┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]  (อ่าน 469520 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ธัญญ์ มีแต่ความเกลียดให้ธเนศ
ธเนศ ไม่รู้ หรือไม่ยอมรับรู้กันแน่
ถ้าธัญญ์ รัก คงไม่หนีออกมาจากบ้านที่สุขสบายหรอก
ธัญญ์ รักภูเมศ แต่ธัญญ์ จะทำให้ภูเมศต่อสู้กับธเนศ
ซึ่งเป็นผู้บริหารไหวหรอ
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sujusaranghae

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ซับซ้อนจังค่ะ มาต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ toou

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
.5 ยังหน่วงขนาดนี้
แล้วต่อไปความจริงปรากฏจะหน่วงขนาดไหนนนนน  ฮืออออ

ออฟไลน์ Prattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ทำให้ธัญญ์รักในแบบนั้นไม่ได้ ก็ทำให้เกลียดซะเลย
อย่างน้อยก็ยังอยู่ในความคิด ถึงจะเป็นความรู้สึกเกลียดชังก็เอา
บอกเลย ฉากซ่อนหา เราหลอนธเนศมากๆ โอยยย บรรยายเก่ง เห็นภาพมาก
เทวดาตัวน้อยของเค้า ต้องอยู่กับคนจิตป่วยแบบนี้มาแสนนาน ต้องหวาดกลัวแค่ไหนเนี่ย
พี่ภูอย่าปล่อยมือน้องนะ ช่วยน้องด้วยยยยย

คนแต่งสู้ๆนะคะ ทั้งเรื่องเรียนและทำงาน  :L2:

ออฟไลน์ jimun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อ่านตอน .5 แล้วยอมรับเลยว่า..กลัวใจ.. กลัวใจน้องธัญญ์นี่แหละ TT ยังไม่รู้ชัดเจนเลยว่าธเนศกับน้องมีตื้นลึกหนาบางอะไรมาบ้าง แต่ดูแล้วตัดขาดกันยาก ไม่ดีเลยยยยย ลุงเมศจะเอาอะไรไปสู้เค้าได้ล่าาาา ตาธเนศน่ากลัวมาก มีชั้นเชิงอย่างน่ากลัว ฮืออออออ แค่รักจะสู้ได้มั้ยยยย

ความมั่นใจของตาธเนศนั่นอีก โอ้ยยยยยย เครียดดดดดดดด


ออฟไลน์ ::ppppop::

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ประโยคสุดท้าย.. ไม่นะะะะะ รู้สึกสงสารลุงขึ้นมาเลยค่ะ :sad4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
คือต้องการผูกมัดหรอ หรือเพื่ออะไร
คือรักมากตัดไม่ขาด ทนไม่ได้ที่เค้าหันหลังให้หรอ

สงสารทั้งคู่เลยค่ะ ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
บนความทุกข์ของตัวเองได้อีก

แล้วธัญญ์จะแก้เกมส์ยังไงนะ

เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
คุณพ่อใจร้ายจริงๆ อย่างงี้ธันจะมีความสุขเมื่อไหร่ :ling3: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ไม่ใช่แม่ธัญญ์  แต่เป็นพ่อธัญญ์สินะ
ธเนศชอบการล่าเหยื่อ  ปล่อยออกไปจนอีกฝ่ายตายใจแล้วก็ดึงกลับมา
เมื่อไม่มีที่ไปก็ต้องเลือกรักสิ่งเดียวที่เหลือและหนีไม่พ้น
สนองนี๊ดมากเลยลุงเนศ

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
สีเทาจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
 :ling3:อิคุณธเนศโรตจิต
อยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของธัญกับอิตาโรตจิตนี้คืออะไร
กลัวใจเหลือเกินน

ดวงตาเหมือนพ่อแท้ๆ
หรืธเนศชอบพ่อฑัญ (เดาซุ่มมากกก)

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อย่ามั่นใจนักนะคุณธเนศ ตอนนี้ธัญญ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว ความรักช่วยเยียวยาบาดแผลได้ไม่รู้เหรอ

ออฟไลน์ Yundori

  • From where I stand...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
กลิ่นมาม่าลอยโชยมาแต่ไกล
ธัญญ์อาจจะไปรู้ความลับอะไรเข้า
ที่ทำให้เกลียดธเนศ และแค้นเขาอยู่
ธเนศเองก็เหมือนรักธัญญ์เกินกว่าจะปล่อยไป
กลายเป็นความสัมพันธ์ที่ดึงรั้งไว้แบบนี้ น่าอึดอัดมาก
สงสารก็แต่พ่อลูกคู่นั้น เป็นหมากแท้ๆเลยอ่า

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เขามีความหลังอะไรกัน?

ออฟไลน์ Bellze12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ความสัมพันธ์ของ2คนนั้น แตกกันเพราะอะไร อยากรู้อ่ะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ปวดจิตเบย

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
งุนงงกับความสัมพันธ์ของพ่อลูกคู่นี้สุด :katai1:

ออฟไลน์ BeauBeeiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
อย่าดราม่าาาาืฝ แบบทำให้ต้องพรากจากกัน

ไม่โอเค เจ็บปวดดดดด

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 :katai4:ธเนศนี่จิตๆ หลอนๆนะ น่ากลัว

ออฟไลน์ Mayris

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านรวดเดียวจนทัน ธัญญ์เอ๊ย ปล่อยมืออิตาธเนศไปเถอะลูก ถเาจะจิตขนาดนี้ เชื่อเถอะว่าไม่มีอะไรเจ็บปวดเท่ากับการที่ธัญญ์เพิกเฉยไม่สนใจนางแล้วอีกแล้ว ปล่อยไปเลย ชักคะเย่อกัน ฝ่ายไหนปล่อยมือก่อนก้เจ็บตัวน้อยสุดนะหนู เรายังมีพ่อภูกับน้องภูมิคอยเคียงข้าง อย่าได้แคร์อิตาโรคจิตนี่ค่ะลูก ปล่อยมันชักดิ้นชักงอไป ฮึ่มๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
คือเป็นความสัมพันธ์พ่อลูกที่งงและสงสัยมากจริงๆ

ออฟไลน์ chacogothicW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณธเนศน่ากลัวมาก น้องธัญญ์เป็นแบบนั้นเพราะตัวเองแน่นอน
ฮือ น้องธัญญ์ลูกเอ้ย

ออฟไลน์ pp_psj

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ยิ่งอ่านยิ่งติด รอนะคะ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
ไม่กล้าอ่านต่อเลย

ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
แอบคิดว่าบางทีคุณธเนศอาจเป็นแฟนเก่าพ่อของธันว์ก็ได้ เพราะธันว์หน้าเหมือนพ่อมองเป็นตัวแทนพ่องี้ อ่านตอนนี้แล้วทำไมรู้สึกเกลียดคุณธเนศน้อยลงก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก  ├



งวดที่ 21



ภูเมศนั่งทำตัวไม่ถูกอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของตัวเองอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงได้แล้ว

‘เริ่มต้นเดือนหน้านี้เลย..’

อีกราวสองสัปดาห์เท่านั้น

นี่เรื่องจริงหรือ? หากตบหน้าตัวเองแรง ๆ สักทีจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพื่อพบว่ากำลังฝันอยู่หรือเปล่า

เขาไม่แน่ใจนักว่าควรต้องดีใจหรือเสียใจกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในครั้งนี้ คำสั่งย้ายอันไม่มีเค้าลางนำมาก่อน ไม่มีการแจ้งเตือนให้เตรียมตัวเตรียมใจสักนิด แม้ตำแหน่งสูงขึ้นในนาม แต่ย้ายไปบริษัทในเครือซึ่งขนาดเล็กกว่าเก่า ยากจะเดาว่านี่คือรางวัลของการทำงานหนัก หรือบทลงโทษจากผลงานที่ผิดพลาดในช่วงหลัง

เพื่อนร่วมงานบางคนซึ่งคงเพิ่งเริ่มตั้งตัวติดเช่นกันทยอยเดินเข้ามาอวยพร ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น จึงกลายเป็นต้องยอมรับและถือว่าเป็นความก้าวหน้าอันแปลกประหลาดอย่างหนึ่ง แม้ในใจล้วนแต่คลางแคลงว่าใช่การก้าวไปข้างหน้าแน่หรือ ในเมื่อเทียบกับที่นี่แล้ว บริษัทใหญ่กว่าย่อมมีโอกาสแสดงฝีมือมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

“ยินดีด้วยนะพี่”

“ยินดีด้วยนะคะ”

แต่ส่วนใหญ่ก็เลือกจะเอ่ยด้านดีออกมามากกว่าจะพูดอะไรให้เขาใจเสียไปมากกว่านี้ แม้จากหางตายังพอมองเห็นบางคนยืนซุบซิบกันอยู่ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ซึ่งว่ากันตามจริงแล้ว เขายังอยากเดินไปร่วมวงเพื่อแสดงความเห็นว่าเขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

คิดในแง่ดี อย่างน้อยที่ทำงานใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ ก็ไม่ได้ไกลถึงขั้นต้องออกต่างจังหวัด

การรวบรวมสมาธิทำงานในส่วนที่เหลือของวันนั้นกลายเป็นเรื่องยากเย็นเต็มที สุดท้ายชายหนุ่มจึงตัดใจปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ลงก่อน เอนหลังพักสายตา ยกมือขึ้นนวดขมับช้า ๆ ทว่าได้ครู่เดียวก็พะวงจนต้องยืดตัวขึ้นพยายามทำงานต่อ แม้หลังจากนั้นยังขาดสมาธิจนต้องเอนหลังพักสายตาอีกหน แล้วเด้งผลุงกลับไปทำงาน เป็นอย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมากระทั่งถึงเวลาเลิก สุดท้ายจึงแทบไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน






กลับบ้านเย็นวันนั้น ธัญญ์ไม่ได้ตัวติดแจกับพร้อมภูมิอย่างทุกที

คนที่เดินออกมารับเป็นลูกชาย เมื่อทักทายกันเรียบร้อยพลางพากันเดินเข้าไปในตัวบ้าน จึงเห็นว่ามีสมุดและเครื่องเขียนวางค้างอยู่บนโต๊ะในห้องโถง เดาว่าพร้อมภูมิคงกำลังง่วนกับมันอยู่ก่อนจะเดินออกไปรับเขา ส่วนพี่เลี้ยงคนโปรดไม่ได้นั่งอยู่ข้าง ๆ ตอนลูกชายทำการบ้านเหมือนที่มักเห็นจนชินตา

“พี่ธัญญ์ล่ะ” เขาถามเสียงเรียบ พลางปลดเนคไทและคลายกระดุมเสื้อเม็ดบนสุดออก

“อยู่หลังบ้านครับ”

ภูเมศมองตามคำบอกพลางครุ่นคิดไปด้วย คุณพี่เลี้ยงอาจกำลังเตรียมมื้อเย็น หรือไม่ก็จัดการเรื่องจุกจิกในบ้านอยู่

เมื่อสาวเท้าเข้าไปจนมองเห็นแผ่นหลังของเป้าหมายอยู่ไกล ๆ ในลานสายตา กำลังจะอ้าปากทัก แต่ทันสังเกตได้ก่อนว่าอีกฝ่ายถือโทรศัพท์มือถือแนบอยู่ข้างหู

ก็แค่คุยโทรศัพท์มือถือ เรื่องสุดแสนธรรมดาแท้ ๆ แต่ภูเมศกลับนึกขึ้นได้ตอนนั้นเอง ว่าเขาเพิ่งเคยเห็นธัญญ์คุยกับคนอื่นทางโทรศัพท์เป็นครั้งแรก

คงเพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกัน ธัญญ์ไม่เคยเล่าเรื่องคนรู้จักหรือความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับคนอื่นให้ฟังยาว ๆ สักที ไม่ว่าจะเพื่อนหรือเรื่องครอบครัวก็ไม่หลุดจากปาก จนเกือบลืมไปแล้วว่าต่อให้ชอบสันโดษหรือพยายามเลี่ยงปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมนุษย์อย่างไร แต่โตมาจนป่านนี้ก็น่าจะมีคนให้ติดต่ออยู่บ้างเหมือนกัน

ชายหนุ่มยืนรีรออยู่พักใหญ่ ตั้งใจจะรอให้ธัญญ์วางสายก่อนค่อยเดินเข้าไปหา ทว่ารออยู่นานสองนาน ไม่ยักมีทีท่าว่าเจ้าตัวจะจบการสนทนาลงสักที จนอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่ามีอะไรให้ต้องพูดกันยาวนานขนาดนั้นเชียว

ว่าแต่คุยกับใครกันนะ..

ระหว่างที่คงกำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดโดยไม่รู้ตัวนั้นเอง ธัญญ์ก็เหลือบมาเห็นเขาเข้าจนได้

แม้สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยสักนิด แต่ธัญญ์คงเอ่ยตัดบทสนทนาแค่ตรงนั้น เพราะเห็นขยับปากอีกแค่ไม่กี่คำก็เก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า เดินตรงเข้ามาหาเขาอย่างไม่เร่งร้อน

“กลับมานานหรือยังครับ”

เขาพยักหน้าน้อย ๆ เอ่ยรับแค่ “อืม” แต่ในใจตอบต่อ ว่ามายืนมองอีกฝ่ายคุยกับใครก็ไม่รู้ทางโทรศัพท์อยู่นานเชียวละ

“คุณดูเหนื่อย” นัยน์ตาดำขลับจ้องเป๋งมาครู่หนึ่ง จากนั้นค่อยหมุนตัวไปเปิดตู้เย็น รินน้ำใส่แก้วยื่นให้เขา “ดื่มน้ำหน่อยไหมครับ”

ภูเมศรับแก้วมาถือไว้ในมือ พยายามทำท่าทางเป็นธรรมชาติ ถามเรียบเรื่อยประหนึ่งไม่ได้ติดใจอยากรู้มากมายนัก

“คุยกับใครอยู่หรือ?”

ธัญญ์ทำเหมือนไม่ได้ยิน ยื่นมือมาดันก้นแก้วในมือเขาให้เลื่อนขึ้นไปชิดริมฝีปาก ดูพยายามเบี่ยงความสนใจจนอดพูดไม่ได้

“อะไรกัน ความลับหรือนี่”

แทนที่จะสะดุ้งสะเทือน ฝ่ายนั้นกลับอมยิ้มแบบเดาใจยาก ยื่นหน้าเข้ามาจนริมฝีปากตัวเองจรดที่ขอบแก้วอีกฝั่ง จ้องมองเขาไปด้วยไม่วางตา

“คุณงอน?”

“งอนที่ไหนเล่า”

“เป็นคนแก่ขี้ใจน้อยนะครับ”

“ใครแก่กัน” เขาเถียงทันควัน “แล้วก็ไม่ได้ใจน้อยด้วย”

“งั้นก็หึง?”

“ไม่ได้หึงสักหน่อย”

คราวนี้ธัญญ์เงียบไป จ้องเขาเขม็งพลางพองลมไว้ในปากจนแก้มป่องน้อย ๆ ไม่เคยเห็นทำหน้าอย่างนี้มาก่อน เจอเข้าจัง ๆ ได้แต่คิดว่าน่ารักจนจะบ้าตาย

“ถึงผมจะคุยกับผู้หญิงคนอื่นก็ไม่สนหรือ?”

“เธอเป็นเกย์ไม่ใช่รึไง” เขาอุบอิบ

“งั้นถ้าผมคุยกับผู้ชายคนอื่นล่ะ?”

“ห้ามเลยนะ”

“ก็คุณใจกว้าง ไม่หึงนี่นา”

“ตัวแสบ!” เขาร้องฮึ่มในคอ ทำท่าจะดึงแก้วซึ่งคั่นระหว่างใบหน้าพวกเขาลง แต่มือธัญญ์ก็ต้านเต็มที่เหมือนกัน เห็นสีหน้าไม่กระดิกอย่างนั้น แท้จริงแล้วออกแรงจนสั่นหงึก ๆ

“เดี๋ยวก็แก้วแตกคามือหรอก”

ธัญญ์ยักไหล่ “เรื่องเล็ก” จากนั้นเงียบไป แววตาอย่างกับรอคอยให้เขาเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา กึ่งคาดหวังกึ่งน่าสงสารอย่างไรพิกล ริมฝีปากที่งับอยู่หมิ่นเหม่ตรงขอบแก้วเม้มลงจนบางเฉียบแทบเป็นเส้นตรง ก็ไหนบอกว่าแก้วนี้ให้เขาดื่มเองแท้ ๆ แต่ตัวเองเล่นงับไว้ฝั่งตรงข้ามไม่ปล่อยเสียได้

เห็นอย่างนั้นแล้ว แก้มพลันร้อนขึ้นมานิดหน่อย สุดท้ายจึงอ้อมแอ้มตอบอย่างยอมจำนน

“หึงจะแย่แล้วรู้ไหม”

อีกฝ่ายกะพริบตาปริบ ๆ

“อันนี้เรียกเรื่องใหญ่ได้รึยัง”

ภูเมศอาศัยจังหวะนั้น หมุนแก้วในมือ ตั้งใจจะเอาออกไปจากตำแหน่งเกะกะสักที แต่ธัญญ์กลับจับมันหมุนต่อจากเขาอีกหน่อย กระทั่งตำแหน่งที่ปากเขาวางอยู่บนขอบแก้วได้พักใหญ่เลื่อนไปจรดตรงริมฝีปากเจ้าตัวแทน

ธัญญ์มองเขานิ่ง ลูกตาสีดำสนิทเป็นประกายวาววับ ภูเมศสังเกตว่าปอยผมด้านหน้าของอีกฝ่ายยาวขึ้นแล้ว แถมวันนี้ยังยุ่งนิด ๆ ปรกเลยหน้าผากลงมาเคลียข้างขมับและผิวแก้มใส ถึงรู้สึกผิดนิดหน่อย แต่คงไม่กล้าปฏิเสธหรอกว่าน่ากระโจนใส่เป็นบ้า

ทว่าตอนนี้สิ่งที่ดึงดูดสายตาสุด คงเป็นปลายลิ้นสีชมพูเข้มที่แลบออกมาจากริมฝีปากอิ่มคู่นั้น แตะลงบนปากแก้ว แล้วลากช้า ๆ ทั้งที่ยังจ้องเขาตาใสนี่แหละ

เด็กบ้านี่จะเซ็กซี่เกินไปแล้วหรือเปล่า สีหน้าท่าทางแบบนี้มันชวนให้หัวใจวายตายยิ่งกว่าจูบตรง ๆ ที่ปากเสียอีกไม่ใช่หรือไง

เห็นว่าปั่นหัวเขาได้เป็นที่น่าพอใจแล้ว ธัญญ์ค่อยดึงแก้วออกมาวางตรงตำแหน่งที่ถูกที่ควรบนเคาน์เตอร์ด้านข้าง คลี่รอยยิ้มเกือบจะเรียกได้ว่ากรุ้มกริ่ม แถมลักยิ้มบนแก้มบุ๋มลงไปจนน่าเอานิ้วจิ้ม

“คุณทำหน้าตาลามกมากเลย”

“หา!?”

เขารีบยกมือวางสำรวจหน้าตัวเองอย่างร้อนตัว

ธัญญ์มองเขาอีกครู่หนึ่ง ยิ้มยังวาดอยู่บนดวงหน้าเช่นเดิม นัยน์ตาแฝงแววรักใคร่จนมองแล้วอุ่น ๆ อยู่ในอก ติดตรงดูไปดูมาก็คล้ายจะเจือความเศร้าที่เดี๋ยวมาเดี๋ยวหายอย่างไรพิกล ได้แต่หวังว่าคงแค่คิดไปเอง

“โกหกน่ะครับ” อีกฝ่ายกลับคำดื้อ ๆ “คุณหล่อมาก ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นสุด ๆ”

ว่าแล้วก็เขย่งบนปลายเท้า ยื่นหน้าเข้ามาทำเสียง ‘จุ๊บ’ เบา ๆ บนปลายจมูกเขา กระซิบต่อเสียงแผ่ว

“ไม่ต้องเหนื่อยหึงหรอก ผมมีคุณคนเดียว เมื่อกี้แค่คุยกับลูกพี่ลูกน้อง”

ก่อนจะผละออกไป หันหลังเดินเข้าห้องโถงไปหาพร้อมภูมิ ทันมองเห็นแค่ใบหูแดงระเรื่อเท่านั้น








ตั้งใจจะแจ้งข่าวเรื่องหน้าที่การงานซึ่งยังไม่อาจระบุได้ว่าดีหรือร้ายกับอีกสองชีวิตที่บ้านแท้ ๆ แต่กลับมาถึงก็เจอธัญญ์ทำตัวน่ารักใส่อย่างนั้น ทั้งลูกชายก็มีเรื่องสนุกจากโรงเรียนมาเล่าให้ฟังเป็นคุ้งเป็นแควจนเขาหาจังหวะเล่าเรื่องตัวเองไม่ได้สักที เลยคิดว่าเดี๋ยวค่อยบอกก็ได้

ตกดึกส่งลูกชายเข้านอนแล้ว พอจะหาโอกาสอีกหนเอ่ยถึงเรื่องนี้ให้คุณพี่เลี้ยงลูกชายฟัง แต่คงด้วยความที่เกริ่นนำได้ไม่ชวนติดตามเท่าไร สุดท้ายกลับโดนเจ้าเด็กที่ช่างอ่อยเหลือเกินวันนี้พูดจาชักจูงไปทางอื่นเสียได้ นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าเกิดคึกอะไรขึ้นมา ช่วงเขาไม่อยู่มีหยิบยาผิดกินหรือเปล่า ถึงได้ทำตัวเหมือนจงใจยั่ว เย้ายวนประหนึ่งจะให้เขาตายคาอกให้ได้ เครื่องปรับอากาศในห้องนอนไม่ช่วยให้หน้าตาเนื้อตัวหายร้อนวูบวาบได้เลย

บทรักรอบแรกนั้นเป็นไปอย่างละเมียดละไม เนิบนาบจนทั้งหวานทั้งทรมาน ทว่าหลังจากนั้นกลับทวีความรุ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาแลกริมฝีปากกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงหอบหายใจผสานรวมจนแยกไม่ออก สองมือปัดป่ายไปแทบทุกตารางนิ้วบนร่างกายอีกฝ่าย เลือดในกายร้อนผ่าวจนเหมือนจะถูกเผาให้มอดไหม้ไปทั้งอย่างนั้น

รอบสุดท้ายนั้นก็ตอนผ่านไปเสียครึ่งค่อนคืนแล้ว แผ่นหลังแน่นตึงของธัญญ์แอ่นเกร็งในอ้อมกอดเขา เสียงหอบเจือครางฟังไม่เป็นภาษาอยู่ในลำคออีกฝ่าย แต่ไม่มีถ้อยคำใดหลุดออกจากปากเพราะถูกบดจูบเสียแนบแน่นจนริมฝีปากช้ำเจ่อ ชายหนุ่มขยับสะโพกให้ตนเบียดแทรกเข้าไปอีกไม่กี่ครั้งหลังจากนั้น เบื้องหลังเปลือกตาก็ลุกโชนจนเห็นแสงสีวิบวับ ปลดปล่อยออกมาในความร้อนระอุของร่างกายอีกฝ่าย

เขาผ่อนลมหายใจเข้าออก กระชับอ้อมแขนขึ้นอีก ให้ร่างเปล่าเปลือยของพวกเขาสนิทแน่น แนบแผ่นอกเบียดชิดจนรู้สึกได้ถึงจังหวะเต้นถี่รัวของหัวใจที่เหมือนจะระเบิดอยู่ในอก ขบขย้ำบนลำคอร้อนผ่าว ย้ำจูบหนักหน่วงเรื่อยไปจนถึงขมับชื้นเหงื่อ เกลี่ยปอยผมสีดำขลับที่แนบลู่อยู่ข้างแก้มธัญญ์ มองดวงตาหรี่ปรือกึ่งหลับกึ่งตื่นคู่นั้นแล้วยิ่งนึกรักขึ้นมาจนล้นเอ่อในหัวใจ รู้ทั้งรู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายเอาตัวรอดจากสารพัดเรื่องได้สบายอยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากจะปกป้องให้ปลอดภัยในอ้อมแขนตัวเองอยู่ดี

ธัญญ์อ้าปากคล้ายจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่รู้เพราะเหนื่อยเกินไป ง่วงเกินไป หรือว่าอะไร สุดท้ายแล้วที่ออกจากปากล้วนฟังไม่รู้เรื่องไปเสียหมด

เขาส่ายหน้ายิ้ม ๆ มือหนึ่งช้อนท้ายทอยธัญญ์ให้เอนศีรษะเข้ามาแนบอก ส่งเสียง “ชู่ววว” แผ่วเบาข้างหู มืออีกข้างลูบอ่อนโยนบนแผ่นหลังอีกฝ่าย

พักหนึ่งจนเข้าใจว่าคงหลับไปแล้ว จึงอดไม่ได้จะพึมพำถึงเรื่องที่ตัวเองเตรียมใจมาบอกตั้งแต่ก่อนจะเดินเข้าบ้านเมื่อเย็น

“เดือนหน้าฉันจะเปลี่ยนที่ทำงานแล้วนะ” เอ่ยได้แค่นั้นก็หยุดเพื่อถอนหายใจก่อนหนึ่งเฮือก “..ตำแหน่งก็เหมือนจะสูงขึ้นอยู่หรอก..แต่ว่า...”

เล่าได้ไม่เท่าไร กลับรู้สึกกระอักกระอ่วนใจจนไปต่อไม่ถูก

ใคร่ครวญดูให้ดีแล้ว ถูกส่งไปประจำที่บริษัทขนาดเล็กกว่าเก่าในเครือ เทียบกับที่ทำงานปัจจุบันนี้ต่างกันอย่างไม่อาจเทียบ อย่างไรก็เหมือนถูกลดขั้นชัด ๆ

เขารีบดึงตัวเองกลับจากความคลางแคลง ลองมองในแง่ดี ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็คงต้องพยายามกันต่อไป หากความสามารถถึงจริงอย่างที่ตัวเองมั่นใจ อยู่ที่ไหนก็คงจะก้าวหน้าได้ ในฐานะหัวหน้าครอบครัว เป็นทั้งพ่อและคนรัก ให้มามัวท้อแท้ก็ใช่เรื่อง

“..เอาเถอะ ยังไงจะไม่ให้เธอกับเจ้าภูมิต้องลำบากแน่ ๆ”

“ผมไม่สนเรื่องนั้นหรอก”

เสียงตอบแผ่ว ๆ กลับทำเขาสะดุ้ง ถึงกับต้องก้มลงส่องใบหน้าคนในอ้อมแขนที่ซุกอยู่กับอกเขา

“นี่ตื่นอยู่หรอกเรอะ”

“ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน”

ดูพูดเข้า ภูเมศอดยิ้มอ่อนอกอ่อนใจออกมาไม่ได้ ยกมือยีผมอีกฝ่ายเบา ๆ แล้วซุกจมูกลงกลางกลุ่มผมยุ่ง ๆ

“ไม่อยากให้เธอรู้สึกว่าคิดผิดที่เลือกอยู่กับฉันน่ะ”

“ไม่หรอกครับ” ธัญญ์โคลงศีรษะน้อย ๆ ยกแขนขึ้นโอบแผ่นหลังเขาไว้บ้างอย่างกับจะปลอบ “ไม่ผิดแน่นอน”

“มั่นใจขนาดนั้นเชียว?” เขาถามกลับทีเล่นทีจริง

“ผมมั่นใจเรื่องเลือกคนเสมอแหละ”

ชายหนุ่มหลุดหัวเราะออกมาเฮือกหนึ่ง จะถ่อมตัวสักนิดนี่ไม่มีเลย แต่ได้ฟังอย่างนั้นก็อุ่นใจไปอีกโข

“..นี่...ธัญญ์..”

“ครับ?”

เขาโน้มตัวไปจูบหน้าผากอีกฝ่ายครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างพวกเขาไว้ ขยับตัวให้อยู่ในท่าที่สบายกันทั้งคู่ กระซิบเสียงทุ้มต่ำข้างหูคนข้างกาย

“ขอบใจนะ”

ธัญญ์ไม่ถามว่าเขาขอบอกขอบใจเรื่องอะไร เพียงแต่กระเถิบตัวเข้ามาใกล้อีกนิด วางท่อนแขนพาดบนเอวเขาแล้วกอดไว้อย่างนั้น  เสียงเสียดสีเบา ๆ ของผิวเนื้อกับผืนผ้าปูที่นอนและผ้าห่มลอยเข้าหูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนทุกสรรพสำเนียงจะเงียบหายไปในความมืด








ที่รู้สึกว่าลำบากลำบนแทบแย่ในการจะเอ่ยปากบอกเรื่องหน้าที่การงานออกไปกับคนในครอบครัว เมื่อผ่านช่วงว้าวุ้นใจไปได้หนึ่งคืน กลับรู้สึกว่าพูดออกไปได้ง่ายกว่าคาด

หลังมื้ออาหารพร้อมหน้าพร้อมตาในเช้าวันเสาร์ ภูเมศก็เอ่ยออกมาเรียบ ๆ เรื่องความเป็นไปของตนในบริษัท เรื่องงานที่ช่วงนี้ผิดพลาดอย่างน่าแปลกใจ โคลงศีรษะกับตัวเองไปด้วยพลางบ่นว่าต้องมีสติให้มากกว่านี้หน่อยแล้ว

ระหว่างนั้นพร้อมภูมิกลับยิ้มร่า ร้องขึ้นว่าคุณพ่ออย่าเครียดมากจนเกินไปเป็นระยะ ส่งเสียงเชียร์ทีก็ลอบสบตากับพี่เลี้ยงข้างกายที

ส่วนธัญญ์นั้น ทำท่าทางไม่ทุกข์ร้อนอย่างเคย ไร้ร่องรอยความรู้สึกตำหนิทั้งในสีหน้าและแววตา แล้วยังอุตส่าห์พยักหน้าเห็นด้วยกับลูกชายเป็นระยะ ทั้งที่ตัวเองนั่นแหละมีแอบกระซิบบอกบทอยู่บางช่วง ทำเขาทั้งขำทั้งเอ็นดูกับความพยายามในการให้กำลังใจจากอีกสองชีวิตร่วมชายคา

“เพราะงั้น เดือนหน้าก็จะเริ่มทำงานที่ใหม่แล้วละ”

เขาสรุปในตอนท้าย ระบายลมหายใจยาวเหยียด จะว่าผ่อนคลายลงหลังจากได้เล่าไปจนหมดเปลือกก็คงพอได้อยู่หรอก

“ยินดีกับตำแหน่งที่สูงขึ้นด้วยนะครับ” ธัญญ์เอ่ยเรียบ ๆ แววตาจริงใจไม่ต่างจากน้ำเสียง

ภูเมศยังกระอักกระอ่วนอยู่นิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ผุดรอยยิ้มแบ่งรับแบ่งสู้ออกมา

“จะว่างั้นก็อาจได้ละมั้ง ถึงบริษัทจะเล็กลงก็เถอะ..”

“หลังจากนี้อาจใหญ่โตขึ้นก็ได้นี่นา”

“..ก็นะ”

“ทรัพยากรบุคคลก็มีผลนะครับ ต่อให้ตอนนี้ยังเป็นแค่บริษัทเล็ก แต่ถ้าคนในองค์กรมีคุณภาพ ยังไงต้องเติบโตได้อีกไกลแน่”

ชายหนุ่มมองหน้าอีกฝ่ายตาปริบ ๆ รู้สึกวันนี้พูดจาเป็นงานเป็นการอย่างไรพิกล

“มีคนเก่งอย่างคุณเพิ่มเข้าไปอีก อนาคตต้องก้าวหน้าแน่ครับ”

ภูเมศพ่นลมออกปากพรืด “มั่นใจอะไรขนาดนี้เนี่ย พูดอย่างกับเคยไปเห็นฉันตอนอยู่ที่ทำงานแน่ะ”

ธัญญ์ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้พลางยักไหล่ แกว่งช้อนคนกาแฟในถ้วยตรงหน้าเบา ๆ

“อืม...เคยหรือไม่เคยดีนะ”

“หือ?”

คู่สนทนายกถ้วยกาแฟขึ้นจรดริมฝีปากอย่างใจเย็น

“นี่เคยไปเห็นจริงเรอะ?”

แทนคำตอบ กลับได้รับสายตามีเลศนัยกลับมาเสียนี่

“นี่อย่าบอกนะ...”

อยากถามให้รู้ชัดกว่านี้สักหน่อย แต่เมื่อใคร่ครวญดูแล้ว ถามไปคงไม่พ้นมีแต่แต่ถ้อยคำชวนให้ยิ่งสงสัยหนักกว่าเก่า ลองนึกดูให้ดี หากคนคนนี้เคยทำเป็นเก็บกระเป๋าสตางค์ของเขาได้ทั้งที่ดูเหมือนจะวางแผนล้วงมาก่อนแล้ว เรื่องอาจทำเนียนดูอยู่ระหว่างเขาออกไปทำงานนอกสถานที่ก็อาจไม่เกินความคาดหมายเท่าไร

แทนที่จะรู้สึกรำคาญใจ กลับเผลอยิ้มออกมาจนลูกชายร้องทัก

“เฮ คุณพ่อยิ้มแฉ่ง” พร้อมภูมิว่า จากนั้นหันไปทางพี่เลี้ยงคนโปรด “พี่ธัญญ์แพ้ผมแล้ว!”

จากที่ยิ้มแฉ่งดังลูกชายทัก กลับเปลี่ยนเป็นอ้าปากหวอ

“ก็นะ” ธัญญ์เอ่ยเสียเนือย ทำเมินหน้าเหวอ ๆ ของเขาไปเฉย ส่วนเขาเดาเรื่องได้ตอนนั้นเอง

“นี่เอาพ่อมาเป็นหัวข้อพนันกันอีกแล้วเรอะ!?”

“เดาขำ ๆ เองครับ” ลูกชายแก้ตัวหน้าซื่อ ก่อนหันไปยักคิ้วหลิ่วตากับธัญญ์ สองคนนี้เผลอเป็นไม่ได้ สรรหาสารพัดเรื่อง—โดยเฉพาะเรื่องเขา—มาเดาแข่งกันตลอด ต่อให้ดูแล้วฝั่งคนโตกว่าจะแอบยอมให้อย่างลับ ๆ อยู่เสมอก็เถอะ คราวนี้คงไม่วายทายกันว่าเขาจะฉีกยิ้มบื้อ ๆ ออกมาตอนใดตอนหนึ่งหรือเปล่า

“จริงเลย พวกตัวแสบ” เขาส่ายหน้า หัวเราะน้อย ๆ “เห็นเป็นเรื่องสนุกไปซะได้”

“แต่คุณพ่อเองก็สนุกนี่นา” พร้อมภูมิทำแก้มอูม ขยับเข้ามานั่งกระแซะ “เห็นพ่อยิ้มได้ผมก็สบายใจ”

“พูดจาแก่แดดจริง”

ปากบอกลูกชาย แต่สายตาตวัดไปยังคนที่คาดว่าต้องเป็นผู้สอนให้ช่างจำนรรจาแบบนี้แน่นอน

“ก็พี่ธัญญ์บอกให้รีบโตไว ๆ”

คนถูกพาดพิงยักไหล่ ทำหน้าเหมือนเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ “ผมไม่ชอบเด็กนี่นา”

ภูเมศผงกศีรษะทำนองว่าเอาที่สบายใจแล้วกัน แต่ธัญญ์ก็ยังอุตส่าห์พึมพำต่อ

“ต้องมีอายุหน่อย...สามสิบกว่ากำลังดีเลย”

จากนั้นเจ้าตัวก็ก้มหน้าก้มตา แทบซุกครึ่งปากครึ่งจมูกลงไปในถ้วยกาแฟ ไม่ยอมเงยขึ้นมาอีกนาน เหลือใบหูแดง ๆ ที่เห็นชัดไว้ให้คนมองนั่งเขินตามไปด้วยอย่างไรพิกล








ช่วงเวลาที่เหลือของเดือนนั้น ภูเมศพยายามทำงานในส่วนของตัวเองอย่างเต็มความสามารถ ต่อให้ในที่ทำงานใหม่จะไปได้ดีหรือล้มเหลว อย่างน้อยก็ขอเป็นที่จดจำของผู้ร่วมงานเก่าว่าเป็นคนมีมีฝีมือ น่าเสียดายที่ย้ายไปประจำบริษัทอื่นในเครือ มากกว่าจะถูกสาปส่งไล่หลังว่าเป็นขี้แพ้ที่ทำงานพลาดกระทั่งในไม่กี่สัปดาห์สุดท้าย

ความพยายามไม่เสียเปล่านัก ในงานเลี้ยงส่งเขา ท่ามกลางถ้อยคำอวยพรให้ไปได้ดีกับตำแหน่งใหม่ที่อื่น ยังมีเสียงบ่นเสียดายแทรกมาไม่ได้ขาด เท่านั้นไม่พอ ถึงกับมีเสียงลือกันไปต่าง ๆ นานาว่าเขาไปขัดแข้งขัดขาคนเบื้องบนเข้าแล้วหรือเปล่า บางคนหยอกทีเล่นทีจริง แต่บางส่วนที่ไปสืบมาจากไหนก็ไม่ทราบได้ จริงเท็จไม่รู้ แต่เล่าไปเรื่อยว่าคำสั่งย้ายนี้มีที่มาจากคนระดับสูงในองค์กร ถึงกับทำให้มีคนต้องลากแขนเขาออกไปกระซิบกระซาบถามนอกวงสนทนายกใหญ่

ภูเมศได้แต่หัวเราะ บอกหลายคนด้วยประโยคเดิม ๆ ว่า “ไม่รู้สิ แต่ก็คิดว่าไม่ได้ไปมีเรื่องกับใครนะ”

แรก ๆ ก็ตลกดี แต่เมื่อโดนถามหลายครั้งเข้า ชายหนุ่มถึงกับต้องมานั่งนึก ว่าพักหลังมานี้ ไปทำตัวขัดหูขัดตาใครบ้างหรือเปล่า

คนใหญ่คนโตในองค์กรอย่างนั้นหรือ นอกจากบรรดาคณะกรรมการบริหารของบริษัทที่เจอหน้าค่าตากันบางครั้งในเวลางาน ความสัมพันธ์ราบรื่นดี ก็ไม่เห็นได้พบกับผู้คนในระดับที่เหนือขึ้นไปกว่านั้น เขาใช้ชีวิตเป็นปกติตลอดมาทั้งในและนอกเวลาทำงาน ต่อให้ไปเที่ยวบ้างก็ไม่เคยมีเรื่องกับใครที่ไหน แล้วจะไปก่อความไม่พอใจให้ใครได้ เหตุผลที่พอคิดออก คงมีแต่ช่วงนี้เขาทำงานพลาดบ่อยเองเท่านั้น

ความสงสัยของเขา รวมทั้งของผู้ร่วมงานที่กำลังจะกลายเป็นอดีต ยังคงไม่ได้รับคำตอบ แต่สุดท้ายแล้ว ทุกคนก็คงจะค่อย ๆ ลืมเลือนกันไปเอง ยิ่งไม่ใช่เรื่องของตน ผู้คนเดี๋ยวนี้ยิ่งลืมง่ายจะตาย ภูเมศเข้าใจข้อนี้ดี ถึงจะไม่รู้ต้นสายหลายเหตุ และรู้ไปก็อาจไม่เกิดประโยชน์อะไร อย่างนั้นก็อย่าไปขุดคุ้ยแล้วทำวันนี้ให้ดีคงเข้าท่ากว่า







เดือนใหม่เริ่มขึ้น เวลาผ่านไปเร็วกว่าที่คาด

เขาเริ่มทำงานที่ใหม่มาได้เกือบสัปดาห์ และพบว่าตัวเองเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อนอาจแค่ตีตนไปก่อนไข้

อันที่จริงแล้ว สภาพแวดล้อมของบริษัทนี้นับว่าไม่เลวนักหรอก แม้ระยะทางจากบ้านจะไกลกว่าเก่า แต่กลับพบว่าเวลาในการเดินทางแทบไม่ต่าง คงเพราะไม่ต้องเผชิญกับการจราจรคับคั่งในชั่วโมงเร่งด่วนเช่นเคยตอนอยู่ที่เดิม เมื่อตัดปัญหาเรื่องนั้นไปอย่าง ก็ปลอดโปร่งใจยามเริ่มงานทุกเช้าได้ระดับหนึ่ง

เพื่อนร่วมงานให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ถึงกับจะมีงานเลี้ยงรับกึ่งกันเองกึ่งทางการในสัปดาห์หน้า จัดขึ้นที่ร้านอาหารไม่ไกลจากที่ตั้งของบริษัทนัก

อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้นึกทึ่ง คือตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของบริษัทนี้ เป็นของคนหนุ่มอายุน้อยกว่าที่เขาคาดไว้เสียอีก

ภาคีเป็นชายหนุ่มผิวคล้ำ รูปร่างสูงใหญ่ผ่าเผย ตอนพบกันครั้งแรกในที่ประชุม ฝ่ายนั้นนั่งตรงตำแหน่งหัวโต๊ะ แสดงวิสัยทัศน์อันจบข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงได้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารตั้งแต่ยังหนุ่ม แม้จะเป็นบริษัทที่ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่อาจจริงอย่างธัญญ์เคยว่า ของอย่างนี้ยังพัฒนาได้อีก ขึ้นอยู่กับคุณภาพของคนในองค์กรเป็นสำคัญ

เห็นอย่างนี้ก็ค่อยใจชื้นขึ้นมาบ้าง

ครั้นกลับถึงบ้าน หลังทำงานไปได้สักระยะ ธัญญ์ที่ปกติแสนจะนิ่ง ไม่หือไม่อือกับเรื่องงานของเขามาแต่ไหนแต่ไร ยังอุตส่าห์เลียบเคียงถามไถ่ความเป็นไป

เมื่อเขาบอกสบายดี ไม่มีปัญหา เจ้าตัวก็คลี่ยิ้มอย่างกับเด็กน้อยออกมา นับว่าหาดูได้ยาก แต่เห็นสักครั้งก็หัวใจพองโตไปอีกนาน

“เป็นห่วงหรือ?” เขาถามกระเซ้า

ธัญญ์มองเขาอย่างพิจารณาอึดใจหนึ่ง จากนั้นแสดงความเห็นนอกเรื่อง

“คุณทำสายตากรุ้มกริ่มเวลาพูดอะไรแบบนี้เป็นแล้ว”

“หา?”

“น่าประทับใจจัง”

เป็นการเบี่ยงประเด็นอย่างแนบเนียน แล้วยังมาทำคนอื่นเขาเขินได้อีก

“ไม่เห็นต้องอ้อมค้อมเลย” เขาบ่นอุบทีเล่นทีจริง เอื้อมมือไปดึงแก้มฝ่ายนั้นเบา ๆ พลางนึกถึงแป้งขนมโมจิสีขาวนุ่มนิ่ม “พูดตรง ๆ ว่าเป็นห่วงฉันก็จบแล้ว”

“ผมเป็นห่วงคุณ”

ภูเมศสำลักค่อกแค่ก บทจะพูดก็พูดออกมาง่าย ๆ อะไรอย่างนี้

“คิดมากไปแล้ว” เขาทำท่าทางป็นผู้ใหญ่ กลืนน้ำลายตัวเองที่เพิ่งบอกให้อีกฝ่ายสารภาพมาว่าห่วง “ไม่มีอะไรต้องกังวลสักขนาดนั้นสักหน่อย”

“ผมรู้”

ธัญญ์ตอบเสียงแผ่ว พร้อมกับที่เขาได้ยินเสียงสั่นเบา ๆ คล้ายมาจากโทรศัพท์มือถือ

“หืม? มือถือ” เขาล้วงกระเป๋า จึงเพิ่งคิดได้ว่าตอนนี้ไม่ได้พกติดตัว แต่วางไว้บนชั้น ดังนั้นเสียงสั่นที่ได้ยินย่อมไม่ใช่จากโทรศัพท์มือถือเขาแน่นอน น่าจะเป็นของธัญญ์มากกว่า แต่อีกฝ่ายที่ยืนใกล้ ๆ ก็ยังนิ่งเหมือนไม่รู้ตัว

“ของเธอหรือเปล่า?” เขาทัก

โดนถามอย่างนั้น ธัญญ์จึงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วเสียงหวือเบา ๆ นั่นก็เงียบหายไป

“ไม่รับหรือ?”

“ทางนั้นวางไปก่อนแล้วครับ” อีกฝ่ายแจงเสียงเรียบ “ประกันกับบัตรเครดิตโทรมาโฆษณาบ่อย”

ภูเมศพยักหน้ารับรู้ นึกแปลกใจอยู่บ้างที่หมู่นี้ธัญญ์ดูจะใช้โทรศัพท์มือถือบ่อยกว่าปกติ แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ




มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ
v
v
v
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2017 22:02:42 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
งวดที่ 21 (ต่อ)




เขาเกือบลืมเรื่องสายเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของธัญญ์ที่เจ้าตัวไม่ได้รับนั่นไปแล้ว กระทั่งไม่กี่วันหลังจากนั้น บังเอิญไปเห็นบางอย่างเข้าโดยไม่ตั้งใจ

ปกติหากธัญญ์ไม่ได้อยู่ในตัวบ้านกับพร้อมภูมิ มักจะไปเจอว่ากำลังทำโน่นทำนี่อยู่หลังบ้าน เล่นกับแมวบ้าง ดูต้นไม้บ้าง หรือไม่ก็ง่วนกับเมนูแปลกใหม่ที่ไม่รู้ไปสรรหามาจากไหน

ครั้งนี้ก็เช่นกัน เขาเดินด้อม ๆ มอง ๆ แถวลานด้านหลังบ้าน มองเห็นจากข้างหลังตอนธัญญ์ยกถังน้ำขึ้นมา ไม่แน่ใจนักว่ากำลังจะทำอะไร แต่หูหิ้วกลับหลุดออกจากตัวถังตอนมันถูกยกลอยขึ้นมาแล้ว

ผลคือถังร่วงโครมใหญ่ น้ำหกรดเนื้อตัวจนเปียกโชกตั้งแต่ครึ่งล่างลงมาจนถึงปลายเท้า

ธัญญ์ไม่มีทีท่าตกใจอะไรนัก มือหนึ่งวางหูถังน้ำลง อีกมือล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็ดกับเสื้อด้านบนส่วนที่ไม่เปียก จากนั้นวางไว้บนโต๊ะใกล้ ๆ บริเวณที่แห้งสนิท

 เขาเดินตรงเข้าไปหา ตั้งใจจะช่วย ตอนนั้นเอง ที่เหลือบเห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์มือถือของธัญญ์สว่างวาบขึ้นมา แจ้งว่ามีข้อความเข้า แต่ไม่มีเสียงเตือน ไม่มีกระทั่งสั่นเตือน ธัญญ์คงปิดมันไว้ทั้งหมด

ตัวหนังสือวิ่งขึ้นตรงแถบด้านบนทีละบรรทัด

ชื่อผู้ส่งข้อความนั้นมา ถูกบันทึกไว้ว่า ‘ภาคี’

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาไม่ใช่พวกละลาบละล้วง ไม่ได้คิดจะลอบดูข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของใครหากเจ้าของไม่อนุญาต เพียงแต่ครั้งนี้ยังไม่ทันเบือนหน้าไปทางอื่น ข้อความสั้น ๆ ก็วิ่งขึ้นตามมา ก่อนแสงสีบนนั้นจะดับไปในอีกอึดใจ

ธัญญ์หันหลังมาเจอเขาเข้าพอดี จึงเป็นฝ่ายร้องทักขึ้นก่อน

“อ้าว คุณ”

“เปียกหมดแล้ว เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” ชายหนุ่มเอ่ยยิ้ม ๆ ก้มลงดูเนื้อตัวคนตรงหน้า “เพิ่งรู้ว่าซุ่มซ่ามกับเขาเป็นเหมือนกัน”

ธัญญ์ไม่ตอบอะไร จับชายเสื้อบิดไล่น้ำ บางส่วนหยดลงเกาะพราวบนผิว เอวสอบใต้เนื้อผ้ามองเห็นชัดเจนเมื่อเสื้อถูกดึงขึ้นสูงอย่างกับตั้งใจยั่วให้มองจุดนั้นมากกว่าที่อื่น

แต่แวบหนึ่งเขาทันสังเกต เห็นสายตาเจ้าตัวซึ่งตวัดไปยังตำแหน่งที่ตัวเองเอาโทรศัพท์มือถือไปวางไว้ เมื่อพบว่าหน้าจอมืดสนิทเป็นปกติค่อยกลับมาต่อบทสนทนากับเขาอย่างเป็นธรรมชาติ

“เหตุสุดวิสัยครับ”

“รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว”

“นึกว่าคุณจะบอกให้รีบถอดออกให้หมดเสียอีก”

ยังมีการมาพูดจาเหมือนโบกแครอทล่อตรงหน้าลา

“หรือจะถอดโชว์ตรงนี้เลยไหมล่ะ”

“เอางั้นหรือ ผมไม่ถือหรอกนะ”

ไม่พูดเปล่า สองมือยังจับชายเสื้อเลิกขึ้น ตั้งท่าจะถอดจริง ๆ ทำคนท้าได้แต่ยกมือกุมขมับ ร้องปรามเสียงเพลีย ทั้งหน้าร้อนฉ่าด้วยคิดไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว

“ในห้องได้ไหมล่ะพ่อคุณ”

“คนแก่หน้าบาง” ธัญญ์พึมพำหน้าตาย ทำเหมือนพูดแผ่ว ๆ แต่จงใจให้ได้ยิน ว่ากันตามจริงแล้วปากร้ายอย่าบอกใครเชียว “อยากเก็บไว้ดูคนเดียวก็บอก”

พูดอีกก็ถูกอีกนั่นแหละ

สุดท้ายจึงตัดสินใจเอาแขนล็อคคอ กึ่งดึงกึ่งลากอีกฝ่ายเข้าบ้าน

ธัญญ์มีทำดื้อขืนตัวนิดหน่อยพอเป็นพิธีตอนแรก แต่หลังจากคว้าโทรศัพท์มือถือมาไว้กับตัวระหว่างทางได้แบบไม่สะดุด จากนั้นค่อยยอมเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย

ครั้นฝ่ายนั้นเดินคล้อยหลังไปแล้ว ภูเมศมองตามพลางนึกถึงเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่ธัญญ์คอยระแวดระวังไม่ให้ห่างตัวยิ่งกว่าข้าวของชิ้นอื่น ทั้งยังปิดแจ้งเตือนทุกอย่างทั้งเสียงเรียกเข้าและระบบสั่น

อดแปลกใจไม่ได้กับข้อความซึ่งเพิ่งบังเอิญเห็นเข้า แม้คิดว่าอาจไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขา บางทีคนรู้จักกันก็ส่งข้อความติดต่อสื่อสารสิ่งที่คนนอกอ่านไม่เข้าใจเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ในสถานการณ์ที่ ‘คนรู้จักกัน’ ของธัญญ์ คือคนที่เขาไม่รู้จัก และ ‘คนนอกซึ่งอ่านไม่เข้าใจ’ ที่ว่านั่นคือตัวเขาเอง มันก็ชวนให้งุ่นง่านบอกไม่ถูก

ส่งมาจากคนชื่อภาคี...ภาคี.....

ภูเมศย่อตัวลงนั่ง พรมนิ้วบนโต๊ะ ใช้ความคิดอยู่เงียบ ๆ

ภาคี...ชื่อเดียวกับเจ้านายที่ทำงานใหม่ แต่จะว่าไป ก็นับเป็นชื่อโหลอยู่เหมือนกัน ไม่น่าบังเอิญขนาดนั้น หากเป็นคนเดียวกันจริง ตอนเขาบอกว่าจะย้ายมาทำงานบริษัทนี้ ธัญญ์คงต้องเอ่ยอะไรบ้างแล้ว

ไหนจะข้อความที่อ่านไม่เห็นเข้าใจสักนิดนั่นอีก ภูเมศจำได้ทั้งประโยคสั้น ๆ ที่วิ่งขึ้นมาก่อนหน้าจอจะดับลง ไม่รู้ยังมีต่ออีกหรือเปล่า แต่เขาก็เห็นเพียงแค่นั้น


[ทำแบบนี้ คุณธเนศจะโกรธเอานะครับ]






To be continue…








ขอบคุณที่ยังเข้ามาอ่านค่ะ (เพรากกกกส์ ด้วยรักแบบรักมาก เพราะรู้ตัวว่าอัปช้ามาก กราบขออภัยค่ะ อยากจะให้เร็วกว่านี้ก็ไม่สำเร็จสักที ฮะเอื้อะ จะพยายามนะคะ

แล้วพบกันงวดหน้านะคะ ฮึบ!


จำไม่ได้ว่าแปะของแถมอะไรไปบ้างแล้ว แต่ก็...ของแถมรีพลายถัดไปเช่นเคยค่ะ (ฮา)



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2017 22:05:22 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
ดูเดิ้ลของแถมค่ะ :D




มีความขี้อ่อย ////




บางคืนที่ฝันร้าย...










แถมอีกอันค่ะ งือ



พบกันงวดหน้านะคะ ,,>3<,,
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2016 16:52:50 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
อื้อหือ

ที่ย้ายงานเพราะธเนศหรือธัญญ์เองนี่?

ภูเมศมารู้ทีหลังท่าจะแย่เอานา



ออฟไลน์ Kio

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
น่าสงสัย น่าสงสัยไปหมดเลย..
 :z3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด