.
.
.
#include<stdio.h>
main(){
printf(“Do you love me?”);
}
ผมกวาดตามองจอที่แสดงข้อความนี้ขึ้นมาทันทีที่เอาโปรแกรมมารัน อุณหภูมิผิวหน้าเหมือนจะร้อนขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ เสียงหัวเราะของเฮียมุกต์ดังอยู่ข้างๆหูพร้อมกับเสียงขี้เล่นที่กระเซ้าให้กดตอบสักที พอหันไปมองก็เห็นรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์อยู่บนหน้าขาวๆของเฮียมุกต์ แต่ตอนนี้ไอ้หน้าขาวๆที่ว่าขึ้นสีแดงจางๆไม่น้อยกว่าหน้าผมหรอก
“หยง ตอบเร็วๆดิ”
“เชี่ยเฮียมุกต์...” หยิบตุ๊กตาวอลรัสที่มันกอดไว้มาทุบใส่หน้ามันเต็มๆ ผมกดปิดโปรแกรม ทำท่าจะชัทดาวน์เครื่องแต่เฮียมันจับมือไว้ก่อน “นอนไปเลย ยุ่งจังวะเฮีย”
“ไม่ตอบจริงดิ อยากฟัง”
“ทำไมชอบฟังอะไรซ้ำๆซากๆวะ” ในที่สุดผมก็ผลักตัวควายๆของเฮียมุกต์ออกไปได้สักที ผมลุกขึ้นนั่ง เอาหมอนกดใส่หน้าเฮีย ฆาตกรรมเลยดีไหม ปลุกปล้ำกันอยู่สักพักผมก็ทำให้เฮียมุกต์นอนนิ่งๆได้ มันคงเหนื่อยแล้วมั้ง เฮียมุกต์หอบหายใจแรงจนอกกระเพื่อม เหนื่อยจนดิ้นไม่ไหวแล้วก็ยังไม่วายเลื้อยมือมากอดเอวผมที่กำลังนั่งคร่อมเฮียไว้
ผมมองหน้า เฮียมุกต์เป็นคนหน้าตาดี แต่ถูกนิสัยแบบ Geek กลบนิสัยไปจนกลบเสน่ห์ตัวเองหมด ชอบพูดแต่เรื่องที่ตัวเองสนใจ ชอบไซโคคนอื่นให้มาชอบเรื่องเดียวกับตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองหัวอ่อนรึเปล่า แต่พอเฮียมุกต์ชักชวนอะไรผมก็โดนดึงไปง่ายๆซะอย่างนั้น อาจจะแพ้รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนหน้าเสมอเวลาที่กำลังพูด หรือเสียงของเฮียที่บอกให้ทำอะไรก็อยากทำตามทุกอย่างก็ได้ ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่คนคนนี้มีแรงดึงดูด
ก้มลงไปจูบโดยไม่รู้เหตุผล พอละริมฝีปากออกมาก็พบว่าหน้าเราแดงจัดทั้งคู่ เฮียมุกต์กระแอมก่อนจะหันไปมองทางอื่นแว่บหนึ่ง แล้วก็หันกลับมามองหน้าผมเหมือนเดิม มืออุ่นๆลูบที่หัวผมไปมาทำให้เพลินจนเผลอหลับตา
“หยง กูจะกลับครั้งสุดท้ายนะ”
ผมลืมตา ขมวดคิ้วมองคนที่นอนอยู่ข้างล่าง “อะไร?”
“ก็จะกลับมาไทยครั้งสุดท้ายแล้ว จะกลับอีกทีตอนเรียนจบเลย”
“ทำไม?” อะไรของเฮียวะ ไหนว่าจะกลับมาหาบ่อยๆไง ผมลุกขึ้นมานั่งข้างๆ มองเฮียที่ยังคงไม่พูดอะไรออกมานอกจากยิ้มแบบที่มันชอบทำ ไม่ชอบ จะยิ้มทำไม ยิ้มแล้วพูดเรื่องแบบนี้ไม่ต้องยิ้มก็ได้มั้ง “เฮียจะทิ้งหยงเหรอ”
“เปล่า ไม่ทิ้งหยงหรอก ใครจะทิ้งลงล่ะน่ารักขนาดนี้” เฮียเอื้อมมือมาลูบหัวแต่ผมปัดออก หงุดหงิด “หยง คุยกันดีๆก่อนดิ อย่าเพิ่งรีบโกรธได้ไหม?”
“เฮียขี้โกหกว่ะ ก็บอกเองว่าจะกลับมาหาแล้วมาพูดอะไรตอนนี้”
“ขอโทษ ตั้งใจฟังที่พูดตอนนี้ดีกว่า” ถูกดึงลงไปนอนอีกครั้ง ไม่อยากโดนกอดแต่รู้สึกแย่จนทำอะไรไม่ถูก เห็นหน้าตัวเองสะท้อนออกมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วถึงรู้ว่ากำลังทำหน้าบึ้งตึงสุดๆออกมา แต่ห้ามไม่ได้ ผมพยายามข่มอารมณ์ไม่พูดอะไรรอให้เฮียมุกต์พูดออกมาเอง หวังว่าจะมีเหตุผลดีๆสักข้อ “ทุนที่กูสอบไปเรียนต่อ มันไม่ยากเกินฝีมือหยงหรอก”
“จะให้ผมไปเรียนเมกาเนี่ยนะ? จะบ้าหรือไง” ผมโวยวาย “ผมไม่ได้เก่งแบบเฮียนะเว้ย จะไปทำได้ได้ไงวะ”
“ภาษาหยงก็ได้ วิชาการหยงก็ได้ แล้วยังเหลืออะไรอีกวะนอกจากหยงไม่กล้าเอง”
“อย่ามาเอาตัวเองเป็นข้อแลกเปลี่ยนอย่างนี้นะเว้ย ถ้าผมทำไม่ได้จะทำไง เฮียแม่ง”
“ก็ทำให้ได้ดิ อย่ากลัว” มันดึงผมไปกอดแน่น ซุกหน้าไปกับไหล่มัน บ้าอะไรของเฮียมุกต์วะ คนอย่างผมเนี่ยนะจะไปเรียนอเมริกา ไม่เคยอยู่ในสมองเลย ทำไมเฮียมุกต์มันชอบทำอย่างนี้อยู่เรื่อย บีบให้ไม่มีทางเลือก สุดท้ายก็ต้องตามมันไปเหมือนเคยเหรอ
“ทำไมต้องให้หยงไปเรียนที่นู่น” ผมถามโดยไม่มองหน้าคนข้างๆ ได้ยินแค่เสียงลมหายใจดังแผ่วเบา
“ก็มึงจะไปได้ไกลกว่าอยู่ที่นี่ ไปเปิดโลกกว้างซะมั่ง ไม่เห็นเสียหายอะไร ประโยชน์น่ะตกอยู่กับตัวมึงเองล้วนๆ มันต่างจากอยู่ที่ไทยเยอะเลยนะ ถ้ามึงสอบทุนได้กูจะมาโม้ให้ฟังอีกที” ถูกประคองหน้าให้เงยขึ้นมา ผมมองตาเฮียหยง ตาสวย แต่ไม่ชอบเลย จู่ๆก็ไม่ชอบ “กูเหงาด้วยหยง ไม่อยากอยู่คนเดียว”
แปลกที่พอได้ยินประโยคสุดท้ายผมกลับเผลอหลุดหัวเราะออกมา “เฮียมุกต์ จะบ้าเหรอวะ”
“กูจริงจังนะ เดี๋ยวถึงเวลาที่ทุนมันเปิดสมัครสอบเมื่อไหร่กูจะเตือนมึงแล้วกัน” มันบอก ก่อนจะค่อยๆเลื่อนมือมากอดอีกครั้ง พูดด้วยน้ำเสียงอ้อนกว่าปกติ “นะหยง สอบนะ”
ตั้งแต่เด็กแล้ว น้อยครั้งที่ผมจะปฏิเสธเฮียมุกต์สำเร็จ ... ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมเดินโดยมีเฮียมุกต์นำอยู่เสมอ อยากไปทางทางเดียวกับที่เฮียมุกต์ไป ผมหลับตา ตัดสินใจอยู่ในสมอง ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งแรกก็ได้ที่ผมไม่คิดจะเดินตามเฮีย
ผมจะเดินให้ทันแล้วไปข้างๆเอง
“ถ้าหยงสอบได้ เฮียกลับมารับหยงที่ไทยด้วยนะ”
เฮียมุกต์ยิ้มกว้าง กอดผมแน่นกว่าเดิม ผมกอดกลับ ปล่อยให้อุณหภูมิอุ่นๆส่งถึงกันโดยไม่พูดอะไร
อยู่ที่ไทยประมาณเดือนนึง เฮียมุกต์ก็นั่งเครื่องกลับไป ระยะเวลาที่อยู่กับผมกับเจ๊เหมยน่ะแค่สัปดาห์เดียว หลังจากนั้นก็กลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่ชลบุรีก่อนจะกลับมาอีกครั้งตอนสองวันสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่อง ไม่ใช่เวลาที่นานเท่าไหร่ ไม่ทำให้หายคิดถึงเลยด้วยซ้ำ แต่เหมือนว่าในระยะสั้นๆจะทำให้ผมตัดสินอะไรได้เยอะ
ช่วงที่ได้อยู่ด้วยกันมากเท่าไหร่ก็ไม่พอ แต่พอจะจากกัน แค่เวลาไม่กี่วันก็เหมือนถูกยืดออกให้นานกว่าเดิม กว่าผมจะสอบทุน กว่าทุนจะประกาศว่าใครได้คัดเลือกก็ไม่รู้ต้องรออีกนานเท่าไหร่ แต่เพราะมีเฮียมุกต์เป็นจุดหมาย ผมจึงต้องพยายาม ยังไงมันก็ดีกว่าไม่ได้เจอเฮียตลอดจนเฮียเรียนจบ ถึงจะคิดว่าคนอย่างเฮียมันทนไม่ได้นานก็ตาม
สุดท้ายผมก็ยังไม่ได้บอกเฮียว่าความจริงแล้วผมเขียนโค้ดภาษาซีเป็นตั้งนานแล้ว ปล่อยให้เฮียมันไม่รู้ต่อไป ผมกอดเฮียนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่จะเข้าไปในเกต ไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ว่าจะไม่ได้เจอแล้ว ตราบใดที่ยังสอบทุนไม่ได้ก็จะไม่เจอหน้าเฮียมุกต์ แปลก แค่คนคนเดียวไม่รู้ทำไมถึงกล้าเสนอตัวมาเป็นทางเลือกในการตัดสินใจอนาคตของผม คิดว่าตัวเองเป็นใครวะ
แล้วยังกล้าปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวอีก ไม่คิดถึงคนอื่นบ้างเลยหรือไง
“มึง เฮียมุกต์เขาจะไม่กลับมาแล้วจริงๆเหรอ” เจ๊เหมยถามผมขณะที่พวกเรากำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ ช่องที่เจ๊เหมยเปิดกำลังฉายสารคดีเกี่ยวกับอเมริกา ไม่แปลกใจที่จู่ๆเจ๊ก็ถามเรื่องเฮียมุกต์ขึ้นมาเพราะไม่ว่าเราเห็นอะไรเกี่ยวกับอเมริกาก็พาลนึกถึงคนที่กลับไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่เมื่อวานซะหมด
“คงงั้นแหละเจ๊” ผมตอบ ไม่อยากสาวความยาวกว่านี้เพราะกำลังใช้สมาธิอยู่
“แกต้องสอบทุนให้ได้นะเว้ยหยง ไม่งั้นเจ๊คิดถึงเฮียมุกต์ตายแน่ๆเลยว่ะ” เสียงเจ๊เหมยโคตรโอเว่อร์ เหมือนจะร้องไห้ทั้งที่หน้ายังปกติอยู่ ทำเป็นดราม่าไปได้ “แล้วนั่นแกทำอะไร ทำไมไม่อ่านหนังสือเดี๋ยวก็สอบไปอยู่เมกากับเฮียมุกต์ไม่ได้หรอก”
“เจ๊เลิกพูดถึงเฮียได้ละ หยงรำคาญว่ะ หยงใช้สมาธิอยู่”
“เล่นเกมมันเข้าไป เบื่อว่ะ”
“ไม่ได้เล่นสักหน่อย”
ไม่ได้พูดอะไรต่ออีกเพราะเจ๊ลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมกลับมาสนใจที่หน้าจอโน๊ตบุ๊คเหมือนเดิม มองโค้ดง่ายๆที่เขียนไว้ ไม่ได้กำลังคิดว่ามันผิด มันถูกแล้ว แต่ก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดี
ตรวจอีกครั้งเหมือนเป็นโรคจิต กดเซฟ กดคอมไพล แล้วก็ตรวจ ทำแบบเดิมหลายๆครั้งเพราะไม่อยากให้มันพลาดไปแม้แต่นิดเดียว
#include<stdio.h>
#include<math.h>
int main()
{
int x, y, size=5;
char ans;
printf("Will you become my BF (Y/N)");
scanf("%c",&ans);
if(ans=='Y'){
for (x=0; x<size; x++)
{
for (y=0; y<=4*size; y++)
{
double dist1 = sqrt( pow(x-size,2) + pow(y-size,2) );
double dist2 = sqrt( pow(x-size,2) + pow(y-3*size,2) );
if (dist1 < size + 0.3 || dist2 < size + 0.3 )
printf("%c",'o');
else
printf(" ");
}
printf("\n");
}
for (x = 1; x <= 2*size; x++)
{
for (y=0; y<x; y++)
printf(" ");
for (y=0; y<4*size + 1 - 2*x; y++)
printf("%c",'o');
printf("\n");
}
printf("I love you <3");
}
else if(ans=='N'){
printf("Then become my wife");
}
else{
printf("Please input Y or N.");
}
}
ไม่น่าจะพลาด
มันเป็นโค้ดภาษาซีง่อยๆที่ผมเขียนแล้วเซฟทิ้งไว้ที่โน๊ตบุ๊คของเฮียมุกต์ เขียนไว้ตั้งแต่วันแรกๆที่เฮียกลับมาแล้ว แต่ไม่ได้บอก พอเฮียมันกลับมาพักก็เหมือนจะไม่อยากใช้เวลากับคอมพิวเตอร์ผมจึงไม่ได้ทักอะไร จนกระทั่งเฮียกลับไป ป่านนี้ถึงอเมริกาแล้วแหละ ผมกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะทักให้เฮียไปรันโปรแกรมนั้นหรือว่าจะไม่กวน ปล่อยให้เฮียมุกต์นอนพักให้สบายดีกว่ากัน
อยากรู้คำตอบ ไม่อยากรอ แต่ก็ไม่อยากกวน
จู่ๆเมล์ของผมก็เด้งขึ้นมาว่ามีเมล์ใหม่ ผมรีบเปิดเพราะเห็นชื่อคนส่ง - พิมุกต์ ญาณวโร – มีไฟล์แนบมา 1 ไฟล์ เป็นไฟล์รูปภาพ ผมกดเข้าไปดู เฮียมุกต์แคปหน้าจอหลังจากได้รันโปรแกรมนั้นส่งมาให้ผม พร้อมกับส่งข้อความสั้นๆมาด้วย “ร้ายนะเรา” ผมอ่าน แล้วก็เผลอหัวเราะเบาๆออกมา
โดนเจ๊เหมยบ่นว่าบ้า นั่งยิ้มกับหน้าจอ ก็คงจะบ้าจริงๆ
จะมีคนปกติสักกี่คนล่ะใช้วิธีเขียนโปรแกรมขอคนอื่นเป็นแฟน คำตอบที่เฮียมุกต์ส่งมาให้ดู มันก็มากพอที่จะทำให้ผมนั่งบ้าไปทั้งวัน
คำพูดที่ไม่เคยบอก คำถามที่ไม่เคยถาม ก็ปล่อยให้โปรแกรมมันพูดแทนไป...
return 0;
/* จบแล้วค่ะ
เขียนแบบมึนๆ จบแบบมึนๆ 555 ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ : ) */
}.
.
แถมค่ะ