<< END >> ♦ NOBI โนบิตะตัวร้าย vs ไจแอนท์จอมบื้อ ♦ (ขออนุญาตรีไรท์จ้า)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << END >> ♦ NOBI โนบิตะตัวร้าย vs ไจแอนท์จอมบื้อ ♦ (ขออนุญาตรีไรท์จ้า)  (อ่าน 194324 ครั้ง)

ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1

NOBITA’s PART
 

 
เอาล่ะ...ก่อนเราจะทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ มีสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับผม 3 ข้อ
 

ข้อที่ 1. ผมไม่ใช่คนหยาบคาย
ข้อที่ 2. ผมไม่ใช่คนถ่อย
ข้อที่ 3. ผมเป็นผู้ชาย ( ที่สามารถเปิดใจยอมรับได้แม้ว่าคนที่มีอะไรด้วยจะเป็นผู้ชายก็ตาม )
 

แล้วทำไมผมถึงทำอย่างนั้นกับพิกน่ะหรอ?
ก็คุณดูที่เขาพูดกับผมสิ
 

ไอ้เหี้ย , ไอ้สัตว์  สารพัดจะสรรหาคำมาด่า
 

ฟังดูแล้วมันน่ารักเหรอ? หรือยังไง? ผมไม่ค่อยเข้าใจตรรกะของเขาเท่าไหร่...
และถึงแม้จะเป็นคนที่มีความอดทนสูงกว่า ท้าพนันได้เลยว่ายังไงก็ทนไม่ไหวหรอกครับ
 

ก็ทำตัวน่าหมั่นไส้ซะขนาดนี้...
ชอบพูดจาหยาบคาย ทำตัวไม่ดี มันต้องโดนกันซักที...
 
 

เอาให้สาสมกับที่ชอบทำกิริยาอย่างนั้นกับคนอื่นเขา..
 
 
 

“มึงเป็นเกย์หรอวะ...”

 

นึกย้อนไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนที่เรานั่งพิงหลังกันด้วยร่างชุ่มเหงื่อหลังจากเพิ่งทำกิจกรรมเสร็จหมาด ๆ พิกก็เป็นคนถามขึ้นมาในความเงียบ ผมรู้แก่ใจดีว่าที่เขาทำอย่างนี้ เพราะไม่อยากมองหน้าผมที่เพิ่งทำให้เขาเสียศักดิ์ศรี(มาหลายครั้ง) แต่ยังไงล่ะ ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว จะปล่อยให้เขาหนีกลับไปดื้อ ๆ แล้วมาเจอหน้ากันตอนเรียนแบบอึมครึมโดยไม่เคลียร์อะไรกันให้เป็นเรื่องเป็นราวอย่างนั้นน่ะเหรอ
 


ไม่ใช่นิสัยผมหรอก...
 

“เปล่าครับ ไม่ได้เป็น” ผมพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบเศษแว่นที่แตกเป็นเสี่ยงบนพื้นมาพลิกดู …นี่กรอบเบอเบอร์รี่อันโปรดซะด้วย เสียดายชะมัด
 

“ไม่ได้เป็นแล้วทำไม....”
 

น้ำเสียงของเขาแผ่วลงในตอนท้าย ผมเข้าใจเขานะ...ถึงจะเป็นกับคนอื่นแต่มาเจอเรื่องแบบนี้ก็คงสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย ตอนนี้พิกเงียบเสียงไปแล้ว ผมเห็นเงาที่ทอดผ่านมาด้านข้าง เขากำลังผงกหัวลงทำเอี้ยวหน้ามามอง ท่าทางจะรอคำตอบของผมอย่างใจจดใจจ่อ...
 

“ทำไมถึงทำกับคุณอย่างนั้นตั้งสองสามครั้งน่ะหรอ?” ผมพูดพลางหัวเราะในลำคอ “ก็คง...ติดใจล่ะมั้ง”
 

เชื่อเถอะว่าที่พูดออกมานั่นไม่ได้หวังจะเอาใจเขาเหมือนเวลาที่นอนคุยกับสาว ๆ หลังเพิ่งทำกิจกรรมเสร็จหรอก แต่เพราะเขาถามออกมาตรง ๆ ผมก็เลยตอบออกไปตรงๆตามใจคิด แต่ก็นั่นแหละ คำตอบนี้ทำให้ผมต้องแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเอง ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่นึกสงสัย ผมก็พยายามหาเหตุผลอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงได้ติดใจเจ้าของผิวสีแทนนี่นัก...
 

อ่า...ยอมรับก็ได้ว่าคงจะติดใจที่ได้เอาคืนให้หมอนี่ร้องไห้น้ำตาแตก...
 

นี่มันความแค้นส่วนตัวหรือเปล่านะ?
โรคจิตเป็นบ้าเลยว่าไหม?
 

“....ติดใจ?” เงาของเขาโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วตอนนี้ ถ้าให้ทายเขาคงกำลังทำท่ากอดเข่าตัวเองแล้วกุมขมับอยู่ “มึงแม่งโคตรบ้า บ้าของบ้าเลยไอ้เหี้ยเอ้ย”
 

“ก็บ้าน่ะสิ” ผมอมยิ้มอีกทีกับตัวเอง ก่อนจะเอนตัวพิงเขาให้มากกว่าเดิม “พูดไม่เพราะอีกแล้วนะ...”
 

“ขอทีเหอะ” พิกแหวขึ้นมา “ไอ้เรื่องพูดเพราะไม่เพราะนี่จะเอาให้เป็นประเด็นยันเรียนจบเลยไหม? พูดอย่างนี้อยู่ได้...”
 

“พูดอย่างนี้หมายความว่า...จะเอากันไปยันเรียนจบเลยหรอครับ?” ผมชิงถามสวนขึ้นทันทีก่อนที่เขาจะสบถคำหยาบคายอะไรออกมาอีก เชื่อไหม นาทีนี้ ตอนนี้ เวลานี้ ที่เราอยู่ด้วยกันแค่สองต่อสองอย่างนี้ แม้แต่จะเอนตัวนาบหลังให้ติดกับผิวผมอย่างแนบแน่นเขายังไม่กล้าเลย...
 

แล้วนับประสาอะไรกับจะลุกขึ้นมาต่อย ไม่มีทางหรอก...
 


“กูไมได้หมายความว่าอย่างนั้นสิวะ!”
 

“...”
 

“กูหมายถึงกูก็เป็นของกูอย่างนี้ จะห้ามให้กูไม่พูดหยาบคายกับเพื่อนมันก็กระดากปากไหม จะให้ครับ ๆ แบบมึง กูทำไม่ได้ มันไม่ใช่--”
 

“พิกเห็นผมเป็นเพื่อนด้วยหรอ?” เป็นผมเองที่ทนไม่ได้สุดท้ายก็ต้องหมุนตัวกลับไปแล้วจับไหล่เขาให้หันมาเผชิญหน้ากันตรง ๆ “ว่าไง?”
 

“ก็เออสิ” เขาเสหน้ามองไปทางอื่น “แต่มึงก็ยังทำกับกูได้...”
 

“ฮ่าฮ่าฮ่า...”
 

ผมหัวเราะออกมาเลย หัวเราะดังมาก ดังพอ ๆ กับเสียสบถแล้วก็ท่าทีมึนงงของพิกที่ตะโกนผ่านสีหน้าของเขาในตอนนี้
 

“หัวเราะเหี้ยอะไร ตลกมากนักหรอ”
 

“เปล่าหรอกครับ”
 

“แล้วหัวเราะทำไม”
 

“เปล่า...”  ผมส่ายหัว กลืนเสียงหัวเราะลงคอแล้วพยายามปรับสีหน้าให้จริงจังมากขึ้น “เอาอย่างนี้แล้วกัน...”
 

“เอาอะไร”
 

“คิดซะว่านี่เป็นการจ่ายค่าเสียหาย ค่าเหล้า ค่าเบียร์ ที่คุณติดหนี้ผมอยู่...”
 

“เท่าไหร่” พิกขมวดคิ้วแน่น “ทั้งหมดเท่าไหร่”   
 

“จำไม่ได้หรอกครับ...แต่ก็แพงมากพอสมควร” ผมเลียริมฝีปาก “ทำหน้าอย่างนั้นทำไมครับ หรือจะให้ส่งจดหมายไปหาผู้ปกครองที่บ้านแทนล่ะ?”
 

พิกถอนหายใจออกมาแรงมาก แถมยังกลอกตาทำหน้าเหมือนกับโลกแตกได้จริงๆถ้าหากผมตัดสินใจทำอย่างที่พูดขู่ เขาเม้มริมฝีปากอิ่มนั่นเข้าหากันแน่น แล้วกัดปากทำเสียง ฮึ่ย เบาๆในลำคอ
 

“อย่าเชียวนะ”
 

ให้ตายเถอะ ยิ่งเห็นเขาทำอย่างนั้นยิ่งอยากแกล้งเข้าไปใหญ่ ผมหัวเราะหึเบาๆก่อนจะแสร้งทำเป็นกอดอกเลิกคิ้วแล้วทำท่าเหมือนลำบากใจมากกับจำนวนเงินที่เขาติดผมอยู่
 

“แล้วคุณมีเงินจ่ายหรือไง...มันแพงมากนะครับ”
 

“โอ้ย รู้แล้วว่าแพง...ไอ้ห่า ย้ำอยู่นั่น” พิกตะโกนขึ้นมาอีกแล้ว ทำอย่างนี้ไม่รู้ตัวหรือไงว่ามันน่าหมั่นไส้จนต้องหาทางแกล้งแรง ๆ “แล้วจะให้ทำไง ต้องจ่ายเป็นก้อนเลยหรอ ผ่อนไม่ได้เลยหรือไง”
 

ให้ตายเถอะ ผมคงจะเป็นโรคจิตเข้าแล้วจริง ๆ ยิ่งเห็นเขามีอารมณ์เพราะคำพูดของผม ก็ยิ่งคิดว่าเขานี่ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตลกโคตร ๆ...
 

หยุดแกล้งไม่ได้เลย...
 

“ไม่ได้หรอกครับ...” ผมยังคงกอดอกอยู่อย่างนั้น แต่เพิ่มระดับความจริงจังของสีหน้าขึ้นมาอีกเท่าตัว  “นอกซะจาก...”
 

“นอกซะจากอะไร?” สีหน้าของเขาดูมีความหวังมากขึ้นประมาณ 1 %
 

“ถ้าคุณยอมสัญญาว่าจะไม่บอกใครเรื่องที่ผมไม่ได้เนิร์ดจริง...ผมจะยอมให้คุณผ่อน”
 

“...”
 

“แต่ถ้าคุณยอมสัญญาแล้วก็ยอมให้ผมเอาด้วย...ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ผมต้องการ...” 
 

“....”
 

“ผมจะยกหนี้ให้หมดเลย...”
 
 


 
 
 
 
มีใครเคยบอกหรือเปล่า...ว่าถ้าคนอย่างผมเอ่ยปากออกมาแล้วจะไม่ยอมกลับคำคืนง่ายๆ
 

นับจากวันนั้นมาถึงวันนี้เรื่องราวของผมกับพิกก็พัฒนาขึ้นอีกเป็นลำดับ(?) เริ่มต้นที่เราลากันด้วยประโยคเจ็บ ๆ คัน ๆ แต่ก็มันส์เพราะเขายอมโอนอ่อนให้ผมอีกครั้ง ใช่ พิกยอมผม แล้วทำไมจะต้องไม่ยอมด้วยล่ะ ในเมื่อหนี้ที่เขาติดผมน่ะมีจำนวนมากขนาดนี้ว่าภายในเดือนสองเดือนนี่เขาคงไม่มีปัญญาหามาจ่ายแน่

 
จนถึงวันนี้ก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว จริงๆผมควรได้ไปมหาลัยแล้วก็ทำตามข้อตกลงของเราที่ว่า ‘ถ้าอยู่ที่ม.ผมจะยอมเป็นไอ้โนบิตะให้เขาโขกสับแต่ถ้าไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนอื่นเราก็เป็นอีกอย่างตามที่ผมอยากจะให้เป็น’ แต่เพราะหลายวันที่ผ่านมานี้ ที่ร้านมีปัญหาพอสมควร นั่นจึงทำให้ผมไม่ได้โผล่หน้าไปเรียนเพราะเป็นหวัดจากการพักผ่อนน้อยในช่วงนี้
 

“แล้วนี่กินข้าวกินยาหรือยัง”   
 

ยอมรับนะว่าตกใจที่เขาเป็นคนโทรหา ก็คนอย่างพิกน่ะฟอร์มจัดจะตาย ทั้ง ๆ ที่ผมไม่โทรไปเขาก็คงจะอยู่อย่างสบายแท้ ๆ แต่ถึงกับทนไม่ได้จนต้องโทรหาเนี่ย ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่..
 

“ยังครับ”
 

ที่ตอบไปไม่ได้คิดจะทำสำออยใส่ซักนิด แต่เพราะเสียงไอโขลก ๆ ที่ดังผ่านยังปลายสายนั่น ทำให้อีกฝ่ายคิดว่าผมอาการหนักมาก น้ำเสียงของพิกฟังดูร้อนรนขึ้นทันที และนั่น...เขาพูดประโยคน่ารัก ๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัวอีกแล้ว
 

“เออ จะไปหามึงไง อาการมึงหนักขนาดนี้คิดว่ากูจะใจร้ายปล่อยให้มึงนอนป่วยได้โดยไม่แดกอะไรทั้งวันเลยหรอ” 
 

ผมหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆ คิดว่าเขาคงไม่ได้ยินหรอก แต่ถ้าให้เดาว่าตอนนี้พิกกำลังทำหน้ายังไง ผมคิดว่าเขาคงขมวดคิ้วแล้วเดินวนอยู่หน้าห้องแล็คเชอร์แน่ ๆ
 

พิกที่ผมรู้จักไม่ใช่ทั้งที่คนขยันและละเอียดอ่อน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ใจดี แล้วก็ดีในแบบที่เขาไม่รู้ตัว (รวมไปถึงซื่อบื้อเล็ก ๆ ด้วย) และถ้าจะคิดหาเหตุผลอะไรที่ผมยอมทำตัวเป็นโนบิตะให้เขาเล่นหัว ก็คงเป็นเพราะสองสามข้อที่ว่ามานั่นล่ะ
 

“รีบมานะครับ...คิดถึง”
 

ผมกระซิบโค้ดลับของเราก่อนจะยกหูออกมากดวางสายแล้วโยนเจ้าเครื่องมือสื่อสารนี่ไว้ซักที่บนเตียง ก่อนความเย็นจากเครื่องปรับอากาศในอุณหภูมิ 25 องศาจะทำให้ความงุนง่วงเข้ามาครอบงำให้เปลือกตาหนักอึ้ง และในที่สุด....
 
 

 
 



 
“ลุกขึ้นมาแดกข้าว!”
 

ผมกระพริบตาถี่ๆทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มคุ้นหู งัวเงียลุกขึ้นมาไม่เห็นว่ามีใครอยู่ในห้องนอนจึงลุกตามเงาที่เดินผ่านไปยังห้องครัว และแล้วก็ปรากฏภาพผู้ชายผิวแทนคนหนึ่งที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์ พิกที่ยืนในสภาพมึนงงทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว
 

“แค่กๆๆ...เข้ามาได้ยังไง?” ไอโขลก ๆ เสียงดังเป็นเชิงทักทายคนมาใหม่ ผมเอ่ยถามพลางเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร ก่อนพิกที่กำลังง่วนกับการแกะถุงโจ๊กจะหันมาเท้าสะเอวเอียงหน้าแล้วส่งค้อนวงใหญ่มาให้
 

“เข้ามาได้ยังไง?” เขาทวนคำแล้วเดินถือชามโจ๊กควันฉุยมากระแทกลงตรงหน้า “ลุงยามพาขึ้นมา แล้วเนี่ยกูหาโทรจนสายแทบไหม้ ประตูก็ไม่ล็อค จะให้โจรเข้ามาปาดคอตายก่อนหรือไง”
 

ดูเอาเถอะ ถามดีๆแต่โดนสวนกลับมาเป็นคำด่า แล้วอย่างนี้จะไม่ให้แกล้งได้ยังไง
 

ผมเลิกคิ้วมองชามโจ๊กสลับกับมองคนตรงหน้า พิกเดินอ้อมมาทรุดตัวลงบนเก้าอี้ที่ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะก้มลงค้นบางอย่างในกระเป๋าของเขาออกมาวางแล้วเลื่อนส่งมาให้
 

“แดกข้าวแล้วแดกยา เข้าใจไหม จะได้หายไว ๆ”
 

 “ดูแลดีจริง” ผมยักไหล่ “เพราะติดหนี้อยู่...แค่ก ๆ...หรือหลงเสน่ห์ผมแล้วกันแน่”
 

พูดจบก็ต้องกลั้นขำเลยครับ เพราะเขาชูนิ้วกลางมาให้ผมแบบเน้น ๆ เลยทีเดียว
 

“ไม่สบายยังมีหน้ามาพูดจา....เอานิ้วกลางกูไปแดกนี่ ข้าวยาอะไรไม่ต้องแดกแล้ว เอาคืนมาให้หมด”
 

ผมเอื้อมมือไปคว้ามือของเขาที่ทำท่าจะแย่งชามกลับไปทันที พิกมองมาตาขวาง ท่าทางของเขาดูจะไม่ชอบเวลาโดนผมล้อเล่นแรง ๆ ซะจริง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นเสน่ห์ของเขาล่ะ พวกเราเล่นเกมจ้องตากันอย่างนั้นอยู่พักใหญ่ จนผมไล้นิ้วทำปูไต่ใส่หลังมือเขานั่นล่ะ ไจแอนท์ของผมถึงกับชักมือกลับแทบไม่ทัน

 
“ผมจะกิน” เขายอมปล่อยมือจากชามแล้วแต่ยังชูนิ้วกลางส่งมาไม่เลิก “แล้วถ้ายังไม่เลิกทำมืออย่างนั้นอีกจะกัดให้ขาดเลย”
 

ผมพูดประโยคตอนมีเซ็กส์ออกมาอย่างหน้าตาเฉย ผิดกับพิกที่ตอนนี้เม้มริมฝีปากอิ่มเข้าหากันแน่น เชื่อเถอะว่าเวลาหมอนี่เขินอายนั่นดูน่าแกล้งกว่าปกติขึ้นสิบเท่า ผมหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นหูของเขาเป็นสีอมชมพู ให้ตาย...มันน่าตลกชะมัดที่ไจแอนท์อย่างเขามาทำหน้าอย่างนั้นใส่โนบิตะอย่างผม ดูเขาสิ ท่าทางจะคิดลึกไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
 

“แดกให้หมด กูจะกลับแล้ว”
 

“จะไปไหนล่ะ” ผมชะโงกหน้าไปหาพิกแล้วอมยิ้ม “ก็บอกแล้วไง...ว่าคิดถึง”   
 

ผมจงใจเน้นประโยคที่เป็นโค้ดลับของเรา และอาจจะเพราะโต๊ะกินข้าวไม่ได้ใหญ่นักจึงทำให้ผมเห็นชัดว่าใบหน้าของเขาขึ้นสีระเรื่อยิ่งกว่าเดิม ร่างสูงโปร่งจนแทบจะเท่ากันของพิกผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที นิ้วเรียวยาวนั่นชี้มาที่หน้าผมอย่างคาดโทษ ก่อนจะหันหลังไปทึ้งหัวเหมือนที่กำลังคนขัดใจแต่ทำอะไรไม่ได้
 

“อ๊ากกกกกกกก มึงงงงงงงงง”
 

ผมลอบหัวเราะเบา ๆ พิกก็เป็นอย่างนี้ทุกที ปากมอมไปอย่างนั้นเอง แต่เอาเข้าจริงเวลาเจอคนที่เหนือกว่าก็ทำอะไรไม่ได้ ( ผมขอจำกัดความตัวเองให้เป็นคนที่เหนือกว่าเขาแล้วกัน ) จนถึงตอนนี้เขาก็ยังชี้หน้าผมไม่เลิก แม้จะเดินวนจนรอบโต๊ะอาหารแล้วก็ตาม
 

“ครับ?”
 

“ยังจะมาครับอีก แดกไปเลย กูจะไปนั่งดูหนังรอ”
 

พูดจบก็สะบัดหน้าไปทางห้องนั่งเล่น พอเห็นว่าเขาไม่อยู่แล้วผมก็ขำจนตัวโยน
 

คิดไม่ผิดเลยที่ยื่นข้อเสนออย่างนั้นไป....
 
 
 

 
 
อีกครั้งแล้วที่เขาทำให้ผมต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ หลังจากจัดการอาหารมื้อแรกของวันเสร็จผมก็ทานยาตามที่เขาบอก แต่พอสังเกตว่าห้องนั่งเล่นไม่มีเสียงทีวีอย่างที่อีกคนบอกว่าจะหนีมาดูเลยต้องลากสังขารไปหาทั้งยังมึนๆ เพื่อดูว่าทำไมอีกคนถึงเงียบไปอย่างนี้
 

“ทำอะไรน่ะ?”
 

ผมเอ่ยทักออกไปเมื่อเห็นว่ามีวัตถุสีแทนนั่งยอง ๆ เป็นก้อนอยู่หน้าทีวี พิกหันขวับกลับมามองตามเสียงเรียกตาขวาง ก่อนจะถอนหายใจยาวเป็นพรืดแล้วหยิบถุงขนมเปล่าชูขึ้นมาระดับหน้า
 

“เก็บขยะให้มึงไง” เขาขมวดคิ้วใส่ “รกอย่างกับป่าดงดิบอย่างงี้ถ้าบอกว่าให้ห้องมึงมีงูกูก็เชื่อ”
 

ผมเลิกคิ้วฟังคำด่าของเขาอย่างประหลาดใจ คนอย่างพิกเนี่ยนะมาเก็บขยะให้ผม? เห็นเขาง่วนอยู่อย่างนั้นท่าทางตั้งใจเลยต้องเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ...อืม...ขยะเยอะจริงๆแฮะ
 

“ทำไมกินแล้วไม่รู้จักเก็บบ้างเลยวะเนี่ย นี่ห้องมึงรกมากจนเห็นแล้วทนไม่ได้ มีถุงเปล่าอีกใบไหม ไปเอามาให้หน่อยจะเคลียร์ตรงนี้ให้”
 

“ไม่ต้องหรอก...แค่กๆ” ผมกอดมองเขาที่แหงนหน้าขึ้นมาสบตา ก่อนจะไอโขลกๆแล้วส่ายหน้าให้ “ปล่อยไว้เถอะเดี๋ยวแม่บ้านก็มาเก็บ”
 

“ได้ไง!” เขาแหวขึ้น “ไม่อายเขาบ้างหรือไงทั้ง ๆ ที่ห้องรกขนาดนี้”
 

“เขาก็มาเก็บเป็นปกติอยู่แล้ว” 
 

“งั้นก็แปลว่าห้องมึงรกเป็นปกติเลยสิ” พิกถอนหายใจแล้วมองมาทางผมอย่างเหลือเชื่อ “ไอ้โนบิตะคนจริงจัง เรียนเก่งอย่างมึง...ไม่คิดเลยนะว่าจริงๆแล้วจะเป็นคนไร้ระเบียบอย่างนี้”
 

ให้ทายว่าเขากำลังทำสีหน้ายังไง ใช่ครับ สีหน้าของพิกดูภูมิใจมากที่ได้เหนือกว่าผมขึ้นมาอีกเรื่องนึง เจ้าของผิวสีแทนนั่นยักคิ้วหลิ่วตามาให้ เขาทำให้ผมรู้สึกราวกับมีคำว่า Win แปะตรงกลางหน้าผากเขาเลยกับอีแค่เรื่องไม่เก็บขยะบนพื้น ไม่จัดห้องให้เรียบร้อยเนี่ย...
 


“ผมไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ทั้งเรียนทั้งทำงานเลยไม่ค่อยได้จัดการเอง” จะว่าแก้ตัวก็ได้ครับ แต่ปัจจัยอื่นนอกเหนือจากคำว่าไม่มีเวลา...ก็เพราะว่ามีคนอื่นมาช่วยทำรกนั่นล่ะ
 

ผมคิดว่าพิกกำลังนึกบ่นอยู่ในใจ (มากกว่าที่เขาออกปากบ่นผม) เขาไม่ได้พูดออกมา แต่สีหน้าของเขาบ่งบอกได้เป็นอย่างดี เขาคงไม่เข้าใจหรอก ชีวิตนักศึกษาธรรมดาไม่มีภาระอะไรอย่างเขา จะทำอะไรก็ได้หลังเลิกเรียน ผิดกับผมที่มีหน้าที่มากมายต้องรับผิดชอบ รวมไปถึงเรื่องความต้องการของตัวเองด้วย
 

“เออๆๆ เลิกแก้ตัวซักที ไม่มีระเบียบก็ยอมรับมาสิว่าไม่มีระเบียบ มายืนเถียงอยู่ได้ รีบออกไปเอาถุงมาไว ๆ เดี๋ยวจะเก็บแล้วเอาลงไปทิ้งให้”
 

ผมเลิกคิ้วมองพิกที่โบกมือไหวๆ  ตอนนี้เขาหันกลับไปจัดข้าวของที่วางกองระเกะระกะอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่แทนที่ผมจะทำตามคำที่เขาสั่ง ขามันกลับเดินไปซ้อนที่ด้านหลังแล้วโน้มตัวลงไปคร่อมเขาไว้ก่อนจะเอาคางเกยที่ไหล่ลาดนั่นแทน
 

“ทำเหี้ยอะไร!”
 

สาบานได้เลยว่าพิกสะดุ้งสุดตัว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เกร็งตัวนิ่งตอนที่ผมสอดมือเข้าไปกอดเอวสอบนั่นไว้ เชื่อเถอะว่าผมออกแรงดึงแค่นิดเดียวเขาก็ยอมเซลงมานั่งเอาหลังแนบอกผมแล้วยังยอมให้จูบฟัดไปทั่วทั้งต้นคอสีแทนนั่นอีก
 

“ไม่ต้องทำแล้ว...ก็บอกแล้วไงว่าคิดถึง” ผมกระซิบโค้ดลับของเราเบา ๆ กับไหล่ลาดของเขาก่อนจะกดจูบลงไปแรง ๆ
 

คิดถึง ใช่ คิดถึงนั่นล่ะโค้ดลับของเรา เป็นคำที่ใช้แทนความหมายของความรู้สึกที่ว่า ‘อยากเอา มาเอากันเถอะ’ อะไรประมาณนั้น...และแน่นอน ไม่มีความรู้สึกมาเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อย...
 
“ค...คิดถึงเหี้ยอะไร...ห้องรกขนาดนี้...” พิกบ่นอย่างไม่จริงจังพลางขยับตัวยุกยิกในอ้อมกอด ผมเห็นลางๆ ว่ามือเรียวคู่นั้นเอื้อมมาแตะกับหน้าผากของผมเบา ๆ “ตัวร้อนจี๋เลย...ไข้ขึ้นขนาดนี้ยังจะเสือกขี้เอาอีกนะมึง”
 

“....”
 

“ไปนอนพักไหม?”
 

เสียงทุ้มขึ้นจมูกของเขาดังขึ้นเมื่อผมโน้มหน้าลงไปซบกับไหล่ลาดนั่นแบบเต็ม ๆ อา...ในหัวตอนนี้มันร้อนแล้วก็เต้นตุบ ๆ อย่างที่เขาบอกจริง ๆ นั่นล่ะ  คงจะปฏิเสธแรงพยุงที่ทุลักทุเลจากพิกไม่ได้แล้วล่ะมั้ง?
 

“นอนพักซะ”       
 

นับในใจได้ไม่ถึงสามวินาทีหน้าผมก็แนบสนิทลงกับหมอนขนเป็ดอีกครั้ง แต่คราวนี้มีไจแอนท์ของผมนั่งลงที่ข้างเตียงและกำลังเอื้อมมือมาห่มผ้าให้ถึงอกอีกด้วย
 
“จะกลับแล้วหรอ”
 

ผมกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงแหบพร่า และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบอะไรนอกจากหรี่ตามอง ผมจึงกระตุ้นด้วยการเอื้อมมือไปแตะลงบนหลังมือเขาเบา ๆ
 

“ยัง” พิกพรั่งพรูลมหายใจออกมา ก่อนจะทำหน้าเหมือนเสียไม่ได้ “จะอยู่ดูก่อนว่าอาการมึงหนักมากไหม แต่ถ้าทนไม่ไหวก็เรียกแล้วกัน จะพาไปโรงพยาบาล”
 

“โอเค”
 

แค่นั้นแหละครับไม่มีการรั้งเอาไว้อย่างที่คุณคิดหรอก...
 

มันเป็นเรื่องธรรมดานะว่าไหม? ไม่มีใครชอบการอยู่คนเดียวโดยเฉพาะเวลาที่ป่วยหรอก และผมก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดา ผมยอมรับตรง ๆ ก็ได้ว่าเหงา พิกทำให้ผมรู้สึกว่าคงจะดีถ้ามีใครมาเดินเพ่นพ่านในห้องบ้างนอกจากเวลาที่พามานอนค้างเท่านั้น...
 

อาจจะเป็นเพราะว่าเรารู้ความลับของกันและกัน...
นั่นจึงทำให้ผมไว้ใจเขาขึ้นมาอีกระดับ                 
 

ความสัมพันธ์แบบนี้มันน่าตลกดีนะ...   
 
 
 

 
บ่ายคล้อยกว่าแล้ว แต่เครื่องปรับอากาศในห้องนอนยังคงทำงานหนักตามหน้าที่ของมัน เป็นปกติที่ห้องของผมจะเงียบงันในช่วงเวลาอย่างนี้ ใช่ ที่จริงห้องนี้ก็เป็นแค่ที่ใช้ซุกหัวนอนเท่านั้นล่ะ เพราะชีวิตกว่าค่อนวันของผมส่วนมากก็หมดไปกับที่ร้าน มันจึงไม่แปลกนักหรอกที่ห้องผมจะให้ความรู้สึกจืดชืด ไร้สัญญาณการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตแบบนี้
 

แต่วันนี้แปลกไป …
 

หลังจากบิดตัวบนที่นอนเพื่อสลัดความเมื่อยขบ หับมาก็พบว่ามีผ้าขนหนูหมาดน้ำผืนหนึ่งตกอยู่ข้าง หมอน เสียงกุกกักที่ดังอยู่ด้านนอกบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าแขกคนเดียวของบ้านในตอนนี้ยังไม่ไปไหน นอกจากจะมีน้ำใจเข้ามาดูแลผมตอนหลับแล้ว ก็คงจะเก็บห้องอย่างที่เจ้าตัวเคยว่าไว้นั่นล่ะ
 


มีต่อ


ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
“ทำอะไรน่ะ”
 

ไม่รู้ว่าพูดประโยคนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวัน แต่พิกก็ทำให้ผมประหลาดใจได้ทุกครั้งจนต้องเอ่ยปาก คราวที่แล้วเขาทำอะไรนะ อ้อ! เก็บขยะ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะลามปามกันไปใหญ่ เขาทำให้ผมถึงกับสบถออกมาเป็นคำหยาบเบา ๆ เมื่อเห็นว่าในมือเขามีบางอย่างที่ไม่ควรถือ
 

“ซักผ้าไง....นี่มึงใส่อะไรพวกนี้ด้วยหรอ?” เขาตอบก่อนจะชูชั้นในซีทรูสีดำขึ้นมาในระดับหน้า
 

มันไม่ใช่ของผม... เป็นของคู่นอนคนก่อน ๆ ที่ลืมเอาไว้ต่างหาก แต่แล้วคำแก้ตัวก็ต้องกลืนหายลงคอไป เมื่อเขายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหยิบบ็อกเซอร์เควิลไคลน์ของผมขึ้นมาจากน้ำแล้วขยี้ต่อ
 

“หยุดเดี๋ยวนี้เลย!” ผมถลึงตาแล้วก้าวอาดๆเข้าไปแย่งชั้นในของตัวเองออกจากมือเขา
 

จะบ้าตาย! นายภาษิตกำลังทำให้ผมรู้สึกอย่างนั้น นี่จิตใจเขาทำด้วยอะไรกัน ทำไมถึงได้ลุกขึ้นมาซักถุงเท้า ซักชั้นในให้คนอื่นได้หน้าตาเฉยอย่างนี้... 
 

จนถึงตอนนี้เขาทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเขาเป็นไจแอนท์ขึ้นมาจริง ๆ ก็ไจแอนท์น่ะ ทำงานบ้านเก่งสุดๆ ไปเลยไม่ใช่หรือไง?
 

“ไม่ต้องอายหรอกน่า ก็เสื้อผ้ามึงกองเป็นภูเขาอย่างนั้น กูเห็นแล้วทนไม่ได้เลยเอามาซักให้” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่น้ำเสียงของเขาน่ะทำให้หน้าผมเห่อร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “มีอะไรจะซักอีกไหม รีบไปเอามาสิ กูจะซักให้”
 

“ไม่ต้องเลยนะ” ผมย่อตัวลงไปเลื่อนกะละมังออกจากเขาที่นั่งยอง ๆ อยู่บนพื้นห้องน้ำ “ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”
 

“เอ้า! อะไรเนี่ยมาขัดกูทำไม กูจะซักผ้า”
 

ไม่รู้จะพูดอะไรเลย ให้ตายเถอะ! ผมยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองแกรก ๆ จนถึงตอนนี้พิกก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เขาทำน่ะ เรียกว่า 'ดูแลสามี'  ดี ๆ นี่เอง
 

“ลุกครับ ไม่ต้องซักแล้ว...ขอร้องล่ะ”
 

เขาทำให้ผมอาย ผมก็ยังเป็นคนธรรมดาอยู่นะที่จะเขินเมื่อมีคนมาทำอะไรอย่างนี้ให้ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน พระเจ้า! หน้าผมเห่อร้อนจนแทบจะระเบิด ตอนนี้เขาทำตัวอย่างกับเป็นผมเมียเลย นี่ขนาดผู้หญิงที่ผมนอนด้วยยังไม่เคยลุกขึ้นมาทำอะไรอย่างนี้ให้ด้วยซ้ำ!
 

“แต่กู--”
 

ก๊อก  ก๊อก ก๊อก
 

และแล้วเสียงเคาะประตูก็ทำให้พวกเราต้องชะงักค้าง ผมผ่อนลมหายใจออกก่อนจะกลอกตามองเพดานแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งยังรู้สึกแปลก ๆ ไม่หาย ให้ตายเถอะ เขาไม่ฟังผมเลยแม้แต่น้อย เสียงซักผ้ายังคงดังก้องไปทั่วแม้ผมจะเดินมาถึงหน้าประตูของห้องชุดแล้วก็ตาม
 

“เชี่ยเก้า!!”
 

ผมเบิกตาโพลง มองผู้มาใหม่ที่โผเข้าตัวเข้ามาหาทันทีที่ประตูเปิดออกอย่างงงๆ  เธอดึงผมเข้าไปกอดแน่น ก่อนจะซุกหน้าฝังกับอกให้กระหม่อมบางนั่นจรดกับปลายคางของผม
 

“เนย มาได้ยังไงครับ?” ผมเอ่ยทักก่อนจะผละร่างบางนั่นออกมามองหน้า
 

“เนยลืมพาวแบงก์ไว้ค่ะ” เธอตอบพลางสอดส่ายสายตาหาอุปกรณ์ที่ลืมไว้ “เมื่อวานก็ไปหาที่ร้านมาแต่คนที่ร้านบอกว่าเก้าไม่สบาย แล้วนี่หายหรือยังคะ”
 

“ยังครับ...”
 

“งั้น...” เธออมยิ้มก่อนจะลากนิ้วไล่ตามแผ่นอกผม “ให้เนยอยู่ดูแลเก้าไหมคะ เนยว่างพอดีเลยวันนี้”
 

“เอ่อ” ยอมรับนะว่าตอนนี้เสียงของผมตะกุกตะกักพอสมควร ถ้าเป็นเวลาปกติก็จะขอให้เธอช่วยอยู่ดูแลหรอก แต่เพราะมีคนทำหน้าที่นั้นอยู่...และก็ทำดีอยู่(มากๆ)แล้ว ผมจึง...
 

“...เอ่อ....สวัสดีครับ”
 

แต่แล้วระหว่างกำลังกระอักกระอ่วนได้ที่ก็มีเสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นมาขัดจังหวะ เนยละสายตาจากหน้าผมไปโค้งน้อย ๆ ให้กับคนที่เพิ่งเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา ก่อนมือขวาของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังจะตบเบา ๆ ลงบนไหล่ผม
 

“นี่แฟนมึงหรอ” เขากระซิบเบา ๆ “สวยจัง”
 

เชื่อเถอะว่าพิกมองเนยตาเป็นมัน จ้องซะจนคนที่เป็นผู้หญิงคนเดียวในห้องนี้ถึงกับต้องเสหน้าหันไปทางอื่นเพราะอายสายตา ผมแค่นยิ้มออกมาก่อนจะเรียกให้พวกเขาเดินตามเข้ามาในห้องนอน
 

ต้องรีบจับแยกซะแล้ว...
 

“นี่ของคุณครับ” ผมพูดพลางหยิบพาวแบงก์จากหัวเตียงมาส่งให้เนย
 

“ขอบคุณค่ะเก้า....” เธอรับมันไปก่อนจะใส่ไว้ในกระเป๋าแล้วรูดซิปปิดเรียบร้อย ”งั้นเนยกลับก่อนนะคะ” 
 

“อ้าว...ไหนบอกว่าจะอยู่ดูแลมันก่อนไงครับ” บุคคลที่สามเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องเกรงใจผมนะ อยู่ได้เลย อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนก็ได้”
 

พิกพูดออกมาทั้งยังจ้องเธอด้วยสายตาแทะโลม ให้ตายเถอะ...นอกจากจะทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของห้องนี้อีกคนแล้วยังจะหน้าหม้อไม่เลือกจนน่าหมั่นไส้อีก
 

“ไม่เป็นไรค่ะ เก้าก็มีเพื่อนอยู่ด้วยแล้วนี่นา งั้นเนยกลับก่อนนะคะ ไว้จะมาค้างด้วยใหม่” เธอบอกลาอีกรอบโดยการเขย่งตัวขึ้นจูบที่แก้มผมเบา ๆ ก่อนจะหันมาโบกมือบ้ายบายพิกที่ทำตาละห้อยเหมือนเพิ่งเสียของรัก
 

น่าหมั่นไส้เป็นบ้า...
 

“แม่เจ้าโว้ยยยย  แฟนมึงโคตรเอ็กซ์เลย ไปหามาจากไหนเนี่ยยยยยยย”
 

ประตูปิดลงแล้ว เนยกลับไปแล้วพิกถึงได้กล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมา ดูจากสีหน้าของเขา คงอยากจะได้เบอร์เธอจนตัวสั่นเลยสินะ แต่ก็นั่นแหละ เพราะผมไม่ชอบแบ่งของกับใคร และพิกก็ควรรู้ไว้ว่าเขาก็เป็นของๆผมเหมือนกัน ผมถึงได้ลากเขาออกมาจากประตูทั้งยังยืนเพ้ออยู่แบบนั้น
 

ทำหน้าทำตาแบบนี้มันน่าหมั่นไส้เกินไปแล้ว...
 

“หยุดพูดถึงเธออย่างนั้นเลย ถึงเธอจะไม่ใช่แฟนผมแต่เราก็คุยกันอยู่” ผมพูดพลางกดไหล่เขาให้นั่งลงกับโซฟา พิกขมวดคิ้วหากันแน่น ก่อนจะจ้องมาที่หน้าผมแล้วเบะปากออกมาทีนึง
 

“แล้ว...จะมีอย่างงี้อีกไหมอะ ถ้ามีก็แนะนำให้เพื่อนอย่างกูบ้างดิ” 
 

ขอทีล่ะ... นี่เขาไม่รู้ตัวหรือไงว่ากำลังพูดอะไรออกมากับคนที่เขาตกลงสัญญาจะมีเซ็กส์ด้วย ? ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเองทีนึง ก่อนจะพยายามจะสลัดไล่ความรู้สึกหมั่นไส้เขาออกไปแล้วทรุดตัวลงหันไปจับไหล่ลาดนั่นไว้แน่น
 

“พิก” ผมว่าเสียงเรียบ
 

“หืม? พูดมาดิรอฟังอยู่...จะบอกว่าที่ร้านมีแบบนี้อีกเพียบใช่ไหม?...” ดวงตาของเขาเป็นประกาย

 
“....”
 

“ถ้าที่ร้านมีแบบนี้อีก...งั้นกูขอไปทำงานที่ร้านมึงด้วยได้ไหมอะ แบบว่าทำงานใช้หนี้ไรงี้ไง”
 

ให้ตายเถอะ ผมไม่รู้จะพูดอะไรกับคนที่เคยบอกว่ารักพี่พลอยอย่างโน้น รักพี่พลอยอย่างนี้เลย น่าหมั่นไส้ซะจนต้องเอื้อมมือไปดีดหน้าผากให้หยุดพูด... คนอะไรหน้าหม้อเป็นบ้า

 
“โอ้ย! เจ็บนะไอ้เหี้ย” เขาสบถเสียงแข็ง พลางลูบหัวปอย ๆ

 
“ก็ทำให้เจ็บน่ะสิ” ผมผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ “แต่จะไปทำงานกับผมก็ได้นะ”
 

“เฮ้ยยยย จริงอะ” สีหน้าของพิกตอนนี้ดูตื่นเต้นซะจนอยากดีดหน้าผากนั่นให้ช้ำอีกซักรอบ

 
“จริง...แต่ไม่จ่ายเงินนะ”
 

“ห๊ะ?”
 

“ก็ไปทำงานใช้หนี้ไม่ใช่หรือไง?” ผมกอดอกแล้วเอนหลังกับพนัก ก่อนจะจ้องเขาที่กำลังลังเลใจอย่างหนัก “จะเอายังไง ยังอยากไปทำอยู่ไหม?”
 

“ไม่อะ” พิกหัวเราะออกมาแฮ่ะๆ “ลืมไปเลยว่าแม่เคยบอกว่าไม่ชอบให้ทำงานกลางคืน”
 

“เหรอ” ผมเลิกคิ้วข้างนึงแล้วยื่นหน้าไปหาเขา “ไม่อยากทำแล้วจริงๆน่ะหรอ?”

 
“เออ” เขาตอบกลับมาก่อนจะลุกพรวดขึ้นจากโซฟา แต่ไม่ทันจะได้เดินผ่านหน้า ผมก็คว้าเอวสอบนั่นไว้แล้วออกแรงดึงให้มานั่งซ้อนลงบนตักทันที
 

“มึงทำอะไรเนี่ย กูจะไปซักผ้าต่อ”
 

เขาบ่นงิ้งเบา ๆ แต่ผมไม่สนใจหรอก ตอนนี้เรี่ยวแรงผมกลับคืนมาเกือบร้อยเปอร์เซ็นแล้ว และโทษฐานที่เขาทำให้ผมต้องอดทนต่อความน่าหมั่นไส้  ผมจะลงโทษเขาให้รู้ซึ้งไปเลยว่าก่อนจะหม้อใครให้หันมามองหน้าเจ้าของตัวเขาอย่างผมซะก่อน 


“เฮ้ยยยย”

 
พิกร้องแหวทันทีที่ผมพลิกตัวดันร่างเขาลงจนหลังแนบกับเบาะนุ่ม ผมแยกขาเขาออกแล้วแทรกตัวเข้าไปหา ใบหน้าเนียนนั่นขึ้นสีทันทีที่ผมก้มลงไปเล็มเบา ๆ ที่ริมฝีปากล่างของเขา โซฟาตัวโปรดของผมแคบลงไปถนัดเมื่อผู้ชายสองคนนอนเบียดกันในท่าทางล่อแหลมอย่างนี้
 

“เฮ้ยมึงจะทำอะไร มึงป่วยไม่ใช่หรือไง”

 
พิกขมวดคิ้วจ้องเขม็งก่อนจะออกแรงดันอกผมเบา ๆ แต่ผมไม่คิดจะตอบอะไรทั้งนั้นล่ะ ทำตัวน่าหมั่นไส้หลายรอบแล้วนะวันนี้....แถมยังทำให้ผมอายอีก แบบนี้ต้องโดนแรง ๆ

 
“อื้อออ!!” เขากรีดร้อง “อย่ากัดกู!!”

 
ใช่! ผมกัด ผมฝังหน้าลงไปกับไหล่ของเขาแล้วกัดแรง ๆ อย่างไม่มียั้ง พิกยังคงปัดป่ายมือเพื่อดันหน้าผมออก กลิ่นผงซักฟอกและสัมผัสเหนียว ๆ ที่ฝ่ามือนั่นทำให้ผมถึงกับต้องชะงักและหันมารวบมือเขาไว้เหนือหัว

 
“ทำไมไม่ล้างมือก่อนออกมาข้างนอก”
 

มือเหนียวขนาดนี้แน่นอนว่าเขาไม่ได้ล้างมือก่อนออกมาแน่ ๆ
 

“เอ่อ....” เขาเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนจะหดคอลงทำท่าทีเหนียมอาย “ก็รีบวิ่งออกมาดูคุณเนยไง...ก็เลย...ลืมล้างมืออะ”
 

“....คุณนี่มัน” ผมก้มหน้าลงไปฝังเขี้ยวกับคอเขาอีกรอบ “น่าหมั่นไส้!”
 

“โอ้ย ๆ อย่ากัดสิวะ” เขาดิ้น
 

แต่ถึงจะดิ้นแรงยังไงผมก็ไม่สนใจแล้ว ผมโน้มตัวลงไปทับเขาให้ร่างกายของเราแนบสนิทกันยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะลากลิ้นเลียวน ดูดจูบแถว ๆ ซอกคอสีแทนแล้วไล่ไปถึงไหปลาร้าก่อนจะกัดมันแรง ๆ
 

“โอ้ยยย บอกว่าอย่ากัด”  เขาจิกหัวผมอีกแล้ว แต่ยิ่งทำอย่างนั้นผมยิ่งมีอารมณ์นะรู้ไหม
 

“เอามือคุณออกไปเลย” ผมจ้องเขาเขม็ง “มือเหนียวอย่างนี้อย่ามาแตะต้องตัวผม”
 

“แต่...”
 

“ไม่มีแต่!” ผมพยักเพยิดหน้าไปด้านบนหัวของเขา พิกเม้มริมฝีปาก ขมวดคิ้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำตามช้า ๆ “ดีมาก...”
 

“แต่...”
 

“แต่อะไรอีก...”
 

ผมผละหน้าออกจากแผ่นอกของเขาขณะที่กำลังงับยอดอกผ่านเสื้อเชิ้ตตัวบาง พิกนอนขมวดคิ้วจ้องต่ำลงมา ก่อนจะกระพริบตาใส่ผมปริบ ๆ
 

“จะ...จะทำตอนนี้เลยหรอ”
 

“ใช่สิ” คำถามของเขาทำให้ผมเกือบหลุดขำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องทำเป็นเข้มใส่แล้วกลั้นเอาไว้ “ก็บอกแล้วไงว่าคิดถึง”
 

“หรอ” ตอนนี้เขามองไปทางอื่นแล้ว และนั่นยิ่งเปิดโอกาสให้ริมฝีปากผมสัมผัสกับต้นคอด้านข้างของเขาได้ง่ายขึ้น “งั้นก็...ทำเบา ๆ นะมึง”
 

“....”
 

“คราวที่แล้ว...มันแรงไปอะ...มันลึก...แล้วของมึงก็ใหญ่มาก...”
 

“...”
 

“ตอนใส่เข้ามาในตัวกู...แล้วพอกระทุ้งแรงๆใช่ไหม...คือ...มันจุกอะ...เพราะมันขยายใหญ่จนคับไปหมด”

 
“...”
 

“มันเหมือนจะขาดใจเลย...กู...เฮ้ย!!!”
 

ไม่รออะไรอีกแล้ว! ไม่รออะไรทั้งนั้นแหละ ! ยังไม่ทันจบคำผมก็ปลดกระดุมกางเกงเขาแล้วกระชากจนหลุดออกมาในทีเดียว ไหน! ริมฝีปากอิ่มที่พูดจาน่ารักออกมาเมื่อกี้ ผมจะกัดให้ขาดคาปากเลย บ้าเอ้ย! เขาไม่รู้หรือไงว่าพูดอะไรออกมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่พูดออกมาแต่ละอย่างมันกระตุ้นอารมณ์คนฟังแค่ไหน!
 
วันนี้ผมจะทำให้เขาขาดใจตายไปเลย...จะไม่มีการทำเบาอะไรทั้งนั้นล่ะ
ช่างยั่วดีนัก ! น่าหมั่นไส้เป็นบ้า!!!







 
Rrrr Rrrrrrrrr
 

หลังจากผ่านกิจกรรมกระชับมิตรอย่างหนักหน่วงกับพิกจนผล็อยหลับไป ผมก็ต้องตื่นมาขมวดคิ้วทั้งยังหลับตาเพราะเสียงเรียกเข้าน่ารำคาญที่ดังกระทบโสตประสาทนั่นมันลั่นไปทั่วทั้งห้อง ผมยกเท้าตัวเองขึ้นเขี่ยเท้าเขาเป็นเชิงเรียก แต่แทนที่เขาจะรีบกระเด้งตัวขึ้นไปรับโทรศัพท์ พิกกลับเอื้อมหยิบหมอนที่ตกอยู่ข้าง ๆ มาปิดหูแล้วนอนต่อแทน
 

“ตื่นครับ โทรศัพท์คุณดังใหญ่แล้ว” ผมดีดนิ้วเข้ากับหน้าผากเขาแรง ๆ ทีนึง ได้ผล พิกตื่นขึ้นมาผ่อนลมหายใจมองค้อนผมอย่างหงุดหงิดแล้ว
 

“รู้แล้ว ๆๆๆๆ” เขากระเด้งตัวขึ้นอย่างขัดใจ “ใครโทรมาวะเนี่ยคนจะหลับจะนอน”
 

อาจจะเพราะเรารีบร้อนจนเกินไป ทำให้เสื้อผ้าถูกถอดทิ้งระเกะระกะไม่เป็นที่เป็นทาง พิกยังคงสบถเสียงแผ่วอยู่แม้ว่าตอนนี้เขาจะคว้าบ็อกเซอร์มาใส่แล้ววิ่งออกไปรับโทรศัพท์แล้วก็ตาม
 

“ฮัลโหล แม่หรอ โทรมาทำไมอะ มีอะไรกับหนูหรือเปล่า”
 

“อุบ...”  มาถึงตอนนี้ผมกลั้นเสียงหัวเราะไม่อยู่แล้ว เมื่อกี้เขาว่าอะไรนะ? แทนตัวเองว่าหนูกับแม่งั้นหรอ
 

“เสือก” พิกเอาหน้าห่างโทรศัพท์ก่อนจะหันมาด่าผมแล้วล้มตัวลงนอนข้าง ๆ “ว่าไงนะแม่ พูดใหม่อีกที”
 

ผมไม่รู้หรอกว่าแม่เขาพูดอะไรออกมาบ้าง แต่เสียงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์ก็ทำให้พอจะเดาได้ว่าแม่เขาไม่พอใจนักที่เขากลับบ้านเย็นย่ำอย่างนี้ พิกเบะปากทำจมูกย่น ก่อนจะเอากลอกตาแล้วเอามือถือออกจากหู
 

“โอ้ยยยย แล้วทำไมไม่ให้ลูกสาวแม่มันช่วยเก็บก่อนเล่า ทำไมต้องหนูทุกทีเลยอะ” เขาตะโกนใส่โทรศัพท์บ้างทีนี้ แต่นาทีต่อมาก็ยอมเอาหูแนบแต่โดยดี
 

“...”
 

“รู้แล้วๆๆๆ” เขาทำหน้าเหม็นเบื่อ “เดี๋ยวรีบกลับไปช่วยเก็บร้านเดี๋ยวนี้แหละ อย่าบ่นนักซี่คุณนายแม่”
 

“....”
 

“ก็ไม่มีเรียนเย็น แต่เพื่อนมันไม่สบายไงหนูเลยต้องมาดูแล....ไม่...เปล่าไม่ใช่ไอ้ชาน...ไอ้ห่านั่นมันถึกจะตาย”
 

“...”
 

“โอ้ยยยย รู้แล้วค่ะ เดี๋ยวรีบกลับไปหาเลยนะคะ อย่าตัดเงินเดือนหนูเลย แค่นี้ก็จะไม่พอยาไส้อยู่แล้ว...อื้อ...รู้แล้วล่ะ งั้นแค่นี้นะเดี๋ยวรีบนั่งแท็กซี่ไปหา” วางหูเสร็จเขาก็หันขวับมาทางผมเลย พิกชี้มาที่หน้าผมอย่างคาดโทษ “เพราะมึงคนเดียวเลยทำให้กูกลับบ้านเย็น”
 

ผมหัวเราะออกมาแล้วยักไหล่เบา ๆ “งั้นหรอ...งั้นขอโทษแล้วกันนะที่ทำให้กลับบ้านเย็น”
 

“เออ...รู้ตัวก็ดี” นาทีนี้พิกใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เร็วพอๆกับตอนที่ผมเปลืองเขาจนเปลือยเปล่าไปทั้งตัว ด้านคนผิวแทนพอกลัดกระดุมเม็ดสุดท้ายตรงเอวเสร็จก็หันมากอดอกแล้วทอดมองมาทางผมอย่างเหนื่อยใจ “ยาที่ซื้อมาให้ก็กินตามเวลาด้วย รู้ไหม”
 

“ครับ”
 

“เอ้อ...ผ้าที่ซักค้างไว้ก็เอาลงไปปั่นด้วยล่ะ ทิ้งไว้เดี๋ยวเน่าหนอนคาห้องน้ำพอดี”
 

“ครับ”
 

“เออ...ไม่มีอะไรแล้วมั้ง” เขาทำหน้าครุ่นคิด “งั้นกลับแล้วนะ”
 

“ผมไม่ไปส่งนะ” ผมว่าออกไปเสียงเรียบ “ก็ผมไม่สบายนี่นา”
 

“เออ ทีหลังจะไม่ไปส่งก็ไม่ต้องพูดก็ได้...กูกลับเองได้ เป็นผู้ชายต้องพึ่งตัวเอง”
 

พูดจบก็หมุนตัวออกไปเลยครับ  ทิ้งให้ผมนอนหัวเราะคนเดียวอยู่บนเตียงโดยที่คิดถึงสีหน้าของเขาเมื่อครู่...
 

ยาหรอ...ผ้าหรอ...ปกติอยู่คนเดียวก็ไม่เคยมีใครมาทำอะไรให้อย่างนี้นะนี่...
จะว่าไปนอกจากจะน่าหมั่นไส้แล้วยังน่าหมั่นเขี้ยวอีกนะครับหมอนั่นน่ะ...
 

คิดเหมือนผมเลยใช่ไหมล่ะ ...
ก็พิกน่ะ...น่าสนใจเป็นบ้า
 
________________________________________
 
THE END
 
ชอบผู้ชายพูดหนูกับแม่มากกกกกก ยิ่งพูดคะยิ่งน่ารัก
ไจแอนท์นี่ก็เอาความไจแอนท์มาเลย ทำงานบ้าน ดูร้านให้แม่ มีน้องสาว 1 คน  ส่วนโนบิตะเวอร์นี้ก็.....55555   
โดเรม่อนนี่งคงไม่มีนะคะ ก็จะฮาไป 
หวังว่าจะเต็มอิ่มกันนะคะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-08-2015 22:43:53 โดย กิมกวง »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
โนบิตะชอบพิกเข้าจริงๆ แล้วยังไม่รู้ตัวอีกน้าา.. ช่างหาข้ออ้างมากลบเกลื่อนการกระทำเสียจริง จุ๊ๆ :hao3: เพราะถ้าไม่มีความรู้สึกอะไรกับพิกอย่างที่บอกมาจริงๆ ก็ไม่ควรหวงตอนพิกหม้อสาวสิค้าา ><

..ต่อตอนพิเศษอีกก็ดีนะค้าา :-[

ออฟไลน์ yunjae123

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
จากโนบิตะผู้อ่อนแอ เป็นเบี้ยล่างของพิก
กลายเป็นชายหนุ่มสุดเท่ หื่นกาม รุนแรง เร่าร้อน
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :hao7:
อยากอ่านตอนพิเศษจังเลย  :mew2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะไม่ให้ความรักเข้ามาเกี่ยวข้องจริงๆหรืือเก้า

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ตอนแรกว่าจะเข้ามาขอตอนพิเศษ
แต่ยังไม่ทันจะขอก็ได้แล้ววว :katai2-1:

ออฟไลน์ beautifuldead

  • wandered lonely as a cloud..
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
โอ้ยยย ต่อเถอะค่ะ
แต่แบ่บบบ...นี่เป็นโนบิตะที่น่าหมันไส้ ตั้งแต่มีโนบิตะมาเลยนะคะ 
อยากแกล้งแรงๆ ซักที ...เรื่องนี้แอ้นท์นี่เป็นนางเอกไปเลยนะคะ 555

ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เร่าร้อนมากกกก  โนบิตะเวอร์นี้เร่าร้อนสุดๆอะ
ลงตอนพิเศษอีกเยอะๆนะค่ะ :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ MinorMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
ขอตอนพิเศษอีกก 

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
โฮฮฮ เค้าชอบไจแอนนนนท์ แอ้นน่ารักอะ ชอบชานด้วย ส่วนนายโนบินี่แอบหมั่นไส้ ชอบเค้าละยังบอกว่าไม่ได้คิดอะไร ใจร้ายนะ เอ๊ะ หรือไม่ได้คิดจริงๆ แต่ไจแอนท์น่ารักอะ บางทีก็อยากได้ฉากกุ๊กกิ๊กกะชานบ้าง แฮ่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
โหยยย ทิ้งปมอ่ะ... ยังไม่รักกันอย่างเนี้ย

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
แน่ใจนะเก้าว่ากำลังหมั่นไส้!!! /////////////
โอ้ยย น่ารักค่ะ อยากเห็นความสัมพันธ์ของคู่นี้อีก //////////////

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
โนบิตะน่ารักมาก หลงรัก  :katai2-1:

ปล.ทำไมคนที่พิกชอบตอนแรกชื่อพี่พลอย แต่ทำไมพาร์ทเก้าบรรยายชื่อโซจินล่ะคะ หรือเราตกอะไรไป

ออฟไลน์ mm03

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ทำไมพิกน่ารักขนาดนี้
เราเป็นเก้า เราก็จะไม่ทน!!!
*จับฟัดรัวๆ*

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
นึกว่ารักกันแล้วซะอีก
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
โอ๊ยๆ...น่ารัก ฮ่าๆ
ว่าแต่...เหมือนมันยังไม่จบอ่ะครับ อารมณ์มันแบบว่าต้องมีต่อสักนิดอะไรแบบนี้ >.<"

ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
SHIZUKA : 1


ตอนนี้ผมกำลังเดินสะโหลสะเหลอยู่ใต้คณะ

หรือจะเรียกง่าย ๆ ว่า อิดโรยหมดแรงก็ได้ เพราะหลังจากโดนไอ้โนบิตะมันกระหน่ำความ ‘คิดถึง’ ใส่แบบไม่ยั้ง  กลับบ้านไปก็เจอมรสุมคำด่าของคุณนายแม่ประดังประเดเข้ามาเหมือนโดนคลื่นสึนามิซัดสาดเข้าหน้าอย่างแรง แน่นอน ผมกลับไปไม่ทันช่วยคุณนายเธอเก็บร้าน และก็นั่นล่ะ ลูกสาวคนโปรดของเธอเลยต้องเข้ามาช่วยทั้ง ๆ ที่คุณนายเธอสั่งให้นอนอ่านหนังสือสอบอยู่บ้าน...

มันเป็นเรื่องผิดธรรมชาติมาก ผมว่า... ปกติแม่จะรักลูกชายมากกว่าไม่ใช่หรือไงวะ? แล้วทำไมครอบครัวผมถึงเป็นอย่างนี้...

แต่ถ้าจะให้โทษใครก็คงต้องโทษตัวเองนั่นล่ะ...
อะไรนะ จะให้ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่ผมอาสาช่วยแม่ล้างจานเป็นครั้งแรกงั้นหรอ?

ถ้าให้เล่าล่ะยาวแน่...เอาเป็นว่าหลังจากนั้นมาชีวิตผมก็หาความสงบสุขไม่ได้อีกเลย เพราะอะไรน่ะหรอ? ก็เพราะว่าโดนแม่จิกหัวใช้น่ะสิ ทั้งให้ล้างจาน ทำกับข้าว ซักผ้า ทิ้งขยะ รดน้ำต้นไม้ (รวมไปถึงบางทีก็ต้องออกไปเฝ้าร้านให้แม่ด้วย) มากมายจนนึกว่าเป็นนางซินในบ้าน โดยที่น้องสาวผมลอยชายสบายแฮ...ไม่ต้องทำไรซักอย่าง...มากหน่อยก็อ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว วัน ๆ เห็นมันเอาแต่นั่งวาดการ์ตูนเกย์...


“เฮ้ย! นี่ Far Cry 4 ที่กูสั่งมาจากเว็บ เพิ่งส่งตรงถึงบ้านเมื่อเช้านี่เอง...โนบิตะมึงเคยเล่นไหมวะ”

เดินยังไม่ทันถึงห้องเรียน เสียงไอ้ซูเนโอะเพื่อนยากก็ดังเซอร์ราวน์ออกมาถึงหน้าประตูห้องข้าง ๆ จากที่กำลังอิดโรยหมดแรง หูผมนี่ผึ่งเป็นกระด้งร่อนข้าวทันทีที่ได้ยินเลย อะไรนะ! Far Cry 4 ผมเพิ่งดูในเว็บสตรีมเมื่อคืนก่อนนี้เอง อยากจะเล่นแต่ก็สงสารเงินในกระเป๋า ก็คนมันไม่มีตังจะซื้ออะ...ขนาดลด 50% แล้วนะ ราคาแม่งยังตั้งเกือบสองพันกว่าบาท...

“ไม่ครับ ผมไม่ชอบเล่นเกมส์” เสียงต่อมาคือเสียงของโนบิตะครับ อาจจะเพราะที่ที่พวกมันนั่งอยู่ติดประตูทางเข้าด้านหลัง ผมถึงได้ยินเสียงมันชัดแจ๋วขนาดนี้ (แม้ว่ามันจะพูดด้วยโวลุ่มปกติก็ตาม)

“โห่ ได้ไงวะ เป็นผู้ชายแต่ไม่เล่นเกม” ไอ้ชานยังคงชูเกมขึ้นเหนือหัว อวดเข้าไป ๆ ทำท่าอย่างนี้แสดงว่ายังไม่เห็นผมที่เดินเข้าห้องเงียบ ๆ มาจากมาด้านหลัง 

“เฮ้ย! ฟาคราย 4 กูเพิ่งดูในสตรีมมาเมื่อคืนนี้เอง!” วางกระเป๋าเสร็จก็ถลาเข้าประชิดตัวแล้วเอื้อมมือไปแย่งมันมาจากมือเลยครับ ไอ้ชานหันขวับกลับมามามองผมที่ยกแผ่นเกมขึ้นดูในระดับสายตา แต่ใครจะสนใจสายตาละห้อยปนขอร้องของมันล่ะ เอาเกมมาอวดเพื่อนแบบนี้ก็แปลว่าอยากให้เพื่อนยืมอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ “กูยืมได้ไหมอะ กูอยากเล่นเกมนี้มานานแล้ว” 

ไอ้ชานทำหน้าเหี่ยวใส่ผม ทำท่าราวกับเตรียมจะพุ่งเข้าชาร์ตได้ทุกเมื่อ “ไม่ได้นะ ! กูเพิ่งได้มาวันนี้เอง มึงจะเล่นก่อนกูได้ไง” มันตะโกนแหว

“ไม่ได้ก็ต้องได้” ผมโยนแผ่นเอาไปให้ไอ้โนบิตะรับ “มึงจะขัดใจกูหรอเชี่ยวชาญ มึงอยากจะให้กูเครียดตายเพราะไม่มีอะไรเล่นระหว่างที่โดนแม่เทศน์อย่างงั้นใช่ไหม!”

“...แต่”

“ไม่ต้องแต่แล้ว” เห็นหน้ามันละห้อยหนักผมเลยต้องเขย่งตัวไปผลักหัวมันเบา ๆ “กูขอยืมแค่วันสองวัน จะรีบเล่นให้เสร็จแล้วเอามาคืนให้สภาพเดิมเหมือนทุกทีไง...กูเคยผิดคำพูดกับมึงเรื่องเกมด้วยหรอวะ” 

“แต่มึงชอบสปอยด์ตอนจบกูไง” ไอ้ชานกลอกตาแล้วถอนหายใจดังเฮือก “กูเล่นไม่มันส์เพราะมึงชอบทำงั้นทุกที”

“แต่คราวนี้กูไม่ทำงั้นแล้ว...” ในเมื่อลูกล่อไม่ได้ก็ต้องลูกชนนี่ล่ะครับ พอเห็นมันทำท่าจะถอนหายใจใส่หน้าผมอีกเป็นครั้งที่สอง ผมก็ทำหน้าเหมือนคนผิดหวังในชีวิตสุด ๆ ทันที

“....”

“นะ...” 

“...”

“นะนะนะ นะชานนะ...กูขอยืมเถอะ...ให้นี่เป็นสิ่งบันเทิงสุดท้าย สิ่งเดียวในชีวิตลูกชายคนเดียวของบ้านที่โดนโขกสับยังกับเป็นซินเดอเรลล่าอย่างกูเถอะนะ...” 

คุณอาจจะไม่เคยเห็นผมทำอย่างนี้หรอกครับ เพราะกับคนไม่รู้จักผมก็เก๊กเหี้ยมตลอด แต่ในเมื่อเราทำความรู้จักกันแล้ว คุณก็ควรที่จะเห็นและยอมรับ 50 เชด ออฟพิกเช่นเชดนี้ ผมกระพริบตาใส่ไอ้ชานปริบ ๆ นับหนึ่งถึงสิบในใจเบา ๆ และ...

“เฮ่อ...ก็ได้ ๆๆๆๆๆๆ เก็บใส่กระเป๋าไปเลย แล้วอย่าเอาออกมาให้กูเห็นอีกนะ...แค้น”

ในที่สุดมันก็ยอมครับ ไอ้ชานแม่งก็อย่างนี้ทุกทีแหละ จะว่าขี้อวดก็ขี้อวดนะ เหมือนซูเนโอะไง (ถึงมึงจะบอกว่าไม่อยากเป็นแต่กูก็ว่ามึงเหมือนว่ะเพื่อน) แต่เพราะมันไม่ค่อยมีเพื่อนที่ไหน มีแต่ผมคบกับมันอยู่สองคน มันเลยยอมผมขนาดนี้  (จริงๆแล้วมันก็คงจะมีเพื่อนมากกว่านี้แหละครับถ้าไม่ติดว่ามาคบกับผมก่อน)

“ม...มองอะไรไอ้โนบิตะ” อยู่ดี ๆ ก็เพิ่งรู้สึกตัวว่ามีส่วนเกินในบทสนทนานี้ด้วย ผมแหวขึ้นมาทันทีที่เห็นสายตาของโนบิตะมันมองมานิ่ง ๆ  นั่น ถามแล้วยังไม่ยอมตอบ ไม่ยอมส่งแผ่นเกมในมือมาให้ด้วย! แบบนี้ต้องจัดซักแปะ!

เพี๊ยะ!

“มองหน้ากูทำไม ห้ามมอง! ส่งแผ่นเกมในมือมึงมาเลย เร็วๆ อย่าให้ต้องโมโห” 

อย่าหาว่าผมเป็นคนโมโหร้ายเลย แต่ช่วงกลางวันในเวลาเรียนอย่างนี้นี่แหละเหมาะสมที่จะเอาคืนมันเป็นที่สุด! ก็ไอ้ห่าคนไหนมันเสนอตัวยอมให้ผมโขกสับล่ะ ในเมื่อเมื่อคืนมึงทำกูมาเยอะ ตอนนี้ก็ต้องเอาคืนให้สาแก่ใจแบบนี้แหละ

“เฮ้ย มึงไปตบหัวโนบิตะมันทำไม กูยังไม่เห็นมันจะทำอะไรเลย” ไอ้ชานถามขึ้นมา มันลากขายาว ๆ ลงไปทิ้งตัวนั่งข้างโนบิตะแล้วมองมาที่ผมเหมือนเพิ่งฆ่าคนไปหมด ๆ

“กะ...ก็...ท...ทำไม! ก็มันมองหน้ากู กวนตีนดีนักต้องตบหัวให้หลาบจำ” นั่น พูดขนาดนี้แล้ว ยังมองมาที่ผมไม่เลิก และไม่ใช่ว่าใช้สายตาธรรมดามองมานะครับ โนบิตะแม่งมองลอดแว่นเหมือนกับจะสื่อว่า ‘อย่าให้ถึงทีผมแล้วกัน จะเอาคืนให้นอนหงายไม่ได้เลย’

มองมาแบบนั้นนึกว่ากูจะกลัวหรือไง!
ที่สั่นเนี่ย สั่นสู้โว้ย! ไม่ได้สั่นเทาด้วยความกลัว!!

“โอ้ย มึงชักจะไปกันใหญ่แล้ว ไหนวันนั้นก็ดีกับมันแล้วไง” ไอ้ชานยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง “เป็นเพื่อนกันก็ทำดี ๆ กับมันหน่อยสิวะ เดี๋ยวมันร้องไห้ขี้มูกโป่งขึ้นมาจะว่าไง” 

หันไปจะด่า แต่ไอ้โนบิตะเสือกพยักหน้าหงึก ๆ

ห๊ะ มึงเนี่ยนะจะร้องไห้ขี้มูกโป่ง...
ไอ้ชานมึงโดนหน้าติ๋ม ๆ แว่นติ๋ม ๆ หลอกเข้าให้แล้ว!
ไอ้เหี้ยเนี่ย ไม่ต่างอะไรจากพระเอกในการ์ตูนตาหวานเรื่องมาเฟียที่รักที่น้องกูชอบอ่านเลย...


เหี้ยม...ใจแม่งเหี้ยมสุด ๆ

“กลับมาแล้วจ้า!!!!!!”
 
แต่ไม่ทันที่จะได้สาธยายความเหี้ยม (+เหี้ย) ของโนบิตะผ่านสายตา เสียงแหบนุ่มจากทางหน้าห้องก็ทำให้คนอื่น ๆ ที่มานั่งรออาจารย์เหมือนกับพวกผมถึงกับต้องลุกขึ้นยืน แล้วก็ไม่ใช่แค่คนอื่นนะ พอไอ้ชานหันไปเห็นไอ้หมอนั่น มันก็ลุกขึ้นชี้หน้าคนมาใหม่ที่เพิ่งเดินมูนวอล์คเข้าห้องมาทันที

“มึง!!!” ไอ้ชานยังคงถลึงตาแล้วชี้นิ้วไปที่หมอนั่น

คนมาใหม่ส่งยิ้มเจิดจ้าอวดฟันขาวให้ไอ้ชานพร้อมกับโบกมือไหว ๆ “เฮ้ย สวัสดีเชี่ยวชาญ...กูเอง...”

“มึง...”

“...” ทุกคนในห้องกลั้นหายใจจนไม่มีเสียงใดดังรบกวน

“มึงชื่ออะไรนะ...” 

เหมือนได้ยินเสียงแป่ววว ดังขึ้นในใจ ถ้าให้ทายเพื่อนทั้งห้องที่เริ่มมากันเกือบจะครบก็ได้ยินเหมือนผมเช่นกันไม่อย่างนั้นไอ้ช้างที่วันนี้นั่งอยู่กลางห้องคงไม่ขยำกระดาษเป็นก้อนกลม ๆ แล้วปาใส่พุงไอ้ซูเนโอะเพื่อนผมแบบนั้น

“โธ่ไอ้ควาย นี่ไอ้เฮียไง” ช้างพูด

“รู้แล้วล่ะน่า กูแซวแม่งเล่นเฉย ๆ” ไม่ถึงวินาทีไอ้ชานก็เลิกทำหน้าเอ๋อ ๆ งง ๆ แล้วหันไปปาก้อนกระดาษส่งคืนให้ไอ้ช้าง ก่อนจะหันมาทักทายคนมาใหม่ที่ตอนนี้เดินเข้ามาประชิดตัวแล้ว “... เป็นไงมาไงวะเนี่ย ที่แคนาดาเป็นไงบ้าง สนุกไหม?”

พูดถึงแล้วก็นึกออกเลยครับ อ๋อ ไอ้เฮีย(ไม่ใช่สรรพนามนะครับ แต่มันชื่อเฮียจริงๆ)นี่เองที่ดร็อปไปแคนาดามาเมื่อปีที่แล้ว...(ปีที่แล้วดร็อปกันเยอะมาก ไปเมกา 2 คน แคนาดาคนนึง แล้วก็เนเธอแลนด์คนนึง)   

“ก็ไม่เป็นไงมาไงอะ...ฝรั่งก็หัวทอง หัวดำบ้างประปราย แต่ส่วนมากก็พูดภาษาอังกฤษกันนะ ” มันตอบแบบขอไปที...โถ ฝรั่งบ้านมึงเค้าพูดภาษาเกาหลีกันมั้งครับ...ไปถึงแคนาดานึกว่าจะมีอะไรมาเล่า แล้วนี่แม่งเป็นอะไรเนี่ยหันซ้ายหันขวาเหมือนมองหาอะไรอยู่เลย

“หาอะไรวะ” ผมเอื้อมมือไปสะกิดไหล่ไอ้เตี้ยตรงหน้า แล้วทำขมวดคิ้วหน้าเหี้ยมใส่มัน

“อ๋อ...ไม่มีอะไร มองหาเพื่อนว่ะ...แล้วนี่เพื่อนกูหายไปไหนกันหมดวะ พวกโอม อ๊อด ปิ่นอะ” ไอ้เฮียพูดพลางกวาดสายตาไม่หยุด 

“อ่า” นั่นเสียงโนบิตะครับ ในที่สุดก็ได้มีบทพูดกับเขาซักที “พวกนั้นเขาดร็อปไปตั้งแต่สามวันแรกแล้วครับ โอมโดนไทร์ อ๊อดดร็อป ส่วนปิ่นบอกอาจารย์ว่าจะรอเรียนกับแฟนเขา”

ผมหันไปมองหน้าไอ้โนบิตะ...โอโห นี่ขนาดว่ามึงกลับเร็วกว่าชาวบ้านเค้าตลอดนะ ยังมีความสามารถไปเสือกเรื่องคนอื่นเขามาได้ ผมหัวเราะหึในใจ แต่ดูเหมือนโนบิตะจะรู้ทัน มันขยับแว่นแล้วพูดออกมาเบา ๆ ทันที

“อาจารย์บอกมาน่ะครับ”

“อ๋ออออ” ไอ้เฮียร้องอ๋อสวนเสียงในใจของผมออกมาเสียดัง  มันพยักหน้าหงึก ๆ แล้ววางกระเป๋าลงตรงที่ข้าง ๆ โนบิตะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วยื่นมือทั้งสองข้างมาทางผมกับไอ้ชาน “ในเมื่อกูไม่มีกลุ่มจะอยู่แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปกูคงต้องขอเป็นปลิงเกาะกลุ่มพวกมึงซักพักจนกว่ากูจะหาเพื่อนใหม่ที่เข้ากับกูได้...” 

“...”

“เพราะมึงเป็นคนแรกที่ทักกู มึงเลยต้องรับผิดชอบนะเชี่ยวชาญ”

ยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไรมันก็รัวใส่มาไม่ยั้งเลยครับ ไอ้หน้าแป้นยิ้มหวานแล้วกระชากมือผมกับไอ้ชานไปเช็คแฮนด์โดยไม่ให้ตั้งตัวซักนิด พอเขย่ามือกันเป็นพิธีเสร็จ มันก็หันหน้าไปหาเป้าหมายใหม่ แล้วยื่นมือออกไปหา...

จะใครซะอีกล่ะครับ ก็ไอ้โนบิตะที่นั่งทำหน้าติ๋มอยู่ข้าง ๆ มันนั่นไง...

“มึงด้วยนะ....ยินดีที่ได้รู้จักกันอีกรอบ”

“...” 

ไอ้เฮียเหล่ไปมองที่ชีทบนโต๊ะของโนบิตะ ก่อนจะแย้มยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม

“เก้า”


_________________________________________________

เฮียคือใคร ใครคือเฮีย....

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
อะไรเนี่ยยยย ตอนพิเศษมาให้ใจวุนวายอีกแล้ววว
เฮีเป็นเครื่องปรุงมาม่าหรือเปล่า คงไม่ใช่นะ
ยังรอตอนต่อไปอยู่เสมอ จุ๊บๆ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ชิซูกะคนนี้เป็นเด็กร่าเริงดีนะคะ โผล่ออกมาทียังกับมีฉากดอกไม้บานตามมาข้างหลังด้วยแน่ะ สำคัญสุด ..เนียนได้โล่ห์เลยค่า~ :laugh:

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
หืมๆๆ ตัวละครใหม่  มาแนวไหนยังไง มีเค้าวุ่นวายละ :katai5:
ชื่อชิซูกะก็ต้องเข้าทางโนบิตะใช่มั้ย มาม่าจะมาใช่มั้ย ถ้าใช่ เราก็พร้อมนะ ฮี่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2015 18:59:48 โดย ReiSei »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ตัวละครใหม่!!!
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
หวายๆๆ ชิซึกะนี่โนบิตะชอบเขาด้วยมั้ยเอ่ย???
จะดราม่ามั้ยนี่ 55555555555555555555
ตอนนี้แอบหมั่นไส้ไจแอนท์เบาๆ
แหม่ แหม่ แหม่ เวลาอยู่มหาลัยล่ะทำตัวใหญ่เชียวนะ
โดนเขาเอาคืนแล้วจะลุกไม่ขึ้นเอานา...

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ตัวละครใหม่โผล่มามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เฮียผู้ล่วงรู้ความลับของโนบิตะ ฮาาา

ออฟไลน์ beautifuldead

  • wandered lonely as a cloud..
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
หาาาาา...เดียวน้ะ มาต่อเลยนะค้า
เค้าอยากรู้ความ50 shades of พิคคคคคคคคคคค

ออฟไลน์ fay_13

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอค่ะรออออออออออออออออออออออ

อ่านแล้วสนุกมากกกกกกกกกก พิกน่ารักสุดๆ โอยยยยย แพ้ทางเคะแบบนี้สุดๆ  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ propg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พิกน่ารักจังงงงงง .///.
ตลกเวลาอยู่มหาลัยกัน พิกนี่แบบ5555555555
เฮียจะทำไรรรร  :katai1:

ออฟไลน์ piengtavan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • UEDA_ARAMORD
แอร๊ยยยสสยย  เฮียนี่พันเดียวกับอิโนบิแน่ๆ
จะบอกว่า เค้าเกลียดอิเก้าแหละ เชอะ!

ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
SHIZUKA : 2


ชั่วโมงของการเรียนวิจัยผ่านไปไวมาก ตื่นมาอีกทีก็ผ่านไปสองสามชั่วโมงแล้ว ผมเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะตอนที่ได้ยินเสียงสันหนังสือกระแทกเบา ๆ ก่อนไอ้เชี่ยวชาญที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จะยื่นหน้ามาแล้วขมวดคิ้วใส่

“พิก ตื่นได้แล้ว...หลับจนหมดคาบเลยนะมึงนี่”  มันพูดพลางตบลงมาเบา ๆ ที่แก้มของผมเป็นเชิงเรียกให้ตื่น

ผมหยีตามองมันแล้วยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองหนัก ๆ “เช้าแล้วหรอวะ” 

“เช้าที่หน้ามึง นี่จะเที่ยงอยู่แล้ว ไป ๆ ลุก ๆ กลับบ้าน”

ดูเหมือนสมองแม่งจะตีรวนไปกันหมด ผมค่อย ๆ ลุกจากเก้าอี้แล็คเชอร์อย่างสะลึมสะลือ เดินตามแรงมือของไอ้ชานที่โอบตรงหัวไหล่ ก้าวไปไม่ทันพ้นโต๊ะของไอ้โนบิตะที่นั่งคู่กับไอ้เฮีย รู้ตัวอีกทีก็มีใครกระชากเข้าให้ที่แขนขวา แรงจนตัวแทบจะหมุนติ้วเป็นลูกข่าง

“เฮ่อ..”

ผมเอี้ยวตัวไปขมวดคิ้วมองมือของไอ้เฮียที่รั้งแขนเสื้อเอาไว้ มันกำลังฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วเอาใช้อีกมือทึ้งขยี้หัวตัวเองอย่างแรง ก่อนเสียงร้องโอดโอยออกมาเหมือนเชื้อหมาบ้าในตัวกำเริบ
 
“โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” 

“...เฮ้ยมันเป็นไร เป็นลมบ้าหมูรึเปล่าวะ!!!” ไอ้ชานที่ยืนอยู่ด้านหลังอยู่ดี ๆ ก็ตะโกนสวนขึ้นมา ผมหันหน้าไปมองมัน แวบนึงนึกถึงเพื่อนสมัยเด็กที่ชื่อไอ้ป่าน ตอนเป็นลมบ้าหมูมันก็ชักอย่างนี้เลย นึกได้อย่างนั้นก็รีบถลาเข้าไปแล้วเอามือตัวเองยัดปากมันทันที!   

“เฮ้ยโนบิตะเอาปากกาให้มันคาบไว้ เดี๋ยวมันได้กัดลิ้นตัวเองตายห่า!!”

ผมหันไปสั่งไอ้โนบิตะที่ยังหน้าเหรอหราก่อนจะหันมาพยายามยัดนิ้วตัวเองเข้าปากไอ้เฮีย โอ้ยไอ้เหี้ยนี่ยังไง กัดฟันแน่นเลย แล้วไอ้โนบิตะอีก สั่งแล้วยังทำหน้าเหมือนหมางงอีก ต้องให้กูโดนงับนิ้วขาดก่อนใช่ไหมถึงจะลุกขึ้นมาขยับตัวเนี่ยยย!!

“อำเอี้ยอะไอเอี้ยยยยยยยยยย!!!”  ไอ้เฮียสะบัดหน้าไปมา

“เฮ้ยมันพูดอะไรวะ ตายห่าแล้ว! รีบยัดนิ้วเข้าไปเร็วพิก เดี๋ยวแม่งกัดลิ้นตัวเองตายก่อน!!” ไอ้ชานแหว

“ยัดไม่ได้โว้ย โอ้ยฟันแม่งแน่นชิบ!! ช่วยกันง้างปากมันเร็วสิโว้ยยยยย” นั่นผมเอง

และนาทีที่ยัดนิ้วเข้าไปได้ ไอ้เฮียก็เด้งตัวขึ้นมานั่งพูดอู้อี้พร้อมทำตาขวางแบบที่ทำลายความภูมิใจของมวลมนุษย์ชาติลง มันค่อย ๆ เอื้อมมือมากำรอบข้อมือผมแล้วดึงออกช้า ๆ แบบสโลว์โมชั่นเหมือนพระเอกหนังจีนกำลังภายในดึงดาบออกจากฝัก 

“กูบอกว่า กูไม่ได้เป็นอะไร ไอ้เหี้ย!” 

ไอ้เฮียขมวดคิ้วก่อนจะยกมือขึ้นจัดทรงผมที่ดูไม่ได้ของมัน อ้าว! ไม่ได้เป็นเหี้ยอะไรแล้วชักดิ้นชักงอเหมือนคนเป็นลมบ้าหมูทำไมวะ ชาวบ้านชาวช่อง (นอกจากไอ้โนบิตะ จนถึงตอนนี้แม่งยังทำหน้านิ่งอยู่เลย) เขาตกอกตกใจกันหมด

“ไม่ได้เป็นอะไรแล้วดึงเสื้อกูไว้ทำไม” ผมกระแทกเสียงถามมันพลางหันมาเช็ดน้ำลายออกจากนิ้วตัวเอง

“กูแค่ละเมอแล้วมือไปเกี่ยวเสื้อมึงหรือเปล่า...” มันทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะเกาหัวแกรก ๆ ส่วนผมนี่งงเต็กไปเลย ละเมอเกี่ยวเสื้อกูแล้วร้องเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวกเนี่ยนะ!

“เออ มันอาจจะละเมอจริงอย่างที่มันว่าก็ได้” ไอ้ชานพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะก้มลงมากระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูผม “กูว่าไอ้เฮียแม่งไม่ปกติว่ะ ยังไงเรารีบ—”

“รีบไปกินข้าวกันเถอะ” 

ไม่รอให้ไอ้ชานได้พูดประโยคถัดไปออกมา ไอ้เฮียมันก็ลุกขึ้นมาแทรกกลางระหว่างเราแล้วยกมือขึ้นกอดคอทันที ทายสิว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง? ไอ้เหี้ยนี่โคตรไม่น่าคบเลย อารมณ์แม่งขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนไอ้โนบิตะไม่มีผิด

แล้วพอหันไปมองหน้าไอ้ตัวปัญหามันก็ทำแค่ยักไหล่ สรุปมื้อเที่ยงอันแสนสงบสุขของผมกับไอ้ชานก็มีอันต้องพับไป

เพราะไอ้เจ้าของรอยยิ้มรูปสี่เหลี่ยมนั่นล่ะ!
ไอ้เฮีย!!

____________________________________________

“พูดก็พูดเถอะนะ...”

โทนเสียงนุ่มหูดังขึ้นหลังจากที่ก้มหน้าก้มตากลับหมูสามชั้นบนเตามานาน ทุกคนในที่นี้ชะงักตะเกียบลงพร้อมใจกันหันไปมองหน้าแป้น ๆ ไม่เว้นแม้แต่ผม ไอ้เฮียกำลังใช้มืออีกข้างขยับคอเสื้อ และกระแอมไอเบา ๆ ออกมาทำท่าเตรียมจะพูด

“ช่วงนี้กูน่ะ รวยมาก”   

“....”

“....”

“พูดอวดงี้หมายความว่าไงวะไอ้เตี้ย!” นั่นเสียงผมเองครับ เนื่องจากไม่มีใครพูดอะไรออกมาผมเลยเปิดโครงการนำล่องให้โดยการตบโต๊ะเสียงดังจนคนทั้งร้านหันมามอง ไอ้เหี้ยนี่...พูดว่าตัวเองรวยได้หน้าตาเฉยแบบนี้ได้ยังไง? จะหาว่าพวกกูจนมากจนไม่มีปัญญาจ่ายค่าอีบุฟเฟ่ต์สันคอหมูคุโรบุตะลูกผสมพันธุ์ฮอกไกโดที่มึงพามากินงั้นหรอ!!!

“ใจเย็น ๆ ดิพิก ฟังมันพูดก่อน” ไอ้ชานที่นั่งฝั่งตรงข้ามแต่อยู่ข้างไอ้เฮียเอื้อมมือมาดีดเหม่งผมเบา ๆ มันถอนหายใจออกมาเหมือนทุกครั้งที่เห็นผมเลือดร้อน เป็นอีหรอบนี้เลยต้องหันไปหาแนวร่วมอย่างไอ้โนบิตะ แต่แม่งก็ดันทรยศ! มันพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้ไอ้ชานซะนี่!
 
“เออ ใจเย็นๆดิพิก กูไม่ได้หมายความอย่างนั้น กูแค่อยากระบาย” ไอ้เฮียว่าเสียงอ่อนก่อนจะเริ่มหยิบกระเป๋าตังขึ้นมานับแบงค์หมื่นเป็นฟ่อนในนั้นที่เพิ่งกดออกมาจากเอทีเอ็ม

“ระบายเหี้ยอะไร มีใครบ้างบ่นว่ารวยมากทั้ง ๆ ที่ช่วงนี้มันเป็นช่วงสิ้นเดือน” 

พูดจากใจจริงเลย ในฐานะคนที่บ้านฐานะปานกลางสุด ช่วงนี้แม่งเป็นมหาวิบัติ 10 วันสุดวิปโยคของเดือนเลยก็ว่าได้ นอกจากจะต้องบอกปัดเพื่อน ๆ ที่ชวนไปกินเหล้าแล้ว ยังต้องบอกลาเวลาว่างที่จะได้เล่นเกมเพื่อไปทำงานแลกเงินกับคุณนายคิมสุดโหดอีก!

“แต่กูเครียดจริง ๆ”

เห็นว่ามันพูดออกมาเสียงอ่อนเสียงค่อยหรอกนะถึงยอมฟังดี ๆ ผมวางตะเกียบลงปล่อยให้ไอ้ชานมันคีบหมูคีบผักมาใส่จานตามหน้าที่แล้วกอดอกแล้วพยักเพยิดหน้าไปทางไอ้เฮีย “ไหน อะไรทำให้มึงเครียด ลองระบายมา” 

“...”

แวบหนึ่งผมแอบเห็นไอ้เฮียส่งสายตาไปทางไอ้โนบิตะ แต่ไอ้เหี้ยนั่นมันกลับหลบหน้าโดยการก้มลงไปเขี่ยผักบุ้งในจานตัวเองแทน ก่อนเสียงนุ่มสบายหูของคนตัวเตี้ยที่สุดในที่นี้จะดังขึ้น ในใจผมก็ตะโกนดังออกมาว่าแล้วพวกแม่งโคตร ‘มีพิรุธ’

“บ้านกูอ่ะเป็นเศรษฐีใหม่...แม่น่ะชอบให้ตังทีละเยอะ ๆ เอามาเลี้ยงเพื่อน สมัยก่อนกูก็มีเพื่อนอยู่เหมือนกัน กูไม่ชอบให้เพื่อนออกอะไรเองเพราะพวกแม่งเป็นเพื่อนกู...” 

“...”

“แต่หลังกลับมาจากแคนาดา กูก็รู้สึกว่าแต่ละเดือนของกูช่างไร้ค่า...เงินในกระเป๋าตังกูแทบไม่ลดลงไปเลยพวกมึงเข้าใจใช่ไหม?...นั่นมันจะหมายความว่ายังไงได้อีกนอกจากว่ากูแม่งเป็นคนไม่มีเพื่อนอะ!”

“...”

“กูเครียดมาก กูต้องการเลี้ยงใครซักคน กูอยากพาเพื่อนมาแดกข้าวแบบนี้ เสร็จแล้วก็แดกของหวาน แล้วก็พาไปดูหนัง...เมื่อก่อนเวลากูพาเพื่อนไปดูหนัง แม่งจะพาแฟนพากิ๊กมากี่คนก็ได้ กูจ่ายให้ได้หมด แต่ตอนนี้กูแม่งเป็นคนไม่มีเพื่อน เวลากูจะดูหนังแล้วต้องจ่ายเงินค่าตั๋วแค่สำหรับที่นั่งเดียวแล้วกูไม่คุ้น!!!”

“...”

“กู...กูแม่งโคตรไร้ค่าเลยว่ะ” 

“...”

“...”

ทุกคนเงียบไปเลย... เงียบไปแบบอึ้ง ๆ คือกูก็อึ้งไปเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าอึ้งที่มันเครียดจนทำหน้าบิดหน้าเบี้ยวแทบจะเอาตะเกียบแทงคอตายเหมือนที่เห็นกันอยู่ตรงหน้าหรอกนะ แต่เครียดไปด้วยและอึ้งว่าในโลกนี้แม่งมีคนไร้สาระได้ขนาดนี้เลยหรอวะ

ด้วยความหวังดีผมเลยเอื้อมมือไปแตะเบา ๆ ที่มือของมันแล้วทำหน้าเห็นใจมันสุดฤทธิ์

“ไม่ต้องเครียดแล้วนะมึงน่ะ...ต่อไปก็เป็นเพื่อนพวกกูไง อยากเลี้ยงอะไรก็เอาเลย เต็มที่เลยนะเตี้ย กูชอบมากเลยของฟรี ชอบจริงๆ” ทีหลังถ้าอยากใช้เงินก็เรียกหาคิมพิกได้เลย กูจะไม่มีวันมองมึงผิดปกติอีกแล้วไอ้เฮีย

“หยุด ๆ ๆ  พอเลยพิก ที่ไถกูคนเดียวนี่ยังไม่พออีกหรอวะ” ไอ้ชานพูดพลางเอาตะเกียบแซะมือผมออกจากมือไอ้เฮีย

ผมรู้ว่าที่ไอ้ชานพูดออกมานี่เป็นเพราะมันมันกลัวจะเสียตำแหน่งเพื่อนซี้ปึ้กคนปัจจุบันไป ไอ้ไอ้ชานนี่ก็อีกคน เป็นเด็กบ้านรวยแต่มีปัญหา จำได้ไหมที่ผมเคยบอกว่าเราแม่งคบกันได้อยู่แค่สองคน เหตุผลไม่มีอะไรมาก เพราะไอ้เหี้ยนี่ไม่ยอมไปซี้กับใครตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว มันบอกว่าก็มีแต่ผมคนเดียวนี่แหละที่เป็นเพื่อนกับมันได้ (ผมเลย เลยตามเลยไป)

ไอ้ชานมันเป็นคนยึดติดครับ ยึดติดโคตร ๆ อะไรที่เป็นของมันก็ต้องเป็นของมันคนเดียว แล้วถ้าอะไรที่ได้ชื่อว่าเป็นของ ๆ มัน มันจะดูแลฟูมฟักอย่างดี นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาไม่มีตังไปกินข้าวผมถึงได้เจ้ามือเลี้ยงเกือบทุกที เพราะไอ้ชานแม่งเป็นคนอย่างนี้นี่แหละ มันถึงมีผมเป็นเพื่อนอยู่แค่คนเดียว

“แต่...”

“ไม่ต้องมีแต่เลยพิก” ไอ้ชานเป่าปากตัวเองแล้วหันไปทางคนข้างตัว “มึงก็เหมือนกันไอ้เฮีย ไม่ต้องมาจ่ายอะไรให้พวกกู พวกกูมากินกับมึงได้ ก็ต้องจ่ายได้ อย่าเห็นพวกกูเป็นคนเห็นแก่เงิน” 

อ้าว...มึงให้กูเงียบฟังมันมาตั้งนานแล้วก็มาขึ้นแบบนี้หรอครับไอ้ชาน  ผมมองไปทางโนบิตะ สงสารมันนิดหน่อยที่ไม่ค่อยได้พูดอะไร แต่พอเห็นมันพยักหน้าหงึก ๆ ก็เข้าใจแล้วว่ามันเห็นด้วยและคงไม่อยากจะพูดอะไรให้มากความ

“ใช่สิ ก็พวกมึงมันคนมีตังนี่” ผมเบะปากใส่พวกมันสามคนที่มานั่งซีเรียสเรื่องขี้หมาอะไรแบบนี้ เซ็งนัก ไม่เกิดมามีแม่แบบคุณนายคิมอย่างกูพวกมึงคงไม่รู้หรอก!

“สรุปเลยนะ เอาเป็นว่าพวกกูจะจ่ายกันเอง” ไอ้ชานสรุปเองเสร็จสรรพ มันโหย่งตัวขึ้น ล้วงตังออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้านหลังแล้ววางลงบนโต๊ะ 

ไอ้โนบิตะก็เหมือนกัน มันควักแบงค์พันสามสี่ใบออกมาจากกระเป๋าตังออกมา วางแล้วเลื่อนไปตรงหน้าไอ้เฮีย ไอ้เตี้ยนั่นขมวดคิ้วเลย

“ไม่ได้” ไอ้เฮียยกมือขึ้นพนม “ขอร้องเหอะ ให้กูได้จ่ายเถอะนะ แค่ค่าข้าวก็ได้ นะ นะ” 

“...”

“ให้กูรู้สึกว่าได้เป็นเพื่อนพวกมึงบ้าง ให้กูได้ทำอะไรให้พวกมึงบ้าง” 

“ไม่ได้ / ไม่ได้ครับ”

ผมถอนหายใจออกมาเซ็ง ๆ เมื่อเห็นไอ้สองคนนั้นเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย จำไว้เลยนะพวกมึง! ผมคาดโทษในใจก่อนจะจำใจหยิบกระเป๋าตังตัวเองออกมานับอย่างเซ็ง ๆ ไอ้ห่าเอ้ย ถ้ารู้ว่าจะต้องมาจ่ายเองอย่างนี้จะชวนกินก๋วยเตี๋ยวข้างคณะซะตั้งแต่แรก 

แต่ไม่ทันที่จะได้หยิบตังออกมานับแล้ววางอย่างคนอื่น ไอ้ไอ้ชานที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ยื่นตะเกียบมาดันกระเป๋าตังผมให้ต่ำลง พร้อม ๆ กับไอ้เก้าที่คว้าหมับเข้าให้ที่ข้อมือ   

“กูจ่ายเผื่อมึงไปแล้ว / ผมจ่ายเผื่อพิกไปแล้วครับ” 

“...”

“...”

“...”

บรรยากาศในโต๊ะเงียบลงโดยไม่ได้นัดหมาย สาบานได้ว่าผมแอบเห็นสายฟ้าลั่นเปรี้ยงลงบนกลางเตา ไอ้ชานกับไอ้โนบิตะกำลังฟาดฟันกันด้วยสายตา มาคุซะจนคนกลางอย่างผมกับไอ้เตี้ยไอ้เฮียถึงกับทำอะไรไม่ถูก

“ฮ...เฮ้ย...ไม่เห็นต้องแย่งกันจ่ายขนาดนั้นก็ได้ งั้นกูจ่ายให้พิกด้วย” สงสัยไอ้เฮียมันจะอึดอัดมากจนเก็บไม่อยู่ มันทำท่าจะควักเงินออกมานับในส่วนของผมบ้าง แต่ก็มีอันต้องวางกระเป๋าตังลงเพราะเสียงดุ ๆ ของคนข้างตัวมันกับข้างตัวผมเสือกดังขึ้นมาพร้อมกันอีกครั้ง

“ไม่ได้! / ไม่ครับ!” 

โอ้ย อย่างกับศึกชิงนาง! นี่ถ้าไม่ได้กำลังนั่งอยู่หน้าเตาย่างหมู กูคงนึกว่าตัวเองอยู่ในละครช่วงไพร์มไทม์แล้ว!! 

“เฮ้ย ๆ ใจเย็น....” ด้วยบรรยากาศแบบนี้ทำให้ผมถึงกับคิดอะไรไม่ออก รู้แต่ว่าถ้าปล่อยให้มันตกลงกันไปเรื่อย ๆ กูคงต้องเป็นคนออกปากจ่ายเองแน่ ๆ “งั้นเอางี้ไหม ก็จ่ายแม่งมาให้หมดแหละ เหลือแล้วก็เป็นค่าปริ้นงานวิจัย...ยังไงก็ต้องอยู่กลุ่มเดียวกันอยู่แล้ว” 

ถึงจะหลับแต่ก็พอจะรู้นะครับว่าอาจารย์แม่งสั่งทำงานกลุ่มสี่คน แล้วมาแดกข้าวกันขนาดนี้ แถมไอ้ไอ้เฮียก็ยังไม่มีเพื่อนที่ไหน ยังไงหวยก็ต้องออกที่กลุ่มผมนั่นล่ะ 

ทุกคนในโต๊ะดูจะลดกำแพงบาง ๆ ลง ไอ้ไอ้ชานผ่อนลมหายใจแล้วหันมาคีบหมูใส่จานผม ไอ้โนบิตะยกแก้วขึ้นดูดน้ำเหมือนไม่เคยเถียงกันเรื่องตัง ส่วนไอ้เตี้ยไอ้เฮียยักไหล่สบายใจที่ได้จ่ายให้คนอื่น 

สรุปว่าวิน ๆ ทุกฝ่าย กูก็วินเช่นกันที่ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ฮ่าฮ่าฮ่า 
อิ่มจังตังอยู่ครบ!

   ____________________________________________

ชั่งใจอยู่นานว่าจะมาต่อดีไหม
คือคิดว่าไม่มีคนอ่านแล้ว เอาจริง ๆ 55555 เลยไม่ได้มาต่อ
แต่วันก่อนเห็นเด้งขึ้นมาเลยเข้ามาลงไว้ ;_ ;

หนูตั้งผิดหมวดเองค่ะ จริงๆมันควรจบนานแล้วแต่ก็ยังอยากเขียนต่อ สนุกง่ะ 
ถ้าชอบก็ให้กำลังใจด้วยนะคะ <3 ขอบคุณค่าาา  :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-08-2015 22:27:38 โดย กิมกวง »

ออฟไลน์ piengtavan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
    • UEDA_ARAMORD
อยากเกิดเป็นพิกจุงเบย ดวงอุปถัมป์ดีแท้
ทีเราไม่ต้องเดือน มันก็สิ้นใจได้
ถ้าเฮียอยากเลี้ยงนะ มาเลี้ยงเค้านี่ เดี๋ยวเค้าจะใช้ให้ไม่เกรงใจเลยยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด