┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]  (อ่าน 469713 ครั้ง)

ออฟไลน์ xหยกน้อยx

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เดาว่าตอนหย้าย้อนอดีตธเนศคะ

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
 อ๊ากกกกกกกกกกก กรีดร้องงงง ค้างงงงมากกกกก ใครไม่รอดดดดด  ฮือออออออ  :pigha2: :mew4: :mew6: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
หน่วงได้อีก

ออฟไลน์ kanunsak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ถึงแม้ธเนศจะน่าสงสารเอาตอนสุดท้าย  แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีสิทธิ์ช่วงชิงลมหายใจของลุงภูไปได้นะ  คุณต้องรับผิดชอบซิ  ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะคุณ เพราะความรักอันบิดเบี้ยวของคุณ  เพราะความหลงไหล เพราะความยึดติดของคุณ  ของคุณเพียงคนเดียว  นี่ไม่ใช่ความผิดของลุง ถึงแม้ลุงจะพลาดไปเพราะความงี่เง่าของตัวเอง  แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาพรากลุงไป  ได้ยินมั้ย  คุณไม่มีสิทธิ์ๆๆๆๆๆๆๆ     เพราะฉะนั้น... ช่วยเป็นฝ่ายจากไปแต่เพียงผู้เดียวด้วยเถอะค่ะ  ช่วยทำในสิ่งที่ถูกต้องด้วย  ทำหน้าที่พ่อเป็นครั้งสุดท้ายด้วยค่ะ   ขอร้อง.....  ปล่อยให้ลุงได้ทำหน้าที่พ่อ... ที่เขาทำได้ดีเสมอมาต่อไป  ให้โอกาสเขาได้แก้ไขสิ่งที่เขาทำพลาดไปด้วยเถอะ   

ถือว่าขอร้อง...... จากใจ T T

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
อโหสิกรรมให้ธเนศ ขอให้จากไปเพียงคนเดียวเถอะนะ!! :call: โอ้~~ภูเมศต้องมีคนช่วยไว้ทันสิ ไม่งั้นรัญญ์จะอยู่ยังไง โฮรรรร!! ฟื้นขึ้นมาาา ~รอค่ะรออออออ รอไรท์มาต่อ หน่วงเศร้าเจ็บปวดไปกับทุกคน ธเนศถึงรักจริงยอมตายด้วยกันแต่มันก็นะ ตอนช่วงเวลาสุดท้ายแอบสงสารเบาๆอ่ะแง่มๆ //อย่าได้โทษตัวเอง ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป ชอบอ่ะชอบ F5ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-01-2017 01:55:15 โดย blove »

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ไม่นะ ใครไม่รอดดดดด ฮื่ออออ

ออฟไลน์ basanti

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เดาว่าธเนศยอมตาย คนตัดเชือกให้ธัญญ์คือภูเมศ

แล้วภูเมศก็ช่วยธัญญ์ขึ้นไปบนหลังคารถสำเร็จจนกู้ภัยมาช่วย ธัญญ์รอด

แต่ภูเมศหมดแรงจมน้ำ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
โอยลุ้นเหนื่อยมาก ไม่อยากให้ใครตายแม้แต่คนที่ทำไม่ดี

ออฟไลน์ evz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
หลายๆอย่างเรารู้ง่าจะจบยังไง แต่ระหว่างทางก็ยังอึดอัด เจ็บปวด และหน่วงไปกับทุกคำบรรยายอยู่ดีค่ะ
ทั้งตอนที่ธัญญ์ตัดสินใจแล้ว
และตอนที่คิดว่าสุดท้ายแล้วไม่ได้อยากตายเลย สงสารธัญญ์มากทวีคูณเลย
ทำไมคนๆนึงถึงได้เจอเรื่องช้ำใจในชีวิตได้ขนาดนี้ ธัญญ์เข้มแข็งมากจริงๆที่ทนมาได้ขนาดนี้
ดีใจที่ลุงมาช่วยธัญญ์ทัน อยากให้ธัญญ์ได้ฟื้นมาพร้อมกับชีวิตใหม่
ลุงที่ไม่รู้ว่าธัญญ์ต้องทนเจ็บปวดมาขนาดไหน ตอนนี้รู้แล้วก็อยากให้ดูแลธัญญ์ให้ดีที่สุด
ผิดสัญญากับตัวเองไปครั้งหนึ่งแล้ว ก็อย่าให้มีอีกเลย

ส่วนคุณธเนศที่ปมคลายมานิดนึงตรงที่น่าจะมีอดีตกับพ่อธัญญ์นี่ ก็ขอให้ไปเคลียร์กันที่ภพนู้นนะคะ
แต่ถ้าเราเป็นพ่อธัญญ์คงไม่ให้อภัยแน่ๆ


ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
 o22 รู้สึกได้ชัดแล้วถึงความรักกับความยึดที่มันไม่ใช่ ระหว่างธัญญ์กับธเนศมันคือตัวแทนของใครสักคนเท่านั้นเอง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
หน่วงมาก

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก  ├


งวดที่ 27




ชายหนุ่มผู้นั้น หลังจากถูกช่วยขึ้นจากน้ำได้สำเร็จ ครู่เดียวก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นในที่เกิดเหตุ สัญญาณชีพปกติดี ตรวจดูไม่พบบาดแผลหรืออาการบาดเจ็บรุนแรงที่ใดนอกจากรอยฟกช้ำบนใบหน้า ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์บางส่วนช่วยยืนยันว่ามันมีอยู่ตั้งแต่ก่อนเจ้าตัวจะกระโดดลงไปช่วยคนแล้ว

จมน้ำลงไปเพียงไม่นาน คาดว่าอาจหมดแรง หรือไม่ก็เป็นตะคริว แต่เจ้าหน้าที่สามารถพาตัวขึ้นมาได้ทันท่วงที เล่นเอาผู้คนโดยรอบใจหายใจคว่ำ ทั้งยังอดนึกทึ่งไม่ได้ เมื่อได้เห็นความพยายามจะช่วยเหลือชายหนุ่มอีกคนที่ติดอยู่ในรถอย่างไม่คิดชีวิต

“พัลส์(Pulse) เป็นไง”

“ฟูลค่ะ” เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพหญิงคนหนึ่งตอบ “BP 100/70, heart rate 64”

เธอรีบสวมหน้ากากออกซิเจนเข้ากับใบหน้าเขา เรียกให้ฝ่ายนั้นถามตอบอยู่สองสามคำถาม และพูดคำสั่งง่าย ๆ ให้ทำตามเป็นการทดสอบเช่นยกแขนซ้าย

เขาทำตามช้า ๆ ดูสิ้นเรี่ยวแรง แต่เห็นว่าแขนซ้ายยังขยับตามคำบอก ระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่อีกคนเปิดเส้นเลือดดำที่แขนเขาสำเร็จ จัดการต่อเข้ากับสายน้ำเกลือ เตรียมตัวเคลื่อนย้ายผู้ป่วย

ถัดออกไปจากตรงนั้นในเวลาเดียวกัน ผู้ประสบเหตุอีกคนซึ่งไม่ได้สติ ได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจเพื่อเปิดทางเดินหายใจเป็นที่เรียบร้อย กำลังถูกกดนวดหัวใจเป็นจังหวะซ้ำ ๆ สม่ำเสมอ แรงไม่ขาดไม่เกินส่งผ่านไหล่ แขน และมือของเจ้าหน้าที่ผู้ผ่านการอบรมการช่วยชีวิต ไปยังกระดูกหน้าอกของชายผู้นั้น

การช่วยกู้ชีพดำเนินมาเป็นเวลาพอควร แต่ยังไม่มีวี่แววว่าสัญญาณชีพจะกลับมา เครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติซึ่งถูกต่อไว้เรียบร้อยไม่แสดงคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่สามารถให้การกระตุกด้วยไฟฟ้าได้ จึงได้แต่กดนวดหัวใจต่อไป

เธอเหลือบมองจากหางตา เห็นใบหน้าสงบนิ่งและซีดเผือดของคนผู้นั้น แผ่นอกขยับขึ้นลงตามแรงกด เชือกสีแดงผูกอยู่กับข้อมือเขา แวบหนึ่งที่ทั้งหมดถูกส่งผ่านจอประสาทตาเข้าไปยังสมอง ความรู้สึกสงสารจับใจแล่นริ้วขึ้นจนรู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวก สัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าอันไม่รู้ที่มาที่ไป

แวบหนึ่งเท่านั้น ก่อนเธอจะหันมาทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองต่อ นำผู้ป่วยซึ่งยังรู้สติรายนี้ส่งต่อให้ถึงโรงพยาบาล ส่วนคนตรงนั้น ทีมกู้ชีพยังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน

แต่จากประสบการณ์หลายปีที่ผ่าน เธอคิดว่าเขาอาจจะไม่ไหว

หลังขนย้ายร่างคนป่วยขึ้นรถพยาบาล ผู้ชายคนนั้นทำหน้าเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง ทว่าไม่มีเสียงหลุดออกมา

แขนวางแนบข้างลำตัว ใบหน้าอ่อนแรง แต่สัญญาณชีพคงที่ เธอบันทึกตัวเลขชุดหนึ่งลงกระดาษพร้อมกำกับด้วยเวลาชัดเจน

หัวกระดาษแผ่นนั้น มีชื่อ นามสกุลของเขาเขียนอยู่ มันถูกระบุตามข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชนเจ้าตัวซึ่งพบหลังช่วยขึ้นจากน้ำ

‘ภูเมศ นพคุณา เพศชาย อายุ 37 ปี’

เธอเคลื่อนสายตาไปยังเจ้าของชื่อ เอ่ยเบา ๆ เป็นเชิงปลอบ “ไม่เป็นไรแล้ว”

แต่แม้กระทั่งตอนที่บอกอย่างนั้น ก็ยังอดไม่ได้จะมองผ่านกระจกท้ายรถไปยังอีกทีมที่พยายามสุดกำลังในการยื้อชีวิตเหยื่ออีกคนกับมัจจุราช

เมื่อเปลี่ยนมือคนกดนวดหัวใจอีกครั้งหนึ่ง คนที่เพิ่งเปลี่ยนออกมองร่างแน่นิ่งนั้นแล้วโคลงศีรษะไปมา แต่ไม่เห็นสีหน้าว่าเป็นเช่นไร

รถพยาบาลเคลื่อนห่างออกไปด้วยความเร็วสูง พร้อมกับส่งสัญญาณเสียงแหลมและแสงไฟวิบวับเหนือคันรถเพื่อขอทาง

เธอเผลอพึมพำเสียงแผ่ว เข้าใจไม่ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชายผู้นั้น

 “..แต่คนนั้นไม่รอด น่าสงสาร”

เมื่อรู้ตัวว่าเอ่ยอะไรออกไป ได้แต่คิดว่าไม่น่าเลย การกู้ชีพยังไม่สิ้นสุด ต่อให้ความหวังแสนริบหรี่ อย่างไรเสียคิดว่ายังไม่ควรพูดให้ชายหนุ่มที่นอนนิ่งอยู่ในรถตอนนี้ได้ยิน เชื่อว่าการที่คนคนหนึ่งยอมกระโจนลงน้ำไปช่วยใครสักคนโดยไม่ลังเล เอาชีวิตตัวเองไปอยู่บนความเสี่ยง ห่วงแต่จะพาคนที่ติดอยู่ในรถออกมาก่อน คนในนั้นคงจะต้องมีความสำคัญเกินกว่าเธอจะมาพูดจาตัดสินกันได้ง่าย ๆ ว่าเขาจะรอดหรือไม่รอด

ครู่หนึ่งที่คิดว่าอีกฝ่ายอาจไม่ได้ยินคำพูดเธอ ผู้ชายคนนั้นก็เบิกตากว้าง เด้งตัวขึ้นมานั่งคล้ายเพิ่งรวบรวมความคิดได้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน

“ธัญญ์ล่ะ!?”

เขาตะโกนออกมาเสียงดัง กระวนกระวายหันซ้ายขวา เหวี่ยงแขนจนเลือดย้อนขึ้นมาทางสายน้ำเกลือ ให้เจ้าหน้าที่อีกคนต้องรวบแขนไว้แล้วออกแรงกดพอประมาณตรงข้อศอกและเข่าให้คนป่วยอยู่นิ่ง

“ใจเย็นก่อนคุณ”

“เขาอยู่ที่ไหนแล้ว!?” ฝ่ายนั้นยังร้องลั่น ยื้อยุดจะลุกขึ้นมามองออกไปผ่านกระจกรถด้านหลัง เมื่อเห็นว่ารถคันนี้ออกมาไกลจากที่เกิดเหตุแล้ว สีหน้าแตกตื่นเมื่อครู่กลับเปลี่ยนเป็นลืมตาเบิกโพลง ปากอ้าค้างและสั่นระริก จากนั้นปลายจมูกค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ เสียงเครือเหมือนจะขาดใจ

“...พวกคุณช่วยเขาแล้วใช่ไหม...เขาไม่เป็นไรใช่ไหม ให้ผมลงไปหาเขาก่อน”

“คุณสงบสติอารมณ์แล้วนอนลงก่อน” เธอส่งเสียงขึงขัง

“บอกสิว่าเขาไม่เป็นไรใช่ไหม!?”

เจ้าหน้าที่หญิงสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อได้ยินเสียงตะคอก พยายามไม่เสียงดังไปด้วยอีกคน “ไม่รู้คุณหมายถึงใคร แต่ทีมกู้ภัยพาทุกคนขึ้นมาได้แล้ว ตอนนี้กำลังช่วยเหลือเต็มที่”

เสี้ยววินาทีนั้น เธอนึกไปถึงภาพใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดของชายผู้ได้รับการกดนวดหัวใจด้วยความหวังริบหรี่คนนั้น พูดต่อแบ่งรับแบ่งสู้โดยไม่เอ่ยถึงผลลัพธ์ “เจ้าหน้าที่กำลังช่วยชีวิตทุกคนอย่างสุดความสามารถ คุณเองก็ด้วย พวกเรากำลังช่วยคุณอยู่”

“พาผมกลับไปหาเขา! ผมไม่ได้เป็นอะไร!”

“คุณเป็น!” ดื้อด้านจนอดไม่ได้จะเสียงดัง “จมน้ำไปเพราะมัวแต่ห่วงช่วยคนอื่น ดีเท่าไรแล้วที่จมไปแค่แป๊บเดียวก็เอาตัวขึ้นมาได้ ก่อนจะช่วยใครต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน ตื่นแล้วก็มีสติหน่อย!”

คราวนี้เหมือนจะได้ผล คนฟังนั่งหายใจหอบ ดวงหน้าฉายแววหวาดวิตก ท่าทางราวกับกลัวอย่างที่สุดว่าอาจสูญเสียสิ่งสำคัญ—หรือไม่ก็คนสำคัญที่สุดในชีวิตไป

“ทุกคนกำลังช่วยเหลืออย่างเต็มที่” เธอย้ำอีกครั้ง ต่อด้วยเอ่ยชมหวังให้กำลังใจ “คุณทำดีที่สุดแล้ว กล้าหาญมาก จากนี้ให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูแลต่อ”

ครู่ใหญ่ กว่าผู้ชายคนนั้นจะเอ่ยออกมาอีกหน น้ำเสียงและสีหน้าอิดโรย เหมือนคนสิ้นอาลัยตายอยาก ทอดสายตาเหม่อลอยไปทางด้านหลังรถ

“...เขาจะไม่เป็นอะไรใช่รึเปล่า”

คำถามซ้ำซาก แต่ไม่มีใครตอบได้

เธอไม่กล้ารับปาก ไม่ควรยืนยันโดยยังไม่รู้ผล เอามือดันให้เขากลับลงไปนอนที่เดิม แม้หายใจเร็วอยู่บ้าง แต่เป็นไปด้วยจังหวะสม่ำเสมอ ไม่ส่งเสียงอะไรอีก

นอกจากเนื้อตัวและผมเผ้าเปียกปอนแล้ว ครู่หนึ่ง ก็เห็นว่ามีหยดน้ำไหลออกมาเงียบ ๆ จากดวงตาทั้งสองข้าง

เป็นเช่นนั้นไปตลอดทางจนถึงโรงพยาบาล













หากไม่นับแพทย์และพยาบาลแล้ว ผู้ที่มาเยี่ยมเขาเป็นคนแรก คือชายหนุ่มผิวเข้มผู้มีสีหน้าเศร้าหมองจนไม่เหลือเค้าเจ้านายหนุ่มไฟแรงคนเดิมที่บริษัท

เสื้อผ้าและเนื้อตัวฝ่ายนั้นแห้งสะอาดแล้ว แต่นัยน์ตาแดงก่ำ รอยฟกช้ำบนใบหน้าบวมยิ่งกว่าเก่าเมื่อผ่านมาระยะหนึ่งหลังการแลกหมัดกับเขาก่อนหน้านี้ มีก๊อซแผ่นใหญ่แปะอยู่ตรงคาง ทั้งหมดยืนยันชัดเจนว่าพวกเขาเพิ่งผ่านเหตุการณ์ทั้งหมดมาด้วยกัน

ภาคีมาคนเดียว

มองข้างหลังด้วยความคาดหวังอย่างไร ก็เห็นแต่เจ้านายที่มายืนข้างเตียงเพียงคนเดียวเท่านั้น

หัวใจเขาดิ่งวูบ

“หมอบอกคุณไม่เป็นอะไรมาก” ฝ่ายนั้นเอ่ยขึ้นก่อน เสียงแหบพร่า

“..ธัญญ์...ล่ะ” เขากลั้นใจถาม ฟังแทบไม่เป็นคำ แต่อีกฝ่ายซึ่งน่าจะอ่านปากได้กลับมองเขาเงียบ ๆ อยู่ข้างเตียง จนต้องเค้นเสียงถามซ้ำ “ธัญญ์? อยู่ไหน?”

ภาคีทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ว่างข้างเตียงผู้ป่วย สีหน้าเหนื่อยล้า มองผ่านเลยเขาออกไปนอกหน้าต่างกระจก นัยน์ตาหม่นหมองสะท้อนแสงไฟจากตึกสูงใหญ่ที่ส่องสว่างกลางฟ้ามืด

“...ถ้าเลือกได้” ฝ่ายนั้นพึมพำแผ่วเบา ท่าทางราวไม่ได้พูดกับคู่สนทนาบนเตียงคนป่วย “คุณจะเลือกตายแทนเขาได้หรือเปล่า”

“...เขา...?” ภูเมศขมวดคิ้ว “เขาไหน? คุณหมายถึงใคร”

สายตาคู่นั้นเบนกลับมา

“คุณธัญญ์”

ชายหนุ่มแทบกระโจนลงจากเตียงไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่าย “เขาเป็นอะไร!?”

“คุณตอบมาก่อน”

“มันใช่เวลามาถามเรื่องแบบนั้นรึไง!”

“หรือว่าทำไม่ได้?”

ภูเมศชะงัก ในหัวมีแต่คำถาม เกิดอะไรขึ้นกับธัญญ์ ตอนนี้ฝ่ายนั้นอยู่ที่ไหนแล้ว ทำไมภาคีจึงเอาแต่พูดอ้อมค้อมยากคาดเดาเจตนา

“คุณเองก็มีลูกชายตัวเล็ก ๆ ต้องดูแล” คนข้างเตียงยังว่าต่อ “ถึงจะอยากแลกชีวิตตัวเองกับใครก็ตามถ้าทำได้จริง ก็ไม่ใช่สักแต่พูดแล้วจะทำได้ง่าย ๆ ต่อให้คุณจะยอมตายเพื่อเขาได้ แต่คุณยอมทิ้งลูกชายได้หรือ?”

ชายหนุ่มโคลงศีรษะ “ผมไม่เข้าใจสิ่งที่คุณจะสื่อ”

ภาคีสูดลมหายใจเข้าลึก ขอบตาแดงเรื่อ ทำราวกับไม่ได้ยินคำถามเขา

“คุณธเนศ—คุณพ่อ...เขาตายแล้ว...” พูดถึงตรงนี้ก็ต้องหยุดพักไปอีกครู่หนึ่ง เว้นช่วงให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ ขณะที่คนฟังเบิกตากว้าง หายใจติดขัด “หัวใจหยุดเต้นในที่เกิดเหตุ ปั๊มหัวใจอยู่นานมาก แต่เขาจากไปแล้ว ไม่ทันแล้ว..”

แม้ไม่รู้จักมักคุ้นเป็นการส่วนตัว และหากว่ากันตามจริงแล้ว ก็อาจถือเป็นศัตรูมากกว่า ทว่ามาได้ยินเข้ากับหูก็ยังอดหดหู่ไม่ได้

“...ผมเสียใจด้วย”

ภาคีพยักหน้าน้อย ๆ คล้ายผ่านระยะทำใจมาแล้วส่วนหนึ่ง แต่ยังคงความเศร้าหมองเจืออยู่ในทุกการแสดงออก

เขาเองคิดว่าภาคีที่กระโดดตามลงมาในภายหลัง ก็คงทันเห็นภาพใต้น้ำนั่นเหมือนกัน

ตอนเขาดำลงไปพยายามช่วยธัญญ์ออกมาจากรถ กลับพบว่าข้อมือของสองคนที่จมอยู่ผูกกันไว้ด้วยเชือกสีแดงเส้นใหญ่จนไม่อาจดึงแยกออกมาเพียงคนใดคนหนึ่งได้

เขาออกแรงเปิดประตูรถซึ่งจมลงและมีน้ำท่วมเต็มคันได้ในที่สุด ธัญญ์ตอนนั้นดูเหมือนจวนเจียนจะหมดสติ แต่ธเนศกลับควานเปะปะไปยังช่องเก็บของ คว้าได้มีดพกไว้ในมือ

ฝ่ายนั้นเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง—หากทัศนวิสัยใต้น้ำไม่ได้เล่นตลก แล้วยังคล้ายจะพยักหน้าน้อย ๆ ให้เขา จากนั้นพยายามตัดเส้นเชือกที่ผูกไว้ระหว่างข้อมือของทั้งสองคน แต่คล้ายว่าลมหายใจที่กลั้นไว้จะถึงขีดจำกัด ทำได้แค่เฉือนจนมันขาดออกราวครึ่งหนึ่งของเส้นผ่าศูนย์กลาง ร่างก็กระตุกไหว มีดพกหลุดร่วงจากมือ

ภูเมศรีบเข้าไปคว้าไว้ได้ตอนนั้น ใช้มันตัดส่วนที่เหลือของเชือกจนขาดออกจากกัน เสร็จแล้วรีบดึงธัญญ์ขึ้นพ้นจากน้ำ
   
“ตอนลงไป ผมเห็นเชือกนั่น...ผูกเชื่อมข้อมือพวกเขา” ภาคีเอ่ย สุ้มเสียงไม่มั่นคงนัก ดึงเขาจากภวังค์ แต่ยืนยันความคิดเขาว่าภาคีเองก็เห็นเช่นกัน “ไม่รู้ใครผูก แต่คุณธเนศเป็นคนเริ่มตัดมัน เรื่องรถที่พุ่งชนราวกั้นตกน้ำก็คงไม่ใช่อุบัติเหตุ บางทีอาจเป็นความคิดคุณธัญญ์ที่—”

กล่าวได้ถึงตรงนี้ ก็ต้องหยุดพักอีกครั้ง นานกว่าเก่า

“...คนเก่าคนแก่ในบ้านพยายามปิด แต่คนสวนคนหนึ่งเพิ่งเคยหลุดปากกับผมเมื่อไม่นานมานี้ ว่าสมัยเด็ก คุณธัญญ์เคยพยายามฆ่าตัวตาย..”

ภูเมศกลั้นหายใจ กะพริบตาสองสามครั้งไล่ความร้อนผ่าวในนั้น

“ถ้าเคยทำแล้วครั้งหนึ่ง ก็มีแนวโน้มจะมีครั้งถัด ๆ ไป หากวันหนึ่งเขาต้องการความช่วยเหลือขึ้นมา ถ้าวันหนึ่งเกิดอะไรขึ้นกับเขา หรือเขาทำอะไรแบบนี้อีก คุณจะช่วยเขารึเปล่า จะยอมทิ้งทุกอย่างของตัวเองเพื่อเขาได้หรือเปล่า..ผมแค่อยากรู้ เพราะที่ผ่านมาผมทำไม่ได้..ทั้งที่เขาเองก็เป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่ง แล้วยังมีบุญคุณมาตลอด แต่คนอย่างผม—”

ภาคียกมือขึ้นปิดหน้า เม้มปากไว้แน่นก่อนจะมีสุ้มเสียงน่าขายหน้าหลุดรอดออกมา

ภูเมศมองเจ้านายตัวเองเงียบ ๆ

ส่วนหนึ่งยังค้างคา แต่ฟังจากคำบอกแล้ว อย่างน้อยก็คิดว่าธัญญ์ยังมีชีวิตอยู่

“เขาเป็นอย่างไรบ้าง”

ไม่จำเป็นต้องถามกลับว่าหมายถึงใคร

“....ฟื้นแล้ว..” อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเครือ แต่เมื่อมีคำพูดออกมา ก็เป็นการยากจะกลั้นเสียงสะอื้นไว้ “..ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ...แต่หมอบอกว่าระดับความรู้สึกตัวดีมาก หายใจเองไหว พรุ่งนี้เช้าก็คงถอดเครื่องออกได้”

ภูเมศพยักหน้าช้า ๆ หยดน้ำร่วงผล็อยลงจากตาอย่างไม่อาจห้าม

เหมือนยกภูเขาหนักอึ้งออกจากอก ไม่เคยสัมผัสได้ถึงถ้อยคำนั้นอย่างจริงจังเลยกระทั่งวินาทีนี้
 
“...ทั้งที่มีชีวิตอยู่ ทั้งที่รอดมาได้ แต่พอรู้สึกตัวขึ้นจริง ๆ เขาก็เอาแต่ร้องไห้อยู่เงียบ ๆ บนเตียง มีสายอะไรต่อมิอะไรระโยงระยาง ในปากมีท่อช่วยหายใจ ในจมูกมีสายให้อาหาร ผมได้แต่คิดว่าทำไมคนที่ดูเหมือนจะเกิดมาโชคดีกว่าใครอย่างคุณธัญญ์ถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ทำไมเขาไม่ได้โตเป็นผู้ใหญ่ที่เพียบพร้อม ทำไมเขาต้องเจอกับเรื่องบ้า ๆ จนต้องหาทางจบชีวิตตัวเองซ้ำ ๆ ..ทำไมผมไม่กล้าช่วยเขา ทำไมผมทำอะไรไม่ได้ ทำไมไม่มีใครทำอะไรเรื่องนี้ได้—”

“ผมทำได้” เขาขัดจังหวะ แม้สุ้มเสียงแปร่งแปลกหูไปบ้าง แต่เป็นเสียงเขาเองแน่นอน ออกจากปากตัวเอง ชัดถ้อยชัดคำ

“จากนี้ผมจะดูแลเขาเอง”

หลังเหตุการณ์มากมายที่ผ่าน ความคลางแคลงคล้ายละลายหายไปช้า ๆ

ภูเมศสูดลมหายใจเข้าลึก

“ลูกชายผมไม่ใช่ตัวเลือกว่าถ้าจะช่วยธัญญ์แล้วต้องทอดทิ้งลูก ทั้งสองคนเป็นคนที่ผมรักและจะไม่มีวันปล่อยมือเด็ดขาด...ไม่อีกแล้ว ที่ผ่านมาผมพลาดเกินพอแล้ว และที่สำคัญ เจ้าภูมิก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ถ้ารู้ว่าพี่เลี้ยงสุดรักเขาเป็นอะไร จะต้องหาทางช่วยสุดความสามารถเหมือนกัน"

ภาคีเบิกตากว้างในตอนแรก เมื่อเขาเอาแต่พูดไม่หยุด แต่สุดท้ายก็นิ่งฟังเงียบ ๆ ไม่ขัดจังหวะ

“ดังนั้นผมไม่จำเป็นต้องเลือกว่าจะทิ้งหรือไม่ทิ้งใคร แต่เราจะไม่ทอดทิ้งกัน...ก็เท่านั้น”

เขายกปลายนิ้วขึ้นถูจมูก “คุณไม่รู้หรอก ไอ้ตัวแสบของผมปลื้มพี่ธัญญ์สุดที่รักขนาดไหน อย่างแย่ที่สุด เกิดวันหนึ่งผมเป็นอะไรไปจริง ๆ ลูกชายผมก็ดูแลเขาได้แน่”

“..เห็นอยู่หรอก” ภาคีพึมพำ พ่นลมออกจมูกคล้ายจะสบประมาท “จำได้ตอนเขาออกจากบ้านคุณก่อนหน้านี้ ทำงานที่ร้านอาหาร ไอ้หนูนั่นโดดเรียนไปหาคุณธัญญ์ก่อนคุณจะไปตามเขากลับอีก”

“หา!?” เขาเลิกคิ้ว เรื่องนั้นไม่เคยได้ยินมาก่อน

ผู้เป็นนายถอนหายใจเฮือกอีกหน ไม่ขยายความต่อ ทิ้งให้คนฟังสงสัย ได้แต่ทดไว้ในใจว่าเรื่องนั้นไว้ค่อยไปถามเจ้าลูกชาย แต่ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่าที่อยากรู้ กระวนกระวายอยู่นานแล้วยังไม่ได้คำตอบสักที

“ธัญญ์อยู่ที่ไหน ผมอยากไปหาเขา”

“เขาก็อยู่โรงพยาบาลนี้เหมือนกัน”

“ละเอียดกว่านี้ได้ไหม ผมทนความอ้อมค้อมไม่ไหวแล้ว ขอร้อง”

ชายหนุ่มมองเขาด้วยสายตาเหมือนมีส่วนผสมระหว่างความรำคาญกับไม่วางใจให้เจอ แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจครั้งที่สาม อ้าปากบอกจนได้

“ไอซียู”

ภูเมศลุกพรวดขึ้นจากเตียง “ผมจะไปเจอเขา”

“ไปเดินเตร่ทั้งที่ตัวเองก็อยู่ในชุดคนไข้โรงพยาบาล!? ได้โดนโยนออกมาตั้งแต่ยังไม่ทันได้เยี่ยมน่ะสิ!”

“งั้นผมออกจากโรงพยาบาลตอนนี้เลย” เขาสรุปรวบรัด “คุณเป็นเจ้านาย ช่วยจัดการเรื่องนั้นให้หน่อยได้รึเปล่า”

“พูดเองว่าผมเป็นเจ้านาย แล้วยังจะกล้าใช้งานเรอะ!?”

“รอไม่ได้อีกแล้ว” ภูเมศว่า ถลาไปที่ประตู “คุณบอกเขาเอาแต่ร้องไห้นี่ ตอนนี้ก็อาจกำลังร้องไห้อยู่ ต้องไปหาเดี๋ยวนี้ บ้านพวกคุณรวยไม่ใช่หรือ? ใช้อำนาจเงินนิดหน่อย จัดการให้น้อยเขยเข้าเยี่ยมไม่ได้หรือไง”

ภาคีถึงกับอึ้งไป พูดไม่ออกกับถ้อยคำนั้น ถูกลูกน้องที่อายุมากกว่าเรียกตัวเองว่า ‘น้องเขย’ อย่างหน้าด้าน ๆ

“พรุ่งนี้ไอ้ลูกชายจะกลับจากเข้าค่ายแล้ว ขืนไม่เจอพี่ธัญญ์สุดที่รักคงได้โวยวายบ้านแตกแน่ เขารักของเขาขนาดนั้นนั่นละ”

ก่อนพุ่งตัวออกไปจากห้อง รองเท้าก็ไม่ใส่ แล้วยังไม่วายทิ้งท้าย

“และผมก็รักของผมมาก ๆ เหมือนกัน”






มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ

v
v
v
v
v


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2017 20:54:34 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
งวดที่ 27 (ต่อ)





วิ่งหาให้วุ่นวาย เจ้าหน้าที่ที่เห็นเขาอยู่ในชุดผู้ป่วยพรวดพราดเข้าหาโดยไม่ได้สวมรองเท้า รีบร้อนถามทางไปหอผู้ป่วยวิกฤติอายุรกรรม ได้แต่ทำหน้างง ยังไม่ทันได้ไถ่ถามเหตุผล เขาก็วิ่งทั่ก ๆ พ้นจากสายตาสงสัยใคร่รู้มาไกลแล้ว

กระทั่งเห็นป้ายบอกที่หมาย มีลูกศรชี้ไปทางซ้ายตรงสุดทางเดิน หัวใจเต้นรัวอยู่ในอกเหมือนกลอง

ยิ่งวิ่งเข้าไปใกล้ ใจเขายิ่งเต้นไม่เป็นส่ำ จากกันเพียงไม่เท่าไร แต่ก้อนเนื้อที่อยู่ในอกนี้เหมือนจะทนไม่ไหวจนอยากแหวกออกมาเต้นอยู่ข้างนอก เมื่อมาหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้า ก็พบว่ามือตัวเองกำลังสั่นระริกอย่างไม่อาจควบคุม

เหลือบมองเวลาที่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมซึ่งแปะไว้บนประตูกระจก พบว่าแม้จะเฉียดฉิว แต่โชคดีที่ยังไม่หมดเวลารอบสุดท้ายของวัน

เขาแจ้งความประสงค์ขอเข้าเยี่ยม อธิบายรวบรัดว่าเหตุใดตัวเองจึงอยู่ในชุดสำหรับคนป่วยของโรงพยาบาล ไม่กี่วินาทีระหว่างรอคำอนุญาตนั้น ในใจร้อนรนจนแทบคลั่ง เหมือนว่าเวลาได้ผ่านไปนานแสนนาน

แม้คนฟังจะทำหน้างุนงงกับสถานการณ์ที่เขาพยายามอธิบายอยู่เล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ผงกศีรษะให้ในที่สุด

เขาก้าวขาผ่านประตูเข้าไป ภายในหอผู้ป่วยซอยย่อยเป็นห้องเล็ก ๆ แบ่งสัดส่วนชัดเจนสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน เสียงปี๊บ ๆ ๆ ของเครื่องมือที่ไม่รู้จักดังต่อเนื่องเป็นจังหวะ จอมอนิเตอร์หลายจอมีเส้นกราฟและตัวเลขเปลี่ยนแปลงไปมา

ระหว่างยืนมองไปรอบ ๆ โดยไม่รู้เหนือใต้ พยาบาลก็ชี้ไปที่เตียงหนึ่งในจำนวนเหล่านั้น แนะนำให้ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจลก่อนเข้าพบผู้ป่วย พร้อมทั้งแจ้งเวลาเยี่ยมว่าไม่ให้เกินสิบนาที เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการทำงานของแพทย์และพยาบาล และไม่รบกวนผู้ป่วยเองจนเกินไปนัก

เขาพยักหน้าอย่างว่าง่าย เดินเข้าไปหา หักห้ามใจตัวเองไม่ให้วิ่งถลาไปตามทิศทางนั้น






แวบแรกที่เห็นใบหน้านิ่งสงบของธัญญ์ รู้สึกเหมือนเข่าจะหมดแรงจนยืนไม่อยู่

“..ธัญญ์”

เขากระซิบ ขอบตารื้นน้ำอย่างงี่เง่าอีกครั้ง

เปลือกตาปิดสนิท แพขนตาทาบบนผิว มีสายยางเล็ก ๆ สอดเข้าไปในจมูก ส่วนในปากมีท่อช่วยหายใจ ที่แขนมีสายน้ำเกลือ บนอกมีสายอะไรต่อมิอะไรแปะอยู่ แผ่นอกขยับขึ้นลงสม่ำเสมอ

ใบหน้าที่เคยเห็นว่าซีดเซียว บัดนี้มีสีเลือดแล้ว ให้คนมองค่อยใจชื้นขึ้นมาบ้าง

เขากุมมืออีกฝ่ายไว้ด้วยสองมือตัวเอง

อุ่น..

ธัญญ์คนเดิม...ธัญญ์ที่ยังมีลมหายใจ

อยากเจอ อยากเห็นหน้า อยากให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นอะไรแล้ว อยากขอโทษ อยากกอดปลอบ กระซิบข้างหูว่าอย่าร้องไห้ มารับแล้ว ไว้หายดีแล้วกลับบ้านเรากันเถอะ มีเรื่องเป็นร้อยเป็นพันที่อยากพูดอยู่ในหัว แต่เห็นหน้าเข้าจริง ๆ แล้วกลับพูดไม่ออกเลยสักคำ ยืนมองร่างคนรักอยู่เนิ่นนานจนน่าห่วงว่าจะหมดเวลาเยี่ยมโดยยังไม่ได้ทำอะไรนอกจากมอง

ทั้งที่ไม่อยากปลุกให้ตื่น แต่ก็อยากให้รู้ว่าเขามาหาแล้ว มาขอโทษ มาให้สัญญาว่าต่อจากนี้จะดูแลให้ดีที่สุด ขอแค่ธัญญ์ไม่เป็นอะไร จะโกรธก็ได้ ไว้หายแล้วจะทุบตีเขาให้หนัก ต่อยให้หน้าพังยับ จะอย่างไรก็ได้ แต่ไม่อยากให้คนคนนี้ต้องเจอเรื่องไม่ดีอีกแล้ว

“..ไม่เป็นไรนะ...ไม่เป็นไรแล้ว..”

หลังจบถ้อยคำนั้น เปลือกตาอีกฝ่ายขยับไหว อึดใจหนึ่ง คนบนเตียงก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ สายตาเคลื่อนมองตามตำแหน่งที่มือของตัวเองถูกเกาะกุม ก่อนจะค่อย ๆ ไล่ขึ้นไปยังใบหน้าของผู้มาเยือน

คิ้วขมวดมุ่น ตากะพริบปริบ ๆ อยู่หลายครั้ง กระทั่งแน่ใจแล้วว่าเป็นใครที่มาปรากฏตัวข้างเตียงในยามวิกาล สีดำสนิทในดวงตาคู่เดิมก็วาววับไปด้วยหยดน้ำที่เคลือบอยู่ ตัวเลขวัดอัตราการเต้นของหัวใจบนจอด้านข้างไต่สูงขึ้นกว่าเก่า ขณะเจ้าตัวพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่เพราะติดทั้งเครื่องมือและสายระโยงระยางจึงทำไม่ได้

“ชู่ววว..”

ภูเมศส่งเสียงแผ่ว ทว่าใจเต้นโครมครามไม่แพ้กัน วางมือสั่นเทาลงบนไหล่ธัญญ์ กดเบา ๆ ให้นอนอยู่เฉย ๆ บนเตียง ก้มลงปลอบเสียงอ่อนโยนข้างหู

“ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่นี่แล้ว” ว่าพลางลูบผมธัญญ์ช้า ๆ

ทั้งอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะห้ามน้ำตาตัวเองได้อย่างไรเหมือนกัน สุดท้ายจึงปล่อยให้มันไหลนองใบหน้าที่ยังมีรอยช้ำบวมจนดูไม่ได้ หลุดเสียงสะอื้นออกมาเฮือกหนึ่งอย่างสุดกลั้น พร้อมกับความกลัวจนถึงที่สุดของเขาว่าจะต้องเสียธัญญ์ไปได้รับการปลดปล่อย

“ฉันขอโทษ ขอโทษจริง ๆ กลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้พูดคำนี้กับเธอ ไว้รีบแข็งแรงรีบหายแล้วกลับบ้านเรานะ จะไม่ปล่อยเธอไปไหนไกลตัวอีกแล้ว”

สายตาคู่นั้นจับจ้องเขานิ่ง กำมือตอบแน่นคล้ายต้องการหาที่ยึดเหนี่ยว สะอื้นตัวโยนโดยไม่มีเสียง แม้แต่จะพูดก็ยังทำไม่ได้เพราะมีท่อช่วยหายใจใส่ค้างอยู่ในปาก เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ ยิ่งเอื้อมไปเช็ดให้ก็ยิ่งไหลลงมาเต็มมือเขา

อยากกอดให้แน่น ๆ แต่ไม่สามารถทำได้ตอนนี้ ได้แต่กุมมือธัญญ์ไว้ ยกขึ้นแนบบนแก้มตัวเองอย่างแสนรัก อีกมือเกลี่ยปอยผมที่ตกระใบหน้าให้พ้นหน้าผาก เหน็บไว้ข้างหูแผ่วเบา

“อีกไม่นานก็ถอดท่อ ถอดเครื่องช่วยหายใจออกได้แล้ว จะรอจนกว่าตอนนั้น จะมาฟังเธอดุด่าอะไรก็ได้ จะกวนประสาทเหมือนเดิมก็ได้ หรือถ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร แต่ต้องหายรู้ไหม ต้องกลับมาแข็งแรงแล้วกลับบ้านด้วยกันนะ แล้วเอาไว้เราไปทะเลด้วยกันสามคนกับเจ้าภูมิ ชอบกินปูนึ่งใช่ไหม สัญญาจะพาไปแน่ ๆ”

เขาพล่ามไปเรื่อย บรรจงซับน้ำตาฝ่ายนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้หน่ายจนเริ่มสงบ พูดอะไรไปธัญญ์ก็พยักหน้าซ้ำ ๆ

“อยากให้เธอรักตัวเองมากขึ้นอีก แต่ถ้าตอนนี้รู้สึกว่ามันยังไม่ไหวก็ไม่เป็นไร ฉันจะรักเธอมาก ๆ ทดแทนส่วนนั้นให้เอง ดังนั้นช่วยอยู่ข้าง ๆ ฉันไปตลอดเถอะนะ ฉันเองก็อยู่ไม่ได้เหมือนกันถ้าไม่มีเธออยู่ด้วย..แค่วันเดียวก็แทบทนไม่ไหวแล้ว”

ที่สู้อุตส่าห์ปลอบจนนิ่งได้ในที่สุด ตอนนี้เหมือนประโยคแสนธรรมดาซึ่งเอ่ยอย่างตรงไปตรงมานั้น กำลังทำเจ้าเด็กที่ขี้แยผิดปกติของเขาร้องไห้อีกแล้ว เลยต้องทำเป็นพูดตลกกลบเกลื่อน

“ถ้าครั้งหน้าฉันกล้าพูดอะไรอย่างจะให้เธอไปไหนอีก ช่วยต่อยหน้าแรง ๆ แถมด้วยกระทืบซ้ำให้ม้ามแตกตายไปเลย โอเคไหม—ถึงตั้งใจไว้แล้วว่ายังไงจะไม่มีวันทำแบบนั้นอีกแล้วก็เถอะ”

แต่นั่นดูไม่ช่วยเท่าไร นอกจากคนฟังไม่ขำแล้ว ยังทำหน้าเหยเกอยู่นิดหน่อยอีกต่างหาก ปลอบไปปลอบมาก็ได้รับสายตาอย่างกับจะเว้าวอนกึ่งคาดโทษกลับมาเสียนี่

จนเมื่อพยาบาลเดินเข้ามาแจ้งว่ากำลังจะหมดเวลาเยี่ยม ให้คนป่วยได้พักผ่อน ตัวคนป่วยเองกลับยังดูอาลัยอาวรณ์จนแทบปล่อยมือไม่ลง ปลายนิ้วละออกมาแล้ว ฝ่ายนั้นยังเอื้อมมาคว้าชายเสื้อเขาไว้เหมือนเด็กกลัวจะถูกทิ้ง

เขาบีบมือธัญญ์เบา ๆ ให้สัญญาหนักแน่น

“หมดเวลาเยี่ยมแล้ว แต่พรุ่งนี้จะมาอีกแน่ ๆ จะมาหาจนกว่าเธอจะหาย แล้วรับกลับบ้านเราด้วยกัน”

มือข้างนั้นคลายจากที่กำชายเสื้อเขาเล็กน้อย แต่ดูเหมือนยังลังเลจนไม่สามารถปล่อยได้โดยง่าย

“สัญญา” เขาเปลี่ยนเป็นเอานิ้วก้อยตัวเองไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยอีกฝ่ายแทน สบตานิ่งงัน “รู้ว่าที่ผ่านมาฉันทำตัวไม่น่าเชื่อถือเลย แต่นับจากนี้ ช่วยเชื่ออีกสักครั้งเถอะนะ..”

โอกาสที่เหมือนเป็นปาฏิหาริย์ครั้งนี้ จะไม่ทำให้สูญเปล่าแน่นอน

“จะไม่ทำให้เธอเสียใจอีกแล้ว”

ธัญญ์มองเขานิ่งครู่หนึ่ง

จากนั้นงอนิ้วก้อยตัวเอง เกี่ยวไว้กับนิ้วก้อยเขาจนแน่น โยกไปมาเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ผละออกไป

ทั้งที่สภาพดูไม่จืด สายระโยงระยางห้อยไปมาต่อกับร่างกาย แต่ก็ยังคิดว่าน่ารัก..น่ารักที่สุด เอาไว้หายแล้วกลับไปอยู่ด้วยกัน หากโดนงอแงใส่อย่างนี้อีก คงดีเกินไปจนทำเอาหัวจิตหัวใจที่เริ่มจะเป็นลุงเข้าไปทุกทีรับไม่ค่อยไหวอยู่เหมือนกัน

“เด็กดี” เขาคลี่ยิ้ม “หลับซะ คืนนี้พักผ่อนมาก ๆ”

แม้พยักหน้า ทว่าคนคนนั้นยังจ้องเขาตาแป๋ว จนแม้แต่จะขยับก้าวขาออกจากข้างเตียงสักก้าวยังกลายเป็นเรื่องลำบากใจยิ่งยวด คิดไปกระทั่งหากไม่ใช่ว่าเพราะเจอเรื่องโหดร้ายแต่เด็กจนต้องซุกซ่อนตัวเองไว้ในเกราะแข็งที่ดูเย็นชา ธัญญ์คงจะขี้อ้อนน่าดู

บางที หลังจากนี้อาจขี้อ้อนขึ้นอีกนิดก็ได้ จะงอแงใส่บ้างก็ไม่เป็นไร

ภูเมศยิ้มกว้างอีกหน อยากเห็นตอนนั้น แต่ก่อนอื่นคงต้องรอให้หายไว ๆ เป็นอันดับแรก

“จะเฝ้าอยู่แถว ๆ หน้าไอซียูนี่ละ” เขาย้ำ “ไม่ไปไหน พรุ่งนี้จะเป็นคนแรกที่มาเยี่ยมรอบเช้าแน่นอน เปิดให้เข้าเยี่ยมปุ๊บจะรีบมาหาทันที”

การสบตานิ่งงันอย่างวัดใจดำเนินไปอีกครู่หนึ่ง จนคุณพยาบาลเริ่มส่งเสียงกระแอมเตือน

สุดท้าย ธัญญ์ก็พยักหน้าน้อย ๆ อีกหน ยอมปล่อยมือ วางไว้เรียบร้อยข้างตัว ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ หลับตาลงช้า ๆ เหมือนรู้ว่าหากยังจ้องเป๋งอยู่อย่างนี้ เขาคงไม่กล้าออกไปไหน

ฝั่งภูเมศเองก็เดินออกจากหอผู้ป่วยวิกฤติอย่างอาลัยอาวรณ์เสียเหลือเกินเช่นกัน ไม่วายสังเกตว่าคุณพยาบาลที่ยืนกระแอมอยู่เมื่อครู่หลังเห็นปฏิกิริยาของพวกเขา ตอนนี้ดูแก้มแดง ๆ อย่างไรพิกล อาจระแคะระคายอยู่บ้างว่าไม่ใช่แค่มิตรสหายหรือญาติพี่น้องธรรมดา

แต่ก็ช่างเถอะ..

ชายหนุ่มไหวไหล่ รู้ว่าเป็นอะไรกันก็ดี เผื่อเห็นธัญญ์เป็นคนหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาแล้วเกิดอยากจีบขึ้นมา จะได้รู้ว่ามีเจ้าของแล้ว

เขาเดินไปหาเก้าอี้ริมทางเดินบริเวณหน้าหอผู้ป่วย หย่อนตัวลงนั่ง รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของผิวเนื้ออีกฝ่ายที่ยังตกค้างอยู่บนฝ่ามือ

ความอบอุ่นที่มองไม่เห็น แต่รู้ว่าอยู่ตรงนั้น

ภูเมศกำมันไว้ ยกขึ้นแนบกลางอก...ใกล้กับตำแหน่งหัวใจ

ริมฝีปากคลี่ยิ้มบาง แม้สีหน้าอิดโรย แต่แววตาหนักแน่น ผินหน้าไปทางหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ทอดมองไปยังท้องฟ้ายามราตรีในความเงียบงัน

เฝ้ารอแสงตะวันเมื่ออรุณรุ่งมาเยือนอย่างใจจดใจจ่อ





To be continued…




บท(เกือบ)สรุปแบบนี้ เชื่อว่าคนอ่านหลายคนอาจเดาไว้อยู่แล้ว
อาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจ อย่างไรขอน้อมรับคำวิจารณ์ไว้ปรับปรุงตัวในอนาคตค่ะ

//ความจริงอย่างที่เวิ่นเว้อลงทวิตเตอร์ไปบ้าง ว่าตัวเลือกนี้คือพล็อตที่ตั้งใจไว้แต่แรก แต่ใจก็อยากเขียนเล่นแบบซ้อมมือ ถึงอีกสองตัวเลือกที่เป็นไปได้ถ้านับจากตอนจบของเมื่องวดที่แล้วเหมือนกันนะคะ เพราะไม่ได้ระบุไว้ว่าใครถูกช่วยมาตอนท้ายงวดที่ 26 แต่ถ้ามีโอกาสได้ว่างเขียนจริงถึงอะไรแบบนั้น อาจจะเอาลงไว้ที่อื่นแทนค่ะ (อารมณ์เขียนเล่น อยากฝึกเหมือนกันค่ะว่าจะเขียนให้พังได้ขนาดไหน--ถ้ามีเวลาพอ) 

ที่ทำให้อึดอัดตอนอ่าน หวังว่างวดนี้คงจะเริ่มเบาลงบ้างแล้ว(รึเปล่า)นะคะ

ฮู่วววว จากนี้ก็อยากให้ธัญญ์มีความสุขมาก ๆ จัง


พูดเหมือนจบแล้ว ยังน้า 5555 พบกันงวดหน้าค่ะ ^w^
*รวบกอดคนอ่าน*

ช่วงนี้ดอดมาอัปเวลาเด็กดี(?)ตลอดเลย ฮา



Edit
-- ภูเมศ เรียก ภาคี ว่าพี่เขย เรียกผิดรึเปล่าคะ
พี่เขย ใช้เรียกสามีของพี่สาวค่ะ  อันนี้ต้องเรียกพี่เมีย นะ

นับญาติพลาดไป ตามมาแก้เรียบร้อย ขอบคุณมากค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2017 21:06:56 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ดีต่อใจมากจริงๆ น้ำตามา  :hao5:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
ขอให้ธัญญ์มีความสุข

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
รอดแล้ววว ธัญญ์ปลอดภัย ต้องขอบคุณความรักของธเนศนะที่ยอมสละเพื่อธัญญ์
เพราะถึงอยากไปพร้อมกัน แต่ก่อนหมดลม ยังไงเสี้ยวหนึ่ง เราก็อยากรอด

ธัญญ์มีแผลลึก น้องต้องเจอคนเดียว อยู่กับโลกนั้นคนเดียว พอมาเจอคนที่ไขว่คว้าได้ ก็คาดหวัง
ความเจ็บปวดทำลาย และทำร้ายได้ทุกอย่างจริงๆ
ขอบคุณที่ธัญญ์รักภูเมศ อย่างน้อยก็ยังคิดถึงกันก่อนหมดลม

ภูเมศคิดได้สักทีนะ กว่าจะรู้ตัวว่าตัดไม่ขาด ก็เกือบต้องเสียไป

ภาคีอย่างน้อย โอกาสนี้ก็ช่วยธัญญ์ไว้ได้นะ

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
อยากให้ธัญญ์มีความสุข
อย่างน้อยก็แสดงอารมณ์มากขึ้น ยิ้มมากขึ้น
อยู่กับลุงภูอย่างมีความสุขจริงๆเสียที
ไม่ต้องคอยกลัวว่าใครจะมาทำลายบรรยากาศดีๆระหว่างกัน
มีครอบครัวกับคนรักที่สงบและมีความสุขจริงๆ
อย่างน้อยตอนนี้ลุงก็มีความกล้า มีการแสดงออกเต็มที่

อยากอ่านนะคะ ถ้าแต่งจริงๆ ลงที่ไหนบอกด้วยน่าา

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แล้วคนที่ใช่ ก็รอด  :mew1: :mew1: :mew1:
แต่หน่วงหนัก กับความรักของธเนศ
ไรท์ นะเข้าใจตั้งชื่อ คล้ายคลึงกัน ธเนศงี้ ภูเมศงี้
แต่ภูเมศ ไปสบายละ ดีต่อคนมีชีวิต
น่าสงสารธัญญ์  ดูอ่อนแอ เปราะบาง
แต่นั่นแหละไม่ต้องฝืนเข้มแข็งแล้ว
ทำตัวตามวัย อย่างที่ควรเป็น ดีที่สุด
ธเนศ ก็ห่วงหา อาทร อยู่ใกล้ๆและ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jejiiee

  • cannot open this page
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
คอมเม้นยาวๆ ไม่ได้ตอนนี้พิมพ์ในมือถือ แต่ ภาวนาให้ตอนหน้าธัญญ์มีความสุขกว่านี้นะคะ

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ธเนศน่าสงสาร ธัญญ์น่าสงสาร ทุกคนน่าสงสารหมดเลย

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
จบแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น
เพราะเรื่องนี้หน่วงมาตั้งแต่ต้นเรื่อง
แต่ในใจก็ยังหวังให้ธัญมีความสุขที่ใจบ้าง
ไม่อยากรอให้ธัญมีความสุขในชาติหน้า(จะมีเปล่าไม่รู้)
อยากให้ธัญมีความสุขในชาตินี้

ออฟไลน์ MeWeaw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รักคนเขียน :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ therappizdrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สุดท้ายคุณธเนศก็รู้จักธัญญ์กีที่สุด

ธัญญ์ที่เฮือกสุดท้ายคิดถึงภูเมศก่อนหมดสติไป

ธเนศช่วยตัดเชือกให้ ฮือออออออ สงสารรรรรรร

ภูเมศกับน้องไม่ตายหน่วงน้อยลงจริงๆ

แต่ก็ยังหน่วงเรื่องธเนศ แง้  รอตอนหน้าค่า

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ขอให้ธัญญ์มีความสุข

ออฟไลน์ ninghyuk

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ต่อไปนี้ก็ขอให้ร่าเริงสดใสมีความสุขนะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เรื่องร้ายผ่านไปแล้ว

ออฟไลน์ Yundori

  • From where I stand...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
คือมันตรงกับที่คิดไว้เลย
สุดท้ายธเนศก็นะ สงสารแต่ก็นะ สมน้ำหน้าด้วย
ธัญญ์จะได้มีความสุขซักที
สงสารมานานแล้ว
คุณภูเมศ ถ้ารอบนี้สัญญาไม่เป็นสัญญาอีกนะ
จะเตะให้ม้ามแตกจริง ๆ
 :fire: :angry2:

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
อยากรู้ปมของธเนศมาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด