<< END >> ♦ NOBI โนบิตะตัวร้าย vs ไจแอนท์จอมบื้อ ♦ (ขออนุญาตรีไรท์จ้า)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << END >> ♦ NOBI โนบิตะตัวร้าย vs ไจแอนท์จอมบื้อ ♦ (ขออนุญาตรีไรท์จ้า)  (อ่าน 194539 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 10.5 (08/08/2558) P.3
«ตอบ #90 เมื่อ09-08-2015 10:39:18 »

มารอ

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 10.5 (08/08/2558) P.3
«ตอบ #91 เมื่อ12-08-2015 08:56:51 »

ฮืมมม...โนบิตะคุง ของเค้าดีจริง!!
หึงอีก หึงอีก หึงอีก!!!
(หืดหาด หืดหาด - บอกเลยว่าเป็นสายสนับสนุนโนบิคุงสุดๆ กร๊ากกกก)

รออ่านตอนต่อไปค่ะ ^^

ออฟไลน์ Kaewkaew

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 525
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 10.5 (08/08/2558) P.3
«ตอบ #92 เมื่อ12-08-2015 16:31:52 »

น่ารักอะไรแบบนี้น้า โนบิตะคุงงงงง  :z10: :z10:
ระทวยมาก  พิกนี่สปาร์คมั้ยตอนสุดท้าย ?
แขม่วพุง  o18 ได้ข่าวว่าใกล้กันเดี๋ยวสปาร์ค  :m20:

รอติดตามชมตอนต่อไป

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 10.5 (08/08/2558) P.3
«ตอบ #93 เมื่อ13-08-2015 22:35:59 »

เก้าอ้อนคืออะไรที่ดีมากค่ะ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
พิกก็ยอมได้ตลอด ///////////
ป.ล.ตกลงก็ไม่เปิดประตูให้น้องจริงๆเหรอ55555555555555555555555

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 10.5 (08/08/2558) P.3
«ตอบ #94 เมื่อ16-08-2015 08:42:42 »

สองคนนี้ น่ารักในแบบแปลกๆ แฮะ
รออยู่นะครับ ชิซูกะยังไม่ออกลายเลย

ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 10.5 (08/08/2558) P.3
«ตอบ #95 เมื่อ16-08-2015 13:03:07 »



แจ้งข่าวค่า  :katai4:

เนื่องจากคอมคนเขียนฮาร์ดดิกส์เสีย
จึงทำให้ไม่สามารถมาลงต่อเนื่องได้ในตอนนี้
คงอีกพักใหญ่ ๆ เลย 

ตอนนี้ดูรูปปลากรอบย้อมใจกันไปก่อนน้า



เป็นรูปอิมเมจพิกกับเก้าที่สั่งวาดจ้า

 *ห้ามนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตนะคะ*

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ข้างบนนี่พิกคนโง่ใช่มั้ยคะ อิอิ สวดมนต์ขอให้คอมใช้ได้ไวๆค่า

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
รอนะค้าา~ :กอด1:

ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
อ้างถึง
ข้างบนนี่พิกคนโง่ใช่มั้ยคะ อิอิ สวดมนต์ขอให้คอมใช้ได้ไวๆค่า


5555 พิกอยู่ข้างล่างค่าาา 5555

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
แอบลักหลับรึเปล่าเนี่ยโนบิตะะะะะะะ
ปูเสื่อรอเนาะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
เอ่อ...       ภาพดูไม่ค่อยมีความแตกต่างกัน จนคิดว่าเป็นฝาแฝดท้องชนกันเลยล่ะค่ะ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
มาตามคำแนะนำของ Malimaru

คือ.....มันสนุกม๊ากกกกกก

รอลุ้นความซื่อของพิกต่อไป


ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
11

NOBITA’s PART


“หนูบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบกินปลากระป๋อง!”

 เสียงโหวกเหวกโวยวายดังเข้ากระทบโสตประสาททันทีที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ก้าวต่อมาอีกไม่กี่ก้าวก็เห็นน้องสาวของพิกยืนเท้าสะเอวมองพี่ชายตัวเองตาขวาง ผิดกับเขาที่ออกจะเหม่อ ๆ หน่อย มือนึงก็จับทัพพีคดข้าวใส่ปิ่นโตน้อง ใส่จนล้นคามือแล้วก็ยังไม่เลิกใส่


“อุ้ย...พี่เก้า”

น้องพิมพ์เอ่ยทักทันทีที่หันมาเห็นผม ระยะทางจากห้องน้ำไปถึงโต๊ะอาหารอยู่ไม่ไกลกันนัก เพราะงั้นก้าวขาเดินไปไม่ถึงสามก้าวก็ลุยเข้าไปประชิดตัวไจแอ้นท์ที่เพิ่งจะตื่นจากภวังค์ได้ 


“สวัสดีครับคุณแม่ สวัสดีครับน้องพิมพ์”


ผมเอ่ยทักน้องแล้วค้อมหัวให้คุณแม่ที่กำลังจิบกาแฟพลางไล่สายตาอ่านหนังสือพิมพ์บนโต๊ะ ได้ยินเสียงผมใบหน้าที่คล้ายกับพิกนั่นก็เงยขึ้น ก่อนจะยิ้มรับแล้วกวักมือเรียกให้ไปนั่งข้าง ๆ


“สวัสดีค่า...พี่เก้าตื่นเช้าจัง”
 

แต่คนที่ทักว่าผมตื่นเช้ากลับไม่ใช่คุณแม่อย่างที่คิด เมื่อเห็นว่าผมหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ไม้น้องพิมพ์ก็รีบมานั่งที่ฝั่งตรงกันข้าม ทิ้งให้ชามปิ่นโตที่พิกเพิ่งเลื่อนให้ตะกี้เป็นหมันไปเสียฉิบ 


“อ่า...พิกเขาบอกให้ตื่นมารอทานข้าวเช้าพร้อมทุกคนน่ะครับ” ยิ้มให้น้องพิมพ์ก็สบสายตากับคนที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ไปด้วย จนถึงตอนนี้หน้าตาของพิกไม่ดูมึนง่วงเหมือนก่อนหน้าที่คนอื่นจะตื่นอีกแล้ว ดวงตาคมนั่นจ้องผมจนแทบจะถลึง แถมยังทำปากขมุบขมิบเหมือนด่าสาปผมในใจอีกแน่ะ   


“ดีแล้วลูก ต้องทานข้าวเช้านะ...ข้าวเช้าน่ะเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน”


จบประโยคของคุณแม่ ต้มยำปลากระป๋องถ้วยใหญ่ก็วางลงตรงหน้า มองตามเรียวมือสีแทนนั่นไปก็เห็นพิกกำลังทำปากเบะเหมือนเด็กถูกแย่งความรัก... ไม่อยากจะบอกว่าคาดไม่ถึงนะ แต่มุมนี้ของพิกน่ะหาดูได้ยากจริง ๆ


ผมรู้จักพิกมาก็ถือได้ว่านานพอสมควร... ตั้งแต่ครั้งแรกที่เรารู้จักกัน พิกมักทำตัวเป็นผู้นำ (ในทางไม่ดี) อยู่เสมอ แต่ด้วยหน้าตาหาเรื่องกับอุปนิสัยชอบตีกับปากร้าย ๆ ของเขาทำให้ใครต่อใครไม่ค่อยอยากจะอยู่ใกล้ ยิ่งมีลูกกระจ๊อกเป็นเชี่ยวชาญที่คอยแต่จะกันพิกให้อยู่กับตัวเองก็ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ว่าทำไมเขาถึงไม่ค่อยมีสังคมนัก


มันขัดกันตรงที่เมื่ออยู่กับคนที่บ้านเขาจะไม่มีปากมีเสียงเลย... ถึงแม้ใครจะบอกว่าพิกเป็นคนหงอ กลัวแม่กลัวน้องก็เถอะ แต่ผมกลับคิดว่ามันน่ารักมากที่เขาเอาใจใส่คนในครอบครัวขนาดนี้ ทั้งยอมตื่นก่อนคนอื่นเพื่อมาทำกับข้าวและดูแลบ้าน ตอนเย็น ๆ ก็ยังต้องมาช่วยเก็บร้านเพราะน้องสาวต้องอ่านหนังสือสอบ... ถึงปากจะบ่นแต่ก็ทำตามหน้าที่ที่ได้รับอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ในสายตาของคนที่ทำงานอย่างผมแล้ว มองยังไงมันก็น่าเอ็นดูไม่มีเบื่อจริง ๆ


“พี่เก้ารู้จักกับพี่พิกนานหรือยังคะ แล้วรู้จักกับพี่ชานมันด้วยไหม...ทำไมไม่เห็นเคยมาเที่ยวที่บ้านบ้างเลย”


น้องสาวของพิกเป็นคนช่างเจรจา น้ำเสียงของเธอฟังดูหวานหูเมื่อเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ผมกับพี่ชายของเธอรู้จักกัน จะว่ายังไงดีล่ะ ไม่ใช่จะดูไม่ออกว่าเธอถูกใจผมแค่ไหน แต่การจะทำเจ้าชู้ใส่ผู้หญิงที่เป็นน้องสาวของคนที่นอนด้วยเพราะความเคยตัวก็คงดูไม่เหมาะนัก...ผมจึงต้องแสดงท่าทีให้ดูสำรวมกว่าที่เป็นอยู่หน่อย


สาเหตุก็เพราะพี่ชายของเขาที่เพิ่งทิ้งตัวลงนั่งเยื้องไปทางขวามือนั่นแหละ
จ้องจิกผมตาขวางอย่างกับกลัวน้องสาวตัวเองจะโดนกลืนลงท้องยังไงอย่างงั้น 


 “รู้จักกันนานแล้วครับ แต่เพิ่งจะสนิทกันเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง” ผมยิ้มให้พิมพ์แล้วยิ้มให้พิกที่ยืนกำทัพพีแน่น


“โห....งั้นมาอีกบ่อย ๆ เลยนะคะ มีคนอื่นมาทานข้าวด้วยนอกจากเราสามแม่ลูกแล้วมันสนุกดี”


“พี่ก็ว่าอย่างนั้นครับ...อันที่จริง พี่ไม่ค่อยได้ทานข้าวเช้าซักเท่าไหร่”


ผมแสร้งทำเป็นยิ้มเจื่อนแล้วก้มลงเขี่ยข้าวในชาม ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของผู้ใหญ่ช่างเอาใจใส่อย่างแม่ของพิกอยู่แล้วที่จะถามว่าทำไมผมถึงไม่ได้รับสารอาหารอย่างดีในตอนเช้าของทุกวัน


“ทำไมล่ะลูก” คุณแม่ถามเสียงอ่อนแล้วจ้องสบตากับผมอย่างอาทร


“ผมอยู่คนเดียวน่ะครับ...แม่บ้านที่เคยอยู่ด้วยกันก็เพิ่งเสียไป พ่อก็มีแฟนหลายคนเลยไม่อยากอยู่บ้านใหญ่ให้รกตาเขาครับ” 


“อ่า...” น้องพิมพ์ครางออกมาเบา ๆ พร้อมกับพิกที่ทำหน้าเหมือนเพิ่งรู้ความจริง เห็นหน้าตาเหรอหราของเขาแล้วอยากจะขำ แต่ก็ต้องสำรวมไว้ก่อน


“แล้วนี่ใครช่วยดูแลบ้านล่ะจ้ะ...เป็นผู้ชายอยู่ตัวคนเดียวบ้านไม่รกแย่หรือ” 


“นี่ก็ว่าจะหาแม่บ้านใหม่อยู่ครับ...เพราะที่คอนโดออกจะ....”


“รกสิ...รกอย่างกับป่าดงดิบ”  พิกพูดสวนถึงสภาพคอนโดผมขึ้นมาทันที สีหน้าของเขาตอนนี้ดูจะจงใจให้ผมอับอายมากกว่าออกความเห็น “เมื่อวันก่อนหนูยังไปทำความสะอาดให้มันอยู่เลย ก็มันเนี่ยแหละที่ไม่สบายวันนั้นอะ” 


เมื่อความจริงเฉลยแม่ของพิกก็ทำหน้าราวกับเพิ่งถึงบางอ้อ ดูเหมือนข้อมูลที่เขาเพิ่งให้แม่ไปจะวกกลับมาเป็นภัยกับตัวเองอย่างร้ายแรง


“โอ้ย...ถ้างั้นไม่ต้องหาแม่บ้านใหม่ก็ได้มั้งลูก จริงๆ ...ให้เจ้าพิกมันไปช่วยทำงานบ้านก็ได้นะ จะได้พากันติวหนังสือด้วย...ตั้งแต่เรียนมาไม่เคยเห็นพิกมันจะขวนขวายหาความรู้ในตำรานอกจากหนังสือเกมที่มันชอบซื้อมาเลย... พอรู้ว่าลูกสนิทกันแล้วพากันไปสู่สิ่งดี ๆ แม่ก็สบายใจ หายห่วงไปได้หน่อยเพราะพิกน่ะ มันเป็นเด็กเกเรไม่ค่อยเอาไหนซักเท่าไหร่”


เจ้าของสันกรามสวยอ้าปากค้าง พิกได้ฟังอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้ายิก


“แม่! ได้ไงอะ จะให้หนูไปเป็นคนใช้มันหรอ!”   


เรียกว่าเข้าทางเลยก็ได้ครับ อันที่จริงแม่บ้านผมไม่ได้เพิ่งเสียหรือตายจากไปไหนหรอก เพียงแต่ว่าเขาต้องกลับไปช่วยดูแลแม่เล็กที่เพิ่งคลอดน้องชายที่บ้านใหญ่ก็เท่านั้นเอง จะว่าพิกตกหลุมที่ผมขุดแล้วเอื้อมมือกวาดดินมากลบหน้าตัวเองก็ได้ เพราะมันเข้าที่เข้าทางตามที่ผมตั้งใจจะให้เป็นไปซะทุกประการ


 “แม่!!!! หนูไม่เอา แค่งานที่บ้านก็เหนื่อยจะแย่แล้ว จะให้หนูไปทำงานบ้านให้มันอีกหรอ”  พิกเม้มปากอ้อนวอนขอร้องคุณแม่ที่นั่งกอดอกทำหน้านิ่ง ใบหน้าของเธอราวกับจะบอกว่านี่คือคำพิพากษาที่เหมาะสมสำหรับลูกไม่รักดีแล้ว


“จะดีหรอครับ...”  ผมแสร้งทำหน้าไม่สบายใจในขณะที่แม่ของพิกส่ายหน้ายิ้ม ๆ เห็นอย่างนั้นจึงต้องรีบยื่นข้อเสนอที่ดูเป็นธรรมไปให้  “ถ้าอย่างนั้นก็ถือซะว่าผมจ้างเขาแล้วกันนะครับ” 


คิ้วของคุณแม่กระตุกเล็กน้อยทันทีที่ผมพูดออกไป ไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกความสามารถใครครับ เพียงแต่ทำงานก็ควรได้ผลตอบแทนจากงานที่ทำ อีกอย่างคนเอ่ยปากก็เป็นผู้ใหญ่ ถึงจะไม่รู้ว่าท่านคิดอะไรอยู่ก็ควรรักษาน้ำใจเพราะเราเป็นคนจ้าง


“ดีแล้วลูก... เจ้าพิกมันจะได้มีรายได้แล้วยังได้อ่านหนังสือกับลูกอีก... แล้วไม่ต้องกลัวมันจะดูแลบ้านเราไม่ดีนะ ลูกชายแม่มันทำงานบ้านเก่ง แม่ฝึกมันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย...” 


ยังดีที่คุณแม่ตอบออกมาอย่างนั้น ทีแรกผมแอบคิดว่าคุณแม่จะไม่ยอมให้พิกรับค่าจ้างซะแล้ว อย่างนี้ก็ดีหน่อย เวลาเอาคืนจะได้ไม่ต้องมานั่งคำนวนเงินส่วนต่างของหนี้ที่จะยกให้...


“แม่...”   


“ไม่ต้องมาแม่เลย....ถ้าไปทำงานบ้านเก้าก็ไม่ต้องทำที่นี่ แม่จะให้พิมพ์มันจัดการบ้านแทนแกบ้าง...พิมพ์ แกไม่มีปัญหาอะไรกับแม่ใช่ไหม?”
 

พูดจบคุณแม่ก็หันไปหาน้องพิมพ์ที่พยักหน้าเนือย ๆ อย่างเสียดาย ที่จริงถ้ามีใครถามความเห็นของลูกชายลูกสาวบ้านนี้บ้าง พี่ชายคงอยากจะสลับตัวแล้วถวายน้องสาวมาทำงานบ้านผมแทน


“ถ้างั้นก็เริ่มตั้งแต่วันนี้เลยได้ไหมครับ...พอดีต้องมีติวต่อด้วยน่ะครับ”


ได้ฟังพิกก็ถลึงตาจนแทบหลุดออกมาจากเบ้า เขาออกปากด่าอย่างไม่มีเสียงว่า ‘ไอ้เหี้ย’ ก่อนจะก้มลงมองใต้โต๊ะแล้วยื่นเท้ามาสะกิดเข้าที่น่องผมอย่างแรง


ถามว่าเจ็บไหม ก็เจ็บครับ.. แต่เจ็บแค่นี้มันก็ยังน้อยกว่าเมื่อคืนที่เขาบีบรัดผมเสียแน่นจนแทบหายใจไม่ออก อันที่จริงไม่ได้มีเจตนาจะทำอะไรไม่ดีในคืนนี้เลยครับ เพียงแต่ว่าผมรู้จักนิสัยของใครบางคนดี และคาดคะเนไว้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพิกถ้าหากว่าผมไม่ออกปากกันคนของผมไม่ให้ไปไหนไว้ก่อน อย่างที่โบราณว่า สถานที่อันตรายที่สุดคือที่ ๆ ปลอดภัยที่สุด...เพราะงั้นผมจะไม่ให้คนของผมห่างตัวไปไหนหรือไปกับใครโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากผม

 
อ่า...ก็คนที่คุณก็รู้ว่าใครนั่นล่ะครับ...   
ไอ้เฮียนั่นน่ะ ร้ายกว่าที่คุณคิดไว้เยอะ


_____________________________________________________


GAINT’s PART


“มึงนี่มันร้าย...ไม่สิ เลวเลยดีกว่า”


ผมบ่นออกมาทันทีที่หย่อนกระเป๋าเป้ใบใหญ่ลงบนพรมหน้าประตูอันแสนคุ้นเคย...


นับจากเวลาที่นางพญามารทำสนธิสัญญากับซาตานจนถึงตอนนี้ก็ล่วงเลยมาแล้วเกือบชั่วยาม แต่ถามว่าตัวประกันนี่สมยอมพร้อมใจอยากโดนใส่ตะกร้าล้างน้ำมาเปลี่ยนสถานะเป็นนางซินคนรับใช้ไหม? ก็ไม่ เข้าใจไหมว่าไม่ได้อยากมาเลย แต่ต้องมาเพราะโดนแม่บังคับ...


แล้วนี่อะไร ตกลงปลงใจกันเสร็จยังไม่ถึงนาที คุณนายแม่ก็บังคับให้ขึ้นไปเก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าเดินทางชนิดที่ว่าไม่ต้องกลับมาอยู่บ้านอีกแล้ว เสร็จกิจนั้นก็ไล่ให้พวกเขารีบมาที่รังของไอ้ตัวร้ายที่ยืนหวีผม ขยับแว่นอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง...


โนบิตะ...
มึงมันร่างขั้นท้ายสุดของซาตาน...มึงมันตัวชั่วในหนังจีน!


“นี่กูด่ามึงอยู่นะ...ไม่ได้ยินเลยหรือไงวะ!”


“ได้ยินครับ” มันตอบแล้วกลัดกระดุมที่คอเสื้อก่อนจะรีดผ้าให้เรียบด้วยมือ “แล้วจะให้ตอบยังไงล่ะ ขอบคุณนะครับพิกที่ด่าผม อย่างนี้หรอที่คุณอยากฟัง?”


กวนตีนเสร็จก็หันมาทำตาแพรวพราวใส่ กูล่ะหมั่นไส้ อยากจะเตะผ่าหมากให้หายหงุดหงิดซักรอบจริง ๆ


“อย่ามากวนตีน ถามจริงเหอะ นี่พรากกูมาจากอกคุณนายแม่ไม่ใช่เพราะอยากจะติวหนังสือให้หรอกใช่ไหม” 


ผมกอดอกหรี่ตามองมันผ่านกระจก


โนบิตะได้แต่ยักไหล่ไม่ยี่ระ มันดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนกับคำด่าทอของผมเลยแม้แต่น้อย ก็อย่างว่าแหละ หนังหน้าไม่หนาเท่ามันทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก คนเหี้ยอะไร หน้าด้าน หน้าเป็น ตอแหลที่สุด


“ถ้าตอบว่าใช่แล้วจะมีปัญหาอะไรหรอครับ”


หวีผมทรงเรียบแปล้เสร็จก็หันมากอดอกมองทำตาเจ้าเล่ห์ เห็นแล้วอยากจะต่อยให้ตาแตก แน่ะ พูดในใจแล้วยังยื่นหน้าเข้ามาหาอีก มาทำเป็นหนือกว่ากูซะมากมาย จริง ๆ ก็เป็นแค่ไอ้ขี้แพ้หลบอยู่หลังแว่นตัวเองล่ะวะ!


“เอาหน้ามึง...ไปห่าง ๆ” ผมยกมือขึ้นดันหน้ามันออกให้ห่าง รู้สึกว่าสู้ไม่ได้เลยต้องเสหน้าไปทางอื่นแทน แต่ยิ่งทำอย่างนั้นโนบิตะมันก็ยิ่งใช้สกิลมือปลาหมึกเข้ามารวบเอวผมไว้


“พิกครับ....”


“บอกว่า...เอาหน้ามึงไปห่าง ๆ” ทำไมต้องเรียกเสียงกระเส่าขนาดนั้นล่ะโว้ยยยย หน้านี่ก็บอกให้ห่าง  ๆ ไม่รู้เรื่องรึไง ทำไมต้องเอาหน้ามาใกล้คอกูขนาดนี้ด้วย


“พิก?...”


“เรียกทำไมวะ! จะพูดอะไรก็พูดเซ่! เอาหน้าออกไปให้ห่างกู!!” 


“มาอยู่ห้องผม...มาคอยดูแลผมนะ”


กริบ...


ผมเงยหน้าขึ้นจนแทบจะเอาหัวโหม่งคางมัน... เมื่อกี้มึงพูดอะไรนะ ล้อเล่นหรือเปล่า... 
แบบนี้มันขอแต่งงานชัด ๆ เลยไม่ใช่หรอวะ!


“ก...กู...กูไม่รู้”   


เหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอ อยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นคนพูดติดอ่างขึ้นมาซะงั้น ผมเม้มปากแล้วมองหน้าโนบิตะที่อยู่ห่างไปไม่ถึงคืบ สายตาของมันที่จ้องมองมาทำให้ผมหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ทำไมต้องเอาสายตาเจ้าชู้แบบนั้นมามองกันด้วยวะ เห็นแล้วอึดอัดจนต้องกลอกตามองเพดานเลย แม่งเอ้ย!


“ไม่รู้อะไร...มาเป็นแม่บ้านให้ผม...แล้วจะหักหนี้ที่ทำข้าวของแตกให้” 


“ห๊ะ” ผมกระพริบตาปริบ ๆ เมื่อน้ำเสียงที่มันพูดออกมาเมื่อกี้ไม่ได้เจือความพิศวาสเอาไว้เลย


“ยังพูดไม่ชัดอีกหรอ...คุณก็บอกว่าห้องผมรกเหมือนรังหนู เลยจะจ้างคุณมาเป็นแม่บ้านไงครับ...ไม่ต้องห่วงจะไม่มีงานทำนะ เมื่อวันก่อนมีแมลงสาปวิ่งพล่าน ผมไม่ชอบ ช่วยจัดการให้ด้วยนะ”


พูดจบก็ปล่อยมือจากเอวผมทันทีทันใด ไอ้ห่า...จะจ้างเป็นแม่บ้านดูแลบ้านเฉย ๆ ก็คุยห่าง ๆ สิวะ เอาหน้าเข้ามาใกล้ให้คนอื่นเค้าคิดลึกทำไม ไอ้สวะนี่!


โป๊ก!


“โอ้ย!”


โดยไม่ทันที่มันจะผละหนี ผมก็เขย่งตัวขึ้นจากพื้นอีกนิด เล็งเป้าดี ๆ แล้วเอาหัวโหม่งคางมันอย่างแรงเหมือนตอนโหม่งฟุตบอลในสนาม โดนไปแค่นั้นไอ้เก้าก็ยกมือขึ้นกุมคางตัวเอง มันทรุดลงกับพื้นก่อนจะร้องออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บปวด


“เจ็บ...” มันสบถเสียงเบาแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผมตาขวาง “คุณ! ทำอะไรวะเนี่ย!”


“อะไร” ผมแยกเขี้ยวใส่มัน “เจ็บแค่นี้ไกลหัวใจ ถ้าทนไม่ได้ก็ตายห่าไปเลยไป๊!”

“พิก!”


“อะไร! มึงมันผิดคำสัญญา ให้เอาแล้วยังจะมาทวงหนี้กันอีก ไอ้--” ผมแหวใส่หูมันแล้วทำเป็นตั้งท่าจะหนี แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาออกจากหน้ากระจกก็โดนกระชากแขนเอาไว้แล้วผลักให้ล้มจนหลังกระแทกที่นอนดัง กึก!


เหตุการณ์แม่งคุ้นชิบหาย อย่างกับฉากพระนางกำลังจะเข้าได้เข้าเข็มกันในทีวีแน่ะ...


นาทีนี้ผมได้แต่ถลึงตาใส่มัน พยายามดีดดื้นเต็มที่แต่ก็แพ้แรงที่จับข้อมือตรึงกับเตียงเอาไว้ หันไปมองเจอรอยสักสวาทก็ช้ำใจ ทำไมกูต้องมาตกเป็นเบี้ยมันแบบนี้ด้วยวะ!


“พูดดี ๆ ไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลังด้วยใช่ไหม”


“ก...กู....ปล่อยกู กูจะไปเรียนแล้ว!”


“ไม่ให้ไป...” 


“กูจะไป”


“อยู่เฉย ๆ เลย”


ยิ่งขืนมันก็ยิ่งรั้ง ยิ่งต่อสู้มันก็ยิ่งกำแขนผมแน่นขึ้นเหมือนเชือกเงื่อนกระตุกที่ยิ่งดึงก็ยิ่งแข็งแรง เราสองคนจ้องหน้าแล้วต่อสู้กันภายใต้ความเงียบอยู่พักใหญ่ จนสบโอกาส ผมเลยยกขาหน้าขึ้นกะจะกระแทกน้องชายมันให้สาแก่ใจซักที...


แต่ติดตรงที่ว่ามือแม่งไวกว่านี่สิ....


แล้วนั่น!! มึงจับตรงไหนนนน  ได้โปรด... เอามือออกไปจากน้องชายกู!!!!


“สั่งอะไรไม่เป็นสั่ง...มึงเจ็บแน่ครับพิก” มันกระซิบเสียงพร่า ก้มหน้าลงมาหาจ้องผมตาเขม็ง ไอ้เก้าในตอนนี้แม่งทำให้ผมรู้สึกขนลุกซู่อย่างบอกไม่ถูก มันพูดพร้อมกับนาบปากลงมาจูบเบา ๆ ที่ขมับผม ก่อนจะผละออกมามองด้วยสายตาที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกอะไรซักย่าง


“...”


ยกเว้นปากของมันที่กำลังทำให้ผมรู้ว่าโนบิตะน้อยหื่นกามขึ้นมาอีกแล้ว...


“ชอบแบบหยาบคายใช่ไหมล่ะ...ได้ งั้นจะเอาให้ขาถ่างก่อนไปเรียนเลยดีไหมล่ะ จะได้สะใจคนเป็นมาโซอย่างมึง” 

______________________________________________________

TBC


แอร้ ซ่อมคอมแล้วน้า เดี๋ยวพรุ่งนี้มาลงตอน 12 รับรองเลือดพุ่ง ;_ ;  :katai1:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 11 (22/09/2558) P.4
«ตอบ #103 เมื่อ22-09-2015 18:25:39 »

พิกไปกดถูกสวิตซ์ S ในตัวเก้าเข้าให้แล้ว~ :hao7: ..

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 11 (22/09/2558) P.4
«ตอบ #104 เมื่อ22-09-2015 18:29:43 »

ดิ้นนนนนน รักโนบิตะ เธอเถื่อนได้ใจเรา วะฮะฮ่าาาา

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 11 (22/09/2558) P.4
«ตอบ #105 เมื่อ22-09-2015 19:36:54 »

แหมมมมมมมมมม กลับมาพร้อมเลือดเลยเนาะะะ
ดีใจที่กลับมาต่อนะคะ รอตอนต่อไปเนาะ

ออฟไลน์ oilzii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 11 (22/09/2558) P.4
«ตอบ #106 เมื่อ22-09-2015 19:44:38 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดด

กลับมาแล้วววววววววววว :hao7:

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 11 (22/09/2558) P.4
«ตอบ #107 เมื่อ22-09-2015 20:00:39 »

แผนการชิงตัวไจแอนท์สำเร็จ---แค่กๆๆ
เก้าเจ้าเล่ห์อะ ไปเอาลูกเขามาเฉยเลย 555555555555555
พิกก็ซื่อน่ารัก ////

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 11 (22/09/2558) P.4
«ตอบ #108 เมื่อ22-09-2015 20:56:55 »

ไอหย่าาาามาาแล้ว

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 11 (22/09/2558) P.4
«ตอบ #109 เมื่อ22-09-2015 22:21:54 »

หายไปซ่องสุมกำลังนี่เอง

เลือดท่วมแม้กระทั่งเพิ่งเริ่ม....

รอด้วยใจจดจ่อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 11 (22/09/2558) P.4
« ตอบ #109 เมื่อ: 22-09-2015 22:21:54 »





ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 11 (22/09/2558) P.4
«ตอบ #110 เมื่อ22-09-2015 22:55:22 »

หนูพิกก็น่าจะรู้นะว่าถ้ากวนตรีนเก้าแล้วจะโดนอะไร ก็โดนจับกดไปน่ะสิ :z1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 11 (22/09/2558) P.4
«ตอบ #111 เมื่อ22-09-2015 22:56:48 »

พิกโดนอีกแล้ว

ออฟไลน์ parn11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 11 (22/09/2558) P.4
«ตอบ #112 เมื่อ22-09-2015 23:08:45 »

โอ้ย คิดถึงพิกกก หายไปนานนนนมากกกกกกกกกก

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 11 (22/09/2558) P.4
«ตอบ #113 เมื่อ22-09-2015 23:19:22 »

เก้าดูเอาแต่ใจเนาะ
แอบสงสารพิกเบาๆนะเนี้ย
 :hao4:

ออฟไลน์ Smirnoff

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 11 (22/09/2558) P.4
«ตอบ #114 เมื่อ23-09-2015 00:41:42 »

เหยยยยย นี่อ่านไปกรี้ดไปตั้งแต่ตอนแรกยันปัจจุบันเลย ชอบอิมเมจทั้งคู่มาก ละมุน หื่น และลงตัวมั่ก น้องพิกแม่งน่ายักกกกก

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 11 (22/09/2558) P.4
«ตอบ #115 เมื่อ23-09-2015 01:24:53 »

#ทีมโนบิตะ  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 11 (22/09/2558) P.4
«ตอบ #116 เมื่อ23-09-2015 10:56:24 »

12

GIANT’s PART


“ทำไมวันนี้เดินขาถ่างจัง...ขี้ไม่ออกหรือเป็นริดสีดวงวะ”


จำได้ไหมว่าใครน่ารำคาญที่สุดในปฐพี?


ตัวยังไม่ทันเดินมาถึงเสียงก็แว่วดังมาก่อนใคร ไอ้เชี่ยชาญนั่นไง มันเดินกัดหลอดทำหน้าเหมือนควายเคี้ยวเอื้องมาแต่ไกล


“เรื่องของกู”


ผมหันไปตอบมันที่เดินมาประชิดตัว ไอ้โย่งชานเอื้อมมือมากอดไหล่ผมเอาไว้ แล้วหันไปยิ้มให้สาวต่างคณะที่เดินสวนมา ตอนนี้พวกเราอยู่ที่หน้าคณะครับ พรีเซนต์งานเสร็จแล้วเรียบร้อย โรงเรียนไอ้โนบิตะมันนั่นล่ะ


จะถามเรื่องพรีเซนต์งานวันนี้ใช่ไหม? ผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีอะไรติดขัดยกเว้นแต่เรื่องที่ผมกับโนบิตะมาสายที่สุดในห้อง แต่ถึงอย่างนั้นรายงานของเราก็ดีซะจนอาจารย์งี้แทบจะลุกขึ้นมาตีลังกาแล้วปรบมือพร้อมบอกว่าบราโว่! ชมเสร็จสงสัยจะไม่หนำใจ แกยังบอกอีกว่ากลุ่มผมถ้าไม่มีโนบิตะอยู่ด้วยก็คงไม่ก้าวผ่านมาได้ถึงจุดนี้หรอก


จะว่าจริงไหมมันก็จริงนะ เพราะเราทุกคนล้วนก็เป็นตัวถ่วงของแม่งทั้งนั้น
แต่กูไม่แคร์นะ คนอื่นจะว่าไงก็ช่างแม่ง ในหัวตอนนี้สิ่งเดียวที่คิดคือ โนบิตะแม่งต้องชดใช้...
ใช่มันต้องชดใช้ให้ผม...


“แล้วตกลงเย็นนี้จะไปกินเหล้าไหมอะ ไอ้เฮียมันชวนตั้งแต่ต้นคาบแล้วไม่เห็นมึงตอบ?”


เชี่ยวชาญถามด้วยแววตาแบบนางเอกแจ่มใสเมื่อพูดถึงร้านเหล้า นานน๊านทีจะเห็นมันกระดี้กระด้าอยากไปกินเหล้ากับเพื่อน ทีเมื่อก่อนชวนไปหาพี่พลอยไม่เคยเห็นอยากจะไป ทีตอนนี้ล่ะมาทำตื่นเต้นดีใจ


เห็นมันรื่นเริงบันเทิงใจในฐานะเพื่อนซี้ก็อยากจะไปช่วยแบกมันตอนเมาหรอกนะครับ กำลังจะตอบตกลงด้วยความแช่มชื่นอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่ติดว่ามีมือเอื้อมมาสะกิดเบา ๆ ที่ด้านหลัง หันไปก็เจอสายตาแวววับใต้กรอบแว่นที่มองมาเหมือนกับจะรู้กัน


“เอ่อ...ขอโทษว่ะ...กูไม่ไปนะ...แม่...แม่ให้ไปปิดร้านอะวันนี้”


ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องยอม ต้องโกหกเพื่อนนี่ความรู้สึกผิดมหันต์เลยนะครับ อันที่จริงกูอยากหลุดพ้นจากวงเวียนชีวิตแสนรันทดนี้มาก แต่ก็ต้องยอมจำใจหาเรื่องปดใส่ไอ้ชานเพราะเก้าแม่งขู่ผมตั้งแต่ก่อนมาเรียนนี่สิ...


‘วันนี้ถ้าคุณเฮียชวนไปกินเหล้า ให้ปฏิเสธไปนะครับ...ไม่งั้นผมจะฟ้องแม่คุณ ว่าคุณทำตัวเหลวไหล หนีไปกินเหล้าแทนที่จะอ่านหนังสืออยู่ห้องกับผม’


ประเด็นคือมันรู้ได้ไงว่าไอ้เฮียเตี้ยจะชวนพวกเราไปกินเหล้าหลังพรีเซนต์งานเสร็จ ผมหันไปมองไอ้โนบิตะที่ยังมองมา ตอนนี้สายตามันเลื่อนลงต่ำไปยังมือของเชี่ยชานที่จับไหล่ผมเอาไว้


‘คุณไม่มีสิทธิ์เป็นของใคร ยกเว้นแต่ผมจะเบื่อคุณเอง’


อยู่ ๆ เสียงของมันก็ดังก้องขึ้นมาในหัว ยิ่งเห็นสายตาแวววับที่เหมือนกับจะจับผิดกันยิ่งรู้สึกประหลาด เมื่อเช้ามันก็พูดอย่างนี้ตอนบอกจะคิดถึงให้ขาถ่าง ไอ้เวรนี่...ไม่รู้จักกาลเทศะซักนิดเลยหรือไงวะ ชอบเข้ามาในหัวคนอื่นเขาตามอำเภอใจอยู่ได้


“ตกลงจะไม่ไปใช่ไหม?


น้ำเสียงของเชี่ยวชาญฟังดูหดหู่ลงไปถนัด หันไปก็เจอมันทำหน้าซังกะตายเหมือนปลาขาดน้ำ รู้สึกแย่เลยว่ะ นาน ๆ ทีจะเห็นแม่งตื่นเต้นดีใจนอกจากตอนได้เกมใหม่ซักที...


“ให้กูโทรบอกแม่มึงให้ไหม เผื่อมึงจะไปได้...”


ผมหันไปมองหน้าไอ้โนบิตะที่ยืนตัวจืดจางอยู่ด้านหลัง สีหน้ามันไม่บ่งบอกอารมณ์ซักนิด ได้ยินไอ้ชานมันพูดว่าจะเป็นคนโทรไปขอแม่ให้ก็ยิ่งลังเล ถ้าเกิดมันบ้าจี้โทรจริงจะทำไง? กูไม่ได้จะไปช่วยแม่ปิดร้านเลยด้วยซ้ำ ถ้ามันโทรไปความก็แตกสิวะ !


ระหว่างที่ยืนอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ กระบิดกระบวนอยู่ เชี่ยชาญก็จี้ผมยิก ๆ


“เอายังไงวะพิก อย่ามัวแต่อ้ำอึ้ง เดี๋ยวกูโทรให้ตอนนี้เลย”


มันพูดพลางทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า ตอนนี้พวกเราเดินมาหยุดกันอยู่ที่ร้านกาแฟหน้าคณะ จริง ๆ กะมารอไอ้เตี้ยซื้อกาแฟเลี้ยงให้สบายใจ แล้วไหงกูต้องมาเจอสถานการณ์ชวนอึดอัดใจแบบนี้ด้วยวะ !


นั่น ! นิ้วเรียวยาวของมันกำลังจิ้มที่หน้าจอไอโฟนแล้ว แต่ละวินาทีที่มันเริ่มจิ้มลงไปทีละตัวเลขทำให้ผมลุ้นจนตัวแทบจะโก่งเป็นคันศร ในใจนี่เต้นรัวอย่างกับมีคนเอากลองรุมบ้ามาตีเล่นจังหวะ นิ้วยาวขนาดมึงทำไมต้องสโลว์โมวชั่นตอนกดมือถือด้วยวะ ผมหลับตาปี๋ก่อนตะยื่นมืออกไปข้างหน้าหาทางหยุดมัน และ...


Rrrrrrr Rrrrrrr


เสียงริงโทนคุ้นหูดังขึ้นคามือเชี่ยชาญ ผมรีบลืมตาขึ้นมามองสถานการณ์ แล้วก็ต้องพบกับมันที่ทำหน้าเหรอหราอยู่ตรงหน้า

เชี่ยชาญกดวางให้เสียงริงโทน ost. จากเรื่องผ่าพิภพไททันดับลง ผมหันขวับไปมองไอ้เก้าที่ยืนทำหน้าเอ๋อ ๆ เหรอ ๆ หรา ๆ ไม่รู้รื่อง ก่อนจะกดสายตาลงไปมองนิ้วโป้งมือมันที่เพิ่งจะเลื่อนออกจากหน้าจอโทรศัพท์ตนเองหมาด ๆ


 “อ้าว...โนบิตะ มึงโทรหากูทำไมวะ” 


“อ่า...ขอโทษครับ สงสัยมือจะเผลอไปกดโดน”


ร้ายนักนะมึง...เล่นมุกเนี้ยะ


เรื่องตอแหลนี่ต้องยกให้โนบิตะเลยครับ มันทำหน้าตางงงวยไม่พอยังยกมือขึ้นเกาหนังหัวอย่างเป็นธรรมชาติ อีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นี่ก็พอกัน ไอ้ลานเลิกทำคิ้วขมวด ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าอย่างง่ายดาย 


“กาแฟมาแล้ววววว” 


เสียงไอ้เฮียที่ตะโกนมาจากหน้าร้านทำให้เราละความสนใจจากเรื่องเมื่อครู่ไป มันเดินต้วมเตี้ยมมาพร้อมกาแฟสี่แก้วทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรเมื่อก่อนหน้า ไม่มีใครทักเหี้ยอะไรอีก ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากพูดว่าเชี่ยชานกำลังจะทำอะไร แล้วเจ้าตัวมันก็นะ ลืมไปเสียฉิบเมื่อเห็นอเมริกาโน่หยอดนมจืดในมืออีกคน 


“อ๋า....อากาศร้อน ๆ มันต้องยกล้อนี่แหละ...ว่าแต่เมื่อกี้กูจะทำอะไรนะ...”


เชี่ยวชาญถามขึ้นมาพร้อมกับกัดหลอดตามสันดาน ผมกับไอ้เก้าหันมามองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย ก่อนไอ้โนบิตะจอมตอแหลจะเป็นคนเอ่ยปากเฉลยคำตอบที่ไม่ถูกต้องเสียเอง


“คุณชานบอกจะรีบกลับไปงีบซักตื่นแล้วค่อยอาบน้ำแต่งตัวไปเที่ยวกับคุณเฮียครับ...รีบไปสิครับ นี่บ่ายสามแล้ว เดี๋ยวจะไม่มีเวลางีบ”


“เอ้อ หรอวะ...มึงนี่ความจำดีจังโนบิตะ...งั้นเดี๋ยวกูกลับแล้วนะ ไปก่อนนะเตี้ย เจอกันคืนนี้”


 ไอ้ซูเนโอะเพื่อนยากหันไปโบกมือบ้ายบายไอ้เตี้ยที่ดูไม่มึนงงซักนิด ชิสุกรังจังคนดีของกลุ่มทำแค่ยิ้มรับ บ้ายบายมันแล้วตะโกนไล่หลังว่า ‘เดี๋ยวเจอกัน’


คือผมจะไม่อะไรเลย ถ้าทุกคนไม่ทำท่าเหมือนปกติขนาดนี้  แล้วนั่นอะไรอีก ทำไมไอ้เฮียเตี้ยต้องหันไปทำตาสระอิมองโนบิตะมันด้วย แถมยังทำท่ามีลับลมคมในประหลาด ๆ


น่าหงุดหงิดชิบหาย...


“ตกลงจะไม่ไปด้วยกันจริงดิ”


เชื่อว่าประโยคนั้นเฮียมันถามผม แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่ละสายตาออกจากหน้าโนบิตะ ไม่หนำซ้ำยังทำอมยิ้มเล็ก ก่อนจะยกแก้วลาเต้ขึ้นดูดท่าทีสบาย ๆ อีกด้วย


“ไม่อะ...ช่วยแม่ปิดร้านว่ะ”


ผมตอบตามสคริปต์ที่อีกคนต้องการให้เป็นไปตามนั้น ไอ้เฮียได้ฟังมันก็แค่ยักไหล่เล็ก ๆ ก่อนจะก้มมองนาฬิกา พึมพำเบา ๆ ว่าได้เวลากลับไปเตรียมตัวแล้ว ผมกับโนบิตะเห็นท่าทางมันดูสบาย ๆ ก็ไม่ได้อะไร เว้นแต่ถ้ามันไม่...


“มีอะไรสนุกอะไรก็บอกกูบ้างนะ อย่าอุบไว้คนเดียวล่ะ...งั้นกูไปก่อนนะ เจอกันคืนนี้”


ไอ้เฮียจากไปแล้ว มันลาผมเสร็จก็วิ่งดุ๊กดิ๊กไปทางรถตู้ของท่านหญิงแม่ที่คนขับรถสตาร์ทรอตั้งแต่ก่อนมันเข้าไปซื้อกาแฟ เชื่อไหมว่าวันนี้ผมรู้สึกว่าสมองมันตื้อ ๆ อย่างน่าประหลาด บางทีผมควรจะเชื่อแม่ได้แล้ว เรื่องที่ให้กินแบรนด์สามเวลาหลังอาหาร


“มองอะไรครับ”


โนบิตะถามขึ้นมาหลังจากเห็นผมขมวดคิ้วมองอยู่นาน มันจ้องเข้ามาในตาผมผ่านกรอบแว่นเชย ๆ บนหน้ามัน


“ทำไมเฮียมันต้องพูดว่าเจอกันคืนนี้วะ...หรือมึงจะไปไหนกับมัน...” พวกมึงมีลับลมคมในอะไรกันนักหนา เห็นแล้วคนโง่อย่างกูมันเดือดที่ไม่รู้อะไรเลย


“เปล่านี่ครับ” มันตอบแล้วยักไหล่ทีนึง “อย่าคิดมากเลย...รีบกลับห้องเรากันเถอะ เดี๋ยวผมต้องรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปทำงานต่อ” ไอ้โนบิตะพูดจบก็ทำท่าไนซ์ ๆ เดินนำไปที่รถ ระหว่างทางพวกเราไม่ได้คุยอะไรกันนอกจากฟังเพลงอกหักเป็นภาษาอังกฤษเพราะคลื่นที่เจ้าของรถฟังมันเป็นคลื่นอินเตอร์ ส่วนผมน่ะหรอ ได้แต่เอาหัวพิงกระจกด้านข้างแล้วมองท้องฟ้าเหมือนหมามองเครื่องบิน


ลองมานึกย้อนตรึกตรองดูดี ๆ แล้วนะ บางทีกูก็ยอมมันง่ายไปไหมวะ นี่มันก็หลายเรื่องแล้วนะตั้งแต่ที่ยอมให้มันเอาง่าย ๆ โดยมีเรื่องหนี้สินล้นพ้นตัวมาอ้าง ต่อมาก็เป็นเรื่องที่บ้านที่แม่ยอมให้มาเป็นนางซินส่วนตัวของไอ้คุณชายจอมตอแหล แล้วนี่ยังจะมีเรื่องอะไรอีกไหมให้กูต้องเซอร์ไพร์ส ควรจะนับเรื่องอีชิสุกะนี่เป็นความมหัศจรรย์ของโลกด้วยดีไหม


ตอนเด็ก ๆ ครูสอนนะว่ามีอะไรสงสัยให้ถาม แต่พอกูถามแล้วก็ไม่เคยได้คำตอบที่อยากได้ไง แล้วกับไอ้คนข้าง ๆ ที่กำลังเอาตาวางไว้บนถนนนี่ถ้าถามไปมันจะตอบไหม? ถ้าถามแล้วจะได้คำตอบที่อยากรู้ไหม?


“อยากพูดอะไรก็พูดมาสิครับ มองผมตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”

 
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้ตัวอีกทีสายตาตัวเองก็มาจับอยู่บนใบหน้าของโนบิตะ มันหันมาถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย มองสบตากลับมาแวบนึง ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับถนนตรงหน้าอีกรอบ


“...กู”


“....”


“มึงกับไอ้เฮียนี่...ยังไงวะ”


ทันทีที่ตัดใจพูดจนจบประโยค ล้อก็เบียดกับพื้นถนนดังเอี๊ยด เสียงแตรด่าพ่อล่อแม่จากรถคันหลังกระแทกเข้ากระดูกค้อน ทั่ง โกลนของผมอย่างจัง ยังไม่หนำใจ หันมาก็เจอโนบิตะมองมาหน้าตาอมยิ้มแปลก ๆ


“หึงหรอครับ”


“หึงที่หน้ามึงสิ ถามเฉย ๆ” ได้ยินมันหัวเราะหึ ในลำคอแล้วก็ต้องเบะปากออกมาแรง ๆ “กูไม่ได้หึงมึงเลย แค่เห็นพวกมึงชอบทำลับ ๆ ล่อ ๆ กันอยู่ได้....”


“...”


“หรือว่าพวกมึงรู้จักกันมาก่อน”


อันนี้จะยอมยกความดีความชอบให้การ์ตูนโคนันยอดนักสืบที่ดูตอนเบื่อ ๆ ทุกเช้าวันเสาร์ก็ได้นะ แต่พอมาประติดประต่อเหตุการณ์แปลก ๆ ในหัวมันก็ได้ความมาว่าอย่างงี้ว่ะ แล้วไหนยังจะสีหน้าของไอ้โนบิตะที่ดูราวกับจะชื่นชมว่าผมฉลาดขึ้นมาเป็นครั้งแรกนี่อีก...


“ตกลงยังไง” ผมหันไปเร้ามันยิก ๆ ทำตัวเหมือนสอบปากคำนักโทษไม่มีผิด


“ก็...จะว่าอย่างนั้นก็ได้” 


ผิดคาด หลังจากที่มันเงียบไปพักนึงไอ้แว่นจืดเพื่อนรักก็ตอบออกมาอย่างสบาย ๆ  โนบิตะดูโล่งใจขึ้นมานิดนึง นับเอาได้จากบรรยากาศที่ผ่อนคลายขึ้น


“ก็เลยไม่ยอมให้กูไปกินเหล้ากับพวกมันหรอ?”


“เพราะผมรู้ว่าเขาจะเล่นอะไรต่างหาก...” ไอ้เก้าพูดพลางหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าคอนโด “ผมรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร...จะว่าผมรู้จักเขาดีกว่าคุณก็ได้”


“พวกมึง...เคยเอากันหรอ”


คือกูก็รู้นะว่าตัวเองกำลังหลงประเด็น แต่อยู่ ๆ เหตุการณ์น่าอนาถใจของตัวเองก็ผุดขึ้นมาในหัวเหมือนฟิล์มฉายซ้ำว่ะ... ไอ้ว่าที่รู้จักกันนี่...ใช่เคยเอากันไหมนะ


จบคำถามคาใจของผมโนบิตะก็อึ้งไปอึดใจนึงก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เป็นเสียงหัวเราะที่ผมโคตรเกลียดเลยให้ตายเหอะ


“ฮ่าฮ่าฮ่า....อุบ....แปป...แปปนึงนะ...อึก....ครับพิก...”

“จะหัวเราะเหี้ยไรนักหนา อยากพูดไรก็พูดมาสิวะ”

ผมขมวดคิ้วใส่มัน หงุดหงิดแล้วนะ หัวเราะเหมือนกูเป็นตัวตลกไปได้ พอผมพูดไปอย่างนั้นโนบิตะก็ยังหัวเราะอยู่ แต่ซักพักมันก็หยุดแล้วกระแอมไอหันมาส่งยิ้มน้อย ๆ ให้แทน

“วางใจเถอะครับพิก...”


“...”

“ในมหาลัยนี้คุณเป็นผู้ชายคนแรกที่ผมเอา”


เห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของมันที่ชักจะเปิดเผยบ่อยครั้งมากขึ้นแล้วก็รู้สึกหน้าร้อนแปลก ๆ  แม่งตอบอย่างเดียวก็ได้มั้ง ไม่เห็นต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้กันขนาดนี้เลย


“และจะเป็นคนเดียวด้วย...พอใจหรือยังครับ?”


ถามมาแบบนี้แล้วจะให้กูตอบยังไงวะ?...
แล้วถ้าตอบว่าไม่พอใจจะทำไง? จะซื้อบ้านซื้อรถมาประเคนให้กูด้วยไหม? 
แม่ง หงุดหงิดเป็นบ้าเลยโว้ยยยยยยยย


 “จะเคยเอาใครมาก็ช่างมึงเหอะ...กูง่วง อยากนอนแล้ว ถ้าจะนั่งแช่อยู่อย่างนี้ก็เอากุญแจมาให้กู เดี๋ยวขึ้นไปเอง”


ผมแกล้งทำเป็นหาววอดเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่อยู่ในใจ ไม่อยากแสดงสีหน้าหงุดหงิดรำคาญใจ ไม่อยากให้โนบิตะมันทึกทักไปเองกว่าผมหึงมันขึ้นมาอีก แต่ยิ่งทำอย่างนั้นมันก็ยิ่งยิ้ม เป็นยิ้มทีผมโคตรไม่อยากมองเลยให้ตายเหอะ


“อยากได้หรอครับ อยากได้ก็ขอเอาดี ๆ สิ” มันพูดพลางยกกุญแจขึ้นในระดับสายตา


“งั้นกูไม่เอาแล้ว” ผมปิดประตูรถแล้วเดินหนีมันออกมา ทางเข้าตัวคอนโดอยู่ตรงไหนยังไม่รู้เลย รู้อย่างเดียวคือแค่ไม่อยากให้แม่งทำเหมือนผมเป็นเรื่องสนุกของมันอีก


หงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมอีก ให้ตาย...เวลานี้กูควรนั่งแดกขนม ดูแคสเกมรอเวลาแม่เรียกไปปิดร้านไม่ใช่หรอวะนี่กูยอมมันทำไม...นี่กูทำอะไรอยู่ ?


“เดี๋ยว พิก”


ผมหันหลังไป แวบนึงเห็นมันรีบปิดประตูกดรีโมทล็อกอัติโนมัติแล้ววิ่งเหยาะ ๆ ตามมา ไอ้เก้าเรียกผมอยู่อย่างนั้นจนเข้ามาประชิดตัวได้ มันเอื้อมมือมาแตะเบา ๆ ตรงศอกผม ก่อนจะดึงให้หยุดเดินแล้วหันไปประจันหน้ากับมัน


“อะไรอีก” ผมตีหน้ามึนถามมัน พยายามอย่างมากที่จะไม่จ้องสบตากับมัน แต่แล้วก็โดนก้มลงมามองจนต้องมองตอบจนได้


“ง่วงจริง ๆ หรอครับ” 


“เอ้า โกหกได้โล่หรอครับคุณชาย มึงจะไปทำงานไรก็ไปทำเหอะ กูจะทำความสะอาดห้องแล้วนอนอยู่นี่ล่ะ”

เก้ามองผมแล้วนิ่งไปพักใหญ่ มันขมวดคิ้วน้อย ๆ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ


“งั้นไปนอนที่ร้านแล้วกัน เดี๋ยวอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปกับผมเลย”


ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าโนบิตะแทบจะในทันที มันเลื่อนมือมาคว้าหมับเข้าที่แขนผมแล้วกึ่งลากกึ่งจูงเข้าคอนโดไปโดยไม่ถามซักคำ


แล้วไอ้ที่จะมาเร่งอาบน้ำนี่ก็เร่งจริงนะ พอมันอาบเสร็จก็ออกมาลากผมเข้าไปอาบต่อ โน โน อย่าได้คิดอกุศลเชียว ก็แค่อาบน้ำเฉย ๆ  ไม่มีอะไรเกินกว่านั้นเลยแม้แต่น้อย


อาบเสร็จเดินห่มผ้าเช็ดตัวออกมาก็ได้กลิ่นอะไรหอมฉุยลอยมาเตะจมูก เดินตามกลิ่นไปก็เจอไอ้โนบิตะยืนท้าวสะเอวผัดข้าวอยู่หน้าเคาน์เตอร์โซนครัว มันหันมาเจอผมนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวก็ชี้ไปทางห้องแต่งตัวว่ามีเสื้อผ้ามันให้เอาไปใส่ก่อน 


คือเอาจริง ๆ นะ ผมก็งงว่าทำไมต้องแต่งตัวให้ดูดีขนาดนั้นวะ  แต่พอนึกไปถึงเหตุการณ์ขายขี้หน้าที่ทำไว้ก็นึกขอบคุณแม่งขึ้นมาเลย ถ้าวันนี้แต่งตัวมอซออีกใครจะเชื่อวะว่ากูเป็นเพื่อนเจ้าของร้าน มีหวังโดนลากออกไปทิ้งให้ขายขี้หน้าโนบิตะมันอีก


“ข้าวเสร็จแล้ว เดี๋ยวกินรองท้องในรถไปก่อน ผมต้องรีบไปเคลียร์ของเข้าร้าน”


เดินเช็ดหัวออกมาก็เจอโนบิตะหัวหมุนอยู่กับข้าวในทับเปอร์แวร์ ตอนนี้มันก็ยังคงใส่แว่นกรอบดำหน้าเตอะเหมือนเดิม จะต่างก็ตรงที่มันใส่เชิ้ตสีทำ เซ็ตผมเผ้าไม่พะรุงพะรัง เรียกว่าดูดีผิดหูผิดตาเลยก็ว่าได้


อันที่จริงผมไม่ชินเลยเวลาที่โนบิตะมันดูดีแบบนี้ ผมรู้สึกว่าแพ้มันตั้งแต่แม่ยังไม่คลอด ทีหลังถ้าเจอหน้าพ่อแม่มันนะ จะถามซักหน่อยว่าให้ลูกกินอะไรตอนท้อง เพราะเอาจริง ๆ แล้วหน้าตาแม่งดีขนาดที่ชนะพระเอกช่องสามบางคนได้สบายเลย


แล้วนี่อะไร มาทำเป็นผัดข้าวผัดให้กูกิน เพิ่งรู้เหมือนกันว่าแม่งทำกับข้าวเป็น... แต่ทำไมต้องดูแลกูดีขนาดนี้วะ จริง ๆ หน้าที่นี้ควรเป็นของกูไหม? หรือมึงทำแบบนี้ให้แม่บ้านทุกคนวะเก้า ?




เราใช้เวลาไม่นานนักจากคอนโดของเก้ามาถึงร้าน มันวนหาที่จอดแถวด้านหลังอยู่สองสามรอบเพราะนี่เป็นย่านใจกลางเมือง เชี่ยเก้าขอโทษที่ทำให้ผมต้องเดินไกลทั้งที่ขายังถ่าง (ที่จริงมึงไม่ต้องขอโทษกูก็ได้จ้า ถ้าคิดจะทำแบบนั้นแต่แรก =_=) ก่อนจะดับเครื่องและก้าวอาด ๆ ข้ามถนนขำเข้าร้านไป


ร้านเหล้าที่คุ้นเคยกันดีเวลานี้ต่างออกไป สภาพเวลากลางวันของมันทำให้ผมรู้สึกว่าถ้าไม่รู้จักร้านนี้อาจจะคิดว่าเป็นร้านกาแฟแนวสตรีทก็เป็นได้ อาจด้วยเพราะสไตล์การแต่งร้านที่ดูชิค ๆ แต่ก็มีโซนเหมาะสำหรับนั่งคุยหรือนั่งประชุมจึงทำให้ร้านนี้เป็นสถานที่ยอดนิยม เสิร์ชหาในรีวิวร้านเหล้าทีไรก็มักมีร้านนี้ติดท็อปไฟว์ทุกที


‘บาร์กะโล’


ผมมองป้ายชื่อร้านที่ห้อยต่องแต่งอยู่เหนือประตูก็อดรู้สึกใจเต้นขึ้นมาไม่ได้ อันที่จริง ถ้านับจากวันที่โดนพี่พลอยสลัดรักมาเมาหยำเป๋จนโดนโนบิตะลากไปซั่มมันก็นานมาแล้วเหมือนกัน  และที่บอกว่าอดใจเต้นไม่ได้นั้น เพราะลึก ๆ ก็แอบคิดว่าจะได้เจอพี่พลอยอีกไหม


“สวัสดีค่ะคุณเก้า”


สาวนางนึงเอ่ยทักไอ้เก้าทันทีที่พวกเราเปิดประตูเข้าไปในตัวร้าน ตอนนี้สามโมงกว่า พนักงานอยู่กันพร้อมหน้า บางคนปัดกวาดเช็ดถูร้าน บางคนก็เตรียมตัวอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ ผมหันไปค้อมหัวสวัสดีคนอื่น ผิดกับไอ้โนบิตะที่ก้าวฉับ ๆ ไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องกระจกใหญ่ที่ถัดเชิงบันไดวนไป


“นั่งตรงนี้ก่อน เดี๋ยวให้เด็กเอาน้ำมาให้”


มันพูดพลางไปทิ้งตัวนั่งที่โต๊ะทำงาน กดโทรศัพท์บนโต๊ะ กรอกเสียงสั่งโค้กอึดใจเดียวโค้กก็มาเสิร์ฟถึงที่... คราวนี้เป็นพนักงานผู้ชายในชุดบริกร เขาเดินเข้ามาทำท่าเกรงอกเกรงใจ ก่อนจะรินโค้กให้ผมจนเต็มแก้วแล้วกลับออกไปหน้ายิ้ม ๆ


คือ...ยังไงหรอ จำหน้ากูว่ากูเคยมาเมาอ้วกแตกได้ใช่ไหมถึงได้ยิ้มแบบนั้น...


“คุณหนูครับ เหล้าจากร้าน....อ่า มีแขกหรอกหรอครับ”


หลังจากดูดโค้กนั่งมองโนบิตะมันหัวหมุนกับกองเอกสารเพลิน ๆ ก็มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นมาขัดจังหวะ ชายคนนึงในชุดสูทดำทะเล่อทะล่าเข้ามาพร้อมเอกสารปึกหนึ่งในมือ เขาชะงักเท้าค้างไปเลยเมื่อเห็นว่ามีผมนั่งหน้าง่วงอยู่บนโซฟาสีแดงหน้าโต๊ะของไอ้โนบิตะ


“ไม่เป็นไรหรอก พี่เกื้อว่ามาเลยครับ” โนบิตะยกมือขึ้นแบออกทำท่าเป็นเชิงขอดูเอกสารในมือ  ‘พี่เกื้อ’ ในสูทชุดดำรายนั้นพอเห็นว่าเจ้านายเรียกเข้าไปหาก็รีบเดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานทันที


“เซ็นต์ตรงนี้นะครับคุณหนู แล้วก็ตรงนี้...เช็คเงินสดด้วยครับ”  เรียกได้ว่าผมเห็นออร่าผู้บริหารเกาะบนตัวโนบิตะทันทีที่มีพี่เกื้อยืนเคียงข้างแล้วคอยชี้ว่าให้มันควรเซ็นต์ตรงไหน เหตุการณ์นี้ผมเจอบ่อยในละครช่วงไพร์มไทม์ พระเอกเป็น CEO เป็นคนมีเงิน และจะไม่ทำอะไรยกเว้นเซ็นต์เอกสาร


นั่นทำให้ผมเกิดความสงสัย...แล้วกูมานั่งอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรวะ เป็นเพื่อนมันหรอก็ไม่ หรือแค่เพื่อนนอน ก็ดูจะคุณตัวไปไหม? ในละครน่ะนะ บทแบบนี้ถ้าไม่ใช่นางเอกก็นางบำเรอล่ะวะ ว่าแต่มันเป็นโนบิตะแล้วกูเป็นไจแอนท์ไม่ใช่หรอ ? แล้วทำไมไจแอนท์มันไปเป็นนางบำเรอโนบิตะได้วะ =_ =


คิดวนไปเวียนมาได้ไม่ถึงห้านาทีก็เริ่มง่วง  แอร์นี่ก็ช่างเลือกที่ลงเหลือเกิน กลางหัวกูเหมาะเจาะอย่างกับจับวาง ผมปิดปากหาววอดใหญ่เพราะรู้สึกได้ถึงอาการมึน ๆ เบลอ ๆ  เมื่อคืนก็นอนไม่พอ เมื่อเช้ายังโดนจัดยกใหญ่อีก เล่นเอาล้าสะสม เมื่อยขบไปทั้งตัว แล้วจะไม่ให้ง่วงยังไงไหว?


เอนตัวพิงโซฟาพักสายตาซักสิบนาทีต่อหน้าคนของมันคงไม่เสียมารยาทเกินไปหรอกใช่ไหม? ได้ยินเสียงคุยกันจุกจิก คุณหนูอย่างโน้นคุณหนูอย่างนี้แล้วหมั่นไส้ งั้นขอถือวิสาสะงีบซักแปปแล้วกัน ขี้เกียจฟังไอ้โนบิตะสั่งงานชาวบ้าน
.
.



“คุณครับ...คุณ...คุณพิกครับ”


นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ผล็อยหลับไป รู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกได้ถึงแรงเขย่าเบา ๆ ที่แขน ผมงัวเงียลุกขึ้นจากโซฟา ยกมือปัดผ้านวมผืนเล็กเท่าคนเดียวห่มที่ไม่รู้ที่มาออกจากอก ก่อนจะเลิกคิ้วมองเด็กหนุ่มในชุดบริกรคนเดิมที่ก้มหน้าลงมาหา


“มีอะไรครับ”


ถามออกไปอย่างนั้นเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเรียกทำไม  รู้แค่ว่าหันไปมองบนโต๊ะรับแขกตัวเล็กด้านหน้าก็เห็นอาหารสองสามอย่างวางอยู่บนนั้น กลิ่นหอมฉุยเย้ายวนซะจนท้องมันร้องประท้วงดังโครกคราก


“คุณเก้าให้เอาอาหารมาเสิร์ฟให้คุณครับ...แล้วก็สั่งเอาไว้ว่า ถ้าไม่จำเป็นอย่าออกไปเดินเพ่นพ่านข้างนอกจนกว่าคุณเค้าจะกลับ”


ได้ฟังคำสั่งของ ‘คุณเก้า’ ผ่านจากปากบ๋อยหน้าซื่อแล้วก็ต้องขมวดคิ้วอย่างขัดใจ ไอ้โนบิตะมันคิดว่าตัวเองเป็นใครวะ คิดว่าเป็นคุณเก้าของที่นี่แล้วจะมีสิทธิ์สั่งให้ใครทำอะไรตามใจก็ได้งั้นหรอ 


ว่าแต่นี่มันไปไหน ตื่นมาแล้วก็ไม่เจอมันนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะตัวข้างหน้า... เหอะ ทีตัวเองล่ะออกไปเตร่ได้ แต่มาทำเป็นสั่งคนอื่นอย่างกับเขาเป็นทาส จ้างให้กูก็ไม่เชื่อหรอก


“โอเค ตามนั้นแหละ นายออกไปเหอะ ขอบใจสำหรับอาหารนะ”


ถึงใจจะไม่ค่อยโอเคกับคำสั่งเสียที่สั่งผ่านพนักงานในร้านมาก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องเหวี่ยงใส่ใคร ตอนนี้บ๋อยคนนั้นออกไปแล้ว แถมตรงหน้าก็ยังเป็นกับข้าวหน้าตาดีกลิ่นใช้ได้อีก แล้วมีเหตุผลอะไรที่ผมจะไม่ฟาดมันให้เรียบกันล่ะ


แต่ทั้งที่คิดว่าตัวเองหิวไส้แทบกิ่ว พอกินไปได้คำสองคำก็นึกอยากวางช้อนขึ้นมาทันที จะว่ายังไงดี พอมองไปรอบ ๆ แล้วมันก็ไม่คุ้นเคยเหมือนอยู่ที่บ้าน ทั้งโทนสี ทั้งกลิ่นอายมันทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมาอย่างประหลาด ผมมันประเภทกินข้าวดื่มบรรยากาศซะด้วย จะให้มานั่งกินคนเดียวเปลี่ยว ๆ เหงา ๆ มันก็ใช่ที...


สรุปเลยตัดสินใจก้าวขาออกมาจากหอคอยงาช้างที่คุณเก้าของบ๋อยคนนั้นสั่งห้าม ความรู้สึกตอนนี้เหมือนตัวเองกำลังเป็นตัวการ์ตูนผมยาวสีทองของวอลดิสนี่ย์ที่กำลังแอบออกจากบ้านโดยไม่ให้แม่เลี้ยงใจร้ายรู้ แต่จะให้โทษผมที่ขัดคำสั่งไอ้โนบิตะก็กระไรอยู่นะ ต้องโทษมันด้วยสิที่หอบหิ้วผมมาด้วยแต่ดันทิ้งไว้ให้นั่งเปลี่ยวใจอยู่คนเดียวแบบนี้ !


“อ้าว...คุณ...คุณเก้าบอกว่าอย่าออกมาเดินเพ่นพ่านนะครับ”


ออกมาก็เจอน้องบ๋อยคนนั้นยืนจังก้าขวางหน้าทันที มันมองซ้ายมองขวาทำเป็นยกมือขึ้นเกาหัว ก่อนจะปิ๊งไอเดียให้ได้ออกไปจากหน้าห้องทำงานของไอ้โนบิตะซักที


“คือ...ผมปวดฉี่อะ...ห้องน้ำไปทางไหนหรอ จะไปห้องน้ำ”


ผมทำเป็นเม้มปากยืนหุบขาเข้าหากันเหมือนคนปวดฉี่จริง ๆ พอเห็นอย่างนั้นน้องบ๋อยก็ใจดีช่วยชี้บอกทางเดินไปห้องน้ำเสร็จสรรพ โดยไม่ลืมกำชับว่าเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วให้รีบกลับก่อนที่คุณเก้าเธอจะกลับมา 


แต่ใครจะทำตามทีมันบอก ออกมาได้ผมก็ตรงไปเข้าห้องน้ำเลย ไอ้ฉี่น่ะก็ปวดจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดจะต้องบิดให้ไส้เลื่อนขนาดนั้น ทำธุระเสร็จให้น้องชายได้ร้องไห้จนสมใจก็เดินออกมาดูแสงสีดนตรีสดที่ด้านหน้า ขายังไม่ทันจะก้าวไปถึงหน้าเวทีก็โดนกระชากจากด้านหลังให้หันกลับไปทั้งตัว


“เชี่ย! ไอ้พิก มึงมาได้ไง”


ชิบหายแล้วไหมล่ะ... ไม่ต้องเดาเลยว่าคนที่อยู่ตรงหน้าผมเป็นใคร ! มันคือไอ้โย่งเชี่ยวชาญที่ยืนถือแก้วเหล้าหน้ากรึ่ม ! คนที่ผมบอกปฏิเสธโดยเอาแม่มาอ้างจนต้องรู้สึกผิดติดใจอยู่แบบนี้ 


“เอ่อ...กู”


นาทีนี้อะไร ๆ มันก็ตะกุกตะกักไปหมด ผมได้แต่เม้มปากแล้วยอมให้มันลากไปถึงโต๊ะใหญ่ใจกลางร้าน ที่โต๊ะนั่นมีทั้งไอ้เฮียและสหายไม่คุ้นหน้าค่าตาอยู่อีกสองสามหน่อ ด้านไอ้เตี้ยพอเห็นว่าคนที่เชี่ยชาญลากกลับมานั่งโต๊ะด้วยเป็นใครมันก็ลุกขึ้นปรบมือทำหน้าอัศจรรย์ใจทันที


“เฮ้ยยยยย มึงมาได้ไงพิก....โอ้ย ดีใจว่ะ...มา ๆ นั่ง ๆ ๆ”  ไอ้เฮียเอื้อมมือมาจับข้อแขนผมแล้วออกแรงดึงให้ไปทรุดตัวลงนั่งข้างมันพร้อมกับหันไปสั่งน้องเด็กนั่งดริ๊งให้ไปเอาเพื่อนมาเพิ่มโดยไม่ถามสุขภาพผมซักคำ


“ไม่ต้องหรอกมึง กูมาแปปเดียว เดี๋ยวกูก็ไปแล้ว” 



(มีต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 12 (23/09/2558) P.4
«ตอบ #117 เมื่อ23-09-2015 10:58:06 »

เห็นมันสั่งเด็กชงเหล้าเต็มแก้วก็ใจคอไม่ดี คือจริง ๆ ก็แอบกลัวว่าไอ้โนบิตะจะมาเห็น แต่ที่กลัวกว่าคือถ้าเกิดเมาขึ้นมาแล้วหลุดพูดอะไรออกไป ความก็แตกหมดว่าตอนนี้ผมเป็นทาสไอ้โนบิตะอยู่น่ะสิ...


ผมนั่งยึก ๆ ยัก ๆ คิดว่าจะอยู่พอเป็นพิธีซักนาทีสองนาทีแล้วชิ่งกลับ แต่พอเห็นว่าสาวสวยที่เดินอ้อมมาจากหลังโซฟาไปนั่งปุอยู่ข้าง ๆ เฮียเป็นใคร ก็เปลี่ยนความคิดจะที่จะหนีแล้วกลับมานั่งหลังตรงทันที...


“พี่พลอย...”

ผมอุทานออกมาเบา ๆ อยู่ดี ๆ สมองมันก็พาลไปนึกถึงวันคืนเก่า ๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้เฮียเพิ่งรับเหล้าจากเด็กมาส่งให้ผม

“เฮ้ย รู้จักพี่พลอยด้วยหรอมึงน่ะ”  ไอ้เตี้ยบังคับให้ผมถือแก้วเหล้าไว้ในมือ แล้วพยักเพยิดหน้าไปทางพี่พลอยที่ส่งยิ้มมาให้เหมือนคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน “คนนี้น่ะเด็ด กูลองมาแล้ว สุดยอดไปเลย”


ไอ้เฮียยื่นหน้ามากระซิบเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างภูมิอกภูมิใจ แต่สำหรับผมเหมือนได้ยินเสียงฟ้าผ่าลงกลางหัว อยู่ ๆ เลือดในกายมันก็เหมือนจะหยุดไหลเวียน ความรู้สึกนี้คืออกหักใช่ไหม ? รักแรกรักเดียว รักมานานคนเดียวคนนี้อยู่ ๆ ก็กลายเป็นเมียเพื่อนใหม่ไปซะฉิบ ความผิดหวัง ความโศกเศร้าที่ไม่ได้พบกันมานานอยู่ ๆ พรั่งพรูจนเต็มหัวใจ พี่พลอยคนสวยคนนั้นไม่แม้แต่จะแลหางตามองผมด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่เอาจากผมไปจนกระเป๋าแบนกลับบ้านทุกวันศุกร์...


งานโศกมาเลย...ยิ่งเห็นเขาคลอเคลียกันมันยิ่งเฮิร์ท ผมยื่นมือไปยกแก้วเหล้ามาซด กระดกอึก ๆ ลงคอต่างน้ำ ลำบากเชี่ยที่นั่งห่างออกไป ต้องขอแลกที่กับสาวนั่งดริ้งข้างตัวแล้วเขยิบมาหาผมใกล้ ๆ แทน


“กูคิดว่าจะไม่ได้แดกเหล้ากับมึงซะแล้ว...ไหนบอกว่าแม่ให้ช่วยปิดร้าน ทำไมมาได้”


รู้นะว่ามันจงใจเปลี่ยนเรื่อง แต่ตอนนี้กูไม่มีอารมณ์จะเปลี่ยนด้วยแล้ว เห็นมือพี่พลอยลูบไล้แผ่นอกไอ้เฮียเตี้ยแล้วก็รุ้สึกเจ็บแปลบ ๆ ตอนนี้ในกระเป๋าผมมีเงินไม่ถึงห้าร้อยด้วยซ้ำ แล้วจะมีปัญหาทำให้เขาหันมาสนใจได้ไง


“แล้วมึงล่ะ ทำไมมาร้านนี้ได้ มึงก็เหมือนกันเฮีย มึงมาร้านนี้ทำไมวะ!” รู้ตัวครับว่าเริ่มพาล แต่คนมันกำลังเศร้า เข้าใจไหม...  พอเห็นผมถามอย่างนั้นเฮียมันเลยค่อย ๆ อธิบายให้เขาใจไปทีละเปราะ


“ก็ตอนแรกไม่ได้คิดจะมาหรอก แต่เพราะมึงไม่มา ก็เลยคิดว่ามาร้านนี้ดีกว่า” เห็นหน้ามันยิ้มแล้วก็รู้สึกเกลียดรอยยิ้มของมันขึ้นมาอย่างประหลาด เบื่อตัวเองที่เป็นคนย้อนแย้งชิบหาย เมื่อกี้ยังไม่อยากนั่งก๊งกับมันอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้ถึงซัดเหล้าต่างน้ำแบบนี้


“โธ่...กูถามดี ๆ เอาจริง ๆ ตกลงว่ายังไง ตามมาหากูหรอคะพิก?” เชี่ยชาญยิ้มแซว มันนิ่งไปพักนึงเมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบอะไร เพราะสายตาผมยังอยู่กับผู้หญิงใจร้ายคนนั้นอยู่เลย “หรือว่าโกหกกูเพื่อที่จะมาหา--”


“เฮ้ย มันมาได้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอวะ มันคงตามมาเซอร์ไพร์สมึงแหละ จะซักไซ้อะไรมันมากมาย เสียบรรยากาศหมด เนอะ พิก” ไอ้เตี้ยจากแคนาดาหันมาขยิบตาให้ผมทีนึง ไม่รู้ว่ามันแกล้งโง่หรือจงใจสวนขึ้นมาอย่างนั้น แต่อารมณ์ผมตอนนี้ไม่พร้อมตอบเหี้ยอะไรทั้งนั้นแหละ รู้อย่างเดียวว่าถ้าอยากเลี่ยงไอ้ชานกับพี่พลอยก็ต้องเอาเหล้าเข้าปากตัวเองนี่ล่ะ...


เหล้าหมดไปอีกแก้วแต่ดูเหมือนความเฮิร์ทของผมจะยังไม่หมด พอน้องเด็กเสิร์ฟมาเติมเหล้าให้ใหม่ผมก็กระดกอีกจนหมดไปสามสี่แก้ว กินไวยิ่งกว่าพายุจนหนที่ห้าไอ้ชานต้องเอื้อมมือมาแตะแขนเอาไว้แล้วเปลี่ยนไปคุยเป็นเรื่องเกมแทน


“วันนี้กูเพิ่งได้เกมใหม่มา เกมที่มึงอยากเล่นไง...เดี๋ยวโทรหาแม่นะ บอกว่าขอไปค้างกับกู กูจะให้มึงเล่นก่อนใครเลย”


ได้ยินมันพูดเสียงตะกุกตะกักก็พอจะเดาได้แล้วว่ามันกำลังคิดจะทำอะไร เชี่ยชานตอนพยายามจะปลอบใจผมก็ดูน่ารักดีอยู่หรอก ถ้าไม่ติดว่ามากับโนบิตะผมก็คงจะกลับกับมันนี่ล่ะ


หรือจะแอบดอดกลับกับแม่งดีวะ กลับไปตอนนี้ยังไงโนบิตะมันก็ไม่รู้ตัวหรอก
คอยดูนะ พ่อจะเล่นเกมให้หายเฮิร์ทไปเลย !


“เออ...กูจะกลับกับมึ--”


แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบจนจบประโยค เงยหน้าขึ้นมาก็เจอสายตาของไอ้เฮียที่มองมาอย่างมีเลศนัย บอกตรง ๆ ว่าผมโคตรจะไม่ชอบสายตาแบบนี้ของมันเลย ดูแล้วไม่รู้ว่าตกลงแม่งคิดอะไรอยู่ในใจกันแน่ ซึ่งสายตาแบบนี้ คนแรกที่ผมรู้จักดีเลยก็คือไอ้โนบิตะ... แม่งชอบมองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เพทุบาย ถ้าเล่นใหญ่กว่านี้อีกหน่อยกูก็ว่าจะสนับสนุนให้มึงไปแคสเป็นพระเอกช่อง ONE  พี่พุฒเดชอุดรอยู่เหมือนกัน =_=


“คงไม่ได้หรอกครับ คืนนี้พิกเค้ามีนัดติวหนังสือกับผมต่อ”

พูดถึงโนบิตะ โนบิตะก็มาเลยครับ... ได้ยินเสียงเย็น ๆ ของมันที่ดังขึ้นจากด้านหลังก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ผมค่อย ๆ หันไปตามเรียวมือของมันที่วางไว้บนมือของไอ้ชานที่กอดไหล่ผมไว้ ริมฝีปากของมันตอนนี้ยิ้มกว้าง แต่ใบหน้าใต้กรอบแว่นนี่อำมหิตย์อย่างเห็นได้ชัด...

“อ้าว ไอ้โนบิตะ มึงก็มาหรอเนี่ย...วันนี้วันอะไรวะเนี่ย โชคดีจัง เพื่อนเต็มเลย”

 ไอ้คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ยังเป็นคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เชี่ยชานโพลงขึ้นมาน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ยืนอยู่ตรงด้านหลังโซฟา โนบิตะในตอนนี้ไม่ได้เซ็ตผมหล่อเนี้ยบเหมือนอย่างที่มากับผมในทีแรก แต่มันหวีผมหน้าม้าลงจนปรกหน้า และสวมแว่นตาเชย ๆ เหมือนที่ชอบใส่เวลาอยู่ในคลาสแทน


“ขอนั่งด้วยคนนะครับคุณชาน”


ไม่รอให้ได้คำตอบ โนบิตะก็เดินอ้อมมาทิ้งตัวลงนั่งแทรกตรงกลาง เชี่ยชานที่พยายามจะปลอบใจผมโดยที่ไม่รู้อะไรเลยก็ไม่ได้ว่า มันเพียงแค่ขยับตัวออกห่างไปอีกนิดเพื่อให้โนบิตะได้นั่งสบายขึ้น


“วันนี้สนุกชิบหายเลย...กินเหล้าหน่อยไหมวะ โนบิตะ”


แทนที่จะเป็นผมหรือชานชวน คนพูดชื่อเฉพาะของไอ้เก้ากลับเป็นไอ้เตี้ยเพื่อนใหม่ของกลุ่มแทน พักนึงผมเห็นสายตาของพวกมันฟาดฟันกันกลางอากาศ บรรยากาศดูดุมากซะจนพี่พลอยยังต้องลุกออกไปจากตักไอ้เฮียทั้งที่เฟร้นฟรายยังคาปากมันอยู่เลย


“สั่งสิโนบิตะ เดี๋ยวกูเลี้ยงเองก็ได้” เชี่ยชานพูดสวยพลางยื่นเหล้าแก้วที่บ๋อยชงมาใหม่ไปให้อย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไม่รู้ว่ามันเมาหรือโง่เป็นปกติอยู่แล้ว ถึงไม่ได้เอะใจเลยว่าเขากำลังเขม่นกันอยู่เนี่ย..

“เฮ้ยได้ไง กูบอกแล้วงวดนี้จะจ่ายเอง อย่ามาแย่งกู” เชี่ยเฮียรีบสวนขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าชานจะแย่งมันจ่าย มันเลิกฟาดฟันสายตากลางอากาศกับโนบิตะแล้วหันไปต่อกรกับเชี่ยชานแทน ไอ้พวกนี้นี่มันอะไร ทำเป็นอวดรวยอยู่ได้น่าหมั่นไส้จริง


“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ชอบดื่มแอลกอฮอล”


ทั้งสองหยุติสงครามแย่งจ่ายทันทีที่โนบิตะพูดทะลุเข้ากลางปล้อง ไอ้ชานทำหน้าเหรอหราซักพักก็พยักหน้าเข้าใจ ผิดกับไอ้เฮียที่ทำปากขมุบขมิบเหมือนกำลังบ่นอะไรซักอย่างในลำคคอ


“งั้นเดี๋ยวผมขอตัวเลยแล้วกันนะครับ...ไปครับ พิก ได้เวลากลับแล้ว”


ผมปรายตามองมันตอนที่พูดว่า ‘ได้เวลากลับ’ ถามมันผ่านสายตาว่าตกลงกลับน่ะกลับห้องมึงหรือกลับไปอยู่ที่ห้องกระจกกันแน่ แต่ไม่ทันจะได้อ้าปาก ไอ้คนแว่นจืดก็ลุกขึ้นยืนแล้วฉุดผมเสียเต็มแรง คอเสื้อนี่รังจนแทบจะหายใจไม่ออก


“จะไปไหนวะ เดี๋ยวพิกมันจะกลับไปเล่นเกมกับกู”


“เออ มึงจะรีบทำไม ก็ให้พิกมันกินให้เมาก่อนสิ...กูอยากเห็นมันเมา”


ได้ยินคำว่า ‘กินให้เมา’ ก็ตงิดแล้ว แต่ยังไม่เท่ากับที่พวกแม่งประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกัน พอทีนี้ล่ะเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย เชี่ยวชาญกับไอ้เฮียเตี้ยยกมือห้ามทัพทันทีที่ผมลุกขึ้นตามแรงดึงขอโนบิตะ แวบนึงแอบเห็นใต้แว่นของมันทำตาดุ ๆ ใส่ไอ้เฮีย แต่ก็แค่แว้บเดียวเท่านั้นแหละ เพราะพอตั้งตัวได้มันหันไปหาชานแล้วกดยิ้มมุมปากอย่างใจเย็น


“คืนนี้พิกต้องนอนกับผมครับ คุณแม่เขาฝากให้ผมช่วยติวการตลาดให้”


“เฮ้ย...อะไรวะ ติวกันสองคนได้ไง ทำไมไม่พากูไปด้วย”


“ก็คุณชานไม่ได้ติดเอฟการตลาดนี่ครับ...เก่งอยู่แล้ว ไม่ต้องติวก็ได้” 


เรียกได้ว่างงเป็นไก่ตาแตก พอได้ฟังประโยคยาวยืดกับน้ำเสียงที่ติดจะชื่นชมเชี่ยวชาญก็หมดข้อสงสัยทันที... บางทีกูก็งงนะว่าเพื่อนกูโง่หรือโง่มาก ทำไมถึงดูไม่ออกวะว่ากำลังโดนไอ้ห่านี่ตอแหลใส่อยู่ !


“เอ้าหรอ...ขอบใจมากเลยนะ ก็มีแต่มึงนี่แหละที่มองเห็นความเก่งของกู... เอางี้แล้วกัน งั้นติวกันดี ๆ นะพวกมึง...โนบิตะ คราวนี้มึงต้องทำให้มันผ่านให้ได้เลยนะเว้ย ! แล้วเอา A ไปตอกหน้าอาจารย์ป้ากัน !”


“โอเคครับ ผมจะพยายาม”



“มึงก็ตั้งใจฟังที่โนบิตะมันติวล่ะ เข้าใจไหมวะพิก...เออ ๆ งั้นพวกมึงรีบไปเหอะ ดึกแล้ว เดี๋ยวง่วงนอนกันก่อนพอดี”


จบคำอวยพรไอ้เชี่ยชาญก็หันไปสนใจแก้วเหล้าแบบไม่คิดจะสนใจผมอีก คือตอนนี้งงมากครับ งงตัวเองมากว่าตกลงควรจะรู้สึกยังไงดี กูควรยังเฮิร์ทเรื่องพี่พลอย หรือจะปวดหัวที่เพื่อนตัวเองโง่โนลิมิตแบบนี้?... เผลอไปสบตาเข้ากับไอ้เฮีย ยังดูออกเลยว่ามันก็พอจะตะขิดตะข่วงใจเรื่องที่โนบิตะพูดอยู่บ้าง แต่ก็เอาเหอะ ในเมื่อไม่มีใครรั้งกูก็ไม่อยากนั่งตรงนี้แล้วเหมือนกัน


ผมเดินนำไอ้เก้าออกมาโดยที่ไม่ต้องรอให้มันบังคับอีก ก้าวขาผ่านบาร์ เจอพี่พลอยนั่งสูบบุหรี่สวย ๆ ซบกับลูกค้าที่ดูมีกะตังค์แล้วก็ยิ่งเจ็บใจ ใช่สิ กูมันจนนี่ ไม่มีอะไรจะให้หรอกนอกจากตัวกับใจโทรม ๆ ดวงนึง...



“บอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้ออกไปเดินเพ่นพ่าน”


ปิดประตูมาได้ก็ไล่บี้กูเลย ผมทรุดตัวลงนั่งบนที่พักแขนบนโซฟาสีแดง ตาไม่ได้มองไม่ได้สนใจซักนิดว่าโนบิตะมันกำลังทำอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้อยากจะก้มลงมองตีนตัวเองอยู่อย่างนั้น อยากมองตีนกรัง ๆ คู่นี้อีกซักพักเพื่อย้ำว่าตัวเองแม่งไม่มีอะไรดีเลยซักอย่างยกเว้นกระเป๋าแบน ๆ ที่มีเงินอยู่ไม่กี่ร้อย เงียบไปอย่างนั้นอยู่พักใหญ่ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคืบมาด้านข้างตอนนี้กูไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงกับมึงหรอกนะ คนกำลังเฮิร์ทน่ะเข้าใจไหม?



“เป็นอะไร...โกรธหรอที่ห้ามไม่ให้ออกไปข้างนอก?”


แต่แทนที่เก้าจะด่าต่อมันก็เดินมาหยุดแล้วย่อตัวลงนั่งตรงหน้า ใบหน้าขาวของมันเงยขึ้นมามองหน้าผมนิ่ง ตอนนี้มันถอดแว่นตาอันเชยนั้นออกไปแล้ว เหลือแต่หน้าเกลี้ยงเกลากับผมทรงแฟชั่นที่ถูกสางลงมาปรกหน้านิด ๆ


“เปล่า” ผมตอบแล้วเสหน้าหันไปมองทางอื่นแทน ห้องกระจกของไอ้เก้ามันติดกับบันไดวนและเคาน์เตอร์บาร์ ด้านนอกมองเข้ามาน่ะไม่เห็นหรอก แต่ด้านในมองออกไปน่ะ ชัดเจนตำตา...


จะอะไรซะอีกล่ะ ก็พี่พลอยไง... กำลังป้อนคอกเทลลูกค้าหนุ่มคนใหม่กันซะใกล้ชิด
โอ้ย เฮิร์ทโว้ย!!!!!


“หันหน้ามานี่”


 ตะโกนในใจยังไม่ทันสุดเสียง โนบิตะมันก็ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงแล้วเชิดหน้าผมให้เงยขึ้นไปจ้องหน้ามัน ตอนนี้มันยืนอยู่ตรงกลางหว่างขาผมพอดิบพอดี แถมสายตาที่จ้องมองมาก็ดูดุอย่างกับหมาหวงกระดูก


“อะไร” ผมปัดมือมันออก พยายามจะหันกลับไปมองภาพพี่พลอยเพื่อตอกย้ำหัวใจ แต่ยิ่งดิ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งล็อกคางผมแน่นขึ้น


“อย่าไปมองเขา...มองผมนี่”


“....”


“อย่าเศร้า...มองผมสิ...เดี๋ยวจะทำให้ลืมเขาเอง”


เรายื้อกันอยู่อย่างนั้นจนรู้ตัวอีกทีหลังผมก็เอนลงกับโซฟา มันพร้อมกันกับริมฝีปากของโนบิตะที่โน้มลงมาทาบทับพอดิบพอดี... จะว่ากูใจง่ายเลยก็ได้ แต่พอโดนมันจูบก็เหมือนกับจะลืมเรื่องราวเฮิร์ท ๆ ไปซะหมด จูบคราวนี้ของโนบิตะเหมือนกับจะสูบลมหายใจผมออกไปหมด... มันล้วงลิ้นเข้ามาตวัดลิ้นผม ผละออกแล้วดึงเข้ามาจูบใหม่ จูบย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นจนมุมปากเราทั้งคู่เลอะน้ำลายไปหมด


 ถ้าให้เดานี่อาจจะเป็นวิธีการปลอบใจแบบนึงของมัน ซึ่งแม่งโคตรไม่เอาถ่าน... ถามจริงเหอะ จะมีผู้ชายดี ๆ ที่ไหนอกหักจากผู้หญิงแล้วจะยอมให้ผู้ชายเอาอย่างผมบ้าง แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นผมก็เริ่มเคลิ้มเมื่อมันลากปากลงมาเคล้าเคลียกับคอ ตอนที่มันซุกไซร้ ดูดดุน จูบฟัดที่หูนี่ทำเอาผมจนสั่นไปทั้งตัว 


“เดี๋ยว...เดี๋ยวมึง...จะทำกันตรงนี้หรอ...” 


ยอมรับเลยว่าถึงตอนนี้จะไม่ค่อยมีสติสตังหลงเหลือแล้ว แต่ที่หน้าก็ยังมียางอายอยู่ ผมผละจูบออกจากมันมาแล้วเงยหน้าขึ้นดูกลุ่มคนที่แด๊นซ์อยู่ข้างนอก ถึงจะบอกว่าด้านในนี้ไม่มีคนเห็น แต่กูก็เห็นคนข้างนอกอยู่ดีไม่ใช่หรอวะ


เอาจริง ๆ นี่แม่งก็ไม่ต่างอะไรจากโชว์เอากันให้คนอื่นดูเลยนี่หว่า...


“มึง...ไม่อายหรอวะ...คนเยอะแยะ” 


“ไม่มีใครรู้หรอกน่า”


มันพูดพร้อมกับยื่นปากลงมาจูบฟัดที่คอผมอีกรอบ ริมฝีปากมันใกล้หูผมซะจนได้ยินว่าเสียงของมันพร่าแค่ไหน...กลิ่นอาฟเตอร์เชฟที่มันใช้ยิ่งชัดเจนเมื่อมันโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ผสมกับกลิ่นน้ำหอมเข้ม ๆ ที่มันฉีดมาในวันนี้


“แต่กู....”


ผมเลื่อนมือลงไปจับแขนมันทันทีที่สัมผัสได้ถึงอะไรที่ดุนดันอยู่ตรงหว่างขา มือของเก้าไวมาก ไม่ทันไรมันก็ปัดมือผมออกแล้วล่วงเข้ามาลูบไล้ด้านในจนตื่นตัวคับกางเกง


“ไม่ต้องกลัว...เชื่อผมสิ” 


ผมน่าจะรู้ว่าคำพูดของมันเชื่อไม่ได้ซักอย่าง เพราะเมื่อผมยอมให้มันปลดกระดุมกางเกง ยอมให้รูดปราการด่านสุดท้ายโยนออกไปไว้บนโซฟา ยอมให้มันล้วงมันควักน้องชายผมออกมาเตรียมจะก้มลงไปดูด แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรจู่ ๆ เสียงเคาะประตูกระจกก็ลั่นขึ้นรัว ๆ ดังจนเราทั้งคู่สะดุ้งสุดตัว !


ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก



“เปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยนะมึง กูรู้ว่ามึงอยู่ในนี้ !!!”



หันไปก็เจอไอ้เฮียเตี้ยยืนมองมาจากด้านนอก เรามองมันสลับกับหันมามองกันอยู่สองสามรอบ จนถึงตอนนี้มันยังไม่เลิกทุบกระจกเลยด้วยซ้ำ อึ้งอยู่นาเป็นนาทีพอตั้งสติได้ผมก็รีบลนลานผลักอกให้โนบิตะให้ออกห่างทันที


ดูมันจะหัวเสียมากกว่าที่คิด เพราะเมื่อผมดันมันออกจากตัว โนบิตะมันก็จัดเสื้อผ้าตัวเองแล้วเดินไปกระชากประตูให้เปิดออกอย่างแรง แม่งไม่ถามสุขภาพกูเลยซักคำ ไม่ได้ให้สัญญาณอะไรเลยทั้งที่กูอยู่ในสภาพกึ่งเปลือยแบบนี้ !


คือ...ตอนนี้กูก็ยังอยู่ในสภาพไม่ใส่กางเกงไหม ?
ทำอะไรคิดถึงสังคมบ้างสิโว้ย!!!!


“มีอะไรครับเฮีย”

 
มันถามขึ้นเสียงเรียบทันทีที่ไอ้เฮียชะโงกหน้าเข้ามา ในใจผมนึกอยากจะด่าไอ้เตี้ยนี่ที่ช่างไม่รู้กาลเทศะ แต่พอมองหน้าตาหงุดหงิดอารมณ์เสียของเก้าผ่านกระจกเงาสีดำนั่นแล้วก็นึกสงสารไอ้บ้าเฮียขึ้นมาตะหงิด...นี่มันจะรู้ไหมว่ากำลังเผชิญหน้ากับจอมมารเข้าให้แล้ว


“เปล่ากูแค่จะมาบอกว่าอย่าให้ชานมันจ่าย—อ้าวพิก...นี่มึงเข้ามาทำอะไรในนี้เนี่ย”


ยังดีที่ตอนมันโผล่หัวเข้ามาแล้วมีประตูกั้นไว้ ทำให้ผมมีเวลาใส่กางเกงทั้งที่ไม่มีกางเกงในประมาณเกือบสามวินาที ไอ้เฮียเสหน้าออกจากไอ้โนบิตะที่ยืนพิงอยู่ตรงกรอบประตู ก่อนจะเดินเข้ามาหาผมที่นั่งเม้มปากไขว่ห้างบังกระดุมกางเกงที่ไม่ได้กลัดเอาไว้


“อ๋อ...กูเข้ามาเอาของ เดี๋ยวจะไปแล้ว...เอ้อ งั้นกูไปก่อนนะโนบิตะ บาย...”

 
คือท่าทางของผมตอนนี้ดูยังไงก็มีพิรุธ แต่เห็นมันคุยกันสนิทสนมแล้วก็ยิ่งไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอ ผมรีบก้าวอาด ๆ พยายามจะแทรกตัวผ่านมันทั้งคู่ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินออกไปจากวงกบประตู ไอ้เฮียเตี้ยก็เรียกผมเอาไว้ด้วยน้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกอารมณ์


“เดี๋ยวสิ...พิก อย่าเพิ่งไป”


ผมหันขวับไปหามันที่เบี่ยงตัวเข้าไปอยู่ในห้องตอนที่ผมแทรกตัวออกมา ไอ้เฮียยืนยิ้มแล้วชี้มือไปทางโซฟา บางอย่างที่เด่นหราอยู่บนนั้นทำเอาผมหน้าแห้ง... 


“กูว่ามึงลืมของว่ะ”


มันหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นผมตาโต มองตามมือมันไปก็ต้องอุทานใจเสียงดังว่า... ไอ้เหี้ยเอ้ย! ลืมอะไรไม่ลืม กูลืมกางเกงในไว้ตรงนั้นได้ไงวะ!!


ผมรีบวิ่งไปปัดกางเกงในให้ตกลงลงจากโซฟาทันที ก่อนจะยืนเม้มปากมองมันที่นอนหายใจรวยรินเป็นเลข 8 เหมือนกับใบ้หวยอยู่บนพื้น ได้ยินเสียงหัวเราะเสียดหูที่ดังขึ้นลั่นห้องกระจกแล้วใจก็เหี่ยวแฟ่บ... ต่อจากนี้กูจะมองหน้าคนอื่นยังไง ไม่ต้องเอาคอไปไว้ที่ตีนเลยหรอ ?


“นี่พวกมึง...แน่ะ ๆ ๆ ๆ ๆ”


ไอ้เฮียเตี้ยพอเห็นผมพูดอะไรไม่ออกก็ตะโกนแซวซะใหญ่โต มือไม้ของมันชี้โบ้ชี้เบ้มาทางผมกับเก้าที่ยืนนิ่งเหมือนหุ่นหิน กูจะบ้าตาย ให้คนอื่นรู้ก็ไม่ได้ ทำไมต้องให้ไอ้บ้านี่เป็นคนรู้ด้วยวะ


แล้วท่าทางมันจะไม่โง่เหมือนไอ้ชานด้วย...กูต้องพูดยังไงมันถึงจะเชื่อว่าเราสองคนไม่ได้คบกันล่ะ !


เอ๊ะเดียว...ไม่ใช่คบ คือกูไม่ได้คิดจะคบกับโนบิตะ...ไม่ดิ ไม่ใช่ แค่นอนน่ะ นอน แค่นอนด้วยกัน ไอ้บ้าเอ้ย มาคิดมากอะไรตอนนี้วะเนี่ย!!!


“หุบปากได้แล้วครับคุณใหญ่...ถ้ายังไม่เลิกทำหน้าทำตาอย่างนั้นผมจะเดินออกไปบอกผู้จัดการว่าโต๊ะคุณกินฟรี ไม่ต้องจ่าย” 


เงียบ...ได้ผลชะงัด  เชื่อเขาเลยว่าเป็นคนกระเป๋าหนักจนต้องการระบายออกอย่างแรง ไอ้เฮียหน้าถอดสีไปเลยเมื่อได้ยินว่าโนบิตะจะทำยังไงกับมันถ้ามันยังไม่เลิกทำหน้าตาล้อเลียนอย่างนั้น... ว่าแต่ไอ้เฮียนี่ชื่อจริงๆคือคุณใหญ่หรอวะ...เออ กูไม่สงสัยแล้วว่าทำไมมันชอบให้คนอื่นเรียกเฮีย แม่งตัวเตี้ยอย่างกับหมาปั๊ก ชื่อใหญ่คงจะไม่เหมาะกับไซส์ตัวมันเท่าไหร่...


“เฮ้ย...อย่ามาทำเป็นขู่ ถ้าร้านนี้ฟรี กูหาไปจ่ายร้านอื่นก็ได้”


“งั้นผมจะให้ผู้จัดการไปบอกร้านอื่นในละแวกนี้ให้หมดว่าถ้าคุณใหญ่ไปกินให้กินฟรีตลอดชีวิต...เลือกเอาว่าจะเสี่ยงไหม ? คุณก็น่าจะรู้ดีนี่...ว่าเขตนี้ร้านไหนมีอำนาจที่สุด ?”


“...”


น้ำเสียงเย็นเยียบของโนบิตะกับสีหน้าซีดเผือดของไอ้เฮียใหญ่เกือบจะทำให้ผมขนลุกซู่แล้ว ฉากตรงหน้ามันคล้าย ๆ กับฉากมาเฟียกำลังขู่ลูกหนี้ในหนังไม่มีเพี้ยน แตกต่างอย่างเดียวก็ตรงแม่งเสือกขู่กันเรื่องที่จะไม่ยอมให้จ่ายตังค์หลังกินเสร็จนี่สิ...


นี่กูอยู่ในส่วนไหนของโลกใบนี้หรือ... เกิดมาไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาเจอกับคนเพี้ยน ๆ อย่างพวกแม่งเนี่ย...


จะบ้าตาย...


“ก..กูขอโทษ ขอให้กูจ่ายให้มึงเถอะนะ ”  สีหน้าท่าทางที่ดูเหนือกว่าเมื่อครู่หายวับไปพริบตา ไอ้เฮียใหญ่ดูผิดหวังและเศร้าใจมากเมื่อเก้ายังคงปั้นหน้านิ่ง ๆ ใส่มัน “นะ ละแวกนี้ร้านมึงใหญ่สุดแล้ว ขอให้กูได้จ่ายตังค์ให้มึงเถอะ ขอร้อง”


“....แต่คุณต้องสัญญามาก่อนว่าจะไม่ล้อพิกอีก ไม่ว่าจะที่ไหน หรือเมื่อไหร่ ?”


ไอ้เฮียใหญ่หันขวับมาหาผมทันที มันเม้มปากแล้วพยักหน้ารัว ๆ


“โอเค กูสัญญา...กูจะไม่ล้อมึงอีก ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นกูไปก่อนนะ กูกลัวมึงเปลี่ยนใจไม่ให้กูจ่ายอะ”


“รีบเถอะครับ ก่อนที่ผมจะหงุดหงิดมากไปกว่านี้” เก้าตอบเสียงเรียบ แล้วเดินเปิดประตูอ้ารอการจากไปของอีกคนอย่างใจจดใจจ่อ


“อือ งั้นกูไปก่อนนะ...พิก บายนะมึง ไว้เจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการ”


หันมาล่ำลาจนสนแกใจไอ้เฮียใหญ่ก็รีบสาวเท้าออกไปก่อนที่ไอ้โนบิตะจะหงุดหงิดตามที่ขู่ขึ้นมา อันที่จริงผมก็ไม่เห็นว่าที่มันขู่จะน่ากลัวเลยซักนิด ไอ้ที่มันขู่ผมยังดูน่ากลัวซะกว่า เล่นเอาผู้หญิงบนหิ้งมา ใครล่ะจะกล้าหือ


“ผมล็อกประตูปิดม่านให้แล้ว...มาต่อกัน”


ดูท่าทางมันคงจะหื่นจริง ล็อกห้องปิดม่านเสร็จก็เดินตรงดิ่งมาหาผมที่ยืนงงทำตาปริบ ๆ ไม่ใช่อะไรนะ แต่คือกำลังงงไง ว่าสรุปมันยังจะมีอารมณ์เอาต่ออีกหรอ ?


“กูไม่มีอารมณ์ละ หายเฮิร์ทแล้วด้วย...”   


ผมก้มลงมองน้องชายตัวเองที่ห่อเหี่ยวคามือ แหงล่ะ เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมา ใครมีอารมณ์จะทำต่อได้ก็แปลกแล้ว


แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ คนตัวสูงกว่าก็นั่งลงยอง ๆ ตรงหน้า มันปัดมือผมที่กุมน้องชายตัวเองไว้ให้เลื่อนออกจากกลางลำตัว ก่อนจะรั้งกางเกงแล้วรูดทีเดียวถึงข้อขา


“ไม่เป็นไร ผมจะปลุกให้เอง”   


ไม่รู้ว่ามันกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า ? รู้แต่ว่าพอเห็นมันช้อนตามองจากข้างล่างแล้วก็เริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมาแปลก ๆ ตามขึ้นมาซะได้ หมู่นี้ผมว่าตัวเองชักจะหมกหมุ่นเกินไปแล้ว แค่โดนกระตุ้นนิด ๆ หน่อย ๆ ไอ้ท่อนวิเศษตราพิกน้อยก็ผงกหัวตื่นขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย


“...ซี๊ด...มึง...”


ผมสูดปากเหมือนกินของเผ็ดเมื่อไอ้เก้าจับน้องชายผมให้ตรงกับริมฝีปากมันแล้วครอบครองทีเดียวจนมิดด้าม เรียกว่าลีลามันยังร้อนแรงไม่มีตก ไม่อยากจะอธิบายเลยตอนที่มันใช้ลิ้นรูดเอาตั้งแต่โคนมาจนปลาย มันเสียวจี๊ดไปทั้งไปทั้งตัวจนแทบยืนต่อไม่ไหว


“มึง...ดูดเบา ๆ อย่าแรง...กูเจ็บ”


ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันไปเอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหน พอไล่ไอ้เฮียไปได้มันก็สูดปากดูดแรงจนน้องผมน้ำตาเล็ด พยายามกลั้นก็แล้ว อดทนก็แล้ว แต่ก็ยังสู้ฤทธิ์ลิ้นกับท่าไม้ตายที่มันเอาฟันครูดไม่ได้ โนบิตะถอนปากออกแล้วเงยหน้ามองผมด้วยสายตานิ่ง ๆ นาทีนี้ยิ่งไม่แว่นบดบัง ยิ่งทำให้ผมเห็นหน้ามันได้ชัดเจนมากกว่าเดิม


“มีอารมณ์ขึ้นมาบ้างหรือยัง ?”


จะเรียกไอ้สิ่งที่มึงกำลังทำว่ายังไงดี ? ไอ้ที่มันพยายามปลุกผมให้ตื่นโดยการใช้ปากทำให้อย่างรุนแรง แถมยังเลื่อนมือมาขยำก้นจับแหวกแล้วแทรกนิ้วเข้ามาลูบวน ๆ จนมันสั่น ขมิบถี่ ๆ แบบนี้นี่เรียกว่ามีอารมณ์แล้วได้ไหม?...


ผมได้แต่เสหน้าไปมองทางอื่น จะให้ยอมรับว่ามีอารมณ์เพราะลีลาของมันแล้วก็ใช่ที่ ใจนึงก็ อยากแต่อีกใจก็ยังอาย จะให้หน้าด้านทำพยักหน้ายอมรับง่าย ๆ ก็ไม่ใช่เชี่ยพิกสิวะ !


ผมเม้มปากปิดสนิท ไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากจะยอมรับว่าเริ่มตื่นตัวขึ้นมาแล้วนิด ๆ (?) เห็นอย่างนั้นมันก็ผละออกมาจ้องหน้าผมนิ่ง ๆ ยังจะจ้องกูอยู่อีก อยากทำอะไรทำไมไม่ทำให้เสร็จ ๆ เหมือนทุกทีล่ะวะ แม่งเอ้ย !


“ไม่ตอบ...สงสัยจะยัง” 


โนบิตะพูดด้วยโทนเสียงเย็นเยียบก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง มันทำท่าจะเดินไปที่โต๊ะทำงานทั้ง ๆ ที่มือและปากยังคงเลื่อมไปด้วย...อะไรต่อมิอะไรของผม โอ้ย ! อย่าบอกนะว่ามึงงอน ไอ้ชิบหาย ใครควรจะงอนกันแน่วะในสถานการณ์แบบนี้เนี่ย!!


“ดะ...เดี๋ยว!”


กูล่ะเบื่อตัวเองเป็นบ้า ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะ! ว่าที่เอื้อมมือออกไปรั้งชายเสื้อมันไว้ ไม่ใช่เพราะกระเหี้ยนกระหือรืออยากให้มันทำต่อ... แต่เพราะสีหน้ากับแววตาของมันที่มองมานิ่ง ๆ ไม่บ่งบอกอารมณ์ต่างหาก ไม่ชอบโดนมองอย่างนั้นน่ะ เข้าใจไหม? ไม่ชอบรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองทำผิดซะเต็มประดา


“อะไร”  มันหยุดอยู่นิ่ง ๆ แล้วเอี้ยวหน้ากดสายตามองต่ำ


ยังจะถามอีกว่าอะไร...โอ้ย ไอ้ชิบหายยยยย 


“กู...กู...”


นาทีนนี้ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ถอนหายใจบ่นว่าเกลียดตัวเองเป็นรอบที่ล้าน  ยังไงล่ะพิก พอเค้าหันกลับมาแล้วก็พูดไปซิวะ บอกแม่งไปเลยว่า ‘จะทำอะไรก็ทำ’ 


“ถ้าไม่พูดผมจะไปทำงานต่อแล้วนะครับ”


“กู..เอ่อ...”  คำพูดแม่งคาอยู่ที่ปากนี่เอง แต่พูดไม่ได้ ไม่รู้จะพูดยังไง อายโว้ย! ไม่เข้าใจรึไง!


“พิก...” ผมมองมันที่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วเลื่อนมือลงมาปัดมือผมออก... “อย่าทำแบบนี้...คุณไม่มีอารมณ์ ผมก็ไม่ทำอะไรคุณแล้วไง ยังไม่พอใจอีกหรอครับ”


“...”


“หรืออยากกลับ? ถ้าอยากกลับก็บอกดี ๆ เดี๋ยวผมจะให้พี่เกื้อไปส่ง”


ให้ตายเหอะ ผมชักจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว มันคิดว่าตัวเองมีอารมณ์คนเดียวหรอวะ คิดว่าที่คนอื่นเค้าเอาแต่พูดว่าไม่ โง้นงี้งั้นเพราะไม่อยากทำหรอวะ ก็กูเป็นผู้ชายไง มึงน่ะเอากูเป็นคนแรก แล้วจะให้กูพูดออกมายังไงว่าชอบจัง รู้สึกดีนะ เอาอีกสิ งี้หรอ


อารมณ์เสียเป็นคนเดียวหรือไงวะ โลกนี้มีตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางรึไง ! 


“โอเคถ้าไม่ตอบ งั้นเดี๋ยวผมจะโทรเรียก--”


“กูอาย...”   



(มีต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ กิมกวง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 12 (23/09/2558) P.4
«ตอบ #118 เมื่อ23-09-2015 10:59:33 »

ทันทีที่โพล่งออกไป โนบิตะก็ชะงักคำพูดที่กำลังจะออกจากปากมันทันที  ตอนนี้ผมไม่ได้มองที่ไหน ไม่ได้มองเพดาน พื้น หรือมองผ่านตัวมันไป...


แต่ผมกำลังจ้องมันกลับ... จ้องมันด้วยสายตาที่ทำให้มันต้องเบิกตามองผมอย่างไม่เข้าใจ


“กู...ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำ...แต่มึงเอาแต่ถามซักไซ้กูอยู่ได้ อยากทำอะไรก็ทำเลยสิวะ อย่าถาม! กูอาย ไม่เข้าใจหรอ ที่พูด ที่ปฏิเสธเป็นวรรคเป็นเวรนั่นกูอายชิบหาย อายเป็นบ้า ไม่เห็นหน้ากูหรอ แดงจนจะเขียวแล้วไอ้เหี้ยเอ้ย ! แล้วมึง...งอนเหี้ยอะไรนักหนาวะ!  มึงควรเป็นฝ่ายที่จะงอนกูหรอ มึงมีสิทธิ์อะไรมางอนกูทั้ง ๆ ที่มึงก็บังคับกูมาตลอ---อื้อ!!!”


โดยไม่ปล่อยให้ผมได้ระบายทุกอย่างในใจออกมาจนหมด ฟังไม่ทันจบโนบิตะก็ย่อตัวมาหาแล้วล็อกหน้าผมไว้ เราต่อสู้กันด้วยสายตาไม่ถึงสามวิในใจ มันก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วบดจูบอย่างแรงจนผมต้องเอนตัวหนี


“งั้นก็อย่าพูดว่าไม่  ห้ามพูดอีก เพราะถ้าพูดผมจะทำโทษให้หนัก จะเอาให้คลานไปเรียนเลย...เข้าใจไหมครับ”


น้ำเสียงมันฟังดูอ่อนโยนขึ้น และนั่นทำให้ความรู้สึกแย่ ๆ ในใจผมคลายไป... ว่าแต่ทำไมหายหงิดง่ายขนาดนี้วะ ทั้งที่เมื่อไม่กี่สิบนาทีก่อนกูยังเฮิร์ทเรื่องพี่พลอยอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้โล่งใจขึ้นมาง่าย ๆ เพียงแค่ไอ้โนบิตะมันกลับมาใช้น้ำเสียงอ่อนโยนพูดด้วย...


สมองกูกลับไปแล้วหรือยังไง...


“ถามว่า...เข้าใจไหมครับ? พิก”


มันถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผมเงียบไป เงียบนี่คืออายไม่อยากตอบนะอยากให้เข้าใจ...แล้วก็ดูเหมือนมันจะเข้าใจด้วยเว้ย พอเห็นผมเม้มปากเข้าหากัน มันก็ยิ้มมุมปากแล้วจับผมเอนลงกับเบาะโซฟา


“โอเค เข้าใจแล้ว”


นานเป็นชาติกว่าจะตัดสินใจตอบได้ ก็คนมันอายชิบหาย จะให้ทำไงวะ ?  ผมเม้มปากเข้าหากันอีกรอบ นอนมองมันที่เลื่อนมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อตัวเอง โนบิตะไมได้พูดอะไรแล้วตอนนี้ มันเอาแต่ยิ้ม ยิ้มแล้วมองหน้าผม แล้วสลับกับมองเสื้อตัวเอง ผิวขาว ๆ กับกล้ามหน้าท้องมันที่กระเพื่อมเข้าออกอยู่ตรงหน้าทำให้ผมอยากปิดหน้าหนี... โอ้ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย กูควรจะใจเต้นเพราะเห็นนมขาว ๆ แทนที่จะเป็นลอนกล้ามสิโว้ย !!


“ช่วยปลดหน่อย”


ในหัวไอ้พิกตอนนี้มีแต่ความชิบหายเมื่อโนบิตะจับมือผมไปแปะอยู่บนเข็มขัดกางเกง มันพูดเสียงเบา แต่ดังก้องไปทั้งหู ไม่รู้จะทำไงเลยได้แต่หลับหูหลับตาช่วยมันปลดกางเกงทั้งที่อายแทบตาย


“คุณดูสิพิก...” พอปลดกางเกงเสร็จ โนบิตะก็เอื้อมมือมาจับแขนผมแล้วบังคับให้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน มันจับท้ายทอยผมแล้วกดต่ำให้มองน้องชายตัวเองที่คับพองเต็มกางเกง “มันจะแย่แล้ว ช่วยมันหน่อยครับ”


อี...อีชิบหาย !


นึกออกแต่คำนี้เลยเมื่อได้ยินมันกระซิบกระซาบเสียงแผ่ว  ได้แต่มองหน้ามันอึ้ง ๆ ขณะที่มันยังไม่ยอมหุบยิ้ม มันทำเหมือนกับเหนือกว่าผมมากทั้ง ๆ ที่ประโยคนั้นเป็นเชิงว้อนวอนผมด้วยซ้ำ !


จะเอางี้ใช่ไหม...ได้ ได้เลย ! พี่พิกจัดให้เลยครับน้องแว่น!


“อะ...”


เสียงครางเบาหวิวนั่นไม่ใช่ของผมหรอก แต่เป็นของไอ้โนบิตะที่โดนจับน้องชายเป็นตัวประกันต่างหาก เป็นไงล่ะ เจอหัตถ์เทวะของเทพพิกเข้าไปหน่อยถึงกับสูดปากเหมือนคนกินของเปรี้ยวเลย  ก็ไม่อยากจะคุยนะ แต่แฟนทุกคนที่ผ่านมาชอบบอกว่ามือผมน่ะอบอุ่นเหมือนเตาไมโครเวฟ ก็เดาเอาแล้วกันว่าโนบิตะคุงมันจะทำหน้ายังไงในตอนที่ผมช่วยเค้นน้ำตาจากน้องชายมันอยู่


“อืม...ดีครับ”


ตอนนี้มันโถมลงมาหาผมทั้งตัวแถมยังสีหน้าขากับท้องผมอีก ปากนี่ไม่ห่างจากหูผมเลย พูดคำนึงก็งับทีนึง ทำตัวเหมือนหมาบ้า...ไม่รู้ขาดวัคซีนมากี่เดือนแล้ว เวลามีอะไรกันถึงได้ชอบกัดชอบงับอย่างกับว่าผิวของผมเป็นพลาสติกจะไม่รู้สึกเจ็บยังไงอย่างงั้น


แต่จะว่าไปก็เหมือนจะเข้าใจมันขึ้นมาหน่อย ๆ พอผมใช้นิ้วกรีดเบา ๆ ที่โคนมัน เก้าก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมาทำหน้าทำตาใส่ ตลกดี แต่ก็แอบอุ่นมือนิด ๆ เวลามันทำหน้าเสียวนี่ก็น่ารักดีไม่หยอกเหมือนกันเว้ย... สงสัยต้องเร่งมือหน่อยแล้ว


“พอก่อน พิก...พอก่อน”


“อะไร ไหนบอกให้ช่วยไง”


เก้าเลื่อนมือลงไปจับที่ข้อมือผม แล้วยื่นหน้ามาฟัดจูบแรง ๆ ที่ต้นคอ เลื่อนขึ้นมาที่สันกราม ก่อนจะเป่าลมร้อนเบา ๆ ที่ใบหูข้างขวาของผม


“พอก่อน...ไปด้วยกัน”


ทีเวลาอย่างนี้ล่ะทำออดอ้อนได้ เวลาเอาแต่ใจล่ะไม่เคยฟังคำขอร้องกู แต่ก็เอาเหอะ เห็นแก่สีหน้าเอ็กซ์ ๆ ของมึงที่มองกูตาฉ่ำขนาดนี้นะ จะหยุดมือให้ก็ได้...


“ไปด้วยกันนะ ?”


ไม่รู้ว่าใครเอาอะไรให้มันกิน หรือเพราะว่ามันเห็นใจที่เห็นผมเศร้าซึมเรื่องพี่พลอย ไอ้เก้าถึงได้ดูอ่อนโยนผิดปกติ ตอนนี้มันดูทะนุถนอมผมมาก พอหยุดมือปุ๊ป มันก็ดึงแขนผมแล้วจับพลิกตัวให้ไปนอนบนตัวมันปั๊บ มองตากันอยู่สามสี่วิก็จูบปากแลกลิ้นก็เหมือนปกติ แต่ประหลาดหน่อย ๆ ตรงที่มันค่อย ๆ เล็มไปทั่วแก้มผม แล้วใช้จมูกคลอเคลีย สูดกลิ่นฟุดฟิดเหมือนหมาดมกลิ่นเจ้านาย


ตอนนี้มือของมันกำลังเลื่อนเข้ามาในเสื้อของผม เก้าลูบไล้ไปทั่วทั้งหลังแล้วใช้มือเดียวเกี่ยวออกก่อนจะยื่นปากมาจูบเบา ๆ ที่แผ่นอก สายตาของมันที่ตวัดมองขึ้นมาทำให้ใจผมสั่นแปลก ๆ มันไม่เคยมองผมด้วยสายตาแบบนี้ ไม่เคยทำอย่างนี้ กระทั่งการจูบเบา ๆ ที่หน้าอกด้านซ้าย...


จะบ้าตาย..ทำอย่างนี้ทำไมวะ


“พิก...คิดอะไรอยู่”


มันถามทั้งที่ยังคลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ หู ก่อนจะพลิกตัวกลับขึ้นมาคร่อมแล้วก้มลงมาฟัดจูบอีกรอบ... เอาจริง ๆ วันนี้แทบจะนับไม่ถ้วนแล้วว่ามันจูบผมไปกี่ครั้ง แต่ที่รู้ ๆ คือใจกูเต้นแรงเพราะมึงมาสองสามครั้งแล้ว...


นี่มันจะมากเกินไปแล้ว !


“...เปล่า”


ผมตอบพลางเสหน้าไปอีกทาง ไอ้เรื่องอายไม่อายนี่ก็ยอมรับไปแล้วไง แต่ไม่อยากจะยอมรับตัวเองว่าใจเต้นขึ้นมาเวลามันทำดีใส่ ตอนนี้ผมเหมือนเด็กหลงทางที่ไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่วกันแน่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เราเอากันมันคืออะไร มันสมควรหรือไม่เท่านี้ก็ยังนึกไม่ออก...


“อ....อืม...”


ผมกัดปาก พยายามไม่เกร็งตัวเมื่อมันจ่อของร้อนเข้าที่ช่องทาง เห็นว่าผมไม่ต่อว่าอะไรโนบิตะก็จับสะโพกผมให้แอ่นเข้าไปหา แล้วทำหน้าตึงหน้าเครียดเมื่อช่องทางของผมไม่รับของใหญ่ของมันเลยแม้แต่น้อย


“กู...เจ็บ” ผมขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เมื่อปลายหัวของเก้าผลุบเข้ามาด้านใน รู้สึกได้เลยว่าตรงนั้นมันตอดตุบ ๆ เหมือนกับจะฉีก แต่แทนที่อีกฝ่ายจะรีบร้อนเหมือนทุกครั้ง เก้ากลับถอนมันออกแล้วใช้นิ้วนวดคลึงเบา ๆ ที่บริเวณปากทางแทน


“ตรงนี้ของคุณมันนิ่มอยู่แล้ว....” มันพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับถมน้ำลายรดลงบนมือตัวเอง ผมหรี่ตามองมันที่ทำสีหน้าอ้อนวอนก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อมันส่งนิ้วเข้ามาด้านในข้อนึงโดยไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัว “ขอโทษนะพิก...อดทนหน่อยนะครับ ได้โปรด ผมจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน” 


“แต่...” ผมยื่นมือไปจับไหล่มันแล้วดันออกเบา ๆ  เห็นสีหน้าเว้าวอนสุดฤทธิ์ของมันแล้วก็รู้สึกผิดถ้าจะพูดว่า ‘ไม่’ อีกรอบ...


“นะครับ...”


ผมล่ะเกลียดมันก็ตรงนี้...
เกลียดที่มันรู้ว่าจะทำยังไงให้ผมยอม แล้วมันก็ทำอยู่อย่างนั้นซ้ำ ๆ จนผมหาทางออกไม่ได้
เกลียดว่ะ...กูเกลียดมึงชิบหายเลย โนบิตะ...



“ก็ได้...”


สิ้นเสียงผมมันก็จับข้อพับขาทั้งสองข้างขึ้นพาดบ่าตัวเอง เก้าค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาช้าแล้วถอนออกช้า ๆ ทำอย่างนั้นอยู่ซ้ำ ๆ จนรู้สึกได้ว่าความร้อนมันแผ่ซ่านไปทั่ว นาทีนี้ผมไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้ามันแล้ว ไม่ใช่ไม่อยากรู้ว่ามันทำหน้ายังไงอยู่ แต่แค่กลัวว่าหัวใจตัวเองจะเต้นแรงไปกว่านี้


แค่นี้ก็แทบจะน็อคเอ้าท์...แทบจะถึงอยู่รอมร่อทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เอื้อมมือไปแตะต้องอะไรของตัวเองเลยแม้แต่น้อย...


“อะ...อะอะ...” 


ยิ่งมันสวนตัวกระแทกเข้ามาเน้น ๆ ทุกจังหวะที่หนักหน่วงทำให้ผมต้องเกร็งเท้าจนแทบเป็นตะคริว ได้แต่ร้องครางออกมา แล้วกลั้นหายใจแอ่นตัวรับจังหวะรุกเร้านั้นจนหลังไม่ติดเบาะ เก้ากระแทกเข้ามาถี่บ้าง หยุดบ้าง แรงบ้างสลับกันทำให้ผมเดาทางไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงเมื่ออยู่ในสถานการณ์อย่างนี้


“พิก...ลืมตา มองหน้าผม”


มันหยุดขยับแล้วจับแก้มผม เสียงของมันแผ่วมากจนผมต้องหรี่ตามองมันเหมือนกลัว...


“ขยับเอง...ได้ไหม...”


แล้วสิ่งต่อมาที่มันปฏิบัติก็ทำให้ผมต้องใจเต้นแรงอีกครั้ง เก้ายกขาผมออกจากไหล่ ก่อนจะรวบให้อยู่คู่กันแล้วจับเท้าผมแนบอกของมัน...


อกที่สัมผัสได้ถึงแรงเต้นของหัวใจ...ถี่จนแทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว...


“นะ...”


“กู...” ผมส่ายหัวไปมา แต่ก็ต้องหยุดส่ายแล้วเบิกตาโพลงเมื่อมันก้มลงจูบเท้าของผมอย่างทะนุถนอม


“นะครับ”


เหมือนเจอค้อนอันใหญ่เท่าบ้านทุบหัวอย่างแรง... นาทีนี้สมองผมมันตื้อไปหมด ไม่ได้ยินอะไรเลยจนกระทั่งรู้สึกได้ว่าขยับตัวไปเอง โนบิตะผ่อนลมหายใจออกมาแรง ๆ มันขยับตัวให้ตรงก่อนจะกระแทกสวนผมที่ถีบอกมันแล้วไสตัวเข้าหาอยู่อย่างนั้น


จะเรียกว่านี่เป็นการร่วมรักก็ไม่ใช่ แต่มันอ่อนโยนจนผมสัมผัสได้ วันนี้โนบิตะมันดีกับผมมาก ไม่รู้อะไรเลยจนกระทั่งมันให้ผมเริ่มขยับเอง ถ้าให้เดาก็คิดว่ามันคงกลัวผมเจ็บไปนี้...เพราะก่อนหน้านี้มันเจ็บจนน้ำตาซึม ๆ ออกทางหางตา...


ไม่แปลกเลยที่พอเริ่มขยับเองอีกครั้งมันไม่เจ็บขนาดนั้น เมื่อเราเริ่มจับจังหวะเข้าหากันได้ โนบิตะก็โถมแรงเข้ามาอีก คราวนี้ลึกจนผมต้องผวาตัวเอื้อมกอดคอมันไว้ เก้าขยับถี่ ๆ กระทุ้งเนื้ออ่อนด้านในอยู่สองสามที มันรอให้ผมใกล้เจียนจะถึงก่อนจะถอนตัวแล้วกระแทกเข้ามาแรง ๆ อีกที...


 “วันนี้ผมปล่อยนอกให้...คุณจะได้ไม่ลำบาก”


พูดจบมันก็ทำท่าจะถอนตัวออกมาอย่างไว แต่ก็ไม่รู้ว่าผีห่าซาตานตัวไหนดลใจ...ผมถึงได้เอื้อมมือไปคว้าต้นแขนมันไว้...


นาทีนั้นผมจ้องตามัน กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่...และ...


“ไม่เป็นไร...ปล่อยข้างในนี่แหละ”


“...”


“กู...ไม่เป็นไรจริง ๆ”

_______________________________________________________
TBC


สาแก่ใจไหมล่ะ อิอิ 59 หน้า
พาร์ทนี้ โนบิตะเค้าฟุ้งฟิ้งกิงก่องแก้วไหมคะ


แอ๊ะ ๆ มีรูปพิกกับเก้ามาอวด ฉากนี้ในล็อกเกอร์ตั้งแต่พาร์ทแรก ๆ เลย คงจำกันได้เนอะ

 

เปิดโหวตพระเอกดีกว่า อิอิ

เลือก #ทีมโนบิตะ กด 1
เลือก #ทีมซูเนโอะ กด 2

ว่าจะไม่เขียนเหมือนในฟิค มาโหวตกันน้า เลิฟ <3
 

ออฟไลน์ Smirnoff

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: ♦ NOBI NOBI ♦ ตอน 12 (23/09/2558) P.4
«ตอบ #119 เมื่อ23-09-2015 12:10:32 »

มาไวเคลมไว งิ้งงง ตอนนี้เค้าหวานกันจังแกกก ปากแข็งทั่งคู่เลออออ
ปล. รูปน่ายักกกก รักร้อนหลังลอคเกอร์ อิ้อิ้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด