ตอนที่ 4 แม่สามีปะทะลูกสะใภ้.........
หลังจากที่ไอ้หื่นภามนั่นบอกป้าแม่บ้านไปแบบนั้น เธอก็ดูจะตกใจไม่น้อย แต่ก็ยังรีบเข้าไปบอกคุณผู้หญิงของบ้าน ส่วน
ไอ้หื่นภามก็พาผมมานั่งรอคุณหญิงแม่ที่ห้องรับแขก
“คุณแม่คุณนี่ร้ายระดับไหนเหรอ” ผมก้มลงไปกระซิบถาม อีกคนจึงก้มลงกระซิบตอบ
“ระดับสูงสุด” ไอ้หื่นนั่นตอบผม ผมได้ยินคำตอบแล้วรู้สึกเป็นเกียรติและตื่นตันใจอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงๆ
“ไหน! คนไหน! ที่ตาภามบอกว่าเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ของบ้านสุริยศักดิ์!!” เสียงของคุณหญิงแม่ถามหาผมเสียงดังมาแต่ไกล ไอ้
หื่นนั่นก้มลงมาถามผมว่าผมไหวรึเปล่า แหม พามาขนาดนี้ ถ้าถอยกลับก็ใช่เรื่องอยู่ แต่ว่า...ถอยกลับตอนนี้ทันไหม?
“ไหนตาภามคนที่ลูกบอกว่าเป็นว่าที่สะใภ้แล้วจะพามาไหว้แม่” ทันทีที่คุณหญิงแม่เดินมาถึงที่ห้องรับแขกก็ตรงดิ่งเดินเข้ามา
ถามหาว่าที่ลูกสะใภ้กับลูกชายทันที
“เอ่อ...คือคุณแม่ครับ”
“อ้าวแล้วเด็กคนนี้เป็นใครไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้คนในครอบครัวเขากำลังคุยกัน” โห! เจ๊ครับพูดอย่างนี้ไอ้ป๊อบก็ขึ้นสิครับแถม
ยังมีการมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกต่างหากอย่างนี้มันหยามกันชัดๆ ผมไม่รอให้อีกคนแนะนำผมให้กับคุณหญิงแม่เพราะผมจะ
แนะนำตัวกับท่านด้วยตัวผมเอง!!
“สวัสดีครับคุณหญิงแม่ ผมชื่อป๊อบครับ ส่วนเรื่องที่คุณหญิงแม่ถามว่าผมเป็นใคร ผมก็เป็นแฟนของลูกชายของคุณแม่แล้วก็
ยังเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ของคุณแม่ด้วยแค่นี้พอจะเป็นคนในครอบครัวได้หรือยังครับ” พูดจบผมก็ทำการโปรยยิ้มเสน่ห์ของตัวเองส่งให้
คุณหญิงแม่ แต่ดูท่าเธอคงไม่สนใจรอยยิ้มของผมเพราะตอนนี้หูของท่านเหมือนกำลังมีควันพวยพุ่งขึ้นมาเล็กน้อย หึๆรู้ซะบ้างว่า
เล่นอยู่กับใคร
“นี่มันอะไรกันตาภาม ทำไมไอ้เด็กไม่รู้หัวนอนเปล่าเท้าคนนี้ถึงได้มาพูดจาหยาบคายแถมยังมาอ้างว่าเป็นว่าแฟนของลูกและ
ว่าที่สะใภ้ของบ้านเรา” คุณหญิงแม่หันไปถามไอ้หื่นภามเป็นชุดและด้วยความที่ผมเป็นคนดี ผมก็เลยจัดการตอบทุกคำถามของ
ท่านแทนลูกชายสุดรักของคุณหญิงเอง
“ทำไมจะไม่รู้หัวนอนปลายเท้าล่ะครับ เวลาป๊อบอยู่ที่หอหัวนอนของ
ป๊อบก็อยู่ทางด้านทิศตะวันออก ส่วนปลายเท้าก็อยู่ทางทิศตะวันตกและที่สำคัญป๊อบก็ไม่ได้อ้างด้วยว่าเป็นแฟนของพี่ภาม จริง
ไหมครับพี่ภาม?” ผมหันไปถามไอ้หื่นเสียงหวานพร้อมกับช้อนสายตาขึ้นไปมอง แถมยังสังเกตเห็นสีหน้าตกใจของอีกฝ่ายที่คงไม่
คิดว่าผมจะกล้าลงทุนทำขนาดนี้ แต่ก็ตกใจได้ไม่นานอีกฝ่ายก็กลับมาตีสีหน้าเรียบนิ่งตามปกติ จากนั้นผมก็แกล้งซบไหล่อีกฝ่าย
อย่างออดอ้อนและที่สำคัญยิ่งได้เห็นคุณหญิงแม่เหมือนคนกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไอ้ป๊อบก็ยิ่งสะใจ
“พี่ภามครับไหนพี่ภามบอกว่าคุณหญิงแม่จะไม่ว่าอะไรเราไม่ใช่เหรอครับ” และแล้วขั้นตอนการบีบน้ำตาก็มา ไอ้หื่นทำอะไร
ไม่ถูกเพราะเห็นผมเปลี่ยนโหมดเร็วยิ่งกว่าจิ้งจกเปลี่ยนสี?
“เอ่อ...พี่ภามขอโทษนะครับ น้องป๊อบอย่าร้องนะครับ” ไอ้หื่นว่า ก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปกอดปลอบ เอ่อ..มึงนอกบทไปละ ใน
ทีแรกผมขัดขืนที่จะไม่เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่าย แต่ก็โดนสายตาดุๆกับคำพูดที่ไม่ออกเสียงที่พอจะรู้ว่าอีกคนพูดอะไร
อยากให้ความแตกหรือไง ผมเลยต้องจำใจไปอยู่ในอ้อมกอดของอีกคน
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ หยุดทั้งคู่เลย แล้วตาภามก็ปล่อยไอ้เด็กนี่ได้แล้ว” คุณหญิงแม่เข้ามาแยกผมกับไอ้หื่นให้ออกจากกัน
“ผมชื่อป๊อบครับไม่ใช่ไอ้เด็กนี่” ผมบอกคุณหญิงแม่เพราะเท่าที่จำได้ผมก็บอกชื่อตัวเองกับท่านไปตั้งแต่ต้นแล้ว
“เธอจะชื่ออะไรก็ช่างฉันไม่สนเพราะตอนนี้ฉันสนแต่ลูกชายของฉันคนเดียว” คุณหญิงแม่ตวาดลั่นบ้าน จนป้าพิมพ์ที่ยืนอยู่ใน
เหตุการณ์ยังสะดุ้งเล็กน้อย
“มันเป็นยังไงกันภาม ไหนลูกอธิบายมาให้แม่ฟังหน่อยซิ เอาให้ละเอียดนะ” เธอหันกลับไปคาดโทษลูกชายคนโปรด
“ผมกับน้องป๊อบเราเป็นแฟนกันครับแล้วน้องป๊อบก็จะมาเป็นว่าที่สะใภ้ของบ้านนี้ด้วยครับ” ไอ้หื่นบอกคุณหญิงแม่ จากนั้นก็
รวบเอวผมเข้าไปกอด ผมเลยต้องเอื้อมมือไปตีเบาๆเพื่อกันไม่ให้ผิดสังเกต
“เนียนตลอดเลยนะไอ้หื่น” ผมเงยหน้าขึ้นไปกระซิบที่ข้างหูไอ้หื่น แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีทีท่าสะทกสะท้านแถมยังกระชับอ้อม
กอดพร้อมกับกระตุกรอยยิ้มส่งให้ผมอีกต่างหาก เห็นแล้วขนลุกชะมัด
“แล้วทำไมลูกถึงไม่เคยเล่าเรื่องเด็กคนนี้ให้แม่ฟังเลยล่ะ” คุณหญิงแม่ว่าก่อนจะปรายตามามองผม ผมเลยส่งยิ้มไปให้ท่าน
แต่ท่านกลับสะบัดหน้าหนี้หันกลับไปฟังคำตอบจากลูกชาย ส่วนผมนี่ก็หุบยิ้มลงแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว ณ จุดๆนี้
“เราแอบคบกันแบเงียบๆครับ ผมยังไม่กล้าพาน้องมาเปิดตัวเพราะกลัวว่าถ้าผมบอกคุณแม่เรื่องราวมันก็ต้องเป็นแบบนี้” โห
น้ำเน่าสุดๆอ่ะ คบหากันแบบเงียบๆ ถามจริงไอ้หื่นดูละครหลังข่าวมากไปปะเนี่ย?
“คือป๊อบผิดเองครับที่ขอร้องให้ช่วยพามาไหว้คุณหญิงแม่เรื่องราวมันก็เลยเป็นแบบนี้” ผมพูดเสียงเบาพร้อมกับก้มหน้าลง
เล็กน้อยเพื่อให้ดูเป็นการสำนึกผิด
“ใครเขาคุยกับเธอไม่ทราบ” เพล้ง!แตกละเอียดไม่เหลือชิ้นดีเลย
ไอ้ป๊อบเอ้ย! สงสัยว่างๆมึงควรไปฉีดน้องโบบ้างนะหน้ามึงจะได้ตึงๆ เวลาโดนว่าแบบนี้เข้าจะได้คงรูปได้อยู่ดีไม่ต้องแตกเป็น
เสี่ยงๆแบบนี้
“คุณแม่ น้องแค่อธิบายให้คุณแม่ฟังนะครับคุณแม่ก็ไม่น่าไปว่าน้องแบบนั้นเลย” ไอ้หื่นออกปากเข้าข้างผม ผมเลยถือโอกาส
เหลือบตาขึ้นไปมองก็เห็นสีหน้าไม่พอใจของคุณหญิงแม่ที่กำลังมองไอ้หื่นภามอยู่อย่างไม่พอใจที่เข้าข้างผม โฮะๆๆๆ ก็ไม่รู้สินะ
“ตาภามนี่ลูกกล้าเข้าข้างไอ้เด็กไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักมารยาทแบบนี้เหรอ” คำก็ว่า สองคำก็ว่า ตั้งแต่ผมเจอคุณหญิงแม่มา
มีบ้างไหมที่ยังไม่โดนว่า
“งั้นคุณแม่ก็ให้น้องป๊อบเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะว่าที่ลูกสะใภ้ของคุณแม่สิครับแล้วคุณแม่ก็เอาน้องไปปรับแก้นิสัยไม่ดีๆพวกนั้น
เพื่อที่จะได้ดีพอในฐานะว่าที่ลูกสะใภ้ของบ้านสุริยศักดิ์สิครับ น้องป๊อบครับเดี๋ยววันนี้น้อง
ป๊อบค้างที่นี่นะครับ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปย้ายจากหอพักมาไว้ที่นี่นะครับ”
“เฮ้ย!//ไม่ได้นะตาภาม!” เสียงผมกับเสียงของคุณหญิงแม่ร้องออกมาพร้อมกัน แต่ไอ้หื่นภามนั่นก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร
เฮ้ย! นี่มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลงไม่ใช่เหรอ ไหนบอกว่าแค่แกล้งเป็นแฟนแล้วก็แกล้งเป็นว่าที่สะใภ้แค่นี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมไอ้หื่นไม่
เห็นบอกเรื่องที่ต้องมาอยู่ที่นี่เลย ไอ้เหี้ยเอ้ย!
“แต่แม่ไม่อนุญาตให้เด็กนี่มาอยู่ที่นี่นะตาภาม ห้องที่เหลือมีไว้สำหรับแขกที่ได้รับเชิญ ส่วนแขกที่ไม่ได้เชิญแม่ไม่อนุญาต”
คุณหญิงพูดพร้อมกับปรายหางตามามองผม แต่คราวนี้ผมเห็นด้วยกับคุณหญิงไม่ได้นะผมจะไม่ยอมอยู่ที่นี่เด็ดขาด!”
“ใครบอกว่าน้องป๊อบจะไปอยู่ที่ห้องรับแขกหละครับ” ไอ้หืนพูด ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเอื้อมมือมาดึงผมให้ลุกตาม ผมพยายาม
ขืนตัวเองเอาไว้สุดแรงเกิดแต่ก็ต้านแรงของอีกคนไม่ได้เลยต้องลุกตามมือที่ดึง
“น้องป๊อบจะไปอยู่ที่ห้องของผมตั้งแต่วันนี้ครับ” นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันทำไมผมถึงโดนไอ้หื่นนี่มัดมือชกตลอดด้วยนะ ทำไม
เทวดาฟ้าดินไม่เห็นใจไอ้ป๊อบตัวน้อยๆคนนี้เลยกล้าปล่อยให้ไปอยู่กับไอ้หื่นบ้ากามนี่ได้ยังไง
ฮือๆๆๆ ป๊อบจะฟ้องศาล!!!
ตอนนี้ผมกำลังพยายามกึ่งลากกึ่งดึงอีกคนให้เดินตามผมมาที่ห้องนอนเพราะหลังจากที่ผมบอกคุณแม่ว่าจะให้ไอ้เด็กแสบนี่
มาอยู่ที่ห้องของผมท่านก็เกิดอาการหน้ามืดจนเป็นลม ผมเลยให้ป้าพิมพ์คอยดูแลคุณแม่เอาไว้ ก่อนจะหันมาจัดการกับอีกคนที่มี
ลูกดื้อไม่แพ้คุณแม่เลยแม้แต่น้อย ผมรู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้มันไม่ได้อยู่ในสิ่งที่บอกไอ้เด็กแสบตั้งแต่ต้น แต่พอเรื่องที่เกิดขึ้นที่
บริษัทมันทำให้ผมอยากที่จะรั้งอีกคนเอาไว้
“นี่คุณ” อีกคนเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกผม ผมเลยต้องหันไปมองดุๆ เจ้าตัวจึงกลับมาเรียกแบบเดิมที่ตกลงไว้แต่ก็ไม่วาย
เบะปากใส่ ร้ายจริงๆไอ้เด็กแสบ
“นี่พี่ภามไอ้ที่พี่ทำอยู่มันไม่ได้อยู่ในรายละเอียดงานเลยนะ ตอนแรกพี่ไม่ได้บอกว่าจะให้ป๊อบมาอยู่ที่นี่นะ” อีกคนบอกผม
เรื่องรายละเอียดของงานซึ่งไอ้สิ่งที่ผมทำอยู่นั้นมันไม่ได้อยู่ในรายละเอียดของงาน ใช่สิ่งนี้ไม่ได้อยู่ในรายละเอียดงานในตอนนั้น
แต่มันอยู่ในรายละเอียดงานในตอนนี้
“แต่นั่นมันตอนนั้น ส่วนตอนนี้มันอยู่ในรายละเอียดงานแล้ว โอเคไหมครับน้องป๊อบแล้วก็เดินตามพี่มาได้แล้วไม่ต้องพูดมาก”
ผมบอกอีกคนเพราะอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงห้องของผมแล้ว
“ไม่โอเคโว้ยยยยยยยยยย” อีกคนตะโกนเสียงดังพร้อมกับออกแรงขัดขืน แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวคงมาทำสำเร็จช้าไปเพราะ
ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังนั่งทำหน้าไม่พอใจอยู่บนพื้นในห้องของผมเรียบร้อยแล้ว
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย ” อีกคนว่า ก่อนจะปรายตามามองผม ผมเลยเดินไปนั่งที่โซฟามองคนที่นั่งจุมปุกอยู่ที่พื้น
“แต่ฉันก็ไม่ได้จ้างนายมาแค่พันสองพันนะตั้ง 3 แสนช่วยทำงานให้คุ้มค่าด้วย” ผมเอาเรื่องจำนวนเงินมาเป็นข้ออ้าง แต่จะว่า
ไปมองดูไอ้เด็กแสบนี่ทำหน้าไม่พอใจมันก็เป็นเรื่องสนุกไปอีกแบบ
“ยิ้มอะไรของนายไม่ทราบ ไอ้หื่นภาม” อีกคนหันมาว่าผมอย่างเอาเรื่อง แต่ผมเริ่มจะไม่พอใจกับไอ้สรรพนามที่เขาใช้เรียก
ผมสักเท่าไร
“คำก็หื่น สองคำก็หื่น นายอยากจะให้ฉันหื่นให้ได้เลยใช่ไหม” ผมว่า ก่อนจะค่อยๆลุกเดินออกจากโซฟาไปหาคนที่นั่งอยู่ที่
พื้น ก่อนจะผลักอีกฝ่ายให้นอนราบแล้วตัวผมก็คร่อมทับอีกคนเอาไว้
“นะ..นายจะทำอะไร ลุกออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ้บ้า ไอ้หื่น ไอ้บ้ากาม ไอ้โรคจิต” อีกคนสรรหาคำมาว่าผม ผมไม่
ได้โกรธหรอกนะที่โดนว่าเพียงแค่อยากจะแกล้งอีกคนเล่นเท่านั้น
“พี่ว่าน้องป๊อบก็น่าจะเดาออกนะว่าพี่กำลังจะทำอะไรเพราะพี่รู้ว่าเราก็ไม่ได้เป็นคนใสซื่ออะไรมากขนาดนั้นออก
จะ....โชกโชนอยู่ไม่ใช่น้อยไม่ใช่เหรอ หืม?” ผมแกล้งพูดยั่วอีกคน ยิ่งเห็นสีหน้าซีดๆกับแววตาที่ดูตื่นๆนั่นยิ่งทำให้ผมอยากแกล้ง
เขาไปอีก ผมเลยเอื้อมมือลงไปลูบต้นขาเรียวยาวของอีกฝ่ายไล้มาเรื่อยๆจนถึงขาอ่อน การขัดขืนของอีกฝ่ายในตอนแรกดูเหมือน
จะหยุดลงเพราะอีกคนได้แต่นอนตัวแข็งทื่อหลังจากที่โดนผมสัมผัสตัวเองแบบนั้น หึๆ นายนี่มันน่าแกล้งจริงๆนะป๊อบ จากนั้นผมก็
ใช้จังหวะที่อีกคนไม่ได้ตั้งตัวค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ชิมความหวานจากริมฝีปากได้รูปของไอ้เด็กแสบ
ประตูห้องของผมก็ถูกเปิดออก
“อุ้ยแม่!ตาเถรหก เจ็ด แปด เอ่อ...ขอโทษค่ะคุณภามป้าไม่คิดว่าคุณภามกับแฟนกำลังเอ่อ...” ป้าพิมพ์พูดจบก็มองหน้าผม
กับไอ้เจ้าเด็กแสบสลับกันไปมา ส่วนไอ้เด็กแสบป๊อบที่เห็นสภาพของเราสองคนก็รีบผลักผมออกแล้วรีบอธิบายให้ป้าพิมพ์เข้าใจ
“ไม่ใช่อย่างที่คุณป้าคิดนะครับคือผมกับพี่ภามเราไม่ได้กำลังจะทำอะไรกันทั้งนั้นนะครับ” อีกคนรีบอธิบายพร้อมกับส่ายหน้า
เป็นพัลวัน ส่วนป้าพิมพ์ก็ได้แต่ส่งยิ้มน้อยๆมาให้เพราะแกคงจะไม่เชื่อในคำแก้ตัวของไอ้เด็กแสบนั่น ใครเขาจะไปเชื่อเพราะ
สถานะที่ผมกับได้แสบนั่นคือ แฟน หรือ คู่รักกันแล้วยิ่งถ้าแก้ตัวอย่างนั้นก็มีแต่จะยิ่งทำให้คนอื่นเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองอายเลยต้อง
รีบแก้ต่าง เฮ้อ! ไอ้แสบเอ้ยฆ่าตัวเองตายชัดๆ
“ป้าพิมพ์มีอะไรเหรอครับ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง ป้าพิมพ์เลยหันมามองหน้าผมก่อนจะตอบ
“คุณหญิงให้มาบอกว่าวันนี้ตอนเย็นให้คุณภามชวนคุณป๊อบลงไปทานข้าวเย็นด้วยกันนะคะ” ป้าพิมพ์บอก คุณแม่เนี่ยนะที่ให้
ผมชวนป๊อบไปทานข้าวเย็นด้วยทั้งๆที่เมื่อกี้ก็เข้าหน้ากันแทบจะไม่ติด ผมเลยหันไปมองหน้าไอ้เจ้าเด็กแสบซึ่งมันก็หันมามอง
หน้าผมอย่างงงๆเช่นเดียวกัน
“คุณผู้หญิงคงอยากจะให้คุณภามแนะนำคุณป๊อบให้กับคุณท่านแล้วก็คุณภัทรรู้จักมั้งคะ” ป้าพิมพ์ว่า แต่ผมว่านิสัยของคุณแม่
คงไม่มีทางที่อยากจะให้ผมแนะนำป๊อบให้กับคนอื่นๆรู้จักหรอก ผมว่าเรื่องนี้มันแปลกๆซะแล้วล่ะ
“งั้นเดี๋ยวผมขอคุยกับน้องป๊อบก่อนนะครับแล้วเดี๋ยวใกล้มื้อเย็นผมกับน้องจะลงไปนะครับ” ผมตอบป้าแม่บ้านก่อนที่เธอจะ
พยักหน้าแล้วเดินจากไป
“นี่เอาไงดีคุ..เอ่อ..พี่ภาม” ไอ้เด็กแสบถามผม ตอนนี้เราทั้งคู่กำลังนั่งหน้าเครียดกันอยู่ที่โซฟาภายในห้อง ผมเองก็ไม่รู้
เหมือนกันว่าคุณแม่จะทำอะไร มันเป็นเรื่องที่เกินจะคาดเดาได้
“ก็ไม่ต้องเอาไงทั้งนั้นถึงเวลาเราก็ลงไปทานข้าวแค่นั้นก็จบ” ผมบอกเพรามันคงเป็นทางเดียวที่ทำให้ดูไม่ผิดสังเกตมาก
เท่าไร
“มันจะไม่จบง่ายๆน่ะสิ” ไอ้เจ้าเด็กแสบว่า
“ช่างเหอะ ว่าแต่ว่าพี่จะให้ผมนอนที่ห้องพี่จริงๆเหรอ” ไอ้เด็กแสบถามขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มลุกเดินสำรวจห้องผม
“ใช่ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าคืนนี้ป๊อบก็ใส่เสื้อผ้าของพี่ไปก่อนก็แล้วกัน” ผมว่า ไอ้เด็กแสบนั่นเบ้ปากน้อยๆแต่ก็ยังยอมพยักหน้า
ตกลง
“แล้วเรื่องแม่กับน้องของป๊อบล่ะ” คนที่เดินสำรวจห้องผมถามขึ้นพร้อมกับสายตาที่เจ้าตัวหันมามองหน้าผม
“เรื่องแม่พี่จัดการให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องน้องชายป๊อบ ถ้าเขาเข้ามากรุงเทพฯเมื่อไหร่พี่ก็จะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้” ผม
บอกดูไอ้เจ้าเด็กแสบจะถอนหายใจน้อยๆอย่างคนโล่งใจ ผมเห็นแล้ก็อดสงสารไม่ได้เพราะเห็นไอ้ภัทรเคยเล่าให้ฟังว่ามันเป็นเด็ก
ที่ขยันหางานทำจนส่งตัวเองเรียนและที่สำคัญยังหาเงินส่งไปให้น้องและทางบ้านได้
“พี่ว่าป๊อบควรไปเตรียมตัวรับศึกช่วงเย็นดีกว่านะ” ผมบอก อีกฝ่ายเลยจึงพยักหน้ารับ ก่อนจะขอตัวไปล้างหน้าล้างตาให้
สดชื่นพร้อมลุยกับช่วงเย็นอีกหนึ่งศึก
“เสร็จรึยังป๊อบ” ผมถามเพราะหลังจากที่อีกคนหายเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองเวลาซึ่งมันก็ได้เวลา
มื้อเย็นสำหรับที่บ้านผมแล้ว
“เสร็จแล้วครับ” ไอ้เจ้าเด็กแสบมันขานรับ ก่อนที่ผมจะบังคับให้เจ้าตัวจับมือผมลงไปหาคนอื่นๆที่รออยู่ด้านล่าง
วันนี้ทุกคนลงมานั่งรอที่โต๊ะอาหารกันอย่างพร้อมหน้า คุณพ่อนั่งรอทานข้าวอยู่ที่หัวโต๊ะ ถัดออกมาก็เป็นคุณแม่แล้วก็ไอ้
ภัทร ส่วนที่นั่งอีกฝั่งตรงข้ามกับคุณแม่ก็เป็นที่ของผมและแน่นอนว่าข้างผมก็คือว่าที่ลูกสะใภ้ของบ้านอย่างนายป๊อบ
ผมหันไปมองหน้าอีกคน แต่ก็ไม่พบกับความประหม่าทั้งๆที่ตอนนี้ทุกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหันมามองตัวเองกันเป็นตาเดียว ไอ้
เด็กแสบมันดึงมือตัวเองออกจากมือผมก่อนจะก้มลงไหว้คุณพ่อ
“สวัสดีครับคุณพ่อ ผมชื่อป๊อบเป็นแฟนกับพี่ภามครับ” อีกคนว่า ผมเลยดูปฏิกิริยาของคุณพ่อเพราะถึงแม้ท่านจะเป็นคนหัว
สมัยใหม่แต่ท่านก็เป็นทหารซึ่งผมก็กลัวว่าท่านจะไม่ยอมรับเรื่องนี้ แต่น่าแปลกเพราะหลังจากที่ป๊อบแนะนำตัวเองกับท่าน ท่าน
กลับส่งยิ้มอย่างเอ็นดูมาให้ ก่อนจะยกมือขึ้นรับไหว้
“ตามสบายเลยนะลูกคิดซะว่าที่นี่เป็นบ้านของลูกก็แล้วกันนะ” คุณพ่อผมบอก ผมสังเกตเห็นความผ่อนคลายลงจากคนข้าง
กาย
“นี่คุณ!” คุณแม่จ้องคุณพ่ออย่างเอาเรื่อง แต่ท่านกลับยักไหล่แล้วเรียกให้ผมกับป๊อบเข้ามาร่วมโต๊ะเพื่อทานมื้อเย็น
“อย่าคิดนะว่าที่ฉันให้ร่วมโต๊ะด้วยแล้วฉันจะรับเธอเป็นว่าที่ลูกสะใภ้” คุณแม่พูดขึ้นหลังจากที่ผมกับป๊อบนั่งลงที่เก้าอี้
“ครับ ป๊อบเข้าใจ” ป๊อบว่า จากนั้นเราทุกคนก็เริ่มลงมือทานอาหาร ไอ้ภัทรได้แต่ส่งสายตาสงสารมาให้เพื่อนรักตัวเอง ส่วน
ไอ้คนที่นั่งข้างๆผมก็จ้องไอ้ภัทรอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“นี่ครับพี่ภาม” คนที่นั่งข้างผมตักผัดผักมาวางไว้ให้ในจาน ก่อนจะส่งยิ้มให้ ผมเลยยิ้มตอบก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ
“ขอบคุณนะ” แล้วผมก็เลยตักกับข้าวที่อยู่ไกลให้คนที่นั่งข้างกายผมที่ตักไม่ถึงมาให้ เจ้าตัวจึงเอ่ยขอบคุณ
“ขอบคุณนะครับ พี่ภามทานเยอะๆนะครับ” อีกคนว่า จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงคุณหญิงแม่กระแอมไอขึ้น
“ไร้มารยาท ใครเขาสอนให้พูดคุยกันในระหว่างทานอาหาร” คุณแม่พูดขึ้นมาลอยๆก็จริง แต่แน่นอนว่าท่านมีจุดประสงค์ที่จะ
ให้ไอ้คำพูดลอยๆนั่นกระทบกับคนที่นั่งข้างผมอย่างเต็มๆ
“ไม่มีใครสอนหรอกครับคุณหญิงแม่ เอ แต่จะว่าไปตอนนี้คุณหญิงแม่ก็กำลังพูดในระหว่างทานอาหารเหมือนกันนะครับ” ไอ้
คนที่นั่งข้างกายผมสวนกลับคุณแม่อย่างทันควัน แถมยังมีหน้ามานั่งยิ้มระหื่นส่งไปให้ท่านอีกต่างหาก ส่วนคุณแม่ก็สะบัดหน้า
กลับมามองอีกคนอย่างเอาเรื่อง ส่วนคนที่โดนจ้องก็นั่งทานข้าวต่ออย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน ผมเห็นก็อดที่จะอมยิ้มขำไม่ได้เพราะทุก
คนในบ้านไม่มีใครสักคนที่จะกล้าเถียงคุณแม่จะมีก็แต่คนที่นั่งข้างๆผมคนนี้แหละที่กล้าแล้วก็ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่อมยิ้มขำทั้ง
คุณพ่อแล้วก็ไอ้ภัทรทุกคนก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน สงสัยคุณแม่คงจะเจอมวยถูกคู่ซะแล้วล่ะ
“หนอยแก!ไอ้เด็กไร้มารยาทกล้าเถียงผู้ใหญ่ คุณพี่คะน้องไม่ยอมยังไงน้องก็ไม่รับไอ้เด็กนี่เป็นสะใภ้หรอกนะคะ!” คุณแม่ผม
ลุกขึ้นชี้หน้าว่าคนข้างๆผมแล้วจึงหันกลับไปพูดกับคุณพ่อ
“แต่ผมว่ามันก็ไม่เสียหายนะคุณหญิงอย่างน้อยๆเข้าก็เป็นคู่ปรับชั้นดีของคุณนะ” คุณพ่อของผมบอกกับคุณแม่ยิ้มๆท่านเลย
ตวัดสายตากลับมามองป๊อบอย่างเอาเรื่อง
“ดี!’งั้นเราก็จะได้เห็นดีกันนายป๊อบ!!!” งานเข้าซะแล้วป๊อบ!!
มาต่อให้แล้วนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ เป้นกำลังใจให้ดีสได้มากเลยทีเดียวค่ะ ตอนนี้ยอดชายนายป๊อบของเราได้เจแกับ
ว่าที่แม่สามีแล้วไว้ลุ้นกันตอนหน้าว่าคุณหญิงแม่จะจัดหนักอะไรเพื่อต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้อย่างยอดชายนายป๊อบ 555
ปล.1 พรุ่งนี้ดีสอาจจะไม่ได้อัพนะคะ ไว้เราไปเจอกันวันที่ 10 เมษา 58 เลยนะคะ ต้องขอโทษจริงๆพอดีติดธุระอ่ะค่ะ

ปล.2 ดีสแอบเห็นคอมเม้นนึงที่บอกว่าคงไม่ใช่แม่สามีกับลูกสะใภ้ เอ่อ...ดีสขอสารภาพจากใจ....มันเป้นแบบนั้นไปแล้วล่ะค่ะ 55
แต่ก็อยากให้ติดตามนะคะเพระาเวอร์ชั่นของนายป๊อบไม่เหมือนเวอร์ชั่นอื่นน้าาาาาา (อวยตัวเองเข้าไป 555)

ปล.3 ขอบคุณอีกหนึ่งคอมเม้นนะคะที่บอกตรงส่วนที่พิมพ์ผิดเดี๋ยวดีสจะลองไปเช็กๆดูนะคะ พอดีดีสก็เพิ่งลองแต่งลักษณะนี้
เพราะปกติดีสจะแต่งเป็นแค่ตัวละครเพียงตัวเดียวที่บรรยายเนื้อเรื่องเดี๋ยวจะลองไปดูๆให้นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
