【*...สุดที่รักษ์...*】
บทที่ 09 : เพราะเราใส่ใจ 13.00 น. คือเวลาที่พนักงานแคชเชียร์กะดึกของเจคิงส์ซูเปอร์เริ่มทำงาน
อนุรักษ์รักษากฎระเบียบอย่างเคร่งครัดด้วยการมาตรงเวลาเสมอ (ยกเว้นตอนเกิดเรื่องซิปเป้ากางเกงแตก ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดียวที่เขาเข้างานเข้าสาย) ทุกครั้งพอเริ่มต้นก้าวเท้าเข้าประตูซูเปอร์ เขาจะพยายามสั่งตัวเองให้กระตือรือร้น ตั้งใจทำหน้าที่ให้คุ้มเงินเดือน
วันนี้ก็เช่นกัน เขาหยุดยืนหน้าสถานที่ทำงานอันคุ้นเคย แต่ด้วยสภาพจิตใจห่อเหี่ยว อันเนื่องมาจากเหตุผลสองประการ
หนึ่ง...วันนี้เป็นวันหยุดของเขา
สอง...แทนทีเขาจะได้นอนพักสบายๆ อยู่หอ กลับต้องรับจ็อบพาเจ้านายออกมาช็อปปิ้ง!
"เรียบร้อยรึเปล่า"
คุณชายยังคงใส่สูทเนี้ยบสมมาดนักธุรกิจ เพราะต้องไปประชุมบริษัทช่วงเช้า จึงนัดเขาให้มาเจอกันที่เจคิงส์ซูเปอร์ตอนบ่าย เพื่อรายงานสูตรอาหารสี่อย่างซึ่งใช้ผงปรุงรสต้มยำ โดยให้เวลาเขาคิด...ครึ่งวันถ้วน!
นึกย้อนไปก็เจ็บใจความพาซื่อของตนเอง
หลังออกจากร้านซูเปอร์ยายแม้น คุณชายเอ่ยทันทีว่า 'พรุ่งนี้เลิกงานแล้วให้โทรมา' แต่เขาดันเผลอตอบไปว่า 'พรุ่งนี้ผมหยุด' ...คำสั่งจากให้โทรหา จึงเปลี่ยนเป็นนัดพบตัวต่อตัว แม้เขาจะพยายามขอเลื่อนต่อเวลา แต่คุณชายยกเหตุผลว่าลูกค้าเร่งส่งปริ้นแอดแล้ว เด็กฝึกงานตำแหน่งครีเอทีฟจึงหมดโอกาสเถียง
ถึงจะรู้สึกอยุติธรรมจนน่าฟ้องกรมแรงงานเพียงไร ก็จำต้องรับผิดชอบตามหน้าที่ อนุรักษ์พยายามสะกดจิตตัวเองให้กระตือรือร้นเหมือนตอนเป็นพนักงานแคชเชียร์ ก่อนจะยื่นกระดาษสี่แผ่นส่งให้คุณชาย แล้วพรีเซนต์ราวกับร่ายวิทยานิพนธ์
"...จากหัวข้อที่ต้องใช้ผงซุปต้มยำ ผมพยายามคัดเอาเมนูที่สื่อรสชาติออกมาใกล้เคียงกับอารมณ์ในโพสอิทมากที่สุด
เริ่มจาก 'เปรี้ยว...ต้มซุปเปอร์' ผมดัดแปลงจากสูตรของยายแม้น ส่วนเหตุผลที่เข้ากับสถานการณ์ผมอธิบายไปแล้วเมื่อวาน
ถัดมา 'เผ็ด...ต้มยำทะเลผัดแห้ง' เมนูนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้น แต่เป็นการนำต้มยำที่เป็นน้ำ มาผัดให้มีความเข้มข้นเผ็ดร้อนมากขึ้น ทานเป็นกับแกล้มเหล้าเวลาเชียร์บอลกับก๊วนเพื่อนได้พอดี
ต่อไปรส 'เค็ม...ต้มยำปลากระป๋อง' ถึงในปลากระป๋องมีมะเขือเทศปนอยู่ แต่จริงๆ แล้วปลากระป๋องใส่โซเดียมค่อนข้างมาก และราคายังเหมาะกับคนกระเป๋าแห้งช่วงใกล้สิ้นเดือนที่จะต้องงกเค็มประหยัดอดออมมากกว่าปกติ
สุดท้าย 'หวาน...ข้าวไข่ข้นซอสต้มยำ' เมนูนี้ไม่ได้หวานโดด แต่รสจะนุ่มนวล ความเข้มข้นอ่อนกว่าต้มยำทั่วๆ ไป เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดี หรือเอาไว้ให้คู่รักทานตอนเดทก็กำลังเหมาะครับ"
รายละเอียดของวัตถุดิบ วิธีการทำ และรูปภาพประกอบ มีพร้อมครบถ้วน เสมือนว่าได้อาจารย์ยิ่งศักดิ์มาจับมือเขาเขียนสูตรอาหาร แต่ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เพราะคนให้สูตรเขา คืออาจารย์ผู้มีพระคุณคนเดียวกันของเด็กนักเรียนทั่วโลกชื่อ 'คุณครูกูเกิ้ล'
เพียงคลิกเดียว ข้อมูลต้มยำก็ปรากฏขึ้นกว่าหนึ่งล้านรายการ สมเป็นอาหารประจำชาติไทยที่ดังไกลไปทั่วโลก ทั้งยังมีการนำมาดัดแปลงเป็นเมนูใหม่ๆ อีกหลากหลาย
เขาเลือกจานที่ดูแล้วไม่น่าจะยุ่งยากพิสดาร ทีเหลือก็จัดการสร้างเหตุผลแถนิดแถหน่อยให้พอเข้ากับสถานการณ์ในโพสอิท เพื่อให้คุณชายยอมรับ และก็เป็นไปตามหวัง เมื่อคนตรวจส่งกระดาษคืนให้พร้อมคำสั่ง
"เดี๋ยวเธอไปซื้อวัตถุดิบตามรายการนี้มาให้ครบแล้วกัน"
เหตุผลหนึ่งที่คุณชายนัดให้เขาเจอที่เจคิงส์ซูเปอร์ ก็เพราะต้องการซื้อของแล้วให้เขากลับไปทดลองทำที่คอนโดตนเองเลย อนุรักษ์ผู้รับหน้าที่เป็นอีแจ๋วชั่วคราว จึงเดินนำคุณชายผ่านประตูเข้าไปจ่ายตลาดตามระเบียบ
ภายในเจคิงส์ซูเปอร์มีโซนอาหารค่อนข้างใหญ่พอสมควร ประกอบด้วยแผนกเบเกอรี่ แผนกผักผลไม้ แผนกเนื้อ แผนกอาหารทะเล แผนกกับข้าวปรุงสำเร็จทำวันต่อวัน แล้วยังมีตู้บรรจุอาหารแช่แข็ง และอื่นๆ อีกมากมายให้แม่บ้านยุคใหม่เลือกสรรได้ตามความพอใจ โดยไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้า ทนเหนื่อย ทนร้อนไปซื้อของในตลาดสด เพราะเราคัดวัตถุดิบคุณภาพมาให้เรียบร้อยแล้ว
...กระนั้น อนุรักษ์กลับเข็นรถใส่ของตรงไปยังแผนกอาหารแช่แข็งเป็นอันดับแรก
เจคิงส์ซูเปอร์มีของคุณภาพสดๆ น่ะใช่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปรุงมันได้ ขืนซื้อกุ้งหอยปูปลาก็ต้องเสียเวลามาปอกเปลือก ล้างหั่น เลาะก้างกันอีก ลูกผู้ชายหัดใช้มีดอย่างเขากว่าจะทำเสร็จมื้อกลางวันอาจกลายเป็นมื้อเย็น สู้ไปใช้อาหารทะเลแช่งแข็งที่แกะเนื้อพร้อมทานเลยดีกว่า สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเปลืองพลังงาน
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเครื่องสมุนไพร ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกสด ก็ไม่ต้องยากลำบากซื้อแยก เพราะเจคิงส์ซูเปอร์จัดเครื่องต้มยำแพ็คสำเร็จรูปไว้ให้พร้อม เขาแค่ซื้อส่วนประกอบอื่นๆ เพิ่ม จำพวกเห็ดฟาง มะนาว น้ำพริกเผา นมจืด ไข่ไก่ ปลากระป๋อง ยกเว้นผงปรุงรสต้มยำพระเอกของงาน เนื่องจากคุณชายบอกว่าบริษัทแบ่งสินค้าส่วนหนึ่งมาให้ทดลองอยู่ที่คอนโดแล้ว
เพียงเท่านี้ภารกิจเลือกวัตถุดิบก็เสร็จสมบูรณ์ โดยใช้เวลาแค่สิบห้านาที
อนุรักษ์มองหาเคาท์เตอร์แคชเชียร์ว่างๆ ท่ามกลางคิวคนแน่น ...ถ้าเขาทำงานอยู่แล้วเห็นสินค้าที่ตนซื้อมา คงเดาพฤติกรรมลูกค้าได้ไม่ยากเลยว่า เมนูมื้อเย็นของบ้านนี้ต้องเป็นต้มยำแน่ๆ แถมยังเป็นระดับปาร์ตี้ต้มยำหม้อใหญ่ เพราะเล่นจัดชุดเครื่องสมุนไพรมาตั้งสี่แพ็ค
ระหว่างนึกขำกับตัวเองในใจ สายตาดันไปสะดุดเข้ากับป้ายโปรโมชั่นลดราคาซื้อสองแถมหนึ่งของแชมพูยี่ห้อที่เขาใช้ เมื่อวานตอนเรียงสินค้าในสต็อกไม่เห็นมี สงสัยเพิ่งเอามาจัดเข้าชั้นตอนเช้า แชมพูที่หอเขากำลังหมดอยู่พอดีด้วย
"มีอะไร" คุณชายคงเห็นว่าเขาหยุดเข็นรถเลยหันมาถาม
"แชมพูที่ผมใช้น่ะครับ พรุ่งนี้ว่าจะมาซื้อ แต่ไม่รู้จะเหลือพอรึเปล่า"
สินค้าโปรโมชั่นมักมีจำนวนจำกัด ความจริงจะบอกให้เพื่อนพนักงานกั๊กเผื่อไว้ก็ได้ แต่วันนี้เขามาในฐานะลูกค้าธรรมดา ไม่อยากใช้สิทธิพิเศษอะไร แถมยังเกรงใจเจ้านายตนเองเพราะถือว่าเขายังอยู่ในเวลางาน
อนุรักษ์จึงเตรียมเลื่อนรถเข็นผ่าน แต่คนข้างตัวกลับหยิบแชมพูสามขวดใส่แทน
"คุณใช้แชมพูยี่ห้อนี้เหมือนกันเหรอครับ"
คิดไม่ถึงว่าคนมาดเนี้ยบจะมีนิสัยแม่บ้านชอบของแถม
"ฉันซื้อให้เธอเป็นสวัสดิการพนักงาน"
...เดี๋ยวก่อน สวัสดิการพนักงาน มันคือพวกค่าประกันสังคม ค่ารักษาพยาบาลทำนองนี้ไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นรู้เลยว่าเอเจนซี่ไทเกอร์จะครอบคลุมออกเงินให้กระทั่งค่าแชมพูสระผมของลูกน้องด้วย
เขากำลังจะทักท้วง แต่กลายเป็นว่าถูกทักตัดหน้า
"แล้วขาไก่ล่ะ"
คุณชายสังเกตเห็นความผิดปกติในรถเข็น คนซื้อรีบก้มลงตรวจวัตถุดิบแล้วก็ต้องสะดุ้ง
"เฮ้ยเกือบลืม! รอแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวผมไปเอามาให้"
นึกตำหนิความสะเพร่าของตัวเอง ...ต้มซุปเปอร์ขาดขาไก่จะเรียกต้มซุปเปอร์ได้ยังไง เขามัวคิดแค่ว่าเลือกของง่ายๆ จะได้เสร็จเร็วๆ ทำให้เผอเรอไม่ละเอียดรอบคอบ
อนุรักษ์ทิ้งรถเข็นพุ่งตรงไปยังแผนกขายเนื้อทันที โดยปล่อยให้เจ้านายยืนเฝ้า
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ร่างสูงมองลูกน้องใต้อาณัติที่เร่งสาวเท้าจนแทบจะวิ่งจากไปอย่างรีบร้อน แล้วถอนหายใจเบาๆ
สำหรับคนทั่วไปปฏิกิริยาเช่นนี้อาจบ่งบอกความระอา แต่สำหรับคนมักสวมหน้ากากน้ำแข็งเป็นประจำแล้ว เขาไม่ได้เหนื่อยหน่ายหรือตำหนิเด็กหนุ่มเลย
ตรงข้าม เหตุผลแท้จริงที่ทำให้เผลอระบายความอ่อนใจของตัวเองผ่านอากาศ คือแชมพูสามขวดในตะกร้ารถเข็นต่างหาก
...สวัสดิการพนักงาน ข้ออ้างแสนไม่เข้าท่า ทว่าเขาดันเลือกหยิบยกมาพูด หลังเห็นอีกฝ่ายจับจ้องขวดแชมพูอยู่อย่างไม่วางตา จนอดรู้สึกเอ็นดูขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
และไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาคิดเช่นนี้
คราวเมื่อยืนต่อแถวในซูเปอร์ เขาลอบสังเกตพนักงานแคชเชียร์หยิบลิปสติก Baby Kiss สี่แท่งแสกนคิดเงินด้วยท่าทางกระตือรือร้นมากกว่าปกติ แล้วพอนักศึกษากลุ่มนั้นลับตาไป ใบหน้าเกลี้ยงเกลาก็เผยรอยยิ้มกว้างที่ดูออกว่ากำลังดีใจขนาดไหน
เขาทิ้งความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นผลจากการโฆษณาไปนานแล้ว เหลือแค่เพียงว่ามันเป็นหน้าที่ ซึ่งต้องรับผิดชอบทำให้ดี เขาทำงานราวเครื่องจักร ประกอบกับบุคลิกที่แทบไม่ปฏิสัมพันธ์ต่อผู้คนรอบข้าง ทุกวันจึงแห้งแล้งเหมือนทะเลทรายขาดน้ำ
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้อนาทรร้อนใจ หากครั้นพบเด็กหนุ่มที่อ่อนกว่าสิบปี ซ้ำยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวาก็คล้ายได้ฝนโปรยพร่างพรมให้ต้นหญ้าพอชุ่มชื่น
...หรือนี่จะเป็นความแตกต่างด้านอายุ คล้ายพวกตาเฒ่าหัวงูที่ชอบให้มีเด็กสาวๆ คลอเคลียอยู่ข้างๆ กัน?
เรียวคิ้วเริ่มขมวดมุ่น เมื่อตระหนักว่าตนชักฟุ้งซ่านเกินขอบเขตอย่างที่เคยเป็นปกติ ก่อนจะเหลียวมองรอบกาย ส่งเสียงทักกลุ่มหญิงสายวัยเกือบสี่สิบซึ่งเข็นรถเดินผ่านมา
“ขอโทษนะครับ”
เหล่าแม่บ้านพากันหยุดชะงัก แทบจะตาพร่ากับเทพบุตรรูปงามในชุดสูทเสมือนท่านประธานหนุ่มแวะรอชวนเธอไปแล่นรถจากัวร์ ทานมื้อค่ำพร้อมจิบไวน์บนรูฟท็อปบาร์โรงแรมหรู
แม้เด็กรุ่นใหม่จะไฟแรงก็จริง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถลอกเลียนเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ที่ยิ่งอายุมาก ก็ยิ่งมากประสบการณ์กว่าได้เลย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แผนกขายเนื้อสดของเจคิงส์ซูเปอร์ เต็มไปด้วยทุกส่วนของ วัว หมู และไก่ มีทั้งที่แพ็คแช่เย็นไว้เรียบร้อยแล้ว และมีบริการให้ลูกค้าสามารถเลือกคีบเนื้อเอาเองปริมาณตามใจชอบ โดยพนักงานจะช่วยนำไปชั่งกิโล แปะป้ายราคาให้พร้อม
อนุรักษ์หยุดตรงชั้นวางเนื้อไก่อวบๆ แล้วร้องบอกกับพนักงานหญิงร่างท้วมใส่ผ้ากันเปื้อนและหมวกคลุมผม
"พี่อ้อย ขอขาไก่ครึ่งกิโลครับ"
เจ้าของชื่อหันมอง พอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มกว้าง
...พี่อ้อยสาวเหนืออายุยี่สิบปลายๆ เคยทำงานเป็นพนักงานแคชเชียร์กะเช้า ซึ่งเขาเคยแลกเวรกัน เพราะคำสั่งลงโทษของพี่ตาเมื่อคราวที่พี่อ้อยลาไปเฝ้าลูกชายป่วยเป็นไข้เลือดออกในโรงพยาบาล หลังจากลูกหายดี พี่อ้อยจึงเปลี่ยนมาทำแผนกเนื้อสัตว์แทน ทำให้เขาไม่ค่อยได้เจอกันเหมือนเก่า แต่ครั้นพบหน้าก็ยังทักทายอย่างสนิทสนม
"อ้าว น้องรักษ์ วันนี้เวรหยุดไม่ใช่เหรอ"
"พอดีผมมาซื้อของนิดหน่อยอ่ะครับ"
"แหม ซื้อขาไก่ยังต้องลงทุนมาซื้อถึงที่นี่เชียว ไอ้พี่ก็นึกว่าเรามาดูแม่แก้วมณีซะอีก"
"ใครครับแม่แก้วมณี"
"ก็ดาราที่เล่นเรื่องบ่วงบุพเพไง ตอนนี้ดังจะตาย เขาจะโปรโมทสินค้าอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ พี่ยังอยากไปดูเลย เขาว่าตัวจริงส๊วยสวย ผิวดี๊ดี!"
อนุรักษ์ไม่เคยติดตามละครไทย ช่วงเวลาที่ออนแอร์ตรงกับจังหวะเข้างาน ทำให้เขาไม่ค่อยสนใจวงการบันเทิงสักเท่าไร แต่ละครนี้อาจจะสนุกจริง เพราะพี่อ้อยส่งขาไก่แพ็คใส่ถุงเรียบร้อยมาให้ ระหว่างเล่าเรื่องเมามันด้วยความอิน
"นี่จะบอกให้ ดาราคนนี้เขาเล่นร้ายมากเลยนะ นังแก้วมณีรังแกแม่บุษบาซะพี่อยากเขาไปตบ อีตาท่านขุนภิรมย์ก็โง่โง๊! เห็นๆ อยู่ว่านังแก้วมันโกหกก็ยังจะไปเชื่ออีก โอยยย! คนเค้าก็รู้กันหมดทั้งประเทศแล้ว..."
"อะแฮ่ม!"
...เสียงที่คุณก็รู้ว่าใคร
คนโม้เงียบกริบเรียบรีบก้มหน้าขยันคีบจัดเรียงไก่ทันควัน ส่วนอนุรักษ์แม้ไม่อยากหันไปมองแต่ก็ต้องยกมือไหว้พี่ตา ผู้จัดการซูเปอร์ ซึ่งถามเขาพร้อมรอยยิ้มแฝงความเฮี้ยบ
"น้องรักษ์มาช่วยพี่อ้อยทำโอทีวันหยุดเหรอลูก"
"ปะ...เปล่าครับ ผมแค่มาซื้อขาไก่เฉยๆ"
เขารีบชูถุงหลักฐานประกอบว่าไม่ได้ชวนพี่อ้อยคุยในเวลางาน พอเห็นดังนั้นพี่ตาจึงเปลี่ยนท่าทีอ่อนลง
"อ้าวเหรอจ๊ะ...งั้นพี่รบกวนขอแรงน้องรักษ์มาช่วยยกป้ายสแตนดี้ไปตรงเวทีได้ไหม พนักงานคนอื่นยุ่งกันหมด นี่งานก็ใกล้จะเริ่มแล้ว พี่ต้องไปดูไฟกับเช็คซาวน์เสียงก่อน"
ใครๆ ก็บอกว่าอนุรักษ์เป็นลูกรักของพี่ตา แต่พี่ตาคงใช้หลักการ 'รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี' เขาจึงมักโดนอีกฝ่ายเรียกใช้งานบ่อยๆ อยู่เสมอ และแน่นอนถ้ามันเหลือบ่าฝ่าแรงเกินไป พ่อยอดชายพลเมืองดีก็เต็มใจบริการ ฉะนั้น แม้วันนี้จะไม่ใช่วันทำงาน เขาก็รับปากช่วย
ป้ายสแตนดี้เพิ่งเอามาลงจึงยังอยู่ด้านหลังโกดังสต็อกสินค้าของซูเปอร์ ซึ่งสามารถทะลุจากห้องใกล้ๆ กับแผนกเนื้อสัตว์ได้เลย อนุรักษ์ตั้งใจรีบไปเอา เพราะชักกังวลที่ปล่อยคุณชายให้รอนาน แล้วเขาก็พบแผ่นบอร์ดตัดขนาดเท่าคนจริง ประหนึ่งว่าดาราหญิงมายืนอยู่ตรงหน้า
...แม่แก้วมณี เป็นผู้หญิงสวยเปรี้ยว หน้าไทยดวงตาเรียวคม หุ่นสะท้านบาดใจ ในมือถือขวดครีมทาผิวแบรนด์ยอดนิยม สกรีนข้อความโฆษณาประเภทขาวกระจ่างสว่างใส
เขารีบยกสแตนดี้น้ำหนักเบาพอถือคนเดียวไหว กำลังจะเร่งเดินไปยังเวที หากบางสิ่งที่ดังมาจากบริเวณประตูโกดัง ซึ่งเปิดอยู่ติดถนนด้านหลังซูเปอร์เพื่อให้รถจอดส่งของทำให้สองขาหยุดชะงัก
"...คุณยังมีธุระอะไรอีก ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ตกลงแล้วไงคะ"
เสียงหวานเล็กๆ คุ้นหูอย่างน่าประหลาดราวกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ตามมาด้วยเสียงทุ้มที่คุ้นเคยยิ่งกว่า
"แต่คุณเล่นหนักเกินไป ทำแบบนี้ผมจะเสียหายไปด้วย"
"อย่าพูดเหมือนฉันเป็นคนผิดคนเดียวสิ คุณเองก็มีส่วนร่วมด้วยไม่ใช่เหรอคะ คุณเฮง"
ชื่อนั้นเรียกความสนใจของเขา มันจะอาจฟังดูโหล แต่ผู้ชายหน้าคมแขกหุ่นหมีที่ใช้ชื่อจีนนี้รับรองมีไม่กี่คน
ส่วนคู่สนทนาก็ถอดแบบจากสแตนดี้ที่เขากำลังหิ้วอยู่ ...แม่แก้วมณีตัวจริงผิวสวยสมเป็นพรีเซนเตอร์ครีมทาผิว ชุดสีแดงเลือดนกโชว์ส่วนเว้าโค้งขับออร่าดาราให้ผ่องเปล่งประกาย ทว่าใบหน้างามกลับขมวดคิ้วบึ้งตึง ยกมือกอดอกด้วยท่าทางหงุดหงิด
อนุรักษ์อยู่ในมุมอับถูกชั้นวางของบังไว้พอดี หากจุดที่เขายืนทำให้เห็นทั้งสองคนจากถนนด้านหลังซูเปอร์ได้ชัดเจน รวมทั้งสีหน้าเคร่งเครียดของหัวหน้าฝ่ายดูแลลูกค้าเอเจนซี่ไทเกอร์
"ผมทำแบบนั้น เพราะผมมีเหตุผลของผม"
"ฉันก็มีเหตุผลของฉันเหมือนกัน หึ! ใจจริงคุณก็ไม่ต่างฉันหรอก ฉันน่ะแค่แก้แค้นอะไรเล็กๆ น้อยๆ แต่คุณคอยหาโอกาสจ้องแทงข้างหลัง เหยียบหัวเขาเพื่อไปให้สูงกว่า จะแสร้งเป็นพ่อพระตอนนี้ก็สายไปแล้วค่ะ อีกอย่างมันก็สาสมกับสิ่งที่เขาทำกับเราสองคนแล้วนี่คะ!"
เขาชักเชื่อที่พี่อ้อยพูดชมว่าแม่แก้วมณีเล่นบทตัวร้ายได้ดี เพราะตอนนี้ดวงตาคู่สวยและน้ำเสียงหวานแหลมเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์คุกรุ่นด้วยเพลิงอารมณ์ จนคนแอบมองถึงกับขนลุก
คุณเฮงคล้ายจะโต้ตอบอะไรบางอย่าง แต่สัญญาณเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนในมือดาราคิวทองดังขัดขึ้น ปลายสายน่าจะโทรมาตาม เพราะหญิงสาวรีบแยกออกห่างจากคุณเฮงทันทีที่เห็น
"ฉันต้องไปทำงานแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ"
แม่แก้วมณีเดินกลับไปทางด้านหน้าซูเปอร์ ส่วนคุณเฮงถอนหายใจหน่ายกับผลการเจรจาธุรกิจที่ล้มเหลว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบ้างเพื่อกดโทรออกแล้วรายงาน
"ผมเองครับ เธอไม่ยอมเปลี่ยนใจ ท่านยังจะให้รอ หรือจะให้ผมเตรียมเค้กส่งไปให้เขาเลยไหมครับ..."
อนุรักษ์ไม่รู้บทสนทนาต่อจากนั้น เพราะถูกเสียงบ่นจากพนักงานซูเปอร์ด้วยกันดึงความสนใจ
"อ้าว ป้ายสแตนดี้อยู่ไหนวะ วางไว้แถวนี้นี่หว่า"
...เผลอลืมงานตัวเองเสียสนิท!
"อยู่นี่ครับพี่"
เขารีบยกป้ายให้คนมาตาม ซึ่งอาสาเอาไปหน้าเวทีแทน แล้วหิ้วขาไก่วิ่งกลับไปหาคุณชายทันที
...ขอโทษครับ ผู้จัดการเขาช่วยให้ไปยกของ ผมเลยมาช้า
คิดคำแก้ตัวไว้พร้อม ด้วยกลัวจะถูกดุที่ปล่อยให้ยืนรออยู่คนเดียว แต่ภาพที่เห็นกลายเป็นคุณชายยืนโดดเด่นอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเหล่าแม่บ้าน มิหนำซ้ำยังพูดคุยอย่างสุภาพ
"ขอบคุณนะครับที่ช่วยเฝ้ารถเข็นให้"
“อูยยย ไม่เป็นไรหรอกค่า แหม...ตอนแรกพี่ก็นึกว่าเป็นเจ้าของซูเปอร์มาตรวจงานเสียอีก แต่จะว่าไปผู้ชายทำขนมนี่หายากนะคะ เปิดร้านที่ไหนไว้จะแวะไปชิม”
คุณน้าย่างสามสิบปลายๆ เอ่ยพร้อมสายตาวิบวับ
อนุรักษ์ชักงงในสถานการณ์ ...คุณชายเนี่ยนะเปิดร้านทำขนม อะไรที่ทำให้เข้าใจผิดไปได้ขนาดนั้น และเขาก็ร้องอ้อในใจเมื่อเห็นของแปลกปลอมที่เพิ่มขึ้นใหม่ในตะกร้ารถเข็น
"นี่เอามาทำไมเหรอครับ"
ยกตราชั่งสีแดงขนาดเล็กสำหรับเบเกอรี่ขึ้นมาถาม หลังกลุ่มแม่บ้านถอนตัวออกไป คุณชายตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"ไว้ชั่งปริมาณของจะได้ทำตามสูตรถูกต้อง"
...นั่นไง คนตรงเผงเป็นไม้บรรทัดจะมีฟีลโรแมนติกทำขนมมุ้งมิ้งได้ยังไง และของที่งอกมาในตะกร้า ยังมีถ้วยตวง ช้อนตวง ให้พร้อมสรรพ ดูท่างานนี้จะไม่ง่ายอย่างที่คิด
อนุรักษ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับชะตากรรมตนเอง ก่อนเข็นรถไปจ่ายเงิน หอบหิ้วถุงใส่ของ แล้วขึ้นรถคุณชายไปแปลงร่างเป็นพ่อครัวที่คอนโด
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------