┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]  (อ่าน 469020 ครั้ง)

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
ลุงภู โอกาสสุดท้ายแล้วนะ

จะเลือกอะไร ยังไงก็อย่าปล่อยให้คนที่เหลืออยู่เสียใจ

ออฟไลน์ therappizdrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
กลับบ้านเราค่ะลูกธัญญ์  :hao5: โดนลุงถีบ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

อย่างน้อยน้องภูมิก็ยังรักพี่ธัญญ์เหมือนเดิม ให้อภัยค่ะ

แต่ยังหมั่นไส้พระเอกเหมือนเดิม ฮ่าๆๆๆๆ

รองวดหน้าค่า

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
เข้าใจกันแล้วสินะ
ดีใจแทน บางทีก็ต้องลองเว้น
ระยะห่างของกันและกันดูบ้างอ่ะเนอะ
จะได้รู้ว่าเราขาดอะไรไป

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
อยากเขกหัว พี่ตัง จังเบย

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เจอกันแล้ววววววว
เอาพี่ธันกับบ้านให้ได้น่ะ
เอาอีกๆๆๆ

ออฟไลน์ Bellze12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ทำให้ธญญ์กลับบ้านให้ได้นะลูก

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
เราร้องไห้เลยตอนที่ธัญญ์ต้องนอนโอบกอดตัวเองเมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้อง
ที่จริงเวลาแบบนี้คุณภูคงโอบกอดปลอบขวัญให้ธัญญ์ได้อุ่นใจเหมือนที่ผ่านมา 
สงสารธัญญ์มากๆ  คงไม่ได้อยากจะห่างจากบ้านมาเลยแต่ก็ต้องทำเพื่อคนที่รักทั้งสองคน

เราก็เห็นใจและเข้าใจคุณภูนะ  ธัญญ์ก็คงภูมิใจที่คุณภูเป็นพ่อที่ทำอะไรๆเพื่อลูกจริงๆ  ธัญญ์รักคนไม่ผิดเลย
แต่ห่างกันแบบนี้ก็เห็นแล้วว่าไม่มีใครมีความสุขขึ้นมาเลย  โดยเฉพาะน้องภูมิ สงสารน้องภูมิมากๆเช่นกัน
รอลุ้นวิธีใหม่ของคุณภูมากๆค่ะ  เอาธัญญ์กลับบ้าน  กลับมาเป็นครอบครัวสุขสันต์นะคะ

นักเขียนแต่งนิยายก็เก่งทำให้เราอินมากๆเลย  วาดรูปก็เก่งสีหน้าแววตาใช่ตัวละครตัวนั้นเลยค่ะ
คุณธเนศอย่าเพิ่งมาสร้างปัญหาให้ครอบครัวนี้นะคะ  แค่ดูรูปเราก็รู้สึกเกรงกลัวคุณธเนศมากๆเลย
ส่วนรูปจุ๊บกัน กรี๊ดมาก มองจากด้านหลังธัญญ์แล้วโรแมนติกมาก 
คุณภูก็ไม่ลืมหื่น โอบกอดไว้ข้างหนึ่ง อีกมือก็ไม่ลืมจับก้นด้วย555  ชอบมากๆค่ะ  วาดมาให้ดูอีกนะคะ
ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ :L2: :กอด1:


ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
รีบปรับความเข้าใจ กลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิมเร็วๆ นะ   :mew2:

ออฟไลน์ kanunsak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
โอ้ย.... น้ำตารื้นกี่รอบแล้วเนี่ย  ไม่ไหวแล้วน้า อย่าห่างกันอีกเลย กลับมาอยู่ด้วยกันแบบเดิมเหอะ ห่างกันแล้วใจมันหน่วงแทนอ่ะ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ค่อยๆ อ่าน ถึง งวดที่ 5 ละ ..

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ขอให้ธัญกลับมาเป็นครอบครัวกับน้องภูมิเร็วๆ

ออฟไลน์ Monnee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :ling1: :ling1: :ling1:  :ling1: :ling1:
กรีดร้องไห้โหยหวน...........น้องธัญญ์นันนนนนนน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
มันหน่วงมาก จะร้องไห้แล้วนะ   :katai1:

ออฟไลน์ sanny

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-120
เคยอ่านครั้งหนึ่ง แต่เลิกอ่อนไป เพราะไม่ชอบความใจง่ายของนายเอก
แต่เพิ่งไปเจอกระทู้แนะนำนิยายเวปหนึ่ง เลยลองกลับมาอ่านอย่างตั้งใจ
ถือว่าพลาดมากๆที่ตอนนั้นตัดสินใจเร็วไปค่ะ คนแต่งแต่งออกมาดีมากๆ
เราอ่านจนทันมันนี้ ตั้งใจจะเม้นต์ตอนอ่านทันตอนล่าสุด

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
งวดที่ 12 ละ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ทำความเข้าใจกัน ..

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ย่างเข้าเดือน 3 รอออออออ

ออฟไลน์ jillongame

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อืม คนแต่งจ้าต่อด่วนเลยได้ไหม อยากเห็นอยู่กันครบสามคนแล้ว โอ้ยใจะขาด อะไรจะอิสปานนี้ พ่อลูกซินพอกัน รักก็บอก รักก็รักษาคนที่รักไวสิ นี้เสียเค้าไปแล้วค่อยคว้าเค้ากลับมา เหอะ แต่ก็ยังดีที่คิดได้ทัน แต่น้องเด็กนี้ไม่แปลก แต่อะไรคือปล่อยให้หายไปง่ายอะไอคุณพ่อ อืมอิน

ยังก็รออยู่น่ะอย่าเป็นนิยายรายเดือนเลย ใจจะขาดด

ออฟไลน์ Rainbow_sky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ มันค้างคามากเลยคะ

ออฟไลน์ evz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาไหล2รอบเลยค่ะ
พาร์ทที่เล่าถึงนุ้งธัญญ์ก็สงสารนุ้งธัญญ์
พาร์ทที่เล่าถึงลุงก็สงสารลุง
น้องภูมิเองก็น่าสงสารเพราะยังเด็กเลยสับสน
เพราะตัวเองรักทั้งคุณพ่อและพี่ธัญญ์ อาจจะรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง
แต่น้องภูมิก็รักพี่ธัญญ์มากนะ
ดีใจที่คนเขียนไม่ปล่อยให้คนอ่านช้ำในไปมากกว่านี้
เรารู้สึกทนไม่ได้จริงๆค่ะที่3คนนี้จะต้องแยกกันทั้งอย่างนี้
ตอนต่อไปขอเวลาหวานยาวๆก่อนนะคะ
จิตใจไม่พร้อมรับดราม่าเลยค่ะ 55555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก  ├

งวดที่ 15




ภูเมศก้มลงมองปฏิกิริยาลูกชาย ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร เด็กน้อยกลับส่งสายตาขอความช่วยเหลือ..ไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม

...เว้าวอนและเต็มไปด้วยความคาดหวัง เหมือนครั้งหนึ่งที่เคยมองมาตอนกำลังจะถูกคุณแม่ซึ่งกำลังโมโหเตรียมลงโทษด้วยการยึดหนังสืออ่านเล่น เพราะเจ้าตัวเล็กละเลยการบ้านจากโรงเรียน ครั้งหนึ่งที่มองเขาสลับกับหุ่นของเล่นตัวใหญ่ในห้างสรรพสินค้าแทนคำร้องขอ และครั้งหนึ่งซึ่งเคยอ้อนจะขอเลี้ยงแมวแต่เขาไม่อนุญาตเพราะเขาแพ้ขนแมว

เกือบนาทีหลังจากนั้นที่เฝ้าครุ่นคิดถึงเหตุผลทั้งหลายอย่างไร้ประโยชน์ สุดท้ายจึงทำตามความปรารถนาที่ถูกซุกซ่อนไว้เรื่อยมา ตัดสินใจเอ่ยถ้อยคำเดียวกับที่เขาเห็นภาพตัวเองถามประโยคนี้กับธัญญ์ในห้วงคำนึงซ้ำ ๆ นับตั้งแต่วันที่อีกฝ่ายจากไป

“กลับมา...ได้ไหม?”

แค่ไม่กี่พยางค์เท่านั้นเอง ทว่ากว่าจะเค้นเสียงออกมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด เอาเข้าจริงจึงดังอยู่งึมงำแค่ในลำคอ ฟังแทบไม่เป็นภาษา คงชวนขายหน้าพอจะทำให้คนฟังขำออกมาได้

แต่ธัญญ์ไม่ได้หัวเราะ และหากจะมีอะไรบนใบหน้าบอกให้รู้ว่าสะดุดกับถ้อยคำนั้นสักนิด ก็คงเป็นแค่การกะพริบตาสองสามครั้ง ก่อนรอยยิ้มแบบเดิมจะกลับมาอีกหน

สุภาพ...และเป็นทางการ

“ได้สิครับ” ธัญญ์รับคำเสียงเรียบ

เขาแทบไม่เชื่อหู เกือบจะยิ้มออกมาแล้ว หากแต่รอยยิ้มนั้นมีอันต้องชะงักลง เมื่ออีกฝ่ายพลิกข้อมือเบา ๆ ให้หลุดจากที่ถูกมือเขาเกาะกุมไว้ได้ง่ายดาย จากนั้นหันไปค่อย ๆ แกะมือพร้อมภูมิออกจากชายเสื้อตัวเองเช่นกัน

นุ่มนวล ทว่าไม่เปิดช่องให้อิดออด

แต่อย่างน้อยก็บอกว่า ‘ได้’ ใช่ไหม? ไม่ได้ฟังผิดใช่หรือเปล่า?

หัวใจเขาเต้นรัวเร็วจนปวดหนึบอยู่ในอก ภาวนาให้อีกฝ่ายพูดอะไรต่อจากนั้นบ้าง

“อีกสักครู่จะกลับมา...รับออร์เดอร์นะครับ”

นั่นไม่ใช่ที่เขาอยากได้ยิน

‘ได้’ ของธัญญ์ เป็นคนละความหมาย เขาลืมไปได้อย่างไรว่าเด็กคนนี้ถนัดเรื่องเล่นลิ้นให้ต้องปวดหัวอยู่เรื่อย เสียงเกือบจะเรียกได้ว่าเย็นชาทำลายความหวังของเขาโดยสิ้นเชิง ความตื่นเต้นยินดีที่เพิ่งปะทุขึ้นเมื่อวินาทีก่อนเลือนหายไปรวดเร็ว เหมือนไม้ขีดไฟที่ส่องแสงขึ้นวูบหนึ่งแล้วดับลง เหลือเพียงควันเป็นเส้นสายสีเทาจืดจางเมื่อไฟมอด

ธัญญ์ยังคงเป็นธัญญ์คนเดิม แต่คล้ายเป็นคนเดิมที่ไม่ใช่ของเขาอีกแล้ว

ฝ่ายนั้นค้อมศีรษะน้อย ๆ ก่อนหันหลังจากไป สรรพเสียงจ้อกแจ้กของผู้คนรอบกายราวกับเพิ่งเริ่มดังขึ้นอีกหน

สองพ่อลูกมองตามแผ่นหลังเหยียดตรงนั้นจนลับสายตา ครู่ใหญ่กว่าจะหันมามองหน้ากันตาปริบ ๆ ผู้เป็นพ่อนั้นลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเมนูที่นึกไว้เสียดิบดีตั้งแต่ก่อนเดินเข้าร้านมีอะไรบ้าง

เขาฝืนยิ้มให้ลูกชาย คล้ายคราวนั้นที่เคยยิ้มอ่อนใจให้ เมื่อพร้อมภูมิถูกคุณแม่ยึดหนังสืออ่านเล่นไปจนได้เพื่อเป็นการทำโทษ  และหนนั้นที่เด็กน้อยไม่ได้รับอนุญาตให้เลี้ยงแมว ไม่ว่าจะร้องขอหรือส่งสายตาอ้อนวอนสักเพียงใดก็ตาม

คิดถึงตรงนี้แล้วทั้งขำและใจหายไปพร้อม ๆ กัน จะว่าเป็นตลกร้ายก็อาจใช่ พี่เลี้ยงลึกลับที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่มา แล้วจู่ ๆ ก็เดินออกไป เปลี่ยนรูปแบบของเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับทั้งเขาและลูกชายไปอย่างสิ้นเชิง ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นช้า ๆ จนแทบไม่รู้สึกตัว แต่ค่อยมองเห็นชัดเจนเมื่อได้สูญเสียสิ่งนั้นไปแล้ว

ธัญญ์ทำอย่างไรกันนะ พร้อมภูมิจึงไม่เคยถูกยึดหนังสืออ่านเล่น ทั้งนับวันมีแต่มันจะเพิ่มจำนวนขึ้น ทว่าก็ไม่เคยละเลยจนทำการบ้านไม่เสร็จอีก ทำอย่างไรจึงตกลงกับลูกชายเขาได้ดิบดีว่าเวลาไหนที่จะเป็นผู้รับ และเวลาไหนควรหยุดร้องขอ เท่านั้นไม่พอ ยังพากันเอาแมวเข้ามาเลี้ยงในบ้านจนได้ โดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้เขาที่ก็ยังแพ้ขนแมวอยู่เช่นเดิม

แล้วตอนนี้ยังทำสองคนพ่อลูกวุ่นวายใจไปอีกยกใหญ่

คนที่ทำแบบนี้ได้ เห็นจะมีแค่คนเดียว

แต่ก็เป็นคนเดียวที่ทำหลุดมือไปแล้ว





เย็นวันนั้น พวกเขาหิ้วความผิดหวัง กลับบ้านกันแค่สองชีวิต

แม้แสนเสียดาย ทว่าคนทั้งคน จะให้พาไปพากลับง่าย ๆ เหมือนสิ่งของคงไม่ได้ ติดตรงความรู้สึกที่เหวี่ยงไปมาตั้งแต่ตอนคิดจะตัดใจ จนได้เจอกันอีกหน มีความหวังขึ้นอีกครั้ง ก่อนทั้งหมดนั้นจะพังครืนลงอีกคราวในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง ทำเขาเสียศูนย์ไปพักใหญ่

ขนาดตัวเองโต ๆ อย่างนี้แล้วแล้วยังตั้งตัวแทบไม่ติด ประสาอะไรกับลูกชายอายุแค่เก้าขวบ พร้อมภูมินั่งเหม่อสลับกระสับกระส่ายเป็นครั้งคราว ประเดี๋ยวก็ทำตาแดง ๆ ประเดี๋ยวก็ถอนหายใจ หน้าตาเหมือนมีอะไรคาใจอยากถามแต่ก็ไม่กล้า อ้ำอึ้งเพียงลำพังก่อนจะเงียบไป รอบล่าสุดเดินวนไปวนมาครู่หนึ่ง จึงค่อยมานั่งนิ่งบนโซฟา โยกตัวไปมาเหมือนคนคิดไม่ตก

ภูเมศเม้มปาก เดินเข้าไปย่อตัวลงนั่งด้านข้าง เอื้อมมือโอบไหล่เด็กน้อยไว้หลวม ๆ

“เป็นไง?”

เขาถามกว้าง ๆ ไม่หวังคำตอบ แต่คราวนี้ไอ้ตัวเล็กคล้ายทนอัดอั้นแค่กับตัวเองไม่ไหว ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นแผ่วเบา

“...พ่อครับ..”

เขาเหลียวมองใบหน้าลูกชายตามเสียงเรียก

“ว่าไงครับ”

“...พี่ธัญญ์...เขา..” พร้อมภูมิก้มลงจ้องมองมือที่กำแน่นอยู่บนตักตัวเอง “..เขาโกรธพวกเรา...ใช่รึเปล่า..”

ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ยกนิ้วมือขึ้นถูปลายจมูกตัวเองเบา ๆ

“...พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ไม่รู้เลยจริง ๆ

หลังจากได้พูดคุยกันเพียงสั้น ๆ คนที่กลับมารับออร์เดอร์อาหารในภายหลังกลับเป็นพนักงานคนแรกที่ขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ ไม่มีวี่แววของธัญญ์อยู่ตรงส่วนใดของร้านที่สายตาสามารถมองเห็น

ใช่ว่าเขาจะหยุดอยู่เพียงเท่านั้น หลังจากทำเป็นเดินวนดูโน่นดูนี่ทั่วร้านจนผู้คนเริ่มมองมาด้วยสายตาสงสัย เขายังขอเข้าไปดูถึงในครัวด้วยซ้ำ อ้างอย่างไร้สาระว่าอยากคุยกับพ่อครัว กระทั่งสุดท้ายถูกซักไซ้กึ่งบังคับถามจนต้องสารภาพว่ากำลังมองหาชายหนุ่มชื่อธัญญ์ที่เห็นทำงานอยู่ที่นี่ แนะนำตัวอย่างคลุมเครือว่าเป็นคนรู้จักซึ่งไม่เจอกันมาสักระยะ จึงได้รับคำตอบพร้อมสายตาคลางแคลงว่าอีกฝ่ายบอกติดธุระวันนี้ ขอกลับไปก่อนได้พักใหญ่แล้ว

สำหรับเขาเอง ถือว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผลหากธัญญ์จะโกรธ ในเมื่อครั้งหนึ่งเจ้าตัวเคยต้องจากบ้านหลังนี้ไป โดยที่เขาเพียงแต่มองโดยไม่คัดค้าน ส่วนหนึ่งยังเป็นตนเองด้วยซ้ำที่เสนอว่าอาจต้องลองห่างกันดู เพียงเพื่อจะพบว่าได้ทำเรื่องผิดพลาดลงไปเสียแล้ว

แต่การที่ได้พบกันอีกครั้งเช่นนี้ ก็ถือว่ายังมีโอกาสแก้ตัวไม่ใช่หรือ อย่างน้อยเขาก็รู้แล้วว่าธัญญ์ทำงานอยู่ไหน เพียงหวังว่าจะไม่ออกจากที่นั่นไปเสียก่อน ถ้าสืบต่อสักหน่อย ไม่น่าลำบากกับการหาที่พักปัจจุบัน

ชายหนุ่มจ้องมองลูกชายพลางครุ่นคิดไปด้วย สีหน้าผิดหวังยังค้างอยู่บนใบหน้าเด็กน้อยไม่จางหาย

“ภูมิ”

พร้อมภูมิเหลือบตาขึ้นมอง “ครับ?”

“เรื่องพี่ธัญญ์น่ะ...” เขาค่อย ๆ พูดออกมาช้า ๆ ให้เวลาคนฟังได้ไตร่ตรอง

อาจต้องอาศัยระยะเวลามากหน่อยสำหรับเด็ก แต่อย่างน้อยเขาจะได้แน่ใจว่าที่ทำอยู่นี้ดีกับลูกชายจริงหรือเปล่า

“ลูก..อยากให้พี่เขากลับมาไหม?”

เด็กชายอ้าปาก แต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา ไม่พูดไม่จาอีกหลายนาที

ภูเมศพยายามทำตัวผ่อนคลาย ไม่เร่งรัด ไม่กดดัน เพียงแต่โอบไหล่เด็กชายไว้เงียบ ๆ

กระทั่งในที่สุด คำถามหนึ่งก็ถูกเอ่ยออกมาแผ่วเบา

“พ่อรักผมไหม”

เขาเลิกคิ้ว ไม่เห็นต้องเสียเวลาคิดเรื่องนั้นสักนิด อะไรทำให้พร้อมภูมิคิดว่าเขาจะไม่รักกัน

“รักสิครับ”

เด็กชายพยักหน้าเชื่องช้า เหมือนคาดเรื่องนั้นไว้อยู่แล้ว แต่ดูผ่อนคลายขึ้นมาบ้างนิดหน่อย

“พ่อรักแม่ไหม..”

เขาชะงักไป ใช้เวลาอึดใจหนึ่งจึงตอบพร้อมรอยยิ้ม

“รักครับ ครั้งหนึ่งพ่อเคยรักแม่ ถึงตอนนี้จะไม่ใช่ความรักแบบเดิม แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน” ต่อด้วยคำพูดที่เด็กหลายคนอาจจะไม่ชอบฟัง ทว่ามันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ “..ไว้สักวันลูกจะเข้าใจ”

เด็กชายผงกศีรษะรับ ก่อนคำถามที่สามจะตามมา เว้นช่วงนานกว่าสองคำถามแรก

“...แล้วพ่อว่า...พี่ธัญญ์...”

เขานั่งมองอยู่นาน กว่าพร้อมภูมิที่นั่งก้มหน้าก้มตาจะต่อจนจบประโยค

“...พี่ธัญญ์รักผมไหม?”

ถึงตรงนี้คงต้องยอมรับว่าเป็นคำถามที่เขาไม่ได้คาดไว้

ภูเมศคลี่ยิ้มอ่อนใจ ไพล่นึกไปถึงของเล่นกองพะเนินที่ธัญญ์เคยซื้อให้พร้อมภูมิ หนังสือสารพัดอย่างที่ไม่รู้ไปสรรหามาจากไหน สอนการบ้าน สอนกระทั่งวิธีต่อสู้แปลก ๆ ให้ ปากว่าไม่ชอบแต่ก็คอยตามโอ๋ ทุกคืนต้องส่งเข้านอน ทุกเช้าต้องหาข้าวหาปลาให้ คิดไปจะดูแลลูกชายเขาดีกว่าที่ทำให้เขาเสียด้วยซ้ำ ให้ปากแข็งบอกว่าเกลียดเด็กอย่างไร แต่ย่อมดูออกได้ง่ายดายว่าเอ็นดูเด็กชายอยู่ไม่น้อย

ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักของโซฟา แหงนหน้ามองเพดานว่างเปล่า

“ถึงเขาจะไม่เคยพูดก็เถอะ แต่ลูกดูออกไหม”

“ดูเองเหรอ?”

“อื้ม”

“..ก็...” พร้อมภูมิพึมพำ ครุ่นคิดถึงคนที่หายไปนานพลางยกมือขึ้นเอานิ้วถูปลายจมูกเบา ๆ ด้วยท่าทางแทบถอดแบบจากผู้เป็นพ่อ “..ก็คิดว่ารัก”

ภูเมศยิ้ม เอื้อมมือไปลูบผมเด็กน้อย “งั้นเราก็คิดเหมือนกันนะ”

พอได้ยินอย่างนั้น สีหน้าค่อยดีขึ้นตามลำดับ

“แล้วพ่อรักพี่ธัญญ์ไหม”

“หือ?”

คุณลูกชายถามวนไปวนมาประหนึ่งกำลังพยายามวางแผนผังความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาขึ้นในหัว เห็นผู้เป็นพ่อเงียบไปพักใหญ่ ดวงตาใสแจ๋วคู่นั้นกลับยิ่งจ้องมองมาอย่างรอคำตอบ

ภูเมศเม้มปาก ยกมือขึ้นแตะปลายจมูกตัวเองเบา ๆ ด้วยความประหม่า สุดท้ายก็ถอนหายใจยาวอย่างยอมแพ้ แล้วค่อยคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้ลูกชาย

“รัก”

ทั้งที่เป็นเสียงเขาเอง ทว่ากลับแปลกหูเหลือเกิน

รัก

อุตส่าห์ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาได้สักที แต่บุคคลผู้ถูกกล่าวถึงด้วยคำสำคัญนั้นกลับไม่ได้อยู่ฟังตรงหน้า

“แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่ากับที่พ่อรักลูกหรอก” เขายิ้มกว้างขึ้นอีก “ลูกอยากให้เป็นแบบไหนล่ะ”

“..ผม..ไม่รู้” พร้อมภูมิพึมพำ ก้มลองมองนิ้วมือตัวเอง “อยากให้เป็นแบบไหนคืออะไร ไม่เห็นเข้าใจเลย”

“นั่นสินะ” ชายหนุ่มพยักหน้าน้อย ๆ เอามือยีผมลูกชายไปมา “เอางี้ดีกว่า พ่อถามบ้างได้ไหม”

“เอาสิครับ”

“ลูกรักพี่ธัญญ์รึเปล่า”

แก้มใส ๆ ของเด็กชายขึ้นสีแดงระเรื่อ ทั้งจมูกก็พลอยแดงไปด้วย ทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ค่อยส่งเสียงตอบรับในลำคอ

“อื้อ...”

“แล้ว..อยากให้เขากลับมาอยู่กับพวกเราไหม”

“..ผม...อยาก...แต่ก็...ไม่อยาก” เด็กชายพูดออกมาเองแล้วทำหน้างงเอง เฉไฉไปเรื่องอื่นที่ยังค้างคาใจอยู่ดื้อ ๆ “แต่เขาโกรธอยู่แน่ ๆ”

“ทำไมล่ะ”

“เขาไม่พูดกับผมเลย เขาไม่คุยกับพ่อแบบเดิมแล้วด้วย”

“นั่นสิ” คราวนี้ภูเมศพยักหน้าเออออ “โดนโกรธทั้งคู่แหงเลย”

“แล้วเขาจะหายโกรธไหม”

“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน” ชายหนุ่มพึมพำไปตามน้ำ ยินดีอยู่ลึก ๆ ที่พร้อมภูมิดูจะพูดคุยออกมามากขึ้น “ทำยังไงดีนะ”

“ถ้าง้อเขาจะหายโกรธไหม”

เมื่อโดนถามซ้ำ เขาเลิกคิ้วน้อย ๆ เอียงคอมองลูกชาย “ไม่แน่ใจ อยากรู้ก็ต้องลองดูละมั้ง”

“หรือไม่ก็จ้างเขาอีกที”

“จ้างหรือ?”

ท่ามกลางบรรยากาศหม่นหมองที่ติดค้างอยู่มานาน นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ภูเมศเกือบหลุดหัวเราะออกมาจริง ๆ เมื่อได้ยินลูกชายพูดเหมือนครั้งหนึ่งที่เจ้าตัวเคยบอกอะไรทำนองนี้อยู่เหมือนกัน

“..ก็...ถ้าพ่อไม่จ้างแล้ว เดี๋ยวผมจ้างเองก็ได้”

คราวนี้ชายหนุ่มจำได้ชัดเจนขึ้นมาทันที ไอ้ลูกชายของเขาพูดแบบเดิมจริง ๆ ด้วย

“จะเอาเงินที่ไหนจ้างล่ะ”

พร้อมภูมิหันมาทำหน้าเหย “..ยืมพ่อได้ไหม”

เขาแสร้งพยักหน้าอย่างชั่งใจ “แล้วถ้าพ่อไม่มีล่ะ”

“..ก็ยืมพี่ธัญญ์ก่อน..” พอชื่อนั้นหลุดจากปาก สีหน้าเจ้าตัวกลับวิตกขึ้นมาอย่างคนเพิ่งนึกได้ “แต่เขาต้องไม่ให้ยืมแน่เลย เขาโกรธผมอยู่...ทำไงดีล่ะ”

“อืม..ยากเลยนะ” เขามองหน้าลูกชาย ทำทีว่าขอความเห็น “เวลาโกรธกับเพื่อนทำยังไงล่ะ”

พร้อมภูมิกะพริบตาปริบ ๆ “..ผมไม่ค่อยโกรธกับเพื่อน” จากนั้นอ้าปากขึ้นมาอีกหนเมื่อนึกอะไรออก “แต่บางทีก็โดนพี่ตังโกรธจนต้องไปง้อ”

“แล้วง้อยังไงหรือ?”

“ก็...ไปขอโทษ” เด็กชายพยักหน้าทบทวนความจำ “..เอาขนมไปให้ แล้วก็ทำเรื่องตลก ๆ ให้ขำ”

ภูเมศยิ้มน้อย ๆ “แล้วพี่เขายอมคืนดีด้วยไหม”

“พี่ตังดุ แต่บ้าจี้ เส้นตื้นด้วย...” พร้อมภูมิพึมพำ “ทำให้หัวเราะมาก ๆ เดี๋ยวก็หาย”

“อ้อ”

“แต่พี่ธัญญ์ไม่เหมือนกันนี่นา”

“ยังไม่ได้ลองเลย”

“งั้นไปลองดูกันไหมครับพ่อ”

ภูเมศหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง แววตาและน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นกว่าเก่า

“สรุปว่าอยากให้ตามพี่เขากลับมา?”

พร้อมภูมิเมื่อถูกทักเข้า จึงค่อยนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเพิ่งพูดเรื่องหาทางง้ออีกฝ่ายออกมาเป็นคุ้งเป็นแคว

ภูเมศโคลงศีรษะน้อย ๆ ทั้งเอ็นดูทั้งสงสารลูกชาย ในเมื่อเรื่องออกมาเป็นเช่นนี้ หากไม่เหลือที่ให้ถอย ก็มีแต่จะต้องพยายามหาทางออก เขาอยากให้ทุกสิ่งค่อยเป็นค่อยไป ไม่อยากก้าวพลาดให้มีใครต้องเสียใจอีก
 
“ค่อย ๆ คิดก็ได้” เขาคลี่ยิ้ม ลูบผมเด็กน้อยแผ่วเบา “พ่อรักลูกที่สุดรู้ไหม อยากให้เราได้ตัดสินใจด้วยกัน ถ้าอยากให้พี่ธัญญ์กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกับเรา พ่อก็จะไปตามเขากลับ แต่ถ้าไม่อยาก พ่อก็จะปล่อยเขาไป”

“...ปล่อยไปคือยังไงครับ” พร้อมภูมิเงยหน้าสบตาเขา “ถ้าปล่อยไปจะได้เจอกันอีกไหม”

เขาเม้มปาก ย่อตัวลงให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับลูกชาย แววตาไหวระริกเพียงชั่วครู่ แต่เมื่อปิดเปลือกตาแน่น ๆ ครั้งหนึ่งแล้วลืมขึ้นใหม่พร้อมความตั้งใจแน่วแน่ ความหนักแน่นมั่นคงกลับสะท้อนชัดในดวงตาคู่เดิม

“พ่อรักเขาเหมือนที่ครั้งหนึ่งเคยรักคุณแม่ของลูก” ภูเมศค่อย ๆ พูดออกมาเนิบช้า ชัดถ้อยชัดคำ “คิดว่าลูกน่าจะพอรู้บ้างแล้ว แต่ถ้าภูมิไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น พ่อจะเลิกยุ่งกับพี่เขา จะไม่เจอกันอีกแล้ว”

“ไม่เจออีก?”

“อืม” ชายหนุ่มพยักหน้า “ไม่อีกเลย เราอยู่กันสองคนพ่อลูกเหมือนเดิม เพราะถ้าเจอกันอีกแต่เราทั้งสองคนไม่รักเขา พี่ธัญญ์จะน่าสงสารมากจริงไหม ทำเรื่องเห็นแก่ตัวแบบนั้นไม่ได้นะ”

เด็กชายฟังไม่ค่อยเข้าใจนัก พยายามคิดตามแต่ก็ต้องมุ่นคิ้ว

“ถ้ารักพี่เขาไม่ได้ ก็ต้องปล่อยเขาไป”

ความลังเลฉาบฉายบนใบหน้าอ่อนเยาว์

“แต่ผมก็รักพี่ธัญญ์นะ”

ภูเมศระบายยิ้มบาง

“ถ้าอย่างนั้นลูกต้องถามตัวเอง ใคร่ครวญให้ดี ว่ารักพอจะให้เขาเป็นคนในครอบครัวเราไหม”








สองวันล่วงเลยไปนับจากเหตุการณ์ในร้านอาหารเย็นนั้น

หลังจากคุยกันเสียยาวตอนกลับถึงบ้านแล้ว ด้วยเรื่องที่พร้อมภูมิฟังไม่ค่อยเข้าใจนัก พ่อไม่เอ่ยถึงชื่อพี่ธัญญ์อีกแม้แต่ครั้งเดียว

จนกว่าเขาจะตัดสินใจได้...พ่อบอกอย่างนั้น ส่วนเขาเองก็ยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจเกินกว่าจะกล่าวถึงอีก

ตอนนี้รู้แค่อยากให้กลับมา
 
แม้ยังลังเลอยู่ว่าหากธัญญ์กลับมาอยู่ด้วยอีกครั้ง แล้วเกิดเขาไปเห็นฝ่ายนั้นกับพ่อเขาใกล้ชิดในระดับราวกับเป็นคนรักเช่นเหตุการณ์คราวก่อน จะตกใจจนก้าวขาไม่ออกอีกหรือเปล่า

‘พ่อรักเขาเหมือนที่ครั้งหนึ่งเคยรักคุณแม่ของลูก’

พ่อว่าไว้อย่างนั้น

แต่พี่ธัญญ์ไม่ได้ทำตัวเป็นแม่อย่างที่พี่ตังบอก ไม่เหมือนกับแม่ของเขาเลยสักนิด แน่นอนเพราะว่าเป็นคนละคนกัน และฝ่ายนั้นก็เป็นผู้ชาย ต่อให้พ่อจะบอกว่ารักเหมือนกัน แต่จะเหมือนได้อย่างไร 

คิดวนไปเวียนมามากเข้ายิ่งไม่สบายใจ วุ่นวายอยู่ในหัวกระทั่งพักเที่ยง เพื่อน ๆ แยกย้ายไปกินข้าวหมดแล้ว แต่พร้อมภูมิตัดสินใจเดินแยกออกมา ตรงไปยืนรอพี่ตังแถวหน้าห้องเรียน 

ไม่นานนักคุณครู ก็ประกาศจบคาบเรียนแล้วเดินออกจากห้อง ครู่หนึ่งบรรดารุ่นพี่จึงค่อย ๆ ทยอยเดินออกตามมาพร้อมเสียงจ้อกแจ้กจอแจ แต่คนที่เขารออยู่ย่างก้าวอย่างใจเย็นเป็นคนเกือบสุดท้าย

“พี่ตัง”

หากไม่รีบเรียกไว้ก่อน ท่าทางจะถูกเดินผ่านเลยไปดื้อ ๆ

เจ้าของชื่อชะงัก หันมาตามเสียงเรียก สีหน้าแทบไม่เปลี่ยนสักนิด

พร้อมภูมิไม่รอให้อีกฝ่ายถาม ชิงพูดขึ้นก่อนอย่างกระตือรือร้น

“ไปกินข้าวกัน”

สตางค์พยักหน้า ไม่ถามไถ่ที่มาที่ไปสักคำ เหมือนชินแล้วกับสถานการณ์เช่นนี้ เดินนำไปตามทางที่เชื่อมสู่โรงอาหาร

ทว่ายังไปได้ไม่ทันเท่าไร เมื่อเริ่มพ้นสายตานักเรียนคนอื่นแล้ว พร้อมภูมิกลับกระตุกแขนเสื้อฝ่ายนั้น พูดเสียงเบาจนเกือบเป็นกระซิบ

“..ไปกินข้างนอกกันไหม”

รุ่นพี่เลิกคิ้ว มองเขาตาปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ “ข้างนอก?”

“อื้อ”

“ที่ไหน”

“ร้านอาหาร”

“ทำไมล่ะ”

“ก็...” พร้อมภูมิหลบตา “ก็อยากออกไป”

“จะโดดเรียนหรือ”

“เปล่าซะหน่อย”

“ออกจากโรงเรียนในเวลาแบบนี้ก็คือโดดเรียน”

เด็กชายเถียงไม่ออก พออีกฝ่ายพูดให้นึกได้อย่างนั้นแล้วเกิดรู้สึกผิดขึ้นมา พ่อรู้เข้าต้องโกรธแน่นอน ได้แต่พึมพำอย่างไม่แน่ใจ เสียงค่อยลงจนแทบหายไปตอนท้ายประโยค “เราก็แค่กลับมาให้ทันก่อนหมดพักเที่ยง”

เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แต่มือก็ยังดึงแขนเสื้ออีกฝ่ายไว้อย่างดื้อดึงจนเจ้าตัวถอนใจเฮือก ถามกลับอย่างเสียมิได้

“จะไปที่ไหน”

“ใกล้ ๆ นี้เอง” เขาอ้อมแอ้ม “กุหลาบขาว”

พอเอ่ยชื่อร้านออกไป สตางค์ยิ่งมองเขาด้วยสีหน้างุนงงกว่าเก่า จากนั้นส่งคำถามกลับมาเป็นชุด

“ทำไมถึงอยากไปที่นั่นล่ะ ไปเองมีเงินหรือ? ไม่กี่วันก่อนพ่อนายก็เพิ่งพาไปกินไม่ใช่หรือไง”

“หรือถ้าไม่กิน” เขาต่อรอง “แค่ไปดูเฉย ๆ ก็ได้”

อีกฝ่ายหรี่ตา “ดูอะไร”

พร้อมภูมิเงียบ

“งั้นก็ไปเอง” พอไม่ได้คำตอบก็ปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยเลยเชียว “พี่ไม่ได้อยากดูด้วยเสียหน่อย”

ไม่พูดเปล่า ยังพยายามแกะมือเขาออกจากเสื้อตัวเองอีก แต่เพราะเป็นเด็กเหมือนกัน เรี่ยวแรงสูสีกันเลยทำได้ลำบาก ไม่เหมือนที่พี่ธัญญ์แกะมือเขาออกจากชายเสื้อวันนั้น

“ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ” เขายังดื้อใส่ ตามตื๊อไม่เลิกต่อให้อีกฝ่ายจะพยายามเดินหนีทั้งอย่างนั้น “นะ...ไปด้วยกันหน่อย”

“ไปทำไม”

“ไปดู..”

“ดูอะไร?” กลับมาอีหรอบเดิม แต่คราวนี้โดนตาดุ ๆ ลุกวาวของรุ่นพี่กดดันจนต้องเอ่ยปากเสียอ่อย

“..ดู..พี่ธัญญ์”

“พี่ธัญญ์?” อีกฝ่ายทวนคำเหมือนไม่อยากเชื่อ “คนนั้นอีกแล้ว ไม่ใช่บอกเองว่าเขาทิ้งนายไปแล้วหรือ”

“ไม่ได้ทิ้งนะ!” พร้อมภูมิรีบร้อนปฏิเสธ ถึงแม้จะไม่เต็มปากเต็มคำเท่าไรนัก

“แล้วเขาไปทำอะไรที่ร้านอาหาร”

“...ทำงาน”

“แล้วนายจะไปทำอะไรที่ร้านอาหาร”

“...ก็ว่าจะ..ดู ๆ ...ว่าจะตามกลับบ้านดีหรือเปล่า”

สตางค์กลอกตา จังหวะนั้นดูโตกว่าวัยจนพร้อมภูมิทั้งหวั่นจนใจเต้นตึกตัก ทั้งอดนึกชมในใจไม่ได้

“นายเองยังไม่รู้เลยว่าจะไปทำอะไร”

ช่วยไม่ได้นี่ เขาเถียงอยู่ในใจ แต่ยิ่งกำเสื้ออีกฝ่ายแน่น ตั้งใจว่าอย่างไรก็ต้องลากไปด้วยกันให้ได้

“เดี๋ยวไปถึงแล้วก็รู้เองแหละมั้ง”

 


มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ

v
v
v
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2017 18:27:30 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
งวดที่ 15 (ต่อ)






ร้านอาหารอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเลย เดินไปแบบไม่ต้องรีบร้อนใช้เวลาแค่ราวสิบถึงสิบห้านาทีเท่านั้น แต่ลำบากตรงที่ต้องแอบมุดหนีตรงรั้วด้านหนึ่งของโรงเรียนซึ่งอยู่ลับตาคนนี่เอง

ดีเท่าไรแล้วที่ชวนสตางค์มาด้วย เขาเองเป็นคนต้นคิดแท้ ๆ แต่เอาเข้าจริงกลับไม่รู้จะหาทางออกจากโรงเรียนตรงไหนไม่ให้ถูกจับได้ ตอนแรกก็เดินนำอยู่ดี ๆ แต่พอเริ่มหันรีหันขวาง คนเดินตามก็ส่ายหน้าอ่อนใจ พาเดินหลบไปอีกทางหนึ่งแทน

“พี่ตังเคยโดดเรียนเหรอ?” เขากระซิบกระซาบ ใจเต้นตึกตักขณะก้มลงมุดรั้วที่ดูท่าจะถูกใช้เป็นช่องทางลับให้เด็กนักเรียนลอดผ่านไปมาไม่น้อย

“ช่างเถอะน่า” อีกฝ่ายยังเขี่ยคำถามที่ตัวเองประเมินแล้วว่าขี้เกียจตอบทิ้งไปหน้าตาเฉยเช่นเดิม

พ้นขอบรั้วโรงเรียนมาได้แล้วค่อยโล่งใจขึ้นบางส่วน เขาเริ่มพูดถึงเรื่องที่บ้านช่วงนี้โดยไม่จำเป็นต้องเกริ่นนำให้มากมาย เพราะตลอดมาก็ชอบมาเล่ามาถามเรื่องนั้นเรื่องนี้กับอีกฝ่ายเสมออยู่แล้ว

“ดูเหมือนว่าพ่อกับพี่ธัญญ์จะรักกัน” เด็กชายพึมพำ ขณะพวกเขาเดินลัดเลาะไปตามทางเท้า ห่อไหล่ให้อยู่ใต้เงาหยักไปมาของร่มไม้ริมถนน

สตางค์พยักหน้า ให้ความเห็นเสียงเรียบ “ก็ไม่แปลก”

“เอ๋?” พร้อมภูมิหันไปเลิกคิ้ว “ไม่แปลกหรือ”

“ไม่เคยเห็นหรือไง” สตางค์ยังคงตอบเรียบเรื่อยอย่างไม่ใส่ใจนัก เอาเท้าเตะก้อนกรวดเล็ก ๆ ก้อนหนึ่งให้กลิ้งหลุนไปข้างหน้าจนมันตกขอบทางไปแล้ว สายตาค่อยมองเลยไปยังรถที่วิ่งฉิวบนถนน “ผู้ชายที่เป็นตุ๊ด ผู้ชายที่แปลงเพศ ผู้ชายที่เป็นเกย์”

“แต่พ่อก็รักแม่นะ” เขาค้าน

“แต่ตอนนี้พ่อนายบอกว่ารักพี่เลี้ยงคนนั้นนี่”

“ตะ..แต่ผมก็รักพี่ธัญญ์เหมือนกัน”

“งั้นนายก็คงเป็นเกย์ด้วยละมั้ง”

“หา?”

“มาหาเหอใส่พี่ทำไมล่ะ”

พร้อมภูมิอ้าปากหวอ จนสตางค์เอ่ยขึ้นมาให้ได้สติ

“ถึงแล้ว”

“อ๊ะ!”

คนโตกว่าพยักพเยิดไปยังทางเดินเข้าร้าน มีป้ายตัวใหญ่ ๆ ติดไว้ด้านหน้าว่า ‘กุหลาบขาว’ บรรยากาศตอนเที่ยงวันต่างจากตอนเย็นที่เขามากับพ่อเมื่อสองวันก่อนไม่น้อย

เมื่อเขาหันตามไปจนที่หมายอยู่ในลานสายตาแล้ว สตางค์ค่อยหมุนตัวจะหันหลังกลับ แต่ถูกมือไวคว้าแขนเสื้อไว้ได้อีกหน

“พี่ตังจะไปไหน”

“กลับไง”

“อยู่ด้วยกันก่อนสิ”

“มาเป็นเพื่อนแล้วนี่” อีกฝ่ายทำเสียงเนือย “ที่เหลือก็จัดการเอง”

คนที่อุตส่าห์ตื๊อให้มาด้วยกันจนได้หันหลังเดินดุ่ม ย้อนกลับทางเดิมแบบไม่เหลียวมาซ้ำสองสักนิด

คราวนี้โดนปล่อยเกาะจริง ๆ เสียด้วย

หัวเดียวกระเทียมลีบเข้าแล้ว ความประหม่าที่ลืมเลือนไปพักใหญ่เพราะมีคนให้คุยด้วยก็พากันโหมเข้าจู่โจมอีกครั้ง หัวใจเต้นโครมครามอยู่ในอก ขาที่ก้าวไปข้างหน้าก็เริ่มจะสั่นพิกล

เขาล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง กำธนบัตรปึกหนึ่งที่แอบเอาเหรียญจากกระปุกไปแลกที่ร้านสะดวกซื้อมาวันก่อน จำนวนเงินรวมแล้วราวหนึ่งพันบาท อาจน้อยนิดสำหรับผู้ใหญ่บางคน แต่สำหรับเด็กประถมที่ไม่ค่อยได้กำเงินอย่างเขานับว่าไม่น้อยเลย

เด็กชายหยุดสูดลมหายใจลึก ๆ ตรงหน้าร้าน ต่อสู้กับความรู้สึกอยากวิ่งกลับโรงเรียนเสียเดี๋ยวนั้น บอกตัวเองว่าพี่ธัญญ์อยู่ข้างใน อุตส่าห์มาถึงนี่แล้ว จะถอยกลับไปดื้อ ๆ ไม่ได้

ขอดูหน่อยเดียวเท่านั้นเอง เห็นแล้วจะได้คุยกันหรือเปล่าค่อยว่ากันทีหลัง ถ้าโชคดีอาจได้ขอโทษสักคำก็ได้





ในร้านไม่ต่างจากครั้งก่อนที่มานัก มีลูกค้านั่งอยู่ตรงมุมนั้นมุมนี้ จำนวนน้อยกว่าเวลาเย็นอยู่บ้าง

พนักงานหนุ่มคนที่เคยต้อนรับเขากับพ่อเมื่อวันก่อน เมื่อสังเกตเห็นเด็กชายเดินเข้ามาเพียงลำพังก็ทำหน้างุนงง ชะเง้อมองออกมาหน้าร้านว่ามีผู้ใหญ่ตามมาด้วยหรือไม่ ครั้นไม่เห็นใครจึงยิ่งแปลกใจกว่าเก่า ส่งรอยยิ้มมาให้พร้อมทักทายว่ามาคนเดียวหรือ

พร้อมภูมิพยักหน้าอย่างประหม่า สายตากวาดมองไปทั่วร้าน ไม่เห็นคนที่ตั้งใจมาหาแล้วให้ใจแป้ว อยากเข้าไปดูหลังร้านก็ไม่รู้ควรทำอย่างไรดี

“มากินข้าวหรืออะไรน่ะเจ้าหนู” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง ท่าทางเป็นมิตร “นั่งก่อนไหม เดี๋ยวจะมีใครตามมาอีกหรือเปล่า”

คราวนี้เด็กชายส่ายหน้า สังเกตว่าอีกฝ่ายมองเขาอย่างพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า พอเห็นว่าอยู่ในเครื่องแบบนักเรียนแน่แล้วจึงโคลงศีรษะ พูดทีเล่นทีจริง 

“โดดเรียนมาเรอะ ร้ายนะนี่”

“คือผม...” เขาอ้าปากพะงาบ นึกไม่ออกว่าควรเริ่มอย่างไร สุดท้ายจึงตัดสินใจสารภาพกันดื้อ ๆ “มาหาคน”

ฝ่ายนั้นทำหน้างง “หาใครน่ะ”

“หา...อ๊ะ!” พร้อมภูมิเบิกตากว้าง เมื่อเห็นเป้าหมายปรากฏอยู่อีกฝั่งโดยไม่คาดคิด

ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร เป็นคนที่เคยพาเขาส่งเข้านอน ปลุกเขาตอนเช้า มาทำให้ติดเป็นตังเม แล้ววันหนึ่งก็หายตัวไป

ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหันมาทางเขา บนดวงหน้าหล่อเหลาที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ บัดนี้เห็นร่องรอยความประหลาดใจชัดเจน แม้จะเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นหลังจากเขาเอ่ยชื่อนั้นออกมาแบบไม่ทันยั้งปาก

“พี่ธัญญ์!”

พริบตาเดียวเท่านั้นเอง...ก่อนธัญญ์จะกลับไปวางตัวเป็นปกติได้อย่างไร้ที่ติ พยักหน้าน้อย ๆ พร้อมรอยยิ้มบางเบาให้เด็กชาย ถามเสียงเรียบเรื่อยเสมือนหนึ่งแค่ทำตามมารยาท ไม่มีอะไรสลักสำคัญให้สนใจมากนัก

“มาทานมื้อเที่ยงหรือ”

แน่นอน มาร้านอาหารตอนเที่ยง เป้าหมายจะเป็นอะไรได้อีกนอกจากมื้อเที่ยง ยกเว้นสถานการณ์นี้ ในเวลาเช่นนี้

เด็กชายทั้งตื่นเต้นทั้งกลัวจนสั่นน้อย ๆ ทั้งตัว ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบไปหมด เขาจำได้ถึงวันที่เคยเปิดประตูห้องของธัญญ์ที่บ้านเข้าไปแล้วกลับพบเพียงห้องว่างเปล่า จนตอนนี้ยังเข้าไปดูห้องนั้นหลายครั้งหลายหนแต่ไม่เคยอยู่ได้นานเพราะคอยจะรู้สึกเหงาขึ้นมาอยู่เรื่อย แต่ตอนนี้เจ้าของห้องอยู่ตรงหน้านี่เอง

“ผม...มาหา...”

ธัญญ์ยืนมองเขานิ่ง ๆ ไม่เอ่ยปากหรือแสดงท่าทีเร่งรัด

“...ผม..มา...”

พูดไม่ออกเลย

ธัญญ์หันไปพยักพเยิดกับพนักงานหนุ่มอีกคน เป็นเชิงบอกว่าเดี๋ยวตรงนี้จะจัดการเอง กระทั่งฝ่ายนั้นเดินจากไปแล้ว จึงค่อยเอ่ยปากถามโดยไม่รอเขาอ้ำอึ้งจบ

“มาคนเดียวหรือ?”

“...คะ..ครับ”

“โดดเรียนมา?”

เปล่าประโยชน์จะพูดโกหกต่อหน้าธัญญ์ แม้ไม่ได้มีร่องรอยความขุ่นเคืองหรือต่อว่าในน้ำเสียงสักนิด ทว่าเด็กชายกลับได้แต่พยักหน้ารับจ๋อย ๆ 

ครั้นจะให้เอ่ยความจริงว่าตั้งใจมาหา ถึงกับคิดคำขอโทษไว้ด้วยซ้ำ ก็ยังกลัวจะโดนโกรธจนพูดไม่ออก

“หลบหน่อยเถอะ อย่ายืนกลางร้านเลย” ธัญญ์ว่าอย่างนั้นพลางเดินนำไปอีกทาง ไม่หันมามองด้วยซ้ำว่าเขาได้เดินตามมาหรือเปล่า แต่แน่ละ...เด็กน้อยเดินตามต้อย ๆ ชนิดไม่มีข้อกังขาใดทั้งสิ้นจนมาถึงสวนด้านหลัง มองเห็นกอกุหลาบอวดดอกสีขาวสมชื่อร้านปลูกเรียงเป็นแถว

“โดดเรียนมาอย่างนี้ มีธุระอะไรหรือเปล่า?” เป็นฝ่ายอดีตพี่เลี้ยงที่เปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา

 “..มีครับ”

ธัญญ์พยักหน้า เป็นเชิงบอกว่าถ้ามีก็พูดเลย

พร้อมภูมิสูดลมหายใจเฮือก ปากสั่นพาเสียงยิ่งสั่นตามไปด้วย

“..คือ...ผม...ขะ...ขอโทษ”

“อืม” อีกฝ่ายรับคำง่ายดายผิดคาด สีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด นั่นยิ่งทำเด็กชายกระวนกระวายจนต้องพูดอีกเสียงดังกว่าเก่า

“ขอโทษครับพี่ธัญญ์”

คราวนี้ธัญญ์คลี่ยิ้มน้อย ๆ พยักหน้ารับติดกันสองครั้ง

“เข้าใจแล้ว รับคำขอโทษไว้แล้วนะ ไม่โกรธนายเลย กลับไปเรียนเถอะ”

“ไม่ใช่...” เขาค้าน “พี่ธัญญ์ไม่เข้าใจ”

“นั่นสินะ” ธัญญ์เออออ “จะว่าไป...ก็ไม่มีใครเข้าใจทุกเรื่องหรอก”

“ผมมา...ตาม....”

อีกฝ่ายมองเขาอย่างอ่อนใจ เจอสายตาอย่างนั้นเข้าก็พูดไปคนละเรื่องจนได้ “...มะ...มาตามถุงทองกลับบ้าน”

“หือ?”

ธัญญ์ทำหน้าแปลกใจเอาจริง ๆ รอบนี้

“แมวน่ะหรือ”

ได้แต่ต้องปล่อยเลยตามเลย

“..ใช่ครับ...แมว”

“นึกว่าถุงทองเป็นของพี่เสียอีก”

“ของผมต่างหาก” พร้อมภูมิท้วง ชั่วขณะหนึ่งที่อยากจะร้องไห้กับความพรั่นใจจนพาออกนอกเรื่องของตัวเอง “...ของบ้านเรา”

เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย นัยน์ตาดำขลับที่เห็นตรงหน้าก็สวยจริง ๆ นั่นละ บางทีอาจเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้พ่อเขาชอบมองก็ได้

หนึ่งผู้ใหญ่ หนึ่งเด็ก ยืนจ้องตากันในความเงียบงัน และเมื่อเห็นว่าเขายืนกรานขนาดนั้น สุดท้ายคนโตกว่าก็ยอมลงให้

“ได้ งั้นเดี๋ยวพี่จะให้คนเอามันไปส่งที่บ้านนาย”

“เอ๋”

“มันเป็นสิ่งมีชีวิต ต้องดูแลให้ดีล่ะ จะเอาไปทิ้งลงถุงดำเหมือนของเล่นไม่ได้”

ได้ยินแล้วให้รู้สึกผิดขึ้นมาเต็มอกกับสิ่งที่เคยทำ เด็กน้อยก้มหน้า หัวคิ้วขมวดแน่น พึมพำเสียงน่าสงสาร “แล้วพี่ธัญญ์ล่ะ กลับมาไหม?”

ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงคลี่ยิ้มบางเบา “ถุงทองเป็นของนาย..เป็นของบ้านนาย แต่พี่ไม่ใช่นี่”

“พี่ธัญญ์”

“กลับได้แล้ว นี่ไม่ใช่ที่เล่นของเด็กนะ”

“งั้นพี่ธัญญ์ก็มาเป็นของบ้านเราสิ!” เขาโพล่งขึ้นมาทั้งขอบตาร้อนผ่าว รู้สึกสิ้นหวังจนไม่รู้จะเอาอะไรมาต่อรองแล้ว “จ้างก็ได้ แบบที่พ่อเคยจ้างไง”

ธัญญ์พ่นลมออกทางปาก ฟังไม่ออกว่ากำลังขำหรือถอนหายใจ “จ้าง?”

“ใช่ครับ..จ้าง” ว่าพลางล้วงธนบัตรทั้งหมดในกระเป๋ากางเกงออกมายัดใส่มืออีกฝ่าย

ธัญญ์รับมาพลิกดูครู่หนึ่ง สีหน้านิ่งสนิทจนผู้ว่าจ้างตัวจิ๋วใจคอไม่ดี

“เงินซื้อได้เกือบทุกอย่างก็จริง แต่ไม่ทั้งหมดหรอก โทษทีที่ก่อนหน้านี้ลืมสอนนะ” อีกฝ่ายพึมพำพลางส่งทั้งหมดคืนให้เขา “อีกอย่าง แค่ก็นี้ไม่พอด้วย”

“งั้นขอยืมเงินหน่อย”

“ยืมพี่น่ะหรือ?”

“อื้อ”

“เอาไปทำอะไร”

“เอามาจ้างพี่ธัญญ์กลับไปทำงาน”

ถึงจุดนี้ ธัญญ์ทำท่าปวดเศียรเวียนเกล้ากับตรรกะเด็กจนดูคล้ายพี่ตังตอนรำคาญเขาอย่างไรชอบกล แต่ทั้งอย่างนั้นก็ยังมีแก่ใจถามกลับ

“ทำงานอะไร”

“เลี้ยงแมว” เขาอ้อมแอ้ม ขนาดพูดเองยังรู้สึกเลยว่าไร้เหตุผลเป็นบ้า “นะ? ผมรู้ว่าพี่ธัญญ์ไม่ชอบเด็ก ไปเลี้ยงแมวแทนก็ได้”

ยิ่งพูดก็ยิ่งจ๋อยเอง คนฟังถึงกับถอนใจเฮือก

“...ตอนแรกผมรู้สึกว่ามันแปลก ที่พ่อกับพี่ธัญญ์ทำอะไรกันแบบตอนโน้น..” พร้อมภูมิก้มหน้างึมงำ แก้มร้อนฉ่าขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องคราวนั้น “แต่พ่อก็ยังเป็นพ่อคนเดิม พี่ตังก็บอกว่าไม่แปลก...ผมเลยคิดว่ามันคงไม่แปลกจริง ๆ”

ธัญญ์เพียงแต่ยืนฟังเงียบ ๆ ปล่อยเด็กน้อยที่ทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้ออกมารอมร่อพูดต่อเสียงเครือ

“...แต่บ้านที่ไม่มีพี่ธัญญ์อยู่...มันไม่ดีเลย..”

พอถึงตรงนี้ น้ำตาหยดหนึ่งก็ร่วงผล็อย ตามมาด้วยหยดที่สอง...สาม....

เดือดร้อนให้อีกฝ่ายต้องย่อตัวลงนั่งชันเข่าตรงหน้า ยกหลังมือขึ้นเช็ดมันออกจากแก้มให้เงียบ ๆ

ทว่าพอยิ่งได้รับท่าทีใจดีด้วย เด็กชายกลับยิ่งร้องไห้หนักกว่าเก่าจนเกือบจะเป็นฟูมฟาย

“พ่อบอกว่าตามใจผมเพราะพ่อรักผม ถ้าผมไม่ชอบก็จะไม่มาเจอพี่ธัญญ์อีก แต่ผมไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนั้นสักหน่อยนี่!”

“ชู่วว...”

อีกฝ่ายกระซิบแผ่วเบา แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่หยุดสะอื้นด้วยความอัดอั้นสักที สุดท้ายธัญญ์เลยดึงไปกอดพลางลูบผมลูบหลังเขาไปด้วย

“หยุดร้องได้แล้ว หน้าก็เหมือนพ่อออกขนาดนี้ ชักอยากเห็นเขาร้องห่มร้องไห้แบบนายขึ้นมาเลย”

“ใจร้าย” เด็กชายตัดพ้อ แต่ยกมือขึ้นกอดตอบหมับ สะอื้นฮั่กใส่ไหล่ฝ่ายนั้นจนเปียก

“ก็ใจร้ายน่ะสิ” คนฟังกลับรับหน้าตาเฉย “ควรรู้ตั้งนานแล้วนะ”

เขาสูดน้ำมูกเสียงดังฟืด แถมยังเช็ดจมูกกับไหล่ธัญญ์ไปแล้วเสียด้วย ครู่ใหญ่กว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ จึงค่อยถามใหม่อย่างเต็มไปด้วยความหวัง

“กลับบ้านเรานะพี่ธัญญ์”

“ที่พูดนั่นคิดดีแล้วหรือยัง?”

“คิดแล้ว เดี๋ยวจะให้พ่อมารับ...นะ?”

ธัญญ์นิ่งอยู่ท่าเดิมครู่ใหญ่ จนแน่ใจว่าเจ้าเด็กขี้แยหยุดร้องไห้แล้วแน่ ๆ จึงค่อยจับไหล่พร้อมภูมิให้ผละออกจากอ้อมกอดตัวเอง สบตาเด็กน้อยอย่างจริงจัง

“ภูมิ”

“...คะ..ครับ?”

“ฟังนะ พี่ให้โอกาสนายตัดสินใจ โอกาสสุดท้าย”

คำว่า ‘สุดท้าย’ ลอยมาเข้าหู ให้ความรู้สึกว่าต้องต้องใจฟังเป็นพิเศษ หากทำหลุดลอยไปจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว

แผ่นหลังเล็ก ๆ เกร็งขึ้นจนเหยียดตรง สองมือยกขึ้นเช็ดน้ำมูกน้ำตาเป็นระวิงพลางพยักหน้าหงึกหงัก “อื้อ”

“พี่เป็นเกย์” ธัญญ์เอ่ยเสียงเรียบ “เรื่องนี้นายรู้หรือยัง”

“..คะ...คิดว่ารู้” พร้อมภูมิพยักหน้า พี่ตังเพิ่งพูดกับเขาก่อนหน้านี้

“แล้วรู้ไหมว่ามันหมายความว่ายังไง”

เด็กชายเม้มปาก เผลอก้มหน้าหลบตา “..ไม่ค่อยแน่ใจ”

“เงยหน้า” อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ ไม่เชิงเป็นคำสั่ง แต่ฟังแล้วก็ไม่กล้าปฏิเสธ “มองตาเวลาพูดด้วย”

“...ครับ”

“ถ้าไม่รู้ ก็จะบอกให้ตอนนี้ พี่เป็นเกย์ ชอบผู้ชาย แล้วก็รักพ่อนาย” แต่ละคำเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน แล้วยังอุตส่าห์เน้นย้ำตอนท้ายเหมือนกลัวเขาจะเข้าใจคลาดเคลื่อน “..รักแบบคนรัก”

พร้อมภูมิใช้เวลาอึดใจหนึ่ง กว่าจะพยักหน้าออกมาได้ ตกใจน้อยกว่าที่ตัวเองคาดไว้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะได้ใช้เวลาหลายสัปดาห์ครุ่นคิดเรื่องนี้แล้ว

“...พ่อก็รักพี่ธัญญ์...” เขาพึมพำ แล้วขยายความเพิ่มแบบเดียวกับฝ่ายนั้นเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน “..รักแบบคนรัก”

ประโยคสั้น ๆ นี้ต่างหาก ที่ทำให้เขาประหลาดใจกับปฏิกิริยาของธัญญ์

พวงแก้มขึ้นสีแดงจาง ๆ นัยน์ตาดำขลับกะพริบปริบ ๆ ดูเป็นพี่ธัญญ์ที่หลุดมาดไปจากปกติจนคิดว่าแบบนี้ก็น่ารักดี ถึงจะเพียงแค่แวบเดียวก็เถอะ

“โอเค งั้นคิดตามนะ” คนตรงหน้าย้ำอีกหน แม้ตอนนี้พร้อมภูมิจะพอมีคำตอบที่ชัดเจนในใจอยู่แล้วก็ตาม

“ถ้ายอมให้พี่กลับไปอีกที หลังจากนี้ต่อให้ไล่ก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น และถ้ากล้าแม้แต่คิดจะไล่ละก็ บอกเลยว่าพี่มีเป็นล้านวิธีที่จะเขี่ยเด็กสักคนทิ้งแล้วขโมยพ่อเด็กคนนั้นมาเป็นของตัวเองคนเดียว แบบนี้ยังอยากให้กลับไปอยู่ไหม”

พร้อมภูมิสูดน้ำมูกฟืด ใช้เวลาพักใหญ่ทำความเข้าใจได้แล้วค่อยบ่นออกมาว่า “ใจร้าย...”

แต่พูดเสร็จก็หัวเราะในลำคอ ท่าทางแบบนั้นเหมือนพ่อเข้าไปทุกที

“รวมทั้งเจ้าเหมียวส้มนั่นด้วย” ธัญญ์ขู่เพิ่ม

“ถุงทอง” เด็กชายช่วยเติมชื่อให้แมว

“นั่นละ”

ถ้าเขาดูไม่ผิด คิดว่าเห็นธัญญ์เกือบจะยิ้มออกมาแล้ว แถมตายังดูแดง ๆ อยู่นิดหน่อยเสียด้วย

“ชู่วว...” เด็กชายทำเสียงเลียนแบบอย่างอีกฝ่ายที่ปลอบเขาตอนร้องไห้เมื่อครู่ ผลคือโดนเอานิ้วบิดแก้มจนแดงแจ๋ แต่ยังอดหัวเราะออกมาไม่ได้ทั้งเปลือกตาบวมเป่ง “ตกลงกลับบ้านเรานะพี่ธัญญ์”

“คิดดูก่อน”

“อ้าว”

“ยังมีธุระต้องจัดการอีกนิดหน่อยด้วย”

“แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอ”

นัยน์ตาเด็กน้อยเป็นประกายวิบวับเมื่อเอ่ยคำถามนั้น ทำคนมองอดเอ็นดูไม่ได้

“อืม..” ชายหนุ่มยกมือลูบคางตัวเอง “ให้พ่อนายมาง้อพี่หน่อยเป็นไง”

พร้อมภูมิทำแก้มป่อง สีหน้าครุ่นคิด พักหนึ่งก็พยักหน้ารับ ยังคาใจอยู่อย่างจนต้องร้องเรียก “นี่ ๆ พี่ธัญญ์..”

เด็กชายเหลือบมองอีกฝ่ายกล้า ๆ กลัว ๆ สุดท้ายก็ตัดใจเอ่ยปากถาม

“นอกจากคุณพ่อ พี่ธัญญ์ก็รักผมด้วยไหม”

ธัญญ์มองเขาด้วยสายตาอ่านไม่ออก ตอบด้วยสีหน้านิ่งพอกับน้ำเสียง

“พี่ไม่ชอบเด็ก”

ชัดถ้อยชัดคำจนคนถามหงอยไปถนัดตา

“แต่ทุกอย่างก็มีข้อยกเว้น..”

“เอ๋?”

“และข้อยกเว้นนั่นก็กำลังทำหน้าซื่อบื้ออยู่ตอนนี้” ธัญญ์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง โคลงศีรษะคล้ายอ่อนใจกับเขาเต็มที เดินนำอ้อมไปยังด้านหน้าของร้านเหมือนตั้งใจมาส่ง

“งงสินะ พวกเด็กนี่น่าเบื่อจริง ๆ ด้วย”








พร้อมภูมิเดินไปคิดไป มุมหนึ่งเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็คล้ายว่าจะยังงง ๆ อยู่จริงนั่นละ

ถึงกระนั้น ตอนเดินออกจากร้าน หลังสัญญากับฝ่ายนั้นแล้วว่าเรื่องที่โดดเรียนมาหาวันนี้เป็นความลับระหว่างพวกเขา จะไม่บอกพ่อ ตัวก็เบาสบายขึ้นเยอะ ไม่อัดอั้นหรือวุ่นวายใจเหมือนอย่างก่อนเดินเข้าไป

เด็กชายยกมือขึ้นขยี้ตา ลำคอแห้งผากไปหมด กำลังคิดว่ากลับไปเจอพี่ตังจะเล่าให้ฟังแล้วขอความเห็นอย่างเคย แต่เดินไปได้หน่อยเดียวก็พบคนในความคิดกำลังยืนพิงต้นไม้ เหม่อมองออกไปยังรถราที่วิ่งขวักไขว่บนถนน ไม่ได้หนีกลับไปก่อนดังปากว่าก่อนหน้านี้

พร้อมภูมิฉีกยิ้มกว้าง ร้องเรียก “พี่ตัง!” เสียงดัง แล้ววิ่งตึกตักไปหา “นึกว่ากลับแล้วซะอีก”

อีกฝ่ายไม่ตอบคำ แต่เห็นหน้าเขาแล้วกลับทำตาปริบ ๆ เอามือควานลงไปในกระเป๋าแล้วหยิบกระดาษทิชชูส่งให้แผ่นหนึ่งโดยไม่พูดไม่จา ไม่รู้ส่งให้ทำไมเหมือนกัน แต่เขาก็รับมาเช็ดหน้าเช็ดตาเสร็จแล้วสั่งน้ำมูกใส่

“ซกมก”

ได้ยินอีกฝ่ายพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเดินนำออกไปทางเดิมที่หนีโรงเรียนออกมา

พร้อมภูมิเดินตามเงียบ ๆ พักหนึ่งก็เอื้อมไปคว้าแขนเสื้ออีกฝ่ายไว้ในมือตัวเอง

สตางค์ก้มลงมอง ทำหน้าเบื่อหน่ายอย่างเคย แต่ก็ยอมให้เขาเกาะอยู่อย่างนั้นแต่โดยดีจนกลับถึงโรงเรียน



To be continued….






มาต่อแล้วค่ะ ฮึบบบบบ งวดประจำเดือนมีนาคม TwT
ตอนนี้เขียนไปเขียนมาเริ่มสับสนละ ใครพระเอกกันแน่ พร้อมภูมิทำอะไรเกรงใจตำแหน่งพระเอกของคุณพ่อหน่อยลูก (ฮา)

งวดหน้าค่อยให้คุณภูเมศมาทวงบทนะคะ หงุงงง

อนึ่ง พี่ตังนี่ไม่ได้อยากใส่บทให้เยอะอย่างนี้เลย แต่ดันเผลอใจซะได้ค่ะ แพ้เด็ก ฮือออ


ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ รักกกกกก

พบกันงวดหน้านะคะ *รวบกอดดด*  ,,>w<,,


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2017 18:47:20 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ l2_in*

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 229
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2
กรีดดดดด มาแล้วว ฮรือออออ
คุณพ่อรีบตามมาง้อเร็วค่ะ เค้าจะกลับแล้วเนี่ยยย ><

ออฟไลน์ treenature

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ตื่นมาตอนตีห้า แล้วพบว่า เรื่องที่รอมานานมาแล้ว นั่งอ่านไม่ยอมนอนต่อทั้งๆที่เป็นวันอาทิตย์
อ่านแล้วร้องไห้เลยค่ะ เข้าใจความอึดอัดและสับสนของเด็กน้อย และเห็นใจคุณพ่อ ที่ต้องตัดและเก็บความต้องการของตัวเองไว้เป็นลำดับสอง ถ้าลูกไม่โอเค ตอนนี้แค่พี่ธัญญ์แก้มแดงนิดเดียว ก็ทำให้หลงรักได้อีกแล้ว
รอนะคะ จะเป็นงวดรายเดือนหรือไตรมาสก็ได้ ขอแค่ให้มา เวลาได้อ่านก็คุ้มกับความรู้สึกมากแล้ว


ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
นิยายรายเดือนนนนน น้องธัญญ์น่ารักก

ออฟไลน์ littlegift

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ซึ้งสุดๆเลย อยากให้อัพเร็วๆ อยากอ่านแล้วจริงๆๆๆๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
ลูกมาง้อแล้ว เหลือคนพ่อ
มาง้อเลยนะ หงุงง
ธัญญ์น่ารักมากๆตอนน้องบอกว่าพ่อรัก
อยากเก็บน้องไว้ในกระพุ้งแก้ม T//////T

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
บอกข่าวพ่อด่วนเลย อุ้มรับกลับบ้าน  :hao7:

ออฟไลน์ lune

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด