┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]  (อ่าน 469683 ครั้ง)

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
เศร้าหลาย    :m15:  หวังว่าความรักที่มีต่อกันจะทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้

 :กอด1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
ใจร้ายทั้งพ่อทั้งลูกเลย แบบนี้พี่ธัญญ์จะไปอยู่ไหนละ  :mew6:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
พี่ธันน์ไม่อยู่แล้ว จะยังไงดีเด็กน้อยน้องภูมิ รอออออออออ
เศร้าเลย

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
อยากให้ปรับความเข้าใจเร็วๆ จัง

ธัญคงไม่กลับไปบ้านใหญ่หรอกนะ    :katai1:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
บีบคั้นหัวใจมาก
ห้องที่ว่างเปล่ายังไม่เหงาเท่าใจที่วูบโหวงเลย

ออฟไลน์ Monnee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :z3:
น่าสงสารอ่ะะะะะะ_____อยากต่อไวๆจัง_ค้างคา
 :ling1:
ป.ล..คิดถึงเล่ห์รักฤดูร้อน_เหมือนกันนะเนี่ยยยย__อยากอ่านเป็นหนังสือจังค่ะ

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


ฮืออออ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ล่ะคะเด็กน้อย?
อ่านไปก็ถอนหายใจ ภาวนาให้เรื่องราวในครั้งนี้เป็นเพียงอดีตที่ทุก ๆ คนจะกลับมานั่งหัวเราะเมื่อคิดถึงมันในวันข้างหน้า
เป็นกำลังใจให้ทุก

ออฟไลน์ crz.insane

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
น้องภูมิของพี่(ตัง << เอ๊ะ) T_____T
แต่น้องภูมินี่ยังไม่น่าห่วงเท่าพี่ธัญญ์!!! โอย หนูธัญญ์ลูก ถ้าเอาเจ้าแมวส้มไปด้วยก็ขอให้มันอยู่กับหนูด้วยเถอะนะลูก เจ้าส้ม ตอนนี้เจ้าเป็นความหวังของมนุษยชาติแล้วนะ!!! ยิ่งหนูธัญญ์ทำเหมือนจะทำใจได้มากแค่ไหน แม่ยกก็น้ำตาไหลพรากเป็นสามเท่า TOT

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก  ├

งวดที่ 14



บ่ายแก่ของวันหยุดที่อากาศร้อนอบอ้าว ทั้งฟ้ายังครึ้ม ๆ เหมือนฝนจะตกเช่นนี้ ชวนให้สภาพจิตใจหนุ่มเป๊กหดหู่พิกล

ดีอยู่อย่างที่วันนี้ร้านอาหารซึ่งตัวเองเพิ่งเริ่มทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟได้ไม่นานปิดทำการ เนื่องจากเจ้าของร้านไม่อยู่ จึงได้มีเวลาว่างนั่งทอดหุ่ย งานการไม่ต้องทำ แต่ครั้นจะออกไปเที่ยวเตร่ก็ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นอีก

เห็นแก่ลูกพี่ที่ไม่ได้เจอหน้ากันนาน...คนที่ไม่รู้ป่านนี้ไปอยู่ไหนแล้วแท้ ๆ เขาจึงได้ยอมหันเหจากเส้นทางสายมิจฉาชีพ จะว่าไปก็ตั้งแต่หลังจากลูกพี่โดนพวกเจ้าหนี้รุมตื้บแทนเขาเสียน่วมครั้งโน้น จากนั้นกลับมาอัดเขาอีกทีแบบกึ่งสมยอม ต่อด้วยถูกเทศนาอีกยกใหญ่ผิดวิสัยคนปากหนักอย่างเจ้าตัวนั่นละ

เรื่องลักเล็กขโมยน้อย ไปจนถึงนิสัยสำมะเรเทเมาดั้งเดิม เขาพยายามเต็มที่จะขุดรากถอนโคน ปรับพฤติกรรมขนานใหญ่ ใหม่ ๆ นั้นลำบากน่าดู ก็ทำมานานจนเป็น..เอ้อ...สันดานนั่นละ จะให้เปลี่ยนปุบปับมันได้ที่ไหน แต่ครั้นนานวันไปเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น กลับตัวมาได้หลายส่วน

แล้วไงล่ะ คนที่บ่นเอา ๆ ใส่เขาตอนนั้นดันไม่อยู่ดูผลงานเสียนี่

“ลูกพี่นะลูกพี่ ไปได้ดีที่ไหนแล้วปะวะ ทิ้งกันเฉ้ย!” ไอ้หนุ่มน้อยอดีตขี้เหล้าบ่นหงุงหงิง พลิกตัวกอดหมอนข้างเน่าพลางมองผ่านหน้าตาออกไปยังท้องฟ้าสีขมุกขมัว กำลังคิดว่าหรือวันนี้จะเจียดเงินอันน้อยนิดจากอาชีพสุจริตไปซื้อเหล้ามาก๊งสักพอหอมปากหอมคอ ไหน ๆ ก็ไม่ได้ดื่มตั้งนาน พลันได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากหน้าห้องพัก

“หือ?”

คราวแรกนั้นคิดว่าหูเฝื่อนไปเอง หรือไม่อาจเป็นเสียงลมเขย่าประตูซอมซ่อ แต่ครู่หนึ่ง เสียงเคาะก็ดังขึ้นอีกครั้ง

เจ้าหนี้เรอะ!?

ยอดชายนายเป๊กสะดุ้งโหยง ความระแวดระวังแบบเดิมเมื่อครั้งเคยถูกเจ้าหนี้ทวงเงินเช้าค่ำยังหลงเหลืออยู่ในสัญชาติญาณ แต่เมื่อนึกดูให้ให้ดี หนี้ที่กู้ยืมมาจากพวกอันตรายนั้นใช้คืนไปหมดแล้ว ไม่ควรเป็นปัญหาอีก ทั้งเสียงเคาะประตูครั้งนี้ยังฟังแล้วสุภาพเกินไปนิด ชวนให้นึกถึงใครบางคนที่หน้าตาท่าทางดูเป็นลูกผู้ดีหลงทางที่เขารู้จัก

“ตลกละ” ไอ้หนุ่มเกาหัวแกรก ๆ พลางนึกขันกับตัวเอง “ลูกพี่จะมาได้ไง เพี้ยนแล้วกู”

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นชุดที่สาม ยังคงเป็นจังหวะเดิม ไม่เร่งรัด ไม่ดัง ไม่เบาไปกว่าสองชุดแรก เคาะซ้ำ ๆ เว้นช่วงห่างเท่ากันจำนวนชุดละสามครั้ง ให้ตายเถอะ มีแขกแสนสุภาพมาเยี่ยมหรืออย่างไร

“รู้แล้ว ๆ” เป๊กตะโกน เดินอาด ๆ ไปทางประตู “แป๊บนึง”

ลมแรงกรรโชกมาหนึ่งวูบ ฟ้าร้องครืนเบา ๆ บรรยากาศยามบ่ายแก่คล้ายเย็นย่ำเร็วกว่าปกติเมื่อเมฆทะมึนตั้งเค้า

ทันทีที่ประตูห้องเปิดออก กลิ่นไอฝนก็โชยเข้าจมูก

พร้อมกับที่หูได้ยินเสียงร้อง

‘เมี้ยววว...’

“เฮ้ย!”










“จะมาทำไมไม่บอกก่อนเล่า!?”

“เพิ่งคิดว่าจะมาเมื่อกี้”

“ลูกพี่กวนตีนนี่หว่า”

ธัญญ์พยักหน้ารับ “อืม” ขณะมือยังหยิบของใช้บางส่วนออกมาวางไว้ตรงมุมหนึ่งของส่วนโถงเล็ก ๆ กลางห้องพัก

“แล้วไอ้นั่น!” เจ้าของห้องร้องพลางชี้มือชี้ไม้ ทำหน้าเหมือนมีมะนาวลูกโตติดอยู่ในลำคอ

“แมว” ชายหนุ่มช่วยต่อให้

“รู้แล้วว่าแมว!”

“ที่จริงมันก็มีชื่อด้วย”

“ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย”

“ชื่อถุงทอง”

“บอกว่าไม่ได้อยากรู้ไง!”

“มีถ้วยใบเล็ก ๆ ไหม”

“เอาไปทำอะไร”

“ให้อาหารแมว”

เป๊กทำท่าเหมือนคนจะเป็นลม “ไม่ให้เว้ย!”

“แลกกันกับกระเป๋า’ตังค์นาย” ธัญญ์เอ่ยเรียบ ๆ พลางชูสิ่งของอันเป็นเงื่อนไขในมือตัวเองให้ดู

“เฮ้ย! ของผม”

“ก็ใช่สิ”

กระเป๋าสตางค์เก่าซอมซ่อที่เพิ่งฉกมาได้ตอนเดินเข้าห้อง เปิดออกดูไม่ค่อยมีเงินเท่าไร แต่ด้วยสถานะทางการเงินเจ้าของห้องในเวลานี้ น่าจะใช้เป็นตัวประกันได้อยู่

“ขี้ขโมย!”

ธัญญ์คิ้วกระตุกนิดหน่อย ช่วยไม่ได้ ก็ไอ้ขี้ขโมยตรงหน้าเป็นคนสอนเขาเองแท้ ๆ ว่าเขาได้ด้วยหรือ? เจอศิษย์ล้างครูหน่อยจะเป็นไรไป

“ขอยืมถ้วยให้แมวใบนึง ไม่งั้นจะเอาเงินในกระเป๋านายไปซื้อเองก็ได้”

“ทำไมลูกพี่เป็นคนแบบนี้วะเนี่ย!”

สุดท้าย ด้วยการข่มขู่อย่างสุภาพ ธัญญ์ก็ยึดมุมของโถงในห้องพักเป๊กมาได้หนึ่งส่วน จัดการแบ่งอีกส่วนด้านหลังห้องให้แมวที่ตัวเองหิ้วมา ก่อนฝนจะเท ยังออกไปซื้อกระบะและทรายสำหรับขับถ่ายของแมวมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ ๆ รวมทั้งของใช้ส่วนตัวสำหรับตนเองด้วย

ขู่เป๊กพอเป็นพิธีว่าจะเอาเงินเจ้าตัวซื้อ แต่สุดท้ายเขาก็ใช้เงินส่วนตัวอยู่ดี ทั้งยังยกธนบัตรปึกหนึ่งตอบแทนน้ำใจให้คนรับทำตาโตเป็นไข่ห่านหลังจากแกล้งนิดหน่อย พอให้ไอ้ลูกน้องจำเป็นฟูมฟายอยู่สักพัก เท่านั้นไม่พอยังใจป้ำเลี้ยงมื้อเย็นเจ้าของห้องอีกด้วย

ตอนเดินกลับมาตากฝนเปียกมะล่อกมะแล่ก แถมยังต้องช่วยหิ้วของเยอะแยะ แต่เป๊กไม่บ่นสักคำ

“รวยนี่หว่า!” พอเงินถึง เป๊กก็ครึ้มอกครึ้มใจ กลับมาถึงห้องรีบจัดแจงที่ทาง ยกห้องน้ำให้แขกอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนอีกต่างหาก ตัวเองจึงค่อยอาบตามหลังบ้าง

กว่าจะจัดการห้องหับให้เรียบร้อยก็มืดแล้ว จึงได้มานั่งเกาคางเอาอกเอาใจแมวส้มที่ทำเสียงครืดคราดบนตักไปด้วย แปลกใจอยู่บ้างที่มันเชื่องกว่าคาด ขนาดหิ้วมาด้วยกะทันหันยังไม่เตลิด ทว่าที่น่าแปลกใจกว่า คือก่อนนี้เป๊กยังบ่นว่าเจ้าของอพาร์ตเม้นต์ห้ามเลี้ยงสัตว์อยู่แท้ ๆ ตอนนี้จะเอาอะไรก็ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับลูกพี่ธัญญ์เสียหมด

“ไปได้ดีแล้วลืมผมเลยนะ”

แต่ยังไม่วายตัดพ้อ

“ก็กลับมาแล้วไง”

“กลับมารับผมไปรวยด้วยกันใช่มะ”

“กลับมาขออาศัยห้องเฉย ๆ”

“ไหงงั้นเล่า!”

ธัญญ์ถอนใจแผ่วเบา เอนหลังพิงหมอนเก่า ๆ ที่วางซ้อนบนผ้านวมซอมซ่อไม่แพ้กันซึ่งยึดมาจากเป๊กอีกที ยกมือนวดขมับ ปล่อยเป๊กบ่นปนคาดเดาไปต่าง ๆ นานาอีกพักใหญ่ กว่าจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง แทรกกลางประโยคเพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อยจากเจ้าของห้อง

“ขออยู่นี่สักพักแล้วกัน ค่าห้องจะจ่ายให้แน่นอน”

“ลูกพี่...รวยแล้วจริง ๆ สินะ”

เขาขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงเต็มที จึงได้รับคำเสียงเอื่อย “อืม”

“โอเค งั้นอยู่ไปเลย อยากอยู่นานเท่าไหร่ก็เอา เราซี้กันนี่! ว่าไปไอ้เหมียวนี่มันก็น่ารักดีนะ! ชื่ออะไรนะ ถุงเงิน...โอ๊ะ! ถุงทอง!”

เป๊กเล่นมุกแป้กเองแล้วหัวเราะร่า หลังจากนั้นก็ยังเจื้อยแจ้วไม่หยุดอีกยกใหญ่ เมื่อคิดถึงเงินตุงกระเป๋าที่เพิ่งได้มา ให้รู้สึกขอบอกขอบใจอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย มาปุบปับตอนกำลังนึกถึงพอดีพร้อมลาภก้อนโต ก่อนหน้านี้ตอนยังทำตัวเป็นไอ้ขี้เหล้าก็เคยช่วยเขาจัดการกับพวกเจ้าหนี้ แถมจ่ายแทนให้ออกบ่อย

จะว่าไป ลูกพี่ธัญญ์ดูเป็นผู้นำโชคลาภมาให้เขาจริง ๆ หากนึกอยากอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ เอาเข้าจริงเขาก็ไม่ได้ลำบากใจแต่อย่างใด

เขาเหลือบมองผู้มาเยือนที่นอนตะแคงหลับตาพริ้ม ไม่รู้หลับไปแล้วจริง ๆ หรือแค่พักสายตา นิ่งมากอย่างกับรูปปั้น ไม่ได้เจอกันหลายเดือน ผิวพรรณที่เคยดีอยู่แล้วยิ่งดีขึ้นอีกตั้งเยอะ ท่าทางไปอยู่ดีกินดีมา แต่ยังมาขออาศัยห้องเขาอีก สงสัยคงรวยแบบผ้าขี้ริ้วห่อทองแหง ๆ

แต่ช่างเถอะ แค่มาอาศัยห้องเท่านั้นเอง คิดอีกทีก็ดี ได้มีเพื่อนคุยเวลาเบื่อ ๆ ตัวเขาเองอยู่ว่างมากแล้วชวนให้อยากกลับไปเสพอบายมุขเหมือนอย่างเก่า มีคนแบบธัญญ์อยู่ด้วยนับว่าไม่เลวนักหรอก

เป๊กตบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองปุ ๆ พลางยิ้มกริ่ม ตั้งใจว่าพรุ่งนี้หลังเลิกงาน จะเอาเงินไปซื้อเนื้อซื้อผักมาชวนธัญญ์ตั้งหม้อสุกี้ต้อนรับการกลับมาสักหน่อยท่าจะดี

หนุ่มเป๊กลุกขึ้นยืน จับแมวใส่กรงใหญ่ที่ธัญญ์ก็บ้าซื้อมาให้เขาประกอบ บอกให้ใส่แมวเอาไว้ก่อน มันอาจไม่ชินที่ กลัวจะหนี ไอ้แมวนี่ก็เชื่องกว่าที่คิด นึกว่าจะงอแงกว่านี้เสียอีก

หลังจัดที่ทางให้คนแล้ว ให้แมวแล้ว ตัวเองก็เดินไปปิดไฟ หันหลังปีนขึ้นเตียงบ้าง ผ้าห่มเหลือแค่ผืนบาง ๆ เพราะถูกธัญญ์แย่งไปผืนหนึ่ง แต่เขาเองไม่ได้ขี้หนาวอะไร ต่อให้คืนนี้ฝนตกฟ้าคะนองก็ยังหลับได้อยู่ดี

อีกฝั่งหนึ่งบนพื้นตรงมุมห้อง ธัญญ์นอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน เปลือกตาปิดสนิท แต่ลูกตายังขยับไหวระริกทุกครั้งที่ฟ้าคำรามครืน

ฝนตกเกือบทั้งคืน ฟ้าร้องสลับดังเบาเป็นช่วง ๆ

เสียงกัมปนาทแผดขึ้นครั้งหนึ่ง เขย่าขอบหน้าต่างจนสั่นเบา ๆ

ธัญญ์สะดุ้งน้อย ๆ คู้ตัวลง คว้าผ้าห่มคลุมโปงไว้ ยกแขนขึ้นโอบตัวเอง ไหล่สั่นสะท้านอยู่ในความมืด


เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศค่อยสดใสขึ้นบ้าง แต่เสียงแมวร้องปะปนกับฟ้าคำราม คงทำให้เป๊กนอนหลับไม่ค่อยสบายนัก รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าตัวเองฝันอะไรประหลาด เหมือนได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วเบาดังมาจากอีกฝั่งตรงที่ลูกพี่ธัญญ์ใช้เป็นที่นอน

ครั้นงัวเงียตื่นขึ้นมา เห็นหน้าเฉยสนิทอย่างกับรูปปั้นของธัญญ์ซึ่งตื่นอยู่ก่อนแล้ว ก็ได้แต่ขำกับความฝันตัวเอง

เพ้อเจ้อเข้าไปได้อย่างไรว่าลูกพี่จะทำเสียงอย่างนั้น ต้องเป็นเพราะเมื่อวานเขาเจอเรื่องน่าประหลาดใจมากเกินไปแหง ๆ





วันถัดมา เป๊กไปทำงาน ปล่อยธัญญ์กับแมวไว้ที่ห้อง ขากลับซื้อผัก เนื้อ และเครื่องสุกี้มาด้วยอย่างที่ตั้งใจ โน้มน้าวแกมบังคับอีกฝ่ายกินด้วยกัน โม้ให้ฟังยกใหญ่ว่าตั้งแต่ไม่เจอหน้ากันหลายเดือนก่อน ชีวิตเขาเป็นอย่างไรบ้าง

ธัญญ์รับฟังเงียบ ๆ บางครั้งก็พูดแทรกด้วยน้ำเสียงราบเรื่อย แต่เนื้อหาแฝงนัยทั้งกวนประสาทและเอ็นดูอยู่ในที ทว่าแทนที่จะน่าโมโห กลับคิดว่ายิ่งทำให้รู้สึกคุยสนุก เพราะปฏิกิริยาเช่นนั้น เท่ากับบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวตั้งใจฟังเขาอยู่ตลอด ตอนอยู่บ้านนอกก่อนจะมาทำตัวเกกมะเหรกเกเรอย่างที่ผ่าน ไม่เคยมีใครตั้งใจฟังเขาพล่ามน้ำท่วมทุ่งมาก่อน พ่อที่เอะอะก็เมาแล้วฟาดงวงฟาดงา แม่ที่ติดพนันจนแทบไม่เคยอยู่บ้าน ไม่ยักรู้ว่าเวลามีคนตั้งใจฟังแล้วจะรู้สึกดีอย่างนี้

เป๊กหัวเราะลั่นห้องอย่างกับคนเมา ทั้งที่ไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนโต๊ะสักนิด

ถึงกับคิดไปว่าถ้ามีพี่ชายอย่างธัญญ์จริง ๆ ก็ไม่เลวเหมือนกัน

พอสมองตีความแบบนั้นเข้า วันถัด ๆ มา จากคำเรียก ‘ลูกพี่ธัญญ์’ ก็หดสั้นลงเหลือแค่ ‘พี่ธัญญ์’

ครั้งแรกที่หลุดปากเรียกอย่างนั้น เป๊กคิดว่าตัวเองดูไม่ผิดว่าเห็นธัญญ์ชะงักไปนิดหนึ่ง จากนั้นก็กลับมาทำหน้านิ่งอย่างเก่าในเวลาเสี้ยววินาที

“..เอ้อ” เขายักไหล่ เปลี่ยนคำเรียกกลับไปเป็นแบบเดิมอย่างร้อนตัว “ลูกพี่ธัญญ์”

“เอาเถอะ”

“หือ?”

“อยากเรียกอะไรก็เรียก” ธัญญ์ว่าอย่างนั้น พลางรัวนิ้วลงบนคีย์บอร์ด มีแมวนอนอยู่บนตัก ทำอะไรสักอย่างที่เขาเชื่อว่าทำแล้วได้เงินแหง ๆ เพราะวัน ๆ ไม่เห็นออกไปไหน แต่มีเงินใช้ไม่ขาดมือ เลี้ยงข้าวเขาบ้าง ซื้ออะไรดี ๆ กลับมารอบ้าง วันดีคืนดียังลงมือเข้าครัวเอง ไม่ยักรู้ว่าทำอาหารเป็นกับเขาด้วย อร่อยอีกต่างหาก มาดไม่ให้เลยสักนิด แสดงว่าก่อนหน้านี้โกหกว่าทำไม่เป็นแหง ๆ ก็ตอนอยู่ห้องข้างกันยังไม่เห็นทำอะไรกินเองนอกจากพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

ผ่านไปได้ระยะหนึ่งหลังกลับมาเจอกันอีกหน ความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างของอีกฝ่ายซึ่งเกินความคาดหมาย คล้ายจะยิ่งทำให้สนิทกันง่ายกว่าเก่า

จากนั้นก็เลยเรียกแค่ ‘พี่ธัญญ์’ ติดปากมาเรื่อย ๆ




“เออนี่” วันหนึ่งที่สุดแสนธรรมดา ธัญญ์ทักเขาขึ้นมาด้วยถ้อยคำสุดแสนธรรมดาเช่นกัน

“หือ?”

“มีงานอะไรให้ทำไหม”

“งาน?” เขาทวนคำด้วยสีหน้าบื้อ ๆ

“เบื่อ” ธัญญ์กระซิบ ไม่มองหน้าเขาสักนิด ทำอย่างกับพูดคนเดียว “ฟุ้งซ่าน”

“พี่ไม่ได้ทำงานผ่านเน็ตอยู่เหรอ?” เป๊กพยักเพยิด

ธัญญ์ไหวไหล่ ไม่ขยายความเพิ่ม พูดถึงแต่เรื่องที่ตัวเองสนใจ “ร้านอาหารที่จ้างนาย มีงานอะไรให้ทำไหม”

เขาเลิกคิ้วครุ่นคิด จะว่ามีก็พอมีอยู่ เห็นเจ้าของร้านควบตำแหน่งพ่อครัวเปรยว่าอยากได้ผู้ช่วยพ่อครัวสักคน แต่ดูเหมือนไม่ได้จริงจังนัก เขาเองไม่ชอบงานทำอาหารอยู่แล้วเลยไม่เสนอตัว แต่พอเห็นธัญญ์เข้าครัวบ่อย ๆ ก็เริ่มคิดว่าหรือคนคนนี้จะพอมีแววเหมือนกัน

“จะว่ามีก็มีอะน้า”

“งานอะไร”

“เดี๋ยวถามเขาก่อนแล้วกัน”









มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ
v
v
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2017 22:02:16 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
ตอนที่บอกว่าน่าจะห่างกันสักพัก ภูเมศเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าห่างนี่คือห่างแค่ไหน แล้วสักพักที่ว่านี่ยาวนานเท่าไร

แต่ห่างที่ว่าคงไกลสุดปลายมือคว้า และสักพักที่ว่าก็ดูยาวนานราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

เขาเองแข็งใจไม่ติดต่อไปทางโทรศัพท์ได้หลายวัน แต่เมื่อถึงจุดที่ทนไม่ไหว เลือกตัวเลขชุดนั้นขึ้นมาบนหน้าจอมือถือแล้วกดโทรออกอีกครั้ง กลับพบว่าหมายเลขเดิมไม่สามารถติดต่อได้อีกแล้ว

มีแต่ที่ว่างอยู่เต็มบ้านไปหมด

หุ่นรบของเล่นหายไปจากตู้โชว์ หนังสือยาก ๆ ที่ไม่เห็นเหมาะสำหรับเด็กประถมอ่านหายไปจากชั้นหนังสือ ไม่ยักรู้ว่ามันเคยมีที่ว่างกว้างขวางขนาดนั้นมาก่อน

พร้อมภูมิเอาการบ้านมาถามเขาบ้าง แต่อาจเป็นเพราะช่วงวัยห่างกันไปหน่อย จึงต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับหลักสูตรการเรียนของเด็กสมัยนี้นานพอดู เมื่อลูกชายไม่ได้คำตอบที่พอใจหรือเป็นประโยชน์นัก ช่วงหลัง ๆ เลยไม่ค่อยได้เอามาถามอีก

พอทำการบ้านเสร็จ ถามไถ่เรื่องที่โรงเรียนอย่างทุกวัน เด็กชายก็ตอบอย่างเคยเกือบทุกวันว่าเหมือนเดิม

และเกือบทุกวันเช่นกัน เขาจะนั่งทำงานอยู่ด้านหลังโซฟายาว คอยมองลูกชายขณะกำลังนั่งดูการ์ตูนหลังทำการบ้านเสร็จไปด้วย ครั้งหรือสองครั้งที่ได้ยินพร้อมภูมิหลุดปากเกี่ยวกับเนื้อหาในนั้นออกมาครึ่ง ๆ กลาง ๆ เรียกชื่อใครคนหนึ่งค้างไว้ครึ่งพยางค์พลางหันหน้าไปทางด้านข้างด้วยความเคยชิน จากนั้นกลับชะงักแล้วหันไปมองจออย่างเก่า

“ท่านลอร์ดจะกลับมาไหมพี่ธะ—”

เหมือนอย่างครั้งนี้...

จากนั้นไหล่น้อย ๆ ก็ห่อลง นั่งดูอยู่ได้เพียงครู่เดียวแล้วปิดโทรทัศน์ เดินไปหยิบหนังสืออ่านเล่นบนชั้นวางของตัวเองมาไว้ในมือ 

ทั้งหมดล้วนเหมาะกับเด็กประถม ไม่มีอะไรอ่านยาก แต่เจ้าตัวกลับขมวดคิ้วเหมือนไม่เข้าใจ หยิบพลิกไปมาได้สองสามเล่มค่อยวางกลับคืนที่เก่า หันมาบอกเขาว่าจะไปนอนแล้ว

ซ้ำไปซ้ำมา....คืนแล้วคืนเล่า...

และนอกจากคนจะหายไป แมวก็หายไปด้วยเช่นกัน

แมวสีส้มชื่อถุงทองตัวนั้น ภูเมศไม่อาจเรียกได้เต็มปากว่าเป็นของที่นี่ มันเป็นแมวหลงมา ธัญญ์กับพร้อมภูมิเลี้ยงไว้ เขาเองซึ่งแพ้ขนแมวอนุญาตกึ่งจำยอมให้ดูแลไว้ได้เฉพาะหลังบ้าน มีบางครั้งมันจะเดินโต๋เต๋เข้ามาอ้อนคนถึงในบ้านบ้างช่วงหลัง ๆ จนเผลอเข้าใจไปแล้วว่าเป็นสัตว์เลี้ยงของบ้านหลังนี้

แต่หากคิดอีกที แมวตัวนั้น ธัญญ์เป็นคนดูแล เป็นคนให้อาหาร จะว่าเป็นของธัญญ์ก็คงไม่ผิด อาจเอาไปเลี้ยงด้วยแล้ว

พอเสียงแมวหายไปด้วย บ้านจึงยิ่งเงียบลงอีก
 
ิ่ยิ่งยามนั่งกินข้าวกันคนละฝั่งโต๊ะอาหาร คล้ายเป็นช่วงเวลาที่ความว่างเปล่าเผยตัวชัดเจนที่สุด อาจเป็นเพราะครั้งหนึ่งมันเคยเป็นช่วงที่มีชีวิตชีวาที่สุด

ชุดเก้าอี้รอบโต๊ะซึ่งพวกเขาสองคนพ่อลูกนั่งด้วยกัน จะยังมีที่ว่างอีกหนึ่งเสมอ เพราะเคยจัดไว้พอดีกับจำนวนคน ทว่าตอนนี้ทั้งสองเพียงแต่มองมันเงียบ ๆ แต่ไม่มีใครบอกให้เอาเก้าอี้ตัวนั้นไปเก็บที่อื่น

ภูเมศมอง และมักคอยครุ่นคิดอยู่ร่ำไป ว่าคนที่เคยนั่งเก้าอี้ตัวนั้น ตอนนี้จะกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน

ทุกครั้งเมื่อเห็นใบหน้าลูกชาย ก็อดนึกสงสัยไม่ได้เช่นกัน ว่าพร้อมภูมิคิดอะไรอยู่ อยากให้คนคนนั้นกลับมา หรืออยากให้จากไปตลอดกาล เพียงแต่ยังกลัวจะเอ่ยปากถามให้ลูกต้องนึกถึงเรื่องวันนั้นขึ้นมาอีก


“พ่อ สวัสดีครับ”

“อืม”

เขายกมือรับไหว้ วันนี้ก็เลิกงานช้าจนกลับบ้านหลังลูกชายอีกเช่นเคย ในมือถือถุงอาหารที่ซื้อจากข้างนอกกลับมาด้วยเพราะไม่ว่างทำเอง

โดยไม่รู้ตัว เขาเผลอถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

ค่อยมารู้สึกอีกที ก็ตอนเห็นพร้อมภูมิถอนหายใจยาวตามมาเช่นกัน

เขาตื้อในอก เอื้อมมือไปลูบผมลูกชายเบา ๆ ดึงไอ้ตัวเล็กมากอดโดยไม่พูดอย่างอื่น

เด็กชายตัวทำตัวแข็งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยยกแขนขึ้นกอดตอบ หน้าซุกลงกับอกพ่อ มือกำเสื้อเขาไว้แน่น แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา มีเพียงความอ้างว้างบางเบาตกค้างอยู่ในอากาศ

เป็นคู่พ่อลูกที่หดหู่อะไรอย่างนี้นะ

ภูเมศกระชับอ้อมแขนขึ้นให้แน่นกว่าเก่า ชั่วขณะหนึ่งที่รู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวตรงขอบตา แต่สุดท้ายแค่กะพริบตาสองสามครั้ง ความร้อนนั้นก็หายไป เหลือเพียงความโหวงเหวงในอกที่ยังคงอยู่เช่นเดิม ทั้งยังคล้ายจะขยายตัวมากขึ้นทุกที นับวัน...นับคืนที่พ้นผ่าน

เขาเองไม่เท่าไร แต่กับพร้อมภูมิ ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ คงไม่ดี อย่างน้อยก็ควรเปลี่ยนบรรยากาศให้ลูกชายร่าเริงขึ้นมาบ้าง

ชายหนุ่มกดจมูกตัวเองลงกลางกระหม่อมเด็กน้อยในอ้อมแขน ถามเสียงอู้อี้

“เบื่อกับข้าวถุงหรือยัง?”

พร้อมภูมิไม่ตอบ จึงถือว่าเป็นช่วงเว้นระยะให้เขาพูดต่อ

“พรุ่งนี้กินข้าวนอกบ้านกัน ตอนเย็นเดี๋ยวพ่อไปรับที่โรงเรียน แล้วเราแวะกินที่ร้านแถวนั้นดีไหม”

ลูกชายก็ยังไม่ตอบอะไรอีกเช่นเคย

แต่ในเมื่อไม่ได้คัดค้าน คุณพ่อเลยตีความเอาเองว่าตกลง








“เดี๋ยวพ่อจะมารับไปกินข้าวนอกบ้าน”

“อือ”

“ก็เลยจะไม่กลับกับรถนะ”

“อือ” อีกฝ่ายตอบเหมือนเดิม ส่งไอศกรีมเข้าปาก

“พี่ตัง”

“ฮื่อ”

พร้อมภูมิเหลียวมองคนที่กินช้าจนทำไอศกรีมหยดลงมาตามนิ้วและกำลังจะหกใส่กางเกงเจ้าตัวไปด้วย ยื่นมือออกไปผลักมืออีกฝ่ายที่ถือไอศกรีมอยู่ให้ออกห่างตัว

พ้นจากกางเกงได้ไม่ทันถึงวินาที ก้อนหวาน ๆ เย็น ๆ ที่ละลายเยิ้มนั้นก็ร่วงแผละลงพื้น

“กินสกปรกจัง” เขาบ่น

“พูดอะไรอย่างกับตัวเองเป็นผู้ใหญ่” สตางค์สะบัดมือเบา ๆ เดินไปล้างมือที่ก๊อกน้ำใกล้ ๆ โดยมีพร้อมภูมิชะเง้อตาม ปากซึ่งยังเปื้อนคราบไอศกรีมก็พึมพำไปด้วย “พี่แก่กว่านายนะ”

เด็กชายไม่สนใจ ร้องเรียกอีกฝ่ายใหม่

“พี่ตัง”

“อะไร”

จากนั้นกลับเงียบไปอีก

“เรียกแล้วไม่พูด หาเรื่องหรือ?”

“เปล่าซะหน่อย” เด็กชายก้มหน้า จากนั้นก็เรียกใหม่ “พี่ตัง”

คราวนี้เจ้าของชื่อไม่ตอบ เดินมาย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ เหมือนไม่ได้ยิน

“พี่ตังว่าพ่อรักผมไหม”

คนฟังหันมามองเขาด้วยสายตาเนือย ๆ ดูไปก็คล้ายท่าทางของอดีตพี่เลี้ยงเขาอยู่เหมือนกัน

“จะไปรู้ได้ไง นั่นพ่อนาย”

พอรู้สึกเหมือนโดนดุ เลยหน้าจ๋อยลงนิดหน่อย

“แต่พ่อใจดีกับผมมากนะ”

“งั้นก็คงรักละมั้ง”

ถึงตอบอย่างนั้น แต่สายตากลับจ้องมองซากไอศกรีมบนพื้นอย่างสุดแสนเสียดาย ดูไม่ได้ตั้งใจฟังที่รุ่นน้องพูดสักนิด

พร้อมภูมิมองตามสายตาคนข้าง ๆ อีกที พอกำลังจะอ้าปากถามว่าแล้วคิดว่าพี่ธัญญ์รักเขาไหม ก็ชะงักไป ด้วยนึกขึ้นได้ว่าพี่ตังยิ่งไม่รู้จักพี่ธัญญ์ยิ่งกว่าพ่อของเขาเสียอีก ถามไปคงถูกเมิน ไม่ก็โดนดุกลับมาแหง ๆ สุดท้ายจึงได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตา พึมพำขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย

“แต่เขาก็ใจดีกับผมเหมือนกันนะ”

“ก็ดีแล้วนี่” คราวนี้คนฟังกลับตอบมาได้

“เอ๋?”

“พี่เลี้ยงที่ทำตัวเหมือนแม่นายนั่นใช่ไหมล่ะ”

“รู้ได้ไง”

สตางค์ทำสีหน้ารำคาญใจ “วัน ๆ พูดถึงอยู่ไม่กี่คน”

“อ้อ..” พร้อมภูมิยิ้มเจื่อน “..เหรอ”

“แต่เขาก็ไปแล้วนี่”

“อือ”

“อะไร!? นิดหน่อยก็หน้าเบะอีกแล้ว” รุ่นพี่ใจร้ายบ่น “เด็กนี่น่ารำคาญ”

“พี่ก็แก่กว่าแค่ปีเดียวเองไม่ใช่รึไง”

คนฟังทำหน้าไม่ใส่ใจ ถือว่าแก่กว่ายังไงก็คือแก่กว่า “ไม่ชอบเด็กเลย”

“พี่ธัญญ์ก็เคยบอกอย่างนี้” พร้อมภูมิยิ่งจ๋อยสนิท ถึงกับลืมไปด้วยอีกคนว่าตัวเองอ่อนกว่าแค่ปีเดียว “ทุกคนไม่ชอบผมกันหมดเลย”

อีกฝ่ายพ่นลมหายใจออกทั้งปากทั้งจมูก “ก็ไหนเมื่อกี้ยังว่าเขาดีด้วยอยู่เลยไง”

“แต่เขาก็บอกว่าไม่ชอบด้วยนี่! แล้วจะรู้ได้ไงล่ะ!?”

“งั้นก็ไปถามเองสิ!”

“ก็เขาไม่อยู่ให้ถามแล้ว!”

แม้พยายามวางตัวอย่างไร ที่สุดแล้วก็เด็กทั้งคู่อยู่ดี สุดท้ายจึงเผลอขึ้นเสียงใส่กัน

คนโตกว่าพอถูกตวาดมาอย่างนั้นก็อ้าปากจะเถียง แต่พอเห็นอีกฝ่ายทำตาแดง ๆ จึงชะงักลง เปลี่ยนเป็นสีหน้าฟึดฟัดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันหลังเดินหนี ท่าทางชัดเจนว่าไม่อยู่ในอารมณ์จะคุยด้วย

“พี่ตัง!”

พร้อมภูมิร้องเรียกทันทีที่รู้สึกตัวว่าเผลอทำเสียงดังใส่

แต่ฝ่ายนั้นทำเป็นไม่ได้ยินเขาอีกแล้ว










“เป็นอะไรลูกชาย” ภูเมศทักพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ซักซ้อมมาอย่างดี ขณะกวักมือเรียกเด็กชายไปหา “พ่อมารับช้าหน่อยเดียว ทำหน้าบูดเลย”

พร้อมภูมิสะพายกระเป๋า กึ่งเดินกึ่งวิ่งจากรั้วโรงเรียนเป็นคนเกือบสุดท้าย ต้องรอคนเดียวไม่เท่าไร แต่รอด้วยความไม่สบายใจหลาย ๆ เรื่องพร้อมกันทำเอายิ้มไม่ค่อยออก

“พ่อ สวัสดีครับ” ทั้งที่ปากบอกอย่างนั้น แต่ใบหน้าก็ยังมีแต่รอยยิ้มแหย

“ครับผม”

ภูเมศรับเสียงกระตือรือร้น ตัดสินใจไม่ซักไซ้ไล่เรียง เดินโอบไหล่ลูกชายไปตรงไปที่รถ พูดคุยเรื่อยเปื่อยไปด้วยอย่างเป็นธรรมชาติ เตรียมตัวเตรียมใจมาอย่างดีถึงขั้นนึกเรื่องที่จะคุยรอไว้ นึกเมนูอาหารที่จะสั่ง นึกถึงว่าไว้กินข้าวเสร็จกลับบ้านไปจะชวนลูกชายเล่นอะไร พลาดอยู่แค่นิดเดียวตรงที่สะสางงานได้ช้ากว่าเวลาไปไม่น้อยจนลูกต้องรอ แต่คิดว่าหลังจากนี้น่าจะกู้สถานการณ์ได้ไม่ยาก

“หิวหรือยังน่ะเรา”

พร้อมภูมิพยักหน้าหงึกหงัก หลังรถออกตัวมาได้ครู่หนึ่งจึงค่อยมีสีหน้าสดใสขึ้นบ้าง

ร้านอาหารที่ตั้งใจจะฝากท้องมื้อเย็นนี้ อยู่ใกล้กับโรงเรียนนิดเดียว อันที่จริงเดินถึงด้วยซ้ำ แต่ขับรถเองก็สะดวกกว่า

เขาเคยมาอยู่ครั้งสองครั้งแต่นานแล้ว บรรยากาศในร้านดีใช้ได้ มีทั้งส่วนที่จัดไว้เป็นสวน และด้านในอาคารที่ตกแต่งอบอุ่นเหมือนบ้าน ภูเมศเคยเล็งไว้ว่าจะมาอีกสักหน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้โอกาสสักที กระทั่งวันนี้ ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศจากกับข้าวถุงที่กินเกือบทุกวันจนเริ่มตันแล้วว่าจะซื้ออะไรกลับบ้านดี

สองพ่อลูกเดินลงจากรถ เลือกโต๊ะมุมหนึ่งด้านใน ใกล้กับชั้นวางหนังสือและโซฟาสีน้ำตาลอ่อน

ภูเมศมองไปรอบ ๆ อย่างพึงใจ ไม่ได้มานาน แต่บรรยากาศก็ยังอบอุ่นเหมือนอยู่ในบ้านอย่างคราวก่อน

เขามองลูกชายนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม รับเมนูจากพนักงานไปเปิดดู ผ่อนลมหายใจยาว บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยดีหลังจากนี้

คืนที่ผ่าน เขานอนคิดมาตลอด เฝ้านึกย้ำซ้ำไปซ้ำมาจนไม่สามารถข่มตาหลับได้

แม้จะยังโหวงเหวงอยู่ในอก แต่หากถึงจุดหนึ่งที่จำเป็นต้องเริ่มต้นใหม่เพื่อลูกชาย ถ้าอย่างนั้นกัดฟันตัดใจมันเสียวันนี้เลยคงดีกว่า หลังจากนี้จะได้ไม่ต้องเป็นปัญหาเรื้อรังในระยะยาวต่อไป

คนสำคัญที่สุดคือพร้อมภูมิ

ภูเมศเม้มปาก ย้ำในใจว่านับจากนี้ต้องเด็ดขาด ตอนนี้เป็นพ่อคน จะคิดถึงแต่ความสุขของตัวเองไม่ได้

“พ่อครับ”

เสียงนั้นทำเขาหลุดจากภวังค์ มองไปเห็นพร้อมภูมิขยับตัวหยุกหยิก

ชายหนุ่มวาดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า รอยยิ้มที่เขาซักซ้อมมาเป็นวัน รอฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ถ้ามีอะไรในครอบครัวนี้ที่พังลงไป เขาก็จะเป็นคนซ่อมมันขึ้นใหม่นับจากนี้

“ไงครับ?”

เด็กชายก้มหน้าก้มตา ใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่กับการรวบรวมความกล้า เอ่ยชื่อที่ตัวเองเลี่ยงจะเอ่ยถึงกับพ่อมานาน

“พ่อว่า...ตอนนี้พี่ธัญญ์—”

“พี่ธัญญ์!”

สองพ่อลูกชะงักไป เงยขึ้นมองต้นเสียงที่เอ่ยถ้อยคำนั้นออกมาซ้อนกับเสียงเด็กชายพอดี

หนุ่มน้อยพนักงานเสิร์ฟที่ยืนรอรับออร์เดอร์อยู่ข้างโต๊ะพวกเขาครู่ใหญ่ ตอนนี้หันหน้าไปอีกฝั่งร้าน ร้องทักชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินออกมาจากครัว

คนที่รูปร่างสูงโปร่ง ผมดำขลับ นัยน์ตาสีดำสนิท และรูปหน้าหล่อเหลาไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด

ทั้งอกคับแน่นเหมือนมีอะไรกำลังจะระเบิดอยู่ในนั้น

แน่นจนเหมือนจะหายใจไม่ออก

“มาช่วยรับออร์เดอร์ทางนี้แทนที เดี๋ยวผมมา”

คนคนนั้นพยักหน้า สาวเท้าเข้ามาใกล้ แต่ยังเดินไม่ทันถึงโต๊ะ กลับชะงักค้างอยู่กลางทาง ทว่าช้าเกินกว่าจะถอยหลังกลับ

กระดาษปึกเล็กสำหรับจดถูกยัดเข้าใส่มือมาแล้ว จากมือหนุ่มน้อยพนักงานคนแรกที่เพิ่งเดินสวนออกไป พึมพำแว่ว ๆ ว่าขอไปรับโทรศัพท์พลางล้วงกระเป๋ากางเกงให้วุ่นวาย

ภูเมศกลั้นหายใจ เตรียมรับมือกับใบหน้าสงบนิ่ง น้ำเสียงราบเรียบ เดาไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกเช่นไร เหมือนกับคราวแรกที่พบกัน 

หากแต่บัดนี้ ดวงหน้าในความทรงจำนั้นกลับคลี่ยิ้มบางเบา รอยยิ้มอย่างที่พนักงานคนหนึ่งจะพึงยิ้มให้ลูกค้า ไม่สามารถตีเจตนาเป็นอื่น

ที่ผ่านมา หลงคิดว่าสีหน้านิ่งงันของอีกฝ่ายร้ายกาจที่สุดแล้ว เพิ่งรู้ตอนนี้ว่าที่ร้ายที่สุด คือรอยยิ้มซึ่งไม่แสดงถึงความพิเศษผิดแผกอันใดไปจากบุคคลอื่นต่างหาก

เก็บอาการได้ดีเกินไป หรือไม่เหลือเยื่อใยต่อกันแล้วจริง ๆ

ภูเมศไม่กล้าเดาเลย

“รับอะไรดีครับ”

รู้แค่อยู่ใกล้ ๆ นี้เอง

ใกล้จนที่เคยคิดว่าห่างแค่ไหน...กลายเป็นห่างแค่มือคว้า ยาวนานแค่ไหน...กลายเป็นยาวนานเพียงแค่สุดหนึ่งลมหายใจ

“...พี่ธัญญ์”

เป็นพร้อมภูมิที่พึมพำออกมาก่อน เสียงเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน

รอยยิ้มยังคงวางนิ่งอยู่เช่นเดิม จนครู่หนึ่งเมื่อไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก อีกฝ่ายจึงค่อยทำลายความเงียบด้วยการเอ่ยขอตัว

“เดี๋ยวสักครู่จะมารับออร์เดอร์ใหม่นะครับ”

จากนั้นขยับเพื่อจะหันหลังกลับ

“ธัญญ์”

โดยไม่ทันรู้ตัว เขาคว้าข้อมือนั้นไว้อีกครั้ง

แต่สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจจนต้องเพ่งมองให้แน่ใจอีกหน คือเมื่อเห็นมือเล็ก ๆ ของลูกชาย คว้าชายเสื้ออีกฝ่ายเอาไว้ได้ในเวลาไล่เลี่ยกัน

ณ เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา พร้อมภูมิเม้มปาก ก้มหน้านิ่ง แต่กำชายเสื้อธัญญ์ไว้แน่นจนข้อนิ้วซีดขาว

“...พี่...ธัญญ์...”

เสียงของลูกชายสั่นเครือ แต่ยังพอได้ยินคำว่า ‘บ้าน’ ก่อนทั้งหมดนั้นจะหายลงไปในลำคอ

ภูเมศชะงักไปครู่หนึ่ง จนเมื่อพอเข้าใจความหมายของท่าทีนั้น จึงค่อยคลี่ยิ้มช้า ๆ

แม้ไม่ได้ดูดีเท่าที่ซักซ้อมมาเป็นวัน แต่เขารู้ว่าแบบนี้ดีที่สุดแล้ว


ความตั้งใจยังคงเป็นเช่นเดิม...แต่คงต้องเปลี่ยนวิธีการ


เมื่อคิดเช่นนั้น มือที่กุมไว้ก็ยิ่งกระชับแน่นกว่าเก่า


ถ้ามีอะไรในครอบครัวนี้ที่พังลงไป เขาจะเป็นคนซ่อมมันขึ้นใหม่เองนับจากนี้





To be continued






'ความขมไม่ยาวนาน ความหวานสิยืนยง' ค่ะ แค่ก ๆ ๆ


งวดนี้มาต่อเร็วค่ะ ไม่อยากค้างตรงนั้นนานนนน //สิบวันนี้เร็วแล้วเรอะ Orz

งวดหน้ารอสักนิดนะคะ >w<

ปล. คราวนี้มีของแถมรีพลายถัดไปค่ะ
*กอดก่ายคนอ่านนน*

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2017 22:16:41 โดย RAINYDAY »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
ของแถมค่ะ ฮือออ ไม่ได้วาดรูปนานเลย เอามาแปะหน่อยนึงนะคะ ,,>w<,,

คนนี้คุณธเนศค่ะ หน้าตาก็ประมาณนี้ละเน้อ หนุ่มใหญ่นี่ดีจังค่ะ ;////;





เลื่อนลงไป...//ปิดตากางนิ้วห่าง ๆ

ชอบเวลาลุงพี่ภูกอดน้องแน้นแน่นมากเลยค่ะ ฮรือ






ตอนวาดรูปข้างบน ไปส่อง ๆ รูปฉากจูบมาแหละค่ะ ก็เลยคิดว่าจุ๊บเฉย ๆ ก็น่ารักดีเหมือนกันน้อ





น้องภูมิกับพี่ตัง





อันนี้แอบแถม ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง แต่จะบอก (บอกใคร) ว่าชอบเด็กหน้าตาประมาณพี่ธัญญ์ พี่ตังอะไรอย่างนี้จังเลยค่ะ อยากใส่ปุ๋ยเร่งวุ้นเร่งสีให้เด็กชายพี่ตังโตไว ๆ โตมาหน้าคงประมาณนี้ (ไม่ได้จะเปิดเรื่องใหม่แต่อย่างใดนะคะ วาดเล่นเฉย ๆ)




หมดโซนของแถมแล้วค่ะ ไว้พบกันโอกาสหน้า เมื่อได้วาดรูปเล่นอีกครั้งนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-02-2016 23:25:42 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
โอย....มันบีบคั้นจิตใจเหลือเกินเวลาที่พวกเขาต้องห่างกัน

ฉันดีใจจนแทบหลุดกรี๊ดตอนที่เขาเจอกัน

พี่ภูเมศหล่อมากเลย อะไรที่เสียหายไปพี่จะก่อร่างสร้างขึ้นใหม่

ของแถม....แอร๊ยยยยยยยย มันดีงาม เลิศเลอ เพ้อเลย

ขอบคุณนะ

#ความหวานสิยืนยง

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อือ...จะร้องแล้วนะ สงสารทุกคนเลย ความหดหู่ในครอบครัวไม่เอาอีกแล้ว พี่ธัญญ์นอนร้องไห้ด้วย คืนดีกันนะ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ขอเม้นท์ตอนที่13ก่อนนะคะ
ตอนนี้ทำน้ำตาไหลเลย เศร้าอ่ะ
แต่ไม่มีใครผิดหรอก น่าสงสารทั้ง3คนเลย (T_T)

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ตอนล่าสุดนี่ ก็ยังบีบคั้นหัวใจ
แอบคิดว่าถ้าเราเป็นลุงภู เราจะทำไงดีฟระ????
หวังว่าความสัมพันธ์จะค่อยๆดีขึ้นนะ

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ไม่ค้างเลยค่ะ ไม่ค้างเลยสักนิด บีบหัวใจสุดๆ :sad4: :sad4: :sad4: :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ jimun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ฮรือออออออออออออ พ่อลูกสู้ๆนะ พาพี่เลี้ยงกลับบ้านให้ได้นะ
ไม่ไหวแล้ว หน่วงมาก อึมครึมทั้งบ้าน ไปพาความสดใส(แบบหน้านิ่ง)กลับสู่บ้านเถอะ TvT

เป็กเอ๊ยยย ไม่ได้เจอกันนาน ได้อยู่กับลูกพี่ไม่กี่วันเค้าก็จะไปแล้วนะ *ตบบ่า ปุปุ

ตอนหน้าเราจะเลิกกินมาม่าแล้วชิมิคะ *ปัดชามมาม่าตกพื้น

ออฟไลน์ Shin Heeyoo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ตัดลุงธเนศออกไปจากเรื่องเลยได้มั้ยคะ

ให้หายสาบสูญไปเลย ไม่ต้องมีบทอีก

รู้สึกลุงโผล่มาแล้ว มีแต่เรื่องไม่ดี

พาให้หัวใจคนอ่านตุ้มๆต่อมๆ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
กลับบ้านเถอะค่าาาาา พลีสส

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
น้ำตาจะไหล คลอมาตลอดอนนี้เลย
พี่ธัญน่าสงสาร
พร้อมภูมิก็น่าสงสาร

เราเข้าใจความสับสนของน้องภูมินะ
แต่ตอนนี้ก็เริ่มกระจ่างแล้วสินะ
ว่าพี่ธัญรัก และภูมิรักพี่ธัญมากแค่ไหน

กลับมาเป็นครอบครัวเถอะนะ
ความเศร้า ไม่สดใส ไม่เหมาะกับทั้งสามคนหรอก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ทำดีค่ะน้องภูมิ ปรบมือ !!

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เอาพี่ธัญญ์กลับบ้านให้ได้นะสองพ่อลูก!!

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :ling1:

กรีดร้องงงงงงงงงงงง ค่อดดีใจ  :hao5:

ออฟไลน์ Burry1004

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องภูมิไม่โกรธพี่ธัญญ์เค้าแล้วใช่ไหมลูกกกกก :sad4:
ตอนนี้อ่านแบบกลั้นหายใจไปอ่านไปเพราะหน่วงมากเเต่เห็นพฤติกรรมน้องภูมิตอนนี้เเล้วก็ค่อยวางใจหน่อยว่าหลังจากนี้คงดีขึ้นกว่าเดิม
งานนี้ตอนกลับบ้านคุณพ่อภูคงได้พาน้องธัญญ์กลับด้วยเลยไหมค่ะ 5555

ปล.เราชอบตอนน้องภูมิคุยกับพี่ตังจังเลยค่ะ น่ารักดี  :o8:

 

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
บังเอิญมากมากินร้านที่พี่ธันญ์ทำงานพอดี พี่ธันญ์จะยอมกลับไปด้วยเหรอ

ออฟไลน์ ♥♥ดอกช่อบานสะพรั่ง♥♥

  • เหรียญยังมีสองด้าน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
น้องภูมิพาพี่กลับบ้านให้ได้นะ

 :กอด1: :pig4: :L1:


ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
บอกได้คำเดียว





                         "หน่วง"

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
ทำไมอ่านแล้วมันจุก

ออฟไลน์ BeauBeeiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
" ความหมายสิยืนยง " ชอบคำนี้้!!!!!

อ่านไปลุ้นไปจริงๆ น้องภูมิจะทำยังไง ทำตามใจตัวเองค่ะลูก

ป้าแนะนำเลย อย่าฝืนค่ะ มันไม่มีความสุขหรอกนะ

สู้ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด