┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]  (อ่าน 469503 ครั้ง)

ออฟไลน์ therappizdrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านไปหนึบไป สงสารพ่อออ

นี่เองก็สงสารธัญญ์ แต่ภูเมศนี่เหมือนอยู่ในห้องดำจริงๆ

กลายเป็นภูเมศไม่เชื่อใจไปแล้ว โงววววว

ฮืออออ บีบหัวจุยยยยยย

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้อออออ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ภูเมศ ใจเย็นๆ ฟังธัญญ์ ก่อน
มีอะไรมากกว่าที่ธเนศ บอกอีกมาก
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ GnA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :hao5:
การเล่นกับความรู้สึกคน
มันไม่ใช่เรื่องตลก และไม่เคยตลก
จะบอกว่าภูผิดที่ไม่เชื่อใจ ก็ไม่ใช่ แต่ธัญญ์ก็ไม่เคยบอกอะไรภูเลย น่าสงสารอย่างธเนศว่าจริงๆ
งานนี้ที่น่าสงสารสุดคงเป็นน้องภูมิ อุส่าทำใจยอมรับเรื่องพ่อมีแฟนเป็นผู้ชายได้แล้ว แต่...

ออฟไลน์ Kio

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ เราจะไม่เดาอะไร

 :katai1:

ออฟไลน์ chacogothicW

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้ย หนักเลยอ่ะ ทำไมมันถึงหนักขนาดนี้ ฮืออออ
สงสารทั้งธัญญ์ ทั้งคุณภูเมศ
ผช.แบบคุณธเนศนี่น่ากลัวสุดๆ อ่านแค่บทสนทนาปนะสาทก็จะกินแล้ว โอ้ย

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ใจเย็นๆๆๆ คุณภู ฟังธันญ์ก่อนนะ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
อ๊าคคคคคค พีคมากตอนนี้ ดุเดือดเฉือดเฉือนอารมณ์กันฝุดๆ อิพ่อก็มาเหนือเมฆมากกก เล่ห์เหลี่ยมสุดฤทธิ์ สงสารพระเอกโดนเป่าหู งืออออ ธัญญ์ เรื่องมันมาขนาดนี้แล้ว เคลียร์เหอะ พูดความจริงออกมาให้หมดๆไป .. จะยังทันไหม? พระเอกจะยังไหวทนฟังอยู่อีกไหมนะ??  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เกลียดอิธเนศ อิเฒ่านรก จะตามทำลายล้างกันไปถึงไหน

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เกลียดธเนศ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ไม่น้าาาา ลุงฟังน้องก่อนนนน

ออฟไลน์ jimun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
แง๊ๆๆๆๆๆๆๆ จะร้องแล้วจริงๆนะ ทำไมเป็นงี้ล่าาาาาา TT[]TTT
อิตาธเนศนิสัยแย่ๆๆๆๆๆ เกลียดดดดดดดดดดดดดดด
น้องธัญญ์หนูลูก ถ้าหนูบอกลุงเค้าไปก่อนนี้มันคงไม่เป็นแบบนี้
ลุงอีก ทำไมลุงไม่เชื่อน้องธัญญ์ น้องพูดความจริงนะ ถึงจะเป็นลูกเลี้ยงก็เหอะ ฮือออออ แต่ก็สงสารลุงนะ แหลกสลายลงไปกับตา จะช่วยลุงกอบกลับมายังไงดีๆๆ

*คว่ำชามมาม่าลงพื้น*

ออฟไลน์ Yundori

  • From where I stand...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
ธัญญ์ต้องอธิบายมากกว่านี้จริงๆ
แค่คำเดียวมันไม่พอหรอก
ธเนศแกโดนเป่าหูมา เฮ้อออ
และก็ไม่ยอมฟังนะ บอกว่าโกหก
แต่ยังไม่ทันฟังความจากธัญญ์เลย ตัดสินไป ล้ว
ถ้าธัญญ์หายไปก็ไปตามหาอีก อย่ามา
แค่นี้ก็ไม่รับฟัง ธัญญ์ก็เลิกปากแข็งด้วย

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ลุงงงงงงง ฟังน้องธัญญ์ก่อนนะ ให้น้องได้อธิบายหน่อย ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย อ่านไปก็กลั้นหายใจไป อยากให้เข้าใจกันเร็วๆ

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
โคตรเกลียดธเนศ ไม่เป็นผู้ใหญ่  ทำไปเพื่ออะไร ไม่ว่าธัญญ์จะเคยเป็นอะไรกับมัน
ก็เป็นเรื่องในอดีตไม่ใช่เหรอ. แถมภูเมศยังโง่ไปเชื่อมันอีก

ออฟไลน์ yut1402

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
โอ้ย.......มาต่อเร็วๆๆๆๆๆนะคร้าบคนอ่านใจจะขาดแล้ว..........

ออฟไลน์ snoopy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1

ออฟไลน์ pp_psj

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
คอมเม้นต์ตอนที่แล้วเราบอกจะต้มน้ำรอ โยนเส้นมาม่าลงหม้อแล้วค่ะ เอาเลยค่ะอืดให้เต็มที่  :m15:

ธัญญ์กลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะไปแล้ว พอพูดความจริงลุงก็ไม่เชื่อแล้วอ่ะ ธเนศปั่นหัวลุงไว้มาก

งวดต่อไปรีบมานะคะคนอ่านอนจมบ่อน้ำตาแล้วค่ะ

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
มาม่ากะทะใหญ่เลย ธัญญ์ก็ปากหนักประหนึ่งถ่วงเหล็กจนน่ารำคาญ สุดท้ายภูเมศน่าสงสารที่สุดหล่ะ เหมือนอยู่ในเครื่องซักผ้าปั่นไปปั่นมา ไหนจะน้องภูมิอีก คุณธเนศต้องการอะไร สงครามระหว่างสองคนนี้คืออะไร อ่านแล้วก็งง เศร้าาาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ธัญญ์ก็ปากหนัก น่าจะโดนรังแกทางอ้อมมาตลอด เลยเก็บกด
คิดว่าธัญญ์วางแผนอะไรอยู่เพื่อลุงนะ

ออฟไลน์ dear77

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ใจสลายลลลลลล :sad4:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
ก็ยังไม่ได้คำตอบทีตัวเองสงสัย  ก็ตามอ่านกันต่อไป อิอิ

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
คำเตือน
เนื้อหาในตอนนี้มีความรุนแรงและค่อนข้างน่าหดหู่ หากไม่ต้องการเสพ สามารถข้ามไปอ่านสรุปเฉพาะประเด็นสำคัญของงวดนี้ตอน Talk ท้ายงวด (เพื่อจะได้อ่านตอนต่อไปรู้เรื่อง) ที่รีพลาย 1375 ได้เลยค่ะ (เลื่อนข้ามไปตอนท้ายรีพลายหลังจากบรรทัดที่มีตัวหนังสือสีแดงนะคะ) >> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46317.msg3502948#msg3502948
(แต่ถ้าพอไหว อ่านทั้งตอนน่าจะได้รายละเอียดที่ตั้งใจเต็มที่จะถ่ายทอดมากกว่า จะยินดีและขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ)
ขอบคุณค่ะ



┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก  ├


งวดที่ 23.5 SIN OF INNOCENCE




เพราะวัยเยาว์นั้นขาวสะอาดจนเกินไป



ฝนแรกของฤดูกระหน่ำเดี๋ยวเบาเดี๋ยวหนักติดต่อกันมาเป็นวันที่สองแล้ว แทบไม่มีช่วงเว้นว่างสักนิด กระทั่งตอนกลางวัน มองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ว่าจะเช้าสายบ่ายเย็นก็เห็นแต่เมฆครึ้มปกคลุมท้องฟ้า ครั้นถึงค่ำมืดยิ่งลงเม็ดหนักยิ่งกว่า เสียงฟ้าคำรามดังไม่ได้ขาดไปตลอดทั้งคืน

ฤดูฝนวนกลับมาอีกครั้ง ราวหนึ่งปีนับจากพิมพิชชา คุณแม่ของเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเต้านม


ธัญญ์อายุได้สิบสี่ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สอง แม้เพิ่งสูญเสียคุณแม่ไปได้หนึ่งปี แต่ก็ยังคงมีชีวิตต่ออย่างเข้มแข็งในบ้านหลังใหญ่โต ภายใต้การดูแลของธเนศซึ่งเป็นพ่อบุญธรรม ร่วมใต้ชายคาเดียวกันมาเป็นเวลากว่าแปดปีแล้ว นับตั้งแต่คุณแม่แต่งงานใหม่เข้ามา

หากหักเรื่องความอาภัพที่สูญเสียทั้งพ่อและแม่แท้ ๆ ไปตั้งแต่วัยเยาว์แล้ว ธัญญ์นับเป็นเด็กโชคดีคนหนึ่งซึ่งเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่หลายคนเฝ้าปรารถนาแต่ไม่มีวันได้ครอบครอง เขามีทั้งรูปทรัพย์ สินทรัพย์ สติปัญญา ทั้งยังอัธยาศัยดี เป็นที่รักของผู้คนรอบตัว

เขาควรเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์พร้อม

ใช่..มันควรเป็นเช่นนั้น..





“ธัญญ์ อ่านหนังสือดึกเชียว หิวหรือเปล่า”

“ไม่หิวครับ” เด็กหนุ่มตอบ หันไปส่งยิ้มให้ผู้มาใหม่ที่ถือถาดเล็ก ๆ เดินเข้ามาหา

“ไม่หิวเลยหรือ” ชายหนุ่มย่อตัวลงนั่งเคียงข้าง วางถาดไว้บนโต๊ะ ในนั้นมีนมร้อนสองแก้ว ไอสีขาวบิดเป็นเกลียวชดช้อยลอยเหนือขึ้นไป ข้างกันมีช่อดอกไฮเดรนเยียเล็ก ๆ สีม่วงแซมน้ำเงินวางอยู่

ธัญญ์ก้มลงมองพวกมันครู่หนึ่ง จากนั้นเงยขึ้นมองธเนศผู้เป็นพ่อบุญธรรม เห็นรอยยิ้มอบอุ่นทั้งสายตาเจือคาดหวังอยู่เล็กน้อย ใจแข็งต่อไม่ไหวจนต้องเปลี่ยนคำตอบใหม่

“แต่นมร้อนสักแก้วก็ดีเหมือนกัน”

“ใช่ไหมล่ะ”

เขาพยักหน้าตอบแข็งขัน “คุณพ่อก็จะนั่งกินด้วยกันใช่ไหมครับ”

“แน่อยู่แล้ว” ฝ่ายนั้นเอ่ยเสียงนุ่ม “เตรียมมาสองแก้วนี่นา กินคนเดียวเดี๋ยวจะเหงา”

“ที่แท้คุณพ่อก็กลัวเหงานี่เอง”

“อ้าว ตกลงเป็นพ่อเองที่เหงาหรอกเรอะ!?”

“ไม่ใช่หรอกหรือครับ”

เขายิ้ม ถามกลับตาใส แทบจะเป็นท่าไม้ตายอันดับต้น ๆ ทำคนฟังได้แต่ยิ้มอ่อนใจ ยอมจำนนให้จนได้

“นั่นสินะ ที่เขาว่าคนแก่ขี้เหงา สงสัยเป็นอย่างนี้นี่เอง”

เด็กหนุ่มมองธเนศหัวเราะ ประกายวาววามในนัยน์ตาอีกฝ่ายชวนให้อุ่นใจเสมอ แม้ยามต้องผ่านช่วงเวลายากลำบากอย่างตอนเพิ่งเสียคุณแม่ไป

ธัญญ์คิดว่าตัวเองคงทนอยู่ไม่ไหวหากไม่มีคนคนนี้คอยเคียงข้าง หากถามว่าชีวิตดำเนินมาถึงบัดนี้ เขาไว้เนื้อเชื่อใจใครที่สุด คำตอบก็คงจะเป็นคุณพ่อธเนศนี่เอง

“ขอบคุณนะครับ” ธัญญ์พึมพำ ยกแก้วขึ้นเป่าใกล้ริมฝีปาก มองไอร้อนต้องลมปากลอยขึ้นสูงแล้วจางหายไปในอากาศ



พวกเขามักทำอย่างนี้ในบางคืนที่ธัญญ์อ่านหนังสือหรือทำงานของโรงเรียนจนดึก พอสักห้าทุ่มกว่า หากเขายังไม่นอน คุณพ่อจะยกถาดเล็ก ๆ เดินเข้ามาหา มีนมอุ่น ๆ สองแก้ว บางครั้งมีขนมหรือผลไม้เช่นกล้วยสุกฝานมาสองสามชิ้น และหากที่บ้านมีไฮเดรนเยียออกดอกช่วงนั้น คุณพ่อมักเด็ดช่อเล็ก ๆ มานิดหน่อยเพื่อวางคู่กันไว้เสมอ

เมื่อก่อนตอนยังเด็กกว่านี้ ช่วงที่มาอยู่ร่วมชายคาใหม่ ๆ ตอนนั้นเขาอายุสักหกขวบได้ แก้วนมยังเล็กกว่านี้ เวลาก็ไม่ดึกดื่นเท่านี้ เขาเคยถามด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมต้องมีดอกไม้มาพร้อมของกินด้วย หรือว่ามันกินได้

“กินได้ที่ไหนกัน” คุณพ่อหัวเราะพลางลูบผมเขาแผ่วเบา “ก็ลูกชอบไม่ใช่หรือ”

“เลยเอามาวางไว้หรือครับ?”

“ใช่สิ” คุณพ่อยังคงยิ้มกว้าง “แต่ถ้าไม่ชอบ คราวหน้าจะเอาออกก็ได้นะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ” เขาส่ายศีรษะจนผมยุ่ง “ผมชอบ”

“นั่นสิน้า นึกแล้วเชียว”

ครั้นเติบโตขึ้นมา เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าเขาชอบดอกไม้นั่นด้วยตัวเอง หรือชอบเพราะถูกบอกว่าเขาชอบมัน..



รู้ตัวอีกครั้ง ไฮเดรนเยียสีน้ำเงินบ้าง ม่วงบ้าง ก็คอยประดับอยู่ตรงนั้นตรงนี้ของตัวบ้านและสวน นานวันเข้าธัญญ์ก็เลิกคลางแคลงสงสัย ว่าความชอบนั้นเกิดจากตัวเองหรือถูกบอกให้ชอบกันแน่ เพียงแต่คิดว่ามันสวยดี และเขาไม่ได้เกลียดก็เท่านั้น


พวกเขาดื่มนมอุ่น ๆ คนละแก้ว นั่งข้างกันพลางพูดคุยเรื่อยเปื่อย เรื่องราวที่โรงเรียนเป็นอย่างไร ตอนนี้สนิทกับใครบ้าง เข้ากับเพื่อนให้ห้องได้ดีหรือเปล่า มีแฟนหรือยัง จริงหรือ? ยังไม่มีเลยหรือ ลูกพ่อน่ารักขนาดนี้แต่ไม่มีสาวไหนมาจีบเลย เป็นไปได้ยังไงกัน?

ตอนนั้นธัญญ์ไม่ได้บอก ความจริงแล้ว ก็ไม่เชิงว่าไม่มีใคร อาจยังเด็กเกินกว่าจะนับเป็นคนรัก ไม่ได้คิดไกลว่าที่เป็นอยู่คือคบกันแล้วหรือยัง แต่ก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ต่างมีความรู้สึกดี ๆ ให้กันอยู่

เพียงแต่รุ่นพี่คนนั้นไม่ใช่ผู้หญิง

เด็กหนุ่มถอยมานั่งเต็มเก้าอี้ให้เท้าลอยขึ้นจากพื้น แกว่งขาไปมาพลางเป่านมในแก้วไปด้วย ครุ่นคิดว่าคุณพ่อจะตกใจหรือเปล่านะ ถ้ารู้ว่าเขาไม่ได้ชอบเด็กผู้หญิง แต่กลับรู้สึกอุ่นใจมากกว่าเวลาอยู่กับรุ่นพี่ผู้ชายคนนั้น

พี่อามเป็นคนใจดี เขาพอรู้จักชื่อเสียงเรียงนามบ้างตั้งแต่ก่อนได้เจอกับตัว ใคร ๆ ก็พูดถึงพี่อามว่าเป็นคนตลก ร่าเริง อัธยาศัยดี แต่คล้ายว่าที่เริ่มมาสนิทกันมากขึ้นนั้น คงเป็นช่วงที่เขาเพิ่งเสียคุณแม่ไป

ตอนนั้นร้องไห้ตาบวมอยู่เกือบเดือน โดยเฉพาะช่วงแรก ๆ ที่ร้องไห้ทุกวัน บางครั้งขนาดอยู่ที่โรงเรียนก็ยังกลั้นไม่ค่อยอยู่ จนถึงกับต้องโดดบางคาบเรียน ซึ่งคุณครูก็ดูจะเข้าใจ ไม่ได้ถือสาสักนิด เห็นว่าเขาไม่เคยมีปัญหาเรื่องการเรียนหรือคะแนนสอบ ทั้งยังรู้สถานการณ์ของเขาดีและสุดแสนเห็นใจ จึงพอทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ให้ได้บ้าง

เขาหนีไปนั่งเศร้าซึมเสียไกลผู้ไกลคน อยู่ตรงซอกมุมลับตาในเขตรั้วโรงเรียน แต่วันดีคืนดี พี่อามก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ ย่อตัวนั่งลงเคียงข้าง

เพื่อนคนอื่นมักปลอบว่าอย่าร้องไห้เลย เงียบเสียนะ พลางลูบหลังอย่างเก้ ๆ กัง ๆ

แต่พี่อามกลับตบไหล่จนหน้าแทบคะมำ บอกว่าร้องออกมาดัง ๆ เลย จะเช็ดน้ำตาให้

เขามองงง ๆ แต่พี่อามพยักหน้ายืนยัน

ก็เลยร้องไห้เสียงดังตรงนั้น ร้องจนเสียงแหบแห้ง โชคดีที่หนีมานั่งเสียไกลจึงไม่มีใครตามมาดู

ครั้งแรกนั้นเขานั่งร้องไห้อยู่นาน จนแม้แต่แรงจะสะอื้นก็หมดเกลี้ยง แล้วพี่อามก็คอยเช็ดน้ำตาให้จริง ๆ ด้วยเสื้อยืดซกมกที่ตัวเองเพิ่งใส่เตะบอลเมื่อตอนเที่ยง สวมไว้ด้านในใต้เชิ้ตขาวเครื่องแบบชุดนักเรียนอีกที

“เหม็นเหงื่อ” เขาบ่น

“ปากเสีย” ฝ่ายนั้นว่ากลั้วหัวเราะ ขณะที่เพื่อนคนอื่นไม่มีใครกล้าหัวเราะตอนเขาร้องไห้สักคน “คำพูดไม่เข้ากับหน้าสวย ๆ เลย”

“หมายถึงผมหรือ?”

“แล้วแถวนี้มีหมาแมวที่ไหนอีกล่ะ” พี่อามยังยิ้ม “เอ้า สั่งน้ำมูก”

“ไม่เอา”

“เร็ว” ฝ่ายนั้นเร่ง เอามือช้อนใต้ชายเสื้อตัวเองแล้วดึงขึ้นบีบจมูกเขาผ่านเนื้อผ้าเน่า ๆ “จมูกตันหมดแล้ว เสียงอู้อี้เชียว”

“แหวะ เหม็น” เขาบ่นอุบ แต่ก็หลับหูหลับตาสั่งน้ำมูกใส่เสื้อพี่อามไปฟืดหนึ่ง

“ยังไม่หมด”

“อือ” เขาขยับหน้าหนี ที่เดิมเลอะน้ำมูกยืด ๆ ไปหมดแล้ว เงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ แต่แล้วก็คิดว่าช่างเถอะ จัดการดึงชายเสื้ออีกฝั่งของพี่อามที่ยังสะอาดอยู่ แล้วสั่งน้ำมูกลงไปอีกฟืด

“โอ๊ย ซกมกผิดกับภาพลักษณ์คุณหนูอีกต่างหาก” ยังมีหน้ามาร้องแซว

“ก็พี่อามเสนอเองแต่แรกนี่” เขาถอยกลับมานั่งดี ๆ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า ตั้งใจจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าเช็ดตา

นึกได้ตอนนั้น ว่าทำไมไม่หยิบมันออกมาใช้แต่แรกกันนะ..จะใช้เสื้อเน่า ๆ ของอีกคนไปทำไมกัน

“ก็พี่เสนอเสื้อมาเองนะ” เขาพึมพำซ้ำ เหลือบมองหน้าอีกฝ่ายสลับกับเสื้อยืดเลอะ ๆ ไปด้วย แต่คราวนี้คล้ายพูดกับตัวเองมากกว่า ตัดสินใจปล่อยผ้าเช็ดหน้าทิ้งไว้ในกระเป๋าอย่างนั้น ยกหลังมือขึ้นเช็ดตาแทน

หลังจากนั้นเขาก็ทำเสื้อยืดพี่อามเปื้อนน้ำตาน้อยลง ไม่ได้ฟูมฟายหมดสภาพเหมือนวันแรก ๆ ส่วนน้ำมูกไม่เอาไปป้ายแล้ว แค่ครั้งเดียวก็รู้สึกน่าอายเกินพอ ไม่รู้ตอนนั้นบ้าจี้ทำตามเข้าไปได้อย่างไร

นอกจากคุณพ่อที่คอยช่วยประคับประคองให้ผ่านพ้นความเศร้าโศกในช่วงเวลานั้น ก็มีพี่อามอีกคนนี่ละที่เขานึกซาบซึ้งตลอดมา

กระทั่งทำใจยอมรับได้แล้ว เลิกร้องไห้คร่ำครวญ สภาพจิตใจดีขึ้นเป็นลำดับ เขาจึงเอาเงินเก็บมาซื้อของตอบแทนเป็นเสื้อยืดหน้าตาดูดีตัวหนึ่ง พร้อมคำขอบคุณและขอโทษที่ทำเสื้อเลอะไปหลายตัว

พี่อามได้ปุ๊ปก็แกะออกดูปั๊บ เท่านั้นไม่พอ ยังถอดเสื้อตัวเดิมออกแล้วสวมของใหม่เลยตั้งแต่ยังไม่ทันได้เอาไปซัก ท่าทางดีใจมาก ยิ้มกว้างจนปากจะฉีกถึงหู ถามเขาซ้ำไปซ้ำมาว่าอยากได้อะไร เกิดวันที่เท่าไร ไว้ถึงวันเกิดเขาจะซื้อของตอบแทนให้บ้าง

เขาเห็นแล้วก็เผลอคิด ถ้ารู้ว่าจะดีใจขนาดนี้ ซื้อให้สักสองสามตัวก็ดีหรอก

“หน้าแดงอะไรน่ะ”

“หา?” เขายกมือขึ้นแตะแก้มตัวเอง ใจหวิว ๆ อย่างไรพิกล

คงเป็นตั้งแต่ตอนนั้น...ที่รู้สึกว่าอาจจะ...อาจจะชอบคนคนนี้

แต่ทำไมถึงมารู้สึกกับผู้ชายกันนะ

“เขินหรือ?” พี่อามยิ้ม ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“เปล่านี่!”

“ตาสวยจัง”

เขาอ้าปากหวอ “หา!?”

พี่อามหัวเราะร่า เอานิ้วดีดหน้าผากเขาทีหนึ่งแล้วถอยกลับไปอยู่ที่ระยะห่างเท่าเดิม

“หลอกง่ายนะเรา”

“นิสัยไม่ดี”

“หึ ๆ น่ารัก”

ธัญญ์ชะงัก คราวนี้ตั้งหลักอย่างดี จึงรีบโพล่งสวน “...ไม่โดนหลอกหรอก!”

อีกฝ่ายนิ่งไป เอามือเท้าคาง เอียงคอมองเขายิ้ม ๆ ครู่หนึ่งก็ยกนิ้วขึ้นถูจมูก ท่าทางเขิน ๆ ถูกจนปลายจมูกเป็นสีแดง แล้วยังลามไปถึงที่แก้มอีก งึมงำเสียงต่ำแทบไม่หลุดออกมาจากลำคอ

“อันนี้พูดจริง ๆ นะ”

เขาเกือบอ้าปากเถียงอีกครั้งแล้ว ติดที่อีกฝ่ายหลุบตาหนีเสียก่อน ทั้งสีแดงเรื่อบนใบหน้าก็ชัดขึ้นเกินกว่าจะเป็นเพราะแค่เอานิ้วไปถูตรงจมูก

วันนั้นเลยนั่งอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ กันสองคน จนหมดพักเที่ยง พูดอะไรไม่ค่อยออก แค่ปลายนิ้วบังเอิญเฉียดกันก็ใจสั่นแปลก ๆ

ตอนแรกนึกว่าเป็นอยู่คนเดียว แต่ครั้นเหลือบมองพี่อามเอง ก็เห็นนั่งหยุกหยิกอยู่ไม่สุข ทั้งยังคอยลอบมองเขาเป็นระยะ เมื่อบังเอิญสบตาเข้าก็หน้าขึ้นสีแดงแจ๋ ยกมือขึ้นเกาทายทอยพลางปั้นรอยยิ้มเขิน ๆ

รู้ตัวตอนนั้น ว่าคงจะชอบเข้าจริง ๆ นั่นละ...




“เหม่อแล้ว” เสียงทุ้มต่ำลอยมาเข้าหู มือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นมาช่วยประคองแก้วนม กุมซ้อนมือเขาไว้อีกที อุณหภูมิอุ่นพอกับนมที่ยังเหลือค้างในแก้ว “ง่วงละสิ”

ธัญญ์กะพริบตาปริบ ๆ จากนั้นพยักหน้า “สงสัยจะอย่างนั้นครับ”

แต่นั่นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เขาง่วงด้วยตัวเองจริง ๆ หรือแค่ถูกบอกว่าง่วงก็เลยง่วง คล้ายเป็นความคาดหวังทางอ้อมจากอีกฝ่าย จึงไม่อยากทำให้ผิดหวัง 

“กินให้หมดนั่นแล้วไปแปรงฟันนอนเถอะ”

เขาพยักหน้า ละเลียดดื่มนมที่เหลืออีกครู่หนึ่งก็วางมือ เหลือบมองคนข้างกาย เอ่ยเรียกเสียงแผ่ว

“คุณพ่อครับ..”

“หืม?”

ธเนศยิ้มอบอุ่น โน้มตัวมาทางเขาน้อย ๆ คล้ายกำลังรอฟัง

“...ผม...ไม่ค่อยมีความรู้สึกว่าชอบเด็กผู้หญิงเลย..”

“เอ๋?”

ธัญญ์ชะงักไป รู้สึกตัวขึ้นมาว่าพูดอะไรแปลก ๆ แต่คล้ายจะกลับหลังไม่ทันแล้ว สายตาคุณพ่อที่จ้องมองมาดูกดดันอย่างน่าประหลาดจนไม่สามารถหยุดกลางคันได้

เขาตัดสินใจว่าต่อ แต่พยายามเบี่ยงประเด็นไปทางอื่น

“..คือ ที่คุณพ่อชอบถามว่ามีแฟนหรือยัง คบกับใครอยู่หรือเปล่า”

ซึ่งอาจได้ผล คนฟังหัวเราะ วางมือข้างหนึ่งบนศีรษะเขาแล้วลูบเบา ๆ

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก พ่อแค่ถามเพราะอยากรู้เฉย ๆ” ชายหนุ่มทอดเสียงอ่อนโยน “ต่อให้บอกว่าชอบผู้ชายขึ้นมาก็ยังไม่เห็นเป็นไรเลย”

ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น ถึงกลับเผลอกลั้นหายใจไปพักใหญ่ นั่งนิ่งตัวแข็งทื่อ ได้แต่เบิกตากว้างมองหน้าอีกฝ่าย

ทำไมถึงพูดเหมือนกับว่ารู้?

“...คุณพ่อ...”

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ”

“...ผม...ไม่ได้...”

แต่ธเนศยังคงยิ้มละมุน บรรจงปัดนิ้วแผ่วเบา เสยผมเขาให้พ้นหน้าผาก ถามต่อเสียงนุ่มนวล

“หรือว่าเป็นเจ้าหนุ่มนักบอลที่เคยมาบ้านเราคนนั้น?”

ธัญญ์ในช่วงเวลานั้นยังเยาว์วัยเกินกว่าจะรู้ว่าถูกหลอกถาม ใสซื่อเกินกว่าจะเก็บสีหน้าท่าทางให้มิดชิด

“ใช่จริงด้วยสินะ”

และธเนศในช่วงเวลานั้น ก็ยังอยู่ในบทบาทผู้ชายที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจที่สุดในชีวิตอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง คุณพ่อผู้แสนดีที่จะไม่มีวันทำร้ายเขา

“ชื่ออามใช่ไหม”

เขาก้มหน้าก้มตา ตอบเสียงเบา

“ใช่ครับ..”

ไร้ร่องรอยของความประหลาดใจ ธัญญ์คิดว่าบางทีคุณพ่ออาจระแคะระคายอยู่แล้ว

เมื่อโตขึ้นมองย้อนกลับไป จึงตระหนักได้ว่าเขาเดาถูก ธเนศรู้อยู่แล้วจริง ๆ นั่นละ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาไม่เคยหลุดรอดจากสายตาอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ”

ธัญญ์เงยขึ้นมองคนพูด นึกสงสัยว่าตัวเองกำลังทำสีหน้าแบบไหน

“เอ้า ยิ้มหน่อยเร็ว”

เพราะถูกบอกอย่างนั้น เขาจึงยิ้ม

“ไม่เป็นไรหรอก” คุณพ่อบอก กระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู สางปลายนิ้วเข้ามาในเส้นผม

ทั้งหมดนั้นเหมือนเป็นภาพช้า ตั้งแต่นิ้วยาว ๆ ของอีกฝ่ายลากจากโคนผมลงมาถึงผิวแก้ม ประคองใบหน้าเขาไว้ด้วยสองมือร้อนผ่าว แล้วโน้มตัวลงจรดริมฝีปากแนบลงบนหน้าผากเขาเนิ่นนาน

“ก็เราเป็นพ่อลูกที่รักและสนิทสนมกันมากนี่นา” ลมร้อนเป่าลงเบา ๆ บนใบหน้าเขาเมื่อคุณพ่อเอ่ยถ้อยคำนั้น

ธัญญ์ยกมือลูบหน้าผากตัวเอง ยังรู้สึกได้ถึงความร้อนบนผิว

ใจหนึ่งนึกหวาดหวั่นกับแววตาเปี่ยมสิเน่หาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อีกใจยังลังเลสับสน ปลายนิ้วสั่นระริกจนต้องวางแนบไว้กับต้นขาตัวเอง

หลังจากนั้น ก็ยังถูกบอกอีกซ้ำ ๆ ว่าพวกเขารักและสนิทสนมกันมากขนาดไหน

ทุกครั้งจะได้กลิ่นคล้ายน้ำหอมจาง ๆ หอมหวานจนเขารู้สึกผะอืดผะอมในลำคอ แต่ยังรับคำเสียงแผ่วด้วยสีหน้าเหม่อลอย

“นั่นสินะครับ”

“พ่อรักธัญญ์นะ”

“ผมก็รักคุณพ่อ”

เพราะเขารู้สึกรักคนคนนี้จริง ๆ หรือรักเพราะถูกบอกให้เชื่อว่าเขารัก..

เขาไม่แน่ใจเรื่องนั้น





มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ
v
v
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-04-2017 22:00:45 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
งวดที่ 23.5 (ต่อ)








คุณพ่อรู้เรื่องพี่อามแล้ว แต่ไม่ได้ว่ากล่าวอะไร

ตรงกันข้าม นับวันกลับยิ่งมีทีท่ารักใคร่เอ็นดูบุตรชายต่างสายเลือดมากขึ้นเรื่อย ๆ

จากเดิมที่เคยลูบผมบางครั้ง นานทีอาจมีจับมือบ้าง สัมผัสเนื้อตัวบ้าง แต่ไม่บ่อยอะไร ด้วยธัญญ์ก็อายุสิบสี่ปีแล้ว ไม่ใช่เด็กตัวเล็ก ๆ ที่ต้องคอยให้ผู้ปกครองจูงมือเดิน

ทว่านับแต่คืนนั้น หลังจากที่เขากึ่งสารภาพกลาย ๆ ด้วยความรู้สึกผิดและสับสนเต็มอก ว่าตนเองมีรสนิยมด้านความรักอันผิดแผกไปจากขนบ นอกจากอีกฝ่ายจะไม่แสดงอาการตกใจหรือรังเกียจแม้กระผีก ยังหมั่นสร้างความชิดใกล้อันแปลกประหลาดให้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ธัญญ์รู้สึกว่าอาจเป็นการหยาบคายและเสียมารยาทกับคุณพ่อเกินไป หากจะใช้คำว่าน่าหวาดกลัว..หรือน่าขยะแขยง

แต่ใช่...เขารู้สึกขยะแขยง

สัมผัสที่เกินจำเป็น

จูบอันเปี่ยมล้นด้วยปรารถนา บนใบหน้า เปลือกตา ริมฝีปาก ราดละเลงราคะเจียนคลั่งในแววตา ทว่าปกปิดไว้เบื้องหลังรอยยิ้มและน้ำเสียงทุ้มต่ำที่คอยกระซิบข้างหู

“เด็กดี ชอบหรือเปล่า?”

เขาตัวสั่นเป็นลูกนก ถูกตรึงด้วยสายตาจนไม่กล้าหนี ราวกับมีตะปูตอกอยู่บนเท้าทั้งสอง

“ชอบสินะ?”

เขาพยักหน้างกเงิ่น

ริมฝีปากสั่นระริกถูกแนบสนิทลงอีกคราว

ได้กลิ่นน้ำหอมประจำตัวอีกฝ่าย หอมหวานเคล้ากลิ่นละอองฝน

ความรู้สึกอยากอาเจียนพลุ่งพล่านขึ้นมา










สิบสี่ปี

เขาเคยหลงคิดว่าตนเองโตแล้ว แต่แท้จริง สิบสี่ปีนั้นยังเยาว์วัยนัก..




ฤดูฝนดำเนินต่อไป

ท้องฟ้ามืดดำ แม้แต่เมฆที่ดูเบาดุจปุยนุ่นในฤดูร้อน ยามนี้กลับให้ความรู้สึกหนักหน่วงจนน่าอึดอัด คอยกักกั้นแสงอาทิตย์ไม่ให้สาดส่องลงมาถึงพื้นดิน หยาดฝนเกาะพราวบนใบไม้สีเขียวสด ดูชุ่มชื่นไปทั้งสวน แต่ก็ยังมีบางมุมตรงนั้นตรงนี้ ที่รากไม้จมน้ำขังอยู่เนิ่นนานจนเน่าตายไป

ความเน่าเฟะแฝงเร้นอยู่กลางความฉ่ำชอุ่มของสุมทุมพุ่มไม้

นั่นเป็นประโยคแรกของเรียงความที่ธัญญ์จรดปลายปากกาเขียนขึ้นมา หลังจากเห็นสวนหย่อมที่เต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายช่วงชีวิต ตั้งใจจะเขียนส่งเป็นการบ้านวิชาภาษาไทย

บางชีวิตกำลังก่อกำเนิด บางชีวิตกำลังเน่าสลายตายจาก..

ทั้งหมดเกลือกกลั้วอยู่บนแผ่นดินผืนเดียวกัน แช่จมอยู่ในแอ่งน้ำขุ่นคลั่กแอ่งเดียวกัน

แต่เขียนไปได้แค่ไม่กี่ประโยค เขากลับเกิดความหวาดกลัวต่อบางสิ่งที่จิตสำนึกปฏิเสธจะรู้จัก แต่มันกลับพยายามผุดพรายขึ้นมาทักทายจากก้นบึ้งดำมืดที่ไหนสักแห่ง

สุดท้ายธัญญ์ก็ขยำกระดาษ โยนทิ้งลงถังขยะข้างโต๊ะหนังสือ นั่งเหม่อมองเม็ดฝนที่โปรยปรายอยู่นอกหน้าต่างคล้ายว่ามันจะร่วงหล่นลงมาอย่างไร้จุดสิ้นสุด


กลางซากต้นไม้ที่เน่าตาย ไฮเดรนเยียกลับชูช่อสดใส ดูเป็นดอกไม้โง่ ๆ ที่หลงรักฤดูฝน

คุณแม่ชอบไฮเดรนเยีย

ดูเหมือนคุณพ่อจริง ๆ ของเขาที่จากไปแล้วก็ชอบมันเช่นกัน

เขาเองก็ชอบไฮเดรนเยีย คุณพ่อคนปัจจุบันบอกว่าอย่างนั้น

“ชอบมากเลยสินะ” คุณพ่อเคยถาม ปักช่อดอกสีน้ำเงิน ม่วง ชมพูลงแจกันประดับห้องของเขา

“ชอบมากครับ”

เขาพยักหน้า อ้าแขนรับข้อสังเกตแกมยัดเยียดนั้นเข้ามา หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของตนเองโดยไม่รู้ตัว

คุณพ่อยิ้มละมุน ย่อตัวลงตรงหน้าเขา

จูบอีกหน...และอีกหน...







กลางดึกคืนนั้น ฝนกระหน่ำรุนแรงกว่าทุกคืนที่ผ่าน หยดน้ำเม็ดโตถูกลมกรรโชกแรงสาดซัดมากระทบกับหน้าต่างกระจกราวแมลงตัวใหญ่นับแสนพุ่งตัวเข้ากระแทก สายฟ้าฟาดเปรี้ยงสว่างวาบอยู่ข้างนอก รุนแรงจนรู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือน

ในท่ามกลางเสียงฝนฟ้า เสียงเคาะประตูห้องดังแทรกขึ้นมาสามครั้ง

“ธัญญ์”

เด็กหนุ่มเหลียวหลัง นั่งรีรออยู่บนเก้าอี้ กระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกหน

“ธัญญ์”

“ครับ” เขาขานรับ จังหวะนั้นฟ้าคำรามคลั่ง เสียงกัมปนาทแผดลั่นจนสะดุ้งสุดตัว

ธัญญ์ยกมือขึ้นกุมอกเสื้อ หายใจเข้าออกช้า ๆ ค่อยลุกจากเก้าอี้เดินไปเปิดประตู

เงาดำทาบทับลงทั้งตัว จากระดับสายตาเขา มองเห็นถาดที่มีแก้วใส่นมร้อนวางอยู่สองใบ และไฮเดรนเยียช่อเล็ก ๆ อีกหนึ่งช่อ

“ยังไม่นอนจริง ๆ ด้วย”

เขาเงยขึ้นมอง เห็นรอยยิ้มนุ่มนวลบนใบหน้าคุณพ่อ นัยน์ตาเชื่อมแสงทอประกายล้อไปกับแสงไฟในห้อง

“ครับ” เขารับคำ เบี่ยงตัวเล็กน้อยให้อีกฝ่ายเดินเข้ามา จากนั้นค่อยปิดประตูตามหลัง

ผมเผ้าฝ่ายนั้นยุ่งเหยิงกว่าปกติเล็กน้อย ได้กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อน ๆ ปนกลิ่นน้ำหอมคุ้นจมูก

เขาเดินกลับมานั่งหลังตรงบนเก้าอี้ มองคุณพ่อวางถาดบนโต๊ะ ก่อนไปหย่อนตัวลงนั่งตรงขอบเตียงใกล้ ๆ กัน

“หิวหรือเปล่า”

เริ่มด้วยคำถามเดิมเฉกเช่นทุกที

ธัญญ์นั่งครุ่นคิด เขาหิวอยู่หรือ ไม่หรอก ทุกครั้งที่คุณพ่อถาม เขาไม่เคยหิว เพียงแต่อีกฝ่ายบอกว่าเขาคงหิว ก็เลยคิดว่าอาจหิวจริง ๆ นั่นละ

เขาเงยขึ้นมองหน้าผู้มาเยือน ครั้งนี้กลับอึกอักพูดไม่ออก

“ไม่หิวหรอกหรือ?”

เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับกำลังถูกดูดลงไปในบ่อโคลน หากไม่รีบดิ้นรนตอนนี้ ก็อาจทำไม่ได้อีกเลย

ดังนั้นจึงส่ายหน้า

“ไม่หิวครับ”

การดิ้นรนปฏิเสธครั้งแรก

คุณพ่อหัวเราะเบา ๆ

“นึกแล้วเชียว”

ไม่เป็นผลใด...

ธัญญ์ห่อไหล่ คำตอบผิดคาด ยังความรู้สึกคล้ายว่าร่างกายถูกดูดลึกลงไปในบ่อยิ่งกว่าเก่า

“มานั่งนี่สิ”

มือที่มีข้อนิ้วเรียวสวยข้างนั้นกำลังกวักเรียกเขา ริ้วรอยเล็ก ๆ ตรงหางตาปรากฏชัดขึ้นเมื่อนัยน์ตาคู่นั้นหยียิ้ม

น่าแปลกใจ ที่เขาตัวสั่น

แต่จะมีอะไรให้หวาดกลัว คุณพ่อรับเขาและคุณแม่มาอยู่ร่วมชายคาเป็นเวลาร่วมแปดปีแล้ว คนคนนี้อยู่กับเขาตอนที่โลกพังทลายลงหลังจากสูญเสียคุณแม่ไป คอยดูแลค้ำชูมาตลอด เป็นผู้ชายที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจที่สุด

คนคนนี้ย่อมไม่มีวันทำร้ายเขา

ธัญญ์คลี่ยิ้มตอบ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ไปนั่งเคียงข้างตรงขอบเตียง

คุณพ่อจะไม่ทำร้ายเขา...ไม่ใช่หรือ?

...ไม่ใช่...หรือ..?








คืนนั้นที่ฝนพรำ

คุณพ่อพร่ำบอกว่าพวกเขารักกันดื่มด่ำแค่ไหน

พูดซ้ำ ๆ ว่ารัก...รัก...รัก...

คุณพ่อกลืนกินตะกรุมตะกราม ใช้ลิ้นเซาะไซ้ให้กลีบปากเขาเผยอออก

เขาตัวสั่นงันงก สมองว่างเปล่า รู้แค่ต้องตอบแบบเดียวกันจึงจะถูกต้อง 

“ผมก็รัก—”

พูดไม่จบ..

รู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำ สำลักเข้ามาซ้ำ ๆ เหมือนมีทากนับร้อยนับพันคลานคืบทั่วทั้งใบหน้า พยายามเหยียดชิ้นส่วนร่างกายนิ่มเหลวอาบเมือกลื่น ๆ คลุ้งคาวเข้าไปในจมูก ในหู ในเบ้าตา ในปาก ล้วงล้ำถึงลำคอ แต่ครั้นจะขย้อนออกมา กลับกลายเป็นทำให้พวกมันยิ่งเบียดเสียดตัวเองดำลึกลงอีก ทิ้งคราบน่ารังเกียจไว้ตลอดทางที่เคลื่อนคลาน

คุณพ่อบอกให้เขาอ้าขาออก

คุณพ่อบอกว่าเขาเป็นฝ่ายปรารถนามัน




ฟ้าคำรามบ้าคลั่งอยู่ข้างนอก

พายุตัณหาอันต่ำตมเคียดคลั่งอยู่ข้างใน

...ข้างในร่างกายเขา

เด็กหนุ่มบิดกายเร่า แสงจากนอกหน้าต่างยามฟ้าแลบสาดเข้ามาวาบหนึ่ง เกิดเป็นเงาของสองร่างเปล่าเปลือยซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยการขย่มคร่อมทอดยาวบนผนัง คล้ายไส้เดือนน่าชังกำลังดิ้นทุรนทุรายบนธุลีดินหยาบกระด้าง น่าสมเพชเวทนาจนไม่อาจพรรณนาเป็นถ้อยคำใด นอกจากเสียงกรีดร้องยามทั้งร่างราวกับกำลังถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้น

เจ็บ

เขาบอกซ้ำ ๆ เจ็บ.....เจ็บ.....เจ็บ......จนไม่มีถ้อยคำที่เป็นภาษาหลุดออกจากปากอีก คงเหลือแต่เสียงโหยหวนแหบแห้งไร้ความหมายไม่ปะติดปะต่อ

ร่างถูกพลิกคว่ำพลิกหงายอีกหลายครั้ง

สีสันสีแดงสดเกลียวกลืนไปกับสีขุ่นขาวของสิ่งที่ไหลซึมลงมาตามท่อนขา น่าขยะแขยงเหมือนลูกไส้เดือนสีชมพูกำลังเลื้อยเลาะลงมา ทิ้งน้ำเมือกน่าสะอิดสะเอียนไว้ตลอดเส้นสายที่อวัยวะเบื้องล่างถอยออกและกระแทกกระทั้นเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับจะบดขยี้เขาให้ยับเยิน

ข้างนอกนั้น ฟ้าแผดเสียงกราดเกรี้ยว

ข้างในนี้ เขาจมดิ่งลงกลางบ่อโคลน

กลางสติสัมปชัญญะเลือนราง กลางเสียงฟ้าครวญครางไม่หยุดหย่อน คุณพ่อกระซิบบอกเขาข้างหู ว่าเขาเป็นฝ่ายปรารถนาสิ่งนี้...

คุณพ่อมอบให้ เพราะเขาเป็นฝ่ายร้องขอ...

เขาประหวั่นพรั่นพรึงเกินกว่าจะกล้าขุดคุ้ย ว่าตัวเองเป็นฝ่ายปรารถนาด้วยเจตจำนงของตน หรือปรารถนาเพราะถูกบอกว่าเป็นฝ่ายปรารถนา

ลมหายใจเขาขาดห้วง หมดเรี่ยวแรงจะกระเสือกกระสน

หลังเปลือกตาร้อนผ่าว ไม่อาจหยุดจินตนาการถึงทากนับพันตัวที่คลานยั้วเยี้ย โบกชูส่วนหัวสู้สวนเข้ามาทุกรูในร่าง ทุกตัวบิดเบียดทุรนทุราย หาทางชำแรกเข้ามาในตัวเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

กลิ่นหอมหวานเคลือบคราบคาวคละคลุ้ง ยังความคลื่นเหียนจู่โจมขึ้นมาถึงคอหอย

เขาอาเจียนออกมา แสบคอและจมูกเหมือนถูกไฟเผา

แต่กลิ่นคาวยังไม่จากหาย รสขมบาดคอยังแจ่มชัด

เขาล้วงนิ้วเข้าไปในปาก สำรอกตัวทากที่มองไม่เห็นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า

โก่งคออาเจียนอย่างนั้นทั้งคืนจนสติขาดห้วงไป











ไฮเดรนเยียที่หลงรักฤดูฝนเป็นดอกไม้ที่โง่งม

นั่นเป็นหัวข้อเรียงความฉบับที่สองที่เขาขยำทิ้ง




หนึ่งเดือนผ่านไป ฤดูฝนยังไม่สิ้นสุด

ฟ้าร้องอีกครั้ง ทากน่าสะอิดสะเอียนนับร้อยนับพันดำผุดดำว่ายในร่างกายเขาอีกครั้ง...และอีกครั้ง

ทุกค่ำคืนที่ฟ้าครึ้มคะนอง เขาเชื่อมโยงความสัมพันธ์น่าพรั่นพรึงที่คุณพ่อพร่ำบอกว่าเขาปรารถนาเข้ากับฝนฟ้าโดยไม่ตั้งใจ

เขาล็อคห้อง ทำลายเตียงและผ้าปูจนพังยับ ขังตัวเองไว้ในซอกมุมเล็ก ๆ สะดุ้งสุดตัวเมื่อฟ้าร้อง และโก่งคออาเจียนในความมืด

ทุกครั้งเมื่อฟ้าแลบ แสงสว่างจะสาดเข้ามาผ่านแมกไม้ เงาทาบลงบนตัวเขา เหมือนปีศาจกำลังย่างสามขุมเข้าใส่ แต่ที่ธัญญ์นึกรังเกียจที่สุด กลับเป็นเงาของตัวเองซึ่งพาดผ่านบนผนัง ดูคล้ายไส้เดือนยักษ์ดิ้นรนบนกองขี้เถ้า

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น

ธัญญ์ขดตัวเหมือนขยุ้มผ้าขี้ริ้ว มองลูกบิดขยับแกรกกรากอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนล็อคของมันจะเด้งออก

คุณพ่อถือกุญแจ เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม

สายฟ้าแลบแปลบปลาบ ทั้งเสียงร้องและแสงสว่างฉาดฉายเข้ามาทาบร่างพวกเขา ทอดเงาลงบนผนัง

“เด็กไม่ดี..” คุณพ่อกระซิบข้างหู

เขารู้สึกได้ ทากที่เต็มไปด้วยเมือกลื่นกำลังคืบคลานเข้ามาในหูข้างนั้น ขยะแขยงจนน้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ

“เป็นเด็กไม่ดีเลย” ปลายลิ้นหยาบโลนไล้เลียใบหู แทรกเข้ามาลึกลง...ลึกลง...เหมือนจะมุดเข้ามาในร่างเขาจากทางนั้น

“บอกพ่อซิว่าตัวเองเป็นเด็กไม่ดี”

“...ผมเป็นเด็กไม่ดี...”

ผนังห้องกลายเป็นจอสีขาวขนาดใหญ่ ฉายภาพไส้เดือนยักษ์บิดกายเร่า คร่อมขย่มข่มขืน สมสู่สังวาสดุจเดรัจฉาน เปล่งเสียงร้องน่าขนลุกขนพองในคืนฝนพรำ












มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ
v
v
v
v

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-04-2017 23:08:35 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
งวดที่ 23.5 (ต่อ)






“ธัญญ์”

เขาสะดุ้ง ปัดมือพี่อามออกสุดแรง เหงื่อกาฬผุดซึมขึ้นบนขมับ

“อูย...เจ็บ”

ธัญญ์เบิกตากว้าง ค้อมศีรษะขอโทษขอโพย ครั้นจะจับมืออีกฝ่ายขึ้นมาดูกลับชะงักลง ขลาดขยาดกับการต้องสัมผัสผิวหนังผู้อื่น

พี่อามเห็นท่าทางนั้นเข้าจึงเป็นฝ่ายยื่นมือมาหาเอง แต่เขากลับกระถดหนี

ไม่อยากถูกแตะต้อง

พี่อามเงยขึ้นมองเขา

ไม่อยากให้มอง

ธัญญ์เหลียวมองรอบตัว หลายคนมองกลับ แต่เขาไม่อยากอยู่ในสายตาของใคร

“ธัญญ์”

ไม่เอาน้ำเสียงเวทนา

“พักนี้เป็นอะไรไป ฝนตกบ่อยเลยไม่ค่อยสบายหรือเปล่า”

มือข้างหนึ่งของอีกฝ่ายเอื้อมมาจะแตะหน้าผาก แต่เขาถอยหลังหนี

“ไม่เป็นไร”

กลัวจะถูกจับได้ว่าตัวเองสกปรก

เมือกเหลวน่ารังเกียจของตัวทากในร่างกายเขา ล้างอย่างไรก็ไม่ออก จะล้วงคอหรือล้วงจากตรงนั้นออกไปเท่าไรก็ไม่หมด ขยะแขยงตัวเองเกินกว่าจะกล้าถูกสัมผัส

...ถ้าคนอื่นรู้...ถ้าเขารู้...

...ถ้าพี่อามรู้...ถ้าทุกคนรู้...

หากถูกล่วงรู้เข้า จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร

เขาปรารถนาในสิ่งนั้นเอง เขาเป็นเด็กไม่ดี น่ารังเกียจจนเกินทนไหว ทั้งภายนอกและภายในล้วนสกปรกโสมมเกินกว่าจะกล้าสบตาหรือพูดคุยกับใครโดยสะดวกใจได้อีก

เขาไม่คุยกับพี่อามอีก ไม่ชวนมาบ้าน ไม่ร่วมกิจกรรมของทางโรงเรียน ไม่สุงสิงกับเพื่อนร่วมชั้น

ผู้คนพากันสงสัย ครูประจำชั้นส่งจดหมายถึงผู้ปกครอง

คุณพ่อเปิดจดหมายออกอ่าน ไม่ว่าอะไร

คืนนั้นก็ยังเดินเข้ามาในห้องเขา กระซิบซ้ำ ๆ ว่าเขาเป็นเด็กไม่ดี

ธัญญ์พยักหน้า มองเงาดำบิดเบี้ยวบนผนัง เริ่มดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์อีกครั้ง

เขารู้...












ไม่นานเท่าไร พี่อามก็ย้ายไปเรียนที่อื่น

คุณพ่อบอกว่ามีทุนนักกีฬาที่อีกโรงเรียนหนึ่ง จึงถือโอกาสช่วยติดต่อประสานให้

พี่อามไม่เคยติดต่อมาอีก เขาจึงเชื่อว่าตัวเองคงถูกลืมไปแล้ว กระทั่งไปพบเศษซากจดหมายที่เหลือจากการเผาอยู่ตรงหลังบ้าน มีลายมือของพี่อามปรากฏอยู่บนนั้น เขาอ่านทุกตัวอักษรที่ยังพอปะติดปะต่อเป็นข้อความได้ ลักลอบเก็บชิ้นส่วนที่เหลือมาซุกซ่อนไว้ในห้องตัวเอง เฝ้าอ่านข้อความขาดหายนั่นซ้ำไปซ้ำมา แต่ไม่สุงสิงกับคนอื่น

เพื่อนสนิทกลุ่มที่เคยมาเที่ยวเล่นที่บ้านบ้านบ่อย ๆ เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขาก็พากันเป็นห่วงเป็นใย

ทว่าเมื่อวันเวลาผ่านไป พวกเขากลับหายหน้าหายตาไปทีละคน ลาออกบ้าง ย้ายบ้าง ส่วนใหญ่ด้วยเหตุผลจากทางบ้าน ซึ่งไม่ค่อยเป็นเรื่องดีนัก

เป็นเพราะคุณพ่ออย่างนั้นหรือ

ไม่สิ...เป็นเพราะเขาเองต่างหาก

จากจุดนั้น เขาเรียนรู้ว่าไม่ควรสนิทสนมกับใคร เพราะคุณพ่อบอกว่าเขากำลังทำให้คนอื่นเดือดร้อน เพราะเขาเป็นเด็กไม่ดี
ธัญญ์พยักหน้า 

เขารู้...

วันนั้นเขาเดินกลับเข้าไปในห้อง รื้อหาเศษซากจดหมายจากที่อามที่เคยเก็บซ่อนไว้ ลงมือเผาเศษกระดาษที่ยังหลงเหลือทั้งหมดจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

แม้แต่ข้าวของที่เคยได้รับจากเพื่อนสนิท หรือสิ่งใดอันจะสื่อถึงความทรงจำที่เคยมีร่วมกัน ธัญญ์ก็ค่อย ๆ ทยอยทิ้งมันไปทีละชิ้น

“คงเบื่ออีกแล้วสินะ” คุณพ่อถาม

เขาพยักหน้า

“ขี้เบื่อจริง ๆ ด้วย นิสัยไม่ดีเอาเสียเลย”

แม้บอกอย่างนั้น แต่กลับยิ้มพึงใจ ส่งตัวทากคืบคลานเข้ามาในปากเขา











ไส้เดือนตัวเดิมยังทุรนทุรายตราบสิ้นสุดฤดูฝน

เขาจมดิ่ง ดิ้นรนอยู่ในบ่อโคลน ทรมานจนแทบทนไม่ไหว แต่เรียนรู้ที่จะซุกซ่อนมันไว้ใต้สีหน้านิ่งสงบ

เดือนธันวาคม เดือนเกิดของเขา ธัญญ์เตรียมของขวัญไว้ให้ตัวเอง

คืนวันที่ยี่สิบสี่ธันวาคม เพลงคริสต์มาสดังแว่วอยู่ไกล ๆ ฝนหลงฤดูโปรยปรายไม่ขาดสาย เขารอจนเข็มนาฬิกาชี้เวลาเที่ยงคืน จึงค่อยเปลี่ยนปฏิทินเป็นวันที่ยี่สิบห้า อวยพรให้ตัวเองด้วยดอกไฮเดรนเยียโง่งมที่หลงรักฤดูฝนซึ่งจบลงแล้ว จากนั้นบรรจงแกะของขวัญที่เตรียมไว้

มันเป็นกระปุกสีขาว มีเม็ดยาบรรจุอยู่เต็ม

เขาหยิบมันใส่ปาก ครั้งหนึ่งทีละห้าเม็ด แล้วกระดกน้ำตาม

ห้าเม็ด แล้วกระดกน้ำ ห้าเม็ด แล้วกระดกน้ำ ห้าเม็ด แล้วกระดกน้ำ.. ทำซ้ำเช่นนั้นไปเรื่อย ๆ

ฟ้าแลบแปลบปลาบ ผนังสีขาวซึ่งทำหน้าที่เป็นจอฉายภาพกักขฬะซ้ำมาซ้ำไปในคืนฝนตก บัดนี้เงาบนนั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นรูปทรงอื่น

ธัญญ์ทิ้งตัวลงนอนขด ชูมือขึ้นเล่นเงาเป็นรูปนกที่กำลังกางปีกโบยบิน พลางร้องไห้สะอึกสะอื้น




ประกายแวบวาบสงบลงเป็นเวลาหลายชั่วโมง

ระหว่างนั้น เสียงร่ำไห้เงียบลงแล้ว

และเมื่อฟ้าแลบอีกหน นกตัวนั้นก็หายไปจากผนัง

เหลือเพียงเงาดำของไส้เดือนตัวหนึ่ง ทอดร่างแน่นิ่งไม่ไหวติง








เพราะวัยเยาว์นั้นขาวสะอาดจนเกินไป

เมื่อถูกย้อมด้วยคราบคาวสกปรก จึงมองเห็นเด่นชัด

และไม่มีวันเลือนหาย...







ไม่กี่วันถัดมา ธเนศร้องไห้จะเป็นจะตายอยู่ข้างเตียงคนไข้ของเขาในโรงพยาบาล

แต่ธัญญ์กลับหัวเราะ

ยิ่งอีกฝ่ายร้องไห้หนักขึ้น เขาก็ยิ่งหัวเราะดังขึ้น

ตัวเขาคนเดิมพังทลายลง เกิดเป็นคนใหม่ที่น่ารังเกียจ

คำเรียกขานว่า ‘คุณพ่อ’ อันตรธานไปจากพจนานุกรมของเขา

“คุณจะไม่แตะต้องตัวผมอีก”

“ธัญญ์”

“คุณจะไม่แตะต้องตัวผมอีก!” เขากรีดร้อง คว้ามีดปลายแหลมที่ปอกผลไม้ค้างไว้ข้างเตียงจ่อเข้าที่คอตัวเอง “บอกสิว่าไม่!”

“ไม่...ไม่อีกแล้ว”

เห็นธเนศสะอึกสะอื้น เขายิ่งหัวเราะเสียงดังราวกับคนเสียสติ

รอยขีดเล็ก ๆ สีแดงปรากฏขึ้นบนลำคอ เลือดค่อย ๆ ไหลรินราวริบบิ้นแดงคลี่ลงมาจากปากแผล

ธเนศเบิกตากว้าง ฟูมฟายจนเหมือนคนเสียสติยิ่งกว่าเขาเสียอีก

รู้แล้วว่าจุดอ่อนของคนคนนั้นก็คือเขา

“ฉันสัญญา จะไม่แตะต้องเธออีกแล้ว” อีกฝ่ายทรุดตัวลง แทบหมอบคลานลงกับพื้น “อย่าทำแบบนี้อีกเลย”

ธัญญ์หอบหายใจจนอกกระเพื่อม ได้ยินอย่างนั้นแล้ว ค่อยวางมีดลง ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงคนป่วย หัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล พักใหญ่เสียงหัวเราะค่อยเปลี่ยนเป็นร้องไห้สะอึกสะอื้น เงยขึ้นมองเพดานขาวสะอาดที่ดูราวกับจอภาพขนาดใหญ่

ทั้งร่างสั่นเทิ้ม เสมือนหนึ่งย้อนกลับไปในคืนฝนตก

ภาพเงาไส้เดือนยักษ์บิดเบี้ยวกำลังเสพสังวาสยังดิ้นเร่าบนนั้น โยกขย่มครั้งแล้วครั้งเล่าในแอ่งโคลนเน่าเหม็น

ธัญญ์ยกมือขึ้นปิดหน้า ส่งเสียงกรีดร้องออกมาปิ่มว่าจะขาดใจ








นับแต่นั้น ธเนศมีชีวิตอยู่เพื่อไล่ตาม ลงโทษความเป็น ‘เด็กไม่ดี’ ของเขาโดยการกีดกันทุกคนและทุกสิ่งรอบตัวเขาห่างออกไป หลอกหลอนด้วยความหวาดกลัวอันฝังลึกไม่อาจเลือนหาย ทรมานเขาให้เหมือนตายทั้งเป็นทุกครั้งที่ได้ยินเสียงฝนตกฟ้าร้อง

ต่อให้รักษาสัญญาเรื่องจะไม่แตะต้องอีก แต่ในร่างเขายังคงมีตัวทากและไข่ของมัน ที่นับวันยิ่งแพร่พันธุ์ขึ้นจากร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน ชอนไชไปตามเยื่อเมือกทั่วสรรพางค์กาย แม้เพียรล้วงลงไปในคอให้คายขย้อนออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า มันก็ยังคืบคลานอยู่ในนั้น

ทว่านั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปแล้ว

เขารู้ว่าธเนศจะทำทุกวิถีทางให้เขามีชีวิตอยู่...ต่อให้เป็นชีวิตที่แสนทุกข์โศกและน่าเวทนา

และเขาจะมีชีวิตอยู่ เพื่อทำให้ธเนศไม่มีวันมีความสุข

ต่อให้ต้องแลกด้วยความสุขของเขาเองก็ตาม















- SIN OF INNOCENCE -





แด่เด็กน้อยผู้ตกเป็นเหยื่อการล่วงละเมิดทางเพศ








เคยอ่านมาบ้างนิดหน่อย พบว่าบางกรณี เหยื่อกลับทุกยัดเยียดความผิด ว่าโศกนาฏกรรมทั้งหมดทั้งสิ้น ตนเองเป็นผู้ชักนำให้บังเกิด ขยาดกลัวเกินกว่าจะยืนหยัดขึ้นโต้ตอบ รู้เพียงว่าเป็นความผิดบาปของตนที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ในสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมให้ต้องอ้าแขนรับอย่างไร้ข้อโต้แย้ง

เราว่ามันหดหู่เหลือเกินค่ะ และคนก่อเรื่อง ก็มักจะเป็นคนใกล้ตัวเสียด้วย



ใจหนึ่งก็คิด ว่าจะคงพล็อตแบบนี้จริงหรือ พล็อตข่มขืนมันแรงจริง ๆ ในความคิดเรา แต่สุดท้ายก็ขอทำตามใจตัวเองเถอะนะคะ

เรื่องราวกับคุณธเนศกับธัญญ์ในสมัยก่อน ก็เป็นประมาณนี้แหละค่ะ เห็นหลายคนก็เดา ๆ กันไว้บ้างแล้ว ไว้อาจได้เขียนถึงเขาอีก ในช่วงเวลาที่ย้อนกลับไปอีกหน่อย ว่าเป็นไงมาไงถึงยึดติดกับธัญญ์ขนาดนี้ รับมาอยู่ทั้งแม่ทั้งลูกตั้งแต่ตัวเล็กตัวน้อย

เฮ้อ...

//นอนแผ่ให้เหยียบนะคะ จะเทก็ได้ เราเข้าใจ แต่เทเบา ๆ หน่อยนะคะ เรากลัว
///แต่ก็ยังยืนยันว่าจบแฮปปี้นะ  ;3;




หลังจากนี้อาจเว้นนานกว่าปกตินิดนึง ขอไปเตรียมสอบก่อนค่ะ  เดี๋ยวกลับมาต่อ TwT
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยือนค่ะ

ปล. เมื่องวดที่แล้ว ขอบพระคุณที่ช่วยแก้คำผิดให้ค่ะ ถ้าเห็นหลุดลอดไปอีกก็รบกวนด้วยนะคะ m(_ _)m


มาสรุปเนื้อเรื่องในงวดที่ 23.5 ไว้ให้ สำหรับท่านที่ไม่อยากอ่านส่วนที่เนื้อหาค่อนข้างรุนแรง สามารถข้ามมาอ่านตรงนี้ได้เลยนะคะ

สรุปของงวดที่ 23.5 นี้ค่ะ (คลุมดำอ่านนะคะ)
v
v
v


สรุปในย่อหน้าเดียว คือธัญญ์ถูกธเนศล่วงละเมิดทางเพศตอนช่วงตัวเองอายุ 14 ปีค่ะ เคยพยายามฆ่าตัวตายครั้งหนึ่ง หลังจากช่วยธัญญ์ไว้ได้ครั้งนั้น ธเนศค่อยยอมสัญญาว่าจะไม่แตะต้องธัญญ์อีก แต่ก็ไม่ยอมให้ใครแตะต้องเหมือนกัน ส่วนธัญญ์ก็ยึดติดเรื่องที่ตัวเองจะไม่มีวันให้ธเนศสมหวัง ไม่มีวันให้ทางนั้นมีความสุข อย่างที่เคยพูดว่า "ผมไม่มีวันรักคุณ" เพราะคิดว่าจะทำให้ฝ่ายนั้นทรมานกับเรื่องนี้มากที่สุด ทั้งสองคนเลยเหมือนทรมานกันและกัน ไม่มีใครปล่อยมือสักที

***ถ้าเป็นคนเซนซิทีฟเรื่องนี้ คิดว่าทราบแค่นี้พอแล้วสำหรับอ่านงวดต่อ ๆ ไปได้รู้เรื่องค่ะ กดปิดงวดนี้ได้เลย***

แต่ถ้าต้องการสรุปแบบมีที่มาที่ไปอีกนิด เลื่อนอ่านต่อข้างล่างค่ะ

v
v
v
v
v

- แม่ธัญญ์แต่งเข้าบ้านคุณธเนศ ตอนธัญญ์อายุราว 6 ปี ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยตั้งแต่ตอนนั้นพร้อมก้บคุณแม่ เข้ากันได้ดีกับคุณพ่อเลี้ยง สนิทสนมกันมาก
- ธัญญ์ตอนเด็กค่อนข้างหัวอ่อน เวลาชอบหรือไม่ชอบอะไร มักเออออไปตามธเนศบอกว่าน่าจะชอบหรือไม่ชอบ โดนเป่าหูอย่างนั้นมาตั้งแต่ตัวเล็กตัวน้อย
- แม่ธัญญ์เสียชีวิตตอนธัญญ์อายุราว 13 ปี ในฤดูฝน
- ตอนนั้นธัญญ์เสียศูนย์ไปบ้าง แต่มีรุ่นพี่(ชื่อพี่อาม)ที่เริ่มสนิทกันที่โรงเรียนคอยช่วยปลอบ สนิทกันมากขึ้น ราวหนึ่งปีผ่านไปก็รู้ตัวแล้วว่าตัวเองคงจะชอบผู้ชาย ไม่ได้สนใจผู้หญิง
- ก็บอกคุณธเนศตอนคุยกัน เพราะมักถูกเลียบเคียงถามอยู่บ่อย ๆ ว่ามีแฟนหรือยัง คบกับใครอยู่หรือเปล่า
- หลังจากนั้น พอคุณธเนศรู้ว่าธัญญ์ชอบผู้ชาย ก็มีวิธีเข้าหาที่แปลกไปจากเดิม ถึงเนื้อถึงตัว ดูรักใคร่ในเชิงชู้สาว นำไปสู่การข่มขืนหลายครั้ง เกือบทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นฤดูฝนตอนกลางคืน ธัญญ์เลยรู้สึกเกลียดกลางคืนที่ฝนตกฟ้าคะนอง เหมือนที่เคยบอกไปเมื่องวดต้น ๆ
- นอกจากข่มขืน ก็ยังกีดกันเพื่อน ๆ ที่เคยสนิทกับธัญญ์ออกไป (รวมทั้งพี่อามที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย ก็มีอันได้ย้ายโรงเรียน เคยส่งจดหมายหาธัญญ์หลังจากนั้น ก็ไม่เคยมาถึงมือเจ้าตัว เพราะชิงโดนทำลายทิ้งไปก่อน) แล้วยังเป่าหูธัญญ์ซ้ำ ๆ ว่าที่เป็นแบบนี้ เพราะธัญญ์ทำให้เพื่อนเดือดร้อน
- ธัญญ์เลยยิ่งแยกตัวจากสังคม รังเกียจตัวเองอยู่ตลอด
- หมดฤดูฝน ต่อฤดูหนาว พอถึงเดือนธันวาคมปีเดียวกัน ธัญญ์ก็กินยาฆ่าตัวตายในวันเกิดตัวเอง (25 ธ.ค.)
- แต่รอดมาได้ ฟื้นขึ้นมาเห็นธเนศร้องไห้ฟูมฟาย ตอนนั้นเลยรู้ว่าจุดอ่อนของธเนศก็คือตัวเองนั่นละ เลยเรียกร้องให้สัญญาแกมขู่ด้วยการทำร้ายตัวเอง ว่าธเนศจะต้องไม่แตะต้องตัวเขาอีก
- สุดท้ายธเนศก็ต้องตกลง ไม่แตะต้องธัญญ์อีก แต่ก็ไม่ยอมให้คนอื่นแตะต้องเหมือนกัน
- ส่วนธัญญ์เอง รู้ว่าธเนศจะไม่ปล่อยเขาตายแน่ และเขาเองก็ตั้งใจจะทำให้ธเนศไม่มีความสุขไปชั่วชีวิต ต่อให้ตัวเองจะไม่มีความสุขด้วยเหมือนกันจากความเกลียดชังนี้


สรุปได้ประมาณนี้ค่ะ
(ขอโทษที่เตือนช้านะคะ T__T คิดได้ช้าไป เห็นช็อคไปหลายคน เดี๋ยวผ่านพ้นช่วงนี้ไป ค่อยมาเสิร์ฟของหวานกันค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-04-2017 23:24:20 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ขอให้เป็นแค่สเปเชียลที่ไม่เป็นจริงได้ม้ายยยยยยยยย
สงสารธันอ่ะ T^T

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
พอจะเดาๆได้แล้วตั้งแต่แรกว่าน่าจะเป็นอย่างนี้
สำหรับเราๆโอเคค่ะ
ขอแค่จบแฮปปี้ก็

 :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ Kio

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
  :katai1:

ก็ทำใจไว้นิดนึงแล้วล่ะนะ แต่ถ้ามาต่อเร็วๆ จะให้อภัยก็ได้ค่--- #ผิด

ออฟไลน์ Raccoooon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-2
ฮือออ ถึงจะคาดไว้แล้วว่าพ่อธเนศน่าจะเคยมีอะไรกับธัญญ์
แต่ไม่คิดว่ามันจะจริง
ฮืออออออ
ร้องไห้ในภาษาค่ะ ทำไมเขียนได้ดีอย่างงี้
ภาษาสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก สวยจนอยากจะร้องไห้
บรรยายได้เกินคำบรรยาย
ฮืออ ชอบมากกกกก
ขอหวีดให้ภาษาคุณเรนนี่เดย์แรงๆ
อ่านแล้วสะเทือนใจตามค่ะ ยิ่งบรรยายเทียบเคียงกับทากแล้วยิ่งเห็นภาพ ฮืออ สงสารน้องธัญญ์
ในที่สุดก็รู้อดีตของน้องจนได้ แงงงงง
กะแล้วว่าต้องดราม่าหนักมากๆแต่ครั้งนี้มัน...เกินความคาดหมาย ;;-;;
เป็นดราม่าที่น้ำตาไม่ไหล แต่จุกจนพูดอะไรไม่ออก

ได้แต่หวังให้เรื่องนี้จบด้วยดี เป็นกำลังใจนักเขียนนะคะะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด