┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดที่ 5 (ต่อ) ‘คราวหน้า’ ที่ว่า มาถึงเร็วกว่าที่คิด
คนที่ทำให้ ‘คราวหน้า’ กลายเป็นคราวนี้ กำลังยืนพิงกำแพงพร้อมเป้ตุง ๆ สองใบอยู่ข้างรั้วบ้านเขานี่เอง
“พี่ธัญญ์!?” เป็นพร้อมภูมิที่ร้องขึ้นก่อนอีกนั่นละ และเมื่อได้ยินชื่อที่ว่า สาวน้อยข้าง ๆ ก็ชะโงกหน้ามองออกไปตามสายตาพี่ชายทันที
“คนนี้คือพี่ธัญญ์เหรอ”
“อื้อ! หล่อไหม”
“ฮื่อ”
“แต่พี่หล่อกว่านิดนึงนะ” พร้อมภูมิก็ยังไม่วายเก๊กท่าให้น้องสาวดู
ฝั่งผู้ใหญ่คนเดียวในรถนั้น ทันทีที่ได้ยินชื่อธัญญ์จากปากลูกชาย หัวใจพลันเต้นโครมครามอย่างกับย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กวัยรุ่น มองอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ และเขาคิดว่าไม่ได้รู้สึกไปเอง ว่านัยน์ตาดำขลับของคนทางนั้นก็กำลังจ้องเขาเขม็งจนพานจะทำให้มือไม้หาที่วางลำบาก
หลังจากผ่านช่วงเวลาสั้น ๆ แห่งความงุนงงและเงอะงะ (ในกรณีของเขาเอง) ทั้งสี่ชีวิตก็เข้ามานั่งรวมกันอยู่ในห้องนั่งเล่น
ธัญญ์ทักทายพร้อมภูมิด้วยสีหน้าเนือย ๆ แล้วหันไปส่งยิ้มน้อย ๆ ให้เพลงพิณเมื่อเขาแนะนำว่าเธอเป็นลูกสาว
ได้เท่านั้นเอง แขกผู้มาเยือนซึ่งเพิ่งแยกกันไปเมื่อสาย ก็โดนเจ้าบ้านลากไปคุยไกลหูไกลตาเด็ก ๆ โดยให้เหตุผลว่ามีเอกสารที่เก็บไว้ในห้องต้องรื้อมาคุยเรื่องงานกับเด็กหนุ่ม ให้สองพี่น้องเล่นกันไปก่อน
เสียงลูกบิดลั่นกริ๊กข้างหลัง เมื่อแน่ใจแล้วว่าบทสนทนาหลังจากนี้ของพวกเขาจะไม่หลุดรอดถึงลูกสาวลูกชายแน่นอน จึงได้ถอนหายใจยาวเหยียดใส่เด็กหนุ่มที่ถูกกึ่งดึงกึ่งลากมานั่งตรงเก้าอี้
“มาทำอะไรหรือ?” เขาถาม นวดขมับไปด้วยอย่างกับคนแก่
“ทำงาน”
ภูเมศสำลักน้ำลายค่อกแค่ก
มาทำงาน...งานอะไร? งานบนเตียงหรืองานเลี้ยงเด็ก? เขาสงสัย แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากถาม
“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด” อีกฝ่ายดักคอเหมือนรู้ทัน เหลือบขึ้นมองเขาแวบหนึ่งแล้วก้มหน้าหนี ขนตาเรียงเป็นแพยิ่งเห็นชัดเมื่อเจ้าตัวหลุบตาลงต่ำ
ให้ตายเถอะ นี่เขาแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปจึงได้ถูกขัดอย่างนี้ คงไม่ใช่อย่างที่พวกตาแก่ลามกมักทำตอนเห็นสาวสวยหุ่นเนื้อนมไข่เดินผ่านหรอกใช่ไหม
“ผมเริ่มงานเลยได้ไหมครับ”
ธัญญ์เอ่ยขึ้นแบบไม่มีที่มาที่ไป ตกลงงานอะไรยังไม่รู้เลย รู้แต่ตอนลุกขึ้นมานั่นน่ะ ใบหน้าอีกฝ่ายเคลื่อนเข้ามาใกล้กับหน้าเขาจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อน ๆ พอยืนขึ้นแล้วปลายจมูกเด็กหนุ่มก็จ่ออยู่แถวปลายคางเขาพอดี
ธัญญ์ถอยหลังไม่ได้เพราะติดเก้าอี้ เดินหน้าก็ไม่ได้อีกเพราะติดเขาขวางอยู่ ส่วนจะไปด้านข้างนั้น ภูเมศสาบานเลยว่าไม่ทันรู้ตัวจริง ๆ ว่าแขนตัวเองยกไปกั้นไว้ตอนไหน แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าตำแหน่งดีอะไรอย่างนี้นะ..
“งานอะไรเธอยังไม่บอกฉันเลย”
เด็กหนุ่มเอียงคอน้อย ๆ มองเขาตาใส ใกล้จนหัวใจจะวาย ถ้าจู่ ๆ เขาล้มพับลงไปเพราะหัวใจเต้นผิดจังหวะตอนนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าจะน่าอับอายขนาดไหน
“ดูแลเด็ก” ธัญญ์ตอบเนิบ ๆ
จะว่าผิดคาด..เขาก็ไม่อยากยอมรับกับตัวเองอีกว่าดันเผลอคาดหวังอะไรอย่างอื่นเข้าแล้ว จึงได้แต่ตั้งสติแล้วพยักหน้ารับ
“..อ้อ..”
“หรืออยากให้ผมดูแลคุณด้วยก็ได้”
เจ้าเด็กนี่เล่นเขาอีกแล้ว
ธัญญ์ขยับเข้ามาใกล้อีกนิด แม้ตำแหน่งเดิมก็ชิดจะแย่อยู่แล้ว อีกแค่หนึ่งหรือสองเซนติเมตรอาจจะ...
สวบ!
เสียงเนื้อผ้าเสียดสีกับอะไรบางอย่างเบา ๆ...แถวกระเป๋ากางเกงเขา
“แต่ราคาผู้ใหญ่แพงกว่าเด็กนะครับ”
นี่พวกเขาคุยเรื่องอะไรกันอยู่ ราคาบัตรเข้าสวนสนุกเรอะ!? มีราคาเด็กราคาผู้ใหญ่ แต่เรื่องน่าตกใจกว่านั้น คือกระเป๋าสตางค์เขาไปอยู่ในมืออีกฝ่ายเรียบร้อย ไวอย่างกับลิง ที่เข้ามาใกล้ไม่กี่วินาทีก่อน จุดประสงค์คงเป็นฉกกระเป๋ากันซึ่ง ๆ หน้านี่เอง ดึงออกไปจากกระเป๋ากางเกงกันดื้อ ๆ มือเบาจนแทบไม่รู้สึกตัว
“อ๊ะ!”
เขายอมรับก็ได้ว่าชอบมองลักยิ้มเล็ก ๆ บนแก้มซ้ายของธัญญ์ แต่เวลามันมาปรากฏขึ้นพร้อมกระเป๋าสตางค์เขาในมือเจ้าตัวแล้ว ชวนให้รู้สึกหมั่นไส้อย่างไรบอกไม่ถูก
“คุณกับลูกชายคุณไม่ระวังตัวกันทั้งคู่เลย”
ภูเมศบรรลุวาบในวินาทีนั้น หลังจากข้องใจบางเรื่องมานาน ก่อนหน้านี้จะฟันธงก็ไม่กล้า แต่เห็นกันต่อหน้าต่อตาอย่างกับกำลังแสดงให้ดูอย่างนี้จึงมั่นใจแน่แล้ว กระเป๋าสตางค์เขาที่เคยหายแล้วธัญญ์เก็บมาคืน เป็นเรื่องจัดฉากแน่ ๆ “สองครั้งก่อนก็เป็นเธอสินะ!?”
ธัญญ์ไม่ตอบ แต่ลักยิ้มบุ๋มลึกลงไปอีกบนแก้มขณะพูดต่อ “น้องภูมิรู้ตัวเรื่องโดนขยับเก้าอี้ในครั้งที่สาม ของคุณโดนฉกกระเป๋าครั้งที่สามยังไม่รู้ตัวเลย”
เป็นเด็กที่สุดแสนจะไม่น่ารักจริง ๆ ด้วย!
“ฉันก็รู้แล้วนี่ไง”
เขาย้อน พยายามเอื้อมมือคว้าของตัวเองกลับคืนมา ธัญญ์สูงไม่เท่าเขาก็จริง แต่ไวอย่างกับอะไรดี ขยับมือหนีได้ตลอด ต่อให้ตัวเองโดนต้อนไปจนชิดขอบเตียงแล้วก็เถอะ
“รู้เมื่อสาย เจ็บใจกว่าไม่รู้อีกนะครับ”
พอพูดจบ ก็โดนเขากระโจนใส่ หงายหลังลงไปบนเตียง แต่ของยังไม่ได้คืนมาอยู่ดี ขยับหนีมือเป็นระวิงขนาดนี้ หน้ายังไม่เปลี่ยนสักนิด จะมีก็แต่แววตาเป็นประกายวาววับเหมือนเด็ก ๆ ที่โผล่ขึ้นมาแวบหนึ่งแล้วหายไป...ถ้าเขาไม่ได้ตาฝาดละก็นะ ครั้นเพ่งดูอีกที คราวนี้เห็นแต่สีหน้าเนือย ๆ เหมือนเดิม
ภูมิเมศเริ่มคิดหนักแล้ว จะให้เด็กเจ้าเล่ห์หน้านิ่งแบบนี้มาเป็นพี่เลี้ยงลูกชายเขาได้จริงหรือ
อีกฝ่ายคงสังเกตได้ถึงความคับข้องใจของเขา แต่ยังอุตส่าห์จับประเป๋าสตางค์เขาไว้เป็นตัวประกัน กอดไว้แนบอกเหมือนตอนลูกชายเขากอดกล่องใส่แผ่นดีวีดีแตก ๆ ของเจ้าตัวเอาไว้เมื่อตอนกลางวัน
“ตกลงผมได้งานไหมครับ”
ยังมีหน้ามาถามอีก
“เธอก็มีงานประจำของตัวเองอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”
“ผม?”
“ที่เซเว่นน่ะ”
“ลาออกแล้วครับ”
“หา!?”
เขาสาบานว่าได้ยินเสียงธัญญ์หลุดหัวเราะออกมาเฮือกหนึ่ง “ผมลาออก คุณต้องตกใจด้วยหรือ”
“ลาออกทำไมล่ะ”
อีกฝ่ายชูสามนิ้ว “สามร้อยครับ”
“พอเลย ๆ” ภูเมศโคลงศีรษะ อดไม่ได้จะยื่นมือไปหาใบหน้าเด็กหนุ่ม เอานิ้วคีบจมูกโด่ง ๆ นั่นไว้ อยากจะบี้ให้แบนคามือไปเลย “ไม่ตอบก็ไม่ต้องตอบ”
“ช่วงนี้ผมทำตัวไม่ค่อยดีน่ะครับ ลากะทันหันบ่อย เป็นอย่างนี้ต่อไปเดี๋ยวก็โดนให้ออกอยู่ดี”
ชายหนุ่มปรายตามองคนที่นอนแผ่อยู่ข้างล่าง คราวนี้อะไร พอไม่สนใจแล้วยอมบอกเองเสียอย่างนั้น
“อีกอย่าง ผมกะจะเปลี่ยนที่อยู่”
“ไปอยู่ไหนล่ะ” ถามไปทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เก่าน่ะอยู่ไหน
“ที่นี่..”
“แค่ก ๆ ๆ!”
“ล้อเล่นน่ะครับ” เด็กหนุ่มอ้อมแอ้ม เสมองไปทางอื่น ขณะเบี่ยงตัวลอดใต้แขนเขาเพื่อพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง วางกระเป๋าสตางค์เขาทิ้งไว้บนเตียง บทจะคืนก็คืนกันง่ายดาย “วันนี้ผมแค่มาถาม ว่าคุณตั้งใจจะจ้างผมเลี้ยงลูกจริงหรือเปล่า”
ภูเมศหรี่ตาครุ่นคิด “ถ้าไม่จ้างล่ะ”
“ผมก็ไปหางานอื่น”
“งานอะไร?”
“อะไรสักอย่างที่ได้เงิน” ธัญญ์ตอบแทบไม่เสียเวลาคิด
“พูดให้ชัดเจนหน่อยสิ”
“สามร้อย”
ชายหนุ่มกลอกตา “อ้อ...งานขูดรีด”
“ถ้าสมัครใจ ก็ไม่เรียกขูดรีด”
ภูเมศก้มลงมองเด็กหนุ่มช่างต่อล้อต่อเถียง และส่วนที่ทำให้ผู้คนประสาทที่สุดคงเป็นขนาดตอนเถียงก็ยังหน้านิ่ง..เสียงเนิบอยู่นั่นละ อยากรู้เหลือเกินว่าโตมาอย่างไร ที่บ้านสอนกันมาแบบไหน พอจ้องนานเข้า เห็นเครื่องหน้าสวย ๆ ของอีกฝ่ายแล้วก็อดคิดย้อนกลับไปตอนเจอกันครั้งแรกไม่ได้ เลยเถิดไปถึงว่าหากคืนนั้น เจ้าของกระเป๋าสตางค์ที่โดนตบไปเป็นคนอื่นสักคนที่ไม่ใช่เขา ป่านนี้เจ้าเด็กตรงหน้าจะไปปีนขึ้นเตียงใครแล้วหรือเปล่า
“ถ้าคนอื่นสมัครใจล่ะ?”
ธัญญ์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับเรียบ ๆ เช่นเดิม “นั่นก็ไม่เรียกขูดรีดเหมือนกัน”
“แล้วได้มาเยอะไหม กี่หมื่น..หรือเป็นแสน?”
คิดอยู่หรอกว่าถามแรงไปหน่อย
..แต่คำพูดพอหลุดจากปากแล้ว..เรียกกลับคืนไม่ได้อีก..
อีกฝ่ายควรเถียงอะไรสักอย่างด้วยสีหน้าเฉยชาจนดูกวนประสาทเหมือนเคย ทว่าครั้งนี้เจ้าตัวกลับชะงัก เงยขึ้นมองเขาด้วยสายตาอ่านไม่ออก จากนั้นไม่พูดอะไรอีกเลย
ภูเมศรู้สึกหนึบอยู่ในอก เหมือนเพิ่งทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ลงไป
“ธัญญ์”
“ครับ”
“เธอโกรธ?”
เด็กหนุ่มโคลงศีรษะ ลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย “ผมไปโกรธอะไรคุณได้”
แต่ภูเมศยังปักใจเชื่อแบบเดิม “เธอโกรธอยู่แน่ ๆ”
“ก็ได้ คุณว่าโกรธก็โกรธ”
ถูกตามใจด้วยเรื่องนี้ไม่น่ายินดีสักนิด! แต่ถ้าจะโกรธเพราะคำพูดแบบนั้น เป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ได้เที่ยวมีอะไรกับคนอื่นไปทั่วนอกจากเขาหรือเปล่า ภูเมศอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้
แต่มีแล้วอย่างไร ไม่มีแล้วอย่างไรล่ะ?
เขาเป็นคนเดียวของอีกฝ่ายหรือเปล่ามันสำคัญตรงไหน ในเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาคือผู้ซื้อและผู้ขายแต่แรกอยู่แล้ว เรื่องซื้อบริการทางเพศ ตอนอยู่ในวัยคึกคะนองใช่ว่าไม่เคย กฎเกณฑ์เหล่านี้เข้าใจไม่ยาก แค่ป้องกันตัวเองให้ดี เสร็จธุระก็ต่างคนต่างไป จะผูกมัดอีกฝ่ายอย่างกับเป็นคนรักกันนั้นเป็นไปไม่ได้ เว้นแต่จะมีเป็นกรณีพิเศษ ตกลงยินยอมกันทั้งสองฝ่าย กึ่งซื้อกึ่งเลี้ยงดู...
ชายหนุ่มทำหน้ายุ่ง ตกลงเขาจะจ้างอีกฝ่ายไว้ทำอะไรนะ ตั้งใจให้เป็นพี่เลี้ยงเด็กไม่ใช่หรือ แต่ก็ไม่อยากให้พี่เลี้ยงลูกชายไปเที่ยวขึ้นเตียงกับใคร ๆ เกิดเด็กมาเห็นพฤติกรรมแบบนั้นเข้าจะไม่ดี ใช่แล้ว เขาเออออกับตัวเอง นั่นละเหตุผลที่เขาเดือดร้อน
ใคร่ครวญยังไม่ทันครบถ้วนกระบวนความ ก็เห็นธัญญ์เดินไปคว้าลูกบิดไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว เขารีบร้องห้ามไม่ทันคิด
“เดี๋ยวก่อนสิ!”
เด็กหนุ่มชะงัก
“นั่นเธอจะไปไหน”
“กลับ”
“กลับไปไหน?”
ธัญญ์ระบายลมหายใจยาว ก้มลงมองข้อมือตัวเองที่ถูกเขากำไว้หลวม ๆ แต่ภูเมศคอยระมัดระวังเป็นอย่างดี ต่อให้ว่องไวเพียงใดก็เถอะ หากทำท่าว่าเหมือนอยากกระตุกหนีสักนิด จะรีบกระชับไว้ให้มั่นเลยเชียว
และคราวนี้ ภูเมศไม่คิดรอคำตอบแล้วด้วยว่าอีกฝ่ายเตรียมกลับไปไหน เพราะเขาจะเลือกให้เอง
“เธออยู่ที่นี่”
“เอ๋..?”
“เลี้ยงลูกชายฉัน”
เด็กหนุ่มกะพริบตาปริบ ๆ ยืนแข็งค้างอยู่หลายวินาที ก่อนจะหลุดขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“นี่มันขอแต่งงานไม่ใช่หรือครับ?”
ภูเมศอ้าปากหวอ มาดจริงจังเมื่อครู่ระเหยหายไปในอากาศ เพิ่งรู้ตัวว่าเลือกใช้คำได้แปลกหูอย่างไรชอบกล ฟังดูก็คล้ายอย่างธัญญ์ตั้งข้อสังเกต จริงอยู่ว่าเขาควรทำให้มันเป็นงานเป็นการกว่านี้ เช่นบอกจะจ้างเป็นพี่เลี้ยงลูกหรืออะไรก็ว่าไป แต่ไอ้การโดนเอามาล้ออย่างว่านี่เล่นเอาเสียศูนย์ไปพอดู
“มะ..ไม่ใช่สักหน่อย” ชายหนุ่มละล่ำละลัก แต่อีกฝ่ายฟังเสียที่ไหน
“ไหนแหวนล่ะ?”
“ก็บอกว่าไม่ใช่ไง!”
“แล้วไหนกล้องวิดีโอ”
ไอ้เด็กคนนี้!
ธัญญ์!”
“ฮ่า ๆ ๆ—อื้อ!”
แผ่นหลังเด็กหนุ่มชนบานประตูดังกึง!
...เงียบแล้ว...
เงียบจนขนที่ต้นคอลุกชัน ปลายมือปลายเท้าชาวาบอย่างกับมีไฟฟ้าสถิต
ฟันกระทบกันนิดหน่อย ปากใครสักคนต้องได้แผลแน่
....แต่ก็ยังจูบแช่อยู่อย่างนั้น
ภูเมศหลับตา พลางคิดว่าเจ้าหนูนี่เด็กเกินไปสำหรับเขาหรืออย่างไรนะ ในโพรงจมูกถึงได้ร้อนอย่างกับเลือดกำเดาจะไหลเสียให้ได้ แถมในหัวก็เบาโหวงไปหมด
เพื่อไม่ให้ความคิดกระจัดกระจายไปมากกว่านี้...จึงได้นับ.....หนึ่ง.......สอง.......สาม.......สี่........อยู่ในใจ..
ไม่รู้จะนับไปถึงเท่าไร แต่ไม่กล้าลืมตาเลย ให้ตายเถอะ
กว่าจะได้เปิดเปลือกตาขึ้นอีกที ก็ตอนที่รู้สึกได้ว่ากลีบปากนิ่ม ๆ ที่แนบอยู่เคลื่อนจากจุดเดิม ร่างเด็กหนุ่มตรงหน้าไถลร่วงลงไปนั่งกับพื้น ก้มลงมองตาม เห็นอีกฝ่ายยกมือกุมอกเสื้อ ริมฝีปากอ้าค้างอยู่น้อย ๆ ทั้งยังเปลี่ยนเป็นสีแดงสดกว่าเก่า
หน้าก็แดงชะมัด
....น่ารัก....
แย่แล้ว...แย่แล้วจริง ๆ สัญญาณเตือนภัยในหัวร้องบอกว่าอย่างนั้น
ราวหนึ่งนาทีที่มีเพียงเสียงหายใจแผ่วเบาผ่านพ้นไป ธัญญ์จึงได้ลุกขึ้นยืนใหม่ ยกมือแตะริมฝีปากตัวเองเหม่อ ๆ แต่กระนั้นก็ยังอุตส่าห์พึมพำออกมา
“ห้าร้อย”
ภูเมศเลิกคิ้ว “ค่าจูบ?”
เด็กหนุ่มพยักหน้า
ให้มันได้อย่างนี้สิ! พอสติมา สตางค์ก็ลอยไป คราวหน้าเขาจูบเต้าหู้ดีกว่าไหม ท่าทางจะนุ่มนิ่มเหมือนกัน
“แต่ช่วงนี้ผมไม่รีบ” ธัญญ์ก้มหน้าก้มตาพูดต่อ “คุณรวบยอดไปจ่ายรวมกับค่าจ้างเลี้ยงเด็กตอนสิ้นเดือนเลยก็ได้”
พูดจบก็รีบถลาออกนอกห้อง ผิดวิสัยท่าทางเฉื่อยแฉะตามปกติของเจ้าตัว ได้ยินเสียงไอ้ตัวเล็กสองคนที่พากันเปิดการ์ตูนดูร้องเรียกให้ลั่น
“พี่ธัญญ์คุยอะไรกับคุณพ่อช้ามาก มาดูท่านลอร์ดเร็ว! อ๊ะ! น้องเพลงจับเก้าอี้ไว้ให้ดีล่ะ!”
ภูเมศไม่ได้เดินตามออกไปทันที แต่ยกมือลูบหน้าตั้งสติ ถอยไปนั่งหมดแรงบนเก้าอี้ เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากจากเด็ก ๆ ลอยผ่านประตูที่แง้มไว้มาเข้าหู ฟังแล้วเหมือนกำลังโดนพี่ธัญญ์แกล้งอะไรสักอย่างเข้าให้แล้ว
ชายหนุ่มหัวเราะตาม ที่บ้านไม่ได้มีเสียงอึกทึกอย่างมีชีวิตชีวากันขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ
ถึงจะกล้าพูดได้เต็มปากว่าตัวเองฐานะและหน้าที่การงานดีทีเดียว ไอ้เรื่องเงินขัดสนน่ะไม่มีเสียหรอก แต่หากมีพี่เลี้ยงเด็กแบบนี้สักคนแล้ว.. เห็นทีต้องขยันทำงานขึ้นอีกหน่อยแล้วสิ
“พี่ธัญญ์ เย็นนี้กินข้าวกันไหม พ่อซื้อเต้าหู้กลับมาเยอะแยะเลย”
ว่าแต่เขาเดินมาถึงตรงนี้ได้อย่างไรกัน?
“อ๊ะ ทำไมแบ่งให้น้องเพลงคนเดียวล่ะ”
“ผู้ชายเท่ ๆ เขาไม่งอแงเวลาแบ่งของให้เด็กผู้หญิงหรอกนะ”
กว่าจะรู้ตัว..ภูเมศก็ยิ้มจนแก้มจะปริอยู่แล้ว
To be continued…มาต่อแล้วค่ะ ,,>3<,,
แถมแปะรูปคุณพ่อภูเมศให้ ปกติไม่ค่อยถนัดวาดหนุ่มใหญ่เลยค่ะ แต่เพื่อพี่ภูเมศ หนุ่มสามสิบกว่าก๊ง ๆ (?) เราจะพยายาม (ฮาาา)

*ตอบคอมเม้นต์นิดนึง
เรื่องนี้คงไม่ใสๆ เท่าไหร่ แต่ก็น่ารักดีจัง
ว่าแต่คุณ Rainyday ยังไม่ตอบคำถามที่มีเพื่อนสมาชิกถามเลยว่าเรื่องนี้มีใครตายหรือเปล่า
พลอยเสียวไปด้วย ถึงจะเว้นไม่ตายมาสองเรื่องแล้วก็เถอะ 555
เรื่องนี้(น่าจะ)ไม่มีในส่วนเนื้อเรื่องปัจจุบันค่ะ หงุงง พูดลำบาก ฮา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า //กอดก่าย
พบกันงวดหน้านะคะ ^o^