ตอนพิเศษ Vega 5/2 (จบ)หลังการทำงานในต่างเมืองนานหลายเดือน แม่ทัพเชมัล อาเม่ย ต้าซันและกลุ่มองครักษ์ 5 ใน 9 คนจึงเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมเจ้าชายลำดับที่ 2 ของเมืองเวกา ส่วนเจ้าชายฮัมซาแยกจากคณะเมื่อเข้ามาถึงเมืองเหนือ
ขณะที่แม่ทัพนาซิมที่เดินทางไปรับองค์ชายน้อยด้วยตนเอง แสดงเวทย์ข่มขู่พระราชาไอโอตา และบรรดาผู้นำชนเผ่าอีกชุดใหญ่
พระราชวังที่สวยงามของพระราชาไอโอตา ยามนี้เหลือเพียงท้องพระโรง พระตำหนักหลวงของพระราชา เท่านั้น
ดีที่ตำหนักของเจ้าชายรัชทายาท และเชื้อพระวงศ์คนอื่น ๆ อยู่ภายนอก มิเช่นนั้นก็คงต้องออกไปหาเรือนพักแรมอยู่ชั่วคราว
เมื่อเข้ามาถึงเมืองหลวงของเมืองวัน ทั้งหมดเข้ารายงานตัวต่อพระราชาฟารัค และรับผิดชอบการทำงานต่อเนื่องอีกหลายวันก็ถึงเวลาพักผ่อน
หลายคนเลือกกลับไปหาครอบครัว ส่วนแม่ทัพเชมัลพาอาเม่ยล่องเรือไปที่เกาะมรกตที่อยู่ห่างไกล
หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่ง อาเม่ยก็พอจะรู้ว่าแม่ทัพเชมัลมีความสามารถหลายด้าน แต่เรื่องการนำเรือต้องถือเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ดีนัก
ที่เดินทางมาครั้งก่อน ต้องให้องครักษ์แซนมาส่งและมารับ
ครานี้ก็เช่นกัน
องครักษ์แซนและองครักษ์ทูบา เป็นผู้มาส่งที่เกาะมรกต จากนั้นก็อยู่ช่วยทำความสะอาด แล้วกลับไปในเย็นวันเดียวกัน
โดยมารยาทแม่ทัพสมควรให้พวกเขาพักอยู่ด้วย
แต่ก็โดยมารยาทอีกเช่นกันที่ทั้ง 2 คนรู้ตัวดีว่า แม่ทัพเชมัลต้องการเวลาส่วนตัว
และเพราะทุกคนรู้ว่า แม่ทัพเชมัลมีความไม่พอใจบางสิ่งบางอย่าง ที่มิได้กล่าวออกมา ซึ่งนั่นย่อมเป็นหน้าที่ของอาเม่ยในการทำให้แม่ทัพเชมัลผ่อนคลาย
แม่ทัพผ่าฟืนเสร็จ อาเม่ยก็เข้าไปรวบรวม เพื่อนำไปเก็บไว้ในครัว เตรียมทำอาหารเย็น
"อยู่บ้านเราก็พักได้ ไม่เห็นต้องเดินทางไกลมาถึงที่นี่เลย ทำให้ผู้อื่นต้องวุ่นวายมาส่งแล้วก็มารับ"ดวงตาสีแปลกช้อนมองอีกคน "ใครทำให้ท่านพี่ไม่พอใจ จนถึงกับต้องมาที่นี่หรือ"
แม่ทัพเชมัลนั่งลงที่ขอนไม้ วางขวานไว้ข้างตัว
"อยากอยู่ท่ามกลางแสงแดดสักพัก"
"แสงแดด" อาเม่ยเงยหน้ามองฟ้า
ท้องฟ้ากลางทะเลมีเมฆจาง ๆ ก็จริง แต่ก็อย่างที่รู้กัน ว่าที่นี่เห็นอยู่ว่ามีแดดแรง แต่ก็กลับมีลมแรงแล้วก็จะมีฝนตกหนักตามมาในชั่วเวลาอึดใจ ดั่งที่พบเจออยู่ตลอด เมื่อครั้งมาพักที่นี่คราแรก แม้ว่าเวลานั้น อาเม่ยจะอยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ก็ตาม
และเพราะอาเม่ยยังมีสีหน้าที่บ่งบอกว่ายังมิเข้าใจ แม่ทัพเชมัลจึงยกมือยอมแพ้
"หากพี่บอก หนึ่งน้องต้องไม่โกรธ สองก็ต้องไม่โกรธเช่นกัน"
อาเม่ยกอดอกทำแก้มพองทันที
"นั่นไง นึกแล้วเชียว" แม่ทัพเชมัลส่ายหน้าจะลุกขึ้นไปเก็บฝืน แต่อาเม่ยคว้าข้อมือไว้
"เรื่องงานหรือไม่"
"มันค่อนข้างก้ำกึ่ง" แม่ทัพเชมัลมิรู้จะอธิบายเช่นไร
"งั้นเรื่องส่วนตัว"
"ก็เช่นนั้นแหละ ก้ำกึ่งระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว"
"งั้นมันค่อนข้างไปทางไหนมากกว่ากัน"
"ค่อนมาทางส่วนตัว"
"อ่า...." อาเม่ยพอจะเดาได้ "ยังไม่รับปากว่าจะโกรธหรือไม่ แต่ก็ยังอยากฟังว่าท่านพี่คิดอย่างไร เพราะตอนที่ไปเที่ยวด้วยกัน เห็นว่าท่านยังดูอารมณ์ดี"
ช่วงก่อนหน้าที่จะเดินทางกลับ แม่ทัพเชมัลพาอาเม่ยไปท่องเที่ยวที่สถานท่องเที่ยวใกล้กับฝั่งเมืองกริลล์ ตามที่รับปากไว้ หากจะมีเรื่องที่เป็นเรื่องส่วนตัวก้ำกึ่งกับเรื่องงาน ก็เห็นจะมีแต่เรื่องนั้นเพียงเรื่องเดียว
"ก็อารมณ์ดี แต่ที่จริง...หากกล่าวคำออกไป น้องจะว่าพี่ขี้อิจฉาอีก"
"อ้อ..."
แม่ทัพเชมัลผุดลุกขึ้น "ไม่เล่าแล้วดีกว่า "
"ก็บอกให้เล่ามาไง อยากฟัง" อาเม่ยเร่ง ทั้งพยายามซ่อนยิ้ม
...แม่ทัพเชมัลเป็นน้องเล็กขี้อิจฉา ของพี่ชายชอบแกล้งคนหนึ่ง กับพี่ชายอีกคนหนึ่งที่มักตามใจ เหตุใดจึงหลงลืมเรื่องนี้ไปได้นะ...
"ไม่เล่าแล้ว เก็บฟืนไปไว้ในครัวดีกว่า เดี๋ยวจะได้หุงหาอาหาร" คนตัวใหญ่บ่ายเบี่ยง
อาเม่ยส่ายหน้า "ท่านรอม กับซาดาน ที่ตามไปก็เพราะนั่นคือหน้าที่ของเขา ส่วนพี่ใหญ่น่ะ เขาไม่เคยไปไหนไกล เมื่อมีโอกาสได้ไปเที่ยว น้องก็เลยอยากให้เขาไปด้วยกัน"
"ก็รู้" แม่ทัพเชมัลลากเสียง "แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า นี่จะไม่มีสักช่วงเวลาเลยหรือที่เราจะได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง" แม่ทัพเชมัลกล่าว หันมาก็เห็นว่าอาเม่ยทำหน้าตึงยืนกอดอกอยู่
"น้อง"
"พวกเขาทำตามหน้าที่ แล้วอีกคนก็คือพี่ใหญ่"
"เรื่องนั้นพี่เข้าใจ ถึงได้เก็บไว้ในใจ ไม่อยากเอ่ยออกมา แล้วพอมีเวลา พี่จึงได้....."
อาเม่ยไม่รอให้อีกคนพูดจบก็หันหลังให้แล้วเดินผ่านเข้าไปในครัว เตรียมอาหารเย็น โดยมิได้กล่าวคำใดออกมา
"คิดแล้วเชียว...." คนตัวใหญ่เดินตามมาด้วย "พี่รู้ว่าน้องรักและเป็นห่วงพี่ใหญ่ แต่พวกเราห่างกันนานหลายเดือน พอกลับมาพบกันอีกครั้ง ก็ไม่มีเวลาใดเลยที่ได้อยู่ด้วยกัน แม้แต่ในยามพักผ่อน เราต้องนอนในเรือนพัก ผนังบางขนาดนั้น เจ้าก็มิผ่อนคลาย..."
อาเม่ยหันมาเอาผักขว้างใส่ ใบหน้าแดงจัดชี้นิ้วมือ "ห้ามพูดต่อเลยนะ!"
"ขนาดอยู่กัน 2 คนเจ้ายังห้ามพี่พูด" แม่ทัพเชมัลทำเสียงท้อแท้ พลางเหลือบตามองท่าทีของอีกคน เห็นว่าใบหน้ายังแดงจัด ขณะที่หันกลับไปทำปลาเตรียมอาหารเย็น
"ให้พี่ติดเตาไฟเลยไหม"
อาเม่ยพยักหน้า
...คราที่ไปดักรอในป่าที่เมืองเวกา หากเปิดโอกาสให้อีกคนได้โต้แย้ง ก็คงมิได้กอด ...
เมื่อตะวันตกดิน ทั้ง 2 คนก็กินอาหารมื้อเย็นเสร็จสิ้น เป็นการกินอาหารเย็นที่เร็วกว่าปกติ แต่เพราะวันนี้เดินทางไกล หิวเร็ว เมื่อกินเสร็จ แม่ทัพเชมัลจึงดื่มสุราต่อ อาเม่ยกลับเข้าครัวไปเตรียมมะกอกดองมาเป็นกับแกล้ม
มือใหญ่คว้าจับข้อมือไว้
"กำลังคิดว่าพี่ไม่มีเหตุผลใช่ไหม"
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมีแต่ร่องรอยของความกังวล
ความกังวลของแม่ทัพเชมัลมิใช่เรื่องล้อเล่น
"พวกเขาทำตามหน้าที่"
"เรื่องหน้าที่ เวลาที่พี่ทำงานก็ทำเต็มที่เช่นกัน แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าเวลาที่สมควรเป็นเวลาของเรา มันอยู่ตรงไหน"
"ตรงที่เราอยู่ด้วยกันเสมอ" ดวงตาสีเข้มสะท้อนภาพของอาเม่ย "น้องก็คิดถึงท่านพี่มากนะ อยากมีเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน และก็...พอจะคาดเดาได้ว่าท่านกำลังกังวลเรื่องใด"
"เกาะนี้อยู่ห่างไกล จากเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ ทำให้น้องเชื่อว่า ท่านพี่คงไม่อยากกลับมาที่เกาะแห่งนี้มากที่สุด เมื่อนานมาแล้วยังเคยบอกกับพี่ใหญ่ว่า หากท่านพี่ติดตามไปที่หมู่บ้านแล้วพวกเรามิรู้ว่าหนีไปที่ใด น้องก็คิดว่ายังมีที่นี่ ที่พวกเราสามารถหลบซ่อนอยู่ได้
แม่ทัพเชมัลเพียงยิ้มที่มุมปาก ให้อาเม่ยกล่าวต่อ
"นั่นก็ข้อหนึ่ง ข้อสองต่อมาก็คือ ท่านพี่ไม่ชำนาญการเดินเรือ ท่านกลับพาน้องมาที่นี่ สองเรื่องนี้มันขัดแย้งกันจนมิเข้าใจว่าท่านกำลังคับข้องใจเรื่องใดอยู่"
แม่ทัพเชมัลดึงอีกคนเข้ามาจูบที่หน้าผาก
"ข้อหนึ่ง พี่มิได้มีความทรงจำเลวร้ายที่นี่"
"อ้าว...." คนช่างคาดเดาทำตาโต "น้องถูกเวทย์ดำ จำท่านมิได้ แล้วก็ก่อเรื่องมากมาย"
"น้องถูกคนทำร้ายก็เพราะพี่ พี่ไม่ปฏิเสธที่ทุกข์ใจเมื่อเห็นเจ้าเป็นเช่นนั้น แต่ในเวลาเดียวกัน การได้อยู่กับเจ้าที่นี่ กลับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด"
นิ้วมือใหญ่เกลี่ยแก้มใส มีถ้อยคำมากมายที่มิได้กล่าวออกไป ยามเมื่อต้องอยู่ห่างไกล ก็จะเฝ้าเป็นกังวล ว่าจะมีผู้ใดลอบเข้ามาทำร้ายหรือไม่ หากถูกทำร้ายแล้วมีอาการหลงลืมทุกสิ่งไปอีก ต้าซันจะดูแลได้หรือไม่ จะมีใครฉวยโอกาสเข้ามาชักจูงให้ไปทำเรื่องร้ายอีกหรือไม่ หรือหากเกิดเรื่องขึ้นแล้วสองคนพี่น้องจะพากันหนี แล้วทั้ง 2 คนจะหนีไปที่ใด
ทั้งหมดคือความผิดซึ่งเกิดขึ้นในอดีต ที่ไม่เคยให้อภัยตัวเอง
หากสามารถย้อนเวลากลับไปได้ จะขอย้อนกลับไปถึงวันแรกที่ได้พบกัน เพื่อที่จะพากลับไปเมืองหลวงมิให้ใครเข้ามาทำร้ายได้แม้แต่ปลายเล็บ
ความทุกข์ใจนี้ หากพูดออกมา อีกคนก็คงเป็นกังวลไปด้วย
เพียงอยากให้จดจำไว้ว่าพี่เป็นคนรักขี้อิจฉา และหวงเจ้ายิ่งนัก
"ก็เวลาที่เราอยู่ดัวยกัน 2 คน ก็มิต้องมีผู้ใดให้เจ้านำพี่ไปเปรียบเทียบ ว่าเขาทำอาหารเก่งกว่าพี่ หน้าตาดีกว่าพี่ มีความสามารถมากกว่าพี่ โอ้ย!"
อาเม่ยหยิกเอวอีกคน จนต้องงอตัวตามมือไปด้วย
"แม่ทัพตัวโตขี้อิจฉา แค่จะไปเที่ยวกันแล้วผู้อื่นตามไปด้วยก็ยังอิจฉาเขาเสียอีก"
"ก็อิจฉา กลัวว่าน้องจะเห็นผู้อื่นดีกว่า เก่งกว่า" น้ำเสียงออดอ้อนเช่นนี้ ไม่เข้ากับรูปร่างหน้าตาจริงจังของแม่ทัพเชมัลสักเท่าใด ทำให้อาเม่ยหัวเราะร่วน
เมื่อน้องเล็ก 2 คนมาอยู่ด้วยกันมันช่างหาสาระอันใดมิได้
สายลมเย็นพัดมา เตือนว่าอีกมินานฝนจะตก อาเม่ยรีบลุกไปปิดหน้าต่างห้องพัก จากนั้นเมื่อเดินกลับมาก็เห็นว่า อีกคนก็เก็บสุราและกับแกล้มแล้วเช่นกัน
"ดื่มต่อก็ได้"
"แล้วน้องจะไปอาบน้ำมิใช่หรือ" มือใหญ่ชี้ไปที่ผ้าในมือ
อาเม่ยพยักหน้า "น้องไปอาบคนเดียวก็ได้ ลำธารอยู่ไม่ไกล"
มือใหญ่แตะแก้มใส "คิดหรือว่าจะปล่อยให้ไปคนเดียว"
ลมทะเลกำลังพัดกิ่งไม้เอนลู่ ส่งเสียงเร่งให้คนที่ยังอยู่ในลำธารรีบขึ้นจากน้ำก่อนที่ฝนจะตก แต่ทั้ง 2 คนหาได้รีบร้อน เส้นผมสีสวยเปียกลู่ แนบไหล่หลัง ผิวขาวจัดสะท้อนแสงจันทร์ที่ยังลอดผ่านหมู่เมฆ กลิ่นหอมอ่อนจางจากผิวน้อง พาให้พี่ซุกจมูกสูดดมให้ชื่นใจ
เสียงหัวเราะสดใส ที่พัดพาเรื่องราวขุ่นข้องหมองใจไปไกลได้เสมอ
"เสี่ยวเม่ย"
ดวงตาสีแปลกหันมามองสบตา ยิ้มหวานอีกคราแล้วจับมือพี่ให้ขึ้นจากน้ำ
อีกเพียงไม่กี่ก้าวจะถึงบันไดขึ้นบ้าน ฝนก็เทลงมา
เพียงแต่เมื่อก้าวเข้าบ้านแล้วปิดประตูลง ยังมิทันได้จุดตะเกียง พี่ก็ช้อนใบหน้าแสนหวานเข้ามาจูบพรม อ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากหวาน
คนตัวเล็กพลิกหน้าดูดริมฝีปากล่างของพี่ นิ้วมือแตะที่แก่นกายที่บ่งบอกถึงความต้องการมาตั้งแต่อาบน้ำ
ริมฝีปากสวยจูบที่ลำคอ ยอดอกแล้วลงมาหาที่แก่นกาย
มือใหญ่กระชับที่ต้นคอ ดวงตาสองคู่มองสบกัน
เมื่อหยดน้ำรสปร่าสัมผัสลิ้น พี่ก็ดึงให้น้องลุกขึ้น
ทั้งริมฝีปาก ฝ่ามือ หรือร่างกายที่สัมผัสกัน ล้วนพาความต้องการมากขึ่้นไปเรื่อย ๆ
น้ำมันดอกไม้หอมที่สัมผัสช่องทางอ่อนไหว ตามมาด้วยนิ้วมือที่สอดใส่ รับกับริมฝีปากหนาที่ครอบครองด้านหน้า ทำให้สะโพกผอมบางยกเกร็ง ตอดรัด
อาเม่ยกรีดร้อง แล้วเปลี่ยนเป็นเสียงหอบหายใจอ่อนหวาน เมื่อร่างกายพร้อมที่จะรับ มือเล็ก ๆ กลับผลักไหล่พี่ออก แล้วพลิกตัวขึ้นนั่ง กดสะโพกลงมาหาช้า ๆ
ร่างกายอ่อนโค้ง เมื่อ 2 มือเท้าลงไปที่ด้านหลัง
"เจ้ากำลังทำให้เลือดในกายพี่เดือดพล่าน เจ้ากำลังทำให้พี่หลงเจ้าจนมิรู้วันรู้คืน"
มือใหญ่สัมผัสริมฝีปาก ลากเรื่อยลงมาบดขยี้ยอดอกสีอ่อน
อาเม่ยขยับสะโพกช้า ๆ
มือใหญ่เลื่อนลงมาหาเอวบาง จับไว้ แล้วยกสะโพกขึ้นหา อาเม่ยกรีดร้องแล้วก้มลงกอดไหล่พี่ไว้แน่น พลิกหน้าจูบไซ้ที่ซอกคอ
คนตัวโตพลิกกลับมาอยู่ด้านบน ขยับสะโพกเข้าหาเนิบช้า
คนที่ความต้องการถูกฉุดรั้งให้กลับลงมา กำลังทรมานจนกรีดเล็บลงกับต้นแขนของพี่
"ท่าน พี่...."
ดวงตาคู่หวานหรี่ปรือ มึนเมา
พี่เกลี่ยเส้นผมที่ระแก้ม ก้มลงจูบริมฝีปากบาง สะโพกแกร่งเร่งเร้า เล็บที่จิกต้นแขนแรงขึ้น
หยาดน้ำสีขุ่นหยดจากส่วนปลาย จากนั้นร่างกายสูงใหญ่จึงตามไปถึงจุดสูงสุด
แต่เมื่อพลิกตัวลงมานอนกอดกัน มือใหญ่ก็กลับซุกซน บีบเคล้นที่อกบาง อาเม่ยพลิกหน้าหันไปมอง คนที่กำลังยิ้มหวานแล้วก้มลงหายอดอกที่เปลี่ยนเป็นสีแดงจัด
"คนขี้อิจฉา เอาแต่ใจ"
จูบริมฝีปากช่างตัดพ้อก่อนที่จะโต้แย้ง "เพราะพี่รู้ว่าจะอย่างไร น้องก็ต้องตามใจพี่อยู่แล้ว"
มือเล็ก ๆ ตีที่ไหล่หนาด้วยความเก้อเขิน แล้วส่งเสียงครางในลำคอ เมื่ออีกคนกดเข้าหาอีกครั้ง
"พี่รักเจ้า เสี่ยวเม่ย"
.....จบตอนพิเศษ Vega.....
ตอนพิเศษตอนนี้ เริ่มจากหิมะหวานในตอน 5/1 กับเอ็นซีในตอน 5/2 ที่คนเขียนเขาโน๊ตไว้คร่าว ๆ ผ่านไปนานหลายเดือน เขาถึงได้เอาเรื่องยาเสพติดมาใส่ ลำดับเรื่องใหม่แล้วออกมาเป็นแบบนี้ 
ป๋ามักบอกว่า เราโชคดีที่ป็นคนเขียนเรื่องในยุคคอมพิวเตอร์ ถ้าเป็นรุ่นก่อนหน้า ที่ต้องพิมพ์ดีดรวดเดียว เราก็คงทำไม่ได้ เพราะวิธีคิด วิธีเขียนของเราคือนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็เขียนไว้ก่อน แล้วหลาย ๆ ครั้งโพสต์ไปแล้ว ก็ยังกลับมาแก้ไขใหม่ เพราะเอาไฟล์เก่ามาอัพ
พออ่านรีพลายของคุณ กลับไปอ่านเรื่องที่แชร์ แล้วก็ อ้าว...มิน่าถึงได้งง ๆ
ขอขอบคุณทุกความเห็นครับ เพราะทุกความเห็นก็คือ ตอนพิเศษที่ไหลไปเรื่อย ๆ นี่แหละ
ขอบคุณที่กรุณาสละเวลาติดตาม
ขอบคุณมากครับ
ไจฟ์ กับ ที