.....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 5 (18/08/17)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: .....อาการของคนหมดรัก....(ภาคเชา) ตอนที่ 5 (18/08/17)  (อ่าน 40002 ครั้ง)

ออฟไลน์ beegee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ mojiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อารมณ์คนยังรักกับคนหมดรักนี่แบบ โอยยย  :z3:
ฟิวก็เจ็บหนักส่วนเชาก็เหมือนไม่เหลือใยแล้วจริงๆ พี่มึงชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองไปไหม ลังเลหน่อยไหม
แล้วกับพายนี่ยังไง  :katai1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-06-2016 09:34:05 โดย mojiiro »

ออฟไลน์ cherilnatcha

  • การเดินทางของความคิด. ชาร์ลี (c)
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0

ต้องขอโทษทุกๆคนที่ติดตามอ่านด้วยนะคะ เราขอโทษจริงๆค่ะที่หายไปนานมาก มัวแต่วุ่นวายเรื่องของตัวเอง(ทีสิส,เรียนจบ,หางาน,ฯลฯ) ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะ

มาพร้อมกับภาคเชา... ภาคนี้...อาจทำให้เพื่อนๆ รู้จักมันมากขึ้น....เกลียดมันมากขึ้น...และสมน้ำหน้ามันมากขึ้น อย่างไรก็ตามเราหวังว่ามันจะทำให้ทุกคน ' เข้าใจ ' มันมากขึ้นนะคะ สำหรับคิงเองก็เช่นกัน ทั้งคิงและเชาไม่ได้สมบูรณ์แบบ บอกตรงๆว่ามันนิสัยเสีย...ในแบบของตัวเอง และเห็นแก่ตัว...ในเรื่องความรัก...

ยังไงก็..ขอฝากเนื้อฝากตัวฝากหัวใจฝาก ' อาการของคนหมดรัก(ภาคเชา) ' ของเราไว้อีกครั้งนะคะ  :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Mom2maM

  • DRaMa ADdiCTeD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-9
ขอมากรี๊ดสาวแตกหน่อยได้ไหม

รอมานาน
กลับมาสักที

คิดถึงนะ

ออฟไลน์ cherilnatcha

  • การเดินทางของความคิด. ชาร์ลี (c)
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0



ตอนที่ 1



หลักเลิกกับน้องฟิว ผมรู้สึกสบายใจขึ้นเหมือนได้อิสระกลับคืนมา...



ผมเที่ยวหนัก เอาให้สาสมกับที่ไม่ได้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนซะนานจนพวกมันเลิกชวนไปดื่มสักพักใหญ่ มีทั้งเพื่อนสมัยมัธยมปลาย และเพื่อนมัธยมต้นที่โรงเรียนนานาชาติสลับกันไปไม่เกี่ยงว่าจะเป็นคืนวันศุกร์-เสาร์หรือเปล่า แม้ว่าช่วงนี้จะเข้าสู่มิดเทอมแล้ว ผมก็ยังเที่ยวอยู่ดี กลางวันไปติวหนังสือ อ่านหนังสือที่หอแซคบ้าง หอสมุดมหาลัยกับกลุ่มเพื่อนบ้าง พอตกกลางคืนผมก็เปลี่ยนชุดแล้วออกมาข้างนอก



“ เฮ้ย! ว่าไงวะ ไม่เจอมึงโคตรนานเลยอ่ะเชา ” ผมยกมือทักเพื่อนแล้วสวมกอดบุ๊ค มันชกไหล่ผมพลั่ก ผมเลยชกกลับด้วยแรงที่ไม่น้อยพอกัน



วันนี้ผมมาเจอไอ้บุ๊คเพื่อนสมัยเรียนอินเตอร์ ตอนนี้เหลือกันอยู่ไม่กี่คนเพราะที่เหลือไปเรียนต่างประเทศกันหมด เลยเหมือนผมมาเจอมันบวกแก็งค์มันที่เรียนมหาลัยเดียวกันแทน บุ๊คนัดผมมาที่ผับแถวทองหล่อ



“ เออ ก็นานจริง มึงแม่งหายหัวไปเลย ” เพื่อนมหาลัยเดียวกับเพื่อนผมอีกคนหนึ่งเสริมขึ้นมา ทำเอาผมหัวเราะร่วนเพราะเมื่อก่อนผมก็เที่ยวกับแก็งค์นี้บ่อยๆ



“ โทษทีๆ กูมีแฟน... ” ผมพูดจบมันก็ยิ้มเป่าปากส่งเสียงแซวเป็นอันว่าเข้าใจกันดี



“ แล้วตอนนี้เป็นไง ”



“ เลิกแล้วอ่ะดิ มาเที่ยวได้อย่างนี้จะเหลือเหรอวะ ฮ่าๆๆ ”



“ ประมาณนั้น ” ผมยักไหล่ตอบสบายๆ ไม่ได้ทุกข์ร้อน เพราะตามตรงการเลิกกับน้องฟิวได้ถือเป็นเรื่องที่ดี ผมไม่ต้องฝืนตัวเองต่อไป และน้องก็จะได้ไปเจอคนที่ดูแลเขาได้ดีกว่าผม หลายครั้งที่ผมคิดว่าเพราะผมไม่เด็ดขาด น้องจึงยังตัดใจไม่ได้และยึดติดอยู่กับผม… มันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีและสงสารน้องมากทีเดียว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ผมไม่ได้รักน้องเหมือนเมื่อก่อนแล้ว…



“ น่ะ ถือว่ากลับมาฉลองความโสด ”  บุ๊คเข้ามาตบไหล่แล้วพาดแขนเอาไว้ อีกมือถือแก้วช็อตใส่ว๊อดก้ามาให้ “ เอาหน่อยเพื่อน… ชนครับ ”



ผมหัวเราะในลำคอ รับมาถือไว้ชนแก้วกับมัน และคนอื่นๆร่วมโต๊ะอย่างทั่วถึงก่อนจะกระดกดื่มพร้อมๆ กันรวดเดียวหมด
อื้มม… ความร้อนที่ไหลผ่านลำคอกับรสชาติคุ้นเคยของว๊อดก้านี่ทำให้ผมสะชื่นกะปรี้กะเปร่าขึ้นมาหน่อย พวกเราเริ่มคุยกันเสียงดังขึ้นเพราะเพลงที่เปิดมันชวนสนุกมากยิ่งขึ้น เริ่มแยกย้ายกันไปหาสาวที่เล็งเอาไว้ เข้าไปทำความรู้จัก ไปชวนคุย ขณะที่ผมไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ แค่แลกดื่มกับสาวชุดแดงครั้งนึงเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอไปต่อกับเพื่อนผมอีกคนแล้ว ฮะๆ



“ บุ๊ค กูไปห้องน้ำหน่อยนะ ” ผมก้มไปตะโกนบอกบุ๊กแล้วเดินออกมาฉี่ เสร็จแล้วก็ยังยืนอยู่แถวนั้นเพื่อหยิบมือถือออกมาเช็คข้อความ ตรงนี้เสียงเพลงเบากว่าบริเวณอื่น มันทำให้ผมมีสมาธิมากขึ้น และหวังว่าตัวเองจะไม่หงุดหงิดง่ายๆ…



คิง : เชา มึงอยู่ไหน



คิงทักมาราวสิบนาทีที่แล้ว ผมคงรู้สึกโอเค คิดว่ามันเป็นห่วงผม ถ้าหากว่าในอินสตราแกรมของมันไม่ได้ลงรูปบรรยากาศในร้านโชว์ดนตรีสด กับเช็คอินโลเคชั่นเป็นร้านนั่งชิลด์ไม่ใกล้ไม่ไกลจากมหาลัยของภัทร แฟนเก่าที่มันกลับมาคบกันอีกครั้ง
ภัทรมันชอบบอกให้ไอ้คิงทำอะไรที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง เช่น การรายงานว่าตอนนี้แม่งทำอะไร อยู่ที่ไหน และคิงก็เชื่อแฟนมัน มันทักผมมาบ่อยขึ้น ปกติมันจะเป็นฝ่ายที่อ่านแล้วไม่ตอบ ทว่าคราวนี้เป็นทีของผม



คิง : ล็อกห้องได้เลย คืนนี้กูไม่กลับ



‘ อ่านแล้ว ’



บางที...เรื่องแบบนี้กูก็ไม่ได้อยากรู้ว่ะ…..



คิง : เป็นเชี่ยไร อ่านแล้วไม่ตอบ



‘ อ่านแล้ว ’



ผมพ่นลมหายใจ เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วลูบหน้าตัวเอง ความรู้สึกหน่วงๆ โหวงๆ เกิดขึ้นกับผมอีกครั้ง มันเกิดขึ้นทุกครั้งที่คิงอยู่กับภัทร ผมพยายามคิดว่าสาเหตุจริงๆ มันมาจากอะไร แต่สุดท้ายผมก็คิดไม่ออกจึงเลิกคิด และปล่อยให้ตัวเองลืมๆ มันไป ทั้งที่่ลึกๆ แล้วผมคิดว่าตัวเองกลัวคำตอบนั้นมากกว่า



“ อ้าวเชา! มากับใครเนี่ย ” เสียงเรียกของผู้หญิงดังแข่งเสียงเพลงทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมามอง นกยูงเดินออกมาจากห้องน้ำและเกือบจะเดินผ่านผมไปแล้วแต่เธอก็เข้ามาทักเสียก่อน



“ อ้าว หวัดดีนกยูง ” ผมยิ้มให้นกยูง มองชุดเดรสสีเข้มที่เธอสวมอยู่อย่างไม่ชินตา ผมกับนกยูงเป็นเพื่อนร่วมคณะ แต่คนละภาค เราเจอกันในคณะบ้าง ผมเคยเห็นแต่นกยูงในชุดนักศึกษา มาเจออย่างนี้แปลกตาไปเลย “ เรามากับเพื่อน เธออ่ะ ”



“มากับเพื่อนเหมือนกัน มันเพิ่งเลิกกับแฟนอ่ะ แต่จะกลับแล้วเนี่ย ”



“ ทำไมล่ะ? ”



“ มันไปต่อแล้ว ตอนนี้เราเลยอยู่คนเดียว เซ็งมากอ่ะ กลับดีกว่า ” นกยูงบ่น ท่าทางดูหงุดหงิดเพื่อนพอควร เธอก้าวเท้าเดินแต่ก็ตัวเซเกือบล้มจากส้นสูงแบบส้นเข็ม ผมรีบคว้าแขนแล้วประคองนกยูงเอาไว้



“ แล้วกลับไงเนี่ย มีใครมารับมั้ย ”



“ ไม่ล่ะ กลับแท็กซี่ ป่านนี้ใครจะมารับ ”



“ อ้าว แล้วแฟนอ่ะ ”



“ แฟนอะไร ” นกยูงหัวเราะ “ เราไม่มี เราโสด ”



ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย เดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจ ถึงนกยูงจะไม่ได้สวยแบบดาวคณะ แต่เธอก็ไม่ได้แย่ หรือดูเป็นสาวขี้เหร่ที่ไม่มีใครมาจีบ หรือถ้าจะไม่มีก็น่าจะเพราะไม่กล้ามากกว่า นกยูงเป็นลูกคุณหนู ดูเข้าถึงยากเกินไป… แต่ไม่ใช่สำหรับผมแน่นอน



“ โม้รึเปล่า อย่างเธอเนี่ยนะ ”



“ จริง เราไม่ใช่เธอนะ ” นกยูงแล่บลิ้นมองผมด้วยแววตาล้อเลียน ผมโดนเธอแซวเข้าให้แล้ว



ตั้งแต่ปี 1 จนถึงปี 3 เพื่อนผมไม่เคยเห็นผมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักคน ผมมีแต่คนคุย เราไปเที่ยวไปกินข้าวดูหนังด้วยกันบ้างแต่ไม่มีใครที่ประกาศตัวชัดเจน จะมีก็แค่น้องฟิวที่ผมจริงจังและคบมานานเกือบปี แต่ก็นั่นแหละ...ไม่มีใครรู้(นอกจากคิง) และตอนนี้ผมกับน้องก็จบกันแล้ว



“ เราก็โสด ” ผมพูดเสียงขึงขัง นกยูงเลิกคิ้วทำหน้าล้อเลียน ผมเลยเท้าแขนกับผนังก้มไปคุยกับนกยูงที่ถึงจะใส่รองเท้าส้นสูงแล้วก็ยังสูงแค่อก “ ไม่เชื่อเหรอ?”



“ เพื่อนเราบอกว่าเชาคนคุยเยอะ วันก่อนยังไปกินข้าวกับเด็กนิเทศฯอยู่เลย ”



“ ผิดคนเปล่า?” ผมหัวเราะ “ ช่วงนี้สอบ เอาเวลาที่ไหนไปกินข้าวกับสาวเล่า…”



นกยูงท่าทางไม่เชื่อ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาอยู่ดี เธอส่งสายตาเชิญชวนผม...อย่างไม่ต้องสงสัย



“ เดี๋ยวไปส่ง ” ผมเปลี่ยนเรื่อง “ วันนี้เราเอารถมา ” เวลาผมไปกินข้าวกับนกยูง และถ้าผมไม่ได้เอารถไปเธอก็ขับรถไปส่งผมที่หอทุกครั้ง ครั้งนี้ผมเลยอาสาไปส่งเธอบ้าง ผมให้เวลานกยูงคิดไม่เร่งเร้า “ งั้นเอางี้ เรายังอยู่นี่อีกสักพัก… เปลี่ยนใจยังไงก็โทรบอกเราแล้วกัน ”



ผมยิ้มให้นกยูงแล้วถอยออกมา เดินกลับเข้าไปข้างในไปหาบุ๊ค



“ ไงมึง” มันนั่งดื่มอยู่คนเดียวที่โต๊ะ หน้าตาเซ็งๆ และสาวคนเมื่อกี้ก็หายไปแล้ว “ เป็นไรวะ?”



“ เชี่ยแม่งเซ็ง ผัวตาม ”



“ ตามมึง?”



“ ไอ้สัส!” บุ๊คตาค้อนขวาง ผมหัวเราะลั่น ก็แซวมันเล่น รู้หรอกว่ามันไม่ได้เป็น…



“ เออบุ๊ค เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ”



“ เอ้า! ทำไมรีบวะ..”



“ ไปส่งเพื่อน…บังเอิญเจอที่นี่ ” ถึงนกยูงจะยังไม่ตอบในทันที แต่ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าคำตอบจะเป็นไปทางไหน… สายตาเธอก็บอกผมซะชัดเจนขนาดนั้น



“ อ่อ…” มันมองผมด้วยสายตารู้ทัน ก่อนจะสะกิดถาม “ คนนั้นป่ะ ”



ผมมองตาม ใช่ นกยูงอยู่ตรงนั้น เธอเห็นผมแล้วก็ยกมือทัก ชี้ออกไปข้างนอก ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมาดู ปรากฎว่านกยูงโทรมาแล้วแต่ผมไม่ได้รับสาย มุมปากผมยกขึ้นยิ้มนิดๆ



“ เออ คนนั้นแหละ ”



“ นั่นเพื่อนหวานหวานนี่หว่า?”



หวานหวานก็แก็งค์เที่ยว เปลี่ยนแฟนบ่อยไม่ซ้ำหน้า เป็นแฟนเก่าบุ๊ค และเพื่อนมันอีกหลายๆคน 



“ อ้าวเหรอ?”



“ เห็นว่าได้ง่ายกันทั้งแก็งค์ แต่มึงก็ระวังหน่อยแล้วกัน ไอ้เว่นตามจีบคนนี้อยู่ ”



“ เออได้ๆ ไว้ค่อยคุย ” ผมตบบ่าบุ๊ก “ ขอบใจมาก ” แล้วผมก็เดินไปหานกยูง ให้เธอไปรอหน้าร้าน ส่วนผมก็ไปเอารถและขับออกมารับเธอ ช่วงนี้ผมได้รถเบนซ์ตากลมของมัมมาใช้ ส่วนไอ้คิงใช้มอเตอร์ไซค์ผมอยู่ ผมให้มันยืมหมด ทั้งหมวกกันน็อคสองใบ เสื้อการ์ด ถุงมือ และของอย่างอื่น คิงกับผมใส่เสื้อผ้าไซส์ใกล้เคียงกัน ของในห้องใช้ด้วยกันได้เกือบหมด...



“ โทษที รอนานมั้ย? ” ผมจอดรถหน้าผับที่นกยูงยืนรออยู่ ปลดล็อกรถประตูข้างคนขับ ลดกระจกลงและชะโงกหน้ายิ้มให้เธอ หญิงสาวยิ้มไม่ตอบผม เปิดประตูเข้ามานั่งและก็คาดเข็มขัด ผมมองชายกระโปรงที่เลิกขึ้นมาจนถึงโคนขาขาวก่อนจะเบนสายตาขึ้นไปมองถนนก่อนจะออกรถ นกยูงท่าทางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ…



ระหว่างทางผมชวนเธอคุย มีจังหวะที่ต่างคนต่างเงียบบ้างเพราะผมไม่ได้เปิดเพลงในรถ แต่ไม่นานนกยูงก็ชวนคุยเรื่องใหม่ขึ้นมาอีก เธอพูดเยอะกว่าปกติ อาจเพราะเพิ่งดื่มไปประมาณนึงช่วงดึก ไม่นานผมก็พานกยูงมาส่งถึงคอนโด เธออยู่ไม่ไกลจากทองหล่อเท่าไหร่ ยิ่งตอนดึกๆ แบบนี้ถนนโล่งยิ่งสบาย



“ ขอบใจที่มาส่ง เราไปแล้ว ฝันดี ”



“ เอ้ย..อย่าเพิ่งดินกยูง ” ผมแตะไหล่นกยูงไว้ก่อนที่เธอจะเปิดประตูรถ นกยูงหันกลับมาหาผม อมยิ้มนิดๆ และเมื่อเธอสบตาผมก็หลุบตาหนีอย่างมีจริต



“ อะไรเหรอ? ”



“ ดึกแล้ว ให้ขึ้นไปส่งที่ห้องเปล่า? ”



“ …..อื้อ เอาดิ ”
.
.
.




คิง : กูอยู่ร้านโจ๊กปากซอย เอาไรมั้ย



คิงส่งข้อความมาหาผมตอนหกโมงนิดๆ วันนี้สอบเช้า ไม่งั้นป่านนี้ผมยังนอนอยู่เลยด้วยซ้ำ…



ผมลูบหน้า คิดก่อนลงมือพิมพ์ตอบข้อความคิง



ผม : โจ๊กหมูเครื่องในใส่ไข่ พิเศษ’



ผมวางโทรศัพท์ ลุกขึ้นยืนและหยิบเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ข้างเตียงขึ้นมาสวม รีบหยิบโทรศัพท์และเขี่ยกุญแจรถ BMW ที่ห้อยด้วยพวงกุญแจชาแนลของนกยูงออกไป ผมหยิบกุญแจรถของผมตรงหัวเตียงขึ้นมาและออกมาจากคอนโดฯใหญ่โตของหญิงสาวโดยที่ไม่บอกกล่าว



ไว้ค่อยไลน์หาทีหลังแล้วกัน...



เช้าวันนี้อากาศขมุกขมัวเหมือนกับสภาวะอารมณ์ของผม มันมึนตึง หน่วงๆ โหวงๆ อธิบายไม่ถูก เพราะความจริงบางอย่างที่ผมเพิ่งจะรับรู้



เหี้ยเอ๊ย…!



เอาอีกแล้วกู หาเรื่องให้ตัวเอง…



แต่ใครจะไปคิด… ว่านกยูงจะยังซิง ในเมื่อเพื่อนนกยูงทั้งแก็งค์เที่ยว และไอ้บุ๊คก็บอกเอง ว่าเจอกับเพื่อนนกยูงบ่อย และพวกเธอก็ใช่ย่อยเหมือนกัน



ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ผมกลัวนกยูงท้อง…แต่ผม...คงไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่ถ้านกยูงอยากให้ผมรับผิดชอบครั้งแรกของเธอ…และเข้ามายุ่งวุ่นวายกับผม...



เพิ่งหมดเรื่องน้องฟิวไปเอง...เพิ่งโสดไม่ถึงเดือน...หาบ่วงผูกคอตัวเองอีกแล้วกู...



ผมนั่งนิ่งอยู่หลังพวงมาลัยสักพัก ระบายลมหายใจเฮือกใหญ่...แล้วขับรถออกมาจากคอนโดฯนกยูง…



ช่างแม่ง...เรื่องมันเกิดไปแล้ว…



ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยแม่งไป…



โทรศัพท์ผมดังขึ้นสักพักหลังจากขับรถออกมา… ผมพลิกดู กะว่าถ้าเป็นเบอร์แปลกที่ไม่มีชื่อ...ผมจะไม่รับสาย แต่ปรากฎว่าเป็นไอ้คิง ผมจึงไม่ลังเลที่จะเลื่อนหน้าจอและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู



“ ฮัลโหล ว่าไง... ”



“ มึงตื่นเช้า… ” น้ำเสียงมันประหลาดใจ แต่ผมขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง เลยตอบปัดไป



“ กูสอบเช้า แล้วไมมึงจะซื้อโจ๊กเข้ามา ”



“ กูกินอยู่ที่ร้านปากซอย ” ปกติมันไม่ค่อยกินข้าวเช้าด้วยซ้ำ อย่างมากก็ขนมปัง มันกินตอนเช้าเกินไปจะปวดท้องทั้งวัน



“ ... ” ผมคิดอะไรในใจเล็กน้อยและถามออกมา “ มึงยังอยู่กับภัทรใช่มั้ย ”



คิงไม่ตอบในทันที แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เส้นอารมณ์ของผมขาดผึง ผมไม่สามารถอดทนและหยุดตัวเองได้อีกต่อไป



“ กูไม่แดก”



“ ห๊ะ? ”



“ ถ้ามึงอยากโชว์ออฟเป็นคนดีต่อหน้ามันมึงก็ทำไป แต่อย่าใช้กูเพื่อสร้างภาพ ”



“ เชี่ยไรของมึงวะเชา ”



“ มึงแหละเป็นเชี่ยไร! มึงไม่แดกข้าวเช้า มึงไม่สนใจกูด้วยซ้ำ ซึ่งกูไม่อะไรเลยคิง แต่พอมันกลับมามึงก็เสือกจะเป็นคนดี เกิดเป็นห่วงกูขึ้นมาเหรอวะ? ตลกว่ะ! ”



“ ไอ้สัด กูไม่... ”



“ พอเหอะ กูรำคาญ ” ผมกดตัดสายทิ้งและออกรถต่อ..ถ้าหากเมื่อกี้ไม่ติดไฟแดงอยู่ผมคงขับรถชนท้ายรถคันหน้าสักคันไปแล้วด้วยความหงุดหงิด…และผมจะไม่แปลกใจเลยหากสุดท้ายตัวเองลงไปต่อยกับคู่กรณีที่มีอารมณ์เดือดดาลมากพอกัน






TBC.

 :L1: :pig4:



ขอบคุณนะคะ ยินดีที่ได้กลับมาเหมือนกันค่ะคุณ Mom2maM ดีใจที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ Mom2maM

  • DRaMa ADdiCTeD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-9
มาต่อแล้วแบบนี้
ต้องไปติดต่อเจ๊สอง หรือแอดมินคนอื่นไหมอ่ะ
เรื่องของเราจะได้กลับไปอยู่หน้าหลักนิยาย
ไม่ใช่อยู่ในหมวดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อ้าววว..มาอยู่กระทู้นี้นี่เอง
ถึงว่าไม่เห็น..ไม่เจอเรื่องนี้ นานล่ะ

แต่เข้ามาอ่านแล้วนะ
ยังเข้มข้นเหมือนเดิม

อ่านกี่ทีๆ อวัยวะที่ใช้เดินกระตุกทู๊กกกกที...ที่ได้อ่านเจอไอ่เชา
ก็มันเกลียดคนแบบนี้แบบฝังหุ่นไปแล้ว ทำไงได้นิ

จะรอวันที่อ่านแล้ว..พบว่าเชาผิดหวังประดาตาย
เค้าจะรอนะ รอวันที่สมน้ำหน้าตะเอง

รออยู่นะ
ฮ่าฮ่า

+1 ต้อนรับคนแต่ง กลับมาให้อ่านกันอีก
ขอร้องให้ลงจนจบนะ pls ชอบอ่านเรื่องนี้ จริงๆ

ออฟไลน์ cherilnatcha

  • การเดินทางของความคิด. ชาร์ลี (c)
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ตอนที่2
ทำร้ายความรู้สึก




ผมเดินออกมาจากห้องสอบมิดเทอมวิชาสุดท้าย เพื่อนหลายคนร้องออกมาอย่างกับได้ปลดปล่อยยกภูเขาออกจากอก ผมพ่นลมหายใจยาวๆ หยิบกระเป๋าเป้หน้าห้องสอบขึ้นมาและสะพายมันลงไปข้างล่างเพื่อดูดบุหรี่สักตัว ผมหยิบซองออกมาจะเคาะ แต่ไม่มีเหลือสักมวนเลยขยำซองในมือและปามันทิ้งถังขยะแถวนั้น โชคดีที่เพื่อนอีกกลุ่มเดินเข้ามาผมจึงได้เข้าไปขอดูดตัวนึกและได้คุยกัน



“ มึงหาที่ฝึกงานยังวะ... ”



ซัมเมอร์ปี 3 ขึ้นปี 4 มีวิชาฝึกงานที่ต้องผ่าน สำหรับมหาวิทยาลัยผมมีทั้งแบบที่นักศึกษาหาที่ฝึกงานเอก และติดต่อไปยังสถานที่ที่มหาวิทยาลัยจัดหาเอาไว้ให้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างหลัง



“ อ่อ พ่อกูฝากให้ละ ”



“ รีบเหรอวะ ” ผมถาม ประหลาดใจ



“ มึงไม่รีบเหรอวะ ” มันถามกลับมา ทำให้ผมได้ฉุกคิด นี่ก็ปลายเดือนมีนาคมเข้าไปแล้ว ทางมหาลัยอนุญาตให้ส่งเอกสารสถานที่ฝึกงานเพื่อออกหนังสือภายในต้นเดือนเมษายน แต่ผมยังไม่ได้หางาน หรือหาข้อมูลอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว



“ มึงทำอะไร ”



“ โรงงานแถวระยองว่ะ ”



ผมอือออพยักหน้ารับคุยกับเพื่อนเรื่องฝึกงาน มันว่ามันจะถามให้ว่ามีตำแหน่งอะไรว่างให้ผมสามารถไปฝึกงานได้อีก ก่อนผมจะแยกออกไปกินชาบูกับพวกแก็งค์ไอ้เงาะและเพื่อนมันที่อยู่ภาคโยธา ไอ้แซคสอบเสร็จมันก็รีบกลับบ้านแล้ว เห็นว่าพ่อแม่เซอร์ไพรส์ ตอนนี้มารออยู่ที่หอ



รถเงาะจอดติดเครื่องกระพริบไฟอยู่ข้างทาง ผมเปิดประตูเข้าไปเห็นเด็กโยธาราว 6-7 คนนั่งกันอยู่เต็มรถฟอร์จูนเนอร์ที่เงาะเป็นคนขับ



“ ไงมึง ”



“ ไง… ”



ผมทักเงาะและทักทายเพื่อนๆ มันในรถที่มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เบียดตัวเองเข้าไปนั่งและปิดประตูก่อนมันออกรถ



“ เอ๊ย เชา… โทรศัพท์มึงสั่นป่ะวะ? ” เพื่อนเงาะที่นั่งข้างผมถามออกมา ผมขยับตัว หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง หน้าจอสีดำสนิทแสดงหน้าต่างข้อความจากโปรแกรมแชท



นกยูง : สอบเสร็จรึยัง ไปดูหนังกัน




เป็นนกยูงที่ส่งข้อความมา ผมเลื่อนนิ้ว กดเคลียร์โนติฟิเคชั่นทั้งหมดกำลังจะเก็บโทรศัพท์ข้อความใหม่ก็เด้งขึ้นมา



คิง : วันนี้กูเอามอไซค์เข้าอู่นะ



เราไม่พูดอะไรกันสักคำตั้งแต่วันที่มันกลับมาจากหอภัทรและผมมาจากคอนโดฯนกยูง นี่ผ่านมาแล้วสองวัน และมันก็ส่งแค่ข้อความมาบอก...ว่าเอารถมอไซค์เข้าอู่…



Kเหอะ…



ผมอ่าน แต่ไม่ตอบข้อความมัน กดอินสตาแกรมเปิดดูอย่างอื่นเรื่อยเปื่อยแทน พายสอบเสร็จและลงรูปตัวเองที่อยู่ทะเลกับเพื่อนคณะนิเทศศาสตร์ ผมเห็นแล้วรู้สึกอิจฉาเป็นบ้า ทั้งที่เธอได้เที่ยวแล้วรวมถึงได้สถานที่ฝึกงานกับบริษัทค่ายเพลง พายเล่าให้ฟังหลายวันก่อน เราไปกินข้าวด้วยกันแล้วต่อด้วยดูหนังที่เธอบ่นว่าอยากดูมาตั้งแต่ตัวอย่างหนังถูกปล่อยออกมาเมื่อหลายเดือนก่อน



“ เชา มึงรู้จักพายด้วยเหรอวะ ” เพื่อนไอ้เงาะถามและชะโงกหน้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์ผมเมื่อผมเข้าโปรแกรมแชทสีเขียวทักไปแซวพายเรื่องที่เธอได้เที่ยวแล้ว ตาไวจริงๆ



ผมกำลังจะปฏิเสธ พายก็ส่งภาพเซลฟี่ที่ตัวเองทำหน้าตลกๆ มาและข้างหลังเป็นวิวทะเลหัวหิน



“ เออ ทำไมวะ?” ผมตอบเพื่อนเงาะด้วยน้ำเสียงปกติ กดปิดแจ้งเตือนแชทของนกยูงชั่วคราวก่อนที่เธอจะส่งอะไรมามากกว่านี้จนน่ารำคาญและเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงไว้เหมือนเดิม



“ เชี่ย จริงป่ะเนี่ย!! ” ไม่ใช่แค่เพื่อนเงาะที่ตกใจ เพราะไอ้เงาะเป็นคนโพล่งถามขึ้นมาเอง “ มึงรู้จักได้ไงวะ ”



“ พายอยู่หอเดียวกับกู หอเดียวกับมึงด้วยเหอะเชี่ยเงาะ มึงไม่เคยเดินสวนกับเขาบ้างเลยรึไง ” ผมเพิ่งรู้ได้ไม่นานว่าพายย้ายมาอยู่ห้องของเพื่อนเงาะที่ย้ายออกไป



“ เออ กูรู้ แต่ไม่ได้มีไลน์ ไม่ได้คุยแบบมึงนี่หว่า เชี่ยเอ๊ย! มึงจีบพายอยู่ป่ะวะ ถ้าไม่มึงแนะนำให้กูรู้จักหน่อยดิ ”



“ อ้าวไอ้สัด ตัดหน้ากู! ”



“ เดี๋ยวๆ ไอ้เติ้ล มึงมีเมียแล้วไม่ใช่เหรอวะ ”



“ เออะ! เออว่ะ กูลืม ”



“ เชี่ยเอ๊ยย! ”



แล้วประเด็นของผมกับพายก็ถูกบ่ายเบี่ยงไปยังเรื่องอื่นโดยที่ผมทำเป็นไม่รู้เรื่องและตามน้ำกับพวกมันไปจนเราถึงร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูราคาประหยัดไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ ที่นั่นผมเจอกับเพื่อนต่างภาคอีกกลุ่ม มีเด็กภาคเคมี ภาคเดียวกับนกยูงด้วย แต่ผมเดาว่าเธอคนนี้กับนกยูงไม่ได้คุยกัน ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันอย่างแน่นอน มื้อนี้จึงเป็นมื้อสบายๆ ของผม นั่งกินชาบูไปคุยไปกับพวกไอ้เงาะจนอิ่มแล้วก็แยกกลับหอ







ผมกลับมาถึงห้องช่วงค่ำๆ เปิดประตูห้องเข้ามาเห็นคิงนั่งหน้าเครียดคุยโทรศัพท์อยู่ที่โซฟา และพอมันเห็นผมเปิดประตูเข้ามาก็ลุกขึ้นและไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงด้านนอก ปิดประตูกระจกเพื่อไม่ให้ผมได้ยินเสียงสนทนากับปลายสาย



เออ เอาที่มึงสบายใจเลย!



ผมอยากตะโกนออกไปอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำ ผมกับมันไม่พูดกันอยู่ และบางครั้งผมก็รู้สึกว่าตัวเองมีความคิดแบบเด็กๆ คือถ้าใครเริ่มคุยก่อนแพ้ ผมแพ้ให้ไอ้คิงมาเยอะแล้ว และคราวนี้ผมจะชนะบ้าง



ผมโยนกระเป๋าใส่โซฟาตรงที่ๆ คิงนั่งอยู่เมื่อกี้เพื่อระบายอารมณ์ เดินไปล้มตัวนอนลงบนเตียงแรงๆ และพลิกตัวนอนหงาย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูแชท ผมเลื่อนจอไปสักครู่ก็เลื่อนกลับมาที่แชทของพายที่ผมยังค้างข้อความเธอที่ผมยังไม่ได้อ่านเอาไว้ ผมกดเข้าไปอ่านและก็คุยโต้ตอบกับเธอต่อเรื่องเรื่อยเปื่อยสัพเพเหระ มันมักจะเป็นอย่างนี้จนไม่ผมก็พายหมดเรื่องคุย เราจะหยุดคุยกันสักพัก แล้ววันสองวันต่อมา(หรืออาจจะไม่ถึงด้วยซ้ำ)ก็จะมีใครบางคนเปิดบทสนทนาใหม่



พายพิมพ์ผิดมากขึ้นๆ จนผมแปลกใจ สุดท้ายเธอคงหมดความอดทน กดวิดีโอคอลมาหาผม



“ ว่าไง... ” ผมยิ้มให้กล้อง ขณะที่หน้าจอทั้งหมดแสดงหน้าพายที่ยิ้มแก้มแดงปลั่ง ตาเยิ้มและแดงนิดๆ ผมมองเวลา นี่เพิ่งสามทุ่มแต่พายดื่มกับเพื่อนจนกรึ่ม แสดงว่าทริปทะเลที่หัวหินสนุกและไม่น่าเบื่ออย่างที่พายบ่นกับผมตอนแรก “ ยิ้มเลย เที่ยวทะเลสนุกอ่ะดิ…”



‘ ก็งั้นๆแหละ ’ พายแกล้งพูด



“ งั้นๆแต่ลงรูปถี่โคตรๆ อ่ะนะ ” ผมแกล้งถามและหัวเราะในลำคอ รู้สึกเอ็นดูพายอย่างบอกไม่ถูก



หญิงสาวกลอกตามองไปทางอื่นได้ไม่นานก็หลุดหัวเราะตามผม ไม่รู้เพราะตลกหรือเพราะเมากันแน่ ‘ โอ้ย เชาอย่ารู้ทันสิ…’ เธอว่า ยอมแพ้



“ แล้วเป็นไง สรุปนอนที่ไหน คอนโดฯ ปิงปองหรือมะนาว…”



คนแรกเป็นเพื่อนตุ๊ดอีกกลุ่มที่สนิทกับกลุ่มพาย ส่วนคนที่สองเป็นเพื่อนในกลุ่มพายเลยแต่พายไม่สนิทเท่าไหร่



ผมเคยเจอเพื่อนในกลุ่มพายคนนี้สองสามครั้ง เธอไม่ค่อยเกรงใจใคร เอาแต่ใจ และบางครั้งก็พูดโพล่งออกมาอย่างไม่รู้กาละเทศะ ครั้งล่าสุดเธอถามถึงเหตุการณ์ที่ผมโดนถล่มหน้าเฟสบุ๊คเรื่องกระทู้นั้น ทุกคนในโต๊ะเงียบกริบ รวมทั้งผมด้วย…



ตอนนั้นผมเหมือนโดนตบแรงๆ ผมหน้าชา ถึงจะยิ้มค้างอยู่เพราะเรื่องอะไรอย่างอื่นที่คุยกับกลุ่มเพื่อนพาย ผมกลับพูดไม่ออก ถึงไม่นานต่อมาผมจะเอาตัวรอดไปได้ แต่ผมก็ไม่พอใจเท่าไหร่ที่เพื่อนพายพูดถึงเรื่องนี้ คนอื่นๆ ในกลุ่มมาขอโทษผมทีหลัง โดยเฉพาะพาย...ที่ถึงกับใช้ของกินมาล่อ เธอบอกว่าจะเลี้ยงข้าว…เลี้ยงอาหารญี่ปุ่นผม ถ้าหากว่านั่นทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นจากการกระทำของเพื่อนเธอ จนตอนนี้ผมยังแกล้งหยอกพายอยู่เลยว่าเมื่อไหร่พายจะพาผมไปกินปลาดิบที่ตึกแกรมมี่



‘ คอนโดฯ ปิงปอง ตอนนี้มะนาวโดนแบนแล้ว’ พายพูดทีเล่นทีจริง



“ จริงดิ..?” ผมถามไม่เชื่อเท่าไหร่ เพราะรอยยิ้มขี้เล่นของพาย



‘ ไม่จริงหรอ ’ รอยยิ้มขี้เล่นหายไปเล็กน้อย เธอเม้มริมฝีปากเหมือนชั่งใจอยู่ว่าจะเล่าดีหรือไม่เล่าดี อารมณ์เปลี่ยนไว ผมพยายามปรับตัวให้ทัน ‘ จริงๆ เรามีเรื่องมาปรึกษาอ่ะ ’



“ อ่าฮะ ” ผมขยับตัวเล็กน้อย นอนบนโซฟาดีๆ “ ว่ามา…”



ผมกับพายคุยกันบ่อย แต่ไม่บ่อยที่บทสนทนาจะกลายเป็นเรื่องอะไรที่ซีเรียสจริงจัง หรือพายมาขอคำปรึกษาอะไร ส่วนใหญ่เป็นการคุยกันเรื่องทั่วไป วันนี้ทำอะไรมา เจออะไรบ้าง เห็นอันนี้แล้วนึกถึง หรือไม่พายก็บ่นเรื่องเพื่อนบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่พายรู้สึกว่าเพื่อนหลายๆคนไม่ชอบเธอเพราะคิดว่าเธอเฟค...แต่ก็ยังพูดดีและทำดีกับพาย



และผมก็มักจะบอกพายไปทุกครั้ง สำหรับผม พายไม่ใช่คนแบบนั้น



‘ ก็เรื่องเดิมอ่ะ...แต่คราวนี้เป็นมะนาว มะนาวมาบอกกับปิงปิง ว่าเราเฟค…’ พายเงียบไป เธอถอนหายใจและมองไปอีกทาง เวลาปกติที่พายไม่เมา เธอคงไม่กล้าพูดกับผมขนาดนี้ ‘ ที่จริงว่าเราแรงกว่านี้อีก บอกว่าเราไปอ่อยรุ่นน้องนิติฯ แอบคุยกับแฟนคนอื่น…’



ผมเงียบ ไม่ได้พูดอะไร และรอให้พายพูดต่อ ถ้าหากไอ้คิงอยู่ตรงนี้ และได้ยินบทสนทนามันคงหัวเราะเยาะผม และบอกว่าไม่แปลกใจถ้าพายจะเป็นแบบที่เธอถูกกล่าวหา เพราะพายเฟรนด์ลี่ ขี้เล่น ไม่ถือตัว และเพราะรูปร่างของพายที่ดึงดูดด้วยที่ทำให้พายดูเป็นอย่างนั้น แต่ผมจะไม่เชื่อมัน เพราะคิงมันมักจะพูดประชดแดกดันผม หรือคนที่ผมคุยๆด้วยเป็นปกติอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะไม่ค่อยยุ่งกับผม เพราะมัวแต่อยู่กับภัทรตลอดเวลาก็ตาม



‘ บอกว่าเราเป็นเมียน้อยอาจารย์เล็ก…’



ตาพายแดงก่ำ เธอยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองเหมือนเกือบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ภาพจากกล้องพายสั่น และหมุนเป็นภาพอย่างอื่น เธอคงยกมือข้างนั้นขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเองด้วย



‘ เราไม่เข้าใจอ่ะเชา เราดูเป็นคนแบบนั้นเหรอ เราทรีตเพื่อนไม่ดีเหรอ หรือเราทำอะไรผิดไป ทำไมมะนาว ทำไมใครๆ มองว่าเราเป็นคนอย่างนั้นอ่ะ…’



พอกล้องหายสั่นและผมเห็นหน้าพายชัดๆ อีกครั้งผมถึงเห็นว่าเธอไม่ได้ร้องไห้ แค่เกือบ เสียใจ เครียด ผิดหวัง ใช่… แต่พายยังไม่ร้องไห้



‘ ตอนนี้ปิงปิงก็มองเราแปลกๆ เพื่อนหลายคนก็มองเราแปลกๆ คือเราไม่รู้คนอื่นคิดยังไง แต่เราไม่เข้าใจอ่ะทำไมเพื่อนเราไม่เข้ามาถามเรา...ไม่เชื่อเราเหรอ…’



ผมว่าผมเข้าใจความรู้สึกพาย



ผมเข้าใจดีด้วย ถึงสายตาสงสัยใครรู้ และการนินทากันแค่เพื่อจะเสือกเรื่องของคนอื่น



มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ผมโดนประนามจากกระทู้พันทิป คนไม่รู้จักจากที่ไหนนักหนาพร้อมใจกันฉีกผมเป็นชิ้นๆ ประนาม ด่าทอ นินทา เหมือนผมทำผิดอะไรกับอีกฝ่ายหนักหนา รู้ดีทุกเรื่อง… ยกเว้นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง



‘ เราไม่โอเค ไม่โอเคมากๆ เลยอ่ะเชา เราพยายามยิ้ม พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น… แต่มันไม่ดีขึ้นเลย ยิ่งเราเฉย… ทุกคนยิ่งคิดว่าที่มะนาวพูดเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าเราปฏิเสธ…’



“ ‘ ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง ก็อย่าร้อนตัวสิ ’ ใช่มั้ย…” ผมถามก่อนที่พายจะพูดจบ



พายกัดริมฝีปากตัวเอง เธอคงพูดไม่ออกแต่ก็พยักหน้าเป็นการยอมรับ



ผมเงียบ เพื่อหาคำพูดดีๆ ผมพอนึกออกว่าพายจะรู้สึกแย่แค่ไหน เพราะขนาดมันเกิดกับผมที่เป็นผู้ชาย ผมยังไม่รู้สึกโอเคเลย ยิ่งพายเป็นผู้หญิง และวิธีการแสดงออกของพายไม่ได้ทำให้ใครต่อใครเลิกนินทา มันคงยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่



“ เราเคยบอกแล้ว ” ผมพูดช้าๆ เพื่อให้พายตั้งใจฟังและได้ยินชัดๆ “ เราว่าพายไม่ใช่คนแบบนั้น ”



ผมไม่สบายใจที่เห็นใครก็ตามที่อยู่ตรงหน้าผมรู้สึกแย่… พายไม่สมควรได้รับการปฏิบัติแบบนี้ และถ้าผมจะทำอะไรให้พายสบายใจขึ้นได้ ผมก็อยากจะทำ ก่อนที่ความคิดผมจะถูกขัดด้วยอะไรบางอย่าง



ปึก!



หมอนบนโซฟาถูกปาใส่หน้า ผมปล่อยมือถือร่วงใส่อก หันไปมองคนทำอย่างไม่พอใจ



“ เชี่ย…!” ผมปัดหมอนลงพื้น



ไอ้คิงท่าทางอารมณ์เสีย มันคงหงุดหงิดใครมาแล้วก็มาลงที่ผม แต่มันยังไม่พูดอะไร ผมจึงรีบบอกพายว่าเดี๋ยวจะทักเธอกลับไปแล้ววางสาย ปิดกล้อง ก่อนจะหันไปถามเหตุผลกับมันอย่างไม่เข้าใจ



“ อะไรของมึงเนี่ย!”



“ ลุก ”



“ ห๊ะ?”



“ ลุกไอ้สัตว์!”



คิงหยิบหมอนที่พื้นแล้วฟาดมันกับหน้าผมราวกับผมทำผิดอะไรมาและมันโมโหผมมากจนไม่สามารถพูดคุยกันดีๆได้



“ เฮ้ย!!”



ผมตวาดใส่มัน ลุกขึ้นยืนปัดหมอนที่กำลังจะฟาดกับตัวผมอีกครั้งจนมันกระเด็นกระดอนไปทางอื่น



นี่แม่งอะไรกันวะเนี่ยย!!! ตอนแรกพายมาระบายเรื่องของเธอกับผม คราวนี้ไอ้คิงใช้ผมเป็นที่รองรับอารมณ์ของมันเนี่ยนะ!!!!



ผมรีบเข้าไปจับข้อมือจับแขนมันล็อคเอาไว้ก่อนที่มันจะบ้าเอาของอย่างอื่นที่อันตรายกว่าหมอนมาฟาดตัวผม ไอ้คิงโมโหกว่าเดิม มันพยายามสลัดผมออกและจะถีบผมด้วย ผมรีบหลบ ยื้อกับมันไปมาแล้วผลักมันล้มลงบนเตียงด้วยแรงที่มากกว่าก่อนจะถอยออกมาห่างไอ้หมาบ้าพอสมควร



รอยมือของผมที่แขนบนผิวขาวๆของไอ้คิงแดงขึ้นมา บ่งบอกว่าผมออกแรงกับมันมากขนาดไหน แต่ผมยังไม่สนใจ



“ เป็นเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย!!!” ผมตวาด ให้มันมีสติ



“ มึงนั่นแหละเป็นเหี้ยอะไร!!! เห็นกูมีความสุขไม่ได้เหรอ!! ”



“ มึงพูดเรื่องอะไร? ” ผมงงแล้ว ไอ้คิงพูดจาไม่รู้เรื่อง แล้วผมไปขัดความสุขมันตอนไหน ให้ถูกคือมันไม่อยู่ให้ผมเห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ



“ ตอนนั้นมึงคุยอะไรกับภัทร! ”



“ ตอนไหน ”



“ ก่อนกูเลิกกับมัน! มึงบอกมันว่าเดี๋ยวกูก็เบื่อ เดี๋ยวกูก็มีคนใหม่! ”



ผมเหวอไปหลายวินาทีก่อนจะระลึกได้ เรื่องนั้นเกิดขึ้นเป็นปีมาแล้ว ผมจำได้ว่าผมเคยคุยเรื่องไอ้คิงกับภัทร ตอนนั้นไปกินเลี้ยงวันเกิดใครสักคน เพื่อนสมัยมัธยม ไอ้คิงเอาภัทรไปด้วย ภัทรอยู่ในงาน ผมเข้าไปคุยกับมัน แต่คุยอะไรบ้างผมก็นึกไม่ออกแล้วจริงๆ ผมจำไม่ได้ แต่พอไอ้คิงพูดขึ้นมา ผมก็ชักจะนึกออกแบบเลือนลาง



“ เชี่ย! นั่นมันเรื่องนานมาแล้วรึเปล่าวะ แล้วที่กูพูดมันผิดตรงไหน ”



ที่จริงผมจำไม่ได้หรอกว่าพูดอะไรไปจริงๆ บ้าง แต่ผมอยากให้ไอ้คิงเจ็บ… ให้มัน ‘รู้สึก’ อะไรบ้าง ผมจะไม่ยอมรองรับอารมณ์ของมันแล้ว



“ ไอ้เหี้ยเชา!!”



“ เออ! กูก็เหี้ยในสายตามึงตลอดนั่นแหละ!! ”



“ มึงบอกภัทร มึงพูดได้ยังไงว่ากูเจ้าชู้ ว่ากูขี้เบื่อ… กูสันดานเสีย! ”



ไอ้คิงลุกขึ้นมา มันตะคอกใส่ผมจนเสียงขาดหายไปบางช่วง แต่มันไม่สนใจมันพูดต่อ แววตาเอาเรื่องและเจ็บปวด
แม่งคงเสียใจมาก… ที่คำไม่กี่คำของผมทำให้มันเลิกกับภัทรได้ หรือไม่ แม่งก็แค่หาแพะ หาคนผิด หาคนที่มันจะโทษ คนที่ทำลายความรักของมัน ทั้งๆ ที่ไอ้คิง มึงทำตัวเองทั้งนั้น...



“ ที่มึงพูดนั่นมันนิสัยมึงทั้งนั้น! ”



นิสัยกู…? นิสัยผม..?



“ ใช่เหรอวะคิง... ” ผมเบี่ยงตัวหลบชีทใกล้หัวเตียงที่ถูกปามา กระดาษพวกนั้นกระจายเต็มพื้น “ ใครกันแน่ มึงถามตัวเองดีๆ กับไอ้เหี้ยนั่นที่โรงเรียนเก่า เด็กม.ปลาย ไอ้เหี้ยภัทร หรือใครก็ตาม ใครเป็นคนบอกเลิกใครก่อนวะคิง! ”



ผมกับมันรู้จักกันมานาน รู้ว่ามันเป็นยังไง… ผมเคยเห็นด้านที่ดีที่สุดและก็แย่ที่สุดของคิงมาแล้ว และผมยอมรับได้ แม้แต่มัม...ที่เลี้ยงมันมายังไม่เคยเห็นนิสัยเสียของคิง และผมก็ไม่คิดว่ามัมจะรับได้ด้วย



“ มึงเคยคบใครนานๆได้บ้างวะ กับไอ้ภัทร ที่มึงคิดว่ามึงรักมันมาก มึงยังคบไม่ถึงปีเลย! ”



“ เพราะมึงไง! เพราะมึงทำให้กูเลิกกับภัทร!! ”



“ กูไม่ได้ทำ! มึงถอยห่างจากมันมาเอง มึงไม่คุยกับมันเอง มึงคิดไปเอง...ว่ามันทิ้งมึง ทั้งๆที่ควาทจริงแล้วมึงนั่นแหละทิ้งมัน! ”
ผมตะคอกตอกความจริงใส่หน้าไอ้คิง ความจริงที่ผมเห็นตลอดมา ตลอดเวลาที่มันจะเริ่มความสัมพันธ์กับใคร



“ มึงมันขี้ขลาด คิง…”



“ ….”



“ มึงเริ่มต้นกับใครใหม่ไม่ได้หรอก...เพราะเดี๋ยวมึงก็จะกลัว แล้วก็วิ่งหนีจากใครก็ตามที่มึงคบและมึงคิดว่ามึงรักมันมาก ”



ผมรู้สึกดี สาแก่ใจ ที่ทำให้ไอ้คิงเจ็บได้ มันนิ่งงัน ความโกรธแค้น หรืออารมณ์รุนแรงที่มันอาละวาดเมื่อกี้หยุดไปเฉยๆ



“ กูไม่แปลกใจเลย ถ้ามึงจะอยู่คนเดียว…”



คำพูดมากมายออกมาก่อนที่ผมจะทันได้คิด และครั้งนี้มันมากซะจนไม่มีอะไรหยุดผมได้แล้ว ผมรู้ตัวตลอดว่าผมไม่ได้หมายความอย่างที่พูด ผมรู้ว่าผมกำลังทำร้ายความรู้สึกไอ้คิงอยู่ แต่ผมไม่หยุด…



ผมพอใจ..ที่ไอ้คิงเป็นฝ่ายเจ็บ เป็นฝ่ายทรมาน เป็นฝ่ายที่รู้สึกแย่จากคำพูดของผมบ้าง



“ มึงจะไปไหน หรือจะอยู่ห้องก็ไป แต่คืนนี้กูไม่อยู่ ”



“....”



“ กูจะไปรับพาย…”




TBC.

สวัสดีปีใหม่จีนค่ะ.... เกือบสามเดือนเลยที่หายไป  :o8: แต่กลับมาแล้วนะคะ สัยญว่าไม่ทิ้งค่ะ แค่หายไปนานกว่าเดิมด้วยภาระ และเหตุผลหลักๆคือ เขียนไม่ออกค่ะ ไม่มีปัยหาอะไรเลยนอหจากเรื่องนี้ ต้องปรับอยู่สักพักกว่าจะกลับมาได้

ขอบคุณคนอ่านคุ้นเคยที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะ ไม่มีคำไหนจะอธิบายได้เลยนอกจากซาบซึ้งมากๆและก็ดีมจมากๆ เราเองก็ต้องอัพเดทในนี้ต่อไปให้จบ อาจจะหายากกว่าเดิมหน่อยเวลาอัพเดท ยังไงก็ต้องขออภัยมาณ ที่นี้ด้วยนะคะเพราะความไม่รับผิดชอบของเราทำให้คนอื่นๆ ลำบาก ทั้งคุรแอดมิน โมดุ และคนอ่าน

 :o12:

ปีใหม่จีนนี้ก็...น่าจะคันกันมากขึ้นค่ะ เข้าใจความรุ้สึกอยากกระทืบเชาอย่างบอกไม่ถูกเลย  :o8: คิดเห็นยังไง บอกกันได้นะคะั

 :L1:  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2017 19:02:36 โดย cherilnatcha »

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
แม้แต่ความเป็นเพื่อน..ยังไม่อยากจะให้มันเลย

คนอะไร...รักแต่ตัวเอง
เห็นแก่ตัวชิ๊บ

มันสมควรแล้วล่ะ
ที่ในชีวิตที่เหลือ
จะไม่มีใครจริงจังด้วยเลย

อยู่คนเดียวไปเหอะ
อ้อ..ตายไปคนเดียวด้วยนะ

รักตัวเองนัก
ก็ลากไก่ไปกินในน้ำ..ให้อร่อย

ขอบคุณคนแต่ง
+1 ฮับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cherilnatcha

  • การเดินทางของความคิด. ชาร์ลี (c)
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ตอนที่3

ถ้าจะให้เลือกสักคน




ผมถือกุญแจรถ หยิบกระเป๋าตังค์ มือถือและออกจากห้อง ไม่กลับมาทั้งคืนอย่างที่ตัวเองได้ลั่นวาจาเอาไว้ พายทักมาถามผมว่าเกิดอะไรขึ้น ผมแค่พิมพ์บอกเธอไปว่าให้รออยู่ที่นั่น ผมกำลังจะไปหา



นันยิ่งทำให้พายกระหน่ำส่งข้อความมาหาผม พอผมไม่ตอบข้อความเพราะกำลังสตาร์ทรถ และเปิดโลเคชั่นชายหาดแถวหัวหินที่พายลงรูปในอินสตราแกรมและซิงค์มันกับเฟสบุ๊คล่าสุด รูปพายกับวิวทะเลมีคนไลค์ประมาณ 300 คนได้ แต่ผมไม่สนใจ เพราะผมแค่เข้าไปเพื่อกดเปิดโลเคชั่นนั้นในกูเกิ้ลแมป



ตอนนั้นเองที่พายโทรเข้ามา โทรศัพท์ผมยังไม่ทันส่งเสียงดังดี ผมก็กดรับสาย



“ ว่าไง…” ผมว่า เอี้ยวตัวไปมองกระจกหลังและถอยรถออกจากซอง หมุนพวงมาลัยก่อนจะขยับมือเปลี่ยนเกียร์เป็นเดินหน้า แล้วขับรถออกจากที่จอดของหอพัก



‘ เชาหมายความว่ายังไง’ พายถาม เสียงตกใจร้อนรน



“ ก็ตามนั้น” ผมว่า แม้แต่ตัวเองยังไม่แน่ใจว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ผมแค่รู้ว่า ตอนนี้ผมไม่อยากให้พาย...ที่กำลังเจอกับปัญหาต้องเผชิญกับมันคนเดียว



‘ จะมาหาเราที่หัวหินเหรอ?’ เธอยังถาม เหมือนยังไม่อยากเชื่อ ก่อนหน้านี้พายคงกรึ่ม เมาประมาณหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมว่าเธอสร่างแล้ว ที่จริงต้องบอกว่าสร่างตั้งแต่เธอเริ่มเล่าเรื่องที่เพื่อนเธอนินทาเธอให้ฟัง



“ ใช่ เราออกรถมาแล้ว…”



‘ เชา…’ เธอว่า เหมือนไม่รู้จะพูดอย่างไร ‘ ไม่ต้อง...ก็ได้…’


“ ไม่ได้ ” ผมว่า ขณะที่กำลังเลี้ยวรถออกจากซอยหอพัก “ พายบอกเราเอง ว่าตอนนี้ไม่โอเค ”


‘ แต่เราอยู่ตั้งหัวหิน…’


“ แค่หัวหิน เราขับรถไปชั่วโมงกว่าๆก็ถึงแล้ว” ตอนนี้สามทุ่มกว่าเกือบสี่ทุ่ม ผมถึงหัวหินไม่เกินเที่ยงคืน


‘ เชา เราเกรงใจ…’



“ เราไม่อยากให้เธออยู่คนเดียว ”



ในหัวผมไม่มีความรู้สึกแอบแฝงอย่างอื่นเลยนอกจากเป็นห่วงพายจริงๆ ผมรู้ว่ามันทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ สักคนรู้สึกแย่ได้แค่ไหน และผมก็รู้ด้วยว่า ผู้หญิงทำร้ายกันเองได้แสบและเจ็บยิ่งกว่าอะไร ผมไม่ใช่ผู้หญิง ไม่เข้าใจว่าพวกเธอคิดอะไรอยู่ แต่อะไรที่ผมช่วยให้พายรู้สึกดีขึ้นได้ ผมก็อยากทำ…



‘ ….’



“ ชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว…” ผมว่า รู้ว่าพายไม่สามารถปฏิเสธผมได้



‘ ...ก็ได้ ’ พายตอบในที่สุด เธอพูดต่อ เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ‘ …….รีบมานะ ’






ผมมาถึงพายในอีกชั่วโมงถัดมา เพราะถนนโล่งและผมก็ขับเร็วกว่าปกติ ตอนนี้เวลาห้าทุ่มกว่าๆ ผมจอดรถหน้าคอนโดฯยี่สิบชั้นที่พายส่งโลเคชั่นมาให้ทีหลัง และเดินเข้าไปข้างในล็อบบี้ที่ผมบอกให้เธอรอผมตรงนั้นจนกว่าผมจะมา



พายไม่ได้อยู่ตรงล็อบบี้ ผมเดินหาไม่นานก็เห็นผู้หญิงผมยาวนั่งอยู่คนเดียวที่สระว่ายน้ำด้านหลังล็อบบี้ ผมจึงเดินเข้าไป
เธอนั่งริมสระน้ำคนเดียว เอาขาจุ่มน้ำ ไม่มีกระเป๋าหรืออะไรทั้งนั้นนอกจากโทรศัพท์ติดตัว พายกดโทรศัพท์เลื่อนหน้าจอไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ เธอก็ยังไม่รู้ตัว จนกระทั่งผมเรียก



“ พาย”



พายสะดุ้ง หันมามองผม



“ เชา…” เธอฝืนยิ้มให้ หน้าตาเหนื่อยและอิดโรย แต่เธอดูดีใจ ที่ผมมาถึงสักที



ผมส่งยิ้มกลับอย่างเข้าใจความรู้สึกพาย ยื่นมือให้เธอดึงเพื่อลุกขึ้น



พายถอนหายใจยาว ก่อนจะพยักหน้า ยิ้มมากขึ้นและก็จับมือผม ผมดึงพายให้ลุกขึ้นจากน้ำ และเมื่อเธอลุกขึ้นยืนแล้วก็บีบมือเธอแน่นๆ ให้กำลังใจ



เวลาที่อ่อนแอ ใครๆ ก็อยากได้คนอยู่ข้างๆ ทั้งนั้น



“ ไปเอาของกัน เดี๋ยวเราไปส่ง ”



ผมไม่ได้ปล่อยมือพาย จูงมือเธอพาไปที่ลิฟต์และให้พายกดไปยังชั้นที่เพื่อนเธออยู่ เราไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาสักคำ



ผมเป็นคนเคาะประตูห้อง ไม่นานก็มีคนมาเปิด



“ โอ๊ยอีพาย… มาสักทีนะยะ ก็ว่ามึงหายไปไหน….ตั้งนาน…” ปิงปอง เพื่อนตุ๊ดของพายเป็นคนมาเปิดประตู เธอชะงักไปที่เห็นผมยืนอยู่ตรงนี้และพายจับมือผมอยู่ข้างหลัง



“ เรามารับพาย ขอเข้าไปเอาของหน่อยนะ…” ผมพูดแทนพาย และจูงมือพายเข้าไปข้างใน เพื่อนพายดูตกใจ รีบเบี่ยงตัวหลบ



“ อุ๊ย! เชิญค่ะๆ…”



มะนาวนั่งอยู่ตรงโซฟารับแขกกับเพื่อนอีกสามสี่คน พวกเธอหยุดคุยกันและหันมามองผมกับพายเขม็ง ผมมองกลับไป พวกเธอตกใจหลบสายตากันไปคนละทาง



“ เรารอนี่นะ…” ผมบอกพายและยิ้มให้เธอ พายพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้องๆ หนึ่งในหลายห้องโดยที่ไม่มองหน้าเพื่อนคนไหนทั้งนั้น



บิ๋ม เพื่อนสนิทในกลุ่มของพายเดินเข้ามาหาผม สีหน้าเธอไม่สบายใจและกังวล



“ เชา...คือ…”



“ เรารู้เรื่องหมดแล้ว ” ผมพูดก่อนที่บิ๋มจะพูดจบ น้ำเสียงผมเอาเรื่อง ผมรู้ว่าพวกเธอรู้ว่าถ้าผมโมโหขึ้นมาจะเป็นยังไง ทั้งเรื่องที่ผมชกกับไอ้ขวัญกลางห้องเลคเชอร์ (แน่นอนมันถูกเอาไปใส่สีตีไข่จนหาความจริงไม่ได้) หรือเรื่องที่ผมถีบโต๊ะในแลป ระเบิดกลางห้องเรียนใส่เพื่อนร่วมเซคทุกคนที่มองผมแปลกๆ ทำให้ไม่ค่อยมีใครอยากให้ผมโกรธ โดยเฉพาะตรงนี้ที่มีแต่ผู้หญิง
บิ๋มไม่กล้าที่จะสบตาผม



“ มีอะไรก็มาถามดิ ไม่ใช่ทำแบบนี้ ” เอาเพื่อนไปนินทา ต่อหน้าพูดอย่าง ลับหลังพูดอีกอย่าง…



แม่ง… ผมไม่อยากด่าผู้หญิง



ทั้งห้องเงียบกริบ ผมจ้องเขม็งไปที่มะนาว เธอทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่พูดอะไร ส่วนคนอื่นๆ หน้าเจื่อนกันหมด



พายเปิดประตูออกมาจากห้องพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง เธอมองรอบๆ อึดอัดใจ



ผมเอากระเป๋าพายมาถือไว้เองแล้วจูงมือพายออกไปจากห้อง พาเธอออกมาจากตรงนั้น






“ หิวรึเปล่า อยากกินอะไรมั้ย ”



ผมถามหลังจากที่เราขับรถออกมา ยังอยู่ในหัวหินแต่ไกลจากคอนโดฯเพื่อนพายมาแล้ว ผมไม่ได้ชวนพายคุยแบะพายก็ไม่พูดอะไรจนกระทั่งตอนนี้



“...”



“ ว่าไง?”



ถามซ้ำ แต่พายตอบกลับกันคนละเรื่อง



“ ขอบคุณนะ…”



ผมนิ่งไปนิด แล้วก็หัวเราะขำออกมา พายมองผมเหมือนทำหน้าไม่ถูก



“ ขำอะไร..”



“ ขำเธอ…” ผมว่า “ รู้ใช่มั้ยว่าตอบคนละเรื่องกับที่เราถามเลย…”



พายมองผม มุ่นคิ้วและเม้มริมฝีปากเพื่อกลั้นยิ้มกว้างมากขึ้นและมากขึ้น



“ แล้วตกลงหิวมั้ย?”



“ ...หิว ” พายพูดในที่สุด “ เจอเซเว่นแล้วแวะให้ด้วย เราจะซื้อขนม ‘เยอะๆ’ เลย ”



“ อ้วนนะ กินขนมตอนดึก ”



“ ….” พายมองหน้าผม ตาค้อนนิดๆ ก่อนเบะริมฝีปาก “ เบิร์นได้ ”



“ ใช่เหรอ…?” ผมถาม แกล้งเลิกคิ้วสูงแล้วมองพาย เท่าที่ผมรู้จักพายมา พายไม่ใช่ผู้หญิงเฮลตี้ รักการออกกำลังกายขนาดนั้น



“ เราวิ่งนะ ” เธอพูดเสียงสูง เหมือนผมเพิ่งจะดูถูกเธออย่างมาก “ เชาเถอะ ออกกำลังกายบ้างหรือเปล่า ”



ได้ยินอย่างนั้นถึงกับหลุดขำ ไม่รู้ว่าพายดูไม่ออกหรือพยายามแกล้งไม่สนใจ เพราะหุ่นผมดูก็รู้ว่าออกกำลังกายหนัก ถึงมวลไขมันมากขึ้น ลีนกล้ามเนื้อไม่ชัดเท่าตอนปี 3 เทอมหนึ่ง ที่ผมเข้าฟิตเนสและคุมอาหาร(กว่าตอนนี้) แต่มันก็ไม่ดูแย่หรืออ้วนฉุเลย



“ ถามจริง?” ผมกระเซ้า มองพายล้อเลียน



พายมุ่ยหน้าแล้วกลอกตาไปทางอื่น ผมหัวเราะมากกว่าเดิม



“ โอเคๆ ก็ได้ ไว้วันไหนไปวิ่งกัน ตอนเช้าหรือเย็นดี?”



“ เชาวิ่งเช้าเหรอ?” พายถาม ท่าทางไม่เชื่อ



“ หึ ” ผมส่ายหน้า “ วิ่งเย็น เช้าเราไม่ตื่นหรอก ฮะๆๆๆๆ ”






อาทิตย์ถัดมา…



ผมเข้าไปพบอาจารย์ในคณะ เขาเรียกผมเข้าไปคุย ไม่ได้บอกว่าเรื่องอะไร แต่ผมพอจะเดาได้ว่าเป็นเรื่องที่ผมกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งมหาลัย หรือไม่ก็เรื่องที่ผมยังไม่ส่งจดหมายเรื่องสถานที่ฝึกงาน



ผมไหว้เขา ลากเก้าอี่นั่งลงหน้าโต๊ะในห้องทำงานที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว



“ เชา คุณมีปัญหาอะไรที่ผมควรรับรู้หรือเปล่า?”



อาจารย์ก่อสอนวิชาเทอร์โมไดนามิก ผมเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นญาติห่างๆ หลังจากเข้ามาเรียนที่นี่ ผมกับอาจารย์ก่อนามสกุลเดียวกัน ผมนับญาติไม่ค่อยถูก เพราะญาติฝั่งมัม ญาติฝั่งแม่ของผมเยอะเหลือเกิน รวมญาติกันทีทักทายจนเหนื่อย ผมดีใจที่มัมไม่ค่อยไปหรือพาผมไปงานรวมญาติ ส่วนหนึ่งเพราะผมบอกมัมว่าไม่อยากไป อีกส่วนคือผมเคยได้ยินผู้ใหญ่คุยกัน...เขาไม่นับญาติกับแม่ผมที่เป็นบ้านเล็กเศรษฐีแขกตุรกี…แต่กลับเอ็นดูผม และปฏิบัติกับผมค่อนข้างดี



“ ผมเป็นญาติคุณนะ ถ้ามีอะไรคุณก็บอกผมได้ ”



“ …”



“ อาจารย์หมายถึงเรื่องอะไรครับ?” ผมลองถาม



“ ป้าคุณ พี่นิ่ม เขาบอกผมว่าเป็นห่วงคุณเรื่องฝึกงาน ”



อ่อ…



“ คุณสนใจอยากฝึกที่บริษัทที่ไหนหรือเปล่า ผมดูเกรดคุณ ไม่เลว คะแนนภาษาอังกฤษคุณก็ดี ถ้าคุณอยากไปฝึกงานที่ญี่ปุ่นหรือเยอรมัน ผมก็จะติดต่อให้ ”



ผมเงียบ นิ้วเคาะโต๊ะครุ่นคิด อาจารย์ก่อไม่ได้พูดอะไร เขาปล่อยให้ผมทำอะไรตามใจ บางทีผมก็คิดว่าที่ญาติผมเป็นอย่างนี้เพราะอะไร…



สงสารที่ผมเป็นลูกบ้านน้อย



ที่แม่แท้ๆของผมทิ้งผมไว้กับป้าตั้งแต่เด็ก



ที่ครอบครัวฝั่งพ่อไม่เคยมาดูดำดูดี



หรือเพราะมัม ป้าผม ที่นอกจากสามีจะเสียแล้ว ยังต้องมาเลี้ยงหลานด้วยตัวคนเดียว…



ผมไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวผมให้ใครฟัง… แม้แต่เพื่นสนิทก็ไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้



“ ผมต้องบอกคำตอบอาจารย์เมื่อไหร่ครับ? ”



ผมยังไม่อยากตัดสินใจตอนนี้ มันเร็วเกินไป ถ้าเลื่อนไปได้ ผมก็อยากให้เวลาตัวเองได้คิดก่อน



“ คุณส่งเอกสารเดือนเมษายน ถูกมั้ย ให้คำตอบผมก่อนเดดไลน์สักอาทิตย์แล้วกัน เดี๋ยวผมจัดการให้ ”



ง่ายดีว่ะ…



ผมไม่คิดว่าอาจารย์ก่อจะฝากงานให้ผม



“ ขอบคุณครับ ” ผมยกมือไหว้ “ ผมไปได้แล้วใช่มั้ย…”



อาจารย์ก่อไม่ตอบ เขาเริ่มพูดต่อ ผมจึงยังนั่งอยู่ที่เดิม รู้สึกตัวชานิดๆ เมื่อได้ยินเรื่องสิ่งที่อาจารย์ก่อพูดต่อไป



“ ผมได้ยินข่าวที่ไม่ดีเท่าไหร่เรื่องคุณ ”



“ …”



“ เรื่องมันเป็นมายังไง คุณบอกหน่อยได้มั้ย…”



อะไรทำให้ผมคิดว่าเขาจะไม่รู้เรื่องนี้วะ… หรืออย่างน้อยผมก็คิดว่าพวกอาจารย์จะไม่ใส่ใจเรื่องของนักศึกษา



ผมเอนหลังพิงเก้าอี้ อยากหยิบโทรศัพท์ออกมากดหรือทำอะไรก็ได้เพื่อไม่ให้อาจารย์ก่อพูดเรื่องนี้ต่อ



“ เชา ผมเข้าใจคุณนะ ผมก็เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน…”



ผมเรียบเรียงคำพูด พยายามคิดว่าเขาถามให้มัม หรือถามเพื่อแค่ตอบคำถามคนอื่นเกี่ยวกับญาติของตัวเองถูก



“ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ ” ผมว่าในที่สุด หลังยังพิงพนักพิงเก้าอี้อยู่ มือวางบนพนักวางแขน “ อาจารย์ได้ยินอะไรมา มันไม่ใช่แบบนั้น ผมไม่ได้เป็นแบบที่เขาพูดกัน ”



แล้วผมก็ลุกขึ้นยืน คิดว่าผมคงไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว อาจารย์ก่อไม่ได้ว่าอะไร เราคุยกันนิดหน่อยและผมก็ออกมาจากห้อง



พายเงยหน้าขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงเปิดประตู เธอเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋า เดินมาหาผม



“ เป็นไง อาจารย์ว่าอะไรรึเปล่า ซีเรียสมั้ย ” เธอถามอย่างเป็นห่วง



หลังจากวันที่ผมไปรับพายที่หัวหินเราก็ตัวติดกันมากขึ้น ยิ่งอยู่หอเดียวกันเจอกันก็ง่าย คุยกันก็ง่าย ผมได้เข้าห้องพาย และก็เห็นว่าในห้องพาย...มีอะไรที่ผมคาดไม่ถึงเหมือนกัน



มันคือตุ๊กตากระต่ายตัวใหญ่ที่กินพื้นที่บนเตียงไปมากกว่าครึ่ง ผมนึกไม่ออกเลยว่าหอเราไม่ได้จัดเตียงขนาดควีนไซส์ไว้ให้ พายจะนอนตรงไหน พายตั้งชื่อให้ด้วย มันชื่อ ‘ น้องสมชาย ’



และอีกอย่างก็คือ พายยังใช้สบู่แบบเดิมกับที่ไอ้คิงเคยมาเคาะประตูห้องขอยืมไปเมื่อเดือนสองเดือนก่อนอยู่



“ ไม่ได้ว่าอะไร ถามเรื่องฝึกงานเฉยๆ ” ผมตอบ ยักไหล่ “ หิวยังเธอ ไปหาอะไรกินกัน ”



“ อื้อ ”



พายเริ่มเข้าใกล้ผมมากขึ้น ขณะที่หลังจากผมทะเลาะกับคิงครั้งใหญ่วันนั้น มันก็ห่างออกไป จนตอนนี้ผมไม่เห็นมันกลับมานอนที่ห้องสามวันแล้ว



เราไปกินบุฟเฟต์ปลาดิบแถวอโศกและเดินเล่นที่ห้างตรงนั้น พายซื้อของนิดหน่อย ผมรอเธออยู่หน้าร้านเครื่องสำอาง รู้สึกเลยว่าตัวเองไม่ได้มาทำกิจกรรมแบบนี้นานมาก ตั้วแต่ช่วงเปิดเทอมใหม่ๆ ที่ผมไปกับน้องฟิว ตอนที่ยังไม่ได้บอกเลิกน้อง…



ตอนนี้ผมอยู่ในร้านเสื้อผ้า นั่งเล่นโทรศัพท์รอพายลองเสื้อ หน้าจอโชว์ข้อความจากโปรแกรมแชทไลน์ และโชว์ข้อความจากนกยูง…



ผมไม่ได้ตอบข้อความเธอสามสี่วันแล้ว ผมเลยกดเข้าไป



นกยูง : เชาอยู่ไหน
นกยูง : คืนนี้ไปปาร์ตี้วันเกิดหวานหวานมั้ย?



และพิมพ์ข้อความตอบนกยูง…



ผม: หวานหวานชวนเราเหรอ



ผมถาม จงใจไม่ตอบคำถามแรกของนกยูง ผมกับหวานหวานรู้จักกันผ่านๆ แทบจะไม่เคยคุยกันด้วยซ้ำ ผมรู้แค่เธอเป็นแฟนเก่าเพื่อนผมที่โรงเรียนเก่าหลายๆคน ส่วนเธอก็แค่รู้ว่าผมเป็นเพื่อนของเพื่อนของเธอ



นกยูง: ชวนดิ
นกยูง: พวกบุ๊คก็ไปนะ



ไม่เห็นไอ้บุ๊คบอกผม ผมทักไลน์ไอ้บุ๊คไป



ผม: วันนี้วันเกิดหวานหวาน
ผม: มึงไปป่ะ



ไอ้บุ๊คอ่าน และก็ตอบข้อความผมทันที



บุ๊ค: ไปๆ ทำไมวะ



ผมเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม คิดว่าจะตอบอะไรมันดี แล้วก็กดพิมพ์ข้อความต่อ



ผม: นกยูงมาชวนกู
ผม: ไอ้เว่นจีบนกยูงถึงไหนแล้ววะ



ผมหวังว่ามันจะไม่รู้ว่าผมได้นกยูงไปแล้ว ไอ้เว่นค่อนข้างสนิทกับหวานหวาน บุ๊คบอกผมว่ามันเรียนคณะเดียวกับเธอ ที่จริงผมก็ไม่สนิทกับโอเว่นเท่าไหร่เหมือนกัน มันเป็นเพื่อนของเพื่อน เคยเรียนโรงเรียนเดียวกับผม แต่ผมลาออกก่อนที่มันจะเข้า



บุ๊ค: ก็เรื่อยๆว่ะ
บุ๊ค: นกยูงตามติดมึงแจเลยเหรอวะ
บุ๊ค: 555555



“ เชา เราเสร็จแล้วนะ ไปกันยัง?”



“...”



“ ...เชา?”



“ พาย คืนนี้ว่างมั้ย” ผมถาม “ เราอยากชวนไปด้วยกันหน่อย ”




---------------------------------------------



ตอนที่ 3 มาแล้วค่ะ แล้วเรื่องนี้ก็จะพังมากขึ้น... พังแบบพินาศจริงๆ :เฮ้อ:
ขอบคุณคนอ่านที่ยังอยู่ด้วยกันนะคะ

 :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ Mom2maM

  • DRaMa ADdiCTeD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-9
รออย่างใจจดจ่อว่าเมื่อไหร่เชาว์จะรู้ตัวว่าผิด

ออฟไลน์ cherilnatcha

  • การเดินทางของความคิด. ชาร์ลี (c)
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ตอนที่ 4
แล้วจะต้องเสียใจ




หวานหวานเหมาร้านนั่งชิลล์บนดาดฟ้าตึกเอาไว้สำหรับจัดปาร์ตี้วันเกิดของเธอ ผมไม่แปลกใจเลยที่เปิดประตูลิฟต์ดาดฟ้าออกมาแล้วเห็นคนเกือบห้าสิบคนแน่นร้าน หวานหวานคนรู้จักเยอะ และตั้งแต่ผมรู้จักเธอมาจากบุ๊คมันจะแปลกมากกว่าถ้าหากหวานหวานจัดปาร์ตี้เล็กๆ



“ ป่ะ เดี๋ยวเราพาไปรู้จักเพื่อน ” ผมบอกพาย ดึงมือเธอให้เดินใกล้กันมากขึ้น พายกวาดตามองรอบๆ ดูไม่ได้ตื่นเต้นกับบรรยากาศอย่างนี้ ดูชอบด้วยซ้ำโดยเฉพาะเพลงที่ร้านนี้เปิด ผมบอกไม่ได้ว่ามันเป็นเพลงแนวไหนแต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่เพลงป๊อปดาษดื่น มีจังหวะสนุกๆ และดนตรีแหวกแนวแบบที่ผมไม่ค่อยได้ยินบ่อยๆ



ผมพาพายเดินไปทางมุมนึงของร้านที่เพื่อนผมยืนกันอยู่ ไอ้บุ๊คและคนอื่นๆ ยกมือทักผมและดูประหลาดใจมากที่ผมพาใครอีกคนมาด้วย พวกมันมองพายตาไม่กระพริบ ผมเห็นแล้วอดหัวเราะไม่ได้ ปล่อยมือพายแล้ววางมือบนไหล่เธอและชี้ไปที่เพื่อนผมทีละคน



“ พาย นี่ไอ้บุ๊ค เพื่อนเรา ” ผมว่า และก็แนะนำเพื่อนจนครบทุกคน พายยิ้มให้เพื่อนผมอย่างเป็นมิตรจนบางคนถึงกับเคลิ้มไป ผมเห็นแล้วไม่แปลกใจเพราะวันนี้พายโคตรสวย ตั้งแต่จูงมือเธอเข้ามา...ผมนับได้เกินห้าแล้วที่มองพายแบบไม่เกรงใจผม โอเว่นที่จีบนกยูงอยู่ก็อยู่ตรงนั้นด้วย จากตอนแรกที่มันเขม่นมองผม ท่าทางมันเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นพาย มันไม่ได้เข้ามาทักตบไหล่ผมสนิทสนมแบบเพื่อนหรอก แต่แค่มันไม่มองผมเหมือนอยากเข้ามาต่อยทุกครั้งผมก็โอเคแล้ว



ด้วยความที่พายเป็นคนเฟรนด์ลี่ ไม่นานเธอก็ได้เพื่อนคุย เป็นกลุ่มผู้หญิงที่เป็นเพื่อนเก่าห้องเดียวกับผม เธอเข้ามาทักผมเราไม่เจอกันนานโคตรๆ พอพายคุ้ยเคยกับกลุ่มผู้หญิงแล้วผมเลยหลบออกมาคุยกับไอ้บุ๊ค มันส่งซิกเรียกผมออกมาคุยหลายรอบ
“ ไงมึง ” ผมว่า ยักคิ้วให้มัน สั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์และนั่งคุยกับบุ๊คตรงบาร์



“ ไงเชี่ยอะไรล่ะ ไหนมึงบอกว่าเพิ่งเลิกกับแฟนไงวะ ไวชิบหาย... ” มันว่า สั่งเบียร์ขวดบ้าง



“ ก็เพิ่งเลิกไง... ”



ผมตอบแบบไม่ได้ช่วยอะไรบุ๊คเท่าไหร่ ว่าไปผมบอกเลิกน้องฟิวเมื่อไหร่วะ… ครบเดือนหรือยัง ไม่แน่ใจเลย อาจจะนานกว่าล่ะมั้ง



“ เออๆ แล้ววันนี้นกยูงเจอมึงยังวะ ” บุ๊คพูดแหย่ ผมแทบสำลักแก้วเครื่องดื่มที่เพิ่งยกขึ้นจิบ



“ สัด.. ” ผมว่า มองมันสายตาเชิงตำหนิแล้วใช้หลังมือถูกปาก



ผมเห็นนกยูงสองสามรอบแล้ว ร้านไม่ได้เล็กแต่ก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น แต่ผมก็หลบเธอมาได้จนถึงตอนนี้ นี่เป็นอีกสาเหตุเหมือนกันที่ผมไม่เข้าไปแสดงความยินดีกับหวานหวาน และเอาลิปสติกของขวัญวันเกิดที่ให้พายช่วยเลือกเมื่อตอนบ่ายให้เธอสักที
ไอ้บุ๊คหัวเราะชอบใจ มันเปลี่ยนเรื่องและวกกลับมาถามผมเรื่องพายอีกว่าผมกับเธอเจอกันได้ยังไง ผมเลยเล่าให้มันฟังถึงตอนที่สบู่ในห้องหมดแล้วไอ้คิงลงไปเคาะห้องพาย มันได้ยินแล้วยิ่งหัวเราะขำใหญ่โต บุ๊คก็รู้จักคิง ผมว่ามันจิตนาการตามออกว่าถ้าตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้นมันจะตลกและสะใจขนาดไหน ไม่บ่อยที่ไอ้คิงจะอยู่ในสภาพดูไม่จืด นี่เห็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้นานๆ ครั้งทีเดียว



พูดถึงคิงแล้ว สถานการณ์ระหว่างผมกับมันไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไหร่… หลังจากผมใจเย็นลงแล้วผมรู้สึกเสียใจที่ทำแบบนั้นกับมัน ผมรู้สึกผิด รู้สึกว่าตัวเองโคตรเหี้ยเลยที่พูดแบบนั้นกับมัน ผมรู้ว่ามันเซนสิทีฟเรื่องนี้แค่ไหน… มันกลัวการอยู่คนเดียวตั้งแต่ที่พ่อกับแม่มันประสบอุบัติเหตุ



หลายครั้งที่ผมอยากขอโทษมัน แต่ผมก็พูดไม่ออก… และผมก็รู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ไอ้คิงไม่คุยกับผม มันทำเหมือนผมไม่อยู่ในห้องด้วยซ้ำ นี่เป็นอีกเหตุผลเหมือนกันที่ทำให้ผมอยู่ห้องพายนานขึ้น ไปห้องพายบ่อยขึ้น



เพราะผมโคตรอึดอัด… เวลาอยู่ห้องกับไอ้คิงแค่สองคน…



ผมคุยกับบุ๊คค้างไว้เพราะเหลือบไปเห็นนกยูงอีกครั้ง ผมหยิบแก้วขึ้นมาแล้วหันหลังให้เธอ



“ กูไปก่อนนะ” และยกแก้วกระดกดื่มให้หมดก่อนจะรีบเดินไปทางอื่น คิดว่าคงสลัดนกยูงหลุดแล้วผมจึงเดินเข้าห้องน้ำ ทำธุระ ล้างมือล้างหน้าและก็เดินออกมา แต่แล้วผมถึงกับชะงักกึก



นกยูงยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ แสดงสีหน้าหลายอย่างออกมา ทั้งหงุดหงิด, ไม่พอใจ, และไม่เข้าใจ นกยูงพยายามยิ้มให้ผม มันไม่ได้ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาสักนิด



“ เราว่าแล้วว่าเราเห็นเชา ทำไมมาแล้วไม่เห็นบอกเลย ” เธอว่า เดินเข้ามาหาผม “ ไปกันๆ ไปอวยพรวันเกิดหวานหวานกับเราเลย.. ” นกยูงเข้ามาจับแขนผมและออกแรงดึง ผมเดินตามเธอไปอย่างเสียไม่ได้ นกยูงปล่อยมือจากแขนผม ผมเผลอนึกว่าตัวเองจะรอดแล้วแต่เธอกลับเปลี่ยนมาจับมือผมแทน นกยูงหันมายิ้มให้จนผมต้องปล่อยเลยตามเลย



แต่ก่อนที่นกยูงจะได้เข้าไปทักหวานๆไอ้บุ๊คก็เดินเข้ามาหาพวกเราซะก่อน



“ โห เชี่ยเชา มึงมาอยู่นี่เอง กูหาตั้งนาน ” มันว่า ทำเหมือนผมกับมันไม่ได้คุยกันเมื่อไม่ถึงสิบนาทีที่แล้ว “ มานี่กับกูเลยไอ้ห่า เพื่อนคิดถึงมึงมากอ่ะ ”



ไอ้บุ๊คกอดคอผมและก็ทำเนียนตกใจ “ อ้าว นกยูงว่าไง ” เชี่ย… ผมเกือบหลุดขำ หน้าตามันตอแหลชิบหาย “ โทษทีๆ กำลังจะไปไหนกับเชาป่ะเนี่ย ไม่ใช่ป่ะ งั้นเดี๋ยวเราสองคนมานะ ” แล้วมันก็ลากคอผมเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ไม่ทันฟังเสียงคัดค้านหรือมองหน้าเหวอๆของนกยูงด้วยซ้ำ



พ้นตรงนั้นแล้วผมถึงกับหลุดขำออกมา



“ เชี่ยบุ๊ค มึงแม่ง.. ”



“ กูเนียนมั้ยล่ะมึง มึงติดหนี้กูนะ คราวหน้าเลี้ยงเหล้าด้วย ”



“ เออๆๆ ” ให้เลี้ยงมากกว่าเหล้ายังได้เลย ผมนึกว่าจะไม่รอดแล้วเมื่อกี้ “ ขอบใจว่ะ ”



“ ไม่เป็นไรเพื่อน แต่เกือบไปแล้วนะมึงอ่ะ ไอ้เว่นแม่งจ้องมึงเขม็งเลย ” มันว่าลูบหลังผมขึ้นลงพลางทำหน้าสยอง บุ้ยไปทางโต๊ะอีกฝั่ง ผมมองตามสายตาไอ้บุ๊คไปเห็นโอเว่นกำลังมองผมอยู่ สายตามันไม่เป็นมิตรเอาซะเลย



ผมส่ายหน้าแล้วกลอกตามองทางอื่น จีบหญิงไม่ติดเองแล้วก็มาพาลผมเนี่ยนะ ตลกว่ะ ต่อให้มันเป็นเพื่อนไอ้บุ๊คผมก็เริ่มหงุดหงิดนิดๆแล้วเหมือนกัน



“ มึงเห็นพายป่ะ ”



“ พายเหรอ เห็นนะ นั่งอยู่กับแก็งค์สาวๆมั้ง อ่อ นั่นไงๆ ” มันชี้ไปที่กลุ่มสาวๆตรงนั้นที่กำลังนั่งดื่มนั่งคุยกันอยู่ท่าทางสนุก
“ เออ งั้นกูไปหาพายก่อน ขอบใจมากนะเพื่อน ” ผมตบไหล่มันและไม่ลืมบอก “ เรื่องไปดื่มมึงนัดกูมาอีกที ช่วงนี้กูว่างเรื่อยๆเลย ”



ไอ้บุ๊คยักคคิ้วกลับเป็นเชิงรู้แล้วและมันก็แยกเดินไปทางอื่น ส่วนผมตรงเข้าไปหาพายและก็ทักเพื่อนผู้หญิงที่ตัวเองรู้จัก



“ อ้าวเชา ว่าไง ”



“ นั่งด้วยดิ ” ผมยิ้มให้พวกเธอ และก็มองที่นั่งตรงโซฟาข้างพาย



“ โอ๊ย! จ้ะ!! ไม่ต้องมองเราขนาดนั้น ลุกแล้วค่ะลุกแล้ว ”



พวกเธอหัวเราะและก็ลุกให้ผมได้นั่งข้างพาย พายหันมาและมองผมนิดๆ ผมจึงเลิกคิ้้วกลับไปเป็นเชิงว่าตัวเองทำอะไรผิดเหรอ เธอพ่นเสียงหัวเราะแล้วก็ส่ายหน้า



“ นี่กำลังคุยกับพายอยู่พอดี เพิ่งรู้ว่าพายรู้จักกับเฮียฉันด้วย เป็นเพื่อนกันใช่ป่ะพาย ”



“ อื้ม รู้จักป้องตั้งแต่ปี 1 เลย ป้องมาจีบเพื่อนเรา ”



เชาปล่อยให้พายคุยกับสาวๆอีกสักพักก็ชวนเธอไปหาหวานหวานและเอาของขวัญวันเกิดให้เธอสักที ผมแบมือให้พายจับและก็จูงมือเธอเดินไปหาเจ้าของวันเกิดที่กำลังคุยกับเพื่อนอีกกลุ่มอยู่ท่าทางสนุก และที่สำคัญคือนกยูงก็อยู่ตรงนั้นด้วย



“ หวานหวาน แฮปปี้เบิร์ธเดย์ครับ ” ผมว่าและเอาถุงกระดาษสีดำแปะแบรนด์เด่นหราให้กับเจ้าของวันเกิด



“ หูยย ขอบคุณนะเชา ” เธอยิ้มหวานรับถุงของขวัญไปและก็เผื่อแผ่รอยยิ้มมาให้ถึงพาย “ พาใครมาด้วยเนี่ย ”



ผมยิ้มตอบเธอและกระชับมือพายดึงเธอให้มายืนใกล้กันมากขึ้น “ หวานหวานนี่พาย พายนี่หวานหวาน เจ้าของวันเกิด ”



“ เบิร์ธเดย์นะ มีความสุขมากๆ ” พายยิ้มน่ารักและอวยพรให้เหมือนกับหวานหวานเป็นเพื่อนคนหนึ่งของตัวเอง หวานหวานชวนพวกเราถ่ายรูปและก็ให้เพื่อนผู้หญิงอีกคนในกลุ่มช่วยถ่ายให้ ผมหันไปสบตานกยูงแว่บหนึ่ง เธอมองผมด้วยสายตาตัดพ้อและผิดหวัง ผมไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากหลบสายตาของเธอ







ผมพาพายกลับราวๆเที่ยงคืน ผมดื่มไปนิดหน่อย มีชนแก้วกับเพื่อนบ้างแต่ไม่เมาเพราะรู้ว่ายังไงผมก็ต้องขับรถกลับอีก นิ้วผมเคาะพวงมาลัยขณะที่ฟังเพลงรักจังหวะช้าๆจากคลื่นวิทยุตอนดึก



“ ชอบเพลงนี้จัง ” พายพูดขึ้นมา เธอหันมามองผมพลางยิ้มเล็กน้อย ผมหันกลับมามองเธอและส่งยิ้มกลับ ผมหันไปมองถนนอีกครั้งเพิ่มเสียงให้จากปุ่มเพิ่มเสียงที่พวงมาลัย “ อันนี้วิทยุใช่มั้ย หรือเปิดแผ่น? ”



“ วิทยุน่ะ ” ผมตอบ ชี้ที่หน้าจอเล็กๆ มันมีเลขคลื่นวิทยุขึ้นอยู่



“ ก็ว่า ” หญิงสาวว่าเสียงกลั้วหัวเราะ ผมอดมองหน้าเธอไม่ได้ เวลาพายยิ้มมันดูน่ามอง และเวลาที่พายหัวเราะ เสียงหัวเราะของเธอฟังแล้วเหมือนออกมาจากใจและอยากจะยิ้มตาม



“ ทำไม ถ้าเป็นแผ่นจะเซอร์ไพรส์เหรอ? ”



“ นิดนึงนะ ” พายหัวเราะ “ เชาดูไม่ฟังเพลงแบบนี้อ่ะ ”



“ แล้วคิดว่าเราฟังเพลงแบบไหนล่ะ ” ผมแกล้งถามหยอดพายไปอีก “ เขาบอกว่ารสนิยมฟังเพลงจะบอกว่าเราเป็นคนนิสัยยังไงนะ พายคิดว่าเราเป็นคนยังไงล่ะ ”



“ นี่เราต้องเล่นเกมจิตวิทยาด้วยรึเปล่าเนี่ย หรือเกมทายใจแบบในเว็บ ” ถึงพายจะเบี่ยงเบนไปเรื่องอื่นแต่ท่าทางเธอไม่ได้ไม่อยากตอบคำถาม “ อืมม อย่างเชาอ่ะ เราว่าเชาต้องฟังเพลงร็อคแน่ๆ ”
ผมหัวเราะ “ แบบนี้ใครก็เดาได้ป่ะ ผู้ชายส่วนใหญ่ก็ฟังเพลงร็อคกันทั้งนั้น ”



“ เอ้า! หรือไม่จริงล่ะ ห้ามปฏิเสธนะว่าเชาไม่ฟัง Linking Park หรือ Maroon5 ”



“ มั่วแล้วๆ ” ผมส่ายหน้า “ ก็เคยฟัง แต่ไม่ได้ชอบขนาดนั้น เธอพูดเพราะรู้จักแค่สองวงอ่ะดิ ”



“ เปล๊า! ” พายเสียงสูง แต่สายตาเธอกึ่งค้อนกึ่งขำผม เธอตีแขนผมที่วางอยู่บนเกียร์ “ โอ๊ย.. อย่ามาล้อเลียนเราสิ ”



“ ไม่ได้ล้อเลย จริงจังสุดแล้วเนี่ย ”



“ เชื่อตายเลย ” เธอกลอกตาหนี ผมเห็นแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้



“ โอเคๆ เอาดีๆไม่เล่นแล้ว เพลงร็อคอ่ะถูก แต่เรื่องวงที่ชอบอ่ะไม่ถูกนะ ”



“ วงดนตรีมีตั้งเยอะ ใครจะไปเดาได้ ”



“ เรายังเดาเธอถูกเลย เธอชอบเพลงลุลา เรารู้ ”



พายเงียบ เม้มปากมองผมด้วยสายตาอึ้งๆ “ รู้ได้ไงอ่ะ ”



ไม่รู้ก็แปลกแล้ว.. พายแชร์เพลงศิลปินคนนี้บ้าง และก็ติดตามข่าวศิลปิน ล่าสุดเธอเพิ่งถ่ายรูปเซลฟี่กับศิลปินคนโปรดลงในอินสตาแกรมเมื่อเดือนก่อน



“ เราเก่ง ” ผมว่าและยักคิ้ว พายย่นคิ้วและมองผมแบบไม่เชื่อแม้แต่นิดเดียวแต่สุดท้ายก็หลุดขำออกมา



เพลงในวิทยุจบลงและเพลงใหม่ก็ขึ้นมา มันเป็นเพลงรักอีกเพลง หลายปีแล้วแต่ถูกเรียบเรียงและร้องใหม่โดยนักร้องผู้หญิง พายยิ่งยิ้มเข้าไปใหญ่ เธอเอนหลังพิงเบาะและหลับตาฟัง ดื่มด่ำไปกับเพลงและบรรยากาศเงียบๆ ตอนกลางคืน



“ พาย ”



“ หืม ”



“ เราถามอะไรเธอหน่อยดิ ”



“ อืมฮึ ”



“ วันนี้พายโอเคเปล่า ”



พายลืมตาขึ้นมาและหันมามองผมด้วยความแปลกใจ และประหม่านิดๆ “ โอเคดิ เชา..มีอะไรรึเปล่าเนี่ย? ”



“ ถ้าเราจะชวนออกมาข้างนอกบ่อยๆ ชวนไปกินข้าว ชวนไปดูหนัง ไปนั่งรถเล่นอ่ะ พายโอเคเปล่า ” ผมเหลือบมองเธอสลับกับมองถนน แยกข้างหน้าไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงพอดีผมจึงค่อยๆชลอรถจอด



พายเริ่มมีเซนส์จับสังเกตอะไรบางอย่างได้ แววตาที่เธอมองผมมันเปลี่ยนไป ทั้งเพลงและแสงไฟกับความเงียบสงบตอนกลางคืนสร้างบรรยากาศโรแมนติก เธอยิ้มเม้มริมฝีปาก และพยักหน้า



“ โอเคดิ ”



คราวนี้ผมเอามือที่วางอยู่บนเกียร์ไปกุมมือพาย ค่อยๆจับมือและยกมือเธอมาวางบนตักของผมเอง ผมมองสบตาพายไม่หลบ จ้องตาเธอนิ่งด้วยความแน่วแน่ ผมว่าผมตัดสินใจไม่พลาด



“ แล้วถ้าเราขอเป็นแฟนอ่ะ โอเคมั้ย? ”



พายยิ้มแก้มปริ เธอมองตาผมและก็หลบสายตาด้วยท่าทางเขินอาย ...ไม่มีทางที่คำตอบของพายจะเป็นการปฏิเสธผมได้อย่างแน่นอน







นกยูง : เชาทำแบบนี้หมายความว่ายังไง



ผมเปิดอ่านข้อความของนกยูงหลังจากกลับมาถึงห้องและอาบน้ำเสร็จ เธอส่งข้อความมารัวไม่หยุดจนผมต้องกดปิดการแจ้งเตือนแชทของเธอไปด้วยความรำคาญ ผมเพิ่งแยกจากพายเมื่อกี้ ผมเดินไปส่งเธอที่ห้องและก็ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าการจับมือเลย



นกยูง : ทำไมเชาถึงมากับพายได้



นกยูง : รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่



นกยูง : เชา อ่านข้อความเราหน่อย



นกยูง : เชา ไม่อ่านเราจะโกรธจริงๆแล้วนะ



นกยูง : ทำไมเพื่อนเราถึงบอกว่าพายเป็นแฟนเชา มันเกิดอะไรขึ้น แล้วเราล่ะเชา




ในไลน์มีทั้งข้อความและคอลล์ไลน์ที่ผมไม่ได้รับสาย การแจ้งเตือนขึ้นเป็นร้อยกว่าในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง อะไรเธอจะส่งข้อความมาได้ถี่ขนาดนี้ ไม่เบื่อบ้างรึไงวะ… ผมคิดอย่างหงุดหงิด กำลังจะกดลบบทสนทนาเพื่อเคลียร์โนติฟิเคชั่นสีแดง ข้อความใหม่จากนกยูงก็ถูกส่งมา



นกยูง : เราอยู่หน้าหอเชาแล้ว มาหาเราได้มั้ย เราจะรออยู่นี่ทั้งคืนนี่แหละ



แม่ง… ผมไม่น่ายุ่งกับเธอตั้งแต่แรกเลย ไหนไอ้บุ๊คบอกว่ากลุ่มนกยูง กลุ่มหวานหวานพวกนี้เก็บแต้มไม่ใช่รึไง ทำไมนกยูงตามติดผมแจเฉยเลยวะ



ผมหยิบโทรศัพท์ กระเป๋าตังค์และกุญแจห้องก่อนจะเดินกลับลงไปข้างล่างหออีกครั้ง เมื่อผมเปิดประตูออกมามองไปทางาลาดจอดรถผมก็เห็นรถ BMW คันเดิมของนกยูงจอดดับเครื่องอยู่ นกยูงเปิดประตูลงมาจากรถ เธอเดินมาและยิ้มเหมือนดีใจที่เจอผม



“ เชา.. ”



แต่กลับกัน ผมไม่ดีใจเท่าไหร่ที่ได้เจอนกยูง



“ จะคุยเรื่องอะไร ” ผมถามเสียงห้วน ประหยัดถ้อยคำ “ นี่ตีสองกว่าแล้ว พรุ่งนี้เรามีเรียนเจ็ดโมง เธอก็ควรรีบกลับบ้านเหมือนกัน มันดึกแล้ว ”



“ ทำไมเชาพูดแบบนี้ล่ะ เราอุตส่าห์มาหานะ เรารอยูตั้งนาน! ”



ไม่ได้บอกให้เธอมาเลย ทั้งหมดนี่เธอทำเองตัดสินใจเองทั้งนั้น ผมคิดอย่างนี้แต่ไม่อยากพูด เพราะไม่ว่าผมจะพูดหรือไม่พูด นกยูงก็มองว่าผมผิดอยู่ดี



“ โอเค เราขอโทษ ” ผมถอนหายใจ “ ขึ้นรถไป เดี๋ยวเราขับไปส่งที่คอนโดฯ ”



นกยูงมีท่าทีสดใสขึ้นมา เธอเข้ามากอดผมแน่น “ ขอบคุณนะเชา ” บอกแล้วก็ผละออกมา ส่งกุญแจรถให้ผมก่อนจะเดินกอดแขนผมไปที่รถ ผมนั่งตำแหน่งคนขับแทน สตาร์ทเครื่อง ปรับเบาะรถและพนักพิงก่อนจะขับออกไป…



สุดท้ายผมก็นั่งแท็กซี่กลับหอตอนหกโมงเช้า ไปอาบน้ำแต่งชุดนักศึกษา หยิบซองฟอยล์สี่เหลี่ยมชิ้นใหม่ในเก๊ะออกมาใส่ไว้ในกระเป๋าตังค์แทนที่ชิ้นเก่าที่ถูกใช้ไปเมื่อคืน



ผมหยิบชีทวิชานอกใส่กระเป๋า หากุญแจรถมอไซค์ด้วยความเคยชินเพราะตอนเช้าอย่างนี้ถ้าเอารถไปไม่มีที่จอดแน่ แล้วผมก็ต้องชะงัก เพิ่งนึกออกว่าคิงมันใช้มอเตอร์ไซค์อยู่ผมเลยวางกุญแจเอาไว้ที่เดิม เปิดประตูออกจากห้องไปเงียบๆอย่างไม่ต้องการรบกวนคิงที่นอนหลับคลุมโปงหันหลังให้ผมอยู่บนเตียง



เห็นวินมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านมาผมเลยโบกเรียกและบอกเขาว่าไปที่คณะแทน และอีกสิบนาทีผมก็ถึงตึกเรียน ผมหยิบเงินจ่ายค่ารถและเดินไปหาไอ้แซค ผมเห็นมันแว่บๆอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนหน้าตึก



“ เฮ้ย! มึง...กูมีเรื่องจะบอกว่ะ.. ” ผมทักและตบไหล่เรียกไอ้แซคที่นั่งเหม่ออยู่ วางกระเป๋าบนโต๊ะและนั่งลงตรงข้ามมัน ว่าจะบอกมันเรื่องที่ผมกับพายเป็นแฟนกันแล้ว แต่เห็นท่าทางมันหงอยมึนซึมผมเลยเปลี่ยนเป็นถามมันแทน “ เฮ้ย.. เป็นอะไรวะ ”



“ เปล่า.. ” ไอ้แซคส่ายหน้า แล้วก็มองผมเหมือนกำลังชั่งใจ ท่าทางลังเล



“ เป็นอะไรมึง มีเรื่องอะไรก็บอกกูดิ ”



“ ... ”



“ ว่าไง? ”



“ มึง.. ถ้ากูบอกมึงแล้วมึงสัญญาได้ป่ะวะว่ามึงจะไม่บอกใคร ”



ผมเลิกคิ้วแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าแซคมันเป็นอะไร ท่าทางมันมีลับลมคมในและก็ลำบากใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนมันอัดอั้นตันใจมาจากไหนก็ไม่รู้



“ ได้ดิ มีอะไรวะ ”



“ กู… กูอกหักว่ะเชา ” น้ำเสียงหมดอาลัยตายอยาก “ คนที่กูชอบเขามีแฟนแล้ว ”



อ้าวเชี่ย… เพื่อนผมไปชอบใครตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมผมไม่รู้เลย แล้วอีกอย่างแค่เรื่องที่มันอกหักต้องเป็นความลับอะไรขนาดนี้?



“ ใครวะ ” ผมเลิกคิ้วถาม เห็นพาวเวอร์แบงค์ของแซควางอยู่บนโต๊ะก็เพิ่งนึกออกว่าแบตโทรศัพท์ผมเหลืออยู่แค่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น “ เออ กูยืมหน่อยนะ ” ไอ้แซคพยักหน้าแล้วผมก็เอาโทรศัพท์มาเสียบกับสายชาร์จของมันทันที



“ คิง ”



“ หือ? ”



“ คิง วิทยาฯปี3 รูมเมทมึงอ่ะเชา... ”



“ เฮ้ย! ” ผมตกใจ ไม่อยากเชื่อว่าแซคแม่งเป็น ผมเห็นมันไม่เคยมีแฟนจนถึงปี 3 ก็คิดว่ามันแค่เป็นพวกคุยเงียบๆ ไม่เปิดเผย เพราะไม่อยากให้คนรู้เยอะซะอีก “ เดี๋ยว แล้วมึงไปรู้จักมันได้ยังไง ” มันไปคุยกันตอนไหนวะ?!



“ รู้จักผ่านเพื่อนของเพื่อนอีกที เจนนี่อ่ะ แต่มึงไม่น่ารู้จัก... ” มันว่าแล้วก็ถอนหายใจ



ผมเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มตัวเอง… แซคเดาผิด เพราะผมรู้จักเจนนี่และกลุ่มเพื่อนกลุ่มนั้น ผมเคยคุยบ้าง เจนนี่เป็นเพื่อนสนิทไม่กี่คนของคิง แต่ผมไม่ได้สนิทมาก อย่างนึงคือสมัยเรียนอยู่คนละห้อง มหาลัยก็อยู่คนละที่ และอีกเหตุผลคือผมไม่ค่อย..ว่าไงดีล่ะ.. ผมรู้สึกคุยกับเกย์ที่สาวมากๆไม่ได้ ผมไม่ได้รังเกียจหรือเหยียดอะไร แต่แค่รู้สึกว่าไม่สามารถเป็นเพื่อนที่สนิทด้วยได้ ผมมีแต่เพื่อนผู้ชาย และพอเป็นผู้หญิง.. หรือใครก็ตามที่มีความเป็นเพศหญิงมันไม่เหมือนผู้ชาย… ผมไม่สามารถสนิทด้วยแบบนั้นได้



“ กูต้องทำยังไงวะเชา คิงถึงจะหันมาชอบกู... ”



“ ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ” ผมไม่ได้ตอบคำถามเพื่อน น้ำเสียงผมนิ่งจนตัวผมเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ ผมอยากรู้ว่าแซคมันไปรู้จักคิงตั้งแต่เมื่อไหร่และนานแค่ไหนแล้ว ผมไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกตัวเองอย่างไร มันตื้อ มึนตึง และชาๆ ชั่ววูบหนึ่งที่ผมอยากกระชากคอแซคมาถามว่ามันมีอะไรกันหรือยัง แต่คิดอีกที… ผมว่าผมรู้คำตอบอยู่แล้ว



“ ก่อนปีใหม่ว่ะ ” มันพูดเสียงค่อย “ แต่ถ้ามึงจะถามว่ากูเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่… กูเป็นของกูตั้งนานแล้ว แต่กูไม่กล้าเปิด ที่บ้านกูเคร่ง.. แล้วไอ้เชี่ยขวัญแม่งยังเกลียดเกย์อีก.. แต่ช่างแม่งไปเหอะ ป่านนี้แม่งไม่นับเราเป็นเพื่อนแล้วมั้ง ”



ผมไม่รู้จะพูดอย่างไร ยื่นมือไปตบไหล่มันและออกแรงบีบให้มันรู้ว่าอย่างไรซะผมก็อยู่กับมัน ไอ้แซคมันระบายเรื่องที่มันอัดอั้นในใจออกมา ผมตัดสินใจไม่เข้าเรียน ไลน์บอกกลุ่มสาวๆให้เช็คชื่อให้ผมและแซคก่อนจะจุดบุหรี่ดูด ปกติแซคมันไม่ดูดแต่คราวนี้มันกลับขอ ผมเลยยื่นมวนของตัวเองให้ มันคีบบุหรี่มือสั่น...



“ เชี่ยเอ๊ย.. ” ผมสบถ สงสารเพื่อนอย่างบอกไม่ถูก มันชอบผิดคนจริงๆ เพราะตั้งแต่ผมรู้จักคิงมา ถ้ามันบอกว่าไม่ก็คือไม่… และใครก็บังคับหรือทำให้มันเปลี่ยนใจไม่ได้



========================

ขอแจ้งว่ามีแผนรีไรท์ค่ะ สำนวนการเขียนหลุดลุ่ย ล้มระเนระนาด ปะติดปะต่อกับของเดิมยากพอสมควรเลย (แต่พล็อตยังเหมือนเดิมนะคะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงค่ะ) เราทะยอยรีไรท์แล้วและลงบางส่วนไว้ในเด็กดีด้วย ชื่อเรื่องเดิมเลยค่ะ สามารถติดตามได้อีกช่องทางนะคะ ยังไงก็... จะมาต่อให้จบแน่นอนค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2017 00:35:34 โดย cherilnatcha »

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ชอบมากเรื่องนี้
ดีใจได้อ่านต่อแล้ว

จะรออ่านต่อนะ

ออฟไลน์ cherilnatcha

  • การเดินทางของความคิด. ชาร์ลี (c)
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ตอนที่ 5
อีโก้




วันนี้ผมมารับพายที่คณะนิเทศฯ ของเธอ พายนั่งอยู่กับเพื่อนกลุ่มเดิมที่นินทาและด่าว่าเธอสาดเสียเทเสียเมื่อตอนนั้น บิ๋ม เพื่อนสนิทพายที่ไม่ออกตัวปกป้องพายโบกมือให้พาย และพายก็โบกมือตอบก่อนจะปิดประตูรถ



“ อ้าว ดีกันแล้วเหรอ ” ผมถามขึ้นทันทีที่พายเข้ามาในรถ



“ ประมาณนั้น ” เธอยักไหล่ “ บิ๋มกับคนอื่นๆขอโทษเราแล้ว เราก็ไม่รู้จะโกรธไปทำไม ”



“ เธอใจดีไปรึเปล่า ถ้าเป็นเราคงไม่มองหน้าแล้วอ่ะ ” กับผมเรื่องไม่จบง่ายๆแค่นี้แน่ ผมรู้สึกโกรธแทนพายอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเธอดีแบบนี้ ยิ่งไม่สมควรเจออะไรแย่ๆแบบนั้น “ เพื่อนกันไม่ทำอย่างงี้หรอกนะพาย ”



“ เรารู้.. ” พายถอนหายใจ เธอหันมามองผมที่ชักสีหน้าหงุดหงิดออกมาเรื่อยๆแล้วก็ยิ้ม พายยื่นมือมาจับมือผม ใช้เสียงอ่อนทำให้อารมณ์ที่กำลังจะเดือดดาลของผมเย็นลง “ แต่ยังไงนั่นก็เพื่อนเรา และเราก็หายโกรธพวกมันแล้ว เราไม่พูดเรื่องนี้กันได้มั้ย? ”



พายยิ้มแล้วทำเสียงอ้อนจนผมต้องหัวเราะออกมา และไม่นานผมก็สามารถปล่อยผ่านเรื่องที่เกิดขึ้นไปได้ ยิ่งผมรู้จักพายผมยิ่งรู้ว่าเธอเป็นคนใจเย็นและก็มีเหตุผล ไม่งี่เง่า



คราวนี้ผมว่าผมคิดถูกจริงๆที่ขอเธอเป็นแฟน



ผมพาพายไปกินข้าวและตามด้วยดูหนัง ผมเช็คโทรศัพท์ระหว่างเดินออกมาจากร้านอาหารไก่ทอดกรอบแบบเกาหลีที่พายชอบ มันทำให้ผมนึกถึงคนเกาหลีตัวจริงที่บอกว่าอาหารประเทศตัวเองไม่อร่อย (หรือที่ไอ้คิงเคยพูด มันว่าจืดชืดและไร้รสชาติเหมือนๆกันหมด คิงมันชอบอาหารไทย และที่มันชอบที่สุดคืออาหารไทยฝีมือมัม) ไอ้คิงไลน์มาหาผม และมีสองสายที่ผมไม่ได้รับ



คิง: มึงอยู่ไหน
คิง: แลกรถกับกู เดี๋ยวเอากุญแจเข้าไปให้
คิง: มึงอยู่คณะป่ะเนี่ย
คิง: Kเชา




และข้อความล่าสุดนั้นส่งมาเมื่อ 10 นาทีก่อนขณะที่ผมยังกินข้าวอยู่ ผมปล่อยมือพายที่จับกันอยู่ออก ใช้มือทั้งสองข้างพิมพ์คุยกับไอ้คิงให้รู้เรื่อง



ผม: อะไรของมึง
ผม: กูไม่อยู่ ออกมาดูหนัง
ผม: มึงจะเอารถไปทำไม




ข้อความของผมขึ้นว่าอ่านแล้วทันที ไอ้คิงไม่ตอบ มันโทรมาแทน



“ เธอเข้าโรงหนังก่อนเลย เดี๋ยวตามเข้าไป ” ผมบอกพาย



พายเลิกคิ้วแปลกใจแต่ก็ไม่ว่าอะไร เธอหยิบตั๋วหนังออกมาและฉีกหนึ่งใบส่งให้ผม ก่อนจะเดินเข้าโรงหนังคนเดียวอย่างไม่มีปัญหา พอเธอเดินไปแล้วผมถึงค่อยรับโทรศัพท์คิง



“ เออ ว่าไง ”



“ มึงอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวกูเอากุญแจมอไซค์เข้าไปแลก ”



“ ตอนนี้เลยเหรอ?” ผมว่า “ ตอนนี้ไม่ได้ กูมากับพาย ได้มอไซค์มากูจะไปส่งเขายังไง ”



“ ทำไม เมียมึงเป็นง่อยนั่งมอเตอร์ไซค์ไม่ได้รึไง?”



“ ไอ้สัส อย่าลามปาม ” ผมโมโห ผมหงุดหงิดทุกครั้งที่ไอ้คิงมันขึ้นเสียงใส่ ยิ่งมันว่าพายแบบนี้ผมยิ่งไม่ชอบใจ ปกติไอ้คิงมันมีลิมิต ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้มันไม่ชอบใจได้ถึงขนาดนี้



“ มึงเป็นเหี้ยอะไร ทำไมถึงจะเอารถขึ้นมา ”



มันก็ใช้มอเตอร์ไซค์ผมอยู่ ท่าทางมันชอบด้วย ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่มันต้องเอารถคืนไป



“ ... ” มันเงียบไปอึดใจหนึ่ง ผมคิดว่าประโยคถัดมาที่คิงพูดจะเป็นคำด่า แต่เปล่า “ กูจะไปหามัม จะได้พามัมออกไปกินข้าว ”



“ อ่อ ” จะว่าไปผมก็ไม่ได้กลับบ้านหลายอาทิตย์แล้วเหมือนกัน แต่ถ้าให้ผมกลับตอนนี้ผมคงยังไปด้วยไม่ได้ ไว้ผมค่อยไปวันอื่นก็แล้วกัน “ เออ ก็ได้ มึงมาเอาดิ ”



“ กูถึงหน้าโรงหนังแล้วกูไลน์หามึงอีกที... ” คิงพูดสั้นๆแล้วมันก็วางสายไป



ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าและเดินเข้าไปหาพายในโรง พายกำลังนั่งกินป็อปคอร์นหัวเราะคิกคักกับตัวอย่างหนังรักโรแมนติกที่ฉายอยู่ก่อนหนังเริ่ม ผมยิ้มออกมา นั่งลงข้างๆแล้วเอนหัวซบไหล่เธอ พายเหลือบสายตามามองผมเล็กน้อย เธอแกล้งยื่นแก้วน้ำมาให้หลอดทิ่มปากผม



“ โอ๊ย! ” ผมแกล้งร้อง พายตกใจ หันมากระซิบขอโทษผมใหญ่ แต่พอเธอเห็นผมหลุดยิ้มขำเธอก็้ตีแขนผมแทน



“ เชา…” เธอดุเสียงขุ่น เวลาพายทำหน้าเง้างอนแล้วดูน่ารักจนผมอดยิ้มไม่ได้ พอเธอจะโวยวายออกมาอีกผมก็รีบเอามือจุ๊ปาก



“ อย่าเอ็ดไปสิเธอ คนอื่นดูหนังอยู่…” และพอผมพูดกระซิบไปแบบนั้นผมก็ได้สายตาเคืองแกมหมั่นไส้มาจากพาย เธอตีแขนผมอีกครั้งไม่แรงนักเหมือนจะบอกว่าฝากไว้ก่อน และเราทั้งคู่ก็ลุกยืนเมื่อเพลงสรรเสริญฯดังขึ้น



โทรศัพท์ผมสั่นอยู่ในกางเกงระหว่างที่หนังฉายไปได้สิบกว่านาที ผมล้วงหยิบมันออกมาและก็เห็นเบอร์ไอ้คิงที่โทรเข้ามา ไม่กี่วินาทีมันก็ตัดสาย คงแค่ยิงมาเฉยๆ “ เธอ เดี๋ยวเรามานะ.. ” ผมบอกพายและก็ค่อยๆเดินออกมา



พอผมเดินออกมาถึงหน้าโรงแล้วผมก็มองหาคิง แต่ไม่มีวี่แววของมันรออยู่ ผมเลยโทรฯหามันแทน เสียงสัญญาณดังสองครั้งและก็มีคนรับสาย



“ ฮัลโหล ”



ซึ่งไม่ใช่คิง



“ …”



“ คิงไปเข้าห้องน้ำ ฝากโทรศัพท์ไว้กับเรา นายออกมาหน้าโรงหนังแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวเราเดินไปหา ”



ผมเงียบไปชั่วครู่ เอ่ยตอบภัทร “ อืม เรายืนอยู่ข้างหน้าเลย ” และผมก็วางสาย



ความรู้สึกหงุดหงิดเกิดขึ้นมาอีกครั้ง



ผมหมั่นไส้ไอ้ภัทรตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า และค่อยๆ สะสมมากขึ้นกลายเป็นไม่ชอบหลังจากที่ตอนนั้นมันทำไอ้คิงเสียศูนย์ ยิ่งมันกลับมา...เหมือนกับตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ไอ้คิงก็ไม่เข็ด ไม่โกรธ ไม่หือไม่อืออะไรใดๆทั้งสิ้น ยอมภัทรหมด มันทำให้ผมโมโหไอ้เหี้ยนี่มาก...โมโหจนถ้าเห็นหน้ามันผมอยากจะเข้าไปชกมัน...หลายๆ ครั้ง ให้สาสมกับที่มันเคยทำไว้



ผู้ชายตัวสูงโย่งมีลักยิ้มเดินเข้ามา มันผงกหัวและยิ้มให้ผมเล็กน้อย “ หวัดดีเชา ” เป็นรอยยิ้มที่ผมเห็นแล้วไม่เคยชอบใจสักครั้ง และผมยิ่งหงุดหงิดมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเสื้อการ์ดที่ผมสวมเวลาขี่มอเตอร์ไซค์และไอ้คิงยืมใช้พาดอยู่บนแขนมัน



ผมไม่เข้าใจว่าภัทรมันมีดีอะไร คิงมันถึงเฮิร์ทได้ขนาดนั้นตอนที่เลิกกัน และยังกล้าพาตัวเองกลับไปคบกับมัน กลับไปสู่จุดเดิมทั้งที่ไอ้เหี้ยนี่เคยทำให้มันเจ็บขนาดนั้น



สำหรับผม ภัทรแค่หน้าตาดีปานกลาง เทสต์เสื้อผ้าพอใช้ และดูติ๋มเกินกว่าที่จะเป็นแฟนคิง ผมเชื่อว่าเพื่อนผมสามารถหาแฟนได้ดีกว่านี้มาก…



“ นี่กุญแจ ” ผมพูดสั้นๆ หยิบกุญแจจากในกระเป๋ากางเกงส่งให้



“ ขอบใจ นี่ของนาย คิงฝากเราไว้แล้ว ” มันว่า ส่งเสื้อการ์ดกับกุญแจรถมอเตอร์ไซค์คืนมา “ หมวกกันน็อกเราฝากไว้ที่รับฝากของชั้นซูเปอร์นะ ส่วนป้ายฝากของอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ”



ผมพยักหน้ารับ เปิดกระเป๋าเสื้อและล้วงหยิบป้ายฝากของออกมาเช็คว่ามันอยู่ในนั้นจริงอย่างที่ไอ้ภัทรว่า ผมไม่มองหน้ามัน จนกระทั่งมันพูดขึ้น



“ นายมีอะไรกับเรารึเปล่าเชา ” น้ำเสียงของมันไม่ได้หงุดหงิดหรือกวนตีน และพอผมเงยหน้ามองมันกลับไป แววตาของไอ้เหี้ยนี่...ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าความสงสัย



“ เปล่านี่..” ผมว่า และแปลกใจพอควรที่มันกล้าถาม ภัทรมันดูน่าจะเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบมีปัญหากับใครมากกว่าถามอะไรตรงๆอย่างนี้



“ นายไม่ชอบเรา ” มันพูดและเว้นวรรค “ ถ้าเราทำอะไรให้นายไม่ชอบ เราขอโทษ ”



ผมขบฟันและกำมือแน่นขึ้น ความหมั่นไส้ในตัวมันเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าทวีคูณ มันพูดเหมือนตัวเองเป็นคนดี เหมือนกำลังเล่นบทพระเอกอยู่



“ มึงไม่ต้องเป็นคนดีก็ได้ ไอ้เหี้ยคิงไม่ได้อยู่ตรงนี้ ”



ทั้งที่ไม่มีเหตุผลอะไรที่มันต้องสนใจว่าผมคิดอย่างไรกับมัน ในเมื่อมันเองก็ไม่ได้มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกับผม… ได้ยินคำขอโทษแบบนี้แล้วผมอยากจะอ้วก



ภัทรชะงักไปเล็กน้อย มันมองผมด้วยสายตาที่ผมเห็นแล้วอยากเข้าไปชกมันสักหมัด เหมือนกับผมเป็นคนที่กำลังเข้าใจมันผิดและมันเห็นใจผม แต่ก่อนที่ผมจะเข้าไปกระชากคอเสื้อมันเข้าจริงๆไอ้คิงก็เดินมาทางนี้ ผมพ่นลมหายใจและเบนสายตาไปมองเพื่อนตัวเองที่ไม่เห็นหน้าและไม่ได้รับข้อความอะไรจากมันทั้งสิ้นเกือบอาทิตย์



ไอ้คิงหน้าบึ้ง มันคงยังโกรธผมอยู่ แต่อย่างน้อยมันก็ยังทัก แปลว่ามันไม่ได้โกรธผมขนาดนั้นแล้ว



“ ได้กุญแจยัง ” มันถาม



“ อื้อ ได้แล้ว ” ผมตอบมัน ชูกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ให้ดู



“ จะไปหามัมเหรอ ” ผมถามต่อ มองมันและมองภัทร “ สองคน?”



ไอ้คิงเม้มริมฝีปาก แต่ก็พยักหย้ารับแทนคำตอบ ผมแปลกใจและจุกอย่างบอกไม่ถูก คิงมันจะเปิด มันจะพาภัทรไปเจอกับมัม…



ไม่ได้… นั่น ‘ครองครัว’ ผม ไอ้ภัทรไม่มีสิทธิ์ไปรู้จัก



“ มึงจะบอกมัมเหรอ ”



คิงลังเล ผมรู้ได้ในทันทีว่ามันเองก็ไม่มั่นใจว่าควรจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ เพราะมันเองก็รู้ว่าปฏิกิริยามัมจะเป็นยังไง



“ มัมรับไม่ได้หรอก ”



“ …”



“ มึงก็รู้ว่ามัมไม่ยอมรับเรื่องนี้ ”



ผมรู้จักมัมมากพอๆกับคิง มัมเป็นเหมือนแม่ของเราทั้งคู่ และคิงเองก็รู้ว่าต่อให้มัมเป็นคนมีเหตุผลมากแค่ไหน… ‘เรื่องนี้’ ไม่ใช่เรื่องที่มัมยอมรับได้



มัมเป็นคนมีเหตุผล และเปิดกว้างพอสมควร แต่กรอบจารีตประเพณีบางอย่างที่มัมยึดถือยังมองว่าผู้หญิงก็ควรจะคู่กับผู้ชาย… มัมไม่ได้รังเกียจเพศที่ 3 แต่มัมก็คงไม่ยินดี ถ้าเกิดมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัว



สำหรับผม… เริ่มที่ความอยากลอง แต่ผมรู้ว่าสุดท้ายแล้วผมก็ชอบผู้หญิงอยู่ดี…



ขณะที่คิงกลับตรงกันข้าม มันไม่เคยชอบผู้หญิง






ค่ำวันเดียวกันนั้น นกยูงส่งข้อความมา สรรพนามที่นกยูงใช้เรียกผมเปลี่ยนไปหลังจากที่เธอคิดไปเองว่าผมคบกับเธอ


นกยูง: ยูไปดูหนังกัน เราอยากดูเรื่องนี้
นกยูง: (ส่งรูปแล้ว)
นกยูง: นะๆๆ เดี๋ยวเราซื้อตั๋ว




หนังที่นกยูงส่งมาคือหนังแนวผู้หญิง โรแมนติก-คอมเมดี้รอบดึก ผมเพิ่งเปิดอ่ายข้อความนกยูงหลังจากเดินไปส่งพายที่ห้องผมยังไม่ได้ตอบตกลง ไม่อยากไปเจอนกยูงเท่าไหร่



ผมลองใช้วิธีไม่พูด ไม่คุย ไม่ทัก นานๆตอบที ตอบครั้งละสั้นๆ และผมไม่เคยพูดกับนกยูงด้วยซ้ำว่าเราเป็นอะไรกัน… ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอยังไม่เก็ทสักที



ผมไม่อยากพูดตรงๆ เพราะมันก็จะเหี้ย… ไม่ต่างจากตอนเคลียร์กับน้องฟิว



แต่ถ้านกยูงยังไม่รู้ตัว ผมก็คงเลี่ยงไม่ได้



ผม: เราไม่ว่างอ่ะ
ผม:โทษทีนะ



นกยูง: อ้าววว ทำไมล่ะ



ผม: ปวดหัว
ผม: อยากนอน



นกยูง: แล้วยูเป็นอะไรมากมั้ย เดี๋ยวเราเข้าไปหา
นกยูง: ยูอยากกินอะไร เราซื้อข้าวซื้อยาเข้าไปให้



ผม: ไม่ต้องหรอก รูมเมทอยู่ มันไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวาย



นกยูง: อ้าวเหรอ… แย่จัง งี้เราก็ต้องดูหนังคนเดียวน่ะสิ
นกยูง: เราซื้อตั๋วแล้วด้วยเนี่ย ทำไงดี




อย่าโง่ได้มั้ยวะ เธอก็ชวนโอเว่น... มันตามจีบนกยูงอยู่ ท่าทางมันทำให้นกยูงได้ทุกอย่าง ไปดูหนังแค่นี้ทำไมมันจะไปให้ไม่ได้… ผมอยากบอกกับเธอตรงๆ แต่ก็ไม่ทำ เพราะรู้ว่าเธอแค่พูดไปอย่างนั้นเพราะอยากให้ผมไปด้วย นกยูงเริ่มทำตัวน่ารำคาญ.. เหมือนน้องฟิวไม่มีผิด



ผม: โทษที ปวดหัวอยากนอนจริงๆ
ผม: เราไปนอนก่อนนะ เริ่มง่วง
ผม: สงสัยยาออกฤทธิ์




ผมตัดสินใจโกหกเพื่อตัดบท นกยูงจะได้ไม่มาวุ่นวาย เธอพิมพ์อะไรต่อมาอีกผมก็ไม่มั่นใจ เพราะผมเปิดโหมดบล็อกเบอร์ ไปอาบน้ำแล้วนอนแม่ง






ตอนดึกๆผมได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง ผมงัวเงียสะลึมสะลือ



“ คิง เดินดีๆหน่อย ห้องน้ำอยู่ทางนี้… ”



ไฟห้องน้ำถูกเปิด แสงไฟลอดออกมา ไม่มากพอให้สว่างโร่แต่ก็เห็นเป็นเงาคนรางๆ ภัทรจับแขนคิงพาดบ่า มันพูดบอกกับเพื่อนผมที่เมาเละอย่างใจเย็น



“ อย่าเพิ่ง.. อดทน... ” มันยังไม่ทันพูดจบประโยคผมก็ได้ยินเสียงอ้วกเต็มสองหู ไอ้คิงคงอ้วกใส่ตัวมันไปเต็มๆ



ที่จริงคิงมันเป็นคนเมาที่ว่าง่าย เสียแต่ว่าถ้ามันอยากจะอ้วก มันก็อ้วกโดยไม่ดูว่าข้างหน้าเป็นคน, พื้น, โถส้วม, หรือกระถางต้นไม้ ผมไม่เคยโดนมันอ้วกใส่และก็ไม่อยากโดนด้วยเช่นกัน แม่งสกปรกจะตาย..



“ เลอะเต็มๆไหวมั้ยเนี่ย ”



“ อือ... ” เสียงไอ้คิงตอบ มันบ้วนน้ำลาย “ กูจะอาบน้ำ มึงไปรอข้างนอกดิ๊ ”



“ โอเค แน่นะว่าไหว ”



“ เออ ”



ไอ้ภัทรเปิดประตูห้องน้ำออกมา มันไม่ได้ใส่เสื้อ คงโดนไอ้คิงอ้วกใส่เมื่อกี้มันเลยถอดออก และเมื่อมันเห็นผมนั่งมองอยู่มืดๆบนเตียงมันก็ชะงักไป “ โทษที ทำให้ตื่นเหรอ? ”



“ เปล่า ” ผมพูดช้าๆ เสียงแหบเพราะเพิ่งตื่น “ ตื่นอยู่แล้ว เปิดไฟดิ ”



มันพยักหน้า เอื้อมมือไปที่สวิทช์ไฟและกดเปิดก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าซึ่งมีทั้งเสื้อของผมและคิงอยู่ในนั้น มันเปิดตู้ หยิบเสื้อยืดลายน่าเกลียดที่คิงเอาไว้ใส่นอนเท่านั้นออกมาสวม มันหยิบเสื้อกับกางเกงขาสั้นจากในตู้เช่นกัน ทั้งหมดนั่นมันรู้ได้ยังไงตัวไหนเป็นของคิง ตัวไหนเป็นของผม… เพราะเสื้อผ้าผมกับคิงใส่ตู้เดียวกัน และไซส์ใกล้เคียงกัน



ได้ของแล้วมันก็ปิดตู้ ไปยืนรอคิงหน้าห้องน้ำ ผมส่ายหน้า ไม่อยากสนใจพวกมันทั้งคู่ หยิบบุหรี่กับไฟแช็คไปจุดดูดที่ระเบียงคนเดียว ผมไม่อยากรู้สึกหงุดหงิดมากไปกว่านี้ เห็นแล้วมันขัดตาขัดใจไปหมด



“ มึงอิจฉาภัทรเหรอวะ ”



คิงมันเคยพูดเมื่อนานมาแล้ว ตอนที่มันยังคบกับภัทรอยู่ครั้งก่อน ช่วงนั้นผมทะเลาะกับมันบ่อยไม่ต่างจากตอนนี้เลย และมันก็เริ่มดีขึ้นหลังจากผมคบน้องฟิว ผมรู้สึกสบายใจขึ้นหลังจากมีใคร ความสนใจผมไม่ได้ไปจดจ่ออยู่ที่คิง



“ ทำไมกูต้องอิจฉามันวะ? ” นั่นเป็นสิ่งที่ผมถามกลับไป หน้าชา ทั้งโกรธและก็ไม่เข้าใจ



“ มึงคิดว่ากูด้อยกว่าเหรอ ” ตอนนั้นผมเดินเข้าไปผลักไหล่มัน



“ เพราะมึงคิดว่ากูยังชอบมึงอยู่เหรอคิง ” ผมผลักไหล่มันอีก คราวนี้แรงกว่าเดิมจนคิงมันถอยหลังไปสองก้าว “ เข้าข้างตัวเองไปรึเปล่า? ”



ไอ้คิงอึ้ง มันเงียบไม่ตอบโต้ เพราะมันไม่คิดว่าผมจะพูดความจริงข้อนี้ออกมา ความจริงที่ว่าผมเคยชอบมัน และเราไม่พูดเรื่องนี้กันมาเป็นปีๆแล้ว



“ เพราะมึงปฏิเสธกู แต่มึงไม่ปฏิเสธมัน มึงเลยคิดว่ากูจะคิดว่ากูด้อยกว่ามันเหรอวะ? ”



“ ... ”



“ ตลกแล้วคิง มึงพูดเหมือนมึงไม่รู้จักกู ”




ผมไม่เคยรู้สึกด้อยกว่าคนอื่น ไม่เคยรู้สึกไม่ภาคภูมิใจในตัวเอง ความมั่นใจของผมมันมากจนเรียกได้ว่าเป็นอีโก้ ซึ่งสำหรับผม ‘อีโก้’ ไม่ใช่สิ่งไม่ดี มันเป็นสิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้ผมทำอะไรมากขึ้น ให้ผมชอบการแข่งขัน ชอบอยู่ตรงกลางและมีเพื่อนรายล้อมรอบตัว อีโก้หรือความภาคภูมิใจในตัวเองนี้ทำให้ผมตัวใหญ่ขึ้นโดยที่ไม่ต้องไปกดขี่หรือข่มเหงใครที่ไหน



ครอบครัวผมพร้อมในแบบของผม มัมรักและดูแลผมได้ดีที่สุดจนผมไม่รู้สึกว่าการที่ป้าเป็นคนเลี้ยงดูมาและไม่มีพ่อแม่จะทำให้ผมรู้สึกขาด ผมไม่ได้ขัดสนหรือเดือดร้อนเรื่องเงิน…ผมไม่เคยลำบาก ผมชอบเล่นกีฬา และการเรียนผมก็ไม่ได้ห่วยเลย มันค่อนไปทางดีด้วยซ้ำ



ผมดูดบุหรี่เข้าไปเต็มปอดและปล่อยมันออกมาช้าๆ



“ ถ้าขนาดกูยังไม่รู้จักมึงอีกงั้นก็คงไม่มีใครแล้วล่ะเชา ”



คำพูดคิงเคยทำให้ผมจุกแค่ไหน ตอนนี้มันก็ยังเป็นอย่างนั้น… มันเคยเห็นทุกด้านในตัวผมแม้กระทั่งด้านที่แย่ที่สุดแม้แต่ผมเองก็ไม่อยากยอมรับ



“ มึงก็ยังเป็นมึง… มึงไม่เคยสนใจว่าใครจะคิดกับมึงยังไง ถ้ามึงพอใจจะทำ มึงก็จะทำ... ”



ผ่านมาแล้วเป็นปี แต่ผมยังจำทุกคำพูดของคิงได้แม่น ผมไม่เคยลืมความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนั้น



“ แต่ภัทรมันไม่ใช่ไง มันให้กู… ก่อนที่จะให้ตัวเอง... ”



ผมจุกจนพูดไม่ออก ชาทั้งใบหน้าและปลายนิ้ว ความรู้สึกผมเหมือนถูกทรยศโดยคนที่เรารักและไว้ใจ คิงมันไม่เคยรู้...ว่าคำพูดที่ตรงเกินไปของมันทำร้ายความรู้สึกผมแค่ไหน ผมแค่ไม่แสดงออก และแสดงกิริยาอย่างอื่นกลบเกลื่อนออกไป



ซึ่งสิ่งที่ผมเลือกทำก็คือการทำร้ายจิตใจมันกลับ ผมแค่นยิ้ม ผมต้องการเยาะเย้ย ต้องการถากถาง ยั่วให้มันโกรธ ให้มันโมโห



“ มึงบอกมันทำอะไรให้มึง แล้วมึงอ่ะ เคยทำอะไรให้ใครก่อนบ้างหรือเปล่า? เคยสนใจความรู้สึกคนอื่นจริงๆมั้ย ”



ผมรู้สึกเหมือนกำชัยชนะเอาไว้ในมือ สีหน้าไอ้คิงแย่ลง



“ มึงไม่เคยหรอกคิง… มึงก็เหมือนกูนี่แหละ ไม่ได้ต่างจากกูเลย ”



แววตามันแสดงความรู้สึกออกมามากเกินกว่าที่ผมต้องการ ผมควรจะพอแค่นี้… แต่อะไรบางอย่างข้างในตัวผมไม่หยุด มันยังทำต่อไปเรื่อยๆ



“ กูจะคอยดูว่าภัทรมันจะทนทำให้มึงได้มากแค่ไหน ”



ในตอนนั้นผมพูดออกไปด้วยแรงอารมณ์ ผมสะใจ พอใจที่ทำให้คิงรู้สึกแย่โดยที่ผมคิดไม่ถึงว่าหลังจากนั้นผมจะรู้สึกแย่ไม่ต่างกัน ผมได้เห็นคิงอกหักครั้งแรกในชีวิต และมันรุนแรงอย่างที่ผมคาดไม่ถึงมาก่อน…



คิดว่าอย่างมันจะเข็ด ไม่กลับไปคบกับไอ้ภัทรอีก



คิงมันไม่ใช่คนโง่ มันห่างไกลคำว่าโรแมนติกและบูชาความรักแบบคนทั่วไป...



แต่ในตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้ว… คิงมันเริ่ม ‘รู้สึก’ หรือเป็นผมที่ ‘หยาบกระด้าง’ เกินไป



ถ้าการที่ไอ้ภัทรเป็นคนดีคือคำตอบของคิง แล้วทำไมการที่น้องฟิว ซึ่งก็เป็นคนดีมากพอๆกันถึงไม่ใช่คำตอบสำหรับผม? น้องยอมผมทุกอย่าง ทุ่มเทให้กับผมเต็มที่ และยังรักถึงผมจะทำตัวเหี้ยกับเขามากแค่ไหนก็ตาม...






-----------------------------------------------------------

ครุ่นคิดหน่อยก็ดีนะนาย...  :beat:

ตอนนี้ก็จะได้เห็นความคิดเชามากขึ้นนะคะ หวังว่าเราจะถ่ายทอดออกมาได้ ระบบความคิดมันซับซ้อนน่ะค่ะ จริงๆเป็นคนอ่อนแอแต่ต้องเข้มแข็ง ต้องหยาบแต่ลึกๆก็ต้องอ่อนไหวเหมือนกัน พอกำลังจะรู้เท่าทันความคิดตัวเอง อีโก้/อัตตาสูงปรี๊ดก็จะทำงานและปกป้องตัวเอง พอเริ่มจะคิดหาคำตอบ ความ 'ช่างแม่ง' ก็จะเกิดขึ้น(เพราะลึกๆกลัวคำตอบนั่นแหละค่ะ) เขียนให้รู้หมดก็ไม่ได้อีก เพราะเล่าจากสรรพนามบุรุษที่1 :katai1:

เช่นเดิมนะคะ ขอบคุณทุกการติดตาม และขอบคุณคนอ่านขาประจำที่ยังไม่ทิ้งกันไปไหนค่ะ :กอด1: :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2017 23:54:40 โดย cherilnatcha »

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เพราะเมิงมัน "เหี้ย" ไง..เชา

"กูจะคอยดูว่าพายเค้าจะทนกับคนอย่างเมิงได้นานแค่ไหน"
หึหึ

อ่านไปอยากจะอ้วกใส่ไอ่เชาไป
แม่ง..ขยะแขยง สัดๆ

ออฟไลน์ Dark_Noah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-3
อ่านแล้วอึดอัด สงสารฟิว แต่ชื่นชมคนแต่งที่ตัวละครมีมิติมาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด