┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]  (อ่าน 469782 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kio

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
'แม่สร้างขวัญได้ แม่ก็ทำลายขวัญได้เหมื--'  อ้าวไม่ใช่หรอ

กลัวใจธเนศชหค่ะจุดนี้

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
 ธเนศ  :z6:   ช่วยไปไกลๆๆได้ไหม

 :pig4: :กอด1: :L1:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
ตาแก่จะกินเด็ก?

หรือกินไปแล้วนะ?

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ยังคงลึกลับซับซ้อนต่อไป เราจะไม่เดาไรแล้วต้มน้ำรออย่างเดียว TvT

ออฟไลน์ GnA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ถ้าเป็นธัญญ์ เราจะเฉย ๆ เขาขะมาไม้ไหนก็เฉยไว้ รู้อยู่แล้วว่าเขายั่วโมโห และพูดความจริงกับคุณพ่อน้องภูมิซะ หากว่าเขารับไม่ได้จะได้จบเสียแต่ตอนนี้ ถ้าเขามองข้ามได้ก็จะได้ช่วยกันแก้ปัญหา

ความรักต้องการการเชื่อใจ ถ้าไม่มีก็จบ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ธเนศ น่ารำคาญ ตามตอแยธัญ ไม่เลิก
เป็นแค่พ่อเลี้ยงแท้ๆ ตามข่มขู่
ทำตัวเหมือนเป็นคนรัก ตาแก่บ้าตัณหา
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ GnA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ขอเม้นอีกที
บางทีธเนศกับธัญญ์อาจเคยมีซัมติงกันมาแล้ว ก็ได้นะ ไม่งั้นธัญญ์คงไม่กลัวขนาดนี้ และธเนศคงไม่รู้สึกอยู่เหนือขนาดนี้ :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ต้องสู้ให้ถึงที่สุด

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ความสัมพันธ์พ่อลูกคู่นี้แปลกๆ ดูมีลับลมคมในเยอะแฮะ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
สมกับที่รอคอยค่ะ เห็นปมเรื่อยๆ

ธัญญ์น่าสงสารนะ อยู่กับความระแวง ความแพ้ทาง แต่อย่างน้อยอยู่กับภูเมศมีความสุขก็ยังโอเค
ภูเมศคงมึนมาก ต้องเจอเรื่องไม่มีเหตุผล แต่ก็ทำใจยอมรับได้ เพราะมีธัญญ์

ลุงคนนั้นคะ ต้องการอะไรมากมาย ไม่ได้คือไม่ได้ ทำไมไม่เข้าใจ กดดันคนอื่นไปทั่วเลยนะ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ความสัมพันธ์แปลกประหลาด

ออฟไลน์ Yundori

  • From where I stand...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
สงสารธัญญ์อ่า
เหมือนโดนบีบให้ออกจากเมศ
อีตาลุงนี่ก็โคตรให้บรรยากาศลุงหื่นๆ
ชอบเด็ก หลอกให้เด็กตายใจค่อยกินงี้
กลัวอ่ะ  :katai4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ลุงธเนศนี่เหมือนคนโรคจิตในหนังสยองขวัญเลย

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
คนเราโดนบีบมากๆ



ก็ทำให้ฆ่าคนได้นะ



น้องธัญ เป็นคนฉลาด ทำให้ไอ้แก่นี่ไร้ตัวตนไปเลย

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
สมกับที่รอคอยค่ะ เห็นปมเรื่อยๆ

ธัญญ์น่าสงสารนะ อยู่กับความระแวง ความแพ้ทาง แต่อย่างน้อยอยู่กับภูเมศมีความสุขก็ยังโอเค
ภูเมศคงมึนมาก ต้องเจอเรื่องไม่มีเหตุผล แต่ก็ทำใจยอมรับได้ เพราะมีธัญญ์

ลุงคนนั้นคะ ต้องการอะไรมากมาย ไม่ได้คือไม่ได้ ทำไมไม่เข้าใจ กดดันคนอื่นไปทั่วเลยนะ


ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
พระเอกไปไหน มาช่วยน้องธัณญ์หน่อย ดูคุณลุงรังแก

ออฟไลน์ ดึงดาว

  • โตขึ้นหนูอยากเปนไร
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาม่าโค้งสุดท้ายได้ไหมมม

ออฟไลน์ Bellze12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อยากรู้ว่าธเนศ เคยทำอะไรไว้กับธัญญ์บ้าง
แบบทำให้เกลียดขนาดนี้
แล้วทำไมธเนศต้องคิดทำลายธัญญ์ด้วย

ออฟไลน์ chacogothicW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นั่นสิคะ ใช่พ่อลูกกันจริงๆหรอ ทำไมจากบทสนทนาและท่าทางดูชู้สาวกันจัง
เฮ้อ คุณธเนศออกมาแล้วคุณภูเมศโดนกลบหมดเลย ฮา
เอาใจช่วยน้องธัญญ์น้า อดทนและผ่านมันไปให้ได้ สู้วๆ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
อะหื้อออ เล่นเอาต้องอ่านซ้ำกลับไปมา เที่ยวละ 2 -3 ประโยค เนื่องจาก.. จำดีเทลเรื่องไม่ได้ แหะๆๆๆ (เขาขอโต้ด)

สรุป ธเนศนี่เป็นพ่อเลี้ยงหวังฟัน ตามอาฆาต ตามราวีไม่จบ ชะมะ? ถ้าธัญญ์เห็นแก่ตัว ต้องมีคนรอบข้างที่ไม่รู้เรื่อง เจ็บไปอีกหลายคนเลยสินะ อืออออ จิตได้อี๊กกกก


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ evz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ชอบเวลาลุงกับนุ้งธัญญ์หยอดเล็กหยอดน้อยกันจังเลยค่ะ มันละมุมมันอบอุ่น
อบอุ่นจนไม่อยากให้ใครมาทำลายมันเลยค่ะ
และก็เพราะเหมือนมาม่าของจริงจะไม่มาสักที ทางนี้ก็ได้แต่หายใจไม่ทั่วท้องตลอด

เรื่องย้ายงานนี่ผิดคาดจริงๆ นึกว่าคุณธเนศสั่งย้าย จริงๆแล้วเป็นความช่วยเหลือของน้องธัญญ์สินะคะ
รู้สึกโล่งนิดหน่อย แต่แอบสงสารภาคี คอยมารับหน้ารับรังสีกดดันและคำขู่ คุณธเนศนี่น่ากลัว

แล้วก็ไม่ชอบที่น้องธัญญ์ต้องมาเผชิญหน้ากับคุณธเนศเลยค่ะ สงสารมาก
ลุงรีบกลับมาปลอบน้องไว้ๆนะๆๆๆ

คนเขียนสู้ๆค่ะ สู้ไปพร้อมนุ้งธัญญ์ เป็นกำลังใจให้นะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ pp_psj

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ซับซ้อนไปค่า โอ๊ยยหงุดหงิด :katai1:

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก  ├


งวดที่ 23



“ทำลายเธอ?” ธเนศทำท่าทางอ่อนใจ “ใส่ร้ายกันจริง ๆ ทั้งที่ฉันเป็นห่วงเธอมาตลอด”

“ผมดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องให้ใครห่วง”

คนฟังพยักหน้า เอนกายยืนพิงผนัง มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า ถอนหายใจออกมายาวเหยียด “เรื่องที่เธอโตแล้วก็รู้อยู่หรอก แต่เป็นเสียอย่างนี้จะไม่ให้ฉันกังวลได้ยังไง”

ธัญญ์จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง ค่อย ๆ พูดออกมาช้า ๆ ทีละคำอย่างอดทน “ผมเป็นแบบไหน เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย”

ผู้มาเยือนหัวเราะแผ่ว สีหน้าประหนึ่งกำลังคุยกับเด็กหัวดื้อสักคน

“ก็นิสัยที่พอโมโหขึ้นมาแล้วใจร้อนจนไม่ระวังนี่ไง รู้ไหมที่ใคร ๆ เขาว่าเธอสุขุม ไม่แสดงอารมณ์ นั่นไม่จริงเลย ถ้ามาเห็นว่าตอนอยู่กับฉันทำตัวดื้อแบบไหน เกรี้ยวกราดยังไง พวกเขาต้องถอนคำพูดแน่ แล้วไหนจะเรื่องที่ชอบเล่นกับความรู้สึกคนอื่นอีก”

 เขาเม้มปาก ข้อแรกอาจมีส่วนจริงอยู่บ้าง อย่างที่เขากำลังหัวร้อนจนต้องพยายามสงบสติอารมณ์อยู่ตอนนี้ แต่ข้อสองนั้นไม่ใช่แน่นอน

“ผมไม่ได้เล่นกับความรู้สึกใคร”

“หืม?” สุ้มเสียงคล้ายสงสัยเต็มแก่ช่างน่าหงุดหงิด “แล้วเรื่องโยกย้ายนั่นล่ะ กล้าพูดหรือว่าใม่ใช่ฝีมือเธอ?”

“ต้องรอให้คุณลงมือก่อนหรือไง”

“เธอมองโลกในแง่ร้ายเกินไปแล้ว คนแก่ไร้ทางสู้อย่างฉันจะไปทำอะไรเขาได้ล่ะ”

คราวนี้กลับหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องขบขัน ดูพูดเยอะกว่าทุกทีจนผิดสังเกต

“มีแค่เธอเองไม่ใช่หรือไงที่ทำให้เขาถูกส่งไปที่อื่น ตัดโอกาสก้าวหน้า ใจดำจริง ๆ ทั้งที่เขายังมีลูกชายต้องดูแลแท้ ๆ กลับไปเพิ่มภาระให้อีก”

“...ไม่ใช่ภาระ” ธัญญ์เสียงอ่อนลง ถูกจี้จุดเข้าแล้ว ด้วยรู้สึกอยู่ลึก ๆ เช่นกัน ว่าตัวเองอาจนำความเดือดร้อนมาสู่คนบ้านนี้ในสักวันหนึ่ง “..ไม่ใช่..” เขาย้ำกับตัวเอง

“ตลกแล้ว ถ้างั้นทำไมยังอยู่กินเงินเดือนเขา อาศัยอยู่บ้านเขา แล้วยังก่อเรื่องให้ต้องถูกย้ายงานอีกล่ะ?”

ธเนศเหยียดรอยยิ้ม ขยับเดินเข้ามาใกล้ พึมพำอย่างเห็นอกเห็นใจ

“ปิดบังไว้อย่างนี้จะดีหรือ เธอคิดว่าจะปิดเขาได้อีกนานเท่าไรกัน เท่าที่ฉันเห็น คุณภูเมศคนนั้นก็ไม่ได้ดูโง่อะไรนะ เขายังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าถูกเธอหลอกอยู่ จะน่าสงสารเกินไปแล้ว นี่คงยังไม่รู้ด้วยใช่ไหม ว่าเจ้าภาคี เจ้านายใหม่ตัวเองก็เป็นพี่ชายของเธอ รวมหัวกันหลอกลวง”

“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับคุณ!” ธัญญ์ตัดบท เชิดคางขึ้น มองฝ่ายนั้นด้วยสายตาชิงชัง “ผมรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่”

แต่คนฟังกลับไม่สะทกสะท้าน พูดต่อเป็นหนังคนละม้วน

“รู้สิ เธอทำเพราะสนุก เขากับลูกต้องเดือดร้อน แค่เพราะเธออยากเรียกร้องความสนใจจากฉัน สุดท้ายแล้วเราก็ตัดกันไม่ขาด..จริงไหม”

พวกเขาเงียบกันไปครู่ใหญ่ ฝ่ายนั้นกลับไปยืนอยู่ในท่วงท่าสบาย ๆ รอเขาระเบิดอารมณ์ คงคาดไว้ว่าขึ้นกับเวลาเท่านั้น

เขาใกล้หมดความอดทนเต็มที ทว่ายังไม่ทันได้อ้าปากเอ่ยอะไรต่อ กลับได้ยินเสียงคุ้นเคยร้องทักขึ้นจากด้านหลัง

“ธัญญ์?”

จบหนึ่งพยางค์นั้น หัวใจเขาหล่นวูบลงไปกองอยู่บนพื้น

เขาเบิกตากว้าง กลั้นใจเหลียวหลังไปมอง พบว่าเสียงนำมาก่อนตัว สิ้นคำแล้วค่อยเห็นหน้าคนพูดว่าเป็นชายในบทสนทนาระหว่างพวกเขาจริง ๆ

ชั่วขณะหนึ่งอันแสนสั้น ความตื่นตระหนกกลับพลุ่งพล่านจนเข่าแทบทรุด เหงื่อซึมชุ่มแผ่นหลัง ปลายมือเท้าเย็นเฉียบ ตัวเขายามโมโหแล้วขาดความระมัดระวังจริงดังธเนศว่า จึงได้ไม่ทันสังเกตสักนิดว่ามีคนโผล่มาอยู่ด้านหลังไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร โดยเฉพาะคนที่ไม่อยากให้เข้ามาได้ยินที่สุด

“คุณ...ภู...” เขาทัก พยายามคงน้ำเสียงราบเรียบเป็นปกติ ข่มใจไม่ให้แสดงอาการกระโตกกระตาก “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

ก่อนอื่นที่อยากรู้ คือภูเมศเข้ามาได้ยินตั้งแต่ตอนไหน

“เมื่อกี้นี้เอง” อีกฝ่ายยิ้มกว้าง ยกหลังมือขึ้นเช็ดเหงื่อบนขมับ “ข้างนอกอากาศอบอ้าวน่าดู เย็นนี้ฝนอาจจะตก”

ธัญญ์พยักหน้า คำตอบกว้าง ๆ นั้นไม่ช่วยเท่าไรนัก สมองใคร่ครวญนึกหาวิธีถามอย่างไรไม่ให้น่าสงสัย ทว่าอีกฝ่ายชิงพูดขึ้นก่อน

“สวัสดีครับคุณธเนศ” ชายหนุ่มทักทายน้ำเสียงเป็นกันเอง “เด็ก ๆ รออยู่ห้องโน้นแน่ะครับ”

“สองพี่น้องเล่นกันสนุกเลยสินะครับ”

ภูเมศพยักหน้า มองไปยังทิศทางห้องรับแขก “นั่นละครับ วุ่นเป็นลูกลิงเลย” จากนั้นหันกลับมาหาทั้งสองคนอีกครั้ง “ว่าแต่มาคุยอะไรกันตรงนี้ มาถึงก็เห็นยืนเงียบกันแล้ว เข้าไปนั่งห้องโน้นดีกว่า จะได้ไม่เมื่อย”

ธัญญ์ใคร่ครวญประโยคนั้นในหัว ค่อยลอบถอนหายใจออกมาสุดปอด

ภูเมศไม่ได้ยินอะไร...เขารู้สึกราวกับใช้โชคดีทั้งชีวิตหมดไปในคราวเดียว

“พี่ธัญญญ์” เสียงเรียกยาวเหยียดลอยมาจากห้องรับแขก เจ้าของบ้านตัวน้อยเรียกหาพี่เลี้ยงเสียงแจ๋ว คงเพราะเห็นหายไปนานไม่ยอมออกมาสักที เว้นช่วงครู่หนึ่ง เห็นเขายังไม่ยอมตอบก็เรียกซ้ำอย่างคึกคัก “พี่ธัญญญ์ มาเร้ว จะกินขนมหมดแล้วนะ”

“ครับ ๆ” เขาขานรับอย่างเสียมิได้ เหลือบมองหน้าชายอีกสองคนที่เหลือ ใจหนึ่งก็ไม่อยากให้ทั้งสองอยู่กันตามลำพัง จึงได้ออกปากชวนเหมือนทำไปตามมารยาท

“เข้าไปด้านในพร้อมกันเลยไหมครับ เห็นว่าคุณแม่น้องเพลงซื้อของฝากมาให้ คงตั้งใจเอามาฝากคุณโดยเฉพาะ”

“เห็นแล้วละ” ภูเมศยิ้มรับ “แต่เสื้อฉันชื้นเหงื่อหมดแล้ว ขอเปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วจะตามไป”

“เดี๋ยวฉันขอเข้าห้องน้ำก่อน” ธเนศเอ่ยขึ้นบ้าง “แล้วจะตามไปอีกคนนะ”

“พี่ธัญญ์ค้าบบบ คิดถึงแล้วน้าาา”

พร้อมภูมิร้องเรียกอีกครั้ง ให้เขายื้ออยู่ต่อก็ดูมีพิรุธอย่างไรชอบกล สุดท้ายจึงตัดใจเดินกลับไปตามเสียงเรียก ไม่วายลอบสังเกตเท่าที่พอทำได้ ก่อนตัวเองจะเดินพ้นมุมจนลับสายตาไป




ครั้นธัญญ์คล้อยหลังไปได้อึดใจ คนหนึ่งที่บอกจะเปลี่ยนเสื้อกลับยืนนิ่งอยู่จุดเดิม ส่วนอีกคนที่บอกจะเข้าห้องน้ำ ก็ยังคงไม่ขยับไปไหนเช่นกัน

ภูเมศมองหน้าอีกฝ่ายอย่างลำบากใจอยู่ครู่หนึ่ง บอกตัวเองว่าที่รอจนธัญญ์ออกไปก่อนแล้วเช่นนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อมายืนอ้ำอึ้ง

“..เขา...ขี้หงุดหงิดอย่างนี้เสมอหรือครับ” ชายหนุ่มพึมพำเสียงแผ่ว จนบอกลำบากว่าแค่เปรยกับตัวเอง หรือนั่นเป็นคำถามต่ออีกคนที่อยู่ข้างกัน

“เห็นมายืนฟังอยู่ตั้งนานแล้วนี่ครับ” ธเนศยักไหล่ “เนียนใช้ได้ เห็นทีผมอาจต้องมองคุณใหม่ เมื่อครู่น่าจะได้ยินด้วยว่าที่จริงแล้วเขาเป็นอย่างนี้เสมอ หรือคุณอาจฟังไม่ทัน”

เขาเม้มปาก รู้สึกสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก ผู้ชายชื่อธเนศคนนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นคนที่กำลังคบหากับอดีตภรรยาเขาอยู่หรอกหรือ? ก่อนหน้านี้เคยมาที่บ้าน เจ้าตัวยังพูดจาประหนึ่งไม่เคยรู้จักธัญญ์มาก่อน ครั้งนี้เขาเพิ่งมาบังเอิญได้ยินทั้งสองคนคุยกันแค่ช่วงหลัง แต่คำพูดคำจาเหล่านั้น ใครมาได้ยินเข้า คงเดาได้ไม่ยาก ว่านี่ไม่ใช่บทสนทนาของคนที่เพิ่งรู้จักกันแน่นอน

“รู้จักกันมานานแล้วหรือครับ”

อีกฝ่ายทำเป็นนับนิ้ว แล้วก็ถอดใจ ตอบอย่างขอไปที “เกือบทั้งชีวิตเขานั่นละ ถึงเกรงคุณจะเข้าใจผิดว่าผมพูดเกินเลยไป แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ”

“ตอนนั้นทำเหมือนไม่รู้จักกันนี่ครับ”

“อ้อ..ตอนมาบ้านคุณครั้งก่อนน่ะหรือครับ” ธเนศยิ้ม ค้อมศีรษะลงน้อย ๆ อย่างสำรวม “ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ดูเหมือนธัญญ์เขา...”

อีกฝ่ายลดเสียงลง ทำท่ามีลับลมคมใน เหลือบมองไปด้านหลังเขาคล้ายต้องการดูให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครโผล่มาระหว่างพูดประโยคถัดจากนี้ “...เขาไม่อยากให้คุณรู้เรื่องระหว่างพวกเราเท่าไร”

“เรื่องระหว่างพวกคุณ?” ภูเมศทวนคำ ใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว แต่ความรู้สึกปวดหนึบในอกก็ดึงเขากลับมาอยู่กับสถานการณ์ตรงหน้า “เรื่องอะไรครับ?”

อีกฝ่ายยิ้มกว้าง พลางเสมองไปทางอื่น

“เรื่องความสัมพันธ์ แล้วก็อะไรอีกหลาย ๆ อย่าง”

เสียงนุ่มนวล ทว่าถ้อยคำแสนกำกวม มีแต่จะยิ่งสร้างความร้อนรนให้คนฟัง

ภูเมศลังเลอยู่สักครู่ แต่แล้วก็ทนเก็บความสงสัยไม่ไหวจนต้องกัดฟันถามทั้งที่นึกหวาดกลัว ใจคิดไปไกลแล้ว แต่ไม่อยากให้เป็นดังตัวเองคาดสักนิด

“...คุณเป็นอะไรกับธัญญ์ พอบอกได้ไหม”

“คนรักของเขาละมั้ง”

ไร้ความลังเลในน้ำเสียง วูบหนึ่งนั้น ภูเมศนึกโกรธขึ้นมาจนหูอื้อ

“ผมต่างหากที่เป็นคนรักของเขา”

“อืม” อีกฝ่ายหันมาจ้องตา “งั้นผมก็คงเป็นคนรักของเขาที่มาก่อนคุณ”

“คุณ..!”

“คิดว่าเขานอนกับคุณแค่คนเดียวงั้นสิ?”

ภูเมศเบิกตากว้าง ขณะที่ธเนศยังรักษาจังหวะของตัวเอง รอยยิ้มไม่เลือนลงสักนิด พูดต่อน้ำเสียงเรียบเรื่อยอย่างใจเย็น

“เรื่องนี้เขาก็ไม่ได้บอกสินะ พอเข้าใจได้อยู่หรอก แต่คุณแยกแมวกับเสือไม่ออกจริง ๆ หรือ?”

“หมายความว่ายังไง”

“จะว่าไป ทั้งสองก็มีส่วนคล้าย พวกมันล่าเหยื่อ เพียงแต่แมวอาจฝึกให้เชื่องได้ง่าย ส่วนเสือต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการฝึก หากพลั้งเผลอเมื่อไร มันจะทำร้ายคุณได้มากกว่า”

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว

“คุณดูเขาให้ดีสิ” ธเนศว่า พยักพเยิดไปยังทิศทางที่ธัญญ์เพิ่งเดินจากไป “ธัญญ์ไม่ใช่แมวบ้านหรอก”

“ผมไม่ได้สนว่าเขาเป็นแมวหรือเสือ” ภูเมศข่มใจ “ผมสนแค่เขาเป็นคนที่ผมรัก”

สีหน้าอ่อนใจถูกส่งกลับมา “รู้ไหม แบบนี้คุณยิ่งน่าสงสาร

“ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด”

“ตั้งแต่เล็กจนโต เขามีของเล่นมากมาย มีวิธีสนุกกับพวกมันในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร แย่ตรงเขาอยู่กับของเล่นแต่ละชิ้นได้แค่ไม่นานหรอก”

ธเนศยิ่งพูดก็ยิ่งนึกสนุก รู้สึกตัวเองคิดถูกแล้วที่ตามเพียงขวัญมาด้วยวันนี้

“คุณเข้าใจไหม เขาดูเหมือนคนยากจนหรือ หน้าตา ผิวพรรณ ความคิดความอ่าน บุคลิก ไม่เลยสักนิด ฐานะเขา ไม่ทำงานทั้งชาติก็อยู่ได้ ไม่ต้องใช้วิธีทำตัวเป็นคนไร้งานไร้บ้านก็เข้าหาคุณได้ แล้วทำไมต้องลำบากลำบนทำอย่างนั้นกันล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะมันสนุก แต่คุณก็เหมือนกับของเล่นชิ้นอื่น ๆ ต่อให้เล่นสนุกแค่ไหน สักวันเขาย่อมเบื่อ แล้วก็เขี่ยมันทิ้งอย่างที่เคยเป็นมาตลอด ซึ่งผมว่าเวลานั้นคงใกล้มาถึงแล้วเสียด้วย คุณน่าจะเตรียมใจไว้บ้าง”

“คุณไม่ควรพูดให้ร้ายเขาอย่างนั้น”

“นี่คือข้อเท็จจริง แต่ที่คุณเข้าใจว่าผมกำลังให้ร้าย เพราะคุณไม่รู้จักเขาเลยไง”

“ผมรู้จักเขาดี!”

“เท่าที่เขาอยากให้คุณรู้จัก” ธเนศช่วยต่อให้ น้ำเสียงคล้ายกำลังเวทนาเหลือแสน “ซึ่งมันน้อยนิดเหลือเกิน...ใช่ไหมล่ะ”

ถึงจุดนี้...ภูเมศกลับนึกไม่ออกว่าจะสรรหาคำใดมาแก้ต่าง

เขารู้จักอีกฝ่ายเพียงน้อยนิดดังว่าจริง ๆ

“เรื่องเดียวที่เขาพูดจริง คงเป็นที่ชอบบอกว่าตัวเองเป็นเด็กไม่ดีละมั้ง ไม่รู้เขาเคยพูดคำนี้กับคุณหรือเปล่า น่าจะเคยได้ยินใช่ไหม เขาพูดคำนี้กับทุกคน และคงเป็นสิ่งเดียวที่จริงแท้ เพราะเขาเป็นเด็กไม่ดีจริง ๆ นั่นละ ตอนขึ้นเตียงด้วยกันคุณไม่รู้สึกหรือ—”

พลั่ก!

“หุบปาก!”

ภูเมศยืนหอบหายใจ ชาที่ข้อนิ้ว ก่อนจะตามมาด้วยความปวดหนึบ หลังจากเลือดขึ้นหน้า กระแทกกำปั้นลุ่น ๆ ลงไปบนแก้มอีกฝ่ายเข้าเต็มหมัด ส่งให้ร่างนั้นเซลงไปนั่งกองกับพื้น

“...ไม่ว่า...พวกคุณ....จะเป็นอะไรกัน...” เขาโมโหจนแทบพูดไม่เป็นคำ ต้องอดทนอย่างถึงที่สุดไม่ให้พุ่งเข้าไปซ้ำอีกหมัด “แต่คุณ..จะพูดจาไม่ให้เกียรติเขาอย่างนี้ไม่ได้!”

ทว่าอีกฝ่ายกลับยังใจเย็นเหลือเชื่อ ยกมือเช็ดเลือดที่ไหลซึมจากมุมปาก ลุกขึ้นยืนอย่างไม่เร่งร้อน จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองออกมาจากกระเป๋ากางเกง ถอดบางส่วนออกเพื่อเอาเมมโมรี่การ์ดอันเล็ก ๆ ออกมาคีบไว้ด้วยสองนิ้ว

ทั้งที่ตัวเองเป็นคนถูกต่อย แต่กลับมองมายังเขาด้วยสายตาสังเวช...สายตาที่กดผู้อื่นให้ต่ำต้อยด้อยค่า

“เชื่อไหม ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่วันนี้ด้วยซ้ำ” ธเนศเกริ่นกลั้วหัวเราะก่อนจะเล่าต่อ “มันเป็นความบังเอิญตั้งแต่คุณขวัญไปบ้านผมโดยไม่ได้นัดไว้ แล้วบอกว่าจะมาเยี่ยมคุณเป็นบ้านหลังต่อไป ผมคิดว่าจะมาเยี่ยมเยียนเขาสักหน่อย แล้วก็บังเอิญอีกที่คุณไม่อยู่...”

“อย่าอ้อมค้อมนักเลย”

แต่ฝ่ายนั้นไม่สนใจถ้อยคำเขา ยังคงพูดต่อด้วยจังหวะของตัวเอง

“บังเอิญที่ผมได้คุยกับธัญญ์ตามลำพัง—ไม่สิ อันนี้อาจไม่เรียกบังเอิญ—ผมแค่ไหลไปตามน้ำ สุดท้ายนึกอย่างไรขึ้นมาไม่รู้ แอบบันทึกเสียงเอาไว้ตลอดการคุยกันตรงนี้ คุณบอกคุณมาไม่ทันได้ยินตอนแรกใช่หรือเปล่า”

เมมโมรี่การ์ดเล็ก ๆ ถูกโบกไปมาตรงหน้า

“ในความบังเอิญเหล่านี้ บางทีอาจป็นชะตาฟ้าลิขิตนะ ว่าไหม”

ภูเมศโคลงศีรษะอย่างเหลืออดเหลือทน พอเข้าใจท่าทางหงุดหงิดของธัญญ์ขึ้นมาบ้าง คุยกับคนคนนี้ จะข่มใจให้สงบเป็นเรื่องยากเย็นเต็มที

“ช่วยรับสิ่งนี้ไปหน่อยแล้วกัน ถือว่าเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากผม เพราะเกรงว่าคุณจะฟังไม่ทัน หรือไม่ก็อยากฟังซ้ำให้ชัด ๆ ใช้เวลาทบทวนเกี่ยวกับคนที่คุณเชื่อมั่นไปเองว่าเขารักคุณสุดหัวใจนั่น”

“ไม่ใช่เรื่องคิดไปเอง” เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน 

“จริงหรือ?” ธเนศเลิกคิ้ว “ไว้คุณฟังจบ ค่อยตอบคำถามนั้นอีกทีดีกว่า”

เขายืนนิ่งงัน ราวกับขาทั้งสองข้างกลายเป็นหิน ตั้งแต่ปลายนิ้วเท้าขึ้นมาถึงต้นขา

“ตอบตัวเองก็พอนะ ไม่ต้องมาบอกผม เพราะผมรู้คำตอบนั่นนานแล้ว”

อีกไม่ช้านาน อาจลามขึ้นมาถึงหัวใจ

เมมโมรี่การ์ดถูกจับยัดใส่มือ ก่อนธเนศจะจงใจเดินเฉียดให้ไหล่ตนกระแทกไหล่เขาเบา ๆ แล้วก้าวขาไปทางห้องรับแขก ไม่วายเอ่ยทิ้งท้ายไว้อย่างเจ็บแสบ

“แต่ถ้าทำใจฟังไม่ได้จริง ๆ ก็ถือว่าผมฝากทิ้งแล้วกัน”







“คุณธเนศ! หน้าไปโดนอะไรมาคะ!?”

นั่นเป็นคำแรกที่เพียงขวัญร้องทัก พลางยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ เมื่อเห็นรอยแดงเป็นจ้ำบนแก้มสารถีจำเป็นของเธอวันนี้ ทั้งยังรอยแตกบนริมฝีปากที่เริ่มมีสะเก็ดแข็งเกาะปากแผล

ระหว่างที่ภูเมศซึ่งเดินตามมากำลังนึกหาคำตอบ ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เจ้าของแผลก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“ลื่นล้มในห้องน้ำน่ะครับ หน้าฟาดเข้ากับขอบอ่างล้างหน้าพอดี น่าขายหน้าจริง ๆ”

เพียงขวัญส่ายหน้า ทั้งกังวลทั้งอ่อนใจ รุดเข้าไปดูแผลใกล้ ๆ ถามน้ำเสียงวิตก “ไม่ได้สลบไปใช่ไหมคะ หัวแตกรึเปล่านี่”

เด็ก ๆ อีกสองคน รวมพี่เลี้ยงอีกหนึ่ง เดินตามเข้าไปชะเง้อ ห่างออกมานิดหน่อย

“โดนแค่ตรงนี้ครับ หัวไม่เป็นไร” ธเนศหัวเราะ “ต้องระวังหน่อย เกิดหัวฟาดสมองเสื่อมไป เป็นภาระลูกหลานแย่”

“พูดอะไรเสียน่าสงสารอย่างนั้น” เพียงขวัญเห็นเขายังหัวเราะได้ก็ค่อยเบาใจ พอหัวเราะออกบ้าง แซวเล่นไปเรื่อยเปื่อย “ลูกหลานคุณคงไม่รังเกียจรังงอนคุณพ่อตัวเองหรอกมั้งคะ”

“อืม” เขาทำท่าครุ่นคิด ลอบส่งรอยยิ้มมุมปากให้ธัญญ์ที่ยืนอยู่นอกวง “ผมก็สงสัย อยากลองถามเขาอยู่เหมือนกัน”

ธัญญ์มองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ปิดปากเงียบสนิท นัยว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับบทสนทนา เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครมองอยู่ ค่อยลอบมองภูเมศที่พูดคุยไปเรื่อยเสมือนหนึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวเช่นกัน

ไม่ใช่แผลจากการล้มกระแทกอ่างล้างหน้าแน่นอน เขามั่นใจ

แต่ถ้าอย่างนั้นแล้ว ร่องรอยบาดเจ็บบนใบหน้าธเนศมาจากไหน..

สายตาตวัดไปยังมือทั้งสองของภูเมศโดยพลัน พบว่าข้างซ้ายเป็นปกติ แต่มือข้างขวาซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง

เขาหยิบถาดใส่น้ำและขนมที่วางอยู่ตรงขอบโต๊ะฝั่งที่เด็ก ๆ กำลังเล่นกันอยู่ ทำทีเป็นว่ายกถาดหลบให้พวกเขาเล่นได้สะดวก หันไปไหว้วานภูเมศซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่งให้ช่วยรับไปวางตรงจุดอื่น

ถาดกว้างจนต้องใช้สองมือช่วยรับ เมื่อถูกยื่นมาตรงหน้า จึงต้องเอามือขวาออกจากกระเป๋ากางเกงมาช่วยประคอง

ที่มือขวานั้น มีรอยแตกบนข้อนิ้วสองสามแห่ง บางตำแหน่งยังมีเลือดซิบ ๆ

ภูเมศเห็นทิศทางของสายตาเขาเข้า รีบชักทั้งมือและถาดออก หันไปวางมันไว้ทางอื่น จากนั้นเลี่ยงสายตาเขาโดยตลอด กระทั่งตอนบอกลาแขกทั้งสามที่ทยอยเดินออกจากบ้านไป







ฝนหลงฤดูเทลงมาจริงอย่างภูเมศคาดคะเนจากสภาพอากาศอบอ้าวเมื่อบ่าย

ธัญญ์เองที่ปกติไม่ใช่พวกพูดมากตลอดเวลาอยู่แล้ว เวลานี้ยิ่งคล้ายปากหนักขึ้นไปอีก

ภูเมศนึกขอบคุณความช่างจ้อของลูกชาย ทั้งยังมีเรื่องของฝากจากญี่ปุ่นที่คุณแม่และน้องสาวเพิ่งนำมาให้หยิบยกขึ้นเป็นประเด็น บรรยากาศจึงไม่อึมครึมจนเกินไปนัก ตลอดเวลาที่กินมื้อเย็นกัน เห็นจะมีก็แต่พร้อมภูมิที่เจื้อยแจ้วไปได้เรื่อย ๆ คราวนี้เขาจึงไม่ได้ปรามเท่าไรว่าอย่าพูดขณะกินอาหาร ดีกว่าปล่อยให้วังเวงจนน่าอึดอัด

เสร็จจากมื้อนั้น ธัญญ์ก้มหน้าเก็บถ้วยเก็บจาน แล้วค่อยจัดแจงเปลี่ยนน้ำดื่มเจ้าถุงทอง เทอาหารแมวใส่ถ้วยพลางร้องเรียกมันเข้ามาหลบฝนในบ้าน พร้อมภูมิเห็นแมวส้มกระโดดเหย็งเข้ามาเลียแต่งขนก็นึกสนุกมานั่งเล่นด้วยอีกคน หัวเราะเอิ๊กอ๊ากเหมือนเป็นคืนวันปกติอันแสนสงบอีกวันหนึ่ง

คืนวันที่เขาปรารถนาสุดหัวใจ ให้มันดำเนินต่อไปไร้ที่สิ้นสุด




คืนนั้น หลังพร้อมภูมิเข้านอนแล้ว ภูเมศหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์ ครุ่นคิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาวันนี้

ทว่ายิ่งนึกถึงกลับยิ่งวุ่นวายใจ แม้ดูเหมือนได้รู้เรื่องเกี่ยวกับธัญญ์มากขึ้น กลับยิ่งตอกย้ำว่าแท้จริงแล้วเขาไม่รู้อะไรเลย ยืนหูหนวกตาบอดอยู่ในความดำมืดพลางควานมือออกไปเปะปะ สัมผัสถูกอะไรเข้าก็ทำได้แค่คาดเดาไปต่าง ๆ นานา แต่ผิดถูกมากน้อยเพียงใดนั้นไม่เคยได้คำตอบ

กระทั่งดึกดื่น ยังไม่สามารถตัดใจเดินเข้าห้องนอนไปล้มตัวลงบนเตียง

เมมโมรี่การ์ดที่ได้มาจากธเนศ ถูกจับพลิกไปมาในมืออยู่เป็นนาน 

วันนี้เขาเดินเข้าไปได้ยินตอนท้าย ช่วงที่มีชื่อภาคีหลุดออกมา แต่ก่อนหน้านั้น ไม่รู้พูดคุยเรื่องอะไรกันบ้าง ที่ชัดเจนคือยังจำถ้อยคำของธเนศที่พูดกับเขาได้ดี กระทั่งคำพูดทิ้งท้ายนั่น

หากทำใจฟังไม่ได้ ก็ถือว่าฝากทิ้ง..

ชายหนุ่มกัดฟันจนกรามขึ้นเป็นสัน บอกตัวเองว่าไม่ใช่เพราะเขาทำใจไม่ได้จึงไม่อยากฟัง แต่เพราะไม่ว่าเสียงที่บันทึกไว้จะเป็นอย่างไร เขาก็ยังรักธัญญ์อยู่ดีต่างหาก ดังนั้นจะฟังหรือไม่ฟังย่อมไม่มีความต่าง

เมื่อคิดอย่างนั้นแล้ว จึงโยนเมมโมรี่การ์ดที่ได้มาลงถังขยะข้างโต๊ะ





มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ

v

v

v

v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2017 20:44:30 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
งวดที่ 23 (ต่อ)









เป็นเวลาดึกแล้ว ที่เขาย่อตัวคุ้ยถังขยะ

คงเป็นความไม่เด็ดขาดของเขาเอง สุดท้ายเมมโมรี่การ์ดอันนั้นกลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง ไฟล์เสียงถูกถ่ายลงคอมพิวเตอร์

เขาใส่หูฟัง ปิดกั้นตัวเองจากเสียงฝนฟ้าภายนอก คลิกปุ่มเริ่มเล่น

ประโยคแรกขาดหายไปเล็กน้อย คุณภาพเสียงไม่ได้ดีนัก แต่พอฟังรู้เรื่องว่าเป็นเสียงของธเนศและธัญญ์

‘...เธอโตแล้วก็รู้อยู่หรอก แต่เป็นเสียอย่างนี้จะไม่ให้ฉันกังวลได้ยังไง’

‘ผมเป็นแบบไหน เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย’

‘ก็นิสัยที่พอโมโหขึ้นมาแล้วใจร้อนจนไม่ระวังนี่ไง รู้ไหมที่ใคร ๆ เขาว่าเธอสุขุม ไม่แสดงอารมณ์ นั่นไม่จริงเลย ถ้ามาเห็นว่าตอนอยู่กับฉันทำตัวดื้อแบบไหน กราดเกรี้ยวยังไง พวกเขาต้องถอนคำพูดแน่ แล้วไหนจะเรื่องที่ชอบเล่นกับความรู้สึกคนอื่นอีก’

‘ผมไม่ได้เล่นกับความรู้สึกใคร’

‘หืม? แล้วเรื่องโยกย้ายนั่นล่ะ กล้าพูดหรือว่าใม่ใช่ฝีมือเธอ?’

‘ต้องรอให้คุณลงมือก่อนหรือไง’

ภูเมศกดหยุดมันไว้แค่ตรงนั้นก่อน สูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ อยู่หลายหน ในอกแน่นตื้อ คล้ายอากาศเบาบางลงจนหายใจไม่สะดวก

ธัญญ์ไม่ปฏิเสธสักนิด คำตอบนั้นไม่เว้นช่องให้คาดหวังแม้แต่น้อย ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้

เขานั่งทำใจอยู่นาน กว่าจะกดเล่นไฟล์เสียงอีกครั้ง

‘เธอมองโลกในแง่ร้ายเกินไปแล้ว คนแก่ไร้ทางสู้อย่างฉันจะไปทำอะไรเขาได้ล่ะ’

เสียงหัวเราะดังขึ้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเจ้าของเสียงเดิมจะว่าต่อ

‘มีแค่เธอเองไม่ใช่หรือไงที่ทำให้เขาถูกส่งไปที่อื่น ตัดโอกาสก้าวหน้า ใจดำจริง ๆ ทั้งที่เขายังมีลูกชายต้องดูแลแท้ ๆ กลับไปเพิ่มภาระให้อีก’

‘...ไม่ใช่ภาระ.....ไม่ใช่..’


แม้ปากว่าอย่างนั้น แต่เสียงกลับอ่อนลงจนเขายังจับสังเกตได้ ว่าคนพูดดูจะไม่เชื่อถือกระทั่งตัวเองด้วยซ้ำ

‘ตลกแล้ว ถ้างั้นทำไมยังอยู่กินเงินเดือนเขา อาศัยอยู่บ้านเขา แล้วยังก่อเรื่องให้ต้องถูกย้ายงานอีกล่ะ?’

‘..ปิดบังไว้อย่างนี้จะดีหรือ เธอคิดว่าจะปิดเขาได้อีกนานเท่าไรกัน เท่าที่ฉันเห็น คุณภูเมศคนนั้นก็ไม่ได้ดูโง่อะไรนะ เขายังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าถูกเธอหลอกอยู่ จะน่าสงสารเกินไปแล้ว นี่คงยังไม่รู้ด้วยใช่ไหม ว่าเจ้าภาคี เจ้านายใหม่ตัวเองก็เป็นพี่ชายของเธอ รวมหัวกันหลอกลวง’

เขาชะงัก จำได้ว่าตัวเองมาได้ยินเข้าตอนท้ายประโยคนี้

ชายหนุ่มกดปุ่มหยุดพัก ยกมือขึ้นนวดขมับทั้งสอง จากนั้นเลื่อนย้อนกลับมาฟังซ้ำอีกครั้งตั้งแต่ต้นประโยคใหม่ พยายามทำความเข้าใจอีกหน

‘...เธอคิดว่าจะปิดเขาได้อีกนานเท่าไรกัน เท่าที่ฉันเห็น คุณภูเมศคนนั้นก็ไม่ได้ดูโง่อะไรนะ เขายังไม่รู้ตัวอีกหรือว่าถูกเธอหลอกอยู่ จะน่าสงสารเกินไปแล้ว นี่คงยังไม่รู้ด้วยใช่ไหม ว่าเจ้าภาคี เจ้านายใหม่ตัวเองก็เป็นพี่ชายของเธอ รวมหัวกันหลอกลวง’

‘…รวมหัวกันหลอกลวง’

‘…รวมหัวกันหลอกลวง’

'เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับคุณ ผมรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่'

'รู้สิ เธอทำเพราะสนุก เขากับลูกต้องเดือดร้อน แค่เพราะเธออยากเรียกร้องความสนใจจากฉัน สุดท้ายแล้วเราก็ตัดกันไม่ขาด..จริงไหม'

จากนั้นมีแต่ความเงียบ แทรกด้วยเสียงกุกกักเป็นระยะ คงเพราะเจ้าของเครื่องมือที่บันทึกเสียงนี้ขยับตัว กระทั่งเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น

‘ธัญญ์?’

เสียงของเขาเอง...

ไฟล์เสียงจบลงที่ตรงนั้น 

ภูเมศยกมือขึ้นเสยผมชื้นเหงื่อ ฟุบศีรษะลงกับโต๊ะ เปิดไฟล์เสียงเดิมย้อนฟังใหม่ตั้งแต่ต้น จบแล้วฟังอีกครั้ง...อีกครั้ง...และอีกครั้ง...

ฟังมันซ้ำไปซ้ำมาจนก้องอยู่ในหัว

เป็นเสือที่หากเผลอตัวไม่ระวัง ก็จะตะปบและขย้ำเข้าที่คออย่างนั้นหรือ?

ข้อนิ้วมือขวาปวดหนึบ

กระบอกตาเขาร้อนผ่าว

พร้อมกับที่รู้สึกถึงการพังทลายของบางสิ่งบางอย่างลงช้า ๆ....จากข้างใน







เข็มนาฬิกาชี้เวลาเที่ยงคืนครึ่ง ตอนที่ธัญญ์เดินเข้ามา ลากเก้าอี้มานั่งข้างเขา มีกล่องปฐมพยาบาลเล็ก ๆ วางอยู่บนตัก

แต่ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่เอ่ยปากอะไร จนเขาต้องเป็นฝ่ายถามก่อน

“มีอะไรหรือเปล่า” เพื่อพบว่าเสียงตัวเองแหบพร่าไปหมด “ดึกแล้วทำไมยังไม่นอน”

ธัญญ์เบนสายตาไปยังมือขวาของเขา กระซิบอยู่ใต้ปลายจมูก

“ให้ผมดูหน่อยได้ไหม”

 เขายื่นมือขวาส่งให้ธัญญ์ รู้สึกเปล่าประโยชน์จะปิดบัง เขาไม่ถนัดเรื่องนี้อยู่แล้ว ทางนั้นต่างหากที่เก่งกาจกว่าใคร

ธัญญ์จับมือเขา ประคองอย่างทะนุถนอมด้วยสองมือตัวเอง ลูบแผ่วเบาช้า ๆ ให้แน่ใจว่าไม่มีผิดรูปตรงไหนนอกจากเป็นรอยถลอกและฟกช้ำน้อย ๆ เท่านั้น จึงค่อยเอาสำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อบรรจงป้ายให้ และเลือกติดพลาสเตอร์ยาที่บางจุด

จนถึงตอนนี้ ภูเมศยังคิดเสมอว่าบุคลิกอีกฝ่ายช่างชวนมอง สง่างาม นุ่มนวล เนิบนาบแต่ไม่เชื่องช้า มีบรรยากาศดึงดูด ขณะเดียวกันก็อันตรายเกินกว่าจะเข้าใกล้ได้โดยไม่เจ็บตัวกลับมา

คงเป็นเสือจริง ๆ นั่นละ

“คุณต่อยเขาหรือ?”

เขาพยักหน้า

“ทำไมถึงต่อยล่ะครับ”

เขาอยากให้เหตุผลสวยหรู อย่างเช่น ‘ฉันต่อยเขาเพราะต้องการปกป้องเธอ’ แต่ละอายแก่ใจ ด้วยรู้ดีว่าทำไปเพราะบันดาลโทสะ ทั้งยังเต็มไปด้วยความอิจฉาในความใกล้ชิดที่เขาไม่เคยรู้ เบื้องลึกเบื้องหลังระหว่างธัญญ์กับธเนศที่เขาไม่เคยรู้จัก

“ทะเลาะกันน่ะ”

“เขา..ไม่ได้..”

ธัญญ์พูดอยู่แค่นั้น แต่แล้วกลับหลุบตาลงต่ำ ไม่เอ่ยอะไรต่อ

ไม่ใช่ครั้งแรกที่ธัญญ์เป็นแบบนี้ อีกฝ่ายมักเริ่มประโยคด้วยถ้อยคำแปลกประหลาด จากนั้นค้างไว้ไม่ยอมพูดต่อ เรียกว่าเขาชินกับพฤติกรรมดังกล่าวแล้วก็คงใช่ ทว่าครั้งนี้กลับเพิ่งตระหนักนึกได้ ว่านี่เป็นท่าทางของคนที่กำลังลังเล หรือมีอะไรเก็บงำไว้ในใจไม่ใช่หรอกหรือ

“จะถามว่าเขาพูดอะไรกับฉันบ้างใช่หรือเปล่า?”

ธัญญ์ชะงัก เงยขึ้นมองเขา นัยน์ตาดำขลับยังสวยซึ้งเฉกเช่นทุกที เห็นแล้วหลงรักซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนทุกครั้ง แต่เบื้องหลังแววตานั้น เขาไม่เคยรู้เลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่

“กลัวอะไรอยู่หรือ?”

“คุณโกรธ”

ไม่ เขาไม่ได้โกรธ แต่เมื่อก้มลงมอง กลับพบว่าตัวเองบีบข้อมืออีกฝ่ายไว้เสียแน่น คลายนิ้วออกแล้วยังมองเห็นเป็นรอยจ้ำแดง

“ขอโทษ”

เขาปล่อยมือช้า ๆ

โกรธอยู่หรือไม่ ตัวเองก็ตอบไม่ได้เช่นกัน อาจเป็นบางอย่างที่คล้ายกับความรู้สึกว่าถูกหักหลัง

เขาหยิบหูฟังบนโต๊ะขึ้นมา บรรจงสวมให้ธัญญ์ทีละข้าง

ธัญญ์มองเขาอย่างไม่เข้าใจ

กระทั่งเขากดปุ่มเริ่มเล่นไฟล์เสียงนั้นอีกครั้ง






ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างขึ้นในคราวแรก แม้แต่สีดำสนิทที่หนักแน่นยิ่งกว่าสีใด กลับไหวระริกจนราวกับกำลังจะแตกสลาย เมื่อตระหนักได้ว่ากำลังฟังบทสนทนาซึ่งมีเสียงตัวเองบันทึกอยู่ เอื้อนเอ่ยสิ่งที่ไม่คาดไว้ว่าเขาจะมาได้ยิน

แต่ก็เพียงไม่นานเท่านั้น สีหน้าเจ้าตัวกลับนิ่งสงบลง นั่งฟังเงียบ ๆ โดยไม่แสดงอารมณ์ใดแม้แต่น้อย

สมกับเป็นธัญญ์แล้ว..เขาคิด

ตั้งแต่ต้นจนจบ ฝ่ายนั้นไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

แต่ภูเมศไม่อยากละทิ้งความหวัง หลังใช้เวลาทบทวน คงสติไว้เป็นอย่างดีที่สุดแล้ว จึงได้ตัดสินใจ

ขออีกหนึ่งคำถาม หากธัญญ์พูดความจริงกับเขา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ฟังได้รู้มา เขาจะปล่อยให้เป็นอดีตไปให้หมด เริ่มต้นใหม่อีกครั้งโดยไม่ถือโทษโกรธเคืองเรื่องใดทั้งสิ้น

“ธัญญ์” ภูเมศเอื้อมไปถอดหูฟังออกให้ แล้วกุมมืออีกฝ่ายไว้ ถามด้วยน้ำเสียงราวกับกำลังอ้อนวอน “ตอบฉันสักอย่างได้หรือเปล่า”

เจ้าของชื่อมองเขานิ่งงัน

“แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะอย่างไร ได้โปรดอย่าโกหกเลย”

เขากำลังอ้อนวอนอยู่จริง ๆ นั่นละ จากส่วนลึกล้ำที่สุดในหัวใจ แม้เหลือเพียงแสงริบหรี่ ก็ยังอยากจะตะเกียกตะกายไปไขว่คว้า

ธัญญ์ไม่รู้ว่าเขาคุยกับธเนศไว้ว่าอย่างไรหลังจากนั้น ไม่รู้ว่าเขาได้ยินความจริงเรื่องที่ทั้งสองคนเคย—หรืออาจจะยังเป็นคนรักกัน หรืออย่างน้อยที่สุด ก็เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันแล้ว หากยอมพูดให้ฟังจากปากตัวเอง เขาจะมอบความเชื่อใจอย่างไร้เงื่อนไขตอบแทนความจริงใจครั้งนี้

“บอกฉันได้หรือเปล่า”

ขอแค่เอ่ยความจริงออกมาเท่านั้น

“คุณธเนศคนนั้น เป็นอะไรกับเธอ”

ฝ่ายนั้นเบิกตากว้าง ริมฝีปากสั่นระริก

เขาเดิมพันกับตัวเอง รอคอยด้วยความหวัง ขอเพียงออกจากปากธัญญ์ จะบอกว่าเป็นคนรักเก่า เป็นคู่ขาที่เคยร่วมเตียง ไม่ว่าตอนนี้จะยังคบหากันเชิงชู้สาวอยู่หรือไม่ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เรื่องโกหก เขายินดีรับฟังและยอมรับอย่างไม่มีข้อแม้

“เขา...”

เสียงแหบแห้งจนแทบไม่ได้ยิน

ธัญญ์สูดลมหายใจเข้าลึก หลับตาลงครู่หนึ่ง จากนั้นค่อยลืมขึ้นสบตาเขานิ่ง นัยน์ตาวาววับด้วยหยดน้ำซึ่งฉาบอยู่บางเบา แวบหนึ่งมีความลังเลปรากฏขึ้นบนสีหน้า แต่แล้วกลับหายไป ถูกทดแทนด้วยความจริงใจที่พยายามสื่อมาถึง

พยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงมั่นคง

“เขาเป็นพ่อของผม”

ภูเมศชาวาบไปทั้งร่าง

เหมือนสมองหยุดสั่งการ มือเขาที่กุมมือธัญญ์อยู่หมดเรี่ยวแรง คลายออกช้า ๆ ร่วงหล่นลงข้างลำตัว

“...เธอโกหกฉันมาตลอด”

ในหัวเขามีแต่เสียงกู่ร้องซ้ำ ๆ ...ทำไมกัน ทั้งที่รับปาก ก็ยังโกหก ทั้งที่เอ่ยออกมาด้วยแววตาแน่นหนักถึงเพียงนั้น ก็ยังโกหก ตบตาได้แนบเนียนจนคนโง่อย่างเขาไม่เคยระแคะระคายสักนิด ทำไมกัน..ทำไม....

ธัญญ์โคลงศีรษะ ดูตระหนกจนน่าสงสาร เหมือนสัตว์ตัวจ้อยที่กำลังตื่นกลัว

แต่เขาจะไม่หลงกลอีก

ไม่อีกแล้ว

แม้บอกตัวเองอย่างนั้น แต่หยดน้ำกลับเอ่อล้นขึ้นบนขอบตา

“ทำไมถึงโกหกมาตลอด”

เขาร้องถามอย่างไม่เข้าใจ น้ำเสียงสั่นเครือจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง

ความไว้เนื้อเชื่อใจพังทลายลงครั้งแล้วครั้งเล่า

หากว่าแต่ละครั้งที่พังภินท์ มันแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยลงทุกที...

ครั้งนี้ก็คงกลายเป็นผุยผง








To be continued…









งวดถัดไป อีกนิดนะคะ

 :z3: :z3: :z3:


ด้วยรักค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2017 20:49:54 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
ฮืออออออออออออ

 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

มาม่ามาแล้ววววว
ดูท่าจะชามโตด้วย อิ่มจนจุกแน่

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
จิ้มก่อนๆ :z13:

ออฟไลน์ live_evil

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ treenature

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ยังอ่านไม่จบเลยค่ะ อ่านไปกลั้นหายใจไป แต่ขอแวะมาบอกคำผิดนึงนึงตรงนี้ค่ะ

 เขายื่นมือขวาส่งให้ธัญญ์ รู้สึกเปล่าประโยคจะปิดบัง เขาไม่ถนัดเรื่องนี้อยู่แล้ว ทางนั้นต่างหากที่เก่งกาจกว่าใคร

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ สนุกมากเลย

ออฟไลน์ darksnow

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อือหือ มาม่าหนักเลยทีนี้ สงสารคุณภูเหมือนกันแหะ :sad11:

ออฟไลน์ evz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
คุณธเนศนี่มาวางระเบิดแล้วก็ไป อยากจะ :m31:

สงสารลุงก็สงสาร ทั้งโดนปกปิดทั้งโดนเป่าหู ถ้าลุงมีสติมากกว่านี้คงจะฟังนุ้งธัญญ์อธิบายมากกว่านี้
ไม่อยากให้ยืดเยื้อเลยค่ะ มีแต่จะเจ็บกันไปใหญ่ หวังว่าน้องธัญญ์จะรีบอธิบายทุกอย่างนะคะ
เพราะคนที่เจ็บปวดที่สุดก็คงจะเป็นน้องธัญญ์
เพราะเราเป็นคนอ่านถึงได้รู้ว่าน้องธัญญ์ไม่ได้ก็โกหกเรื่องนี้ แล้วพอตั้งใจสารภาพกลับโดนบอกว่าโกหกคงเจ็บปวดน่าดู
กับการเป็นผู้ถูกกระทำมาก่อน ตอนนี้ก็ยังเป็นเหมือนนกที่ถูกล่อให้บินอยู่ในกรงที่ใหญ่มาก
ถึงจะดูเหมือนเป็นอิสระก็ไปไหนไม่ได้ สงสารมากๆ ไม่อยากให้ลุงที่ดูเหมือนน้องธัญญ์จะให้ใจไปเยอะแล้วมาเข้าใจผิดแบบนี้

คุยกันดีๆนะ คนอ่านก็ใจจสลายเป็นผุยผงตาม :o12:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด