┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก ├ งวดพิเศษ 03 - สัตว์กินเนื้อที่กินผักชีได้ หน้า 64 [6/6/60]  (อ่าน 469032 ครั้ง)

ออฟไลน์ evz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ตอนนี้มันดีกับใจมากๆเลยค่ะ หลังจากกินมาม่ามาหลายถ้วย
เหมือนได้กลับมากินอาหารภัตตาคารอีกครั้ง
นุ้งธัญญ์อาการดีขึ้น สกิลการอ้อนก็ดูเหมือนจะอัพรัวๆ
น้องภูมิ เปิดเผยความลับ เล่าเรื่องตอนคุยกับพี่ธัญญ์ให้พ่อฟัง
ลุงก็ดูเหมือนจะเข้าใจและได้รู้อะไรมากขึ้น
ชอบประโยคที่น้องภูมิบอกพ่อว่า "พี่ธัญญ์รอแต่พ่อคนเดียว" มากๆค่ะ
มันคงไปสะกิดให้ลุงได้รู้แน่ๆว่าน้องธัญญ์รักลุงมากมายขนาดไหน
และก็ชอบประโยคสัญญารักที่ลุงบอกกับนุ้งธัญญ์ด่วยค่ะ
นุ้งธัญญ์คงจะรับรู้ได้แน่ๆ ว่าลุงคนขี้เขิน ถ้ากล้าพูดขนาดนี้แล้วเขาจะทำอย่างงั้นจริง

ขอบคุณคุณเรนสำหรับตอนนี้มากๆนะคะ อ่านจบแล้วร่างกายเหมือนได้รับพลัง พร้อมไปสู้กับสอบไฟนอลแล้วค่ะ 5555

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ธเนศตายไปนี่กระทบมากกว่าที่คิดนะ
ไหนจะคุณเมียเก่าลุงอีกล่ะ?
นางจะรู้ขนาดไหน?
ธัญญ์เองก้มาเป็นคู่ชีวิตใหม่ของลุงด้วย

การที่ธเนศตายไปนี่เป็นความปราณีขึ้นสุดท้ายที่ให้ธัญญ์ได้นะ
อาจจะเห็นธัญญ์ที่เจ็บจนอยากตาย
อีกส่วนหนึ่งไม่รุ้ว่าจะเดิมพันไว้หรือเปล่า
เอาความตายของตัวเองแลกกับความรู้สึกดีๆที่อยากให้ธัญญ์มีให้
เพราะรู้แล้วว่าธัญญ์รักภูเมศว์ขนาดไหน

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
น้องภูมิน่ารักจังเลยลูก เด็กฉลาดเข้าใจสถานการณ์
ร่ำ ๆ จะร้องไปกับธัญญ์ด้วย ความอึดอัดนี้มันสุดจะทน
ขอให้ฟ้าหลังฝนสดใสงดงามตลอดไป

ออฟไลน์ Yundori

  • From where I stand...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
มันแบบบ โอยยยย มันเศร้าปนซึ้งนะ
คือธัญญ์ก็ยังเป็นคนจิตใจดีอ่ะ
การที่ธเนศไป ธัญญ์ก็ไม่ได้ชอบ
แล้วแบบ ตอนเข้าบอกรักกันนี่มันแบบ
ฮืออออ ร้องไห้
อีตาภูเมศ รู้ตัวสักทีนะว่าธัญญ์รักแค่ไหน
อย่าได้ทำผิดอีก ไม่งั้นโดนแน่  :z6:
ธัญญ์เกือบจะตายเอาจริงๆเลยอ่ะ ฮืออออ
จากนี้ไปเรืองน่าจะดีขึ้นแล้ว

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
มันดีงามมากเลย หลุดออกมาแล้วจริงๆๆ ธันจะไม่ร้องไห้แล้วคุณภูมิดูแลน้องดีๆๆๆน่ะ

ได้ใจสุดต้องพร้อมภูมิเท่านั้นเลย น่ารักที่สุดดดด

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
ดีแล้ว ดีแล้ว ให้ธัญได้มีความสุขสักที หลังจากนี้คงเป็นเรื่องของอนาคตละ
คุณภูเมศดูแลธัญดีๆนะ

ออฟไลน์ therappizdrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อาคุณภูขี้แย โหวววววว ดีใจ ถอดหน้ากากความทุกข์ออกไปได้สักที


ยังเสียใจจุดจบคุณธเนศอยู่เหมิอนกัน

อินมากจริงๆ ฮือออออออ

จะว่าไปพ่อลูกเจ้าน้ำตาพอกันเลยน้า น่ารักกกก

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
กว่าลุงจะบอกธัญญ์เกือบตาย
ฟ้าหลังฝนคงจะดีขึ้นทุกอย่าง

ปล. อยากอ่านสเปคุณธเนศกับพ่อของธัญญ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น้องภูมิน่ารักจริงๆ  ความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัว

ลุงภูรู้ตัวแล้วว่ารักธัญญ์มากแค่ไหน ขอให้มีความสุขสักทีนะธัญญ์   :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Prattana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ฮือออออ ดีใจกับธัญญ์มากๆ จากนี้ขอให้เจอแต่ความสุขนะ
ให้ลุงรักลุงหลง ห่างกันคืบเดียวลุงก็อกแตกตายเลยนะทีนี้ 555
ชอบตอนธัญญ์ดึงลุงไว้ไม่ปล่อยแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แกล้งลุง น่าร๊ากกมาก

รอตอนต่อไปนะคะ ชอบทุกอย่างของนิยายเรื่องนี้ค่ะ

ออฟไลน์ Nae_Nae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
งืออออออออ ดีต่อใจจจจจจจ ขอหวานๆ ล้างคราบน้ำตาสักสองสามตอนค่อยจบด้วยนะคะ พลีสสสสสสสส

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เย้ ธัญญ์ดีขึ้นแล้ว ปลอดภัยแล้วนะ

น้องภูมิทำคุณพ่อซึ้ง อึ้ง ไม่รู้ตัว คุณภูเมศคะ ขนาดลูกยังรู้เลยว่า ธัญญ์รักพ่อมาก

ตอนนี้ทุกอย่างคลี่คลายแล้ว จะมีแต่เรื่องดีๆละเนาะ
สงสารธัญญ์ ฝังใจหลายอย่าง แต่คำว่ารักกับอ้อมกอดของภูเมศคงช่วยได้เยอะ

ภาคีเป็นคนดี ไม่ทอดทิ้งกัน

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ซึ้งงงงงงงง โฮรรรรร  :m15:  :monkeysad: ดีแล้วค่ะดี รู้ความจริงความในใจทั้งที่บอกต่อหน้าและพูดว่ารักลับหลัง ภูมิน่าร๊ากกกก ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส ไม่เป็นไรแล้วนะธัญญ์ อึก! :mew4: ภูเมศทำซึ้งมากมาย ดีใจด้วยจริงๆต่อจากนี้รักกันมากๆนะ รอหวานๆ หน่วงมานาน โล่งงงงงงงง!! รอๆตอนต่อไปค่ะ สนุกจริงเรื่องนี้ชอบมาก  :katai2-1: o13

ออฟไลน์ basanti

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ธัญญ์จ๋า...มีชีวิตอยู่เพื่อคนอ่านเถอะนะ ลุ้นทุกตอนจนจะขาดใจแล้ว

แอบอยากให้ธัญญ์คู่กับน้องภูมิจัง โตไวไวนะน้องภูมิ  :laugh:

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก  ├


งวดที่ 29




เรื่องงานศพของธเนศ ภาคีจัดการได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ส่วนภูเมศช่วยเหลือในส่วนที่ทำได้ และยังไปร่วมรดน้ำศพ นำพวงหรีดไปวาง ฟังสวดพระอภิธรรมด้วยอีกหลายวัน

หนึ่งในหลายวันนั้น ยังได้เจอกับเพียงขวัญ อดีตภรรยาซึ่งมาร่วมงานด้วยครั้งหนึ่ง

หญิงสาวอยู่ในชุดดำสุภาพ ท่าทางยังตกใจกับการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของคนที่บอกว่าเป็นสหาย พึมพำว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนยังไปเยี่ยมบ้านภูเมศด้วยกันอยู่เลย คนเราตายง่ายเหลือเกิน ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่เมื่อได้พูดคุยยาว ๆ หลังจบงานคืนนั้น ก็พบว่าเธอไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างธเนศกับธัญญ์แม้แต่น้อย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นพ่อลูก—หรือกระทั่งพ่อลูกบุญธรรม เข้าใจว่าทั้งสองคนไม่มีความเกี่ยวข้องใดต่อกันทั้งสิ้น แต่เท่าที่ฟังแล้ว ประเมินลำบากว่าเธอสนิทสนมกับธเนศอย่างคนคุยถูกคอกันจริง ๆ หรือกลายเป็นเครื่องมือของฝ่ายนั้นในการเข้าหาธัญญ์โดยไม่รู้ตัว

แต่อย่างน้อย ดูเหมือนธเนศเองก็ไม่ได้นำปัญหามาสู่อดีตภรรยาและลูกสาวเขา รู้อย่างนั้นค่อยเบาใจลงบ้าง

เขาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของเธอและลูกซึ่งไม่ได้มาด้วย บอกว่าฝากคุณยายดูแลไว้วันหนึ่ง เห็นว่ามีความสุขดีก็โล่งไปอีกอย่าง บางเรื่องไม่รู้อาจสบายใจกว่าก็ได้

แต่บางอย่าง บอกให้รู้เลยก็อาจดีเหมือนกัน

จึงได้ตัดสินใจเอ่ยปากในที่สุด

“ผมมีคนรักแล้วนะ”

เธอชะงักไป เลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ ผ่านไปหลายวินาที จากนั้นรอยยิ้มก็วาดขึ้นบนริมฝีปาก ถอนหายใจเฮือกออกมายาวเหยียดอย่างกับหมดห่วง

คำถามแรกไม่ใช่ ‘คนคนนั้นเป็นใคร’ หรือ ‘ไปเจอกันตอนไหน’ อะไรเทือกนั้น

“มีความสุขดีไหมคะ”

เธอถามพร้อมรอยยิ้ม

ถึงคราวเป็นฝ่ายเขาเองที่ชะงัก เตรียมคำตอบชัดเจนไว้แล้วแท้ ๆ แต่คำถามนี้เกินความคาดหมายไปหน่อย

มือข้างหนึ่งยกขึ้นถูจมูกเบา ๆ แก้มร้อนขึ้นมาเมื่อนึกถึงคนคนนั้น คนที่นอนรออยู่ในห้องพิเศษของโรงพยาบาล ดูเข้มแข็งจนเกือบเหมือนปกติ แต่บางครั้งก็ยังบอกด้วยหน้านิ่ง ๆ ว่ากอดหน่อยได้หรือเปล่า...คงเป็นวิธีอ้อนของเจ้าตัว

ท่าทางเขาชัดเจนจนอ่านง่ายเกินไปหรืออย่างไรไม่ทราบได้ เธอกล่าวสรุปตั้งแต่ยังไม่ทันตอบสักคำ

“รู้ว่ามีความสุขอย่างนี้ค่อยโล่งใจหน่อยค่ะ”

เล่นเอาต้องขยับตัวหยุกหยิกอย่างขัดเขิน ฟังเธอว่าต่อกลั้วหัวเราะ

“ไม่ได้เห็นท่าเขินอย่างนี้มานานเท่าไรแล้วน้า ที่จริงก่อนหน้านี้ก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ว่าตาทึ่มคนนั้นจะไหวหรือเปล่านะ หรือจะขอเจ้าภูมิมาเลี้ยงเองซะเลยดีกว่า ถ้ายังสนแต่งาน ขาดความเอาใจใส่คนรอบข้าง ทำอะไรก็ละล้าละลัง ปล่อยลูกชายโตมาแบบเด็กขาดความอบอุ่นจะทำไงดี”

โดนวิจารณ์ตรง ๆ เป็นชุด ได้แต่ถามเสียงอ่อย “...ผมดูแย่ขนาดนั้นเชียว”

“ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ใช่ละนะคะ”

“...อ้อ”

“แต่ตอนนี้ดูดีขึ้นนะ” เธอยักไหล่ “ไม่รู้สิ...เป็นความรู้สึก”

ไม่รู้ควรดีใจหรือเปล่า ได้แต่พึมพำว่า “งั้นหรือ”

“เจ้าภูมิก็ดูมีความสุขดี ร่าเริงจนตกใจ ถึงกับแอบคิดอยู่เหมือนกันว่าผู้ชายโหลยโท่ยนั่นเลี้ยงลูกใช้ได้อยู่นะเนี่ย”

คราวนี้ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาด้วยอีกคน “ยังไงก็โหลยโท่ยน่าดูสินะ...เมื่อก่อนนี้”

เพียงขวัญพยักหน้าแบบไม่เสียเวลาคิด อดีตภรรยาผู้แสนตรงไปตรงมาไม่เปิดช่องให้ตั้งตัวเลยจริง ๆ

“ว่าแต่คนนั้นน่ะ..” เธอว่า ทำหน้ายิ้มกริ่ม มาถึงเรื่องนี้ในที่สุด “บอกได้ไหมคะว่าใคร”

ภูเมศพยักหน้า ตั้งใจจะบอกแต่แรกอยู่แล้ว

“ขวัญจำคนที่มาเป็นพี่เลี้ยงเจ้าภูมิได้ไหม”

เธอผงกศีรษะรับ “พี่ธัญญ์ ๆ ที่น้องภูมิติดแจคนนั้นสินะคะ ว่าแต่มีอะไรหรือ—”

คำพูดสะดุดลง ปากอ้าค้างโดยยังกล่าวไม่จบประโยค

เพียงขวัญเป็นคนฉลาด ทั้งคำพูดและสีหน้าของเขา คงทำให้เธอสามารถปะติดปะต่อบางอย่างขึ้นได้เองในหัว แต่เหมือนว่ายังไม่แน่ใจนัก เบิกตากว้างมองเขาคล้ายรอคอยคำตอบที่ชัดเจนกว่านี้

ภูเมศพยักหน้ายืนยันว่าเธอเข้าใจถูกต้องแล้ว

“ธัญญ์คนนั้นแหละ”

เธอทำตาปริบ ๆ

“เดี๋ยวนะคะ ว่าไปแล้ว ถึงจะเรียกหล่อมากกว่า แต่มองให้สวยก็ได้อยู่เหมือนกัน ...แต่เขาเป็น..ผู้ชาย? ฉันไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหมคะ?”

ภูเมศหัวเราะ “ผู้ชาย” พยักหน้าอีกหน “เป็นเกย์น่ะ”

เงียบกันไปอีกอึดใจใหญ่ ระหว่างนั้นเพียงขวัญเหมือนกำลังใช้เวลาทำความเข้าใจกับตัวเอง ส่วนเขายืนรอโดยไม่เร่งร้อน

ทั้งที่ดูตกใจเอาการ แต่สุดท้ายก็ตั้งสติได้ในที่สุด ยิ้มอย่างปลง ๆ

“คุณก็เป็นเกย์เหมือนกันสิเนี่ย ไม่เคยรู้เลย”

เขายกมือขึ้นลูบคางตัวเอง ว่าไปก็ไม่เคยคิดเรื่องนั้นจริงจังมาก่อน ตกลงเขาเป็นเกย์อย่างนั้นหรือ? ถ้าตอนนี้รู้สึกว่ารักธัญญ์มาก ๆ งั้นอาจเป็นเกย์จริง ๆ ก็ได้

“เมื่อก่อนตอนที่แต่งงานกับคุณ ผมก็รู้สึกดี ๆ กับคุณจริงนะ ไม่ได้หลอกแต่งด้วยแน่นอน” เขาสารภาพตรงไปตรงมา รู้สึกเหมือนกำลังก้าวขาออกจากพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง “แต่ตอนนี้รักเขามาก จนคิดว่าถ้ารักอีกฝ่ายที่เป็นผู้ชายได้ขนาดนี้ ก็คงจะเป็นเกย์แหละมั้ง”

ก้าวออกมาจนได้

จะไม่หนีความจริงอีกแล้ว

เพียงขวัญเม้มปาก พยักหน้าช้า ๆ อย่างพยายามตั้งสติ ไม่มีคำพูดว่าร้ายหรือด่าทอ สีหน้าปราศจากความโกรธแค้นหรือเศร้าหมอง มีเพียงความประหลาดใจ จากนั้นค่อยคลี่คลายกลายเป็นรอยยิ้ม

“เป็นตาทึ่มที่เหลือเชื่อจริง ๆ”

“นั่นสินะ”

เธอมองเขาอย่างพินิจพิจารณา ครู่หนึ่งก็แสดงความเห็น “..แต่ถ้าพูดถึงว่าได้ทั้งผู้ชายหรือหญิง ก็เรียกไบสินะคะ เวลามองคนสวย ๆ หรือเห็นสาวตรงสเปคยังรู้สึกอะไรหรือเปล่า”

 เขายักไหล่ “ไม่รู้สิ”

“เห?”

“จะว่าไงดีล่ะ...” ภูเมศข่มความรู้สึกเขิน พยายามเรียบเรียงคำพูด “ผู้ชายหรือผู้หญิง ก็คิดว่าคงรักคนอื่นนอกจากเขาไม่ได้อีกแล้ว”

“โอ้โห”

“เวลาเห็นเขายิ้มก็จะมีความสุข ถ้าเห็นเขาร้องไห้ก็เหมือนจะเจ็บไปด้วยจนทนไม่ไหว...อยากดูแล อยากอยู่เคียงข้างไปทั้งชีวิตจนกว่าจะแก่ไปด้วยกัน..”

เพียงขวัญยกมือขึ้นปิดปาก

“ให้ตายเถอะ!” จากนั้นเอามือตบต้นขาตัวเองอย่างอดไม่อยู่ “คุณพูดอะไรโรแมนติกแบบนี้ได้ด้วย ไม่อยากเชื่อเลย ฉันตกใจจริง ๆ นะ”

“..อะ...อะไรเล่า..”

พอโดนทักก็เริ่มจะเขินหนักเข้าแล้ว มือไม้ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหน

“นี่รู้หรือเปล่า ตั้งหลายปีก่อนเราจะหย่ากัน ไม่สิ ตั้งแต่สมัยรู้จักกัน ยันตอนจีบ ยันแต่งแล้วหย่าแล้ว คุณงี้อย่างกับท่อนไม้ คำพูดคำจาแห้งเหี่ยวเสียไม่มี แล้วดูตอนนี้...”

โดนจ้องด้วยสายตาทึ่ง ๆ จนไม่กล้าสบตาคู่สนทนาแล้วสิ

“..ก็แค่พูดอะไรที่รู้สึก” เขาอุบอิบ

เพียงขวัญทำเสียงว้าวเบา ๆ ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ถึงกับผิวปากแซว

“นั่นละถึงได้ตกใจสุด ๆ” เธอว่า ริมฝีปากระบายยิ้มอ่อนโยน “..สีหน้า แววตา ไปหมดเลย”

เขาเผลอยกมือจับแก้มตัวเองโดยอัตโนมัติ ขณะที่อดีตภรรยาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง รอยยิ้มยังค้างอยู่บนนั้นคล้ายอ่อนใจกับเขาเหลือเกิน

“เขาก็รักคุณใช่ไหมคะ”

นึกไปถึงคำบอกรักซ้ำไปซ้ำมาในจูบคืนนั้น ทั้งหน้าก็เห่อร้อน แต่ยังผงกศีรษะรับตามตรง

“หลงตัวเองชะมัด” เธอค่อนขอดทีเล่นทีจริงพลางทำจมูกย่น แต่แล้วก็หัวเราะออกมา

“ในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง ถึงจะช็อคไปหน่อย แต่ยินดีด้วยจริง ๆ”

เขาก้มลงมองหน้าเธอ รอยยิ้มจริงใจปรากฏอยู่บนนั้น

เขายิ้มรับความปรารถนาดี

“ขอบคุณครับ”





เขาเทียวไปเทียวกลับ ช่วยงานศพของธเนศแล้วกลับมาเฝ้าธัญญ์ที่โรงพยาบาล รวมแล้วก็ไปเกือบทุกวัน แต่เจอเพียงขวัญแค่วันเดียว หลังจากนั้นเธอก็ไม่มาปรากฏตัวที่นั่นอีก

ทางด้านภาคี เจ้านายของเขาที่วิ่งวุ่นหลายเรื่อง ดูเหนื่อยล้าเอาการ นึกเห็นใจอยู่ไม่น้อย โอกาสนี้จึงได้พูดคุยกันมากกว่าที่เคย รู้ในระหว่างนั้นเช่นกัน ว่าธเนศไม่มีลูกหลานคนอื่นอีกนอกจากธัญญ์และตัวคนเล่าเอง

“ลำบากหน่อย แต่จะค่อย ๆ จัดการไป” ภาคีว่าอย่างนั้น “ตอนแรกก็คิดว่าอาจมีปัญหาเรื่องมรดก ทรัพย์สินของเขาเยอะแยะไปหมด แต่ไม่เห็นมีญาติที่ไหนที่ยังติดต่อกันอีก ผมเอง ถึงเป็นลูกก็ใช่ว่าจะมีอำนาจมากมาย ส่วนคุณธัญญ์เป็นลูกบุญธรรมซึ่งได้รับการจดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย แต่เจ้าตัวก็ดูไม่สนใจอยากรับช่วงต่อธุรกิจของคุณธเนศสักนิด”

ภูเมศพยักหน้า พอจะเข้าใจความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของอีกฝ่าย

“แต่เรื่องนั้นตกไป เขาเขียนพินัยกรรมไว้แล้ว” ชายหนุ่มถอนใจเฮือก “ผู้จัดการมรดกก็เตรียมไว้พร้อม เหมือนเขารู้ว่าสักวันอาจตายไปโดยไม่ทันได้สั่งเสีย แถมรายละเอียดในนั้นก็...จะว่าไงดี..”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ อีกฝ่ายก็ทำตาแดง ๆ พูดเสียงขึ้นจมูก

“...ไม่เห็นเคยรู้เลย ว่าเขาเห็นผมเป็นลูกคนหนึ่งอยู่เหมือนกัน เขาไม่เคยแสดงให้เห็นสักนิดจนวันที่ตัวเองไม่อยู่แล้ว ไม่ได้อยากได้อะไรขนาดนั้น แต่ทำไมถึงยกให้มากกว่าคุณธัญญ์ที่เขาทั้งรักทั้งหวงอีกล่ะ”

ภูเมศเพียงแต่รับฟังเงียบ ๆ ถ้าจะถามเขาละก็ คงไม่มีทางได้คำตอบไม่ใช่หรือ แต่เพราะฝ่ายนั้นเหมือนแค่รำพึงกับตัวเองมากกว่า จึงได้ปล่อยให้พูดต่อไป

“ส่วนของคุณธัญญ์ มีคฤหาสน์ใหญ่หลังนั้นที่เขาเคยอยู่มาตั้งแต่เด็ก อสังหาริมทรัพย์อีกสองแห่ง กับหุ้นในบริษัทเล็กก่อตั้งไม่นานนักในเครือ เจ้าตัวเคยไปลองงานที่นั่นมาระยะหนึ่ง ดูเหมือนจะชอบอยู่เหมือนกัน เขาคงคุ้นมืออยู่แล้ว แต่หากจะปล่อยทิ้งก็ไม่มีปัญหา คงรู้ว่าเขาไม่ชอบบริหารอะไรเยอะแยะ”

ภาคีทอดสายตาไปไกล นับนิ้วไล่เรียง พลางพูดต่อช้า ๆ

“..ทรัพย์สินอีกส่วนหนึ่งเข้ามูลนิธิที่เขาตั้ง นอกนั้นกลายเป็นของผมทั้งหมด หลัก ๆ ที่น่าหนักใจเป็นธุรกิจส่งออกอัญมณีของเขา เคยถูกสั่งให้ลองศึกษาอยู่ระยะหนึ่ง เหนื่อยจะแย่ แต่ตอนอยู่ในมือเขาก็ไปได้สวย ไม่รู้ว่าจะถูกโยนมาไม่ทันตั้งตัว อย่างอื่นที่รอง ๆ ลงไปก็เป็นหุ้นของที่ต่าง ๆ กับงานบริหารทั้งนั้น เหมือนจะยกเก้าอี้ตัวเองให้ผมเป็นตัวตายตัวแทนดื้อ ๆ”

“ลำบากหน่อยนะครับ” เขาพึมพำให้กำลังใจ แต่ไม่รู้ว่าเหมาะแก่สถานการณ์หรือเปล่า

“ตลกดี ที่จริงน่าจะดีใจ แต่แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว จากนี้จะต้องมีชีวิตแบบไหนกันนะ” ชายหนุ่มถอนใจเฮือก ร่ายออกมายาวเหยียด “อย่างกับจะได้ยินเสียงระอาของคนคนนั้น ว่าใครจะไปสั่งธัญญ์ให้นั่งเก้าอี้บริหารได้ มีหวังคงปล่อยล่มจมแบบมุมปากไม่กระดิกสักนิดด้วยซ้ำ เพราะงั้นเธอช่วยรับไปหน่อยแล้วกัน ระหว่างนั้นก็ตามดูเขาให้ดีด้วย เหมือนตอนถูกสั่งให้นั่งเก้าอี้ประธานของบริษัทปัจจุบันที่คุณกับผมทำงานอยู่นั่นละ”

“เหนื่อยหน่อยนะ” เขาพูดคล้ายเดิม คราวนี้เริ่มเห็นอกเห็นใจขึ้นมาจริง ๆ นัยน์ตาฝ่ายนั้นแดงก่ำอย่างคนอดหลับอดนอนมาหลายวันจนใกล้สติหลุดแล้ว

“จริงสิ พรุ่งนี้คุณหมออนุญาตให้ธัญญ์กลับบ้านได้แล้วนะครับ” เขาพาคุยเรื่องอื่นให้หายเครียดลงบ้าง

“งั้นหรือ?” สีหน้าคนฟังดีขึ้นนิดหน่อย ดูเป็นห่วงธัญญ์จริง ๆ “ไม่ค่อยมีเวลาไปเยี่ยมเลย”

“เรื่องนั้นเขาเข้าใจดี ไม่งอแงหรอก”

ภาคีแปลกใจอยู่เหมือนกันที่ได้ยินภูเมศใช้คำว่างอแงกับธัญญ์ ปกติคนคนนั้นเคยงอแงกับใครที่ไหน ไม่ได้ใกล้เคียงธัญญ์ที่ตัวเองรู้จักสักนิด

ขณะที่ภูเมศลืมสนใจสีหน้าคู่สนทนาไปสนิท ระบายลมหายใจยาว คิดไปถึงคนที่นอนแกร่วอยู่ในห้องพิเศษของโรงพยาบาลมาหลายวัน

ช่วงสามสี่วันแรก ทั้งซึมทั้งหงอยจนน่าสงสาร ปลอบกันทั้งวันจนแทบจะจับอุ้มนั่งตัก ดึกดื่นบางทียังสะดุ้งตื่นขึ้นมานั่งร้องไห้ ลืมตาเห็นเพดานขาวเหนือขึ้นไปก็พลิกตัวตะแคงอยู่ไม่สุข เกิดเสียงกุกกักจนเขาตื่นมาหลายหน กว่าจะสงบลงได้ก็นานทีเดียว บางครั้งมองเห็นเงาที่ทอดลงบนผนังจากแสงภายนอกก็บอกไม่ชอบ นอนไม่หลับ อ้อนให้ช่วยปิดม่านให้หน่อย หนักเข้าก็บอกขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกันได้ไหม

เรื่องแบบนั้นทำได้ที่ไหน พยาบาลเข้ามาวัดสัญญาณชีพทุกสี่ชั่วโมงเห็นจะได้ เกิดเผลอลืมตัวทำอะไรเหมือนตอนอยู่บ้านไปแล้วถูกเจอเข้า คงกลายเป็นเรื่องยุ่งยากแน่ ๆ

พอเขาส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ฝืนทำใจแข็งเต็มที่ ลูบผมฝ่ายนั้นจนหลับไป ตื่นมาอีกทีตอนเช้า ปรากฏเจ้าตัวลงมานอนเบียดบนที่นอนสำหรับญาติเสียอย่างนั้น หน้าซบอยู่กับอก เปลือกตาหลับพริ้มอย่างสุดแสนสบายใจ แขนกอดรอบเอวเขาไว้แน่น แถมเขาก็กอดตอบเสียแน่นหนาไม่แพ้กัน แต่โชคดีตื่นทันหวุดหวิดก่อนคุณพยาบาลเข้ามา ใจหายใจคว่ำไปอีกพักใหญ่

คนที่หลับยาวไม่ตื่นระหว่างคืนเลย เห็นจะมีแต่เจ้าลูกชายที่นอนอุตุอยู่อีกฝั่งพร้อมหมอนผ้าห่มผืนโปรดของเจ้าตัวนั่นละ

เมื่อผ่านไปเกือบสัปดาห์ ดูเหมือนสภาพจิตใจจะดีขึ้นพอกับร่างกาย ไม่ค่อยมีอาการไอหรือหอบเหนื่อยแล้ว สายให้ออกซิเจนทางจมูกก็ไม่จำเป็นต้องใช้อีก เสียงกลับมาทุ้มต่ำนุ่มหูเหมือนเก่า แต่ท่าทางจะเริ่มเบื่อ และดูเหมือนวิธีแก้เบื่อของเด็กเจ้าเล่ห์คนนั้นคือแกล้งเขาเล่น บางทีก็ชวนพร้อมภูมิมาเป็นเครื่องมือร่วมรังแกพ่อตัวเองด้วย ให้ตายเถอะ 

เขายกนิ้วขึ้นถูปลายจมูกตัวเองเบา ๆ เมื่อคิดไปถึงว่าตอนเช้าโดนอะไรมาอีก

เพราะรู้ว่าทำอะไรเกินเลยในโรงพยาบาลไม่ได้ คราวนี้เลยเหมือนยิ่งสนุกใหญ่ ตอนเช้าบางทีนึกขี้เกียจจับช้อนกินข้าวขึ้นมา บอกให้ป้อนหน่อยได้หรือเปล่า เรียกเสียเสียงนุ่มว่า “คุณภู...คุณภู...” ฟังแล้วหัวใจจะวาย ยังไม่นับสายตาวาววับที่เวลาแบบนี้เหมือนจะเปลี่ยนจากลูกแมวเซื่อง ๆ เป็นเสือจ้องเหยื่อนั่นอีก

พอตักอาหารส่งเข้าปาก แทนที่จะงับช้อน ก็งับนิ้วคนป้อนแทน ทั้งที่ห่างกันตั้งโยชน์ ปลายลิ้นร้อนผ่าวเฉี่ยวเบา ๆ บนผิวเนื้อ โดนเข้าไปรอบแรกถึงกับต้องขอตัวไปสงบจิตสงบใจในห้องน้ำ ฟังเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากของพร้อมภูมิกับพี่เลี้ยงที่ชวนกันเล่นอย่างอื่นระหว่างรอเขาออกไป

“สีหน้าคุณก็ดูดีขึ้นนะ” ภาคีทัก กระชากเขากลับจากภวังค์หอมหวาน “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”

เขารีบยกมือตะปบหน้าตัวเอง นึกสงสัยว่ากำลังทำหน้าแบบไหนอยู่จนถึงเมื่อครู่นี้

“คุณธัญญ์เป็นไงบ้างแล้วล่ะ”

“ดีขึ้นเยอะ” เขาว่า ตั้งสติกลับมาสู่บทสนทนาได้ในที่สุด “เขาพูดถึงคุณด้วย บอกว่าพี่ภาคีลำบากแย่”

“หือ?” คนฟังทำสีหน้าแปลกใจ “เขาเรียกผมอย่างนั้นหรือ”

ภูเมศก็ทำหน้าแปลกใจกลับไปเช่นกัน “เรียกอย่างนั้นที่ว่า หมายถึง ‘พี่ภาคี’ น่ะหรือครับ”

อีกฝ่ายได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ

“ตั้งแต่ได้ยินเขาพูดถึงคุณมา ก็เห็นเรียกแบบนี้ตลอดนี่?”

ภาคีถึงกับอึ้งไปครู่ใหญ่ ยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเอง จากนั้นค่อยหัวเราะออกมาด้วยท่าทางเหมือนยอมใจ “เชื่อเขาเลย”

เห็นแล้วอดสงสัยไม่ได้ “มีอะไรหรือครับ”

ชายหนุ่มมองเขา รอยยิ้มอ่อนอกอ่อนใจยังอยู่บนริมฝีปาก ไม่ตอบแต่ถามกลับมาแทน

“กลายเป็นเด็กน่ารักไปแล้วหรือนี่ คุณทำอะไรกับเขาน่ะ”

“ผมเนี่ยนะ” เขาเลิกคิ้ว แต่เมื่อใคร่ครวญให้ดี ก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจริงเสียด้วย “...เขาก็น่ารักขึ้นจริงนั่นละ น่ารักจนคิดว่าให้ตายเถอะ คนคนนี้จะยังน่ารักขึ้นกว่าเดิมได้อีกเรอะ?”

ภาคีหัวเราะ ไม่คัดค้านอะไร ขยายความให้ฟังถึงความงุนงงเมื่อครู่

“คุณรู้ไหม ก่อนหน้านี้ เขาเรียกผม ‘พี่’ แบบนับคำได้ ยิ่ง ‘พี่ภาคี’ เนี่ย มีไว้ใช้ตอนตั้งใจประชดเท่านั้นละ”

“ดูร้ายกาจอยู่เหมือนกันนะครับ”

“ใช่ไหมล่ะ” อีกฝ่ายเออออ “ปกติก็มีแต่ ‘คุณ ๆ’ มากหน่อยก็มี ‘คุณภาคี’ ห่างเหินสุด ๆ จนใครรู้ว่าเป็นพี่น้องก็ต้องสงสัยทั้งนั้นว่าเป็นพี่น้องประเภทไหนกัน”

ภูเมศไม่ขัดว่าเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่สงสัยเหล่านั้น

“ไหนจะสถานะที่อย่างกับเจ้านายลูกน้องตลอดเวลาอีก คุณก็เห็นใช่ไหม แปลกใจใช่ไหมล่ะ”

เขาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ

“เพราะคุณธัญญ์มีบุญคุณกับผมมากน่ะ”

“ผมว่าเขาอาจจะอยากให้คุณเรียกเขาว่าธัญญ์เฉย ๆ ก็ได้นะ” เขาพูดแทรกเบา ๆ

“หือ?”

“ไว้ตอนเจอกันครั้งหน้า ลองดูไหมล่ะครับ” ชายหนุ่มเสนออย่างตรงไปตรงมา “เหมือนอย่างพี่น้องทั่วไปเขาทำกัน”

ฝ่ายนั้นเหมือนจะอึ้งไปอีกอึดใจหนึ่ง จากนั้นหัวเราะเสียงแผ่วอีกหน ดูลำบากใจอยู่เล็กน้อย “นั่นสินะ”

“เป็นน้องชายที่เอาแต่ใจสินะครับ”

“มากเลยล่ะ” ข้อนี้ภาคีตอบแทบไม่ต้องคิด “จะว่าไงดี อินดี้สุด ๆ นึกอยากทำอะไรก็ทำ เหมือนจะมีเหตุผล แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีจริง ๆ หรือแค่ทำเหมือนว่ามีเหตุผลที่คนอื่นไม่รู้ คุณนึกภาพแมวสักตัว เวลาเราเห็นมันทำอะไรแปลก ๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไปทำไม เรียกก็ไม่มา แต่พอไม่เรียกก็มาด้อม ๆ มอง ๆ”

“อืม เข้าใจเลย”

“แต่ก็เป็นน้องชายที่น่ารักนะ” ชายหนุ่มพึมพำเสียงเบา

เขาพยักหน้ารับ

“เป็นพี่เลี้ยงที่น่ารัก เป็นคนรักที่น่ารักด้วย”

อีกฝ่ายหันมาทำสีหน้าคลื่นเหียนใส่ จากนั้นยิ้มบางทั้งที่ยังโคลงศีรษะไปมา

“พวกคุณนี่ก็จริง ๆ เลย”

เขาทำหน้าเขิน ๆ ชวนเปลี่ยนเรื่อง

“พรุ่งนี้เขาจะมาฟังสวดวันสุดท้ายด้วยนะครับ”

ภาคีพยักหน้ารับช้า ๆ

“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม”

“แข็งแรงขึ้นแล้ว”

“จิตใจก็ด้วยรึเปล่า?”

ภูเมศชะงักไปครู่หนึ่ง

“จิตใจก็ด้วยครับ” จากนั้นคลี่ยิ้มกว้าง “เข้มแข็งกว่าที่คิดเสียอีก”

ภาคีพยักหน้า เป็นเชิงบอกว่าดีแล้ว สายตาเหมือนจะบอกว่าฝากหน่อยล่ะ แต่ไม่ได้พูดออกมา

เขาเองก็ไม่ได้ตอบอะไร แต่ท่าทางคงอ่านได้ไม่ยาก

น้องชายคุณ จะดูแลให้อย่างดีด้วยชีวิตเลย

ชัดเจนถึงเพียงนี้ ต้องอ่านออกแน่นอน






มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ
v
v
v
v




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2017 21:23:51 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
งวดที่ 29 (ต่อ)



โชคดีที่ธัญญ์อาการดีวันดีคืนจนหมออนุญาติให้ออกจากโรงพยาบาลได้ กินยาต่อที่บ้านแล้วนัดไปดูอาการในอีกสองสัปดาห์ให้หลัง ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลทันมีโอกาสได้ร่วมฟังสวดพระอภิธรรม วันถัดไปเป็นงานฌาปนกิจ ทำพิธีขอขมาศพก่อนเคลื่อนไปตั้งที่เมรุ ขออโหสิกรรมในทุกสิ่งที่เคยได้ล่วงเกินต่อกัน

พวกเขาอยู่ในชุดดำไว้ทุกข์ ตนเองยืนเคียงข้างธัญญ์เงียบ ๆ ฝ่ายนั้นคงกิริยาสำรวม สีหน้านิ่งสงบ ไม่ร้องไห้ออกมาแม้แต่น้อย วางธูป เทียน ดอกไม้จันทน์ ก่อนเริ่มประชุมเพลิง

อากาศหนาวเย็นลงอีกเล็กน้อย แต่ท้องฟ้าเดือนธันวาคมยังกระจ่างสดใส สีฟ้าสดบนนั้นตัดกับสีเทาเข้มของควันที่ลอยขึ้นสูงจากปล่องเมรุในความเงียบงัน

เขานึกเป็นห่วงธัญญ์ ลอบมองใบหน้าอีกฝ่ายจากด้านข้าง เห็นสายตาเจ้าตัวมองขึ้นไปบนฟ้า ตามกลุ่มควันที่ค่อย ๆ กลืนเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าครามเบื้องบนในที่สุด

ทั้งภาคีและธัญญ์ยืนแผ่นหลังเหยียดตรง ไหล่สองข้างผึ่งผาย ไม่เสียกิริยาแม้แต่น้อย ผู้คนที่มาร่วมงานมองสองพี่น้องด้วยสีหน้าแฝงนัยชื่นชมบุคลิกของทั้งสอง ไม่มีใครรู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังอันนำมาสู่ความตายของธเนศ

พวกเขาไม่ได้อยู่จนถึงตอนเก็บอัฐิ เพราะภาคียืนยันให้ธัญญ์กลับไปพักผ่อนได้แล้ว ที่เหลือตนจะเป็นคนจัดการต่อเอง

ได้ยินพี่ชายกล่าวเช่นนั้น ธัญญ์คิดตามอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นค้อมศีรษะลงน้อย ๆ เอ่ยเสียงสุภาพ

“ขอบคุณครับ..พี่ภาคี”

เจ้าของชื่อชะงักไป จ้องมองน้องชายต่างสายเลือดอยู่ครู่หนึ่ง

ก่อนจะค่อย ๆ อ้าปากเรียกเสียงแผ่วอย่างไม่แน่ใจ

“...ธัญญ์..”

“ครับ?”

สองพี่น้องมองหน้ากัน จากนั้นไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายคลี่ยิ้มออกมาก่อน แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมาทั้งตาแดง ๆ กันทั้งคู่

“ดูแลตัวเองดี ๆ นะ” เขาว่า จากนั้นพยักพเยิดไปทางภูเมศ “อย่าทำให้ต้องเป็นห่วงนักล่ะ”

ธัญญ์พยักหน้า “พี่ก็ด้วย”

“ต้องการความช่วยเหลืออะไรก็ติดต่อมาได้”

“แล้วจะยังมาแอบตามดูอีกไหม”

“ไม่ว่างแล้วนี่สิ”

“ลำบากหน่อยนะครับ” ธัญญ์พูดอย่างไม่ยี่หระสักนิด ว่าที่จริงโดยฐานะแล้ว ตัวเองก็ควรมาขึ้นนั่งเก้าอี้ผู้บริหารกับเขาเหมือนกัน

“ช่วยไม่ได้นะ” ภาคียักไหล่ ยิ้มอ่อนใจ “มีน้องชายอินดี้”

“เป็นพี่ชายนี่เหนื่อยจริง ๆ” ยังมีหน้ามาพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเองอีก “สู้นะครับ”

“เด็กคนนี้นี่นะ”

สองพี่น้องมองหน้ากันยิ้ม ๆ ครู่หนึ่ง ก็โผเข้ากอดกันกลมดิก ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกในชีวิตของทั้งคู่

พักหนึ่ง ภาคีก็ตบหลังน้องชายเบา ๆ จากนั้นปล่อยมือ พยักหน้าว่าไปได้แล้วมั้ง คุณแฟนจ้องเขม็งจนหน้ากระตุกแล้ว

แวบหนึ่งนั้น ทันเห็นว่าพวงแก้มธัญญ์ที่มักทำหน้านิ่งอยู่เสมอ เวลานี้แต้มสีเลือดฝาดแดงเรื่อ แต่ระหว่างที่เดินกลับไปหาคนรักตัวเองและลูกชายของเขา ก็ยังวางมาดนิ่งสงบได้ไม่มีขาดตกบกพร่อง

“เด็กอะไร ขี้เก๊กชะมัด” ภาคีพึมพำ โคลงศีรษะน้อย ๆ เงยขึ้นมองฟ้า

ส่งความรู้สึกไปกับควันสีเทาซึ่งยังเหลือลอยอ้อยอิ่งอยู่บางเบา ถึงใครสักคนซึ่งอาจมองอยู่จากที่ไหนสักแห่ง

จะดูแลเขาเองครับ

คนคนนั้นก็คงจะช่วยดูแลอย่างเต็มที่เหมือนกัน

ไปสู่สุคตินะครับ...คุณพ่อ







ขากลับวันนั้นพวกเขาแวะกินมื้อเย็นนอกบ้าน ร้านกุหลาบขาวที่ธัญญ์ตกลงทำงานให้เฉพาะวันอาทิตย์ และพรุ่งนี้ก็จะถึงวันอาทิตย์พอดี นอกจากมากินแล้ว จึงถือโอกาสลางานต่อไปด้วยเลยอีกสักระยะ

พนักงานที่หยิบเมนูมาส่งคือเจ้าหนุ่มตัวผอมคนเดิมที่เคยเห็นว่ารู้จักกับธัญญ์ ซึ่งเมื่อเห็นหน้าผู้มาเยือนเข้า ก็ร้องทักเสียงหลง

“พี่ธัญญ์!”

“อืม”

ความตื่นเต้นในน้ำเสียงผิดกันลิบลับจนอดสงสารคนทักไม่ได้ แต่จะด้วยชินแล้วหรืออะไรก็ตาม เจ้าหนุ่มนั่นดูไม่เดือดร้อนสักนิด

“ได้ข่าวว่าพี่ป่วยเข้าโรง’บาล”

ธัญญ์พยักหน้า ทว่าไม่สนใจตอบคำถามอีกฝ่ายที่เซ้าซี้ไม่หยุดว่าเป็นอะไร ทำไมปุบปับ ทำไมนั่น ทำไมนี่ กระทั่งลุงยศ เจ้าของร้านเดินหน้าถมึงทึงเข้ามา เอาเมนูฟาดแขนเจ้าเด็กเสิร์ฟป้าบใหญ่เป็นการกระตุ้น บนสนทนานอกเรื่องเมนูอาหารก็จบลงที่ตรงนั้น

“ทำงานได้แล้ว” ลุงย้ำก่อนจะมองธัญญ์แวบหนึ่ง จากนั้นพึมพำ

“รีบหายแล้วรีบมาทำงานล่ะ!”

ก่อนจะเดินดุ่ม ๆ กลับเข้าไปหลังร้าน ได้ยินเสียงเป๊กกระซิบตามหลังว่าตาลุงผีแกคิดถึง แต่เขินน่ะ!

ธัญญ์พยักหน้า เออออด้วยสายตาโดยไม่ต้องส่งเสียง

ภูเมศอดยิ้มไม่ได้ น่าแปลกที่คนท่าทางมนุษยสัมพันธ์ติดลบอย่างธัญญ์คนก่อน บัดนี้ดูจะมีมิตรสหายในหลาย ๆ ช่วงวัยผิดคาด 

มีเสน่ห์จริง ๆ นั่นละนะ คิดแล้วภูมิใจอยู่เหมือนกัน แต่ก็เป็นความภูมิใจผสมหวงอย่างไรพิกล




กว่าจะกลับถึงบ้านก็ค่ำแล้ว พร้อมภูมิท่าจะเหนื่อยน่าดูกับการต้องสำรวมกิริยาท่าทางในงานฌาปนกิจ ขณะพวกผู้ใหญ่พูดอะไรกันไม่รู้เรื่อง เด็กชายอยู่นิ่ง ๆ ไม่ก่อกวน ไม่เล่นซน มาครึกครื้นเป็นปกติก็ตอนออกจากงานแล้ว

กลับมาบ้าน หลังอาบน้ำเสร็จก็อ้าปากหาวหวอด นั่งดูการ์ตูนได้ถึงแค่ตอนผู้ใหญ่อีกสองอาบน้ำจนเสร็จเหมือนกัน กลับมาดูอีกหน เห็นว่าเด็กชายแทบฟุบหลับคาโซฟา คงอดทนมาเต็มที่แล้วจริง ๆ

แต่วันนี้เหมือนเป็นรางวัลพิเศษของการเป็นเด็กดี ทั้งพ่อทั้งพี่ธัญญ์จูงมือเขาคนละข้างส่งเข้าห้องนอน ล้มตัวลงกลางเครื่องนอนลายโปรดที่คิดถึงน่าดู หลังจากขนของไปนอนโรงพยาบาลเป็นเพื่อนพี่ธัญญ์เสียนาน เพิ่งได้กลับมานอนห้องอีกครั้งเป็นคืนที่สอง วันนี้จะต้องนอนเกลือกกลิ้งให้คุ้ม

“ราตรีสวัสดิ์ไอ้ลูกชาย” ภูเมศว่า ลูบผมเด็กชายเบา ๆ

“ราตรีสวัสดิ์ครับพ่อ” เด็กน้อยตอบเสียงงัวเงีย “ราตรีสวัสดิ์พี่ธัญญ์”

พี่เลี้ยงพยักหน้า พึมพำว่า “ฝันดี” ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเขา ปิดไฟให้เรียบร้อย เดินเบาจนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า มีแค่เสียงปิดประตูแผ่วเบาตามหลัง





ทั้งบ้านเหลือเพียงความเงียบ กระทั่งได้ยินเสียงภูเมศกระแอมออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติสุด ๆ

“กินยาหลังอาหารหรือยัง”

ธัญญ์เอียงคอ ทำตาใส “คุณถามผมแล้วหลังอาหารที่ร้านนั่น”

“อ้อ”

“แต่จะตอบให้อีกทีก็ได้ว่ากินแล้ว”

“อืม..นั่นสินะ” เขาเผลอยกมือแตะจมูกอีกแล้ว เขินทีไรทำอย่างนี้ทุกทีสิน่า ว่าแต่ไอ้ความเขินแบบนี้มาจากไหนกันนะ เป็นเพราะไม่ได้อยู่ตามลำพังสองคนโดยแท้จริงมาเกือบสองสัปดาห์แล้วหรือเปล่า

“แต่ยังมียามื้อก่อนนอนนะครับ”

เขาเหลือบมองนาฬิกา “เกือบสี่ทุ่มแล้ว กินได้แล้วมั้ง”

“ป้อนสิ”

ว่าพลาง แตะนิ้วชี้บนริมฝีปากตัวเอง สีหน้าใสซื่ออย่างถึงที่สุด แต่ในหัวต้องมีแผนแกล้งเป็นล้านแปดอย่างแน่นอน

“อา..รอแป๊บ”

เขาเดินไปรื้อถุงใส่ยา ไล่ดูไปทีละซองอย่างตั้งอกตั้งใจ ตัวเองนี่มันคนประเภทรู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอกชัด ๆ

เจอแล้วซองหนึ่ง เขียนว่าเป็นยาแก้แพ้ รับประทาน 1 เม็ด ก่อนนอน

“คุณภู...” จู่ ๆ ฝ่ายนั้นก็เอ่ยเสียงนุ่มจากด้านหลัง ใกล้จนลมหายใจรดต้นคอ เอ่ยถึงเขาด้วยคำเรียกแบบที่เจ้าตัวต้องรู้แก่ใจแน่ ๆ ว่ามีผลปั่นป่วนชวนกระโดดขย้ำคนพูดอย่างรุนแรง

“..คุณภู” ทุ้มต่ำ..อ่อนหวาน “ขนลุกเลย บอกซิว่ากำลังคิดเรื่องลามกอยู่ใช่หรือเปล่า”

เขาหน้าร้อนจี๋ แต่แสร้งทำคิ้วขมวดเต็มที่ ครั้นจะหันไปหาคนพูดพร้อมกับปรามว่าอย่าทำเป็นเล่นไป กลับพบว่าคนปากดีที่ส่งเสียงหวาน ๆ ใส่นั่นแหละ ดูจะหน้าแดงยิ่งกว่าเขาเสียอีกไม่ใช่หรือไง

“อย่าทำอ่อยเหยื่อทั้งที่ตัวเองก็เขินขนาดนี้ได้ไหมล่ะ”

ธัญญ์นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นค่อยทำแก้มอูมขึ้นมานิดหน่อยเหมือนไม่ได้ดั่งใจ “ที่จริงก็ชอบให้เรียกใช่ไหมล่ะครับ แต่ดันยั่วไม่ขึ้นเอาซะเลย เสียความมั่นใจหมด”

“เอาน่า” เขาบ่น พยายามไม่สบตาอีกฝ่ายในช่วงอันตรายนี้ ส่งเม็ดยาป้อนเข้าปากคนเพิ่งทุเลาจากอาการป่วย รีบชักมือกลับมาก่อนจะโดนงับนิ้วให้สติเตลิดเปิดเปิง จากนั้นยกแก้วน้ำขึ้นตามจรดริมฝีปากฝ่ายนั้น

“มัวแต่เล่นเดี๋ยวก็ไม่หายหรอก”

ถึงจะกินยาอย่างว่าง่าย แต่ยังไม่วายงึมงำตอบโต้ก่อนกระดกน้ำ

“หมอบอกหายแล้วต่างหาก”

“ไว้หายสนิทก่อน” เขาเหน็บปอยผมดำขลับที่ปรกแก้มธัญญ์ไปทัดไว้ข้างหู “เดี๋ยวเหนื่อยหอบขึ้นมาทำไง”

“ทำไมผมจะต้องเหนื่อยหอบด้วยล่ะ”

ธัญญ์กะพริบตาปริบ ๆ มุมปากอิ่มยกขึ้นน้อย ๆ ดูซื่อบริสุทธิ์ แต่รู้เลยว่าขุดหลุมดักรอไว้แล้วแหง ๆ

ภูเมศยิ้มอ่อนใจ ถึงจุดนี้ก็ไม่รู้จะหลบไปทำไมเหมือนกัน ถ้าอย่างไรก็ต้องร่วงลงไปอยู่ดี สู้โดดลงไปเลยด้วยท่าสวย ๆ ดีกว่า

“คิดว่าฉันทนไม่ทำอะไรเธอมาเป็นอาทิตย์ ๆ เพื่ออะไรล่ะ” เขากระซิบเสียงแหบพร่า กดจูบที่ขมับและหางตาธัญญ์ซ้ำไปซ้ำมา เป่าลมหายใจร้อน ๆ ใส่ใบหูฝ่ายนั้นอย่างจงใจ “ถ้าเริ่มละก็ จะหยุดไม่ได้เลยรู้ไหม?”

ไอ้วิธีพูดแบบนี้มันฟังดูหื่นจนละอายใจพิลึก แต่ธัญญ์ก็กระเซ้ากลับใต้สีหน้านิ่ง ๆ ทว่าแก้มแดงก่ำ

“คิดเรื่องลามกอยู่จริงด้วย” เสียงนุ่มเหมือนเดิม แต่ดูจะซ่อนความครึ้มอกครึ้มใจไว้นิดหน่อย เป็นความย้อนแย้งที่น่ามันเขี้ยวอย่างถึงที่สุด

“ไม่จบแค่รอบหรือสองรอบหรอกนะ”

กระโดดลงไปอีกชั้น

“ฟิตขนาดนั้นเชียว?”

นี่ก็หลุมอีกชั้น ถ้าโดดลงไปลึกกว่านี้คงเป็นอันจบเห่ ปีนกลับไม่ไหวแหง ๆ

“ขนาดนั้นแหละ”

“พิสูจน์สิ”

ฝังกลบไปเลยแล้วกัน

“เด็กอะไร”

เพราะอย่างนั้น จึงได้เริ่มต้นจูบเอาเป็นเอาตาย ราวกับว่าไปหิวโหยมาจากไหน

ไม่สิ...ตั้งเกือบสองสัปดาห์เชียว กำลังหิวอยู่มากจริง ๆ นั่นละ






To be continued…

งวดถัดไปอ่านต่อข้างล่างเลยค่ะ
v
v
v

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2017 21:32:55 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
┤ ราคา ◇ ค่า ◇ รัก  ├


งวดที่ 30





สติซึ่งเหมือนถูกเป่าหายไปกลับเข้าร่าง ตอนที่อีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะยืนไม่อยู่ สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ต้องคล้องแขนรอบต้นคอเขาเพื่อพยุงตัว จึงได้ถอนริมฝีปากออกมา ยืนหายใจหอบน้อย ๆ

หน้าร้อนเห่อไปหมด

เขินจะแย่ แต่ครั้นเหลียวมองธัญญ์ ดูจะเป็นหนักกว่าเสียเขาอีก ได้แต่คิดว่าน่ารักจะบ้าตาย ลืมความอายของตัวเองไปชั่วขณะ

สุดท้ายต้องขอร้องแกมบังคับให้รีบเข้านอน พาไปส่งถึงข้างเตียง

เขาดึงผ้าห่มคลุมให้ฝ่ายนั้นเรียบร้อยถึงคอ อยากให้นอนสบาย ๆ บนเตียงกว้างคนเดียวสักสองสามคืนจนกว่าจะหายดี ส่วนเขาเองตั้งใจหลบไปนอนโซฟาก่อน

ตอนเกลี้ยกล่อมอย่างนั้นกับธัญญ์ ก็เหมือนไม่มีปัญหาอะไร

ก็แค่ เหมือน ไม่มีปัญหาอะไร เท่านั้นแหละ

เจ้าตัวแสบนั่น ปากไม่เรียกร้อง แต่งัดท่าไม้ตายประจำตัวมาใช้อีกหน กำชายเสื้อเขาแน่นไม่ปล่อย

มิไยจะจ้องเขม็งอย่างไรก็ทำหน้าไม่สะทกสะท้าน พอจนปัญญาถึงขั้นจะถอดเสื้อหนี ยังสู้ความไวของเจ้าพี่เลี้ยงไม่ได้สักนิด ข้อมือโดนคว้าหมับเป็นที่เรียบร้อย ตัวก็โต แรงไม่ใช่น้อย ๆ กำไว้แน่นจนแกะไม่ออก เสื้อที่เพิ่งถูกถอดกองกับพื้นอย่างไร้ความหมาย

“ธัญญ์”

“ครับ?”

“นอนได้แล้ว”

“อื้อ”

“อื้อเอ้ออะไรล่ะ” ทำเสียงน่าเอ็นดูอะไรแบบนี้ จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีนะ

พอทำท่าจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด ใจแข็งสุดชีวิตให้ตลอดรอดฝั่ง ตอนนั้นก็ได้ยินเข้าพอดี

“คุณภู?”

เอาอีกแล้ว ดูแอบสนุกอยู่ในที เหมือนโดนจับจุดอ่อน (ที่มีอยู่นับไม่ถ้วน) ได้อีกอย่าง ถ้าเขาเป็นขี้ผึ้งหรือเทียนไข ก็คงกำลังละลายเยิ้มอยู่ตรงนั้นเอง

ทั้งเนื้อเสียงนุ่มนวล แพขนตาหลุบลงต่ำ สีหน้าดูเปราะบางในเวลาเหมาะเจาะแบบไม่ต้องพยายาม แต่มือนี่บีบแน่นเป็นคีมเชียว

“ตั้งแต่ที่โรงพยาบาล ตอนนอนก็ไม่ยอมเริ่มกอดผมอีกเลย”

เขากลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคออย่างยากลำบาก ก็แหงสิ! คุณพยาบาลเข้ามาวัดไข้บ้าง ดูนั่นดูนี่บ้าง บางทีก็โผล่มาแขวนขวดยาฆ่าเชื้อตอนดึกดื่น คิดว่าเขาต้องอดทนขนาดไหนกัน

“รังเกียจหรือ?”

ถ้อยคำน่าสงสารออกปานนั้น แต่แววตานั่นเป็นของผู้กุมชัยชนะเห็น ๆ

เขาทรุดตัวลงนั่งตรงขอบเตียง ก้มลงประทับจูบลงบนริมฝีปากอุ่น ๆ ที่ร้ายกาจเกินรับมือด้วยวาจา เลือกพูดแค่ไม่กี่คำแต่เล็งเป้าไม่เคยพลาด ปิดไว้แน่น ๆ สักพักด้วยปากตัวเองน่าจะดีกว่า

ในภาพมัว ๆ ที่เห็นจากความชิดใกล้ชวนให้ใจเต้นไม่เป็นส่ำนั้น แพขนตาดำสนิทของธัญญ์ปรือลง เสียงครางต่ำในลำคอแทรกอยู่ในลมหายใจร้อนผ่าว เคล้าเคลียอ่อนโยนอยู่บนปลายจมูก ถูกห้อมล้อมมอมเมาด้วยกลิ่นกายคุ้นเคย

เผลอตัวกดจูบแนบแน่นลงอีก บดเคล้าหนักหน่วงทว่าอ่อนหวาน ปลายลิ้นแทรกเซาะผ่านกลีบปากนุ่มนิ่ม เกี่ยวกระหวัดคลอเคลียกัน ทั้งเย้ายวนและร้อนระอุจนเหมือนจะหลอมละลายเป็นหนึ่งเนื้อเดียว

หัวใจเต้นระรัวอยู่ในอก ตลอดแนวสันหลังราวกับมีกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ แล่นผ่าน เสียงบดเบียดและดูดเม้มจากริมฝีปากที่เชื่อมกันปลุกเร้ารุนแรงเจียนคลั่ง ยังความรู้สึกปั่นป่วนไปทั่วท้องน้อย ส่วนกลางกายต่ำลงกว่านั้นคัดหน่วงจนทรมาน

“ธัญญ์..”

เสียงเขาแหบพร่าไปหมด เสยผมที่ปรกเลยคิ้วลงมาของฝ่ายนั้นให้พ้นหน้าผาก จึงได้เห็นว่าดวงหน้าเจ้าตัวแดงระเรื่อ นัยน์ตาปรือปรอยฉ่ำเยิ้ม ริมฝีปากช้ำเจ่อเหมือนจะยั่วให้ก้มลงขบขย้ำอีกหน

“..ธัญญ์”

เขาเรียกซ้ำ เหมือนไม่ใช่เสียงตัวเอง พรมจูบทั่วใบหน้าอีกฝ่าย

สองแขนของคนข้างล่างยกขึ้นคล้องรอบคอเขา มือไขว้กันไว้ด้านหลังท้ายทอย ปลายนิ้วคืบเคลื่อนเข้ามาแทรกในเส้นผม กระทั่งฝ่ามือร้อนผ่าวไล้มาถึงสองข้างแก้ม พยายามเกลี่ยผมที่ปรกลงมาให้พ้นใบหน้าเขาเช่นกัน

ทั้งที่เห็นหน้าธัญญ์มาเป็นปีแล้วแท้ ๆ

ดวงหน้างดงามหมดจดยามนี้คลี่รอยยิ้มละมุน บรรยากาศชวนหลงใหลยิ่งทวีขึ้นกว่ายามปกติ แววตาเชื่อมแสงที่ทอดมองมาเปี่ยมสิเน่หาจนทั้งหัวใจอุ่นวาบ

“อยู่แบบนี้พักหนึ่งได้ไหม”

ธัญญ์กระซิบ ไม่เคลื่อนสายตาไปทางอื่นแม้แต่น้อย

“อยากมองหน้าคุณชัด ๆ”

ความรู้สึกรักเอ่อล้นขึ้นมาจนเหมือนจะทนไม่ไหว

เขาพยักหน้า กุมมือฝ่ายนั้นที่แนบกับใบหน้าเขาไว้อีกที ดึงมันมาใกล้ริมฝีปาก ฝังจูบลงตรงกลางฝ่ามือ ประสานสายตาเนิ่นนาน

“อยากฟังคุณบอกว่ารัก”

“...รัก” เขาพึมพำราวตกอยู่ในภวังค์ “รักเธอที่สุด”

รักจนเต็มหัวใจ

“กอดหน่อยได้หรือเปล่า”

ขี้อ้อนอะไรอย่างนี้นะ ทั้งน้ำเสียง สีหน้า บททดสอบความอดทนถูกส่งเข้ามาขนานใหญ่ไม่ให้ตั้งตัว เกิดหักห้ามใจไม่อยู่ ไปต่อทั้งอย่างนี้ แล้วมีความสุขจนตายคาที่จะทำอย่างไรดี

ระหว่างกำลังวุ่นวายใจเช่นนั้น ดวงตาดำขลับซึ่งสะท้อนภาพใบหน้าเขาก็เคลื่อนใกล้เข้ามา..

ไม่สิ...เป็นเขาต่างหากที่เคลื่อนใบหน้าตัวเองลงไปหา ราวกับถูกดึงดูดด้วยแรงที่มองไม่เห็น

ฝ่ามือสอดเข้าไปใต้ชายเสื้อธัญญ์ แนบลงบนหน้าท้อง ไล้ไปตามกล้ามเนื้อใต้ผิวเรียบลื่น ทุกตารางนิ้วร้อนผ่าวเหมือนกำลังเรียกร้องสัมผัสที่มากขึ้นอีก

“กลับตัวยังทันนะ” เขากระซิบริมหู ขบเม้มตรงนั้นเบา ๆ ระหว่างรอคำตอบ “แบบนี้จะไม่เหนื่อยเกินไปหรือไง?”

ธัญญ์ยกมือขึ้นแนบกลางอกเปลือยของเขา ครู่หนึ่งก็เลื้อยลงไปใต้ขอบกางเกง ประคองส่วนที่เริ่มตื่นตัวจนเกินปกปิดไว้ในอุ้งมือ ขยับปลายนิ้วเพียงนิดเดียว ความปั่นป่วนก็พลุ่งพล่านแทบระเบิด

“คุณก็อย่าทำให้ผมเหนื่อยสิ”

เหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างในหัวขาดผึง

จบแค่นั้นละ เกมโอเวอร์ อย่างกับสุนัขที่ถูกฝึกมาอย่างดีว่าให้นั่งรอก่อน อดทนไว้ อย่าเพิ่งกินอาหารโอชะตรงหน้า ทันใดนั้นก็ได้รับคำอนุญาตว่า ‘เอาละ ทีนี้กินได้เลย’ พุ่งเข้าใส่อย่างตะกละตะกรามปานนั้นเลยเชียว อยากจะกลืนกินให้หมดทั้งเนื้อทั้งตัว

เจลหล่อลื่นยังอยู่ที่เดิมในลิ้นชักข้างหัวเตียง เขาควานหาเจอโดยที่ริมฝีปากยังไม่ละจากแผ่นอกคนใต้ร่างเลยด้วยซ้ำ

เมื่อหยอกเย้าตุ่มไตบนนั้นด้วยปลายลิ้น แผ่นหลังอีกฝ่ายก็แอ่นโค้งจนลอยขึ้นจากเตียง เสียงครางต่ำในลำคอเจ้าตัว เป่าความอดกลั้นของเขาที่เหลืออยู่น้อยนิดให้ปลิวหายเกลี้ยง

ทั้งกางเกงและชั้นในของธัญญ์ถูกดึงลงแล้วโยนทิ้งกระจัดกระจาย ขณะริมฝีปากเขายังขบขย้ำตุ่มเนื้อเล็ก ๆ บนแผ่นอกอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ ค่อยเคลื่อนใบหน้าลงมายังท้อง ละเลียดชิมตรงนั้นตรงนี้ไปตลอดทางจนถึงส่วนอ่อนไหวเบื้องล่างที่ค่อย ๆ เหยียดตัวตอบสนอง

เขาประคองมันไว้ในมือ จูบแผ่วเบาตรงส่วนปลายไวสัมผัส

ตอนนั้นเองที่ธัญญ์คล้ายเพิ่งรู้ตัวว่าเขากำลังจะทำอะไร ผงกศีรษะขึ้นมองทั้งดวงหน้าแดงซ่าน ส่งสายตาไม่อยากเชื่อ

“..ดะ...เดี๋ยวก่อน!” ว่าพลางลนลานเอื้อมมือลงมาคว้าใบหน้าเขาไว้ ร้องห้ามเสียงตะกุกตะกักผิดวิสัย “ไม่ต้องใช้ปากก็ได้ มันสกปร—อึ้ก!”

ไม่ได้รอให้พูดจนจบ ก็ครอบครองเอาไว้ในโพรงปาก หยอกเย้าเชื่องช้าด้วยเรียวลิ้นและกระพุ้งแก้มจนส่งเสียงเฉอะแฉะฟังดูหยาบโลน จงใจแกล้งให้คนดื้อของเขาบิดกายเร่าอย่างกับจะเอาคืนที่ตัวเองก็โดนแกล้งบ่อย ๆ 

มือของธัญญ์ที่วางอยู่ข้างแก้มเมื่อครู่ขยับแทรกเข้ามาตามเส้นผมเขา ส่วนอีกข้างย้ายมาจิกบนไหล่ ขยำไว้แน่นอย่างกับจะหาที่ยึดเหนี่ยว สีหน้าทั้งทรมานทั้งสุขสม ขณะจังหวะและความหนักหน่วงจากการปรนเปรอเบื้องล่างพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ

ธัญญ์ก้มลงมองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พักหนึ่งก็แหงนใบหน้าขึ้น หอบหายใจหนักหน่วง เค้นเสียงร้องปรามกระท่อนกระแท่นอีกหน

“..ยะ...หยุดก่อน...ผมจะ...”

ว่าอย่างนั้นขณะพยายามดันไหล่เขาออก แต่มือไม้เหมือนเรี่ยวแรงถูกสูบหายไปหมดแล้ว เหลือแต่ท่อนขาซึ่งกระตุกเกร็งจนปลายนิ้วเท้างองุ้ม เสียงหายใจหอบกระชั้นสะดุดลงเฮือกหนึ่งเมื่อถึงสุดปลายทาง

เขารับทั้งหมดนั้นไว้ในปาก กลืนกินจนถึงหยาดหยดสุดท้าย

“....คุ...ณ....”

เสียงร้องแผ่วหวิวจนเกือบถูกเสียงหายใจหนัก ๆ กลบไปทั้งหมด

“จะได้ไม่เหนื่อยไง” เขาว่า ยักรอยยิ้มกริ่ม ยกหลังมือขึ้นเช็ดมุมปาก

“..ขะ...ขี้โกงนี่...ถะ...แถมยัง... ปะ...ปาก...”  ถึงกับพูดไม่เป็นประโยค ใบหน้าแทบฝังไปกับผ้าปูที่นอน เหลือแต่ใบหูแดงแจ๋โผล่ออกมาให้เห็นใต้ไรผม ท่าทางชัดเจนว่าคงไม่เคยถูกทำแบบนี้มาก่อน “...กับ...ตรงนั้น....”

น่ารักจนทรมานใจ แต่เทวดาตัวน้อย ๆ บนไหล่ซ้ายก็กระซิบว่าจะรังแกคนเพิ่งหายป่วยต่อจริง ๆ หรือ

“พอก่อนไหม?” เขากลั้นใจถาม หางตามองเจลหล่อลื่นที่หยิบมาแต่ยังไม่ได้ใช้ แถมส่วนที่อยู่ใต้ชั้นในของตัวเองก็ยิ่งชูคออย่างเอาแต่ใจ มีปีศาจร้ายกระซิบจากบนไหล่ขวาว่าสภาพอย่างนี้จะอดใจไหวหรือ

เขายกมือปัดเจ้าปีศาจตัวจิ๋วที่มองไม่เห็น หลับหูหลับตาพูดต่อ “คืนนี้พักผ่อนก่อน”

ศีรษะอีกฝ่ายขยับนิดหน่อย ธัญญ์เหลือบมองเขาจากหลังปอยผมชื้นเหงื่อที่ปรกตา ค่อย ๆ หายใจเข้าออกช้า ๆ อยู่ครู่หนึ่งจนลมหายใจกลับมาเป็นปกติ จากนั้นพึมพำเสียงต่ำ

“ผมจะปล้ำคุณ”

“หา?”

“นอนลง” ต่อด้วยคำสั่งเสียงเรียบ “แล้วถอดกางเกงในเลย”

ไม่พูดเปล่า ยังลุกขึ้นมานั่งทำขรึม อาศัยช่วงเขากำลังงงผลักไหล่จนหงายหลัง ดึงชั้นในอันเป็นปราการชิ้นสุดท้ายลงแล้วขึ้นนั่งคร่อม ที่ทรยศสีหน้าคือสีผิวซึ่งตอนนี้ไม่ใช่แดงเฉพาะแค่ใบหน้า แต่ลามลงมาถึงอกได้แล้ว

หากจะให้อธิบายความรู้สึกต่อทิวทัศน์ตอนนี้ ต้องบอกว่าคัดจมูกอย่างกับเลือดกำเดาจะไหล

“เดี๋ยวก่อนนะ”

ถึงประกาศว่าจะปล้ำก็เถอะ แต่ท่าทางนี่คือจะขึ้นออนท็อปไม่ใช่หรือ?

“ถ้าหยุดตอนนี้ คุณภูน้อยที่ออกจะแข็งแรงไม่น่าสงสารแย่หรือครับ”

ทำหน้าจริงจังขัดกับเนื้อหาลามกที่กำลังพูดสุด ๆ แล้วยังเอามือลงมาควานตุปัดตุเป๋ พยายามจะจับ ‘คุณภูน้อย’ ที่ว่ายัดใส่เข้าไปในช่องทางซึ่งตัวเองก็มองไม่เห็น ทั้งยังไม่ได้ตระเตรียมไว้ล่วงหน้าอีกต่างหาก

“เดี๋ยวก็เจ็บหรอก”

เรื่องหูทวนลมล่ะเก่งนัก ไปอยู่ไหนแล้วนะ คนที่เพิ่งบอกว่าอย่าทำให้ตัวเองเหนื่อยน่ะ เหลือแต่คนขี้อายที่พยายามทำตัวหน้าด้าน ยกสะโพกตัวเองขึ้นสูงอย่างเงอะงะ จ่อส่วนนั้นของเขาที่ตั้งชันไว้กับปากทางด้านหลัง จากนั้นย่อเข่าทิ้งตัวลงมาอย่างสั่น ๆ

แต่ได้แค่หน่อยเดียวก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

กัดฟันกดตัวลงอีกหน่อย ยังไม่ทันถึงครึ่งทาง คราวนี้ถึงกับชะงักไป จ้องเขาทั้งดวงตาฉ่ำน้ำเหมือนจะตัดพ้อ

ภูเมศหลุดเสียงหัวเราะพรืด ไม่ไหวจะเอ็นดูแล้วจริง ๆ ยันกายพลิกตัวขึ้นจนพากันล้มกลิ้ง สลับบนล่างเป็นเขานอนคร่อมอีกฝ่ายแทน ศอกสองข้างค้ำไว้ข้างศีรษะตัวแสบที่พยายามก้มหน้างุด โน้มตัวตามไปจูบหน้าผากหนัก ๆ เป็นการลงโทษ

“พรุ่งนี้เช้าจะมาบ่นไม่ได้นะ” เขากระซิบ หมั่นไส้จมูกโด่งรั้นนั่นจนเผลองับเข้าทีหนึ่งเบา ๆ หลอดเจลหล่อลื่นกลับมาอยู่ในมืออีกหน

“ไม่บ่นหรอก” ยังมีหน้ามาตอบเสียงงึมงำ “อยากเป็นของคุณ”

ชอบพูดตรงจนใจเต้นโครมครามในจังหวะไม่คาดฝันอยู่เรื่อย จะได้อยู่ด้วยกันจนแก่อย่างที่สัญญาไหมนะ กลัวตัวเองจะตายคาอกไปเสียก่อนอย่างไรชอบกล

ดังนั้นจูบปิดปากไว้ก่อนเลยดีกว่า

ระหว่างดึงความสนใจด้วยริมฝีปาก ช่องทางเบื้องล่างก็ถูกทำให้คุ้นชินกับการล่วงล้ำด้วยนิ้วจนอ่อนนุ่ม

นานทีเดียวจนแน่ใจว่าไหว กว่าจะถอนนิ้วออกมา ค่อย ๆ ดันแทรกส่วนนั้นของตัวเองเข้าไปแทนที่ ทีละนิดจนร่างกายแนบสนิท โอบกอดธัญญ์ไว้แน่นในอ้อมแขน แลกเปลี่ยนความอบอุ่นทั้งบนผิวเนื้อ และความร้อนผ่าวจากภายในที่เชื่อมกันอยู่

ตั้งใจจะอ่อนโยนให้มาก ๆ ไม่อยากให้เจ็บเลยสักนิด

ร่างกายสอดประสานกันลึกซึ้ง เขาขยับไหวเนิบนาบเชื่องช้าครู่ใหญ่ แล้วค่อยหยัดกายกระชั้นขึ้น

ท่อนขาฝ่ายนั้นเกี่ยวรอบเอวเขา วงแขนคล้องรอบต้นคอ เสียงผิวเนื้อเปล่าเปลือยกระแทกกระทั้นกันเป็นจังหวะทุกครั้งที่ชำแรกตัวเองเข้าไปจนลึก

ในจูบก็ยังบอกรักไปตั้งไม่รู้กี่หน ถ้อยคำที่ไม่เคยคิดว่าจะพูดออกมามากขนาดนี้พรั่งพรูจากปากไม่หยุด สลับกับเสียงครางทุ้มต่ำในลำคอที่ปะปนกันจนแทบไม่รู้ว่าเป็นของใคร เขาตกหลุมรักคนคนนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้จักเข็ดหลาบ

แผ่นอกธัญญ์กระเพื่อมหนักหน่วง เม็ดเหงื่อผุดพราวบนร่างกาย ลมหายใจร้อนผ่าวระบายผ่านกลีบปากแดงเจ่อ นัยน์ตาเชื่อมต้องแสงไฟจากหัวเตียงเป็นประกายวาววับ

เบื้องล่างถูกดูดกลืนและตอดรัดจนแทบคลุ้มคลั่ง ทั้งร่างราวกับถูกเหวี่ยงขึ้นลงอยู่บนรถไฟเหาะ ทะยานสูงเสียดฟ้าและร่วงดิ่งลงสลับกันไม่หยุด

มือที่โอบแผ่นหลังเขาไว้เกร็งแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว ปลายเล็บจิกบนผิวเนื้อชุ่มเหงื่อ

“...คุ...ณ...ภู..”

ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองผะแผ่ว เจ้าของเสียงปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง เลอะเทอะบนหน้าท้องและแผ่นอกตัวเอง ครู่หนึ่ง ร่างกายที่กระตุกเกร็งก่อนหน้านี้ก็ผ่อนคลายลงจนอ่อนปวกเปียก

ทั้งที่แค่นอนเฉย ๆ อยู่ใต้ร่างเขา แต่ผิวแดงระเรื่อเต็มไปด้วยรอยจูบ ทั้งยังเปรอะเปื้อนคราบคาวของเจ้าตัว ดูยั่วเย้าเกินทานทน

กระทั้นกายอีกไม่กี่ครั้ง ก็รู้สึกเหมือนถูกเหวี่ยงขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของรถไฟเหาะ จากนั้นหล่นวูบลงไปแหวกว่ายในบ่อร้อน ๆ ที่เคี่ยวน้ำตาลไว้จนข้นคลั่ก ปลดปล่อยอยู่ข้างในร่างกายคนรัก หลังเปลือกตาราวกับมีพลุนับร้อยนับพันระเบิดออกพร้อม ๆ กัน

ครู่ใหญ่กว่าจะเห็นภาพตรงหน้าชัดเจนดังเดิม

“..ธัญญ์” เขากระซิบเรียก แต่เจ้าของชื่อนิ่งสนิท เหงื่อโซมกาย ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ เรียวปากเผยอออกน้อย ๆ

หลับปุ๋ยไปแล้ว

หลังจากเสร็จกิจเมื่อครู่ ก็ผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้นตั้งแต่เขายังไม่ทันได้ถอนกายออกมาด้วยซ้ำ

ให้ตายเถอะ ไม่ระวังเอาเสียเลย เดี๋ยวก็เผลอเริ่มอีกรอบกันพอดี กลายเป็นกระทำชำเราคนหลับไปอีก

เขาขยับตัวอย่างระมัดระวัง จัดท่าให้เรียบร้อย ตั้งใจลุกออกไปหาผ้ามาเช็ดตัวอีกฝ่ายให้หายเหนอะหนะ จะได้หลับสบาย แต่แล้วอย่างกับมีเรดาร์คอยจับ แขนข้างหนึ่งของธัญญ์เหวี่ยงมาพาดเอวเขาหมับ กอดไว้ได้ก็นิ่งไปเหมือนถ่านหมดพอดี

ภูเมศมองแขนข้างนั้นอย่างทึ่ง ๆ

เชื่อเขาเลย

สุดท้ายจึงยอมตัดใจเรื่องนั้นเสีย เอนตัวลงเคียงข้าง ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างเปล่าเปลือยของพวกเขาทั้งคู่ ใต้ผืนผ้านั้น ตัวเองยังกอดธัญญ์ไว้ในอ้อมแขนอีกชั้นหนึ่ง

อยู่อย่างนี้สักคืนคงไม่เป็นไร เช้าตื่นมาค่อยว่ากันอีกที

“ฝันดี ตัวยุ่ง” เขาพึมพำ มือโอบท้ายทอยอีกฝ่ายแนบอก

ตลกตัวเองที่บอกว่า ‘ฝันดี’ อย่างนั้น แต่เชื่อว่าไม่มีฝันไหนดีกว่าความจริง ว่ามีคนที่รักอยู่ในวงแขนแน่นอน





มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ
v
v
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2017 05:20:00 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
งวดที่ 30 (ต่อ)



วันที่ยี่สิบห้าธันวาคม

วันคริสต์มาส แต่ที่สำคัญกว่านั้น คือเป็นวันเกิดธัญญ์

ของขวัญน่ะ เตรียมไว้เรียบร้อย แอบเอาเส้นเชือกวัดรอบนิ้วนางตอนหลับเมื่อนานมาแล้ว ตั้งใจจะเตรียมให้ในวันเกิดเจ้าตัว แต่เพราะมีเรื่องราววุ่นวายขึ้นมาก่อน จึงยังไม่ได้จังหวะสักที

จนถึงตอนนี้ แหวนมานอนสงบนิ่งอยู่ในกระเป๋า เตรียมมอบให้คนที่เหมาะสม

ของก็มีแล้ว คนก็มาแล้ว เหลือแต่ทำให้ชัดเจนนี่ละ

ภูเมศล้วงกระเป๋า กุมกล่องแหวนไว้แน่น เหงื่อออกเต็มมือ แต่คิดไปคิดมากลัวมีพิรุธเลยเอามือออกมาห้อยไว้ข้างนอก
พยายามให้เป็นปกติที่สุด ตื่นเต้นอย่างกับกำลังจะขอใครสักคนเป็นแฟนครั้งแรกในชีวิตเมื่อสมัยวัยรุ่น

เย็นไว้...เย็นไว้...วัยรุ่นอะไรกัน อีกไม่กี่ปีอายุก็จะขึ้นเลขสี่แล้วแท้ ๆ แถมมันเลยขั้นนั้นไปไกลแล้วไม่ใช่หรือ เมื่อคืนยังนอนกอดรัดฟัดเหวี่ยงจนเหมือนสองร่างจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ป่านนี้แล้วยังจะตื่นเต้นอะไรอีก

เห็นว่าพร้อมภูมิเองก็มีของจะให้เหมือนกัน เตรียมไว้ตั้งแต่ตอนกลับจากค่ายทัศนศึกษาแล้ว ขนาดกับพ่อยังไม่ยอมบอกว่าเป็นอะไร บอกแค่อยากให้พี่ธัญญ์ที่บ้านมากกว่า ไหน ๆ กลับมาทันวันเกิดพอดี เลยตกลงให้เป็นของขวัญเสียเลยแล้วกัน

เขาเสียสละให้ลูกชายออกตัวก่อน ตั้งใจเก็บส่วนของตัวเองไว้ปิดท้าย ระหว่างนั้นข่มใจระงับความตื่นเต้น มัวแต่พะวงจนก้อนเนื้อในอกบีบตัวอย่างกับรัวกลอง ขนาดเจ้าแมวส้มถุงทองซึ่งได้รับคำอนุญาตกึ่งจำยอมจากเขาให้เข้าบ้านได้ เดินนวยนาดเข้ามาพันแข้งพันขาอยู่ตั้งนานกว่าจะรู้ตัว

ข้างกันนั้น พร้อมภูมิล้วงถุงเล็ก ๆ ใบหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ ทั้งที่ทำสีหน้าภาคภูมิใจ แต่สองข้างแก้มแดงเหมือนลูกมะเขือเทศ

“นี่!” กล่องเล็ก ๆ อยู่ในถุงใบนั้นอีกที เปิดออกดูพบว่าเป็นแหวนวงหนึ่ง “สุขสันต์วันเกิดครับ! ชะแว้ง!”

ถึงกับทำเสียงซาวนด์เอฟเฟกต์ด้วยตัวเอง

เจ้าของวันเกิดชะโงกมอง พร้อมกับภูเมศที่โผล่หน้ามาดูด้วยอีกคน

“แหวน?”

คุณพี่เลึ้ยงพึมพำ หยิบสิ่งที่อยู่ในถุงออกมาดูใกล้ ๆ

ตัววงน่าจะทำจากเงิน ส่วนหัวเป็นพลอยสีน้ำเงิน ตัวเองเคยศึกษาเรื่องอัญมณีอยู่บ้างในช่วงสั้น ๆ เห็นแล้วก็รู้ว่าเป็นพลอยสังเคราะห์ แม้ราคาคงไม่สูงนัก แต่เทียบกับเงินค่าขนมเด็กวัยเท่านี้ก็นับว่าสูงเอาการอยู่ดี

พร้อมภูมิอ้อมแอ้ม “สีน้ำเงินสวยดี เห็นแล้วนึกถึงพี่ธัญญ์”

คนฟังเลิกคิ้ว นึกว่าตัวเองจะชวนให้นึกถึงสีดำเสียอีก

เมื่อหยิบแหวนขึ้นส่องใกล้ ๆ พลอยสีน้ำเงินนั้นต้องแสงเป็นประกายอย่างน่ารัก ดูสดใสอย่างกับเจ้าหนูที่เลือกมันมาให้ไม่มีผิด

“แพงไหม?” เขาถาม ทำเหมือนไม่รู้ราคาเฉลี่ยของมัน “เอาเงินที่ไหนซื้อ”

พร้อมภูมิห่อไหล่น้อย ๆ เตรียมตัวโดนบ่นเต็มที่ งึมงำใต้ปลายจมูก “ไม่แพงมากครับ คุณครูบอกแถวนั้นเป็นแหล่งขาย ราคาเลยไม่แพง แต่ที่ซื้อก็เป็นพลอยสังเคระห์ เงินเก็บค่าขนมพอมีอยู่”

“ไม่เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นหรือไง” คุณพี่เลี้ยงยังถามต่อเสียงเรียบ “อย่างเช่นซื้อหุ่นรบสักตัว”

เด็กชายทำปากอูม “ไม่เอาหรอก พี่ธัญญ์ซื้อให้เยอะแล้ว เงินเก็บนี้ก็ที่เคยจะเอาไปจ้างพี่ธัญญ์กลับมาเลี้ยงแมว แต่โดนบอกว่าไม่พอนั่นแหละ”

“..อ้อ”

“ก็เลยเอามาซื้อของขวัญให้แทน พี่ธัญญ์ชอบไหม?”

ระหว่างยืนรอคำตอบอย่างหวั่น ๆ เงียบงันกันไปครู่ใหญ่ คุณพี่เลี้ยงก็คลี่ยิ้ม ไม่ใช่แค่มุมปาก แต่ยิ้มกว้างจนเห็นปลายฟันขาว ลักยิ้มบุ๋มลงบนแก้มซ้าย ดวงตาดำขยับหยีลงน้อย ๆ คนพ่อที่มองอยู่ถึงกับใจไม่ดี หนึ่งคือน่ารักเกินไป สองคือลูกชายทำคะแนนนำแถมชิงให้แหวนไปก่อนแล้วต่อหน้าต่อตา

เขากำมือ ยกขึ้นป้องปาก ตั้งท่าจะกระแอม แต่เสียงยังไม่ทันดัง ธัญญ์ก็ย่อตัวลงคุกเข่า จุ๊บกลางหน้าผากเจ้าลูกชายทีหนึ่งด้วยความรวดเร็วอย่างกับงูฉก

“ขอบใจนะ” ว่าอย่างนั้นด้วยน้ำเสียงและแววตานุ่มนวล “ชอบมาก”

พร้อมภูมิทำตาโต ร้องเฮออกมาเสียงดัง เชียร์ต่ออย่างนึกสนุก

“งั้นลองเลย ๆ ใส่ได้หรือเปล่า”

คนโตกว่าก็ดันยุขึ้น พยักหน้าหงึก เหลือบมาทางเขาแวบหนึ่ง เสี้ยววินาทีนั้นรู้สึกได้ถึงสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนเจ้าตัวจะหยิบแหวนขึ้นทาบกับนิ้วมือข้างซ้าย ท่าทางครึ้มอกครึ้มใจ

“ข้างนี้แล้วกันนะ” ตัดสินเองง่าย ๆ “สวมข้างขวาเดี๋ยวทำงานไม่ถนัด”

พร้อมภูมิพยักหน้าเห็นด้วย รอลุ้นคุณพี่เลี้ยงลองแหวนว่าจะพอดีหรือไม่

แหวนเงินถูกทาบลงทีละนิ้วอย่างใจเย็น

นิ้วหัวแม่มือ...ไม่ได้

นิ้วชี้...นิ้วกลาง คับไป

นิ้วก้อย...หลวมไป

เหลือตัวเลือกเพียงแค่หนึ่งเดียว ที่นิ้วนางข้างซ้ายของธัญญ์ซึ่งกำลังจะสวมแหวนของลูกชายเขา และดันทำท่าจะพอดีอีกต่างหาก...

ฝ่ายนั้นหยิบมันจ่อที่ปลายนิ้ว พร้อมกับช้อนสายตาจ้องเขา ค้างไว้อย่างกับกำลังเข้าพิธีวิวาห์ ขณะบาทหลวงอ้าปากประกาศว่าจะมีผู้ใดคัดค้านการแต่งงานนี้หรือไม่ 

และเขาค้าน ค้านสุดตัว

“เดี๋ยว ๆ ๆ!”

อีกสองคนชะงัก พร้อมภูมิดูงง แต่ธัญญ์เหมือนคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว รอยยิ้มเล็ก ๆ ถูกจุดที่มุมปาก

“นิ้วนั้นขอเถอะ” เขาพึมพำเสียงอ่อนใจกับตัวโต จากนั้นหันไปหาตัวเล็ก กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องนี้พ่อขอนะไอ้หนู”

ลูกชายกะพริบตาปริบ ๆ งงงวยอยู่พักหนึ่ง จากนั้นค่อยร้องอ๋อออกมา อ้อมแอ้มว่างั้นเดี๋ยวหาสร้อยมาแขวนคอแทนดีไหมพลางเกาแก้มเขิน ๆ รู้ตัวไวจนเกือบจะเรียกได้ว่าแก่แดดอย่างธัญญ์ว่าจริงแล้ว ปัญหาหลักอยู่ที่ผู้ใหญ่ซึ่งตีเนียนทำหน้าซื่ออยู่อีกคนต่างหาก

“ทำไมนิ้วนี้ไม่ได้ล่ะครับ”

นั่นไง...เริ่มแล้ว

เขามัวลนลานจนไม่ทันรู้สึกถึงแรงกระตุกเบา ๆ แถวกระเป๋ากางเกง

“ตรงนั้นมันที่ของฉันไม่ใช่หรือไง”

ธัญญ์ยกมือขึ้นมอง กระดิกนิ้วนางที่ว่าไปมา พึมพำเหมือนไม่เข้าใจ “ตรงนี้ไม่มีอะไรบอกว่าเป็นของคุณสักหน่อย”

ครู่หนึ่ง นัยน์ตาดำขลับก็ย้ายมาจ้องใบหน้าเขาแทน ตาแทบไม่กะพริบ

เขากระแอมเบา ๆ แก้เขิน

“ไม่คิดว่านิ้วนั้นมันโล่งไปหน่อยหรือ?”

ว่าพลาง ควานมือลงไปในกระเป๋า ตั้งใจจะหยิบกล่องที่เตรียมไว้ออกมา

เพื่อจะพบว่ามันหายไปแล้ว!

“เอ๊ะ!”

ไม่ใช่เสียงเขา

ครั้นเลื่อนสายตาไปมองเจ้าของเสียง ก็พบว่ากล่องกำมะหยี่เล็ก ๆ ที่เขาเตรียมไว้ตกไปอยู่ในกำมือธัญญ์เเรียบร้อย ทักษะมิจฉาชีพยังใช้การได้ดีจนทุกวันนี้

เขาเบิกตากว้าง อ้าปากพะงาบ ส่งเสียงออกมาได้แค่ “..ตัวแสบ” มองกล่องใบนั้นถูกธัญญ์ค่อย ๆ จับเปิดฝาออก

และพบกับความว่างเปล่าข้างใน

“เอ๊ะ!?”

คราวนี้เป็นเสียงธัญญ์อีกนั่นละ แต่ดูประหลาดใจของจริง ไม่ใช่แกล้งทำเหมือนเมื่อกี้ เบิกตากว้าง อ้าปากหวอ กะพริบตาปริบ ๆ อย่างน่ารัก ตลกจนอยากถ่ายวิดีโอเก็บไว้ดูเล่นอีกหลาย ๆ หน

อีกฝ่ายพลิกกล่องดูบนล่างซ้ายขวา เขย่าไปมา แคะแกะดูว่ามีกลไกอะไรซุกซ่อนไว้หรือเปล่า ก็เห็นว่าเป็นแค่กล่องเปล่า ๆ

“เอ๊ะ!” ภูเมศเลียนเสียงธัญญ์บ้าง เรียกให้สายตางุนงงนั้นเบนกลับมาทางตน

เขาล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงอีกข้างของตัวเอง หยิบห่อผ้าเล็ก ๆ ออกมาจากในนั้น...ห่อผ้าที่จงใจแยกออกจากกล่องแต่แรกเพราะรู้ทันเล่ห์กลคนดื้อ แถมเขายังทิ้งกล่องเปล่าไว้อีกกระเป๋าเป็นตัวล่อให้จิ๊กไปอีกต่างหาก

สีหน้าแปลกใจสุดชีวิตเมื่อครู่ ตอนนี้ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ ผิวเนียนขึ้นสีแดงระเรื่อทั้งหน้า ลามไปจนถึงใบหูสองข้าง ปากขยับเหมือนจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก อย่างกับปลาทองฮุบฟองอากาศ

เขากลั้นยิ้มไม่ไหว ริมฝีปากวาดเป็นเส้นโค้งแทบแตะถึงหู หยิบแหวนทองคำขาววงหนึ่งจากสองในนั้นออกมา อาศัยจังหวะตอนอีกฝ่ายกำลังอึ้ง ประคองมือซ้ายซึ่งเกือบโดนลูกชายตัดหน้าแย่งไปก่อนขึ้นมาไว้ในมือตัว บรรจงสวมแหวนลงบนนิ้วนางที่ยังว่าง

แหวนขนาดพอดิบพอดีกับนิ้ว เหลี่ยมเกสรบนเพชรเม็ดเล็ก ๆ ซึ่งฝังตัวในเนื้อทองคำขาวต้องแสงเป็นประกายแวววาม ราวกับบอกให้รู้ว่ามันมาอยู่ถูกมือในที่สุด

“จับตัวไว้ได้แล้ว”

เขาเอ่ยเสียงนุ่ม ค่อย ๆ ประทับริมฝีปากลงไปที่แหวนบนนิ้วแผ่วเบา
 
“อยู่เคียงข้างฉันนะ”

ธัญญ์ดูจะหายอึ้งแล้ว ทว่ากลับยกหลังมืออีกข้างขึ้นเช็ดตา ริมฝีปากเม้มแน่น อึดใจหนึ่งก็พยักหน้ารับ งึมงำเสียงเครือ

“พูดจริงใช่ไหม ที่จริงผมเอาแต่ใจมากเลยนะ วันหนึ่งจะทนไม่ไหวหรือเปล่า”

เขาเงยขึ้นมาดึงมืออีกฝ่ายออกจากใบหน้าเจ้าตัว ใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดหยดน้ำเล็ก ๆ ตรงหัวตาให้อ่อนโยน กดจมูกฟอดหนึ่งลงบนแก้ม

“ไม่เป็นไร เธอที่ว่าง่ายหรือเอาแต่ใจฉันก็รักมากเหมือนกัน”

“อึก..”

“สัญญาว่าจะดูแลตลอดไป”

“...ต่อหน้าลูกชายแท้ ๆ” ธัญญ์ครวญใต้ปลายจมูกแดงเรื่อ “เชื่อเลย...หน้าไม่อายสุด ๆ”

เขาเหลือบมองพร้อมภูมิ เห็นเจ้าลูกรักทำท่าอายม้วนต้วน ปิดหูตัวเองแล้วหันหน้าไปทางอื่นเหมือนไม่รู้ไม่เห็น อีกมือไม่รู้ถืออะไรอยู่ ดูหลบ ๆ ซ่อน ๆ

ท่าทางอย่างนั้น พาคนพ่อจากที่นิ่ง ๆ อยู่ได้ให้หน้าร้อนฉ่าไปด้วยอีกคน

แต่เอาเถอะ ก็ครอบครัวเดียวกันนี่นา

“ของคุณล่ะ” ธัญญ์อ้อมแอ้ม มองในถุงใบเล็กนั้นที่น่าจะยังมีแหวนอยู่อีกวงหนึ่ง

เขาก้มลงมองตาม

“เอาแหวนคุณมา” ตัวแสบเริ่มสั่งทั้งหน้าแดงซ่าน “เอานิ้วคุณมาด้วย”

เขาทำตามอย่างว่าง่าย ส่งแหวนให้ธัญญ์ ยื่นมือตัวเองตามไป อยากจะถามต่อว่าเอาหัวใจด้วยเลยไหมก็อายตัวเองแปลก ๆ

แหวนแบบเดียวกัน ถูกสวมลงมาบนนิ้วนางข้างซ้ายของเขา

เมื่อสวมให้เรียบร้อย ฝ่ายนั้นก็ทำเช่นที่เขาทำ ก้มลงจูบเบา ๆ บนแหวน พึมพำเสียงทุ้มต่ำ

“คุณเป็นของผมแล้ว”

ชายหนุ่มยิ้มรับ “เป็นมานานแล้ว ขอโทษนะที่รู้ตัวช้า”

"ไม่อยากเชื่อเลย..."

ธัญญ์โคลงศีรษะ ทว่ายังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ หยดน้ำก็ร่วงผล็อยจากดวงตาแบบไร้สัญญาณเตือน

“ธัญญ์?”

เขาเรียกเสียงอ่อน ดึงอีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน

“อย่าทิ้งผมนะ”

ภูเมศพยักหน้า ลูบผมธัญญ์เบา ๆ เข้มแข็งก็น่ารัก ขี้แยอย่างนี้ก็น่ารักเหมือนกัน

“ไม่ทิ้ง ไม่ปล่อยมืออีกแล้ว”

ว่าพลาง กวักมือเรียกลูกชายเข้ามากอดอีกคน “เจ้าภูมิก็ด้วย”

พร้อมภูมิดูลังเลในตอนแรก แต่เห็นพ่อยิ้มกว้าง มือหนึ่งกอดพี่ธัญญ์ไว้ในอ้อมแขน อีกมือกางออกรอเขาเดินเข้าไปหา ขณะที่พี่ธัญญ์ซึ่งจู่ ๆ ร้องไห้ด้วยเหตุผลที่เขาไม่เข้าใจ ก็กำลังวาดแขนอีกข้างกางออกเช่นกัน

เด็กชายยิ้มแฉ่ง ลอบกดปุ่มหยุดบันทึกวิดีโอในโทรศัพท์มือถือ อุบอิบยังไม่บอกผู้ใหญ่อีกสองคนว่าแอบถ่ายวิดีโอไว้ตั้งแต่คุณพี่เลี้ยงได้กล่องใส่แหวนมาไว้ในมือจนถึงบัดนี้ มีพลาดไปบ้างบางช่วงที่พ่อเหลียวมามอง แล้วเขาต้องรีบหันหลังหนี นอกนั้นทั้งภาพและเสียงถูกบันทึกไว้โดยสมบูรณ์

“อยู่ดูเจ้าภูมิโตเป็นหนุ่มกับฉันนะ” ภูเมศว่า ส่วนพร้อมภูมิรีบพยักหน้ารับ

“จะโตไว ๆ”

“แล้วเราก็แก่ไปด้วยกัน” ชายหนุ่มพูดต่อ รวบทั้งสองคนไว้ในอ้อมแขน เต็มไม้เต็มมือไปหมดเพราะคุณพี่เลี้ยงก็ตัวโต คุณลูกชายก็เริ่มสูงขึ้นอีกหน่อย “ตัวแน่นกันจริง ๆ เลย”

“อบอุ่นดี” ธัญญ์ว่า เช็ดหน้าเช็ดตากับไหล่เขาแบบไม่เกรงใจ “เหมือน...มีครอบครัวที่ไม่ได้มีมานานเลย”

“ไม่ใช่แค่เหมือนสักหน่อย เป็นครอบครัวจริง ๆ แล้วนี่นา”

“นั่นสิ” ลูกคู่ตัวจิ๋วทำหน้าที่ได้ดีสุด ๆ “แล้วพี่ธัญญ์อย่าลืมเก็บแหวนผมไว้ด้วยนะ”

“อือ..”

ถุงทองเดินเข้ามาคลอเคลียใกล้ ๆ เงยหน้าร้องเหมียวเสียงเล็กเสียงน้อยเหมือนอยากมีส่วนร่วม

“ก้อนขนสีส้มนั่น ไม่กอดหรอกนะ” เขารีบดักคอไว้ก่อนอย่างกีดกันสุด ๆ แต่แมวฟังทีไหน แทรกตัวจะเข้ามาอยู่ตรงกลางบ้างให้ได้ สุดท้ายก็วงแตก พร้อมภูมิหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ อุ้มถุงทองมากอดพลางโยกตัวไปมา

“เอาไปไว้หลังบ้านเลย” เขาบ่นเสียงอ่อนใจ จ้องตากับแมวอย่างไร้สาระ

“พ่อครับ สงสารมันเถอะ” พร้อมภูมิออกโรงปกป้องคนแรก

“คุณภูครับ” คนโตก็เอาด้วยเหมือนกัน ลอกคำพูดกันมาเปี๊ยบ “สงสารมันเถอะ”

สายตาเว้าวอนถูกส่งมาถึงสามคู่ ของเจ้าแมวดูใสซื่อ ของลูกชายดูใสซื่อเจือเจ้าเล่ห์นิด ๆ ท่าทางจะติดคนข้าง ๆ มา ส่วนของคุณพี่เลี้ยงต้นแบบนั้น สมบูรณ์แบบสุด ๆ ตาสวย ดำขลับ วาววับ แต่แน่นอน เบื้องหลังนั้นแสบที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย 

“จริง ๆ เลย” ได้แต่โคลงศีรษะไปมา พออ้าปากจะบ่นต่ออีกหน่อย ก็คันจมูกฟุดฟิดจนจามออกมาแทน

สองคนที่มองอยู่หัวเราะกันคิกคัก ทั้งคู่ยิ้มออกมาอย่างเปิดเผย นัยน์ตาหยีลง เริ่มชวนกันคุยว่าเที่ยงนี้จะกินอะไรดี แล้วเย็นล่ะ ขนมหลังอาหารเป็นอะไร สั่งเค้กมากินด้วยกันดีไหม พรุ่งนี้อากาศจะยังเย็นอยู่หรือเปล่า ไปโรงเรียนจะใส่เสื้อกันหนาวสีอะไรดี ไม่ไกลมีสวนสาธารณะเพิ่งปรับปรุงใหม่ เอาไว้ชวนคุณพ่อไปวิ่งออกกำลังกายด้วยกันดีกว่า ว่าแต่หนังสือเล่มนั้นอ่านจบหรือยังนะ..

ดูเหมือนจะมีเรื่องให้คุยกันได้เรื่อย ๆ ไม่จบไม่สิ้น

เขาเดินตามไปสมทบกับธัญญ์และพร้อมภูมิ ที่ตอนนี้ย้ายไปนั่งเล่นด้วยกันบนโซฟายาวใกล้ ๆ บนตักพี่เลี้ยงมีเจ้าแมวส้มกำลังย่ำเท้าไปมาหาที่นอน ครู่หนึ่งก็ขดตัวหลับปุ๋ยตรงนั้นเอง
 
ชายหนุ่มเดินอ้อมไปนั่งอีกฝั่งของโซฟายาว พร้อมภูมินั่งขนาบฝั่งขวาของธัญญ์ ส่วนเขานั่งลงเคียงข้างทางด้านซ้าย มองเจ้าแมวบนตักฝ่ายนั้นด้วยสายตาปลงตก

ครู่หนึ่ง มือซ้ายของธัญญ์ก็ยื่นมาหา หงายขึ้นวางไว้บนต้นขาเขา ขณะที่ใบหน้ายังหันไปฟังพร้อมภูมิซึ่งถูกบอกให้อ่านหนังสือยาก ๆ เล่มใหม่อีกแล้ว อ่านออกเสียงไปก็บ่นพี่ธัญญ์ไปเป็นช่วง ๆ แต่บ่นเสร็จก็ก้มหน้าอ่านต่อ

เขากุมมือธัญญ์ไว้ เอนกายพิงพนักโซฟา มองแหวนแบบเดียวกันบนนิ้วมือพวกเขาทั้งสอง

จากนี้อาจจะมีเรื่องให้ยิ้ม ให้หัวเราะ หรือบางครั้งอาจจะต้องร้องไห้ แต่ตราบใดที่ยังมีชีวิต อยู่เคียงข้างกันเช่นนี้ สุดท้ายก็จะต้องกลับมายิ้มได้อีกครั้งแน่นอน

แผลใจที่มองไม่เห็น สักวันคงจะได้รับการเยียวยาจนเหลือเพียงรอยแผลเป็นจาง ๆ ให้ระลึกถึงที่มาโดยปราศจากความเจ็บปวดอีก

ความอบอุ่นจากมือที่กุมกันไว้แผ่ซ่านมาถึงหัวใจ

เขาหลับตาลง ได้ยินเสียงธัญญ์เออออตอบถ้อยคำเจื้อยแจ้วของพร้อมภูมิเป็นบางช่วง คลอด้วยเสียงกรนครืดคราดเบา ๆ ของเจ้าแมวถุงทอง

บาดแผลเรื้อรังคล้ายกำลังสมานตัวอย่างช้า ๆ อยู่ข้างใน







- จบ -






จบแล้วค่ะ...

(แต่หลังจากนี้ เดี๋ยวจะมีตอน .5 หรือจะเรียก spin-off ดีก็ไม่แน่ใจ มาแน่ ๆ อีก 1 เพื่อให้อะไรที่ยังไม่เคลียร์ในเรื่องนี้กระจ่างขึ้นค่ะ ^_^)
//ซับน้ำตา TwT เฮ้อออออออออ


ธัญญ์เป็นนายเอกอีกคนที่ทรหดใช้ได้เลยจริง ๆ จากนี้ก็มีความสุขมาก ๆ นะ รู้สึกอย่างกับส่งลูกออกเรือน ถถถถ
ถึงจะยังดูอารมณ์ไม่ค่อยคงที่ แต่จากนี้ลุงคงจะต้องดูแลเป็นอย่างดีแน่ ๆ เชื่ออย่างนั้นค่ะ

ก่อนเขียนจบ รู้สึกมีอะไรอยากพูดตอน Talk ท้ายเรื่องเยอะแยะ แต่เอาเข้าจริง หัวว่างไปเลย
เรื่องนี้คิดไปก็โหดร้ายอยู่เหมือนกัน เทียบกับที่เคยเขียนมา ถ้าทำให้ผิดหวังที่เริ่มอ่านไปแล้วดันมาเจอบางฉากบางตอนซึ่งรับไม่ได้ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ไม่รู้จะเตือนยังไงโดยไม่ให้สปอยล์เหมือนกัน


ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านมาก ๆ ที่กรุณาอ่านมาจนถึงตอนนี้ ผ่านวันคืนอันชอกช้ำไปด้วยกันกับตัวละคร (และคนเขียนด้วย) จนถึงปลายทาง ซาบซึ้งมากจริง ๆ ค่ะ

หากมีโอกาสได้เขียนเรื่องถัดไป ก็ขอฝากตัวฝากหนุ่ม ๆ ไว้เอ็นดูด้วยนะคะ
อยากเขียนอีกหลายอย่างเลย แต่ตอนนี้จนกว่าจะถึงกลางปี คิดว่าอาจได้แต่พวกเรื่องสั้นตอนสองตอนจบ หรือไม่ก็พวกตอนพิเศษของเรื่องที่เคยเขียนค่ะ ขอเลยสอบใหญ่ช่วงกลางปีไปก่อน ค่อยคิดเริ่มเรื่องยาวกันใหม่

ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ
ปล. มีเรื่องอยากติชม ให้คำแนะนำ เม้ามอยนิยาย สามารถทักทายกันได้ทั้งในนี้ ในทวิตเตอร์ และ เฟซบุ๊คนะคะ ตามลิ้งค์ในลายเซ็นข้างล่างเลย

รักค่ะ
RainyDay

*รวบกอด*

*****บอกอีกทีว่ายังมี spin-off อีกตอนรอให้ความกระจ่างอยู่นะคะ ไปปั่นก่อน ฮา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-04-2017 23:09:36 โดย RAINYDAY »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
จบได้อบอุ่นดี จากนี้ไปจะได้มีความสุขซักที ผ่านเรื่องร้ายๆมานาน ก็สมควรเจอเรื่องดีๆ

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ zvonek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หวาาาาา จบแล้วววววว

ฮืออออออ ในที่สุดคุณธันญ์ ก็มีความสุขสักที

ฮือออ เรื่องนี้อ่านแล้วหน่วงในอกมากๆ ค่ะ

แต่ก็ชอบมากๆ เช่นกัน

ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่เขียนออกมาได้ดีขนาดนี้

งานต่อๆ ไปก็ยังจะติดตามอยู่ค่ะ


รอนะคะ ><

ออฟไลน์ MeWeaw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รักคนเขียนมากๆค่ะ :L1: :L1: :L1:

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
ชอบมาก เป็นสิงตนจบที่เต็มอิ่ม
มีความสุข มีครอบครัว มีความเข้าใจ
ธัญญ์ยังคงเป็นธัญญ์ แต่ที่เพิ่มมาคือการอ้อน
การแสดงความรู้สึกจริงๆของตัวเอง
ดีใจที่มาถึงจุดนี้ ถึงแม้จะเจ็บปวดกับอดีตไปบ้าง
แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว
ผ่านไปให้จดจำ ไม่ใช่เจ็บปวดอีกแล้ว
คุณภูดูแลธัญญ์ดีๆนะคะ
เราเชื่อว่าต่อให้ต้องเจอกับอะไรอีก
แค่กลับมามองตอนนี้ ตอนที่ผ่านความทุกข์ขนาดนี้
มันจะมีความสุขเกิดขึ้นแน่นอน
ทุกอย่างคลี่คลาย แถมมีความสุขมากๆขนาดนี้
เย้ๆๆๆๆ

ขอบคุณมากนะคะ คนเขียนแต่งได้ดีงาม
เค้าชอบทุกตอนนะ
 แม้จะร้องไห้จะหน่วง แต่เค้าว่ามันครบรส
เหมือนชีวิตคนจริงๆต้องเจอ
ไม่รู้ว่าคนที่เจออย่างธัญญ์ จะเข้มแข็งได้ขนาดนี้มั้ย
แต่เราเชื่อว่าพอมีคนที่เรารัก อย่างธัญญ์มีคุณภู
ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นได้
แม้จะช้าๆแต่ต้องดีขึ้น

 โตเร็วๆนะเด็กชายพร้อมภูมิ เอาคลิปมาขายป้าด้วย
ขอตอนพิเศษพี่ตังน้องภูมิด้วยได้มั้ย
อยากเห็นเด็กๆเต๊าะกัน ฮ่าา

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 658
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ซาบซึ้งกับนักเขียนเช่นกันค่ะ  ลงรวดเดียว2ตอน จนจบเลย

ฟินกันไป น่ารักทั้งภรรยาเก่าและภรรยาใหม่

Fin.....

 :กอด1:  :L2:  :กอด1:  :L2:

 :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:

...

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
จบแล้ว ขอให้น้องธัญ มีแต่ความสุข จบแบบอบอุ่น
น่ารักทั้งคุณพ่อคุณลูก อิอิ
ขอบคุณคนแต่งๆมากค่ะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
จบแบบมีความสุขสุดๆ น่าประทับใจมากเลย ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ basanti

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
จบได้สมบูรณ์ ขอบคุณมากค่ะ

เจอคำผิด 1 คำ "ย้อนแย้ง" เป็นความย้องแย้งที่น่ามันเขี้ยวอย่างถึงที่สุด

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jejiiee

  • cannot open this page
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เราไม่มีอะไรไม่ชอบในเรื่องนี้เลยค่ะ
นี่คือความจริงที่อยากจะบอกนักเขียนคนเก่งของเรา
ภาษา การกระทำ ทุกๆ อย่างมันกรองออกมาสวยงามที่สุด ตามฉบับของตัวละครเลย
ขอบคุณที่เขียนนิยาย ดีๆ แบบนี้นะคะ
ติดตามเรื่องต่อไปป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด