16
GIANT’s PART
หลังจากเล่นน้ำทะเลจนเหนื่อยตัวเปื่อยไปครึ่งค่อนวันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเห็นไอ้โนบิตะถอดเสื้อลงมาเล่นน้ำด้วยกัน แหงล่ะ เพราะถึงแม้ผมกับไอ้เฮีบจะรู้ตัวจริงของมันแล้ว แต่ในที่นี้ก็ยังมีไอ้ชานอีกคนที่ยังมองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของมัน
“เฮ้ยพิก ส่งถ้วยน้ำจิ้มตรงนั้นให้กูหน่อย”
เสียงโหวกเหวกโวยวายตามประสาคนพูดเบาไม่เป็นอย่างไอ้เฮียดังขึ้นเป็นรอบที่สามบนโต๊ะ เย็นวันนี้พวกเราตกลงกันว่าจะกินมื้อค่ำเป็นกุ้งทะเล และหมึกยักษ์ตัวโต ๆ ให้หนำใจ แกล้มด้วยเบียร์เย็น ๆ ที่ผมกับไอ้ชานขี่มอไซค์ออกไปซื้อด้วยกันจากชาวบ้านในแถบนี้เมื่อตอนบ่าย
“เบียร์ยี่ห้อนี้แม่งต้องแช่เป็นวุ้นนะถึงจะอร่อย...ไว้เดี๋ยวกูพาไปกินเบียร์วุ้นไหมพิก กูรู้จักอยู่ร้านนึง แม่งวุ้นแบบเด้งในปากเลย”
จนถึงตอนนี้ไอ้เฮียก็ยังไม่เลิกแสดงความป๋า มันหันมาให้คำมั่นสัญญากับผมเรื่องเบียร์เสร็จสรรพ ประเด็นคือถามสุขภาพกูซักคำไหม? เดี๋ยวนี้ระบบทาสมันเปลี่ยนผู้นำใหม่แล้ว จากที่ขอแม่ก็ไม่ต้องขอ คือกูต้องเปลี่ยนมาขอไอ้คนที่นั่งหน้าบูดอยู่หน้าจานกุ้งแทน
“ทำไมแดกนักน้อยล่ะวะ” ดูท่าไอ้เฮียจะเป็นห่วงโนบิตะที่เอาแต่มองกุ้งในจาน แต่ส่วนผมเหรอ? พอเห็นอย่างนั้นแล้วก็เหมาไปเองว่า “หรือมึงแกะกุ้งไม่เป็น ?”
“ครับ....”
,มันตอบออกมาง่ายดายอย่างผิดวิสัย เห็นอย่างนั้นแล้วสัญชาตญาณที่ชอบดูแลชาวบ้านก็เหมือนโดนปลุกให้ตื่นขึ้นทันใด ผมเอื้อมมือไปหยิบกุ้งที่อยู่ในจานรวมมาแกะแล้วส่งไปบรรณาการจานไอ้โนบิตะก่อนจะจับหัวกุ้งดูดโชว์ให้ดูเป็นขวัญตา
“โอโห แกะกุ้งเก่งเว้ย ไหน แกะให้กูบ้างสิ”
“แกะแดกเองไปเลยไอ้เตี้ย แดกมาจนเปลือกกองเป็นภูเขาแล้วยังบอกให้กูแกะให้อีก”
ผมก็บ่น ๆ ไปตามประสาแหละครับ บ่นเสร็จเงยหน้าขึ้นมาป๊ะเข้าให้กับสายตาของโนบิตะที่มองมาทางนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ผมรีบเสหน้าหนีทันที ! อยู่ดี ๆ ใจก็เต้นตึกตักจนเจ็บหน้าอก ความรู้สึกตอนนี้เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบหัวใจแล้วเขย่าเช็คเหมือนบาร์เทนเดอร์กำลังผสมเครื่องดื่ม เห็นหน้ามันแล้วก็พาลนึกไปถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน...อะไรทำให้เราจูบกันทั้งที่รวนใส่กัน อะไรทำให้ผมกล้าแข็งข้อกับมันทั้ง ๆ ที่มันแยกเขี้ยวแทบจะกินหัวผมได้แล้ว...
อาจจะเป็นเพราะตัวผมเริ่มจะรู้สึก ‘อะไร’ กับมันขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
มันเริ่มชัดเจนแจ่มแจ้งขึ้นมาเมื่อไหร่วะ... เมื่อไหร่ที่ผมคิดว่าตัวเองอาจจะ ‘ชอบ’ มัน
เมื่อไหร่ที่สายตาของมันมีอิทธิพลกับผมขนาดนี้...
เราจบมื้อค่ำด้วยเบียร์เย็น ๆ ที่สั่งเพิ่มมาจากร้านอาหาร ก่อนจะเริ่มมื้อเหล้าด้วยสุรานอกที่เฮียบอกว่าแอบแฮ๊บมาจากกรุเหล้าของแม่มัน นับว่าเป็นบุญปากจริง ๆ ที่ได้ลิ้มรสกรีนเลเบิ้ลกลั้วกับน้ำแข็งเย็น ๆ ในแก้วพลาสติกที่ซื้อมาจากมินิมาร์ทแถวนั้น ถึงจะแลดูไม่ค่อยให้เกียรติเหล้าระดับนี้ แต่มันก็โคตรจะดีกับใจ ผมนี่ตื่นเต้นจนเฮียยิ้มไม่หุบ มันชงแล้วส่งให้ ทำอย่างนั้นจนรู้ตัวอีกทีผมก็ฟาดไปหลายแก้ว มองไปทางโนบิตะที่ดูสบาย ๆ ไม่ตื่นเต้นอะไรเหมือนแล้วกับเหล้าพวกนี้ก็นึกหมั่นไส้ ให้แพงกว่านี้มึงก็คงจะเคยกินมาแล้วสินะ แค่กรีนเลเบิ้ลสำหรับมันคงธรรมดามาก
พวกเราพูดคุยสัพเพเหระกันอยู่พักใหญ่ก่อนจะตกลงตัดสินใจเล่นเกมทรูออแดร์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฮียเป็นคนอาสาขอดวดเบียร์ที่เหลืออยู่ค่อนขวดจนหมดเพื่อเอามาเล่นเกม ก่อนพวกเราจะย้ายก้นจากร้านอาหารแล้วเปลี่ยนบรรยากาศเป็นโซนพักผ่อนหน้าซอยเข้าบังกะโลแทนแทน
“เฮ้ย เว้นไว้แก้วนึง ไม่ต้องมิกซ์ ขอเพียว ๆ ให้คนที่เลือกแดร์”
มาถึงเฮียมันก็จัดแจงขอจองที่นั่งข้างขวดเหล้าเพื่อเป็นอาสาคนชง แล้วแหม ที่มึงชงมาให้ ใช้285ด้วยนะคะ อร่อยมากเลยให้ตาย คนอะไรแม่งเก่งจัด สามารถเปลี่ยนเหล้าให้กลายเป็นรสน้ำมันเครื่องก็ได้ด้วย...
ไม่เอากรีนมาเล่นล่ะกูจะแดกให้ยับโดยไม่บ่นสักคำเลย
“ทีหลังไม่ต้องอาสาขอชงเลยนะ ที่มึงชงมานี่...กูไปแดกแฟ้บยังอร่อยกว่า” ผมบ่นอุบ แต่ก็ยังกระดกรวดเดียวหมดเพื่อเป็นการอุ่นเครื่อง
“พูดงี้เสียน้ำใจนะโว้ย...ทำเพื่อนเสียน้ำใจ ปรับแดกเพียวไปเลยคร๊าบ หนึ่งแก้ววว”
พูดไม่ทันขาดคำมันก็ยื่นแก้วเพียวไม่ผสมมิกซ์ห่าอะไรทั้งสิ้นมาตรงหน้า ผมมองลงไปยังมือของมันที่เลื่อนแก้วมา...โอโห นี่มึงกะเอาให้เรื้อนตายคาบ้านพักพรุ่งนี้ไม่ต้องกลับบ้านเลยใช่ไหม !
“หมดแก้ว หมดแก้ว หมดแก้ว”
ไอ้เฮียตะโกนเชียร์นำ ตามด้วยเชี่ยวชาญที่พยักเพยิดหน้าให้ หันไปมองไอ้โนบิตะมันก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่จ้องมาที่ผมแล้วมองผ่านแว่นด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ถูก
ผมกระดกหงส์เพียวรสชาติเหมือนน้ำมันเครื่องรวดเดียวลงคอ มันเจื่อนเสียจนผมต้องเบ้หน้ารีบควานหาแก้วน้ำเปล่าเป็นพัลวัน
“เชี่ยพิก...น้ำ”
“เออ ขอบใจ”
ผมรับแก้วโค้กมาจากไอ้ชานแล้วขอบคุณอย่างขอไปที มันพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือมายีหัวผมเมื่อเห็นว่าผมเอามือปิดจมูกตัวเองแล้วกรอกโค้กลงคออย่างโหดสัส
“แม่ง...จำไว้เลยนะมึง” มีแต่เฮียหัวเราะคิกคักแลดูสนุกสนาน ส่วนผมเหรอ ชี้นิ้วคาดโทษจนแทบจะแยงตามันอยู่แล้ว
“จ้า...แล้วอย่าลืมมาทวงล่ะ”
เออ หัวเราะได้หัวเราะไป เดี๋ยวถึงทีกูเมื่อไหร่พ่อจะเอาให้หัวเราะไม่ออกเลย
แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้นล่ะครับ เพราะเมื่อเราเริ่มเล่นเกมกันอย่างจริงจัง ก็ดูเหมือนหวยจะมาออกที่ผมกับไอ้ชานตลอดเวลา แน่นอนว่าพวกเราเลือกแดร์และต้องแดกเหล้าด้วยความบ้าคลั่งเหมือนคนอดอยาก(ทั้งที่ไม่ได้อยาก)อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่รู้เฮียแม่งแอบเล่นของใส่ขวดเบียร์รึเปล่า เห็นมันเอามาเป่า ๆ แล้วค่อยหมุนจากนั้นก็ แป่วววว...ขวดไม่เคยชี้ไปที่มันแม้แต่ครั้งเดียว
“มึงแม่งขี้โกงอะ ทำไมมีแต่กูกับชานที่โดน...อึก...แดกเหล้าวะ”
สติสตังเริ่มหดหายครั้ง ไม่รู้ทำไมตอนนี้ไอ้เฮียถึงได้มีสองหน้าในหนึ่งร่าง แต่ก็นั่นแหละ! คนโกงก็คือคนโกงสิวะ จะมีสองหน้าในหนึ่งร่างยังไงแม่งก็โกงแน่ ๆ ! โกงกันชัด ๆ !
“เอ้า พูดงี้ได้ไง...” เฮียขมวดคิ้วไม่จริงจัง ไอ้เตี้ยนั่นหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าผมเริ่มเอามือตบหน้าตัวเองให้สร่าง “งั้นเอางี้ไหมล่ะ...ให้มึงเป็นคนหมุนบ้าง จะได้ยุติธรรม”
“โอเคงั้นกูแดร์ชาน เก้า มึงด้วย เลือกอะไร”
“กูแดร์” เพื่อนชานยักไหล่
“ผมแดร์ครับ” โนบิตะตอบแบบขอไปที แล้วหันกลับไปมองท้องฟ้ามืด ๆ ด้านนอกอย่างเดิม
“งั้นกูทรู” ไอ้เฮียตอบยิ้ม ๆ
ผมมองเข้าไปในตามันแล้วเห็นแต่ความสนุกสนาน ลงเอยอีแบบนี้โดนโกงอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะงั้นผมจึงรีบยื่นมือออกไปแย่งขวดเบียร์มาไว้ที่ตัวเอง แล้วจับหมุนให้ตีวงประหนึ่งกำลังแข่งเบลเบลด ศึกลูกข่างสะท้านฟ้า!
ขวดเบียร์ยังคงหมุนเป็นวงกลมท่ามกลางเสียงเชียร์ของไอ้เฮีย ไอ้โนบิตะแทบไม่พูดอะไรออกมาเลยนับตั้งแต่เราเริ่มเล่นเกม แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องยืนยันว่ามันยังคงนั่งอยู่ในวงเดียวกับพวกเรานั่นก็คือเหล้าที่พร่องลงไป มันพร่องชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นปริมาณที่มอมตัวเองอย่างเลือดเย็นเลยครับพ่อแม่พี่น้อง
“เย่!!!!!”
และในที่สุดปากขวดเบียร์ก็หมุนช้าลง ช้าลงเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าผมอย่างไม่ต้องสงสัย นาทีนี้เชื่อเถอะว่าถึงเมาก็ยังถลึงตาทำหน้ากระฟัดกระเฟียดใส่สิ่งของไม่มีชีวิตที่โคตรไม่ยุติธรรมตรงหน้าได้
“ไอ้เหี้ย ได้ไงวะ”
ผมตะโกนลั่น ท่ามกลางความเงียบสงบของทะเลตรงหน้าผมได้ยินเสียงตัวเองสะท้อนกลับมาเหมือนกับจะตอกย้ำว่า ‘กูแพ้อีกแล้ว’ ไอ้ปากขวดเบียร์บ้านั่นสารเลว! ทั้ง ๆ ที่มันหมุนขว้างไปอยู่หยุดอยู่ตรงหน้าไอ้เก้าแท้ ๆ แล้วทำไมยังหันกลับมาที่กูอีกกกก
โลกแม่ง! โคตรลำเอียง!!!!
“แน่ะ...เห็นไหมว่ากูไม่ได้โกง” เฮียหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ มันทำท่าจะเทเหล้าเพียว ๆ ใส่แก้วให้ผมกระดกเหมือนหลายเกมที่ผ่านมา แต่แล้วจังหวะที่ลูกกลิ้งกำลังจะแตะลงบนขอบแก้ว ไอ้เตี้ยขี้อวดก็ชะงักมือค้าง “ไม่เอาดีกว่า...กินเหล้ามันง่ายเกินไป อีกอย่างแค่นี้มึงก็มึนจะแย่แล้ว”
“ไอ้สัด...แล้วจะให้ทำไร ก็ไหนตกลงว่าเลือกแดร์แล้วกินอย่างเดียวไง” ผมชี้หน้ามัน ชักจะเกินไปหน่อยละ คิดจะเปลี่ยนกฎก็เปลี่ยนง่าย ๆ งี้เลยหรอวะ
“ก็มันไม่สนุก อีกอย่างแค่นี้มึงก็เมาจนแทบคลานแล้ว คออ่อนยังไม่เจียมบอดี้อีก” เฮียยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วยกมือขึ้นกอดอก “เอาตามที่กูจะสั่งต่อไปนี้ดีกว่า...”
ใจคอผมเริ่มไม่ค่อยดีละ ตอนที่เห็นมันส่งยิ้มให้เชี่ยชาน ไม่รู้ว่าในใจมันคิดอะไรอยู่ แถมสมองก็มึน ๆ งง ๆ เหมือนมีใครเอานิ้วมากวนจนเนื้อสมองละลายเป็นไอซ์สมูทตี้ แต่ก็นั่นแหละ ตราบใดที่ยังเห็นไอ้เฮียมีสองหน้าในหัวเดียวก็ยังต้องนิ่งเงียบรอมันพิพากษา
“กู...ขอสั่ง” มันเงียบไปอึดใจ คนอื่นทำหน้าเฉย ๆ แต่ผมงี้ลุ้นจนเห็นมันมีสามหน้าแล้ว
“เชี่ยยย พูดมา รีบพูด อย่าให้ทำอะไรทุเรศ ๆ แบบแก้ผ้าลงน้ำนะเว้ย” ผมสวนขึ้นไป ยกมือบีบขมับเพราะนึกภาพตัวเองแก้ผ้าลงน้ำแล้วสยองแปลก ๆ
“เออ ไม่สั่งแบบนั้นหรอกน่า” มันยังคงเล่นตัวด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ “ตื่นเต้นใช่ปะ”
“เออออ เร็วววววววววววว” สัดเด๊ย ผมยกมือขึ้นขยำหัวตัวเอง ในใจมันตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เมื่อเห็นว่าไอ้เฮียหันไปหาเก้าแล้วเลิกคิ้วทำหน้าอ้อล้อ เชี่ยเอ๊ย! ไม่ใช่ว่าจะสั่งให้ผมกับเก้า--
“กูขอสั่งให้มึงจูบกับไอ้ชาน”
จบคำมันทุกสรรพเสียงก็เงียบลงจนคล้ายว่าผมจะเป็นหูหนวก คือ...แม้แต่เสียงลม เสียงคลื่นทะเลที่ซัดสาดเข้าฝั่งผมยังไม่ได้ยินอะคิดดู แล้วนับประสาอะไรกับไอ้ชานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้มันอ้าปากพูดอะไรอยู่ผมยังฟังไม่ออกเลย
“เร็วสิคะพิก แค่จูบเอง...อะไรวะ ป๊อดหรอ”
ได้ยินเสียงไอ้เฮียที่ดังทะลุเข้ามาในโสตประสาทแล้วถึงได้สติ รู้ตัวอีกทีหน้าผมก็โดนดันให้เข้าไปใกล้ไอ้ชานแล้ว ซึ่งดูเหมือนมันจะกำลังตกใจอยู่เหมือนกัน ผมหันไปมองเฮียที่ไม่รู้ว่ามานั่งข้าง ๆ ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งไอ้เตี้ยนั่นกำลังยิ้มให้ผมอย่างผู้กำชัยชนะ
“เร็วซี่ กูกับไอ้เก้ารอจนเหงือกจะแห้งอยู่แล้ว”
มันหัวเราะเอิ๊กอ๊ากแล้วดันหัวผมให้เข้าใกล้ชานยิ่งกว่าเดิม นาทีนั้นผมแอบเห็นแววความไม่มั่นใจจากเพื่อนสนิท สายตาของมันเต็มไปด้วยความลังเล
“เอามือมึงออกไป”
ผมไม่เคยเห็นไอ้ชานพูดกับใครด้วยน้ำเสียงอย่างนี้ ครั้งสุดท้ายคือตอนที่ผมทะเลาะกับไอ้ช้างแล้วมันเข้ามาห้าม แน่นอนว่ามันใช้น้ำเสียงเย็นชาปนหาเรื่องพูดกับเฮีย... ส่วนกับผม มันกลับหรี่ตาลงแล้วถอนหายใจใส่แทน
ใจผมชื้นขึ้นมาอีกนิดเมื่อหันไปมองโนบิตะแล้วมันไม่ได้เบือนหน้าหนีเหมือนตอนที่ได้ยินไอ้เฮียสั่งในทีแรก ไอ้แว่นจืดนั่นมองตรงมานิ่ง ๆ ราวกับกำลังจะวัดใจผมว่าจะผละออกไปให้ห่างชานเมื่อไหร่ แต่ยังไม่ทันจะได้เอนตัวออกห่าง มือใหญ่ของเชี่ยวชาญก็แนบเข้าที่หน้าผมแล้วบังคับให้หันหน้ากลับไปจ้องตากัน
“กูขอโทษนะ...แต่มันเป็นเกม”
จบคำไม่ถึงวินาที ใบหน้าของเพื่อนสนิทก็เคลื่อนเข้ามาใกล้แล้วแนบริมฝีปากแตะกับกลีบปากของผม แน่นอนว่าก้อนเนื้อในอกมันเต้นถี่ราวกับจะหลุดออกมาเด้งนอกอก แต่ที่หนักกว่านั้นคือระหว่างไม่กี่วินาทีก่อนที่เชี่ยวชาญจะผละริมฝีปากออกไป มันก็ยังจ้องกับผมโดยไม่วางตาเลยสักนิด
“เฮ้ย จูบงี้ได้ไง ขี้โกง...จูบกันต้องแลกลิ้นด้วย แลกลิ้น แลกลิ้น แลกลิ้น!”
ผมยังคงนิ่งค้างมองหน้าไอ้ชานด้วยความตกใจ แต่เสี้ยววินาทีแรกเมื่อตั้งตัวได้ผมก็รีบหันไปมองหน้าโนบิตะทันที เรื่องราวมันเหมือนกับวนเข้าลูปเดิมตรงที่เชี่ยวชาญยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกแล้ว แต่คราวนี้มันจับท้ายทอยผมเอาไว้แล้วบดขยี้ริมฝีปากเข้ามาอย่างแรงจนปากผมเผยอ
“อื้อ!” รู้สึกได้ถึงแรงดูดตรงกลีบปากล่างจนต้องร้องประท้วง แต่ใครจะไปคิดว่าอยู่ ๆ มันก็แทรกลิ้นเข้ามาในจังหวะที่ผมเผลออ้าปาก แม่ง เจ็บมุมปากไปหมด ไม่ได้แค่สอดลิ้นเข้ามานะครับ ยังตวัดแล้วดูดปากล่างผมดังจ๊วบอีก
นาทีนี้เสียงเชียร์จากไอ้เฮยเงียบไปแล้ว ส่วนผมน่ะหรอ ยังตกอยู่ในภวังค์แห่งความมึนงง คือไม่รู้ผีห่าซาตานอะไรเข้าสิงไอ้ชาน มันถึงได้จูบผมซะจริงจังจนเจ็บไปหมดอย่างนี้! นี่มันไม่ใช่แค่จูบแล้วโว้ย นี่มันข่มขืนกันทางปากชัด ๆ
“ผมเมาแล้ว ขอตัวนะครับ”
เสียงแว่ว ๆ ของโนบิตะดังขึ้นมาระหว่างที่ผมกำลังมึนเมากับจูบของเพื่อน ไอ้บ้านี่ก็เล็มอย่างกับควายเล็มหญ้า ซึ่งกว่ามันจะผละออกไปได้ หางตาผมก็เห็นไอ้โนบิตะลุกออกไปแล้ว
“เฮ้ย ไปไหนวะ เหล้ายังไม่หมดเลย กลับมา!!!”
ไอ้เฮียตะโกนเรียกตามหลังเก้าที่เดินไกลออกไป ซึ่งจังหวะที่ยังแหกปากอยู่นั้น ไอ้ชานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมก็ผุดลุกขึ้นมาด้วย
“กู...ปวดฉี่ ง่วงแล้วด้วย ไปก่อนนะ”
ไอ้ชานเดินจากไปพร้อมกับความึนงงของผมกับเฮีย ผมเท285เพียว ๆ ลงแก้วพลาสติกแล้วกระดกลงคอรวดเดียวจนหมด ความรู้สึกคลื่นเหียนตีขึ้นจนต้องโก่งคออ้อกออกมาทั้งที่ไม่มีอะไรจะอ้วก ที่นี่เหลือเพียงผมกับเฮียอยู่แค่สองคน ดังนั้นมือที่เข้ามาลูบไหล่ผมเบา ๆ จึงเป็นมือของไอ้เตี้ยนั่นแทนที่จะเป็นเพื่อนสนิทที่เพิ่งแลกลิ้นกับผมไปหมาด ๆ
“เฮ้ยพิก เบา ๆ โว้ย เดี๋ยวอ้วก”
“ไม่เป็นไร”
ผมพูดเบา ๆ แล้วกระดกน้ำเปล่าตาม ก่อนจะเทเพียวลงแก้วอีกรอบ
เห็นหน้าไอ้ชานมันเหรอหราเหมือนไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็พอจะทำใจอภัยให้ได้ แต่กับอีกคนนี่ไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไงกับอาการที่มันแสดงออกมาอย่างนั้น คือตอนนี้ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าเก้ากำลังคิดอะไรอยู่ ตั้งแต่เมื่อบ่ายแล้วที่มันทำท่าเหมือนกับไม่สบอารมณ์ผมมาทั้งชีวิต แล้วไหนจะเหตุการณ์ชวนวิตกจริตเมื่อกี้อีก
ถ้ามันโกรธขึ้นมา...
อยู่ดี ๆ ความรู้สึกสับสน ปนน้อยใจก็ตีตื้นขึ้นมาจนอึดอัดไปหมดทั้งอก ผมกระดกเหล้าเข้าปากอีกรอบจนเล็ดออกมามุมปาก อยากอ้วกก็อยาก อยากตะโกนใส่หน้าแม่งก็อยาก... งงไปหมด แม่งเฟลไปหมดทุกทางจนไม่รู้จะคิดเรื่องไหนก่อนดี
รู้อย่างเดียวตอนนี้คืออยากเคลียร์อยากบอก รู้สึกอะไรก็อยากพูดไปซะให้แม่งจบ ๆ ไปสักที !
_________________________________________________
กลับมาแล้วค่ะ ไปเชียงใหม่มา
เวลาผ่านไปเร็วมาก แอบตกใจ...ตั้งแต่เปลี่ยนชื่อเรื่องมาก็มีคนเข้ามาอ่านเพิ่ม 555
หรือจริง ๆ แต่แรกที่ไม่ค่อยมีคนอ่านเพราะไม่รู้ว่าชื่อเรื่องหมายถึงไรหว่า 5555
คิดฮอดทุกคนเน้อ สตอเบอร์รี่เชียงใหม่อร่อยขนาดดดด
เจอกันอีกทีวันศุกร์ค่าาา จะจบแล้วววว อีก 4 ตอนนนนน 