู้สึกสลดไม่น้อย สงครามไม่เคยก่อสิ่งที่ดีให้แก่ฝ่ายใดเพราะทั้งสองฝ่ายล้วนเสียหายและเสียใจ

ข้าน่าจะเลือกสิ่งที่ถูกแล้วสินะ ฟาร์คัสคิดเงียบๆ

แกร๊ก

“ ขออภัยที่ข้ามาช้า ” เสียงกลไกดังขึ้นพร้อมกับปรากฎร่างเจ้าของดินแดน เอลล์ยิ้มบางเมื่อก้าวลงมาถึงหน้ากรงขังของลุกซ์ “ ต้องการจะคุยอะไรหรือ ท่านคาร์บิลัส ”

“ ให้ผู้ติดตามของข้าคุยเถอะ ” คาร์บิลัสบอกปัดเพราะเรื่องนี้ยกให้ฟาร์คัสตัดสินใจ

“ เจ้าต้องการปล่อยตัวลุกซ์ไหม เอลล์ ” เพราะที่เอาคาร์บิลัสมาก็เพื่อการนี้

“ อยากสิ ” เอลล์ตอบไปตรงๆ “ แต่ถ้าข้าปล่อยไป ท่านพ่อของข้าคงไม่นิ่งเฉยแน่ ฟาร์คัส ” และยิ้มเศร้าๆ ออกมา

“ งั้นถ้าให้คาร์บิลัสช่วยออกไปแล้วกัน ” ฟาร์คัสสรุปง่ายๆ และหันไปสั่งคาร์บิลัส “ เอามังกรไฟลูกน้องของเจ้าออกมา ”
เอลล์นิ่งค้างไปทันทีอย่างคาดไม่ถึงแต่ก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร

“ ได้เลย ฟาร์คัส ” คาร์บิลัสตอบอย่างกระตือรือร้นเรียกดาบสีดำสนิทคู่ใจออกมา “ ออกไปไกลๆ แล้วกัน ” ประโยคนี้คาร์บิลัสบอกกับลุกซ์และตวัดดาบใส่ลูกกรงเวทอย่างสนุกสนานจนลูกกรงเวทนั้นสลายหายไปทั้งหมดเหลือเพียงไอจางๆ ล่องลอยในอากาศซึ่งไม่มีผลอะไรต่อสิ่งมีชีวิต

ลุกซ์มองลูกกรงตาค้าง ไอ้ลูกกรงที่ข้าคอยถีบ เตะ กระทืบ พ่นไฟ แค่มันโดนดาบของท่านคาร์บิลัสก็หายไปง่ายๆ แล้ว
คาร์บิลัสก้าวขาเข้าไปใกล้ลุกซ์เพ่งมองตรวนโซ่ของเมเออร์ “ ตรวนแค่นี้เจ้าก็เอาออกไม่ได้นะ ลุกซ์ ” และแค่นสายตาเวทนาใส่ลุกซ์ คาร์บิลัสหยิบตรวนเวทขึ้นมาและกำเบาๆ มันก็กลายเป็นฝุ่นผงสีทองทันที

“ ข้าไม่ใช่ราชาปีศาจเช่นท่านนี่ถึงได้มีพลังล้นเหลือขนาดนั้น ” ลุกซ์บ่นแต่ร่างกายนั้นได้เข้าไปใกล้เอลล์และใช้มือถอดหน้ากากของเอลล์อย่างอ่อนโยน

เอลล์ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะรู้ว่าผู้ที่ถอดหน้ากากให้ตนนั้นคือ คนที่อยากให้ออกจากกรงขังมาตลอด เอลล์ยิ้มเมื่อรู้สึกถึงฝ่ามือหยาบร้อนที่ลูบไล้ใบหน้าของตัวเอง

“ ลืมตาสิเอลล์ ” ลุกซ์กระซิบ

เอลล์ยอมลืมตาตามที่ลุกซ์บอกแม้ว่าจะมองไม่เห็นก็ตาม

ลุกซ์ลูบตาของเอลล์ด้วยความเศร้า เมื่อไหร่กันที่ดวงตาคู่นี้จะสะท้อนภาพของข้ากัน

“ เอ่อ เอลล์ ข้าขอคุยก่อนแปปนึง ต่อจากนั้นพวกเจ้าจะทำอะไรก็ทำเถอะ ” ฟาร์คัสพูดสีหน้าติดจะแดงเพราะรับรู้ถึงความ
สัมพันธ์ของร่างตรงหน้าทั้งสองคน แปลว่าตามที่ข้าคาดเดาจริงๆ มังกรไฟที่ว่าคือลูกน้องของคาร์บิลัสนั่นเอง
คาร์บิลัสหน้ามุ่ยเหมือนเห็นฟาร์คัสหน้าแดงเพราะคนอื่น อะไรกัน ทีข้าทำอะไรทำนองนี้ด้วยกลับไม่หน้าแดงเอาแต่ทำร้ายข้าเหมือนกับข้าเป็นกระสอบทราย คาร์บิลัสยิ่งเศร้าเข้าไปอีกเมื่อนึกถึงเรื่องหลัง

เอลล์สะดุ้งตัวออกจากลุกซ์และหน้าแดงเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นอยู่ ถึงแม้จะมองไม่เห็นสีหน้าของฟาร์คัสแต่ก็รู้สึกถึงน้ำเสียงที่กระดากอาย “ เรื่องของลุกซ์ ข้าว่าอีกไม่นานท่านพ่อต้องรู้แน่ๆ ว่าตรวนของตัวเองถูกทำลาย ” 

“ ก็แค่บอกว่าคาร์บิลัสบุกเข้ามาช่วยลูกน้องของตัวเองก็น่าจะจบแล้วล่ะ เอลล์ ” ฟาร์คัสตอบราวกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่

“ แต่ว่าเจ้าพึ่งจะประกาศเป็นพันธมิตรกับดินแดนเราเองนะ ข้าว่าข้าบอกว่าปล่อยตัวเพื่อแลกกับสานสัมพันธไมตรีไม่ดีกว่าเหรอ  ” เอลล์ขมวดคิ้วถาม

“ เจ้าคิดว่าพ่อของเจ้าจะยอมเหรอ เอลล์ ”

“ ตามนั้นนั่นแหละ ” เอลล์พยักหน้าหงึกหงักเพราะคิดอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ออก  “ แล้วลุกซ์ต้องกลับกับเจ้าหรือเปล่า ”  และน้ำเสียงติดจะเศร้าในประโยคท้าย

“ ข้าไม่กลับ ” ลุกซ์ตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด

“ ใครว่าข้ามารับเจ้าล่ะ ” คาร์บิลัสตอบด้วยน้ำเสียงยียวน

“ ไม่ล่ะ ข้าเบื่อมังกรเต็มทนแล้ว ” ฟาร์คัสพูดพร้อมกับเหล่ไปมองดัฟฟ์ที่ทำหน้าเศร้าอย่างสุดซึ้ง

“ แง้ ดัฟฟ์จะไม่ดื้อ ”

“ เรื่องของเจ้า ” ฟาร์คัสตอบอย่างเย็นชาและหันไปมองลุกซ์ “ ส่วนลุกซ์เจ้ามากับพวกข้าก่อน เมเออร์จะได้เชื่อว่าคาร์บิลัสบุกชิงจริงๆ ”

“ ก็ได้ ข้ายังไงก็ได้อยู่แล้ว ขอแค่พอเรื่องจบข้าได้อยู่กับเอลล์ก็พอ  ” ลุกซ์มองเอลล์สายตาเศร้าๆ อะไรกันนี่ข้าแค่เพิ่งออกมาได้ไม่นานก็ต้องหนีไปกบดานแทนที่จะได้อยู่กับเอลล์งั้นเหรอ

“ งั้นก็เตรียมหนีได้แล้วล่ะ ” ฟาร์คัสเหลือบมองไปทางบันไดที่เหมือนได้ยินเสียงพังอะไรบางอย่าง

“ ไม่ ข้ายังไม่ได้ลาเอลล์เลย ” ลุกซ์ทำท่าจะโผเข้าใส่เอลล์

 คาร์บิลัสสสสสสส !

เสียงตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวดังลั่นขัดกับอายุที่ล่วงมามาก เมเออร์พังกลไกประตูเข้ามาเพราะรู้สึกถึงเวทพันธนการของตัวเองที่ถูกทำลาย

“ เผ่นกันเถอะ ! ” คาร์บิลัสร่ายเวทขนาดยักษ์ที่ครอบคลุมทุกคนและหายไปทันที

ทิ้งไว้เพียงเมเออร์กระฟัดกระเฟียดอย่างโมโห

นี่มันหยามข้ามากเกินไปแล้ว !

ร่างชราคิดอย่างเคียดแค้น


“  โซแวน ” วารันเรียกเพื่อนสนิทของตัวเองที่นอนอยู่บนตักตัวเองอยู่ ใบหน้าของโซแวนติดจะขมวดอยู่จนวารันอดนวดให้เบาๆ ไม่ได้จนคิ้วที่ขมวดคลายออก

“ อะไร ” โซแวนถามสั้นๆ จะใช้อะไรข้าอีก หืม ?

“ เจ้าช่วยไปหาฟาร์คัสแทนข้าทีสิ ข้าอยากให้ของรับขวัญน่ะ ” วารันใช้นิ้วจิ้มเข้าที่จมูกของโซแวนอย่างนึกสนุกเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมลืมตาสักที

“ ข้าจะได้อะไรถ้าข้าไปล่ะ วารัน ”

“ งั้นอ้อมกอดอุ่นๆ ของข้าไหมล่ะ โซแวน ” วารันฉีกยิ้มให้กับโซแวนเมื่ออีกฝ่ายลืมตาขึ้นมา

“ เฮ้อ เจ้าไม่เคยรู้อะไรเลยจริงๆ ” โซแวนหลับตาลงอีกครั้งปล่อยให้มือซุกซนเล่นหน้าเล่นตาไปอย่างไม่ถือสา

“ เจ้าไม่ชอบอ้อมกอดของข้างั้นเหรอ ” วารันทำท่าคิด “ ข้าติดแหง็กอยู่ในต้นไม้นี่ไปอีกชาตินึง ข้าของที่เจ้าต้องการให้เจ้าไม่ได้หรอกนะ ”

“ เจ้ามีมันอยู่แล้ว วารัน ”

“ มีอยู่แล้ว ? ”

“ ช่างมันเถอะ ” โซแวนถอนหายใจ “ เจ้าจะให้ข้าเอาอะไรไปให้ล่ะ ”

“ ช่างไม่ได้ ข้าไม่อยากให้เจ้าโดนข้าใช้โดยไม่ได้รับสิ่งตอบแทนนะ เจ้าไม่ใช่คนใช้ของข้าสักหน่อย ”

“ ข้าว่าตอนนี้ก็เหมือนข้าเป็นนะ ”

“ อะไรกัน ข้าก็เสนออ้อมกอดอุ่นของข้าเป็นการตอบแทนแล้วไง ”

“ ของไร้สาระพรรค์นั้นข้าไม่ต้องการ ”

“ อ๋า เจ้าหาว่าอ้อมกอดของข้าไร้สาระเหรอ ” วารันทำเสียงเศร้าแต่หน้าตากลับยังยิ้มแย้ม

“ ใช่ ”

“ ข้าเสียใจนะ แต่ไม่มากเท่าไหร่ ”

“ สรุปเจ้าจะให้ข้าเอาของสะสมของเจ้าอันไหนไปให้ ฟาร์คัสกัน ”
วารันนั่งคิดสักพักและดันหัวโซแวนออกจนกระแทกกับเก้าอี้ วารันวิ่งไปยังตู้เก็บของของตัวเองทิ้งให้โซแวนกัดฟันกรอด

“ ถ้าเผลอเมื่อไหร่ข้าจะเอาให้หนักเลย วารัน ” แต่เสียงที่พูดออกมากลับอ่อนโยน
วารันเอาหัวมุดเข้าไปตู้เก็บของที่ทะลุไปมิติไหนไม่รู้ทำให้สามารถเก็บของได้มากมายเป็นภูเขาได้หลายลูก

โซแวนลูบหัวตัวเองและเดินตามมายืนข้างหลังวารัน

“ เอาล่ะ ข้าจะให้น้ำตาเงือกไปแล้วกัน ” วารันยิ้มและยื่นให้โซแวน

-------------------------

มาแล้วววววววว  :hao7:

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่ะ  :mc4:

ดีใจที่ชอบค่ะ    :-[



 



ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 13 10 พ.ค 58
«ตอบ #77 เมื่อ10-05-2015 23:00:07 »

โหววววว

มาทันใจ ลุกซ์โดนปล่อยแล้ว แถมข้ออ้างปล่อยตัวก็ยังแจ่มจรัส (หวังว่าพ่อเอลล์คงไม่ซื่อบื่อขนาดปิดอาณาจักรอีกรอบหรอกนะ)

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 13 10 พ.ค 58
«ตอบ #78 เมื่อ10-05-2015 23:34:59 »

แอร้ย มาแล้ววววว :hao7:

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 13 10 พ.ค 58
«ตอบ #79 เมื่อ11-05-2015 00:02:17 »

น้ำตาเงือกนี่เอามารักษาเอลล์สินะคะ?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 13 10 พ.ค 58
« ตอบ #79 เมื่อ: 11-05-2015 00:02:17 »





ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 13 10 พ.ค 58
«ตอบ #80 เมื่อ11-05-2015 04:40:55 »

ตอนนี้ คาร์บิลัสเท่ห์อ่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ nemesis

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-3
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 13 10 พ.ค 58
«ตอบ #81 เมื่อ11-05-2015 07:00:58 »

มาแล้ววว

ออฟไลน์ Rambluesky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-3
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 13 10 พ.ค 58
«ตอบ #82 เมื่อ11-05-2015 09:34:46 »

รออ่านต่อนะครับ  :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 14 15 พ.ค 58 70 %
«ตอบ #83 เมื่อ15-05-2015 22:55:31 »

ตอนที่ 14

   “ เจ้าเลือกที่ได้ห่วยแตกมาก คาร์บิลัส ” ฟาร์คัสพูดพร้อมกับผลักไหล่คาร์บิลัสด้วยความหงุดหงิด

   “ อ๋า แต่อย่างน้อยข้าว่าตรงนี้เมเออร์ไม่น่าจะมาหานะ ” คาร์บิลัสที่ถึงแม้จะถูกผลักแต่ก็ยังคงยืนได้อย่างมั่นคงไม่แน่ใจเพราะฟาร์คัสผลักเบาไปหรืออะไร

แต่ที่ฟาร์คัสจะหงุดหงิดก็ไม่แปลกเพราะคาร์บิลัสพามากบดานที่สุสานเนี่ยแหละ !

“ แง้ ดัฟฟ์กลัวผีอ่ะ ” ดัฟฟ์วิ่งไปเกาะฟาร์คัสอย่างเหนียวแน่นเหมือนกับโคอาล่าเกาะแม่โคอาล่า

   เออล์ลูบแขนตัวเองเพราะรู้สึกขนลุกขึ้นมาหน่อยๆ กลิ่นอายความตายค่อนข้างรุนแรง น่าจะเป็นสุสานสักแห่งในดินแดนภูต “ เจ้าเคยมาที่นี้งั้นเหรอ ? ราชาปีศาจ ” เพราะแม้แต่ข้ายังไม่เคยมาด้วยซ้ำ

   “ ข้าเคยใช้หลบเมเออร์ตอนที่ข้าไปเตะกำแพงไม้ดินแดนเจ้าน่ะ ” คาร์บิลัสตอบพร้อมกับยืดอกด้วยความภาคภูมิใจเหมือนกับกำลังว่าอวดฟาร์คัสอยู่กลายๆ

   ฟาร์คัสเตะขาคาร์บิลัส

   เอลล์หัวเราะแห้งๆ ดูเหมือนว่าที่กำแพงไม้ข้ามันพังลงเร็วกว่าเดิมก็เพราะราชาปีศาจนี่เอง น่าจะเป็นเพราะราชาปีศาจอีกเหมือนกันที่ทำให้ท่านพ่อดูเกลียดปีศาจเข้าไส้

   “ ท้องฟ้าแจ่มใส ! หมู่เมฆลอยเอื่อย ! อิสรภาพ ! ฮ่าๆๆ ” ลุกซ์ไม่สนใจบรรยากาศชวนขนลุกแต่อย่างใดร้องตะโกนโวยวายอย่างมีความสุข “ ในที่สุดก็ออกจากไอ้คุกบ้าๆ ได้แล้วโว้ยย ”
   
หลังจากที่ยืนได้อย่างปกติอีกครั้งคาร์บิลัสก็ส่งสีหน้าเซ็งจัดใส่ลุกซ์ “ ข้าพาออกมา เจ้าก็ไม่ยอมออกมา ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรสรรเสริญความฉลาดของเจ้านะ ลุกซ์ ”

   ลุกซ์ไม่สนใจคาร์บิลัสเอาแต่ชื่นชมทรรศนียภาพโลกภายนอกที่ไม่ได้ดื่มด่ำมานานแสนนาน
   
“ งั้นข้าคงต้องขอตัวก่อนแล้วกัน ” เอลล์ยิ้มบาง “ ถ้าหากท่านพ่อไม่พบตัวข้า เกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ”
   
“ เดี๋ยวถ้าได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำสาปของท่านข้าจะส่งข่าวไปให้เจ้าแล้วกัน ” ฟาร์คัสพยักหน้า “ ส่วนลุกซ์คงอีกสักพักค่อยไปหาท่านแล้วกัน ”
   
ลุกซ์รู้สึกตัวพอดีเมื่อรู้ว่าเอลล์จะไปแล้ว รีบก้าวขายาวๆ ไปหาเอลล์และสวมกอดอย่างแรงโดยไม่สนใจสายตาคนอื่น “ ข้าจะรีบไปหาเจ้านะ เอลล์ ”

   เอลล์ไม่พูดอะไรยิ้มและยื่นหน้ากากของตัวเองให้ลุกซ์ “ สวมให้ข้าที ท่านมังกรไฟ ”
   
ลุกซ์ปล่อยเอลล์ออกจากอ้อมกอดรับหน้ากากของเอลล์มาและสวมให้อีกฝ่ายด้วยความทะนุถนอม ลุกซ์ยิ้มออกมาเมื่อสวมหน้ากากเสร็จ “ เสร็จแล้วล่ะ ”
   
เอลล์ค้อมหัวน้อยๆ เพื่อแสดงความขอบคุณ และยื่นอย่างสง่างามดั่งกษัตริย์ “ ข้าขอบคุณพวกท่านมาก ”  แต่ก่อนที่เอลล์จะได้เดินทางกลับไปก็ถูกดึงดูดสายตาด้วยหลุมสีดำประกายม่วงหมุนริ้วๆ อย่างแปลกประหลาดเพียงเวลาไม่นานก็มีร่างสูงหล่อเหลาก้าวขาออกมา
   
ร่างที่ก้าวออกมานั้นเป็นชายหน้าตาหล่อเหลาผมสีดำสวมชุดคลุมสีเดียวกับสีผมมีลวดลายสีขาวแปลกตาดูลึกลับและน่าค้นหาในเวลาเดียวกันในมือถือเคียวขนาดยักษ์ที่ทอประกายสีทองอยู่จางๆ ร่างที่ว่านี้คือโซแวนนั่นเอง
   เมื่อโซแวนก้าวขาออกมาหลุมประหลาดก็ได้หายไป โซแวนไม่สนใจแม้แต่มองคนที่อยู่รอบตัวก้าวเข้าไปใกล้ฟาร์คัสด้วยสีหน้าเรียบเฉย
   
คาร์บิลัสก้าวเข้าไปขวางหน้าฟาร์คัสทันทีด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร “ คิดจะทำอะไร ” และถามเสียงเย็น

   “ นั่นไม่ใช่เรื่องของเจ้า ราชาปีศาจ ” โซแวนตอนเรียบๆ หยิบของเตรียมมาใช้สันเคียวของตัวเองเคาะเบาๆ จนน้ำตาเงือกแตกกระจายกลายเป็นน้ำหยดเล็กๆ โซแวนบังคับให้น้ำตาเงือกที่เดิมทีเป็นของแข็งรูปหยดน้ำตอนนี้ได้กลายเป็นของเหลวใส่ไว้ในขวดแก้วใบเล็ก

   ทุกคนในที่นี้นิ่งเงียบตรียมร่ายเวทโจมตีหากโซแวนคิดจะทำอะไรที่เป็นอันตราย คาร์บิลัสจ้องกลับด้วยสายตาเย็นชาเรียกดาบสีดำมาไว้ในมือก่อนใครเพราะรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าใดนักกับร่างตรงหน้า
   
โซแวนตัดสินใจสะบัดสันเคียวเบาๆ ทำให้ประกายสีทองแพร่กระจายไปโดยรอบอย่างรวดเร็วคลุมร่างทุกร่างในบริเวณโดยที่ทุกคนไม่ทันได้ได้ตั้งตัว ยกเว้นเพียงฟาร์คัสที่ไม่มีอะไรรบกวนแม้แต่น้อย
   
คาร์บิลัสเตรียมจะฟันดาบใส่โซแวนเมื่อเห็นเคียวของอีกฝ่ายขยับแต่ยังไม่ทันได้ฟันกลับถูกละอองสีทองคลุมตัวและขยับตัวไม่ได้ เอลล์และลุกซ์ก็เช่นกันที่ขยับตัวไม่ได้ได้แต่ยืนมองผู้มาใหม่ด้วยความงุนงง ต้องการจะทำอะไรกันแน่ ?
   
โซแวนก้าวเข้าไปใกล้ฟาร์คัสซึ่งฟาร์คัสก็ไม่ได้ขยับหนีแต่อย่างใดเพราะรู้สึกถึงความคุ้นเคยแปลกๆ ที่เหมือนกับวารันและคิดว่าร่างตรงหน้าไม่น่าจะมีจุดประสงค์ร้ายอะไร ถ้าหากอีกฝ่ายประสงค์ร้ายจริงก็สามารถฆ่าทุกคนในนี้ได้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาแล้ว ผู้ที่สามารถหยุดราชาปีศาจได้ย่อมไม่ใช่บุคคลธรรมดาแน่นอกเสียจากเป็นผู้รักษาเวลาเช่นเดียวกับวารัน..

“ วารันให้เอาน้ำตาเงือกมาให้เจ้า ” โซแวนถือขวดแก้วและไกวไปมาเพื่อให้เห็นน้ำที่เคลื่อนไหวอยู่ภายใน “ แบมือมาสิ ฟาร์คัส ”

   “ ขอบคุณ ” ฟาร์คัสเอ่ยสั้นๆ รับขวดแก้วมาพิจารณาน้ำภายใน น้ำตาเงือกที่ว่าหากดูเผินๆ เหมือนกันน้ำทั่วไปไม่มีอะไรแตกต่างเลยแม้แต่น้อย วารันจะให้ข้ามาทำไมกัน ?
   
คล้ายกับรู้ถึงความคิดของฟาร์คัสโซแวนก็พูดออกมา “ น้ำตาเงือกมีคุณสมบัติในการดูความทรงจำของผู้อื่น ” โซแวนดีดนิ้วดังครั้งหนึ่งก็ปรากฏภาพประกอบการพูดจางๆ ในอากาศ “ หากเจ้าต้องการใช้เพียงให้คนผู้นั้นกินน้ำตาเงือกเข้าไป ถ้าหากหมดขวดเจ้าจะได้ความทรงจำทั้งหมดแต่ถ้าครึ่งขวดเจ้าจะได้ความทรงจำเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้เท่านั้น ”
   
ความทรงจำ ? ข้าจะดูของใคร ? ฟาร์คัสเผยสีหน้างุนงงออกไปอย่างเผลอตัว เพราะตอนนี้แทบไม่มีเรื่องอะไรให้สืบหาความทรงจำนี่

โซแวนไม่สนใจสีหน้างุนงงของฟาร์คัสดีดนิ้วอีกครั้งเพื่อให้ภาพที่ปรากฎในอากาศหายไป “ หากเจ้าจะดูความทรงจำให้เจ้าทำลายขวดนี้ทิ้งซะ ภาพความทรงจำที่เจ้าต้องการก็จะปรากฎขึ้นมาเอง ” โซแวนตวัดเคียวเรียกหลุมประหลาดปรากฎขึ้นในอากาศอีกครั้ง “ วารันฝากมาบอกเจ้าว่า นี่ถือเป็นของขวัญของวารัน ไตร่ตรองให้ดีว่าจะใช้อย่างไร ฟาร์คัส ”

   “ แล้วทำไมวารันไม่มาเองล่ะ ? ”   
   
โซแวนแค่นเสียงหึกระโดดเข้าไปในมิติเวลาทันทีไม่สนใจจะตอบคำถามของฟาร์คัส

   เมื่อสิ้นร่างของโซแวนคนอื่นๆ ก็กลับมาเคลื่อนไหวได้ตามปกติอีกครั้ง คาร์บิลัสยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์ ลุกซ์ยืดแขนออกสุดแขนเพื่อคลายความเมื่อยขบจากการยืนค้างท่าเดิม
   
“ งั้นข้าขอตัวก่อนแล้วกัน ” เอลล์กล่าวสั้นๆ และหายตัวไปในทันทีอย่างเร่งรีบเพราะช่วงเวลาที่โซแวนออกมากินเวลาไปพอสมควร
   
คาร์บิลัสกัดฟันแน่นมือที่กำดาบอยู่สั่นน้อยๆ การกระทำเมื่อกี้เหมือนกับหยามหน้าเขาผู้เป็นถึงราชาปีศาจชัดๆ ตาของคาร์บิลัสทอประกายโกรธขึ้ง

   ฟาร์คัสเก็บขวดแก้วที่ได้รับมาใส่กระเป๋ากางเกง เรื่องวารัน วารันคงจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ให้คนอื่นมาแทนล่ะมั้ง ฟาร์คัสหันไปมองคาร์บิลัสก็พบว่าอีกฝ่ายอยู่ในภาวะอารมณ์ที่น่ารำคาญ ฟาร์คัสก้าวขาเข้าไปใกล้คาร์บิลัสตั้งใจจะผลักไหล่อีกฝ่ายเรียกสติให้กลับมาแต่พอมองเห็นหน้าตึงเครียดของคาร์บิลัสก็ทำไม่ลง ตัดสินใจใช้มือดีดหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ แทน
   จะว่ามันคือการลดหย่อนความรุนแรงอีกแบบนึงของฟาร์คัสก็ได้
   
คาร์บิลัสคลายสีหน้าตึงเครียดทันทีเอามือกุมบริเวณที่ฟาร์คัสดีดมะกอก แสร้งทำสีหน้าเจ็บปวดมาก “ โอ๊ย ทำอะไร ของเจ้าน่ะฟาร์คัส ข้าเจ็บนะ ”
   
“ คนที่มาเมื่อกี้น่าจะเป็นคนรู้จักของวารัน เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอกคาร์บิลัส ”

   “ ข้ารู้แล้วน่า ” คาร์บิลัสลดมือลง “ ข้าก็แค่โมโหนิดหน่อยที่มันหยามหน้าข้าน่ะ ”

   “ ทิฐิของเจ้าก็ลดๆ ไปบ้างเถอะ ”

   “ พวกท่านๆ ขอรับ ข้าลุกซ์รู้สึกอยากไปพักนั่งกินข้าวอะไรทำนองนั้นเหลือเกิน พวกท่านจะช่วยเอื้อเวลาของพวกท่านให้ข้าลุกซ์ได้ไหมขอรับ ท่านคาร์บิลัส ” ลุกซ์พูดพร้อมกับค้อมกายลงด้วยท่าทางเคารพแต่สิ่งที่พูดออกมากลับตรงข้ามโดยสิ้นเชิงมันแฝงไปด้วยความประชดประชันและหยอกล้อพูดเป็นนายเหนือหัวของตัวเอง

   “ หุบปากไปซะ จิ้งจก ” คาร์บิลัสพูดเสียงเรียบ ใช้ดาบในมือตวัดใส่ลุกซ์ทันทีจนลุกซ์กระโดดโหยงหนีแทบไม่ทัน

   “ ท่านคาร์บิลัสช่างใจอ่อนต่างจากเมื่อครั้งที่ข้าคอยรับใช้ท่านใกล้ๆ อา นี่สินะ ผลแห่งความรักของท่านคาร์บิลัสและท่านปีศาจอีกา ” ลุกซ์พูดน้ำเสียงเหมือนกับพูดสุนทรพจน์ในวันแต่งงาน

   ฟาร์คัสหน้าแดงแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา คาร์บิลัสลดดาบในมือลง “ เห็นแก่เจ้าที่พูดเข้าหู ข้าแล้วกัน ไอ้จิ้งจกไฟ ”
   
“ เป็นเกียรติของข้า ” ลุกซ์ค้อมตัวลงพลางคิดในใจ ไม่น่าเชื่อ ว่าท่านคาร์บิลัสจะไม่ลงไม้ลงมือใส่ข้ายามที่ข้าพูดจายียวน ! งั้นหมายความว่าข้าก็พูดอะไรสนุกๆ ได้อีกเยอะเลยละสิ

   “ อย่าคิดจะพูดอะไรเพิ่ม ” คาร์บิลัสเหลือบไปมองฟาร์คัสและเผลอยิ้มออกมา “ ฟาร์คัสคงไม่ค่อยชอบฟังอะไรแบบนี้เท่าไหร่ ”
   
“ ไปพักสักทีเถอะ ข้าเบื่อจะยืนดูป้ายหลุมศพเต็มทีแล้ว ” ฟาร์คัสบ่นออกมา

   คิดว่าข้าสนใจหรือ นายของข้า คนที่ข้าสนใจจะรับฟังมีแค่เออล์นะขอรับ ท่านคาร์บิลัส ลุกซ์คิดในใจและเดินตามคาร์บิลัสและฟาร์คัส

   “ น่ากลัวง้า เมื่อกี้ก็ขยับตัวไม่ได้ ผีแน่เลย แก๊ซ ! ” ดัฟฟ์ตีโพยตีพายร้องไห้พ่นไฟเป็นพักๆ จนเสื้อของฟาร์คัสเริ่มมีกลิ่นไหม้   
   ฟาร์คัสขมวดคิ้วอุ้มดัฟฟ์ขึ้นกอดไว้ด้วยความรำคาญ ดัฟฟ์ถึงยอมเงียบและเลิกพ่นไฟเผาชุดของฟาร์คัส “ นี่เจ้าจะพาข้าไปไหนกัน คาร์บิลัส ”

   “ พาไปไหนงั้นเหรอ ! ” คาร์บิลัสพูดอย่างกระตือรือร้น “ ที่กบดานที่ข้าเคยสร้างไว้ไงล่ะ ! ”
   
ฟาร์คัสเผลอถอนหายใจออกมา

   “ อะไรล่ะ ฟาร์คัส ข้ามาเยี่ยมดินแดนภูตทั้งทีก็น่าจะมีบ้านพักตากอากาศให้ข้าบ้างสิ แต่เมเออร์ไม่ยอมสร้างให้ข้า ข้าเลยต้องมาหาที่สร้างเองไงล่ะ ”

   “ ดูเหมือนว่าเมเออร์จะไม่ชอบหน้าเจ้ามากๆ นะ ”

   “ ใครสนล่ะ ” คาร์บิลัสยิ้มกว้าง “ ข้าสนใจแค่เจ้าคนเดียวก็พอแล้ว ”

   ฟาร์คัสกลอกตา ถ้าพูดกันสองคน ข้าพอจะไม่ลงไม้ลงมือได้นะ แต่นี่พูดต่อหน้าคนอื่น เรื่องที่น่าอายแบบนี้ ไอ้เจ้าบ้าคาร์บิลัสก็เอาแต่ป่าวประกาศ อยากให้รู้มันทั้งโลกเลยใช่ไหม คาร์บิลัส ! “ ดูเหมือนเจ้าจะอยากบอกลุกซ์มาก ที่มาชอบอีกาอย่างข้า ” ฟาร์คัสประชด

   คาร์บิลัสเอียงคองงๆ “ พูดอะไรของเจ้าน่ะ ข้าแค่บอกสิ่งที่ข้าคิดแค่นั้นเอง ” คาร์บิลัสฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ ข้าบอกตอนไหนว่าชอบเจ้าน่ะ ฟาร์คัส ”
   
“ ... ” ฟาร์คัสเลือกที่จะไม่ตอบปั้นสีหน้าเฉยชาตอบรับไป ทั้งๆ ที่ในใจกำลังเต้นรัว จริงด้วย คาร์บิลัสไม่เคยบอกข้านี่ ว่าชอบข้า แต่ไอ้ท่าทางแบบนั้นนอกจากชอบคงตีเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้วมั้ง

   ลุกซ์รู้สึกอยากเป็นลมล้มพับขึ้นมากะทันหัน ท่านคาร์บิลัสแปลกไปจากที่ข้าเคยเจอปกติมากถึงมากที่สุด ข้าฝันเฟื่อนอยู่หรือเปล่า ท่านคาร์บิลัสเนี่ยนะ กำลังยิ้ม แล้วยังพูดอะไรหยอกล้อเจ้าอีกานั่นอีก บ้า ข้าบ้าไปแล้วแน่ๆ ลุกซ์ก้าวขาตามอย่างเลื่อนลอย

   “ ม่ายยย แม่เป็นของดัฟฟ์ ฆ่าบี้ลัสอย่ามายุ่งงง ” ดัฟฟ์ใช่แขนสั้นๆ สะบัดไล่คาร์บิลัส
   
ข้าควรจะขอบคุณดัฟฟ์ไหมที่แก้สถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนออกไป

   “ อย่ามายุ่ง ไอ้มังกร ! ” คาร์บิลัสตะคอกใส่ดัฟฟ์อย่างอดไม่ได้เพราะยังโกรธเรื่องที่ดัฟฟ์ทำไว้ครั้งที่แล้วไม่หาย ทั้งๆ ที่ข้าเกือบจะทำสำเร็จแลวแท้ๆ
   
“ แง้งง ฆ่าบี้ลัส ไปตายซะ ” ดัฟฟ์ตกใจกับเสียงตะคอกของคาร์บิลัสร้องไห้งอแงอีกครั้ง

   “ ไม่ไปโว้ย ”

   “ คาร์บิลัส เมื่อไหร่จะถึงบ้านพักตากอากาศอะไรนั่นของเจ้าหรือไม่ก็เจ้าก็ใช้เวทพาเข้าไปสักที ” ฟาร์คัสเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อความรู้สึกกระอักกระอ่วนหายไป

   คาร์บิลัสเลิกสนใจดัฟฟ์ทันที “ ข้ากะว่าจะพาเจ้าเดินชมที่แถวนี้ก่อนเพราะมันอยู่ไม่ไกลมาก แต่ถ้าหากเจ้าอยากไปตอนนี้ข้าก็จะทำ ”
   
“ งั้นก็รีบๆ ทำเถอะ ”

   คาร์บิลัสเงียบไปสักพักและไม่ยอมลงมือร่ายเวท “ ข้าอยากได้รางวัลเพิ่มล่ะ ฟาร์คัส ” พร้อมกับส่งสีหน้าอ้อนๆ มา

   ทำไมนับวันข้าเหมือนเห็นราชาปีศาจเป็นหมาของเมืองมนุษย์กัน “ จะเอาอะไร ” ฟาร์คัสถามด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อ

   “ ข้าขอกอดเจ้าที่บ้านพักตากอากาศข้าเลยได้ไหม ”
   
“ เออๆ แค่กอดนะ ” ฟาร์คัสรับปากอย่างขอไปที แค่กอดคงไม่มีอะไรหรอกน่า
   
คาร์บิลัสยิ้มและร่ายเวทอย่างอารมณ์ดี

   
น่าเบื่อชะมัด พวกราชาปีศาจอวดดีอย่างนี้ทุกคนหรือยังไงกัน โซแวนคิดขณะที่กำลังก้าวขาเข้าไปในห้องทำงานของวารัน แต่เมื่อมองไปรอบๆ ก็ต้องผิดหวังเพราะร่างที่ต้องการที่จะพบไม่ได้อยู่ในห้อง ไปไหนของเขากัน ?

   “ โซแวนนนนน ทำไมเจ้าถึงได้หยาบคายกับฟาร์คัสของข้ากันนนน ” วารันโผกระโจนเกาะหลังโซแวนจนโซแวนเกือบล้มหน้าคว่ำ
   
ใบหน้าหล่อเหลาของโซแวนมีรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฎ “ ข้าก็แค่ทำตามหน้าที่ของข้า วารัน ”
   
“ ก็ได้ เห็นแก่เจ้าที่หน้านิ่งตลอดปีตลอดชาติ ตั้งแต่ที่ข้าเจอเจ้าก็หน้าเป็นอย่างนี้แล้ว ข้าจะให้อภัยเจ้าแล้วกัน ” วารันเอาคางเกยไหล่ของโซแวนทั้งๆ ที่ยังคงเกาะอยู่

   “ ลงไปได้แล้ว วารัน ” โซแวนบอกด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว
   
“ ม่ายยยยย ” วารันลากเสียงยาวอย่างนึกสนุกและเกาะโซแวนแน่นกว่าเดิมเหมือนปลิงที่เกาะดูดเลือดเหยื่อ
   
“ ถ้าเจ้าไม่ลง ข้าจะไม่มาหาเจ้าอีก ” โซแวนแกล้งขู่
   
“ ข้าม่ายเชื่อออ เจ้าขาดข้าไม่ได้หรอกนะ โซแวน ” วารันยิ้มกว้าง
   ทั้งๆ ที่หน้ายังเรียบเฉยแต่ในใจของโซแวนกลับกำลังเต้นคึกโครม อย่าบอกว่าวารันรู้สิ่งที่ข้าคิด.. ? “ อะไรที่ทำให้เจ้ามั่นใจขนาดนั้น วารัน ”

   “ ข้ามั่นใจแล้วกัน ” วารันยอมเลิกทำตัวเป็นปลิงเกาะโซแวน “ ที่เจ้ามาหาข้าทุกวัน เพราะเจ้าไม่มีเพื่อนไงล่ะ ! มีแต่คนนิสัยดีอย่างข้าแหละที่จะคุยกับเจ้าโดยไม่กลัวหน้าโหดๆ ของเจ้า ”
   นั่นสินะ.. เพื่อน  คำๆ นี้เสียดแทงโซแวนจนใจเจ็บแปลบ เมื่อไหร่กันที่ข้าจะกล้าบอกวารัน ? “ อืม ”

   “ งั้นข้าจะให้รางวัลเจ้าแล้วกัน ” วารันกางแขนออก “ อ้อมกอดอุ่นไงล่ะ ! ” พร้อมกับฉีกยิ้ม
   
“ ของไร้สาระพรรค์นั้น ข้าไม่ต้องการหรอก ” โซแวนแค่นเสียงหึใส่วารัน
   
ซะที่ไหนล่ะ..

ข้าไม่อยากได้อ้อมกอดอย่างเจ้าอย่างเดียวหรอกนะ วารัน

“ อย่ามาเรียกอ้อมกอดของข้าว่าไร้สาระสิ ! ”

------------------
รู้สึกเอ็นดูวารันแปลกๆ ค่ะ 555555 บทก็เลยตามมา

น้ำตาเงือกไม่ได้ใช้รักษาค่ะแต่ใช้ทำอย่างอื่นแทน  :mc4:

ฟาร์คัสกับคาร์บิลัสจะด๊วฟกันเหรอ ไม่จริงน่า 55555   :hao7:

 :กอด1: ขอบคุณทุกคอมเมนต์จ้า



 
   

    
   
   
   
   
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-05-2015 22:31:03 โดย Foggy Time »

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 14 16 พ.ค 58 100 %
«ตอบ #84 เมื่อ16-05-2015 22:32:45 »

ข้ากำลังปลูกต้นชา..

อา ชาอะไรสักอย่างที่ข้าจำชื่อไม่ได้

แต่ข้าจำสรรพคุณมันได้นะ รู้สึกจะไว้แก้ลมพิษ

ฮ้าววว ง่วงชะมัด ถ้าไม่ติดว่าเป็นวันที่ข้าต้องมารดน้ำพรวดดินข้าไม่มาทำหรอก ข้าอยากจะนอนบนเตียงนุ่มนิ่มไส้ขนห่านต่างหากล่ะ มันนุ่มมากเลย แต่ดินก็น่าจะนุ่มเหมือนกันนั่นแหละ ข้าโยนจอบในมือทิ้งและนอนลงบนพื้น
แต่พอนอนได้ไม่นานก็ถูกปีศาจหนูตัวย่อมกระตุกหนวดเรียก “ ท่านพอยซ์ขอรับ เมียของข้าปวดท้วงมาก ทำอย่างไรดีขอรับ ”

“ ฟ่อ ! นี่มันวันหยุดข้านะ ” พอยซ์แยกเขี้ยวใส่ทั้งๆ ที่ยังหลับตา

“ แต่เมียข้าปวดมากเลยนะขอรับ ท่านพอยซ์ ” ปีศาจหนูทำท่าจะร้องไห้กระตุกหนวดท่านหมออีกครั้งเพื่อเรียกความสนใจ

“ โอ๊ย เจ้าไปเด็ดต้นที่มีผลสีชมพูม่วงต้นนั้นให้เมียเจ้ากินนะ ” พอยซ์ยอมลืมตาขึ้นมาใช้อุ้งเท้าแมวเล็กๆ ชี้ไปทางต้นที่ว่านั้น อย่างว่าพอยซ์เป็นหมอไม่อาจทำเห็นคนป่วยแล้วอยู่เฉยๆ หรอก

“ แต่ว่าข้าคงปีนขึ้นไปเก็บไม่ได้หรอกขอรับ ท่านพอยซ์ ” เจ้าหนูจับหางตัวเองและก้มหัวอายๆ

พอยซ์หน้ายู่อย่างไม่สบอารมณ์ “ ข้าเก็บให้เจ้าก็ได้ แล้วอย่ามากวนข้าอีกนะ ! ”

“ ขอรับ ”

พอยซ์กระโดดหยองแหยงข้ามพืชสมุนไพรที่ตัวเองปลูกไว้อย่างเชื่องช้า ถ้าเกิดข้าเผลอไปทับมันตายเข้า ไม่ต้องเลี้ยงใหม่เลยรึไง ? พอยซ์กางกรงเล็บออกและตัดก้านผลที่ว่าและยื่นให้เจ้าหนูที่วิ่งตามมาติดๆ

ปัญหาต่อมาคือ มันใหญ่กว่าไอ้ตัวหนูนี่อีก

“ ต้องให้เมียข้ากินหมดนี้เลยเหรอขอรับ ท่านพอยซ์ ” เจ้าหนูปีศาจเบิกตากว้าง

พอยซ์ใช้เล็บตัดชิ้นเล็กๆ และยื่นมันให้เจ้าหนูปีศาจ “ กินแค่นี้ก็น่าจะหายแล้วล่ะ เจ้ารีบไปเถอะ เดี๋ยวเมียเจ้าจะปวดท้องตายไปซะก่อน ”

หนูปีศาจถึงกับน้ำตาคลออย่างซาบซึ้งและล้วงสิ่งของที่ตั้งใจจะเอามาแลกเปลี่ยนออกมา มันเป็นไข่มุกล้ำค่าที่หาได้ยาก “ ข้าให้ขอรับท่านพอยซ์ ”

พอยซ์ถึงกับตื่นเต็มตาเตรียมจะรับมา ไข่มุกนี้ถ้าข้าเอาไปแลกกับฟูกอันใหม่นุ่มๆ ได้สบายเลย ฮ่าๆ นี่สิที่ข้าต้องการ !

“ พอยซ์ ” เสียงเข้มคุ้นเคยดังขึ้น

“ ง้าววววววววววววววว ”  นี่มันเกิดอะไรขึ้นนนนนน ไข่มุกของข้า อ้ากกกกกก   ทำไมข้าถึงถูกดูดไปในเวทของใครก็ไม่รู้เนี่ยยย หลังจากออกมาจากวงเวทข้าก็ถูกโยนลงบนพื้น

“ พอยซ์ ” คาร์บิลัสเรียกเสียงเรียบเพื่อที่จะกระตุ้นให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมานั่งดีๆ

กรี้ดดด  ท่านคาร์บิลัสสสนี่ ! พอยซ์ตกใจจนหางฟูแปลงร่างเป็นร่างมนุษย์ทันทีทันใดและนั่งคุกเข่าต่อหน้าท่านคาร์บิลัส 

“ เอลล์ไม่อยู่แล้วเจ้าจะเรียกพอยซ์ออกมาทำไม ” ฟาร์คัสส่งสีหน้าเหม็นเบื่อใส่คาร์บิลัส

“ ก็เห็นเจ้าพูดถึงพอดีนี่ ข้าว่าพาตัวมาเลยดีกว่า ”

“ อะ เอ่อ ท่านคาร์บิลัสต้องการจะให้ข้ามาช่วยรักษาใครหรือขอรับ ” พอยซ์ถามเสียงสั่นเพราะหวาดกลัวสายตาของคาร์บิลัสที่กำลังจับจ้องอยู่

เจ้าราชาปีศาจนี่มันน่ากลัวตรงไหน เจ้าแมว ฟาร์คัสคิดในใจเซ็งๆ เพราะรู้สึกว่าเจ้าแมวนี่จะดูกลัวซะเหลือเกิน ไม่เห็นสายตาออดอ้อนของมันที่ส่งมาทางข้ารึไง ! เออ ข้ารู้ว่าคืนนี้เจ้าจะกอดข้า เลิกส่งสายตาบ้าๆ นี่มาได้แล้ว โชคดีที่บ้านพักไม่สิสมควรเรียกว่ากระต็อบมากกว่าด้วยซ้ำของคาร์บิลัสมี 2 หลัง ซึ่งข้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่สร้างหลังเดียวอันใหญ่ๆ ลุกซ์กับดัฟฟ์เลยโดนจับไปอยู่อีกหลัง บรรยากาศตอนนี้เลยไม่กระอักกระอ่วนเท่าไหร่

คาร์บิลัสลอบยิ้มเมื่อเห็นฟาร์คัสดูหงุดหงิดกว่าปกติแต่ก็ยังทำสีหน้าขึงขังใส่พอยซ์ “ มันยังไม่ถึงเวลาตอนนี้ เจ้าไปอยู่บ้านพักของข้าอีกหลังกับลุกซ์ซะ ”

“ ขอรับ ” พอยซ์รีบพยักหน้าและวิ่งปรู๊ดไปยังประตูทางออกอย่างรวดเร็วด้วยความหวาดกลัวที่ดูจะเยอะเกินไป

ฟาร์คัสร่ายเวทเบาๆ ดึงตัวพอยซ์ที่กำลังก้าวออกจากประตูให้ลอยมานอนที่เดิม “ อย่าเพิ่งไปสิ ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า ”

พอยซ์พยักหน้าแกนๆ ว่าเข้าใจแล้ว ถามมาสักทีเถอะ

“ เจ้าเป็นคนรักษาข้าใช่ไหม ? ”

“ ขอรับ ”

เพราะข้าจำได้ลางๆ ว่าข้าโดนเซอร์เคนสาปแล้วพอยซ์รักษาให้ “ งั้นก็หมายความว่าเจ้าแก้คำสาปได้น่ะสิ ”

พอยซ์ลุกขึ้นยืนและค้อมตัวลงด้วยความมั่นใจ “ ด้วยเกียรติของหมอแห่งแดนปีศาจขอรับ ”

ฟาร์คัสเผลอยิ้มออกมา

ดูเหมือนว่าข้าจะมีทางช่วยเอลล์แล้วสิ

-----------

 :katai5:
 



.
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2015 08:27:35 โดย Foggy Time »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 14 16 พ.ค 58 100 %
«ตอบ #85 เมื่อ16-05-2015 22:40:54 »

อืม.......

ไม่คิดว่าตาของเอลล์จะรักษาได้ง่ายขนาดนี้ แต่ยังไงก็ต้องรอดูคนสาปก่อนละกันว่าสาปไปทำไม (ไม่แน่เด็จพ่อนั่นล่ะคนสาป)

 :katai5:

เขยิบขึ้นไปถึงวารันบ้าง คิดว่าวารันน่าจะรู้นะว่าคนข้างๆชอบตัวเองอยู่ แต่ฮิมขี้แกล้ง  :mew4:

 :กอด1:


ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 14 16 พ.ค 58 100 %
«ตอบ #86 เมื่อ16-05-2015 23:29:59 »

เอ่อ เรียกมาง่าย ๆ แบนี้เลยเหรอคะ?

อยากได้ตอนพิเศษของโซแวนวารันเพิ่มจัง รู้สึกถึงออร่ามุ้งมิ้ง 55555

ออฟไลน์ nemesis

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-3
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 14 16 พ.ค 58 100 %
«ตอบ #87 เมื่อ17-05-2015 06:12:36 »

รอต่อจ้ส

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 14 16 พ.ค 58 100 %
«ตอบ #88 เมื่อ17-05-2015 07:19:35 »

ฟาร์คัสจะเอาน้ำตานางเงือกไปทำอะไรนะ ตอนนี้ยังไม่เห็นมีอะไรต้องใช้
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ yamanaiame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re: Ominous Bird นกบอกลาง ตอนที่ 14 16 พ.ค 58 100 %
«ตอบ #89 เมื่อ17-05-2015 08:14:53 »

งงช่วงท้ายอะ 
 “ เจ้าเป็นคนรักษาข้าใช่ไหม ? ”
“ ขอรับ ”
เพราะข้าจำได้ลางๆ ว่าข้าโดนโซแวนสาป
แล้วพอยซ์รักษาให้ “ งั้นก็หมายความว่าเจ้าแก้คำสาป
ได้น่ะสิ ”   

คนสาปคือ [ เชอร์เคน ] ไม่ใช่หรอออ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด